💥💥 5 แนวคิดการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้
วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด
เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ
ทุกๆท่านดังนี้ครับ
🚩1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด
สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว
แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น,
พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง
จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย
🚩2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment)
การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า
การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น
ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง
จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง
🚩3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน
จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา
จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ,
กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น
🚩4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals)
การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง
ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล
ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ
ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร
ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น
และระยะกลาง เป็นต้น
🚩5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต
(Portfoloi Monitoring and Rebalancing)
การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท
หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน
จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ
เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง
เป็นต้น
🟢ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด
ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน
ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี
ยิ่งขึ้น
#หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน
#investment #thaitimes
วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด
เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ
ทุกๆท่านดังนี้ครับ
🚩1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด
สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว
แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น,
พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง
จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย
🚩2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment)
การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า
การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น
ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง
จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง
🚩3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน
จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา
จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ,
กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น
🚩4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals)
การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง
ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล
ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ
ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร
ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น
และระยะกลาง เป็นต้น
🚩5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต
(Portfoloi Monitoring and Rebalancing)
การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท
หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน
จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ
เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง
เป็นต้น
🟢ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด
ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน
ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี
ยิ่งขึ้น
#หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน
#investment #thaitimes
💥💥 5 แนวคิดการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้
วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด
เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ
ทุกๆท่านดังนี้ครับ
🚩1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด
สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว
แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น,
พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง
จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย
🚩2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment)
การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า
การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น
ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง
จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง
🚩3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน
จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา
จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ,
กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น
🚩4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals)
การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง
ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล
ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ
ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร
ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น
และระยะกลาง เป็นต้น
🚩5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต
(Portfoloi Monitoring and Rebalancing)
การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท
หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน
จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ
เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง
เป็นต้น
🟢ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด
ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน
ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี
ยิ่งขึ้น
#หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน
#investment #thaitimes