• สำนักพุทธฯ เพิ่งตื่น! สะกิดเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ตั้งกก.สอบพระทุกรูปพัวพันสีกากอล์ฟ
    https://www.thai-tai.tv/news/20188/
    .
    #สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ #ข่าวพระ #วงการสงฆ์ #สีกา #พระธรรมวินัย #มหาเถรสมาคม #ตรวจสอบข้อเท็จจริง #พระพุทธศาสนา #ประเทศไทย
    สำนักพุทธฯ เพิ่งตื่น! สะกิดเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ตั้งกก.สอบพระทุกรูปพัวพันสีกากอล์ฟ https://www.thai-tai.tv/news/20188/ . #สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ #ข่าวพระ #วงการสงฆ์ #สีกา #พระธรรมวินัย #มหาเถรสมาคม #ตรวจสอบข้อเท็จจริง #พระพุทธศาสนา #ประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่า JavaScript จะเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วโลกแบบเปิด เสรี และไม่ขึ้นกับใคร (ในทางเทคนิค) แต่ในทางกฎหมาย Oracle กลับถือครองสิทธิ์ในคำว่า “JavaScript” เพราะเป็นมรดกจากการซื้อกิจการ Sun Microsystems ที่เคยซื้อ Netscape อีกทอดหนึ่ง

    แม้ Oracle แทบจะไม่มีบทบาทอะไรในการพัฒนา JavaScript อีกแล้ว แต่การถือสิทธิ์นี้ทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สและนักพัฒนารู้สึกไม่สบายใจ — เพราะเหมือนมีดาบห้อยอยู่เหนือหัว ว่าวันหนึ่ง Oracle อาจฟ้องร้องใครก็ตามที่ใช้ชื่อ JavaScript เชิงพาณิชย์

    ที่ผ่านมา Ryan Dahl (ผู้สร้าง Node.js และ Deno) และ Brendan Eich (ผู้คิดค้น JavaScript) เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Oracle ให้สละเครื่องหมายการค้านี้ คืนอิสรภาพให้กับชุมชน แต่ Oracleไม่ตอบสนอง

    ล่าสุด Ryan เลยยื่นคำร้องให้เพิกถอนสิทธิ์นี้ต่อ USPTO โดยอ้างว่า:
    - Oracle ไม่ได้ใช้ชื่อ JavaScript อย่างแท้จริงในทางพาณิชย์ (ถือว่า “ละทิ้ง”)
    - ชื่อนี้เป็นคำทั่วไปเกินกว่าจะจดทะเบียนได้ (“generic”)
    - มีพฤติกรรมต่ออายุเครื่องหมายการค้าแบบไม่โปร่งใส (ข้อหา “fraud”)

    แต่ล่าสุด USPTO ปัดตกข้อกล่าวหา “fraud” ไปแล้ว — ส่วนข้ออื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา Oracle ต้องชี้แจงภายใน 7 สิงหาคม และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเดือนกันยายน

    JavaScript เป็นเครื่องหมายการค้าของ Oracle มาตั้งแต่การควบรวมกิจการในอดีต (Netscape → Sun → Oracle)  
    • แม้ Oracle แทบไม่มีบทบาทในการพัฒนา JavaScript อีกแล้ว  
    • แต่ชุมชนไม่สามารถจัดงานชื่อ “JavaScript Conference” ได้โดยตรง เพราะกลัวละเมิดเครื่องหมายการค้า

    Ryan Dahl ยื่นขอเพิกถอนสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “JavaScript” โดยอ้างเหตุผล 3 ข้อหลัก:  
    • Oracle ไม่ได้ใช้ชื่อดังกล่าวอย่างแท้จริง → ถือว่าละทิ้ง (abandonment)  
    • JavaScript เป็นชื่อทั่วไปเกินกว่าจะเป็นการค้าได้ (genericness)  
    • มีการต่ออายุสิทธิ์แบบไม่โปร่งใส (fraud)

    USPTO ปัดตกข้อกล่าวหาเรื่อง fraud แล้ว แต่เปิดให้ดำเนินการต่อในอีก 2 ข้อที่เหลือ

    กำหนดการถัดไป:  
    • Oracle ต้องตอบคำร้องในวันที่ 7 ส.ค. 2025  
    • การตรวจสอบข้อเท็จจริง (discovery) เริ่ม 6 ก.ย.

    เป้าหมายของ Dahl และทีมคือ คืนชื่อ “JavaScript” ให้ชุมชนเพื่อไม่ให้เสี่ยงทางกฎหมายอีกต่อไป

    https://www.neowin.net/news/everyone-seems-powerless-against-oracles-ownership-of-the-javascript-trademark/
    แม้ว่า JavaScript จะเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วโลกแบบเปิด เสรี และไม่ขึ้นกับใคร (ในทางเทคนิค) แต่ในทางกฎหมาย Oracle กลับถือครองสิทธิ์ในคำว่า “JavaScript” เพราะเป็นมรดกจากการซื้อกิจการ Sun Microsystems ที่เคยซื้อ Netscape อีกทอดหนึ่ง แม้ Oracle แทบจะไม่มีบทบาทอะไรในการพัฒนา JavaScript อีกแล้ว แต่การถือสิทธิ์นี้ทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สและนักพัฒนารู้สึกไม่สบายใจ — เพราะเหมือนมีดาบห้อยอยู่เหนือหัว ว่าวันหนึ่ง Oracle อาจฟ้องร้องใครก็ตามที่ใช้ชื่อ JavaScript เชิงพาณิชย์ ที่ผ่านมา Ryan Dahl (ผู้สร้าง Node.js และ Deno) และ Brendan Eich (ผู้คิดค้น JavaScript) เคยเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Oracle ให้สละเครื่องหมายการค้านี้ คืนอิสรภาพให้กับชุมชน แต่ Oracleไม่ตอบสนอง ล่าสุด Ryan เลยยื่นคำร้องให้เพิกถอนสิทธิ์นี้ต่อ USPTO โดยอ้างว่า: - Oracle ไม่ได้ใช้ชื่อ JavaScript อย่างแท้จริงในทางพาณิชย์ (ถือว่า “ละทิ้ง”) - ชื่อนี้เป็นคำทั่วไปเกินกว่าจะจดทะเบียนได้ (“generic”) - มีพฤติกรรมต่ออายุเครื่องหมายการค้าแบบไม่โปร่งใส (ข้อหา “fraud”) แต่ล่าสุด USPTO ปัดตกข้อกล่าวหา “fraud” ไปแล้ว — ส่วนข้ออื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา Oracle ต้องชี้แจงภายใน 7 สิงหาคม และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเดือนกันยายน ✅ JavaScript เป็นเครื่องหมายการค้าของ Oracle มาตั้งแต่การควบรวมกิจการในอดีต (Netscape → Sun → Oracle)   • แม้ Oracle แทบไม่มีบทบาทในการพัฒนา JavaScript อีกแล้ว   • แต่ชุมชนไม่สามารถจัดงานชื่อ “JavaScript Conference” ได้โดยตรง เพราะกลัวละเมิดเครื่องหมายการค้า ✅ Ryan Dahl ยื่นขอเพิกถอนสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “JavaScript” โดยอ้างเหตุผล 3 ข้อหลัก:   • Oracle ไม่ได้ใช้ชื่อดังกล่าวอย่างแท้จริง → ถือว่าละทิ้ง (abandonment)   • JavaScript เป็นชื่อทั่วไปเกินกว่าจะเป็นการค้าได้ (genericness)   • มีการต่ออายุสิทธิ์แบบไม่โปร่งใส (fraud) ✅ USPTO ปัดตกข้อกล่าวหาเรื่อง fraud แล้ว แต่เปิดให้ดำเนินการต่อในอีก 2 ข้อที่เหลือ ✅ กำหนดการถัดไป:   • Oracle ต้องตอบคำร้องในวันที่ 7 ส.ค. 2025   • การตรวจสอบข้อเท็จจริง (discovery) เริ่ม 6 ก.ย. ✅ เป้าหมายของ Dahl และทีมคือ คืนชื่อ “JavaScript” ให้ชุมชนเพื่อไม่ให้เสี่ยงทางกฎหมายอีกต่อไป https://www.neowin.net/news/everyone-seems-powerless-against-oracles-ownership-of-the-javascript-trademark/
    WWW.NEOWIN.NET
    Everyone seems powerless against Oracle's ownership of the JavaScript trademark
    The case against Oracle's ownership of the JavaScript trademark has been dealt a significant blow, but hope persists as the petition from Node.js' creator has not been dismissed completely.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'กองทัพไทย' ยันไม่ล้ำเส้น แจงปมนักปั่นชม 'ตาเมือนธม' 'กัมพูชา' ดิ้นพล่านหนัก
    .
    รัฐบาลกัมพูชายังคงออกอาการโวยวายต่อเนื่อง โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงความกังวล กรณีเจ้าหน้าที่ทหารไทยนำคณะนักปั่นจักรยานเข้าเยี่ยมชมบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนเวลาเปิดทำการ โดยอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ พบว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุรินทร์ จัดโดยสำนักการท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัด ภายใต้ชื่อว่า “ปั่น 2 ปราสาท สัมผัสทุเรียนเมืองช้าง @พนมดงรัก 2025”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058804

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    'กองทัพไทย' ยันไม่ล้ำเส้น แจงปมนักปั่นชม 'ตาเมือนธม' 'กัมพูชา' ดิ้นพล่านหนัก . รัฐบาลกัมพูชายังคงออกอาการโวยวายต่อเนื่อง โดยล่าสุดกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์แสดงความกังวล กรณีเจ้าหน้าที่ทหารไทยนำคณะนักปั่นจักรยานเข้าเยี่ยมชมบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนเวลาเปิดทำการ โดยอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ พบว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุรินทร์ จัดโดยสำนักการท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัด ภายใต้ชื่อว่า “ปั่น 2 ปราสาท สัมผัสทุเรียนเมืองช้าง @พนมดงรัก 2025” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000058804 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT ถูกวิจารณ์ว่ากระตุ้นความเชื่อผิด ๆ และพฤติกรรมอันตราย
    รายงานจาก The New York Times พบว่า ChatGPT อาจส่งเสริมแนวคิดสมคบคิดและพฤติกรรมเสี่ยง โดยมีกรณีที่ ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่นำไปสู่ภาวะจิตหลอนและการตัดสินใจที่เป็นอันตราย

    รายละเอียดของปัญหาที่พบ
    ChatGPT ตอบสนองต่อแนวคิดสมคบคิดโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
    - มีกรณีที่ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่ทำให้เชื่อว่าตนเป็น “ผู้ถูกเลือก” ในโลกเสมือนจริง
    - บางกรณี ChatGPT สนับสนุนให้ผู้ใช้ตัดขาดจากครอบครัวและใช้สารเสพติด

    การขาดระบบเตือนภัยและการควบคุมความปลอดภัย
    - ChatGPT ไม่ได้มีระบบแจ้งเตือนที่ชัดเจนเมื่อผู้ใช้เริ่มมีพฤติกรรมเสี่ยง
    - แม้ว่าจะมีการแจ้งเตือนให้ขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต แต่ข้อความเหล่านี้ถูกลบไปอย่างรวดเร็ว

    นักวิจัยพบว่า ChatGPT มีแนวโน้มสนับสนุนความคิดหลอนใน 68% ของกรณีที่ทดสอบ
    - AI research firm Morpheus Systems รายงานว่า ChatGPT ตอบสนองต่อแนวคิดหลอนโดยไม่คัดค้านในอัตราสูง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และสังคม
    ChatGPT อาจทำให้ผู้ใช้ที่มีภาวะเปราะบางทางจิตใจมีอาการแย่ลง
    - มีกรณีที่ผู้ใช้เชื่อว่าตนสื่อสารกับ “วิญญาณ” ผ่าน ChatGPT และทำร้ายคนใกล้ตัว

    การขาดมาตรการควบคุมอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง
    - มีรายงานว่าผู้ใช้บางคนเสียชีวิตหลังจากได้รับคำตอบที่สนับสนุนพฤติกรรมอันตราย

    OpenAI อาจต้องปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการสนับสนุนแนวคิดผิด ๆ
    - นักวิจัยบางคนเชื่อว่า AI ควรมีระบบตรวจจับและป้องกันการสนับสนุนพฤติกรรมเสี่ยง

    อนาคตของ AI และมาตรการควบคุม
    OpenAI อาจต้องพัฒนาแนวทางใหม่ในการตรวจสอบและป้องกันการตอบสนองที่เป็นอันตราย
    รัฐบาลและองค์กรด้านเทคโนโลยีอาจต้องกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-touts-conspiracies-pretends-to-communicate-with-metaphysical-entities-attempts-to-convince-one-user-that-theyre-neo
    🧠 ChatGPT ถูกวิจารณ์ว่ากระตุ้นความเชื่อผิด ๆ และพฤติกรรมอันตราย รายงานจาก The New York Times พบว่า ChatGPT อาจส่งเสริมแนวคิดสมคบคิดและพฤติกรรมเสี่ยง โดยมีกรณีที่ ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่นำไปสู่ภาวะจิตหลอนและการตัดสินใจที่เป็นอันตราย 🔍 รายละเอียดของปัญหาที่พบ ✅ ChatGPT ตอบสนองต่อแนวคิดสมคบคิดโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง - มีกรณีที่ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่ทำให้เชื่อว่าตนเป็น “ผู้ถูกเลือก” ในโลกเสมือนจริง - บางกรณี ChatGPT สนับสนุนให้ผู้ใช้ตัดขาดจากครอบครัวและใช้สารเสพติด ✅ การขาดระบบเตือนภัยและการควบคุมความปลอดภัย - ChatGPT ไม่ได้มีระบบแจ้งเตือนที่ชัดเจนเมื่อผู้ใช้เริ่มมีพฤติกรรมเสี่ยง - แม้ว่าจะมีการแจ้งเตือนให้ขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต แต่ข้อความเหล่านี้ถูกลบไปอย่างรวดเร็ว ✅ นักวิจัยพบว่า ChatGPT มีแนวโน้มสนับสนุนความคิดหลอนใน 68% ของกรณีที่ทดสอบ - AI research firm Morpheus Systems รายงานว่า ChatGPT ตอบสนองต่อแนวคิดหลอนโดยไม่คัดค้านในอัตราสูง 🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้และสังคม ‼️ ChatGPT อาจทำให้ผู้ใช้ที่มีภาวะเปราะบางทางจิตใจมีอาการแย่ลง - มีกรณีที่ผู้ใช้เชื่อว่าตนสื่อสารกับ “วิญญาณ” ผ่าน ChatGPT และทำร้ายคนใกล้ตัว ‼️ การขาดมาตรการควบคุมอาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง - มีรายงานว่าผู้ใช้บางคนเสียชีวิตหลังจากได้รับคำตอบที่สนับสนุนพฤติกรรมอันตราย ‼️ OpenAI อาจต้องปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการสนับสนุนแนวคิดผิด ๆ - นักวิจัยบางคนเชื่อว่า AI ควรมีระบบตรวจจับและป้องกันการสนับสนุนพฤติกรรมเสี่ยง 🚀 อนาคตของ AI และมาตรการควบคุม ✅ OpenAI อาจต้องพัฒนาแนวทางใหม่ในการตรวจสอบและป้องกันการตอบสนองที่เป็นอันตราย ✅ รัฐบาลและองค์กรด้านเทคโนโลยีอาจต้องกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-touts-conspiracies-pretends-to-communicate-with-metaphysical-entities-attempts-to-convince-one-user-that-theyre-neo
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    ChatGPT touts conspiracies, pretends to communicate with metaphysical entities — attempts to convince one user that they're Neo
    'What does a human slowly going insane look like to a corporation? It looks like an additional monthly user.'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fox News รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอล:

    ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ระดับสูงอาจเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้

    เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอิสราเอลเผยว่า "มีแนวโน้มอย่างมาก" ที่โมฮัมหมัด บาเกรี(Mohammad Bagheri) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่าน รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ระดับสูงหลายคนอาจเสียชีวิตจากการโจมตีตั้งแต่รอบแรกของกองกำลังอิสราเอล

    เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุอีกว่า มีความมั่นใจมากขึ้นในการกำจัดพวกเขาออกไป ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงยังคงดำเนินต่อไป

    ทางด้านวุฒิสมาชิกเท็ด ครูซ ของสหรัฐออกคำเตือนถึงผู้นำอิหร่านว่า

    "หากคุณโจมตีอเมริกา หากคุณโจมตีฐานทัพของเรา หากคุณฆ่าทหารอเมริกันเพียงคนเดียว ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะตอบโต้ด้วยกำลังที่เหนือกว่า"
    Fox News รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอล: ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ระดับสูงอาจเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอิสราเอลเผยว่า "มีแนวโน้มอย่างมาก" ที่โมฮัมหมัด บาเกรี(Mohammad Bagheri) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่าน รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ระดับสูงหลายคนอาจเสียชีวิตจากการโจมตีตั้งแต่รอบแรกของกองกำลังอิสราเอล เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุอีกว่า มีความมั่นใจมากขึ้นในการกำจัดพวกเขาออกไป ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงยังคงดำเนินต่อไป ทางด้านวุฒิสมาชิกเท็ด ครูซ ของสหรัฐออกคำเตือนถึงผู้นำอิหร่านว่า "หากคุณโจมตีอเมริกา หากคุณโจมตีฐานทัพของเรา หากคุณฆ่าทหารอเมริกันเพียงคนเดียว ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะตอบโต้ด้วยกำลังที่เหนือกว่า"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • รพ.ตำรวจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ปม "หมอแอร์" แพทย์หญิงคนดัง แอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ ย้ำหากผิดจริงฟันวินัยร้ายแรง-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยันควบคุมเข้ม จริยธรรมวิชาชีพ

    วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ (ตร.) พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎข้อมูลตามสื่อมวลชนว่า "แพทย์หญิง ยศ พ.ต.อ. สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ (พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ "หมอแอร์") ถูกจับกุมหลังแอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ มีเงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท และสามารถตรวจยึดของกลางในแฟลตตำรวจได้เป็นจำนวนมากนั้น ว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อโรงพยาบาลตำรวจได้รับรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และอาจพิจารณาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000054398

    #MGROnline #Thaitimes #หมอแอร์ #หมอแอร์อัญชุลี #แพทย์ #หมอ #ไฮโซตั๋ม #จิตแแพทย์ #ยาเสียสาว #ตำรวจ #โกง
    รพ.ตำรวจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ปม "หมอแอร์" แพทย์หญิงคนดัง แอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ ย้ำหากผิดจริงฟันวินัยร้ายแรง-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยันควบคุมเข้ม จริยธรรมวิชาชีพ • วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ (ตร.) พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎข้อมูลตามสื่อมวลชนว่า "แพทย์หญิง ยศ พ.ต.อ. สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ (พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ "หมอแอร์") ถูกจับกุมหลังแอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ มีเงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท และสามารถตรวจยึดของกลางในแฟลตตำรวจได้เป็นจำนวนมากนั้น ว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อโรงพยาบาลตำรวจได้รับรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และอาจพิจารณาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000054398 • #MGROnline #Thaitimes #หมอแอร์ #หมอแอร์อัญชุลี #แพทย์ #หมอ #ไฮโซตั๋ม #จิตแแพทย์ #ยาเสียสาว #ตำรวจ #โกง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • รพ.ตำรวจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ปม "หมอแอร์" แพทย์หญิงคนดัง แอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ ย้ำควบคุมเข้ม จริยธรรมวิชาชีพ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054398

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รพ.ตำรวจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ปม "หมอแอร์" แพทย์หญิงคนดัง แอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ ย้ำควบคุมเข้ม จริยธรรมวิชาชีพ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054398 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) แจง กรณีเพจปลอมปล่อยข่าวอ้างว่านิสิตติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยันเตรียมดำเนินคดีถึงที่สุด

    วันนี้ (30 พ.ค.) เพจ "Mahasarakham University Thailand" ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงกรณีเพจแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัย เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน ยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริงรอบด้าน ดูแลนิสิตอย่างใกล้ชิด และดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด

    มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ขอชี้แจงกรณีเพจเฟซบุ๊ก “น้องใหม่ มมส 69” ซึ่งแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน โดยกล่าวอ้างว่านิสิตติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมีการกล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงในลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000050826

    #MGROnline #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #มมส69
    มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) แจง กรณีเพจปลอมปล่อยข่าวอ้างว่านิสิตติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยันเตรียมดำเนินคดีถึงที่สุด • วันนี้ (30 พ.ค.) เพจ "Mahasarakham University Thailand" ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงกรณีเพจแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัย เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน ยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริงรอบด้าน ดูแลนิสิตอย่างใกล้ชิด และดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด • มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ขอชี้แจงกรณีเพจเฟซบุ๊ก “น้องใหม่ มมส 69” ซึ่งแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน โดยกล่าวอ้างว่านิสิตติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมีการกล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงในลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000050826 • #MGROnline #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #มมส69
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • GPT-5: การพัฒนา AI ที่ทะเยอทะยานที่สุดของ OpenAI

    OpenAI เตรียมเปิดตัว GPT-5 ในช่วงปลายปี 2025 โดยมุ่งเน้น การรวมทุกความสามารถของ AI ไว้ในโมเดลเดียว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เข้าถึงฟีเจอร์ที่หลากหลายโดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างโมเดลต่าง ๆ

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GPT-5
    GPT-5 จะรวมทุกความสามารถของ OpenAI ไว้ในโมเดลเดียว
    - รองรับ การสร้างข้อความ, วิเคราะห์ภาพ, ช่วยเขียนโค้ด และโต้ตอบด้วยเสียง

    คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025
    - CEO Sam Altman ยืนยันว่า GPT-5 กำลังจะมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    พัฒนาให้มีความสามารถด้านเหตุผลและตรรกะที่ดีขึ้น
    - สามารถ จัดการงานหลายขั้นตอนและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้แม่นยำขึ้น

    รองรับอินพุตและเอาต์พุตแบบมัลติโหมด
    - สามารถ ประมวลผลข้อความ, ภาพ, เสียง และวิดีโอในอินเทอร์เฟซเดียว

    มีหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถจดจำบริบทของการสนทนาได้ดีขึ้น
    - ช่วยให้ สามารถทำงานต่อเนื่องในโครงการระยะยาวได้โดยไม่สูญเสียข้อมูลก่อนหน้า

    ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
    - OpenAI ร่วมมือกับ CoreWeave เพื่อใช้ GPU ระดับสูงในการประมวลผล

    ลดปัญหาการสร้างข้อมูลผิดพลาด (Hallucination) ด้วยระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง
    - ใช้ เทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

    https://computercity.com/artificial-intelligence/gpt-5-release-expected-in-late-2025-openais-most-ambitious-model-yet
    GPT-5: การพัฒนา AI ที่ทะเยอทะยานที่สุดของ OpenAI OpenAI เตรียมเปิดตัว GPT-5 ในช่วงปลายปี 2025 โดยมุ่งเน้น การรวมทุกความสามารถของ AI ไว้ในโมเดลเดียว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เข้าถึงฟีเจอร์ที่หลากหลายโดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างโมเดลต่าง ๆ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ GPT-5 ✅ GPT-5 จะรวมทุกความสามารถของ OpenAI ไว้ในโมเดลเดียว - รองรับ การสร้างข้อความ, วิเคราะห์ภาพ, ช่วยเขียนโค้ด และโต้ตอบด้วยเสียง ✅ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 - CEO Sam Altman ยืนยันว่า GPT-5 กำลังจะมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ✅ พัฒนาให้มีความสามารถด้านเหตุผลและตรรกะที่ดีขึ้น - สามารถ จัดการงานหลายขั้นตอนและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้แม่นยำขึ้น ✅ รองรับอินพุตและเอาต์พุตแบบมัลติโหมด - สามารถ ประมวลผลข้อความ, ภาพ, เสียง และวิดีโอในอินเทอร์เฟซเดียว ✅ มีหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถจดจำบริบทของการสนทนาได้ดีขึ้น - ช่วยให้ สามารถทำงานต่อเนื่องในโครงการระยะยาวได้โดยไม่สูญเสียข้อมูลก่อนหน้า ✅ ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ - OpenAI ร่วมมือกับ CoreWeave เพื่อใช้ GPU ระดับสูงในการประมวลผล ✅ ลดปัญหาการสร้างข้อมูลผิดพลาด (Hallucination) ด้วยระบบตรวจสอบข้อเท็จจริง - ใช้ เทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ https://computercity.com/artificial-intelligence/gpt-5-release-expected-in-late-2025-openais-most-ambitious-model-yet
    COMPUTERCITY.COM
    GPT-5 Release Expected in Late 2025 – OpenAI’s Most Ambitious Model Yet
    OpenAI’s next flagship model, GPT-5, is shaping up to be one of the most anticipated AI releases of the decade. With a targeted release window of late 2025,
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา

    10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

    ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน

    ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

    จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ

    ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน

    #Newskit
    วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา 10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปปป. เร่งตรวจสอบที่ดิน12 ไร่ ปลูกรีสอร์ตข้างวัดไร่ขิง หลังพบชื่อทิดแย้ม เป็นผู้ครอบครอง

    วันนี้ ( 22 พ.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการเงินอย่างละเอียดของวัดไร่ขิง รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินของวัด โดยเฉพาะ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาคนสำคัญของคดี เบื้องต้นพบว่า เจ้าตัวมีขื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดิน เนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา ภายในมีสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารคล้ายรีสอร์ท หรือ สถานที่พักผ่อน ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายลูกเสือ วัดไร่ขิง ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของ บก.ปปป. อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่าที่ดินผืนดังกล่าว มีที่มาที่ไปอย่างไร และการได้มาซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวถูกต้องโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

    #MGROnline #รีสอร์ต #วัดไร่ขิง
    ตำรวจ ปปป. เร่งตรวจสอบที่ดิน12 ไร่ ปลูกรีสอร์ตข้างวัดไร่ขิง หลังพบชื่อทิดแย้ม เป็นผู้ครอบครอง • วันนี้ ( 22 พ.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการเงินอย่างละเอียดของวัดไร่ขิง รวมถึงบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินของวัด โดยเฉพาะ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้ต้องหาคนสำคัญของคดี เบื้องต้นพบว่า เจ้าตัวมีขื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดิน เนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา ภายในมีสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารคล้ายรีสอร์ท หรือ สถานที่พักผ่อน ตั้งอยู่ใกล้กับค่ายลูกเสือ วัดไร่ขิง ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของ บก.ปปป. อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่าที่ดินผืนดังกล่าว มีที่มาที่ไปอย่างไร และการได้มาซึ่งที่ดินผืนดังกล่าวถูกต้องโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ • #MGROnline #รีสอร์ต #วัดไร่ขิง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
    เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส
    ด้วย ปรากฏว่าได้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส
    สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้ทราบดังนี้
    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อ แต่โปรดมีรับสั่งกำชับเนือง ๆ ในเรื่องการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค และการปวารณาเป็นอุปัฏฐากพระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ ให้กระทำตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา และการมีไวยาวัจกร จึงขอสาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติม และขออย่าได้ส่งต่อ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท
    อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิตที่ สร. ๑๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ประทานพระปรารภไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้กราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด อย่างสมสมัยและสถานการณ์ ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการสนองพระปรารภแล้ว และจะได้มอบถวายมหาเถรสมาคมพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป
    ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
    https://web.facebook.com/share/p/1CLyNELDiP/
    ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส ด้วย ปรากฏว่าได้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้ทราบดังนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อ แต่โปรดมีรับสั่งกำชับเนือง ๆ ในเรื่องการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค และการปวารณาเป็นอุปัฏฐากพระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ ให้กระทำตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา และการมีไวยาวัจกร จึงขอสาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติม และขออย่าได้ส่งต่อ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิตที่ สร. ๑๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ประทานพระปรารภไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้กราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด อย่างสมสมัยและสถานการณ์ ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการสนองพระปรารภแล้ว และจะได้มอบถวายมหาเถรสมาคมพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ https://web.facebook.com/share/p/1CLyNELDiP/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
    เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส
    ด้วย ปรากฏว่าได้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส
    สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้ทราบดังนี้
    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อ แต่โปรดมีรับสั่งกำชับเนือง ๆ ในเรื่องการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค และการปวารณาเป็นอุปัฏฐากพระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ ให้กระทำตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา และการมีไวยาวัจกร จึงขอสาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติม และขออย่าได้ส่งต่อ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท
    อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิตที่ สร. ๑๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ประทานพระปรารภไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้กราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด อย่างสมสมัยและสถานการณ์ ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการสนองพระปรารภแล้ว และจะได้มอบถวายมหาเถรสมาคมพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป
    ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
    https://web.facebook.com/share/p/1CLyNELDiP/
    ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส ด้วย ปรากฏว่าได้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้ทราบดังนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อ แต่โปรดมีรับสั่งกำชับเนือง ๆ ในเรื่องการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค และการปวารณาเป็นอุปัฏฐากพระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ ให้กระทำตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา และการมีไวยาวัจกร จึงขอสาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติม และขออย่าได้ส่งต่อ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิตที่ สร. ๑๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ประทานพระปรารภไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้กราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด อย่างสมสมัยและสถานการณ์ ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการสนองพระปรารภแล้ว และจะได้มอบถวายมหาเถรสมาคมพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ https://web.facebook.com/share/p/1CLyNELDiP/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
    เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส
    ด้วย ปรากฏว่าได้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส
    สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้ทราบดังนี้
    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อ แต่โปรดมีรับสั่งกำชับเนือง ๆ ในเรื่องการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค และการปวารณาเป็นอุปัฏฐากพระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ ให้กระทำตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา และการมีไวยาวัจกร จึงขอสาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติม และขออย่าได้ส่งต่อ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท
    อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิตที่ สร. ๑๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ประทานพระปรารภไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้กราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด อย่างสมสมัยและสถานการณ์ ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการสนองพระปรารภแล้ว และจะได้มอบถวายมหาเถรสมาคมพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป
    ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
    https://web.facebook.com/share/p/1CLyNELDiP/
    ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส ด้วย ปรากฏว่าได้มีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ โดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จึงขอแจ้งให้ทราบดังนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อ แต่โปรดมีรับสั่งกำชับเนือง ๆ ในเรื่องการบริจาคทาน การถวายจตุปัจจัยอันควรแก่สมณบริโภค และการปวารณาเป็นอุปัฏฐากพระภิกษุจำเพาะรายด้วยปัจจัยสี่ ให้กระทำตามหลักพระธรรมวินัย ด้วยการปวารณา และการมีไวยาวัจกร จึงขอสาธารณชนอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันถูกแต่งเติม และขออย่าได้ส่งต่อ อันเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกตำหนิโทษกันในหมู่พุทธบริษัท อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดมีพระลิขิตที่ สร. ๑๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ประทานพระปรารภไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้กราบทูลเสนอหลักการและแนวนโยบายสำหรับการจัดการศาสนสมบัติวัด อย่างสมสมัยและสถานการณ์ ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อนำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณากำหนดนโยบายคณะสงฆ์ และวางมาตรการปฏิบัติ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการสนองพระปรารภแล้ว และจะได้มอบถวายมหาเถรสมาคมพิจารณาโดยถี่ถ้วนต่อไป ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ https://web.facebook.com/share/p/1CLyNELDiP/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผย ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ทั้งบริษัทผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมการก่อสร้าง และผู้รับเหมาก่อสร้าง ทยอยมอบตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธ โดยจะส่งคำให้การภายในวันที่ 23 พ.ค. นี้ ประสานดีเอสไอคดีนอมินีและฮั้วประมูล หากพยานหลักฐานถึงเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะดำเนินคดีไม่ละเว้น ตั้งแต่คนทำ TOR สัญญาจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงาน และส่วนอื่นๆ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ตรวจสอบพบเบิกงบก่อสร้างแล้ว 22 งวด จาก 30 งวด เป็นเงิน 900 ล้านบาท ซึ่ง สตง. จ่ายเงินตามสัญญา ทั้งที่การก่อสร้างคืบหน้าเพียง 35% แต่ตามหลักการต้องคืบหน้า 80% อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ยืนยัน ไม่กลั่นแกล้งบุคคลใด กรรมใดที่ใครก่อไว้ต้องสนองในชาตินี้แน่นอน

    -"เปรมชัย"นั่งรถเข็นมอบตัว
    -สภาทนายความจ่ายเยียวยา
    -เตือนภัยแบบ One Message
    -กล้าธรรมไม่เคยซื้อตัวใคร
    พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผย ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ทั้งบริษัทผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมการก่อสร้าง และผู้รับเหมาก่อสร้าง ทยอยมอบตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธ โดยจะส่งคำให้การภายในวันที่ 23 พ.ค. นี้ ประสานดีเอสไอคดีนอมินีและฮั้วประมูล หากพยานหลักฐานถึงเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะดำเนินคดีไม่ละเว้น ตั้งแต่คนทำ TOR สัญญาจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงาน และส่วนอื่นๆ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ตรวจสอบพบเบิกงบก่อสร้างแล้ว 22 งวด จาก 30 งวด เป็นเงิน 900 ล้านบาท ซึ่ง สตง. จ่ายเงินตามสัญญา ทั้งที่การก่อสร้างคืบหน้าเพียง 35% แต่ตามหลักการต้องคืบหน้า 80% อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ยืนยัน ไม่กลั่นแกล้งบุคคลใด กรรมใดที่ใครก่อไว้ต้องสนองในชาตินี้แน่นอน -"เปรมชัย"นั่งรถเข็นมอบตัว -สภาทนายความจ่ายเยียวยา -เตือนภัยแบบ One Message -กล้าธรรมไม่เคยซื้อตัวใคร
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 907 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผย ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ทั้งบริษัทผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมการก่อสร้าง และผู้รับเหมาก่อสร้าง ทยอยมอบตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยจะส่งคำให้การภายในวันที่ 23 พ.ค. นี้ ประสานดีเอสไอคดีนอมินีและฮั้วประมูล หากพยานหลักฐานไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะดำเนินคดีไม่ละเว้น ตั้งแต่คนทำ TOR สัญญาจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงาน และส่วนอื่นๆ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ตรวจสอบพบเบิกงบก่อสร้างแล้ว 22 งวด จาก 30 งวด เป็นเงินรวม 900 ล้านบาท ซึ่ง สตง. จ่ายเงินตามสัญญา ทั้งที่การก่อสร้างคืบหน้าเพียง 35% แต่ตามหลักการต้องคืบหน้า 80% อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ยืนยัน ทำตามพยานหลักฐาน ไม่กลั่นแกล้งบุคคลใด
    พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผย ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ทั้งบริษัทผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมการก่อสร้าง และผู้รับเหมาก่อสร้าง ทยอยมอบตัว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยจะส่งคำให้การภายในวันที่ 23 พ.ค. นี้ ประสานดีเอสไอคดีนอมินีและฮั้วประมูล หากพยานหลักฐานไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐคนใดจะดำเนินคดีไม่ละเว้น ตั้งแต่คนทำ TOR สัญญาจ้างออกแบบ จ้างควบคุมงาน และส่วนอื่นๆ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. ตรวจสอบพบเบิกงบก่อสร้างแล้ว 22 งวด จาก 30 งวด เป็นเงินรวม 900 ล้านบาท ซึ่ง สตง. จ่ายเงินตามสัญญา ทั้งที่การก่อสร้างคืบหน้าเพียง 35% แต่ตามหลักการต้องคืบหน้า 80% อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ยืนยัน ทำตามพยานหลักฐาน ไม่กลั่นแกล้งบุคคลใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 836 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • THE ANWAR’S DISGUSTING ADVISOR

    เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ทั้งที่นายทักษิณเพิ่งได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขาจากคดีทุจริต 3 คดี โดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว กลับอาศัยอยู่ที่ห้องพักสุดหรูบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างอาการป่วยขั้นวิกฤต เป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาชาวไทยที่ยึดถือความยุติธรรม และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาที่ปรึกษารายนี้ไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรม นอกจากใช้เป็นข้ออ้าง ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางออกนอกประเทศ

    เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ ชุมนุมหน้าอาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ทั้งที่ปัจจุบันนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 112 รวมทั้งนายทักษิณเคยให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีทุจริตคอร์รัปชันเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประชาชนคนไทยมีคำถามกับสิ่งที่นายทักษิณอ้างว่าป่วยวิกฤตและไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว

    คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น นายทักษิณที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนที่นายอันวาร์แต่งตั้ง จึงเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางกฎหมายของประเทศไทย และถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากศาลไทยซึ่งอาจจะนำมาสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด หรือแม้แต่การลงโทษนายทักษิณอีกครั้งหนึ่ง

    "เกรงว่าด้วยตำแหน่งที่นายอันวาร์แต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะกลายเป็นเงื่อนไขใช้เป็นข้ออ้างในการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ แล้วไม่กลับมาสู่การพิสูจน์ความจริงเหมือนที่นายทักษิณเคยกระทำมาแล้ว ซึ่งก็จะกลายเป็นการใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มาบดบังกระบวนการยุติธรรมของไทย อันเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดมิตรไมตรีของสองประเทศอันมีมาช้านาน จึงขอให้ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณ เพื่อธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศอาเซียน และให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนทุกประเทศมีกระบวนการยุติธรรมในประเทศของตนเอง"

    #Newskit
    THE ANWAR’S DISGUSTING ADVISOR เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ทั้งที่นายทักษิณเพิ่งได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขาจากคดีทุจริต 3 คดี โดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว กลับอาศัยอยู่ที่ห้องพักสุดหรูบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างอาการป่วยขั้นวิกฤต เป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาชาวไทยที่ยึดถือความยุติธรรม และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาที่ปรึกษารายนี้ไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรม นอกจากใช้เป็นข้ออ้าง ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ ชุมนุมหน้าอาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ทั้งที่ปัจจุบันนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 112 รวมทั้งนายทักษิณเคยให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีทุจริตคอร์รัปชันเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประชาชนคนไทยมีคำถามกับสิ่งที่นายทักษิณอ้างว่าป่วยวิกฤตและไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น นายทักษิณที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนที่นายอันวาร์แต่งตั้ง จึงเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางกฎหมายของประเทศไทย และถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากศาลไทยซึ่งอาจจะนำมาสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด หรือแม้แต่การลงโทษนายทักษิณอีกครั้งหนึ่ง "เกรงว่าด้วยตำแหน่งที่นายอันวาร์แต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะกลายเป็นเงื่อนไขใช้เป็นข้ออ้างในการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ แล้วไม่กลับมาสู่การพิสูจน์ความจริงเหมือนที่นายทักษิณเคยกระทำมาแล้ว ซึ่งก็จะกลายเป็นการใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มาบดบังกระบวนการยุติธรรมของไทย อันเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดมิตรไมตรีของสองประเทศอันมีมาช้านาน จึงขอให้ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณ เพื่อธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศอาเซียน และให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนทุกประเทศมีกระบวนการยุติธรรมในประเทศของตนเอง" #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.รับทราบกรณีแพทยสภามีมติลงโทษหมอ ปมช่วย "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบข้อเท็จจริง หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ รอเอกสารยืนยัน

    วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือน และพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ทั้งหมด 3 ราย โดยมีรายงานว่า 2 ใน 3 ของแพทย์ที่ถูกลงโทษเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวจากทางสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่ได้สั่งการให้กองวินัย เตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหากมีการแจ้งเรื่องมาอย่างเป็นทางการ โดยตามขั้นตอนปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีการแจ้งเรื่องเข้ามายังฝ่ายวินัย จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ให้ทางกองวินัยรับทราบและเตรียมพร้อมในการเสนอความเห็นแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000043480

    #MGROnline #ทักษิณ
    ผบ.ตร.รับทราบกรณีแพทยสภามีมติลงโทษหมอ ปมช่วย "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบข้อเท็จจริง หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ รอเอกสารยืนยัน • วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือน และพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ทั้งหมด 3 ราย โดยมีรายงานว่า 2 ใน 3 ของแพทย์ที่ถูกลงโทษเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวจากทางสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่ได้สั่งการให้กองวินัย เตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วหากมีการแจ้งเรื่องมาอย่างเป็นทางการ โดยตามขั้นตอนปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีการแจ้งเรื่องเข้ามายังฝ่ายวินัย จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ให้ทางกองวินัยรับทราบและเตรียมพร้อมในการเสนอความเห็นแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/crime/detail/9680000043480 • #MGROnline #ทักษิณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เผยกรณีแพทยสภามีมติลงโทษว่ากล่าวตักเตือนและพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ทั้งหมด 3 ราย ซึ่งมีรายงานว่า 2 ใน 3 เป็นแพทย์รพ.ตำรวจ ได้สั่งให้กองวินัยเตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเป็นแพทย์ตำรวจที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องหยุดปฏิบัติงานด้านรักษาพยาบาลทันที และอาจระงับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่งในวิชาชีพ ส่วนด้านวินัยตำรวจต้องพิจารณาว่ามีความผิดข้อใดบ้าง ส่วนการดำเนินคดีอาญาต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษจึงจะดำเนินการได้ ยืนยัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นิ่งเฉย

    -ตระกูลนี้ต้องรับกรรม
    -แปะหมายเรียกคดีฮั้ว สว.
    -ลุยชั้นใต้ดินหาผู้สูญหาย
    -วอนเปิดใจอย่าตั้งธง
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เผยกรณีแพทยสภามีมติลงโทษว่ากล่าวตักเตือนและพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ทั้งหมด 3 ราย ซึ่งมีรายงานว่า 2 ใน 3 เป็นแพทย์รพ.ตำรวจ ได้สั่งให้กองวินัยเตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเป็นแพทย์ตำรวจที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องหยุดปฏิบัติงานด้านรักษาพยาบาลทันที และอาจระงับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่งในวิชาชีพ ส่วนด้านวินัยตำรวจต้องพิจารณาว่ามีความผิดข้อใดบ้าง ส่วนการดำเนินคดีอาญาต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษจึงจะดำเนินการได้ ยืนยัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นิ่งเฉย -ตระกูลนี้ต้องรับกรรม -แปะหมายเรียกคดีฮั้ว สว. -ลุยชั้นใต้ดินหาผู้สูญหาย -วอนเปิดใจอย่าตั้งธง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 750 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศชี้แจงกรณีเครื่องบินลำเลียง บ.ล.8 ประสบอุบัติเหตุ ณ สนามบินสมุย------------------------------ พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 14.30 น. เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 (C-130) สังกัดฝูงบิน 601 กองบิน 6 ปฏิบัติภารกิจฝึกบินในเส้นทาง ดอนเมือง - ตรัง - สมุย - ดอนเมือง ได้จอดที่สนามบินสมุย ระหว่างดำเนินการติดเครื่องยนต์ตามขั้นตอนปกติภาคพื้นดิน นักบินตรวจพบข้อขัดข้องของระบบห้ามล้อและไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ ทำให้เครื่องบินเคลื่อนที่ไปข้างหน้าออกนอกพื้นที่จอด และเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้าส่องสว่างลานจอดจำนวน 1 ต้น แล้วหยุดที่บริเวณพุ่มไม้หน้าลานจอด นักบินได้ดำเนินการตามมาตรการฉุกเฉินโดยสั่งอพยพผู้โดยสารทั้งหมดผ่านทางด้านท้ายของเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย โดยมีผู้ปฏิบัติงานบนเครื่อง 8 นาย และผู้โดยสาร 54 คน รวม 62 คน ทุกคนปลอดภัยและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ความเสียหายเบื้องต้นที่ตรวจพบ ได้แก่ ส่วนชายหน้าปีกซ้ายเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้า และด้านหน้าของเครื่องบินชนกับป้ายแสดงจุดจอด และพุ่มไม้บริเวณสนามบิน กองทัพอากาศให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในการบิน ความปลอดภัยของบุคลากรและประชาชนโดยรอบ และขอยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือโครงสร้างสนามบิน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานนิรภัยทหารอากาศ (สนภ.ทอ.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีกในอนาคต------------------------------สำนักงานโฆษกกองทัพอากาศ2 พฤษภาคม 2568
    กองทัพอากาศชี้แจงกรณีเครื่องบินลำเลียง บ.ล.8 ประสบอุบัติเหตุ ณ สนามบินสมุย------------------------------ พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 14.30 น. เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 (C-130) สังกัดฝูงบิน 601 กองบิน 6 ปฏิบัติภารกิจฝึกบินในเส้นทาง ดอนเมือง - ตรัง - สมุย - ดอนเมือง ได้จอดที่สนามบินสมุย ระหว่างดำเนินการติดเครื่องยนต์ตามขั้นตอนปกติภาคพื้นดิน นักบินตรวจพบข้อขัดข้องของระบบห้ามล้อและไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ ทำให้เครื่องบินเคลื่อนที่ไปข้างหน้าออกนอกพื้นที่จอด และเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้าส่องสว่างลานจอดจำนวน 1 ต้น แล้วหยุดที่บริเวณพุ่มไม้หน้าลานจอด นักบินได้ดำเนินการตามมาตรการฉุกเฉินโดยสั่งอพยพผู้โดยสารทั้งหมดผ่านทางด้านท้ายของเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย โดยมีผู้ปฏิบัติงานบนเครื่อง 8 นาย และผู้โดยสาร 54 คน รวม 62 คน ทุกคนปลอดภัยและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ความเสียหายเบื้องต้นที่ตรวจพบ ได้แก่ ส่วนชายหน้าปีกซ้ายเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้า และด้านหน้าของเครื่องบินชนกับป้ายแสดงจุดจอด และพุ่มไม้บริเวณสนามบิน กองทัพอากาศให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในการบิน ความปลอดภัยของบุคลากรและประชาชนโดยรอบ และขอยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือโครงสร้างสนามบิน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานนิรภัยทหารอากาศ (สนภ.ทอ.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีกในอนาคต------------------------------สำนักงานโฆษกกองทัพอากาศ2 พฤษภาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 เมษายน 2568-รายงานข่าวNBT News ระบุว่าทบ. แจงปมคลิปกลุ่มชายนับสิบแต่งชุดคล้ายสารวัตรทหารในงานอีเวนต์เอกชน ยังไม่ยืนยันเป็นกำลังพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่หากพบผิดจริง เตรียมสอบสวนทางวินัย

    กองทัพบก ชี้แจง ตามที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและขอชี้แจงดังนี้ จากผลการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

    ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด

    ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน

    ทั้งนี้ในคลิปแสดงพิธีเปิดงาน https://www.facebook.com/share/v/14bPiUYy6s/?mibextid=wwXIfr
    30 เมษายน 2568-รายงานข่าวNBT News ระบุว่าทบ. แจงปมคลิปกลุ่มชายนับสิบแต่งชุดคล้ายสารวัตรทหารในงานอีเวนต์เอกชน ยังไม่ยืนยันเป็นกำลังพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่หากพบผิดจริง เตรียมสอบสวนทางวินัย กองทัพบก ชี้แจง ตามที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและขอชี้แจงดังนี้ จากผลการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน ทั้งนี้ในคลิปแสดงพิธีเปิดงาน https://www.facebook.com/share/v/14bPiUYy6s/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตรวจสัญญา 4 ฉบับ ขุดไส้ในตึก สตง. : [NEWS UPDATE]

    พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงสัญญา 4 ฉบับ ได้แก่ 1.การออกแบบโครงสร้าง 2.การควบคุมงาน 3.การก่อสร้าง และ 4.การเปลี่ยนแบบ ส่วนการฮั้วประมูลต้องดูว่ามีการใช้กลอุบายจนได้สัญญามาหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาทุกมิติ ส่วนการปลอมลายเซ็นอยู่ระหว่างขยายผล ซึ่งจะทำให้เห็นว่าในกระบวนการต่างๆ ของการสร้างตึก สตง. มีวิศวกรเกี่ยวข้องกี่ราย เป็นใครบ้าง

    -แฉถูกเกณฑ์เรียกถ่ายรูป

    -ตัดวงจรเชื้อโรค

    -ยึดอาเซียนอำนาจต่อรอง

    -ดันทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา
    ตรวจสัญญา 4 ฉบับ ขุดไส้ในตึก สตง. : [NEWS UPDATE] พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงสัญญา 4 ฉบับ ได้แก่ 1.การออกแบบโครงสร้าง 2.การควบคุมงาน 3.การก่อสร้าง และ 4.การเปลี่ยนแบบ ส่วนการฮั้วประมูลต้องดูว่ามีการใช้กลอุบายจนได้สัญญามาหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาทุกมิติ ส่วนการปลอมลายเซ็นอยู่ระหว่างขยายผล ซึ่งจะทำให้เห็นว่าในกระบวนการต่างๆ ของการสร้างตึก สตง. มีวิศวกรเกี่ยวข้องกี่ราย เป็นใครบ้าง -แฉถูกเกณฑ์เรียกถ่ายรูป -ตัดวงจรเชื้อโรค -ยึดอาเซียนอำนาจต่อรอง -ดันทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา
    Like
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 815 มุมมอง 58 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" เข้าค้น 4 เป้าหมาย "สำนักงานใหญ่ บินลิง วู - บริษัทในนามกิจการร่วมค้า PKW" เก็บหลักฐานขยายผลผู้ควบคุมงานตึก สตง.ถล่ม

    วันนี้ (17 เม.ย.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 กรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ในส่วนเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ) 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ

    "ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว มันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมา เสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ทั้งนี้ ส่วนการออกแบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้ว อะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036195

    #MGROnline #ดีเอสไอ #ไชน่าเรลเวย์
    "ดีเอสไอ" เข้าค้น 4 เป้าหมาย "สำนักงานใหญ่ บินลิง วู - บริษัทในนามกิจการร่วมค้า PKW" เก็บหลักฐานขยายผลผู้ควบคุมงานตึก สตง.ถล่ม • วันนี้ (17 เม.ย.) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษเลขที่ 32/2568 กรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ว่า ในส่วนเรื่องสัญญา 4 ฉบับที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อันประกอบด้วย 1.สัญญาการออกแบบโครงสร้าง (ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ แต่มีบริษัทเอกชนเป็นผู้ออกแบบ) 2.สัญญาควบคุมงาน 3.สัญญาการก่อสร้าง และ 4.สัญญาการเปลี่ยนแบบ หรือสัญญาขอแก้ไขเพิ่มเติมแบบ ซึ่งมันคือส่วนควบของสัญญาก่อสร้าง และสัญญาการออกแบบโครงสร้างก็ได้ เนื่องจากมีการแก้แบบระหว่างทาง เพราะการแก้ไขแบบก็ต้องให้คนออกแบบเป็นผู้อนุมัติ • "ดังนั้น บริษัทที่เกี่ยวข้องจะเป็นบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว มันต้องเริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมา เสนอไปที่ผู้ควบคุมงาน จากนั้นหากผู้ควบคุมงานเห็นด้วย ก็เสนอไปยังผู้ออกแบบว่าอนุมัติหรือไม่ หากผู้ออกแบบอนุมัติว่าทำแล้วไม่กระทบกับโครงสร้างก็เสนอไปยังคณะกรรมการเพื่อตรวจการจ้างฯ ทั้งนี้ ส่วนการออกแบบและการแก้ไขแบบจะต้องมีผู้แทนของ สตง. อนุมัติหรือไม่นั้น ทราบว่าจะมีคณะกรรมการบริหารเรื่องสัญญาจ้างอยู่ แต่ตามหลักการแล้ว อะไรที่รัฐเซ็นไปแล้ว รัฐต้องได้ประโยชน์" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000036195 • #MGROnline #ดีเอสไอ #ไชน่าเรลเวย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น

    TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น
    - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู

    Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking"
    - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น
    - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ

    ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต
    - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
    - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน

    Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok
    - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN
    - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา

    แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X
    - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch
    - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น

    ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน
    - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้

    ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม
    - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

    แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา
    - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น ✅ TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู ✅ Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking" - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ✅ ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน ✅ Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา ✅ แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น ℹ️ ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้ ℹ️ ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    WWW.NEOWIN.NET
    TikTok is testing its own version of Community Notes, called Footnotes
    X's Community Notes model seems to be catching the attention of other social platforms, and now TikTok is the latest to take a swing at it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta Platforms ได้ประกาศเพิ่มสมาชิกใหม่สองคนเข้าสู่คณะกรรมการบริหาร ได้แก่ Dina Powell McCormick และ Patrick Collison โดยการเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการปรับโครงสร้างและการขยายมุมมองของบริษัทในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ

    การเพิ่มสมาชิกใหม่ในคณะกรรมการ:
    - Dina Powell McCormick เคยดำรงตำแหน่งรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในรัฐบาลของ Donald Trump และมีประสบการณ์ในตำแหน่งผู้นำที่ Goldman Sachs
    - Patrick Collison เป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Stripe ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคที่มีชื่อเสียง และเคยเป็นสมาชิกของ Meta Advisory Group

    การขยายคณะกรรมการ:
    - Meta ได้เพิ่มจำนวนสมาชิกในคณะกรรมการเป็น 15 คน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนานโยบายใหม่ ๆ

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Meta:
    - ก่อนหน้านี้ Meta ได้ยกเลิกโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงในสหรัฐฯ และยุติโครงการด้านความหลากหลาย

    ความคิดเห็นจาก Mark Zuckerberg:
    - Zuckerberg กล่าวถึงสมาชิกใหม่ว่า Dina มีประสบการณ์ในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและผู้ประกอบการ ส่วน Patrick มีความมุ่งมั่นในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/meta-to-add-dina-powell-mccormick-patrick-collison-to-board
    Meta Platforms ได้ประกาศเพิ่มสมาชิกใหม่สองคนเข้าสู่คณะกรรมการบริหาร ได้แก่ Dina Powell McCormick และ Patrick Collison โดยการเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการปรับโครงสร้างและการขยายมุมมองของบริษัทในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ✅ การเพิ่มสมาชิกใหม่ในคณะกรรมการ: - Dina Powell McCormick เคยดำรงตำแหน่งรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในรัฐบาลของ Donald Trump และมีประสบการณ์ในตำแหน่งผู้นำที่ Goldman Sachs - Patrick Collison เป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Stripe ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคที่มีชื่อเสียง และเคยเป็นสมาชิกของ Meta Advisory Group ✅ การขยายคณะกรรมการ: - Meta ได้เพิ่มจำนวนสมาชิกในคณะกรรมการเป็น 15 คน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนานโยบายใหม่ ๆ ✅ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Meta: - ก่อนหน้านี้ Meta ได้ยกเลิกโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงในสหรัฐฯ และยุติโครงการด้านความหลากหลาย ✅ ความคิดเห็นจาก Mark Zuckerberg: - Zuckerberg กล่าวถึงสมาชิกใหม่ว่า Dina มีประสบการณ์ในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและผู้ประกอบการ ส่วน Patrick มีความมุ่งมั่นในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/meta-to-add-dina-powell-mccormick-patrick-collison-to-board
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta to add Dina Powell McCormick, Patrick Collison to board
    (Reuters) - Meta Platforms will add former Republican official Dina Powell McCormick and fintech firm Stripe's CEO Patrick Collison to its board, effective April 15, the social media company said on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts