• ช่วงเวลาการโจมตีจากโดรนของรัสเซียในเมือง Dnepropetrovsk
    ช่วงเวลาการโจมตีจากโดรนของรัสเซียในเมือง Dnepropetrovsk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • 4/
    รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน

    เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ

    มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ

    4/ รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • 3/
    รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน

    เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ

    มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ

    3/ รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 2/
    รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน

    เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ

    มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ

    2/ รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • 1/
    รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน

    เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ

    มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ

    1/ รัสเซียเริ่มโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ในยูเครน! เพื่อตอบโต้การโจมตีท่อก๊าซในเมืองซูดจา ภูมิภาคเคิร์ส โดยฝีมือของยูเครน เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสะสมกองกำลังชั่วคราวของยูเครน และสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ มีรายงานการโจมตีที่เมือง Poltava Dnepropetrovsk และ เมืองเคียฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ระบุว่าไม่มีปัญหาและเป็นเรื่องเล็กน้อยจากการที่ทีมคณะรัฐมนตรีของเขาทำ “แชตหลุด” เผลอเพิ่มรายชื่อ Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชต ที่กำลังพูดคุยและส่งข้อมูลลับเกี่ยวกับการโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกอีกว่า ข้อความในแชตไม่ถือเป็น "การวางแผนสงคราม" และไม่ได้เป็นความลับ

    งานนี้เลยเข้าทาง Goldberg บรรณาธิการบริหารของ The Atlantic ซึ่งต่อมาเขาได้เปิดเผยบันทึกการสนทนาฉบับสมบูรณ์ของกลุ่มแชตดังกล่าว รวมถึงระบุตัวของทุกคนที่อยู่ในกลุ่มแชท

    และจากบันทึกดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่า Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้เพิ่ม Goldberg เข้าไปในกลุ่มดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายต่างมุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ

    นอกจากนี้ Goldberg ยังเน้นอีกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาการโจมตี ระบบอาวุธ และเป้าหมายถูกโพสต์ในแชทโดย Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มปฏิบัติการโจมตีในเยเมนเป็นครั้งแรกในวันที่ 15 มีนาคม

    ความสะเพล่าครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่าเกิดจากการอ่อนประสบการณ์ในการทำงานเรื่องสำคัญ การสนทนาผ่านกลุ่มแชตจากแอปฯ Signal น่าจะเป็นเรื่องง่ายและคุ้นเคยของพวกเขา แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากรายชื่อสมาชิกในกลุ่ม จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คน กำลังอยู่ต่างประเทศ ประกอบกับความตื่นเต้นในการปฏิบัติการสั่งโจมตีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของทีมนี้
    หลังจากทรัมป์ระบุว่าไม่มีปัญหาและเป็นเรื่องเล็กน้อยจากการที่ทีมคณะรัฐมนตรีของเขาทำ “แชตหลุด” เผลอเพิ่มรายชื่อ Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชต ที่กำลังพูดคุยและส่งข้อมูลลับเกี่ยวกับการโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกอีกว่า ข้อความในแชตไม่ถือเป็น "การวางแผนสงคราม" และไม่ได้เป็นความลับ งานนี้เลยเข้าทาง Goldberg บรรณาธิการบริหารของ The Atlantic ซึ่งต่อมาเขาได้เปิดเผยบันทึกการสนทนาฉบับสมบูรณ์ของกลุ่มแชตดังกล่าว รวมถึงระบุตัวของทุกคนที่อยู่ในกลุ่มแชท และจากบันทึกดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่า Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้เพิ่ม Goldberg เข้าไปในกลุ่มดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายต่างมุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ นอกจากนี้ Goldberg ยังเน้นอีกว่า ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาการโจมตี ระบบอาวุธ และเป้าหมายถูกโพสต์ในแชทโดย Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มปฏิบัติการโจมตีในเยเมนเป็นครั้งแรกในวันที่ 15 มีนาคม ความสะเพล่าครั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่าเกิดจากการอ่อนประสบการณ์ในการทำงานเรื่องสำคัญ การสนทนาผ่านกลุ่มแชตจากแอปฯ Signal น่าจะเป็นเรื่องง่ายและคุ้นเคยของพวกเขา แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากรายชื่อสมาชิกในกลุ่ม จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คน กำลังอยู่ต่างประเทศ ประกอบกับความตื่นเต้นในการปฏิบัติการสั่งโจมตีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของทีมนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นการพลั้งเผลอที่ร้ายแรงมาก : เมื่อสหรัฐ "เผลอ" ดึง Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชทสนทนาของแอปฯ Signal ก่อนที่การโจมตี 'ฮูตี' ในเยเมนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

    Goldberg เปิดเผยผ่านบทความของตัวเองว่า เขาถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อ 'Houthi PC Small Group' ตั้งแต่ 2 วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง:
    ในกลุ่มสนทนานี้มีทั้ง Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ, JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในรัฐบาลทรัมป์

    Goldberg กล่าวอีกว่าในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในกลุ่มสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีฮูตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารได้ถกเถียงกันว่าการโจมตีควรเกิดขึ้นหรือไม่ โดยรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มีความเห็นว่า "ไม่ควรเปิดฉากโจมตีแบบรุนแรง" เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี

    แต่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แย้งว่าการโจมตีครั้งนี้มีประโยชน์ต่อสหรัฐในการป้องกันการโจมตีเรือเดินทะเลผ่านช่องแคบบาบอัลมันดาบในอนาคต

    ในตอนท้าย Goldberg ระบุว่าเขาได้รับข้อความในแชทจากพีท เฮกเซธ แต่เขาไม่สามารถกล่าวถึงข้อความดังกล่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลลับสุดยอด ซึ่ง Goldberg เน้นว่า “หากข้อมูลดังกล่าวถูกอ่านโดยศัตรูของสหรัฐ อาจถูกนำไปใช้ทำร้ายทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลาง (CENTCOM)”

    Goldberg กล่าวว่านี่ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจของการสนทนาครั้งนี้ที่เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีรายละเอียดการปฏิบัติการของการโจมตีเยเมนที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐจะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากผู้ที่มีข้อมูลเผยแพร่แผนดังกล่าวก่อนปฏิบัติการจริง อาจทำให้ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ล้มเหลวหรือสร้างความเสียหายตามมา

    โกลด์เบิร์กได้สอบถามไปยังไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเกี่ยวกับกลุ่มสนทนาดังกล่าว โดยเขายอมรับว่า นี่อาจเป็น ของจริง และขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ได้อย่างไร

    อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยก่อนการโจมตีเกิดขึ้นแต่อย่างใด
    เป็นการพลั้งเผลอที่ร้ายแรงมาก : เมื่อสหรัฐ "เผลอ" ดึง Jeffrey Goldberg บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร The Atlantic เข้าไปในกลุ่มแชทสนทนาของแอปฯ Signal ก่อนที่การโจมตี 'ฮูตี' ในเยเมนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา Goldberg เปิดเผยผ่านบทความของตัวเองว่า เขาถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชทที่ชื่อ 'Houthi PC Small Group' ตั้งแต่ 2 วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง: ในกลุ่มสนทนานี้มีทั้ง Mike Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ, JD Vance รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในรัฐบาลทรัมป์ Goldberg กล่าวอีกว่าในช่วงสองวันที่เขาอยู่ในกลุ่มสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการเปิดฉากโจมตีฮูตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในฝ่ายบริหารได้ถกเถียงกันว่าการโจมตีควรเกิดขึ้นหรือไม่ โดยรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ มีความเห็นว่า "ไม่ควรเปิดฉากโจมตีแบบรุนแรง" เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจและไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดงของกลุ่มฮูตี แต่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แย้งว่าการโจมตีครั้งนี้มีประโยชน์ต่อสหรัฐในการป้องกันการโจมตีเรือเดินทะเลผ่านช่องแคบบาบอัลมันดาบในอนาคต ในตอนท้าย Goldberg ระบุว่าเขาได้รับข้อความในแชทจากพีท เฮกเซธ แต่เขาไม่สามารถกล่าวถึงข้อความดังกล่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อความดังกล่าว เป็นข้อความที่ละเอียดอ่อนและมีข้อมูลลับสุดยอด ซึ่ง Goldberg เน้นว่า “หากข้อมูลดังกล่าวถูกอ่านโดยศัตรูของสหรัฐ อาจถูกนำไปใช้ทำร้ายทหารและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐ โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกลาง (CENTCOM)” Goldberg กล่าวว่านี่ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจของการสนทนาครั้งนี้ที่เขาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีรายละเอียดการปฏิบัติการของการโจมตีเยเมนที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐจะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะหากผู้ที่มีข้อมูลเผยแพร่แผนดังกล่าวก่อนปฏิบัติการจริง อาจทำให้ปฏิบัติการของสหรัฐฯ ล้มเหลวหรือสร้างความเสียหายตามมา โกลด์เบิร์กได้สอบถามไปยังไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเกี่ยวกับกลุ่มสนทนาดังกล่าว โดยเขายอมรับว่า นี่อาจเป็น ของจริง และขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มบุคคลเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้นำเรื่องนี้มาเปิดเผยก่อนการโจมตีเกิดขึ้นแต่อย่างใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 มีนาคม 2568-รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamtownUSระบุว่าเริ่มตรวจโซเชียลมีเดีย ผู้ขอใบเขียว-สัญชาติแอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : หนึ่งในมาตรการตรวจเข้มต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศ หรืออยู่ในประเทศแบบถาวร คือต้องยอมให้ตรวจ “โซเชียลมีเดีย” ด้วย มีผลทั้งกับผู้ขอใบเขียว เปลี่ยนสัญชาติ รวมถึงการขอเข้าประเทศชั่วคราวด้วย กระทรวงความมั่นคงภายใน (โฮมแลนด์ฯ) ประกาศผ่านเว็บไซต์ the Federal Register เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2025 ถึงมาตรการใหม่ที่จะกระชับการตรวจสอบประวัติผู้ยื่นขอรับสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ ตั้งแต่การยื่นขอใบเขียวจนถึงการยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติ ให้มีความละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นมาตรการดังกล่าวคือ “ผู้ยื่นแบบฟอร์ม ต้องให้ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เพื่อให้รัฐตรวจสอบด้วย”รายละเอียดที่ระบุใน เดอะเฟดเดอรัล รีจีสเตอร์ บอกว่า มาตรการใหม่ ซึ่งมีขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งบริหารเลขที่ 14161 ว่าด้วยการคุ้มครองสหรัฐอเมริกา จากภัยก่อการร้ายต่างประเทศ, เพื่อความมั่นคงภายใน และความปลอดภัยของสาธารณะชน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมาโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (U.S. Citizenship and Immigration Service – USCIS) จะเรียกเก็บข้อมูลโซเชียลมีเดีย (แต่ไม่เรียกเก็บพาสเวิร์ด) เพื่อตรวจสอบว่าผู้ยื่นแบบฟอร์มขอรับประโยชน์จาก USCIS มีความเสี่ยงใดๆ ต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยต่อสาธารณะหรือไม่มาตรการใหม่ จะมีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มเกี่ยวกับอิมมิเกรชั่น 9 ประเภท คือ-N-400 (Application for Naturalization) ขอเปลี่ยนสัญชาติ-I-131 (Application for Travel Document) ขอเดินทางออกนอกประเทศ-I-192 (Application for Advance Permission to Enter as Nonimmigrant) วีซ่าชั่วคราว สำหรับคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น การลงทุน ศึกษาดูงาน ประชุม การปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน การเผยแผ่ศาสนา เป็นต้น-I-485 (Application for Adjustment of Status) ขอปรับสถานภาพ (ขอใบเขียว)-I-589 (Application for Asylum and for Withholding of Removal) ขอลี้ภัยหรือขอระงับการเนรเทศ-I-590 (Registration for Classification as Refugee) ขอรับการจัดประเภทเป็นผู้ลี้ภัย-I-730 (Refugee/Asylee Relative Petition) ขอให้ญาติได้รับการให้สถานะผู้ลี้ภัย-I-751 (Petition to Remove Conditions on Residence) ขอยกเลิกเงื่อนไขการพำนักอาศัย-I-829 (Petition by Investor to Remove Conditions on Permanent Resident Status) ขอจากนักลงทุน ให้ยกเลิกเงื่อนไขสถานะผู้พำนักถาวรสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ ประเมินว่าการกระชับมาตรการตรวจสอบฯ ครั้งนี้ มีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มต่างๆ ปีละกว่า 3.5 ล้านคนอย่างไรก็ตาม หากไม่เห็นชอบกับมาตรการใหม่ของกระทรวงความมั่นคงภายในฯ สาธารณชนมีเวลา 60 วันนับจากการประกาศใน the Federal Register เพื่อยื่นคัดค้าน (ผ่านการแสดงความเห็น) ที่ https://www.regulations.gov/document/USCIS-2025-0003-0001) โดยกระทรวงความมั่นคงฯ จะทำการทบทวนความเห็นเหล่านี้อีกครั้ง ก่อนจะประกาศใช้ (หรือเพิกถอน).
    22 มีนาคม 2568-รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamtownUSระบุว่าเริ่มตรวจโซเชียลมีเดีย ผู้ขอใบเขียว-สัญชาติแอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : หนึ่งในมาตรการตรวจเข้มต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศ หรืออยู่ในประเทศแบบถาวร คือต้องยอมให้ตรวจ “โซเชียลมีเดีย” ด้วย มีผลทั้งกับผู้ขอใบเขียว เปลี่ยนสัญชาติ รวมถึงการขอเข้าประเทศชั่วคราวด้วย กระทรวงความมั่นคงภายใน (โฮมแลนด์ฯ) ประกาศผ่านเว็บไซต์ the Federal Register เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2025 ถึงมาตรการใหม่ที่จะกระชับการตรวจสอบประวัติผู้ยื่นขอรับสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ ตั้งแต่การยื่นขอใบเขียวจนถึงการยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติ ให้มีความละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นมาตรการดังกล่าวคือ “ผู้ยื่นแบบฟอร์ม ต้องให้ข้อมูลโซเชียลมีเดีย เพื่อให้รัฐตรวจสอบด้วย”รายละเอียดที่ระบุใน เดอะเฟดเดอรัล รีจีสเตอร์ บอกว่า มาตรการใหม่ ซึ่งมีขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งบริหารเลขที่ 14161 ว่าด้วยการคุ้มครองสหรัฐอเมริกา จากภัยก่อการร้ายต่างประเทศ, เพื่อความมั่นคงภายใน และความปลอดภัยของสาธารณะชน ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมาโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (U.S. Citizenship and Immigration Service – USCIS) จะเรียกเก็บข้อมูลโซเชียลมีเดีย (แต่ไม่เรียกเก็บพาสเวิร์ด) เพื่อตรวจสอบว่าผู้ยื่นแบบฟอร์มขอรับประโยชน์จาก USCIS มีความเสี่ยงใดๆ ต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยต่อสาธารณะหรือไม่มาตรการใหม่ จะมีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มเกี่ยวกับอิมมิเกรชั่น 9 ประเภท คือ-N-400 (Application for Naturalization) ขอเปลี่ยนสัญชาติ-I-131 (Application for Travel Document) ขอเดินทางออกนอกประเทศ-I-192 (Application for Advance Permission to Enter as Nonimmigrant) วีซ่าชั่วคราว สำหรับคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น การลงทุน ศึกษาดูงาน ประชุม การปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชน การเผยแผ่ศาสนา เป็นต้น-I-485 (Application for Adjustment of Status) ขอปรับสถานภาพ (ขอใบเขียว)-I-589 (Application for Asylum and for Withholding of Removal) ขอลี้ภัยหรือขอระงับการเนรเทศ-I-590 (Registration for Classification as Refugee) ขอรับการจัดประเภทเป็นผู้ลี้ภัย-I-730 (Refugee/Asylee Relative Petition) ขอให้ญาติได้รับการให้สถานะผู้ลี้ภัย-I-751 (Petition to Remove Conditions on Residence) ขอยกเลิกเงื่อนไขการพำนักอาศัย-I-829 (Petition by Investor to Remove Conditions on Permanent Resident Status) ขอจากนักลงทุน ให้ยกเลิกเงื่อนไขสถานะผู้พำนักถาวรสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ ประเมินว่าการกระชับมาตรการตรวจสอบฯ ครั้งนี้ มีผลกับผู้ยื่นแบบฟอร์มต่างๆ ปีละกว่า 3.5 ล้านคนอย่างไรก็ตาม หากไม่เห็นชอบกับมาตรการใหม่ของกระทรวงความมั่นคงภายในฯ สาธารณชนมีเวลา 60 วันนับจากการประกาศใน the Federal Register เพื่อยื่นคัดค้าน (ผ่านการแสดงความเห็น) ที่ https://www.regulations.gov/document/USCIS-2025-0003-0001) โดยกระทรวงความมั่นคงฯ จะทำการทบทวนความเห็นเหล่านี้อีกครั้ง ก่อนจะประกาศใช้ (หรือเพิกถอน).
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามกำลังวางเดิมพันใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการสร้างโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์แห่งแรกของประเทศภายในปี 2030 พร้อมเป้าหมายระยะยาวที่จะกลายเป็นผู้เล่นหลักของโลกในปี 2050 รัฐบาลยังเตรียมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งในด้านการเงินและสิทธิพิเศษทางภาษี แต่ความท้าทายใหญ่อยู่ที่งบประมาณซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการในประเทศชั้นนำอื่น อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นของเวียดนามและการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอาจทำให้ประเทศนี้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ได้

    เป้าหมายระยะยาว:
    - ระยะที่หนึ่งภายในปี 2030 จะมุ่งสร้างโรงงานผลิตหนึ่งแห่ง บริษัทออกแบบชิป 100 แห่ง และศูนย์บรรจุภัณฑ์/ทดสอบ 10 แห่ง.
    - ระยะที่สอง (2030-2040) ขยายไปสู่โรงงานสองแห่ง และบริษัทออกแบบชิปเพิ่มเป็น 200 แห่ง รวมทั้งศูนย์บรรจุภัณฑ์ 15 แห่ง.
    - ระยะที่สาม (2040-2050) ตั้งเป้าเพิ่มโรงงานเป็นสามแห่ง บริษัทออกแบบ 300 แห่ง และสร้างรายได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี.

    การสนับสนุนจากรัฐบาล:
    - รัฐบาลเวียดนามจะครอบคลุมต้นทุนสูงถึง 30% ของโครงการ พร้อมเสนอสิทธิพิเศษทางภาษี และจัดตั้งคณะกรรมการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ

    พันธมิตรและการลงทุนจากต่างประเทศ:
    - มีความพยายามดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหญ่ ๆ เช่น GlobalFoundries และ Powerchip Semiconductor รวมถึงการส่งเสริมการร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นอย่าง Viettel

    ความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
    - การสร้างโรงงานผลิตชิปขั้นสูงต้องใช้งบประมาณมากถึง 50 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่างบประมาณในปัจจุบันของโครงการ
    - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเวียดนามควรมุ่งเน้นที่การบรรจุภัณฑ์และการทดสอบก่อน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง

    https://www.techspot.com/news/107191-vietnam-wants-compete-taiwan-establishing-first-wafer-fab.html
    เวียดนามกำลังวางเดิมพันใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการสร้างโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์แห่งแรกของประเทศภายในปี 2030 พร้อมเป้าหมายระยะยาวที่จะกลายเป็นผู้เล่นหลักของโลกในปี 2050 รัฐบาลยังเตรียมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งในด้านการเงินและสิทธิพิเศษทางภาษี แต่ความท้าทายใหญ่อยู่ที่งบประมาณซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการในประเทศชั้นนำอื่น อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นของเวียดนามและการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอาจทำให้ประเทศนี้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ได้ เป้าหมายระยะยาว: - ระยะที่หนึ่งภายในปี 2030 จะมุ่งสร้างโรงงานผลิตหนึ่งแห่ง บริษัทออกแบบชิป 100 แห่ง และศูนย์บรรจุภัณฑ์/ทดสอบ 10 แห่ง. - ระยะที่สอง (2030-2040) ขยายไปสู่โรงงานสองแห่ง และบริษัทออกแบบชิปเพิ่มเป็น 200 แห่ง รวมทั้งศูนย์บรรจุภัณฑ์ 15 แห่ง. - ระยะที่สาม (2040-2050) ตั้งเป้าเพิ่มโรงงานเป็นสามแห่ง บริษัทออกแบบ 300 แห่ง และสร้างรายได้มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี. การสนับสนุนจากรัฐบาล: - รัฐบาลเวียดนามจะครอบคลุมต้นทุนสูงถึง 30% ของโครงการ พร้อมเสนอสิทธิพิเศษทางภาษี และจัดตั้งคณะกรรมการที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ พันธมิตรและการลงทุนจากต่างประเทศ: - มีความพยายามดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหญ่ ๆ เช่น GlobalFoundries และ Powerchip Semiconductor รวมถึงการส่งเสริมการร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นอย่าง Viettel ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: - การสร้างโรงงานผลิตชิปขั้นสูงต้องใช้งบประมาณมากถึง 50 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่างบประมาณในปัจจุบันของโครงการ - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าเวียดนามควรมุ่งเน้นที่การบรรจุภัณฑ์และการทดสอบก่อน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง https://www.techspot.com/news/107191-vietnam-wants-compete-taiwan-establishing-first-wafer-fab.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Vietnam wants to compete with Taiwan by establishing its first wafer fab
    TrendForce reports that the facility will focus on producing specialized chips for high-tech applications like AI, defense tech, and more. It has some serious financial backing as...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับเกมพกพารุ่นใหม่ในซีรีส์ Snapdragon G ที่ไม่ใช่แค่แรงกว่า แต่ยังรองรับเทคโนโลยีล้ำ ๆ อย่าง Ray Tracing และ QHD+ กับ Refresh Rate สูงสุด 144 Hz อุปกรณ์ใหม่จาก Ayaneo และ Retroid Pocket ที่ใช้ชิปเหล่านี้ยังออกแบบมาอย่างน่าประทับใจ โดยตอบโจทย์ทั้งเกมเมอร์ที่เน้นประสิทธิภาพและคนที่ชอบอุปกรณ์สไตล์ Retro เห็นได้ชัดว่า Qualcomm ตั้งเป้าจะท้าชนทั้ง Intel และ AMD ในตลาดนี้เลย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomm-debuts-new-snapdragon-g-handheld-gaming-pc-chips-to-compete-with-intel-and-amd
    Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับเกมพกพารุ่นใหม่ในซีรีส์ Snapdragon G ที่ไม่ใช่แค่แรงกว่า แต่ยังรองรับเทคโนโลยีล้ำ ๆ อย่าง Ray Tracing และ QHD+ กับ Refresh Rate สูงสุด 144 Hz อุปกรณ์ใหม่จาก Ayaneo และ Retroid Pocket ที่ใช้ชิปเหล่านี้ยังออกแบบมาอย่างน่าประทับใจ โดยตอบโจทย์ทั้งเกมเมอร์ที่เน้นประสิทธิภาพและคนที่ชอบอุปกรณ์สไตล์ Retro เห็นได้ชัดว่า Qualcomm ตั้งเป้าจะท้าชนทั้ง Intel และ AMD ในตลาดนี้เลย https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomm-debuts-new-snapdragon-g-handheld-gaming-pc-chips-to-compete-with-intel-and-amd
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Qualcomm debuts new Snapdragon G handheld gaming PC chips to compete with Intel and AMD
    Snapdragon G3 Gen 3, Snapdragon G2 Gen 2, and Snapdragon G1 Gen 2 enter the ring.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • Graduation Quotes To Lead You Into The Next Chapter

    Every spring, graduates of colleges and universities around the US are awarded their degrees at commencement ceremonies. “Pomp and Circumstance” will be played, mortarboard caps will be thrown, and a commencement address will be given by a notable figure. The goal of a commencement address is to give advice that can be taken into the “real world” after graduation. It’s an opportunity to reflect on what values are truly meaningful, the importance of education, and how to make a difference. Graduate or not, we can all stand to learn from the words of writers, politicians, musicians, and others. These 12 quotes from some of the most impactful or notable commencement addresses will inspire you, challenge you, and give you a new sense of purpose.

    1. “The really important kind of freedom involves attention, and awareness, and discipline, and effort, and being able truly to care about other people and to sacrifice for them, over and over, in myriad petty little unsexy ways, every day.”
    —David Foster Wallace, 2005 Kenyon College commencement

    myriad

    In one of the most famous commencement addresses of all time, “This is Water,” writer David Foster Wallace encouraged graduates to rethink their ideas about freedom. The word myriad [ mir-ee-uhd ] means “of an indefinitely great number; innumerable.” Myriad comes from the Greek for “ten thousand,” and can be used in English to mean the same, but DFW didn’t have this meaning in mind here.

    2. “I don’t know what your future is, but if you are willing to take the harder way, the more complicated one, the one with more failures at first than successes, the one that has ultimately proven to have more meaning, more victory, more glory then you will not regret it.”
    —Chadwick Boseman, 2018 Howard University commencement

    glory

    The actor Chadwick Boseman died tragically at a young age from colon cancer. Knowing this makes his words to graduates at his alma mater, Howard, even more poignant. He shares his ideas about how one can achieve glory, “very great praise, honor, or distinction bestowed by common consent; renown.” While today glory has a very positive connotation, this wasn’t always the case. In its earliest uses, glory was used more in the sense of vainglory, “excessive elation or pride over one’s own achievements.”

    3. “As every past generation has had to disenthrall itself from an inheritance of truisms and stereotypes, so in our own time we must move on from the reassuring repetition of stale phrases to a new, difficult, but essential confrontation with reality. For the great enemy of truth is very often not the lie—deliberate, contrived, and dishonest—but the myth—persistent, persuasive, and unrealistic.”
    —President John F. Kennedy, 1962 Yale University commencement

    disenthrall

    President John F. Kennedy spent most of his 1962 commencement speech at Yale talking about his vision of government, but he also took time to give advice to the graduates. He says young people need to disenthrall themselves from old myths and stereotypes. Disenthrall is a verb meaning “to free from bondage; liberate.” Thrall is an old word meaning “a person who is morally or mentally enslaved by some power” or, more simply, “slavery.”

    4. “[T]hough it’s crucial to make a living, that shouldn’t be your inspiration or your aspiration. Do it for yourself, your highest self, for your own pride, joy, ego, gratification, expression, love, fulfillment, happiness—whatever you want to call it.”
    —Billy Joel, 1993 Berklee College of Music commencement

    fulfillment

    Activist and musician Billy Joel, addressing graduates of the prestigious music school Berklee College, gave advice on how to direct creative energies to making the world a better place. He encourages them to do work for their own fulfillment, “the state or act of bringing something to realization.” Fulfillment is often used to describe the feeling one has when one accomplishes something of personal significance.

    5. “I want you all to stay true to the most real, most sincere, most authentic parts of yourselves. I want you to ask those basic questions: Who do you want to be? What inspires you? How do you want to give back?”
    —First Lady Michelle Obama, 2015 Tuskegee University commencement

    authentic

    On a similar note as Billy Joel, former First Lady Michelle Obama exhorts students to be authentic, which here means “representing one’s true nature or beliefs; true to oneself.” The word authentic comes from the Greek authentikós, meaning “original, primary, at first hand.”

    6. “I hope you are never victims, but I hope you have no power over other people. And when you fail, and are defeated, and in pain, and in the dark, then I hope you will remember that darkness is your country, where you live, where no wars are fought and no wars are won, but where the future is.”
    —Ursula K. Le Guin, 1983 Mills College commencement

    future

    Science fiction writer Ursula K. Le Guin was no stranger to imagining new worlds and possibilities. So it makes sense that she talked to graduates about the future, “time that is to be or come hereafter.” While today we use future as a noun and adjective, in the mid-1600s, future was also used as a verb to mean “to put off to a future day,” as in They future their work because they are lazy.

    7. “As you approach your future, there will be ample opportunity to becomejadedand cynical, but I urge you to resist cynicism—the world is still a beautiful place and change is possible.”
    —Ellen Johnson Sirleaf, 2011 Harvard University commencement

    jaded

    Ellen Johnson Sirleaf is the former president of Liberia and was the first woman to lead an African nation. She spoke at her alma mater, Harvard, about the importance of advocating for change. She notes that many people become jaded as they age, a word that here means “worn out or wearied, as by overwork or overuse.” This sense of jaded comes from the Middle English jade, “a worn-out, broken-down, worthless, or vicious horse.”

    8. “Everything meaningful about this moment, and these four years, will be meaningful inside you, not outside you … As long as you store it inside yourself, it’s not going anywhere—or it’s going everywhere with you.”
    —Margaret Edson, 2008 Smith College commencement

    meaningful

    Educator and playwright Margaret Edson told graduates at Smith College that they will carry what is meaningful about their experience with them throughout their lives. Meaningful means “full of meaning, significance, purpose, or value.” Meaningful is formed from a combination of meaning and the suffix -ful, meaning “full of” or “characterized by.” It’s one of many suffixes from Old English that is still present in our language today.

    9. “If you really want to fly, just harness your power to your passion. Honor your calling. Everyone has one.”
    —Oprah Winfrey, 2008 Stanford commencement

    harness

    Television host Oprah Winfrey is known for being an inspiration, and her commencement speech at Stanford University in 2008 was certainly inspirational. She urged students to “harness [their] power to [their] passion.” Harness here is being used figuratively and as a verb to mean “to bring under conditions for effective use; gain control over for a particular end.” Harness comes from the Old Norse *hernest meaning “provisions for an armed force.” The word’s meaning has changed quite a lot since! [checking]

    10. “When things are going sweetly and peacefully, please pause a moment, and then say out loud, “If this isn’t nice, what is?””
    —Kurt Vonnegut, 1999 Agnes Scott College commencement

    sweetly

    The writer Kurt Vonnegut wanted graduates to take time to reflect on the goodness in life. He describes this as “when things are going sweetly,” a word commonly associated with sugar but that can also describe anything “pleasing or agreeable; delightful.” Sweet is an interesting word that is closely related to its ancient Proto-Indo-European original. You can learn more about the history of the word at our entry for sweet.

    11. “From my point of view, which is that of a storyteller, I see your life as already artful, waiting, just waiting and ready for you to make it art.”
    —Toni Morrison, 2004 Wellesley College commencement

    artful

    Novelist Toni Morrison in her commencement address at Wellesley College told graduates she saw their lives as artful. While this word can mean “slyly crafty or cunning; deceitful; tricky,” it is clear from the context that Morrison meant it in the sense of “done with or characterized by art or skill.” In other words, the graduates have the skills, power, and beauty to create a good life.

    12. “If I must give any of you advice it would be Say Yes. Say Yes, And … and create your own destiny.”
    —Maya Rudolph, 2015 Tulane University commencement

    destiny

    Graduation is a time to think about the future and one’s destiny, in the sense of “something that is to happen or has happened to a particular person or thing; lot or fortune.” Destiny is often taken to be something that is “predetermined, usually inevitable or irresistible.” But actor Maya Rudolph takes this word in a different direction, saying graduates should “create [their] own destiny.”

    Graduation season is a time to consider our own futures, destinies, passions, and desires. We hope these inspiring words give you something to chew on as you go forth into the “real world.”

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Graduation Quotes To Lead You Into The Next Chapter Every spring, graduates of colleges and universities around the US are awarded their degrees at commencement ceremonies. “Pomp and Circumstance” will be played, mortarboard caps will be thrown, and a commencement address will be given by a notable figure. The goal of a commencement address is to give advice that can be taken into the “real world” after graduation. It’s an opportunity to reflect on what values are truly meaningful, the importance of education, and how to make a difference. Graduate or not, we can all stand to learn from the words of writers, politicians, musicians, and others. These 12 quotes from some of the most impactful or notable commencement addresses will inspire you, challenge you, and give you a new sense of purpose. 1. “The really important kind of freedom involves attention, and awareness, and discipline, and effort, and being able truly to care about other people and to sacrifice for them, over and over, in myriad petty little unsexy ways, every day.” —David Foster Wallace, 2005 Kenyon College commencement myriad In one of the most famous commencement addresses of all time, “This is Water,” writer David Foster Wallace encouraged graduates to rethink their ideas about freedom. The word myriad [ mir-ee-uhd ] means “of an indefinitely great number; innumerable.” Myriad comes from the Greek for “ten thousand,” and can be used in English to mean the same, but DFW didn’t have this meaning in mind here. 2. “I don’t know what your future is, but if you are willing to take the harder way, the more complicated one, the one with more failures at first than successes, the one that has ultimately proven to have more meaning, more victory, more glory then you will not regret it.” —Chadwick Boseman, 2018 Howard University commencement glory The actor Chadwick Boseman died tragically at a young age from colon cancer. Knowing this makes his words to graduates at his alma mater, Howard, even more poignant. He shares his ideas about how one can achieve glory, “very great praise, honor, or distinction bestowed by common consent; renown.” While today glory has a very positive connotation, this wasn’t always the case. In its earliest uses, glory was used more in the sense of vainglory, “excessive elation or pride over one’s own achievements.” 3. “As every past generation has had to disenthrall itself from an inheritance of truisms and stereotypes, so in our own time we must move on from the reassuring repetition of stale phrases to a new, difficult, but essential confrontation with reality. For the great enemy of truth is very often not the lie—deliberate, contrived, and dishonest—but the myth—persistent, persuasive, and unrealistic.” —President John F. Kennedy, 1962 Yale University commencement disenthrall President John F. Kennedy spent most of his 1962 commencement speech at Yale talking about his vision of government, but he also took time to give advice to the graduates. He says young people need to disenthrall themselves from old myths and stereotypes. Disenthrall is a verb meaning “to free from bondage; liberate.” Thrall is an old word meaning “a person who is morally or mentally enslaved by some power” or, more simply, “slavery.” 4. “[T]hough it’s crucial to make a living, that shouldn’t be your inspiration or your aspiration. Do it for yourself, your highest self, for your own pride, joy, ego, gratification, expression, love, fulfillment, happiness—whatever you want to call it.” —Billy Joel, 1993 Berklee College of Music commencement fulfillment Activist and musician Billy Joel, addressing graduates of the prestigious music school Berklee College, gave advice on how to direct creative energies to making the world a better place. He encourages them to do work for their own fulfillment, “the state or act of bringing something to realization.” Fulfillment is often used to describe the feeling one has when one accomplishes something of personal significance. 5. “I want you all to stay true to the most real, most sincere, most authentic parts of yourselves. I want you to ask those basic questions: Who do you want to be? What inspires you? How do you want to give back?” —First Lady Michelle Obama, 2015 Tuskegee University commencement authentic On a similar note as Billy Joel, former First Lady Michelle Obama exhorts students to be authentic, which here means “representing one’s true nature or beliefs; true to oneself.” The word authentic comes from the Greek authentikós, meaning “original, primary, at first hand.” 6. “I hope you are never victims, but I hope you have no power over other people. And when you fail, and are defeated, and in pain, and in the dark, then I hope you will remember that darkness is your country, where you live, where no wars are fought and no wars are won, but where the future is.” —Ursula K. Le Guin, 1983 Mills College commencement future Science fiction writer Ursula K. Le Guin was no stranger to imagining new worlds and possibilities. So it makes sense that she talked to graduates about the future, “time that is to be or come hereafter.” While today we use future as a noun and adjective, in the mid-1600s, future was also used as a verb to mean “to put off to a future day,” as in They future their work because they are lazy. 7. “As you approach your future, there will be ample opportunity to becomejadedand cynical, but I urge you to resist cynicism—the world is still a beautiful place and change is possible.” —Ellen Johnson Sirleaf, 2011 Harvard University commencement jaded Ellen Johnson Sirleaf is the former president of Liberia and was the first woman to lead an African nation. She spoke at her alma mater, Harvard, about the importance of advocating for change. She notes that many people become jaded as they age, a word that here means “worn out or wearied, as by overwork or overuse.” This sense of jaded comes from the Middle English jade, “a worn-out, broken-down, worthless, or vicious horse.” 8. “Everything meaningful about this moment, and these four years, will be meaningful inside you, not outside you … As long as you store it inside yourself, it’s not going anywhere—or it’s going everywhere with you.” —Margaret Edson, 2008 Smith College commencement meaningful Educator and playwright Margaret Edson told graduates at Smith College that they will carry what is meaningful about their experience with them throughout their lives. Meaningful means “full of meaning, significance, purpose, or value.” Meaningful is formed from a combination of meaning and the suffix -ful, meaning “full of” or “characterized by.” It’s one of many suffixes from Old English that is still present in our language today. 9. “If you really want to fly, just harness your power to your passion. Honor your calling. Everyone has one.” —Oprah Winfrey, 2008 Stanford commencement harness Television host Oprah Winfrey is known for being an inspiration, and her commencement speech at Stanford University in 2008 was certainly inspirational. She urged students to “harness [their] power to [their] passion.” Harness here is being used figuratively and as a verb to mean “to bring under conditions for effective use; gain control over for a particular end.” Harness comes from the Old Norse *hernest meaning “provisions for an armed force.” The word’s meaning has changed quite a lot since! [checking] 10. “When things are going sweetly and peacefully, please pause a moment, and then say out loud, “If this isn’t nice, what is?”” —Kurt Vonnegut, 1999 Agnes Scott College commencement sweetly The writer Kurt Vonnegut wanted graduates to take time to reflect on the goodness in life. He describes this as “when things are going sweetly,” a word commonly associated with sugar but that can also describe anything “pleasing or agreeable; delightful.” Sweet is an interesting word that is closely related to its ancient Proto-Indo-European original. You can learn more about the history of the word at our entry for sweet. 11. “From my point of view, which is that of a storyteller, I see your life as already artful, waiting, just waiting and ready for you to make it art.” —Toni Morrison, 2004 Wellesley College commencement artful Novelist Toni Morrison in her commencement address at Wellesley College told graduates she saw their lives as artful. While this word can mean “slyly crafty or cunning; deceitful; tricky,” it is clear from the context that Morrison meant it in the sense of “done with or characterized by art or skill.” In other words, the graduates have the skills, power, and beauty to create a good life. 12. “If I must give any of you advice it would be Say Yes. Say Yes, And … and create your own destiny.” —Maya Rudolph, 2015 Tulane University commencement destiny Graduation is a time to think about the future and one’s destiny, in the sense of “something that is to happen or has happened to a particular person or thing; lot or fortune.” Destiny is often taken to be something that is “predetermined, usually inevitable or irresistible.” But actor Maya Rudolph takes this word in a different direction, saying graduates should “create [their] own destiny.” Graduation season is a time to consider our own futures, destinies, passions, and desires. We hope these inspiring words give you something to chew on as you go forth into the “real world.” Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพชาวยูเครนใน Dnepropetrovsk กำลังหลบหนีการบังคับจับตัวเข้าสู่แนวหน้า แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมแพ้!! มันก็เลยเป็นออกมาแบบที่เห็น 😂
    ภาพชาวยูเครนใน Dnepropetrovsk กำลังหลบหนีการบังคับจับตัวเข้าสู่แนวหน้า แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมแพ้!! มันก็เลยเป็นออกมาแบบที่เห็น 😂
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงาน เมื่อคืนที่ผ่านมา ระบบป้องกันภัยทางอากาศทำการยิงสกัดกั้นโดรนของยูเครน รวมทั้งสิ้น 337 ลำ ในพื้นที่ของภูมิภาคต่างๆต่อไปนี้:

    ▫️ โดรน 91 ลำ เหนือภูมิภาคมอสโก (Moscow region)
    ▫️ โดรน 126 ลำ เหนือภูมิภาคเคิร์ส (Kursk region
    ▫️ โดรน 38 ลำ เหนือภูมิภาคบรันสค์ (Bryansk region)
    ▫️ โดรน 25 ลำ เหนือภูมิภาคเบลโกรอด (Belgorod region)
    ▫️ โดรน 22 ลำ เหนือภูมิภาคไรซาน (Ryazan region)
    ▫️ โดรน 10 ลำ เหนือภูมิภาคคาลูกา (Kaluga region)
    ▫️ โดรน 8 ลำ เหนือภูมิภาคลีเปตสค์ (Lipetsk region)
    ▫️ โดรน 8 ลำ เหนือภูมิภาคโอเรล (Orel region)
    ▫️ โดรน 6 ลำ เหนือภูมิภาคโวโรเนซ (Voronezh region)
    ▫️ โดรน 3 ลำ เหนือภูมิภาคนิจนีย์นอฟโกรอด (Nizhniy Novgorod)
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงาน เมื่อคืนที่ผ่านมา ระบบป้องกันภัยทางอากาศทำการยิงสกัดกั้นโดรนของยูเครน รวมทั้งสิ้น 337 ลำ ในพื้นที่ของภูมิภาคต่างๆต่อไปนี้: ▫️ โดรน 91 ลำ เหนือภูมิภาคมอสโก (Moscow region) ▫️ โดรน 126 ลำ เหนือภูมิภาคเคิร์ส (Kursk region ▫️ โดรน 38 ลำ เหนือภูมิภาคบรันสค์ (Bryansk region) ▫️ โดรน 25 ลำ เหนือภูมิภาคเบลโกรอด (Belgorod region) ▫️ โดรน 22 ลำ เหนือภูมิภาคไรซาน (Ryazan region) ▫️ โดรน 10 ลำ เหนือภูมิภาคคาลูกา (Kaluga region) ▫️ โดรน 8 ลำ เหนือภูมิภาคลีเปตสค์ (Lipetsk region) ▫️ โดรน 8 ลำ เหนือภูมิภาคโอเรล (Orel region) ▫️ โดรน 6 ลำ เหนือภูมิภาคโวโรเนซ (Voronezh region) ▫️ โดรน 3 ลำ เหนือภูมิภาคนิจนีย์นอฟโกรอด (Nizhniy Novgorod)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศว่าจะหยุดสนับสนุน Microsoft Publisher ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันในชุด Microsoft Office ที่ออกแบบมาสำหรับงานด้านการออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น โบรชัวร์ ปฏิทิน หรือนามบัตร โดยจะยุติการใช้งานในเดือนตุลาคมปี 2026 นี่หมายความว่าเวอร์ชันต่าง ๆ ของ Publisher ตั้งแต่ปี 2007 จนถึง 2021 รวมถึง Publisher สำหรับ Microsoft 365 จะไม่ได้รับการอัปเดตความปลอดภัยหรือคุณสมบัติใหม่อีกต่อไป

    Publisher นั้นเป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่ได้เป็นนักออกแบบมืออาชีพ เช่น โรงเรียน องค์กรไม่แสวงหากำไร และธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งชื่นชอบความง่ายดายของเครื่องมือที่ใช้ลากวาง (drag-and-drop) และเทมเพลตสำเร็จรูปที่หลากหลาย แต่ Microsoft มองว่าผู้ใช้งานสามารถหันไปใช้แอปพลิเคชันอื่นในชุด Office อย่าง Word หรือ PowerPoint แทนได้ แม้จะไม่สามารถรองรับงานบางประเภทได้เต็มประสิทธิภาพก็ตาม

    Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้งานแปลงไฟล์ .pub ที่สร้างใน Publisher เป็น PDF หรือ Word (DOCX) หากยังต้องการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต การแปลงไฟล์นี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการเลือกที่ “File” > “Save As” และเลือกฟอร์แมตที่ต้องการ นอกจากนี้ Microsoft ยังแนะนำให้ผู้ใช้งานที่มีไฟล์จำนวนมากใช้มาโครเพื่อช่วยในกระบวนการนี้

    สำหรับผู้ที่ต้องการซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถสูงขึ้น Microsoft แนะนำให้ลองใช้แอปพลิเคชันออกแบบจากบุคคลที่สาม เช่น:
    - Canva (แบบสมัครสมาชิก)
    - Adobe InDesign (แบบสมัครสมาชิก)
    - Affinity Publisher (จ่ายครั้งเดียว)

    สำหรับผู้ใช้งานที่มี Publisher เวอร์ชัน “Perpetual” ซึ่งไม่ต้องพึ่ง Microsoft 365 ยังคงสามารถใช้งานต่อได้แม้หลังปี 2026 แต่ต้องยอมรับว่าจะไม่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัยหรือฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-shares-guidance-on-upcoming-publisher-deprecation/
    Microsoft ได้ประกาศว่าจะหยุดสนับสนุน Microsoft Publisher ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันในชุด Microsoft Office ที่ออกแบบมาสำหรับงานด้านการออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น โบรชัวร์ ปฏิทิน หรือนามบัตร โดยจะยุติการใช้งานในเดือนตุลาคมปี 2026 นี่หมายความว่าเวอร์ชันต่าง ๆ ของ Publisher ตั้งแต่ปี 2007 จนถึง 2021 รวมถึง Publisher สำหรับ Microsoft 365 จะไม่ได้รับการอัปเดตความปลอดภัยหรือคุณสมบัติใหม่อีกต่อไป Publisher นั้นเป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่ได้เป็นนักออกแบบมืออาชีพ เช่น โรงเรียน องค์กรไม่แสวงหากำไร และธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งชื่นชอบความง่ายดายของเครื่องมือที่ใช้ลากวาง (drag-and-drop) และเทมเพลตสำเร็จรูปที่หลากหลาย แต่ Microsoft มองว่าผู้ใช้งานสามารถหันไปใช้แอปพลิเคชันอื่นในชุด Office อย่าง Word หรือ PowerPoint แทนได้ แม้จะไม่สามารถรองรับงานบางประเภทได้เต็มประสิทธิภาพก็ตาม Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้งานแปลงไฟล์ .pub ที่สร้างใน Publisher เป็น PDF หรือ Word (DOCX) หากยังต้องการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต การแปลงไฟล์นี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการเลือกที่ “File” > “Save As” และเลือกฟอร์แมตที่ต้องการ นอกจากนี้ Microsoft ยังแนะนำให้ผู้ใช้งานที่มีไฟล์จำนวนมากใช้มาโครเพื่อช่วยในกระบวนการนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถสูงขึ้น Microsoft แนะนำให้ลองใช้แอปพลิเคชันออกแบบจากบุคคลที่สาม เช่น: - Canva (แบบสมัครสมาชิก) - Adobe InDesign (แบบสมัครสมาชิก) - Affinity Publisher (จ่ายครั้งเดียว) สำหรับผู้ใช้งานที่มี Publisher เวอร์ชัน “Perpetual” ซึ่งไม่ต้องพึ่ง Microsoft 365 ยังคงสามารถใช้งานต่อได้แม้หลังปี 2026 แต่ต้องยอมรับว่าจะไม่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัยหรือฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-shares-guidance-on-upcoming-publisher-deprecation/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft shares guidance on upcoming Publisher deprecation
    Microsoft has published guidance for users of Microsoft Publisher as it will no longer be supported after October 2026 and removed from Microsoft 365.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทาง Singapore Exchange (SGX) กำลังวางแผนเปิดตัว Bitcoin Perpetual Futures ซึ่งเป็นฟิวเจอร์สชนิดหนึ่งที่ไม่มีวันหมดอายุในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเป้าหมายหลักคือกลุ่มลูกค้าสถาบันและนักลงทุนระดับมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นการขยายตลาดสกุลเงินดิจิทัลสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ฟิวเจอร์สดังกล่าวจะจำกัดการเข้าถึงสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เพื่อควบคุมความเสี่ยงและความผันผวนในตลาด

    การเปิดตัวฟิวเจอร์สตัวใหม่นี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเอเชีย และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพัฒนาของ SGX ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาด

    Bitcoin Perpetual Futures คือเครื่องมือการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในกรณีที่ราคาของ Bitcoin ขึ้นหรือลง โดยไม่ต้องกังวลกับวันหมดอายุของสัญญา แต่ต้องอาศัยการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบเนื่องจากความผันผวนสูง หากประสบความสำเร็จ การเปิดตัวฟิวเจอร์สนี้อาจช่วยให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างฐานการเงินของ SGX ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    การจำกัดให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันแสดงถึงความพยายามของ SGX ในการบริหารความเสี่ยงในตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ตลาดคริปโต ความเคลื่อนไหวนี้อาจจุดประกายให้ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียเริ่มต้นพิจารณาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัลที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดโดยรวม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/10/singapore-exchange-to-roll-out-open-ended-bitcoin-futures-listing-bloomberg-reports
    ทาง Singapore Exchange (SGX) กำลังวางแผนเปิดตัว Bitcoin Perpetual Futures ซึ่งเป็นฟิวเจอร์สชนิดหนึ่งที่ไม่มีวันหมดอายุในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเป้าหมายหลักคือกลุ่มลูกค้าสถาบันและนักลงทุนระดับมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นการขยายตลาดสกุลเงินดิจิทัลสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ฟิวเจอร์สดังกล่าวจะจำกัดการเข้าถึงสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เพื่อควบคุมความเสี่ยงและความผันผวนในตลาด การเปิดตัวฟิวเจอร์สตัวใหม่นี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัลในเอเชีย และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพัฒนาของ SGX ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาด Bitcoin Perpetual Futures คือเครื่องมือการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในกรณีที่ราคาของ Bitcoin ขึ้นหรือลง โดยไม่ต้องกังวลกับวันหมดอายุของสัญญา แต่ต้องอาศัยการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบเนื่องจากความผันผวนสูง หากประสบความสำเร็จ การเปิดตัวฟิวเจอร์สนี้อาจช่วยให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างฐานการเงินของ SGX ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การจำกัดให้เฉพาะนักลงทุนสถาบันแสดงถึงความพยายามของ SGX ในการบริหารความเสี่ยงในตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ตลาดคริปโต ความเคลื่อนไหวนี้อาจจุดประกายให้ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียเริ่มต้นพิจารณาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัลที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดโดยรวม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/10/singapore-exchange-to-roll-out-open-ended-bitcoin-futures-listing-bloomberg-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore Exchange to roll out open-ended bitcoin futures listing, Bloomberg reports
    (Reuters) - The Singapore Exchange plans to list bitcoin perpetual futures in the second half of 2025, targeting institutional clients and professional investors, Bloomberg News reported on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • What Do You Like To Be Called? Words For Types Of Nicknames

    A nickname by any other name would smell just as sweet. Okay, so maybe that’s not how the saying goes, but we happen to think it’s true anyway. Nicknames are names that are substituted for the proper name of a person or place, like calling LeBron James “King James.”

    Nicknames are created for many different reasons. Sometimes they evolve naturally out of close association with someone. Other times, they may take hold based on qualities or features someone is well known for. There are a lot of different types of nicknames, as well as words we can use to describe them. From pet name to internet handle, here are 11 other words to use to talk about nicknames and the unique history of each one.

    pet name

    A pet name is a nickname that might exist within a family or close relationship. It means “a name or a term of address used to express affection for a person, thing, etc.” The term has been around for more than 100 years, first appearing in English between 1910 and 1915. Because pet names are typically affectionate, they’re nicknames you might hear a parent using for a child or siblings using to identify one another. A pet name probably isn’t something you’d hear in less familiar settings.

    AKA

    AKA (or A.K.A.) stands for “also known as.” If you have a nickname, you are “also known as” that name. This abbreviation, which entered English in the late 1940s, is used by law enforcement to specify an alias. But it’s also commonly used to indicate that a person goes by another name in many different settings. And it can be used facetiously to share extra information about someone. For example, My sister, AKA the most organized person in the entire world, somehow forgot my birthday.

    handle

    In the digital age, most of us have some kind of handle. That’s “a username, as on a social media website.” And yes, that counts as a type of nickname. It’s another name you’re known by, after all, even if it’s only among online friends. The word has existed in English since before the year 900, though it didn’t come to be associated with names until the 1830s, when it was used more generally to mean “nickname.” The term eventually came to include radio nicknames, and later, usernames on the internet.

    sobriquet

    Say nickname, but make it fancy. Essentially, that’s what sobriquet does. This word, borrowed from French, literally means “nickname.” In many cases, sobriquet indicates playfulness or a nickname that is used in jest. This might mean a childhood pet name or a funny name used between friends. The word sobriquet entered English in the 1600s.

    moniker

    Any name you go by can be considered a moniker. This term simply means “a person’s name, especially a nickname or alias.” The origins of this word aren’t exactly clear. One possibility is that it’s associated with monk, as nuns and monks frequently change their names upon taking their vows. It may also be a permutation, or transformation, of the Old Irish ainm, meaning “name.”

    pen name

    Sometimes nicknames are used for professional reasons, as is demonstrated by the phrase pen name. A pen name is “a pseudonym used by an author.” This might be a variation of their real name or a different name entirely. Mark Twain, for example, is a pen name used by Samuel Langhorne Clemens. Meanwhile George R. R. Martin is the author’s real name, but R. R. is used in place of Richard Raymond. Pen name is a translation of the French nom de plume, and it has been in use in English since the 1800s.

    byname

    What’s your byname? A byname is “a secondary name,” whether that’s a surname, a nickname, or something else. This term may be used to describe any type of nickname, rather than only nicknames that are familiar or used for a specific purpose. Think of it as another way of saying “a name you go by.” Though it’s not commonly used now, the word byname has existed in English since the 1300s.

    cognomen

    We bet you didn’t know you have a cognomen. While this word might look like the name of some kind of scary medical condition, it actually means “any name, especially a nickname.” Nomen means “name” in Latin, and co or cog means “with.” This 19th century word, then, literally means “with name,” and it can be broadly used to talk about any type of nickname.

    appellation

    A more official nickname might also be called an appellation. This word, which entered English in the early 1400s, means “a name, title, or designation.” Often, an appellation indicates a more official or well-known designation than just a familiar nickname. Think: Alexander The Great or the early American leaders known as The Founding Fathers. An appellation may also include an official title, such as doctor, bishop, or duke.

    term of endearment

    Nicknames are for lovers, at least in this case. A term of endearment is a nickname that shows esteem, affection, or love. This may be more personal, like a pet name, or it might include commonly used affectionate names, like honey, baby, or sweetie. Terms of endearment are typically reserved for intimate relationships, though some could also apply to family or close friends.

    nom de guerre

    Authors aren’t the only people who sometimes change their names. A nom de guerre is another way of saying pseudonym. It’s “an assumed name, under which a person fights, paints, writes, etc.” In French, nom de guerre meant “a war name,” or a name taken by a soldier upon entering the armed services. In English, it’s more generally understood to mean any kind of assumed name, whether it’s Stefani Germanotta being known as the musician “Lady Gaga” or Erik Weisz assuming the magician name of “Harry Houdini.”

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    What Do You Like To Be Called? Words For Types Of Nicknames A nickname by any other name would smell just as sweet. Okay, so maybe that’s not how the saying goes, but we happen to think it’s true anyway. Nicknames are names that are substituted for the proper name of a person or place, like calling LeBron James “King James.” Nicknames are created for many different reasons. Sometimes they evolve naturally out of close association with someone. Other times, they may take hold based on qualities or features someone is well known for. There are a lot of different types of nicknames, as well as words we can use to describe them. From pet name to internet handle, here are 11 other words to use to talk about nicknames and the unique history of each one. pet name A pet name is a nickname that might exist within a family or close relationship. It means “a name or a term of address used to express affection for a person, thing, etc.” The term has been around for more than 100 years, first appearing in English between 1910 and 1915. Because pet names are typically affectionate, they’re nicknames you might hear a parent using for a child or siblings using to identify one another. A pet name probably isn’t something you’d hear in less familiar settings. AKA AKA (or A.K.A.) stands for “also known as.” If you have a nickname, you are “also known as” that name. This abbreviation, which entered English in the late 1940s, is used by law enforcement to specify an alias. But it’s also commonly used to indicate that a person goes by another name in many different settings. And it can be used facetiously to share extra information about someone. For example, My sister, AKA the most organized person in the entire world, somehow forgot my birthday. handle In the digital age, most of us have some kind of handle. That’s “a username, as on a social media website.” And yes, that counts as a type of nickname. It’s another name you’re known by, after all, even if it’s only among online friends. The word has existed in English since before the year 900, though it didn’t come to be associated with names until the 1830s, when it was used more generally to mean “nickname.” The term eventually came to include radio nicknames, and later, usernames on the internet. sobriquet Say nickname, but make it fancy. Essentially, that’s what sobriquet does. This word, borrowed from French, literally means “nickname.” In many cases, sobriquet indicates playfulness or a nickname that is used in jest. This might mean a childhood pet name or a funny name used between friends. The word sobriquet entered English in the 1600s. moniker Any name you go by can be considered a moniker. This term simply means “a person’s name, especially a nickname or alias.” The origins of this word aren’t exactly clear. One possibility is that it’s associated with monk, as nuns and monks frequently change their names upon taking their vows. It may also be a permutation, or transformation, of the Old Irish ainm, meaning “name.” pen name Sometimes nicknames are used for professional reasons, as is demonstrated by the phrase pen name. A pen name is “a pseudonym used by an author.” This might be a variation of their real name or a different name entirely. Mark Twain, for example, is a pen name used by Samuel Langhorne Clemens. Meanwhile George R. R. Martin is the author’s real name, but R. R. is used in place of Richard Raymond. Pen name is a translation of the French nom de plume, and it has been in use in English since the 1800s. byname What’s your byname? A byname is “a secondary name,” whether that’s a surname, a nickname, or something else. This term may be used to describe any type of nickname, rather than only nicknames that are familiar or used for a specific purpose. Think of it as another way of saying “a name you go by.” Though it’s not commonly used now, the word byname has existed in English since the 1300s. cognomen We bet you didn’t know you have a cognomen. While this word might look like the name of some kind of scary medical condition, it actually means “any name, especially a nickname.” Nomen means “name” in Latin, and co or cog means “with.” This 19th century word, then, literally means “with name,” and it can be broadly used to talk about any type of nickname. appellation A more official nickname might also be called an appellation. This word, which entered English in the early 1400s, means “a name, title, or designation.” Often, an appellation indicates a more official or well-known designation than just a familiar nickname. Think: Alexander The Great or the early American leaders known as The Founding Fathers. An appellation may also include an official title, such as doctor, bishop, or duke. term of endearment Nicknames are for lovers, at least in this case. A term of endearment is a nickname that shows esteem, affection, or love. This may be more personal, like a pet name, or it might include commonly used affectionate names, like honey, baby, or sweetie. Terms of endearment are typically reserved for intimate relationships, though some could also apply to family or close friends. nom de guerre Authors aren’t the only people who sometimes change their names. A nom de guerre is another way of saying pseudonym. It’s “an assumed name, under which a person fights, paints, writes, etc.” In French, nom de guerre meant “a war name,” or a name taken by a soldier upon entering the armed services. In English, it’s more generally understood to mean any kind of assumed name, whether it’s Stefani Germanotta being known as the musician “Lady Gaga” or Erik Weisz assuming the magician name of “Harry Houdini.” Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 0 รีวิว
  • เต็มคาราเบล!!
    สัญญาณแจ้งเตือนของยูเครน บ่งบอกถึงการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่นับตั้งแต่ต้นปี 2025!

    🔴 มีรายงานการโจมตีแบบผสมผสาน – ขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธพิสัยไกล และโดรน
    • รายงานระบุว่าเป้าหมายความเร็วสูงกำลังมุ่งหน้าสู่ฐานทัพทหารและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน
    • มีรายงานตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS จำนวน 10 ลำ กำลังบินอยู่กลางอากาศ
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกปล่อยจากทะเลดำ คาดว่าจะเข้าสู่น่านฟ้าของยูเครนภายใน 20-30 นาที
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-555 ที่ปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ Tu-95MS จะถึงชายแดนของยูเครนภายในเวลา 05:10 - 06:10 น. ตามเวลามอสโก
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกตรวจพบในภูมิภาค Kherson มุ่งหน้าสู่โอเดสซา (Odessa)
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr อีกกลุ่ม มุ่งหน้าสู่ Krivoy Rog

    🔴 และยังมีรายงานตรวจพบขีปนาวุธร่อน ตามภูมิภาคต่อไป:
    • ทะเลดำ → ภูมิภาค Nikolaev
    • ภูมิภาค Kherson → ภูมิภาค Nikolaev
    • ภูมิภาค Kherson → Krivoy Rog
    • ภูมิภาค Dnepropetrovsk → ภูมิภาค Kirovograd
    • รายงานการระเบิดในโอเดสซา หลังจากขีปนาวุธโจมตีเป้าหมาย
    • พบขีปนาวุธเหนือภูมิภาค Kharkov และ Poltava
    • ขีปนาวุธ Kalibrs บินเหนือ Alexandria มุ่งหน้าสู่ภูมิภาค Cherkasy และ Poltava
    • ตรวจพบขีปนาวุธมุ่งหน้าสู่ Mirgorod ในภูมิภาค Poltava
    • ขีปนาวุธร่อน Kalibr หลายลูกบินข้ามภูมิภาค Odessa มุ่งหน้าสู่ Vinnytsia และ Cherkassy

    🔴 ขณะนี้เริ่มทะยอยมีรายงานผลกระทบและการโจมตีอย่างต่อเนื่อง


    เต็มคาราเบล!! สัญญาณแจ้งเตือนของยูเครน บ่งบอกถึงการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่นับตั้งแต่ต้นปี 2025! 🔴 มีรายงานการโจมตีแบบผสมผสาน – ขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธพิสัยไกล และโดรน • รายงานระบุว่าเป้าหมายความเร็วสูงกำลังมุ่งหน้าสู่ฐานทัพทหารและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน • มีรายงานตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS จำนวน 10 ลำ กำลังบินอยู่กลางอากาศ • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกปล่อยจากทะเลดำ คาดว่าจะเข้าสู่น่านฟ้าของยูเครนภายใน 20-30 นาที • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-555 ที่ปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ Tu-95MS จะถึงชายแดนของยูเครนภายในเวลา 05:10 - 06:10 น. ตามเวลามอสโก • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกตรวจพบในภูมิภาค Kherson มุ่งหน้าสู่โอเดสซา (Odessa) • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr อีกกลุ่ม มุ่งหน้าสู่ Krivoy Rog 🔴 และยังมีรายงานตรวจพบขีปนาวุธร่อน ตามภูมิภาคต่อไป: • ทะเลดำ → ภูมิภาค Nikolaev • ภูมิภาค Kherson → ภูมิภาค Nikolaev • ภูมิภาค Kherson → Krivoy Rog • ภูมิภาค Dnepropetrovsk → ภูมิภาค Kirovograd • รายงานการระเบิดในโอเดสซา หลังจากขีปนาวุธโจมตีเป้าหมาย • พบขีปนาวุธเหนือภูมิภาค Kharkov และ Poltava • ขีปนาวุธ Kalibrs บินเหนือ Alexandria มุ่งหน้าสู่ภูมิภาค Cherkasy และ Poltava • ตรวจพบขีปนาวุธมุ่งหน้าสู่ Mirgorod ในภูมิภาค Poltava • ขีปนาวุธร่อน Kalibr หลายลูกบินข้ามภูมิภาค Odessa มุ่งหน้าสู่ Vinnytsia และ Cherkassy 🔴 ขณะนี้เริ่มทะยอยมีรายงานผลกระทบและการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สหรัฐกำลังเตรียมวางแผนกดดันให้มีการเลือกตั้งในยูเครน"

    รายงานจากสำนักข่าว Politico ระบุว่า ทีมงานของทรัมป์กำลังเจรจาลับๆ กับคู่แข่งทางการเมืองของเซเลนสกี

    ผู้ช่วยของทรัมป์ได้เข้าพบกับบุคคลสำคัญฝ่ายค้านอย่างยูเลีย ทิโมเชนโก (Yulia Tymoshenko) อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสมาชิกระดับสูงของพรรคของ เปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) อดีตประธานาธิบดีของยูเครน

    ตามคำกล่าวของสมาชิกรัฐสภายูเครน 3 คนและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของพรรครีพับลิกัน การเจรจาเน้นไปที่การเลือกตั้งก่อนกำหนด แม้ว่ายูเครนจะมีกฎอัยการศึกก็ตาม

    พวกเขาเชื่อว่าเซเลนสกีจะพ่ายแพ้เนื่องจาก ประชาชนเบื่อหน่ายและไม่พอใจจากการทำสงครามต่อเนื่องมาสามปีของเซเลนสกี รวมทั้งข่าวการทุจริตเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศจากทีมงานของเซเลนสกีที่มีอย่างต่อเนื่อง

    "สหรัฐกำลังเตรียมวางแผนกดดันให้มีการเลือกตั้งในยูเครน" รายงานจากสำนักข่าว Politico ระบุว่า ทีมงานของทรัมป์กำลังเจรจาลับๆ กับคู่แข่งทางการเมืองของเซเลนสกี ผู้ช่วยของทรัมป์ได้เข้าพบกับบุคคลสำคัญฝ่ายค้านอย่างยูเลีย ทิโมเชนโก (Yulia Tymoshenko) อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสมาชิกระดับสูงของพรรคของ เปโตร โปโรเชนโก (Petro Poroshenko) อดีตประธานาธิบดีของยูเครน ตามคำกล่าวของสมาชิกรัฐสภายูเครน 3 คนและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของพรรครีพับลิกัน การเจรจาเน้นไปที่การเลือกตั้งก่อนกำหนด แม้ว่ายูเครนจะมีกฎอัยการศึกก็ตาม พวกเขาเชื่อว่าเซเลนสกีจะพ่ายแพ้เนื่องจาก ประชาชนเบื่อหน่ายและไม่พอใจจากการทำสงครามต่อเนื่องมาสามปีของเซเลนสกี รวมทั้งข่าวการทุจริตเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศจากทีมงานของเซเลนสกีที่มีอย่างต่อเนื่อง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้พยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump ให้ละเว้นแผนการแยกส่วนบริษัท โดยอ้างว่าอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ การพูดคุยนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ DoJ ภายใต้การบริหารของ Biden เคยดำเนินการตรวจสอบ Google และตัดสินว่า Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด (antitrust laws) ด้วยข้อตกลงการค้นหาของตน

    Google ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้นหากับพันธมิตรทางเทคโนโลยีเพื่อจำกัดมาตรการแก้ไขที่ DoJ คิดไว้ และในขณะนี้ Google กำลังพยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมภายใต้การบริหารของ Trump ให้มีแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาด

    Peter Schottenfels โฆษกของ Google ได้กล่าวว่า การแยกส่วนธุรกิจของ Google จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ Google กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

    แนวทางของ Google สอดคล้องกับการแถลงล่าสุดของประธานาธิบดี Trump และ VP JD Vance ที่ต่อต้านการกำกับดูแลที่มากเกินไปจากรัฐบาล โดยทำเนียบขาวเคยชี้ให้เห็นว่านโยบายของยุโรปเกี่ยวกับการผูกขาดเทคโนโลยีและเรื่องต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น Digital Markets Act และ Digital Services Act กำลังพยายามเปลี่ยนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ให้เป็นแหล่งรายได้

    Google กำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการแยกส่วนบริษัทและรักษาสถานะการผูกขาดของตน โดยการพึ่งพาความสัมพันธ์ที่ดีกับการบริหารของ Trump และการอ้างถึงความมั่นคงแห่งชาติเป็นเครื่องมือในการโน้มน้าว

    https://www.techspot.com/news/107036-google-asks-trump-administration-avoid-tearing-company-apart.html
    Google ได้พยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump ให้ละเว้นแผนการแยกส่วนบริษัท โดยอ้างว่าอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ การพูดคุยนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ DoJ ภายใต้การบริหารของ Biden เคยดำเนินการตรวจสอบ Google และตัดสินว่า Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด (antitrust laws) ด้วยข้อตกลงการค้นหาของตน Google ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้นหากับพันธมิตรทางเทคโนโลยีเพื่อจำกัดมาตรการแก้ไขที่ DoJ คิดไว้ และในขณะนี้ Google กำลังพยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมภายใต้การบริหารของ Trump ให้มีแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาด Peter Schottenfels โฆษกของ Google ได้กล่าวว่า การแยกส่วนธุรกิจของ Google จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ Google กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ แนวทางของ Google สอดคล้องกับการแถลงล่าสุดของประธานาธิบดี Trump และ VP JD Vance ที่ต่อต้านการกำกับดูแลที่มากเกินไปจากรัฐบาล โดยทำเนียบขาวเคยชี้ให้เห็นว่านโยบายของยุโรปเกี่ยวกับการผูกขาดเทคโนโลยีและเรื่องต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น Digital Markets Act และ Digital Services Act กำลังพยายามเปลี่ยนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ให้เป็นแหล่งรายได้ Google กำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการแยกส่วนบริษัทและรักษาสถานะการผูกขาดของตน โดยการพึ่งพาความสัมพันธ์ที่ดีกับการบริหารของ Trump และการอ้างถึงความมั่นคงแห่งชาติเป็นเครื่องมือในการโน้มน้าว https://www.techspot.com/news/107036-google-asks-trump-administration-avoid-tearing-company-apart.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google presses Trump's DOJ to abandon breakup plans, citing national security
    Google is trying to convince the Trump administration that breaking up the company could have chilling effects on US national security. Quoting unnamed sources familiar with the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)”
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
    .
    นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
    .
    The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์
    .
    “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้
    .
    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน”
    .
    ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์”
    .
    มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว . โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป . รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)” . รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย . นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส . The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์ . “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้ . ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ . ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่ . ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย . อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง . โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน” . ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์” . มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2280 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐอเมริกาจะไม่ถือว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อ Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียและประธานาธิบดี Vladimir Putin ให้เป็นปกติ โดยได้ประกาศคำสั่งจาก Pete Hegseth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ US Cyber Command หยุดการวางแผนและปฏิบัติการทางดิจิทัลกับรัสเซียทั้งหมด

    แม้ว่าการหยุดการปฏิบัติการนี้จะไม่รวมถึง National Security Agency (NSA) แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของ US Cyber Command โดย Liesyl Franz รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์จากประเทศอื่น ๆ เช่น จีนและอิหร่าน แต่ไม่ได้ระบุถึงรัสเซียเป็นภัยคุกคามหลัก

    ในขณะที่แหล่งข่าวจาก Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไม่ให้ติดตามหรือรายงานภัยคุกคามจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม Tricia McLaughlin โฆษกของ CISA ยืนยันว่า CISA ยังคงมุ่งมั่นในการแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมดต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงภัยคุกคามจากรัสเซีย

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ พยายามลดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย และให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากประเทศอื่น ๆ มากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106993-us-no-longer-prioritizes-russia-major-cyber-threat.html
    สหรัฐอเมริกาจะไม่ถือว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สำคัญอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อ Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียและประธานาธิบดี Vladimir Putin ให้เป็นปกติ โดยได้ประกาศคำสั่งจาก Pete Hegseth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ US Cyber Command หยุดการวางแผนและปฏิบัติการทางดิจิทัลกับรัสเซียทั้งหมด แม้ว่าการหยุดการปฏิบัติการนี้จะไม่รวมถึง National Security Agency (NSA) แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำงานของ US Cyber Command โดย Liesyl Franz รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยังคงกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์จากประเทศอื่น ๆ เช่น จีนและอิหร่าน แต่ไม่ได้ระบุถึงรัสเซียเป็นภัยคุกคามหลัก ในขณะที่แหล่งข่าวจาก Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไม่ให้ติดตามหรือรายงานภัยคุกคามจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม Tricia McLaughlin โฆษกของ CISA ยืนยันว่า CISA ยังคงมุ่งมั่นในการแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์ทั้งหมดต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ รวมถึงภัยคุกคามจากรัสเซีย การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ พยายามลดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย และให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากประเทศอื่น ๆ มากขึ้น https://www.techspot.com/news/106993-us-no-longer-prioritizes-russia-major-cyber-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The United States no longer prioritizes Russia as a major cyber threat
    According to a US official familiar with the matter (via The Record), new Defense Secretary Pete Hegseth has ordered US Cyber Command to "stand down from all...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025

    ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16%

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน

    ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน

    จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara)

    มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange)

    2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์

    อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562

    #Newskit
    เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025 ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16% สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara) มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) 2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562 #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มอนุรักษ์สิทธิสัตว์ PETA ออกมาโต้รัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ก่อนหน้ายืนยันรับประกันสวัสดิภาพหมูเด้งและสวนสัตว์เขาเขียวได้มาตรฐานว่า ให้ความสนใจหมูเด้งเป็นพิเศษ เนื่องมาจากกระแสความโด่งดังหมูเด้งที่มาจากการกักขังในสวนสัตว์เป็นสำคัญที่ทำให้สัตว์ป่าเช่นฮิปโปแคระสูญเสียธรรมชาติดั้งเดิมความเป็นสัตว์ป่าของตัวเองไป แต่ไม่ตอบคำเชิญเข้ามาดูหมูเด้งถึงสวนสัตว์เขาเขียว ด้านอดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำธนาคารพัฒนาเอเชีย (AsDB) สวนกระแสแบนบุกเยือน “หมูเด้ง” ถึงที่โพสต์ชื่นชมพี่เบนซ์ที่อุทิศตัวจนหมูเด้งมีชื่อไปทั่วโลก

    เจสัน เบเกอร์ (Jason Baker) รองประธานอาวุโสกลุ่มอนุรักษ์สิทธิสัตว์ PETA ชื่อดังออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 ก.พ. มายังผู้จัดการออนไลน์ ตอบโต้รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฉลิมชัย ศรีอ่อน หลังข่าว PETA จับมือ Born Free รณรงค์ไม่ให้นักท่องเที่ยวในอังกฤษเดินทางบินเข้ามาชมหมูเด้งในไทยออกมาเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว

    แถลงการณ์ PETA ที่ออกมาในวันเดียวกัน (25) กับการแถลงของรัฐมนตรีเฉลิมชัย โดยทางกลุ่มแถลงยังคงโจมตีไปที่กระแสความโด่งดังหมูเด้งที่มาจากการกักขังในสวนสัตว์เป็นสำคัญ PETA จุดยืนการรณรงค์หมูเด้งเนื่องมาจากทางกลุ่มต้องการให้ข้อมูลว่า สัตว์ที่ถูกกักกันนั้นแท้จริงเป็นสิ่งที่มีความรู้สึกเหมือนเช่นมนุษย์ และไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาจัดแสดงได้ตามข้ออ้างของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020286

    #MGROnline #กลุ่มอนุรักษ์สิทธิสัตว์ #PETA #หมูเด้ง
    กลุ่มอนุรักษ์สิทธิสัตว์ PETA ออกมาโต้รัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ก่อนหน้ายืนยันรับประกันสวัสดิภาพหมูเด้งและสวนสัตว์เขาเขียวได้มาตรฐานว่า ให้ความสนใจหมูเด้งเป็นพิเศษ เนื่องมาจากกระแสความโด่งดังหมูเด้งที่มาจากการกักขังในสวนสัตว์เป็นสำคัญที่ทำให้สัตว์ป่าเช่นฮิปโปแคระสูญเสียธรรมชาติดั้งเดิมความเป็นสัตว์ป่าของตัวเองไป แต่ไม่ตอบคำเชิญเข้ามาดูหมูเด้งถึงสวนสัตว์เขาเขียว ด้านอดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำธนาคารพัฒนาเอเชีย (AsDB) สวนกระแสแบนบุกเยือน “หมูเด้ง” ถึงที่โพสต์ชื่นชมพี่เบนซ์ที่อุทิศตัวจนหมูเด้งมีชื่อไปทั่วโลก • เจสัน เบเกอร์ (Jason Baker) รองประธานอาวุโสกลุ่มอนุรักษ์สิทธิสัตว์ PETA ชื่อดังออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 25 ก.พ. มายังผู้จัดการออนไลน์ ตอบโต้รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฉลิมชัย ศรีอ่อน หลังข่าว PETA จับมือ Born Free รณรงค์ไม่ให้นักท่องเที่ยวในอังกฤษเดินทางบินเข้ามาชมหมูเด้งในไทยออกมาเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว • แถลงการณ์ PETA ที่ออกมาในวันเดียวกัน (25) กับการแถลงของรัฐมนตรีเฉลิมชัย โดยทางกลุ่มแถลงยังคงโจมตีไปที่กระแสความโด่งดังหมูเด้งที่มาจากการกักขังในสวนสัตว์เป็นสำคัญ PETA จุดยืนการรณรงค์หมูเด้งเนื่องมาจากทางกลุ่มต้องการให้ข้อมูลว่า สัตว์ที่ถูกกักกันนั้นแท้จริงเป็นสิ่งที่มีความรู้สึกเหมือนเช่นมนุษย์ และไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาจัดแสดงได้ตามข้ออ้างของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020286 • #MGROnline #กลุ่มอนุรักษ์สิทธิสัตว์ #PETA #หมูเด้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts