• ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 1
    เมื่อต้นเตือนตุลาคมนี้ (ค.ศ.2015) สื่ออิสราเอล ประเภทเกาะติดการเมืองและการทหาร ลงข่าวว่า กษัตริย์ซาลมาน ของซาอุดิอารเบีย ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และมีข่าวว่า อาจเกิดการปฏิวัติภายในซาอุดิอารเบียด้วย เป็นข่าวสั้นๆ หลังจากนั้น ไม่มีข่าวคืบหน้า ส่วนสื่อตะวันตก และอัลจาซีรา ของการ์ต้า เล็กแต่แสบ ไม่แง้มปากออกมาเลย
    ข่าวเรื่องกษัตริย์ ซาอุป่วย กับข่าวปฏิวัติซาอุนี่ สื่อต่างประเทศ เล่นกันมาเป็นระรอก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ปีนี้แล้ว เรื่องแบบนี่ไม่มีบังเอิญหรอก ครับ บทชั่วๆอย่างนี้ ไอ้ใบตองแห้งชอบใช้นัก อยู่ดีๆมีข่าวปล่อยแบบนี้ แปลว่า มันต้องมีแผนชั่วคิดอยู่ จะชั่วขนาดไหน ต้องตามกันหน่อย
    ขณะนี้ ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากการรบในซีเรีย ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ประเทศที่จะเป็นตัวแปร ที่ไม่นับทางฝั่งของรัสเซีย ที่มีอิหร่าน ซีเรียจับมือร่วมกับบางส่วนของ อิรัค บางส่วนของเยเมน และอีก 2 กองกำลังติดอาวุธ คือ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกลุ่มฮามาส แล้วซาอุดิ อารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ ที่รักๆงอนๆกับอเมริกา เป็นประเทศที่เราต้องจับตาดูดีๆ การเป็น การป่วย การป่วน การปฏิวัติ รวมถึง การ “ไป” ไม่ว่า จะเป็น “ป” ไหนของซาอุดิ อารเบีย มีความหมายกับตะวันออกกลาง กับอเมริกา และกับความเป็นไปในโลกนี้ อย่างมาก
    ซาอุดิอารเบียจะเอียง ไปทางไหน จะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องใหญ่ อเมริกาจะเดินยุทธศาสตร์แบบไหน จะปล่อยมือ หรือจะบีบให้คาที่ เป็นผลลบ หรือ ผลเป็นผลบวก กับฝ่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน
    เราคงต้องตามไปดูเรื่องในซาอุ ดิอารเบีย ย้อนหลังเสียหน่อย ย้อนไปถึงต้นปี ค.ศ.2015 นี่ น่าจะพอ ไม่ต้องย้อนกันเป็นศตวรรษ ลุงนิทานจะเล่าอะไร ต้องขอถอยย้อนหลังไปนิด รู้อดีตหน่อย จะได้เข้าใจปัจจุบัน ส่วนจะทำให้มองเห็นอนาคตไหม นั่นก็แล้วความซับซ้อนของเรื่องราว และความคมชัดของสายตาของแต่ละคนนะครับ
    จากบทความ ของนาย Bruce Riedel ซีไอเอ เก๋าเขี้ยวลาก ระดับสูง ที่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดีคลินตัน ด้านตะวันออกใกล้และเอเซียใต้ ที่เขียนเรื่องในซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา คงพอทำให้เราเข้าใจความคิดของไอ้ใบตองแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซาอุดิอารเบีย เพิ่มขึ้นบ้าง และโปรดสังเกตระยะเวลาของการเขียนบทความ กับ เวลาที่เกิดข่าวลือด้วย
    บทความเขาเริ่มว่า ซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา ในตะวันออกกลาง กำลังถึงจุดเปลี่ยนประเทศ โดยเตรียมให้คนอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาปกครอง ซึ่งนับเป็นการผลัดเปลี่ยน อย่างสำคัญเป็นประวัติการณ์
    หลังจาก การสิ้นพระชนม์ของ กษัตริย์อับดุลลา Abdullah เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ.2015 กษัตริย์ ซาลมาน Salmam bin Abdul-Aziz Al Saud น้องชายต่างมารดา วัย 79 ปี ก็ขึ้นมาครองราชย์แทน และจะเป็นคนรุ่นเก่าคนสุดท้าย ของรุ่นที่สร้างประเทศซาอุดิ อารเบีย จากประเทศจนๆ ในทะเลทราย ให้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากแหล่งน้ำมันอันมหาศาลของตัวเอง แต่ก็ยังอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว
    อนาคตของซาอุดิอารเบียจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่วอชิงตันให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากขึ้นมา ครองราชย์ กษัตริย์ซาลมาน ก็เหมือนจะพาซาอุ เดินเข้าไป “ติดหล่ม” ในสงครามกับเยเมน ที่ซาอุ ถลาเข้าไปเอง …นี่เป็นคำสรรเสริญจากใบตองแห้งคนใกล้ชิดกันนะครับ แถมด้วยคำพูดว่า นี่เป็นการยืนยัน ว่า ซาอุดิอารเบีย ยังเดินตามคำแนะนำของกลุ่มเคร่งทางศานา ที่ไม่เห็นพ้องกับการปฏิรูปประเทศ ตามที่อเมริกาบอกว่าซาอุดิอารเบียจำเป็นต้องทำ ถ้าซาอุดิ
    อารเบีย ยังอยากจะเป็นพันธมิตรที่มั่นคง กับอเมริกาต่อไป
    โห…เพื่อนรัก วิจารณ์กันแบบนี้ ขนาดผมไม่ชอบขี่อูฐ ผมยังเคืองแทนเลยนะ มันกร่าง เป็นการดูถูก และข่มขู่เขาพร้อมกันไปด้วย ไม่รู้ทนกันได้ไง
    อเมริกาบอกว่า ซาลมาน เริ่มต้นได้ไม่สวยเลย แต่ที่พอกู้หน้าได้ และที่อเมริกาต้อนรับด้วยความยินดี คือการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ คือ การเปลี่ยนตัวจากน้องชายต่างมารดา คือ เจ้าชาย มุคริน Muqrin bin Abdul-Aziz มาเป็น หลานชายชื่อ เจ้าชาย บิน นาเยฟ Muhammad bin Nayef วัย 56 ปี
    องค์รัชทายาทคนใหม่ บิน นาเยฟ หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า MBN นับเป็นเจ้ารุ่นใหม่ (รุ่นหลาน) ที่จะปกครองอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เว้นแต่จะ ซาลมานจะเปลี่ยนใจอีก ซึ่งอเมริกาบอกว่า เราขอว่า อย่าเปลี่ยนเลยนะ เพราะ MBN นี่ เป็นขวัญใจของอเมริกา ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างดีเยี่ยม ในปราบปรามผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่สมัยที่ MBN เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย จนมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเอง ซึ่งต่างกับพ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่นานมาก ก่อนส่งต่อตำแหน่งให้ลูก
    คุณพ่อ นี่ ไม่ธรรมดาเลย แม้จะมีคนบอกว่า คุณพ่อ นี่โปรอเมริกามากกว่า ราชวงศ์คนอื่นๆ แต่ คุณพ่อก็ถูกอเมริกา ขนานนามว่าเป็น ” the Black Prince” จะหมายความว่า เป็นแกะดำของราชวงค์ หรือ เป็นคนโหด หรือ เป็นคนนอกคอก ผมยังไม่รู้คำแปลของ อเมริกาในเรื่องนี้
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 1 เมื่อต้นเตือนตุลาคมนี้ (ค.ศ.2015) สื่ออิสราเอล ประเภทเกาะติดการเมืองและการทหาร ลงข่าวว่า กษัตริย์ซาลมาน ของซาอุดิอารเบีย ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และมีข่าวว่า อาจเกิดการปฏิวัติภายในซาอุดิอารเบียด้วย เป็นข่าวสั้นๆ หลังจากนั้น ไม่มีข่าวคืบหน้า ส่วนสื่อตะวันตก และอัลจาซีรา ของการ์ต้า เล็กแต่แสบ ไม่แง้มปากออกมาเลย ข่าวเรื่องกษัตริย์ ซาอุป่วย กับข่าวปฏิวัติซาอุนี่ สื่อต่างประเทศ เล่นกันมาเป็นระรอก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ปีนี้แล้ว เรื่องแบบนี่ไม่มีบังเอิญหรอก ครับ บทชั่วๆอย่างนี้ ไอ้ใบตองแห้งชอบใช้นัก อยู่ดีๆมีข่าวปล่อยแบบนี้ แปลว่า มันต้องมีแผนชั่วคิดอยู่ จะชั่วขนาดไหน ต้องตามกันหน่อย ขณะนี้ ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากการรบในซีเรีย ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ประเทศที่จะเป็นตัวแปร ที่ไม่นับทางฝั่งของรัสเซีย ที่มีอิหร่าน ซีเรียจับมือร่วมกับบางส่วนของ อิรัค บางส่วนของเยเมน และอีก 2 กองกำลังติดอาวุธ คือ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกลุ่มฮามาส แล้วซาอุดิ อารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ ที่รักๆงอนๆกับอเมริกา เป็นประเทศที่เราต้องจับตาดูดีๆ การเป็น การป่วย การป่วน การปฏิวัติ รวมถึง การ “ไป” ไม่ว่า จะเป็น “ป” ไหนของซาอุดิ อารเบีย มีความหมายกับตะวันออกกลาง กับอเมริกา และกับความเป็นไปในโลกนี้ อย่างมาก ซาอุดิอารเบียจะเอียง ไปทางไหน จะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องใหญ่ อเมริกาจะเดินยุทธศาสตร์แบบไหน จะปล่อยมือ หรือจะบีบให้คาที่ เป็นผลลบ หรือ ผลเป็นผลบวก กับฝ่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน เราคงต้องตามไปดูเรื่องในซาอุ ดิอารเบีย ย้อนหลังเสียหน่อย ย้อนไปถึงต้นปี ค.ศ.2015 นี่ น่าจะพอ ไม่ต้องย้อนกันเป็นศตวรรษ ลุงนิทานจะเล่าอะไร ต้องขอถอยย้อนหลังไปนิด รู้อดีตหน่อย จะได้เข้าใจปัจจุบัน ส่วนจะทำให้มองเห็นอนาคตไหม นั่นก็แล้วความซับซ้อนของเรื่องราว และความคมชัดของสายตาของแต่ละคนนะครับ จากบทความ ของนาย Bruce Riedel ซีไอเอ เก๋าเขี้ยวลาก ระดับสูง ที่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดีคลินตัน ด้านตะวันออกใกล้และเอเซียใต้ ที่เขียนเรื่องในซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา คงพอทำให้เราเข้าใจความคิดของไอ้ใบตองแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซาอุดิอารเบีย เพิ่มขึ้นบ้าง และโปรดสังเกตระยะเวลาของการเขียนบทความ กับ เวลาที่เกิดข่าวลือด้วย บทความเขาเริ่มว่า ซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา ในตะวันออกกลาง กำลังถึงจุดเปลี่ยนประเทศ โดยเตรียมให้คนอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาปกครอง ซึ่งนับเป็นการผลัดเปลี่ยน อย่างสำคัญเป็นประวัติการณ์ หลังจาก การสิ้นพระชนม์ของ กษัตริย์อับดุลลา Abdullah เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ.2015 กษัตริย์ ซาลมาน Salmam bin Abdul-Aziz Al Saud น้องชายต่างมารดา วัย 79 ปี ก็ขึ้นมาครองราชย์แทน และจะเป็นคนรุ่นเก่าคนสุดท้าย ของรุ่นที่สร้างประเทศซาอุดิ อารเบีย จากประเทศจนๆ ในทะเลทราย ให้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากแหล่งน้ำมันอันมหาศาลของตัวเอง แต่ก็ยังอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว อนาคตของซาอุดิอารเบียจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่วอชิงตันให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากขึ้นมา ครองราชย์ กษัตริย์ซาลมาน ก็เหมือนจะพาซาอุ เดินเข้าไป “ติดหล่ม” ในสงครามกับเยเมน ที่ซาอุ ถลาเข้าไปเอง …นี่เป็นคำสรรเสริญจากใบตองแห้งคนใกล้ชิดกันนะครับ แถมด้วยคำพูดว่า นี่เป็นการยืนยัน ว่า ซาอุดิอารเบีย ยังเดินตามคำแนะนำของกลุ่มเคร่งทางศานา ที่ไม่เห็นพ้องกับการปฏิรูปประเทศ ตามที่อเมริกาบอกว่าซาอุดิอารเบียจำเป็นต้องทำ ถ้าซาอุดิ อารเบีย ยังอยากจะเป็นพันธมิตรที่มั่นคง กับอเมริกาต่อไป โห…เพื่อนรัก วิจารณ์กันแบบนี้ ขนาดผมไม่ชอบขี่อูฐ ผมยังเคืองแทนเลยนะ มันกร่าง เป็นการดูถูก และข่มขู่เขาพร้อมกันไปด้วย ไม่รู้ทนกันได้ไง อเมริกาบอกว่า ซาลมาน เริ่มต้นได้ไม่สวยเลย แต่ที่พอกู้หน้าได้ และที่อเมริกาต้อนรับด้วยความยินดี คือการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ คือ การเปลี่ยนตัวจากน้องชายต่างมารดา คือ เจ้าชาย มุคริน Muqrin bin Abdul-Aziz มาเป็น หลานชายชื่อ เจ้าชาย บิน นาเยฟ Muhammad bin Nayef วัย 56 ปี องค์รัชทายาทคนใหม่ บิน นาเยฟ หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า MBN นับเป็นเจ้ารุ่นใหม่ (รุ่นหลาน) ที่จะปกครองอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เว้นแต่จะ ซาลมานจะเปลี่ยนใจอีก ซึ่งอเมริกาบอกว่า เราขอว่า อย่าเปลี่ยนเลยนะ เพราะ MBN นี่ เป็นขวัญใจของอเมริกา ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างดีเยี่ยม ในปราบปรามผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่สมัยที่ MBN เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย จนมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเอง ซึ่งต่างกับพ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่นานมาก ก่อนส่งต่อตำแหน่งให้ลูก คุณพ่อ นี่ ไม่ธรรมดาเลย แม้จะมีคนบอกว่า คุณพ่อ นี่โปรอเมริกามากกว่า ราชวงศ์คนอื่นๆ แต่ คุณพ่อก็ถูกอเมริกา ขนานนามว่าเป็น ” the Black Prince” จะหมายความว่า เป็นแกะดำของราชวงค์ หรือ เป็นคนโหด หรือ เป็นคนนอกคอก ผมยังไม่รู้คำแปลของ อเมริกาในเรื่องนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • กองทัพเรือเปิดเผยสถานการณ์ความตึงเครียดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดตราด พบกัมพูชาเพิ่มกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมขุดคูเลตและสร้างบังเกอร์คอนกรีตใต้ดินบริเวณบ้าน 3 หลัง อำเภอชำราก ใช้เป็นที่มั่นทางทหารและฐานยิงอาวุธสนับสนุนข้ามแดน
    .
    นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า โครงสร้างใต้ดินดังกล่าวเป็นภัยคุกคาม ทำให้ไม่สามารถนำกำลังทหารราบนาวิกโยธินเข้ายึดพื้นที่ได้โดยตรง กองทัพจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องบิน F-16 เข้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เพื่อเปิดทางให้กำลังนาวิกโยธินควบคุมพื้นที่อย่างปลอดภัย
    .
    รายงานข่าวกรองยังพบว่า กัมพูชาได้เสริมกำลังทหารในพื้นที่จันทบุรีและตราด ทั้งบริเวณด่านผักกาด บ้านหนองลีบน และแนวชายแดนใกล้เคียง สะท้อนเจตนาสร้างแรงกดดันและภัยคุกคามต่ออธิปไตยไทย
    .
    กองทัพยืนยันจะดำรงการปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความพร้อมของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ที่ทำงานเต็มกำลังเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ
    .
    อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119497
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพเรือ #F16 #นาวิกโยธิน #ตราด #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    กองทัพเรือเปิดเผยสถานการณ์ความตึงเครียดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดตราด พบกัมพูชาเพิ่มกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมขุดคูเลตและสร้างบังเกอร์คอนกรีตใต้ดินบริเวณบ้าน 3 หลัง อำเภอชำราก ใช้เป็นที่มั่นทางทหารและฐานยิงอาวุธสนับสนุนข้ามแดน . นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า โครงสร้างใต้ดินดังกล่าวเป็นภัยคุกคาม ทำให้ไม่สามารถนำกำลังทหารราบนาวิกโยธินเข้ายึดพื้นที่ได้โดยตรง กองทัพจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องบิน F-16 เข้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เพื่อเปิดทางให้กำลังนาวิกโยธินควบคุมพื้นที่อย่างปลอดภัย . รายงานข่าวกรองยังพบว่า กัมพูชาได้เสริมกำลังทหารในพื้นที่จันทบุรีและตราด ทั้งบริเวณด่านผักกาด บ้านหนองลีบน และแนวชายแดนใกล้เคียง สะท้อนเจตนาสร้างแรงกดดันและภัยคุกคามต่ออธิปไตยไทย . กองทัพยืนยันจะดำรงการปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความพร้อมของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ที่ทำงานเต็มกำลังเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ . อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119497 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพเรือ #F16 #นาวิกโยธิน #ตราด #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • การเปิดโปงการใช้ Palantir ในปฏิบัติการ

    บทความนี้เปิดเผยว่าอิสราเอลมีการใช้เทคโนโลยีของ Palantir ในการโจมตีด้วยเพจเจอร์ที่เกิดขึ้นในเลบานอน ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในปฏิบัติการทางทหารและความมั่นคง

    รายงานจากสำนักข่าวอิสระระบุว่าอิสราเอลได้ใช้แพลตฟอร์มของ Palantir Technologies ในการวิเคราะห์ข้อมูลและประสานงานการโจมตีด้วยเพจเจอร์ที่ถูกฝังระเบิดในเลบานอน เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจในระดับนานาชาติ เพราะ Palantir มักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือด้านข่าวกรองและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ไม่ใช่เครื่องมือที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการโจมตีทางกายภาพ

    ผลกระทบต่อความมั่นคงและการเมือง
    การเปิดเผยดังกล่าวทำให้เกิดคำถามถึงบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีเอกชนในปฏิบัติการทางทหาร โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อพลเรือนและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง นักวิจารณ์บางส่วนชี้ว่าการใช้ซอฟต์แวร์ลักษณะนี้อาจทำให้เส้นแบ่งระหว่างการป้องกันและการโจมตีเลือนรางลง

    มุมมองจากนานาชาติ
    หลายองค์กรสิทธิมนุษยชนและนักวิชาการด้านความมั่นคงได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีของ Palantir ในปฏิบัติการดังกล่าว โดยมองว่าการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการโจมตีอาจเข้าข่ายละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และอาจสร้างบรรทัดฐานที่อันตรายต่อการใช้เทคโนโลยีในสงครามยุคใหม่

    ความหมายต่ออนาคตของเทคโนโลยีและสงคราม
    กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายใหม่ในโลกที่เทคโนโลยีข้อมูลและ AI ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการทางทหาร การขาดกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนอาจทำให้บริษัทเอกชนมีบทบาทมากขึ้นในสงคราม ซึ่งอาจนำไปสู่การถกเถียงระดับโลกเกี่ยวกับจริยธรรมและความรับผิดชอบของผู้พัฒนาเทคโนโลยี

    สรุปสาระสำคัญ
    อิสราเอลถูกเปิดโปงว่าใช้เทคโนโลยี Palantir ในการโจมตีด้วยเพจเจอร์ในเลบานอน
    Palantir เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการทางทหาร

    การเปิดเผยสร้างข้อถกเถียงเรื่องบทบาทบริษัทเทคโนโลยีเอกชน
    เส้นแบ่งระหว่างการป้องกันและการโจมตีเริ่มไม่ชัดเจน

    องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีนี้
    อาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

    การใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการโจมตีอาจสร้างบรรทัดฐานที่อันตราย
    เสี่ยงต่อการนำเทคโนโลยีไปใช้ในสงครามโดยไม่มีกรอบกำกับดูแล

    หากไม่มีการควบคุม บริษัทเอกชนอาจมีบทบาทมากขึ้นในสงครามยุคใหม่
    อาจนำไปสู่การละเมิดจริยธรรมและความรับผิดชอบของผู้พัฒนาเทคโนโลยี

    https://the307.substack.com/p/revealed-israel-used-palantir-technologies
    🔎 การเปิดโปงการใช้ Palantir ในปฏิบัติการ บทความนี้เปิดเผยว่าอิสราเอลมีการใช้เทคโนโลยีของ Palantir ในการโจมตีด้วยเพจเจอร์ที่เกิดขึ้นในเลบานอน ซึ่งทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในปฏิบัติการทางทหารและความมั่นคง รายงานจากสำนักข่าวอิสระระบุว่าอิสราเอลได้ใช้แพลตฟอร์มของ Palantir Technologies ในการวิเคราะห์ข้อมูลและประสานงานการโจมตีด้วยเพจเจอร์ที่ถูกฝังระเบิดในเลบานอน เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจในระดับนานาชาติ เพราะ Palantir มักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือด้านข่าวกรองและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ไม่ใช่เครื่องมือที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการโจมตีทางกายภาพ ⚔️ ผลกระทบต่อความมั่นคงและการเมือง การเปิดเผยดังกล่าวทำให้เกิดคำถามถึงบทบาทของบริษัทเทคโนโลยีเอกชนในปฏิบัติการทางทหาร โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อพลเรือนและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง นักวิจารณ์บางส่วนชี้ว่าการใช้ซอฟต์แวร์ลักษณะนี้อาจทำให้เส้นแบ่งระหว่างการป้องกันและการโจมตีเลือนรางลง 🌐 มุมมองจากนานาชาติ หลายองค์กรสิทธิมนุษยชนและนักวิชาการด้านความมั่นคงได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีของ Palantir ในปฏิบัติการดังกล่าว โดยมองว่าการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการโจมตีอาจเข้าข่ายละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และอาจสร้างบรรทัดฐานที่อันตรายต่อการใช้เทคโนโลยีในสงครามยุคใหม่ 🧩 ความหมายต่ออนาคตของเทคโนโลยีและสงคราม กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายใหม่ในโลกที่เทคโนโลยีข้อมูลและ AI ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการทางทหาร การขาดกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนอาจทำให้บริษัทเอกชนมีบทบาทมากขึ้นในสงคราม ซึ่งอาจนำไปสู่การถกเถียงระดับโลกเกี่ยวกับจริยธรรมและความรับผิดชอบของผู้พัฒนาเทคโนโลยี 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ อิสราเอลถูกเปิดโปงว่าใช้เทคโนโลยี Palantir ในการโจมตีด้วยเพจเจอร์ในเลบานอน ➡️ Palantir เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการทางทหาร ✅ การเปิดเผยสร้างข้อถกเถียงเรื่องบทบาทบริษัทเทคโนโลยีเอกชน ➡️ เส้นแบ่งระหว่างการป้องกันและการโจมตีเริ่มไม่ชัดเจน ✅ องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีนี้ ➡️ อาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ‼️ การใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการโจมตีอาจสร้างบรรทัดฐานที่อันตราย ⛔ เสี่ยงต่อการนำเทคโนโลยีไปใช้ในสงครามโดยไม่มีกรอบกำกับดูแล ‼️ หากไม่มีการควบคุม บริษัทเอกชนอาจมีบทบาทมากขึ้นในสงครามยุคใหม่ ⛔ อาจนำไปสู่การละเมิดจริยธรรมและความรับผิดชอบของผู้พัฒนาเทคโนโลยี https://the307.substack.com/p/revealed-israel-used-palantir-technologies
    THE307.SUBSTACK.COM
    Revealed: Israel Used Palantir Technologies In Pager Terrorist Attack In Lebanon.
    A New Book Quietly Reveals That Israel Used Palantir In It's Terrorist Attack On Lebanon.
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • "ASML ถูกวิจารณ์หนักหลังขาย DUV ให้จีน"

    บริษัท ASML ผู้ผลิตเครื่องจักรโฟโตลิทอกราฟีรายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญแรงกดดัน หลังมีรายงานว่าขายเครื่อง Deep Ultraviolet (DUV) ให้กับบริษัทจีนที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพ . แม้ ASML จะยืนยันว่าเครื่องจักรเหล่านี้เป็น เทคโนโลยีเก่า ไม่สามารถผลิตชิปขั้นสูงได้ แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จะช่วยจีนพัฒนาโครงการด้านควอนตัมและการทหาร .

    มุมมองรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญ
    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่า ไม่ใช่ทุกส่วนของเครื่องจักรจะอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออก ทำให้ ASML ไม่ผิดกฎหมาย . อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจาก RAND Europa และผู้เชี่ยวชาญด้านจีนเตือนว่า บางชิ้นส่วนที่ขายไปมีความสำคัญต่อการทำงานของเครื่องจักร และควรอยู่ภายใต้การควบคุม . ข้อถกเถียงนี้สะท้อนถึงช่องโหว่ในนโยบายการควบคุมเทคโนโลยีขั้นสูง .

    ความเสี่ยงด้านควอนตัมและการทหาร
    หนึ่งในประเด็นที่น่ากังวลคือการที่เครื่องจักรถูกส่งไปยัง Shenzhen International Quantum Academy ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาควอนตัมของจีน . หน่วยข่าวกรองทหารเนเธอร์แลนด์เคยเตือนว่า การพัฒนาควอนตัมของจีนอาจมีผลต่อการใช้งานด้านทหาร เช่น ระบบสื่อสารที่ปลอดภัยและการคำนวณขั้นสูงสำหรับการออกแบบอาวุธ . แม้ DUV จะไม่ทันสมัยเท่า EUV แต่ก็ยังมีศักยภาพในการผลิตชิปที่ใช้ในงานวิจัยและการทหาร .

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    กรณีนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดใน สงครามเทคโนโลยีระหว่างตะวันตกกับจีน โดยจีนพยายามหาทางเข้าถึงเทคโนโลยีแม้จะถูกจำกัดการนำเข้า EUV . การที่ ASML ถูกจับตามองอาจทำให้รัฐบาลยุโรปเข้มงวดขึ้นในการควบคุมการส่งออก แม้จะกระทบต่อธุรกิจ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง .

    สรุปสาระสำคัญ
    ASML ขายเครื่อง DUV ให้จีน
    อ้างว่าเป็นเทคโนโลยีเก่า ไม่สามารถผลิตชิปขั้นสูงได้

    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยืนยันไม่ผิดกฎหมาย
    ไม่ใช่ทุกส่วนของเครื่องจักรอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออก

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเสี่ยง
    บางชิ้นส่วนมีความสำคัญต่อการทำงาน ควรอยู่ภายใต้การควบคุม

    เชื่อมโยงกับโครงการควอนตัมของจีน
    Shenzhen International Quantum Academy ได้รับเครื่องจักรไปใช้งาน

    คำเตือนด้านความมั่นคง
    เทคโนโลยี DUV อาจช่วยจีนพัฒนาระบบควอนตัมและการทหาร

    คำเตือนด้านนโยบายการส่งออก
    ช่องโหว่ในกฎหมายอาจเปิดทางให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/asml-under-fire-for-selling-duv-equipment-to-chinese-firm-with-military-ties-says-the-machines-are-not-subject-to-export-controls-fears-grow-that-old-technology-will-bolster-beijings-quantum-effort
    🏭 "ASML ถูกวิจารณ์หนักหลังขาย DUV ให้จีน" บริษัท ASML ผู้ผลิตเครื่องจักรโฟโตลิทอกราฟีรายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญแรงกดดัน หลังมีรายงานว่าขายเครื่อง Deep Ultraviolet (DUV) ให้กับบริษัทจีนที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพ . แม้ ASML จะยืนยันว่าเครื่องจักรเหล่านี้เป็น เทคโนโลยีเก่า ไม่สามารถผลิตชิปขั้นสูงได้ แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จะช่วยจีนพัฒนาโครงการด้านควอนตัมและการทหาร . ⚡ มุมมองรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่า ไม่ใช่ทุกส่วนของเครื่องจักรจะอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออก ทำให้ ASML ไม่ผิดกฎหมาย . อย่างไรก็ตาม นักวิจัยจาก RAND Europa และผู้เชี่ยวชาญด้านจีนเตือนว่า บางชิ้นส่วนที่ขายไปมีความสำคัญต่อการทำงานของเครื่องจักร และควรอยู่ภายใต้การควบคุม . ข้อถกเถียงนี้สะท้อนถึงช่องโหว่ในนโยบายการควบคุมเทคโนโลยีขั้นสูง . 🔬 ความเสี่ยงด้านควอนตัมและการทหาร หนึ่งในประเด็นที่น่ากังวลคือการที่เครื่องจักรถูกส่งไปยัง Shenzhen International Quantum Academy ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาควอนตัมของจีน . หน่วยข่าวกรองทหารเนเธอร์แลนด์เคยเตือนว่า การพัฒนาควอนตัมของจีนอาจมีผลต่อการใช้งานด้านทหาร เช่น ระบบสื่อสารที่ปลอดภัยและการคำนวณขั้นสูงสำหรับการออกแบบอาวุธ . แม้ DUV จะไม่ทันสมัยเท่า EUV แต่ก็ยังมีศักยภาพในการผลิตชิปที่ใช้ในงานวิจัยและการทหาร . 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก กรณีนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดใน สงครามเทคโนโลยีระหว่างตะวันตกกับจีน โดยจีนพยายามหาทางเข้าถึงเทคโนโลยีแม้จะถูกจำกัดการนำเข้า EUV . การที่ ASML ถูกจับตามองอาจทำให้รัฐบาลยุโรปเข้มงวดขึ้นในการควบคุมการส่งออก แม้จะกระทบต่อธุรกิจ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ASML ขายเครื่อง DUV ให้จีน ➡️ อ้างว่าเป็นเทคโนโลยีเก่า ไม่สามารถผลิตชิปขั้นสูงได้ ✅ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยืนยันไม่ผิดกฎหมาย ➡️ ไม่ใช่ทุกส่วนของเครื่องจักรอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออก ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเสี่ยง ➡️ บางชิ้นส่วนมีความสำคัญต่อการทำงาน ควรอยู่ภายใต้การควบคุม ✅ เชื่อมโยงกับโครงการควอนตัมของจีน ➡️ Shenzhen International Quantum Academy ได้รับเครื่องจักรไปใช้งาน ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคง ⛔ เทคโนโลยี DUV อาจช่วยจีนพัฒนาระบบควอนตัมและการทหาร ‼️ คำเตือนด้านนโยบายการส่งออก ⛔ ช่องโหว่ในกฎหมายอาจเปิดทางให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญ https://www.tomshardware.com/tech-industry/asml-under-fire-for-selling-duv-equipment-to-chinese-firm-with-military-ties-says-the-machines-are-not-subject-to-export-controls-fears-grow-that-old-technology-will-bolster-beijings-quantum-effort
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ลองเชิง ตอนที่ 1 – 2

    “ลองเชิง”
    ตอน 1
    ผมขอลาพักท่านผู้อ่าน กำลังนอนเหยียดคลายเส้น แต่ดันไปห็นข่าวน่าสนใจ และมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เลยลุกมาส่งข่าวสั้นๆก่อนครับ
    วิทยุในเลบานอน Radio Sawt Beirut (Voice of Beirut) คงเหมือนกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานะครับ หวังว่าคงไม่เป็นกรมกร๊วกเหมือนของเรา รายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ว่า แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเป็นระดับสูงของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเลบานอน (แต่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่) บอกว่า จีนอาจส่งกองกำลังเข้ามาร่วมการรบที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรียด้วย ถ้าจีนเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี อัสซาด แห่งซีเรีย จะไปไม่รอด หรืออาการหนัก
    เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นก้าวที่สำคัญมากของจีน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
    จีนไม่เคยไปรบนอกบ้าน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 70 ปี แล้ว มังกรปิดถ้ำ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และไม่ยุ่งกับใครอยู่นาน มาเปิดถ้ำ โผล่หน้า ก็ในช่วงมังกรเติ้งปกครองจีน หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าค้าขายอย่างเดียว จีนแอบสร้างกองทัพเมื่อไหร่ ใหญ่โตขนาดไหน เป็นเรื่องประมาณการณ์ หรือคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้จริง พลเมืองจีนพันสามร้อยล้านคน คิดว่า เขาจะมีกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ครับ มาในช่วงหลังปี สองปีนี้เอง ที่มีข่าวว่า จีนมีการฝึกร่วมกับรัสเซีย และจีนเพิ่งเอาตัวอย่างกองทัพ และอาวุธมาโชว์ ในการสวนสนามใหญ่ของจีน เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันครบรอบ 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่รู้เป็นการส่งสาส์นอะไร มังกรซ่อนเล็บเก่งจะตาย
    อมริกาเคยประมาทหน้าจีนว่า ต่อให้อีก 20 ปีข้างหน้า กองกำลังและอาวุธของจีน ก็ยังไม่ทันวันนี้ของอเมริกา เป็นการพูดของรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ Shangrila Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จริง ไม่จริง อีกหน่อยคงได้รู้กัน แต่ช่วยไปรู้กันไกลๆ แดนสยามหน่อยนะครับ
    เรื่องจีนจะมาร่วมรบในซีเรีย จึงเป็นก้าวสำคัญของจีน และของโลกด้วย…
    เมื่อตอนที่คุณพี่ปูตินประกาศว่า จะส่งกองกำลังมาซีเรีย เพื่อมาช่วยปราบกลุ่มไอซิส ISIS อิสลามหัวรุนแรง ที่ไม่รู้ใครเอาไปขยายพันธุ์อยู่เต็มซีเรีย และกำลังฮึกเฮิม ตั้งหน้าตั้งตาลุย ถล่มฝ่ายรัฐบาลอัสซาด แค่มีข่าวรัสเซียจะมาซีเรีย อเมริกาก็สำลักพรวดแล้ว จะห้ามรัสเซียก็ไม่ได้ ก็ตัวเองทะลึ่งไปชวนให้ชาวบ้านนานาชาติ ขนกองกำลังร่วม มาช่วยกันปราบพวกไอซิส พอเขามาเข้าจริงๆ จะบอกว่า ไม่เอา ไม่ได้หมายถึงมึงนี้ หมายถึงมึงโน้น คงจะเล่นยาก
    กองกำลังนานาชาติ เอาเถิดเจ้าล่อ ถล่มเมืองอยู่หลายเดือน จนซีเรียพังเกือบทั้งประเทศก็ยังไล่ทั้งไอซิสและอัสซาดนายกรัฐมนตรีซีเรียไม่ได้ และพวกกบฏ และกลุ่มไอซิส บวก บวก ก็ยังยึดซีเรียไม่ได้ อัสซาดก็เลยยังไม่หล่นจากแท่น ตีนเหนียวยังกับตุ๊กแก ไม่หล่น แต่เปลี้ยเต็มที คุณพี่ปูตินของผมทนไม่ไหว เลยบอก อึดไว้นะเพื่อน เดี๋ยวจะมาช่วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ว่า คุณพี่ปูตินจะมาจริง
    แต่ปรากฏว่า กองทัพของคุณพี่ปูตินก็มาจริง มาแบบเงียบๆ แต่มาอย่างจัดเต็ม
    Fox News ของฝ่ายตะวันตกเอง รายงานข่าวพิเศษ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ อย่างน่าชื่นใจมากว่า
    ….พวกเขา(รัสเซีย) เหมือนโผล่มาจากดิน มาจากไหนไม่รู้ …they are popping up everywhere…. เราไม่รู้เลย แต่ตอนนี้ เขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมยังตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองแบกแดดของอิรัค เลยนะ มีทหารรัสเซีย ซีเรีย และอิหร่านร่วมด้วย….อะ อิหร่าน..ด้วย
    ฝ่ายข่าวกรองปากโป้งของอเมริกา ยังปูดให้ Fox News อีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถนำเครื่องบินรบจำนวน 24 ลำ เข้าไปในซีเรีย โดยทางอเมริกาไม่รู้เรื่อง
    รัสเซียนำฝูงเครื่องบินรบซูกอย ตีนกบ Sukhoi Su- 25 เข้าไปจำนวน 12 ลำ และซูกอย จอมสอย Sukhoi 24 อีก 12 ลำ ข่าวว่ารัสเซียนำเครื่องบินรบ บรรทุกในเครื่องบินบรรทุก หลบเข้าใปในอิหร่านก่อน จากนั้นก็บินเข้าซีเรีย จอเรดาร์ทางอเมริกาเห็นไฟแว๊บที่จอ หลังจากนั้นก็ติดตามไม่ได้ ดับหายวับ เข้าใจว่า เครื่องรัสเซียปิดระบบหมด…เครื่องบินฝูงนี้ น่าจะมาถึงอิหร่าน ตั้งแต่ 18,19 กัยยายน
    อ๊าย ขายหน้าจัง แล้วยังเอามาเล่าอีก แหกเป็นริ้ว เจอแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ไม่ว่า เรือดำน้ำ เครื่องบิน โผล่เฉี่ยวใส่หน้าจนเปียกไปหมด ไม่อายเหรอวะ คุยกร่าง สั่งได้แต่กับตัวน้อยๆ แน่จริง สอยร่วงเลยพี่ เครื่องบินหาไม่เจอ แล้ว ที่ไปหาว่าเขามีนิวเคลียร์ นี่จะหาเจอไหม เสี่ยนิวเคลียร์ฝากถามมาครับ
    นอกจากนี้ ข่าวยังบอกว่า ฝูงเครื่องบืนรบรัสเซีย ไม่ได้ทิ้งระเบิด ไม่ได้ปฏิบัติการต่อสู้ แต่บินวนไปมา แล้วก็ออกไปทางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน…แน้.. มาแปลก
    วันพฤหัสที่ 23 กันยายน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา นาย John Kirby ออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่า ข่าวกรองของเราไม่ได้ทำงานล้มเหลวนะ ที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบิน 24 ลำ ของรัสเซีย ….คราวที่แล้วก็บอกอย่างนี้แหละ ไม่ล้มเหลว แต่มองไม่เห็น ฮา
    …. เราบอกได้ว่า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดมาก …very, very closely…และเราไม่ใช่ไม่รู้ว่า รัสเซียคิดทำอะไร ( ไม่ใช่ไม่รู้ …แต่เรามองไม่ทัน มองไม่เห็น..ฮา อีกที)
    เมื่อสื่อไปถามคุณหน้าเต้าหู้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา Ash Carter ตอบว่า รัสเซียมาร่วมในซีเรีย ก็เหมือนเอาน้ำมันมาราดใส่ พวกไอซิส …ฟังแล้ว ไม่รู้ชอบใจ หรือไม่ชอบใจกันแน่ พวก ก.ต. นี่ มัน ก. ต. จริงๆ
    แต่ท่านนายพล เดวิด เพทรุส อดีตหัวหน้าสำนักงานซีไอเอ ให้การต่อสภาสูงของอเมริกาว่า การที่อเมริกา ไม่มีบทบาทในซีเรีย จะสร้างความเสี่ยงให้กับอเมริกาเอง การเพิ่มกองกำลังในซีเรียของรัสเซีย มันเป็นเครื่องเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร คนอื่นจะเข้าไปแทนที่เรา… และส่วนใหญ่เป็นผลเสียกับประโยชน์ของเราทั้งสิ้น
    ###############
    ตอน 2
    มีรายงานพิเศษจากแหล่งข่าวในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.2015 ว่า ระหว่างที่นายโอบามา กำลังฉีกยิ้ม ที่ค่อนข้างฝืด จับมือต้อนรับ อาเฮียสี จากเมืองจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กันยายน นั้น เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน Liaoning -CV-16 ก็เข้าจอดเทียบท่าเรือทาร์ทัส Tartus ในซีเรีย เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือติดจรวด นำร่องมา
    งวดนี้ เชิงมังกรร่อนฟ้า เฉี่ยวหน้านกอินทรีย์ นี่ร้ายเหลือ ด้านหนึ่งก็จับมือ ตามบท อีกด้าน ส่งเครื่องบินรบเข้าประจำการณ์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของเพื่อนรัก มังกรไม่ใช่แค่เล่นน้ำอยู่แถวทะเลจีนแล้ว
    แค่กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย อเมริกาก็สำลักแล้ว ตอนนี้จีนบอกเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน รัสเซียมา จีนไม่มาได้อย่างไร คราวนี้ อเมริกาจะว่าอย่างไร
    แหล่งข่าวบอกว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ผ่านคลองสุเอซ ในวันที่ 22 กันยายน หนึ่งวัน หลังจากที่นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลไปนั่งหน้าเจ๋อ คุยกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เขาว่า คุณพี่ปูตินคุยทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินจีน และที่สำคัญ ไม่บอกว่าเรือกำลังจะจอดอยู่หน้าบ้านยิวด้วย
    ใครๆ ก็บอกว่า คุณพี่ปูตินของผม เล่นหมากรุกเก่ง ไอ้นั่นน่ะของตาย แต่ผมว่าตอนนี้แกกำลังเล่น เผ นะ และทำท่าจะชอบเสียด้วย กบไต๋ เอซ แต่แกล้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนจะหลบ โอ้ย สนุกจริง เส้นตึงยังไงก็ต้องลุกมาเขียน มึงนึกว่าตั้งหม้อต้มเป็นคนเดียวหรือไง คราวนี้ จะได้รู้มั่ง จีนน่ะ เขาตุ๋นอาหาร ตุ๋นยา ก่อนอเมริกาจะเกิดอีก ไหนว่า การข่าวเก่งกันทั้งนั้น กรองยังไงวะให้เรือบรรทุกเครื่องบิน ลำเบ้อเริ่มผ่านจมูกไปไม่ได้กลิ่นเลย พวกมึงก็เก่งแต่รวนเพจคนแก่เขียนนิทานเท่านั้นละว้า
    กว่าอเมริกาจะรู้เรื่อง เรือบรรทุกเครื่องบินจีน ก็เทียบท่าที่ซีเรียเรียบร้อยแล้ว เขาว่า จอห์น แครี่ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไอ้นักล่า ถึงกับหน้าตกลงไปเกือบถึงพื้น รีบสั่งให้ปลัดกระทรวง Wendy Sherman ที่เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ให้ออกข่าวว่า รัฐบาลโอบามา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์ในซีเรียกับอิหร่าน และจะมีการคุยกันถึงเรื่องนี้ ระหว่างคุณหน้าตก กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันที่ 26 กันยายน ที่นิวยอร์ค ….สายไปหน่อยไหมพี่
    ระหว่างที่ผมเขียนนิทานนี่ ยังไม่เห็นข่าวอะไรนะ ซีเอนเอน เสนอข่าวสันตปาปา มา 3 วัน 3 คืนแล้ว สงสัยรู้กัน ตีกรรเชียงไปก่อน
    อเมริกาหวังจะข้ามหน้า ไม่ต้องคุยกับรัสเซียและจีนเรื่องซีเรีย โดยจะข้ามไปพูดกับอิหร่าน ที่อเมริกา “คิด” ว่า ต้วถือไพ่เหนือมือ แต่อิหร่านเอง ก็ขนกองทัพเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือจากรัสเซียและจีน สนับสนุนอย่างนี้ คิดว่าอิหร่านจะถอยทัพออกมาไหม
    การเดินหมากกระดานนี้ ของฝ่ายเบื่ออเมริกา (ผมใช้คำเบามากนะครับวันนี้สงสัยเขาให้กินยากันด่า เข้าไปแยะ) แยบยลมาก การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหมือนจะเป็นการจูงให้อเมริกาเดินไปในเกม ที่คนอื่นกำกับบ้าง
    อเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำหนด และกำกับเกมในโลกนี้แต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว
    แหล่งข่าวจากตะวันออกกลางยังรายงานว่า ดูเหมือนจีนมีแผนอยู่ยาวในซีเรีย ไม่ใช่แค่มาแวะจอดเรือจับมือเพื่อน แล้วท่องทะเลกลับบ้าน เขาบอกว่า ชุดใหญ่ของจีน ที่มีทั้งเครื่องบินรบ และเครื่องฮอ น่าจะบินตรงมาจากจีนเข้าอิหร่าน ในเดือนพฤศจิกายน หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์ของรัสเซีย จะไปช่วยอำนวยความสะดวกขนมาให้
    มิน่า War room ระหว่างรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน ถึงได้รีบตั้งที่แบกแดด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เป็นคาดเดากันว่า รัสเซียก็คงอยู่ยาว และคงไม่อยู่ที่ซีเรียเท่านั้น ตอนนี้ก็ชัดว่า อยู่ในแบกแดดด้วย
    ส่วนจีนข่าวว่า จะส่งเครื่องบินรบชนิด J-15 ฉลามศึก ที่ขึ้นจากลานบินบนเรือบรรทุกได้ ไม่ต้องไปนอนรออยู่ที่ฐานไหน แถมด้วย Z-18F เครื่องบินไว้ถล่มเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาด้วย ถ้ายังไม่พอ เอา Z- 18J ไปด้วย เอาอะไรอีกมั้ย อ้อ นาวิก ไง ที่เขาว่า ฝึกโหดยิ่งกว่าหน่วยซีลของใบตองแห้ง เอาไปด้วยอีกพันคน ตกลงนี่ จะไปถล่มไอซิสแน่หรือครับอาเฮีย ไอซิสมันไม่มีเรือดำน้ำนะครับ
    คุณพี่ปูและอาเฮียสี ฝากบอกมาว่า เราเพียงต้อง “จัดการ” เก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่ให้เหลือหน่อ เหลือต้น ของพวกผู้ก่อการร้าย (ใครมั่งนะ) ให้กลับมางอกอยู่แถว เชนยา คอเคซัส ของรัสเซีย หลังจากเสร็จศึกในซีเรีย ส่วนจีนก็บอกว่า เบื่อแล้วเหมือนกัน ที่พวกนักรบอุยกูร์ ที่เดี๋ยวเข้าตะวันออกกลาง เดี๋ยวกลับออกมาสร้างความวุ่นวายในซินเจียงของจีน
    เอาละครับ ประสานเสียงตอบกันมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ขัดใจ แต่ผมกลัวจะไปไกลกว่านั้นจัง วันนี้เอาพอสังเขป เป็นหนังตัวอย่างก่อน แล้วจะกลับมาขยายความที่หลังนะครับ
    ที่ประชุมยูเอ็น ก็เป็นรายการหน้าฉาก ออกแขก ออกฝรั่งกันไป แต่ฉากหลังสงสัยจะเล่นรายการออกอาวุธกันแล้ว
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ก.ย. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 1 – 2 “ลองเชิง” ตอน 1 ผมขอลาพักท่านผู้อ่าน กำลังนอนเหยียดคลายเส้น แต่ดันไปห็นข่าวน่าสนใจ และมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เลยลุกมาส่งข่าวสั้นๆก่อนครับ วิทยุในเลบานอน Radio Sawt Beirut (Voice of Beirut) คงเหมือนกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานะครับ หวังว่าคงไม่เป็นกรมกร๊วกเหมือนของเรา รายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ว่า แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเป็นระดับสูงของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเลบานอน (แต่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่) บอกว่า จีนอาจส่งกองกำลังเข้ามาร่วมการรบที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรียด้วย ถ้าจีนเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี อัสซาด แห่งซีเรีย จะไปไม่รอด หรืออาการหนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นก้าวที่สำคัญมากของจีน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จีนไม่เคยไปรบนอกบ้าน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 70 ปี แล้ว มังกรปิดถ้ำ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และไม่ยุ่งกับใครอยู่นาน มาเปิดถ้ำ โผล่หน้า ก็ในช่วงมังกรเติ้งปกครองจีน หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าค้าขายอย่างเดียว จีนแอบสร้างกองทัพเมื่อไหร่ ใหญ่โตขนาดไหน เป็นเรื่องประมาณการณ์ หรือคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้จริง พลเมืองจีนพันสามร้อยล้านคน คิดว่า เขาจะมีกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ครับ มาในช่วงหลังปี สองปีนี้เอง ที่มีข่าวว่า จีนมีการฝึกร่วมกับรัสเซีย และจีนเพิ่งเอาตัวอย่างกองทัพ และอาวุธมาโชว์ ในการสวนสนามใหญ่ของจีน เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันครบรอบ 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่รู้เป็นการส่งสาส์นอะไร มังกรซ่อนเล็บเก่งจะตาย อมริกาเคยประมาทหน้าจีนว่า ต่อให้อีก 20 ปีข้างหน้า กองกำลังและอาวุธของจีน ก็ยังไม่ทันวันนี้ของอเมริกา เป็นการพูดของรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ Shangrila Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จริง ไม่จริง อีกหน่อยคงได้รู้กัน แต่ช่วยไปรู้กันไกลๆ แดนสยามหน่อยนะครับ เรื่องจีนจะมาร่วมรบในซีเรีย จึงเป็นก้าวสำคัญของจีน และของโลกด้วย… เมื่อตอนที่คุณพี่ปูตินประกาศว่า จะส่งกองกำลังมาซีเรีย เพื่อมาช่วยปราบกลุ่มไอซิส ISIS อิสลามหัวรุนแรง ที่ไม่รู้ใครเอาไปขยายพันธุ์อยู่เต็มซีเรีย และกำลังฮึกเฮิม ตั้งหน้าตั้งตาลุย ถล่มฝ่ายรัฐบาลอัสซาด แค่มีข่าวรัสเซียจะมาซีเรีย อเมริกาก็สำลักพรวดแล้ว จะห้ามรัสเซียก็ไม่ได้ ก็ตัวเองทะลึ่งไปชวนให้ชาวบ้านนานาชาติ ขนกองกำลังร่วม มาช่วยกันปราบพวกไอซิส พอเขามาเข้าจริงๆ จะบอกว่า ไม่เอา ไม่ได้หมายถึงมึงนี้ หมายถึงมึงโน้น คงจะเล่นยาก กองกำลังนานาชาติ เอาเถิดเจ้าล่อ ถล่มเมืองอยู่หลายเดือน จนซีเรียพังเกือบทั้งประเทศก็ยังไล่ทั้งไอซิสและอัสซาดนายกรัฐมนตรีซีเรียไม่ได้ และพวกกบฏ และกลุ่มไอซิส บวก บวก ก็ยังยึดซีเรียไม่ได้ อัสซาดก็เลยยังไม่หล่นจากแท่น ตีนเหนียวยังกับตุ๊กแก ไม่หล่น แต่เปลี้ยเต็มที คุณพี่ปูตินของผมทนไม่ไหว เลยบอก อึดไว้นะเพื่อน เดี๋ยวจะมาช่วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ว่า คุณพี่ปูตินจะมาจริง แต่ปรากฏว่า กองทัพของคุณพี่ปูตินก็มาจริง มาแบบเงียบๆ แต่มาอย่างจัดเต็ม Fox News ของฝ่ายตะวันตกเอง รายงานข่าวพิเศษ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ อย่างน่าชื่นใจมากว่า ….พวกเขา(รัสเซีย) เหมือนโผล่มาจากดิน มาจากไหนไม่รู้ …they are popping up everywhere…. เราไม่รู้เลย แต่ตอนนี้ เขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมยังตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองแบกแดดของอิรัค เลยนะ มีทหารรัสเซีย ซีเรีย และอิหร่านร่วมด้วย….อะ อิหร่าน..ด้วย ฝ่ายข่าวกรองปากโป้งของอเมริกา ยังปูดให้ Fox News อีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถนำเครื่องบินรบจำนวน 24 ลำ เข้าไปในซีเรีย โดยทางอเมริกาไม่รู้เรื่อง รัสเซียนำฝูงเครื่องบินรบซูกอย ตีนกบ Sukhoi Su- 25 เข้าไปจำนวน 12 ลำ และซูกอย จอมสอย Sukhoi 24 อีก 12 ลำ ข่าวว่ารัสเซียนำเครื่องบินรบ บรรทุกในเครื่องบินบรรทุก หลบเข้าใปในอิหร่านก่อน จากนั้นก็บินเข้าซีเรีย จอเรดาร์ทางอเมริกาเห็นไฟแว๊บที่จอ หลังจากนั้นก็ติดตามไม่ได้ ดับหายวับ เข้าใจว่า เครื่องรัสเซียปิดระบบหมด…เครื่องบินฝูงนี้ น่าจะมาถึงอิหร่าน ตั้งแต่ 18,19 กัยยายน อ๊าย ขายหน้าจัง แล้วยังเอามาเล่าอีก แหกเป็นริ้ว เจอแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ไม่ว่า เรือดำน้ำ เครื่องบิน โผล่เฉี่ยวใส่หน้าจนเปียกไปหมด ไม่อายเหรอวะ คุยกร่าง สั่งได้แต่กับตัวน้อยๆ แน่จริง สอยร่วงเลยพี่ เครื่องบินหาไม่เจอ แล้ว ที่ไปหาว่าเขามีนิวเคลียร์ นี่จะหาเจอไหม เสี่ยนิวเคลียร์ฝากถามมาครับ นอกจากนี้ ข่าวยังบอกว่า ฝูงเครื่องบืนรบรัสเซีย ไม่ได้ทิ้งระเบิด ไม่ได้ปฏิบัติการต่อสู้ แต่บินวนไปมา แล้วก็ออกไปทางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน…แน้.. มาแปลก วันพฤหัสที่ 23 กันยายน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา นาย John Kirby ออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่า ข่าวกรองของเราไม่ได้ทำงานล้มเหลวนะ ที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบิน 24 ลำ ของรัสเซีย ….คราวที่แล้วก็บอกอย่างนี้แหละ ไม่ล้มเหลว แต่มองไม่เห็น ฮา …. เราบอกได้ว่า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดมาก …very, very closely…และเราไม่ใช่ไม่รู้ว่า รัสเซียคิดทำอะไร ( ไม่ใช่ไม่รู้ …แต่เรามองไม่ทัน มองไม่เห็น..ฮา อีกที) เมื่อสื่อไปถามคุณหน้าเต้าหู้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา Ash Carter ตอบว่า รัสเซียมาร่วมในซีเรีย ก็เหมือนเอาน้ำมันมาราดใส่ พวกไอซิส …ฟังแล้ว ไม่รู้ชอบใจ หรือไม่ชอบใจกันแน่ พวก ก.ต. นี่ มัน ก. ต. จริงๆ แต่ท่านนายพล เดวิด เพทรุส อดีตหัวหน้าสำนักงานซีไอเอ ให้การต่อสภาสูงของอเมริกาว่า การที่อเมริกา ไม่มีบทบาทในซีเรีย จะสร้างความเสี่ยงให้กับอเมริกาเอง การเพิ่มกองกำลังในซีเรียของรัสเซีย มันเป็นเครื่องเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร คนอื่นจะเข้าไปแทนที่เรา… และส่วนใหญ่เป็นผลเสียกับประโยชน์ของเราทั้งสิ้น ############### ตอน 2 มีรายงานพิเศษจากแหล่งข่าวในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.2015 ว่า ระหว่างที่นายโอบามา กำลังฉีกยิ้ม ที่ค่อนข้างฝืด จับมือต้อนรับ อาเฮียสี จากเมืองจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กันยายน นั้น เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน Liaoning -CV-16 ก็เข้าจอดเทียบท่าเรือทาร์ทัส Tartus ในซีเรีย เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือติดจรวด นำร่องมา งวดนี้ เชิงมังกรร่อนฟ้า เฉี่ยวหน้านกอินทรีย์ นี่ร้ายเหลือ ด้านหนึ่งก็จับมือ ตามบท อีกด้าน ส่งเครื่องบินรบเข้าประจำการณ์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของเพื่อนรัก มังกรไม่ใช่แค่เล่นน้ำอยู่แถวทะเลจีนแล้ว แค่กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย อเมริกาก็สำลักแล้ว ตอนนี้จีนบอกเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน รัสเซียมา จีนไม่มาได้อย่างไร คราวนี้ อเมริกาจะว่าอย่างไร แหล่งข่าวบอกว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ผ่านคลองสุเอซ ในวันที่ 22 กันยายน หนึ่งวัน หลังจากที่นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลไปนั่งหน้าเจ๋อ คุยกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เขาว่า คุณพี่ปูตินคุยทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินจีน และที่สำคัญ ไม่บอกว่าเรือกำลังจะจอดอยู่หน้าบ้านยิวด้วย ใครๆ ก็บอกว่า คุณพี่ปูตินของผม เล่นหมากรุกเก่ง ไอ้นั่นน่ะของตาย แต่ผมว่าตอนนี้แกกำลังเล่น เผ นะ และทำท่าจะชอบเสียด้วย กบไต๋ เอซ แต่แกล้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนจะหลบ โอ้ย สนุกจริง เส้นตึงยังไงก็ต้องลุกมาเขียน มึงนึกว่าตั้งหม้อต้มเป็นคนเดียวหรือไง คราวนี้ จะได้รู้มั่ง จีนน่ะ เขาตุ๋นอาหาร ตุ๋นยา ก่อนอเมริกาจะเกิดอีก ไหนว่า การข่าวเก่งกันทั้งนั้น กรองยังไงวะให้เรือบรรทุกเครื่องบิน ลำเบ้อเริ่มผ่านจมูกไปไม่ได้กลิ่นเลย พวกมึงก็เก่งแต่รวนเพจคนแก่เขียนนิทานเท่านั้นละว้า กว่าอเมริกาจะรู้เรื่อง เรือบรรทุกเครื่องบินจีน ก็เทียบท่าที่ซีเรียเรียบร้อยแล้ว เขาว่า จอห์น แครี่ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไอ้นักล่า ถึงกับหน้าตกลงไปเกือบถึงพื้น รีบสั่งให้ปลัดกระทรวง Wendy Sherman ที่เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ให้ออกข่าวว่า รัฐบาลโอบามา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์ในซีเรียกับอิหร่าน และจะมีการคุยกันถึงเรื่องนี้ ระหว่างคุณหน้าตก กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันที่ 26 กันยายน ที่นิวยอร์ค ….สายไปหน่อยไหมพี่ ระหว่างที่ผมเขียนนิทานนี่ ยังไม่เห็นข่าวอะไรนะ ซีเอนเอน เสนอข่าวสันตปาปา มา 3 วัน 3 คืนแล้ว สงสัยรู้กัน ตีกรรเชียงไปก่อน อเมริกาหวังจะข้ามหน้า ไม่ต้องคุยกับรัสเซียและจีนเรื่องซีเรีย โดยจะข้ามไปพูดกับอิหร่าน ที่อเมริกา “คิด” ว่า ต้วถือไพ่เหนือมือ แต่อิหร่านเอง ก็ขนกองทัพเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือจากรัสเซียและจีน สนับสนุนอย่างนี้ คิดว่าอิหร่านจะถอยทัพออกมาไหม การเดินหมากกระดานนี้ ของฝ่ายเบื่ออเมริกา (ผมใช้คำเบามากนะครับวันนี้สงสัยเขาให้กินยากันด่า เข้าไปแยะ) แยบยลมาก การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหมือนจะเป็นการจูงให้อเมริกาเดินไปในเกม ที่คนอื่นกำกับบ้าง อเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำหนด และกำกับเกมในโลกนี้แต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว แหล่งข่าวจากตะวันออกกลางยังรายงานว่า ดูเหมือนจีนมีแผนอยู่ยาวในซีเรีย ไม่ใช่แค่มาแวะจอดเรือจับมือเพื่อน แล้วท่องทะเลกลับบ้าน เขาบอกว่า ชุดใหญ่ของจีน ที่มีทั้งเครื่องบินรบ และเครื่องฮอ น่าจะบินตรงมาจากจีนเข้าอิหร่าน ในเดือนพฤศจิกายน หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์ของรัสเซีย จะไปช่วยอำนวยความสะดวกขนมาให้ มิน่า War room ระหว่างรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน ถึงได้รีบตั้งที่แบกแดด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เป็นคาดเดากันว่า รัสเซียก็คงอยู่ยาว และคงไม่อยู่ที่ซีเรียเท่านั้น ตอนนี้ก็ชัดว่า อยู่ในแบกแดดด้วย ส่วนจีนข่าวว่า จะส่งเครื่องบินรบชนิด J-15 ฉลามศึก ที่ขึ้นจากลานบินบนเรือบรรทุกได้ ไม่ต้องไปนอนรออยู่ที่ฐานไหน แถมด้วย Z-18F เครื่องบินไว้ถล่มเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาด้วย ถ้ายังไม่พอ เอา Z- 18J ไปด้วย เอาอะไรอีกมั้ย อ้อ นาวิก ไง ที่เขาว่า ฝึกโหดยิ่งกว่าหน่วยซีลของใบตองแห้ง เอาไปด้วยอีกพันคน ตกลงนี่ จะไปถล่มไอซิสแน่หรือครับอาเฮีย ไอซิสมันไม่มีเรือดำน้ำนะครับ คุณพี่ปูและอาเฮียสี ฝากบอกมาว่า เราเพียงต้อง “จัดการ” เก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่ให้เหลือหน่อ เหลือต้น ของพวกผู้ก่อการร้าย (ใครมั่งนะ) ให้กลับมางอกอยู่แถว เชนยา คอเคซัส ของรัสเซีย หลังจากเสร็จศึกในซีเรีย ส่วนจีนก็บอกว่า เบื่อแล้วเหมือนกัน ที่พวกนักรบอุยกูร์ ที่เดี๋ยวเข้าตะวันออกกลาง เดี๋ยวกลับออกมาสร้างความวุ่นวายในซินเจียงของจีน เอาละครับ ประสานเสียงตอบกันมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ขัดใจ แต่ผมกลัวจะไปไกลกว่านั้นจัง วันนี้เอาพอสังเขป เป็นหนังตัวอย่างก่อน แล้วจะกลับมาขยายความที่หลังนะครับ ที่ประชุมยูเอ็น ก็เป็นรายการหน้าฉาก ออกแขก ออกฝรั่งกันไป แต่ฉากหลังสงสัยจะเล่นรายการออกอาวุธกันแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ก.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 10

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 10
    ระหว่างที่อเมริกา ใช้ AFRICOM ค่อยๆ สร้างกับดัก และบ่วงรัดคอ อยู่แถวอาฟริกา ไล่มาถึงตะวันออกกลาง ตามยุทธศาสตร์ คุมแหล่งน้ำมัน รวมทั้งเส้นทางเดินของน้ำมัน ไม่ไห้หลุดไปถึงจีนนั้น หน่วยงานอื่นของอเมริกา ก็ทำงานอื่น อยู่ในแถบอื่น แต่เกี่ยวพันกันอย่างนึกไม่ถึง ควบคู่ไปด้วย
    ช่วงปี ค.ศ.2002 ถึง 2008 อเมริกาแจกโปรแกรม ปฏิวัติหลากสี Color Revolutions ไปทั่ว เพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวผู้ปกครอง ประเทศ ที่ปกครองในบางประเทศมานาน แต่ถึงเวลาแล้ว ที่อเมริกาต้องการเปลี่ยน เอาคน หรือกลุ่มที่อเมริกาเลือก มาปกครองประเทศเหล่านั้น เพื่ออเมริกาจะได้เข้าไปครอบครองทรัพยากร และการปกครองประเทศเหล่านั้น
    ไหนว่าต้องการให้ ประเทศทั้งหลายในโลก ปกครองตัวเอง ด้วยระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเลือกผู้แทนของตนมาปกครอง ไงครับ
    ….อ้อ เราเข้าใจผิดหรือครับ …. ต้องใช้ว่า …. ระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเลือกผู้แทน “ตามที่อเมริกาต้องการ” มาปกครอง …. ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ ท่านผู้อ่านโปรดเข้าใจ ระบอบประชาธิปไตย ตามความหมายของอเมริกา เสียใหม่นะครับ
    ในช่วงนั้น องค์กรที่เรียกว่า เอ็นจีโอ non government organization ถูกอเมริกาจัดตั้ง โผล่ขึ้นมาเต็ม เหมือนเห็ดหน้าฝน ภายใต้สาระพัดชื่อ โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นองค์กรของรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล แต่รัฐบาลอเมริกัน ให้หน่วยงานอื่นสนับสนุนเงินทุนแก่เอ็นจีโอเหล่านี้ และให้อยู่ในความดูแลของฝ่ายความมั่นคง เพนตากอน และหน่วยงานข่าวกรองของอเมริกา ซีไอเอ อีกด้วย ถุด…
    เอ็นจีโอเหล่านี้ น่าจะถูกฝึก และถูกเลี้ยงเหมือนนกแก้ว เพราะร้องเป็นอยู่ ไม่กี่ประโยค…… ละเมิดสิทธิมนุษยชน…. ไม่เอาเผด็จการ …. เป็นประชาธิปไตย… นกแก้วมีหลายพันธ์ุ เช่น พันธ์ุยุโรปตะวันออก พันธ์ุอาหรับ และพันธ์ุเอเซีย นกแก้วเอเซีย กำลังถูกลำเลียง ไปปล่อยแถว พม่า ธิเบต และตรงเขตแดนสำคัญของจีน คือ ซินเกียง
    นกแก้วฝูงแรก ถูกเอาไปปล่อยที่พม่า หรือเมียนมาร์ แต่อังกฤษ เจ้านายเก่า รวมทั้งอเมริกา (ที่กำลังเบียดเข้ามาเพื่อหวังจะเป็น) เจ้านายใหม่ ยังเรียก พม่า ตามความคุ้นปากเหมือนเดิม รวมทั้งผม ก็ขอเรียก พม่า เพราะพิมพ์ง่ายกว่า
    ปี ค.ศ.2007 เกิดการปฏิวัติหลากสี ขึ้นที่พม่า อเมริกาเรียกปฏิวัตินี้ว่า ปฏิวัติสีผ้าเหลือง Saffron Revolution ซึ่งเป็นโรคติดต่อมาจาก ปฏิวัติสีกุหลาบ Rose Revolution ในจอร์เจีย ปี 2003 และ ปฏิวัติสีส้ม Orange Revolution ในยูเครน ปี 2004-2005 ที่เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออก บริเวณที่ติดกับรัสเซีย มันเป็นการปฏิวัติ ที่อเมริกาเป็นผู้อำนวยการสร้าง เขียนบท คัดเลือกตัวผู้เข้าฉาก และกำกับการแสดงทั้งหมด และก็คงเห็นกันแล้วว่า ความฉิบหายวุ่นวาย ทั้งในจอร์เจีย และยูเครน ยังมีอยู่จนทุกวันนี้ และมีที่ท่าว่าจะแย่ลงเรื่อยๆ
    สำหรับปฏิวัติสีผ้าเหลืองในพม่านั้น มีสื่อฝรั่ง บอกว่า คนตั้งชื่อ ตั้งใจเรียกตาม สีจีวรพระพม่า เพราะตามแผนที่อเมริกาวางไว้ พระพม่าจะเป็นพระเอก เดินนำการประท้วงรัฐบาลพม่า เป็นแผนที่เด็ดขาดมากใช้พระนำขบวน ไม่บอกก่อนจะได้ส่งพวกจานบินไป ร่วม และก็เป็นเรื่องตลกมากด้วย เพราะจีวรพระพม่า สีน้ำตาลแดง ไม่ใช่สีเหลืองอมส้ม เขาว่า กลุ่มคนคิดแผน นั่งสุมหัวกันอยู่ที่สถานกงสุลอเมริกันที่เชียงใหม่ ผมชักเชื่อ แสดงว่าไอ้คนทำแผน เห็นพระไทยในเชียงใหม่ห่มจีวรสีเหลืองอมส้ม ก็สีจีวรพระบ้านเรานั่นแหละ เลยใช้เป็นชื่อปฏิวัติเสียเลย มันมั่วซั่วสิ้นดี ปฏิวัติสีผ้าเหลือง ฮาจริง
    สาเหตุการประท้วง (ไม่ใช่ปฏิวัติ) ที่อ้าง หรือสร้าง บอกว่า มาจากการที่รัฐบาลทหารของพม่า ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมัน ทำให้ราคาขายน้ำมันในพม่าพุ่งสูงขึ้นไปประมาณ เกือบเท่าตัว ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน กลุ่มที่ออกมาประท้วงตามข่าว มีตั้งแต่ นักเรียน แม่บ้าน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และพระพม่าจำนวนมาก
    แต่เป้าหมายจริงๆ ก็คือสร้างความปั่นป่วนในพม่า เพื่อจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทหาร ที่ปกครองพม่ามานาน และเอาคุณนายซู เมียฝรั่งที่ฝ่ายตะวันตกสนับสนุนมาเป็นผู้นำ คุณนายเป็นเองไม่ได้ ก็เอาคนที่คุณนายสั่งได้มาเป็น เพื่อเปิดประตูให้ตะวันตกเข้ามาในพม่า เรื่องคุณนายซู นี่ นายเก่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาใหญ่ และเดินสายทั้งในและนอกพม่า
    ผู้นำการปฏิวัติ ใช้ตัวเชิดเป็นฝ่ายนักเคลื่อนไหว ที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร แต่หัวหน้าตัวจริง มีหลายคน ตั้งแต่คุณนายซู เมียฝรั่ง นักเคลื่อนไหวของพม่า พระพม่า และนักหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น แปลกใจไหมครับ ก็ไปนำขบวนด้วยประท้วงแล้วก็ถูกยิงตาย กลายเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลทหารของพม่า กับรัฐบาลญี่ปุ่น และส่วนพระพม่าก็เป็นพวกที่มายืนชุมนุมอยู่หน้าบ้านคุณนาย ก่อนเคลื่อนย้ายไปตามถนนในเมืองย่างกุ้ง
    ก่อนการประท้วงเกิดขึ้น อเมริกามอบหมายให้นาย จีน ชาร์พ Gene Sharp ผู้ก่อตั้งองค์กรชื่อ สถาบันอัลเบิร์ต ไอนสไตน์ Albert Einstein ในอเมริกา ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากหลายสถาบันในสังกัดซีไอเอ ให้เป็นผู้รับผิดชอบ ฝึกอบรมและกำกับวิธีการประท้วง (อย่างเนียน)
    นายจีน ชาร์พ นี่ เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ดังมาก ชื่อ How to Start a Revolution พร้อมทำเป็นวีดีโอ มีทั้งภาษายูเครน ภาษาอาหรับ ไม่รู้มี ป็นภาษาพม่า ภาษาไทย ด้วยหรือเปล่า เขาเรียก ทฤษฏีฝูงผึ้ง สร้างคนน ที่จะเป็นผู้นำกลุ่มก่อน ต่อมาก็สร้างขบวนการเคลื่อนไหว และจัดหาคนตาม ที่อาจจะไม่ต้องมาก ตามทฤษฏีของจีน ชาร์พ เขาอ้างว่า การ “เคลื่อนไหว” จะทำให้คนเข้ามาร่วมเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ยืนอยู่กับที่ ยกมือตะโกนซ้ำซาก แบบนั้น คนไม่เพิ่ม แล้วอาจเดินหนี เพราะมันหมดสมัยไปแล้ว
    จริงๆ องค์กรของชาร์พ ถูกส่งเข้าไปสร้างเครือข่ายในพม่าตั้งแต่ ค.ศ.1989 โดยพันเอก Robert Helvey หัวหน้าปฏิบัติการ ซีไอเอ และอดีตทูตทหารอเมริกันในย่างกุ้ง เป็นคนนำนายชาร์พเข้าไป นายชาร์พขึ้นล่อง อยู่ระหว่างพม่ากับจีน ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่เทียนอันเหมินของจีน และก็เป็นผู้กำกับ Arab Spring หลายรายการ
    สถาบันใหญ่ในสังกัดซีไอเอ ที่สนับสนุนการประท้วงใหญ่สีจีวรพระที่พม่า คือ National Endowment for Democracy (NED) ที่แสนจะโด่งดัง เจ้า NED นี่ ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศของอเมริกา เขาว่า NED ทำหน้าที่เหมือนกับที่พวกซีไอเอ ทำในช่วงสงครามเย็นเพี้ยบเลย ผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่ NED อีกต่อคือ Open Society ของไอ้หนังเหนียวตัวแสบ จอร์จ โซรอส ก็เล่นซ้ำกันอยู่อย่างนี้ เหมือนดูหนังในเคเบิลทีวีของเครือซี้ผีของบ้านเราเลย
    กระทรวงต่างประเทศอเมริกา ได้คัดเลือกตัวหัวหน้าที่จะไปเป็นผู้นำการทาขมิ้น จากหลายองค์กรในพม่า ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลทหาร โดยเจ้า NED ส่งเงินประมาณปีละ 2.5 ล้านเหรียญ หรือ ปีละ 75 ล้านบาท ให้กับพวกสีจีวรพระ ไปสร้างขบวนการประท้วง ศูนย์บัญชาการใหญ่ เขาว่า อยู่ที่สถานกงสุลอเมริกัน ที่เชียงใหม่ของเรานั่นแหละ ส่วนพวกสีจีวร ก็ฝึกอบรมกันอยู่แถวชายแดนบ้านเรา บางครั้ง พวกตัวสำคัญก็ถูกส่งไปอบรมที่อเมริกา แล้วก็กลับมาจัดองค์กรในพม่าต่อ น่าสนุกดีนะครับ เล่นกันอยู่แถวนี้เอง จะแสดงรายการที่พม่าก็มาซ้อมที่ไทย จะแสดงรายการที่ไทย ก็ไปซ้อมกันในเขมร เออ มันแน่จริงๆ นอกจากจะสร้างความปั่นป่วนในบ้านคนอื่นได้แล้ว ยังเสือกมีของแถม ทำให้เพื่อนบ้านมองหน้ากันไม่สนิทอีกด้วย
    นอกจาก NED จะอุดหนุนพวกสีจีวรแล้ว NED ยังจ่ายเงินให้กับสื่อ ชื่อ New Era Journal , Democratic Voice of Burma และ Irrawaddy ที่เขาว่า เป็นของคุณนายซู เมียฝรั่ง ซึ่งผมเข้าไปอ่านบ่อยเหมือนกัน เพราะบางข่าวเร็วมาก ยังกะส่งตรงจากสถานที่เกิดเหตุ หรือสถานที่ออกใบสั่งเลย
    แต่วัตถุประสงค์ของการจัดรายการประท้วงนี้ ที่ซ่อนไว้อีกชั้น น่าจะมี 2 เรื่อง พม่าก็น่าจะมีชะตาใกล้เคียงกับเยเมน เพราะพม่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจุดหนึ่งของเส้นทางเดินน้ำมัน จากอ่าวเปอร์เซียไปสู่ทะเลจีน เส้นทางเดินเรือเลียบฝั่งพม่า เป็นเส้นทางเดินเรือที่แน่นขนัด เพื่อผ่านเข้าไปสู่ช่องแคบมะละกา จุดรัดคอ choke point อีกจุดหนึ่ง ที่แคบกว่าของเยเมน และมีความสำคัญในระดับที่ ไม่ต่างกับเยเมน ด้วย
    ช่องแคบมะละกาเชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด สำหรับส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปจีน ช่องแคบมะละกาจึงเป็นจุดรัดคอ choke point ที่สำคัญยิ่งของเอเซีย ประมาณ 80% ของน้ำมันที่จีนนำเข้า ต้องขนส่งทางเรือผ่านจุดนี้ ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบมะละกาคือ ช่องแคบ Phillips Channel อยู่ในส่วนของสิงคโปร์ มีความกว้างเพียง 1.5 ไมล์
    ทุกวันจะมีเรือบรรทุกน้ำมันผ่านช่องแคบนี้ ประมาณวันละ 12 ล้านแท้งค์ใหญ่ และส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังจีน หรือญี่ปุ่น…
    ถ้าช่องแคบมะละกาถูกปิด… ประมาณเกือบครึ่งของเรือขนส่งน้ำมันในโลก จะต้องเพิ่มเส้นทางเดินเรือยาวขึ้น หมายถึงการเพิ่มค่าขนส่งที่จะกระทบไปทั่วโลก มีเรือกว่า 5 หมื่นลำต่อปี แล่นผ่านช่องแคบมะละกา บริเว แนวเส้นทางเดินเรือ ตั้งแต่พม่าไปจนถึงบันดาร์อาเจ๊ะ จึงเป็นแนวรัดคอที่สำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง ใครควบคุมเส้นทางนี้ได้ ก็หมายความว่า ได้ควบคุมเส้นทางขนส่งน้ำมันทางน้ำของจีน และน่าจะของญี่ปุ่นด้วย
    อเมริกาพยายามที่จะนำกองกำลังของตัว เข้าไปในบริเวณนั้น ตั้งแต่ ปี ค.ศ.2001 โดยใช้ข้ออ้างว่า เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้าย ไม่รู้ผู้ก่อการร้ายพันธุ์อะไร จากไหน อ้างมั่วๆ จึงไม่มีใครยอม ในที่สุด ได้ข่าวว่า อเมริกาเจรจากับอินโดนีเซีย จนได้ตั้งฐานทัพอากาศ ที่บันดาร์ อาเจ๊ะ Banda Aceh ซึ่งอยู่ไปทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา
    คงทำให้เราพอเห็นภาพ ความวุ่นวายในพม่า ภาคใต้ของไทย รวมทั้งเรื่องราวในมาเลเซียว่า ทำไมจึงต้องเกิดขึ้นอย่างไม่จบสิ้น และทำไมการขุดคอขอดกระ ของเราจึงเป็นเรื่องยาก
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 10 ระหว่างที่อเมริกา ใช้ AFRICOM ค่อยๆ สร้างกับดัก และบ่วงรัดคอ อยู่แถวอาฟริกา ไล่มาถึงตะวันออกกลาง ตามยุทธศาสตร์ คุมแหล่งน้ำมัน รวมทั้งเส้นทางเดินของน้ำมัน ไม่ไห้หลุดไปถึงจีนนั้น หน่วยงานอื่นของอเมริกา ก็ทำงานอื่น อยู่ในแถบอื่น แต่เกี่ยวพันกันอย่างนึกไม่ถึง ควบคู่ไปด้วย ช่วงปี ค.ศ.2002 ถึง 2008 อเมริกาแจกโปรแกรม ปฏิวัติหลากสี Color Revolutions ไปทั่ว เพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวผู้ปกครอง ประเทศ ที่ปกครองในบางประเทศมานาน แต่ถึงเวลาแล้ว ที่อเมริกาต้องการเปลี่ยน เอาคน หรือกลุ่มที่อเมริกาเลือก มาปกครองประเทศเหล่านั้น เพื่ออเมริกาจะได้เข้าไปครอบครองทรัพยากร และการปกครองประเทศเหล่านั้น ไหนว่าต้องการให้ ประเทศทั้งหลายในโลก ปกครองตัวเอง ด้วยระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเลือกผู้แทนของตนมาปกครอง ไงครับ ….อ้อ เราเข้าใจผิดหรือครับ …. ต้องใช้ว่า …. ระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเลือกผู้แทน “ตามที่อเมริกาต้องการ” มาปกครอง …. ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ ท่านผู้อ่านโปรดเข้าใจ ระบอบประชาธิปไตย ตามความหมายของอเมริกา เสียใหม่นะครับ ในช่วงนั้น องค์กรที่เรียกว่า เอ็นจีโอ non government organization ถูกอเมริกาจัดตั้ง โผล่ขึ้นมาเต็ม เหมือนเห็ดหน้าฝน ภายใต้สาระพัดชื่อ โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นองค์กรของรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล แต่รัฐบาลอเมริกัน ให้หน่วยงานอื่นสนับสนุนเงินทุนแก่เอ็นจีโอเหล่านี้ และให้อยู่ในความดูแลของฝ่ายความมั่นคง เพนตากอน และหน่วยงานข่าวกรองของอเมริกา ซีไอเอ อีกด้วย ถุด… เอ็นจีโอเหล่านี้ น่าจะถูกฝึก และถูกเลี้ยงเหมือนนกแก้ว เพราะร้องเป็นอยู่ ไม่กี่ประโยค…… ละเมิดสิทธิมนุษยชน…. ไม่เอาเผด็จการ …. เป็นประชาธิปไตย… นกแก้วมีหลายพันธ์ุ เช่น พันธ์ุยุโรปตะวันออก พันธ์ุอาหรับ และพันธ์ุเอเซีย นกแก้วเอเซีย กำลังถูกลำเลียง ไปปล่อยแถว พม่า ธิเบต และตรงเขตแดนสำคัญของจีน คือ ซินเกียง นกแก้วฝูงแรก ถูกเอาไปปล่อยที่พม่า หรือเมียนมาร์ แต่อังกฤษ เจ้านายเก่า รวมทั้งอเมริกา (ที่กำลังเบียดเข้ามาเพื่อหวังจะเป็น) เจ้านายใหม่ ยังเรียก พม่า ตามความคุ้นปากเหมือนเดิม รวมทั้งผม ก็ขอเรียก พม่า เพราะพิมพ์ง่ายกว่า ปี ค.ศ.2007 เกิดการปฏิวัติหลากสี ขึ้นที่พม่า อเมริกาเรียกปฏิวัตินี้ว่า ปฏิวัติสีผ้าเหลือง Saffron Revolution ซึ่งเป็นโรคติดต่อมาจาก ปฏิวัติสีกุหลาบ Rose Revolution ในจอร์เจีย ปี 2003 และ ปฏิวัติสีส้ม Orange Revolution ในยูเครน ปี 2004-2005 ที่เกิดขึ้นในยุโรปตะวันออก บริเวณที่ติดกับรัสเซีย มันเป็นการปฏิวัติ ที่อเมริกาเป็นผู้อำนวยการสร้าง เขียนบท คัดเลือกตัวผู้เข้าฉาก และกำกับการแสดงทั้งหมด และก็คงเห็นกันแล้วว่า ความฉิบหายวุ่นวาย ทั้งในจอร์เจีย และยูเครน ยังมีอยู่จนทุกวันนี้ และมีที่ท่าว่าจะแย่ลงเรื่อยๆ สำหรับปฏิวัติสีผ้าเหลืองในพม่านั้น มีสื่อฝรั่ง บอกว่า คนตั้งชื่อ ตั้งใจเรียกตาม สีจีวรพระพม่า เพราะตามแผนที่อเมริกาวางไว้ พระพม่าจะเป็นพระเอก เดินนำการประท้วงรัฐบาลพม่า เป็นแผนที่เด็ดขาดมากใช้พระนำขบวน ไม่บอกก่อนจะได้ส่งพวกจานบินไป ร่วม และก็เป็นเรื่องตลกมากด้วย เพราะจีวรพระพม่า สีน้ำตาลแดง ไม่ใช่สีเหลืองอมส้ม เขาว่า กลุ่มคนคิดแผน นั่งสุมหัวกันอยู่ที่สถานกงสุลอเมริกันที่เชียงใหม่ ผมชักเชื่อ แสดงว่าไอ้คนทำแผน เห็นพระไทยในเชียงใหม่ห่มจีวรสีเหลืองอมส้ม ก็สีจีวรพระบ้านเรานั่นแหละ เลยใช้เป็นชื่อปฏิวัติเสียเลย มันมั่วซั่วสิ้นดี ปฏิวัติสีผ้าเหลือง ฮาจริง สาเหตุการประท้วง (ไม่ใช่ปฏิวัติ) ที่อ้าง หรือสร้าง บอกว่า มาจากการที่รัฐบาลทหารของพม่า ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมัน ทำให้ราคาขายน้ำมันในพม่าพุ่งสูงขึ้นไปประมาณ เกือบเท่าตัว ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน กลุ่มที่ออกมาประท้วงตามข่าว มีตั้งแต่ นักเรียน แม่บ้าน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และพระพม่าจำนวนมาก แต่เป้าหมายจริงๆ ก็คือสร้างความปั่นป่วนในพม่า เพื่อจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทหาร ที่ปกครองพม่ามานาน และเอาคุณนายซู เมียฝรั่งที่ฝ่ายตะวันตกสนับสนุนมาเป็นผู้นำ คุณนายเป็นเองไม่ได้ ก็เอาคนที่คุณนายสั่งได้มาเป็น เพื่อเปิดประตูให้ตะวันตกเข้ามาในพม่า เรื่องคุณนายซู นี่ นายเก่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาใหญ่ และเดินสายทั้งในและนอกพม่า ผู้นำการปฏิวัติ ใช้ตัวเชิดเป็นฝ่ายนักเคลื่อนไหว ที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร แต่หัวหน้าตัวจริง มีหลายคน ตั้งแต่คุณนายซู เมียฝรั่ง นักเคลื่อนไหวของพม่า พระพม่า และนักหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น แปลกใจไหมครับ ก็ไปนำขบวนด้วยประท้วงแล้วก็ถูกยิงตาย กลายเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลทหารของพม่า กับรัฐบาลญี่ปุ่น และส่วนพระพม่าก็เป็นพวกที่มายืนชุมนุมอยู่หน้าบ้านคุณนาย ก่อนเคลื่อนย้ายไปตามถนนในเมืองย่างกุ้ง ก่อนการประท้วงเกิดขึ้น อเมริกามอบหมายให้นาย จีน ชาร์พ Gene Sharp ผู้ก่อตั้งองค์กรชื่อ สถาบันอัลเบิร์ต ไอนสไตน์ Albert Einstein ในอเมริกา ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากหลายสถาบันในสังกัดซีไอเอ ให้เป็นผู้รับผิดชอบ ฝึกอบรมและกำกับวิธีการประท้วง (อย่างเนียน) นายจีน ชาร์พ นี่ เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ดังมาก ชื่อ How to Start a Revolution พร้อมทำเป็นวีดีโอ มีทั้งภาษายูเครน ภาษาอาหรับ ไม่รู้มี ป็นภาษาพม่า ภาษาไทย ด้วยหรือเปล่า เขาเรียก ทฤษฏีฝูงผึ้ง สร้างคนน ที่จะเป็นผู้นำกลุ่มก่อน ต่อมาก็สร้างขบวนการเคลื่อนไหว และจัดหาคนตาม ที่อาจจะไม่ต้องมาก ตามทฤษฏีของจีน ชาร์พ เขาอ้างว่า การ “เคลื่อนไหว” จะทำให้คนเข้ามาร่วมเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ยืนอยู่กับที่ ยกมือตะโกนซ้ำซาก แบบนั้น คนไม่เพิ่ม แล้วอาจเดินหนี เพราะมันหมดสมัยไปแล้ว จริงๆ องค์กรของชาร์พ ถูกส่งเข้าไปสร้างเครือข่ายในพม่าตั้งแต่ ค.ศ.1989 โดยพันเอก Robert Helvey หัวหน้าปฏิบัติการ ซีไอเอ และอดีตทูตทหารอเมริกันในย่างกุ้ง เป็นคนนำนายชาร์พเข้าไป นายชาร์พขึ้นล่อง อยู่ระหว่างพม่ากับจีน ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่เทียนอันเหมินของจีน และก็เป็นผู้กำกับ Arab Spring หลายรายการ สถาบันใหญ่ในสังกัดซีไอเอ ที่สนับสนุนการประท้วงใหญ่สีจีวรพระที่พม่า คือ National Endowment for Democracy (NED) ที่แสนจะโด่งดัง เจ้า NED นี่ ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศของอเมริกา เขาว่า NED ทำหน้าที่เหมือนกับที่พวกซีไอเอ ทำในช่วงสงครามเย็นเพี้ยบเลย ผู้ที่สนับสนุนเงินทุนให้แก่ NED อีกต่อคือ Open Society ของไอ้หนังเหนียวตัวแสบ จอร์จ โซรอส ก็เล่นซ้ำกันอยู่อย่างนี้ เหมือนดูหนังในเคเบิลทีวีของเครือซี้ผีของบ้านเราเลย กระทรวงต่างประเทศอเมริกา ได้คัดเลือกตัวหัวหน้าที่จะไปเป็นผู้นำการทาขมิ้น จากหลายองค์กรในพม่า ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลทหาร โดยเจ้า NED ส่งเงินประมาณปีละ 2.5 ล้านเหรียญ หรือ ปีละ 75 ล้านบาท ให้กับพวกสีจีวรพระ ไปสร้างขบวนการประท้วง ศูนย์บัญชาการใหญ่ เขาว่า อยู่ที่สถานกงสุลอเมริกัน ที่เชียงใหม่ของเรานั่นแหละ ส่วนพวกสีจีวร ก็ฝึกอบรมกันอยู่แถวชายแดนบ้านเรา บางครั้ง พวกตัวสำคัญก็ถูกส่งไปอบรมที่อเมริกา แล้วก็กลับมาจัดองค์กรในพม่าต่อ น่าสนุกดีนะครับ เล่นกันอยู่แถวนี้เอง จะแสดงรายการที่พม่าก็มาซ้อมที่ไทย จะแสดงรายการที่ไทย ก็ไปซ้อมกันในเขมร เออ มันแน่จริงๆ นอกจากจะสร้างความปั่นป่วนในบ้านคนอื่นได้แล้ว ยังเสือกมีของแถม ทำให้เพื่อนบ้านมองหน้ากันไม่สนิทอีกด้วย นอกจาก NED จะอุดหนุนพวกสีจีวรแล้ว NED ยังจ่ายเงินให้กับสื่อ ชื่อ New Era Journal , Democratic Voice of Burma และ Irrawaddy ที่เขาว่า เป็นของคุณนายซู เมียฝรั่ง ซึ่งผมเข้าไปอ่านบ่อยเหมือนกัน เพราะบางข่าวเร็วมาก ยังกะส่งตรงจากสถานที่เกิดเหตุ หรือสถานที่ออกใบสั่งเลย แต่วัตถุประสงค์ของการจัดรายการประท้วงนี้ ที่ซ่อนไว้อีกชั้น น่าจะมี 2 เรื่อง พม่าก็น่าจะมีชะตาใกล้เคียงกับเยเมน เพราะพม่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจุดหนึ่งของเส้นทางเดินน้ำมัน จากอ่าวเปอร์เซียไปสู่ทะเลจีน เส้นทางเดินเรือเลียบฝั่งพม่า เป็นเส้นทางเดินเรือที่แน่นขนัด เพื่อผ่านเข้าไปสู่ช่องแคบมะละกา จุดรัดคอ choke point อีกจุดหนึ่ง ที่แคบกว่าของเยเมน และมีความสำคัญในระดับที่ ไม่ต่างกับเยเมน ด้วย ช่องแคบมะละกาเชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด สำหรับส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียไปจีน ช่องแคบมะละกาจึงเป็นจุดรัดคอ choke point ที่สำคัญยิ่งของเอเซีย ประมาณ 80% ของน้ำมันที่จีนนำเข้า ต้องขนส่งทางเรือผ่านจุดนี้ ส่วนที่แคบที่สุดของช่องแคบมะละกาคือ ช่องแคบ Phillips Channel อยู่ในส่วนของสิงคโปร์ มีความกว้างเพียง 1.5 ไมล์ ทุกวันจะมีเรือบรรทุกน้ำมันผ่านช่องแคบนี้ ประมาณวันละ 12 ล้านแท้งค์ใหญ่ และส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปยังจีน หรือญี่ปุ่น… ถ้าช่องแคบมะละกาถูกปิด… ประมาณเกือบครึ่งของเรือขนส่งน้ำมันในโลก จะต้องเพิ่มเส้นทางเดินเรือยาวขึ้น หมายถึงการเพิ่มค่าขนส่งที่จะกระทบไปทั่วโลก มีเรือกว่า 5 หมื่นลำต่อปี แล่นผ่านช่องแคบมะละกา บริเว แนวเส้นทางเดินเรือ ตั้งแต่พม่าไปจนถึงบันดาร์อาเจ๊ะ จึงเป็นแนวรัดคอที่สำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง ใครควบคุมเส้นทางนี้ได้ ก็หมายความว่า ได้ควบคุมเส้นทางขนส่งน้ำมันทางน้ำของจีน และน่าจะของญี่ปุ่นด้วย อเมริกาพยายามที่จะนำกองกำลังของตัว เข้าไปในบริเวณนั้น ตั้งแต่ ปี ค.ศ.2001 โดยใช้ข้ออ้างว่า เพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้าย ไม่รู้ผู้ก่อการร้ายพันธุ์อะไร จากไหน อ้างมั่วๆ จึงไม่มีใครยอม ในที่สุด ได้ข่าวว่า อเมริกาเจรจากับอินโดนีเซีย จนได้ตั้งฐานทัพอากาศ ที่บันดาร์ อาเจ๊ะ Banda Aceh ซึ่งอยู่ไปทางเหนือสุดของเกาะสุมาตรา คงทำให้เราพอเห็นภาพ ความวุ่นวายในพม่า ภาคใต้ของไทย รวมทั้งเรื่องราวในมาเลเซียว่า ทำไมจึงต้องเกิดขึ้นอย่างไม่จบสิ้น และทำไมการขุดคอขอดกระ ของเราจึงเป็นเรื่องยาก สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 ก.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 7

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 7
    มันเป็นเรื่องน่าสมเพชมาก หลังจากกัดดาฟีเสียชีวิต อเมริกากับฝรั่งเศส ต่างออกมาอ้างว่าเป็นผลงานของตน อเมริกาบอก เครื่องโดรนของกู ยิงมันตายคาที่ ฝรั่งเศสบอกไม่ใช่ เครื่องบินของกู ทิ้งระเบิดทะลายมันก่อนต่างหาก
    แต่อังกฤษไม่เถียงกับใคร ยึดเงืนในบัญชีของกัดดาฟีที่ฝากไว้ที่ธนาคารในอังกฤษเรียบ ตัวเลขเท่าไหร่ อังกฤษเม้มปากแน่น เปิดปากเมื่อไหร่ ตัวหารมันจะแยะ ก็ดันขนกันไปกี่ชาติล่ะ เหมือนแร้งลง
    อเมริกาและนาโต้ ไปเอาข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่า ไอ้ที่ตายเป็นตัวปลอม เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2012 เลยพากันกลับไปทิ้งระเบิดที่บริเวณบ้านใหญ่ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีอีกรอบใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย
    อเมริกายังไม่พอใจ ข่าวยังลือจัง งั้นถล่มมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน อเมริกาส่งโดรนไปสำรวจทุกเมืองในลิเบีย สงสัยที่ไหนก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตามมาด้วย “คณะผู้รับเหมา” ทหารรับจ้าง บุกเข้าไปเก็บกวาดผู้ต้องสงสัย
    ส่วนอังกฤษ และฝรั่งเศส กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง รับหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองเคลื่อนที่ ตามสืบความเคลื่อนไหว
    เอะ ไหนลงข่าวว่าตายแน่ ถึงกับลากศพมีรูถูกยิงที่หัวมาถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนี้กลับลำ บอกไม่เชื่อว่าตายจริง เที่ยวตามรื้อ ตามค้น หากัดดาฟีคนไหนไม่รู้ต่อ
    เดี๋ยวก็คงมีข่าวออกมา เหมือนกับเรื่องบินลาเดนหลอกว่ายังไม่ตาย แถมอยู่เกาะสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง คนอะไร รูปถ่ายตอนตายที่ “เขา” ส่งมาให้สื่อลง ยังยิ้มอยู่ แถมยิ้มพิมพ์เดียวกับตอนยังไม่ตายเป๊ะ เพียงแต่หน้าเปื้อนเลือดไปหน่อยเท่านั้น ฮาจริง ไปกดดูได้ในกูเกิลนะครับ ผมไม่ได้เขียนตลก ผมเขียนจากภาพที่เขาเอามาลง
    เขาว่า หลังจากการค้นหา ทำลายไปทำลายมา คลังอาวุธใหญ่ของกัดดาฟี ที่ว่ามีสะสมเป็นโกดังใหญ่ๆ อยู่ในหลายเมือง หายเกลี้ยง ไปโผล่อีกที อยู่ที่ซีเรีย ที่พวกกบฏซีเรียใช้กันมา 3 ปียังไม่หมดน่ะ คนรู้ดีเรื่องอาวุธของกัดดาฟี ถูกขนมาให้กบฏซีเรียใช้ นอกจากซีไอเอและคนที่สั่ง ซีไอเอ ได้แล้ว ยังมีทูตอเมริกันประจำลิเบีย ที่ถูกฆ่าโหดอยู่ในสถานทูตตัวเอง อเมริกาแถลงว่า ถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่า ไหนว่าพวกกันไง แต่มีวุฒิสมาชิกอเมริกาเอง สงสัยว่าเป็นรายการเก็บกันเอง ของอเมริกา
    คนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีอีกคนคือ คุณนายหน้าโหด นางสิงห์สั่งฆ่า เขาว่าตอนถูกกรรมาธิการเรียกไปสอบสวน คุณนายถึงกับเป็นลม หงายหลัง หัวฟาดพื้น แต่ดวงแข็งจัง ไม่ยักตาย (อ่านรายละเอียดเรื่อง ไอ้กันเก็บกันเองที่ลิเบีย ได้ในนิทานเรื่อง Chateau Christoff นะครับ เขียนไว้นานแล้ว)
    ส่วนลิเบียเอง หลังจากขาดหัวที่ชื่อ กัดดาฟี ลิเบียก็เหมือนปลาไหลถูกต้มอยู่ในหม้อ ทั้งตัวเป็นๆ ดิ้นกระแด็กๆ ไปวันๆ รอเวลาเขาเอามากิน ประเทศแตกไม่รู้กี่เสี่ยง ผ่านมาจะ 4 ปี ยังตั้งหลักไม่ได้ มีรัฐบาล 2 คณะพร้อมกัน แต่ละคณะ มีนายกรัฐมนตรีของตัวเอง มีสภา และกองกำลังของตนเอง
    ทางตะวันตกของประเทศ ควบคุมโดยกองกำลังอิสลาม ที่ยึดเอาทริโปลีเป็นเมืองหลวง และไล่รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษา กระเด็นไป
    ทางตะวันออกของประเทศที่มีรัฐบาล ที่มาจากนักการเมืองฝ่ายที่ไม่เอาอิสลาม แต่ปัจจุบันก็รับศึกไม่ไหว ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่เมือง Tobruk ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1,200 กิโล ตอนนี้ ทางตะวันออกนี่ก็เลยไม่ขึ้นกับใคร
    ทางใต้ของประเทศ เป็นแหล่งชุมนุมดาราผู้ก่อการร้าย
    ส่วนทางเหนือ ที่อยู่ติดชายฝั่ง กลายเป็นเส้นทางผ่านของพวกอพยพลี้ภัย ก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ รวมดารานักหลอกต้ม ทั้งนั้น
    หลังจากเป็นปลาไหลอยู่ในหม้อ บรรดาสถานทูตพวกฝรั่งตะวันตก หัวหด หูตกปิดประตูกลับบ้านไปหมด อิยิปต์ อัลจีเรีย และตูนีเซีย ปิดเขตแดนที่ติดต่อกับลิเบีย การข่มขืน ปล้นฆ่า จับมาทรมาน เกิดขึ้นรายวัน ลิเบียกลายเป็นรัฐที่ล้มและเหลว ไปถึงข้างในของกระดูก failed state อย่างแท้จริง
    ไอ้ตัวระยำ ที่เป็นผู้วางแผนสร้างเรื่องก็ทิ้งลิเบีย เหมือนอย่างที่ทำกับอิรัค อียิปต์ และเมืองต่างๆ ในอาฟริกา และที่อื่นๆ สาธยายด่ากันไม่หวาดไม่ไหว
    อเมริกา “ทำเหมือน” หมดปัญญาแก้ไขการมี 2 รัฐบาลในประเทศเดียวกัน และไม่สามารถบริหารประเทศได้สักรัฐบาลเดียว แต่ ล่าสุด อเมริกา กำลังสร้างรัฐบาลที่ 3 ในลิเบีย! มันยิ่งกว่า หนังตลก!
    นายพล Khalifa Hifter หรือ Haftar ซี้ย่ำปึกของซีไอเอ กำลังถูกปั้นขึ้นมาเก็บสมบัติลิเบียที่ยังเหลืออยู่อีกแยะ
    Hifter เคยเป็นลูกน้องเก่าของกัดดาฟี สมัยที่โค่นกษัตริย์ Idris al-Sanusi มาด้วยกัน กัดดาฟี เคยเรียก Hifter เป็นลูกรัก ระหว่างสงครามอาหรับ อิสราเอล ในปี ค.ศ.973 Hifter เป็นผู้นำกองทัพลิเบีย ช่วง ค.ศ.1980-1987 ทำสงครามกับชาด เขาเป็นคนสั่งใช้ระเบิดแก๊สพิษ ลิเบียแพ้ชาด ในการรบครั้งนั้น และทหารลิเบียถูกชาดจับเป็นเชลย รวมทั้ง Hifter ด้วย
    ระหว่างที่ติดอยู่ที่ชาด Hifter ไม่รู้คิดอะไร ชวนพรรคพวกที่เป็นเชลยด้วยกัน ให้ปฏิวัติกัดดาฟี แต่ยังไม่ทันเดินหน้า เขาก็เปลี่ยนแผน เพราะซีไอเอจัดการให้เขาหลุดจากคุมตัวของชาด และข้ามมาคองโก ก่อนบินไปอยู่ที่เวอร์จิเนียของอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 300 คน
    ในฐานะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ที่ซีไอเอจัดการให้ เขาอยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 ถึง ปี ค.ศ.2011 ทำงานหลายจ๊อบให้ซีไอเอ และเมื่อ อเมริกาพยายามขยี้ กัดดาฟี ในปี ค.ศ.1996 Hifter และพวกอีก 600 คนก็เป็นคนจัดการ แต่ไม่สำเร็จ น่าจะทำให้ราคาเขาตกลงพอสมควร แต่ตอนนี้อเมริกาคงไม่มีตัวเลือกเหลือมากนักสำหรับรายการ เก็บกวาดลิเบีย รอบสุดท้าย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 7 มันเป็นเรื่องน่าสมเพชมาก หลังจากกัดดาฟีเสียชีวิต อเมริกากับฝรั่งเศส ต่างออกมาอ้างว่าเป็นผลงานของตน อเมริกาบอก เครื่องโดรนของกู ยิงมันตายคาที่ ฝรั่งเศสบอกไม่ใช่ เครื่องบินของกู ทิ้งระเบิดทะลายมันก่อนต่างหาก แต่อังกฤษไม่เถียงกับใคร ยึดเงืนในบัญชีของกัดดาฟีที่ฝากไว้ที่ธนาคารในอังกฤษเรียบ ตัวเลขเท่าไหร่ อังกฤษเม้มปากแน่น เปิดปากเมื่อไหร่ ตัวหารมันจะแยะ ก็ดันขนกันไปกี่ชาติล่ะ เหมือนแร้งลง อเมริกาและนาโต้ ไปเอาข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่า ไอ้ที่ตายเป็นตัวปลอม เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2012 เลยพากันกลับไปทิ้งระเบิดที่บริเวณบ้านใหญ่ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีอีกรอบใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย อเมริกายังไม่พอใจ ข่าวยังลือจัง งั้นถล่มมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน อเมริกาส่งโดรนไปสำรวจทุกเมืองในลิเบีย สงสัยที่ไหนก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตามมาด้วย “คณะผู้รับเหมา” ทหารรับจ้าง บุกเข้าไปเก็บกวาดผู้ต้องสงสัย ส่วนอังกฤษ และฝรั่งเศส กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง รับหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองเคลื่อนที่ ตามสืบความเคลื่อนไหว เอะ ไหนลงข่าวว่าตายแน่ ถึงกับลากศพมีรูถูกยิงที่หัวมาถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนี้กลับลำ บอกไม่เชื่อว่าตายจริง เที่ยวตามรื้อ ตามค้น หากัดดาฟีคนไหนไม่รู้ต่อ เดี๋ยวก็คงมีข่าวออกมา เหมือนกับเรื่องบินลาเดนหลอกว่ายังไม่ตาย แถมอยู่เกาะสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง คนอะไร รูปถ่ายตอนตายที่ “เขา” ส่งมาให้สื่อลง ยังยิ้มอยู่ แถมยิ้มพิมพ์เดียวกับตอนยังไม่ตายเป๊ะ เพียงแต่หน้าเปื้อนเลือดไปหน่อยเท่านั้น ฮาจริง ไปกดดูได้ในกูเกิลนะครับ ผมไม่ได้เขียนตลก ผมเขียนจากภาพที่เขาเอามาลง เขาว่า หลังจากการค้นหา ทำลายไปทำลายมา คลังอาวุธใหญ่ของกัดดาฟี ที่ว่ามีสะสมเป็นโกดังใหญ่ๆ อยู่ในหลายเมือง หายเกลี้ยง ไปโผล่อีกที อยู่ที่ซีเรีย ที่พวกกบฏซีเรียใช้กันมา 3 ปียังไม่หมดน่ะ คนรู้ดีเรื่องอาวุธของกัดดาฟี ถูกขนมาให้กบฏซีเรียใช้ นอกจากซีไอเอและคนที่สั่ง ซีไอเอ ได้แล้ว ยังมีทูตอเมริกันประจำลิเบีย ที่ถูกฆ่าโหดอยู่ในสถานทูตตัวเอง อเมริกาแถลงว่า ถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่า ไหนว่าพวกกันไง แต่มีวุฒิสมาชิกอเมริกาเอง สงสัยว่าเป็นรายการเก็บกันเอง ของอเมริกา คนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีอีกคนคือ คุณนายหน้าโหด นางสิงห์สั่งฆ่า เขาว่าตอนถูกกรรมาธิการเรียกไปสอบสวน คุณนายถึงกับเป็นลม หงายหลัง หัวฟาดพื้น แต่ดวงแข็งจัง ไม่ยักตาย (อ่านรายละเอียดเรื่อง ไอ้กันเก็บกันเองที่ลิเบีย ได้ในนิทานเรื่อง Chateau Christoff นะครับ เขียนไว้นานแล้ว) ส่วนลิเบียเอง หลังจากขาดหัวที่ชื่อ กัดดาฟี ลิเบียก็เหมือนปลาไหลถูกต้มอยู่ในหม้อ ทั้งตัวเป็นๆ ดิ้นกระแด็กๆ ไปวันๆ รอเวลาเขาเอามากิน ประเทศแตกไม่รู้กี่เสี่ยง ผ่านมาจะ 4 ปี ยังตั้งหลักไม่ได้ มีรัฐบาล 2 คณะพร้อมกัน แต่ละคณะ มีนายกรัฐมนตรีของตัวเอง มีสภา และกองกำลังของตนเอง ทางตะวันตกของประเทศ ควบคุมโดยกองกำลังอิสลาม ที่ยึดเอาทริโปลีเป็นเมืองหลวง และไล่รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษา กระเด็นไป ทางตะวันออกของประเทศที่มีรัฐบาล ที่มาจากนักการเมืองฝ่ายที่ไม่เอาอิสลาม แต่ปัจจุบันก็รับศึกไม่ไหว ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่เมือง Tobruk ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1,200 กิโล ตอนนี้ ทางตะวันออกนี่ก็เลยไม่ขึ้นกับใคร ทางใต้ของประเทศ เป็นแหล่งชุมนุมดาราผู้ก่อการร้าย ส่วนทางเหนือ ที่อยู่ติดชายฝั่ง กลายเป็นเส้นทางผ่านของพวกอพยพลี้ภัย ก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ รวมดารานักหลอกต้ม ทั้งนั้น หลังจากเป็นปลาไหลอยู่ในหม้อ บรรดาสถานทูตพวกฝรั่งตะวันตก หัวหด หูตกปิดประตูกลับบ้านไปหมด อิยิปต์ อัลจีเรีย และตูนีเซีย ปิดเขตแดนที่ติดต่อกับลิเบีย การข่มขืน ปล้นฆ่า จับมาทรมาน เกิดขึ้นรายวัน ลิเบียกลายเป็นรัฐที่ล้มและเหลว ไปถึงข้างในของกระดูก failed state อย่างแท้จริง ไอ้ตัวระยำ ที่เป็นผู้วางแผนสร้างเรื่องก็ทิ้งลิเบีย เหมือนอย่างที่ทำกับอิรัค อียิปต์ และเมืองต่างๆ ในอาฟริกา และที่อื่นๆ สาธยายด่ากันไม่หวาดไม่ไหว อเมริกา “ทำเหมือน” หมดปัญญาแก้ไขการมี 2 รัฐบาลในประเทศเดียวกัน และไม่สามารถบริหารประเทศได้สักรัฐบาลเดียว แต่ ล่าสุด อเมริกา กำลังสร้างรัฐบาลที่ 3 ในลิเบีย! มันยิ่งกว่า หนังตลก! นายพล Khalifa Hifter หรือ Haftar ซี้ย่ำปึกของซีไอเอ กำลังถูกปั้นขึ้นมาเก็บสมบัติลิเบียที่ยังเหลืออยู่อีกแยะ Hifter เคยเป็นลูกน้องเก่าของกัดดาฟี สมัยที่โค่นกษัตริย์ Idris al-Sanusi มาด้วยกัน กัดดาฟี เคยเรียก Hifter เป็นลูกรัก ระหว่างสงครามอาหรับ อิสราเอล ในปี ค.ศ.973 Hifter เป็นผู้นำกองทัพลิเบีย ช่วง ค.ศ.1980-1987 ทำสงครามกับชาด เขาเป็นคนสั่งใช้ระเบิดแก๊สพิษ ลิเบียแพ้ชาด ในการรบครั้งนั้น และทหารลิเบียถูกชาดจับเป็นเชลย รวมทั้ง Hifter ด้วย ระหว่างที่ติดอยู่ที่ชาด Hifter ไม่รู้คิดอะไร ชวนพรรคพวกที่เป็นเชลยด้วยกัน ให้ปฏิวัติกัดดาฟี แต่ยังไม่ทันเดินหน้า เขาก็เปลี่ยนแผน เพราะซีไอเอจัดการให้เขาหลุดจากคุมตัวของชาด และข้ามมาคองโก ก่อนบินไปอยู่ที่เวอร์จิเนียของอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 300 คน ในฐานะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ที่ซีไอเอจัดการให้ เขาอยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 ถึง ปี ค.ศ.2011 ทำงานหลายจ๊อบให้ซีไอเอ และเมื่อ อเมริกาพยายามขยี้ กัดดาฟี ในปี ค.ศ.1996 Hifter และพวกอีก 600 คนก็เป็นคนจัดการ แต่ไม่สำเร็จ น่าจะทำให้ราคาเขาตกลงพอสมควร แต่ตอนนี้อเมริกาคงไม่มีตัวเลือกเหลือมากนักสำหรับรายการ เก็บกวาดลิเบีย รอบสุดท้าย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • “มัลแวร์ย้อนศร แฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือถูกเจาะเอง”

    Hudson Rock บริษัทด้านข่าวกรองไซเบอร์พบว่าเครื่องของนักพัฒนามัลแวร์ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานรัฐเกาหลีเหนือถูกติด LummaC2 infostealer ซึ่งปกติใช้โจมตีเหยื่อทั่วไป แต่ครั้งนี้กลับทำให้ข้อมูลภายในของแฮ็กเกอร์รั่วไหลออกมา ทั้งอีเมล, โดเมนปลอม และเครื่องมือที่ใช้ในการโจมตี

    “เชื่อมโยงการโจมตี Bybit มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์”
    ข้อมูลจากเครื่องที่ถูกติดมัลแวร์เผยว่าอีเมลและโดเมนที่ใช้ในการโจมตีตรงกับหลักฐานที่ Silent Push เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ โดยโดเมน bybit-assessment.com ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกเหยื่อและสนับสนุนการขโมยคริปโตครั้งใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ

    “เครื่องมือและโครงสร้างที่ถูกเปิดโปง”
    เครื่องที่ถูกเจาะเป็นคอมพิวเตอร์สเปกสูง ใช้ Intel Core i7 Gen 12 พร้อม RAM 16GB และติดตั้งเครื่องมือพัฒนาเช่น Visual Studio และ Enigma Protector เพื่อสร้างมัลแวร์และหลบเลี่ยงการตรวจจับ นอกจากนี้ยังพบการใช้ VPN, Slack, Telegram และ Dropbox ในการสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลที่ขโมยมา

    “ผลกระทบต่อการวิจัยด้านความมั่นคงไซเบอร์”
    การที่แฮ็กเกอร์ระดับรัฐถูกมัลแวร์เจาะเองถือเป็นกรณีหายาก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญได้เห็นโครงสร้างการทำงานภายในของปฏิบัติการไซเบอร์เกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วยให้การวิจัยและการป้องกันในอนาคตมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การติด LummaC2 infostealer
    เครื่องของนักพัฒนามัลแวร์เกาหลีเหนือถูกเจาะเอง
    ทำให้ข้อมูลภายในรั่วไหลออกมา

    การเชื่อมโยงกับ Bybit Heist
    โดเมนปลอม bybit-assessment.com ถูกใช้ในโจมตี
    มูลค่าการขโมยคริปโตสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์

    เครื่องมือและโครงสร้างที่ถูกเปิดโปง
    ใช้เครื่องสเปกสูงและซอฟต์แวร์พัฒนาเพื่อสร้างมัลแวร์
    พบการใช้ VPN และแพลตฟอร์มสื่อสารหลายชนิด

    ผลกระทบต่อการวิจัยด้านไซเบอร์
    เปิดโอกาสให้เห็นโครงสร้างการทำงานของแฮ็กเกอร์รัฐ
    ช่วยเพิ่มข้อมูลเชิงลึกในการป้องกันภัยไซเบอร์

    คำเตือนสำหรับองค์กรและผู้ใช้
    มัลแวร์สามารถย้อนกลับมาโจมตีผู้สร้างเองได้
    การใช้เครื่องมือและ VPN ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยเสมอไป
    การโจมตีคริปโตยังคงเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแฮ็กเกอร์รัฐ

    https://hackread.com/north-korean-hacker-device-lummac2-infostealer-bybit/
    💻 “มัลแวร์ย้อนศร แฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือถูกเจาะเอง” Hudson Rock บริษัทด้านข่าวกรองไซเบอร์พบว่าเครื่องของนักพัฒนามัลแวร์ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานรัฐเกาหลีเหนือถูกติด LummaC2 infostealer ซึ่งปกติใช้โจมตีเหยื่อทั่วไป แต่ครั้งนี้กลับทำให้ข้อมูลภายในของแฮ็กเกอร์รั่วไหลออกมา ทั้งอีเมล, โดเมนปลอม และเครื่องมือที่ใช้ในการโจมตี 🪙 “เชื่อมโยงการโจมตี Bybit มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์” ข้อมูลจากเครื่องที่ถูกติดมัลแวร์เผยว่าอีเมลและโดเมนที่ใช้ในการโจมตีตรงกับหลักฐานที่ Silent Push เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้ โดยโดเมน bybit-assessment.com ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกเหยื่อและสนับสนุนการขโมยคริปโตครั้งใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ 🛠️ “เครื่องมือและโครงสร้างที่ถูกเปิดโปง” เครื่องที่ถูกเจาะเป็นคอมพิวเตอร์สเปกสูง ใช้ Intel Core i7 Gen 12 พร้อม RAM 16GB และติดตั้งเครื่องมือพัฒนาเช่น Visual Studio และ Enigma Protector เพื่อสร้างมัลแวร์และหลบเลี่ยงการตรวจจับ นอกจากนี้ยังพบการใช้ VPN, Slack, Telegram และ Dropbox ในการสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลที่ขโมยมา 🌍 “ผลกระทบต่อการวิจัยด้านความมั่นคงไซเบอร์” การที่แฮ็กเกอร์ระดับรัฐถูกมัลแวร์เจาะเองถือเป็นกรณีหายาก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญได้เห็นโครงสร้างการทำงานภายในของปฏิบัติการไซเบอร์เกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วยให้การวิจัยและการป้องกันในอนาคตมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การติด LummaC2 infostealer ➡️ เครื่องของนักพัฒนามัลแวร์เกาหลีเหนือถูกเจาะเอง ➡️ ทำให้ข้อมูลภายในรั่วไหลออกมา ✅ การเชื่อมโยงกับ Bybit Heist ➡️ โดเมนปลอม bybit-assessment.com ถูกใช้ในโจมตี ➡️ มูลค่าการขโมยคริปโตสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ ✅ เครื่องมือและโครงสร้างที่ถูกเปิดโปง ➡️ ใช้เครื่องสเปกสูงและซอฟต์แวร์พัฒนาเพื่อสร้างมัลแวร์ ➡️ พบการใช้ VPN และแพลตฟอร์มสื่อสารหลายชนิด ✅ ผลกระทบต่อการวิจัยด้านไซเบอร์ ➡️ เปิดโอกาสให้เห็นโครงสร้างการทำงานของแฮ็กเกอร์รัฐ ➡️ ช่วยเพิ่มข้อมูลเชิงลึกในการป้องกันภัยไซเบอร์ ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กรและผู้ใช้ ⛔ มัลแวร์สามารถย้อนกลับมาโจมตีผู้สร้างเองได้ ⛔ การใช้เครื่องมือและ VPN ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยเสมอไป ⛔ การโจมตีคริปโตยังคงเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มแฮ็กเกอร์รัฐ https://hackread.com/north-korean-hacker-device-lummac2-infostealer-bybit/
    HACKREAD.COM
    LummaC2 Infects North Korean Hacker Device Linked to Bybit Heist
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด บทส่งท้าย ตอนที่ 1-4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” 
    บทส่งท้าย

ตอน 1
    ตกลง ดูๆไป เหมือนญี่ปุ่นลอยตัวอยู่เหนือสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงไม่เป็นผู้ชนะ แต่ก็เหมือนไม่ได้เป็นผู้แพ้ มีชาวญี่ปุ่น ตายแยะ บ้านเมืองฉิบหายเยอะก็จริงอยู่ แต่ที่ญี่ปุ่นไปรุกรานย่ำยีเขา เขาก็แหลกราญ ยับเยินไม่น้อยกว่า หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนญี่ปุ่นไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับการกระทำของญี่ปุ่น
    ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปใช้อำนาจปกครองญี่ปุ่นโดย SCAP ฝ่ายญี่ปุ่น ที่น่าจะมีผู้รับผิดชอบ ในการนำหรือส่งเสริมให้ญี่ปุ่นทำสงคราม ก็แทบจะหาผู้รับผิดชอบอย่างแท้จริงไม่เจอ เห็นแต่เงารางๆ กับคำขอโทษที่ยังกำกวม และไม่ช่วยทำให้ผู้ที่ถูกญี่ปุ่นย่ำยี นอนตาหลับ
    การชดใช้ค่าเสียหายของญี่ปุ่นกับเยอรมัน ในฐานะผู้ทำแพ้สงคราม ต่างกันสื้นเชิง
    เยอรมันถูกฝ่ายอังกฤษและยุโรปตอกหมุด ดิ้นไม่ออก จ่ายค่าเสียหายไปประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ และค่าชดเชยรายเดือน อยู่อีกหลายสิบปี
    ส่วนญี่ปุ่น อเมริกาบอกว่า ญี่ปุ่นล้มละลาย ทั้งด้านทรัพย์สิน และด้านจิตใจ หลังจากกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป เพราะฉะนั้น จ่ายค่าเสียหายเพียง 2 พันล้านเหรียญ ที่เหลือ SCAP บอกว่า รอรับเป็นอาวุธ (เหลือสงคราม) และเครื่องจักรเก่า หรือเครื่องจักรใหม่ ที่ผลิต จากทรัพยากร ที่ไปขโมยเขามาได้ไหม หรือจะเอาเป็นเครื่องจักรใหม่เอี่ยม ที่อเมริกาจะให้ผลิต แต่ไม่ได้ให้ฟรีนะ ให้แบบลดราคา ส่วนต่างจ่ายเป็นอาหาร โอ้ย เงื่อนไขแยะ สรุปว่า แทบไม่มีใครได้อะไรจากญี่ปุ่น นอกจากอเมริกา
    ฝ่ายอังกฤษและยุโรปบอก แล้วพวกทหารของฝ่ายเรา ที่ญี่ปุ่นจับไปขังให้กินขี้ กินโคลน อยู่ค่ายกักกันที่สิงคโปร์ ประมาณ 5 หมื่นกว่าคน กว่าจะหลุดออกมาหลังสงครามโลก ตายไป เกือบครึ่ง ลืมไปแล้วหรือ นี่ยังไม่ได้นับการสร้างสพานข้ามแม่น้ำแควอันโด่งดังว่า พวกทหารฝรั่งถูกทารุณกันขนาดไหน จะชดเชย จะขอโทษอย่างไร
    ในที่สุด ไม่รู้อเมริกาตกลงอะไรกับอังกฤษ ตอนหลัง เสียงบ่นของชาวเกาะใหญ่ เงียบเช่นเป่าสาก
    ฝ่ายเอเซียเองบอกว่า เราก็ไม่ลืม เรื่องนานกิง เรื่องเมียหมอนข้าง ที่ญี่ปุ่นกวาดต้อนเอา ไปใช้สอยในช่วงสงครามอย่างทารุณ ข่มขืนทั้งร่างกายและจิตใจ มีประมาณกว่าแสนคน ส่วนใหญ่ อายุ 14 ถึง 18 และไม่ลืมเรื่องการปล้นบ้านเมืองของเราอย่างตะกระทารุณและเหี้ยมโหด แต่ไม่มีใครมาตกลงกับจีน ไม่มีคำขอโทษ โลกแทบไม่รู้เรื่อง เพราะฮอลลีวู้ดมัวแต่ทำหนังเรื่องยิว สำหรับเกาหลี ญี่ปุ่นบอกเสียใจ แต่ไม่เคยขอโทษ เพิ่งมาพูดปีนี้ แต่ก็บอกว่า ชนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น ไม่ต้องรับผิดชอบ เรื่องผ่านไปแล้ว (เดี๋ยวจะสับสนกับเรื่องใหม่ ที่กำลังจะต้องทำ ?!)
    สำหรับเยอรมัน ฝ่ายใช้อำนาจปกครอง คุ้ยแคะทอง เพชร แม้กระทั่งฝันทองในปากชาวยิว ฮอลลีวู้ด ยังทำเอาไปทำหนัง งัดฟันทองยิวให้ดู จนคนด่าเช็ดเยอรมันทั้งโรงหนัง ด้านเยอรมัน ถูกแจงทุกรายการ เพราะมียิวคอยจ้อง คอยฟ้อง และเพราะคนคอยแบ่ง มีหลายพวก จ้องกันทั้งตาทั้งปากมันแผลบ ส่วนการดำเนินคดีกับพวกนาซีที่ฆ่าโหดชาวยิว ถูกจับมาดำเนินคดีไปแล้วหลายคน ผ่านไป 70 ปี คดียังไม่จบก็มี ยังต้องพยุงกันมาศาล เมื่อ 2,3 ก็ยังมีข่าวอยู่ ส่วนพวกที่หนีรอด ก็เผ่นไปกบดาน เปลี่ยนชื่ออยู่แถวบราซิล อเมริกาใต้ จนแถวนั้น มีแต่ผิวน้ำตาล แต่ผมทอง ตาสีฟ้า กลายเป็นนางแบบ ค่าตัวแพง
    แต่สำหรับญี่ปุ่น ดูเหมือนเรื่องจะหายเงียบแทบไม่มีอะไรโผล่ ( เหมือนนิทานเรื่องจริง ที่ถูกบีบท่อ ไม่ให้นิทานโผล่ ผมไปตกลงแพ้สงครามกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ !) จะมีก็แต่ นายพลโตโจผู้บัญชาการรบ และนายทหารคนสนิทไม่กี่คน ที่แอ่นอก (นี่ถ้าอดีตนายกฯ คนหนึ่งมาอ่าน หล่อนจะอ่านออกไหม เดี๋ยวจะงงว่า แอ่ นอก คืออะไร อ๋อ ไม่อ่านหรือครับ ไม่ชอบอ่านหนังสือ… มิน่า..) ยอมรับกรรม (แทนคนอื่นๆอีกหลายคน) เมื่อมีคนมากล่อมเขา ให้บอกว่า เขาเป็นคนสั่งให้กองทัพญี่ปุ่นทำสงคราม และเคลื่อนพล ลงมาทางแปซืฟิกใต้ โตโจ บอกไม่มีปัญหา เขารู้หน้าที่ ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ยิงขมับตัวเองฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ไปนอนโรงพยาบาลอยู่ในคุกซุกาโมแทน พอหาย ก็ไปรับโทษ ถูกแขวนคอ พร้อมกับลูกน้อง ไม่กี่คน
###############
ตอน 2
    หลังจาก นาย Atcheson เครื่องบินตกตาย มีคนแคลงใจ เรื่องที่ SCAP บอก ญี่ปุ่นล้มละลาย เสนอให้ประธานาธิบดีทรูแมน ส่งคนมาตรวจสอบ ทรูแมน ส่ง นาย Edwin S Pauley เศรษฐี น้ำมัน จากพรรค Democrat มาประเมินเศรษฐกิจ ของญีปุ่น ว่า เจ๊งจริงหรือเปล่า จะมีปัญญาใช้หนี้ชาวบ้าน เขาบ้างไหม ไหนว่าปล้นทรัพย์เขามาแยะ นาย Pauley บินมาตรวจสอบที่ญี่ปุ่น เขาตามเจอ บัญชีลับต่างๆ ที่อยู่นอกประเทศ เช่นที่ สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ และอาร์เจนตินา เขา รายงานว่า บัญชีพวกนั้น เป็น ทรัพย์สินส่วนตัว ของ พวกนักธุรกิจใหญ่ zaibatsu ที่ไม่เกี่ยวกับการทำสงครามเลยนะ อ้าว
    แต่ ในช่วงไม่กี่เดือน ก่อนสงครามจะจบ ทหารพรานอเมริกัน ลูกครึ่ง อเมริกัน-ฟิลิปปิโน นาย Servino Garcia Santa Romana สังกัดหน่วย โอเอสเอส (หน่วยข่าวกรองของอเมริกา ก่อน เปลี่ยนชื่อ เป็น ซีไอเอ) ที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่แถวภูเขาที่เกาะลูซอน ฟิลิปปีนส์ แอบเห็นกองทัพญี่ปุ่น ใช้รถบรรทุก เป็นขบวน ขนหีบ ท่าทางหนักอึ้ง เข้าไปในถ้ำ หลายรอบจนนับไม่ถ้วน เลย แอบตามไปล็อคคอทหารญี่ปุ่นมาสอบถาม ได้ความว่า เป็นหีบบรรจุทองแท่งทั้งนั้น ส้มหล่นใส่อย่างไม่นึกฝัน ฝ่ายทหารอเมริกันจึงสั่งปิดตายถ้ำ วางกับระเบิดกันไว้ พร้อมจัดยามเฝ้า
    หลังสงครามเลิก นายพลแมค กลับมาลูซอน พร้อมนายพล Charles Willoughby ลูกน้องคนสนิท และพวกหน่วยข่าวกรองอีกหลายโหล ช่วยกันเปิดถ้ำ ขนทองออกไป หลังจากนั้น ก็ปิดตายถ้ำอีกรอบ
    เขาว่า ทองที่ขนกันไป ทอง Santa Romana พวกเขาเรียกกันอย่างนั้น นอกจาก 2 นายพลใหญ่ จะรู้แล้ว หัวหน้าใหญ่ OSS นายพล Donovan ก็รู้ และ แน่นอน Herbert Hoover ก็รู้ ทอง Santa Romana ไม่ได้ส่งคืนเจ้าของ แต่ ฝ่ายอเมริกัน ขนขึ้นเรือรบ นำไปฝาก ใน ธนาคาร 42 ประเทศ แยกเป็น 176 บัญชี ตัวเลขที่เปิดเผย คือ ทอง จำนวน 20,000 ตัน ตันนะครับ ไม่ใช่กิโล ไม่ใช่บาท
    บางส่วนของทอง แบ่งเอาไปใช้ในกิจการ นอกระบบ ของ ซีไอเอ เหมือน รายได้จากพวกฝิ่น เฮโรอีน แถวฉาน พม่า ลาว สามเหลี่ยมทองคำ นั่นแหละ ไม่ต้องกวนภาษีประชาชนคนอเมริกัน และไม่ต้องขออนุญาตรัฐสภา เวลาจะปฏิบัติการ ไม่ต้องแจงรายละเอียด ส่วนที่เหลือไปไหนบ้าง หนังสือที่อ่านไม่บอก ผมรู้แต่ว่า คนเขียนหนังสือ ที่เล่าข้อมูลฝ่ายญี่ปุ่น เขียนเสร็จ พอหนังสือออกขาย เขาต้องย้ายบ้าน ย้ายประเทศ
###############
ตอน 3
    หลังครามโลก พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP ที่คลอดในคุกซุกาโม มียากูซ่า เป็นหมอตำแย ก็เป็นผู้ใช้อำนาจบริหารญี่ปุ่น มาจนถึงทุกวันนี้
    หลังสงครามโลก กลุ่มอเมริกัน มอร์แกน เสียตำแหน่งเจ้าพ่อใหญ่ ที่คุมทุกปีกในอเมริกา ให้แก่ กลุ่มอเมริกัน ร้อกกี้เฟลเลอร์ เขาว่า เพราะมอร์แกน แทงม้าผิดตัว ทุ่มผิดที่ นึกว่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะเคี้ยวเหยื่อ เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ มันไม่มีอะไรแน่นอนตลอดเวลาหรอก พวกเอ็งควรศึกษาศาสนาพุทธ ให้เข้าใจ ถึงเรื่องการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเสียบ้าง จะได้ไม่ตะกระตะกรามขนาดนี้ ส่วนร้อกกี้ อาศัยเทคนิคใหม่ ล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องใช้เงินถม ไม่ต้องใช้กองทัพคนมากมาย อย่างชาวเกาะใหญ่ แค่ใช้กองทัพลมปาก กับตั้งโรงงานฟอกย้อมความคิดให้มากหน่อย ลงทุนครั้งเดียว ผ่านมา 70 ปี สีย้อมยังติดทนดีอยู่เลย เฮ้ย เหนื่อยใจ
    หลังสงครามโลก John McCloy เป็นผู้อำนวยการ สถาบัน CFR ตั้งแต่ ปี คศ 1953 ถึง 1970
    MacCloy เป็นใคร สำคัญอย่างไร 
    MacCloy เดิมเป็นทนาย (ทนายอีกแล้ว!) อยู่ในกลุ่มวอลสตรีทกับพวกมอร์แกน ต่อมาแปรพักตร์ ย้ายมาอยู่กลุ่มร้อกกี้ เขาคงมองเห็นอะไร แวบ ๆ พวกทนายพันธุ์นี้ มักจมูกดี ได้กลิ่นเน่าไว เลยย้าย มาอยู่ สนง กฏหมาย Milbank Tweed ซึ่งทำงานให้ตระกูลร้อกกี้ the great กับ เป็นที่ปรึกษากฏหมายใหญ่ ให้ ธนาคาร Chase หลังจากนั้นได้เลื่อนชั้น เป็นประธานกรรมการ ธนาคาร Chase อย่างไม่ต้องรอคิว
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ร้อกกี้ ปราบดา เขี่ยมอร์แกน ไปจนพ้นทาง จึงส่ง MacCloy มาเป็น ประธาน CFR ซึ่งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกมอร์แกนยึดเก้าอี้ CFR ไว้แน่น นาย MacCloy นี้ เป็นคนไปค้นพบ Henry A Kissinger พวกพันธุ์พิเศษอีกเหมือนกันและเอามามอบตัว ถวายหัวรับใช้ ร้อกกี้ the great เขาเป็นคนกำกับ ควบคุม นโยบายต่างประเทศ ที่ทรงอืทธิพลที่สุด คนหนึ่งของอเมริกา โดยเฉพาะ เกี่ยวกับ เรื่องโซเวียต จีน เวียตนาม อืหร่าน อเมริกาใต้ ใน ช่วงปี 1969 ถึง 1977
    และ เพื่อให้ Grand Area ส่วนที่เป็นเอเซียแปซิฟิก เป็นไปตามแผน ของ War and Peace Studies โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ญี่ปุ่น เป็น ฐานสำคัญ ด้านอุตสาหกรรมและ “อื่นๆ” ให้อเมริกา ในปี คศ 1973 ร้อกกี้ MacCloy และ Kissinger ก็จัดตั้ง Trilateral Commission ขึ้นมา เป็น สาขาลูกของ CFR ภายใต้การสนับสนุนด้านเงินทุน และ “อื่นๆ” จากมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ เพื่อรับนโยบาย การดำเนืนงาน และประสานงาน ในภูมิภาคนี้ ให้สอดคล้องกับนโยบายของ CFR ในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ให้เหมือนกันทั้งโลก ตามที่อเมริกา หรือ CFR ต้องการ สรุปสั้นๆ ตามภาษาแถวบ้านผม แปลว่า “พวกมึงต้องทำตามที่กูบอก” ทำนองนั้นนะครับ
    สมาชิกส่วนใหญ่ ของ Trilateral เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ นักธุรกิจใหญ่ นักการเมืองใหญ่ ใหญ่ๆทั้งนั้น และ ส่วนใหญ่ มาจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี มีส่วนน้อยจากอินโดนีเซีย และชาติอื่นๆ ในเอเซีย และอเมริกาใต้
    แล้วมีคนไทยเป็นสมาชิก Trilatteral นี้ไหม มีครับ เปลี่ยนมาหลายรุ่น และผมก็เคยใส่ชื่อ ไปแล้วหลายรอบ เพจพังเกือบทุกรอบ ถ้าใส่อีกรอบ กลัวจะพังมากกว่าเพจ ลองไปค้นหาอ่านกันดู กดดูจากกูเกิลได้ เด็ดๆ ทั้งนั้น หาไม่เจอบอกมาครับ จะเอามาลงให้ ดูซิ มันจะพังอีกรอบไหม ไหนๆ โดยรวนรายวันอยู่แล้ว
##############
ตอน 4
ร้อกกี้ the great น่าจะใช้วิธี “กำกับ ” รัฐบาลอเมริกัน ผ่าน 4 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงต่างประเทศ, สภาความมั่นคง National Security Council (NSC) , ซีไอเอ และ CFR
    CFR ทำหน้าที่เป็นมันสมอง และ เป็นผู้ “กำกับ” รัฐบาล อีกต่อหนึ่ง
    อิทธิพล ของ CFR มากมายอย่างที่เรานึกไม่ถึง เอาว่า ประธานาธิบดี เกือบทุกคน ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน ก็สังกัด CFR ทั้งสิ้น และ เขาว่า ถ้า CFR ไม่เห็นชอบคนไหน คนนั้นก็อย่าเสียเวลา ไปสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เสียเงินเปล่าๆ
    นอกจากนี้ CFR เป็นผู้ส่งสมาชิกของตัว ไปเป็นหัวหน้า และระดับ ผู้บริหาร สำคัญ ในหน่วยงานข้างต้น ทั้ง 3 หน่วย ด้วย รายชื่อสมาชิก ของ CFR มีทั้ง นักการเมือง นักธุรกิจ
    นักการเงิน นักกฏหมาย นักวิชาการ สื่อ รวมถึง ดารา ทั้งหมด ต้องเป็น รุ่นใหญ่ ระดับ class A ใครสนใจในรายละเอียด ในกูเกิลมีเช่นเดียวกัน
    สำหรับญี่ปุ่น เด็กสร้าง ตัวสำคัญ ของอเมริกา (หรือ ร้อกกี้ ) ในการกินเอเซียแปซิฟิก ที่มีพรรค LDP เป็นผู้บริหารประเทศญี่ปุ่นมาเกือบตลอดเวลา ตั้งแต่หลังสงครามโลก ทำหน้าที่ เป็น ฐานอุตสาหกรรมต้นทุนต่ำ ทำกำไรให้อเมริกามากมาย เศรษฐกิจญี่ปุ่น จะขึ้น จะลง ดี เลว ขึ้นอยู่กับความเมตตาของอเมริกาทั้งสิ้น การเมือง การศึกษา สังคม วัฒนธรรมของญี่ปุ่น เปลี่ยนไปตามแม่พิมพ์ ที่อเมริกาจัดส่งให้ อเมริกาต้องการอะไร ฐานทัพหรือ ได้ จัดให้ และ ตอนนี้ ญี่ปุ่น ก็กำลังมีภาระกิจใหญ่ ต้องเป็นซามูไรแบกถาดรับใช้อเมริกา อีกแล้ว ไม่มีปัญหา แบกถาดรับใช้มาตลอดอยู่แล้ว แต่โลกไม่รู้ เพิ่มถาดใหญ่ อีกถาดเป็นไรไป
    และ จีน ก็ยังอยู่ ยังยั่วน้ำลาย น่ากิน เหมือนร้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่จะเคี้ยวทีไร มีอันเป็นไปทุกที
    ร้อยปีก่อน อังกฤษ ปั่นหัวญี่ปุ่น ให้ตีรวนจีน ให้จีนน่วม ก่อนที่อังกฤษ จะไปกิน แต่แล้วอังกฤษ ก็งับลม อเมริกาวางแผนจะกิน จีนพลิกตัว ปิดประตูเมือง เป็นคอมมิวนิสต์ ดีกว่าเป็นอาณานิคมขี้ข้าฝรั่ง
    มาถึงปีนี้ คศ 2015 ผ่านมาร้อยกว่าปี ยังมีคนไม่สิ้นความอยาก และความพยายาม
    CFR ออกรายงาน Revising U.S Grand Strategy Toward China เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา พอสรุปได้ว่า อเมริกา เห็นจีน เป็นคู่แข็งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา ในขณะนี้ และต่อไปอีก หลายๆสิบปี … จีนกำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ที่มีเป้าหมายจะเข้าไปแทนที่อเมริกา ที่มีสถานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย ….อเมริกา จึงจำเป็นต้องถ่วงดุลยอำนาจจีน …. และการทำให้รากฐานของจีนล่มสลาย (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียว ที่จะทำให้อเมริกา พ้น “ภาระ” การถ่วงดุลยกับจีน …
    อ่านแล้วงง เอาภาษาแถวบ้านผมดีกว่า อเมริกา กำลังบอกจีน ว่า ” …มึงโตไป กูปล่อยให้มึงโตแบบนี้ไม่ได้ กูต้องทำลายมึงให้สิ้นซาก...”
    อเมริกา คงไม่ปล่อยให้จีน ยืนตัวโตค้ำหัวอเมริกา อีกต่อไป อเมริกา ต้อง “ทำอะไร” แล้ว และ Grand Strategy แนะนำ (สั่ง) ให้อเมริกา มอบหมายให้ญี่ปุ่น เป็นหัวหน้า เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ในการ “ทำอะไร” ดังนั้น สิ่งที่ อเมริกา และญี่ปุ่นกำลังจับมือกัน ทำเป็นการด่วน คือ ปลดโซ่ล่ามกองทัพญี่ปุ่น ที่ท่านนายพลแมค ล่ามด้วยรัฐธรรมนูญของญึ่ปุ่น มาตรา 9 ที่ห้ามไม่ให้ญี่ปุ่น มีกองกำลัง เว้นแต่เพื่อป้องกันตัวเอง
    วันนี้อเมริกา ต้องการให้ญี่ปุ่น ผู้ชำนาญการป่วนจีน กลับไปใช้ความชำนาญเดิมอีกรอบหนึ่ง เรื่องนี้ รัฐสภาของอเมริกาให้การสนับสนุน ญี่ปุ่นท่วมท้น ให้ญี่ปุ่น มีกองกำลังร่อนไปทั่ว ( และจริงๆ เขาว่า ก็ร่อนออกมาแล้วด้วย ) เรื่อง สงครามโลก การรบกัน การกินดอกเห็ดจนตายเกลื่อน ลืมกันหมดแล้ว ส่วนที่ญี่ปุ่นเอง สภาล่าง ที่ตาหลาน หลานตา คุมอยู่หมัด ผ่านมตินี้แล้วเมื่อเดือนก่อน (กรกฏาคม) เหลือแต่สภาสูง ที่คาดว่าจะลงมติผ่านในเดือนกันยายน ก่อนที่สภาสูงจะปิดในสิ้นเดือนกันยา เพราะตาหลาน หลานตา ก็คุมอยู่เช่นกัน
    แต่ก็น่าสนใจ ล่าสุด ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ไม่อยากให้สภาผ่านกฏหมายนี้ ไม่อยากเข้าทำสงคราม ไม่อยากแบกถาดอีก กำลังเริ่มออกมาประท้วงหลานตา มากขึ้น ตั้งแต่เดือนที่แล้ว และเมื่อวันที่ 30 สิงหา นี้เอง ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นคน ออกมาชุมนุมใหญ่ คัดค้านการออกกฏหมายแบกถาด และเรียกร้องให้หลานตาลาออก ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวเรื่องยากูซ่าเเก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปั่น แตกคอกันเอง ทางการญี่ปุ่น อ้างอาจมีการซัดกันกลางเมือง
    เรื่องบังเอิญอีกแล้วหรือ ก็ต้องดูว่า ใบสั่ง หรือ พลังของประชาชนญี่ปุ่นจะชนะ
    ผมเล่าประวัติศาสตร์ เพื่อให้เข้าใจปัจจุบัน ว่าตอนนี้ เขากำลังทำอะไรกัน เพราะเหตุใด และเมื่อมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น มันน่าจะมาจากเรื่องไหน และน่าจะพอให้เรามองออกว่า แล้วมันจะไปต่อทางไหน ถ้าจะให้ดี สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน ช่วยกลับไปอ่านนิทาน เรื่อง แผนสอยมังกร กับ เรื่อง ซามูไรแบกถาด ประกอบกับนิทานเรื่องนี้ จะเข้าใจขี้น ว่า การระเบิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่า ในจีน หรือที่ไหน ร่วมทั้งเรื่อง รัสเซีย อิหร่าน ตุรกี เลบานอน และ ล่าสุด มาเลเซีย มันเกี่ยวพันกันหรือไม่ และจะกระทบบ้านเรา หรือไม่อย่างไร
    แล้วก็โปรดอย่าลืม สูตรสำเร็จ ของนักล่า ไม่ว่ารุ่นไหน ยุคไหน กินคำเดียวไม่ไหว ก็ทุบให้น่วมก่อนเคี้ยว แล้วตอนนี้ มันจะทุบที่ไหนบ้าง
    ส่วน เรื่องจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา เมื่อ 100 ปีก่อน มาจนถึงตอนนี้ คงสรุปกันได้แล้ว ว่า ตกลง ใครต้ม ใครซ้อน ใครเจ็บ ใครช้ำ ใครซ่อน ใครรวย ใครโหด ใครเหี้ยม
    แบบนี้ แผล มันก็คงจะตกสะเก็ดยาก….
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
1 ก.ย. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด บทส่งท้าย ตอนที่ 1-4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”  บทส่งท้าย

ตอน 1 ตกลง ดูๆไป เหมือนญี่ปุ่นลอยตัวอยู่เหนือสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงไม่เป็นผู้ชนะ แต่ก็เหมือนไม่ได้เป็นผู้แพ้ มีชาวญี่ปุ่น ตายแยะ บ้านเมืองฉิบหายเยอะก็จริงอยู่ แต่ที่ญี่ปุ่นไปรุกรานย่ำยีเขา เขาก็แหลกราญ ยับเยินไม่น้อยกว่า หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนญี่ปุ่นไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับการกระทำของญี่ปุ่น ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปใช้อำนาจปกครองญี่ปุ่นโดย SCAP ฝ่ายญี่ปุ่น ที่น่าจะมีผู้รับผิดชอบ ในการนำหรือส่งเสริมให้ญี่ปุ่นทำสงคราม ก็แทบจะหาผู้รับผิดชอบอย่างแท้จริงไม่เจอ เห็นแต่เงารางๆ กับคำขอโทษที่ยังกำกวม และไม่ช่วยทำให้ผู้ที่ถูกญี่ปุ่นย่ำยี นอนตาหลับ การชดใช้ค่าเสียหายของญี่ปุ่นกับเยอรมัน ในฐานะผู้ทำแพ้สงคราม ต่างกันสื้นเชิง เยอรมันถูกฝ่ายอังกฤษและยุโรปตอกหมุด ดิ้นไม่ออก จ่ายค่าเสียหายไปประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ และค่าชดเชยรายเดือน อยู่อีกหลายสิบปี ส่วนญี่ปุ่น อเมริกาบอกว่า ญี่ปุ่นล้มละลาย ทั้งด้านทรัพย์สิน และด้านจิตใจ หลังจากกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป เพราะฉะนั้น จ่ายค่าเสียหายเพียง 2 พันล้านเหรียญ ที่เหลือ SCAP บอกว่า รอรับเป็นอาวุธ (เหลือสงคราม) และเครื่องจักรเก่า หรือเครื่องจักรใหม่ ที่ผลิต จากทรัพยากร ที่ไปขโมยเขามาได้ไหม หรือจะเอาเป็นเครื่องจักรใหม่เอี่ยม ที่อเมริกาจะให้ผลิต แต่ไม่ได้ให้ฟรีนะ ให้แบบลดราคา ส่วนต่างจ่ายเป็นอาหาร โอ้ย เงื่อนไขแยะ สรุปว่า แทบไม่มีใครได้อะไรจากญี่ปุ่น นอกจากอเมริกา ฝ่ายอังกฤษและยุโรปบอก แล้วพวกทหารของฝ่ายเรา ที่ญี่ปุ่นจับไปขังให้กินขี้ กินโคลน อยู่ค่ายกักกันที่สิงคโปร์ ประมาณ 5 หมื่นกว่าคน กว่าจะหลุดออกมาหลังสงครามโลก ตายไป เกือบครึ่ง ลืมไปแล้วหรือ นี่ยังไม่ได้นับการสร้างสพานข้ามแม่น้ำแควอันโด่งดังว่า พวกทหารฝรั่งถูกทารุณกันขนาดไหน จะชดเชย จะขอโทษอย่างไร ในที่สุด ไม่รู้อเมริกาตกลงอะไรกับอังกฤษ ตอนหลัง เสียงบ่นของชาวเกาะใหญ่ เงียบเช่นเป่าสาก ฝ่ายเอเซียเองบอกว่า เราก็ไม่ลืม เรื่องนานกิง เรื่องเมียหมอนข้าง ที่ญี่ปุ่นกวาดต้อนเอา ไปใช้สอยในช่วงสงครามอย่างทารุณ ข่มขืนทั้งร่างกายและจิตใจ มีประมาณกว่าแสนคน ส่วนใหญ่ อายุ 14 ถึง 18 และไม่ลืมเรื่องการปล้นบ้านเมืองของเราอย่างตะกระทารุณและเหี้ยมโหด แต่ไม่มีใครมาตกลงกับจีน ไม่มีคำขอโทษ โลกแทบไม่รู้เรื่อง เพราะฮอลลีวู้ดมัวแต่ทำหนังเรื่องยิว สำหรับเกาหลี ญี่ปุ่นบอกเสียใจ แต่ไม่เคยขอโทษ เพิ่งมาพูดปีนี้ แต่ก็บอกว่า ชนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น ไม่ต้องรับผิดชอบ เรื่องผ่านไปแล้ว (เดี๋ยวจะสับสนกับเรื่องใหม่ ที่กำลังจะต้องทำ ?!) สำหรับเยอรมัน ฝ่ายใช้อำนาจปกครอง คุ้ยแคะทอง เพชร แม้กระทั่งฝันทองในปากชาวยิว ฮอลลีวู้ด ยังทำเอาไปทำหนัง งัดฟันทองยิวให้ดู จนคนด่าเช็ดเยอรมันทั้งโรงหนัง ด้านเยอรมัน ถูกแจงทุกรายการ เพราะมียิวคอยจ้อง คอยฟ้อง และเพราะคนคอยแบ่ง มีหลายพวก จ้องกันทั้งตาทั้งปากมันแผลบ ส่วนการดำเนินคดีกับพวกนาซีที่ฆ่าโหดชาวยิว ถูกจับมาดำเนินคดีไปแล้วหลายคน ผ่านไป 70 ปี คดียังไม่จบก็มี ยังต้องพยุงกันมาศาล เมื่อ 2,3 ก็ยังมีข่าวอยู่ ส่วนพวกที่หนีรอด ก็เผ่นไปกบดาน เปลี่ยนชื่ออยู่แถวบราซิล อเมริกาใต้ จนแถวนั้น มีแต่ผิวน้ำตาล แต่ผมทอง ตาสีฟ้า กลายเป็นนางแบบ ค่าตัวแพง แต่สำหรับญี่ปุ่น ดูเหมือนเรื่องจะหายเงียบแทบไม่มีอะไรโผล่ ( เหมือนนิทานเรื่องจริง ที่ถูกบีบท่อ ไม่ให้นิทานโผล่ ผมไปตกลงแพ้สงครามกับมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ !) จะมีก็แต่ นายพลโตโจผู้บัญชาการรบ และนายทหารคนสนิทไม่กี่คน ที่แอ่นอก (นี่ถ้าอดีตนายกฯ คนหนึ่งมาอ่าน หล่อนจะอ่านออกไหม เดี๋ยวจะงงว่า แอ่ นอก คืออะไร อ๋อ ไม่อ่านหรือครับ ไม่ชอบอ่านหนังสือ… มิน่า..) ยอมรับกรรม (แทนคนอื่นๆอีกหลายคน) เมื่อมีคนมากล่อมเขา ให้บอกว่า เขาเป็นคนสั่งให้กองทัพญี่ปุ่นทำสงคราม และเคลื่อนพล ลงมาทางแปซืฟิกใต้ โตโจ บอกไม่มีปัญหา เขารู้หน้าที่ ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ยิงขมับตัวเองฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ไปนอนโรงพยาบาลอยู่ในคุกซุกาโมแทน พอหาย ก็ไปรับโทษ ถูกแขวนคอ พร้อมกับลูกน้อง ไม่กี่คน
###############
ตอน 2 หลังจาก นาย Atcheson เครื่องบินตกตาย มีคนแคลงใจ เรื่องที่ SCAP บอก ญี่ปุ่นล้มละลาย เสนอให้ประธานาธิบดีทรูแมน ส่งคนมาตรวจสอบ ทรูแมน ส่ง นาย Edwin S Pauley เศรษฐี น้ำมัน จากพรรค Democrat มาประเมินเศรษฐกิจ ของญีปุ่น ว่า เจ๊งจริงหรือเปล่า จะมีปัญญาใช้หนี้ชาวบ้าน เขาบ้างไหม ไหนว่าปล้นทรัพย์เขามาแยะ นาย Pauley บินมาตรวจสอบที่ญี่ปุ่น เขาตามเจอ บัญชีลับต่างๆ ที่อยู่นอกประเทศ เช่นที่ สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ และอาร์เจนตินา เขา รายงานว่า บัญชีพวกนั้น เป็น ทรัพย์สินส่วนตัว ของ พวกนักธุรกิจใหญ่ zaibatsu ที่ไม่เกี่ยวกับการทำสงครามเลยนะ อ้าว แต่ ในช่วงไม่กี่เดือน ก่อนสงครามจะจบ ทหารพรานอเมริกัน ลูกครึ่ง อเมริกัน-ฟิลิปปิโน นาย Servino Garcia Santa Romana สังกัดหน่วย โอเอสเอส (หน่วยข่าวกรองของอเมริกา ก่อน เปลี่ยนชื่อ เป็น ซีไอเอ) ที่ปฏิบัติหน้าที่ อยู่แถวภูเขาที่เกาะลูซอน ฟิลิปปีนส์ แอบเห็นกองทัพญี่ปุ่น ใช้รถบรรทุก เป็นขบวน ขนหีบ ท่าทางหนักอึ้ง เข้าไปในถ้ำ หลายรอบจนนับไม่ถ้วน เลย แอบตามไปล็อคคอทหารญี่ปุ่นมาสอบถาม ได้ความว่า เป็นหีบบรรจุทองแท่งทั้งนั้น ส้มหล่นใส่อย่างไม่นึกฝัน ฝ่ายทหารอเมริกันจึงสั่งปิดตายถ้ำ วางกับระเบิดกันไว้ พร้อมจัดยามเฝ้า หลังสงครามเลิก นายพลแมค กลับมาลูซอน พร้อมนายพล Charles Willoughby ลูกน้องคนสนิท และพวกหน่วยข่าวกรองอีกหลายโหล ช่วยกันเปิดถ้ำ ขนทองออกไป หลังจากนั้น ก็ปิดตายถ้ำอีกรอบ เขาว่า ทองที่ขนกันไป ทอง Santa Romana พวกเขาเรียกกันอย่างนั้น นอกจาก 2 นายพลใหญ่ จะรู้แล้ว หัวหน้าใหญ่ OSS นายพล Donovan ก็รู้ และ แน่นอน Herbert Hoover ก็รู้ ทอง Santa Romana ไม่ได้ส่งคืนเจ้าของ แต่ ฝ่ายอเมริกัน ขนขึ้นเรือรบ นำไปฝาก ใน ธนาคาร 42 ประเทศ แยกเป็น 176 บัญชี ตัวเลขที่เปิดเผย คือ ทอง จำนวน 20,000 ตัน ตันนะครับ ไม่ใช่กิโล ไม่ใช่บาท บางส่วนของทอง แบ่งเอาไปใช้ในกิจการ นอกระบบ ของ ซีไอเอ เหมือน รายได้จากพวกฝิ่น เฮโรอีน แถวฉาน พม่า ลาว สามเหลี่ยมทองคำ นั่นแหละ ไม่ต้องกวนภาษีประชาชนคนอเมริกัน และไม่ต้องขออนุญาตรัฐสภา เวลาจะปฏิบัติการ ไม่ต้องแจงรายละเอียด ส่วนที่เหลือไปไหนบ้าง หนังสือที่อ่านไม่บอก ผมรู้แต่ว่า คนเขียนหนังสือ ที่เล่าข้อมูลฝ่ายญี่ปุ่น เขียนเสร็จ พอหนังสือออกขาย เขาต้องย้ายบ้าน ย้ายประเทศ
###############
ตอน 3 หลังครามโลก พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP ที่คลอดในคุกซุกาโม มียากูซ่า เป็นหมอตำแย ก็เป็นผู้ใช้อำนาจบริหารญี่ปุ่น มาจนถึงทุกวันนี้ หลังสงครามโลก กลุ่มอเมริกัน มอร์แกน เสียตำแหน่งเจ้าพ่อใหญ่ ที่คุมทุกปีกในอเมริกา ให้แก่ กลุ่มอเมริกัน ร้อกกี้เฟลเลอร์ เขาว่า เพราะมอร์แกน แทงม้าผิดตัว ทุ่มผิดที่ นึกว่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะเคี้ยวเหยื่อ เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ มันไม่มีอะไรแน่นอนตลอดเวลาหรอก พวกเอ็งควรศึกษาศาสนาพุทธ ให้เข้าใจ ถึงเรื่องการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเสียบ้าง จะได้ไม่ตะกระตะกรามขนาดนี้ ส่วนร้อกกี้ อาศัยเทคนิคใหม่ ล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องใช้เงินถม ไม่ต้องใช้กองทัพคนมากมาย อย่างชาวเกาะใหญ่ แค่ใช้กองทัพลมปาก กับตั้งโรงงานฟอกย้อมความคิดให้มากหน่อย ลงทุนครั้งเดียว ผ่านมา 70 ปี สีย้อมยังติดทนดีอยู่เลย เฮ้ย เหนื่อยใจ หลังสงครามโลก John McCloy เป็นผู้อำนวยการ สถาบัน CFR ตั้งแต่ ปี คศ 1953 ถึง 1970 MacCloy เป็นใคร สำคัญอย่างไร  MacCloy เดิมเป็นทนาย (ทนายอีกแล้ว!) อยู่ในกลุ่มวอลสตรีทกับพวกมอร์แกน ต่อมาแปรพักตร์ ย้ายมาอยู่กลุ่มร้อกกี้ เขาคงมองเห็นอะไร แวบ ๆ พวกทนายพันธุ์นี้ มักจมูกดี ได้กลิ่นเน่าไว เลยย้าย มาอยู่ สนง กฏหมาย Milbank Tweed ซึ่งทำงานให้ตระกูลร้อกกี้ the great กับ เป็นที่ปรึกษากฏหมายใหญ่ ให้ ธนาคาร Chase หลังจากนั้นได้เลื่อนชั้น เป็นประธานกรรมการ ธนาคาร Chase อย่างไม่ต้องรอคิว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ร้อกกี้ ปราบดา เขี่ยมอร์แกน ไปจนพ้นทาง จึงส่ง MacCloy มาเป็น ประธาน CFR ซึ่งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกมอร์แกนยึดเก้าอี้ CFR ไว้แน่น นาย MacCloy นี้ เป็นคนไปค้นพบ Henry A Kissinger พวกพันธุ์พิเศษอีกเหมือนกันและเอามามอบตัว ถวายหัวรับใช้ ร้อกกี้ the great เขาเป็นคนกำกับ ควบคุม นโยบายต่างประเทศ ที่ทรงอืทธิพลที่สุด คนหนึ่งของอเมริกา โดยเฉพาะ เกี่ยวกับ เรื่องโซเวียต จีน เวียตนาม อืหร่าน อเมริกาใต้ ใน ช่วงปี 1969 ถึง 1977 และ เพื่อให้ Grand Area ส่วนที่เป็นเอเซียแปซิฟิก เป็นไปตามแผน ของ War and Peace Studies โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ญี่ปุ่น เป็น ฐานสำคัญ ด้านอุตสาหกรรมและ “อื่นๆ” ให้อเมริกา ในปี คศ 1973 ร้อกกี้ MacCloy และ Kissinger ก็จัดตั้ง Trilateral Commission ขึ้นมา เป็น สาขาลูกของ CFR ภายใต้การสนับสนุนด้านเงินทุน และ “อื่นๆ” จากมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ เพื่อรับนโยบาย การดำเนืนงาน และประสานงาน ในภูมิภาคนี้ ให้สอดคล้องกับนโยบายของ CFR ในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ให้เหมือนกันทั้งโลก ตามที่อเมริกา หรือ CFR ต้องการ สรุปสั้นๆ ตามภาษาแถวบ้านผม แปลว่า “พวกมึงต้องทำตามที่กูบอก” ทำนองนั้นนะครับ สมาชิกส่วนใหญ่ ของ Trilateral เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ นักธุรกิจใหญ่ นักการเมืองใหญ่ ใหญ่ๆทั้งนั้น และ ส่วนใหญ่ มาจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี มีส่วนน้อยจากอินโดนีเซีย และชาติอื่นๆ ในเอเซีย และอเมริกาใต้ แล้วมีคนไทยเป็นสมาชิก Trilatteral นี้ไหม มีครับ เปลี่ยนมาหลายรุ่น และผมก็เคยใส่ชื่อ ไปแล้วหลายรอบ เพจพังเกือบทุกรอบ ถ้าใส่อีกรอบ กลัวจะพังมากกว่าเพจ ลองไปค้นหาอ่านกันดู กดดูจากกูเกิลได้ เด็ดๆ ทั้งนั้น หาไม่เจอบอกมาครับ จะเอามาลงให้ ดูซิ มันจะพังอีกรอบไหม ไหนๆ โดยรวนรายวันอยู่แล้ว
##############
ตอน 4
ร้อกกี้ the great น่าจะใช้วิธี “กำกับ ” รัฐบาลอเมริกัน ผ่าน 4 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงต่างประเทศ, สภาความมั่นคง National Security Council (NSC) , ซีไอเอ และ CFR CFR ทำหน้าที่เป็นมันสมอง และ เป็นผู้ “กำกับ” รัฐบาล อีกต่อหนึ่ง อิทธิพล ของ CFR มากมายอย่างที่เรานึกไม่ถึง เอาว่า ประธานาธิบดี เกือบทุกคน ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน ก็สังกัด CFR ทั้งสิ้น และ เขาว่า ถ้า CFR ไม่เห็นชอบคนไหน คนนั้นก็อย่าเสียเวลา ไปสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เสียเงินเปล่าๆ นอกจากนี้ CFR เป็นผู้ส่งสมาชิกของตัว ไปเป็นหัวหน้า และระดับ ผู้บริหาร สำคัญ ในหน่วยงานข้างต้น ทั้ง 3 หน่วย ด้วย รายชื่อสมาชิก ของ CFR มีทั้ง นักการเมือง นักธุรกิจ นักการเงิน นักกฏหมาย นักวิชาการ สื่อ รวมถึง ดารา ทั้งหมด ต้องเป็น รุ่นใหญ่ ระดับ class A ใครสนใจในรายละเอียด ในกูเกิลมีเช่นเดียวกัน สำหรับญี่ปุ่น เด็กสร้าง ตัวสำคัญ ของอเมริกา (หรือ ร้อกกี้ ) ในการกินเอเซียแปซิฟิก ที่มีพรรค LDP เป็นผู้บริหารประเทศญี่ปุ่นมาเกือบตลอดเวลา ตั้งแต่หลังสงครามโลก ทำหน้าที่ เป็น ฐานอุตสาหกรรมต้นทุนต่ำ ทำกำไรให้อเมริกามากมาย เศรษฐกิจญี่ปุ่น จะขึ้น จะลง ดี เลว ขึ้นอยู่กับความเมตตาของอเมริกาทั้งสิ้น การเมือง การศึกษา สังคม วัฒนธรรมของญี่ปุ่น เปลี่ยนไปตามแม่พิมพ์ ที่อเมริกาจัดส่งให้ อเมริกาต้องการอะไร ฐานทัพหรือ ได้ จัดให้ และ ตอนนี้ ญี่ปุ่น ก็กำลังมีภาระกิจใหญ่ ต้องเป็นซามูไรแบกถาดรับใช้อเมริกา อีกแล้ว ไม่มีปัญหา แบกถาดรับใช้มาตลอดอยู่แล้ว แต่โลกไม่รู้ เพิ่มถาดใหญ่ อีกถาดเป็นไรไป และ จีน ก็ยังอยู่ ยังยั่วน้ำลาย น่ากิน เหมือนร้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่จะเคี้ยวทีไร มีอันเป็นไปทุกที ร้อยปีก่อน อังกฤษ ปั่นหัวญี่ปุ่น ให้ตีรวนจีน ให้จีนน่วม ก่อนที่อังกฤษ จะไปกิน แต่แล้วอังกฤษ ก็งับลม อเมริกาวางแผนจะกิน จีนพลิกตัว ปิดประตูเมือง เป็นคอมมิวนิสต์ ดีกว่าเป็นอาณานิคมขี้ข้าฝรั่ง มาถึงปีนี้ คศ 2015 ผ่านมาร้อยกว่าปี ยังมีคนไม่สิ้นความอยาก และความพยายาม CFR ออกรายงาน Revising U.S Grand Strategy Toward China เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา พอสรุปได้ว่า อเมริกา เห็นจีน เป็นคู่แข็งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา ในขณะนี้ และต่อไปอีก หลายๆสิบปี … จีนกำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ที่มีเป้าหมายจะเข้าไปแทนที่อเมริกา ที่มีสถานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย ….อเมริกา จึงจำเป็นต้องถ่วงดุลยอำนาจจีน …. และการทำให้รากฐานของจีนล่มสลาย (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียว ที่จะทำให้อเมริกา พ้น “ภาระ” การถ่วงดุลยกับจีน … อ่านแล้วงง เอาภาษาแถวบ้านผมดีกว่า อเมริกา กำลังบอกจีน ว่า ” …มึงโตไป กูปล่อยให้มึงโตแบบนี้ไม่ได้ กูต้องทำลายมึงให้สิ้นซาก...” อเมริกา คงไม่ปล่อยให้จีน ยืนตัวโตค้ำหัวอเมริกา อีกต่อไป อเมริกา ต้อง “ทำอะไร” แล้ว และ Grand Strategy แนะนำ (สั่ง) ให้อเมริกา มอบหมายให้ญี่ปุ่น เป็นหัวหน้า เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ในการ “ทำอะไร” ดังนั้น สิ่งที่ อเมริกา และญี่ปุ่นกำลังจับมือกัน ทำเป็นการด่วน คือ ปลดโซ่ล่ามกองทัพญี่ปุ่น ที่ท่านนายพลแมค ล่ามด้วยรัฐธรรมนูญของญึ่ปุ่น มาตรา 9 ที่ห้ามไม่ให้ญี่ปุ่น มีกองกำลัง เว้นแต่เพื่อป้องกันตัวเอง วันนี้อเมริกา ต้องการให้ญี่ปุ่น ผู้ชำนาญการป่วนจีน กลับไปใช้ความชำนาญเดิมอีกรอบหนึ่ง เรื่องนี้ รัฐสภาของอเมริกาให้การสนับสนุน ญี่ปุ่นท่วมท้น ให้ญี่ปุ่น มีกองกำลังร่อนไปทั่ว ( และจริงๆ เขาว่า ก็ร่อนออกมาแล้วด้วย ) เรื่อง สงครามโลก การรบกัน การกินดอกเห็ดจนตายเกลื่อน ลืมกันหมดแล้ว ส่วนที่ญี่ปุ่นเอง สภาล่าง ที่ตาหลาน หลานตา คุมอยู่หมัด ผ่านมตินี้แล้วเมื่อเดือนก่อน (กรกฏาคม) เหลือแต่สภาสูง ที่คาดว่าจะลงมติผ่านในเดือนกันยายน ก่อนที่สภาสูงจะปิดในสิ้นเดือนกันยา เพราะตาหลาน หลานตา ก็คุมอยู่เช่นกัน แต่ก็น่าสนใจ ล่าสุด ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ไม่อยากให้สภาผ่านกฏหมายนี้ ไม่อยากเข้าทำสงคราม ไม่อยากแบกถาดอีก กำลังเริ่มออกมาประท้วงหลานตา มากขึ้น ตั้งแต่เดือนที่แล้ว และเมื่อวันที่ 30 สิงหา นี้เอง ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นคน ออกมาชุมนุมใหญ่ คัดค้านการออกกฏหมายแบกถาด และเรียกร้องให้หลานตาลาออก ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวเรื่องยากูซ่าเเก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปั่น แตกคอกันเอง ทางการญี่ปุ่น อ้างอาจมีการซัดกันกลางเมือง เรื่องบังเอิญอีกแล้วหรือ ก็ต้องดูว่า ใบสั่ง หรือ พลังของประชาชนญี่ปุ่นจะชนะ ผมเล่าประวัติศาสตร์ เพื่อให้เข้าใจปัจจุบัน ว่าตอนนี้ เขากำลังทำอะไรกัน เพราะเหตุใด และเมื่อมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น มันน่าจะมาจากเรื่องไหน และน่าจะพอให้เรามองออกว่า แล้วมันจะไปต่อทางไหน ถ้าจะให้ดี สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน ช่วยกลับไปอ่านนิทาน เรื่อง แผนสอยมังกร กับ เรื่อง ซามูไรแบกถาด ประกอบกับนิทานเรื่องนี้ จะเข้าใจขี้น ว่า การระเบิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่า ในจีน หรือที่ไหน ร่วมทั้งเรื่อง รัสเซีย อิหร่าน ตุรกี เลบานอน และ ล่าสุด มาเลเซีย มันเกี่ยวพันกันหรือไม่ และจะกระทบบ้านเรา หรือไม่อย่างไร แล้วก็โปรดอย่าลืม สูตรสำเร็จ ของนักล่า ไม่ว่ารุ่นไหน ยุคไหน กินคำเดียวไม่ไหว ก็ทุบให้น่วมก่อนเคี้ยว แล้วตอนนี้ มันจะทุบที่ไหนบ้าง ส่วน เรื่องจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา เมื่อ 100 ปีก่อน มาจนถึงตอนนี้ คงสรุปกันได้แล้ว ว่า ตกลง ใครต้ม ใครซ้อน ใครเจ็บ ใครช้ำ ใครซ่อน ใครรวย ใครโหด ใครเหี้ยม แบบนี้ แผล มันก็คงจะตกสะเก็ดยาก….
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
1 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 872 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 18

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 18
    วันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1945 เพียง 4 วัน นับแต่วันที่ญี่ปุ่นยอมสงบศึก เจ้าหน้าที่ฝ่ายญี่ปุ่น 14 คน ก็บินไปหาคณะทำงานของท่านนายพลแมค ที่เมืองมะนิลา เพื่อหารือเรื่องงานพิธีการสงบศึก ที่จักรพรรดิฮิโรโฮิโตจะต้องเป็นคนพูดสารภาพผิดในการพาญี่ปุ่นเข้าสู่สงคราม แต่จริงๆ พวกญี่ปุ่นดูเหมือนจะไปทดสอบอุณหภูมิของฝ่ายอเมริกามากกว่า
    ท่านนายพลแมค นอนไข่วห้างอยู่ในที่พัก ปล่อยให้เด็กๆทั้ง 2 ฝ่าย ทดสอบอุณหภูมิกันเอง
    ฝ่ายญี่ปุ่นจับไต๋ได้ว่า ฝ่ายอเมริกันนั้น ดูเหมือนจะดีแต่ท่า พวกอเมริกาที่มาทำงาน แทบไม่มีใคร “รู้จัก” ญี่ปุ่นเอาเลย ขอข้าว ขอน้ำ เป็นภาษาญี่ปุ่นก็คงอดตาย แถมไม่มีทีท่าว่าอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่นแม้แต่น้อย พวกเขาอยากรีบทำงานให้จบๆ แล้วก็รีบกลับบ้านไปกินเนื้อสเต๊กใกล้สุก มากกว่ากินปลาดิบ
    หลังจากวัดอุณหภูมิอเมริกันได้ว่า อาการไข้ปลาดิบน่าจะสูงขึ้นทุกวัน รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น นายชิเกมิตสุ Shigemitsu ก็จัดทัพคณะทำงานฝ่ายญี่ปุ่นเสียใหม่ เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับคณะทำงานของฝ่าย SCAP โดยมอบหมายให้มือขวาของเขา นาย คาเซะ โตชิคาซุ Kase Toshikazu ซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Amherst ซึ่งมีชื่อเสียงมากของอเมริกา มาเป็นหัวหน้าผู้ประสานงานกับ SCAP
    นายคาเซะ ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว ของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นทุกคน มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 จริงๆแล้ว เขาสังกัดหน่วยสืบราชการลับของญี่ปุ่น เขาเป็นผู้ประสานงานกับเบอร์ลินและมอสโคว์ พวกอเมริกันชอบเขามาก โดยเฉพาะ นายพล Bonner Fellers ถึงกับออกปากว่า …เขาเป็นเพื่อนรักของผมนะ และเขาใกล้ชิดกับจักรพรรดิมากกว่าใครเลยล่ะ…
    ก่อนสงครามโลกจากขยายใหญ่ในปี ค.ศ.1941 นายคาเซะ ได้เป็นหัวหน้ากองอเมริกา ในกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแทน นาย เทราซากิ ทาโระ (Terasaki Taro) และเช่นเดียวกับนายเทราซากิ นายคาเซะ ก็สนิทสนมดีกับ Joseph Grew ทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น ที่ใกล้ชิดกับ กลุ่มนักการเงินทั้งฝั่งอเมริกา และฝั่งญี่ปุ่น และรวมทั้ง Herbert Hoover
    คณะผู้ประสานงานกับ SCAP ที่นำโดยนายคาเซะ ทำให้การทำงานของฝ่ายอเมริกันง่ายขึ้น คำสั่งต่างๆ ของฝ่ายอเมริกัน จะส่งมาที่คณะนายคาเซะ ซึ่งทำหน้าที่แปล และแปลง ถ้าข้อความให้อเมริกา เขาก็เต็มรสซ้อสมะเขือเทศ ข้อความให้ญี่ปุ่น เขาก็เต็มวาซาบิ นายคาเซะทำหน้าที่ เป็นกันชน และคนแต่งรส ในการสื่อสารระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่น รวมทั้ง ถ่วงเวลา หรือทำทุกอย่าง เพื่อประโยชน์ของฝ่ายญี่ปุ่น
    ขณะเดียวกัน ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดหน่วยข่าวกรองด้วย นายคาเซะ “รู้จัก” คนอเมริกันอย่างดี เขาเก็บข้อมูลของฝ่ายอเมริกาไว้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นความลับระดับไหน คุณสมบัติเฉพาะ ข้อมูลละเอียดอ่อน ข้อขัดแย้ง หรือคู่แข่ง ของฝ่ายอเมริกัน เขามีหมด ทั้งหมดนี้ อเมริกา โดย (คิดว่า) ฝ่ายท่านนายพลแมค น่าจะไม่รู้ตัวเลย
    ฝ่ายท่านนายพลแมค นายพลเฟลเลอร์ ภายใต้การกำกับจากทางไกลของ Hoover ก็กำลังหาทาง “จัดการ” ให้ภาระกิจ ปฏิรูปญี่ปุ่น เดินหน้า ไปตามที่ War and Peace Studies วางนโยบาย และตามใบสั่ง
    ใบสั่งบอกว่า การปฏิรูปญี่ปุ่น แม้จะดีกับชาวญี่ปุ่น แต่ถ้าจับนักธุรกิจใหญ่ นักการเมืองใหญ่ เจ้าพ่อใหญ่ต่างๆ ที่เป็นตัวเฟืองที่ทำให้ญี่ปุ่นเดินได้ เอามาดำเนินดคี และเอาเข้าคุกหมด แล้วเราจะใช้ใครโม่แป้ง ใครจะผลิตสินค้า ใครจะขายสินค้า ใครจะคุมกิจการที่เราจะตั้งขึ้น เราต้องมีมือ มีตีนนะ เราแค่เป็นเจ้าของ คนชี้นิ้วสั่ง เข้าใจไหม และที่สำคัญ เราจะลงทุนในธุรกิจของเรา จากเงินของเขา ที่เขาปล้นมาอีกต่อ นี่จะต้องให้อธิบายกันหมดหรือไง
    ฝ่ายปฏิบัติการ จึงต้องหาหนทาง ที่จะทำให้แผนตามใบสั่ง สำเร็จ ก็ไม่น่ายาก เงื่อนไขในการปฏิรูปข้อหนึ่ง กำหนด (เปิดทางไว้ให้แล้ว!) ว่า จักรพรรดิ ต้องมาสารภาพผิดที่พากองทัพเข้าสู่สงคราม
    แล้วขบวนการปล่อยข่าวขู่ว่า จักรพรรดิ ต้องรับผิด เพราะกองทัพ ทำในนามของจักรพรรดิทั้งนั้น แล้วถ้าผิด ราชวงศ์ก็จะต้องถูกยึดทรัพย์ เอามาชดใช้ค่าเสียหายในการทำสงคราม ข่าวปล่อยนี้ ทำเอาเครือข่ายนอกวังในวัง ต่างมือไม้สั่น วิ่งกันหัวหมุนชนกัน หาทางยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินจนวุ่นไปหมด
    ระหว่างที่ตัวนายพลแมค เอง ยังยืนเซ่อว่าจะเดินหน้าอย่างไร ทางวอชิงตันก็ส่งนาย George Atcheson ที่ปรึกษาใหญ่ของกระทรวงต่างประเทศ จากพรรครีพับลิกัน มาคอยดูการทำงาน ของ SCAPด้วย นายพลแมค ที่แอบตั้งความหวังอยู่ในใจ ที่จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดี อเมริกา ในปี ค.ศ.1948 เริ่มคิดมาก งานปฏิรูปญี่ปุ่นนี่ จะสร้างคะแนนบวก หรือลบให้เขา เขาต้องการคะแนนบวก และต้องการกระเป๋าหนุนหลัง และ Hoover อดีตประธานาธิบดี จากรีพับลิกัน น่าจะยังมีพวกพอที่สามารถ” จัดการ” หาทั้งสองอย่างให้เขาได้
    ขณะที่ขบวนการขู่จักรพรรดิ กำลังเดินหน้าไปอย่างดี ถึงขนาดมีข่าวว่า ราชวงศ์หลายคนรีบขายวัง ขายสมบัติ ให้เพื่อนเศรษฐีทำหน้าที่เป็นนอมินีถือแทน และมีการเตรียมบีบให้จักรพรรดิ สละบัลลังก์ให้น้องชาย ถ้าจักรพรรดิ ไม่ยอมรับผิดเรื่องสั่งทำสงคราม ฝ่ายทำงานของ SCAP ก็รวบรวมรายชื่อ แบบเหวี่ยงแห ได้ปลาตัวเล็ก ตัวใหญ่ ประมาณ สองแสนสองหมื่นชื่อ มีทั้ง ทหาร นักธุรกิจ นักการเมือง รัฐบาล ข้าราชการ เจ้าพ่อ ฯลฯ ครบถ้วน เพื่อมาสอบสวน และเอาเข้าคุกก่อนพิจารณาดำเนินคดี คราวนี้รายการวิ่งฝุ่นตลบ ก็เริ่มทยอยเกิดขึ้นในโตเกียว
    วอชิงตันคงเห็นฝุ่นตลบมากไป จึงให้นาย Joseph Keenan หัวหน้าฝ่ายการดำเนินคดีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสงคราม ตั้งคณะทำงาน Far Eastern Commission (FEC) คณะนี้ออกคำสั่งเรียกย่อๆ ว่า FEC-230 เพื่อสั่งให้ SCAP จัดการกับนักธุรกิจใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนญี่ปุ่นในการทำสงคราม เฮ้ย จับปลาพวกนี้ก่อนโว้ย
    รายการ FEC นี่ต้องให้รางวัลคนคิด สุดยอดจริงๆ ปรากฏว่า ได้รับการประท้วง ทั้งจากฝั่งอเมริกาเอง นักธุรกิจใหญ่นายทุน ที่เป็นเจ้าหนี้ญี่ปุ่น ต่างด่ากันโขมง จับลูกหนี้ แล้วเจ้าหนี้ จะได้เงินคืนยังไงวะ โง่จริง และเจ้าหนี้ หรือนักลงทุนส่วนใหญ่ที่อยู่ในวอลสตรีท เป็นเครือมอร์แกนเกือบทั้งนั้น เยี่ยมครับท่าน นี่มันเป็นหมากหลายชั้น กินกลายเด้ง ผมเชื่อแล้วว่าท่านชั่วได้เก่งจริงๆ
    คณะทำงานของ SCAP ไม่สนใจ ไม่ฟังเสียงวอชิงตัน ไม่ฟังเสียงวอลสตรีท เดินหน้าจับหัวกะทิ ของสองแสนสองหมื่น เข้าคุก ซูกาโม ไม่มีตกหล่น ไม่มียกเว้น นักโทษอย่างนายคิชิ นาย ซาซากาวา นายโคดามะ …ก็เดิน เรียงแถวเซื่องๆ เข้าห้องขัง ไหน ไหน ใครว่า ทหารญี่ปุ่น ซามูไร ยากูซ่าโหดเหี้ยม เห็นเดินเข้าห้องขัง หุบปากเงียบกันหมด…

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 18 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 18 วันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1945 เพียง 4 วัน นับแต่วันที่ญี่ปุ่นยอมสงบศึก เจ้าหน้าที่ฝ่ายญี่ปุ่น 14 คน ก็บินไปหาคณะทำงานของท่านนายพลแมค ที่เมืองมะนิลา เพื่อหารือเรื่องงานพิธีการสงบศึก ที่จักรพรรดิฮิโรโฮิโตจะต้องเป็นคนพูดสารภาพผิดในการพาญี่ปุ่นเข้าสู่สงคราม แต่จริงๆ พวกญี่ปุ่นดูเหมือนจะไปทดสอบอุณหภูมิของฝ่ายอเมริกามากกว่า ท่านนายพลแมค นอนไข่วห้างอยู่ในที่พัก ปล่อยให้เด็กๆทั้ง 2 ฝ่าย ทดสอบอุณหภูมิกันเอง ฝ่ายญี่ปุ่นจับไต๋ได้ว่า ฝ่ายอเมริกันนั้น ดูเหมือนจะดีแต่ท่า พวกอเมริกาที่มาทำงาน แทบไม่มีใคร “รู้จัก” ญี่ปุ่นเอาเลย ขอข้าว ขอน้ำ เป็นภาษาญี่ปุ่นก็คงอดตาย แถมไม่มีทีท่าว่าอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่นแม้แต่น้อย พวกเขาอยากรีบทำงานให้จบๆ แล้วก็รีบกลับบ้านไปกินเนื้อสเต๊กใกล้สุก มากกว่ากินปลาดิบ หลังจากวัดอุณหภูมิอเมริกันได้ว่า อาการไข้ปลาดิบน่าจะสูงขึ้นทุกวัน รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น นายชิเกมิตสุ Shigemitsu ก็จัดทัพคณะทำงานฝ่ายญี่ปุ่นเสียใหม่ เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับคณะทำงานของฝ่าย SCAP โดยมอบหมายให้มือขวาของเขา นาย คาเซะ โตชิคาซุ Kase Toshikazu ซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย Amherst ซึ่งมีชื่อเสียงมากของอเมริกา มาเป็นหัวหน้าผู้ประสานงานกับ SCAP นายคาเซะ ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว ของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นทุกคน มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 จริงๆแล้ว เขาสังกัดหน่วยสืบราชการลับของญี่ปุ่น เขาเป็นผู้ประสานงานกับเบอร์ลินและมอสโคว์ พวกอเมริกันชอบเขามาก โดยเฉพาะ นายพล Bonner Fellers ถึงกับออกปากว่า …เขาเป็นเพื่อนรักของผมนะ และเขาใกล้ชิดกับจักรพรรดิมากกว่าใครเลยล่ะ… ก่อนสงครามโลกจากขยายใหญ่ในปี ค.ศ.1941 นายคาเซะ ได้เป็นหัวหน้ากองอเมริกา ในกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแทน นาย เทราซากิ ทาโระ (Terasaki Taro) และเช่นเดียวกับนายเทราซากิ นายคาเซะ ก็สนิทสนมดีกับ Joseph Grew ทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น ที่ใกล้ชิดกับ กลุ่มนักการเงินทั้งฝั่งอเมริกา และฝั่งญี่ปุ่น และรวมทั้ง Herbert Hoover คณะผู้ประสานงานกับ SCAP ที่นำโดยนายคาเซะ ทำให้การทำงานของฝ่ายอเมริกันง่ายขึ้น คำสั่งต่างๆ ของฝ่ายอเมริกัน จะส่งมาที่คณะนายคาเซะ ซึ่งทำหน้าที่แปล และแปลง ถ้าข้อความให้อเมริกา เขาก็เต็มรสซ้อสมะเขือเทศ ข้อความให้ญี่ปุ่น เขาก็เต็มวาซาบิ นายคาเซะทำหน้าที่ เป็นกันชน และคนแต่งรส ในการสื่อสารระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่น รวมทั้ง ถ่วงเวลา หรือทำทุกอย่าง เพื่อประโยชน์ของฝ่ายญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดหน่วยข่าวกรองด้วย นายคาเซะ “รู้จัก” คนอเมริกันอย่างดี เขาเก็บข้อมูลของฝ่ายอเมริกาไว้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นความลับระดับไหน คุณสมบัติเฉพาะ ข้อมูลละเอียดอ่อน ข้อขัดแย้ง หรือคู่แข่ง ของฝ่ายอเมริกัน เขามีหมด ทั้งหมดนี้ อเมริกา โดย (คิดว่า) ฝ่ายท่านนายพลแมค น่าจะไม่รู้ตัวเลย ฝ่ายท่านนายพลแมค นายพลเฟลเลอร์ ภายใต้การกำกับจากทางไกลของ Hoover ก็กำลังหาทาง “จัดการ” ให้ภาระกิจ ปฏิรูปญี่ปุ่น เดินหน้า ไปตามที่ War and Peace Studies วางนโยบาย และตามใบสั่ง ใบสั่งบอกว่า การปฏิรูปญี่ปุ่น แม้จะดีกับชาวญี่ปุ่น แต่ถ้าจับนักธุรกิจใหญ่ นักการเมืองใหญ่ เจ้าพ่อใหญ่ต่างๆ ที่เป็นตัวเฟืองที่ทำให้ญี่ปุ่นเดินได้ เอามาดำเนินดคี และเอาเข้าคุกหมด แล้วเราจะใช้ใครโม่แป้ง ใครจะผลิตสินค้า ใครจะขายสินค้า ใครจะคุมกิจการที่เราจะตั้งขึ้น เราต้องมีมือ มีตีนนะ เราแค่เป็นเจ้าของ คนชี้นิ้วสั่ง เข้าใจไหม และที่สำคัญ เราจะลงทุนในธุรกิจของเรา จากเงินของเขา ที่เขาปล้นมาอีกต่อ นี่จะต้องให้อธิบายกันหมดหรือไง ฝ่ายปฏิบัติการ จึงต้องหาหนทาง ที่จะทำให้แผนตามใบสั่ง สำเร็จ ก็ไม่น่ายาก เงื่อนไขในการปฏิรูปข้อหนึ่ง กำหนด (เปิดทางไว้ให้แล้ว!) ว่า จักรพรรดิ ต้องมาสารภาพผิดที่พากองทัพเข้าสู่สงคราม แล้วขบวนการปล่อยข่าวขู่ว่า จักรพรรดิ ต้องรับผิด เพราะกองทัพ ทำในนามของจักรพรรดิทั้งนั้น แล้วถ้าผิด ราชวงศ์ก็จะต้องถูกยึดทรัพย์ เอามาชดใช้ค่าเสียหายในการทำสงคราม ข่าวปล่อยนี้ ทำเอาเครือข่ายนอกวังในวัง ต่างมือไม้สั่น วิ่งกันหัวหมุนชนกัน หาทางยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินจนวุ่นไปหมด ระหว่างที่ตัวนายพลแมค เอง ยังยืนเซ่อว่าจะเดินหน้าอย่างไร ทางวอชิงตันก็ส่งนาย George Atcheson ที่ปรึกษาใหญ่ของกระทรวงต่างประเทศ จากพรรครีพับลิกัน มาคอยดูการทำงาน ของ SCAPด้วย นายพลแมค ที่แอบตั้งความหวังอยู่ในใจ ที่จะลงสมัครเป็นประธานาธิบดี อเมริกา ในปี ค.ศ.1948 เริ่มคิดมาก งานปฏิรูปญี่ปุ่นนี่ จะสร้างคะแนนบวก หรือลบให้เขา เขาต้องการคะแนนบวก และต้องการกระเป๋าหนุนหลัง และ Hoover อดีตประธานาธิบดี จากรีพับลิกัน น่าจะยังมีพวกพอที่สามารถ” จัดการ” หาทั้งสองอย่างให้เขาได้ ขณะที่ขบวนการขู่จักรพรรดิ กำลังเดินหน้าไปอย่างดี ถึงขนาดมีข่าวว่า ราชวงศ์หลายคนรีบขายวัง ขายสมบัติ ให้เพื่อนเศรษฐีทำหน้าที่เป็นนอมินีถือแทน และมีการเตรียมบีบให้จักรพรรดิ สละบัลลังก์ให้น้องชาย ถ้าจักรพรรดิ ไม่ยอมรับผิดเรื่องสั่งทำสงคราม ฝ่ายทำงานของ SCAP ก็รวบรวมรายชื่อ แบบเหวี่ยงแห ได้ปลาตัวเล็ก ตัวใหญ่ ประมาณ สองแสนสองหมื่นชื่อ มีทั้ง ทหาร นักธุรกิจ นักการเมือง รัฐบาล ข้าราชการ เจ้าพ่อ ฯลฯ ครบถ้วน เพื่อมาสอบสวน และเอาเข้าคุกก่อนพิจารณาดำเนินคดี คราวนี้รายการวิ่งฝุ่นตลบ ก็เริ่มทยอยเกิดขึ้นในโตเกียว วอชิงตันคงเห็นฝุ่นตลบมากไป จึงให้นาย Joseph Keenan หัวหน้าฝ่ายการดำเนินคดีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสงคราม ตั้งคณะทำงาน Far Eastern Commission (FEC) คณะนี้ออกคำสั่งเรียกย่อๆ ว่า FEC-230 เพื่อสั่งให้ SCAP จัดการกับนักธุรกิจใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนญี่ปุ่นในการทำสงคราม เฮ้ย จับปลาพวกนี้ก่อนโว้ย รายการ FEC นี่ต้องให้รางวัลคนคิด สุดยอดจริงๆ ปรากฏว่า ได้รับการประท้วง ทั้งจากฝั่งอเมริกาเอง นักธุรกิจใหญ่นายทุน ที่เป็นเจ้าหนี้ญี่ปุ่น ต่างด่ากันโขมง จับลูกหนี้ แล้วเจ้าหนี้ จะได้เงินคืนยังไงวะ โง่จริง และเจ้าหนี้ หรือนักลงทุนส่วนใหญ่ที่อยู่ในวอลสตรีท เป็นเครือมอร์แกนเกือบทั้งนั้น เยี่ยมครับท่าน นี่มันเป็นหมากหลายชั้น กินกลายเด้ง ผมเชื่อแล้วว่าท่านชั่วได้เก่งจริงๆ คณะทำงานของ SCAP ไม่สนใจ ไม่ฟังเสียงวอชิงตัน ไม่ฟังเสียงวอลสตรีท เดินหน้าจับหัวกะทิ ของสองแสนสองหมื่น เข้าคุก ซูกาโม ไม่มีตกหล่น ไม่มียกเว้น นักโทษอย่างนายคิชิ นาย ซาซากาวา นายโคดามะ …ก็เดิน เรียงแถวเซื่องๆ เข้าห้องขัง ไหน ไหน ใครว่า ทหารญี่ปุ่น ซามูไร ยากูซ่าโหดเหี้ยม เห็นเดินเข้าห้องขัง หุบปากเงียบกันหมด… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 472 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 16

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 16
    ในปี ค.ศ.1941 ธุรกิจต่างชาติในญี่ปุ่น อยู่ในมืออเมริกา ถึง 3 ใน 4 และ เจ้าพ่ออเมริกาในญี่ปุ่น ก่อนปี ค.ศ.1941 คือ เจ พี มอร์แกน กับกลุ่มทุนอเมริกัน ที่เป็นฉากหน้าให้กับ รอทไชลด์ Rothschild บรรดาฑูตอเมริกัน ประจำญี่ปุ่น ในช่วงนั้น ส่วนใหญ่มาจากสายของมอร์แกน เช่น W Camaron Forbes นอกจากเป็นฑูตแล้ว ยังเป็นกรรมการคนหนึ่ง ของมอร์แกน ด้วย ส่วนอีกคน ที่มีบทบาทมาก คือ Joseph Grew (ที่มีเมีย ดองกับเมีย Jack Mogan) จึงไม่แปลก ที่กลุ่มมอร์แกนและอังกฤษ จะครอบญี่ปุ่น โดยการจับมือกับกลุ่มมิตซุย Mitsui ตระกูลใหญ่มากของญี่ปุ่น ที่ครอบงำธุรกิจในญี่ปุ่นอยู่แล้ว
    แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ซึ่งสร้างอาณาจักรจาก (การปล้น) ทรัพยากร ไม่ใช่ จากธุรกิจการ (ปล้น) เงินและทำอุตสาหกรรมอย่างมอร์แกน คงไม่นั่งเฉยๆ ปล่อยให้ มอร์แกนและพวกพ้องอังกฤษ คาบเอาเอเซียแปซิฟิกไปง่ายๆ เขาตั้งใจ ยืนยัน และมุ่งมั่นว่า อเมริกา แต่ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ครองโลก “โดยไม่แบ่งกับใคร” และมันต้องเป็นอเมริกา ภายใต้การครอบงำ ชักใยของเขาและพวกเท่านั้น ไม่ใช่ ใครอื่น
    และด้วยความตั้งใจ อย่างมุ่งมั่น เช่นนั้น ร้อกกี้เฟลเลอร์ ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อขยี้ และเขี่ย กลุ่มพันธมิตร ระหว่างมอร์แกน อังกฤษ (และมิตซุย ในกรณีของญี่ปุ่น) ให้แตกกระจุย
    สำหรับ การยึดเอเซียแปซิฟิก ร้อกกี้เฟลเลอร์ เริ่มต้นด้วยการใช้เครือข่ายของ Standard Oil ของเขา และมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่ไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่จีน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1913 และร่วมมือกับตระกูล Harriman เจ้าพ่อ ทางรถไฟ ที่ร่ำรวยจากสร้างทางรถไฟในอเมริกายังไม่พอ จึงไปบุกตลาดจีน ช่วงเวลาใกล้เคียงกับร้อกกี้เฟลเลอร์
    ตัวจักรใหญ่ ที่เดินสายจัดการตามแผนที่วางคือ สำนักงานฏหมายประจำตระกูลของร้อกกี้เฟลเลอร์ คือ Sullivan and Cromwell ท่านที่เคยอ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษ คงพอจำได้ว่า ทางการของอเมริกา เจอบันทีก การจ่ายเงิน ของสำนักงานนี้ให้แก่ ซุนยัดเซ็น รวมทั้งข้อตกลงของซุนยัดเซ็น ที่จะมอบสัมปทานให้ เมื่อปฏิวัติจีนสำเร็จ
    หัวหน้าทนายใหญ่ ของสำนักงาน Sullivan and Cromwell คือ นาย John Foster Dulles ซึ่งต่อมา ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยประธานาธิบดี Eisenhower ไอเซนฮาว มีนโยบายคัดค้านระบอบคอมมิวนิสม์ อย่างชนิดหัวชนฝา มันคงพออธิบายให้เราได้บ้างเกี่ยวกับตอนจบของ ซุนยัดเซ็น และขอเพิ่มเติมว่า ซุนยัดเซ็นนั้น ในตอนท้ายที่ป่วยและเสียชีวิตนั้น เขาป่วย และเสียชีวิตที่เมืองจีน ในสถานพยาบาล ที่มูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์เป็นเจ้าของ ส่วนน้องชายของ John คือ Allan ก็ได้เป็นผู้อำนวยการ CIA สมัย Eisenhower เช่นเดียวกัน
    เรื่องของ Sullivan And Cromwell น่าจะมาเขียนเป็นเรื่องปล้น ภาคพิศดาร …
    การใช้สำนักงานกฏหมาย หรือตัวทนายความ ไม่ใช่เรื่องแปลก สมัยนี้ก็ยังใช้กันอยู่ ถ้าจำกันได้ ไอ้โจรร้ายบ้านเรา มันก็ใช้ทนายไปทำทุกเรื่อง โดยเฉพาะไอ้พวกขี้ลืม ชอบเอาห่อขนมก้อนใหญ่ๆ ไปลืมทิ้งไว้ที่โน่นที่นี่ ส่วนไอ้พวกนักล้อบบี้ฝรั่ง ที่ชอบมาสร้างเรื่องระยำในบ้านเรา ก็ทนายทั้งนั้นครับ น่าเสียดายจริงๆ เป็นวิชาชีพที่ช่วยคนได้มาก คนโบราณท่านถึงให้เกียรติเรียกหมอความ แต่ก็มีที่เอาอาชีพที่ดี มาช่วยคนชั่วกัน
    แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ นี่ ก็น่าจะเป็นเจ้าของโรงฟอกย้อมต้วจริง เขาคิดเครื่องมือฟอกย้อม soft power ได้อย่างฝั่งรากลึก แม้จะเป็นรากเทียม แต่ดูเหมือน เมื่อฝังลงไปแล้ว จะทำลายรากจริงได้ด้วยการสร้างรากเทียมของเขา ตั้งแต่การสร้างมหาวิทยาลัย การคิดหลักสูตร เจาะลึกไปในแต่ละท้องที่ ที่เรียกว่า area studies ให้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของเหยื่อแต่ละราย และถ้าสังเกตกันให้ดี ขบวนการล้มเจ้า ทำลายความมั่นคงของประเทศเรา ส่วนใหญ่ ก็เริ่มมาจากไอ้พวกอาจารย์ ที่ไปเรียนวิชาเฉพาะ area studies และบางคน ก็ยังสอนวิชานี้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่นอเมริกา และญี่ปุ่น เพราะอะไรหรือ เพราะสถาบันกษัตริย์ เป็นจุดแข็ง เป็นความมั่นคงอย่างสำคัญของประเทศเรา มันอยากจะกินเรา ครอบเรา มันก็ใช้วิธีการ บ่อนทำลายจุดแข็งนั้น
    และอีกวิธีการ ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ที่เรียกว่า consent management วิธีจัดการให้คนยินยอม และเห็นพ้องด้วย ตามเหตุผลที่เขา “สร้าง” ขึ้นมาให้เราหลงเชื่อ ผมเขียนเรื่องพวกนี้ไว้ในนิทานเรื่องแกะรอยนักล่า ช่วยประหยัดเวลาคนแก่ ไปเอามาอ่านกันหน่อย จะได้เข้าใจว่า เขาฝังรากเทียมให้เราอย่างไร ถึงแก้ยากแก้เย็นนัก จนลืมรากเหง้าของแท้ของเรากัน
    แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ไม่ใช่นักการเงิน (แม้จะเป็นเจ้าของธนาคาร Chase Manhattan ที่เคยใหญ่คับโลก รวมทั้งในเมืองไทย ช่วงสงครามเวียตนาม และหลังจากนั้น ) เขาเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ จึงค้นคิดสูตรครองโลกเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่ากลัวกว่า ด้านการเงิน การเงินพอแก้เกมกันได้ แต่ด้านวิทยาศาสตร์ เช่น การเกษตร พันธุ์ จีเอ็มโอ การตอนพันธุ์ การคัดสายพันธุ์มนุษย์ ซึ่งรวมถึงอาวุธร้ายรูปแบบต่างนั้น สร้างความเสียหายต่อชีวิต และบ้านเมืองสูงนัก การแก้ทำไม่ได้ง่าย (มีเขียนอยู่ในนิทานเรื่อง มายากลยุทธ) บ้านเรา ก็ขายเมล็ดพันธ์ทางเกษตร และผลผลิต แบบจีเอ็มโอ GMO ทั้งนั้น ซึ่งเป็นการทำลายสายพันธ์อย่างยิ่ง และต้นทุนสูง สร้างหนี้ให้เกษตรกรอย่างน่าสงสาร ขณะเดียวกัน ชีวิตและสุขภาพ ของกินผลิตผล ของจีเอ็มโอ ก็น่าเป็นห่วง ใครขาย ใครปล่อยให้ขาย จะทำลายกันถึงไหน…ใครมีดาบอาญาสิทธิ อยู่ในมือ ก็หันมาดูบ้าง เรื่องใหญ่นะครับ
    กลับมาที่ญี่ปุ่น ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น แม้อเมริกา จะมาทีหลังอังกฤษหลายสิบปี แต่อเมริกาก็สามารถแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ได้ผลอย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือฟอกย้อม แบบ ฝังรากเทียมนี่แหละ
    ก่อนที่จะมีหน่วยงานข่าวกรอง หรือหน่วยสืบราชการลับ การหาข่าว ข้อมูล หรือสร้างเครือข่ายในประเทศเป้าหมาย ก็มักจะทำโดยพระ ผู้สอนศาสนา มิชชั่นนารี หรือหน่วยงานที่มาในรูปของการให้ความร่วมมือ การส่งเสริมทางสังคม วัฒนธรรม การศึกษา
    ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกา ทดลองวิธีหาเหยื่อแบบใหม่ อเมริกา สร้าง Young Men’s Christian Association หรือ YMCA ส่งหนุ่มน้อยเดินสายไปทั่วทุกแห่ง เพื่อสังสรร และชวนเล่นกีฬา มีแต่คนเอ็นดู ทำให้อเมริกาได้ข้อมูล และสร้างเครือข่ายตามที่ต้องการ บ้านเราก็มีมาเหมือนกัน ท่านผู้อ่านนิทานคงเกิดไม่ทันกัน YMCA รุ่นแรก มาบ้านเราตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ามาตั้งสำนักงานอยู่แถวถนนวรจักร พอสมัยสงครามเวียตนาม ก็ย้ายมาอยู่แถวถนนสาธร สถานที่กว้างขวาง มีคอร์ตเทนนิส โรงหนังโรงละคร ขนาดเล็ก เพื่อนำวัฒนธรรม หรือข้อมูล ที่อเมริกาต้องการฝังหัว ให้แก่สังคมไทย ส่วนที่อเมริกาเลือกแล้วว่า จะเป็นประโยชน์แก่ตัว หลังสงครามเวียตนาม เข้าใจว่า เปลี่ยนรูปแบบ ไม่ใช้ YMCA เพราะเชยไปแล้ว เปลี่ยนไปใช้แบบพันธ์ผสม มีตั้งแต่ สื่อ นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ จนมาถึงนักเคลื่อนไหว เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน ไปจนถึง คนคุมกำเนิด เฮ้อ..
    สำหรับท่านที่อ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว คงจำได้ว่า อเมริกาก็ส่ง YMCA เข้าไปในรัสเซีย ช่วงที่กำลังสร้างปฏิวัติให้รัสเซียในปี ค.ศ.1917 รวมทั้ง ส่งเข้าไปในจีน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แปลว่า อเมริกา มีแผนการ คิดกินรวบ ตั้งแต่รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และเอเซียแปซิฟิกมานานแล้ว ไม่ต่างกับอังกฤษ เพียงแต่อเมริกา รอเวลากิน โดยดูตัวอย่างการกินของอังกฤษ ที่แม้จะดูเฉียบคม แต่ก็ทำให้เหยื่อตื่นและเชื่องยาก อเมริกาจึงคิดวิธีกินเหยื่อแบบใหม่ ชนิดเหยื่อเปิดบ้านนอนรอ…
    คนที่ถือธง นำ YMCA เข้ามาที่ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1917 ชื่อ Frank Buchman เขาเข้ามาทำความรู้จักกับสังคมญี่ปุ่น ส่วนที่กำลังเห่อฝรั่ง สมาชิก YMCA ญี่ปุ่น มีตั้งแต่ ตระกูลใหญ่ อย่างสุมิโตโม และ มิตซุย ซึ่งเป็นเจ้าพ่อ บรรษัทใหญ่ ที่ผูกขาดธุรกิจของญี่ปุ่น และ บารอน ไออิชิ ชิบุซาวะ Eiichi Shibusawa นักธุรกิจใหญ่อีกคน ซึ่งเป็นคริสเตียน ที่มีความสนิทสนม และมีเครือข่ายกับทั้งฝั่งอังกฤษ และอเมริกา เป็นหัวหน้าสหภาพการค้าของญี่ปุ่น และเป็นผู้ริเริ่มตั้งคณะนิติศาสตร์ ที่ใช้หลักกฏหมายของเยอรมันขึ้น ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว คุ้นๆ ไหมครับ
    เมื่อ ใช้ YMCA แทรกเข้าไปหาข้อมูล และสร้างเครือข่ายได้หลายปีกำลังดี นาย Frank Buchman ก็ไปจากญี่ปุ่น คราวนี้เขาไปตั้งสถาบันชื่อประหลาด Moral Rearmament Movement (MRA) เป็นขบวนการล้างสมองที่น่ากลัวมาก และกลับมาในญี่ปุ่นอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.1920 คราวนี้ เครือข่าย MRA ในญี่ปุ่นขยายใหญ่กว่าสมัยเป็น YMCA กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาให้การสนับสนุน MRA เต็มที่ และในที่สุด MRA ก็เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่ง ที่อเมริกา โดยร้อกกี้เฟลเลอร์ และ ซีไอเอ ใช้สร้างและควบคุม เครือข่ายของตนในญี่ปุ่น (ในปี คศ 1930 MRA มีเครือข่ายอยู่ใน 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น และเยอรมัน)
    MRA เริ่มเข้าไปสร้างเครือข่าย ในมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่มีนักศึกษาด้านกฏหมาย และเศรษฐศาสตร์ ตามทฤษฏีของ เยอรมัน และสร้างความคิดต่อต้านการเคลื่อนไหวของกรรมกร ผู้ที่สนับสนุนการต่อต้านกรรมกรอย่างเปิดเผย คือ นาย ซาซากาวา Sasagawa Ryoichi ซึ่งเป็นนักโทษร่วมรุ่น กับ นายคิชิ ที่คุก Sugamo และจูงมือออกจากคุกมาพร้อมกัน กับนายโคโดมะ ยากูซ่า
    นายซาซากาวา นั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเคยไปร่วมประชุมกับฮิตเล่อร์ และมุสโสลินี ที่พยายามสร้างเครือข่ายการร่วมมือระหว่าง ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ และนาซี เยอรมัน เพื่อต่อต้านโซเวียต มันเป็นโปรแกรมเดียวกับที่ MRA เสนอ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแผนสลับข้าง
    และผู้ที่เป็นตัวเชื่อมสำคัญ ระหว่าง MRA หรืออเมริกากับกองทัพญี่ปุ่น ก็คือ
    นาย ซาซากาวา คนนี้เอง เขาเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง และได้ชื่อว่าเป็นมือที่มองไม่เห็น ชักใยประเทศญี่ปุ่นอยู่ถึง 50 ปี ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ.1930 -1980
    ซาซากาวา เป็นชาวเมือง Minoo อยู่ใกล้ๆ กับ Osaka ร่ำรวยขึ้นมาจาการเก็งกำไรเรื่องข้าว ในปี ค.ศ.1927 ซาซากาวา ตั้งกลุ่มชื่อ Kokubosha หรือ National Defense Society และปี ค.ศ.1931 ตั้งอีกกลุ่มชื่อ Kokusui-Taihuto หรือ Mass Party of the Patriotic Peoples ทั้ง 2 สมาคม เป็นพวกขวาจัด ชาตินิยมรุนแรง
    นายซาซากาวา สร้างกองกำลังของตัวเองหลายหมื่นคน (น่าจะเป็นยากูซ่าแทบทั้งนั้น) นอกจากมีกองกำลังแล้ว เขายังมีเครื่องบินอีก 20 ลำ แถมลงทุนสร้างสนามบินส่วนตัวใกล้เมืองโอซากา ทั้งหมดเพื่อใช้ในการเข้าไปปฏืบัติการในจีน เพื่อปล้น และยึดทรัพยากร ขนทอง และเพชรจากจีนด้วยเครื่องบินของเขา เที่ยวละหลายสิบกระสอบ รวมทั้งฝิ่น หลายครั้ง 2 สมาคมของซาซากาวา ร่วมปฏิบัติการกับยากูซ่ากลุ่มมังกรดำ ที่นำโดย นายโคดามะ Yoshio Kodama ที่เป็นเพื่อนกัน และเป็นพวกขวาจัด และชาตินิยมเหมือนกัน
    กลุ่มชาตินิยมเหล่านี้ เข้าไปร่วมอยู่กับกองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย และ มองโกเลีย โดยการรู้เห็นและสนับสนุนของกองทัพ รวมถึงรัฐบาลด้วย ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ มีส่วนกับพฤติกรรม ที่ทารุณโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่น มากน้อยแค่ไหน
    นาย ซาซากาวา นั้น เป็นผู้ที่มีเสียงดังฟังชัดว่า อยู่ฝ่ายประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับนายโคดามะ และในช่วงที่การเมืองญี่ปุ่นแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ในช่วงก่อนปี ค.ศ.1931 นักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพถูกเก็บเป็นว่าเล่น ข่าวว่า เป็นฝีมือกลุ่มในสังกัดของ นายซาซากาวา เกือบทั้งสิ้น และด้วยเงินทุนของนายซาซากาวา ที่ได้มาจากการปล้นจีน ทิศทางของรัฐบาลญี่ปุ่น ก็จึงยิ่งเอียงมาทางให้กองทัพญี่ปุ่น ยกกำลังลงมาทางใต้ และมาบุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    และในที่สุดกองทัพญี่ปุ่น ก็ตัดสินใจ ยกกำลังลงมาทางใต้ บุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จริงๆ มันเป็นการตัดสินใจภายใต้คำแนะนำ ของ นาย Tsuji Masanobu นักยุทธศาสตร์คนสำคัญประจำกองทัพ ความสำคัญของเขา น่าจะมีมากกว่าระดับกองทัพด้วยซ้ำ มีข่าวว่า ภายหลัง เขามาวางยุทธศาสตร์การรบและตั้งกองบัญชาการอยู่ทางใต้ของบ้านเรา
    มันเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้อง และก็เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ของ CFR ที่ทำการศึกษาวางแผน อยู่ถึง 2 ปี ในช่วง คศ 1939-1940 ภายใต้การอำนายการของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 16 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 16 ในปี ค.ศ.1941 ธุรกิจต่างชาติในญี่ปุ่น อยู่ในมืออเมริกา ถึง 3 ใน 4 และ เจ้าพ่ออเมริกาในญี่ปุ่น ก่อนปี ค.ศ.1941 คือ เจ พี มอร์แกน กับกลุ่มทุนอเมริกัน ที่เป็นฉากหน้าให้กับ รอทไชลด์ Rothschild บรรดาฑูตอเมริกัน ประจำญี่ปุ่น ในช่วงนั้น ส่วนใหญ่มาจากสายของมอร์แกน เช่น W Camaron Forbes นอกจากเป็นฑูตแล้ว ยังเป็นกรรมการคนหนึ่ง ของมอร์แกน ด้วย ส่วนอีกคน ที่มีบทบาทมาก คือ Joseph Grew (ที่มีเมีย ดองกับเมีย Jack Mogan) จึงไม่แปลก ที่กลุ่มมอร์แกนและอังกฤษ จะครอบญี่ปุ่น โดยการจับมือกับกลุ่มมิตซุย Mitsui ตระกูลใหญ่มากของญี่ปุ่น ที่ครอบงำธุรกิจในญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ซึ่งสร้างอาณาจักรจาก (การปล้น) ทรัพยากร ไม่ใช่ จากธุรกิจการ (ปล้น) เงินและทำอุตสาหกรรมอย่างมอร์แกน คงไม่นั่งเฉยๆ ปล่อยให้ มอร์แกนและพวกพ้องอังกฤษ คาบเอาเอเซียแปซิฟิกไปง่ายๆ เขาตั้งใจ ยืนยัน และมุ่งมั่นว่า อเมริกา แต่ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ครองโลก “โดยไม่แบ่งกับใคร” และมันต้องเป็นอเมริกา ภายใต้การครอบงำ ชักใยของเขาและพวกเท่านั้น ไม่ใช่ ใครอื่น และด้วยความตั้งใจ อย่างมุ่งมั่น เช่นนั้น ร้อกกี้เฟลเลอร์ ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อขยี้ และเขี่ย กลุ่มพันธมิตร ระหว่างมอร์แกน อังกฤษ (และมิตซุย ในกรณีของญี่ปุ่น) ให้แตกกระจุย สำหรับ การยึดเอเซียแปซิฟิก ร้อกกี้เฟลเลอร์ เริ่มต้นด้วยการใช้เครือข่ายของ Standard Oil ของเขา และมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่ไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่จีน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1913 และร่วมมือกับตระกูล Harriman เจ้าพ่อ ทางรถไฟ ที่ร่ำรวยจากสร้างทางรถไฟในอเมริกายังไม่พอ จึงไปบุกตลาดจีน ช่วงเวลาใกล้เคียงกับร้อกกี้เฟลเลอร์ ตัวจักรใหญ่ ที่เดินสายจัดการตามแผนที่วางคือ สำนักงานฏหมายประจำตระกูลของร้อกกี้เฟลเลอร์ คือ Sullivan and Cromwell ท่านที่เคยอ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษ คงพอจำได้ว่า ทางการของอเมริกา เจอบันทีก การจ่ายเงิน ของสำนักงานนี้ให้แก่ ซุนยัดเซ็น รวมทั้งข้อตกลงของซุนยัดเซ็น ที่จะมอบสัมปทานให้ เมื่อปฏิวัติจีนสำเร็จ หัวหน้าทนายใหญ่ ของสำนักงาน Sullivan and Cromwell คือ นาย John Foster Dulles ซึ่งต่อมา ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยประธานาธิบดี Eisenhower ไอเซนฮาว มีนโยบายคัดค้านระบอบคอมมิวนิสม์ อย่างชนิดหัวชนฝา มันคงพออธิบายให้เราได้บ้างเกี่ยวกับตอนจบของ ซุนยัดเซ็น และขอเพิ่มเติมว่า ซุนยัดเซ็นนั้น ในตอนท้ายที่ป่วยและเสียชีวิตนั้น เขาป่วย และเสียชีวิตที่เมืองจีน ในสถานพยาบาล ที่มูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์เป็นเจ้าของ ส่วนน้องชายของ John คือ Allan ก็ได้เป็นผู้อำนวยการ CIA สมัย Eisenhower เช่นเดียวกัน เรื่องของ Sullivan And Cromwell น่าจะมาเขียนเป็นเรื่องปล้น ภาคพิศดาร … การใช้สำนักงานกฏหมาย หรือตัวทนายความ ไม่ใช่เรื่องแปลก สมัยนี้ก็ยังใช้กันอยู่ ถ้าจำกันได้ ไอ้โจรร้ายบ้านเรา มันก็ใช้ทนายไปทำทุกเรื่อง โดยเฉพาะไอ้พวกขี้ลืม ชอบเอาห่อขนมก้อนใหญ่ๆ ไปลืมทิ้งไว้ที่โน่นที่นี่ ส่วนไอ้พวกนักล้อบบี้ฝรั่ง ที่ชอบมาสร้างเรื่องระยำในบ้านเรา ก็ทนายทั้งนั้นครับ น่าเสียดายจริงๆ เป็นวิชาชีพที่ช่วยคนได้มาก คนโบราณท่านถึงให้เกียรติเรียกหมอความ แต่ก็มีที่เอาอาชีพที่ดี มาช่วยคนชั่วกัน แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ นี่ ก็น่าจะเป็นเจ้าของโรงฟอกย้อมต้วจริง เขาคิดเครื่องมือฟอกย้อม soft power ได้อย่างฝั่งรากลึก แม้จะเป็นรากเทียม แต่ดูเหมือน เมื่อฝังลงไปแล้ว จะทำลายรากจริงได้ด้วยการสร้างรากเทียมของเขา ตั้งแต่การสร้างมหาวิทยาลัย การคิดหลักสูตร เจาะลึกไปในแต่ละท้องที่ ที่เรียกว่า area studies ให้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของเหยื่อแต่ละราย และถ้าสังเกตกันให้ดี ขบวนการล้มเจ้า ทำลายความมั่นคงของประเทศเรา ส่วนใหญ่ ก็เริ่มมาจากไอ้พวกอาจารย์ ที่ไปเรียนวิชาเฉพาะ area studies และบางคน ก็ยังสอนวิชานี้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่นอเมริกา และญี่ปุ่น เพราะอะไรหรือ เพราะสถาบันกษัตริย์ เป็นจุดแข็ง เป็นความมั่นคงอย่างสำคัญของประเทศเรา มันอยากจะกินเรา ครอบเรา มันก็ใช้วิธีการ บ่อนทำลายจุดแข็งนั้น และอีกวิธีการ ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ที่เรียกว่า consent management วิธีจัดการให้คนยินยอม และเห็นพ้องด้วย ตามเหตุผลที่เขา “สร้าง” ขึ้นมาให้เราหลงเชื่อ ผมเขียนเรื่องพวกนี้ไว้ในนิทานเรื่องแกะรอยนักล่า ช่วยประหยัดเวลาคนแก่ ไปเอามาอ่านกันหน่อย จะได้เข้าใจว่า เขาฝังรากเทียมให้เราอย่างไร ถึงแก้ยากแก้เย็นนัก จนลืมรากเหง้าของแท้ของเรากัน แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ไม่ใช่นักการเงิน (แม้จะเป็นเจ้าของธนาคาร Chase Manhattan ที่เคยใหญ่คับโลก รวมทั้งในเมืองไทย ช่วงสงครามเวียตนาม และหลังจากนั้น ) เขาเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ จึงค้นคิดสูตรครองโลกเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่ากลัวกว่า ด้านการเงิน การเงินพอแก้เกมกันได้ แต่ด้านวิทยาศาสตร์ เช่น การเกษตร พันธุ์ จีเอ็มโอ การตอนพันธุ์ การคัดสายพันธุ์มนุษย์ ซึ่งรวมถึงอาวุธร้ายรูปแบบต่างนั้น สร้างความเสียหายต่อชีวิต และบ้านเมืองสูงนัก การแก้ทำไม่ได้ง่าย (มีเขียนอยู่ในนิทานเรื่อง มายากลยุทธ) บ้านเรา ก็ขายเมล็ดพันธ์ทางเกษตร และผลผลิต แบบจีเอ็มโอ GMO ทั้งนั้น ซึ่งเป็นการทำลายสายพันธ์อย่างยิ่ง และต้นทุนสูง สร้างหนี้ให้เกษตรกรอย่างน่าสงสาร ขณะเดียวกัน ชีวิตและสุขภาพ ของกินผลิตผล ของจีเอ็มโอ ก็น่าเป็นห่วง ใครขาย ใครปล่อยให้ขาย จะทำลายกันถึงไหน…ใครมีดาบอาญาสิทธิ อยู่ในมือ ก็หันมาดูบ้าง เรื่องใหญ่นะครับ กลับมาที่ญี่ปุ่น ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น แม้อเมริกา จะมาทีหลังอังกฤษหลายสิบปี แต่อเมริกาก็สามารถแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ได้ผลอย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือฟอกย้อม แบบ ฝังรากเทียมนี่แหละ ก่อนที่จะมีหน่วยงานข่าวกรอง หรือหน่วยสืบราชการลับ การหาข่าว ข้อมูล หรือสร้างเครือข่ายในประเทศเป้าหมาย ก็มักจะทำโดยพระ ผู้สอนศาสนา มิชชั่นนารี หรือหน่วยงานที่มาในรูปของการให้ความร่วมมือ การส่งเสริมทางสังคม วัฒนธรรม การศึกษา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกา ทดลองวิธีหาเหยื่อแบบใหม่ อเมริกา สร้าง Young Men’s Christian Association หรือ YMCA ส่งหนุ่มน้อยเดินสายไปทั่วทุกแห่ง เพื่อสังสรร และชวนเล่นกีฬา มีแต่คนเอ็นดู ทำให้อเมริกาได้ข้อมูล และสร้างเครือข่ายตามที่ต้องการ บ้านเราก็มีมาเหมือนกัน ท่านผู้อ่านนิทานคงเกิดไม่ทันกัน YMCA รุ่นแรก มาบ้านเราตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ามาตั้งสำนักงานอยู่แถวถนนวรจักร พอสมัยสงครามเวียตนาม ก็ย้ายมาอยู่แถวถนนสาธร สถานที่กว้างขวาง มีคอร์ตเทนนิส โรงหนังโรงละคร ขนาดเล็ก เพื่อนำวัฒนธรรม หรือข้อมูล ที่อเมริกาต้องการฝังหัว ให้แก่สังคมไทย ส่วนที่อเมริกาเลือกแล้วว่า จะเป็นประโยชน์แก่ตัว หลังสงครามเวียตนาม เข้าใจว่า เปลี่ยนรูปแบบ ไม่ใช้ YMCA เพราะเชยไปแล้ว เปลี่ยนไปใช้แบบพันธ์ผสม มีตั้งแต่ สื่อ นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ จนมาถึงนักเคลื่อนไหว เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน ไปจนถึง คนคุมกำเนิด เฮ้อ.. สำหรับท่านที่อ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว คงจำได้ว่า อเมริกาก็ส่ง YMCA เข้าไปในรัสเซีย ช่วงที่กำลังสร้างปฏิวัติให้รัสเซียในปี ค.ศ.1917 รวมทั้ง ส่งเข้าไปในจีน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แปลว่า อเมริกา มีแผนการ คิดกินรวบ ตั้งแต่รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และเอเซียแปซิฟิกมานานแล้ว ไม่ต่างกับอังกฤษ เพียงแต่อเมริกา รอเวลากิน โดยดูตัวอย่างการกินของอังกฤษ ที่แม้จะดูเฉียบคม แต่ก็ทำให้เหยื่อตื่นและเชื่องยาก อเมริกาจึงคิดวิธีกินเหยื่อแบบใหม่ ชนิดเหยื่อเปิดบ้านนอนรอ… คนที่ถือธง นำ YMCA เข้ามาที่ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1917 ชื่อ Frank Buchman เขาเข้ามาทำความรู้จักกับสังคมญี่ปุ่น ส่วนที่กำลังเห่อฝรั่ง สมาชิก YMCA ญี่ปุ่น มีตั้งแต่ ตระกูลใหญ่ อย่างสุมิโตโม และ มิตซุย ซึ่งเป็นเจ้าพ่อ บรรษัทใหญ่ ที่ผูกขาดธุรกิจของญี่ปุ่น และ บารอน ไออิชิ ชิบุซาวะ Eiichi Shibusawa นักธุรกิจใหญ่อีกคน ซึ่งเป็นคริสเตียน ที่มีความสนิทสนม และมีเครือข่ายกับทั้งฝั่งอังกฤษ และอเมริกา เป็นหัวหน้าสหภาพการค้าของญี่ปุ่น และเป็นผู้ริเริ่มตั้งคณะนิติศาสตร์ ที่ใช้หลักกฏหมายของเยอรมันขึ้น ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว คุ้นๆ ไหมครับ เมื่อ ใช้ YMCA แทรกเข้าไปหาข้อมูล และสร้างเครือข่ายได้หลายปีกำลังดี นาย Frank Buchman ก็ไปจากญี่ปุ่น คราวนี้เขาไปตั้งสถาบันชื่อประหลาด Moral Rearmament Movement (MRA) เป็นขบวนการล้างสมองที่น่ากลัวมาก และกลับมาในญี่ปุ่นอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.1920 คราวนี้ เครือข่าย MRA ในญี่ปุ่นขยายใหญ่กว่าสมัยเป็น YMCA กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาให้การสนับสนุน MRA เต็มที่ และในที่สุด MRA ก็เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่ง ที่อเมริกา โดยร้อกกี้เฟลเลอร์ และ ซีไอเอ ใช้สร้างและควบคุม เครือข่ายของตนในญี่ปุ่น (ในปี คศ 1930 MRA มีเครือข่ายอยู่ใน 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น และเยอรมัน) MRA เริ่มเข้าไปสร้างเครือข่าย ในมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่มีนักศึกษาด้านกฏหมาย และเศรษฐศาสตร์ ตามทฤษฏีของ เยอรมัน และสร้างความคิดต่อต้านการเคลื่อนไหวของกรรมกร ผู้ที่สนับสนุนการต่อต้านกรรมกรอย่างเปิดเผย คือ นาย ซาซากาวา Sasagawa Ryoichi ซึ่งเป็นนักโทษร่วมรุ่น กับ นายคิชิ ที่คุก Sugamo และจูงมือออกจากคุกมาพร้อมกัน กับนายโคโดมะ ยากูซ่า นายซาซากาวา นั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเคยไปร่วมประชุมกับฮิตเล่อร์ และมุสโสลินี ที่พยายามสร้างเครือข่ายการร่วมมือระหว่าง ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ และนาซี เยอรมัน เพื่อต่อต้านโซเวียต มันเป็นโปรแกรมเดียวกับที่ MRA เสนอ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแผนสลับข้าง และผู้ที่เป็นตัวเชื่อมสำคัญ ระหว่าง MRA หรืออเมริกากับกองทัพญี่ปุ่น ก็คือ นาย ซาซากาวา คนนี้เอง เขาเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง และได้ชื่อว่าเป็นมือที่มองไม่เห็น ชักใยประเทศญี่ปุ่นอยู่ถึง 50 ปี ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ.1930 -1980 ซาซากาวา เป็นชาวเมือง Minoo อยู่ใกล้ๆ กับ Osaka ร่ำรวยขึ้นมาจาการเก็งกำไรเรื่องข้าว ในปี ค.ศ.1927 ซาซากาวา ตั้งกลุ่มชื่อ Kokubosha หรือ National Defense Society และปี ค.ศ.1931 ตั้งอีกกลุ่มชื่อ Kokusui-Taihuto หรือ Mass Party of the Patriotic Peoples ทั้ง 2 สมาคม เป็นพวกขวาจัด ชาตินิยมรุนแรง นายซาซากาวา สร้างกองกำลังของตัวเองหลายหมื่นคน (น่าจะเป็นยากูซ่าแทบทั้งนั้น) นอกจากมีกองกำลังแล้ว เขายังมีเครื่องบินอีก 20 ลำ แถมลงทุนสร้างสนามบินส่วนตัวใกล้เมืองโอซากา ทั้งหมดเพื่อใช้ในการเข้าไปปฏืบัติการในจีน เพื่อปล้น และยึดทรัพยากร ขนทอง และเพชรจากจีนด้วยเครื่องบินของเขา เที่ยวละหลายสิบกระสอบ รวมทั้งฝิ่น หลายครั้ง 2 สมาคมของซาซากาวา ร่วมปฏิบัติการกับยากูซ่ากลุ่มมังกรดำ ที่นำโดย นายโคดามะ Yoshio Kodama ที่เป็นเพื่อนกัน และเป็นพวกขวาจัด และชาตินิยมเหมือนกัน กลุ่มชาตินิยมเหล่านี้ เข้าไปร่วมอยู่กับกองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย และ มองโกเลีย โดยการรู้เห็นและสนับสนุนของกองทัพ รวมถึงรัฐบาลด้วย ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ มีส่วนกับพฤติกรรม ที่ทารุณโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่น มากน้อยแค่ไหน นาย ซาซากาวา นั้น เป็นผู้ที่มีเสียงดังฟังชัดว่า อยู่ฝ่ายประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับนายโคดามะ และในช่วงที่การเมืองญี่ปุ่นแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ในช่วงก่อนปี ค.ศ.1931 นักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพถูกเก็บเป็นว่าเล่น ข่าวว่า เป็นฝีมือกลุ่มในสังกัดของ นายซาซากาวา เกือบทั้งสิ้น และด้วยเงินทุนของนายซาซากาวา ที่ได้มาจากการปล้นจีน ทิศทางของรัฐบาลญี่ปุ่น ก็จึงยิ่งเอียงมาทางให้กองทัพญี่ปุ่น ยกกำลังลงมาทางใต้ และมาบุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และในที่สุดกองทัพญี่ปุ่น ก็ตัดสินใจ ยกกำลังลงมาทางใต้ บุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จริงๆ มันเป็นการตัดสินใจภายใต้คำแนะนำ ของ นาย Tsuji Masanobu นักยุทธศาสตร์คนสำคัญประจำกองทัพ ความสำคัญของเขา น่าจะมีมากกว่าระดับกองทัพด้วยซ้ำ มีข่าวว่า ภายหลัง เขามาวางยุทธศาสตร์การรบและตั้งกองบัญชาการอยู่ทางใต้ของบ้านเรา มันเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้อง และก็เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ของ CFR ที่ทำการศึกษาวางแผน อยู่ถึง 2 ปี ในช่วง คศ 1939-1940 ภายใต้การอำนายการของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 712 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251126 #securityonline

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Syncope (CVE-2025-65998)
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยจาก Apache เกี่ยวกับซอฟต์แวร์จัดการตัวตนชื่อ Syncope ที่องค์กรใหญ่ใช้กันมาก ปัญหาคือมีการฝัง "กุญแจ AES" เอาไว้ในโค้ดแบบตายตัว เมื่อผู้ดูแลระบบเลือกใช้การเข้ารหัสรหัสผ่านในฐานข้อมูล Syncope จะใช้กุญแจเดียวกันทุกระบบ ทำให้ถ้าใครเข้าถึงฐานข้อมูลได้ก็สามารถถอดรหัสรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ทันที ปัญหานี้กระทบหลายเวอร์ชัน และ Apache แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขแล้ว เพราะเวอร์ชันเก่าไม่มีแพตช์รองรับ
    https://securityonline.info/apache-syncope-flaw-cve-2025-65998-exposes-encrypted-user-passwords-due-to-hard-coded-aes-key

    Zenitel TCIV-3+ Intercoms เจอช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุด (CVSS 9.8)
    Zenitel ออกประกาศด่วนพร้อมกับ CISA ว่าระบบอินเตอร์คอม TCIV-3+ มีช่องโหว่ถึง 5 จุด โดย 3 จุดเป็นการโจมตีแบบ OS Command Injection ที่ร้ายแรงมาก สามารถให้คนร้ายสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ XSS และ Out-of-Bounds Write ที่ทำให้เครื่องแครชได้ การแก้ไขคือผู้ใช้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชัน 9.3.3.0 หรือใหม่กว่าโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้ อุปกรณ์สื่อสารสำคัญเหล่านี้อาจถูกควบคุมจากภายนอกได้
    https://securityonline.info/urgent-patch-required-zenitel-tciv-3-intercoms-hit-by-multiple-critical-flaws-cvss-9-8

    Node-forge (CVE-2025-12816) ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็น
    ไลบรารีชื่อดัง node-forge ที่ใช้กันในหลายระบบทั่วโลก (ดาวน์โหลดกว่า 21 ล้านครั้งต่อสัปดาห์) ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลถูกหลอกได้ โดยการจัดการข้อมูล ASN.1 ที่บิดเบือน ทำให้ระบบที่ใช้ node-forge ตรวจสอบใบรับรองหรือไฟล์ที่เซ็นดิจิทัลอาจยอมรับข้อมูลปลอมว่าเป็นจริง ผลกระทบคือการปลอมตัวตน การยอมรับซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไข หรือการเจาะระบบผ่านแพ็กเกจที่ดูเหมือนถูกต้อง ทางผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชัน 1.3.2 เพื่อแก้ไขแล้ว และแนะนำให้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/critical-node-forge-flaw-cve-2025-12816-allows-signature-verification-bypass-via-asn-1-manipulation-21m-downloads-week

    RelayNFC มัลแวร์ Android ที่ทำให้มือถือกลายเป็นเครื่องอ่านบัตร
    นักวิจัยจาก Cyble พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันทำให้มือถือ Android ของเหยื่อกลายเป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิต/เดบิตจากระยะไกล คนร้ายสามารถใช้ข้อมูลที่ได้ไปทำธุรกรรมเหมือนถือบัตรจริงอยู่ในมือ จุดน่ากลัวคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับใน VirusTotal และแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดแอปปลอมและทำตามคำสั่ง เช่น แตะบัตรกับมือถือ ข้อมูลบัตรและรหัส PIN จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายทันที ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมาก
    https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers

    WordPress Plugin Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ถูกโจมตีจริงแล้ว
    ปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 9.8 (Critical) ที่เปิดทางให้คนร้ายรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ฟังก์ชันที่ผิดพลาดคือการรับอินพุตจากผู้ใช้แล้วส่งต่อไปยัง call_user_func() โดยตรง ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ หรือยึดเว็บไซต์ไปได้ทันที ตอนนี้มีการโจมตีจริงเกิดขึ้นแล้ว โดย Wordfence รายงานว่ามีการบล็อกการโจมตีเกือบ 500 ครั้งในวันเดียว ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ WordPress ต้องรีบอัปเดตโดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    ASUS Router เจอช่องโหว่ 8 จุด (CVE-2025-59366)
    ASUS ประกาศเตือนว่าเราท์เตอร์หลายรุ่นมีช่องโหว่รวม 8 จุด โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ร้ายแรงมาก (CVSS 9.4) ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ผลกระทบคือผู้โจมตีอาจควบคุมการตั้งค่าเครือข่ายหรือดักข้อมูลการใช้งานได้ทันที ASUS แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4

    Fluent Bit เจอช่องโหว่ร้ายแรง เปิดทาง RCE และแก้ไข Telemetry
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูล Log ที่องค์กรใหญ่ใช้กัน ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล Telemetry ที่ส่งออกไป ทำให้ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ทันที ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชัน และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้ Fluent Bit ในระบบคลาวด์หรือโครงสร้างพื้นฐานหลัก
    https://securityonline.info/critical-fluent-bit-flaws-enable-rce-and-telemetry-tampering-in-major-orgs

    CISA เตือนด่วน: Spyware ใช้ Zero-Click และ QR Code มุ่งโจมตีแอปแชท
    CISA ออกประกาศฉุกเฉินว่ามี Spyware เชิงพาณิชย์ที่ใช้เทคนิค Zero-Click และ QR Code อันตรายเพื่อแฮ็กแอปแชทบนมือถือ โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดข้อความหรือสแกน QR Code ก็ถูกเจาะได้ทันที ผลคือข้อมูลส่วนตัว การสนทนา และบัญชีผู้ใช้สามารถถูกยึดไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังแพร่กระจายและต้องระวังอย่างมาก
    https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps

    GRU Unit 29155 ใช้ SocGholish โจมตีบริษัทในสหรัฐฯ
    มีรายงานว่า GRU Unit 29155 ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ใช้มัลแวร์ SocGholish ในการโจมตีบริษัทสหรัฐฯ โดย SocGholish มักปลอมตัวเป็นการอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นเปิดทางให้คนร้ายเข้าถึงระบบภายในองค์กรได้ การโจมตีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูงในปฏิบัติการทางการเมืองและเศรษฐกิจ
    https://securityonline.info/gru-unit-29155-uses-socgholish-to-target-us-firm

    ASUS Router พบช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดตด่วน
    ASUS ออกประกาศเตือนผู้ใช้เร้าเตอร์ หลังพบช่องโหว่รวม 8 จุดที่อาจถูกโจมตีได้ โดยมีช่องโหว่ร้ายแรงที่สุดคือการ Authentication Bypass ในระบบ AiCloud ที่มีคะแนนความเสี่ยงสูงถึง 9.4 ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีปัญหา Path Traversal, Command Injection และ SQL Injection ที่อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือดึงข้อมูลออกไปได้ ASUS ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4

    มัลแวร์ RelayNFC บน Android เปลี่ยนมือถือเป็นเครื่องอ่านบัตร
    นักวิจัยจาก Cyble Research พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันสามารถเปลี่ยนมือถือ Android ของเหยื่อให้กลายเป็นเครื่องอ่านบัตร NFC จากนั้นส่งข้อมูลบัตรและรหัส PIN ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์แบบเรียลไทม์ จุดที่น่ากังวลคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับโดยโปรแกรมแอนติไวรัสใด ๆ และถูกแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย ผู้ใช้ที่หลงเชื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งแอป APK อันตรายและกรอกข้อมูลบัตรของตัวเอง ทำให้แฮกเกอร์สามารถทำธุรกรรมเสมือนว่ามีบัตรจริงอยู่ในมือ
    https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers

    ช่องโหว่ MyASUS เปิดทางให้ยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM
    ASUS ยังเจอปัญหาอีกหนึ่งอย่างในซอฟต์แวร์ MyASUS โดยมีช่องโหว่ Local Privilege Escalation (CVE-2025-59373) ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับเป็น SYSTEM ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows ช่องโหว่นี้เกิดจากกลไกการกู้ไฟล์ที่ตรวจสอบไม่ดี ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และเมื่อระบบเรียกใช้งานก็จะรันในสิทธิ์สูงสุดทันที ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS โดยตรง
    https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component

    ศาลสหรัฐฯ สั่งห้าม OpenAI ใช้ชื่อ "Cameo" ใน Sora
    เกิดคดีฟ้องร้องระหว่างแพลตฟอร์มวิดีโอคนดัง Cameo กับ OpenAI ที่ใช้ชื่อ “Cameo” ในฟีเจอร์ของแอป Sora ศาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งชั่วคราวห้าม OpenAI ใช้คำนี้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับบริการของ Cameo ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ฝั่ง Cameo มองว่านี่คือการปกป้องแบรนด์ ส่วน OpenAI แย้งว่าคำว่า “cameo” เป็นคำทั่วไปที่ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้จะมีการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมเพื่อพิจารณาว่าจะทำให้คำสั่งนี้ถาวรหรือไม่
    https://securityonline.info/cameo-wins-tro-against-openai-sora-barred-from-using-cameo-trademark

    Google เตรียมรวม Android และ ChromeOS ภายใต้ชื่อ Aluminium OS
    มีการค้นพบจากประกาศรับสมัครงานที่เผยว่า Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน Aluminium OS จะรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ไปจนถึงมินิพีซี และมีการแบ่งระดับเป็น Entry, Mass Premium และ Premium แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มคือ ChromeOS จะถูกแทนที่ในอนาคต และ Aluminium OS จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้แทนทั้งหมด
    https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os

    Chromium เปิดดีเบตอีกครั้งเรื่อง JPEG-XL หลัง Apple นำไปใช้
    ทีมพัฒนา Chromium กำลังถกเถียงว่าจะนำฟอร์แมตภาพ JPEG-XL กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple ได้ประกาศรองรับในระบบของตน ฟอร์แมตนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแทน JPEG แบบดั้งเดิม โดยมีคุณภาพสูงกว่าและขนาดไฟล์เล็กกว่า แต่ก่อนหน้านี้ Google เคยตัดสินใจถอดออกจาก Chromium เพราะมองว่าไม่จำเป็น ตอนนี้การที่ Apple นำไปใช้ทำให้เกิดแรงกดดันให้ Google พิจารณาใหม่ว่าจะกลับมาเปิดใช้งานหรือไม่
    https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it

    OpenAI เปิดตัว Shopping Research สร้างคู่มือซื้อของเฉพาะบุคคล
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่สามารถสร้างคู่มือการซื้อสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ เช่น “หาหูฟังสำหรับวิ่ง” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล รีวิว และตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วสรุปออกมาเป็นคู่มือการซื้อที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือการทำให้การค้นหาสินค้าไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเอง แต่ได้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
    https://securityonline.info/openai-launches-shopping-research-chatgpt-now-generates-personalized-buying-guides

    Android เตรียมเพิ่ม Universal Clipboard ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้
    Google กำลังพัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือไฟล์จากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การทำงานระหว่างหลายอุปกรณ์ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีส่งไฟล์หรือข้อความผ่านแอปแชทอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Android ให้ใกล้เคียงกับระบบนิเวศของ Apple ที่มีฟีเจอร์คล้ายกันอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks

    ราคาการ์ดจอ AMD จะขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026
    มีรายงานว่า AMD GPU จะปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่ใช้ผลิตการ์ดจอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานี้จะกระทบทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและรุ่นสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการ์ดจออาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะความต้องการยังสูง แต่ต้นทุนกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/amd-gpu-prices-to-increase-by-at-least-10-in-2026-due-to-surging-memory-costs

    Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มจัดการคดีสำหรับทีมดิจิทัลฟอเรนสิก
    ​​​​​​​บริษัท Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการจัดการคดีที่ออกแบบมาเพื่อทีมดิจิทัลฟอเรนสิกและการตอบสนองเหตุการณ์ไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้ทีมสามารถเก็บหลักฐาน จัดการข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การทำงานที่ซับซ้อนสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการสืบสวน
    https://securityonline.info/detego-global-launches-case-management-platform-for-digital-forensics-and-incident-response-teams
    📌🔒🟢 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟢🔒📌 #รวมข่าวIT #20251126 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Syncope (CVE-2025-65998) เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยจาก Apache เกี่ยวกับซอฟต์แวร์จัดการตัวตนชื่อ Syncope ที่องค์กรใหญ่ใช้กันมาก ปัญหาคือมีการฝัง "กุญแจ AES" เอาไว้ในโค้ดแบบตายตัว เมื่อผู้ดูแลระบบเลือกใช้การเข้ารหัสรหัสผ่านในฐานข้อมูล Syncope จะใช้กุญแจเดียวกันทุกระบบ ทำให้ถ้าใครเข้าถึงฐานข้อมูลได้ก็สามารถถอดรหัสรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ทันที ปัญหานี้กระทบหลายเวอร์ชัน และ Apache แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขแล้ว เพราะเวอร์ชันเก่าไม่มีแพตช์รองรับ 🔗 https://securityonline.info/apache-syncope-flaw-cve-2025-65998-exposes-encrypted-user-passwords-due-to-hard-coded-aes-key 📞 Zenitel TCIV-3+ Intercoms เจอช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุด (CVSS 9.8) Zenitel ออกประกาศด่วนพร้อมกับ CISA ว่าระบบอินเตอร์คอม TCIV-3+ มีช่องโหว่ถึง 5 จุด โดย 3 จุดเป็นการโจมตีแบบ OS Command Injection ที่ร้ายแรงมาก สามารถให้คนร้ายสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ XSS และ Out-of-Bounds Write ที่ทำให้เครื่องแครชได้ การแก้ไขคือผู้ใช้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชัน 9.3.3.0 หรือใหม่กว่าโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้ อุปกรณ์สื่อสารสำคัญเหล่านี้อาจถูกควบคุมจากภายนอกได้ 🔗 https://securityonline.info/urgent-patch-required-zenitel-tciv-3-intercoms-hit-by-multiple-critical-flaws-cvss-9-8 🔐 Node-forge (CVE-2025-12816) ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็น ไลบรารีชื่อดัง node-forge ที่ใช้กันในหลายระบบทั่วโลก (ดาวน์โหลดกว่า 21 ล้านครั้งต่อสัปดาห์) ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลถูกหลอกได้ โดยการจัดการข้อมูล ASN.1 ที่บิดเบือน ทำให้ระบบที่ใช้ node-forge ตรวจสอบใบรับรองหรือไฟล์ที่เซ็นดิจิทัลอาจยอมรับข้อมูลปลอมว่าเป็นจริง ผลกระทบคือการปลอมตัวตน การยอมรับซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไข หรือการเจาะระบบผ่านแพ็กเกจที่ดูเหมือนถูกต้อง ทางผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชัน 1.3.2 เพื่อแก้ไขแล้ว และแนะนำให้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-node-forge-flaw-cve-2025-12816-allows-signature-verification-bypass-via-asn-1-manipulation-21m-downloads-week 📱 RelayNFC มัลแวร์ Android ที่ทำให้มือถือกลายเป็นเครื่องอ่านบัตร นักวิจัยจาก Cyble พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันทำให้มือถือ Android ของเหยื่อกลายเป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิต/เดบิตจากระยะไกล คนร้ายสามารถใช้ข้อมูลที่ได้ไปทำธุรกรรมเหมือนถือบัตรจริงอยู่ในมือ จุดน่ากลัวคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับใน VirusTotal และแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดแอปปลอมและทำตามคำสั่ง เช่น แตะบัตรกับมือถือ ข้อมูลบัตรและรหัส PIN จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายทันที ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers 🌐 WordPress Plugin Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ถูกโจมตีจริงแล้ว ปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 9.8 (Critical) ที่เปิดทางให้คนร้ายรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ฟังก์ชันที่ผิดพลาดคือการรับอินพุตจากผู้ใช้แล้วส่งต่อไปยัง call_user_func() โดยตรง ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ หรือยึดเว็บไซต์ไปได้ทันที ตอนนี้มีการโจมตีจริงเกิดขึ้นแล้ว โดย Wordfence รายงานว่ามีการบล็อกการโจมตีเกือบ 500 ครั้งในวันเดียว ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ WordPress ต้องรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 📡 ASUS Router เจอช่องโหว่ 8 จุด (CVE-2025-59366) ASUS ประกาศเตือนว่าเราท์เตอร์หลายรุ่นมีช่องโหว่รวม 8 จุด โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ร้ายแรงมาก (CVSS 9.4) ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ผลกระทบคือผู้โจมตีอาจควบคุมการตั้งค่าเครือข่ายหรือดักข้อมูลการใช้งานได้ทันที ASUS แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4 💻 Fluent Bit เจอช่องโหว่ร้ายแรง เปิดทาง RCE และแก้ไข Telemetry Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูล Log ที่องค์กรใหญ่ใช้กัน ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล Telemetry ที่ส่งออกไป ทำให้ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ทันที ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชัน และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้ Fluent Bit ในระบบคลาวด์หรือโครงสร้างพื้นฐานหลัก 🔗 https://securityonline.info/critical-fluent-bit-flaws-enable-rce-and-telemetry-tampering-in-major-orgs 📲 CISA เตือนด่วน: Spyware ใช้ Zero-Click และ QR Code มุ่งโจมตีแอปแชท CISA ออกประกาศฉุกเฉินว่ามี Spyware เชิงพาณิชย์ที่ใช้เทคนิค Zero-Click และ QR Code อันตรายเพื่อแฮ็กแอปแชทบนมือถือ โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดข้อความหรือสแกน QR Code ก็ถูกเจาะได้ทันที ผลคือข้อมูลส่วนตัว การสนทนา และบัญชีผู้ใช้สามารถถูกยึดไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังแพร่กระจายและต้องระวังอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps 🎭 GRU Unit 29155 ใช้ SocGholish โจมตีบริษัทในสหรัฐฯ มีรายงานว่า GRU Unit 29155 ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ใช้มัลแวร์ SocGholish ในการโจมตีบริษัทสหรัฐฯ โดย SocGholish มักปลอมตัวเป็นการอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นเปิดทางให้คนร้ายเข้าถึงระบบภายในองค์กรได้ การโจมตีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูงในปฏิบัติการทางการเมืองและเศรษฐกิจ 🔗 https://securityonline.info/gru-unit-29155-uses-socgholish-to-target-us-firm 🛡️ ASUS Router พบช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดตด่วน ASUS ออกประกาศเตือนผู้ใช้เร้าเตอร์ หลังพบช่องโหว่รวม 8 จุดที่อาจถูกโจมตีได้ โดยมีช่องโหว่ร้ายแรงที่สุดคือการ Authentication Bypass ในระบบ AiCloud ที่มีคะแนนความเสี่ยงสูงถึง 9.4 ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีปัญหา Path Traversal, Command Injection และ SQL Injection ที่อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือดึงข้อมูลออกไปได้ ASUS ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4 📱 มัลแวร์ RelayNFC บน Android เปลี่ยนมือถือเป็นเครื่องอ่านบัตร นักวิจัยจาก Cyble Research พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันสามารถเปลี่ยนมือถือ Android ของเหยื่อให้กลายเป็นเครื่องอ่านบัตร NFC จากนั้นส่งข้อมูลบัตรและรหัส PIN ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์แบบเรียลไทม์ จุดที่น่ากังวลคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับโดยโปรแกรมแอนติไวรัสใด ๆ และถูกแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย ผู้ใช้ที่หลงเชื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งแอป APK อันตรายและกรอกข้อมูลบัตรของตัวเอง ทำให้แฮกเกอร์สามารถทำธุรกรรมเสมือนว่ามีบัตรจริงอยู่ในมือ 🔗 https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers ⚠️ ช่องโหว่ MyASUS เปิดทางให้ยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ASUS ยังเจอปัญหาอีกหนึ่งอย่างในซอฟต์แวร์ MyASUS โดยมีช่องโหว่ Local Privilege Escalation (CVE-2025-59373) ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับเป็น SYSTEM ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows ช่องโหว่นี้เกิดจากกลไกการกู้ไฟล์ที่ตรวจสอบไม่ดี ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และเมื่อระบบเรียกใช้งานก็จะรันในสิทธิ์สูงสุดทันที ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component ⚖️ ศาลสหรัฐฯ สั่งห้าม OpenAI ใช้ชื่อ "Cameo" ใน Sora เกิดคดีฟ้องร้องระหว่างแพลตฟอร์มวิดีโอคนดัง Cameo กับ OpenAI ที่ใช้ชื่อ “Cameo” ในฟีเจอร์ของแอป Sora ศาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งชั่วคราวห้าม OpenAI ใช้คำนี้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับบริการของ Cameo ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ฝั่ง Cameo มองว่านี่คือการปกป้องแบรนด์ ส่วน OpenAI แย้งว่าคำว่า “cameo” เป็นคำทั่วไปที่ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้จะมีการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมเพื่อพิจารณาว่าจะทำให้คำสั่งนี้ถาวรหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/cameo-wins-tro-against-openai-sora-barred-from-using-cameo-trademark 💻 Google เตรียมรวม Android และ ChromeOS ภายใต้ชื่อ Aluminium OS มีการค้นพบจากประกาศรับสมัครงานที่เผยว่า Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน Aluminium OS จะรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ไปจนถึงมินิพีซี และมีการแบ่งระดับเป็น Entry, Mass Premium และ Premium แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มคือ ChromeOS จะถูกแทนที่ในอนาคต และ Aluminium OS จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้แทนทั้งหมด 🔗 https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os 🖼️ Chromium เปิดดีเบตอีกครั้งเรื่อง JPEG-XL หลัง Apple นำไปใช้ ทีมพัฒนา Chromium กำลังถกเถียงว่าจะนำฟอร์แมตภาพ JPEG-XL กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple ได้ประกาศรองรับในระบบของตน ฟอร์แมตนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแทน JPEG แบบดั้งเดิม โดยมีคุณภาพสูงกว่าและขนาดไฟล์เล็กกว่า แต่ก่อนหน้านี้ Google เคยตัดสินใจถอดออกจาก Chromium เพราะมองว่าไม่จำเป็น ตอนนี้การที่ Apple นำไปใช้ทำให้เกิดแรงกดดันให้ Google พิจารณาใหม่ว่าจะกลับมาเปิดใช้งานหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it 🛍️ OpenAI เปิดตัว Shopping Research สร้างคู่มือซื้อของเฉพาะบุคคล OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่สามารถสร้างคู่มือการซื้อสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ เช่น “หาหูฟังสำหรับวิ่ง” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล รีวิว และตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วสรุปออกมาเป็นคู่มือการซื้อที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือการทำให้การค้นหาสินค้าไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเอง แต่ได้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/openai-launches-shopping-research-chatgpt-now-generates-personalized-buying-guides 🔗 Android เตรียมเพิ่ม Universal Clipboard ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้ Google กำลังพัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือไฟล์จากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การทำงานระหว่างหลายอุปกรณ์ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีส่งไฟล์หรือข้อความผ่านแอปแชทอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Android ให้ใกล้เคียงกับระบบนิเวศของ Apple ที่มีฟีเจอร์คล้ายกันอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks 💸 ราคาการ์ดจอ AMD จะขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 มีรายงานว่า AMD GPU จะปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่ใช้ผลิตการ์ดจอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานี้จะกระทบทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและรุ่นสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการ์ดจออาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะความต้องการยังสูง แต่ต้นทุนกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/amd-gpu-prices-to-increase-by-at-least-10-in-2026-due-to-surging-memory-costs 🕵️‍♂️ Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มจัดการคดีสำหรับทีมดิจิทัลฟอเรนสิก ​​​​​​​บริษัท Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการจัดการคดีที่ออกแบบมาเพื่อทีมดิจิทัลฟอเรนสิกและการตอบสนองเหตุการณ์ไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้ทีมสามารถเก็บหลักฐาน จัดการข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การทำงานที่ซับซ้อนสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการสืบสวน 🔗 https://securityonline.info/detego-global-launches-case-management-platform-for-digital-forensics-and-incident-response-teams
    0 Comments 0 Shares 662 Views 0 Reviews
  • กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) กำลังสอบสวนบริษัทจีน Bitmain

    รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องขุดจาก Bitmain สามารถถูกควบคุมจากระยะไกลโดยรัฐบาลจีนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ดภายใน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ความกังวลนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน

    กรณีที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า
    ในปี 2024 รัฐบาลสหรัฐฯ เคยสั่งปิดการดำเนินการขุด Bitcoin ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base เนื่องจากใช้เครื่อง Antminer ของ Bitmain นับพันเครื่อง และถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง นอกจากนี้ รายงานของคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังระบุว่าเครื่องขุดของ Bitmainสามารถถูก “ควบคุมจากระยะไกล” ได้

    การตอบโต้ของ Bitmain
    Bitmain ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า ปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ อย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรม บริษัทชี้แจงว่าการที่สินค้าบางส่วนถูกยึดโดย FCC เป็นเพียงการตรวจสอบมาตรฐานสัญญาณเท่านั้น และไม่พบสิ่งผิดปกติ

    ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์
    Bitmain ครองตลาดเครื่องขุด Bitcoin กว่า 80% ทั่วโลก แต่การที่สหรัฐฯ กังวลต่อบริษัทจีนรายใหญ่เช่นนี้ สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงาน โดยเฉพาะหลังจีนออกกฎหมายข่าวกรัฐในปี 2017 ที่บังคับให้บริษัทต้องร่วมมือกับหน่วยข่าวกรอง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การสอบสวนของ DHS
    ปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” ตรวจสอบเครื่องขุด Bitmain
    ยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ด

    กรณีที่เคยเกิดขึ้น
    ปี 2024 สหรัฐฯ ปิดการขุดใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base
    รายงานวุฒิสภาระบุว่าเครื่อง Bitmain อาจถูกควบคุมจากระยะไกล

    การตอบโต้ของ Bitmain
    ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสอดแนมและก่อวินาศกรรม
    ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ และมาตรฐาน FCC

    ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์
    Bitmain ครองตลาดเครื่องขุดกว่า 80%
    ความตึงเครียดสหรัฐฯ–จีนเพิ่มขึ้นหลังมีกฎหมายข่าวกรัฐจีน

    คำเตือนจากกรณีนี้
    เครื่องขุดอาจถูกใช้เป็นช่องทางสอดแนมหรือโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน
    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงานยังคงสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/homeland-security-thinks-chinese-firms-bitcoin-mining-chips-could-be-used-for-espionage-or-to-sabotage-the-power-grid-bitmain-probed-by-u-s-govt-over-national-security-concerns
    ‼️‼️ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) กำลังสอบสวนบริษัทจีน Bitmain รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องขุดจาก Bitmain สามารถถูกควบคุมจากระยะไกลโดยรัฐบาลจีนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ดภายใน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ความกังวลนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน 🔋 กรณีที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า ในปี 2024 รัฐบาลสหรัฐฯ เคยสั่งปิดการดำเนินการขุด Bitcoin ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base เนื่องจากใช้เครื่อง Antminer ของ Bitmain นับพันเครื่อง และถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง นอกจากนี้ รายงานของคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังระบุว่าเครื่องขุดของ Bitmainสามารถถูก “ควบคุมจากระยะไกล” ได้ 🛡️ การตอบโต้ของ Bitmain Bitmain ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า ปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ อย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรม บริษัทชี้แจงว่าการที่สินค้าบางส่วนถูกยึดโดย FCC เป็นเพียงการตรวจสอบมาตรฐานสัญญาณเท่านั้น และไม่พบสิ่งผิดปกติ 🌐 ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์ Bitmain ครองตลาดเครื่องขุด Bitcoin กว่า 80% ทั่วโลก แต่การที่สหรัฐฯ กังวลต่อบริษัทจีนรายใหญ่เช่นนี้ สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงาน โดยเฉพาะหลังจีนออกกฎหมายข่าวกรัฐในปี 2017 ที่บังคับให้บริษัทต้องร่วมมือกับหน่วยข่าวกรอง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การสอบสวนของ DHS ➡️ ปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” ตรวจสอบเครื่องขุด Bitmain ➡️ ยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ด ✅ กรณีที่เคยเกิดขึ้น ➡️ ปี 2024 สหรัฐฯ ปิดการขุดใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base ➡️ รายงานวุฒิสภาระบุว่าเครื่อง Bitmain อาจถูกควบคุมจากระยะไกล ✅ การตอบโต้ของ Bitmain ➡️ ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสอดแนมและก่อวินาศกรรม ➡️ ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ และมาตรฐาน FCC ✅ ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ➡️ Bitmain ครองตลาดเครื่องขุดกว่า 80% ➡️ ความตึงเครียดสหรัฐฯ–จีนเพิ่มขึ้นหลังมีกฎหมายข่าวกรัฐจีน ‼️ คำเตือนจากกรณีนี้ ⛔ เครื่องขุดอาจถูกใช้เป็นช่องทางสอดแนมหรือโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงานยังคงสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/homeland-security-thinks-chinese-firms-bitcoin-mining-chips-could-be-used-for-espionage-or-to-sabotage-the-power-grid-bitmain-probed-by-u-s-govt-over-national-security-concerns
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • DJI หันมาลงทุนใน 3D Printing

    DJI ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทแม่ของ Elegoo ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด โดยมีการปรับทะเบียนธุรกิจในจีนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการ กระจายความเสี่ยง จากธุรกิจโดรนที่กำลังถูกจับตามองด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ

    แรงกดดันจากสหรัฐฯ
    ตั้งแต่ปี 2016 สหรัฐฯ มีความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับโดรนของ DJI และในปี 2020 บริษัทถูกขึ้นบัญชี Entity List ของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ยังขายโดรนให้ประชาชนทั่วไป แต่ในปี 2024 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI โดยให้เวลาหนึ่งปีพิสูจน์ว่าไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง

    Elegoo และตลาด 3D Printing
    Elegoo เป็นแบรนด์ที่โด่งดังในตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด เช่น Elegoo Centauri Carbon และมีฐานลูกค้าทั่วโลก การที่ DJI เข้ามาลงทุนจึงถูกมองว่าเป็นการเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโต และอาจใช้เทคโนโลยี 3D Printing เพื่อสนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนโดรนในอนาคต

    ความเสี่ยงและความเป็นไปได้
    แม้การลงทุนครั้งนี้จะช่วยลดความเสี่ยง แต่ DJI ยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากสหรัฐฯ ที่มองว่าบริษัทมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายข่าวกรองของจีน ซึ่งบังคับให้บริษัทต้องให้ความร่วมมือกับรัฐหากถูกขอข้อมูล ทำให้อนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    DJI ลงทุนใน Elegoo
    กระจายธุรกิจจากโดรนไปสู่ 3D Printing

    แรงกดดันจากสหรัฐฯ
    ถูกขึ้นบัญชี Entity List ปี 2020
    สภาสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI

    จุดแข็งของ Elegoo
    ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด
    มีฐานลูกค้าทั่วโลก

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    DJI ยังถูกจับตามองด้านความมั่นคง
    ความเสี่ยงจากกฎหมายข่าวกรองจีนยังคงอยู่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/dronemaker-dji-buys-into-3d-printer-manufacturer-elegoo-move-seen-as-way-to-diversify-away-from-drones-amid-worries-of-u-s-ban
    🚁 DJI หันมาลงทุนใน 3D Printing DJI ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทแม่ของ Elegoo ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด โดยมีการปรับทะเบียนธุรกิจในจีนเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการ กระจายความเสี่ยง จากธุรกิจโดรนที่กำลังถูกจับตามองด้านความมั่นคงในสหรัฐฯ 🇺🇸 แรงกดดันจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2016 สหรัฐฯ มีความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับโดรนของ DJI และในปี 2020 บริษัทถูกขึ้นบัญชี Entity List ของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนจากบริษัทอเมริกันได้ แม้ยังขายโดรนให้ประชาชนทั่วไป แต่ในปี 2024 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI โดยให้เวลาหนึ่งปีพิสูจน์ว่าไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง 🖨️ Elegoo และตลาด 3D Printing Elegoo เป็นแบรนด์ที่โด่งดังในตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด เช่น Elegoo Centauri Carbon และมีฐานลูกค้าทั่วโลก การที่ DJI เข้ามาลงทุนจึงถูกมองว่าเป็นการเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโต และอาจใช้เทคโนโลยี 3D Printing เพื่อสนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนโดรนในอนาคต ⚠️ ความเสี่ยงและความเป็นไปได้ แม้การลงทุนครั้งนี้จะช่วยลดความเสี่ยง แต่ DJI ยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากสหรัฐฯ ที่มองว่าบริษัทมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายข่าวกรองของจีน ซึ่งบังคับให้บริษัทต้องให้ความร่วมมือกับรัฐหากถูกขอข้อมูล ทำให้อนาคตของ DJI ในตลาดสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ DJI ลงทุนใน Elegoo ➡️ กระจายธุรกิจจากโดรนไปสู่ 3D Printing ✅ แรงกดดันจากสหรัฐฯ ➡️ ถูกขึ้นบัญชี Entity List ปี 2020 ➡️ สภาสหรัฐฯ เคยเสนอร่างกฎหมายแบน DJI ✅ จุดแข็งของ Elegoo ➡️ ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ 3D ราคาประหยัด ➡️ มีฐานลูกค้าทั่วโลก ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ DJI ยังถูกจับตามองด้านความมั่นคง ⛔ ความเสี่ยงจากกฎหมายข่าวกรองจีนยังคงอยู่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/dronemaker-dji-buys-into-3d-printer-manufacturer-elegoo-move-seen-as-way-to-diversify-away-from-drones-amid-worries-of-u-s-ban
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ และพันธมิตรนานาชาติร่วมกันจัดการ Bulletproof Hosting

    Bulletproof Hosting (BPH) คือผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่ ตั้งใจเปิดพื้นที่ให้กลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่าใช้งาน โดยไม่สนใจคำร้องเรียนหรือคำสั่งจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ในการกระจายมัลแวร์, ควบคุม Command-and-Control (C2), ส่งอีเมล Phishing และแม้กระทั่งโฮสต์เนื้อหาผิดกฎหมายได้อย่างปลอดภัย

    คู่มือใหม่ที่ชื่อว่า “Bulletproof Defense: Mitigating Risks From Bulletproof Hosting Providers” ถือเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรป-เอเชีย โดยมีการแนะนำวิธีการตรวจจับและปิดกั้นโครงสร้าง BPH เช่น การวิเคราะห์ทราฟฟิกที่ผิดปกติ, การสร้างรายการ IP/ASN ที่มีความเสี่ยงสูง และการแชร์ข้อมูลข่าวกรองระหว่างผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)

    สิ่งที่น่ากังวลคือ BPH มักจะ แฝงตัวอยู่ในระบบคลาวด์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้การบล็อกแบบกว้าง ๆ อาจกระทบผู้ใช้งานทั่วไป คู่มือจึงเน้นการใช้ การกรองแบบแม่นยำ (Precision Filtering) เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแนะนำให้ ISP ใช้นโยบาย “Know Your Customer” เพื่อตรวจสอบข้อมูลลูกค้าอย่างเข้มงวดก่อนให้บริการ

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงที่ว่า โครงสร้างพื้นฐาน BPH คือหัวใจของอาชญากรรมไซเบอร์สมัยใหม่ หากสามารถลดพื้นที่ปลอดภัยของแฮกเกอร์ได้ ก็จะช่วยลดการโจมตีต่อระบบสำคัญ เช่น ธนาคาร, โรงพยาบาล และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัวคู่มือ Bulletproof Defense
    ร่วมมือระหว่าง CISA, FBI, NSA และพันธมิตรนานาชาติ
    เน้นการตรวจจับและปิดกั้นโครงสร้าง BPH

    บทบาทของ ISP
    ต้องสร้างรายการ IP/ASN ที่มีความเสี่ยงสูง
    ใช้นโยบาย “Know Your Customer” เพื่อตรวจสอบลูกค้า

    ความเสี่ยงจาก BPH
    สนับสนุนการโจมตี Ransomware, Phishing และการกระจายมัลแวร์
    มักแฝงตัวอยู่ในระบบคลาวด์ที่ถูกต้อง ทำให้ยากต่อการบล็อก

    ข้อควรระวังในการป้องกัน
    การบล็อกแบบกว้างอาจกระทบผู้ใช้ทั่วไป
    ต้องใช้การกรองแบบแม่นยำและแชร์ข้อมูลข่าวกรองอย่างต่อเนื่อง

    https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide/
    🛡️ สหรัฐฯ และพันธมิตรนานาชาติร่วมกันจัดการ Bulletproof Hosting Bulletproof Hosting (BPH) คือผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่ ตั้งใจเปิดพื้นที่ให้กลุ่มอาชญากรไซเบอร์เช่าใช้งาน โดยไม่สนใจคำร้องเรียนหรือคำสั่งจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ในการกระจายมัลแวร์, ควบคุม Command-and-Control (C2), ส่งอีเมล Phishing และแม้กระทั่งโฮสต์เนื้อหาผิดกฎหมายได้อย่างปลอดภัย คู่มือใหม่ที่ชื่อว่า “Bulletproof Defense: Mitigating Risks From Bulletproof Hosting Providers” ถือเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรป-เอเชีย โดยมีการแนะนำวิธีการตรวจจับและปิดกั้นโครงสร้าง BPH เช่น การวิเคราะห์ทราฟฟิกที่ผิดปกติ, การสร้างรายการ IP/ASN ที่มีความเสี่ยงสูง และการแชร์ข้อมูลข่าวกรองระหว่างผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) สิ่งที่น่ากังวลคือ BPH มักจะ แฝงตัวอยู่ในระบบคลาวด์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้การบล็อกแบบกว้าง ๆ อาจกระทบผู้ใช้งานทั่วไป คู่มือจึงเน้นการใช้ การกรองแบบแม่นยำ (Precision Filtering) เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแนะนำให้ ISP ใช้นโยบาย “Know Your Customer” เพื่อตรวจสอบข้อมูลลูกค้าอย่างเข้มงวดก่อนให้บริการ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงที่ว่า โครงสร้างพื้นฐาน BPH คือหัวใจของอาชญากรรมไซเบอร์สมัยใหม่ หากสามารถลดพื้นที่ปลอดภัยของแฮกเกอร์ได้ ก็จะช่วยลดการโจมตีต่อระบบสำคัญ เช่น ธนาคาร, โรงพยาบาล และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัวคู่มือ Bulletproof Defense ➡️ ร่วมมือระหว่าง CISA, FBI, NSA และพันธมิตรนานาชาติ ➡️ เน้นการตรวจจับและปิดกั้นโครงสร้าง BPH ✅ บทบาทของ ISP ➡️ ต้องสร้างรายการ IP/ASN ที่มีความเสี่ยงสูง ➡️ ใช้นโยบาย “Know Your Customer” เพื่อตรวจสอบลูกค้า ‼️ ความเสี่ยงจาก BPH ⛔ สนับสนุนการโจมตี Ransomware, Phishing และการกระจายมัลแวร์ ⛔ มักแฝงตัวอยู่ในระบบคลาวด์ที่ถูกต้อง ทำให้ยากต่อการบล็อก ‼️ ข้อควรระวังในการป้องกัน ⛔ การบล็อกแบบกว้างอาจกระทบผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ต้องใช้การกรองแบบแม่นยำและแชร์ข้อมูลข่าวกรองอย่างต่อเนื่อง https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide/
    SECURITYONLINE.INFO
    CISA/FBI/NSA Unite to Dismantle Bulletproof Hosting Ecosystem with New Global Defense Guide
    CISA, NSA, and FBI released a guide to dismantle Bulletproof Hosting (BPH) networks. It advises ISPs on precision filtering and stricter vetting to curb infrastructure used by ransomware and phishing campaigns.
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 5 – 6

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”
    ตอน 5
    เป็นไปได้หรือว่า อเมริกาแสนจะชาญฉลาดกำโลกอยู่ในมือจนกระดิกไม่ออกมาตั้ง 70 ปี จะมาเสียทีให้กับอิหร่าน คงมีคนคิดกัน ตกลงอิหร่านต้มอเมริกา หรืออเมริกาต้มอิหร่านกันแน่ ก่อนจะลงความเห็น ลองฟังความเห็นอีกสักชิ้น เอามาจากบทความที่ลงในวารสาร Foreign Affairs วารสารที่ออกเป็นประจำของ CFR เมื่อปี ค.ศ.2012 ก่อนที่อเมริกาคิดจะเจรจากับอิหร่านไม่นาน
    คงมีคนสงสัย ทำไมลุงนิทานอ้างแต่ CFR ก็เขาเป็นผู้กำกับรัฐบาลอเมริกา ผมไม่ตามผู้กำกับ ผมก็ไม่รู้ว่าดาราคนไหน เล่นบทอะไร แล้วเล่นได้สมบทบาทแค่ไหน
    บทความนี้ชื่อ ” Time to Attack Iran” โดย Matthew Kroenig
    นายโคร เขาบอกว่า บรรดานักคิด และผู้วางนโยบายของอเมริกา ต่างโต้เถียงกันว่า อเมริกาควรจะจัดการเรื่องอิหร่านอย่างไรดี
    ความเห็นหนึ่ง บอกว่า เราควรบุกอิหร่าน และทำลายอุปกรณ์ทั้งปวงที่อิหร่านใช้ในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้เหี้ยนเลย
    ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการบุก บอกว่า การใช้กำลังทหารกับอิหร่านเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า และจะไม่เข้าท่าหนักขึ้น ถ้าเราไปเจออาวุธนิวเคลียร์ของ จริงของอิหร่าน นอกจากนี้ การบุกอิหร่าน โอกาสไม่สำเร็จมีสูง และถึงจะทำสำเร็จ มันอาจจะเป็นการจุดไม้ขีด ให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นสงคราม และอาจสร้างวิกฤติทางเศรษฐกืจ ให้กับอเมริกา และอาจลามไปทั้งโลกด้วยก็ได้
    นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายที่แนะนำให้อเมริกาใช้วิธีการที่ไม่ใช่ทางทหาร เช่นใช้การเจรจาทางการทูต การคว่ำบาตร หรือการปฏิบัติการณ์ลับ เพราะการใช้กำลังทางทหารเต็มรูปแบบ มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนด้านต่างๆสูง จนใจไม่ถึงที่จะควักกระเป๋าให้ (ตอนนั้น)
    ยังมีพวกนักวิเคราะห์ ที่บอกว่า พวกไม่เห็นด้วยกับการบุกอิหร่าน มองไม่เห็นอันตรายที่แท้จริง ที่อาจเกิดขึ้นกับผลประโยชน์ของอเมริกา ที่อยู่ในและนอกตะวันออกกลาง จากการปล่อยให้อิหร่านที่มีนิวเคลียร์ ลอยนวลอยู่ตามสบาย มันเป็นการคุกคามผลประโยชน์ของอเมริกาโดยตรง
    ส่วนนายโครเอง มีชื่อเสียงว่า สนับสนุนการบุกอิหร่าน เขาบอกว่า โดยการใช้กำลังทหาร และใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง ล๊อคเป้าจ่อไปที่โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แค่นั้นเรื่องก็จบ อเมริกาและตะวันออกกลาง ก็จะได้อยู่อย่างสงบจากเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านเสียที
    โลกฝ่ายตะวันตก หรือฝ่ายอเมริกานั่นแหละ พยายามกดดันที่โครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านมานานแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ขนาดปล่อยไวรัส Stuxnet เข้าไปในระบบของอิหร่าน ไม่นาน อิหร่านก็แก้ไขฟื้นขึ้นมาใหม่ Institute of Science and International Security บอกว่า นอกจากอิหร่านฟื้นเร็วแล้ว ระยะเวลาการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ละครั้งยังเร็วขึ้นอีกด้วย น่าจะใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และอิหร่านมีแผนที่จะย้ายโครงการผลิตนิวเคลียร์นี้ ไปไว้ในสถานที่ ที่ยากแก่เข้าถึง ทำให้โอกาสที่จะการใช้กำลังทหารแคบลงไปอีก ขณะเดียวกัน หลายประเทศในภูมิภาคเริ่มสงสัยในสมรรถภาพ ของอเมริกาว่า อเมริกาทำอะไรอยู่ ปล่อยอิหร่านผลิตนิวเคลียร์ยังกับผลิตของเล่น
    อเมริกาไม่ได้อยู่เฉย อเมริกาคิด แต่ยังคิดไม่ตก อเมริกาคิดจะใช้ cold war model เหมือนตอนสงครามเย็นปิดล้อมสหภาพโซเวียต แต่สภาพประเทศในตะวันออกกลาง ต่างกับประเทศในยุโรป อย่างหน้ามือกับหลังมือเลย อย่าว่าจะไปปิดล้อมใครเลย แค่พร้อมพอที่จะป้องกันตัวเองยัง ทำไม่ได้ เพราะฉนั้น ถ้าคิดจะปิดล้อมอิหร่าน ต้องใช้งบบาน เพราะโดยสภาพภูมิประเทศ และทำเลที่ตั้งของอิหร่าน อเมริกาต้องส่งทั้ง กองทัพเรือ กองทัพบก รวมทั้งอาจจะต้องจัดส่งนิวเคลียร์ ไปให้ทั้งตะวันออกกลาง คอยจ่อคอหอยอิหร่าน แล้วทั้งหมด ไม่ใช่ไปอยู่วันสองวัน แล้วกลับบ้านนอน แต่ต้องอยู่ถาวรเป็นหลาย 10 ปี ไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ไปต้มพวกเสี่ยปั้มมา ไหนจะลาดตระเวน ไหนจะป้องกัน ไหนจะตามเฝ้าอิหร่าน ไหนจะตรวจสอบอิหร่าน ฯลฯ
    พอเห็นแล้วนะครับ ว่า อเมริการู้ว่า อิหร่านกำลังทำอะไร คิดอะไร และอเมริกาน่าจะทำอะไร ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วทำไมอเมริกาถึงเลือกทำ อย่างที่กำลังโดนพวกตัวเองด่า และถ้า วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ยังเจรจากันไม่เสร็จ อเมริกาจะทำอย่างไรต่อไป และผลมันจะเป็นอย่างไร
    ###############
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง”

    ตอน 6 (จบ)
    ก่อนไปถึงอเมริกา ขอย้อนกลับมาที่อิหร่าน ที่เขี้ยวลากดินหน่อย สมันน้อยแดนสยามจะได้เข้าใจว่า การจะออกจากคอกนั้นทำได้ ถ้าใช้สติปัญญา มีความตั้งใจทำจริง มีความอดทน ยอมลำบาก ไม่เห็นแก่ตัว และที่สำคัญต้องสามัคคี พร้อมใจกันทั้งชาติ
    อิหร่านโดนนักล่า ทั้งที่มาจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จนถึงนักล่าใบตองแห้ง ร่วมมือกัน แย่งชิงกัน เพื่อหลอกเอาทรัพยากรมีค่ามหา ศาลของอิหร่าน ด้วยการต้มเปื่อย ยุแยง แทรกแซง ปั่นหัว ฟอกย้อม ชาวอิหร่านทุกระดับ จนอิหร่านเสียทรัพยากร เสียพลเมือง เสียผู้นำประเทศ อย่างน่าเสียดายไปมากมาย ตั้งแต่ปี 1900 ต้นๆ โดนต้มมา 100 กว่าปี ไม่คิดปีนขึ้นมาจากหม้อ ก็.. คงต้องปล่อยไปตามกรรม
    แต่อิหร่าน ฮึดสู้ แม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างหนักหนาสา หัส การฮึดสู้ อาจมีความลำบากยากเข็ญ ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และการทำธุกิจ ฯลฯ แต่ เพื่อรักษาประเทศ มีชาวอิหร่านที่คิดทำ และอดทน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป แต่ถ้าไม่ฮึดสู้ ก็มีแต่ถูกเขาจูงกลับเข้าคอก แล้วปอกลอกเอาสมบัติของประเทศไป….. เหมือนเดิม
    อิหร่านเชื่อว่า ทางออกจากกำมือของตะวันตกมีทางเดียวคือ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ อิหร่านวางยุทธศาสตร์ สร้างชาติใหม่ที่พึ่งตัวเองได้ หนึ่งในกระบวนการสร้างชาติคือ การหาพลังงานใช้ในประเทศด้วยวิธีอื่นด้วย ไม่ใช่จากการขุดน้ำมันมาใช้อย่างเดียว น้ำมันของประเทศเอาไว้ขายเป็นรายได้ อิหร่านจึงคิดพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ คิดได้ 1 ก็ไป ถึง 2 แล้วก็เลยไปถึงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อิหร่านบอก ไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นการรุกราน แต่ไว้ใช้เป็นการป้องกันตัว และเป็นเครื่องต่อรอง ประเทศที่มองการณ์ไกล ไม่อยากถูกครอบงำชักจูง อยู่ในกำมือผู้อื่นตลอดกาล ก็ย่อมคิดอย่างนี้
    เมื่อแรกๆ ไม่มีใครเชื่อว่า อิหร่านจะพัฒนาได้ แต่จากการเมืองของอิหร่านเอง ทำให้คนใน เอาความมาบอกคนนอก แล้วอเมริกาก็เลยรู้ แต่รู้ช้าไปนิด เมื่ออิหร่านเดินหน้าไปไกลพอสมควร อเมริกาคิดหนัก อย่างที่นายโคร เอามาเขียนนั่นแหละ่
    อเมริกาคิดว่า ยังไม่ใช่เวลาทำสงครามกับอิหร่าน อเมริกาเพิ่งขูดเนื้ออิรัคเสร็จ จะมาขูดเนื้ออิหร่านต่อ เหนื่อยตายชัก ทหารก็ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนการปิดล้อม ก็ค่าใช้จ่ายสูงสะบั้น อเมริกาจึงใช้วิธีทางการเมือง แยงให้ตะวันออกกลางวุ่นวาย บวกกับ การคว่ำบาตร น่าจะทำให้อิหร่าน เหนื่อยและสยบ แต่อเมริกา คงลืมคิดไป โลกตอนนี้ กับโลก เมื่อ 50 ปีก่อน ต่างกันแยะ
    และยิ่งต่างกันแยะมากขึ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมา โลกไม่ได้มีขั้วเดียว ที่มีอเมริกาและพวก เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโลกเท่านั้น จากการบีบคั้น แสดงอำนาจ เอาเปรียบ และความไม่เป็นธรรมของอเมริกาเอง จึงค่อยๆมีแยกตัว และจับมือ สร้างกลุ่มใหม่กันขึ้น มาถึงวันนี้ ขั้วอำนาจดูเหมือนจะเริ่มแบ่งชัดขึ้น ระหว่างแองโกลอเมริกัน บวกยุโรป และสมุนค่ายหนึ่ง และ มี รัสเซีย จีน กับพวกอยู่อีกค่ายหนึ่ง
    ดอลล่าร์กำลังถูกท้าทาย เหมือนที่เงินปอนด์เคยถูกชิงตำแหน่ง จากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกก็แบ่งเป็น 2 ค่าย นี่เรากำลังเดินเข้าไปสู่วัฏฏะ เดิมอีกหรือ โดยมีเรื่องของอิหร่าน เป็นตัวแปร หรือเป็นชนวน…
    อิหร่านยอมที่จะเจรจากับอเมริกา เรื่องลดการพัฒนานิวเคลียร์ เพราะเป็นการเจรจาที่อิหร่าน มีแต่ได้ กับเสมอตัว อิหร่านต้องการให้ฝ่ายตะวันตก ปลดการคว่ำบาตรทั้งหมด ที่เกี่ยวกับอิหร่าน ถ้าได้ตามต้องการ อิหร่านจะกลายเป็นเสี่ยใหญ่แห่ง ตะวันออกกลาง เขาว่าเป็นเงินมากมาย ประเมินกันไม่ถูก เพราะอิหร่านอุบเงียบ แถมใช้ตัวแทน ทำหลายซับหลายซ้อน ขณะเดียวกัน ในระหว่างเจรจา อิหร่านก็เดินหน้าโครงการต่อ แถมโยกย้าย แยกแยะ จนยากแก่การติดตาม ถ้าการเจรจาไม่สำเร็จ อิหร่านก็กลับมาอยู่สภาพ เดินหน้าพัฒนาต่ออย่างที่ทำอยู่ ชีวิตก็เหมือนเดิม เคยลำบากมาแล้ว ก็ลำบากต่ออีกนิด แต่เมื่อมีนิวเคลียร์ครบ เสียงของอิหร่านที่จะเจรจา หรือ พูดอะไรต่อไป ก็คงต่างไปบ้าง อเมริกาก็คิดเองแล้วกัน จะเป็นเสียงอย่างไหน อเมริกาก็เคยใช้มาสาระพัดเสียงแล้วนี่
    วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ถ้า ฝ่าย P5+1 ตกลงกับอิหร่านได้ครบถ้วน ตามความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย บทที่แสดงหน้าจอ ก็คงชนิดได้ตุ๊กตาทอง มีการจับมือ เอาบุญเอาคุญ ตามธรรมเนียม และมันคงเป็นแค่ “การซื้อเวลา” เมื่อไหร่ที่อิหร่านพร้อม เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตะวันออกกลางอย่างเห็นชัด เสี่ยปั้มทั้งหลาย ก็เฝ้าปั้มไว้ให้ดีก็แล้วกัน
    สำหรับอเมริกา อเมริกายอมเล่นบทคว่ำบาตร เพราะอเมริกา “ยังไม่พร้อม” เล่นบทอื่น ไม่ใช่อเมริกา ประเมินผิด ไอ้ถังขยะต่างๆ ที่ออกมาทำเสียงเขียว มันเป็นการเล่นละคร กันทั้งนั้น ต่างก็รู้คิวกัน เจรจาให้ยาว ทำเป็นตกลง ให้อิหร่านถลาเข้ามา แล้วก็ตวัดกลับ เพราะอเมริกา ไม่มีทางยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านอย่างจริงจัง แม้จะทำเป็นตกลง ท้ายที่สุดอิหร่านก็จะได้แต่กินแห้ว อเมริกาแค่ซื้อเวลา รอให้มีความพร้อมทางฝั่งของตนเองมากที่สุด
    อเมริกา โดยไอ้ถังขยะ CFR (อีกแล้ว) ลงทุนติวเข้มให้แก่ อิสราเอล และซาอุดิ 2 มิตรชิดใกล้ของอเมริกาในตะวันออกกลาง เกี่ยวกับเรื่องอิหร่าน ตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด ประชุมติวกัน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ข่าวหลุดมาจาก นาย Anwar Eshski อดีตนายพล และทูตซาอุดิ ประจำอเมริกา อีกฝ่ายคือ นาย Dore Gold อดีตทูตอิสราเอล ประจำสหประชาชาติ มีการประชุมเช่นนี้ มาแล้ว 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 อเมริกา ไม่ได้หลุดคิวเลย
    นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่าน เช่นเดียวกัน อเมริกายังส่งนาย John Brennan ผอ CIA บินตรงไปสรุปข้อมูลลับเกี่ยวกับอิหร่าน ให้กับหน่วยงานข่าวกรองของอิสราเอล Mossad
    แปลว่า อเมริกาน่าจะคิดขยับหมากแล้ว เรื่องการเจรจาก็ปล่อยไป เจรจาสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ สำหรับอเมริกา ไม่มีอะไรต่างกัน เพราะอเมริกาน่าจะมีโผอยู่ในใจแล้ว เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเหมือนหนังฮอลลีวู้ดสร้าง ซี่รี่ส์ยาว ให้เราดูติดต่อกันมา 2 ปี เท่านั้นเอง
    อเมริกาไม่มีวันจะปล่อยมือที่บีบคออิหร่าน แม้อเมริกาจะนับรัสเซีย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งตลอดกาล และนับจีนเป็นคู่แข่งหมายเลขหนี่ง ซี่งแข่งมากๆ ก็จะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นศัตรูไปด้วย แต่กรณีของรัสเซีย เป็นเรื่องของ “ความอยากได้ ” ทรัพยากรของรัสเซีย บวกกับความแหยงสภาพการฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็วของรัสเซีย อเมริกาไม่มีผลประโยชน์โดยตรง มากมายในภูมิภาคของรัสเซีย มันเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมืองมากกว่า กรณีของจีน ก็ใกล้เคียงกับกรณีรัสเซีย แต่หนักไปในแง่ที่อเมริกาถือว่า แปซิฟิกและเอเซีย เป็นเหมือนบ้านที่ 2 ของอเมริกา มีแต่เด็กๆ ในความปกครองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น แค่คิดว่าจีนจะมาใหญ่กว่า หรือแค่เป็นคู่แข็ง อเมริกาก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว
    แต่กรณีอิหร่าน ขณะที่อเมริกาอยากได้ ทรัพยากรของอิหร่าน แต่อิหร่านวันนี้ เป็นอิหร่านที่มีพิษ และอเมริกายังคิดเซรุ่มกันพิษรอบใหม่ของอิหร่านยังไม่ได้ ถ้าอเมริกาขยับผิด ผลประโยชน์มหาศาลของอเมริกา ในตะวันออกกลางจะฉิบหายเกลี้ยงไปด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ได้สมบัติของอิหร่านอย่างเดียว เรื่องอิหร่าน เป็นเรื่องกระทบตรงกับผลประโยชน์ของอเมริกา เป็นเรื่องที่อเมริการู้อยู่แก่ใจ กำลังทำใจ และกำลังหาทางขจัดปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ เมื่ออเมริกาพร้อม โลกคงสะเทือน
    แต่การขยับหมากของอเมริกา ไล่มาตั้งแต่ ยูเครน ตะวันออกกลาง มาถึงหมากญี่ปุ่น (จะสำเร็จหรือไม่ ไม่รู้ แต่ผมว่า ร่อแร่ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อไปแบกถาดให้เขานี่ คนญี่ปุ่นน่าจะคิดออกนะ ว่าถูกเขาหลอกใช้ขนาดไหน) เหมือนความพร้อมของอเมริกา จะใกล้เข้ามาทุกที จะพร้อมลุยอิหร่านประเทศเล็กแต่มีพิษ หรือแค่พร้อมตั้งรับ เพราะรู้ว่า พิษคงจะเริ่มออกฤทธิ์อีกไม่ช้า และแพร่กระจายไปหลายทิศ ในอีกไม่นาน ก็ต้องดูกันต่อไป
    กลับมาที่อิหร่านอีกที ถ้า วันที่ 7 กรกฏาคมนี่ อิหร่านต้องฟังเพลง I will walk away … อิหร่านจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะหงิมๆ เก็บของ กลับบ้านไหม อิหร่านก็คงทำอย่างนั้น แต่กลับบ้านไปทำอะไร ผมไม่รู้ด้วย แต่ผมตั้งใจว่า ถ้าต้องฟัง พณฯใบตองแห้งครวญเพลง หลังจากวันที่ 7 กรกฏาคม ผมคง ตั้งสติให้นิ่ง ตามข่าวถี่หน่อย กินให้อร่อย นอนให้อิ่ม เก็บสะสมไว้ยามจำเป็นครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 ก.ค. 2558
    I Will Walk Away … พี่เผ่นก่อนนะน้อง ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 5 เป็นไปได้หรือว่า อเมริกาแสนจะชาญฉลาดกำโลกอยู่ในมือจนกระดิกไม่ออกมาตั้ง 70 ปี จะมาเสียทีให้กับอิหร่าน คงมีคนคิดกัน ตกลงอิหร่านต้มอเมริกา หรืออเมริกาต้มอิหร่านกันแน่ ก่อนจะลงความเห็น ลองฟังความเห็นอีกสักชิ้น เอามาจากบทความที่ลงในวารสาร Foreign Affairs วารสารที่ออกเป็นประจำของ CFR เมื่อปี ค.ศ.2012 ก่อนที่อเมริกาคิดจะเจรจากับอิหร่านไม่นาน คงมีคนสงสัย ทำไมลุงนิทานอ้างแต่ CFR ก็เขาเป็นผู้กำกับรัฐบาลอเมริกา ผมไม่ตามผู้กำกับ ผมก็ไม่รู้ว่าดาราคนไหน เล่นบทอะไร แล้วเล่นได้สมบทบาทแค่ไหน บทความนี้ชื่อ ” Time to Attack Iran” โดย Matthew Kroenig นายโคร เขาบอกว่า บรรดานักคิด และผู้วางนโยบายของอเมริกา ต่างโต้เถียงกันว่า อเมริกาควรจะจัดการเรื่องอิหร่านอย่างไรดี ความเห็นหนึ่ง บอกว่า เราควรบุกอิหร่าน และทำลายอุปกรณ์ทั้งปวงที่อิหร่านใช้ในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้เหี้ยนเลย ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการบุก บอกว่า การใช้กำลังทหารกับอิหร่านเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า และจะไม่เข้าท่าหนักขึ้น ถ้าเราไปเจออาวุธนิวเคลียร์ของ จริงของอิหร่าน นอกจากนี้ การบุกอิหร่าน โอกาสไม่สำเร็จมีสูง และถึงจะทำสำเร็จ มันอาจจะเป็นการจุดไม้ขีด ให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นสงคราม และอาจสร้างวิกฤติทางเศรษฐกืจ ให้กับอเมริกา และอาจลามไปทั้งโลกด้วยก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีฝ่ายที่แนะนำให้อเมริกาใช้วิธีการที่ไม่ใช่ทางทหาร เช่นใช้การเจรจาทางการทูต การคว่ำบาตร หรือการปฏิบัติการณ์ลับ เพราะการใช้กำลังทางทหารเต็มรูปแบบ มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนด้านต่างๆสูง จนใจไม่ถึงที่จะควักกระเป๋าให้ (ตอนนั้น) ยังมีพวกนักวิเคราะห์ ที่บอกว่า พวกไม่เห็นด้วยกับการบุกอิหร่าน มองไม่เห็นอันตรายที่แท้จริง ที่อาจเกิดขึ้นกับผลประโยชน์ของอเมริกา ที่อยู่ในและนอกตะวันออกกลาง จากการปล่อยให้อิหร่านที่มีนิวเคลียร์ ลอยนวลอยู่ตามสบาย มันเป็นการคุกคามผลประโยชน์ของอเมริกาโดยตรง ส่วนนายโครเอง มีชื่อเสียงว่า สนับสนุนการบุกอิหร่าน เขาบอกว่า โดยการใช้กำลังทหาร และใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง ล๊อคเป้าจ่อไปที่โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แค่นั้นเรื่องก็จบ อเมริกาและตะวันออกกลาง ก็จะได้อยู่อย่างสงบจากเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านเสียที โลกฝ่ายตะวันตก หรือฝ่ายอเมริกานั่นแหละ พยายามกดดันที่โครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านมานานแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ขนาดปล่อยไวรัส Stuxnet เข้าไปในระบบของอิหร่าน ไม่นาน อิหร่านก็แก้ไขฟื้นขึ้นมาใหม่ Institute of Science and International Security บอกว่า นอกจากอิหร่านฟื้นเร็วแล้ว ระยะเวลาการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ละครั้งยังเร็วขึ้นอีกด้วย น่าจะใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น และอิหร่านมีแผนที่จะย้ายโครงการผลิตนิวเคลียร์นี้ ไปไว้ในสถานที่ ที่ยากแก่เข้าถึง ทำให้โอกาสที่จะการใช้กำลังทหารแคบลงไปอีก ขณะเดียวกัน หลายประเทศในภูมิภาคเริ่มสงสัยในสมรรถภาพ ของอเมริกาว่า อเมริกาทำอะไรอยู่ ปล่อยอิหร่านผลิตนิวเคลียร์ยังกับผลิตของเล่น อเมริกาไม่ได้อยู่เฉย อเมริกาคิด แต่ยังคิดไม่ตก อเมริกาคิดจะใช้ cold war model เหมือนตอนสงครามเย็นปิดล้อมสหภาพโซเวียต แต่สภาพประเทศในตะวันออกกลาง ต่างกับประเทศในยุโรป อย่างหน้ามือกับหลังมือเลย อย่าว่าจะไปปิดล้อมใครเลย แค่พร้อมพอที่จะป้องกันตัวเองยัง ทำไม่ได้ เพราะฉนั้น ถ้าคิดจะปิดล้อมอิหร่าน ต้องใช้งบบาน เพราะโดยสภาพภูมิประเทศ และทำเลที่ตั้งของอิหร่าน อเมริกาต้องส่งทั้ง กองทัพเรือ กองทัพบก รวมทั้งอาจจะต้องจัดส่งนิวเคลียร์ ไปให้ทั้งตะวันออกกลาง คอยจ่อคอหอยอิหร่าน แล้วทั้งหมด ไม่ใช่ไปอยู่วันสองวัน แล้วกลับบ้านนอน แต่ต้องอยู่ถาวรเป็นหลาย 10 ปี ไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ไปต้มพวกเสี่ยปั้มมา ไหนจะลาดตระเวน ไหนจะป้องกัน ไหนจะตามเฝ้าอิหร่าน ไหนจะตรวจสอบอิหร่าน ฯลฯ พอเห็นแล้วนะครับ ว่า อเมริการู้ว่า อิหร่านกำลังทำอะไร คิดอะไร และอเมริกาน่าจะทำอะไร ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วทำไมอเมริกาถึงเลือกทำ อย่างที่กำลังโดนพวกตัวเองด่า และถ้า วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ยังเจรจากันไม่เสร็จ อเมริกาจะทำอย่างไรต่อไป และผลมันจะเป็นอย่างไร ############### นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” I will walk away …พี่เผ่นก่อนนะน้อง” ตอน 6 (จบ) ก่อนไปถึงอเมริกา ขอย้อนกลับมาที่อิหร่าน ที่เขี้ยวลากดินหน่อย สมันน้อยแดนสยามจะได้เข้าใจว่า การจะออกจากคอกนั้นทำได้ ถ้าใช้สติปัญญา มีความตั้งใจทำจริง มีความอดทน ยอมลำบาก ไม่เห็นแก่ตัว และที่สำคัญต้องสามัคคี พร้อมใจกันทั้งชาติ อิหร่านโดนนักล่า ทั้งที่มาจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จนถึงนักล่าใบตองแห้ง ร่วมมือกัน แย่งชิงกัน เพื่อหลอกเอาทรัพยากรมีค่ามหา ศาลของอิหร่าน ด้วยการต้มเปื่อย ยุแยง แทรกแซง ปั่นหัว ฟอกย้อม ชาวอิหร่านทุกระดับ จนอิหร่านเสียทรัพยากร เสียพลเมือง เสียผู้นำประเทศ อย่างน่าเสียดายไปมากมาย ตั้งแต่ปี 1900 ต้นๆ โดนต้มมา 100 กว่าปี ไม่คิดปีนขึ้นมาจากหม้อ ก็.. คงต้องปล่อยไปตามกรรม แต่อิหร่าน ฮึดสู้ แม้จะถูกคว่ำบาตรอย่างหนักหนาสา หัส การฮึดสู้ อาจมีความลำบากยากเข็ญ ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน และการทำธุกิจ ฯลฯ แต่ เพื่อรักษาประเทศ มีชาวอิหร่านที่คิดทำ และอดทน พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป แต่ถ้าไม่ฮึดสู้ ก็มีแต่ถูกเขาจูงกลับเข้าคอก แล้วปอกลอกเอาสมบัติของประเทศไป….. เหมือนเดิม อิหร่านเชื่อว่า ทางออกจากกำมือของตะวันตกมีทางเดียวคือ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ อิหร่านวางยุทธศาสตร์ สร้างชาติใหม่ที่พึ่งตัวเองได้ หนึ่งในกระบวนการสร้างชาติคือ การหาพลังงานใช้ในประเทศด้วยวิธีอื่นด้วย ไม่ใช่จากการขุดน้ำมันมาใช้อย่างเดียว น้ำมันของประเทศเอาไว้ขายเป็นรายได้ อิหร่านจึงคิดพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ คิดได้ 1 ก็ไป ถึง 2 แล้วก็เลยไปถึงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อิหร่านบอก ไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นการรุกราน แต่ไว้ใช้เป็นการป้องกันตัว และเป็นเครื่องต่อรอง ประเทศที่มองการณ์ไกล ไม่อยากถูกครอบงำชักจูง อยู่ในกำมือผู้อื่นตลอดกาล ก็ย่อมคิดอย่างนี้ เมื่อแรกๆ ไม่มีใครเชื่อว่า อิหร่านจะพัฒนาได้ แต่จากการเมืองของอิหร่านเอง ทำให้คนใน เอาความมาบอกคนนอก แล้วอเมริกาก็เลยรู้ แต่รู้ช้าไปนิด เมื่ออิหร่านเดินหน้าไปไกลพอสมควร อเมริกาคิดหนัก อย่างที่นายโคร เอามาเขียนนั่นแหละ่ อเมริกาคิดว่า ยังไม่ใช่เวลาทำสงครามกับอิหร่าน อเมริกาเพิ่งขูดเนื้ออิรัคเสร็จ จะมาขูดเนื้ออิหร่านต่อ เหนื่อยตายชัก ทหารก็ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนการปิดล้อม ก็ค่าใช้จ่ายสูงสะบั้น อเมริกาจึงใช้วิธีทางการเมือง แยงให้ตะวันออกกลางวุ่นวาย บวกกับ การคว่ำบาตร น่าจะทำให้อิหร่าน เหนื่อยและสยบ แต่อเมริกา คงลืมคิดไป โลกตอนนี้ กับโลก เมื่อ 50 ปีก่อน ต่างกันแยะ และยิ่งต่างกันแยะมากขึ้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เป็นต้นมา โลกไม่ได้มีขั้วเดียว ที่มีอเมริกาและพวก เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของโลกเท่านั้น จากการบีบคั้น แสดงอำนาจ เอาเปรียบ และความไม่เป็นธรรมของอเมริกาเอง จึงค่อยๆมีแยกตัว และจับมือ สร้างกลุ่มใหม่กันขึ้น มาถึงวันนี้ ขั้วอำนาจดูเหมือนจะเริ่มแบ่งชัดขึ้น ระหว่างแองโกลอเมริกัน บวกยุโรป และสมุนค่ายหนึ่ง และ มี รัสเซีย จีน กับพวกอยู่อีกค่ายหนึ่ง ดอลล่าร์กำลังถูกท้าทาย เหมือนที่เงินปอนด์เคยถูกชิงตำแหน่ง จากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกก็แบ่งเป็น 2 ค่าย นี่เรากำลังเดินเข้าไปสู่วัฏฏะ เดิมอีกหรือ โดยมีเรื่องของอิหร่าน เป็นตัวแปร หรือเป็นชนวน… อิหร่านยอมที่จะเจรจากับอเมริกา เรื่องลดการพัฒนานิวเคลียร์ เพราะเป็นการเจรจาที่อิหร่าน มีแต่ได้ กับเสมอตัว อิหร่านต้องการให้ฝ่ายตะวันตก ปลดการคว่ำบาตรทั้งหมด ที่เกี่ยวกับอิหร่าน ถ้าได้ตามต้องการ อิหร่านจะกลายเป็นเสี่ยใหญ่แห่ง ตะวันออกกลาง เขาว่าเป็นเงินมากมาย ประเมินกันไม่ถูก เพราะอิหร่านอุบเงียบ แถมใช้ตัวแทน ทำหลายซับหลายซ้อน ขณะเดียวกัน ในระหว่างเจรจา อิหร่านก็เดินหน้าโครงการต่อ แถมโยกย้าย แยกแยะ จนยากแก่การติดตาม ถ้าการเจรจาไม่สำเร็จ อิหร่านก็กลับมาอยู่สภาพ เดินหน้าพัฒนาต่ออย่างที่ทำอยู่ ชีวิตก็เหมือนเดิม เคยลำบากมาแล้ว ก็ลำบากต่ออีกนิด แต่เมื่อมีนิวเคลียร์ครบ เสียงของอิหร่านที่จะเจรจา หรือ พูดอะไรต่อไป ก็คงต่างไปบ้าง อเมริกาก็คิดเองแล้วกัน จะเป็นเสียงอย่างไหน อเมริกาก็เคยใช้มาสาระพัดเสียงแล้วนี่ วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ถ้า ฝ่าย P5+1 ตกลงกับอิหร่านได้ครบถ้วน ตามความต้องการของทั้ง 2 ฝ่าย บทที่แสดงหน้าจอ ก็คงชนิดได้ตุ๊กตาทอง มีการจับมือ เอาบุญเอาคุญ ตามธรรมเนียม และมันคงเป็นแค่ “การซื้อเวลา” เมื่อไหร่ที่อิหร่านพร้อม เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตะวันออกกลางอย่างเห็นชัด เสี่ยปั้มทั้งหลาย ก็เฝ้าปั้มไว้ให้ดีก็แล้วกัน สำหรับอเมริกา อเมริกายอมเล่นบทคว่ำบาตร เพราะอเมริกา “ยังไม่พร้อม” เล่นบทอื่น ไม่ใช่อเมริกา ประเมินผิด ไอ้ถังขยะต่างๆ ที่ออกมาทำเสียงเขียว มันเป็นการเล่นละคร กันทั้งนั้น ต่างก็รู้คิวกัน เจรจาให้ยาว ทำเป็นตกลง ให้อิหร่านถลาเข้ามา แล้วก็ตวัดกลับ เพราะอเมริกา ไม่มีทางยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านอย่างจริงจัง แม้จะทำเป็นตกลง ท้ายที่สุดอิหร่านก็จะได้แต่กินแห้ว อเมริกาแค่ซื้อเวลา รอให้มีความพร้อมทางฝั่งของตนเองมากที่สุด อเมริกา โดยไอ้ถังขยะ CFR (อีกแล้ว) ลงทุนติวเข้มให้แก่ อิสราเอล และซาอุดิ 2 มิตรชิดใกล้ของอเมริกาในตะวันออกกลาง เกี่ยวกับเรื่องอิหร่าน ตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่าสุด ประชุมติวกัน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ข่าวหลุดมาจาก นาย Anwar Eshski อดีตนายพล และทูตซาอุดิ ประจำอเมริกา อีกฝ่ายคือ นาย Dore Gold อดีตทูตอิสราเอล ประจำสหประชาชาติ มีการประชุมเช่นนี้ มาแล้ว 5 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 อเมริกา ไม่ได้หลุดคิวเลย นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่าน เช่นเดียวกัน อเมริกายังส่งนาย John Brennan ผอ CIA บินตรงไปสรุปข้อมูลลับเกี่ยวกับอิหร่าน ให้กับหน่วยงานข่าวกรองของอิสราเอล Mossad แปลว่า อเมริกาน่าจะคิดขยับหมากแล้ว เรื่องการเจรจาก็ปล่อยไป เจรจาสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ สำหรับอเมริกา ไม่มีอะไรต่างกัน เพราะอเมริกาน่าจะมีโผอยู่ในใจแล้ว เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเหมือนหนังฮอลลีวู้ดสร้าง ซี่รี่ส์ยาว ให้เราดูติดต่อกันมา 2 ปี เท่านั้นเอง อเมริกาไม่มีวันจะปล่อยมือที่บีบคออิหร่าน แม้อเมริกาจะนับรัสเซีย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งตลอดกาล และนับจีนเป็นคู่แข่งหมายเลขหนี่ง ซี่งแข่งมากๆ ก็จะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นศัตรูไปด้วย แต่กรณีของรัสเซีย เป็นเรื่องของ “ความอยากได้ ” ทรัพยากรของรัสเซีย บวกกับความแหยงสภาพการฟื้นคืนชีพอย่างรวดเร็วของรัสเซีย อเมริกาไม่มีผลประโยชน์โดยตรง มากมายในภูมิภาคของรัสเซีย มันเป็นเรื่องของยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมืองมากกว่า กรณีของจีน ก็ใกล้เคียงกับกรณีรัสเซีย แต่หนักไปในแง่ที่อเมริกาถือว่า แปซิฟิกและเอเซีย เป็นเหมือนบ้านที่ 2 ของอเมริกา มีแต่เด็กๆ ในความปกครองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น แค่คิดว่าจีนจะมาใหญ่กว่า หรือแค่เป็นคู่แข็ง อเมริกาก็ทนไม่ได้อยู่แล้ว แต่กรณีอิหร่าน ขณะที่อเมริกาอยากได้ ทรัพยากรของอิหร่าน แต่อิหร่านวันนี้ เป็นอิหร่านที่มีพิษ และอเมริกายังคิดเซรุ่มกันพิษรอบใหม่ของอิหร่านยังไม่ได้ ถ้าอเมริกาขยับผิด ผลประโยชน์มหาศาลของอเมริกา ในตะวันออกกลางจะฉิบหายเกลี้ยงไปด้วย ไม่ใช่แค่ไม่ได้สมบัติของอิหร่านอย่างเดียว เรื่องอิหร่าน เป็นเรื่องกระทบตรงกับผลประโยชน์ของอเมริกา เป็นเรื่องที่อเมริการู้อยู่แก่ใจ กำลังทำใจ และกำลังหาทางขจัดปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ เมื่ออเมริกาพร้อม โลกคงสะเทือน แต่การขยับหมากของอเมริกา ไล่มาตั้งแต่ ยูเครน ตะวันออกกลาง มาถึงหมากญี่ปุ่น (จะสำเร็จหรือไม่ ไม่รู้ แต่ผมว่า ร่อแร่ แก้รัฐธรรมนูญเพื่อไปแบกถาดให้เขานี่ คนญี่ปุ่นน่าจะคิดออกนะ ว่าถูกเขาหลอกใช้ขนาดไหน) เหมือนความพร้อมของอเมริกา จะใกล้เข้ามาทุกที จะพร้อมลุยอิหร่านประเทศเล็กแต่มีพิษ หรือแค่พร้อมตั้งรับ เพราะรู้ว่า พิษคงจะเริ่มออกฤทธิ์อีกไม่ช้า และแพร่กระจายไปหลายทิศ ในอีกไม่นาน ก็ต้องดูกันต่อไป กลับมาที่อิหร่านอีกที ถ้า วันที่ 7 กรกฏาคมนี่ อิหร่านต้องฟังเพลง I will walk away … อิหร่านจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะหงิมๆ เก็บของ กลับบ้านไหม อิหร่านก็คงทำอย่างนั้น แต่กลับบ้านไปทำอะไร ผมไม่รู้ด้วย แต่ผมตั้งใจว่า ถ้าต้องฟัง พณฯใบตองแห้งครวญเพลง หลังจากวันที่ 7 กรกฏาคม ผมคง ตั้งสติให้นิ่ง ตามข่าวถี่หน่อย กินให้อร่อย นอนให้อิ่ม เก็บสะสมไว้ยามจำเป็นครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 ก.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 969 Views 0 Reviews
  • หลุม ตอนที่ 3 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หลุม”

    ตอน 3

    คุณช๊อกโกแลต ไปได้ยาโด๊ปมาจากไหนไม่ทราบแน่ แต่ต้องถอยหลังไปเล่าบางเรื่องของยูเครน เมื่อปลายปี ค.ศ.2014 เสียหน่อย เผื่อจะหาแหล่งขายยาโด๊ปเจอ

    ปลายเดือนตุลาคม 2014 คุณช๊อกโกแลต ประธานาธืบดียูเครน จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อคัดเด็กในคาถาเข้าสภาตามใจนายใหญ่ เพราะว่าสมาชิกสภาชุดที่มีอยู่ มันสั่งให้ยกมือกางแขนนอนกลิ้งยาก และกว่าจะหมดวาระ ว่าเข้าไปถึงปี 2017 โน่น ไม่ทันการแน่ ข่าวว่าการให้จัดเลือกตั้งใหม่ เป็นใบสั่งของนางเหยี่ยว Victoria Nuland เจ้าของวลีอันโด่งดัง **** the EU แห่งกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา (อ่านรายละเอียดของสาเหตุการให้ F ของนางเหยี่ยวได้ในนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง )

    เขาสั่งได้ จัดได้กันจริงๆ แล้วยูเครนก็ได้สมาชิกสภาใหม่ ที่อยู่ในแถว ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หน้าเก่า เด็กในกระเป๋าใส่เศษสตางค์ของนางเหยี่ยว ชื่อนาย Arseniy Yatsenyuk หนุ่มยิวหน้ามน อดีตนายกรัฐมนตรียูเครนสมัยหนึ่ง ที่นางเหยี่ยวเป็นผู้เลือกกับมือ ตัดหน้าอียู และเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอีกสมัย เรียกว่าเป็นตัวโปรดตัวจริงของนางเหยี่ยว ซึ่งข่าวบอกว่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงาน ชื่อ “Church of Scientology” ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรอง แขนงหนึ่งของอเมริกา อีกด้วย

    นาย Yats ไม่มาคนเดียว เขาเสนอชื่อรัฐมนตรีน่าสนใจ 3 คน

    คนแรก ชื่อ นาง Natalie Jaresko ให้เป็นรัฐมนตรีการคลัง

    คุณนาย Ja แม้จะพูดภาษายูเครนคล่องปรื้อ เพราะมาอยู่เมืองเคียฟ ( Kyiv) ต้ังแต่ปี 1992 ในฐานะเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกัน ใช่ครับสถานทูตอเมริกัน ก็คุณนายเป็นคนอเมริกัน แม้จะอ้างว่ามีรากเหง้างอกจากยูเครน แต่คุณนาย Ja ก็ถือสัญชาติอเมริกัน เรียนจบ ป โท จาก ฮาร์วาด
    ปี 1995 คุณนาย Ja ลาออกจากสถานทูต ไปคุมกองทุนชื่อ Western NIS Enterprise Fund (WNISEF) ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน ตั้งโดยสภาสูงของอเมริกัน และเป็นเงินทุนอุดหนุนผ่าน USAID มีขนาดเงินกองทุน จำนวน 150 ล้านเหรียญ
    นอกจากนี้ คุณนาย Ja ยังบริหารกองทุน ชื่อ Horizon Capital Associates, LLC. (ไม่รู้ขนาดของกองทุน)

    ทั้ง 2 กองทุน มีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนในธุรกิจบริการ ธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจด้านของกินของใช้ โดยจะลงทุนในบริษัทขนาดกลาง ทั้งในยูเครน เบลาลุส และมอนโดวา เรียกว่า เป็นรายการกวาดกิจการ แถบยูเครนเข้ากระเป๋า ดูๆ ก็ไม่ต่างกับการบังคับให้แปรรูปรัฐวิสากิจ แต่ยูเครนไม่ค่อยมีรัฐวิสาหกิจจะให้แปร เลยต้องใช้กองทุนเข้าไปซื้อบริษัทแบบดื้อๆ ด้านๆ ง่ายกว่าแยะ

    เมื่อคุณนาย Ja แถลงรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง คุณนายบอกว่า ทีมเราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้มีความโปร่งใส และขจัดทุจริต ฟังคุ้นหูดีไหมครับ สงสัยพวกโพยนี่ เขาอัดโรเนียวแจกทั่วโลก และไอ้พฤติกรรมที่ทำ กับคำพูดนี่ มันก็สับปรับเหมือนกันหมด

    ผู้คนสงสัย แล้วคนอเมริกันไปเป็นรัฐมนตรีที่ยูเครนได้ยังไง เขียนมั่วหรือเปล่า ไม่มั่วครับ

    1 วันก่อนการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง คุณช๊อกโกแลต ก็จัดการออกสัญชาติยูเครนให้คุณนาย Ja ก็แค่นั้นเอง คุณนายก็ถือ 2 สัญชาติควบ มีปัญหาอะไรไหม

    โปรดเชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ของอเมริกา ที่จะเข้าไปล้วง ไปขุด ไปออกเสียง สั่งการที่ไหน แม้แต่ไปอยู่ในรัฐบาลประเทศอื่น ก็ได้ในโลก เยี่ยมจังพี่ ผมไม่เคยเห็นใครตวัดได้เก่งอย่างนี้เลย เขียนชมขนาดนี้แล้วจะเลิกป่วน เพจผมไหมครับ ไอ้เรื่องทำให้เครื่องค้าง กดอะไรไม่ได้เลย สลับข้อความ ข้อความหายนี่ ฯลฯ เล่นแบบนี้มานานแล้วนะ เบื่อฉิบหายเลย ให้มันสร้างสรรกว่านี้ได้ไหมครับ

    ส่งคุณนาย Ja มาคนเดียว คงกลัวจ่ายตลาดไม่ทัน นาย Yats เลยเสนอชื่อ นาย Aviras Abromavicius นักการเงินชาวลิทัวเนีย ให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นาย Ab นี่ เป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการกองทุน ชื่อ East Capital ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสวีเดน มีกองทุนอยู่ใน ประเทศตลาดเกิดใหม่ 25 ประเทศ ขนาดของแต่กองทุน ประมาณ 100 ล้านเหรียญขึ้นไป

    ถ้าผมเป็นชาวยูเครน ผมจะยุให้มีการอารยะขัดขืน (ฮา) ไม่จ่ายภาษีจนกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างชาตินี่ จะออกไปให้พ้นจากคณะรัฐบาล เพราะมันเป็นการดูหมิ่นประชาชนในชาติมาก ที่เอาคนต่างชาติมาบริหารชาติตนเองน่ะ ชาวยูเครนทนได้ยังไงครับ

    แล้วคุณช๊อกโกแลต ก็ออกสัญชาติยูเครนให้ นาย Ab พร้อมๆกับ คุณนาย Ja ไม่มีปัญหากับประชาธิปไตยของยูเครน แม้แต่น้อย และไม่มีไอ้พวกใบตองแห้ง มาด่าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เพราะมันเป็นคนจัดมาให้ (ฮา และ โห่) ต้องการประชาธิปไตยอย่างนี้ใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม

    ยังครับ ยัง ยังไม่เป็นประชาธิปไตยพอ นาย Yats เลยไปสรรหามาอีกหนึ่ง คราวนี้ได้ชาวจอร์เจีย ชื่อ Alexander Kvitashvili เขาเป็นอดีตรัฐมนตรีสาธารณะสุข ของจอร์เจีย สมัยที่ นาย Saak, Mikheil Saakashvili เป็นประธานาธิบดี ของ จอร์เจีย ( Georgia)
    นาย Kvit นี่น่าชื่นชมที่สุด ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญจริง เป็นคนต่างชาติ ยังไม่พอ พูดภาษายูเครนไม่ได้ ฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่รับหน้าที่จะมาปราบการทุจริต ในวงการสาธารณสุขของยูเครน ถ้าทำงานนี้สำเร็จ ควรต้องตกรางวัล ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนาย Yats เสียเลย ถ้านางเหยี่ยว Nuland ยอม

    อ้อ ตกความไปหน่อย นายKvit นี่ก็เรียนจบ ป โทที่อเมริกา และทำงานที่ Atlanta Medical Center ในอเมริกาอยู่พักหนึ่ง ก่อนกลับมาทำงานกับ United Nations Development Program ที่จอร์เจีย และทำงานร่วมกับหลายองค์กรทางด้านสาธารณสุขของอเมริกา

    ช่างเลือกกันดีนะครับ

    ##############
    ตอน 4

    เห็นแหล่งส่งยาโด๊ปของคุณช๊อกโกแลตแวบแวบ แต่ มันยังไม่ชัดเจน

    Loli Kantor เป็นนักข่าวประเภท ทั้งถ่าย(รูป)ทั้งเล่า ชาวอิสราเอล/อเมริกัน เล่าว่า เธอเดินทางไปโปแลนด์ เมื่อปี ค.ศ.2004 เพื่อไปค้นหาด้วยตัวเอง ว่าเกิดอะไรกับครอบครัวของตัวบ้างระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

    Kantor บอกว่า พ่อแม่ของเธอรอดตายจาก Holocaust แต่ก็เห็นชื่อปู่ยาตายาย ลุงป้า ตายเกลี้ยง ตามรายชื่อที่พวกนาซีรวบรวมไว้ เธอบอกว่า ชื่อคนตาย มีแต่ ยิว ยิว ยิว ฉันเดินไปถ่ายรูปสถานที่ฆ่าหมู่ชาวยิวทั้งหลาย ฉันถามตัวเองว่า แล้วชาวยิว ที่ยังเป็นๆอยู่ในยุโรปตะวันออกมีไหม เขาอยู่ที่ไหนกัน แล้วฉันก็พบพวกเขาที่ยูเครน หลังจากน้ันเจ้าตัวก็เทียวไปเทียวมายูเครนต่อมาอีก 8 ปี และเขียนหนังสือ ชื่อ Beyond the Forest ที่มีรูปภาพเกี่ยวกับชีวิตชาวยิวรุ่นเก่า

    ระหว่างที่ถ่ายรูปทำหนังสือ Kantor ก็ได้เห็นการเกิดใหม่ของชุมชน ชาวยิว rebirth of Jewish communities ในยูเครน Kantor ตื่นเต้น เธอกลับไปคุยกับ David Fisherman ศาสตราจารย์ชาวยิว ที่ Theological Seminary of America ซึ่งก็สอนที่มหาวิทยาลัย Kiew ของยูเครนด้วย
    ท่าน ศจ บอกว่า ตอนนี้ เหมือนเป็นช่วงเวลาของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ของชาวยิวกับยูเครน ไม่เคยมีช่วงไหนที่ดีอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ Kantor ถ้าจะตกข่าวแยะ

    ท่าน ศจ บอกว่า มันคงมีส่วน มาจากการพุ่งเป็นพลุ ของนาย Ihor Kolomoyski มหาเศรษฐีใหญ่ชาวยิวนั่นแหละ ซึ่งได้รับเลือก ตั้งแต่ปีก่อน ให้เป็นผู้ว่าการเมือง Dnipropetrovsk (ถ้าสะกดผิดก็ขออำไพนะครับ เขียนยากชะมัด) ซึ่งเป็นเสมือนเมือง ศูนย์กลางของยูเครนเลยนะ ก่อนหน้านั้น นาย มอยสกี้ (Kolomoyski) สร้างศูนย์สันทนาการ มูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญ ขึ้นที่กลางเมือง ต้ังชื่อว่า Menorah Center (menorah คือเชิงเทียน 7 กิ่ง ที่ใช้ในพิธีของชาวยิว และเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชาวยิว) มีของทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิว รวมทั้ง Holocaust Museum เรียกว่า เป็นศูนย์สันทนาการของชาวยิว ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เข้าใจไหม… อ้อ อย่างนี้นี่เอง อันนี้ผมรำพึง

    นายมอยสกี้นี่ เป็นคนพูดจาไม่อ้อมค้อม เสียงดังฟังชัด ก็ทั้งรวย ทั้งเป็นผู้ว่าฯ เราๆก็น่าจะคุ้นกับการพูดแบบนี้ของคนอย่างนี้นะครับ เขาบอกว่า เมืองนี้ ไม่มีที่ให้สำหรับพวกที่อยากไปอยู่กับรัสเซีย …เด็ดขาดจริง

    ท่าน ศจ บอก เขาพูดแบบนี้ มันเลยทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลใหม่ ออกกลิ่นยิวแรงไปหน่อย ไม่หน่อยหรอก ท่าน ศจ คุณประธานาธิบดี ช๊อกโกแลต เองก็เพิ่งจัดงานรำลึก 70 ปี ของ Auschwitz แถมตั้งนาย Vladimir Grossman ซึ่งเป็นชาวยิว ให้เป็นประธานสภาใหม่เอี่ยมนี่ด้วย

    Kantor ยังไม่แน่ใจ เธอไปถาม Igor Shchupak หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ Holocaust ว่า ตกลงตอนนี้ พวกยิวที่นี่มีความสุขมากเลยใช่ไหม หัวหน้า บอก ใช่แล้ว มันเป็น golden age ของชาวยิวในยูเครนเชียวล่ะ มันเป็นฝีมือเขาละ ฝีมือของนายมอยสกี้

    นายมอยสกี้ เป็นใครมาจากไหน ข่าวบอกเขารวยมาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดในแถบนั้น เป็นเจ้าของสื่อ เจ้าของโรงแรม สาระพัด ฯลฯ แต่เรื่องรวย สำหรับบางคนมันอาจจะน่าตื่นเต้น แต่สำหรับชาวยิว เรื่องรวย คงไม่ใช่เป็นเรื่องต้องตื่นเต้น รวยและมีอำนาจต่างหาก ที่เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสูตรบังคับ นายมอยสกี้จึงตั้งตัวเป็นมาเฟียใหญ่ประจำยูเครน ถนัดในการเก็บกวาดฝ่ายตรงกันข้าม ธุรกิจสีเทาอยู่ในมือเขาทั้งนั้น นายกเล็กของเมืองที่อยู่ฝั่งที่เชียร์รัสเซีย อีก 2 คน ที่ชาวบ้านเรียกชื่อว่า Dopa กับ Gepa ซึ่งแม้จะเป็นชาวยิวด้วยกัน แต่เมื่ออุดมการณ์ต่างกับเจ้าพ่อมอยสกี้ ผลปรากฏว่า คนหนึ่งจึงถูกยิง และอีกคนถูกจับติดคุก ยิวด้วยกัน ยังเล่นดุขนาดนี้
    เรื่องของนายมอยสกี้ ยังมีที่น่าสนใจ เกี่ยวพันกับสถานการณ์ปัจจุบันของยูเครนคือ นอกจากเป็นผู้ว่าการนครที่เป็นศูนย์กลางของยูเครน เป็นผู้ก่อตั้งสหภาพชาวยิวยุโรป (European Jewish Union) และประกาศชัดเจนว่าไม่เอารัสเซียแล้ว ยังมีข่าวว่า เขามีกองกำลังของตัวเอง จัดตั้งแบบพวกนาซีเยอรมัน (แต่ไม่เกี่ยวกับนาซีเยอรมัน) จำนวนประมาณ 2 หมื่นคน มีนโยบายชัดเจนว่า ถ้าอยู่คนละฝ่าย หรือไม่พอใจ ก็อย่าอยู่ร่วมกัน และนโยบายของเขาคือไม่เอารัสเซียแค่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเตรียมกองกำลังนี้ไว้ทำอะไร

    ยาโด๊ป ยี่ห้อ นาย Saak นายYats นายมอยสกี้ นี่เองหรือ ที่ทำให้ คุณช๊อกโกแลต เกิดฟิตจัด คิดขุดหลุมล่อรัสเซีย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 มิ.ย. 2558
    หลุม ตอนที่ 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หลุม” ตอน 3 คุณช๊อกโกแลต ไปได้ยาโด๊ปมาจากไหนไม่ทราบแน่ แต่ต้องถอยหลังไปเล่าบางเรื่องของยูเครน เมื่อปลายปี ค.ศ.2014 เสียหน่อย เผื่อจะหาแหล่งขายยาโด๊ปเจอ ปลายเดือนตุลาคม 2014 คุณช๊อกโกแลต ประธานาธืบดียูเครน จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อคัดเด็กในคาถาเข้าสภาตามใจนายใหญ่ เพราะว่าสมาชิกสภาชุดที่มีอยู่ มันสั่งให้ยกมือกางแขนนอนกลิ้งยาก และกว่าจะหมดวาระ ว่าเข้าไปถึงปี 2017 โน่น ไม่ทันการแน่ ข่าวว่าการให้จัดเลือกตั้งใหม่ เป็นใบสั่งของนางเหยี่ยว Victoria Nuland เจ้าของวลีอันโด่งดัง Fuck the EU แห่งกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา (อ่านรายละเอียดของสาเหตุการให้ F ของนางเหยี่ยวได้ในนิทานเรื่อง หักหน้าหักหลัง ) เขาสั่งได้ จัดได้กันจริงๆ แล้วยูเครนก็ได้สมาชิกสภาใหม่ ที่อยู่ในแถว ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หน้าเก่า เด็กในกระเป๋าใส่เศษสตางค์ของนางเหยี่ยว ชื่อนาย Arseniy Yatsenyuk หนุ่มยิวหน้ามน อดีตนายกรัฐมนตรียูเครนสมัยหนึ่ง ที่นางเหยี่ยวเป็นผู้เลือกกับมือ ตัดหน้าอียู และเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอีกสมัย เรียกว่าเป็นตัวโปรดตัวจริงของนางเหยี่ยว ซึ่งข่าวบอกว่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงาน ชื่อ “Church of Scientology” ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรอง แขนงหนึ่งของอเมริกา อีกด้วย นาย Yats ไม่มาคนเดียว เขาเสนอชื่อรัฐมนตรีน่าสนใจ 3 คน คนแรก ชื่อ นาง Natalie Jaresko ให้เป็นรัฐมนตรีการคลัง คุณนาย Ja แม้จะพูดภาษายูเครนคล่องปรื้อ เพราะมาอยู่เมืองเคียฟ ( Kyiv) ต้ังแต่ปี 1992 ในฐานะเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกัน ใช่ครับสถานทูตอเมริกัน ก็คุณนายเป็นคนอเมริกัน แม้จะอ้างว่ามีรากเหง้างอกจากยูเครน แต่คุณนาย Ja ก็ถือสัญชาติอเมริกัน เรียนจบ ป โท จาก ฮาร์วาด ปี 1995 คุณนาย Ja ลาออกจากสถานทูต ไปคุมกองทุนชื่อ Western NIS Enterprise Fund (WNISEF) ซึ่งเป็นของรัฐบาลอเมริกัน ตั้งโดยสภาสูงของอเมริกัน และเป็นเงินทุนอุดหนุนผ่าน USAID มีขนาดเงินกองทุน จำนวน 150 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ คุณนาย Ja ยังบริหารกองทุน ชื่อ Horizon Capital Associates, LLC. (ไม่รู้ขนาดของกองทุน) ทั้ง 2 กองทุน มีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนในธุรกิจบริการ ธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจด้านของกินของใช้ โดยจะลงทุนในบริษัทขนาดกลาง ทั้งในยูเครน เบลาลุส และมอนโดวา เรียกว่า เป็นรายการกวาดกิจการ แถบยูเครนเข้ากระเป๋า ดูๆ ก็ไม่ต่างกับการบังคับให้แปรรูปรัฐวิสากิจ แต่ยูเครนไม่ค่อยมีรัฐวิสาหกิจจะให้แปร เลยต้องใช้กองทุนเข้าไปซื้อบริษัทแบบดื้อๆ ด้านๆ ง่ายกว่าแยะ เมื่อคุณนาย Ja แถลงรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง คุณนายบอกว่า ทีมเราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้มีความโปร่งใส และขจัดทุจริต ฟังคุ้นหูดีไหมครับ สงสัยพวกโพยนี่ เขาอัดโรเนียวแจกทั่วโลก และไอ้พฤติกรรมที่ทำ กับคำพูดนี่ มันก็สับปรับเหมือนกันหมด ผู้คนสงสัย แล้วคนอเมริกันไปเป็นรัฐมนตรีที่ยูเครนได้ยังไง เขียนมั่วหรือเปล่า ไม่มั่วครับ 1 วันก่อนการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง คุณช๊อกโกแลต ก็จัดการออกสัญชาติยูเครนให้คุณนาย Ja ก็แค่นั้นเอง คุณนายก็ถือ 2 สัญชาติควบ มีปัญหาอะไรไหม โปรดเชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ของอเมริกา ที่จะเข้าไปล้วง ไปขุด ไปออกเสียง สั่งการที่ไหน แม้แต่ไปอยู่ในรัฐบาลประเทศอื่น ก็ได้ในโลก เยี่ยมจังพี่ ผมไม่เคยเห็นใครตวัดได้เก่งอย่างนี้เลย เขียนชมขนาดนี้แล้วจะเลิกป่วน เพจผมไหมครับ ไอ้เรื่องทำให้เครื่องค้าง กดอะไรไม่ได้เลย สลับข้อความ ข้อความหายนี่ ฯลฯ เล่นแบบนี้มานานแล้วนะ เบื่อฉิบหายเลย ให้มันสร้างสรรกว่านี้ได้ไหมครับ ส่งคุณนาย Ja มาคนเดียว คงกลัวจ่ายตลาดไม่ทัน นาย Yats เลยเสนอชื่อ นาย Aviras Abromavicius นักการเงินชาวลิทัวเนีย ให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นาย Ab นี่ เป็นหุ้นส่วนและผู้จัดการกองทุน ชื่อ East Capital ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสวีเดน มีกองทุนอยู่ใน ประเทศตลาดเกิดใหม่ 25 ประเทศ ขนาดของแต่กองทุน ประมาณ 100 ล้านเหรียญขึ้นไป ถ้าผมเป็นชาวยูเครน ผมจะยุให้มีการอารยะขัดขืน (ฮา) ไม่จ่ายภาษีจนกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างชาตินี่ จะออกไปให้พ้นจากคณะรัฐบาล เพราะมันเป็นการดูหมิ่นประชาชนในชาติมาก ที่เอาคนต่างชาติมาบริหารชาติตนเองน่ะ ชาวยูเครนทนได้ยังไงครับ แล้วคุณช๊อกโกแลต ก็ออกสัญชาติยูเครนให้ นาย Ab พร้อมๆกับ คุณนาย Ja ไม่มีปัญหากับประชาธิปไตยของยูเครน แม้แต่น้อย และไม่มีไอ้พวกใบตองแห้ง มาด่าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เพราะมันเป็นคนจัดมาให้ (ฮา และ โห่) ต้องการประชาธิปไตยอย่างนี้ใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม ยังครับ ยัง ยังไม่เป็นประชาธิปไตยพอ นาย Yats เลยไปสรรหามาอีกหนึ่ง คราวนี้ได้ชาวจอร์เจีย ชื่อ Alexander Kvitashvili เขาเป็นอดีตรัฐมนตรีสาธารณะสุข ของจอร์เจีย สมัยที่ นาย Saak, Mikheil Saakashvili เป็นประธานาธิบดี ของ จอร์เจีย ( Georgia) นาย Kvit นี่น่าชื่นชมที่สุด ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญจริง เป็นคนต่างชาติ ยังไม่พอ พูดภาษายูเครนไม่ได้ ฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว แต่รับหน้าที่จะมาปราบการทุจริต ในวงการสาธารณสุขของยูเครน ถ้าทำงานนี้สำเร็จ ควรต้องตกรางวัล ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนาย Yats เสียเลย ถ้านางเหยี่ยว Nuland ยอม อ้อ ตกความไปหน่อย นายKvit นี่ก็เรียนจบ ป โทที่อเมริกา และทำงานที่ Atlanta Medical Center ในอเมริกาอยู่พักหนึ่ง ก่อนกลับมาทำงานกับ United Nations Development Program ที่จอร์เจีย และทำงานร่วมกับหลายองค์กรทางด้านสาธารณสุขของอเมริกา ช่างเลือกกันดีนะครับ ############## ตอน 4 เห็นแหล่งส่งยาโด๊ปของคุณช๊อกโกแลตแวบแวบ แต่ มันยังไม่ชัดเจน Loli Kantor เป็นนักข่าวประเภท ทั้งถ่าย(รูป)ทั้งเล่า ชาวอิสราเอล/อเมริกัน เล่าว่า เธอเดินทางไปโปแลนด์ เมื่อปี ค.ศ.2004 เพื่อไปค้นหาด้วยตัวเอง ว่าเกิดอะไรกับครอบครัวของตัวบ้างระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 Kantor บอกว่า พ่อแม่ของเธอรอดตายจาก Holocaust แต่ก็เห็นชื่อปู่ยาตายาย ลุงป้า ตายเกลี้ยง ตามรายชื่อที่พวกนาซีรวบรวมไว้ เธอบอกว่า ชื่อคนตาย มีแต่ ยิว ยิว ยิว ฉันเดินไปถ่ายรูปสถานที่ฆ่าหมู่ชาวยิวทั้งหลาย ฉันถามตัวเองว่า แล้วชาวยิว ที่ยังเป็นๆอยู่ในยุโรปตะวันออกมีไหม เขาอยู่ที่ไหนกัน แล้วฉันก็พบพวกเขาที่ยูเครน หลังจากน้ันเจ้าตัวก็เทียวไปเทียวมายูเครนต่อมาอีก 8 ปี และเขียนหนังสือ ชื่อ Beyond the Forest ที่มีรูปภาพเกี่ยวกับชีวิตชาวยิวรุ่นเก่า ระหว่างที่ถ่ายรูปทำหนังสือ Kantor ก็ได้เห็นการเกิดใหม่ของชุมชน ชาวยิว rebirth of Jewish communities ในยูเครน Kantor ตื่นเต้น เธอกลับไปคุยกับ David Fisherman ศาสตราจารย์ชาวยิว ที่ Theological Seminary of America ซึ่งก็สอนที่มหาวิทยาลัย Kiew ของยูเครนด้วย ท่าน ศจ บอกว่า ตอนนี้ เหมือนเป็นช่วงเวลาของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ของชาวยิวกับยูเครน ไม่เคยมีช่วงไหนที่ดีอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ Kantor ถ้าจะตกข่าวแยะ ท่าน ศจ บอกว่า มันคงมีส่วน มาจากการพุ่งเป็นพลุ ของนาย Ihor Kolomoyski มหาเศรษฐีใหญ่ชาวยิวนั่นแหละ ซึ่งได้รับเลือก ตั้งแต่ปีก่อน ให้เป็นผู้ว่าการเมือง Dnipropetrovsk (ถ้าสะกดผิดก็ขออำไพนะครับ เขียนยากชะมัด) ซึ่งเป็นเสมือนเมือง ศูนย์กลางของยูเครนเลยนะ ก่อนหน้านั้น นาย มอยสกี้ (Kolomoyski) สร้างศูนย์สันทนาการ มูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญ ขึ้นที่กลางเมือง ต้ังชื่อว่า Menorah Center (menorah คือเชิงเทียน 7 กิ่ง ที่ใช้ในพิธีของชาวยิว และเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชาวยิว) มีของทุกอย่างเกี่ยวกับชาวยิว รวมทั้ง Holocaust Museum เรียกว่า เป็นศูนย์สันทนาการของชาวยิว ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เข้าใจไหม… อ้อ อย่างนี้นี่เอง อันนี้ผมรำพึง นายมอยสกี้นี่ เป็นคนพูดจาไม่อ้อมค้อม เสียงดังฟังชัด ก็ทั้งรวย ทั้งเป็นผู้ว่าฯ เราๆก็น่าจะคุ้นกับการพูดแบบนี้ของคนอย่างนี้นะครับ เขาบอกว่า เมืองนี้ ไม่มีที่ให้สำหรับพวกที่อยากไปอยู่กับรัสเซีย …เด็ดขาดจริง ท่าน ศจ บอก เขาพูดแบบนี้ มันเลยทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลใหม่ ออกกลิ่นยิวแรงไปหน่อย ไม่หน่อยหรอก ท่าน ศจ คุณประธานาธิบดี ช๊อกโกแลต เองก็เพิ่งจัดงานรำลึก 70 ปี ของ Auschwitz แถมตั้งนาย Vladimir Grossman ซึ่งเป็นชาวยิว ให้เป็นประธานสภาใหม่เอี่ยมนี่ด้วย Kantor ยังไม่แน่ใจ เธอไปถาม Igor Shchupak หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ Holocaust ว่า ตกลงตอนนี้ พวกยิวที่นี่มีความสุขมากเลยใช่ไหม หัวหน้า บอก ใช่แล้ว มันเป็น golden age ของชาวยิวในยูเครนเชียวล่ะ มันเป็นฝีมือเขาละ ฝีมือของนายมอยสกี้ นายมอยสกี้ เป็นใครมาจากไหน ข่าวบอกเขารวยมาจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดในแถบนั้น เป็นเจ้าของสื่อ เจ้าของโรงแรม สาระพัด ฯลฯ แต่เรื่องรวย สำหรับบางคนมันอาจจะน่าตื่นเต้น แต่สำหรับชาวยิว เรื่องรวย คงไม่ใช่เป็นเรื่องต้องตื่นเต้น รวยและมีอำนาจต่างหาก ที่เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสูตรบังคับ นายมอยสกี้จึงตั้งตัวเป็นมาเฟียใหญ่ประจำยูเครน ถนัดในการเก็บกวาดฝ่ายตรงกันข้าม ธุรกิจสีเทาอยู่ในมือเขาทั้งนั้น นายกเล็กของเมืองที่อยู่ฝั่งที่เชียร์รัสเซีย อีก 2 คน ที่ชาวบ้านเรียกชื่อว่า Dopa กับ Gepa ซึ่งแม้จะเป็นชาวยิวด้วยกัน แต่เมื่ออุดมการณ์ต่างกับเจ้าพ่อมอยสกี้ ผลปรากฏว่า คนหนึ่งจึงถูกยิง และอีกคนถูกจับติดคุก ยิวด้วยกัน ยังเล่นดุขนาดนี้ เรื่องของนายมอยสกี้ ยังมีที่น่าสนใจ เกี่ยวพันกับสถานการณ์ปัจจุบันของยูเครนคือ นอกจากเป็นผู้ว่าการนครที่เป็นศูนย์กลางของยูเครน เป็นผู้ก่อตั้งสหภาพชาวยิวยุโรป (European Jewish Union) และประกาศชัดเจนว่าไม่เอารัสเซียแล้ว ยังมีข่าวว่า เขามีกองกำลังของตัวเอง จัดตั้งแบบพวกนาซีเยอรมัน (แต่ไม่เกี่ยวกับนาซีเยอรมัน) จำนวนประมาณ 2 หมื่นคน มีนโยบายชัดเจนว่า ถ้าอยู่คนละฝ่าย หรือไม่พอใจ ก็อย่าอยู่ร่วมกัน และนโยบายของเขาคือไม่เอารัสเซียแค่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเตรียมกองกำลังนี้ไว้ทำอะไร ยาโด๊ป ยี่ห้อ นาย Saak นายYats นายมอยสกี้ นี่เองหรือ ที่ทำให้ คุณช๊อกโกแลต เกิดฟิตจัด คิดขุดหลุมล่อรัสเซีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 มิ.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 1223 Views 0 Reviews
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 4
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 4

    อังกฤษ ซึ่งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นมานานกว่าร้อยปี Anglo-Japanese Alliance มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1902 ถ้าจำกันได้ การที่ญี่ปุ่นลุกขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย ในปี ค.ศ.1904 ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงยุของอังกฤษ ทำให้อังกฤษยังชื่นชมญี่ปุ่นอยู่จนทุกวันนี้ สัมพันธ์อังกฤษ-ญี่ปุ่นสะดุดชั่วคราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้อังกฤษตัดจนขาดกับญี่ปุ่นอย่างจริงจัง

    ล่าสุด เมื่ออังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่ว ไป ในต้นเดือนพฤษาคม และผลของการเลือกต้ัง ทำให้ได้นายเดวิด แคมารอน คนชอบจีบปากเวลาพูด กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อีกรอบหนึ่ง Chatham House ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของอังกฤษ แฝดตัวพี่ของไอ้สุดกร่าง CFR เจ้าของแผนสอยมังกร ซึ่งก็มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอังกฤษ ไม่ต่างกับที่ CFR มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกา ก็ได้เขียนบทความ ออกมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2015 เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ ไอ้สุดกร่าง เขียนแผนสอยมังกร ออกมาตบหน้าอาเฮีย ยังกับนัดกัน…

    รายงานของ Chatham House เป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลอังกฤษ ชุดใหม่ ที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง สรุปว่า

    …ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยพยายามจัดทำนโยบายในแนวทางรุกมากขึ้น โดยมีเป้าหมายทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลก นโยบายนี้น่าจะสอดคล้องกับความต้องการของอังกฤษ …

    …ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยอมรับว่า ตนเองมี (หรือ หวัง?!) ผลประโยชน์มากมายในเอเซีย เช่นที่อินโดนีเซีย เกี่ยวกับธุรกิจการเงิน และการประกันภัย หรือเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน และแก๊ส ในส่วนอื่นของภูมิภาค ที่อยู่ทั้งในระยะสำรวจและขุดเจาะ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย ความมั่นคงของภูมิภาคเอเซีย จึงเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องหนึ่ง ที่อังกฤษให้ความสำคัญ โดยเฉพาะ จะต้องพยายามรักษาเส้นทางเดินเรือ จากอังกฤษไปถึงเอเซีย ในบริเวณต่างๆเอาไว้ แต่นโยบายของจีน เกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และตะวันออก การไม่สามัคคีกันในเอเซียอาคเณย์ และการถูกข่มขู่จากผู้ก่อการร้าย และสลัดทะเล ทำให้ผลประโยชน์ของอังกฤษมีความ เสี่ยงเพิ่มขึ้น … พูดภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า อังกฤษ ทำท่าจะไม่รวยขึ้น หรือจะจนลงด้วยซ้ำ จากการที่ควบคุม ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กแถวเอเซีย ไม่อยู่หมัด เหมือนสมัยเป็นนายท่านของพวกอาณานิคม
    แต่มันติดปัญหา … ชาวเกาะใหญ่ฯ สารภาพอย่างหมดท่า แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็คงจะส่งกองกำลังของตนเอง ไปดูแลอย่างเดิมไม่ได้ เพราะงบด้านความมั่นคง ถูกตัดเสียเหลือสั้นกว่านิ้วก้อย และถ้าพรรคอนุรักษ์นิยม เจ้าของนโยบายการตัดงบด้านความมั่นคง กลับมาเป็นรัฐบาล (ซึ่งก็กลับมาจริงๆ) งบนี้ก็คงถูกตัดเหมือนเดิม ทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลใหม่ คือไปจับมือกับญี่ปุ่นเสียให้แน่น เพราะญี่ปุ่นเองก็ต้องจับตาจ้อง คอยกันท่าไม่ให้จีนแหยมหน้า เข้ามาใกล้ตัวเองอยู่แล้ว...

    ….ข่าวเรื่องญี่ปุ่นต้ังงบด้าน ความมั่นคงสำหรับปี 2015 เสียสูงลิ่วถึง 4 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ ทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯ ตาโตเท่าไข่ห่าน งบขนาดนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ บอก เราไปเอี่ยวกับเขาน่ะ ดีที่สุดแล้ว …..

    นอกจากนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ ได้ยินมาว่า อเมริกากับญี่ปุ่น กำลังร่างยุทธศาสตร์ที่จะใช้ฐานทัพของญี่ปุ่นที่ Djibouti (ที่โซมาเลีย) ซึ่งเป็นฐานทัพนอกบ้านฐานแรกของญี่ปุ่น เพื่อใช้การปราบสลัดแถบนั้น ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์มาก กับเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ของอังกฤษ และดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษ ได้ทั้งแถบตะวันออกกลาง และเอเซีย …. ซึ่งนายอาเบะ ก็แบะท่าไว้แล้ว ตั้งแต่มาคารวะอังกฤษในปี 2014 ว่า อยากจะเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับอังกฤษมากขึ้น เป็นท่าทีใหม่ของญี่ปุ่นที่มีกับชาวเกาะใหญ่ฯ ในรอบหลายปีเลยทีเดียว…

    Chatham House ฝาแฝดตัวพี่ ของสุดกร่าง CFR บอกว่า เราน่าจะชวน ญี่ปุ่น ชาวเกาะด้วยกัน มาทำสัญญาความร่วมมือสาระพัด แต่ดูๆไปแล้ว มันเป็นการกลบเกลื่อนความต้องการ จริงของชาวเกาะใหญ่ ที่ต้องการให้ญี่ปุ่น เป็นตัวแทน เป็นยาม เป็นหน่วยลาดตะเวน เป็นหน่วยปะทะ ถือถาดบริการชาวเกาะใหญ่ ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ยาวไปถึงโซมาเลียได้ยิ่งดี เหมือนกับที่ญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวทำให้นักล่าใบตองแห้ง แต่ ชาวเกาะใหญ่ฯ ถือไพ่เหนือมือคุณยุ่นเขา เหมือนนักล่าฯ หรือเปล่าล่ะ อาจจะถือไพ่ใต้มือเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขารู้ว่า บ้อท่า ถังแตก งบหดสั้นกว่านิ้วก้อยอย่างนั้น

    คิดไปคิดมา Chatham House แนะนำให้ชาวเกาะใหญ่กัดฟัน เสนอให้ร่วมมือด้านข่าวกรองกับญี่ปุ่นไปเลย และจริงๆ ถ้าจะปกป้องผลประโยชน์ของเราได้ดี เราก็น่าจะให้เขารู้ข้อมูลข่าวกรอง ของฝ่ายตรงกันข้ามมากกว่านี้ ….แสดงว่าชาวเกาะฝีมือไม่เบา จารกรรมจนได้ข้อมูลดีๆมาแยะ แต่อมแอบไว้ก่อน
    อืม… นี่มันเรื่องใหญ่มากนะครับ อังกฤษ มีระบบการจารกรรมข้อมูลข่าวสารและสัญญานทั่วโลก เช่นระบบ Echelon ที่โด่งดังมาก และมีระบบอื่นๆอีกมาก เขาว่ามันมีถึง 10 ระบบแล้ว จากหลายหน่วยงานข่าวกรองของอังกฤษ และข้อมูลทั้งหมดที่ไปล้วงได้มา จะถูกส่งไปที่ศูนย์รวม ที่เรียกว่า Government Communications Headquarters (GCHQ) ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับระบบจารก รรมข่าวกรองของ National Security Council (NSC) ของอเมริกา เช่น ระบบ Prism ที่นายEdward Snowden เอามาแฉ เมื่อ 2,3 ปีก่อน จนเป็นเรื่องครึกโครม ด่าทอ ต่อว่า พวกกันเอง แอบดักฟังกันเอง

    ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ มีข้อตกลงให้ความร่วมมือกัน ว่าข้อมูลที่ล้วงมาได้จากการจาร กรรมของ ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ ตกลงที่จะแชร์กัน กับ เฉพาะไม่กี่ประเทศ ที่เรียกว่า 5 ตา 7 ตา (5ตา five eyes มีเฉพาะพวกแองโกลแซกซอน คือ อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วน 7 ตา เพิ่ม สวีเดน กับ เดนมาร์ก เข้าไปด้วย รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง ผลัดกันล้วง)

    ถ้าอังกฤษ และญี่ปุ่นตกลงให้ความร่วมมือกันด้านข่าวกรอง ญี่ปุ่นจะเป็นพันธมิตรข่าวกรองของกลุ่มแองโกลแซกซอน จากเอเซียชาติแรก และมันน่าจะทำให้เห็นชัดเจนว่า ญี่ปุ่นเลือกยืนอยู่ที่ใด และการแบ่งข้างในภูมิภาคเอเซี ยคงยิ่งกว่าชัดเจน และ ผู้ที่จะเป็นเป้าใหญ่ ของการเล่นเป็นทีม ของแฝดพี่น้องตัวแสบของโลก Chatham House และ CFR คงไม่พ้นอาเฮียแห่งแดนมังกร และน่าเป็นห่วงว่า เอเซียคงร้อนระอุไม่แพ้ตะวันออกกลาง สมใจอเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศในเอเซียทะเลาะกันเอง ตีกันเอง จนน่วม ก่อนที่อเมริกา จะยาตราเข้ามาเก็บกวาด
    และถ้าคิดถึงความต่อเนื่อง ของเรื่องราว ระยะเวลาของการปล่อยรายงาน สู่สาธารณะ และสันดานของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการสมคบกัน ระหว่างฝาแฝดสุดแสบ ที่ CFR จะวางแผนร่วมกับ Chatham House คิดหาวิธีการที่จะสู้กับระบบป้องกัน A2/AD ของจีน ซึ่งอเมริกากำลังหนักใจอยู่ โดยการเอาระบบการเจาะข่าวกรอง ด้านสัญญาณ ทุกรูปแบบ รวมทั้งด้านไซเบอร์ ของอังกฤษ ร่วมกับของอเมริกา และออกข่าวกดดันจีน และไม่แน่ว่า อังกฤษ จะแอบมาติดต้ังระบบให้ญี่ปุ่น ที่เกาะ Yonaguni เรียบร้อยไปแล้วก็ได้ ป่านนี้คุณพี่อาเบะ อาจจะนับขนจมูกอาเฮียไปหลายรอบ แล้ว เหมือนกับฐานทัพของญี่ปุ่น ที่ Djibuti ที่อังกฤษออกมาปูดว่า ญี่ปุ่นมีแล้ว โดยที่เรื่อง การขยายกองทัพ SDF ของญี่ปุ่นยังไม่ผ่านสภาสูงเลย แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าทำไปจนเสร็จแล้ว

    ถ้าพวกเขา จับมือเล่นละครกันแบบนี้จริง เรื่อง Grand Strategy แผนสอยมังกร ของอเมริกา ก็ยิ่งน่าจับตามากขึ้น และเราก็คงต้องติดตามดูความเคลื่อนไหว ในภูมิภาคเอเซียของเรา กันอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องมันใกล้บ้านเรามากนะครับ

    (เรื่องระบบ A2/AD นี้ รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง แผนสอยมังกร ครับ)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 4 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 4 อังกฤษ ซึ่งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นมานานกว่าร้อยปี Anglo-Japanese Alliance มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1902 ถ้าจำกันได้ การที่ญี่ปุ่นลุกขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย ในปี ค.ศ.1904 ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงยุของอังกฤษ ทำให้อังกฤษยังชื่นชมญี่ปุ่นอยู่จนทุกวันนี้ สัมพันธ์อังกฤษ-ญี่ปุ่นสะดุดชั่วคราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้อังกฤษตัดจนขาดกับญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ล่าสุด เมื่ออังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่ว ไป ในต้นเดือนพฤษาคม และผลของการเลือกต้ัง ทำให้ได้นายเดวิด แคมารอน คนชอบจีบปากเวลาพูด กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อีกรอบหนึ่ง Chatham House ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของอังกฤษ แฝดตัวพี่ของไอ้สุดกร่าง CFR เจ้าของแผนสอยมังกร ซึ่งก็มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอังกฤษ ไม่ต่างกับที่ CFR มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกา ก็ได้เขียนบทความ ออกมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2015 เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ ไอ้สุดกร่าง เขียนแผนสอยมังกร ออกมาตบหน้าอาเฮีย ยังกับนัดกัน… รายงานของ Chatham House เป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลอังกฤษ ชุดใหม่ ที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง สรุปว่า …ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยพยายามจัดทำนโยบายในแนวทางรุกมากขึ้น โดยมีเป้าหมายทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลก นโยบายนี้น่าจะสอดคล้องกับความต้องการของอังกฤษ … …ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยอมรับว่า ตนเองมี (หรือ หวัง?!) ผลประโยชน์มากมายในเอเซีย เช่นที่อินโดนีเซีย เกี่ยวกับธุรกิจการเงิน และการประกันภัย หรือเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน และแก๊ส ในส่วนอื่นของภูมิภาค ที่อยู่ทั้งในระยะสำรวจและขุดเจาะ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย ความมั่นคงของภูมิภาคเอเซีย จึงเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องหนึ่ง ที่อังกฤษให้ความสำคัญ โดยเฉพาะ จะต้องพยายามรักษาเส้นทางเดินเรือ จากอังกฤษไปถึงเอเซีย ในบริเวณต่างๆเอาไว้ แต่นโยบายของจีน เกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และตะวันออก การไม่สามัคคีกันในเอเซียอาคเณย์ และการถูกข่มขู่จากผู้ก่อการร้าย และสลัดทะเล ทำให้ผลประโยชน์ของอังกฤษมีความ เสี่ยงเพิ่มขึ้น … พูดภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า อังกฤษ ทำท่าจะไม่รวยขึ้น หรือจะจนลงด้วยซ้ำ จากการที่ควบคุม ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กแถวเอเซีย ไม่อยู่หมัด เหมือนสมัยเป็นนายท่านของพวกอาณานิคม แต่มันติดปัญหา … ชาวเกาะใหญ่ฯ สารภาพอย่างหมดท่า แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็คงจะส่งกองกำลังของตนเอง ไปดูแลอย่างเดิมไม่ได้ เพราะงบด้านความมั่นคง ถูกตัดเสียเหลือสั้นกว่านิ้วก้อย และถ้าพรรคอนุรักษ์นิยม เจ้าของนโยบายการตัดงบด้านความมั่นคง กลับมาเป็นรัฐบาล (ซึ่งก็กลับมาจริงๆ) งบนี้ก็คงถูกตัดเหมือนเดิม ทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลใหม่ คือไปจับมือกับญี่ปุ่นเสียให้แน่น เพราะญี่ปุ่นเองก็ต้องจับตาจ้อง คอยกันท่าไม่ให้จีนแหยมหน้า เข้ามาใกล้ตัวเองอยู่แล้ว... ….ข่าวเรื่องญี่ปุ่นต้ังงบด้าน ความมั่นคงสำหรับปี 2015 เสียสูงลิ่วถึง 4 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ ทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯ ตาโตเท่าไข่ห่าน งบขนาดนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ บอก เราไปเอี่ยวกับเขาน่ะ ดีที่สุดแล้ว ….. นอกจากนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ ได้ยินมาว่า อเมริกากับญี่ปุ่น กำลังร่างยุทธศาสตร์ที่จะใช้ฐานทัพของญี่ปุ่นที่ Djibouti (ที่โซมาเลีย) ซึ่งเป็นฐานทัพนอกบ้านฐานแรกของญี่ปุ่น เพื่อใช้การปราบสลัดแถบนั้น ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์มาก กับเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ของอังกฤษ และดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษ ได้ทั้งแถบตะวันออกกลาง และเอเซีย …. ซึ่งนายอาเบะ ก็แบะท่าไว้แล้ว ตั้งแต่มาคารวะอังกฤษในปี 2014 ว่า อยากจะเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับอังกฤษมากขึ้น เป็นท่าทีใหม่ของญี่ปุ่นที่มีกับชาวเกาะใหญ่ฯ ในรอบหลายปีเลยทีเดียว… Chatham House ฝาแฝดตัวพี่ ของสุดกร่าง CFR บอกว่า เราน่าจะชวน ญี่ปุ่น ชาวเกาะด้วยกัน มาทำสัญญาความร่วมมือสาระพัด แต่ดูๆไปแล้ว มันเป็นการกลบเกลื่อนความต้องการ จริงของชาวเกาะใหญ่ ที่ต้องการให้ญี่ปุ่น เป็นตัวแทน เป็นยาม เป็นหน่วยลาดตะเวน เป็นหน่วยปะทะ ถือถาดบริการชาวเกาะใหญ่ ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ยาวไปถึงโซมาเลียได้ยิ่งดี เหมือนกับที่ญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวทำให้นักล่าใบตองแห้ง แต่ ชาวเกาะใหญ่ฯ ถือไพ่เหนือมือคุณยุ่นเขา เหมือนนักล่าฯ หรือเปล่าล่ะ อาจจะถือไพ่ใต้มือเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขารู้ว่า บ้อท่า ถังแตก งบหดสั้นกว่านิ้วก้อยอย่างนั้น คิดไปคิดมา Chatham House แนะนำให้ชาวเกาะใหญ่กัดฟัน เสนอให้ร่วมมือด้านข่าวกรองกับญี่ปุ่นไปเลย และจริงๆ ถ้าจะปกป้องผลประโยชน์ของเราได้ดี เราก็น่าจะให้เขารู้ข้อมูลข่าวกรอง ของฝ่ายตรงกันข้ามมากกว่านี้ ….แสดงว่าชาวเกาะฝีมือไม่เบา จารกรรมจนได้ข้อมูลดีๆมาแยะ แต่อมแอบไว้ก่อน อืม… นี่มันเรื่องใหญ่มากนะครับ อังกฤษ มีระบบการจารกรรมข้อมูลข่าวสารและสัญญานทั่วโลก เช่นระบบ Echelon ที่โด่งดังมาก และมีระบบอื่นๆอีกมาก เขาว่ามันมีถึง 10 ระบบแล้ว จากหลายหน่วยงานข่าวกรองของอังกฤษ และข้อมูลทั้งหมดที่ไปล้วงได้มา จะถูกส่งไปที่ศูนย์รวม ที่เรียกว่า Government Communications Headquarters (GCHQ) ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับระบบจารก รรมข่าวกรองของ National Security Council (NSC) ของอเมริกา เช่น ระบบ Prism ที่นายEdward Snowden เอามาแฉ เมื่อ 2,3 ปีก่อน จนเป็นเรื่องครึกโครม ด่าทอ ต่อว่า พวกกันเอง แอบดักฟังกันเอง ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ มีข้อตกลงให้ความร่วมมือกัน ว่าข้อมูลที่ล้วงมาได้จากการจาร กรรมของ ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ ตกลงที่จะแชร์กัน กับ เฉพาะไม่กี่ประเทศ ที่เรียกว่า 5 ตา 7 ตา (5ตา five eyes มีเฉพาะพวกแองโกลแซกซอน คือ อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วน 7 ตา เพิ่ม สวีเดน กับ เดนมาร์ก เข้าไปด้วย รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง ผลัดกันล้วง) ถ้าอังกฤษ และญี่ปุ่นตกลงให้ความร่วมมือกันด้านข่าวกรอง ญี่ปุ่นจะเป็นพันธมิตรข่าวกรองของกลุ่มแองโกลแซกซอน จากเอเซียชาติแรก และมันน่าจะทำให้เห็นชัดเจนว่า ญี่ปุ่นเลือกยืนอยู่ที่ใด และการแบ่งข้างในภูมิภาคเอเซี ยคงยิ่งกว่าชัดเจน และ ผู้ที่จะเป็นเป้าใหญ่ ของการเล่นเป็นทีม ของแฝดพี่น้องตัวแสบของโลก Chatham House และ CFR คงไม่พ้นอาเฮียแห่งแดนมังกร และน่าเป็นห่วงว่า เอเซียคงร้อนระอุไม่แพ้ตะวันออกกลาง สมใจอเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศในเอเซียทะเลาะกันเอง ตีกันเอง จนน่วม ก่อนที่อเมริกา จะยาตราเข้ามาเก็บกวาด และถ้าคิดถึงความต่อเนื่อง ของเรื่องราว ระยะเวลาของการปล่อยรายงาน สู่สาธารณะ และสันดานของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการสมคบกัน ระหว่างฝาแฝดสุดแสบ ที่ CFR จะวางแผนร่วมกับ Chatham House คิดหาวิธีการที่จะสู้กับระบบป้องกัน A2/AD ของจีน ซึ่งอเมริกากำลังหนักใจอยู่ โดยการเอาระบบการเจาะข่าวกรอง ด้านสัญญาณ ทุกรูปแบบ รวมทั้งด้านไซเบอร์ ของอังกฤษ ร่วมกับของอเมริกา และออกข่าวกดดันจีน และไม่แน่ว่า อังกฤษ จะแอบมาติดต้ังระบบให้ญี่ปุ่น ที่เกาะ Yonaguni เรียบร้อยไปแล้วก็ได้ ป่านนี้คุณพี่อาเบะ อาจจะนับขนจมูกอาเฮียไปหลายรอบ แล้ว เหมือนกับฐานทัพของญี่ปุ่น ที่ Djibuti ที่อังกฤษออกมาปูดว่า ญี่ปุ่นมีแล้ว โดยที่เรื่อง การขยายกองทัพ SDF ของญี่ปุ่นยังไม่ผ่านสภาสูงเลย แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าทำไปจนเสร็จแล้ว ถ้าพวกเขา จับมือเล่นละครกันแบบนี้จริง เรื่อง Grand Strategy แผนสอยมังกร ของอเมริกา ก็ยิ่งน่าจับตามากขึ้น และเราก็คงต้องติดตามดูความเคลื่อนไหว ในภูมิภาคเอเซียของเรา กันอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องมันใกล้บ้านเรามากนะครับ (เรื่องระบบ A2/AD นี้ รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง แผนสอยมังกร ครับ) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 769 Views 0 Reviews
  • ..ส่วนตัวรับไม่ได้จริงๆ ลูกๆหลานๆเราคนไทย ฟันธงเลยว่า มาจากวัคซีนแน่นอน,มันคือความอำมหิตและบรมโคตรความเห็นแก่ได้แก่ตัว ความอยากใหญ่อยากอยู่ค้ำฟ้าของพวกสาระเลวชั่วชนชั้นปกครองในประเทศไทยเราที่เหี้ยและบัดสบโคตรพ่อโคตรแมร่งมันจริงๆ,และเหตุการณ์ความวุ่นวายมากมายในไทยบอกเลยว่ามันเบี่ยงเบนความสนใจจากสงครามวัคซีนโควิด19นี้ล่ะที่ผ่านๆมาเพราะเริ่มออกฤทธิ์ออกเดชสังหารคนไทยเราแล้ว,มันจึงสร้างสาระพัดเรื่องราวตีออกห่างจากเรื่องนี้เพราะหากคนไทยตื่นรู้ทั่วประเทศว่าเรากำลังจะตายจากพวกมันสั่งฉีดวัคซีน มันจะถูกการไล่ล่าและโดนแก้แค้นจากเราประชาชนคนไทย,พวกนี้ต้องตายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและอนุมัติการฉีดวัคซีน.
    ..พวกมันสมรู้ร่วมคิด สุมหัวรู้กาลกันหมดล่ะ ทั้งแดกค้ายาวัคซีนด้วย ทหารไทยเลวชั่ว จริงเหรอหน่วยข่าวกรองระดับเทพแบบมันจะไม่รู้ค่าจริง,ตำรวจไทยก็ด้วย,ทั้งหมดล้มเหลวในการปกครองเพื่อปกป้องชีวิตเรา..ประชาชนคนไทยชัดเชน จนนำไปสู่การส่งเสริมสนับสนุนการฉีดวัคซีนอย่างบ้าคลั่ง,มีแสดงหนังหน้าร่วมบริจาคค่ายาวัคซีนด้วย มันแกล้งโง่เพื่อฉีดคนไทยเราให้ตายหรือโง่จริงๆก็ไม่รู้.
    ..ขอแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บและพิการตลอดจนสูญเสียชีวิตหรือตายกันเกือบยกบ้านยกครัวเลย,บางบ้านตายยกครัวจริงๆ,ลูกตายก่อน พ่อแม่ทำพินัยกรรมกว่าร้อยล้านรอไว้ให้แต่ไร้ลูกมารอรับน่าเศร้าใจมาก และพ่อแม่เองก็กำลังโดยสังหารก่ออาชญากรรมทางวัคซีนเข็มอาวุธชีวภาพด้วยเจ็บป่วยเรื้อรังโรครุมสาระพัดด้วย.,จึงแสดงความสุดเสียใจเป็นอันมากต่อพวกเราคนไทย,มันกะจะสังหารฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุเรา..คนไทยจริงๆนะ,มันคนต่างชาติพวกไซออนิสต์และกบฎคนเนรคุณบรรพบุรุษรวมทั้งทรยศคนไทยเราทั้งประเทศด้วยจะแห่มาอยู่ในไทยแทนคนไทยที่ตายเกือบหมดประเทศในอนาคตอันใกล้นี้ไง,มันก็ออกกฎหมายเตรียมรอไว้ให้ต่างชาติมาซื้อมาครองครอบที่ดินอิสระแบบขายไร่ละ40ล้านบาทที่เป็นข่าวในยุคลุงนั้นล่ะ ไม่รวมเช่าที่99ปีสำเร็จด้วย ตลอดboiให้ต่างชาติคนละ35ไร่ด้วยล่ะถ้าจำไม่ผิด,เรา..พร้อมสังหารอดีตผู้นำมาลงโทษทั้งหมดจริงจังหรือยัง,ความตายยังน้อยเกินไปกับความมันที่กะฆ่าคนไทยเราทั้งประเทศด้วยวัคซีนโควิดmRNAด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcn899PBd3j-3EJvE/
    ..ส่วนตัวรับไม่ได้จริงๆ ลูกๆหลานๆเราคนไทย ฟันธงเลยว่า มาจากวัคซีนแน่นอน,มันคือความอำมหิตและบรมโคตรความเห็นแก่ได้แก่ตัว ความอยากใหญ่อยากอยู่ค้ำฟ้าของพวกสาระเลวชั่วชนชั้นปกครองในประเทศไทยเราที่เหี้ยและบัดสบโคตรพ่อโคตรแมร่งมันจริงๆ,และเหตุการณ์ความวุ่นวายมากมายในไทยบอกเลยว่ามันเบี่ยงเบนความสนใจจากสงครามวัคซีนโควิด19นี้ล่ะที่ผ่านๆมาเพราะเริ่มออกฤทธิ์ออกเดชสังหารคนไทยเราแล้ว,มันจึงสร้างสาระพัดเรื่องราวตีออกห่างจากเรื่องนี้เพราะหากคนไทยตื่นรู้ทั่วประเทศว่าเรากำลังจะตายจากพวกมันสั่งฉีดวัคซีน มันจะถูกการไล่ล่าและโดนแก้แค้นจากเราประชาชนคนไทย,พวกนี้ต้องตายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและอนุมัติการฉีดวัคซีน. ..พวกมันสมรู้ร่วมคิด สุมหัวรู้กาลกันหมดล่ะ ทั้งแดกค้ายาวัคซีนด้วย ทหารไทยเลวชั่ว จริงเหรอหน่วยข่าวกรองระดับเทพแบบมันจะไม่รู้ค่าจริง,ตำรวจไทยก็ด้วย,ทั้งหมดล้มเหลวในการปกครองเพื่อปกป้องชีวิตเรา..ประชาชนคนไทยชัดเชน จนนำไปสู่การส่งเสริมสนับสนุนการฉีดวัคซีนอย่างบ้าคลั่ง,มีแสดงหนังหน้าร่วมบริจาคค่ายาวัคซีนด้วย มันแกล้งโง่เพื่อฉีดคนไทยเราให้ตายหรือโง่จริงๆก็ไม่รู้. ..ขอแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บและพิการตลอดจนสูญเสียชีวิตหรือตายกันเกือบยกบ้านยกครัวเลย,บางบ้านตายยกครัวจริงๆ,ลูกตายก่อน พ่อแม่ทำพินัยกรรมกว่าร้อยล้านรอไว้ให้แต่ไร้ลูกมารอรับน่าเศร้าใจมาก และพ่อแม่เองก็กำลังโดยสังหารก่ออาชญากรรมทางวัคซีนเข็มอาวุธชีวภาพด้วยเจ็บป่วยเรื้อรังโรครุมสาระพัดด้วย.,จึงแสดงความสุดเสียใจเป็นอันมากต่อพวกเราคนไทย,มันกะจะสังหารฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุเรา..คนไทยจริงๆนะ,มันคนต่างชาติพวกไซออนิสต์และกบฎคนเนรคุณบรรพบุรุษรวมทั้งทรยศคนไทยเราทั้งประเทศด้วยจะแห่มาอยู่ในไทยแทนคนไทยที่ตายเกือบหมดประเทศในอนาคตอันใกล้นี้ไง,มันก็ออกกฎหมายเตรียมรอไว้ให้ต่างชาติมาซื้อมาครองครอบที่ดินอิสระแบบขายไร่ละ40ล้านบาทที่เป็นข่าวในยุคลุงนั้นล่ะ ไม่รวมเช่าที่99ปีสำเร็จด้วย ตลอดboiให้ต่างชาติคนละ35ไร่ด้วยล่ะถ้าจำไม่ผิด,เรา..พร้อมสังหารอดีตผู้นำมาลงโทษทั้งหมดจริงจังหรือยัง,ความตายยังน้อยเกินไปกับความมันที่กะฆ่าคนไทยเราทั้งประเทศด้วยวัคซีนโควิดmRNAด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcn899PBd3j-3EJvE/
    @thanyaporn538

    รูปถ่ายเรา 3 คน แม่ไม่เคยขออะไรลูกเลยนะ และไม่เคยอยากขอแต่ครั้งนี้แม่ขอนะ ขอร้องสู้ไปกับแม่ แม่รู้หนูรักแม่มาก เพราะงั้นหนูต้องห่วงแม่ ไม่ทิ้งแม่ไว้คนเดียว แม่พ่อและทุกคนรักหนูมากนะ 🤍

    ♬ เสียงต้นฉบับ - ว่างจากเลี้ยงลูกก็มารีวิว - ว่างจากเลี้ยงลูกก็มารีวิว
    0 Comments 0 Shares 480 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 5

    คงพอเห็นแล้วว่า ฉากปฏิวัติ Bolsheviks เป็นฉากสำคัญ ที่มีผลต่อสงครามโลก ละครลวงโลก ที่เล่นกันข้ามเดือนข้ามปี มันต้องเป็นการจับมือวางแผนร่วมกัน ของหลายพวกหลายฝ่าย

    และคงไม่ต้องแปลกใจมากนักว่า เยอรมันก็เล่นละครเป็น และร่วมเล่นละครลวงโลกกับเขาด้วย แม้จะไม่ได้ร่วมเขียนบทด้วยกันกับกลุ่มอื่นๆ

    แต่ละครเรื่องนี้ คงเล่นสำเร็จถึงขนาดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายโรงตัวจริง หรือหัวหน้าโจรตัวจริง ที่วางกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง เลือดเย็น ยาวนาน และคอยชักใยทุกฝ่ายอย่างแนบเนียน

    เราย้อนกลับไปดูเรื่องและบทสำคัญ ของบางคนอีกที

    หัวหน้า Bolsheviks ผู้ทำการปฏิวัติที่โด่งดัง ตัวละคร ที่การมาเข้าฉากละครลวงโลก เหมือนจะยังไม่ชัดเจน พวกเขาน่าจะเป็นกุญแจสำคัญ

    Levi Davidovich Bronstien คือชื่อจริงของ Leon Trotsky เขาเป็นยิวทั้งแท่ง มาจากครอบครัวคนมีกิน ที่เป็นเจ้าของที่ดินทางใต้ของยูเครน เขาอ่านหนังสือของ Marx บรมครูของลัทธิสังคมนิยม (ซึ่งก็เป็นชาวยิว) แล้วซาบซึ้ง ใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเป็นกระทงหนุ่มอายุ 18 ที่จะเป็นนักปฏิวัติ เขาจึงมาคลุกคลีอยู่กับพวกสังคมนิยมชาวยิว ถูกจับเข้าคุกหลายครั้ง เพราะวุ่นอยู่กับการปลุกระดมการประท้วงของพวกกรรมกร เขาเอาชื่อ Leon Trosky มาจากชื่อผู้คุมคุกชาวโปแลนด์

    Trosky ได้ยินชื่อ Lenin นักปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสม์ เขาจึงติดต่อไปหา แล้วทั้ง 2 คนก็แลกฝันกัน Lenin บอก Trosky ว่า เราต้องไปแสวงหาโลกข้างนอกที่กว้างใหญ่กว่ารัสเซีย ในที่สุด ทั้ง 2 คนก็นัดพบกันที่ลอนดอน อืม น่าสนใจ
    ปี ค.ศ. 1905 Trotsky กลับมารัสเซีย เพื่อพยายามก่อการปฏิวัติขับไล่ ซาร์ การปลุกระดมดำเนินอยู่หลายเดือน แต่ไม่สำเร็จ และ Trosky ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง คราวนี้ได้เจอตัวละครสำคัญในคุก Alexander “Parvus” Helphand ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางชาวยิวและมือเก๋าในการปลุกระดม เป็น Parvus ที่แนะนำให้ Trotsky กับ Jacob H Schiff รู้จักกัน

    คนหนึ่ง อยากได้คนมาไล่ซาร์ ส่วนอีกคน กำลังอยากไล่ซาร์ อยากทำปฏิวัติตามฝัน สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Schiff จึงตกลงอุดหนุนการปฏิวัติของTrotsky ด้วยทุน 20 ล้านเหรียญ ของ Kuhn, Loeb &Co หรือจริงๆ ก็คือเงิน ของ Rothschild ที่ต้องการกำจัด ซาร์ จากเรื่องน้ำมันที่ Baku และเรื่องของชาวยิวในรัสเซีย

    เมื่อ Trotsky และครอบครัวเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เพื่อเก็บตัวก่อนการเข้าฉากสำคัญที่รัสเซีย ผู้ที่ไปรับเขาที่ท่าเรือ คือ Arthur Concors ผุ้อำนวยการ สมาคมช่วยเหลือชาวยิวที่เพิ่งเดิน ทางเข้าอเมริกา the Hebrew Shelterings and Immigration Aid Society ซึ่ง Schiff เป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนอพาตเมนท์ที่ Trosky และครอบครัวไปพัก รวมทั้งรถและคนขับนั้น เป็นของ Dr Julius Hammer ที่อพยพมาจากรัสเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา Armand ลูกชายของ Julius ประธานของ Occidental Petroleum Corporation เป็นต่างชาติรายแรก ที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลโซเวียต

    เมื่อ Trosky ถูกจับที่แคนาดา คำสั่งปล่อยตัว Trotsky มาจากการตกลงใจร่วมกัน ระหว่าง Col. House กับเพื่อนร่วมอพาตเมนท์เดียวกัน ชื่อ Sir William Wiseman หัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษที่อยู่ที่อเมริกานั่นเอง และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ของ Kuhn, Loeb ของ Schiff หรือของ Rothschild ด้วย

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 6

    Nikolai Lenin หรือชื่อจริงคือ Vladimir llyich Ulyanov ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิวหนึ่งส่วนสี่ จากย่าที่เป็นชาวยิว เขาเป็นผู้นิยมลัทธิ Marx และคิดที่จะแก้แค้นแทนพี่ชาย ที่ถูกลงโทษแขวนคอ พร้อมพวกอีก 4 คน เนื่องจากร่วมกันลอบฆ่าซาร์ Alexander ที่ 2 ปู่ ของ ซาร์นิโคลัส ที่ 2

    Lenin คิดใช้นโยบายประชานิยม เพื่อล้มรัฐบาลซาร์ และนำลัทธิสังคมนิยมมาใช้ปกครองต่อ

    ปี ค.ศ. 1905 ขณะที่รัสเซีย กำลังวุ่นวายอยู่กับการรบกับญี่ปุ่น Lenin Trosky และพวก ก็พยายามยุให้ชาวนาต่อต้านซาร์ แต่ไม่สำเร็จ จึงพากันหนีออกไปจากรัสเซีย Lenin ตระเวนไปทั่วยุโรป สุดท้ายกบดานอยู่ที่สวิส

    เป็น Parvus คนสำคัญเจ้าเก่า ที่ไปหา Lenin ที่สวิส และชักชวนให้ Lenin ซึ่งยังฝันค้าง มาร่วมทำปฏิวัติรัสเซีย แต่ Lenin บอกไม่มีทุน แถมยังต้องกบดาน จะไปปฏิวัติได้ยังไง

    ช่วงนั้น Parvus ปักหลักอยู่ที่ Copenhagen จึงคุ้นเคยกับ Brockdorff-Rantzau รัฐมนตรีของเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่ เดนมาร์กและทำหน้าที่หาข่าว

    Parvus วิจารณ์การรบของเยอรมัน ให้รัฐมนตรีเยอรมันฟัง

    เยอรมันกำลังทำสงครามแบบขาถ่าง ด้านหนึ่งสู้กับกลุ่มอังกฤษ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกก็สู้รัสเซีย เยอรมันสู้แบบห่วงหน้าพะวงหลัง รบแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางชนะ แถมจะขาถ่าง หัวทิ่มตาย มันต้องหาวิธีทำให้รัสเซียถอนตัวจากการรบ

    ทำให้รัสเซียถอนตัวจากสงคราม ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เยอรมันจะได้รบอังกฤษด้านเดียว อัดตามสบาย
    แล้ว Lenin ก็ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน เป็นจำนวน 10 ล้านเหรียญทอง เพื่อมาทำปฏิวัติในฝันที่รัสเซีย แต่เขาคงจะคุยโวยากหน่อย ถึงการปฏวัติ ที่รับทุนจากประเทศที่เป็นศัตรู และกำลังทำสงครามกัน มันน่าจะเรียกว่า เป็นการกบฏขายชาติ มากกว่าเป็นปฏิวัติที่โด่งดัง ละครฉากนี้บัดซบจริงๆ และคงเป็นเพราะเหตุนี้ กลุ่มนักปฏิวัติจึงมี ชาวรัสเซียแท้เพียง 25 % ที่เหลือเป็นรัสเซียเชื้อสายยิว
    Parvus มีชื่อเต็มตามที่เขาบอกใครๆ ว่า Alexander Israel Helphand แต่จริงๆ เขาชื่อ Israel Lazarevich Gelfand พ่อแม่เชื้อสายยิวทั้งคู่ เขาเป็นชาวยิวเต็มร้อย เขาเกิดที่เมือง Berazino ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ Beralus เขาเจอ Lenin ครั้งแรก เมื่อปี 1900 ที่เมืองมิวนิค ของเยอรมัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนทฤษฏีกัน

    Parvus เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่า เฉลียวฉลาดมาก และฝักใฝ่เรื่องการปฏิวัติมาตลอด เขาเป็นคนคิดทฤษฏี เอาสงครามนอกบ้าน มาใช้ก่อเหตุในบ้าน

    Parvus ใช้ชีวิตอยู่แถบยุโรปส่วนใหญ่ ช่วงหนึ่งเขาร่อนเร่ไปอยู่ตุรกีถึง 5 ปี เป็นช่วงเดียวกับที่ Sir Basil Zaharoff ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำภาระกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ในการจัดหาอาวุธให้กรีกไปรบกับ ตุรกี เป็นการตัดกำลังออตโตมาน อาวุธที่ส่งให้กรีก มาจากบริษัท Vickers บริษัทผลิตอาวุธ ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ Zaharoff เป็นกรรมการ และมี Rothschild เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Parvus ได้ร่วมงานด้วย และทำให้เขามีเงินใช้ชีวิตอย่างสบาย

    วันที่ Lenin และพวก เดินทางจากสวิส ผ่านเยอรมัน มาเข้ารัสเซีย พร้อมทองคำ 10 ล้านเหรียญ พวกเขาซ่อนตัวมาในรถไฟ ซึ่งปิดหน้าต่างมีผ้าคลุม ไม่ให้รู้ว่า ใครอยู่ในรถไฟ

    คำพูดของ หลอด Winston Churchill ที่พูดไว้ที่สภาของอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 เกี่ยวกับ Lenin น่าสนใจ และน่าคิด

    “… Lenin ถูกนำตัวมารัสเซีย…เหมือนการนำเอาขวดแก้ว ที่ใส่เชื้อไทฟอยด์ หรืออหิวาต์เข้ามา เพื่อเอาไปเทใส่ในแหล่งน้ำ ให้มันแพร่กระจายไปทั่วเมือง และมันได้ผลดีอย่างมหัศจรรย์ ทันทีที่ Lenin ถึงที่หมาย เขาก็เริ่มชี้นิ้ว สั่งคนนั้น สั่งคนนี้ ที่แอบซ่อนอยู่ใน New York, Glasgow, Bern และเมืองอื่นๆ เขาเรียกให้พวกหัวหน้าของลัทธิ ที่น่ากลัว ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกมารวมตัวกัน และเมื่อมีพวกนี้อยู่รอบตัว เขาก็เริ่มงานที่เป็นการทำลายล้างทุกสถาบัน ที่ประกอบเป็นรัสเซีย ที่รัสเซียยึดถืออยู่ แหลกละเอียดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…”

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    10 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 5 คงพอเห็นแล้วว่า ฉากปฏิวัติ Bolsheviks เป็นฉากสำคัญ ที่มีผลต่อสงครามโลก ละครลวงโลก ที่เล่นกันข้ามเดือนข้ามปี มันต้องเป็นการจับมือวางแผนร่วมกัน ของหลายพวกหลายฝ่าย และคงไม่ต้องแปลกใจมากนักว่า เยอรมันก็เล่นละครเป็น และร่วมเล่นละครลวงโลกกับเขาด้วย แม้จะไม่ได้ร่วมเขียนบทด้วยกันกับกลุ่มอื่นๆ แต่ละครเรื่องนี้ คงเล่นสำเร็จถึงขนาดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายโรงตัวจริง หรือหัวหน้าโจรตัวจริง ที่วางกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง เลือดเย็น ยาวนาน และคอยชักใยทุกฝ่ายอย่างแนบเนียน เราย้อนกลับไปดูเรื่องและบทสำคัญ ของบางคนอีกที หัวหน้า Bolsheviks ผู้ทำการปฏิวัติที่โด่งดัง ตัวละคร ที่การมาเข้าฉากละครลวงโลก เหมือนจะยังไม่ชัดเจน พวกเขาน่าจะเป็นกุญแจสำคัญ Levi Davidovich Bronstien คือชื่อจริงของ Leon Trotsky เขาเป็นยิวทั้งแท่ง มาจากครอบครัวคนมีกิน ที่เป็นเจ้าของที่ดินทางใต้ของยูเครน เขาอ่านหนังสือของ Marx บรมครูของลัทธิสังคมนิยม (ซึ่งก็เป็นชาวยิว) แล้วซาบซึ้ง ใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเป็นกระทงหนุ่มอายุ 18 ที่จะเป็นนักปฏิวัติ เขาจึงมาคลุกคลีอยู่กับพวกสังคมนิยมชาวยิว ถูกจับเข้าคุกหลายครั้ง เพราะวุ่นอยู่กับการปลุกระดมการประท้วงของพวกกรรมกร เขาเอาชื่อ Leon Trosky มาจากชื่อผู้คุมคุกชาวโปแลนด์ Trosky ได้ยินชื่อ Lenin นักปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสม์ เขาจึงติดต่อไปหา แล้วทั้ง 2 คนก็แลกฝันกัน Lenin บอก Trosky ว่า เราต้องไปแสวงหาโลกข้างนอกที่กว้างใหญ่กว่ารัสเซีย ในที่สุด ทั้ง 2 คนก็นัดพบกันที่ลอนดอน อืม น่าสนใจ ปี ค.ศ. 1905 Trotsky กลับมารัสเซีย เพื่อพยายามก่อการปฏิวัติขับไล่ ซาร์ การปลุกระดมดำเนินอยู่หลายเดือน แต่ไม่สำเร็จ และ Trosky ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง คราวนี้ได้เจอตัวละครสำคัญในคุก Alexander “Parvus” Helphand ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางชาวยิวและมือเก๋าในการปลุกระดม เป็น Parvus ที่แนะนำให้ Trotsky กับ Jacob H Schiff รู้จักกัน คนหนึ่ง อยากได้คนมาไล่ซาร์ ส่วนอีกคน กำลังอยากไล่ซาร์ อยากทำปฏิวัติตามฝัน สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Schiff จึงตกลงอุดหนุนการปฏิวัติของTrotsky ด้วยทุน 20 ล้านเหรียญ ของ Kuhn, Loeb &Co หรือจริงๆ ก็คือเงิน ของ Rothschild ที่ต้องการกำจัด ซาร์ จากเรื่องน้ำมันที่ Baku และเรื่องของชาวยิวในรัสเซีย เมื่อ Trotsky และครอบครัวเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เพื่อเก็บตัวก่อนการเข้าฉากสำคัญที่รัสเซีย ผู้ที่ไปรับเขาที่ท่าเรือ คือ Arthur Concors ผุ้อำนวยการ สมาคมช่วยเหลือชาวยิวที่เพิ่งเดิน ทางเข้าอเมริกา the Hebrew Shelterings and Immigration Aid Society ซึ่ง Schiff เป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนอพาตเมนท์ที่ Trosky และครอบครัวไปพัก รวมทั้งรถและคนขับนั้น เป็นของ Dr Julius Hammer ที่อพยพมาจากรัสเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา Armand ลูกชายของ Julius ประธานของ Occidental Petroleum Corporation เป็นต่างชาติรายแรก ที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลโซเวียต เมื่อ Trosky ถูกจับที่แคนาดา คำสั่งปล่อยตัว Trotsky มาจากการตกลงใจร่วมกัน ระหว่าง Col. House กับเพื่อนร่วมอพาตเมนท์เดียวกัน ชื่อ Sir William Wiseman หัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษที่อยู่ที่อเมริกานั่นเอง และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ของ Kuhn, Loeb ของ Schiff หรือของ Rothschild ด้วย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 6 Nikolai Lenin หรือชื่อจริงคือ Vladimir llyich Ulyanov ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิวหนึ่งส่วนสี่ จากย่าที่เป็นชาวยิว เขาเป็นผู้นิยมลัทธิ Marx และคิดที่จะแก้แค้นแทนพี่ชาย ที่ถูกลงโทษแขวนคอ พร้อมพวกอีก 4 คน เนื่องจากร่วมกันลอบฆ่าซาร์ Alexander ที่ 2 ปู่ ของ ซาร์นิโคลัส ที่ 2 Lenin คิดใช้นโยบายประชานิยม เพื่อล้มรัฐบาลซาร์ และนำลัทธิสังคมนิยมมาใช้ปกครองต่อ ปี ค.ศ. 1905 ขณะที่รัสเซีย กำลังวุ่นวายอยู่กับการรบกับญี่ปุ่น Lenin Trosky และพวก ก็พยายามยุให้ชาวนาต่อต้านซาร์ แต่ไม่สำเร็จ จึงพากันหนีออกไปจากรัสเซีย Lenin ตระเวนไปทั่วยุโรป สุดท้ายกบดานอยู่ที่สวิส เป็น Parvus คนสำคัญเจ้าเก่า ที่ไปหา Lenin ที่สวิส และชักชวนให้ Lenin ซึ่งยังฝันค้าง มาร่วมทำปฏิวัติรัสเซีย แต่ Lenin บอกไม่มีทุน แถมยังต้องกบดาน จะไปปฏิวัติได้ยังไง ช่วงนั้น Parvus ปักหลักอยู่ที่ Copenhagen จึงคุ้นเคยกับ Brockdorff-Rantzau รัฐมนตรีของเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่ เดนมาร์กและทำหน้าที่หาข่าว Parvus วิจารณ์การรบของเยอรมัน ให้รัฐมนตรีเยอรมันฟัง เยอรมันกำลังทำสงครามแบบขาถ่าง ด้านหนึ่งสู้กับกลุ่มอังกฤษ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกก็สู้รัสเซีย เยอรมันสู้แบบห่วงหน้าพะวงหลัง รบแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางชนะ แถมจะขาถ่าง หัวทิ่มตาย มันต้องหาวิธีทำให้รัสเซียถอนตัวจากการรบ ทำให้รัสเซียถอนตัวจากสงคราม ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เยอรมันจะได้รบอังกฤษด้านเดียว อัดตามสบาย แล้ว Lenin ก็ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน เป็นจำนวน 10 ล้านเหรียญทอง เพื่อมาทำปฏิวัติในฝันที่รัสเซีย แต่เขาคงจะคุยโวยากหน่อย ถึงการปฏวัติ ที่รับทุนจากประเทศที่เป็นศัตรู และกำลังทำสงครามกัน มันน่าจะเรียกว่า เป็นการกบฏขายชาติ มากกว่าเป็นปฏิวัติที่โด่งดัง ละครฉากนี้บัดซบจริงๆ และคงเป็นเพราะเหตุนี้ กลุ่มนักปฏิวัติจึงมี ชาวรัสเซียแท้เพียง 25 % ที่เหลือเป็นรัสเซียเชื้อสายยิว Parvus มีชื่อเต็มตามที่เขาบอกใครๆ ว่า Alexander Israel Helphand แต่จริงๆ เขาชื่อ Israel Lazarevich Gelfand พ่อแม่เชื้อสายยิวทั้งคู่ เขาเป็นชาวยิวเต็มร้อย เขาเกิดที่เมือง Berazino ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ Beralus เขาเจอ Lenin ครั้งแรก เมื่อปี 1900 ที่เมืองมิวนิค ของเยอรมัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนทฤษฏีกัน Parvus เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่า เฉลียวฉลาดมาก และฝักใฝ่เรื่องการปฏิวัติมาตลอด เขาเป็นคนคิดทฤษฏี เอาสงครามนอกบ้าน มาใช้ก่อเหตุในบ้าน Parvus ใช้ชีวิตอยู่แถบยุโรปส่วนใหญ่ ช่วงหนึ่งเขาร่อนเร่ไปอยู่ตุรกีถึง 5 ปี เป็นช่วงเดียวกับที่ Sir Basil Zaharoff ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำภาระกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ในการจัดหาอาวุธให้กรีกไปรบกับ ตุรกี เป็นการตัดกำลังออตโตมาน อาวุธที่ส่งให้กรีก มาจากบริษัท Vickers บริษัทผลิตอาวุธ ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ Zaharoff เป็นกรรมการ และมี Rothschild เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Parvus ได้ร่วมงานด้วย และทำให้เขามีเงินใช้ชีวิตอย่างสบาย วันที่ Lenin และพวก เดินทางจากสวิส ผ่านเยอรมัน มาเข้ารัสเซีย พร้อมทองคำ 10 ล้านเหรียญ พวกเขาซ่อนตัวมาในรถไฟ ซึ่งปิดหน้าต่างมีผ้าคลุม ไม่ให้รู้ว่า ใครอยู่ในรถไฟ คำพูดของ หลอด Winston Churchill ที่พูดไว้ที่สภาของอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 เกี่ยวกับ Lenin น่าสนใจ และน่าคิด “… Lenin ถูกนำตัวมารัสเซีย…เหมือนการนำเอาขวดแก้ว ที่ใส่เชื้อไทฟอยด์ หรืออหิวาต์เข้ามา เพื่อเอาไปเทใส่ในแหล่งน้ำ ให้มันแพร่กระจายไปทั่วเมือง และมันได้ผลดีอย่างมหัศจรรย์ ทันทีที่ Lenin ถึงที่หมาย เขาก็เริ่มชี้นิ้ว สั่งคนนั้น สั่งคนนี้ ที่แอบซ่อนอยู่ใน New York, Glasgow, Bern และเมืองอื่นๆ เขาเรียกให้พวกหัวหน้าของลัทธิ ที่น่ากลัว ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกมารวมตัวกัน และเมื่อมีพวกนี้อยู่รอบตัว เขาก็เริ่มงานที่เป็นการทำลายล้างทุกสถาบัน ที่ประกอบเป็นรัสเซีย ที่รัสเซียยึดถืออยู่ แหลกละเอียดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…” สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 10 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 774 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่ในวงการข่าวกรอง: อดีต CTO CIA ร่วมทีม Brinker เพื่อสู้ภัยข่าวลวงด้วย AI

    Bob Flores อดีต Chief Technology Officer ของ CIA ได้เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาให้กับ Brinker บริษัทเทคโนโลยีข่าวกรองเชิงเนื้อเรื่อง (narrative intelligence) ที่มุ่งมั่นต่อสู้กับการบิดเบือนข้อมูลและแคมเปญอิทธิพลระดับโลกด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง

    Brinker ก่อตั้งโดย Benny Schnaider, Daniel Ravner และ Oded Breiner โดยมีเป้าหมายชัดเจน: ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์และสกัดกั้นเนื้อหาที่เป็นภัยในโลกออนไลน์แบบเรียลไทม์ ไม่ใช่แค่ตรวจจับ แต่ต้อง “ตอบโต้” ได้ทันที

    Bob Flores กล่าวไว้ว่า “การรับมือกับข่าวลวงแบบเดิมๆ ไม่ทันต่อความเร็วและขนาดของแคมเปญอิทธิพลในปัจจุบัน” และเขาเชื่อว่า Brinker จะเปลี่ยนเกมนี้ได้ด้วยระบบที่วิเคราะห์และตอบโต้ได้ทันที

    Brinker ใช้ LLM (Large Language Model) ที่พัฒนาเอง ซึ่งสามารถติดตามวิวัฒนาการของเนื้อหาอันเป็นภัยได้ข้ามแพลตฟอร์ม ภาษา และภูมิศาสตร์ พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลที่เครื่องมือเดิมต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นภาพ

    Flores ซึ่งมีประสบการณ์ด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีระดับสูง ยังเป็นผู้ก่อตั้ง Applicology Inc. บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และการเข้าร่วมของเขาใน Brinker ถือเป็นการเสริมทัพครั้งสำคัญ หลังจากที่ Avi Kastan อดีต CEO ของ Sixgill ก็เพิ่งเข้าร่วมทีมที่ปรึกษาเช่นกัน

    Bob Flores เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษา Brinker
    อดีต CTO ของ CIA ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองและเทคโนโลยี
    ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้ง Applicology Inc.

    Brinker คือบริษัทเทคโนโลยีข่าวกรองเชิงเนื้อเรื่อง
    ใช้ AI วิเคราะห์และตอบโต้ข่าวลวงแบบเรียลไทม์
    มี LLM ที่สามารถติดตามวิวัฒนาการของเนื้อหาอันเป็นภัย

    เป้าหมายของ Brinker คือการเปลี่ยนจาก “ตรวจจับ” เป็น “ตอบโต้”
    ระบบสามารถดำเนินการได้ทันที เช่น ลบเนื้อหา, เผยแพร่เนื้อหาตอบโต้, ดำเนินการทางกฎหมายเบื้องต้น

    ทีมที่ปรึกษา Brinker แข็งแกร่งขึ้น
    รวมผู้เชี่ยวชาญจาก CIA และ Sixgill
    เตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามระดับโลก

    ความท้าทายของการต่อสู้กับข่าวลวง
    ข่าวลวงแพร่กระจายเร็วและข้ามแพลตฟอร์ม
    การตอบโต้แบบเดิมไม่ทันต่อสถานการณ์

    ความเสี่ยงหากไม่มีระบบตอบโต้แบบเรียลไทม์
    องค์กรอาจตกเป็นเป้าหมายของแคมเปญอิทธิพล
    ข้อมูลผิดอาจส่งผลต่อความมั่นคงระดับชาติและองค์กร

    นี่คือการเคลื่อนไหวที่สะท้อนว่า “สงครามข้อมูล” ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และการมีผู้เชี่ยวชาญระดับ Bob Flores เข้ามาเสริมทัพ Brinker คือการประกาศชัดว่า AI จะเป็นอาวุธหลักในการต่อสู้กับภัยเงียบในโลกดิจิทัล.

    https://securityonline.info/bob-flores-former-cto-of-the-cia-joins-brinker/
    🧠 ข่าวใหญ่ในวงการข่าวกรอง: อดีต CTO CIA ร่วมทีม Brinker เพื่อสู้ภัยข่าวลวงด้วย AI Bob Flores อดีต Chief Technology Officer ของ CIA ได้เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาให้กับ Brinker บริษัทเทคโนโลยีข่าวกรองเชิงเนื้อเรื่อง (narrative intelligence) ที่มุ่งมั่นต่อสู้กับการบิดเบือนข้อมูลและแคมเปญอิทธิพลระดับโลกด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง Brinker ก่อตั้งโดย Benny Schnaider, Daniel Ravner และ Oded Breiner โดยมีเป้าหมายชัดเจน: ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์และสกัดกั้นเนื้อหาที่เป็นภัยในโลกออนไลน์แบบเรียลไทม์ ไม่ใช่แค่ตรวจจับ แต่ต้อง “ตอบโต้” ได้ทันที Bob Flores กล่าวไว้ว่า “การรับมือกับข่าวลวงแบบเดิมๆ ไม่ทันต่อความเร็วและขนาดของแคมเปญอิทธิพลในปัจจุบัน” และเขาเชื่อว่า Brinker จะเปลี่ยนเกมนี้ได้ด้วยระบบที่วิเคราะห์และตอบโต้ได้ทันที Brinker ใช้ LLM (Large Language Model) ที่พัฒนาเอง ซึ่งสามารถติดตามวิวัฒนาการของเนื้อหาอันเป็นภัยได้ข้ามแพลตฟอร์ม ภาษา และภูมิศาสตร์ พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลที่เครื่องมือเดิมต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นภาพ Flores ซึ่งมีประสบการณ์ด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีระดับสูง ยังเป็นผู้ก่อตั้ง Applicology Inc. บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ และการเข้าร่วมของเขาใน Brinker ถือเป็นการเสริมทัพครั้งสำคัญ หลังจากที่ Avi Kastan อดีต CEO ของ Sixgill ก็เพิ่งเข้าร่วมทีมที่ปรึกษาเช่นกัน ✅ Bob Flores เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษา Brinker ➡️ อดีต CTO ของ CIA ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองและเทคโนโลยี ➡️ ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้ง Applicology Inc. ✅ Brinker คือบริษัทเทคโนโลยีข่าวกรองเชิงเนื้อเรื่อง ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์และตอบโต้ข่าวลวงแบบเรียลไทม์ ➡️ มี LLM ที่สามารถติดตามวิวัฒนาการของเนื้อหาอันเป็นภัย ✅ เป้าหมายของ Brinker คือการเปลี่ยนจาก “ตรวจจับ” เป็น “ตอบโต้” ➡️ ระบบสามารถดำเนินการได้ทันที เช่น ลบเนื้อหา, เผยแพร่เนื้อหาตอบโต้, ดำเนินการทางกฎหมายเบื้องต้น ✅ ทีมที่ปรึกษา Brinker แข็งแกร่งขึ้น ➡️ รวมผู้เชี่ยวชาญจาก CIA และ Sixgill ➡️ เตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามระดับโลก ‼️ ความท้าทายของการต่อสู้กับข่าวลวง ⛔ ข่าวลวงแพร่กระจายเร็วและข้ามแพลตฟอร์ม ⛔ การตอบโต้แบบเดิมไม่ทันต่อสถานการณ์ ‼️ ความเสี่ยงหากไม่มีระบบตอบโต้แบบเรียลไทม์ ⛔ องค์กรอาจตกเป็นเป้าหมายของแคมเปญอิทธิพล ⛔ ข้อมูลผิดอาจส่งผลต่อความมั่นคงระดับชาติและองค์กร นี่คือการเคลื่อนไหวที่สะท้อนว่า “สงครามข้อมูล” ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และการมีผู้เชี่ยวชาญระดับ Bob Flores เข้ามาเสริมทัพ Brinker คือการประกาศชัดว่า AI จะเป็นอาวุธหลักในการต่อสู้กับภัยเงียบในโลกดิจิทัล. https://securityonline.info/bob-flores-former-cto-of-the-cia-joins-brinker/
    SECURITYONLINE.INFO
    Bob Flores, Former CTO of the CIA, Joins Brinker
    Delaware, United States, 4th November 2025, CyberNewsWire
    0 Comments 0 Shares 358 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 1

    ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน

    มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916

    ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม

    คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 2

    Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย

    Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี

    พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ

    House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน

    ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson
    ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E

    House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ

    เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา

    House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ

    ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม

    แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม

    มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 1 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 2 Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 701 Views 0 Reviews
  • อดีตรอง ผอ.ข่าวกรอง ตั้งคำถาม ปราสาทตาควายจะได้คืนไหม ชี้ไทยมี 2 ทางเลือก สู้รบ หรือ เจรจาไลดาร์
    https://www.thai-tai.tv/news/22208/
    .
    #ไทยไท #ปราสาทตาควาย #ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ #เจรจาชายแดน #นันทิวัฒน์สมารถ #ไลดาร์
    อดีตรอง ผอ.ข่าวกรอง ตั้งคำถาม ปราสาทตาควายจะได้คืนไหม ชี้ไทยมี 2 ทางเลือก สู้รบ หรือ เจรจาไลดาร์ https://www.thai-tai.tv/news/22208/ . #ไทยไท #ปราสาทตาควาย #ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ #เจรจาชายแดน #นันทิวัฒน์สมารถ #ไลดาร์
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – โคตรเหี้ยม 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 1

    หนังสือ Forbes Magazine ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 1983 เขียนว่า “ครึ่งหนึ่ง ของ 10 อันดับแรก ของธนาคารเยอรมันนั้น ตั้งอยู่ที่ Frankfurt และระบบการเงินของโลกปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาจากระบบการเก็บภาษี และวิธีการจ่ายเงิน ที่ใช้ในสมัย Babylon ก็เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมือง Frankfurt-on-Main ซึ่งอยู่ในแคว้น Hesse

    Mayer Amschel Bauer ค้นพบว่า แม้ว่าการให้เงินกู้กับชาวนาหรือธุรกิจเล็กๆ จะทำกำไรได้ แต่กำไร ที่เป็นกอบเป็นกำกว่าแยะ คือกำไร ที่ได้มาจากการให้เงินกู้กับรัฐบาลต่างๆ

    Mayer Amschel เกิดที่เมือง Frankfurt ในปี ค.ศ. 1743 เขาแต่งงานกับ Gutta Schnapper เขาฝึกงานอยู่ที่ธนาคาร Oppenheim เมือง Hannover อยู่ 3 ปี ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสดูแลและบริการ Baron Von Estorff ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับ Landgrave Frederick ที่ II แห่ง Hesse ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น Frederick มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ถึง 100 ล้านฟลอริน (florins) ซึ่งเป็นมรดกที่ได้มาจากพ่อคือ Wilhelm ที่ 8 น้องชายของกษัตริย์สวีเดน

    Boron Von Estorff บอกกับ Landgrave ว่า Mayer Amschel นี้ ฉลาดเป็นกรด ในการคิดวิธีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม Landgrave บอก ไปตามตัว Mayer Amschel มาพบเราเดี๋ยวนี้เลย

    ช่วงเวลาเดียวกัน George ที่ 3 กษัตริย์ของอังกฤษกำลังปวดหัว กับการกระด้างกระเดื่องของคนอเมริกัน ซึ่งอังกฤษถือว่า ยังเป็นเมืองขึ้นของตนอยู่ จึงคิดส่งทหารไปปราบคนอเมริกัน ซึ่งถนัดสู้ในสนามรบที่เป็นที่ ทุ่งกว้าง Mayer Amschel ได้โอกาส จึงเสนอให้ Landgrave รับจ้าง Goerge ที่ 3 ที่จะหาหนุ่มล่ำชาว Hesse 16,800 คน ไปช่วยรบ การรับจ้าง จัดหาคนไปรบให้อังกฤษครั้งนี้ ทำให้ Landgrave รวยขึ้นอีกแยะ แต่ Mayer Amschel รวยขึ้นในจำนวนมากกว่า
    แต่แผนการทำมาหากินของ Mayer Amschel กับ Landgrave ก็จบลงเร็ว เพราะ Landgrave อายุสั้น ตายเมื่ออายุเพียง 25 ปี Mayer Amschel จึงย้ายไปเกาะพี่ชายของ Landgrave คือ Elector Wilhelm ที่ 1 ซึ่งเกิดปีเดียวกับ Mayer Amschel และดูเหมือนจะเป็นลูกค้า (หรือ เหยื่อ) รายใหม่ ที่ทำให้ Mayer Amschel รุ่งเรืองกว่า เพราะอยู่ในมือของเขามากกว่าน้องชาย ซึ่งเอาใจ (หรือต้ม) ยากกว่า การตายกระทันหันของ Landgrave ดูเหมือนจะทำให้ Mayer Amschel ได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินกองใหญ่ที่สุดในยุโรป

    เมื่อร่ำรวยขึ้น (อย่างมาก) Mayer Amschel ก็เอาโล่ห์แดง ติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ในเมือง Judengasse ซึ่งเขาแบ่งกันอยู่กับครอบครัว Schiff และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Rothschild” ตามป้ายชื่อ เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ตายในปี ค.ศ 1812 เขาทิ้งสมบัติประมาณ 1,000 ล้านแฟรงค์ ให้แก่ลูกชายของเขา ที่มีอยู่ 5 คน

    ลูกคนโต Anselm ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารที่ Frankfurt แต่ Anselm ไม่มีลูก เมื่อเขาตาย ธนาคารนี้จึงถูกปิดลง

    ลูกคนที่ 2 Solomon ถูกส่งไป Vienna ที่ ออสเตรีย เพื่อดูแลธุรกิจการธนาคาร ซึ่งเคยถูกผูกขาดอยู่ในมือของชาวยิวเพียง 5 ตระกูล

    ลูกคนที่ 3 Nathan ตั้งสาขา London หลังจากไปทำกำไรจากธุรกิจสิ่งทอในเมือง Manchester ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นบุคคล ที่วงการธุรกิจเกรงกลัว และเกลียดที่สุด

    ลูกคนที่ 4 Karl ไปเมือง Naples ที่อิตาลี และได้เป็นหัวหน้าองค์กรลึกลับ ชื่อ Alta Vendita

    ลูกคนที่ 5 James ตั้ง House of Rothschild สาขาปารีส ที่ฝรั่งเศส
    ลูกทั้ง 5 คนของ Mayer Amschel เริ่มปฎิบัติภาระกิจ ตามที่พ่อมอบหมายคือ ครอบงำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่พวกเขากระจายกันอยู่ โดยการให้กู้เงินแก่รัฐบาลเหล่านั้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ลูกธนู 5 ดอก

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 2

    Federic Morton เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่อง “The Rothschilds” ว่า
    ” เป็นเวลานานติดต่อกันกว่า 150 ปี ที่ตระกูล Rothschild เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก การไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอกชน แต่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ แทน ทำให้พวกเขาได้กำไรอย่างสูงยิ่ง มีบางคนเคยพูดว่า ความรวยของตระกูล Rothschild มาจากการล้มละลายของหลายประเทศนั่นเอง”

    หนังสือพิมพ์ Chicago Evening American ของตระกูล Hearst เศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกา ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 1923 เขียนว่า

    “พวก Rothschild จะ เป็นผู้เริ่มสงคราม หรือเป็นผู้ระงับสงครามก็ได้ พวกเขาสามารถสร้าง หรือ ทำลาย อาณาจักรใดก็ได้ การล้มละลายของนโปเลียน เป็นการเกิดขึ้นของพวก Rothschild นโปเลียนถูกวางยาพิษทีละน้อย จนถึงแก่ความตายในที่สุด (นโปเลียนเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ รูปภาพของนโปเลียนส่วนมาก จะเห็นเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ เพื่อกดท้องที่ปวดอยู่เสมอ) ผู้ที่วางยาพิษก็คือสายลับของตระกูล Rothschild นั่นเอง”

    New York Evening Post วันที่ 22 กรกฎาคม 1924 ระบุว่า Kaiser ของเยอรมัน ต้องหารือกับ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองควรทำสงครามหรือไม่ นายกรัฐมนตรีของ Kaiser คือ Bethmann Hollweg ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันถล่ำตัวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นสมาชิกของตระกูล Bethmann เจ้าของธนาคารที่อยู่ใน Frankfurt และเป็นญาติกับ Rothschild
    หลังจากนโปเลียนถูกกำจัดพ้นทางไป ราชวงศ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ในสายตาของ Rothschild คือ ราชวงศ์ของอังกฤษ ราชวงศ์ของเยอรมัน และราชวงศ์ของรัสเซีย

    Rothschild เล็งเป้าแรก ไปที่ราชวงศ์ Romanov ของรัสเซีย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยมาก และลงทุนไว้ทั่วทั้งในยุโรปและอเมริกา แต่ที่สำคัญ เป็นราชวงศ์ที่ Rothschild เกลียดที่สุด และแสดงความเกลียดอย่างเปิดเผย

    Tsar Nicholas ที่ I ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบยิวและแสดงความไม่ชอบอย่างเปิดเผย ด้วยการพยายามผลักดัน ไปจนถึงขับไล่ ให้พวกยิวออกไปจากรัสเซีย แต่มีพวกยิวทำมาหากินอยู่ในรัสเซียมากมาย ขณะเดียวกันพวกยิวก็อ้างว่า Tsar นั้น ทารุณข่มเหงยิวอย่างรุนแรง Rothschild ซึ่งพื้นเพเป็นชาวยิว จึงวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าไปค้าขาย หรือทำลายอาณาจักรรัสเซีย

    เงินกู้จาก Bank of England 800,000 ปอนด์ ที่ยื่นให้กับนาย Peabody ในปี 1853 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Peabody และ Morgan มีภาพเป็นอเมริกัน ไม่มีกลิ่นยิวเจือปน เงื่อนไข 4 ข้อ ของ Peabody เมื่อ ตอนจะหาทายาทมารับช่วงธุรกิจของเขา น่าจะเป็นของเขาเพียงข้อสุดท้าย ส่วน 3 ข้อแรก คงเป็นเงื่อนไขของนายทุนตัวจริง ที่ต้องการให้ J P Morgan ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอังกฤษแท้ แม้จะมีหน้าเป็นบริษัทอเมริกัน แต่ก็ต้องออกกลิ่นอังกฤษปน นับเป็นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่งของ เจ้าพ่อ Rothschild

    ธุรกิจเงินทุนไม่ว่าจะในตลาด London หรือ Wall Street มีลูกค้าหลากหลาย บางรายอยากค้าแต่กับพวกยิวด้วยกัน บางรายก็ขออย่าให้พวกยิวมาเข้าใกล้ Rothschild เป็นยิวที่ “รู้จัก” ลูกค้าของตัวเองดี ใครอยากได้เงินกลิ่นไหน เขาจัดการให้ได้ก็แล้วกัน

    J. P Morgan จึงมีไว้สำหรับพวกไม่เอายิว พวกหัวสูงไฮโซ รัฐบาลของทั้งอังกฤษ และอเมริกา และสำหรับพวกที่อยากจะคุยแต่กับ พวกยิวด้วยกัน ก็มี Kuhn Loeb ของ Jacob Schiff เพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน และที่ Rothschild เป็นผู้ลงทุน และให้ Schiff เป็นคนออกหน้า

    Rothschild ยังมีคนออกหน้า ให้เขาหนุนอีกหลายราย โดยไม่มีใครรู้ เขาน่าจะเป็นคนเล่นซ่อนแอบเก่งตั้งแต่เด็ก
    ประมาณปี ค.ศ. 1850 กว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ Tsar Nicholas ที่ I ปกครองรัสเซีย Alfonse Rothschild หูไว จมูกไว รู้ว่ารัสเซียมีแหล่งน้ำมันแยะ เขาจึงเข้าไปลงทุนที่ Baku ซึ่งขณะนั้นอยู่ในรัฐ Azerbaijun ประมาณปีค.ศ 1870 ถึงปี ค.ศ. 1880 เขามีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง และเริ่มส่งน้ำมันไปทั่วยุโรปผ่าน ตะวันออกกลาง ทางรถไฟ Baku – Batumi ทำท่าว่าจะสั้นไป สำหรับการส่งน้ำมัน เขาต้องหาทางเส้นทางใหม่ คลองสุเอชยาวถึง 4,000 ไมล์ น่าสนใจ แต่มันยังอยู่ในความดูแลของฝรั่งเศส แล้วเขาก็วางแผนเรื่อง Palestine ซึ่งจะต้องมีคนของพวกเขาไปอยู่ที่นั่น เพื่อดูแลผลประโยชน์แถวนั้นของพวกเขา

    เมื่อรัฐบาลอียิปต์ล้มละลายในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษตกลงซื้อคลองสุเอชมาจากรัฐบาล อียิปต์ ด้วยเงินกู้ของ Rothschild ทั้งหมด ในการประชุมผู้ถือหุ้น Suez Canal บริษัทการเงินกลุ่มของ Rothschild ฝั่งอังกฤษ เช่น Baring Brothers, Morgan Grenfell และ Lazard Brothers นั่งเคียงรัฐบาลอังกฤษ

    แม้ว่าจะถูกกดดันจาก Tsar Nicholas เรื่องยิว แต่ Rothschild ก็ยังขุดน้ำมันต่อ แค่นั้นรู้สึกจะยังไม่เป็นการท้าทาย Tsar ถึงใจ ขณะนั้น Standard Oil ของ Rockefeller ก็ไปขุดน้ำมันที่ Baku ด้วย ยักษ์ใหญ่เจอกัน แม้ตอนแรกจะตีกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ ยักษ์เปลี่ยนใจมาจับมือกัน วางแผนแบ่งเขตขุดน้ำมันกัน ตกลงกันเองเสร็จ เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน มันทำอย่างนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว สมันน้อย เข้าใจไหม พวกมันไม่เคยเห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน !

    คราวนี้ Tsar Nicholas ที่ II ซึ่งขึ้นมาครองราชย์แทนพ่อ และดำเนินตามนโยบายของพ่อที่ให้ย ิวออกไปจากรัสเซีย ไม่ยอมให้ Rothschild เฉี่ยวหัว ยื่นเงื่อนไขกลับไปที่ Rothschild ถ้าจะขุดน้ำมันต่อ ก็อพยพเอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียด้วย Rothschild ตอบเงื่อนไขของ Tsar ด้วยการขายหุ้นบริษัทของตัว ที่กำลังขุดน้ำมันที่ Baku ทิ้ง
    Rothschild เลือกยิว หรือเลือกหักหน้า Tsar Nicholas นั่นเอง !
    Rothschild ขายหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลถืออยู่ในธุรกิจน้ำมันที่ Baku ให้ Royal Dutch Shell เพราะ Rothschild “ประเมิน” ว่าอีกไม่นานเกินรอ การเมืองในรัสเซียน่าจะเกิดปัญหาใหญ่

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 3

    แม้จะรู้ว่าคนอังกฤษ ชื่นชมเงินของเขา มากกว่าตัวและเทือกเถายิวของเขา Rothschild ก็คบคนอังกฤษ และสนับสนุนการเงินให้ โดยเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของเขาและ ทำให้ตระกูลเขา มีอิทธิพล เหนือรัฐบาล รวมทั้งราชวงศ์อังกฤษด้วย

    Cecil Rhodes ชาวอังกฤษนักผจญภัย และนักล่าอาณานิคมตัวจริง เข้าไปทำเหมืองทองและ เหมืองเพชรที่ South Africa ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1889 โดยมี Rothschlid เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน เหมืองทองที่ Rhodes ขุดได้ ส่งมาที่อังกฤษ หลอมเป็นแท่งเก็บเป็นทองสำรองของ Bank of England ที่มี Rothschild เป็นตัวแทน กำไรท่วม ตอนหลัง Rhodes เข้าไปทำสงครามกับพวก Boers (คนดัชท์ ที่ไปตั้งรกรากใน South Africa) Rothschild ขนกองทัพของอังกฤษไปช่วยปล้นต่อ ถือเป็นวีรกรรมความชั่ว ที่ประวัติศาสตร์ของคน South Africa ไม่คิดลืม

    Rhodes มีความฝันที่จะให้อังกฤษแผ่อาณาจักรและอิทธิพลไปทั่วโลก อาณานิคมทั้งปวงจะต้องอยู่ภายใต้ระบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเงิน การค้า หรือการศึกษา และที่สำคัญ ทำให้อเมริกา กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย เขาตั้งสมาคมลับชื่อ the Round Table กับพรรคพวก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่น Lord Alfred Milner, Lord Balfour , Lord Albert Grey และนอกจากนั้น เขาทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินจำนวนมากมหาศาลทั้งหมดของเขา ตั้งเป็นกองทุนชื่อ Rhodes Trust เพื่อดำเนินการตามวัถตุประสงค์ พร้อมให้ทุนการศึกษากับ พวก Anglo Saxon ที่มีแววว่าจะสืบทอดอุดมการณ์ของเขาได้ ทุนนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้
    (อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับทุน Rhodes ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ของอังกฤษ แต่เขาไม่เรียนจนจบ เปลี่ยนใจกลับมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Yale แทน)

    เมื่อ Rhodes ตาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า the Round Table ต่อมา และดูแลกองทุนของ Rhodes คือ Lord Alfred Milner ที่มีอำนาจไม่น้อยกว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และ Rothschild ก็มีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ดูแลกองทุนนี้ด้วย

    สมาชิก Round Table เกือบทั้งหมด มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลอังกฤษ ทั้งตำแหน่งใหญ่มาก และใหญ่น้อย และเป็นที่ปรึกษาสำคัญของราชวงศ์ เช่น Lord Esher ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ให้ราชวงศ์อังกฤษ ประมาณ 25 ปี ตั้งแต่ คศ 1895 ถึง 1920 (สมัย พระนาง Victoria , กษัตริย์ Edward ที่ 7 และ กษัตริย์ George ที่ 5)

    แม้ก่อนทำสงครามโลก อังกฤษจะ จับมือรัสเซีย เอามาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อรบกับเยอรมัน และแม้รัสเซียจะมีกษัตริย์ปกครอง เช่นเดียวกับอังกฤษและเยอรมัน แถมเป็นญาติกันอีก โดยซารินา ราชินีของรัสเซีย เป็นหลานยายของพระนางวิกตอเรีย แต่ดูเหมือนราชวงศ์ของรัสเซีย จะสนิทใกล้ชิดกับเยอรมันมากกว่าอังกฤษ และด้วยนิสัยขี้ระแวงของอังกฤษ อังกฤษจึงไม่ค่อยวางใจ ในจุดยืนของราชวงค์โรมานอฟของรัสเซีย ดังนั้น ถ้าจะให้เลือกใครมาปกครองรัสเซีย อังกฤษคงเลือกผู้ที่อังกฤษคิดว่า ควบคุมได้ และเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ

    จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ที่ Round Table จะสนับสนุนให้รัฐบาลอังกฤษ รับรองพวก Bolsheviks อาจมีคนคิดว่าข่าวกรองของ Round Table ไม่แม่นยำหรือไง ไม่รู้ว่า พวก Bolsheviks นั้น มีทั้งฝ่ายที่อเมริกาสนับสนุน และฝ่ายที่เยอรมันสนับสนุน Round Table น่าจะรู้ดีว่าใครกันแน่ ที่คุม หรือชักใย รัฐบาลเยอรมันขณะนั้น ขณะเดียวกัน การเดินตามอเมริกาสนับสนุนปฏิวัติกำมะลอ ของ Bolsheviks ก็น่าจะเป็นเรื่องหมาป่าอังกฤษ จับมือ หรือตามประกบหมาป่าอเมริกัน ในการออกล่ารัสเซียนั่นเอง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – โคตรเหี้ยม 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 1 หนังสือ Forbes Magazine ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 1983 เขียนว่า “ครึ่งหนึ่ง ของ 10 อันดับแรก ของธนาคารเยอรมันนั้น ตั้งอยู่ที่ Frankfurt และระบบการเงินของโลกปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาจากระบบการเก็บภาษี และวิธีการจ่ายเงิน ที่ใช้ในสมัย Babylon ก็เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมือง Frankfurt-on-Main ซึ่งอยู่ในแคว้น Hesse Mayer Amschel Bauer ค้นพบว่า แม้ว่าการให้เงินกู้กับชาวนาหรือธุรกิจเล็กๆ จะทำกำไรได้ แต่กำไร ที่เป็นกอบเป็นกำกว่าแยะ คือกำไร ที่ได้มาจากการให้เงินกู้กับรัฐบาลต่างๆ Mayer Amschel เกิดที่เมือง Frankfurt ในปี ค.ศ. 1743 เขาแต่งงานกับ Gutta Schnapper เขาฝึกงานอยู่ที่ธนาคาร Oppenheim เมือง Hannover อยู่ 3 ปี ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสดูแลและบริการ Baron Von Estorff ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับ Landgrave Frederick ที่ II แห่ง Hesse ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น Frederick มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ถึง 100 ล้านฟลอริน (florins) ซึ่งเป็นมรดกที่ได้มาจากพ่อคือ Wilhelm ที่ 8 น้องชายของกษัตริย์สวีเดน Boron Von Estorff บอกกับ Landgrave ว่า Mayer Amschel นี้ ฉลาดเป็นกรด ในการคิดวิธีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม Landgrave บอก ไปตามตัว Mayer Amschel มาพบเราเดี๋ยวนี้เลย ช่วงเวลาเดียวกัน George ที่ 3 กษัตริย์ของอังกฤษกำลังปวดหัว กับการกระด้างกระเดื่องของคนอเมริกัน ซึ่งอังกฤษถือว่า ยังเป็นเมืองขึ้นของตนอยู่ จึงคิดส่งทหารไปปราบคนอเมริกัน ซึ่งถนัดสู้ในสนามรบที่เป็นที่ ทุ่งกว้าง Mayer Amschel ได้โอกาส จึงเสนอให้ Landgrave รับจ้าง Goerge ที่ 3 ที่จะหาหนุ่มล่ำชาว Hesse 16,800 คน ไปช่วยรบ การรับจ้าง จัดหาคนไปรบให้อังกฤษครั้งนี้ ทำให้ Landgrave รวยขึ้นอีกแยะ แต่ Mayer Amschel รวยขึ้นในจำนวนมากกว่า แต่แผนการทำมาหากินของ Mayer Amschel กับ Landgrave ก็จบลงเร็ว เพราะ Landgrave อายุสั้น ตายเมื่ออายุเพียง 25 ปี Mayer Amschel จึงย้ายไปเกาะพี่ชายของ Landgrave คือ Elector Wilhelm ที่ 1 ซึ่งเกิดปีเดียวกับ Mayer Amschel และดูเหมือนจะเป็นลูกค้า (หรือ เหยื่อ) รายใหม่ ที่ทำให้ Mayer Amschel รุ่งเรืองกว่า เพราะอยู่ในมือของเขามากกว่าน้องชาย ซึ่งเอาใจ (หรือต้ม) ยากกว่า การตายกระทันหันของ Landgrave ดูเหมือนจะทำให้ Mayer Amschel ได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินกองใหญ่ที่สุดในยุโรป เมื่อร่ำรวยขึ้น (อย่างมาก) Mayer Amschel ก็เอาโล่ห์แดง ติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ในเมือง Judengasse ซึ่งเขาแบ่งกันอยู่กับครอบครัว Schiff และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Rothschild” ตามป้ายชื่อ เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ตายในปี ค.ศ 1812 เขาทิ้งสมบัติประมาณ 1,000 ล้านแฟรงค์ ให้แก่ลูกชายของเขา ที่มีอยู่ 5 คน ลูกคนโต Anselm ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารที่ Frankfurt แต่ Anselm ไม่มีลูก เมื่อเขาตาย ธนาคารนี้จึงถูกปิดลง ลูกคนที่ 2 Solomon ถูกส่งไป Vienna ที่ ออสเตรีย เพื่อดูแลธุรกิจการธนาคาร ซึ่งเคยถูกผูกขาดอยู่ในมือของชาวยิวเพียง 5 ตระกูล ลูกคนที่ 3 Nathan ตั้งสาขา London หลังจากไปทำกำไรจากธุรกิจสิ่งทอในเมือง Manchester ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นบุคคล ที่วงการธุรกิจเกรงกลัว และเกลียดที่สุด ลูกคนที่ 4 Karl ไปเมือง Naples ที่อิตาลี และได้เป็นหัวหน้าองค์กรลึกลับ ชื่อ Alta Vendita ลูกคนที่ 5 James ตั้ง House of Rothschild สาขาปารีส ที่ฝรั่งเศส ลูกทั้ง 5 คนของ Mayer Amschel เริ่มปฎิบัติภาระกิจ ตามที่พ่อมอบหมายคือ ครอบงำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่พวกเขากระจายกันอยู่ โดยการให้กู้เงินแก่รัฐบาลเหล่านั้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ลูกธนู 5 ดอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 2 Federic Morton เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่อง “The Rothschilds” ว่า ” เป็นเวลานานติดต่อกันกว่า 150 ปี ที่ตระกูล Rothschild เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก การไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอกชน แต่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ แทน ทำให้พวกเขาได้กำไรอย่างสูงยิ่ง มีบางคนเคยพูดว่า ความรวยของตระกูล Rothschild มาจากการล้มละลายของหลายประเทศนั่นเอง” หนังสือพิมพ์ Chicago Evening American ของตระกูล Hearst เศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกา ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 1923 เขียนว่า “พวก Rothschild จะ เป็นผู้เริ่มสงคราม หรือเป็นผู้ระงับสงครามก็ได้ พวกเขาสามารถสร้าง หรือ ทำลาย อาณาจักรใดก็ได้ การล้มละลายของนโปเลียน เป็นการเกิดขึ้นของพวก Rothschild นโปเลียนถูกวางยาพิษทีละน้อย จนถึงแก่ความตายในที่สุด (นโปเลียนเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ รูปภาพของนโปเลียนส่วนมาก จะเห็นเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ เพื่อกดท้องที่ปวดอยู่เสมอ) ผู้ที่วางยาพิษก็คือสายลับของตระกูล Rothschild นั่นเอง” New York Evening Post วันที่ 22 กรกฎาคม 1924 ระบุว่า Kaiser ของเยอรมัน ต้องหารือกับ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองควรทำสงครามหรือไม่ นายกรัฐมนตรีของ Kaiser คือ Bethmann Hollweg ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันถล่ำตัวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นสมาชิกของตระกูล Bethmann เจ้าของธนาคารที่อยู่ใน Frankfurt และเป็นญาติกับ Rothschild หลังจากนโปเลียนถูกกำจัดพ้นทางไป ราชวงศ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ในสายตาของ Rothschild คือ ราชวงศ์ของอังกฤษ ราชวงศ์ของเยอรมัน และราชวงศ์ของรัสเซีย Rothschild เล็งเป้าแรก ไปที่ราชวงศ์ Romanov ของรัสเซีย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยมาก และลงทุนไว้ทั่วทั้งในยุโรปและอเมริกา แต่ที่สำคัญ เป็นราชวงศ์ที่ Rothschild เกลียดที่สุด และแสดงความเกลียดอย่างเปิดเผย Tsar Nicholas ที่ I ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบยิวและแสดงความไม่ชอบอย่างเปิดเผย ด้วยการพยายามผลักดัน ไปจนถึงขับไล่ ให้พวกยิวออกไปจากรัสเซีย แต่มีพวกยิวทำมาหากินอยู่ในรัสเซียมากมาย ขณะเดียวกันพวกยิวก็อ้างว่า Tsar นั้น ทารุณข่มเหงยิวอย่างรุนแรง Rothschild ซึ่งพื้นเพเป็นชาวยิว จึงวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าไปค้าขาย หรือทำลายอาณาจักรรัสเซีย เงินกู้จาก Bank of England 800,000 ปอนด์ ที่ยื่นให้กับนาย Peabody ในปี 1853 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Peabody และ Morgan มีภาพเป็นอเมริกัน ไม่มีกลิ่นยิวเจือปน เงื่อนไข 4 ข้อ ของ Peabody เมื่อ ตอนจะหาทายาทมารับช่วงธุรกิจของเขา น่าจะเป็นของเขาเพียงข้อสุดท้าย ส่วน 3 ข้อแรก คงเป็นเงื่อนไขของนายทุนตัวจริง ที่ต้องการให้ J P Morgan ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอังกฤษแท้ แม้จะมีหน้าเป็นบริษัทอเมริกัน แต่ก็ต้องออกกลิ่นอังกฤษปน นับเป็นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่งของ เจ้าพ่อ Rothschild ธุรกิจเงินทุนไม่ว่าจะในตลาด London หรือ Wall Street มีลูกค้าหลากหลาย บางรายอยากค้าแต่กับพวกยิวด้วยกัน บางรายก็ขออย่าให้พวกยิวมาเข้าใกล้ Rothschild เป็นยิวที่ “รู้จัก” ลูกค้าของตัวเองดี ใครอยากได้เงินกลิ่นไหน เขาจัดการให้ได้ก็แล้วกัน J. P Morgan จึงมีไว้สำหรับพวกไม่เอายิว พวกหัวสูงไฮโซ รัฐบาลของทั้งอังกฤษ และอเมริกา และสำหรับพวกที่อยากจะคุยแต่กับ พวกยิวด้วยกัน ก็มี Kuhn Loeb ของ Jacob Schiff เพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน และที่ Rothschild เป็นผู้ลงทุน และให้ Schiff เป็นคนออกหน้า Rothschild ยังมีคนออกหน้า ให้เขาหนุนอีกหลายราย โดยไม่มีใครรู้ เขาน่าจะเป็นคนเล่นซ่อนแอบเก่งตั้งแต่เด็ก ประมาณปี ค.ศ. 1850 กว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ Tsar Nicholas ที่ I ปกครองรัสเซีย Alfonse Rothschild หูไว จมูกไว รู้ว่ารัสเซียมีแหล่งน้ำมันแยะ เขาจึงเข้าไปลงทุนที่ Baku ซึ่งขณะนั้นอยู่ในรัฐ Azerbaijun ประมาณปีค.ศ 1870 ถึงปี ค.ศ. 1880 เขามีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง และเริ่มส่งน้ำมันไปทั่วยุโรปผ่าน ตะวันออกกลาง ทางรถไฟ Baku – Batumi ทำท่าว่าจะสั้นไป สำหรับการส่งน้ำมัน เขาต้องหาทางเส้นทางใหม่ คลองสุเอชยาวถึง 4,000 ไมล์ น่าสนใจ แต่มันยังอยู่ในความดูแลของฝรั่งเศส แล้วเขาก็วางแผนเรื่อง Palestine ซึ่งจะต้องมีคนของพวกเขาไปอยู่ที่นั่น เพื่อดูแลผลประโยชน์แถวนั้นของพวกเขา เมื่อรัฐบาลอียิปต์ล้มละลายในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษตกลงซื้อคลองสุเอชมาจากรัฐบาล อียิปต์ ด้วยเงินกู้ของ Rothschild ทั้งหมด ในการประชุมผู้ถือหุ้น Suez Canal บริษัทการเงินกลุ่มของ Rothschild ฝั่งอังกฤษ เช่น Baring Brothers, Morgan Grenfell และ Lazard Brothers นั่งเคียงรัฐบาลอังกฤษ แม้ว่าจะถูกกดดันจาก Tsar Nicholas เรื่องยิว แต่ Rothschild ก็ยังขุดน้ำมันต่อ แค่นั้นรู้สึกจะยังไม่เป็นการท้าทาย Tsar ถึงใจ ขณะนั้น Standard Oil ของ Rockefeller ก็ไปขุดน้ำมันที่ Baku ด้วย ยักษ์ใหญ่เจอกัน แม้ตอนแรกจะตีกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ ยักษ์เปลี่ยนใจมาจับมือกัน วางแผนแบ่งเขตขุดน้ำมันกัน ตกลงกันเองเสร็จ เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน มันทำอย่างนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว สมันน้อย เข้าใจไหม พวกมันไม่เคยเห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน ! คราวนี้ Tsar Nicholas ที่ II ซึ่งขึ้นมาครองราชย์แทนพ่อ และดำเนินตามนโยบายของพ่อที่ให้ย ิวออกไปจากรัสเซีย ไม่ยอมให้ Rothschild เฉี่ยวหัว ยื่นเงื่อนไขกลับไปที่ Rothschild ถ้าจะขุดน้ำมันต่อ ก็อพยพเอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียด้วย Rothschild ตอบเงื่อนไขของ Tsar ด้วยการขายหุ้นบริษัทของตัว ที่กำลังขุดน้ำมันที่ Baku ทิ้ง Rothschild เลือกยิว หรือเลือกหักหน้า Tsar Nicholas นั่นเอง ! Rothschild ขายหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลถืออยู่ในธุรกิจน้ำมันที่ Baku ให้ Royal Dutch Shell เพราะ Rothschild “ประเมิน” ว่าอีกไม่นานเกินรอ การเมืองในรัสเซียน่าจะเกิดปัญหาใหญ่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 3 แม้จะรู้ว่าคนอังกฤษ ชื่นชมเงินของเขา มากกว่าตัวและเทือกเถายิวของเขา Rothschild ก็คบคนอังกฤษ และสนับสนุนการเงินให้ โดยเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของเขาและ ทำให้ตระกูลเขา มีอิทธิพล เหนือรัฐบาล รวมทั้งราชวงศ์อังกฤษด้วย Cecil Rhodes ชาวอังกฤษนักผจญภัย และนักล่าอาณานิคมตัวจริง เข้าไปทำเหมืองทองและ เหมืองเพชรที่ South Africa ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1889 โดยมี Rothschlid เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน เหมืองทองที่ Rhodes ขุดได้ ส่งมาที่อังกฤษ หลอมเป็นแท่งเก็บเป็นทองสำรองของ Bank of England ที่มี Rothschild เป็นตัวแทน กำไรท่วม ตอนหลัง Rhodes เข้าไปทำสงครามกับพวก Boers (คนดัชท์ ที่ไปตั้งรกรากใน South Africa) Rothschild ขนกองทัพของอังกฤษไปช่วยปล้นต่อ ถือเป็นวีรกรรมความชั่ว ที่ประวัติศาสตร์ของคน South Africa ไม่คิดลืม Rhodes มีความฝันที่จะให้อังกฤษแผ่อาณาจักรและอิทธิพลไปทั่วโลก อาณานิคมทั้งปวงจะต้องอยู่ภายใต้ระบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเงิน การค้า หรือการศึกษา และที่สำคัญ ทำให้อเมริกา กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย เขาตั้งสมาคมลับชื่อ the Round Table กับพรรคพวก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่น Lord Alfred Milner, Lord Balfour , Lord Albert Grey และนอกจากนั้น เขาทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินจำนวนมากมหาศาลทั้งหมดของเขา ตั้งเป็นกองทุนชื่อ Rhodes Trust เพื่อดำเนินการตามวัถตุประสงค์ พร้อมให้ทุนการศึกษากับ พวก Anglo Saxon ที่มีแววว่าจะสืบทอดอุดมการณ์ของเขาได้ ทุนนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ (อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับทุน Rhodes ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ของอังกฤษ แต่เขาไม่เรียนจนจบ เปลี่ยนใจกลับมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Yale แทน) เมื่อ Rhodes ตาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า the Round Table ต่อมา และดูแลกองทุนของ Rhodes คือ Lord Alfred Milner ที่มีอำนาจไม่น้อยกว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และ Rothschild ก็มีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ดูแลกองทุนนี้ด้วย สมาชิก Round Table เกือบทั้งหมด มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลอังกฤษ ทั้งตำแหน่งใหญ่มาก และใหญ่น้อย และเป็นที่ปรึกษาสำคัญของราชวงศ์ เช่น Lord Esher ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ให้ราชวงศ์อังกฤษ ประมาณ 25 ปี ตั้งแต่ คศ 1895 ถึง 1920 (สมัย พระนาง Victoria , กษัตริย์ Edward ที่ 7 และ กษัตริย์ George ที่ 5) แม้ก่อนทำสงครามโลก อังกฤษจะ จับมือรัสเซีย เอามาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อรบกับเยอรมัน และแม้รัสเซียจะมีกษัตริย์ปกครอง เช่นเดียวกับอังกฤษและเยอรมัน แถมเป็นญาติกันอีก โดยซารินา ราชินีของรัสเซีย เป็นหลานยายของพระนางวิกตอเรีย แต่ดูเหมือนราชวงศ์ของรัสเซีย จะสนิทใกล้ชิดกับเยอรมันมากกว่าอังกฤษ และด้วยนิสัยขี้ระแวงของอังกฤษ อังกฤษจึงไม่ค่อยวางใจ ในจุดยืนของราชวงค์โรมานอฟของรัสเซีย ดังนั้น ถ้าจะให้เลือกใครมาปกครองรัสเซีย อังกฤษคงเลือกผู้ที่อังกฤษคิดว่า ควบคุมได้ และเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ที่ Round Table จะสนับสนุนให้รัฐบาลอังกฤษ รับรองพวก Bolsheviks อาจมีคนคิดว่าข่าวกรองของ Round Table ไม่แม่นยำหรือไง ไม่รู้ว่า พวก Bolsheviks นั้น มีทั้งฝ่ายที่อเมริกาสนับสนุน และฝ่ายที่เยอรมันสนับสนุน Round Table น่าจะรู้ดีว่าใครกันแน่ ที่คุม หรือชักใย รัฐบาลเยอรมันขณะนั้น ขณะเดียวกัน การเดินตามอเมริกาสนับสนุนปฏิวัติกำมะลอ ของ Bolsheviks ก็น่าจะเป็นเรื่องหมาป่าอังกฤษ จับมือ หรือตามประกบหมาป่าอเมริกัน ในการออกล่ารัสเซียนั่นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 1067 Views 0 Reviews
  • ..ไทยเราตัวพ่อด้วย มันสั่งอะไรได้หมด
    ..ทหารไทยเราก็มีพวกมันปะปนไม่น้อย
    ..อำนาจของจริงคือทหารเรา สุดท้ายทหารเราก็ไม่ปลดปล่อยไทยเราจากไซออนิสต์นี้เลย สงครามไซออนิสต์ต้องประกาศ เราเมื่อระบุเป้าหมายชัดว่าภัยของประเทศคืออะไร คนทั้งโลกจะร่วมกันตื่นรับรู้พร้อมร่วมกันกำจัดทันที ไทยต้องเริ่มก่อน วาระมันวางมากมายตามแผนตรึมเลยในไทย กฎหมายมากมายมันก็เขียนรอเอามาใช้จริงควบคุมคนไทยเต็มที่ ฝ่ายทหารไทยหน่วยข่าวกรองเราหลับสนิทสิ้น.,ภัยของจริงตัวปัญหาต้นเรื่องกลับแยกแยะไม่ขาด,คนไทยดีๆมากมายออกมาแฉตรึมก็ไม่พากันปราบปรามกำจัดพวกมัน ,กฎอัยการศึกทั่วประเทศคือสูตรลัดก็ไม่ทำ,เกรงใจโคตรพ่อโคตรแมร่งใครก็ไม่รู้ ,นี้คือแผ่นดินไทย,ชาติเราต้องมาก่อน คนไทยเมื่อรับรู้ค่าจริง ใจจะเป็นหนึ่งเดียว โลกจะเป็นหนึ่งเดียว การตื่นรู้เพื่อกำจัดไซออนิสต์จะสามัคคีกันทั่วโลกอย่างง่ายดาย.
    ..........

    เรื่องของ ลัทธิบูชา *ซาตาน* เป็นอีกเรื่องที่ คนส่วนใหญ่ไม่รับรู้
    ลัทธินี้ มีอยู่จริง และทำเรื่องเลวร้ายมากมายในโลก
    ตั้งแต่ ก่อสงคราม
    ค้ามนุษย์
    ทำทารุณกรรมเด็ก
    สร้างเชื้อโรค
    เอาพิษพ่นในอากาศ เคมเทรล
    วัคซีน
    ทำลายครอบครัว
    ทำลายระบบการศึกษา
    หรือ ที่แย่สุดคือ แทรกซึมเข้าไปในศาสนาต่างๆ แล้วไปบิดเบือนคำสอนของศาสนานั้นๆ ยุให้ศาสนาต่างๆ เป็นศัตรูกัน
    น่าสนใจว่า อาจารย์ทวีสุข ตั้งต้นจาก ความไม่เชื่อ แต่พอเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล ยิ่งพบว่าเรื่อง ทฤษฎีสมคบคิด เป็นจริงมากขึ้น

    https://www.facebook.com/share/v/1NJZ7sTRTM/
    ..ไทยเราตัวพ่อด้วย มันสั่งอะไรได้หมด ..ทหารไทยเราก็มีพวกมันปะปนไม่น้อย ..อำนาจของจริงคือทหารเรา สุดท้ายทหารเราก็ไม่ปลดปล่อยไทยเราจากไซออนิสต์นี้เลย สงครามไซออนิสต์ต้องประกาศ เราเมื่อระบุเป้าหมายชัดว่าภัยของประเทศคืออะไร คนทั้งโลกจะร่วมกันตื่นรับรู้พร้อมร่วมกันกำจัดทันที ไทยต้องเริ่มก่อน วาระมันวางมากมายตามแผนตรึมเลยในไทย กฎหมายมากมายมันก็เขียนรอเอามาใช้จริงควบคุมคนไทยเต็มที่ ฝ่ายทหารไทยหน่วยข่าวกรองเราหลับสนิทสิ้น.,ภัยของจริงตัวปัญหาต้นเรื่องกลับแยกแยะไม่ขาด,คนไทยดีๆมากมายออกมาแฉตรึมก็ไม่พากันปราบปรามกำจัดพวกมัน ,กฎอัยการศึกทั่วประเทศคือสูตรลัดก็ไม่ทำ,เกรงใจโคตรพ่อโคตรแมร่งใครก็ไม่รู้ ,นี้คือแผ่นดินไทย,ชาติเราต้องมาก่อน คนไทยเมื่อรับรู้ค่าจริง ใจจะเป็นหนึ่งเดียว โลกจะเป็นหนึ่งเดียว การตื่นรู้เพื่อกำจัดไซออนิสต์จะสามัคคีกันทั่วโลกอย่างง่ายดาย. .......... เรื่องของ ลัทธิบูชา *ซาตาน* เป็นอีกเรื่องที่ คนส่วนใหญ่ไม่รับรู้ ลัทธินี้ มีอยู่จริง และทำเรื่องเลวร้ายมากมายในโลก ตั้งแต่ ก่อสงคราม ค้ามนุษย์ ทำทารุณกรรมเด็ก สร้างเชื้อโรค เอาพิษพ่นในอากาศ เคมเทรล วัคซีน ทำลายครอบครัว ทำลายระบบการศึกษา หรือ ที่แย่สุดคือ แทรกซึมเข้าไปในศาสนาต่างๆ แล้วไปบิดเบือนคำสอนของศาสนานั้นๆ ยุให้ศาสนาต่างๆ เป็นศัตรูกัน น่าสนใจว่า อาจารย์ทวีสุข ตั้งต้นจาก ความไม่เชื่อ แต่พอเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล ยิ่งพบว่าเรื่อง ทฤษฎีสมคบคิด เป็นจริงมากขึ้น https://www.facebook.com/share/v/1NJZ7sTRTM/
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
More Results