• เรื่องน้ำๆ ในความทรงจำ

    เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายล่าสุดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ราวปี 41-42 ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องของวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะมีงานทำเป็นเรื่องแสนสาหัสมาก วันหนึ่ง กรมฯ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เปิดรับสมัครข้าราชการ 3 อัตรา ข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจบมา ได้ไปสมัครสอบแข่งขันร่วมกับผู้คนหลากหลายพันคน โดยข้อสอบมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัย เมื่อประกาศผลสอบ มีผู้ผ่านข้อเขียนเพียง 6 คน แน่นอนข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น ความหวังมาล้นปรี่ แถมแอบฝันเล็กน้อย คือข้าพเจ้าอยากทำงานที่ได้รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ร.9 และรู้ว่าในหลวง ร.9 ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมาก การได้ทำงานในกรมฯ นี้ จะทำให้ฝันกลางวันของข้าพเจ้า เป็นจริง
    มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจำอีก 5 คนที่เหลือไม่ได้แล้ว จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงกี่คนผู้ชายกี่คน พวกเราไม่ได้คุยกัน แต่ละคนอยู่ในมุมเงียบของตัวเอง บอกตามตรง ข้าพเจ้าไม่ตื่นเต้นกับการ สัมภาษณ์เลย เพราะก่อนจะมาถึงจุดนี้ ข้าพเจ้าผ่านการสัมภาษณ์มาอย่างโชกโชน อย่าลืมว่ามันเป็นช่วงวิกฤติ งานไม่มี แต่ถ้าส่งจดหมายสมัครงานไปที่ไหน เขาก็เรียกเราไปสัมภาษณ์เสมอ คงจะกลัวเราเหงาและคิดมาก เรื่องการสัมภาษณ์งานในช่วงนั้น สามารถเขียนได้อีกยาว แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าจะเป็นแบบนี้ ไปด้วยความหวัง ออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความห่อเหี่ยว พ้นประตูบริษัทด้วยใจที่รู้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่การสัมภาษณ์ที่กรมฯ ในวันนั้น ข้าพเจ้าออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยอาการแบบที่เรียกว่าน้ำท่วมปากระดับน้ำล้นมาถึงจมูกจนสำลักน้ำ
    กรรมการสัมภาษณ์ เป็นสุภาพสตรี 3 ท่าน การสัมภาษณ์เริ่มด้วยบทสนทนาทั่วไป แนะนำตัว การศึกษา ครอบครัว ต่อมาก็เป็นคำตอบในข้อสอบอัตนัย ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ามีคำถามอะไรบ้าง มีกี่ข้อ แต่จำได้ว่ากรรมการฯ สนใจคำตอบของข้าพเจ้าอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งให้อธิบายความสัมพันธ์อะไรสักอย่างของน้ำ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบข้อนี้ ในหน้ากระดาษคำตอบว่างๆ ข้าพเจ้าเขียนแค่ สมการคณิตศาสตร์ พร้อมกับคำนิยามตัวแปรแต่ละตัว กรรมการฯ ถามว่า สมการได้มาอย่างไร ข้าพเจ้าอธิบายว่า ข้าพเจ้าสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ในกระดาษทด กำหนดตัวแปร สร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตัวแปรแต่ละตัว แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จนได้ความสัมพันธ์ออกมา กรรมการถามว่า สมการถูกไหม ข้าพเจ้าตอบทันทีว่าไม่แม่นยำ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าแก้สมการผิด แต่เป็นเพราะมีเวลาจำกัด โมเดลเลยหยาบเกินไป ขาดตัวแปรอีกหลายตัว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ความถูกต้องจะมากขึ้น
    ดูกรรมการจะทึ่ง และทำให้รู้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเดียวที่ตอบแบบนี้ อันนี้ต้องขอบคุณ นีลส์ โบร์(Niels Bohr) ตอนสอบจบปริญญาเอก โบร์ ส่งกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนสมการคณิตศาสตร์อธิบาย โครงสร้างอะตอม ข้าพเจ้าแค่ยืมวิธีของโบร์มาใช้
    อีกข้อคือทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ แน่นอนข้าพเจ้าซ่อนความฝันและความจริงไว้ คือ อยากมีงานทำมั่นคง แต่คำตอบของข้าพเจ้ามาจากประสบการณ์ตรง ข้าพเจ้ามักจะไปช่วยเพื่อน ทำนาเกี่ยวข้าวเสมอ ในปีที่น้ำดี ชีวิตมันก็ดีไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าฟ้าฝนไม่ดี เพื่อนของข้าพเจ้า จะขาดโรงเรียน ข้าวยืนต้นตาย เพื่อนต้องไปรับจ้าง บางคนต้องออกจากการศึกษา เพราะต้องติดตามครอบครัวไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ น้ำคือชีวิตจริงจริง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ นี้ ข้าพเจ้าสามารถตอบได้ทันทีว่า ต้องการสำรวจแหล่งน้ำ จัดสร้างแหล่งน้ำ วางระบบชลประทาน เพื่อให้พี่น้องคนไทย มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง จริงจริงแล้วตอนเจอคำถามครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่ได้นึกถึงภาพใหญ่ขนาดนั้น ข้าพเจ้าแค่นึกถึงเพื่อน แค่คิดว่าถ้าเพื่อนมีแหล่งน้ำ เพื่อนก็ไม่ต้องขาดเรียน แล้วก็คิดต่อไปว่า ถ้าหมู่บ้าน ตำบลมีแหล่งน้ำ หลายครอบครัวไม่ต้องอพยพ แล้วมันถึงค่อยเลยเถิดไปถึงการคิดจัดทำแหล่งน้ำและวางระบบเชื่อมโยงระดับประเทศ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ในกระดาษคำตอบ ที่จำได้เพราะ กรรมการฯ บอกว่า งานในตำแหน่งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการวัดคุณภาพน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ข้าพเจ้าบรรยายเลย (กรรมแท้!) อย่างไรก็ตาม กรรมการแจ้งว่า ข้าพเจ้าได้คะแนนในส่วนอัตนัยดีเยี่ยม
    อะไรๆ มักจะเริ่มแบบนี้เสมอ สงบ สันติ คำชื่นชม สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 21-22 มันยิ้มไม่หุบ ความฝันความหวังมันอยู่ตรงหน้า แต่แล้วชีวิตมันก็ฟาดเปรี้ยง ดูเหมือนมันจะเริ่มด้วยประโยคแบบ รู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่จะ ต้องแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสามตำแหน่งมีคนในอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจำได้อีกอย่างว่า แม้แต่กรรมการก็รู้สึกแบบไม่อยากจะพูดเหมือนกัน ในส่วนของข้าพเจ้า ก็แบบที่แจ้งให้ทราบมันอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก รู้สึกในหัวมันแบบ โหวงๆ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่าจบการสัมภาษณ์กันยังไง แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เหมือนกับว่า มันรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้ เราโตมาแบบ คนใน เด็กท่าน นายสั่งมา ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีกี่คนที่ได้รับการบอกตรงๆ แบบข้าพเจ้า เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า ก็ดีเหมือนกัน คือ ไม่มีอะไรติดค้างว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่ได้ ออกจะรู้สึกขอบคุณที่กรรมการฯ กล้าหาญพอที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องบอกก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ากลับมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เพียงแค่ว่าโอกาสยังมาไม่ถึง อย่างที่บอก ชีวิตในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่มีเวลาให้เราอาลัยอาวรณ์ หรือฟูมฟาย เมื่อเดินออกจากกรมฯ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบเสียดายแล้ว แค่กลับที่พัก หาอะไรกิน ตี่นมามีลมหายใจ ก็ออกไปท้าทายวิกฤติต่อ เรื่องก็มีเท่านี้

    เครดิตภาพ: ผู้จัดการออนไลน์
    เรื่องน้ำๆ ในความทรงจำ เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายล่าสุดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ราวปี 41-42 ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องของวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะมีงานทำเป็นเรื่องแสนสาหัสมาก วันหนึ่ง กรมฯ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เปิดรับสมัครข้าราชการ 3 อัตรา ข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจบมา ได้ไปสมัครสอบแข่งขันร่วมกับผู้คนหลากหลายพันคน โดยข้อสอบมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัย เมื่อประกาศผลสอบ มีผู้ผ่านข้อเขียนเพียง 6 คน แน่นอนข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น ความหวังมาล้นปรี่ แถมแอบฝันเล็กน้อย คือข้าพเจ้าอยากทำงานที่ได้รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ร.9 และรู้ว่าในหลวง ร.9 ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมาก การได้ทำงานในกรมฯ นี้ จะทำให้ฝันกลางวันของข้าพเจ้า เป็นจริง มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจำอีก 5 คนที่เหลือไม่ได้แล้ว จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงกี่คนผู้ชายกี่คน พวกเราไม่ได้คุยกัน แต่ละคนอยู่ในมุมเงียบของตัวเอง บอกตามตรง ข้าพเจ้าไม่ตื่นเต้นกับการ สัมภาษณ์เลย เพราะก่อนจะมาถึงจุดนี้ ข้าพเจ้าผ่านการสัมภาษณ์มาอย่างโชกโชน อย่าลืมว่ามันเป็นช่วงวิกฤติ งานไม่มี แต่ถ้าส่งจดหมายสมัครงานไปที่ไหน เขาก็เรียกเราไปสัมภาษณ์เสมอ คงจะกลัวเราเหงาและคิดมาก เรื่องการสัมภาษณ์งานในช่วงนั้น สามารถเขียนได้อีกยาว แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าจะเป็นแบบนี้ ไปด้วยความหวัง ออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความห่อเหี่ยว พ้นประตูบริษัทด้วยใจที่รู้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่การสัมภาษณ์ที่กรมฯ ในวันนั้น ข้าพเจ้าออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยอาการแบบที่เรียกว่าน้ำท่วมปากระดับน้ำล้นมาถึงจมูกจนสำลักน้ำ กรรมการสัมภาษณ์ เป็นสุภาพสตรี 3 ท่าน การสัมภาษณ์เริ่มด้วยบทสนทนาทั่วไป แนะนำตัว การศึกษา ครอบครัว ต่อมาก็เป็นคำตอบในข้อสอบอัตนัย ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ามีคำถามอะไรบ้าง มีกี่ข้อ แต่จำได้ว่ากรรมการฯ สนใจคำตอบของข้าพเจ้าอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งให้อธิบายความสัมพันธ์อะไรสักอย่างของน้ำ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบข้อนี้ ในหน้ากระดาษคำตอบว่างๆ ข้าพเจ้าเขียนแค่ สมการคณิตศาสตร์ พร้อมกับคำนิยามตัวแปรแต่ละตัว กรรมการฯ ถามว่า สมการได้มาอย่างไร ข้าพเจ้าอธิบายว่า ข้าพเจ้าสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ในกระดาษทด กำหนดตัวแปร สร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตัวแปรแต่ละตัว แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จนได้ความสัมพันธ์ออกมา กรรมการถามว่า สมการถูกไหม ข้าพเจ้าตอบทันทีว่าไม่แม่นยำ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าแก้สมการผิด แต่เป็นเพราะมีเวลาจำกัด โมเดลเลยหยาบเกินไป ขาดตัวแปรอีกหลายตัว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ความถูกต้องจะมากขึ้น ดูกรรมการจะทึ่ง และทำให้รู้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเดียวที่ตอบแบบนี้ อันนี้ต้องขอบคุณ นีลส์ โบร์(Niels Bohr) ตอนสอบจบปริญญาเอก โบร์ ส่งกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนสมการคณิตศาสตร์อธิบาย โครงสร้างอะตอม ข้าพเจ้าแค่ยืมวิธีของโบร์มาใช้ อีกข้อคือทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ แน่นอนข้าพเจ้าซ่อนความฝันและความจริงไว้ คือ อยากมีงานทำมั่นคง แต่คำตอบของข้าพเจ้ามาจากประสบการณ์ตรง ข้าพเจ้ามักจะไปช่วยเพื่อน ทำนาเกี่ยวข้าวเสมอ ในปีที่น้ำดี ชีวิตมันก็ดีไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าฟ้าฝนไม่ดี เพื่อนของข้าพเจ้า จะขาดโรงเรียน ข้าวยืนต้นตาย เพื่อนต้องไปรับจ้าง บางคนต้องออกจากการศึกษา เพราะต้องติดตามครอบครัวไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ น้ำคือชีวิตจริงจริง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ นี้ ข้าพเจ้าสามารถตอบได้ทันทีว่า ต้องการสำรวจแหล่งน้ำ จัดสร้างแหล่งน้ำ วางระบบชลประทาน เพื่อให้พี่น้องคนไทย มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง จริงจริงแล้วตอนเจอคำถามครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่ได้นึกถึงภาพใหญ่ขนาดนั้น ข้าพเจ้าแค่นึกถึงเพื่อน แค่คิดว่าถ้าเพื่อนมีแหล่งน้ำ เพื่อนก็ไม่ต้องขาดเรียน แล้วก็คิดต่อไปว่า ถ้าหมู่บ้าน ตำบลมีแหล่งน้ำ หลายครอบครัวไม่ต้องอพยพ แล้วมันถึงค่อยเลยเถิดไปถึงการคิดจัดทำแหล่งน้ำและวางระบบเชื่อมโยงระดับประเทศ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ในกระดาษคำตอบ ที่จำได้เพราะ กรรมการฯ บอกว่า งานในตำแหน่งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการวัดคุณภาพน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ข้าพเจ้าบรรยายเลย (กรรมแท้!) อย่างไรก็ตาม กรรมการแจ้งว่า ข้าพเจ้าได้คะแนนในส่วนอัตนัยดีเยี่ยม อะไรๆ มักจะเริ่มแบบนี้เสมอ สงบ สันติ คำชื่นชม สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 21-22 มันยิ้มไม่หุบ ความฝันความหวังมันอยู่ตรงหน้า แต่แล้วชีวิตมันก็ฟาดเปรี้ยง ดูเหมือนมันจะเริ่มด้วยประโยคแบบ รู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่จะ ต้องแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสามตำแหน่งมีคนในอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจำได้อีกอย่างว่า แม้แต่กรรมการก็รู้สึกแบบไม่อยากจะพูดเหมือนกัน ในส่วนของข้าพเจ้า ก็แบบที่แจ้งให้ทราบมันอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก รู้สึกในหัวมันแบบ โหวงๆ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่าจบการสัมภาษณ์กันยังไง แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เหมือนกับว่า มันรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้ เราโตมาแบบ คนใน เด็กท่าน นายสั่งมา ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีกี่คนที่ได้รับการบอกตรงๆ แบบข้าพเจ้า เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า ก็ดีเหมือนกัน คือ ไม่มีอะไรติดค้างว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่ได้ ออกจะรู้สึกขอบคุณที่กรรมการฯ กล้าหาญพอที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องบอกก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ากลับมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เพียงแค่ว่าโอกาสยังมาไม่ถึง อย่างที่บอก ชีวิตในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่มีเวลาให้เราอาลัยอาวรณ์ หรือฟูมฟาย เมื่อเดินออกจากกรมฯ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบเสียดายแล้ว แค่กลับที่พัก หาอะไรกิน ตี่นมามีลมหายใจ ก็ออกไปท้าทายวิกฤติต่อ เรื่องก็มีเท่านี้ เครดิตภาพ: ผู้จัดการออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลโลก
    รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19
    ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง...
    **************
    โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์
    มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!!
    นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้
    นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ

    - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก
    - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ
    ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า
    - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ?

    **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า

    - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล
    ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก

    ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม

    ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย
    - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก
    ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด
    ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่

    มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม
    ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น
    *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้
    - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า
    ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น.
    >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง
    **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi"
    >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK
    *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19
    ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว
    หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา"
    ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา
    เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ

    >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า”
    >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด
    ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น
    ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร
    *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015
    - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป
    อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!!
    - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก
    ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว
    - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19
    >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก***
    >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!!

    **Ny Ny*
    ขอบคุณข้อมูลจาก

    นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    ศาลโลก รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19 ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง... ************** โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!! นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้ นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ? **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้ - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น. >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi" >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา" ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า” >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015 - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!! - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19 >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก*** >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!! **Ny Ny* ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากรักษามะเร็งที่อเมริกา 🇺🇸
    ต้องทำยังไง?

    ••••••••

    💠 สนใจปรึกษา เฟีย:
    💎 ดูแลลูกค้า VIP & ที่ปรึกษาทางการเงิน
    🌐 ผลประโยชน์ลูกค้าสำคัญที่สุด

    📍 Line ID: @fiamony
    📍 โทร: 081-323-8168
    📍 FB Page: fiamony
    📍 Tiktok: fiamony
    📍 IG: fiamony
    📍 Youtube: fiamony

    ••••••••

    🏆 เชี่ยวชาญ วางแผนทางการเงิน
    🏆 ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ

    🔰 วางแผนส่งต่อมรดก ด้วย Legacy
    🔰 วางแผนสุขภาพ ด้วย First Class
    🔰 วางแผนประกันนิติบุคคล ด้วย Keyman
    🔰 วางแผนประกันสำหรับเจ้าของกิจการ, ผู้บริหาร
    🔰 วางแผนทุนการศึกษาบุตร
    🔰 วางแผนเงินออม
    🔰 วางแผนเกษียณ
    🔰 วางแผนลดหย่อนภาษี

    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันเหมาจ่าย #allianz #ประกันสุขภาพ #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ตัวแทนประกันชีวิต #สุขภาพ #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันสุขภาพเด็ก
    อยากรักษามะเร็งที่อเมริกา 🇺🇸 ต้องทำยังไง? •••••••• 💠 สนใจปรึกษา เฟีย: 💎 ดูแลลูกค้า VIP & ที่ปรึกษาทางการเงิน 🌐 ผลประโยชน์ลูกค้าสำคัญที่สุด 📍 Line ID: @fiamony 📍 โทร: 081-323-8168 📍 FB Page: fiamony 📍 Tiktok: fiamony 📍 IG: fiamony 📍 Youtube: fiamony •••••••• 🏆 เชี่ยวชาญ วางแผนทางการเงิน 🏆 ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ 🔰 วางแผนส่งต่อมรดก ด้วย Legacy 🔰 วางแผนสุขภาพ ด้วย First Class 🔰 วางแผนประกันนิติบุคคล ด้วย Keyman 🔰 วางแผนประกันสำหรับเจ้าของกิจการ, ผู้บริหาร 🔰 วางแผนทุนการศึกษาบุตร 🔰 วางแผนเงินออม 🔰 วางแผนเกษียณ 🔰 วางแผนลดหย่อนภาษี #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันเหมาจ่าย #allianz #ประกันสุขภาพ #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ตัวแทนประกันชีวิต #สุขภาพ #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันสุขภาพเด็ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม
    .
    ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม
    .
    เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ
    .
    ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้
    .
    ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม
    .
    แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป
    .
    ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป
    .
    ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง
    .
    ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก
    .
    ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก
    .
    พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้
    .
    ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย
    .
    หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน
    .
    แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม . ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม . เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย . ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ . ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้ . ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม . แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ . ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป . ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป . ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง . ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก . ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก . พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้ . ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย . หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน . แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีวิว แฟกซ์เคลม รอนานจริงไหม?
    ไปดูกันค่ะ ⚡️

    ••••••••

    💠 สนใจปรึกษา เฟีย:
    💎 ดูแลลูกค้า VIP & ที่ปรึกษาทางการเงิน
    🌐 ผลประโยชน์ลูกค้าสำคัญที่สุด

    📍 Line ID: @fiamony
    📍 โทร: 081-323-8168
    📍 FB Page: fiamony
    📍 Tiktok: fiamony
    📍 IG: fiamony
    📍 Youtube: fiamony

    ••••••••

    🏆 เชี่ยวชาญ วางแผนทางการเงิน
    🏆 ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ

    🔰 วางแผนส่งต่อมรดก ด้วย Legacy
    🔰 วางแผนสุขภาพ ด้วย First Class
    🔰 วางแผนประกันนิติบุคคล ด้วย Keyman
    🔰 วางแผนประกันสำหรับเจ้าของกิจการ, ผู้บริหาร
    🔰 วางแผนทุนการศึกษาบุตร
    🔰 วางแผนเงินออม
    🔰 วางแผนเกษียณ
    🔰 วางแผนลดหย่อนภาษี

    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันเหมาจ่าย #allianz #ประกันสุขภาพ #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ตัวแทนประกันชีวิต #สุขภาพ #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันสุขภาพเด็ก
    รีวิว แฟกซ์เคลม รอนานจริงไหม? ไปดูกันค่ะ ⚡️ •••••••• 💠 สนใจปรึกษา เฟีย: 💎 ดูแลลูกค้า VIP & ที่ปรึกษาทางการเงิน 🌐 ผลประโยชน์ลูกค้าสำคัญที่สุด 📍 Line ID: @fiamony 📍 โทร: 081-323-8168 📍 FB Page: fiamony 📍 Tiktok: fiamony 📍 IG: fiamony 📍 Youtube: fiamony •••••••• 🏆 เชี่ยวชาญ วางแผนทางการเงิน 🏆 ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ 🔰 วางแผนส่งต่อมรดก ด้วย Legacy 🔰 วางแผนสุขภาพ ด้วย First Class 🔰 วางแผนประกันนิติบุคคล ด้วย Keyman 🔰 วางแผนประกันสำหรับเจ้าของกิจการ, ผู้บริหาร 🔰 วางแผนทุนการศึกษาบุตร 🔰 วางแผนเงินออม 🔰 วางแผนเกษียณ 🔰 วางแผนลดหย่อนภาษี #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #ประกันเหมาจ่าย #allianz #ประกันสุขภาพ #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ตัวแทนประกันชีวิต #สุขภาพ #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันสุขภาพเด็ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • อย่าเพิ่งซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย
    ถ้ายังไม่ได้ดูคลิปนี้!! 💰💰

    เทคนิคดีๆที่ใช้ได้จริงค่ะ

    ••••••••

    💠 สนใจปรึกษา เฟีย:
    💎 ดูแลลูกค้า VIP & ที่ปรึกษาทางการเงิน
    🌐 ผลประโยชน์ลูกค้าสำคัญที่สุด

    📍 Line ID: @fiamony
    📍 โทร: 081-323-8168
    📍 FB Page: fiamony
    📍 Tiktok: fiamony
    📍 IG: fiamony
    📍 Youtube: fiamony

    ••••••••

    🏆 เชี่ยวชาญ วางแผนทางการเงิน
    🏆 ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ

    🔰 วางแผนส่งต่อมรดก ด้วย Legacy
    🔰 วางแผนสุขภาพ ด้วย First Class
    🔰 วางแผนประกันนิติบุคคล ด้วย Keyman
    🔰 วางแผนประกันสำหรับเจ้าของกิจการ, ผู้บริหาร
    🔰 วางแผนทุนการศึกษาบุตร
    🔰 วางแผนเงินออม
    🔰 วางแผนเกษียณ
    🔰 วางแผนลดหย่อนภาษี

    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #allianz #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ประกันเหมาจ่าย #ตัวแทนประกันชีวิต #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันสุขภาพ #สุขภาพ #ประกันสุขภาพเด็ก
    อย่าเพิ่งซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย ถ้ายังไม่ได้ดูคลิปนี้!! 💰💰 เทคนิคดีๆที่ใช้ได้จริงค่ะ •••••••• 💠 สนใจปรึกษา เฟีย: 💎 ดูแลลูกค้า VIP & ที่ปรึกษาทางการเงิน 🌐 ผลประโยชน์ลูกค้าสำคัญที่สุด 📍 Line ID: @fiamony 📍 โทร: 081-323-8168 📍 FB Page: fiamony 📍 Tiktok: fiamony 📍 IG: fiamony 📍 Youtube: fiamony •••••••• 🏆 เชี่ยวชาญ วางแผนทางการเงิน 🏆 ประกันชีวิต / ประกันสุขภาพ 🔰 วางแผนส่งต่อมรดก ด้วย Legacy 🔰 วางแผนสุขภาพ ด้วย First Class 🔰 วางแผนประกันนิติบุคคล ด้วย Keyman 🔰 วางแผนประกันสำหรับเจ้าของกิจการ, ผู้บริหาร 🔰 วางแผนทุนการศึกษาบุตร 🔰 วางแผนเงินออม 🔰 วางแผนเกษียณ 🔰 วางแผนลดหย่อนภาษี #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย #allianz #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ประกันเหมาจ่าย #ตัวแทนประกันชีวิต #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันสุขภาพ #สุขภาพ #ประกันสุขภาพเด็ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออก

    เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออก เดือนนี้ เพราะความพยายามขยันขันแข็งทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานานจะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ กิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย โชคดีทั้งการงานและความรักโดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนใหญ่ - จีนไต้หวัน (เบื้องหลัง) ก็คือ พี่น้องกัน..นั่นเอง

    สรุป..ความสำเร็จของการรวมชาติของจีน และ กำเนิดประเทศไต้หวัน (เบื้องหลัง)เกิดจากอิทธิพลของ..
    #สามสาวพี่น้องตระกูลซ่ง宋 ( เก่ง สวย และ รวยมาก )

    สาว สาว สาว จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ในช่วงที่สังคมจีนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง清朝 ได้นำพาประเทศจีน เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สู่สังคม จีนยุคใหม่
    ----------------------------------------

    (พี่ใหญ่ ) #ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄 ได้แต่งงานกับ อภิมหาเศรษฐี "ขงเสียงซี" 孔祥熙 (ทายาทเจ้าลัทธิรุ่น75 ของ ขงจื๊อ)

    พี่ใหญ่..เปรียบเสมือนตู้ATM(เคลื่อนที่) ชนิดไม่ฝากก็ถอนได้ ออกทุนให้น้องเขย คือ ดร.ซุนยัดเซ็น孫文 / 孫逸仙 หัวหน้าพรรค"ก๊กมินตั๋ง"国民党 ไปก่อตั้งโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่黄蒲 ฝึกทหาร ติดอาวุธส่งเข้าไปในการต่อสู้ปฎิวัติประเทศจีน โดยมี(เขยเล็ก) เจียงไคเช็ค(蒋介石) เรียนจบการทหารจากญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแล

    รบกันไป-รบกันมา หลายฝ่าย วุ่นวาย เหมือน..สามก๊ก (ไปหาอ่านกันเอง นะคะ)

    (น้องกลาง) #ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄 หลังจากการอสัญกรรมของ ดร.ซุนยัดเซ็น ไปท่องยุโรปและรัสเซีย เปลี่ยนอุดมการณ์จากทุนนิยมเสรี เป็น คอมมิวนิสต์ ได้รับการสนับสนุนจากพี่สาว ให้เจรจากับ โจเซฟ สตาลิน ช่วยสนับสนุนกำลังอาวุธที่ยึดจากญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่2ให้กองทัพคอมมิวนิสต์จีน และเข้าร่วมปฎิวัติวัฒนธรรมจีน กับภริยาท่านประธานเหมา ก่อตั้ง "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ( PRC=People Republic of China)

    (น้องเล็ก) #ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 ยึดมั่นในประชาธิปไตยแบบตะวันตก หลังปราบญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่2 จบลง นางได้จิกให้สามี คือ จอมพลเจียงไคเชค แยกประชาชนจีนร่วมอุดมการณ์ ออกมาตั้งเป็น "ประเทศไต้หวัน"Republic of China(TAIWAN)

    ส่วนมาก..พวกผู้ชาย เค้าก็เล่า ตัวเอกเป็น ดร.ซุนยัดเซ็น เหมาเจ๋อตุง毛泽东 โจวเอินไล周恩來 เจียงไคเช็ค 蒋介石

    แต่ #กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผู้หญิงมีส่วนสำคัญในการเจรจาต่อรอง และให้ทุนสนับสนุน(อยู่เบื้องหลัง) จ๊ะ
    .
    .

    Pachäree Wõng
    October5, 2024
    Sausalito, CA94965
    จีนใหญ่ - จีนไต้หวัน (เบื้องหลัง) ก็คือ พี่น้องกัน..นั่นเอง สรุป..ความสำเร็จของการรวมชาติของจีน และ กำเนิดประเทศไต้หวัน (เบื้องหลัง)เกิดจากอิทธิพลของ.. #สามสาวพี่น้องตระกูลซ่ง宋 ( เก่ง สวย และ รวยมาก ) สาว สาว สาว จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ในช่วงที่สังคมจีนสิ้นสุดราชวงศ์ชิง清朝 ได้นำพาประเทศจีน เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สู่สังคม จีนยุคใหม่ ---------------------------------------- (พี่ใหญ่ ) #ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄 ได้แต่งงานกับ อภิมหาเศรษฐี "ขงเสียงซี" 孔祥熙 (ทายาทเจ้าลัทธิรุ่น75 ของ ขงจื๊อ) พี่ใหญ่..เปรียบเสมือนตู้ATM(เคลื่อนที่) ชนิดไม่ฝากก็ถอนได้ ออกทุนให้น้องเขย คือ ดร.ซุนยัดเซ็น孫文 / 孫逸仙 หัวหน้าพรรค"ก๊กมินตั๋ง"国民党 ไปก่อตั้งโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่黄蒲 ฝึกทหาร ติดอาวุธส่งเข้าไปในการต่อสู้ปฎิวัติประเทศจีน โดยมี(เขยเล็ก) เจียงไคเช็ค(蒋介石) เรียนจบการทหารจากญี่ปุ่นเป็นผู้ดูแล รบกันไป-รบกันมา หลายฝ่าย วุ่นวาย เหมือน..สามก๊ก (ไปหาอ่านกันเอง นะคะ) (น้องกลาง) #ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄 หลังจากการอสัญกรรมของ ดร.ซุนยัดเซ็น ไปท่องยุโรปและรัสเซีย เปลี่ยนอุดมการณ์จากทุนนิยมเสรี เป็น คอมมิวนิสต์ ได้รับการสนับสนุนจากพี่สาว ให้เจรจากับ โจเซฟ สตาลิน ช่วยสนับสนุนกำลังอาวุธที่ยึดจากญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่2ให้กองทัพคอมมิวนิสต์จีน และเข้าร่วมปฎิวัติวัฒนธรรมจีน กับภริยาท่านประธานเหมา ก่อตั้ง "สาธารณรัฐประชาชนจีน" ( PRC=People Republic of China) (น้องเล็ก) #ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 ยึดมั่นในประชาธิปไตยแบบตะวันตก หลังปราบญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่2 จบลง นางได้จิกให้สามี คือ จอมพลเจียงไคเชค แยกประชาชนจีนร่วมอุดมการณ์ ออกมาตั้งเป็น "ประเทศไต้หวัน"Republic of China(TAIWAN) ส่วนมาก..พวกผู้ชาย เค้าก็เล่า ตัวเอกเป็น ดร.ซุนยัดเซ็น เหมาเจ๋อตุง毛泽东 โจวเอินไล周恩來 เจียงไคเช็ค 蒋介石 แต่ #กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผู้หญิงมีส่วนสำคัญในการเจรจาต่อรอง และให้ทุนสนับสนุน(อยู่เบื้องหลัง) จ๊ะ . . Pachäree Wõng October5, 2024 Sausalito, CA94965
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔎 ขีปนาวุธประมาณ ๓๒ ลูก (ไอคอนส์) โจมตีฐานทัพอากาศเนวาติมของอิสราเอลระหว่างการโจมตีของอิหร่านเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม, ตามที่หัวหน้าศูนย์วิจัย CNS ของสถาบันมิดเดิลเบอรีเพื่อการศึกษาระหว่างประเทศกล่าว
    .
    🔎 About 32 missiles (icons) struck Israel's Nevatim Air Base during the October 2 Iranian attack, according to the head of the CNS research centre at the Middlebury Institute of International Studies.
    .
    6:47 PM · Oct 4, 2024 · 2,748 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1842169552978751511
    🔎 ขีปนาวุธประมาณ ๓๒ ลูก (ไอคอนส์) โจมตีฐานทัพอากาศเนวาติมของอิสราเอลระหว่างการโจมตีของอิหร่านเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม, ตามที่หัวหน้าศูนย์วิจัย CNS ของสถาบันมิดเดิลเบอรีเพื่อการศึกษาระหว่างประเทศกล่าว . 🔎 About 32 missiles (icons) struck Israel's Nevatim Air Base during the October 2 Iranian attack, according to the head of the CNS research centre at the Middlebury Institute of International Studies. . 6:47 PM · Oct 4, 2024 · 2,748 Views https://x.com/SputnikInt/status/1842169552978751511
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠

    😎#ออกจากประตูหยก😎

    🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸

    🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸

    😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎

    🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก

    🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸

    🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)

    รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸

    😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎

    🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก

    เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸

    เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸

    😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎

    🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา

    🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก

    🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก

    🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล

    บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸

    พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸

    หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸

    🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02.
    #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 01.🤠 😎#ออกจากประตูหยก😎 🥸การเดินทางของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปทางทิศตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะนั้นเป็นการกระทำส่วนตัวโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ แต่ด้วยเหตุนี้ มุมมองของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่มีต่อภูมิภาคตะวันตกจึงมีความเป็นพลเรือนมากกว่า เป็นกลางมากกว่า และเป็นจริงมากกว่า🥸 🥸ต่อไปนี้เชิญท่านมาเผชิญหน้ากับท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยลมและทราย เดินย่ำเหยียบฝ่าหมอกควันทะเลทราย เริ่มต้นเข้าร่วมกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ในการเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของเขาเพื่อร่างขอบเขตดินแดนของภูมิภาคตะวันตก🥸 😎ออกจากประตูหยก(玉门)ไปทางทิศตะวันตก 😎 🥸ในปีคริสตศักราช 629 ภัยพิบัติน้ำแข็งเกิดขึ้นในพื้นที่กวนจง(关中) ราชวงศ์ถัง(唐)ออกคำสั่งให้พระภิกษุและฆราวาสในพื้นที่ คยองกี(Gyeonggi京畿) ย้ายไปยังสถานที่อื่นเพื่อหาอาหารและหลีกเลี่ยงหลบหนีจากความอดอยาก พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ซึ่งแต่เดิมต้องการออกจากด่านทางผ่าน แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนักจึงใช้โอกาสนี้ออกจากฉางอาน(长安)🥸 เขาเดินทางผ่านหลานโจว(兰州)และเหลียงโจว(凉州) เขาหลีกเลี่ยงการติดตามจัยกุมของทางการโดยการเดินทางเวลากลางคืนและพักเวลากลางวัน ต่อมา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เสี่ยงภัยเดินทางผ่าน กวัวโจว(瓜州) และ อวี้เหมินกวน(Yumen Pass玉门关) ผ่านหอคอยสัญญาณไฟ 5 แห่งที่มีกองทหารคุ้มกันตามลำดับรายทาง ด้วยความช่วยเหลือจากทหารรักษาชายแดนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ข้ามทะเลทรายโกบีด้วยพลังแห่งความศรัทธาและความอุตสาหะอย่างแรงกล้าก่อนจะไปถึงอีหวู(伊吾) และเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตก 🥸สถานีแรกของการเดินทาง อีหวู(伊吾) ได้มีการส่งมอบการมาถึงอย่างกะทันหันของพระภิกษุให้กับเกาชาง(Gaochang高昌) (ปัจจุบันคือเมืองถูหลู่ฟาน(Turfan 吐鲁番) เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์(Xinjiang Uygur Autonomous Region 新疆维吾尔自治区)) เจ้าเหนือหัวองค์น้อยทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันตกในขณะนั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมแอ่งถูหลู่ฟาน(Turfan Depression吐鲁番盆地)🥸 🥸หลังจากได้ยินข่าวว่า พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)มาถึงแล้ว กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) เสนาบดี และสาวใช้ออกมาจากพระราชวังในเวลากลางคืน ทรงจุดเทียน และเข้าแถวเพื่อต้อนรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เข้าสู่พระราชวังด้วยความเคารพ🥸 หลังจากเห็น พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) แล้ว ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ดีใจมากและบอกกับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ว่า: นับตั้งแต่ฉันรู้ชื่ออาจารย์ ฉันมีความสุขมากจนลืมกินลืมนอน ฉันรู้ว่าพระภิกษุผู้แสวงธรรมจากตะวันออกจะมาคืนนี้ ฉันก็เลยพร้อมกับพระราชินีและเจ้าชายทรงพากันสวดมนต์ตลอดทั้งคืนรอการมาถึงของพระอาจารย์ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ถูกจัดให้อยู่ที่สนามหลวงทางพิธีกรรมของศาสนาถัดจากพระราชวังกษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) และจัดขันทีให้ดูแลอาหารและชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) รัฐเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)เป็นนครรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันตก และถูกปกครองโดยผู้รอดชีวิตจากราชวงศ์ฮั่น(汉)และเว่ย(魏) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางการเมืองที่รวมหู(胡)และฮั่น(汉)เข้าด้วยกัน ในบรรดาพลเมืองนั้น ไม่เพียงแต่สืบเชื้อสายมาจากผู้อพยพชาวฮั่น(汉)เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากภูมิภาคตะวันตกด้วย เช่น ชาวซ็อกเดียน(Sogdians粟特) ชาวซานซาน(Shanshan鄯善人)และชาวเติร์ก(Turks突厥人) 🥸ก่อนที่ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)จะมาถึง ประเทศนี้ก็ก่อตั้งขึ้นที่นั่นมานานกว่า 100 ปีแล้ว เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าข้อมูลจำเพาะของเมืองที่นี่มีความคล้ายคลึงกับเมืองฉางอัน(长安)ในราชวงศ์ซุย(隋)และราชวงศ์ถัง(唐)มาก นอกจากนี้ยังมีรูปของ ดยุคไอแห่งหลู่(鲁哀公)สอดถามขงจื๊อ(孔子)เกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่แขวนอยู่ในพระราชวังของอาณาจักร เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)🥸 😎การต้อนรับด้วยมารยาทอันสูงส่ง😎 🥸ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และบิดาของเขาเดินทางไปยังราชวงศ์สุย(隋)ในยุครุ่งเรืองเพื่อเข้าเฝ้าจักรพรรดิสุยหยางตี้(隋炀帝)🥸 เขาไม่เพียงแต่เดินทางไปยังฉางอาน(长安) ล่อหยาง(洛阳) เฝินหยาง(汾阳) เอี้ยนตี้(燕地) ไต้ตี้(代地) และเมืองสำคัญอื่นๆ และได้เห็นวัฒนธรรมฮั่น(汉)ของที่ราบตอนกลางดั้งเดิม แต่เขายังไปเยี่ยมคารวะพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงและผู้มีคุณธรรมอีกมากมาย และเขาก็ชื่นชมที่ราบภาคกลางที่เป็นบ้านเกิดทางวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างมาก แต่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)รู้สึกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงในอดีตของราชวงศ์ซุย ความฉลาดสามารถของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)นั้นเหนือกว่ามาก เมื่อใดก็ตามที่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)บรรยายธรรมแก่ขุนนางของเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ในเต็นท์ใหญ่ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ถือกระถางธูปเพื่อเคลียร์นำทางให้พระภิกษุผู้มีชื่อเสียงด้วยตนเอง เมื่อพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไปที่แท่นธรรมาสน์เพื่อขึ้นเทศนาธรรม กษัตริย์แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)ถึงกับคุกเข่าโน้มตัวลง และทำหน้าที่เป็นบันไดให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ก้าวขึ้นแท่นธรรมาสน์ การปฏิบัตินี้ไม่สอดคล้องกับประเพณีตะวันออก แต่ก็มีบันทึกไว้ในหนังสือดั้งเดิมของอินเดียบางเรื่อง สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากสิ่งแวดล้อมข้วงเคียงว่า เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)คือจุดทางสี่แยกของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการบูชาสักการะอย่างสูงสุดต่อ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ยังคัดเลือกพระภิกษุในท้องถิ่นหลายแห่งใน เกาชาง(Gaochang高昌)ให้เป็นนักเรียนและคนรับใช้ นิสัยปกิบัติในการรับลูกศิษย์ไปตลอดทางนี้ กลายเป็นต้นแบบทางประวัติศาสตร์สำหรับทีมอาจารย์และลูกศิษย์ของภิกษุราชวงศ์ถัง(唐)ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน "บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก(Journey to the West西游记)" แม้ว่ากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)แห่งเกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国)จะชื่นชมพรสวรรค์และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เขาถึงกับมีความคิดหน่วงรั้งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้ที่เกาชาง(Gaochang高昌)ด้วยซ้ำ และขอให้ประทับอยู่ที่นี่ตลอดไป แสดงธรรมสั่งสอนให้ความรู้ความกระจ่างแก่คนทั่วไป จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ระดับชาติของ เกาชางเกว๋าะ(Gaochang高昌国) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เห็นด้วยเพราะมีตวามเห็นว่าเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใหญ่กว่า กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)เห็นว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) มีความมุ่งมั่นดังนั้นเขาจึงจำต้องโยนไพ่ตายทางเลือกสุดท้ายของเขาออกไป: 🥸ถ้าพระคุณท่านไม่ปรารถนาอยู่ในเกาชาง(Gaochang高昌) ข้าพระเจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งท่านอาจารย์กลับไปทางทิศตะวันออก🥸 เมื่อต้องเผชิญกับกลยุทธ์ไม้แข็งและไม้อ่อนร่วมกันของ ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองว่า: 🥸พระองค์สามารถจะเพียงได้รับกระดูกของอาตมาเอาไว้ได้ แต่พระองค์ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของอาตมาที่จะไปทางตะวันตกได้🥸 😎หนทางเบื้องหน้าอันยาวไกล😎 🥸ด้วยเหตุนี้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันเพื่อแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตก🥸 ในฐานะเป็นอาณาจักรในภูมิภาคตะวันตกที่นับถือศาสนาพุทธ หากมีพระภิกษุที่แสวงหาธรรมะมาอดอยากจนตายภายในดินแดนของตน ชื่อเสียงสู่ภายนอกของเกาชาง(Gaochang高昌)ในภูมิภาคตะวันตกจะเสียหายอย่างมาก และเขาจะพลอยได้รับชื่อเสียงเสื่อมเสียงจากการทำร้ายพระภิกษุที่มีชื่อเสียงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นความจริงแล้ว การขัดขวางการเดินทางไปดินแดนทางทิศตะวันตกของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ด้วยเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเองก็เป็นการขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมของเขา 🥸เมื่อเขาคิดมาถึง ณ จุดนี้ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ก็ก้มหัวให้ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) เพื่อขอโทษ🥸 ความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาที่มีต่อเกาชาง(Gaochang高昌) ก็ถูกขจัดออกไปในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นมีเมตตาที่จะช่วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในเวลาเดียวกันกับขณะที่รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะแสวงหาธรรมะโดยปราศจากสิ่งภายนอกมาบั่นทอนความตั้งใจ กษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)และพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ได้สาบานต่อฟ้าดินสัญญาเป็นพี่น้องกัน ภายใต้การอุปถัมภ์จากแม่ของแผ่นดินเจ้าจอมมารดา จาง(张太妃) เพื่อให้พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เดินทางไปถึงอินเดียได้อย่างราบรื่น กษัตริย์เกาชาง(Gaochang高昌) ทรงสั่งการให้จัดทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยม้า 30 ตัว พนักงานข้าราชการเกาชาง(Gaochang高昌)1 คน ผู้ติดตามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ 25 คน และพระภิกษุหนุ่ม 4 รูป เพื่อดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และชีวิตประจำวันของพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมหน้ากากและหมวกพิเศษสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สำหรับการเดินทางผ่านภูเขาและทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะ รวมถึงเสื้อคลุมสำหรับพระสงฆ์ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับเขตภูมิอากาศต่างๆ จัดทหารม้าขนนำทองคำ เงิน และผ้าไหมจำนวนมากไว้สำหรับการครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องทนทุกข์จากความหิวโหยระหว่างทางไปอินเดียเท่านั้น แต่ยังมีเงินเพียงพอที่จะทำทานอีกด้วย ในสิ่งแต่งเคิมเหล่านี้เป็นรายละเอียดด้านที่อ่อนโยนของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่มีต่ออัครสาวก 🥸นอกจากทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากเจ้าผู้ครองแคว้นตะวันตกในขณะนั้น คือ ข่านเตอร์กตะวันตก(西突厥)ได้สมรสกับราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ยังมีจดหมายแสดงความเคารพที่กษัตริย์แห่งเกาชาง(Gaochang高昌)มอบให้กับข่านแห่งเติร์กตะวันตก(西突厥) อธิบายถึงความตั้งใจของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ที่จะไปทางดินแดนแคว้นตะวันตกเพื่อแสวงหาธรรมะ🥸 ภายใต้การคุ้มครองของเตอร์กข่านตะวันตก (西突厥) ทุกประเทศในภูมิภาคตะวันตกตลอดเส้นทางให้ความเคารพแก่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) และให้การสนับสนุนทางทหารที่เข้มแข็งและมีควาทปลอดภัยที่สุดสำหรับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)และคณะเดินทางของเขา และจดหมายแสดงความเคารพของกษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ถึงพระมหากษัตริย์ของยี่สิบสี่ประเทศในภูมิภาคตะวันตกจะช่วยให้การเดินทางของ พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างมาก 🥸ในช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ของการอำลาอาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌) บรรดาราชวงศ์และชาวเกาชาง(Gaochang高昌)ก็ออกจากเมืองเพื่อส่งอำลา🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)สัญญาว่า เมื่อเดินทางผ่านเกาชาง(Gaochang高昌)หลังจากกลับจากการศึกษาในอินเดียจะแสดงเทศนาธรรมอีก จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากษัตริย์ชวีเหวินไท่(Qu Wentai麹文泰)ด้วยน้ำตา พวกบรรดาราชวงศ์ เกาชาง(Gaochang高昌)เจ้าหน้าที่และประชาชนชาวพุทธต่างพากันออกจากเมืองส่งเสียงอำลาดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งถิ่น ราวกับว่ามือแห่งโชคชะตาได้ฉีกหัวใจและจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชาวเกาชาง(Gaochang高昌) ทำให้พวกเขาสูญเสียสมบัติของชาติไปตลอดกาล บรรดาพวกราชวงศ์เกาชาง(Gaochang高昌) ส่งพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ออกไปนอกเมืองหลายสิบลี้ แม้ว่าพระภิกษุสมณเพศจะมองเห็นบรรลุแล้วการจากแยกอำลาในทางโลกแล้วก็ตาม แต่พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและยังคงเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวมาก เขาขอบคุณต่ออาณาจักรเกาชาง(Gaochang高昌)อย่างสุดซึ้งอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างมีน้ำใจ ราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังจับพระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)ไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ร่ำไห้ราวกับสายฝนกล่าวว่า 🥸ในเมื่อพระคุณท่านถือเป็นพี่น้องกัน สัตว์พาหนะต่าง ๆ ในประเทศก็มีเจ้าของคนเดียวกัน แล้วเหตุใดจึงต้องขอบคุณพวกเขาด้วย?🥸 พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘) ตอบว่า: 🥸ฉันจะไม่มีวันลืมความเมตตาของเสด็จพี่ตลอดชีวิตของอาตมา ในวันที่อาตมากลับจากนำพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนากลับมา อาตมาจะอยู่สอนธรรมะในเกาชาง(Gaochang高昌)เป็นเวลาสามปีเป็นการตอบแทน!🥸 หลายปีต่อมาในฉางอาน(长安) พระถังซัมจั๋ง(Xuanzang 玄奘)เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากให้เหล่าสาวกฟัง มิตรภาพฉันท์พี่น้องที่มีต่อราชาแห่งเกาชาง(Gaochang高昌)ยังคงเกินคำบรรยาย ดูเหมือนราวกับว่าพิธีอำลาที่หรูหราและยิ่งใหญ่นั้นได่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ตอนนั้นเขาไม่รู้ 🥸นี่ยังจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา🥸 🥳โปรดติดตามบทความ#โลกของภูมิภาคตะวันตกในสายตาของพระภิกษุถังซัมจั๋ง ตอน 02. #อาณาจักรคาราซาห์และคูชาที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งฉีดมาก กลับอ่อนแอ

    IgG4 เป็นชนิดหนึ่ง
    ของอิมมูโนกลอบูลิน ที่มีจำนวนน้อย และถ้ามีจำนวนมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จะทำให้ระบบต่อสู้เชื้อโรคของมนุษย์ ที่เป็นระบบนักฆ่าอ่อนแอ

    ในเวลาที่ผ่านมาพบว่าปริมาณ IgG4 ทั้งหมด รวมทั้ง ที่เจาะจงที่ส่วนของโปรตีนหนามของวัคซีนโควิด S1 เพิ่มขึ้นจากสามถึง 4% ตามปกติ เป็น 10 เป็น 25 และมากกว่า 50 ถึง 60% หลังจากที่ฉีดไปหนึ่ง สอง และสามเข็มของ mRNA
    ทั้งนี้ เป็นที่มาจากการศึกษาหลายชิ้นรวมทั้งรายงานนี้ในวารสาร BMC Immunity&Ageing 14 กันยายน 2024
    ทั้งนี้โดยตั้งคำถามสำคัญว่า คนที่สูงวัย อายุ มากกว่า 65 ปี จนถึง 84 ปี ที่ถูกจัดเป็นประเภทกลุ่มเปราะบาง และต้องได้วัคซีนโควิดครบ และต้องมีการฉีดกระตุ้น อยู่ตลอด
    แท้จริงแล้ว จะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะมีผลในทางลบนั่นก็คือทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคแย่ลงหรือไม่ ทั้งนี้โดยการวัดระดับของ IgG ทุกชนิด 1-4 และ IgG จำเพาะ ต่อ โควิด และจากการที่ IgG4 มีอิทธิพลต่อ ระบบนักฆ่า ทั้ง NK และ เซลล์อื่นๆที่สามารถกลืนกัดกิน ย่อย เชื้อโรค รวมระบบ complement

    ผลปรากฏว่า ในกลุ่มสูงอายุขึ้นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เมื่อฉีดไปตั้งแต่เข็มที่หนึ่งจนกระทั่งหลังเข็มที่สาม ระบบป้องกันภัย innate ที่เป็นตัวสำคัญแนวหน้าป้องกันการรุกรานโดยสามารถทำงานได้ทันทีในระยะเวลา เป็นชั่วโมงและไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเชื้อไหน
    ทั้งหมดของระบบดังกล่าวอ่อนแอมากกว่าก่อนฉีด และแปรตาม IgG4 ที่เพิ่มขึ้น โดย กระทบ Fc-mediated antibody effector functionality.

    ข้อมูลของการศึกษานี้มีผลเช่นเดียวกับการศึกษาก่อนหน้านั้น ในคนอายุน้อย และผู้รายงานเหล่านี้สรุปในทิศทางเดียวกันว่าวัคซีนจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและไม่ด้อยค่าระบบป้องกันภัยของร่างกายโดยจะกลายเป็นภาวะเกี่ยวพันลูกโซ่ที่ทำให้ติดโรคง่ายหรือทำให้เชื้อดั้งเดิมเช่นเริม งูสวัด(คือไข้อีสุกอีใสเดิมที่หายแล้วแต่ซ่อนตัวอยู่) กลับปะทุขึ้น

    อนี่ง เราได้เคยรายงานก่อนหน้านี้ ในคนที่ติดโควิดและยังไม่ได้ฉีดวัคซีนใด ในผู้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด และมีการกระตุ้นระบบนักฆ่า complement ตั้งแต่ต้น (s C5b-9) พบว่าไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ทั้งนี้ระบบนักฆ่า ที่ทำให้มีการอักเสบถูกที่ ถูกเวลาตั้งแต่ต้นเป็นผลดี

    นอกจากนั้นยังมีกลไกอีกมากมายที่พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนโควิดแม้ว่าจะปรับแต่งให้เป็นต่อสายพันธุ์ล่าสุดก็ตาม แต่ระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์กลับตอบสนองต่อต้นสายกำเนิดอู่ฮั่นทำให้ภูมิแทบจะไม่มี (hybrid immune damping) และยังทำให้ไม่เกิดมี long lived plasma cell ที่ทำให้ยังมีภูมิอยู่นาน เลยบริษัทต้องให้มนุษย์ต้องฉีดทุกสามเดือน

    และเมื่อฉีดมากเข็มตัวโครงสร้างของวัคซีนเอง การแปลรหัสการสร้างโปรตีน การคงอยู่ในมนุษย์ได้นานกว่าตัวไวรัส จากอนุภาคนาโนไขมันเอง และมีการบงการให้สร้างสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆเลยทำให้เกิดภาวะแปรปรวนทางระบบภูมิคุ้มกัน มากไป น้อยไป การอักเสบในตัวเซลล์และเนื้อเยื่ออวัยวะเฉพาะที่ เช่นในหัวใจ ตายกระทันหันเฉียบพลันในคนอายุน้อย โรคสมองเสื่อม สมองอักเสบ ภาวะแปรปรวนทางจิตอารมณ์
    และรายงานการตรวจชันสูตรศพจากการ ฉีดวัคซีน ระบุขั้นตอนกลไกเหล่านี้อย่างละเอียดแล้ว
    (รายงานในวารการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ ได้ระบุสิ่งเหล่านี้แล้ว)

    https://immunityageing.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12979-024-00466-9?utm_source=substack&utm_medium=email

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ยิ่งฉีดมาก กลับอ่อนแอ IgG4 เป็นชนิดหนึ่ง ของอิมมูโนกลอบูลิน ที่มีจำนวนน้อย และถ้ามีจำนวนมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จะทำให้ระบบต่อสู้เชื้อโรคของมนุษย์ ที่เป็นระบบนักฆ่าอ่อนแอ ในเวลาที่ผ่านมาพบว่าปริมาณ IgG4 ทั้งหมด รวมทั้ง ที่เจาะจงที่ส่วนของโปรตีนหนามของวัคซีนโควิด S1 เพิ่มขึ้นจากสามถึง 4% ตามปกติ เป็น 10 เป็น 25 และมากกว่า 50 ถึง 60% หลังจากที่ฉีดไปหนึ่ง สอง และสามเข็มของ mRNA ทั้งนี้ เป็นที่มาจากการศึกษาหลายชิ้นรวมทั้งรายงานนี้ในวารสาร BMC Immunity&Ageing 14 กันยายน 2024 ทั้งนี้โดยตั้งคำถามสำคัญว่า คนที่สูงวัย อายุ มากกว่า 65 ปี จนถึง 84 ปี ที่ถูกจัดเป็นประเภทกลุ่มเปราะบาง และต้องได้วัคซีนโควิดครบ และต้องมีการฉีดกระตุ้น อยู่ตลอด แท้จริงแล้ว จะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะมีผลในทางลบนั่นก็คือทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคแย่ลงหรือไม่ ทั้งนี้โดยการวัดระดับของ IgG ทุกชนิด 1-4 และ IgG จำเพาะ ต่อ โควิด และจากการที่ IgG4 มีอิทธิพลต่อ ระบบนักฆ่า ทั้ง NK และ เซลล์อื่นๆที่สามารถกลืนกัดกิน ย่อย เชื้อโรค รวมระบบ complement ผลปรากฏว่า ในกลุ่มสูงอายุขึ้นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เมื่อฉีดไปตั้งแต่เข็มที่หนึ่งจนกระทั่งหลังเข็มที่สาม ระบบป้องกันภัย innate ที่เป็นตัวสำคัญแนวหน้าป้องกันการรุกรานโดยสามารถทำงานได้ทันทีในระยะเวลา เป็นชั่วโมงและไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเชื้อไหน ทั้งหมดของระบบดังกล่าวอ่อนแอมากกว่าก่อนฉีด และแปรตาม IgG4 ที่เพิ่มขึ้น โดย กระทบ Fc-mediated antibody effector functionality. ข้อมูลของการศึกษานี้มีผลเช่นเดียวกับการศึกษาก่อนหน้านั้น ในคนอายุน้อย และผู้รายงานเหล่านี้สรุปในทิศทางเดียวกันว่าวัคซีนจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและไม่ด้อยค่าระบบป้องกันภัยของร่างกายโดยจะกลายเป็นภาวะเกี่ยวพันลูกโซ่ที่ทำให้ติดโรคง่ายหรือทำให้เชื้อดั้งเดิมเช่นเริม งูสวัด(คือไข้อีสุกอีใสเดิมที่หายแล้วแต่ซ่อนตัวอยู่) กลับปะทุขึ้น อนี่ง เราได้เคยรายงานก่อนหน้านี้ ในคนที่ติดโควิดและยังไม่ได้ฉีดวัคซีนใด ในผู้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด และมีการกระตุ้นระบบนักฆ่า complement ตั้งแต่ต้น (s C5b-9) พบว่าไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ทั้งนี้ระบบนักฆ่า ที่ทำให้มีการอักเสบถูกที่ ถูกเวลาตั้งแต่ต้นเป็นผลดี นอกจากนั้นยังมีกลไกอีกมากมายที่พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนโควิดแม้ว่าจะปรับแต่งให้เป็นต่อสายพันธุ์ล่าสุดก็ตาม แต่ระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์กลับตอบสนองต่อต้นสายกำเนิดอู่ฮั่นทำให้ภูมิแทบจะไม่มี (hybrid immune damping) และยังทำให้ไม่เกิดมี long lived plasma cell ที่ทำให้ยังมีภูมิอยู่นาน เลยบริษัทต้องให้มนุษย์ต้องฉีดทุกสามเดือน และเมื่อฉีดมากเข็มตัวโครงสร้างของวัคซีนเอง การแปลรหัสการสร้างโปรตีน การคงอยู่ในมนุษย์ได้นานกว่าตัวไวรัส จากอนุภาคนาโนไขมันเอง และมีการบงการให้สร้างสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆเลยทำให้เกิดภาวะแปรปรวนทางระบบภูมิคุ้มกัน มากไป น้อยไป การอักเสบในตัวเซลล์และเนื้อเยื่ออวัยวะเฉพาะที่ เช่นในหัวใจ ตายกระทันหันเฉียบพลันในคนอายุน้อย โรคสมองเสื่อม สมองอักเสบ ภาวะแปรปรวนทางจิตอารมณ์ และรายงานการตรวจชันสูตรศพจากการ ฉีดวัคซีน ระบุขั้นตอนกลไกเหล่านี้อย่างละเอียดแล้ว (รายงานในวารการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ ได้ระบุสิ่งเหล่านี้แล้ว) https://immunityageing.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12979-024-00466-9?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    11
    1 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 1 รีวิว
  • #ปัญหาที่โจจะเป็นต้นเหตุให้ทุกอย่างพัง
    #เพราะโจมณฑนีปากสว่าง
    หยุดพูดหยุดพิมพ์ไม่ได้ ทำให้ข้อมูลหลายๆอย่าง
    ก็หลุดจากปากโจ หรือไม่ก็คนที่เป็นเครือข่ายที่เปิดหน้า
    และโจไม่เคยหยุด แสดงออกถึงการแซะ การแขวะ
    ย้ำคำที่โจบอกว่า เป็นข้อเขียนอมตะ
    ว่าทุกอย่าง ซึ่งหมายถึง เอเจนซี่ ขบวนการฟอก กลุ่มเงินดาร์ค
    จะพังเพราะอินังโจนี่แหละ
    มันโต้ทุกคอมเม้นที่พิมพ์ไปทางบวกถึงแน๊กชาลี
    อิโจม.ต้น อิ สก็อยไร้การศึกษา อิ ศ.ดร.มโน อิฟาย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #ปัญหาที่โจจะเป็นต้นเหตุให้ทุกอย่างพัง #เพราะโจมณฑนีปากสว่าง หยุดพูดหยุดพิมพ์ไม่ได้ ทำให้ข้อมูลหลายๆอย่าง ก็หลุดจากปากโจ หรือไม่ก็คนที่เป็นเครือข่ายที่เปิดหน้า และโจไม่เคยหยุด แสดงออกถึงการแซะ การแขวะ ย้ำคำที่โจบอกว่า เป็นข้อเขียนอมตะ ว่าทุกอย่าง ซึ่งหมายถึง เอเจนซี่ ขบวนการฟอก กลุ่มเงินดาร์ค จะพังเพราะอินังโจนี่แหละ มันโต้ทุกคอมเม้นที่พิมพ์ไปทางบวกถึงแน๊กชาลี อิโจม.ต้น อิ สก็อยไร้การศึกษา อิ ศ.ดร.มโน อิฟาย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่รักยิ่ง
    #เช้านี้ตื่นมาก็มีแฟนเพจส่งข้อความเข้ามาและแคปตามภาพ
    #คุณWeerayut นะ
    โดยมีเนื้อความว่า
    “คิงส์ หยุดพอได้แล้ว ผมกับคุณก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก่อน ผมกับคุณไม่รู้จักกัน ผมแค่มาแชร์กระจายข่าวถึงร้อนตัวเอาผมไปโพสเลย ถ้าคิดว่าข้อมูลคิงส์เป็นเรื่องเท็จ ไม่เท็จ ในสิ่งที่คิงส์ทำผมเอาความผิดแจ้งความได้เลยที่เอาข้อมูลชื่อมาโพสไม่ได้รับอนุญาติ อย่าเอาผมไปเล่นกับเกมพวกคุณเลย ผมก็อยู่ของผมมันผิดใช่ไหมที่การที่คนเราเป็นคนดีการปกป้องคนที่ถุกกระทำหลายอย่าง ในสิ่งที่เพจคิงส์โพธิ์แดง
    #ถ้ายังไม่ลบโพสทางผมจะขอดำเนินการแจ้งความทางตำหนวดเหมือนกัน
    -------------------------------------------------------------------------
    ต้องอธิบายแบบนี้นะ คุณ Weerayut
    1. ที่ผมโพสพร้อมภาพที่คุณพิมพ์แคปชั่น สาเหตุเพราะคุณพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง คุณไม่ได้แค่แชร์ แล้วพอเราพาดพิงถึงคุณบ้างทำไมถึงต้องร้อนตัว
    2. สิ่งที่คิงส์โพธิ์แดงพิมพ์ถึงคุณ คือการกล่าวชมเชย ว่าคุณยืนยันว่าเพจของเรา ตอบโต้ ด้วยข้อเท็จจริง ไม่เกิดความเสียหายกับคุณเลยนะ เพราะถ้าคุณใช้คำว่าแขบวน หมายถึง การนำข้อความคุณขึ้นและมีการตำหนิ ไปอ่านทั้งสองโพสที่มีคุณในนั้น ว่าเราได้ไปต่อว่าตำหนิคุณหรือไม่
    3. คุณดันไปแชร์ข้อความ ของคนที่เฉบติดความดราม่า และอยู่เบื้องหลักเพจกาก ที่มีแอดมินเป็นลุงตันหากลับ มายั่วยุเพจคิงส์ตลอด จนทำให้เกิดความหยะแหย๋งมาก
    4. อันนี้ ขอเปิดตาคุณWeerayut นะ โพสต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จริงๆ มาจากคำท้าทายของโจมณฑนีเอง ทั้งๆที่เมื่อวาน เพจเรานิ่ง เพราะตั้งใจจะพักซักวัน แต่โจใช้คำว่า “เพจคิงคองแดง ไม่ใจ ไม่ใจเลย” จึงเป็นที่มาของการขุดอีกชุดใหญ่
    ก่อนที่คุณจะเห็นใจโจมณฑนี คุณต้องรู้ด้วยว่า เช้าโจมณฑนีท้าทาย แต่ตอนบ่าย โจมณฑนีก็ไปแสดงดราม่าในเพจตัวเอง
    ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. พี่คิงส์ของย้ำตรงนี้ไว้เลย
    ผมอ่านภาษาที่คุณพิมพ์ ผมก็รู้เลยว่าคุณมีการศึกษา แต่ก็รู้สึกสงสัยว่า คุณไปหลงคารมคนอย่างโจมณฑนีได้อย่างไร
    คุณ นั่นแค่อดีตสก็อยใจแตก เรียนวุฒิแค่ม.ต้น ไม่ได้ ผู้เชียวชาญศาสตราจารย์ ดร.อะไรเลย แค่เป็นคำจำเก่งทะเยอทะยาน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยในชีวิต แม้กระทั่ง เอาพื้นฐาน อายุปูนนี้แล้ว ผมหงอกเต็มหัว สามี ลูก ยังไม่มี ทำธุรกิจก็พัง แต่หาเหตุผลเริศหรูมาอธิบาย เหมือนเรื่องไม่จบม.ปลายนั่นแหละ ขอพ่อลาออกหรือโรงเรียนไล่ออกไม่รู้ อ้างว่าตัวเองจำตัวเลขไม่ได้ จำไม่ได้เรียนมาได้ยังไงยันม.6 เทอมต้น ยังไม่พอ ไม่สงสารแม่และพ่อเลี้ยงเลย พ่อเลี้ยงก็อุตส่าห พาไปเรียนปวช เรียนยังไม่ทันจบปี 1 ปวช ก็ออกอีก โจใช้คำว่า ข้อมูลคิงส์ไม่มีหลักฐาน คุณ Weerayut ดูให้ดี โพสคิงส์โพธิ์แดง จะมีหลักฐานบนภาพในโพสแทบทุกโพส หรือแปะไว้ใต้โพส อะไร ที่ไม่จริง มีแต่วาทะกรรมของโจ
    ขนาดโพสถึงคุณอันนี้ยังแปะหลักฐานให้ดูครบหมดให้เห็นที่มาที่ไป
    ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. ทำไมรู้มั๊ยคณ Werayut
    พอพี่คิงส์พักการโพสเมื่อไหร่ โจมณฑนีก็รวมหัวกับเฒ่าชื่อนุ เพจกากนั้น โพสยั่วยุคิงส์ให้ขุดต่ออีก ทำแบบนี้ทุกวันตลอดเวลา จึงได้ข้อมูลที่ลึก เปิดขบก ฟอก และทุนดาร์ค จึงรู้ว่า ในยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง ต่างมีการกวาดเรื่องนี้ คือ การฟอกผ่านตต ผ่านพีเค ผ่านบิ๊กแม๊ต คุณ Weerayut จะไปค้นข้อมูลเอง หรือเลื่อนดูข้อมูลจากเพจเราได้
    และนี่แหละ โจมณฑนี ทำให้พี่คิงส์ต้องขุดมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นอย่าโทษพี่คิงส์ อยากโทษให้โทษที่คุณเองดันไปแชร์คนอย่างโจมณฑนี รวมถึงใส่ความคิดเห็นลงไปพาดพิง
    และส่วนสำคัญ คุณ Weerayut ใช้วิธีการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่ผ่านมา มีหลายคน แม้กระทั่งระดับหัวๆ ที่เคยออกตัวปกป้องนังกากี ขอให้ลบโพสบางโพส เค้าใช้คำอธิบาย และการขอร้อง พี่คิงส์ให้โอกาสปรับตัว แก้ไขข้อผิดพลาด และลบไปหลายโพส
    แต่สิ่งที่คุณทำคือ การท้า และข๋มขุ่ ว่าจะฟ๊อง
    สิ่งที่คุณ Weerayut ไม่รู้ก็คือว่า คิงส์โพธิ์แดง ไม่ชอบการถูกท้าทาย และจะขึ้นมาก กับการถูกข๋มขุ่
    มันจะยิ่งทำให้เกิดพลังในการขุด เหมือนที่โจ ทำให้ทุกอย่างพังถึงทุกวันนี้ ทั้งเอเจนซี่ กามิจ กลุ่มฟอก ทุกอย่าง พังเพราะโจท้าทาย และข๋มขุ่ อย่างที่คุณกำลังทำพลาดนี่แหละ
    ชัดเจนนะ Weerayut
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงที่รักยิ่ง #เช้านี้ตื่นมาก็มีแฟนเพจส่งข้อความเข้ามาและแคปตามภาพ #คุณWeerayut นะ โดยมีเนื้อความว่า “คิงส์ หยุดพอได้แล้ว ผมกับคุณก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก่อน ผมกับคุณไม่รู้จักกัน ผมแค่มาแชร์กระจายข่าวถึงร้อนตัวเอาผมไปโพสเลย ถ้าคิดว่าข้อมูลคิงส์เป็นเรื่องเท็จ ไม่เท็จ ในสิ่งที่คิงส์ทำผมเอาความผิดแจ้งความได้เลยที่เอาข้อมูลชื่อมาโพสไม่ได้รับอนุญาติ อย่าเอาผมไปเล่นกับเกมพวกคุณเลย ผมก็อยู่ของผมมันผิดใช่ไหมที่การที่คนเราเป็นคนดีการปกป้องคนที่ถุกกระทำหลายอย่าง ในสิ่งที่เพจคิงส์โพธิ์แดง #ถ้ายังไม่ลบโพสทางผมจะขอดำเนินการแจ้งความทางตำหนวดเหมือนกัน ------------------------------------------------------------------------- ต้องอธิบายแบบนี้นะ คุณ Weerayut 1. ที่ผมโพสพร้อมภาพที่คุณพิมพ์แคปชั่น สาเหตุเพราะคุณพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง คุณไม่ได้แค่แชร์ แล้วพอเราพาดพิงถึงคุณบ้างทำไมถึงต้องร้อนตัว 2. สิ่งที่คิงส์โพธิ์แดงพิมพ์ถึงคุณ คือการกล่าวชมเชย ว่าคุณยืนยันว่าเพจของเรา ตอบโต้ ด้วยข้อเท็จจริง ไม่เกิดความเสียหายกับคุณเลยนะ เพราะถ้าคุณใช้คำว่าแขบวน หมายถึง การนำข้อความคุณขึ้นและมีการตำหนิ ไปอ่านทั้งสองโพสที่มีคุณในนั้น ว่าเราได้ไปต่อว่าตำหนิคุณหรือไม่ 3. คุณดันไปแชร์ข้อความ ของคนที่เฉบติดความดราม่า และอยู่เบื้องหลักเพจกาก ที่มีแอดมินเป็นลุงตันหากลับ มายั่วยุเพจคิงส์ตลอด จนทำให้เกิดความหยะแหย๋งมาก 4. อันนี้ ขอเปิดตาคุณWeerayut นะ โพสต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จริงๆ มาจากคำท้าทายของโจมณฑนีเอง ทั้งๆที่เมื่อวาน เพจเรานิ่ง เพราะตั้งใจจะพักซักวัน แต่โจใช้คำว่า “เพจคิงคองแดง ไม่ใจ ไม่ใจเลย” จึงเป็นที่มาของการขุดอีกชุดใหญ่ ก่อนที่คุณจะเห็นใจโจมณฑนี คุณต้องรู้ด้วยว่า เช้าโจมณฑนีท้าทาย แต่ตอนบ่าย โจมณฑนีก็ไปแสดงดราม่าในเพจตัวเอง ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. พี่คิงส์ของย้ำตรงนี้ไว้เลย ผมอ่านภาษาที่คุณพิมพ์ ผมก็รู้เลยว่าคุณมีการศึกษา แต่ก็รู้สึกสงสัยว่า คุณไปหลงคารมคนอย่างโจมณฑนีได้อย่างไร คุณ นั่นแค่อดีตสก็อยใจแตก เรียนวุฒิแค่ม.ต้น ไม่ได้ ผู้เชียวชาญศาสตราจารย์ ดร.อะไรเลย แค่เป็นคำจำเก่งทะเยอทะยาน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยในชีวิต แม้กระทั่ง เอาพื้นฐาน อายุปูนนี้แล้ว ผมหงอกเต็มหัว สามี ลูก ยังไม่มี ทำธุรกิจก็พัง แต่หาเหตุผลเริศหรูมาอธิบาย เหมือนเรื่องไม่จบม.ปลายนั่นแหละ ขอพ่อลาออกหรือโรงเรียนไล่ออกไม่รู้ อ้างว่าตัวเองจำตัวเลขไม่ได้ จำไม่ได้เรียนมาได้ยังไงยันม.6 เทอมต้น ยังไม่พอ ไม่สงสารแม่และพ่อเลี้ยงเลย พ่อเลี้ยงก็อุตส่าห พาไปเรียนปวช เรียนยังไม่ทันจบปี 1 ปวช ก็ออกอีก โจใช้คำว่า ข้อมูลคิงส์ไม่มีหลักฐาน คุณ Weerayut ดูให้ดี โพสคิงส์โพธิ์แดง จะมีหลักฐานบนภาพในโพสแทบทุกโพส หรือแปะไว้ใต้โพส อะไร ที่ไม่จริง มีแต่วาทะกรรมของโจ ขนาดโพสถึงคุณอันนี้ยังแปะหลักฐานให้ดูครบหมดให้เห็นที่มาที่ไป ทุกอย่างจะ พัง เพราะโจ ทั้งขบก. ทำไมรู้มั๊ยคณ Werayut พอพี่คิงส์พักการโพสเมื่อไหร่ โจมณฑนีก็รวมหัวกับเฒ่าชื่อนุ เพจกากนั้น โพสยั่วยุคิงส์ให้ขุดต่ออีก ทำแบบนี้ทุกวันตลอดเวลา จึงได้ข้อมูลที่ลึก เปิดขบก ฟอก และทุนดาร์ค จึงรู้ว่า ในยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง ต่างมีการกวาดเรื่องนี้ คือ การฟอกผ่านตต ผ่านพีเค ผ่านบิ๊กแม๊ต คุณ Weerayut จะไปค้นข้อมูลเอง หรือเลื่อนดูข้อมูลจากเพจเราได้ และนี่แหละ โจมณฑนี ทำให้พี่คิงส์ต้องขุดมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นอย่าโทษพี่คิงส์ อยากโทษให้โทษที่คุณเองดันไปแชร์คนอย่างโจมณฑนี รวมถึงใส่ความคิดเห็นลงไปพาดพิง และส่วนสำคัญ คุณ Weerayut ใช้วิธีการสื่อสารที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่ผ่านมา มีหลายคน แม้กระทั่งระดับหัวๆ ที่เคยออกตัวปกป้องนังกากี ขอให้ลบโพสบางโพส เค้าใช้คำอธิบาย และการขอร้อง พี่คิงส์ให้โอกาสปรับตัว แก้ไขข้อผิดพลาด และลบไปหลายโพส แต่สิ่งที่คุณทำคือ การท้า และข๋มขุ่ ว่าจะฟ๊อง สิ่งที่คุณ Weerayut ไม่รู้ก็คือว่า คิงส์โพธิ์แดง ไม่ชอบการถูกท้าทาย และจะขึ้นมาก กับการถูกข๋มขุ่ มันจะยิ่งทำให้เกิดพลังในการขุด เหมือนที่โจ ทำให้ทุกอย่างพังถึงทุกวันนี้ ทั้งเอเจนซี่ กามิจ กลุ่มฟอก ทุกอย่าง พังเพราะโจท้าทาย และข๋มขุ่ อย่างที่คุณกำลังทำพลาดนี่แหละ ชัดเจนนะ Weerayut #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นี่แหละการศึกษาในระบบมันสำคัญ
    #เลยรู้กันทั่งประเทศว่าพี่อิเหวิงออกจากงานมาเล่นตตเต็มตัว
    ถึงจะต้มทุยได้ ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดุยศ.ดร.
    สุดท้ายก็เด็กใจแตตตก จบวุฒแค่ม.ต้น
    กลายเป็นว่า คนเค้ารู้กันทั้งประเทศ
    เพราะอิโจนีแหละ ว่านังพี่ชายข้าราชการที่อวยกัน
    ออกมาเล่นตต.เป็นอาชีพหลักไปแล้ว
    อิฟายยยย
    บอกว่าออกมาดูแลน้องสาว บอกว่าเป็นพี่ชายที่แสนดี
    อิโจเอ๊ย อิเหม็นอายุสามสิบกว่าแล้ว ไม่ใช่ฉามขวบ
    แล้วก็ไม่ได้พิกการด้วย แค่ขรี้หงี่ ไม่ถือว่าพิกการแต่เป็นสันนดานนาง
    ทำไมต้องถึงขนาดออกจากงานมา ถ้าไม่ใช่
    ตัวแสดงคนต่อไปขอเอเจนซี่ ไม่ต้องถึงม.ต้นนะโจ
    แค่อนุบาลเค้าก็มองออกแล้ว
    ชอบ ที่ทุนดาร์คและเอเจนซี่ ตาต่ำ
    เอาคนอย่างอิโจ มาปะทะกับคิงส์โพธิ์แดง
    เอาอิตกขาว อิขรี้เปียก เมียไอ่เฒ่าผู้คลั่งรัก
    อย่างอิโจ มาเป็นเมนคอนโทล ทุ๊ย
    แล้วดูอิโจคัดแต่ละตัวมา ไอ่เป็ดงี้ ไอ่เฒ่านุงี้
    เหมือนรวมแก๊งสถูน ไว้ที่โจคนเดียวจริงๆ
    โอเคนะโจ สมอยากนะ ยังต่อไปอีกยาวๆ
    เมิงท้ากรรรูเอง อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #นี่แหละการศึกษาในระบบมันสำคัญ #เลยรู้กันทั่งประเทศว่าพี่อิเหวิงออกจากงานมาเล่นตตเต็มตัว ถึงจะต้มทุยได้ ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดุยศ.ดร. สุดท้ายก็เด็กใจแตตตก จบวุฒแค่ม.ต้น กลายเป็นว่า คนเค้ารู้กันทั้งประเทศ เพราะอิโจนีแหละ ว่านังพี่ชายข้าราชการที่อวยกัน ออกมาเล่นตต.เป็นอาชีพหลักไปแล้ว อิฟายยยย บอกว่าออกมาดูแลน้องสาว บอกว่าเป็นพี่ชายที่แสนดี อิโจเอ๊ย อิเหม็นอายุสามสิบกว่าแล้ว ไม่ใช่ฉามขวบ แล้วก็ไม่ได้พิกการด้วย แค่ขรี้หงี่ ไม่ถือว่าพิกการแต่เป็นสันนดานนาง ทำไมต้องถึงขนาดออกจากงานมา ถ้าไม่ใช่ ตัวแสดงคนต่อไปขอเอเจนซี่ ไม่ต้องถึงม.ต้นนะโจ แค่อนุบาลเค้าก็มองออกแล้ว ชอบ ที่ทุนดาร์คและเอเจนซี่ ตาต่ำ เอาคนอย่างอิโจ มาปะทะกับคิงส์โพธิ์แดง เอาอิตกขาว อิขรี้เปียก เมียไอ่เฒ่าผู้คลั่งรัก อย่างอิโจ มาเป็นเมนคอนโทล ทุ๊ย แล้วดูอิโจคัดแต่ละตัวมา ไอ่เป็ดงี้ ไอ่เฒ่านุงี้ เหมือนรวมแก๊งสถูน ไว้ที่โจคนเดียวจริงๆ โอเคนะโจ สมอยากนะ ยังต่อไปอีกยาวๆ เมิงท้ากรรรูเอง อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตแม่ทัพ 4 หนีศาล 'พิศาล' โดนหมายจับ สภาเปิดทางจับได้เลย
    .
    ในขณะที่กองทัพต้องการให้ชายไทยเข้ามารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีอดีตนายทหารระดับแม่ทัพหนีคดีไม่ยอมมาขึ้นศาล โดยเอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนายทหารคนที่ว่านั้น คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยในคดีการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ โดยล่าสุด ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ซึ่งเป็นตามคำร้องทนายโจทก์ขอให้ศาลออกหมายจับ
    .
    แม้พล.อ.พิศาล จะเป็นส.ส. แต่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เลขาธิการศาลยุติธรรมเคยมีหนังสือมาถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขออนุญาตดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาล ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว และมีหนังสือตอบกลับไปยังเลขาธิการศาลยุติธรรม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอให้ศาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ คือ สามารถดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาลได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาขออนุมัติจากสภา ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะจับกุม พล.อ.พิศาลหรือไม่ เพราะสภาได้มีมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องมาขออนุญาตต่อสภาอีก
    .
    ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิศาล ไม่เคยมาประชุมสภาเลยนั้น เลขาธิการสภากล่าวว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาได้เซ็นหนังสืออนุมัติให้
    .
    “หลังจากนี้เป็นดุลพินิจของศาล ถ้าเจอตัว พล.อ.พิศาล ก็สามารถจับได้เลยเพียงแต่ว่าวันไหนที่มีการประชุมสภา ศาลก็ต้องปล่อยตัว พล.อ.พิศาลให้กลับมาประชุม พอประชุมเสร็จแล้วให้นำตัวกลับไปควบคุมใหม่” ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์กล่าว
    .
    การควบคุมตัวพล.อ.พิศาล มาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
    ................
    Sondhi X
    อดีตแม่ทัพ 4 หนีศาล 'พิศาล' โดนหมายจับ สภาเปิดทางจับได้เลย . ในขณะที่กองทัพต้องการให้ชายไทยเข้ามารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีอดีตนายทหารระดับแม่ทัพหนีคดีไม่ยอมมาขึ้นศาล โดยเอกสิทธิ์ความเป็นส.ส.หลบหลีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนายทหารคนที่ว่านั้น คือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 จำเลยในคดีการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ โดยล่าสุด ศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล แล้ว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ซึ่งเป็นตามคำร้องทนายโจทก์ขอให้ศาลออกหมายจับ . แม้พล.อ.พิศาล จะเป็นส.ส. แต่ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เลขาธิการศาลยุติธรรมเคยมีหนังสือมาถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขออนุญาตดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาล ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว และมีหนังสือตอบกลับไปยังเลขาธิการศาลยุติธรรม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าขอให้ศาลดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ คือ สามารถดำเนินคดีกับ พล.อ.พิศาลได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาขออนุมัติจากสภา ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะจับกุม พล.อ.พิศาลหรือไม่ เพราะสภาได้มีมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสี่ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องมาขออนุญาตต่อสภาอีก . ส่วนกรณีที่ พล.อ.พิศาล ไม่เคยมาประชุมสภาเลยนั้น เลขาธิการสภากล่าวว่า พล.อ.พิศาลได้ยื่นหนังสือลาประชุมต่อสภาโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย และเดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม ถึง 30 ตุลาคม ซึ่งนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาได้เซ็นหนังสืออนุมัติให้ . “หลังจากนี้เป็นดุลพินิจของศาล ถ้าเจอตัว พล.อ.พิศาล ก็สามารถจับได้เลยเพียงแต่ว่าวันไหนที่มีการประชุมสภา ศาลก็ต้องปล่อยตัว พล.อ.พิศาลให้กลับมาประชุม พอประชุมเสร็จแล้วให้นำตัวกลับไปควบคุมใหม่” ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์กล่าว . การควบคุมตัวพล.อ.พิศาล มาดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ................ Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 695 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 ตุลาคม 2567-Live รายการคนเคาะข่าว News1
    ประเด็นทัศนศึกษา​ปลอดภัยได้ ต้องใส่ใจ​และรับผิดชอบ​ โดย นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน และ กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ

    https://youtu.be/AEbrXs_09Qg?si=V1jFZ1JjMcb8bno4

    #Thaitimes
    3 ตุลาคม 2567-Live รายการคนเคาะข่าว News1 ประเด็นทัศนศึกษา​ปลอดภัยได้ ต้องใส่ใจ​และรับผิดชอบ​ โดย นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน และ กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ https://youtu.be/AEbrXs_09Qg?si=V1jFZ1JjMcb8bno4 #Thaitimes
    Like
    Haha
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1227 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ

    หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ

    ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร

    บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้

    ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน

    ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน

    กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา

    จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน

    ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ

    เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด

    1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่

    3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน

    4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น

    Cr: Boonchu Chung (羅文娟)
    จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว

    - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง
    การปฏิรูปการศึกษาที่จีน

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที

    ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก

    กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด

    ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย

    ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง

    ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์

    และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก

    นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น

    ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ

    และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง

    งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้

    เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก

    ลดการบ้านเด็ก

    ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ

    คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร

    ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ

    ปรับครูทุก 6 ปี

    ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ

    นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก

    ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่

    ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด

    และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที

    เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา
    #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด 1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่ 3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน 4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น Cr: Boonchu Chung (羅文娟) จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง การปฏิรูปการศึกษาที่จีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์ และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้ เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก ลดการบ้านเด็ก ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ ปรับครูทุก 6 ปี ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่ ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันนี้จริงๆแล้วตั้งใจจะไม่โพสถึงเพจกากนี้อีกแล้ว
    ตอบคำถามให้ลุงนุหายสงสัยก่อนว่า
    ทำไมยังไม่เปิดข้อมูล ก็ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลมันเยอะ และมีแฟนเพจเค้าตามีปัญหาหลายท่าน ที่อยากทราบข้อความข้อมูลที่พี่คิงส์พิมพ์แต่อ่านไม่ไหว ก็เลยทำเป็นคลิปมีเสียงแทน ซึ่งถ้าลุงนะแหหกตาดูนิดนึงก็เห็นแล้วแหละ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าพี่คิงส์ทำอะไรเพื่ออะไร ก็มีอาจารย์มีวุฒิแค่ม.ต้น ยังเพิ่งซื้อแอดเป็นแล้วดีใจนั่นแหละ จะไปรู้อะไรที่มันลึกซึ้ง
    ข้อมูล มันจะมีสามแบบ
    1. ข้อมูลที่เปิดเผยได้เลย
    2. ข้อมูลที่ต้องรอเวลา
    3. ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้ต้องส่งเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่
    คือ ถ้าเพจคิงส์โพสแบบที่ลุงนุโพส คือไม่ต้องหาข้อมูล โพสไปเรื่อย โพสแบบไม่มีแก่นสาร มันทำได้วันเป็นพันโพสนะไอ่นุ แต่นี่คือข้อมูล ที่พี่คิงส์ก็จะมีการซ้อนอ้างอิงไว้ในภาพ หรือในคอมเม้น ซึ่งลุงก็ไม่มีวันเข้าใจตอีกแหละ สรุปจบนะ ที่ถามว่าทำไมไม่โพสไอ่ที่ว่า
    ส่วนที่บอกว่าไม่โพสถึงเพราะกลัวลุงอะไรนั่น อ่านให้ดีๆนับจากบรรทัดนี้ไป
    และจะพิมพ์ถึงเมิงครั้งสุดท้ายแล้วไอ่นุ
    แฟนเพจก็ดูเอา โจมณฑนีลงทุนสอน แล้วอัดงบซื้อแอดให้ด้วยรึเปล่าไม่รู้
    แล้วดู ลุงโพสดิ แล้วจะให้พี่คิงส์ไปโพสถึงอะไรอีก มันเริ่มหยะแหย๋งไปเรื่อยๆ ดาวน์ลงไปแบบ สะอิดสเอียนจริงๆ
    แต่พอดี โพสพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง
    ลักษณะว่า เพจลุงนุ เป็นเพจมีคุณภาพ
    คือ ขอถอนหงอกอีกซักรอบนะครับ
    คือ ตอนแรก พี่คิงส์คิดว่า แกเป็นคนเฒ่าที่แค่หลงตต.เกอร์เกาหลี
    เหมือนกับเฒ่าตันหากลับแบบพื้นๆ ที่เปย์กระเป๋าแบรนด์เนม
    ลาออกจากงานมาเพื่อโพสแต่เรื่องตต.เกอร์เกาหลีธรรมดา
    แต่พออ่านโพสพวกนี้แล้ว มันเกิดอธิบายจริงๆ
    มันมีคำถามขุึ้นมาในใจเลยว่า อายุขนาดนี้ ต้องมีลูก มีภรรยา
    รวมถึงต้องมีรุ่นหลานแล้วด้วย ซึ่งแกแสดงตนว่าตัวแกโสด
    แต่ก็มีคนบอกว่า แกมีลูกโตแล้ว ทำงานแล้วอะไรแบบนี้
    นั่นแปลว่า มีสองทาง เมียแกต้องไม่อยู่เพราะตรุย แต่พี่คิงส์คิดว่า
    สภาพนี้ เมียน่าจะทิ้งละครับ ดูสำนวนภาษาที่พิมพ์
    มันบ่งบอกถึงความ ถ๋อย สถูน ทราาม ยังไงไม่รู้
    แล้วเพ้อพรรณณา เดาว่า น่าจะเป็นแฟนเพจรุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ
    แล้วไอ่เฒ่านี่ก็ไปจีบ แล้วล่อว่าจะดูแล พอน้องมันได้สติ
    ก็เผ่นดิครับ
    ถ้า ณุ เหงือกแดงผู้ไร้ฟัน เฒ่าชราตันหากลับ อยากรู้ว่า
    ทำไมพี่คิงส์ไม่โพสหา และไม่คิดจะโพสอะไรอีกแล้วถึงเมิง
    ขอให้รู้ไว้ว่า กรรูสะอิดสะเอืยน ไม่ไหว แค่คิดถึงภาพโปรไฟล์เพจแดงๆ
    แล้วมีตัวอักษร Diy reviwev2 มันก็รู้สึกพะอืดพะอม
    และยังคิดว่า ทำไม คนที่หลงรักกามิจ มันเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย
    ไอ่เป็ดก็ไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่า ลุงจะดีกว่ามันซักนิดนึง
    สุดท้าย กินกันไม่ลงเลย พอกันทั้งคู่
    นี่ใช่มั๊ย ทีมงานคนดีย์ของโจมณฑนี
    นี่นะเหรอ ผู้ปกป้องดอกเดซี่ แต่ละคน
    ไม่น่าจะมีตัวตนในสังคมจริงได้เลย
    พฤติกรรมของลุงนุนี่นะ โครตน่าอัวสำหรับหญิงสาว
    ที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แก่แบบ ยิ่งกว่ากะโหลกกะลา
    แต่เกินเยียวยา รอแค่ให้รีบ "ตาห่าย" ไปเร็วๆ
    คนแถวบ้าน ลูกชาวบ้าน เมียชาวบ้านระแวกบ้านลุง
    จะได้เดินในที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัย
    หรือถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็ฝากเตือนๆกันด้วยนะครับ
    เป็นชายผอม หน้าตอบ ชราแล้วแต่ย้อมผมครับ
    คิดว่าสาววัยรุ่นจะดูไม่ออกว่าตัวเองเฒ่าแล้ว
    แกจะไม่ยอมยิ้มเห็นฟันเด็ดขาด เพราะอ้าปากจะเจอแต่เหงือกดำๆ
    กินแอปเปิดแบบไม่เฉาะไม่ได้นะครับ มันจะปลิ้นไปปลิ้นมา
    แล้วชอบคิดว่าตัวเองหล่อมาก เหมือนอาโนลชวาเสน็กเกอร์
    แต่สาระ รูป อาจต้องอุทานว่า อนาถแท้
    ฝากด้วยนะครับ แปะป้ายติดประกาศไว้ก็จะยิ่งเป็นบุญ
    ให้กับลูกกับเมียคนระแวกนั้นได้ครับ
    เอาหละ ณุ ต่อจากนี้ไป เมิงไม่ต้องมาโพสพาดพิงพี่คิงส์อีก
    และขอแฟนเพจ อย่าส่งอะไรที่มันโพสมาอีก
    ชายคนนี้ น่าหยะแหยงเกินกว่าที่จะนำมาเอ่ยถึง
    หรือแม้กระทั่งนึกถึง ทีมงานโจมณฑนี เครือข่ายห้องดีซี
    เค้าคัดมาแล้วจริงๆ คัดแบบที่สังคมจริงไม่เอา
    สังคมจริงเททิ้ง ถ้าเปรียบบัวสี่เหล่า นี่คือยิ่งกว่าชั้นใต้ตม
    แต่เป็นชั้นที่จมต่ำระดับเต่าเผลอไปเคี้ยวยังต้องถุยทิ้งเลย
    ขอความร่วมมือจากแฟนเพจทุกท่านด้วยนะครับ
    ให้มัน ถ๋อย ทราาม และตาาายตามธรรมชาติไปครับ
    อย่าไปให้ความสำคัญ เดี๋ยวมันก็เจอทรรีนคนแถวนั้นเอง
    ไม่น่าอยู่มาได้ถึงวันนี้จริงๆ
    ขอทิ้งท้ายให้สตินะ อายุลุงตอนนี้นะ อีกไม่เกินแบบเต็มที่เลย
    10 ปี ก็เดินไม่ไหวแล้ว เมิงคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้จนตาาายจริงๆเหรอ
    ก็แล้วแต่นะ เอาที่สบายใจ กรรรูสบายใจแบบนี้แหละ
    ที่ไม่ยุ่งกับขยะเก่าๆเปียกๆแบบเมิงอีก
    โจเลือกแม่ทัพเพื่อมาตอบโต้กับคิงส์ได้สมกับ
    ที่จบการศึกษาแค่ม.ต้นจริงๆ ขอชื่นชม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #วันนี้จริงๆแล้วตั้งใจจะไม่โพสถึงเพจกากนี้อีกแล้ว ตอบคำถามให้ลุงนุหายสงสัยก่อนว่า ทำไมยังไม่เปิดข้อมูล ก็ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลมันเยอะ และมีแฟนเพจเค้าตามีปัญหาหลายท่าน ที่อยากทราบข้อความข้อมูลที่พี่คิงส์พิมพ์แต่อ่านไม่ไหว ก็เลยทำเป็นคลิปมีเสียงแทน ซึ่งถ้าลุงนะแหหกตาดูนิดนึงก็เห็นแล้วแหละ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าพี่คิงส์ทำอะไรเพื่ออะไร ก็มีอาจารย์มีวุฒิแค่ม.ต้น ยังเพิ่งซื้อแอดเป็นแล้วดีใจนั่นแหละ จะไปรู้อะไรที่มันลึกซึ้ง ข้อมูล มันจะมีสามแบบ 1. ข้อมูลที่เปิดเผยได้เลย 2. ข้อมูลที่ต้องรอเวลา 3. ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้ต้องส่งเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ คือ ถ้าเพจคิงส์โพสแบบที่ลุงนุโพส คือไม่ต้องหาข้อมูล โพสไปเรื่อย โพสแบบไม่มีแก่นสาร มันทำได้วันเป็นพันโพสนะไอ่นุ แต่นี่คือข้อมูล ที่พี่คิงส์ก็จะมีการซ้อนอ้างอิงไว้ในภาพ หรือในคอมเม้น ซึ่งลุงก็ไม่มีวันเข้าใจตอีกแหละ สรุปจบนะ ที่ถามว่าทำไมไม่โพสไอ่ที่ว่า ส่วนที่บอกว่าไม่โพสถึงเพราะกลัวลุงอะไรนั่น อ่านให้ดีๆนับจากบรรทัดนี้ไป และจะพิมพ์ถึงเมิงครั้งสุดท้ายแล้วไอ่นุ แฟนเพจก็ดูเอา โจมณฑนีลงทุนสอน แล้วอัดงบซื้อแอดให้ด้วยรึเปล่าไม่รู้ แล้วดู ลุงโพสดิ แล้วจะให้พี่คิงส์ไปโพสถึงอะไรอีก มันเริ่มหยะแหย๋งไปเรื่อยๆ ดาวน์ลงไปแบบ สะอิดสเอียนจริงๆ แต่พอดี โพสพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ลักษณะว่า เพจลุงนุ เป็นเพจมีคุณภาพ คือ ขอถอนหงอกอีกซักรอบนะครับ คือ ตอนแรก พี่คิงส์คิดว่า แกเป็นคนเฒ่าที่แค่หลงตต.เกอร์เกาหลี เหมือนกับเฒ่าตันหากลับแบบพื้นๆ ที่เปย์กระเป๋าแบรนด์เนม ลาออกจากงานมาเพื่อโพสแต่เรื่องตต.เกอร์เกาหลีธรรมดา แต่พออ่านโพสพวกนี้แล้ว มันเกิดอธิบายจริงๆ มันมีคำถามขุึ้นมาในใจเลยว่า อายุขนาดนี้ ต้องมีลูก มีภรรยา รวมถึงต้องมีรุ่นหลานแล้วด้วย ซึ่งแกแสดงตนว่าตัวแกโสด แต่ก็มีคนบอกว่า แกมีลูกโตแล้ว ทำงานแล้วอะไรแบบนี้ นั่นแปลว่า มีสองทาง เมียแกต้องไม่อยู่เพราะตรุย แต่พี่คิงส์คิดว่า สภาพนี้ เมียน่าจะทิ้งละครับ ดูสำนวนภาษาที่พิมพ์ มันบ่งบอกถึงความ ถ๋อย สถูน ทราาม ยังไงไม่รู้ แล้วเพ้อพรรณณา เดาว่า น่าจะเป็นแฟนเพจรุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ แล้วไอ่เฒ่านี่ก็ไปจีบ แล้วล่อว่าจะดูแล พอน้องมันได้สติ ก็เผ่นดิครับ ถ้า ณุ เหงือกแดงผู้ไร้ฟัน เฒ่าชราตันหากลับ อยากรู้ว่า ทำไมพี่คิงส์ไม่โพสหา และไม่คิดจะโพสอะไรอีกแล้วถึงเมิง ขอให้รู้ไว้ว่า กรรูสะอิดสะเอืยน ไม่ไหว แค่คิดถึงภาพโปรไฟล์เพจแดงๆ แล้วมีตัวอักษร Diy reviwev2 มันก็รู้สึกพะอืดพะอม และยังคิดว่า ทำไม คนที่หลงรักกามิจ มันเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย ไอ่เป็ดก็ไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่า ลุงจะดีกว่ามันซักนิดนึง สุดท้าย กินกันไม่ลงเลย พอกันทั้งคู่ นี่ใช่มั๊ย ทีมงานคนดีย์ของโจมณฑนี นี่นะเหรอ ผู้ปกป้องดอกเดซี่ แต่ละคน ไม่น่าจะมีตัวตนในสังคมจริงได้เลย พฤติกรรมของลุงนุนี่นะ โครตน่าอัวสำหรับหญิงสาว ที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แก่แบบ ยิ่งกว่ากะโหลกกะลา แต่เกินเยียวยา รอแค่ให้รีบ "ตาห่าย" ไปเร็วๆ คนแถวบ้าน ลูกชาวบ้าน เมียชาวบ้านระแวกบ้านลุง จะได้เดินในที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัย หรือถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็ฝากเตือนๆกันด้วยนะครับ เป็นชายผอม หน้าตอบ ชราแล้วแต่ย้อมผมครับ คิดว่าสาววัยรุ่นจะดูไม่ออกว่าตัวเองเฒ่าแล้ว แกจะไม่ยอมยิ้มเห็นฟันเด็ดขาด เพราะอ้าปากจะเจอแต่เหงือกดำๆ กินแอปเปิดแบบไม่เฉาะไม่ได้นะครับ มันจะปลิ้นไปปลิ้นมา แล้วชอบคิดว่าตัวเองหล่อมาก เหมือนอาโนลชวาเสน็กเกอร์ แต่สาระ รูป อาจต้องอุทานว่า อนาถแท้ ฝากด้วยนะครับ แปะป้ายติดประกาศไว้ก็จะยิ่งเป็นบุญ ให้กับลูกกับเมียคนระแวกนั้นได้ครับ เอาหละ ณุ ต่อจากนี้ไป เมิงไม่ต้องมาโพสพาดพิงพี่คิงส์อีก และขอแฟนเพจ อย่าส่งอะไรที่มันโพสมาอีก ชายคนนี้ น่าหยะแหยงเกินกว่าที่จะนำมาเอ่ยถึง หรือแม้กระทั่งนึกถึง ทีมงานโจมณฑนี เครือข่ายห้องดีซี เค้าคัดมาแล้วจริงๆ คัดแบบที่สังคมจริงไม่เอา สังคมจริงเททิ้ง ถ้าเปรียบบัวสี่เหล่า นี่คือยิ่งกว่าชั้นใต้ตม แต่เป็นชั้นที่จมต่ำระดับเต่าเผลอไปเคี้ยวยังต้องถุยทิ้งเลย ขอความร่วมมือจากแฟนเพจทุกท่านด้วยนะครับ ให้มัน ถ๋อย ทราาม และตาาายตามธรรมชาติไปครับ อย่าไปให้ความสำคัญ เดี๋ยวมันก็เจอทรรีนคนแถวนั้นเอง ไม่น่าอยู่มาได้ถึงวันนี้จริงๆ ขอทิ้งท้ายให้สตินะ อายุลุงตอนนี้นะ อีกไม่เกินแบบเต็มที่เลย 10 ปี ก็เดินไม่ไหวแล้ว เมิงคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้จนตาาายจริงๆเหรอ ก็แล้วแต่นะ เอาที่สบายใจ กรรรูสบายใจแบบนี้แหละ ที่ไม่ยุ่งกับขยะเก่าๆเปียกๆแบบเมิงอีก โจเลือกแม่ทัพเพื่อมาตอบโต้กับคิงส์ได้สมกับ ที่จบการศึกษาแค่ม.ต้นจริงๆ ขอชื่นชม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠

    คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University)

    ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)

    ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

    เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

    แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร

    น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ

    นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา

    นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต

    ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง

    ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน!

    ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย

    อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์...

    ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ?

    ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠 คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University) ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน! ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์... ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ? ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.เพิ่มพูน ปิดโอกาสเด็ก วิสัยทัศน์คับแคบ

    ทุกวันนี้กระทรวงศึกษาธิการ กลายเป็นแดนสนธยาที่มืดมน ยังไม่เห็นผลงานหรือนโยบายใดๆ จากผู้บริหารกระทรวง ที่จะยกระดับระบบการศึกษาของไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #เพิ่มพูน#ทัศนศึกษา
    รมว.เพิ่มพูน ปิดโอกาสเด็ก วิสัยทัศน์คับแคบ ทุกวันนี้กระทรวงศึกษาธิการ กลายเป็นแดนสนธยาที่มืดมน ยังไม่เห็นผลงานหรือนโยบายใดๆ จากผู้บริหารกระทรวง ที่จะยกระดับระบบการศึกษาของไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #เพิ่มพูน#ทัศนศึกษา
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    11
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1473 มุมมอง 458 0 รีวิว
  • 1 ตุลาคม - วันชาติจีน
    จีน กำลังเข้าสู่..เส้นชัย The Chinese Dream 中国梦
    ...........................................
    ในพัฒนาประเทศ ตามหลักของ Marxism-Communism
    จีน มีนโยบาย 2 PHASE ต่อเนื่องกัน คือ
    1) ต้องทำประเทศให้ร่ำรวย
    2) แบ่งเท่ากัน
    ...........................................
    PHASE-I #นโยบายจีนสร้างประเทศให้ร่ำรวย
    ตามแนวคิดของ Deng Xiao Ping ที่วางยุทธศาสตร์ ไว้ว่า
    " LET SOME PEOPLE GET RICH"
    แปลอังกฤษเป็นไทย ได้ว่า ต้องทำประเทศให้ร่ำรวย ด้วยการเปิดเสรี ให้คนจีนที่มีความสามารถ นำการพัฒนาความมั่งคั่งให้ประเทศจีน (ด้วยนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบ หรือ แมวสีอะไรก็ได้..ขอให้จับหนูได้)
    จีน..จึงกลายเป็นโรงงานของโลก ผลิตสินค้า ขายดี สร้างให้ประเทศร่ำรวย ดังที่ทุกคนในโลก..ได้รับรู้

    ขณะนี้..สถานการณ์Covid-19 ท่านจักรพรรดิ์ Xi JinPing ได้ทดลอง "ปิดประเทศ" แล้วใช้ระบบเศรษฐกิจแบบ Dual-Circulation กล่าวคือ จีน แบ่งเศรษฐกิจออกเป็นการหมุนเวียนภายในประเทศ และ การหมุนเวียนเศรษฐกิจจีนนอกประเทศ.
    ผลปรากฎว่า.. 1) ผลของเศรษฐกิจการหมุนเวียนภายในประเทศ จีนผลิต จีนใช้ จีนเจริญ (อยู่ได้..อย่างสบายมาก)อุดมสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพา การหมุนเวียนเศรษฐกิจจีนนอกประเทศ.
    2) การหมุนเวียนเศรษฐกิจจีนนอกประเทศ ยิ่งสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่. !!!
    ......................................................................

    ข้อมูลเหล่านี้ ทำให้ท่านจักรพรรดิ์ Xi JinPing ตัดสินใจ
    นำประเทศจีน เข้าสู่ PHASE-II คือ นโยบาย COMMON PROSPERITY แปลเป็นไทยได้ว่า #ได้เวลาที่จะแบ่งความร่ำรวยให้ทุกคนเท่าเทียมกัน
    นี่แหละ..คือ ที่มาของ..นโยบายรัฐบาลจีน ที่สำคัญ 3 ประการ
    1) ควบคุมกิจการเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น ANT GROUP, TenCent, ALiBaBa...etc.
    2) ควบคุมการศึกษา เช่น ปราบ TUTOR ในเมืองใหญ่ เร่งยกระดับคุณภาพการศึกษาที่เน้นความเสมอภาค #ทำให้เด็กจีนได้รับโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกัน และ #รักชาติยิ่งชีพ
    3) ควบคุมอบายมุข เหล้า บุหรี่ และ เกมส์(ยาเสพติดยุคดิจิตอล เทียบเท่า ฝิ่น ในราชวงศ์ชิง)

    จากบทความข้างต้น ท่านคงเข้าใจแล้วนะ ว่า
    ต่อจากวินาที นี้.. " จีน กำลังเข้าสู่..เส้นชัย "

    แว๊ว---ช่าย หมาย ?
    .
    Pachäree Wõng
    October1st, 2024
    San Francisco, CA94108
    1 ตุลาคม - วันชาติจีน จีน กำลังเข้าสู่..เส้นชัย The Chinese Dream 中国梦 ........................................... ในพัฒนาประเทศ ตามหลักของ Marxism-Communism จีน มีนโยบาย 2 PHASE ต่อเนื่องกัน คือ 1) ต้องทำประเทศให้ร่ำรวย 2) แบ่งเท่ากัน ........................................... PHASE-I #นโยบายจีนสร้างประเทศให้ร่ำรวย ตามแนวคิดของ Deng Xiao Ping ที่วางยุทธศาสตร์ ไว้ว่า " LET SOME PEOPLE GET RICH" แปลอังกฤษเป็นไทย ได้ว่า ต้องทำประเทศให้ร่ำรวย ด้วยการเปิดเสรี ให้คนจีนที่มีความสามารถ นำการพัฒนาความมั่งคั่งให้ประเทศจีน (ด้วยนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบ หรือ แมวสีอะไรก็ได้..ขอให้จับหนูได้) จีน..จึงกลายเป็นโรงงานของโลก ผลิตสินค้า ขายดี สร้างให้ประเทศร่ำรวย ดังที่ทุกคนในโลก..ได้รับรู้ ขณะนี้..สถานการณ์Covid-19 ท่านจักรพรรดิ์ Xi JinPing ได้ทดลอง "ปิดประเทศ" แล้วใช้ระบบเศรษฐกิจแบบ Dual-Circulation กล่าวคือ จีน แบ่งเศรษฐกิจออกเป็นการหมุนเวียนภายในประเทศ และ การหมุนเวียนเศรษฐกิจจีนนอกประเทศ. ผลปรากฎว่า.. 1) ผลของเศรษฐกิจการหมุนเวียนภายในประเทศ จีนผลิต จีนใช้ จีนเจริญ (อยู่ได้..อย่างสบายมาก)อุดมสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพา การหมุนเวียนเศรษฐกิจจีนนอกประเทศ. 2) การหมุนเวียนเศรษฐกิจจีนนอกประเทศ ยิ่งสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่. !!! ...................................................................... ข้อมูลเหล่านี้ ทำให้ท่านจักรพรรดิ์ Xi JinPing ตัดสินใจ นำประเทศจีน เข้าสู่ PHASE-II คือ นโยบาย COMMON PROSPERITY แปลเป็นไทยได้ว่า #ได้เวลาที่จะแบ่งความร่ำรวยให้ทุกคนเท่าเทียมกัน นี่แหละ..คือ ที่มาของ..นโยบายรัฐบาลจีน ที่สำคัญ 3 ประการ 1) ควบคุมกิจการเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น ANT GROUP, TenCent, ALiBaBa...etc. 2) ควบคุมการศึกษา เช่น ปราบ TUTOR ในเมืองใหญ่ เร่งยกระดับคุณภาพการศึกษาที่เน้นความเสมอภาค #ทำให้เด็กจีนได้รับโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกัน และ #รักชาติยิ่งชีพ 3) ควบคุมอบายมุข เหล้า บุหรี่ และ เกมส์(ยาเสพติดยุคดิจิตอล เทียบเท่า ฝิ่น ในราชวงศ์ชิง) จากบทความข้างต้น ท่านคงเข้าใจแล้วนะ ว่า ต่อจากวินาที นี้.. " จีน กำลังเข้าสู่..เส้นชัย " แว๊ว---ช่าย หมาย ? . Pachäree Wõng October1st, 2024 San Francisco, CA94108
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน #กำหนดให้ #คำสอนของพ่อ #ใช้เป็นบทเรียนในโรงเรียนของสาธารณรัฐประชาชนจีน
    #แต่การศึกษาของไทยน่าเศร้าใจยิ่งนัก
    #ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน #กำหนดให้ #คำสอนของพ่อ #ใช้เป็นบทเรียนในโรงเรียนของสาธารณรัฐประชาชนจีน #แต่การศึกษาของไทยน่าเศร้าใจยิ่งนัก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พระพุทธมหาชนก” พระพุทธปฏิมาประธานทรงเครื่องอย่างพระจักรพรรดิราช ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร พระอารามหลวงในรัชกาลที่ ๑ เป็นพระพุทธรูปสำคัญฉลองพระองค์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) พระราชชนกในรัชกาลที ๑ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทองหน้าตักกว้าง ๒ เมตร ๒ เซนติเมตร ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่๔ ยกแท่นฐานสูงขึ้นและแปลงองค์พระเป็นพระพุทธมหาจักรพรรดิทรงเครื่องกษัตริย์ มีลักษณะที่น่าสนใจ คือ การครองจีวรลายดอก ซึ่งเป็นการสร้างให้มีลักษณะเหมือนจริงแบบสัจนิยม การครองจีวรลายดอกนี้คงเนื่องมาจากการนำผ้าเนื้อดีที่นำเข้ามาคือ ผ้าแพรจากประเทศจีน นำไปย้อมเป็นผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อถวายพระพุทธรูป ที่มา : จากหนังสือ ๑๐๘ องค์พระปฏิมาพระพุทธรูปคู่แผ่นดิน โดย กรมการศาสนา #วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร #วัด #พระพุทธมหาชนก #ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ #พระปางมารวิชัย #bangkok #thailand
    “พระพุทธมหาชนก” พระพุทธปฏิมาประธานทรงเครื่องอย่างพระจักรพรรดิราช ประดิษฐานในพระอุโบสถ วัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร พระอารามหลวงในรัชกาลที่ ๑ เป็นพระพุทธรูปสำคัญฉลองพระองค์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) พระราชชนกในรัชกาลที ๑ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทองหน้าตักกว้าง ๒ เมตร ๒ เซนติเมตร ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่๔ ยกแท่นฐานสูงขึ้นและแปลงองค์พระเป็นพระพุทธมหาจักรพรรดิทรงเครื่องกษัตริย์ มีลักษณะที่น่าสนใจ คือ การครองจีวรลายดอก ซึ่งเป็นการสร้างให้มีลักษณะเหมือนจริงแบบสัจนิยม การครองจีวรลายดอกนี้คงเนื่องมาจากการนำผ้าเนื้อดีที่นำเข้ามาคือ ผ้าแพรจากประเทศจีน นำไปย้อมเป็นผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อถวายพระพุทธรูป ที่มา : จากหนังสือ ๑๐๘ องค์พระปฏิมาพระพุทธรูปคู่แผ่นดิน โดย กรมการศาสนา #วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร #วัด #พระพุทธมหาชนก #ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ #พระปางมารวิชัย #bangkok #thailand
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยอย่างสุดซึ่งต่อญาตินักเรียนและคุณครูผู้เสียชีวิต

    หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเอาจริง เอาจังดังนี้
    1. การตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์
    2. การขับขี่รถยนต์ ถ้าขับขี่ผิดกฎระเบียบ หรือวินัยจราจร ให้ระงับใบขับขี่แบบขั้นบันได ตั้งแต่ ระงับชั่วคราว จนถึง ระงับตลอดชีพ
    3. มาตรฐานการซักซ้อมความปลอดภัยให้บรรจุในหลักสูตรการศึกษาของเด็กนักเรียน

    ทุกคนไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคตอีก 😭

    https://youtu.be/5H1pT7bfQ-I?si=F_TCN7IfRQJ7RWjg
    ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยอย่างสุดซึ่งต่อญาตินักเรียนและคุณครูผู้เสียชีวิต หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเอาจริง เอาจังดังนี้ 1. การตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์ 2. การขับขี่รถยนต์ ถ้าขับขี่ผิดกฎระเบียบ หรือวินัยจราจร ให้ระงับใบขับขี่แบบขั้นบันได ตั้งแต่ ระงับชั่วคราว จนถึง ระงับตลอดชีพ 3. มาตรฐานการซักซ้อมความปลอดภัยให้บรรจุในหลักสูตรการศึกษาของเด็กนักเรียน ทุกคนไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในอนาคตอีก 😭 https://youtu.be/5H1pT7bfQ-I?si=F_TCN7IfRQJ7RWjg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://mgronline.com/politics/detail/9670000092959

    พระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง-พระราชินีทรงรับผู้สูญเสียเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ประกันพร้อมจ่าย 1 ล้านบาทต่อราย
    เผยแพร่: 2 ต.ค. 2567 13:43 ปรับปรุง: 2 ต.ค. 2567 13:43 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

    เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด สำนักงานประกันภัยมอบ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย เห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ชี้ไม่ใช่มูลเหตุ แต่สาเหตุ คือ คุณภาพรถมาตรฐานของคนขับรถ และการจัดรูปขบวนในการเดินทาง ถามเห็นคาตา รถบัสทำไมมีถังแก๊สนับสิบ ชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด

    เมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 2 ต.ค.67 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนต้องประกาศภัยพิบัติ จะพิจารณาเงินเยียวยาอย่างไรว่ า เหตุการณ์นี้ เรื่องของการช่วยเหลือตามพ.ร.บ.อุบัติภัย มีอยู่ ว่าเราจะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ตนถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แต่เราต้องเร่ง จ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด

    เมื่อถามถึง งตัวเลขอายุการใช้งานรถบัสที่เกิดเหตุ ที่ระบุว่ามีอายุ 54 ปี นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของทางกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูในเรื่องของการให้การดูแลครอบครัวการจัดงานให้สมเกียรติ ในการนี้ เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตนได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แจ้งมาว่าพระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตไป โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน

    เมื่อถามว่า ขณะนี้มี มีข้อถกเถียง เรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่พรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าการไปทัศนศึกษา มันไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้คือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้ เราต้องไปดู เพราะตนเห็นกับตาทำไมรถบัส 1คัน ถังแก๊สเยอะขนาดนี้นับๆดูเป็น 10 ถัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยอยู่กรมขนส่ง ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายเขากำหนดไว้อย่างไร มีถังแก๊ซตั้งแต่หน้ารถ กลางรถ ท้ายรถ ข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักผ่อนกันเลยหรือ

    “โดยมองจากสายตา ที่ผมเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็ก ที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย ผมมั่นใจว่ามาตรฐานของกรมขนส่งทางบก ของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน”นายอนุทิน กล่าว

    เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง จะขับเคลื่อนเรื่องนี้แก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นหน้าที่ของทุกคน เราต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กับลูก หลานของเราอย่างที่บอกการไปทัศนศึกษา เป็นสิ่งที่ดีไม่อย่างนั้นเด็กก็อยู่แต่ในห้องเรียน เห็นทุกอย่างจากรูป ไม่เห็นของจริง แต่การจัดรูปแบบทำอย่างไรให้ดีจริงๆ ก็มีกฎอยู่สามารถที่จะประสานขอรถตำรวจนำได้ รถทางหลวงนำได้ ต้องกำหนดเรื่องของความเร็วเรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถที่จะสามารถคอยให้การช่วยเหลือเด็กๆ และกำหนดจำนวนคนขับรถ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ก็คือรถ 1 คัน คน 1 คน ไม่มีอะไรเลย ไม่มีผู้ช่วยคนขับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่รู้จักรถเลย มีแต่ครูกับนักเรียน พอเกิดเหตุการณ์ คนขับก็วิ่งลงมาดูก่อน ไม่มีผู้ช่วยลงมาคอยปลดล็อคเปิดประตูฉุกเฉิน ถีบหน้าต่างเป็นช่องทางฉุกเฉินเลย มันชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000092959 พระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง-พระราชินีทรงรับผู้สูญเสียเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ประกันพร้อมจ่าย 1 ล้านบาทต่อราย เผยแพร่: 2 ต.ค. 2567 13:43 ปรับปรุง: 2 ต.ค. 2567 13:43 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด สำนักงานประกันภัยมอบ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย เห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ชี้ไม่ใช่มูลเหตุ แต่สาเหตุ คือ คุณภาพรถมาตรฐานของคนขับรถ และการจัดรูปขบวนในการเดินทาง ถามเห็นคาตา รถบัสทำไมมีถังแก๊สนับสิบ ชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด เมื่อเวลา 11.38 น. วันที่ 2 ต.ค.67 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนต้องประกาศภัยพิบัติ จะพิจารณาเงินเยียวยาอย่างไรว่ า เหตุการณ์นี้ เรื่องของการช่วยเหลือตามพ.ร.บ.อุบัติภัย มีอยู่ ว่าเราจะช่วยเรื่องการทำขวัญ โดยสำนักงานประกันภัย ได้รายงานเบื้องต้นว่า จะมีเงินที่ชดเชยความเสียหายเหล่านี้ อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย ตนถามย้ำไปว่าต้องไม่มีเงื่อนไขอะไรอีก เพราะเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แต่เราต้องเร่ง จ่ายเงินเยียวยานี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าเรื่องนี้มีความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเกณฑ์การเยียวยาจะต้องหาทางที่จะเยียวยาในระดับสูงสุด เมื่อถามถึง งตัวเลขอายุการใช้งานรถบัสที่เกิดเหตุ ที่ระบุว่ามีอายุ 54 ปี นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของทางกระทรวงคมนาคม ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูในเรื่องของการให้การดูแลครอบครัวการจัดงานให้สมเกียรติ ในการนี้ เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตนได้รับการแจ้งล่วงหน้ามาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัย ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้แจ้งมาว่าพระองค์ท่านจะรับการจัดการเรื่องงานทั้งหมด ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จะมีการพระราชทานเพลิงให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตไป โดยกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ไปจัดการหน้างานให้สมเกียรติกับผู้วายชนม์ ซึ่งมีทั้งครู และนักเรียน เมื่อถามว่า ขณะนี้มี มีข้อถกเถียง เรื่องของการยกเลิกการทัศนศึกษา ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่พรรคภูมิใจไทย กำกับดูแลอยู่จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ยินคำนี้มาหลายครั้งแล้ว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าการไปทัศนศึกษา มันไม่ใช่มูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้คือเรื่องมาตรฐานของคนขับรถ มาตรฐานการจัดรูปขบวนในการเดินทาง คุณภาพของรถ อย่างกรณีนี้ เราต้องไปดู เพราะตนเห็นกับตาทำไมรถบัส 1คัน ถังแก๊สเยอะขนาดนี้นับๆดูเป็น 10 ถัง ซึ่งตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยอยู่กรมขนส่ง ก็ต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายเขากำหนดไว้อย่างไร มีถังแก๊ซตั้งแต่หน้ารถ กลางรถ ท้ายรถ ข้างรถ จะเดินทางอะไรกันกะจะแบบไม่ต้องพักผ่อนกันเลยหรือ “โดยมองจากสายตา ที่ผมเคยเป็นวิศวกรคุมงานมาก่อน มองว่าควรจะมีแผ่นเหล็ก ที่คอยกั้นไม่ให้ประกายไฟถึงตัว คือจะต้องเซฟตี้มากกว่านี้ เป็นพื้นที่นิรภัย ผมมั่นใจว่ามาตรฐานของกรมขนส่งทางบก ของเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่ารถคันนี้ผ่านการตรวจสภาพมาอย่างไร ตำรวจก็คงจะต้องทำหน้าที่การสืบขยายผล แต่ที่เห็นถามว่าปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ปลอดภัยแน่นอน”นายอนุทิน กล่าว เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง จะขับเคลื่อนเรื่องนี้แก้กฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นหน้าที่ของทุกคน เราต้องช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด กับลูก หลานของเราอย่างที่บอกการไปทัศนศึกษา เป็นสิ่งที่ดีไม่อย่างนั้นเด็กก็อยู่แต่ในห้องเรียน เห็นทุกอย่างจากรูป ไม่เห็นของจริง แต่การจัดรูปแบบทำอย่างไรให้ดีจริงๆ ก็มีกฎอยู่สามารถที่จะประสานขอรถตำรวจนำได้ รถทางหลวงนำได้ ต้องกำหนดเรื่องของความเร็วเรื่องของผู้ใหญ่ที่อยู่ในรถที่จะสามารถคอยให้การช่วยเหลือเด็กๆ และกำหนดจำนวนคนขับรถ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ก็คือรถ 1 คัน คน 1 คน ไม่มีอะไรเลย ไม่มีผู้ช่วยคนขับ ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่รู้จักรถเลย มีแต่ครูกับนักเรียน พอเกิดเหตุการณ์ คนขับก็วิ่งลงมาดูก่อน ไม่มีผู้ช่วยลงมาคอยปลดล็อคเปิดประตูฉุกเฉิน ถีบหน้าต่างเป็นช่องทางฉุกเฉินเลย มันชัดเจนอยู่แล้ว ว่ามีการละเมิด
    MGRONLINE.COM
    พระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง-พระราชินีทรงรับผู้สูญเสียเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ประกันพร้อมจ่าย 1 ล้านบาทต่อราย
    เป็นพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง-พระราชินี” ทรงห่วงใย ทรงสลดพระทัย รับผู้สูญเสีย เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ มหาดไทยพร้อมเยียวยาสูงสุด สำนักงานประกันภัยมอบ 1 ล้านกว่าบาทต่อราย เห็นต่างยกเลิก “ทัศนศึกษา” ชี้ไ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • บีบหัวใจ

    โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย

    ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

    แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี

    อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย

    ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก

    #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    บีบหัวใจ โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    Sad
    Like
    14
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 1 รีวิว
  • วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา

    การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล

    โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

    “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน

    การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้

    ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย

    การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ

    ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้

    ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร

    และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง

    ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด

    อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    วันอังคาร ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เสด็จไปมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่ ๑๓๑ และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลสมทบทุนการศึกษาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ตามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงตั้งไว้ในมหาวิทยาลัย สำหรับประทานแก่พระภิกษุสามเณรนักศึกษา การนี้ โปรดประทานรางวัลแก่ผู้มีอุปการคุณต่อมหาวิทยาลัย แก่บุคลากรดีเด่น ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร และของที่ระลึกแก่ผู้ร่วมโดยเสด็จพระกุศล โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนามหามกุฏราชวิทยาลัยขึ้น เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นปฐมบูรพาจารย์ ด้วยทุก ๆ พระองค์ล้วนทรงมุ่งหมายให้พระพุทธศาสนา สถาพรอยู่คู่โลกนี้ และเป็นหลักชัยของบ้านเมืองไทยอยู่ตราบกาลนาน การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่น จำเป็นต้องสร้างสรรค์พุทธบริษัทให้รู้ลึกและรู้รอบในวิชชา ตามกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมที่ถูกต้อง หากการศึกษาพระปริยัติธรรมอ่อนแอผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือรวนเรไปตามอัตโนมติแล้ว ย่อมปฏิบัติผิดและสอนผิด ทำให้ไม่อาจเข้าถึงปฏิบัติธรรม และปฏิเวธธรรมได้ ปริยัติธรรมอันควรศึกษาโดยรอบ ย่อมหมายถึง พระพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎก รวมทั้งอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคำอธิบายต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจในหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย การศึกษาปริยัติธรรมอาจจำแนกได้เป็น ๓ ระดับ กล่าวคือ ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หางคือ ศึกษาเพื่อลาภสักการะ เพื่อคำสรรเสริญหรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่นย่อมเป็นโทษ เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้ ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์ คือ เพื่ออบรมปัญญาเป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยในวัฏสงสาร และ ๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือเพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญเป็นการศึกษาของผู้จบกิจในการอบรมปัญญา เพื่อละกิเลสแล้วแต่ยังมีฉันทะในการศึกษา เพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง ณ โอกาสอันเป็นมงคลนี้ จึงขอเตือนใจให้ทุกท่านอย่าได้คิดศึกษาแบบอลคัททูปริยัติ แต่ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้ท่านจงเป็นผู้องอาจ และเข้มแข็งในอันที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อความออกจากทุกข์ และเพื่อรักษาพระสัทธรรม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สมตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์ ขออย่าให้อคติทั้ง ๔ เข้ามาบดบัง และบิดเบือน จนกลายเป็นมิจฉาทิฐิไปได้เป็นอันขาด อาตมภาพขออนุโมทนากุศลจริยาที่ทุกท่านช่วยกันสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัย และขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ได้รับตำแหน่ง ทุน และรางวัลต่าง ๆ กับทั้งขออำนวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญรุ่งเรืองในพระบวรพุทธศาสนา ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไปเทอญ“ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/x6nCcePgoJRmbCxT/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กสทช ประมูลคลื่นทีวี
    ผมไม่ใช่คนวงการทีวี ไม่ใช่ยูทูปเบอร์
    แต่หาก กสทช. ลดราคาค่าประมูลลงให้มีทีวีคงเหลือบ้าง แล้วนำคลื่นมาทำ WiFi ฟรี แล้วแบ่งให้ทำแบบยูทูป ที่ WiFi ฟรีเข้าถึงได้เท่านั้น WiFi ฟรีดูเวปอื่นไม่ได้

    คราวนี้ก็มาแบ่งหมวด YouTube การเกษตรเพื่อการศึกษาและประโยชน์สาธารณะ, หมวดข่าว, หมวดการศึกษานอกโรงเรียน, หมวดกีฬา, หมวดบันเทิง

    คราวนี้คนสมัครทำคอนเท้นท์ จะเป็นแบบเสียเงิน หรือฟรี ก็ว่าไป แต่ต้องเป็นคอนเท้นท์ 20นาที ถึง 2ชั่วโมง

    ถ้าคนทำคอนเท้นท์หาโฆษณาเอง ก็ไม่เป็นภาระ กับราชการ หรือให้มีองค์กรมาทำแบบยูทูป แต่ควบคุม รายได้ค่าคลื่น ไปทำ WiFi ดูฟรี

    ก็จะมีรุ่นทีวีเก่าดูทีวีแบบเดิมสัก สี่ช่อง ที่เหลือคนมี สมาร์ททีวี เลือกดูเวลาไหนก็ได้ ประชาชน ได้ รัฐได้ ทำคอนเท้นท์ ไม่ต้องจ่ายให้ยูทูป และอาจได้ค่าโฆษณา หากหาเองได้ เรื่องรายละเอียดคนวงการน่าจะรู้อยู่แล้ว แบ่งกันอย่างไร ให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่ใช่ ประมูลสูง ค่าบริโภคสูง สาระลดลง มันไม่ควรเป็นแบบนั้น
    #กสทช ประมูลคลื่นทีวี ผมไม่ใช่คนวงการทีวี ไม่ใช่ยูทูปเบอร์ แต่หาก กสทช. ลดราคาค่าประมูลลงให้มีทีวีคงเหลือบ้าง แล้วนำคลื่นมาทำ WiFi ฟรี แล้วแบ่งให้ทำแบบยูทูป ที่ WiFi ฟรีเข้าถึงได้เท่านั้น WiFi ฟรีดูเวปอื่นไม่ได้ คราวนี้ก็มาแบ่งหมวด YouTube การเกษตรเพื่อการศึกษาและประโยชน์สาธารณะ, หมวดข่าว, หมวดการศึกษานอกโรงเรียน, หมวดกีฬา, หมวดบันเทิง คราวนี้คนสมัครทำคอนเท้นท์ จะเป็นแบบเสียเงิน หรือฟรี ก็ว่าไป แต่ต้องเป็นคอนเท้นท์ 20นาที ถึง 2ชั่วโมง ถ้าคนทำคอนเท้นท์หาโฆษณาเอง ก็ไม่เป็นภาระ กับราชการ หรือให้มีองค์กรมาทำแบบยูทูป แต่ควบคุม รายได้ค่าคลื่น ไปทำ WiFi ดูฟรี ก็จะมีรุ่นทีวีเก่าดูทีวีแบบเดิมสัก สี่ช่อง ที่เหลือคนมี สมาร์ททีวี เลือกดูเวลาไหนก็ได้ ประชาชน ได้ รัฐได้ ทำคอนเท้นท์ ไม่ต้องจ่ายให้ยูทูป และอาจได้ค่าโฆษณา หากหาเองได้ เรื่องรายละเอียดคนวงการน่าจะรู้อยู่แล้ว แบ่งกันอย่างไร ให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่ใช่ ประมูลสูง ค่าบริโภคสูง สาระลดลง มันไม่ควรเป็นแบบนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิพัฒน์” ขีดเส้น 2 เดือน พิจารณาเร่งแก้กฎกระทรวงฯ ให้ลูกจ้างรายเดือน รับสิทธิค่า OT ตามจริง พร้อมตั้งคณะทำงาน 3ฝ่าย
    วันที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือและรับหนังสือจากนายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาองค์การลูกจ้างจำนวน 7 สภา เพื่อขอให้กระทรวงแรงงานแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2541) และ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยมี นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวกาญจนา พูลแก้ว รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมศ. นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน
    นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผม พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงแรงงาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ร่วมหารือผู้แทนสภาองค์การลูกจ้างฯ ที่ได้มายื่นหนังสือเพื่อขอให้แก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2541) ข้อ 2 วรรคสอง ที่กำหนดไม่ให้ลูกจ้างรายเดือนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลาเท่ากับลูกจ้างรายวัน และแก้ไขฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2543) ซึ่งตัดสิทธิลูกจ้างรายเดือนไม่ให้ได้รับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลา ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยได้มีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้ลูกจ้างรายเดือนได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานล่วงเวลา เช่นเดียวกับลูกจ้างรายวัน
    “ผมได้สั่งการให้จัดตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทน 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 7 คน เพื่อศึกษาผลดีและผลเสีย รวมถึงผลกระทบจากการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าว โดยจะพิจารณาการจ่ายค่าตอบแทนในอัตรา 1.5 เท่าต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ และ 3 เท่าต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานในวันหยุด เช่นเดียวกับลูกจ้างรายวันหรือลูกจ้างตามผลงานตามกฎกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจัดประชุมและรายงานผลการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน” นายพิพัฒน์กล่าว
    @PR DLPW

    https://www.facebook.com/share/Vt6L8h2fKupXkD92
    “พิพัฒน์” ขีดเส้น 2 เดือน พิจารณาเร่งแก้กฎกระทรวงฯ ให้ลูกจ้างรายเดือน รับสิทธิค่า OT ตามจริง พร้อมตั้งคณะทำงาน 3ฝ่าย วันที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือและรับหนังสือจากนายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย และผู้แทนสภาองค์การลูกจ้างจำนวน 7 สภา เพื่อขอให้กระทรวงแรงงานแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2541) และ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยมี นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวกาญจนา พูลแก้ว รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมศ. นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผม พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงแรงงาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ร่วมหารือผู้แทนสภาองค์การลูกจ้างฯ ที่ได้มายื่นหนังสือเพื่อขอให้แก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2541) ข้อ 2 วรรคสอง ที่กำหนดไม่ให้ลูกจ้างรายเดือนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลาเท่ากับลูกจ้างรายวัน และแก้ไขฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2543) ซึ่งตัดสิทธิลูกจ้างรายเดือนไม่ให้ได้รับค่าตอบแทนในการทำงานล่วงเวลา ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยได้มีการหารือในประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้ลูกจ้างรายเดือนได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานล่วงเวลา เช่นเดียวกับลูกจ้างรายวัน “ผมได้สั่งการให้จัดตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทน 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 7 คน เพื่อศึกษาผลดีและผลเสีย รวมถึงผลกระทบจากการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าว โดยจะพิจารณาการจ่ายค่าตอบแทนในอัตรา 1.5 เท่าต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ และ 3 เท่าต่อชั่วโมงสำหรับการทำงานในวันหยุด เช่นเดียวกับลูกจ้างรายวันหรือลูกจ้างตามผลงานตามกฎกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจัดประชุมและรายงานผลการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน” นายพิพัฒน์กล่าว @PR DLPW https://www.facebook.com/share/Vt6L8h2fKupXkD92
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • (30 ก.ย. 67) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...
    .
    ข่าวดี สารโมเลกุลมณีแดง ใกล้พร้อมใช้ในมนุษย์
    .
    จากการที่ ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ ได้ปรึกษาหารือเรื่องประสาทวิทยาอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดอภิวัฒน์ บอกว่าการศึกษาความเป็นพิษในหนูแรทเกรด GLP ที่เป็นมาตรฐานสำคัญในการทำการศึกษาทางคลินิก ผ่านแล้ว พบว่า ในขนาดยาที่ใช้รักษา สารโมเลกุลมณีแดง ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติและพยาธิสภาพของร่างกายใด ๆ
    .
    นอกจากผ่านการศึกษาความเป็นพิษแล้ว การศึกษาสารโมเลกุลมณีแดงสำเร็จแล้วในทุก ๆ ด้าน ได้แก่...
    .
    1. การค้นพบกลไกความชราของดีเอ็นเอ
    .
    2. การผลิตยา ร่วมกับสถานเสาวภา Pharmaceutical Grade มีระบบ QC เรียบร้อย
    .
    3. การศึกษาในสัตว์ทดลอง เพื่อหาข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ Senile dementia rat, Alzheimer’s rat, Parkinson’s rat, Lung fibrosis rat, Liver cirrhosis mouse, Insulin resistance rat, Burn สารโมเลกุลมณีแดง รักษาได้ทุกตัว แก้ไขพยาธิสภาพให้หายไปรวมถึง มี การสร้างเซลล์สมองใหม่ (neurogenesis)
    .
    4. การศึกษาคุณสมบัติของยา Safety test หรือความปลอดภัย ทำที่ National Primate Research Center of Thailand ลิงแสม > 1 ปี ผลลิงทุกตัวปลอดภัยดี หายแก่ > 40 สัปดาห์
    .
    5. Toxicity test ทำ 2 ที่ สถานเสาวภา ทำหลายสปีชี่ mouse, rat, หนูตะเภา กระต่าย ที่ ม. นเรศวร เป็น GLP rats ผ่านแล้ว
    .
    6. Pharmacokinetic and organ distribution เสร็จแล้ว
    .
    7. Storage conditions เสร็จแล้ว
    .
    ส่วน Clinical trials กำลังเตรียมการ
    .
    (30 ก.ย. 67) นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า... . ข่าวดี สารโมเลกุลมณีแดง ใกล้พร้อมใช้ในมนุษย์ . จากการที่ ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ ได้ปรึกษาหารือเรื่องประสาทวิทยาอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดอภิวัฒน์ บอกว่าการศึกษาความเป็นพิษในหนูแรทเกรด GLP ที่เป็นมาตรฐานสำคัญในการทำการศึกษาทางคลินิก ผ่านแล้ว พบว่า ในขนาดยาที่ใช้รักษา สารโมเลกุลมณีแดง ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติและพยาธิสภาพของร่างกายใด ๆ . นอกจากผ่านการศึกษาความเป็นพิษแล้ว การศึกษาสารโมเลกุลมณีแดงสำเร็จแล้วในทุก ๆ ด้าน ได้แก่... . 1. การค้นพบกลไกความชราของดีเอ็นเอ . 2. การผลิตยา ร่วมกับสถานเสาวภา Pharmaceutical Grade มีระบบ QC เรียบร้อย . 3. การศึกษาในสัตว์ทดลอง เพื่อหาข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ Senile dementia rat, Alzheimer’s rat, Parkinson’s rat, Lung fibrosis rat, Liver cirrhosis mouse, Insulin resistance rat, Burn สารโมเลกุลมณีแดง รักษาได้ทุกตัว แก้ไขพยาธิสภาพให้หายไปรวมถึง มี การสร้างเซลล์สมองใหม่ (neurogenesis) . 4. การศึกษาคุณสมบัติของยา Safety test หรือความปลอดภัย ทำที่ National Primate Research Center of Thailand ลิงแสม > 1 ปี ผลลิงทุกตัวปลอดภัยดี หายแก่ > 40 สัปดาห์ . 5. Toxicity test ทำ 2 ที่ สถานเสาวภา ทำหลายสปีชี่ mouse, rat, หนูตะเภา กระต่าย ที่ ม. นเรศวร เป็น GLP rats ผ่านแล้ว . 6. Pharmacokinetic and organ distribution เสร็จแล้ว . 7. Storage conditions เสร็จแล้ว . ส่วน Clinical trials กำลังเตรียมการ .
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชือดแล้ว 'ครูเบญ' ชื่อหาย พักราชการ ผอ.สพม.สระแก้ว
    .
    แม้ในทางกระแสสังคมกรณีของครูเบญที่มีชื่อเป็นผู้สอบได้ในตำแหน่งครูผู้สอน เอกวิทยาศาสตร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว จะไม่ค่อยร้อนแรงเท่าไหรแล้ว แต่ในแง่ของการตรวจสอบหาคนรับผิดชอบยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ​ คณะที่ปรึกษา​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ ปฏิบัติ​หน้า​ที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่ามีความผิดพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อีกทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ศธ.สั่งพักราชการผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดสระแก้วเป็นการชั่วคราว จนกว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการแทรกแซงหรือส่งผลกระทบต่อการสอบสวน เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
    .
    ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยตำรวจ อัยการ และเจ้าหน้าที่ ศธ.ส่วนกลาง ทำงานอีกชุดหนึ่งด้วย พร้อมส่งหลักฐานทุกอย่างให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบความชัดเจน และยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขหรือดัดแปลงหลักฐาน
    .
    “การทำงานของคณะกรรมการสอบสวนของ ศธ.จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานภายนอกที่ร่วมสอบสวน แต่เป็นการทำงานคู่ขนานเพื่อเร่งหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะไม่ล่าช้าแน่นอน กระบวนการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบการศึกษา และคลายข้อสงสัยทุกประเด็นต่อสังคม” โฆษก ศธ.กล่าว
    ............
    Sondhi X
    เชือดแล้ว 'ครูเบญ' ชื่อหาย พักราชการ ผอ.สพม.สระแก้ว . แม้ในทางกระแสสังคมกรณีของครูเบญที่มีชื่อเป็นผู้สอบได้ในตำแหน่งครูผู้สอน เอกวิทยาศาสตร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว จะไม่ค่อยร้อนแรงเท่าไหรแล้ว แต่ในแง่ของการตรวจสอบหาคนรับผิดชอบยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ​ คณะที่ปรึกษา​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ ปฏิบัติ​หน้า​ที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่ามีความผิดพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อีกทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ศธ.สั่งพักราชการผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดสระแก้วเป็นการชั่วคราว จนกว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการแทรกแซงหรือส่งผลกระทบต่อการสอบสวน เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย . ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยตำรวจ อัยการ และเจ้าหน้าที่ ศธ.ส่วนกลาง ทำงานอีกชุดหนึ่งด้วย พร้อมส่งหลักฐานทุกอย่างให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบความชัดเจน และยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขหรือดัดแปลงหลักฐาน . “การทำงานของคณะกรรมการสอบสวนของ ศธ.จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานภายนอกที่ร่วมสอบสวน แต่เป็นการทำงานคู่ขนานเพื่อเร่งหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะไม่ล่าช้าแน่นอน กระบวนการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบการศึกษา และคลายข้อสงสัยทุกประเด็นต่อสังคม” โฆษก ศธ.กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย: บุคคลผู้พร้อมเห็นธรรม

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงบุคคลประเภทหนึ่งว่าเป็น 'ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย' ซึ่งพร้อมที่จะเห็นธรรมะตามความเป็นจริง คำสอนนี้ให้ข้อคิดอันลึกซึ้งเกี่ยวกับการพัฒนาจิตวิญญาณและการเตรียมพร้อมสู่การรู้แจ้ง

    1. ความพร้อมทางจิตวิญญาณ
    'ธุลีในดวงตา' เปรียบเสมือนสิ่งที่บดบังปัญญาไม่ให้เห็นความจริง ผู้ที่มีธุลีน้อยจึงพร้อมที่จะเข้าถึงสัจธรรมได้ง่ายกว่า

    2. การสั่งสมบุญและปัญญา
    การที่บุคคลจะมีธุลีในดวงตาน้อยได้นั้น เกิดจากการสั่งสมบุญและปัญญามาอย่างยาวนาน ผ่านการศึกษาธรรม ละเว้นความชั่ว และทำความดี

    3. การเจริญสติและวิปัสสนา
    การฝึกสติและพิจารณาความไม่เที่ยงของสังขาร ช่วยขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากความเห็นผิด พร้อมที่จะเห็นความจริง

    4. การละทิฏฐิและอวิชชา
    ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย คือผู้ที่ละความเห็นผิดและอวิชชาได้มาก เหลือเพียงเล็กน้อยที่ยังต้องขัดเกลา

    5. ความพร้อมในการรับธรรม
    บุคคลเหล่านี้พร้อมที่จะเข้าใจธรรมะลึกซึ้งได้ง่าย เมื่อได้ฟังธรรมหรือพิจารณาสภาวธรรม

    6. การพัฒนาตนอย่างต่อเนื่อง
    แม้จะเป็นผู้มีธุลีในดวงตาน้อย ก็ยังต้องพัฒนาตนต่อไป เพื่อชำระจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

    7. โอกาสในการบรรลุธรรม
    ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยมีโอกาสสูงที่จะบรรลุธรรมในชาตินี้ หากได้พบกับกัลยาณมิตรและได้ฟังธรรมที่ถูกต้อง

    8. การเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น
    บุคคลเหล่านี้สามารถเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นในการปฏิบัติธรรมและพัฒนาจิตใจ

    คำสอนนี้ของพระพุทธเจ้าให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติธรรมว่า ความพยายามในการละชั่ว ทำดี และชำระจิตใจนั้นไม่สูญเปล่า แต่เป็นการสั่งสมความพร้อมที่จะเห็นธรรม แม้เราอาจไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในระดับใด แต่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องย่อมนำเราเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกขณะ

    ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจในการปฏิบัติธรรม พัฒนาจิตใจ และสั่งสมบุญปัญญา เพื่อให้เป็นผู้มีธุลีในดวงตาน้อยลง พร้อมที่จะเห็นธรรมและเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ"
    "ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย: บุคคลผู้พร้อมเห็นธรรม พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงบุคคลประเภทหนึ่งว่าเป็น 'ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย' ซึ่งพร้อมที่จะเห็นธรรมะตามความเป็นจริง คำสอนนี้ให้ข้อคิดอันลึกซึ้งเกี่ยวกับการพัฒนาจิตวิญญาณและการเตรียมพร้อมสู่การรู้แจ้ง 1. ความพร้อมทางจิตวิญญาณ 'ธุลีในดวงตา' เปรียบเสมือนสิ่งที่บดบังปัญญาไม่ให้เห็นความจริง ผู้ที่มีธุลีน้อยจึงพร้อมที่จะเข้าถึงสัจธรรมได้ง่ายกว่า 2. การสั่งสมบุญและปัญญา การที่บุคคลจะมีธุลีในดวงตาน้อยได้นั้น เกิดจากการสั่งสมบุญและปัญญามาอย่างยาวนาน ผ่านการศึกษาธรรม ละเว้นความชั่ว และทำความดี 3. การเจริญสติและวิปัสสนา การฝึกสติและพิจารณาความไม่เที่ยงของสังขาร ช่วยขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากความเห็นผิด พร้อมที่จะเห็นความจริง 4. การละทิฏฐิและอวิชชา ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย คือผู้ที่ละความเห็นผิดและอวิชชาได้มาก เหลือเพียงเล็กน้อยที่ยังต้องขัดเกลา 5. ความพร้อมในการรับธรรม บุคคลเหล่านี้พร้อมที่จะเข้าใจธรรมะลึกซึ้งได้ง่าย เมื่อได้ฟังธรรมหรือพิจารณาสภาวธรรม 6. การพัฒนาตนอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นผู้มีธุลีในดวงตาน้อย ก็ยังต้องพัฒนาตนต่อไป เพื่อชำระจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น 7. โอกาสในการบรรลุธรรม ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยมีโอกาสสูงที่จะบรรลุธรรมในชาตินี้ หากได้พบกับกัลยาณมิตรและได้ฟังธรรมที่ถูกต้อง 8. การเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น บุคคลเหล่านี้สามารถเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นในการปฏิบัติธรรมและพัฒนาจิตใจ คำสอนนี้ของพระพุทธเจ้าให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติธรรมว่า ความพยายามในการละชั่ว ทำดี และชำระจิตใจนั้นไม่สูญเปล่า แต่เป็นการสั่งสมความพร้อมที่จะเห็นธรรม แม้เราอาจไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในระดับใด แต่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องย่อมนำเราเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกขณะ ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจในการปฏิบัติธรรม พัฒนาจิตใจ และสั่งสมบุญปัญญา เพื่อให้เป็นผู้มีธุลีในดวงตาน้อยลง พร้อมที่จะเห็นธรรมและเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำคัญของการอ่าน
    การอ่านถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาความรู้และทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเขียน การคิดวิเคราะห์ หรือแม้แต่การเสริมสร้างจินตนาการ การอ่านทำให้เราได้รับความรู้และมุมมองใหม่ ๆ จากผู้เขียนที่มีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง

    การอ่านยังช่วยส่งเสริมให้เรามีความคิดสร้างสรรค์และเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองหรือธุรกิจสามารถให้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    อีกทั้ง การอ่านยังช่วยส่งเสริมการสื่อสารระหว่างบุคคล การได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ หรือรูปประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้เรามีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นหรือสื่อสารในที่ทำงานหรือในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การอ่านยังช่วยให้สมองของเราเปิดรับความคิดที่หลากหลาย และส่งเสริมการพัฒนาทักษะการตัดสินใจ

    การเรียนรู้ตลอดชีวิต
    การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในยุคที่เทคโนโลยีและวิทยาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเองและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น

    การเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในห้องเรียนหรือการเข้ารับการศึกษาในระบบ การเรียนรู้นอกระบบ เช่น การเรียนรู้ออนไลน์ การฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตประจำวันก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญเช่นกัน

    ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางออนไลน์ที่ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรม การตลาดดิจิทัล การออกแบบกราฟิก หรือแม้แต่การเรียนรู้ด้านศิลปะ การที่เราสามารถเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจและนำไปใช้ในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จมากขึ้น

    การเรียนรู้ตลอดชีวิตยังส่งเสริมให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นต่อโลกและปัญหาต่าง ๆ การมีความรู้และทักษะที่หลากหลายช่วยให้เราสามารถคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
    การจัดการเวลาเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมส่วนตัว การจัดการเวลาที่ดีจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดจากการที่ต้องทำงานมากเกินไปในเวลาจำกัด

    หนึ่งในวิธีการจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพคือการวางแผนงานล่วงหน้า การกำหนดเป้าหมายและสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันช่วยให้เรามีทิศทางและรู้ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง การวางแผนช่วยให้เราใช้เวลาได้อย่างเต็มที่และไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

    การจัดลำดับความสำคัญของงานก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ งานบางอย่างอาจต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด ขณะที่งานบางอย่างสามารถเลื่อนได้ เราควรจัดลำดับงานตามความสำคัญและเวลาที่ต้องใช้ เพื่อให้เราสามารถจัดการเวลาได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การตั้งเป้าหมายในชีวิต
    การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน การมีเป้าหมายทำให้เรารู้ว่าจะต้องทำอะไร และสามารถวางแผนเพื่อตอบสนองต่อความสำเร็จนั้นได้อย่างเหมาะสม

    การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงาน การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อสร้างความสำเร็จรายวันหรือรายสัปดาห์สามารถช่วยให้เรารู้สึกถึงความก้าวหน้าและทำให้มีความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไป

    นอกจากนี้ การตั้งเป้าหมายยังช่วยให้เราสามารถวัดผลความสำเร็จของเราได้ การวัดผลที่ชัดเจนช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรได้ดีและควรปรับปรุงอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

    การทำงานเป็นทีม
    การทำงานเป็นทีมเป็นทักษะที่สำคัญในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในกิจกรรมสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่นช่วยให้เราสามารถแบ่งปันความรู้ ความคิด และทักษะที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การทำงานเป็นทีมที่ดีต้องอาศัยความร่วมมือและการสื่อสารที่ดี การสื่อสารที่ชัดเจนช่วยให้ทีมสามารถเข้าใจเป้าหมายและทิศทางของการทำงานได้ชัดเจนขึ้น การเปิดรับความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์จากทุกคนในทีมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเป็นทีม

    นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีมยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างสมาชิกในทีม การรู้จักการทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งและสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

    การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
    ในปัจจุบัน คนจำนวนมากมักพบปัญหาในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน การที่เรามีเวลาที่จำกัดและต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่องของงานและครอบครัวทำให้การจัดการเวลาและพลังงานกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย

    การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้น แต่ยังช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย การจัดการเวลาอย่างเหมาะสมเพื่อให้เราสามารถพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบนอกเวลางานจะทำให้เรามีพลังในการทำงานมากขึ้น

    นอกจากนี้ การรู้จักแบ่งแยกเวลาและความรับผิดชอบอย่างชัดเจนจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้ดีและยังมีเวลาสำหรับตัวเองและครอบครัวอีกด้วย การสร้างสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพื่อให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยั่งยืน

    สรุป
    การเขียนบทความ 1,000 คำต้องอาศัยการวางแผนและการเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบ แต่หากเรามีโครงสร้างและแนวทางที่ชัดเจนก็จะทำให้การเขียนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
    ความสำคัญของการอ่าน การอ่านถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาความรู้และทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเขียน การคิดวิเคราะห์ หรือแม้แต่การเสริมสร้างจินตนาการ การอ่านทำให้เราได้รับความรู้และมุมมองใหม่ ๆ จากผู้เขียนที่มีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างลึกซึ้ง การอ่านยังช่วยส่งเสริมให้เรามีความคิดสร้างสรรค์และเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองหรือธุรกิจสามารถให้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง การอ่านยังช่วยส่งเสริมการสื่อสารระหว่างบุคคล การได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ หรือรูปประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้เรามีความสามารถในการแสดงความคิดเห็นหรือสื่อสารในที่ทำงานหรือในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การอ่านยังช่วยให้สมองของเราเปิดรับความคิดที่หลากหลาย และส่งเสริมการพัฒนาทักษะการตัดสินใจ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในยุคที่เทคโนโลยีและวิทยาการก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเองและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น การเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในห้องเรียนหรือการเข้ารับการศึกษาในระบบ การเรียนรู้นอกระบบ เช่น การเรียนรู้ออนไลน์ การฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตประจำวันก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ทางออนไลน์ที่ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรม การตลาดดิจิทัล การออกแบบกราฟิก หรือแม้แต่การเรียนรู้ด้านศิลปะ การที่เราสามารถเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจและนำไปใช้ในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวได้ ทำให้เรามีโอกาสที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จมากขึ้น การเรียนรู้ตลอดชีวิตยังส่งเสริมให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นต่อโลกและปัญหาต่าง ๆ การมีความรู้และทักษะที่หลากหลายช่วยให้เราสามารถคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการเวลาเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมส่วนตัว การจัดการเวลาที่ดีจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดจากการที่ต้องทำงานมากเกินไปในเวลาจำกัด หนึ่งในวิธีการจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพคือการวางแผนงานล่วงหน้า การกำหนดเป้าหมายและสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันช่วยให้เรามีทิศทางและรู้ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง การวางแผนช่วยให้เราใช้เวลาได้อย่างเต็มที่และไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น การจัดลำดับความสำคัญของงานก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ งานบางอย่างอาจต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด ขณะที่งานบางอย่างสามารถเลื่อนได้ เราควรจัดลำดับงานตามความสำคัญและเวลาที่ต้องใช้ เพื่อให้เราสามารถจัดการเวลาได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การตั้งเป้าหมายในชีวิต การตั้งเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน การมีเป้าหมายทำให้เรารู้ว่าจะต้องทำอะไร และสามารถวางแผนเพื่อตอบสนองต่อความสำเร็จนั้นได้อย่างเหมาะสม การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้ช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงาน การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อสร้างความสำเร็จรายวันหรือรายสัปดาห์สามารถช่วยให้เรารู้สึกถึงความก้าวหน้าและทำให้มีความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไป นอกจากนี้ การตั้งเป้าหมายยังช่วยให้เราสามารถวัดผลความสำเร็จของเราได้ การวัดผลที่ชัดเจนช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรได้ดีและควรปรับปรุงอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ การทำงานเป็นทีม การทำงานเป็นทีมเป็นทักษะที่สำคัญในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในกิจกรรมสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่นช่วยให้เราสามารถแบ่งปันความรู้ ความคิด และทักษะที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานเป็นทีมที่ดีต้องอาศัยความร่วมมือและการสื่อสารที่ดี การสื่อสารที่ชัดเจนช่วยให้ทีมสามารถเข้าใจเป้าหมายและทิศทางของการทำงานได้ชัดเจนขึ้น การเปิดรับความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์จากทุกคนในทีมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีมยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างสมาชิกในทีม การรู้จักการทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งและสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ในปัจจุบัน คนจำนวนมากมักพบปัญหาในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน การที่เรามีเวลาที่จำกัดและต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่องของงานและครอบครัวทำให้การจัดการเวลาและพลังงานกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานไม่เพียงแต่ช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้น แต่ยังช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย การจัดการเวลาอย่างเหมาะสมเพื่อให้เราสามารถพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบนอกเวลางานจะทำให้เรามีพลังในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ การรู้จักแบ่งแยกเวลาและความรับผิดชอบอย่างชัดเจนจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้ดีและยังมีเวลาสำหรับตัวเองและครอบครัวอีกด้วย การสร้างสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเพื่อให้เรามีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างยั่งยืน สรุป การเขียนบทความ 1,000 คำต้องอาศัยการวางแผนและการเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบ แต่หากเรามีโครงสร้างและแนวทางที่ชัดเจนก็จะทำให้การเขียนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเขียนข้อความยาว 1,000 คำถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความคิดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแสดงออกถึงความคิดของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวหรือประเด็นที่เราต้องการสื่อสารด้วย

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงหัวข้อการเขียนที่น่าสนใจ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนข้อความขนาดยาว

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง

    การพัฒนาตนเองเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน การศึกษา หรือแม้แต่ในเรื่องส่วนตัว หากเราสามารถสร้างนิสัยที่ดีและมีวินัยในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

    หนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองคือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและมีทิศทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

    นอกจากนี้ การฝึกฝนความคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเอง เราควรพยายามมองโลกในแง่ดีและเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่ท้อแท้ การคิดในแง่บวกจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม

    ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เราสามารถเลือกเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน

    ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่มีผลกระทบต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การศึกษา การผลิต และการบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น

    อีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีบทบาทสำคัญในวงการการเงิน เทคโนโลยีนี้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสามารถใช้ในกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ทำให้บล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงินและการค้าทั่วโลก

    นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ที่ทำให้สิ่งของต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ การเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกนี้ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย

    สุขภาพเป็นหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน

    การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินหรือวิ่งเบาๆ ทุกวันเพียง 30 นาที นอกจากนี้ การทำโยคะหรือพิลาทิสก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ

    อาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพ เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดี การลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทั่วโลก

    หนึ่งในวิธีการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานจากน้ำ นอกจากนี้ การลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

    การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้

    การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนทุกคน การเรียนรู้ไม่จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการฟังจากผู้รู้

    หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาคือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน เช่น การเรียนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของ COVID-19 การเรียนออนไลน์ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

    อีกหัวข้อหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือการศึกษาด้านทักษะใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการออกแบบกราฟิก ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและการพัฒนาตนเองในระยะยาว

    ## สรุป

    การเขียนข้อความ 1,000 คำอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ถ้าเราแบ่งหัวข้อและวางแผนการเขียนอย่างดี ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ

    thaittimes
    #thaitimes #thai
    "thaitimes"
    การเขียนข้อความยาว 1,000 คำถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความคิดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแสดงออกถึงความคิดของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวหรือประเด็นที่เราต้องการสื่อสารด้วย ในบทความนี้ เราจะพูดถึงหัวข้อการเขียนที่น่าสนใจ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนข้อความขนาดยาว ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเองเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน การศึกษา หรือแม้แต่ในเรื่องส่วนตัว หากเราสามารถสร้างนิสัยที่ดีและมีวินัยในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน หนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองคือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและมีทิศทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การฝึกฝนความคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเอง เราควรพยายามมองโลกในแง่ดีและเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่ท้อแท้ การคิดในแง่บวกจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ## การเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เราสามารถเลือกเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่มีผลกระทบต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การศึกษา การผลิต และการบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น อีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีบทบาทสำคัญในวงการการเงิน เทคโนโลยีนี้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสามารถใช้ในกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ทำให้บล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงินและการค้าทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ที่ทำให้สิ่งของต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ การเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกนี้ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย สุขภาพเป็นหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินหรือวิ่งเบาๆ ทุกวันเพียง 30 นาที นอกจากนี้ การทำโยคะหรือพิลาทิสก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ อาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพ เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดี การลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทั่วโลก หนึ่งในวิธีการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานจากน้ำ นอกจากนี้ การลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้ การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนทุกคน การเรียนรู้ไม่จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการฟังจากผู้รู้ หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาคือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน เช่น การเรียนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของ COVID-19 การเรียนออนไลน์ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น อีกหัวข้อหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือการศึกษาด้านทักษะใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการออกแบบกราฟิก ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและการพัฒนาตนเองในระยะยาว ## สรุป การเขียนข้อความ 1,000 คำอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ถ้าเราแบ่งหัวข้อและวางแผนการเขียนอย่างดี ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ thaittimes #thaitimes #thai "thaitimes"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้อยู่เบื้องหลังหมูเด้งดัง! องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์ และ Admin เพจ EDU zoo say

    นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ ( Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ ๓ งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา ๓ งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสิรมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา

    ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย

    ที่มา : NBT Connext

    #Thaitimes
    ผู้อยู่เบื้องหลังหมูเด้งดัง! องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์ และ Admin เพจ EDU zoo say นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ ( Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ ๓ งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา ๓ งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสิรมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย ที่มา : NBT Connext #Thaitimes
    Like
    Love
    18
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1284 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠

    🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯

    ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว

    บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ

    โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก

    การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก

    แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย

    หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี

    ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย

    ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ

    เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย

    จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี

    การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง

    เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย

    รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย

    คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน

    อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก

    🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯

    ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ

    อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม

    ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา

    เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น

    คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย

    นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน

    นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน

    แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง

    ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น

    อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา

    เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต

    บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น

    แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น

    เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง

    โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย

    ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา

    เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป

    แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป

    ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม

    ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠 🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯 ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก 🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯 ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ……
    แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา
    นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ…

    ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!!

    ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน
    ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้
    แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว
    นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย)
    ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ
    งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน
    โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว
    วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน…

    เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
    แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว
    และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง
    จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน
    ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder
    ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า
    “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……”
    เขาพูดต่อว่า…
    “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา”
    นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน

    ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง
    เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์
    ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้
    และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB
    ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน………
    เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา

    แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์

    ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต
    คนต่อไป.…เขายังไม่คิด
    สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว
    จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน
    ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007
    สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน
    อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้
    เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก
    เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!!
    ทุกคนขานรับ….

    การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้
    ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด
    ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ
    ครั้งที่สอง คือการตัดสิน

    รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย
    ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน……

    ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย
    เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน……
    ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส
    และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที
    เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ…
    และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก……

    เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว
    ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที

    ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง
    กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด………

    นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เค้าก็ไม่เคยบอกใครนะ ว่าพี่ปูเขาเป็นสุภาพบุรุษนักบุญ…… แต่คนที่จะเอาชนะกับกลุ่มมารที่ทึ้งแทะประเทศ……มันก็มีบทโหด……และ ไม่ใช่โหดเฉยๆ แต่โคตรโหดเลยจ้าาาาา นี่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำจิ้มนะจ๊ะ… ตอนสิบเจ็ด…..…ฆาตกรรมข้ามแดนที่เรียงเป็นซีรี่ย์……เป็นเรื่องตะวันตกเขาว่าเขารับไม่ได้………!! ดิฉันเคยเขียนถึงเรื่องของ Aleksandr Litvinenko ที่โดนยาพิษไปแล้ว จะเอามาแปะให้ข้างล่าง แต่……เขายังเป็นอะไรที่มีโอกาสสั่งเสีย และมีเวลาเขียนจดหมายอาฆาตแค้นถึงปูติน ก่อนที่จะลาลับไปจากโลกนี้ แต่ก่อนหน้านั้นหกอาทิตย์ ……คนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกระพริบตา คือ Anna Politkovskaya **วัย 48 นักข่าว นักเคลื่อนไหว นักเขียน ที่มีสัญชาติอเมริกัน (เชื้อชาติรัสเซีย) ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลปูตินมาโดยตลอด เธอถือว่าเธอได้รับการคุ้มครองจากสถานทูตอเมริกัน จึงกล้าเขียนวิจารณ์ทั้งสื่อใน และ นอกประเทศ งานหลักของเธอคือ การจิกกัดในเรื่องของสงครามที่เชเชน โดยจะทำรายงานสกู๊ปข่าวอย่างละเอียด ว่า ใครได้ถูกเก็บไปบ้าง และติเตียนปูตินที่เอา Ramzan Kadyrov จิ๊กโก๋บ้าดีเดือด มาเป็นผู้ว่าการรัฐ ที่เธอเปรียบเปรย และดูถูก ว่า ไร้การศึกษา ไม่มีมารยาท กระหายเลือด และ โง่.……!!ว วันที่ 7 ตุลาคม 2006 ที่เธอกำลังขึ้นลิฟท์ที่พัก……มือปืนได้บุกเข้ายิงเธอสี่นัด และวางปืนไว้ข้างๆร่างของเธอ เป็นสัญญลักษณ์ว่า เป็นการจ้างวาน… เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจกลางกรุงมอสโคว์ เหยื่อเป็นนักข่าว เป็นผู้หญิง และอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล แน่นอนว่า…..ทุกคนพุ่งเป้าไปที่ปูตินพียงคนเดียว และไม่มีใครออกมาให้ข่าวอะไรเพื่อที่จะเคลียร์ตัวเอง จนสามวันถัดไปที่เป็นวันฝังร่างที่มีผู้คนไปร่วมงานนับพัน ที่ปูตินเดินทางไปที่ Dresden ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาดาม Angela Merkel ที่มาแทน Gerhard Schroeder ในการพบกัน แองเจลาได้พยายามที่จะถามคุ้ยถึงเรื่องฆาตกรรม แต่ปูตินพูดเรียบๆว่า “มันเป็นอะไรที่เหี้ยมโหดมาก..แต่การที่หล่อนตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย เขียนข้อความที่ต่อต้านมาโดยตลอด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลอะไรกับรัฐบาลเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปทำการที่ทำให้เกิดผลเสีย……คนที่อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมนี้ คือกลุ่มที่มีความตั้งใจจะให้เราเป็นแพะ……” เขาพูดต่อว่า… “เรามีศัตรูที่ฝังตัวอยู่ในและนอกรัสเซียมากมาย ที่พร้อมที่จะสาดโคลนให้เราเสียชื่อเสียงตลอดเวลา” นั่นเขาหมายถึง Litvinenko ที่ไปตั้งแก๊งค์รวมกลุ่มกับ Boris Berezovsky ที่ลอนดอน ~~สาวให้ลึกเข้าไปอีกนิดนะคะ Litvinenko (จะเรียกว่า Lit) กับ Anna อยู่ในขบวนการเดียวกัน เธอได้บินไปเยี่ยมเขาถึงในลอนดอน เพื่อให้ข้อมูลของสงครามเชเชน……เพราะ Lit ได้เจาะในเรื่องการที่เหล่าผู้นำฝ่ายกบฏถูกตามเก็บไปทีละคนสองคน จนเป็นการจบสิ้นขบวนการขัดแย้ง เขาเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลยี่สิบกว่าวัน หลังจากการจากไปของแอนนาเพียงหกอาทิตย์ ทั้งสองคดีนี้……จับคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ติดคุกกันไปคนบะหลายปี แต่จับตัวผู้บงการไม่ได้ และ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพื้นเพเป็นอดีต FSB ส่วนจดหมายอาฆาตแค้นที่ Lit เขียนถึงปูติน……… เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแสดงความเสียใจ……เช่นเดียวกับที่เขาได้ทำอย่างเดียวกันกับการฆาตกรรมของแอนนา แต่เนื่องจากกระแสข่าวที่ได้ถูกจุดขึ้นมา สื่อตะวันตกจึงได้ใช้กระแสนี้ ขุดเอาการตายอย่างน่าสงสัยของคนหลายๆคนในอดีตขึ้นมาด้วย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ FSB เพราะ Boris Berezovsky อดีตเจ้าพ่อสื่อตั้งตัวเป็นศัตรูที่เปิดหน้าชกกับปูติน……แบบข้ามทวีป……ลอนดอน-มอสโคว์ ปูตินเหลือเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งอีกเพียงปีเศษ เพราะการเลือกตั้งจะมีในปี 2008 เขาจึงหันมาสนใจที่จะเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จตามแผน ส่วนเรื่องที่จะหาใครมาเป็นแคนดิเดต คนต่อไป.…เขายังไม่คิด สิ่งที่เขามุ่งมั่นที่จะทำ คือ การที่จะเอารัสเซียไปเป็นเจ้าภาพในกีฬาฤดูหนาวของโอลิมปิก 2014 เพราะตั้งแต่ ปี 1980 ที่โซเวียตได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ที่มอสโคว์แล้ว จากนั้นมา…ไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะการแซงชั่น (สงครามอาฟกานิสถาน) และ มาตรฐานไม่ผ่าน ปูตินบินไปกัวเตมาลา ในเดือนกรกฎาคม 2007 สำหรับการประชุมนอกรอบเกี่ยวกับการขอเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาว กับ International Olympic Committee เพราะเขาเห็นว่าถึงเวลาที่รัสเซียจะต้องอวดโฉมให้กับชาวโลกได้เห็นว่า………รัสเซียไม่ใช่ประเทศหลังเขาอย่างแต่ก่อน อีกทั้งปูตินเอง เป็นนักกีฬาแทบทุกชนิด เขาจึงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัสเซียได้เป็นเจ้าภาพของโอลิมปิกให้ได้ เพราะเขารู้จัก Sochi ดี….และเห็นว่ามีภูมิทัศน์และภูมิประเทศที่จะจัดแข่งสกีได้ไม่แพ้ที่ไหนในโลก เขาเรียกประชุมเหล่า CEO ทั้งหลาย เพื่อที่จะทุ่มทุนสร้าง Ski Resort แบบมาตรฐานโลก……เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า…!! ทุกคนขานรับ…. การประชุมที่กัวเตมาลาครั้งต่อมา ที่จะมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ และ ต้องได้มาตรฐานสูงสุด ที่จะมีการโหวตสองครั้ง ครั้งแรก คือการคัดเลือกเข้ารอบ ครั้งที่สอง คือการตัดสิน รอบแรกของการคัดเลือก ผ่านเข้ามาสามประเทศ คือ ออสเตรีย, เกาหลีใต้……และรัสเซีย ที่เกาหลีใต้เฉือนรัสเซียสี่คะแนน ส่วนออสเตรียมารั้งท้าย ปูตินรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…… ในการประชุมตัดสินรอบต่อไป……ที่เหลือระหว่างเกาหลีใต้กับรัสเซีย เขาได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน…… ทุกคนตกตะลึง……ไม่เชื่อหู…คือ เขา present โครงการที่ทันสมัย และความสวยงามของ Sochi เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตบท้ายด้วยการสรุปเป็นภาษาฝรั่งเศส และทันทีที่กล่าวเสร็จ……เขาไม่อยู่รอฟังการตัดสิน บินกลับมอสโคว์ทันที เพราะ ปูตินไม่อยากอยู่สู้หน้าใคร ถ้าหากว่า รัสเซียหลุดไปจากโผ เพราะเขาได้ทุ่มหมดหน้าตักทั้งสมองและจิตใจ… และไม่อยากเผชิญกับใบหน้าที่ยิ้มเยาะของพวกตะวันตก…… เจ้าหน้าที่ที่กัวเตมาลาได้โทรหาเขาในระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน เพื่อแสดงความยินดีที่ Sochi ได้รับเลือกในการที่จะเป็นเจ้าภาพกีฬาฤดูหนาว ปูตินดีใจจนเนื้อเต้น เขารีบโทรศัพท์ไปขอบคุณประธานและคณะกรรมการทันที ทันทีที่เครื่องบินได้แตะพื้นดินรัสเซีย เขาพบว่าประชาชนทุกคนมีรอยยิ้มอย่างแจ่มใสบนใบหน้า ทุกคนดีใจกับเกียรติภูมิของรัสเซียที่เขาได้นำกลับมาอีกครั้ง กระแสความนิยมของปูตินได้พุ่งถึงขีดสุด……… นั่นเป็นการยืนยันกับประชาชนอย่างหนักแน่นว่า………รัสเซียกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่อีกครั้ง………!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลการสอบ Cambridge International A Level คะแนนรวมสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย รับรางวัล Best Across Awards เป็นรางวัลสูงสุดด้านการศึกษาของระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ยังได้คะแนนสูงสุดของวิชาเคมี Top in Thailand อีก 1 รางวัล จากทาง Cambridge Assessment International Education
    https://youtu.be/Xb-HCMPk48Y?si=4u5ZSbVMdh_rZm7t
    ผลการสอบ Cambridge International A Level คะแนนรวมสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย รับรางวัล Best Across Awards เป็นรางวัลสูงสุดด้านการศึกษาของระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ยังได้คะแนนสูงสุดของวิชาเคมี Top in Thailand อีก 1 รางวัล จากทาง Cambridge Assessment International Education https://youtu.be/Xb-HCMPk48Y?si=4u5ZSbVMdh_rZm7t
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่

    Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน
    วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024

    สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress)
    เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน
    และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้

    “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก

    นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน

    ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง

    ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา

    ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก

    กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป

    โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด”

    แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”

    ความเป็นมา:
    ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน

    ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน:
    Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr.

    ถอดความภาษาไทยโดย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024 สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress) เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้ “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด” แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้” ความเป็นมา: ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน: Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr. ถอดความภาษาไทยโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด

    27 กันยายน 2567-รายงานจาก ราชกิจจานุเบกษาที่เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง ประธานศาลปกครองสูงสุด เนื่องจาก นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจาก อายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2567 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567

    ทั้งนี้ คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือก นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด และได้เสนอชื่อต่อวุฒิสภา ซึ่งในการประชุมเมื่อ 3 กันยายน ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด

    จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด

    #Thaitimes
    โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด 27 กันยายน 2567-รายงานจาก ราชกิจจานุเบกษาที่เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง ประธานศาลปกครองสูงสุด เนื่องจาก นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจาก อายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2567 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือก นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ รองประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด และได้เสนอชื่อต่อวุฒิสภา ซึ่งในการประชุมเมื่อ 3 กันยายน ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 868 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thai
    เด็กหญิงวัย 5 ขวบจากแอฟริกาใต้ ลูกสาวของแม่เลี้ยงเดียว แม่ของเธอส่งเธอไปที่ร้านเพื่อซื้อขนมปังหนึ่งก้อน

    ระหว่างทางกลับ มีคนแปลกหน้าถ่ายรูป
    เธอไว้ ภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโชเชียลมีเดีย ถ่ายทอดความสุขที่แท้จริงของเธอ ภายใต้แรงกดดันจากสาธารณชน

    บริษัทผลิตขนมปังได้แต่งตั้งตั้งให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปัจจุบันภาพของเธอเป็นป้ายโฆษณาขนมปังทั่วแอฟริกาใต้

    ในทางกลับกัน แม่ลูกคู่นี้ได้รับบ้านสองห้องและบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของเด็กหญิงจนกว่า
    จะสำเร็จการศึกษา

    *นี่คือเรื่องราวสุดประทับใจที่
    บอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุขง่ายๆ ที่บันทึกเอาไว้ในภาพถ่าย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน คนหนึ่งให้ดีขึ้นได้ไป
    Thai เด็กหญิงวัย 5 ขวบจากแอฟริกาใต้ ลูกสาวของแม่เลี้ยงเดียว แม่ของเธอส่งเธอไปที่ร้านเพื่อซื้อขนมปังหนึ่งก้อน ระหว่างทางกลับ มีคนแปลกหน้าถ่ายรูป เธอไว้ ภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโชเชียลมีเดีย ถ่ายทอดความสุขที่แท้จริงของเธอ ภายใต้แรงกดดันจากสาธารณชน บริษัทผลิตขนมปังได้แต่งตั้งตั้งให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ปัจจุบันภาพของเธอเป็นป้ายโฆษณาขนมปังทั่วแอฟริกาใต้ ในทางกลับกัน แม่ลูกคู่นี้ได้รับบ้านสองห้องและบริษัทจะออกค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของเด็กหญิงจนกว่า จะสำเร็จการศึกษา *นี่คือเรื่องราวสุดประทับใจที่ บอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสุขง่ายๆ ที่บันทึกเอาไว้ในภาพถ่าย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน คนหนึ่งให้ดีขึ้นได้ไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27 กันยายน 2567-รายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) มีหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0009.232/8033 ลงวันที่ 27 ก.ย.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. และ จตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า

    ใจความว่า ด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุ วันที่ 1 ต.ค.67 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย.67 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

    สำหรับ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นอกจากนี้ยังเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผบ.ตร.คนต่อไป

    ที่มา : https://news1live.com/detail/9670000091175?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2o5jsvWfMPmbl6GALqD_Iab8HDowGjBXAH-FJ7VXJgFEGoIWr0i3iCPDo_aem_oMDeDXkLH6WHFJm7J80MTg

    #Thaitimes
    27 กันยายน 2567-รายงานข่าวผู้จัดการออนไลน์ระบุว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) มีหนังสือบันทึกข้อความ ที่ 0009.232/8033 ลงวันที่ 27 ก.ย.2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน ถึง รอง ผบ.ตร. และ จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ผบช. และ จตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ใจความว่า ด้วย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จะพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุ วันที่ 1 ต.ค.67 นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 335/2567 ลงวันที่ 26 ก.ย.67 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ สำหรับ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ปัจจุบันเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับหนึ่ง รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) นอกจากนี้ยังเป็นตัวเต็งที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงผบ.ตร.คนต่อไป ที่มา : https://news1live.com/detail/9670000091175?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2o5jsvWfMPmbl6GALqD_Iab8HDowGjBXAH-FJ7VXJgFEGoIWr0i3iCPDo_aem_oMDeDXkLH6WHFJm7J80MTg #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1104 มุมมอง 1 รีวิว
  • 27-09-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.86 ชื่อตอน "FIRST COME FIRST SERVE ไอ้สัส!" มาก่อนตายห่าก่อน เสี้ยนหนัก จัดให้ อย่าถอยสิ ดีออก? เพิ่งจะเริ่มปารี้ตี้กันอย่างเมามันส์ อียิวหางโผล่ สันดานสตรอเบอแหลไม่เลิก ดูทรงถูกลงแขกยับ ชิงเปิดโต๊ะเจรจา เชิญมรึงไปเจรจากับยมบาลก่อนก็แล้วกัน กูใส่อย่างเดียว! ยิวไม่ตายโลกไม่สงบ โลกตกผลึกแล้ว! ฮาแตก! โลกการละคร "หมูเด้ง" แซงหน้าโพลเลือกตั้งอีทรัมปป์กะอีกมลาบัดซบ ซะงั้น ควายเบื่อดูเหี้ย ดูฮิปโป มันส์กว่าสิน่ะ? เชิญมรึงเล่นละครหลอกควายไปเหอะ แผนเจรจาหยุดยิง มีแต่ควายที่เชื่อ เพราะโลกอาหรับ มุสลิม เค้าไม่มารอมรึงเห่าดอกน่ะ ฆ่าอย่างเดียว ถล่มไม่หยุด ใส่ยับ จนลืมหายใจ สู้กับอียิวเหี้ยสัดนรก ไม่มีคำว่า "พัก" ฆ่ามันจนกว่าจะหมดโลกเท่านั้น อิสราเอล สหรัฐ อังกฤษ NATO มรึงไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ต่อรอง มรึงมันแพ้ยับ ไอ้ขี้แพ้ ไอ้กระจอก ไม่มีสิทธิ์ ตั้งธงเปิดโต๊ะเจรจา สงครามจะหยุดหรือไม่ จะหยุดยิงหรือไม่ "อำนาจอยู่ที่ขั้วใหม่หมดทั้งสิ้น" ควายยังโง่ดักดานไม่เลิก! อียิวช็อค! ขั้วใหม่รู้ทัน ดักทางเกลี้ยง กดเหี้ยก่อสงครามเฉพาะจุด คุมพื้นที่ เล่นแค่ระดับภูมิภาค แผนแตกยุโรป แตกตะวันออกลาง กลายเป็นแตกเยรูซาเล็ม แตกยูเครนแทน เหตุเพราะกำลังพลในพื้นที่มีไม่พอ อาวุธไม่ถึง กระแสไม่ได้ โลกเอือมเหี้ยสุดขีด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อเมริกาต้องขายแผ่นดินชดใช้หนี้ อังกฤษต้องแตก เพราะอีสก็อต กับอีไอร์เหนือ ไม่อยู่แบกหนี้ที่มรึงก่อ ส่วนเยรูซาเล็มกลายเป็นสุสานยิวพันธุ์สัดนรก สงครามนุ๊ก ใช้ไม่ได้จริง ได้แต่ขู่ แต่อีกฝ่ายเค้าล้ำหน้าไปไกลแล้ว ยอมรับสภาพไม่ได้ ก็ยื้อกันไปแบบนี้ เข้าทางตรีนขั้วใหม่ เพราะ "เวลา" คืออาวุธชั้นดีที่จะเปลี่ยนโลก ดูภาพให้ชัด ปูติน สีจิ้นผิง ใช้เวลา ถอดหน้ากาก เผยธาตุแท้เหี้ยจนหมดเปลือก จนโลกเทเหี้ยย้ายขั้วกันหมด ศรีธนญชัย 2024 ก็เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันคือภาพเดียวกับที่โลกประสบอยู่ นี่คือการแก้เกมส์ที่ไม่ต้องเอาชีวิตคนทั้งโลกมาเป็นตัวประกัน ขั้วใหม่รอแค่ให้เหี้ยหมดหนทาง บีบให้ใช้นุ๊กก่อน เพื่อที่จะปิดบัญชียาวไป สงครามเป็นแค่เครื่องมือใช้พิสูจน์ผู้ชนะเท่านั้น แต่ผู้ชนะที่แท้จริงคือโลกตามใครต่างหาก? ดังนั้น โลกการละครที่ดูกันอยู่ อียิวเหี้ยได้ใจ อีส้มเน่า อีแดง เหี้ยได้ควาย มันก็แค่ภาพมายา บทถูกล้างบางมันจะมาเร็วกว่าที่คิด จบพศ.นี้ชัวร์! เพราะเหี้ยมันไม่เหลืออะไรจะสู้ได้อีกแล้ว หมดสภาพของจริง สุดท้าย แตกอเมริกา แตกอังกฤษ แตกเยรูซาเล็ม โลกก็กลับคืนสู่ภาวะปกติทันที แล้วสร้างโลกใหม่ขึ้นมา จับตาดูเครือข่ายโซเชี่ยลโลกที่เหี้ย C ควบคุมให้ดีดี ตอนนี้ แสงทำงานได้ผล สื่อเหี้ยตายราบคาบ โซเชี่ยลที่ปั่นเจอตอกหน้าหงาย เพราะผู้คนเริ่มรู้ทัน ส่วนควายก็ยังเป็นควายเหมือนเดิม เปลี่ยนโลกใหม่ ควายก็ยังไม่ตื่น เพราะมัน BORN TO BE กรรมเก่ามันเยอะ ผีบังตา อาร์คติคเริ่มขยับแล้ว ดูทรง ปูตินต้องการชวนเหี้ยกระจายกำลังไม่สิ้นสุด เมื่อกองกำลังมรึงถูกหั่น ถูกแบ่ง ต้องไปทำหน้าที่หลายพื้นที่ มันยังจะเหลือความแข็งแกร่งต่อมุย? นี่แหละ ที่เค้าเรียกว่า "สอนมวย" สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล ถังแตก หมดสภาพ เพราะดอลล่าร์ไม่ทำงาน เดินเกมส์ฆ่า ก็แพ้ยับ เดินเกมส์มั่ว ก็ถูกตบหน้าหงาย คำถามคือ "จุดจบมันอยู่ตรงไหน?" มันเริ่มไปแล้ว ตั้งแต่ BRICS ก่อตั้งสำเร็จ และโลกเทหมดหน้าตัก BRICS ฆ่าดอลล่าร์ ในขณะที่กองทัพรัสเซีย อิหร่าน จีน และชาติพันธมิตรอาหรับ มุสลิม ฆ่าตัวเหี้ย ตัวเป็นๆ เกลื่อนโลก เงินหมด ก็คือหมาไงจ๊ะ? ฝ่ายการเมืองเลบานอนหลบไป ดอกนี้ เฮซบอเลาะห์เข้าควบคุมประเทศเบ็ดเสร็จ ประกาศสงครามโดยตรงกับอิสราเอล ประกาศภาวะฉุกเฉิน ประกาศพร้อมรบเต็มอัตราศึก โดยมีขั้วใหม่ให้ตราประทับ การันตี ชนะชัวร์! รูปแบบการศึกยุคใหม่ ทำให้เหี้ยไปไม่เป็น ยังชักปินยิงแบบหนังคาวบอยอยู่ ขณะที่ขั้วใหม่เน้นส่งยมฑูตบนฟ้ามาเยี่ยม มรึงจะไปชนะเค้าได้ยังไง? ภาพรวมตอนนี้ กองกำลังนับแสนเข้าทางเลบานอน แล้วออกไปไล่ฆ่าอียิวกับขี้ข้า ยึดพื้นที่ ทะลวงด่านเพื่อเชื่อมต่อกับ 3 ฮอ เชื่อมได้เมื่อไหร่คือ "GAME OVER" อียิวถึงได้สู้ตาย แต่ฝีมือมันห่างชั้นกันมากจนเกินไป อาวุธเทียบไม่ติด กระจอกเกินห้ามใจ ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น โลกเค้าลงแขกมรึงแล้ว จะเหลือเหรอ? ทำไมอีทรัมปป์ ถึงได้กล้าประกาศล้างเผ่าพันธุ์ยิว คำตอบคือ "หากจะขึ้นเป็น KING แล้วยิวยังอยู่ มรึงจะได้แตกแผ่นดินมั้ยล่ะ?" ตอนนี้ ชื่ออียิวเหี้ยไซออนนิสต์ขายดี เป็นเทน้ำ เทท่า แค่เอ่ยชื่อมา "พร้อมตายโหงได้ทุกเมื่อ" มีแต่คนอยากจะลงแขกมันกันทั้งโลก อีทรัมปป์มันหัวไว ถามว่ามันกลับใจเหรอ? นายทุนเหี้ยสามานย์มีเหรอจะกลับใจ? กูจะเป็น KING จบน่ะ? แสงทำงาน จี้ปมในใจให้เหี้ยกำราบเหี้ย คนดีดีไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ อเมริกาไม่แตก อีทรัมปป์ก็ตายห่าชัวร์! โดนยัดข้อหาไป 200 กว่าคดี ต่างกรรม ต่างวาระ มรึงคิดว่าหากมันจะขึ้นเป็นผู้นำ สิ่งแรกที่มันต้องจัดการก่อนคืออะไรล่ะ? ดึงอำนาจเข้าหาตัวเอง เปลี่ยนกฎหมาย ใช้กฎกูแทนไงล่ะ? อเมริกาถูกกำหนดให้แตก โดยอีทรัมปป์นี่แหละ สวรรค์เขียนบทมาเช่นนั้น! ภายในอีทรัมปป์จัดการ ภายนอก ขั้วใหม่จัดอยู่ ชดใช้หนี้ ใครจะจ่าย เอาแผ่นดินไปล่ะกัน จบน่ะ?

    ปล.คุณยายหมุด ออกมาตบไอ้อีตระกละทั้งหลาย หน้าหงาย เงินแผ่นดิน ไม่ใช่เงินมรึง อยากจะแดร๊กกันตัวสั่น 10000 ได้ไป ชีวิตสั้นลงไปอีก 10 ปี ยมบาลจองคิวรอ สะท้อนภาพชัด คนกับควาย หมาหิว กับหมาเฝ้าบ้าน มันคนละสเปซี่จริงหนอ? อเมริกา ยุโรป จะอยู่ต่อยังไง? เมื่อมรึงจำเป็นต้องใช้พลังงาน อาหาร แหล่งแร่ สินค้าอุปโภค บริโภค อะไรที่มรึงผลิตเองไม่ได้ ต้องสั่งนำเข้า แต่เค้าไม่รับดอลล่าร์ ยูโร มรึงต้องจ่ายเป็นหยวน รูเบิล แทน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาคการเงิน การธนาคาร ตายสนิท เพราะเงินที่พวกมรึงเอามาใช้ล่วงหน้ามันถูกมัดตราสังข์เอาไว้ด้วยหนี้ก้อนมหาศาล ย้อนมาดูคลังไทยกันบ้าง เงินบาทแข็งไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก มันควรจะแข็งโป๊กมานานแล้ว เพราะความเป็นจริง คลังไทยมีเงินเก็บมหาศาล ทองคำล้นทะลักคลัง แล้วมรึงจะเอาไปเปรียบเทียบกับคลังเน่า ที่ไม่เหลือแม้แต่เศษกรวดเนี่ยน่ะ ใครกำหนดล่ะ 1 USD=35THB กติกาเหี้ยไงล่ะ แค่มรึงตื่น แล้วดูข้อเท็จจริง คลังไทยรวยกว่าคลังอเมริกาเป็น 100 เท่า ความเป็นจริงที่ถูกต้องมันควรจะเป็น 1 THB = 35USD หมายังรู้? แต่นักวิชาเกิน นักเศรษฐกิจเกิน มันแกล้งโง่ไม่รู้ซะงั้น กลัวมันฆ่าเหรอจ๊ะ? ปูติน สีจิ้นผิง ออกตัวอุ้มซะขนาดนี้ มรึงยังต้องกลัวไอ้อีหน้าไหนอีกล่ะ? กองทัพไทยไม่ใช่ขี้ตรีน ธรรมดาซะที่ไหน? หากเอาจริง เหี้ย C ในไทย ตายห่าไปหมดแล้ว แต่เพราะนี่คือ AMAZING THAILAND ศรีธนญชัย 2024 เล่นบทมีแต่ได้ ไม่มีเสียไงล่ะ จะไปงัดกับเหี้ย ต้องดูก่อนว่ามันล้มชัวร์แล้ว มรึงจะได้เห็นยามที่เหี้ยสิ้นเนื้อประดาตัว หมายังไม่แล? ฮาแตก! นี่ไงปชต.ควาย ควายชอบ ฉลองเงิน 10000 เมาปลิ้น ตกคลองเกือบสิ้นชื่อ มรึงเข้าใจยัง? เงิน 10000 อยู่กับคนใช้เป็น จะสร้าง 100000 เงิน 10000 อยู่กับควาย จะเหลือ -10000 สติไม่มี จะเอาปัญญาที่ไหนคิด? กูเห็นเต็ม 2 ตา ในซอยบ้านกูเนี่ย แม่งนั่งทะเลาะกันเองในครอบครัว คนนึงได้ คนนึงไม่ได้ คนนึงได้ก่อน อีกคนได้ทีหลัง ตีกันยับ ด่ากันเละ มรึงคอยดูเหอะ กูพูดไม่มีผิดดอก เมื่อวังวนควาย มันเอาแต่ได้ มันเห็นแก่ตัว ไม่พ้นเรื่องกิเลส ตัณหา ราคะ สนองตัวมัน ได้วันนี้ ก็หมดวันนี้ ไหนล่ะ ต่อยอด กระตุ้นเศรษฐกิจ มรึงรู้ กูก็รู้ ว่าแผนนี้มันชงมาจากเยรูซาเล็ม เป้าหมายเดียวคือ บั่นทองเสถียรภาพแผ่นดินไทย อ้าว..แล้วทหารไม่รู้เหรอ? รู้ยิ่งกว่ารู้ เค้าคำนวณ ควบคุม และมองเกมส์ตลอด กูไบ้ไปแล้วน่ะ คลังไทยมีเงินมหาศาล มากกว่าที่มรึงคิดหลาย 100 เท่า การที่จะทำให้ควายทั้งแผ่นดินตาย และตื่นขึ้นมาได้นั้น มันต้องโดนกับตัวเอง อย่ากังวล เค้ามีตัวเลขรับได้ ทั้งหมดเพื่อแลกกับดอกเดียว "เชือดเหี้ยทั้งแผ่นดิน" ยึดทรัพย์เหี้ยทั้งแผ่นดิน ล้างบางการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน เงินแสนล้าน เค้ามีไว้พร้อมแล้ว แต่ใครบอกล่ะว่า จะให้มรึงผลาญง่ายๆ ไม่อยากจะชี้โพรงให้กระรอก เงินที่แจกคือเงินภาษีประชาชน คนเซ็นต์ คนรับผิดชอบ คนอนุมัติ คนเสนอโครงการ โดนหมด ทั้งแพ่ง อาญา มรึงลองนับดูสิ ทั้งพรรคมีกี่ตัว เอามาหาร 2 แสนล้าน ขาดเหลือเท่าไหร่ ตามเก็บกับอีเหลี่ยมเหี้ย ส่วนเงินชดใช้ต้องคืน ดอกนี้ วังจะเข้ามาแบกเอง ประชากรควายมันไม่มีปัญญาเอาเงินมาคืนดอก แค่จะแดร๊กให้รอดไปวันวันยังยาก เรื่องนี้ ทหารเค้าอ่านขาดหมดนานแล้ว ระดับเกจิ กุนซือแผ่นดิน คำว่า "เสียหาย" มันมีหลายระดับ พอรับได้ พอทน ไม่กระทบกระเทือนแผ่นดินระยะยาว คนชนชั้นกลาง ปัญญาชนทั้งหลาย มรึงแบกหนี้แผ่นดินนี้มาช้านานแล้ว เพราะเป็นกลุ่มกำลังสร้างเงินช่วยแผ่นดินจริง มรึงจะได้บุญกุศลคืนแน่ กูการันตี ทำดีย่อมได้ดี ย่อมเหี้ยย่อมต้องได้เหี้ย สัจธรรมตลอดกาล INFINITY+ เชื่อมั่นในหลวงก็พอ ปัญญากูมีเท่านี้ ยังรู้ แล้วเบื้องบนเค้าวางหมากหลายชั้นกว่านั้นเยอะ มรึงคิดว่า "จะเทวดาซะแค่ไหน" ไม่มีดอก เสียเปรียบ แค่ทุกอย่างอยู่ในสายพระเนตรของพ่อท่าน ก็อุ่นใจแล้ว เชื่อกูสิ! กูพูดหลายครั้งแล้วว่า แผ่นดินนี้ คือแผ่นดินทอง มีผู้ดูแล มีคนกำกับ แถมยังมีเทวดา นางฟ้า สิงสถิตอยู่ จะกลัวเหี้ยอะไรอีก? แสงอยู่เต็มพื้นที่ สว่างไสวด้วยพระบารมี!

    หมี CNN(เกมส์สงคราม อย่าดูปลีกย่อย ให้ดูภาพใหญ่ ภาพหลัก ภาพรวม แล้วจะไม่หลงทาง เหี้ยมันสร้างประเด็นได้ทุกวันอยู่แล้ว งานถนัดมัน สงครามไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ขั้วใหม่เค้าพร้อมจริง ถึงกล้าสั่งลุย เพราะประเมินแล้วว่า "ชนะชัวร์ 100%" ระดับปูติน สีจิ้นผิง ใช่เพื่อนเล่นมรึงเหรอ? ไทยและอาเซียน รวมทั้งโลก ก็จะชนะชัวร์เช่นกัน สภาโลกมาแน่ กองทัพโลกโผล่แน่ ไปยิงกันในอวกาศต่อเลย กูชอบ กูจะไปหาเพื่อน E.T นอกโลกซะหน่อย)
    27 กย. 67
    11.30 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172741109996921670

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    27-09-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.86 ชื่อตอน "FIRST COME FIRST SERVE ไอ้สัส!" มาก่อนตายห่าก่อน เสี้ยนหนัก จัดให้ อย่าถอยสิ ดีออก? เพิ่งจะเริ่มปารี้ตี้กันอย่างเมามันส์ อียิวหางโผล่ สันดานสตรอเบอแหลไม่เลิก ดูทรงถูกลงแขกยับ ชิงเปิดโต๊ะเจรจา เชิญมรึงไปเจรจากับยมบาลก่อนก็แล้วกัน กูใส่อย่างเดียว! ยิวไม่ตายโลกไม่สงบ โลกตกผลึกแล้ว! ฮาแตก! โลกการละคร "หมูเด้ง" แซงหน้าโพลเลือกตั้งอีทรัมปป์กะอีกมลาบัดซบ ซะงั้น ควายเบื่อดูเหี้ย ดูฮิปโป มันส์กว่าสิน่ะ? เชิญมรึงเล่นละครหลอกควายไปเหอะ แผนเจรจาหยุดยิง มีแต่ควายที่เชื่อ เพราะโลกอาหรับ มุสลิม เค้าไม่มารอมรึงเห่าดอกน่ะ ฆ่าอย่างเดียว ถล่มไม่หยุด ใส่ยับ จนลืมหายใจ สู้กับอียิวเหี้ยสัดนรก ไม่มีคำว่า "พัก" ฆ่ามันจนกว่าจะหมดโลกเท่านั้น อิสราเอล สหรัฐ อังกฤษ NATO มรึงไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ต่อรอง มรึงมันแพ้ยับ ไอ้ขี้แพ้ ไอ้กระจอก ไม่มีสิทธิ์ ตั้งธงเปิดโต๊ะเจรจา สงครามจะหยุดหรือไม่ จะหยุดยิงหรือไม่ "อำนาจอยู่ที่ขั้วใหม่หมดทั้งสิ้น" ควายยังโง่ดักดานไม่เลิก! อียิวช็อค! ขั้วใหม่รู้ทัน ดักทางเกลี้ยง กดเหี้ยก่อสงครามเฉพาะจุด คุมพื้นที่ เล่นแค่ระดับภูมิภาค แผนแตกยุโรป แตกตะวันออกลาง กลายเป็นแตกเยรูซาเล็ม แตกยูเครนแทน เหตุเพราะกำลังพลในพื้นที่มีไม่พอ อาวุธไม่ถึง กระแสไม่ได้ โลกเอือมเหี้ยสุดขีด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อเมริกาต้องขายแผ่นดินชดใช้หนี้ อังกฤษต้องแตก เพราะอีสก็อต กับอีไอร์เหนือ ไม่อยู่แบกหนี้ที่มรึงก่อ ส่วนเยรูซาเล็มกลายเป็นสุสานยิวพันธุ์สัดนรก สงครามนุ๊ก ใช้ไม่ได้จริง ได้แต่ขู่ แต่อีกฝ่ายเค้าล้ำหน้าไปไกลแล้ว ยอมรับสภาพไม่ได้ ก็ยื้อกันไปแบบนี้ เข้าทางตรีนขั้วใหม่ เพราะ "เวลา" คืออาวุธชั้นดีที่จะเปลี่ยนโลก ดูภาพให้ชัด ปูติน สีจิ้นผิง ใช้เวลา ถอดหน้ากาก เผยธาตุแท้เหี้ยจนหมดเปลือก จนโลกเทเหี้ยย้ายขั้วกันหมด ศรีธนญชัย 2024 ก็เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันคือภาพเดียวกับที่โลกประสบอยู่ นี่คือการแก้เกมส์ที่ไม่ต้องเอาชีวิตคนทั้งโลกมาเป็นตัวประกัน ขั้วใหม่รอแค่ให้เหี้ยหมดหนทาง บีบให้ใช้นุ๊กก่อน เพื่อที่จะปิดบัญชียาวไป สงครามเป็นแค่เครื่องมือใช้พิสูจน์ผู้ชนะเท่านั้น แต่ผู้ชนะที่แท้จริงคือโลกตามใครต่างหาก? ดังนั้น โลกการละครที่ดูกันอยู่ อียิวเหี้ยได้ใจ อีส้มเน่า อีแดง เหี้ยได้ควาย มันก็แค่ภาพมายา บทถูกล้างบางมันจะมาเร็วกว่าที่คิด จบพศ.นี้ชัวร์! เพราะเหี้ยมันไม่เหลืออะไรจะสู้ได้อีกแล้ว หมดสภาพของจริง สุดท้าย แตกอเมริกา แตกอังกฤษ แตกเยรูซาเล็ม โลกก็กลับคืนสู่ภาวะปกติทันที แล้วสร้างโลกใหม่ขึ้นมา จับตาดูเครือข่ายโซเชี่ยลโลกที่เหี้ย C ควบคุมให้ดีดี ตอนนี้ แสงทำงานได้ผล สื่อเหี้ยตายราบคาบ โซเชี่ยลที่ปั่นเจอตอกหน้าหงาย เพราะผู้คนเริ่มรู้ทัน ส่วนควายก็ยังเป็นควายเหมือนเดิม เปลี่ยนโลกใหม่ ควายก็ยังไม่ตื่น เพราะมัน BORN TO BE กรรมเก่ามันเยอะ ผีบังตา อาร์คติคเริ่มขยับแล้ว ดูทรง ปูตินต้องการชวนเหี้ยกระจายกำลังไม่สิ้นสุด เมื่อกองกำลังมรึงถูกหั่น ถูกแบ่ง ต้องไปทำหน้าที่หลายพื้นที่ มันยังจะเหลือความแข็งแกร่งต่อมุย? นี่แหละ ที่เค้าเรียกว่า "สอนมวย" สหรัฐ อังกฤษ อิสราเอล ถังแตก หมดสภาพ เพราะดอลล่าร์ไม่ทำงาน เดินเกมส์ฆ่า ก็แพ้ยับ เดินเกมส์มั่ว ก็ถูกตบหน้าหงาย คำถามคือ "จุดจบมันอยู่ตรงไหน?" มันเริ่มไปแล้ว ตั้งแต่ BRICS ก่อตั้งสำเร็จ และโลกเทหมดหน้าตัก BRICS ฆ่าดอลล่าร์ ในขณะที่กองทัพรัสเซีย อิหร่าน จีน และชาติพันธมิตรอาหรับ มุสลิม ฆ่าตัวเหี้ย ตัวเป็นๆ เกลื่อนโลก เงินหมด ก็คือหมาไงจ๊ะ? ฝ่ายการเมืองเลบานอนหลบไป ดอกนี้ เฮซบอเลาะห์เข้าควบคุมประเทศเบ็ดเสร็จ ประกาศสงครามโดยตรงกับอิสราเอล ประกาศภาวะฉุกเฉิน ประกาศพร้อมรบเต็มอัตราศึก โดยมีขั้วใหม่ให้ตราประทับ การันตี ชนะชัวร์! รูปแบบการศึกยุคใหม่ ทำให้เหี้ยไปไม่เป็น ยังชักปินยิงแบบหนังคาวบอยอยู่ ขณะที่ขั้วใหม่เน้นส่งยมฑูตบนฟ้ามาเยี่ยม มรึงจะไปชนะเค้าได้ยังไง? ภาพรวมตอนนี้ กองกำลังนับแสนเข้าทางเลบานอน แล้วออกไปไล่ฆ่าอียิวกับขี้ข้า ยึดพื้นที่ ทะลวงด่านเพื่อเชื่อมต่อกับ 3 ฮอ เชื่อมได้เมื่อไหร่คือ "GAME OVER" อียิวถึงได้สู้ตาย แต่ฝีมือมันห่างชั้นกันมากจนเกินไป อาวุธเทียบไม่ติด กระจอกเกินห้ามใจ ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น โลกเค้าลงแขกมรึงแล้ว จะเหลือเหรอ? ทำไมอีทรัมปป์ ถึงได้กล้าประกาศล้างเผ่าพันธุ์ยิว คำตอบคือ "หากจะขึ้นเป็น KING แล้วยิวยังอยู่ มรึงจะได้แตกแผ่นดินมั้ยล่ะ?" ตอนนี้ ชื่ออียิวเหี้ยไซออนนิสต์ขายดี เป็นเทน้ำ เทท่า แค่เอ่ยชื่อมา "พร้อมตายโหงได้ทุกเมื่อ" มีแต่คนอยากจะลงแขกมันกันทั้งโลก อีทรัมปป์มันหัวไว ถามว่ามันกลับใจเหรอ? นายทุนเหี้ยสามานย์มีเหรอจะกลับใจ? กูจะเป็น KING จบน่ะ? แสงทำงาน จี้ปมในใจให้เหี้ยกำราบเหี้ย คนดีดีไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ อเมริกาไม่แตก อีทรัมปป์ก็ตายห่าชัวร์! โดนยัดข้อหาไป 200 กว่าคดี ต่างกรรม ต่างวาระ มรึงคิดว่าหากมันจะขึ้นเป็นผู้นำ สิ่งแรกที่มันต้องจัดการก่อนคืออะไรล่ะ? ดึงอำนาจเข้าหาตัวเอง เปลี่ยนกฎหมาย ใช้กฎกูแทนไงล่ะ? อเมริกาถูกกำหนดให้แตก โดยอีทรัมปป์นี่แหละ สวรรค์เขียนบทมาเช่นนั้น! ภายในอีทรัมปป์จัดการ ภายนอก ขั้วใหม่จัดอยู่ ชดใช้หนี้ ใครจะจ่าย เอาแผ่นดินไปล่ะกัน จบน่ะ? ปล.คุณยายหมุด ออกมาตบไอ้อีตระกละทั้งหลาย หน้าหงาย เงินแผ่นดิน ไม่ใช่เงินมรึง อยากจะแดร๊กกันตัวสั่น 10000 ได้ไป ชีวิตสั้นลงไปอีก 10 ปี ยมบาลจองคิวรอ สะท้อนภาพชัด คนกับควาย หมาหิว กับหมาเฝ้าบ้าน มันคนละสเปซี่จริงหนอ? อเมริกา ยุโรป จะอยู่ต่อยังไง? เมื่อมรึงจำเป็นต้องใช้พลังงาน อาหาร แหล่งแร่ สินค้าอุปโภค บริโภค อะไรที่มรึงผลิตเองไม่ได้ ต้องสั่งนำเข้า แต่เค้าไม่รับดอลล่าร์ ยูโร มรึงต้องจ่ายเป็นหยวน รูเบิล แทน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาคการเงิน การธนาคาร ตายสนิท เพราะเงินที่พวกมรึงเอามาใช้ล่วงหน้ามันถูกมัดตราสังข์เอาไว้ด้วยหนี้ก้อนมหาศาล ย้อนมาดูคลังไทยกันบ้าง เงินบาทแข็งไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก มันควรจะแข็งโป๊กมานานแล้ว เพราะความเป็นจริง คลังไทยมีเงินเก็บมหาศาล ทองคำล้นทะลักคลัง แล้วมรึงจะเอาไปเปรียบเทียบกับคลังเน่า ที่ไม่เหลือแม้แต่เศษกรวดเนี่ยน่ะ ใครกำหนดล่ะ 1 USD=35THB กติกาเหี้ยไงล่ะ แค่มรึงตื่น แล้วดูข้อเท็จจริง คลังไทยรวยกว่าคลังอเมริกาเป็น 100 เท่า ความเป็นจริงที่ถูกต้องมันควรจะเป็น 1 THB = 35USD หมายังรู้? แต่นักวิชาเกิน นักเศรษฐกิจเกิน มันแกล้งโง่ไม่รู้ซะงั้น กลัวมันฆ่าเหรอจ๊ะ? ปูติน สีจิ้นผิง ออกตัวอุ้มซะขนาดนี้ มรึงยังต้องกลัวไอ้อีหน้าไหนอีกล่ะ? กองทัพไทยไม่ใช่ขี้ตรีน ธรรมดาซะที่ไหน? หากเอาจริง เหี้ย C ในไทย ตายห่าไปหมดแล้ว แต่เพราะนี่คือ AMAZING THAILAND ศรีธนญชัย 2024 เล่นบทมีแต่ได้ ไม่มีเสียไงล่ะ จะไปงัดกับเหี้ย ต้องดูก่อนว่ามันล้มชัวร์แล้ว มรึงจะได้เห็นยามที่เหี้ยสิ้นเนื้อประดาตัว หมายังไม่แล? ฮาแตก! นี่ไงปชต.ควาย ควายชอบ ฉลองเงิน 10000 เมาปลิ้น ตกคลองเกือบสิ้นชื่อ มรึงเข้าใจยัง? เงิน 10000 อยู่กับคนใช้เป็น จะสร้าง 100000 เงิน 10000 อยู่กับควาย จะเหลือ -10000 สติไม่มี จะเอาปัญญาที่ไหนคิด? กูเห็นเต็ม 2 ตา ในซอยบ้านกูเนี่ย แม่งนั่งทะเลาะกันเองในครอบครัว คนนึงได้ คนนึงไม่ได้ คนนึงได้ก่อน อีกคนได้ทีหลัง ตีกันยับ ด่ากันเละ มรึงคอยดูเหอะ กูพูดไม่มีผิดดอก เมื่อวังวนควาย มันเอาแต่ได้ มันเห็นแก่ตัว ไม่พ้นเรื่องกิเลส ตัณหา ราคะ สนองตัวมัน ได้วันนี้ ก็หมดวันนี้ ไหนล่ะ ต่อยอด กระตุ้นเศรษฐกิจ มรึงรู้ กูก็รู้ ว่าแผนนี้มันชงมาจากเยรูซาเล็ม เป้าหมายเดียวคือ บั่นทองเสถียรภาพแผ่นดินไทย อ้าว..แล้วทหารไม่รู้เหรอ? รู้ยิ่งกว่ารู้ เค้าคำนวณ ควบคุม และมองเกมส์ตลอด กูไบ้ไปแล้วน่ะ คลังไทยมีเงินมหาศาล มากกว่าที่มรึงคิดหลาย 100 เท่า การที่จะทำให้ควายทั้งแผ่นดินตาย และตื่นขึ้นมาได้นั้น มันต้องโดนกับตัวเอง อย่ากังวล เค้ามีตัวเลขรับได้ ทั้งหมดเพื่อแลกกับดอกเดียว "เชือดเหี้ยทั้งแผ่นดิน" ยึดทรัพย์เหี้ยทั้งแผ่นดิน ล้างบางการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน เงินแสนล้าน เค้ามีไว้พร้อมแล้ว แต่ใครบอกล่ะว่า จะให้มรึงผลาญง่ายๆ ไม่อยากจะชี้โพรงให้กระรอก เงินที่แจกคือเงินภาษีประชาชน คนเซ็นต์ คนรับผิดชอบ คนอนุมัติ คนเสนอโครงการ โดนหมด ทั้งแพ่ง อาญา มรึงลองนับดูสิ ทั้งพรรคมีกี่ตัว เอามาหาร 2 แสนล้าน ขาดเหลือเท่าไหร่ ตามเก็บกับอีเหลี่ยมเหี้ย ส่วนเงินชดใช้ต้องคืน ดอกนี้ วังจะเข้ามาแบกเอง ประชากรควายมันไม่มีปัญญาเอาเงินมาคืนดอก แค่จะแดร๊กให้รอดไปวันวันยังยาก เรื่องนี้ ทหารเค้าอ่านขาดหมดนานแล้ว ระดับเกจิ กุนซือแผ่นดิน คำว่า "เสียหาย" มันมีหลายระดับ พอรับได้ พอทน ไม่กระทบกระเทือนแผ่นดินระยะยาว คนชนชั้นกลาง ปัญญาชนทั้งหลาย มรึงแบกหนี้แผ่นดินนี้มาช้านานแล้ว เพราะเป็นกลุ่มกำลังสร้างเงินช่วยแผ่นดินจริง มรึงจะได้บุญกุศลคืนแน่ กูการันตี ทำดีย่อมได้ดี ย่อมเหี้ยย่อมต้องได้เหี้ย สัจธรรมตลอดกาล INFINITY+ เชื่อมั่นในหลวงก็พอ ปัญญากูมีเท่านี้ ยังรู้ แล้วเบื้องบนเค้าวางหมากหลายชั้นกว่านั้นเยอะ มรึงคิดว่า "จะเทวดาซะแค่ไหน" ไม่มีดอก เสียเปรียบ แค่ทุกอย่างอยู่ในสายพระเนตรของพ่อท่าน ก็อุ่นใจแล้ว เชื่อกูสิ! กูพูดหลายครั้งแล้วว่า แผ่นดินนี้ คือแผ่นดินทอง มีผู้ดูแล มีคนกำกับ แถมยังมีเทวดา นางฟ้า สิงสถิตอยู่ จะกลัวเหี้ยอะไรอีก? แสงอยู่เต็มพื้นที่ สว่างไสวด้วยพระบารมี! หมี CNN(เกมส์สงคราม อย่าดูปลีกย่อย ให้ดูภาพใหญ่ ภาพหลัก ภาพรวม แล้วจะไม่หลงทาง เหี้ยมันสร้างประเด็นได้ทุกวันอยู่แล้ว งานถนัดมัน สงครามไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ขั้วใหม่เค้าพร้อมจริง ถึงกล้าสั่งลุย เพราะประเมินแล้วว่า "ชนะชัวร์ 100%" ระดับปูติน สีจิ้นผิง ใช่เพื่อนเล่นมรึงเหรอ? ไทยและอาเซียน รวมทั้งโลก ก็จะชนะชัวร์เช่นกัน สภาโลกมาแน่ กองทัพโลกโผล่แน่ ไปยิงกันในอวกาศต่อเลย กูชอบ กูจะไปหาเพื่อน E.T นอกโลกซะหน่อย) 27 กย. 67 11.30 น. https://linevoom.line.me/post/1172741109996921670 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนักกว่าเคสน้องไนท์ก็คือโจมณทนี
    #เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มที่นี่ที่แรกที่เดียว
    หากเราเปรียบเทียบกับเคสน้องไนท์
    ที่ถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วนั้น กรณีไนท์
    แม่น้องอาศัยศรัทธา และความเป็นผู้วิเศษ
    อุปโลกไนท์ เป็นพระพุทธเจ้าอนาคามี
    แต่ไม่มีการเรียกเก็บลักษณะเป็นคอส
    ยกเว้นกรณีมีการจัดอีเวนท์ที่ผู้จัดจะเป็นผู้รับเงิน
    แต่โจมณฑนี เปิดเป็นโรงเรียนอย่างเอิกเริก
    โดยมีรายละเอียดดังนี้
    -------------------------------------------------
    ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา
    ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้
    กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา
    จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน
    ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา
    โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง
    คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน
    นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง
    สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน
    มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต
    มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
    ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
    โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน
    โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น
    จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด
    สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้
    นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน
    ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา
    และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้
    ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น
    รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์
    ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้
    ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ
    ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ
    เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด
    เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา
    จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ
    ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี
    ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ
    รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป
    แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส
    ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง
    ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก
    ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส
    ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย
    ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน
    แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา
    จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค
    รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ
    การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย
    แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์
    ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์
    ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน
    จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง
    เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม
    ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ
    จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ
    #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    #ปปง
    #DSi
    ต้องรวมพลังส่งข้อมูลให้กับหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักพุทธ ทนายอนันตชัย กระทรวงศึกษาธิการ ดีเอสไอ สนช และปปง
    เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #หนักกว่าเคสน้องไนท์ก็คือโจมณทนี #เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มที่นี่ที่แรกที่เดียว หากเราเปรียบเทียบกับเคสน้องไนท์ ที่ถึงจุดสิ้นสุดไปแล้วนั้น กรณีไนท์ แม่น้องอาศัยศรัทธา และความเป็นผู้วิเศษ อุปโลกไนท์ เป็นพระพุทธเจ้าอนาคามี แต่ไม่มีการเรียกเก็บลักษณะเป็นคอส ยกเว้นกรณีมีการจัดอีเวนท์ที่ผู้จัดจะเป็นผู้รับเงิน แต่โจมณฑนี เปิดเป็นโรงเรียนอย่างเอิกเริก โดยมีรายละเอียดดังนี้ ------------------------------------------------- ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้ กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้ นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์ ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้ ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์ ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์ ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ปปง #DSi ต้องรวมพลังส่งข้อมูลให้กับหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักพุทธ ทนายอนันตชัย กระทรวงศึกษาธิการ ดีเอสไอ สนช และปปง เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Sad
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1051 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มขุดที่นี่ที่แรกที่เดียว
    ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา
    ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้
    กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา
    จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน
    ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา
    โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง
    คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน
    นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง
    สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน
    มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต
    มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
    ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
    โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน
    โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น
    จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด
    สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้
    นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน
    ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา
    และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้
    ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น
    รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์
    ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้
    ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ
    ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ
    เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด
    เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา
    จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ
    ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี
    ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ
    รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป
    แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส
    ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง
    ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก
    ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส
    ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย
    ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน
    แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา
    จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค
    รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ
    การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย
    แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์
    ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์
    ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน
    จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง
    เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม
    ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ
    จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ
    #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    #ปปง
    #DSi
    เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปิดเส้นทางสู่การเป็นนักต้มขุดที่นี่ที่แรกที่เดียว ยิ่งขุด ยิ่งอึ้ง กับบุคคลที่ทุยศรัทธา ภาพลักษณ์ของโจ มณฑนี ในสายตาของกลุ่มผู้คลั่งไคล้ กามิจ กาฝาก สก็อยกิมจิ คือบุคคลที่ทุยศรัทธา จะป.ตรี ดร. ก็นั่งฟังสิ่งที่โจ บรรยายกันสลอน ยิ่งฟังยิ่งน่านับถือ ยิ่งฟังยิ่งน่าศรัทธา โดยหารู้ไม่ สามสี่ชม.ต่อวันที่นั่งฟัง คุณกำลังเจอนักต้มมืออาชีพ ที่รอดตัวมานาน นั่นคือพฤติกรรมเหิมเกริมต่อกฏบ้านกฏเมือง สร้างโรงเรียนเถี่อน สร้างหลักสูตรเถี่ยน มีการแอบอ้าง ตั้งสถานศึกษาโดยไม่ได้ขออนุญาต มีการแอบอ้าง การสร้างหลักสูตรโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน ซ้ำยังมีการเรียกรับค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว โดยอาศัยความศรัทธาที่บิดเบือน โดย โจ มณฑนี มีวุฒิการศึกษาเพียงม.ต้น จึงไม่สามารถจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเปิด สถานศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้ นอกจากนั้น หลักสูตรที่ต้มพวกจิตอ่อน ล้วนไม่มีอยู่ในสารบบของกระทรวงศึกษา และนี่คือสิ่งที่โจทำไปโดยขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ เพราะการเรียนในระบบ วุฒิเพียงม.ต้นเท่านั้น รวมถึง ค่าเรียนที่เรียกรับผลประโยชน์ ถึงหลักหมื่นถึงสองหมื่นกว่า ซึ่งเป็นรายได้ ที่มหาศาล ทั้งๆที่ตนเ่อง แอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ทำให้มีคนที่พลาดเชื่อ เข้ามา เพราะโจมณฑนี สร้างความเข้าใจผิด เพราะตัวโจเอง ไม่ได้จบแม้กระทั้ง ม.6 แม้บิดา จะพาไปเรียนสายอาชีพ คือปวช.1 โจก็ไม่เรียนให้สำเร็จ ไม่เคยคำนึงถึงความห่วงใยของบุพการี ส่งผลให้อาศัยเพียงแค่การเป็นคนที่ครูพักลักจำ รู้อย่างนู้นนิด อย่างนี้หน่อย ต่างประเทศยังไม่เคยไป แต่ก็อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แค่ไปเรียนคอส ภาษาอังกฤษในประเทศระยะสั้น เพียงแค่นั้นเอง ดังนั้น พฤติการมิฉฉ๋าชีพนี้ มีความชัดเจนมาก ไม่ต่างอะไรกับพวกเข้าทรง ที่เคยออกโหนกระแส ที่อ้างว่าตนเองมีพลังจิต หยั่งรู้ฟ้าดิน เราคนไทย ต่างได้เห็นและต่างแสดงความขบขัน แต่มันไม่ขำตรงที่ โจ วุฒิม.ต้น ยังคงเรียกแรงศรัทธา จากผู้งายงม และเข้าไปอยู่ในเครือข่ายการฟอก เงินดาร์ค รับงานเอเจนซี่ของเกาหลี โดยหนึ่งในแผนคือ การให้ร้ายแน๊กชาลี ดาราหนุ่มของไทย แบน โปรดักไทยที่ให้แน๊กชาลีเป็นพลีเซ็นเตอร์ ด้วยกระบวนการไอโอ ยุซผี และเทรนทิพย์ ที่ไม่ใช่วิถีทางของสุจริตชน จึงเรียนถึงหน่วยงานที่มมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากยังปล่อยให้โจมณฑนี ที่มีพฤติกรรม ที่เป็นโจน พัฒนาไปสู่กลุ่มฟอกข้ามชาติ จะเกิดความเสียหายกับคนไทยและประเทศ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ปปง #DSi เพื่อชาติ เพื่อความถูกต้อง เพื่อประชาชนไทย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1052 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลเรื่องโจ มีวุฒิม.5 เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง เรียนแค่ม.5 วุฒิการศึกษาจึงแค่ม.3 เท่านั้น ขออภัยในความผิดพลาด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ข้อมูลเรื่องโจ มีวุฒิม.5 เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง เรียนแค่ม.5 วุฒิการศึกษาจึงแค่ม.3 เท่านั้น ขออภัยในความผิดพลาด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1028 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ขอแก้ไขข้อมูลเพื่อความเป็นธรรมแด่โจมณฑนี
    #โจมณฑนีจบวุฒิมอห้านั่นไม่เป็นความจริง
    จากเมื่อวานนี้ เพจคิงส์โพธิ์แดงได้นำเสนอข้อมูล
    ที่มีความผิดพลาด กรณี โจ มณฑนี จบเพียงวุฒิม.5
    ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ มีความจำเป็นต้องถูกต้องและแม่นยำ
    เพราะที่ผ่านมา โจ มักอ้างว่าข้อมูลทางเพจ ไม่จริง
    ด้วยบทบาทของคุณ โจ มณฑนี ที่ผู้เป็นแฟนคลับ
    ของ กามิน นักแสดงตต.ชาวเกาหลี ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง
    ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง จึงมีข้อมูลส่วนสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ
    จากการที่ทางเพจ ได้ให้ข้อมูลว่า
    โจมณฑนี จบวุฒิการศึกษาม.5 นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    เนื่องจาก ประวัติการศึกษาของ โจ
    โจเรียนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเรียนไม่จบเทอมแรก
    และการออกวุฒิการศึกษา ไม่มีวุฒิม.5
    หากจะให้ข้อมูลนี้ถูกต้องจริงๆก็
    คือ
    #โจมณฑนี
    #ไม่ได้จบวุฒิมอห้า
    #แต่โจได้รับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่3เท่านั้น
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    และแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
    ขออภัยในความผิดพลาด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ขอแก้ไขข้อมูลเพื่อความเป็นธรรมแด่โจมณฑนี #โจมณฑนีจบวุฒิมอห้านั่นไม่เป็นความจริง จากเมื่อวานนี้ เพจคิงส์โพธิ์แดงได้นำเสนอข้อมูล ที่มีความผิดพลาด กรณี โจ มณฑนี จบเพียงวุฒิม.5 ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ มีความจำเป็นต้องถูกต้องและแม่นยำ เพราะที่ผ่านมา โจ มักอ้างว่าข้อมูลทางเพจ ไม่จริง ด้วยบทบาทของคุณ โจ มณฑนี ที่ผู้เป็นแฟนคลับ ของ กามิน นักแสดงตต.ชาวเกาหลี ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง จึงมีข้อมูลส่วนสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ จากการที่ทางเพจ ได้ให้ข้อมูลว่า โจมณฑนี จบวุฒิการศึกษาม.5 นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจาก ประวัติการศึกษาของ โจ โจเรียนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเรียนไม่จบเทอมแรก และการออกวุฒิการศึกษา ไม่มีวุฒิม.5 หากจะให้ข้อมูลนี้ถูกต้องจริงๆก็ คือ #โจมณฑนี #ไม่ได้จบวุฒิมอห้า #แต่โจได้รับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่3เท่านั้น จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ขออภัยในความผิดพลาด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1195 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน
    ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้

    🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
    การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน
    ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน
    ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ
    อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย
    ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ

    🚩2. การกระจายความเสี่ยง
    การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ
    ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น
    จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ
    อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา
    ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน
    ภาพรวมได้

    🚩3. การวางแผนการเงิน
    การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย
    ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้
    ในระยะยาว

    🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน
    ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
    ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น
    หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง
    และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป
    จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น

    🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง
    คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์
    แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน
    และ ทางเทคนิค เป็นต้น

    นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง
    ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง
    มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด
    ได้นานมากขึ้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้ 🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ 🚩2. การกระจายความเสี่ยง การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน ภาพรวมได้ 🚩3. การวางแผนการเงิน การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้ ในระยะยาว 🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น 🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์ แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน และ ทางเทคนิค เป็นต้น นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด ได้นานมากขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา #thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 569 0 รีวิว
  • 💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน
    ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้

    🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
    การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน
    ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน
    ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ
    อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย
    ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ

    🚩2. การกระจายความเสี่ยง
    การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ
    ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น
    จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ
    อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา
    ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน
    ภาพรวมได้

    🚩3. การวางแผนการเงิน
    การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย
    ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้
    ในระยะยาว

    🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน
    ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
    ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น
    หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง
    และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป
    จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น

    🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง
    คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์
    แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน
    และ ทางเทคนิค เป็นต้น

    นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง
    ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง
    มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด
    ได้นานมากขึ้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มาพบวิธีการสร้างภูมิต้านทานการลงทุน ซึ่งมี 5 วิธีดังนี้ 🚩1. การศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และตลาดการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องมี เช่น การลงทุน ในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม และ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการวิเคราะห์ปัจจัย ทางเทคนิค และ ปัจจัยทางพื้นฐานต่างๆ 🚩2. การกระจายความเสี่ยง การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายสามารถ ช่วยลดความเสี่ยงได้ เช่น การลงทุนในหุ้น จากหลากหลายอุตสาหกรรม มีประโยชน์เมื่อ อุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมา ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยประคองพอร์ตการลงทุน ภาพรวมได้ 🚩3. การวางแผนการเงิน การมีแผนการเงิน การลงทุน ที่ชัดเจน และมีวินัย ในการออม จะช่วยให้เราสามารถเกิดความมั่นคงได้ ในระยะยาว 🚩4. การติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน ควรติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ว่าพอร์ตการลงทุนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น หุ้นในพอร์ต ที่มีผล ติดลบ อย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ควรปรับลด หรือ ตัดออกไป จากพอร์ตการลงทุน เป็นต้น 🚩5. การมีจิตใจที่มั่นคง คือ ไม่ลงทุนไปตามกระแสข่าว หรือแรงเชียร์ แต่ลงทุนจากการวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐาน และ ทางเทคนิค เป็นต้น นี่ก็เเป็น 5 ภูมิต้านทานการลงทุน ที่ควรสร้าง ขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถลงทุนได้อย่าง มั่นใจ มั่นคง และ ยืนระยะในตลาด ได้นานมากขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5ภูมิต้านการลงทุนที่ควรสร้างขึ้นมา #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 875 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts