• มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล

    ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน

    เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ

    ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง

    สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น

    #Newskit
    มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล
    .
    คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี
    .
    พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม
    .
    โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้หนึ่งสิ่งเพื่อที่จะเข้าใจอีกพันสิ่ง อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจเช่นนี้ในพิจารณาเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น ผู้มีญาณทัศนะที่มากพอเช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกายเขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ ฟังดูยากใช่ไหม?
    .
    ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง?
    .
    แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา)
    .
    โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา...
    .
    มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน
    - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น
    - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง
    .
    - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ
    - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า
    อธิบายสักรอบ..
    เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป..
    .
    ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม?
    .
    ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้น.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะให้ถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง
    .
    นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็น และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น
    .
    พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้
    .
    มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติรอดพ้น แล้วไปยืนที่กำแพงพระนคร พูดกับตัวเองว่า
    "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล . คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี . พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม . โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้หนึ่งสิ่งเพื่อที่จะเข้าใจอีกพันสิ่ง อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจเช่นนี้ในพิจารณาเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น ผู้มีญาณทัศนะที่มากพอเช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกายเขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ ฟังดูยากใช่ไหม? . ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง? . แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา) . โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา... . มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง . - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า อธิบายสักรอบ.. เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป.. . ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? . ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้น.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะให้ถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง . นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็น และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น . พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้ . มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติรอดพ้น แล้วไปยืนที่กำแพงพระนคร พูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้ . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้ำเตือนกันอีกครั้งว่า "ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง "Oreshnik" ใช้เวลาเดินทางถึงเป้าหมายในเยอรมนีเพียง 15 นาทีเท่านั้น!
    ย้ำเตือนกันอีกครั้งว่า "ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง "Oreshnik" ใช้เวลาเดินทางถึงเป้าหมายในเยอรมนีเพียง 15 นาทีเท่านั้น!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เท้ง' สับงบประมาณปี 69 สะท้อนนายกฯไร้เป้าหมาย เสี่ยงนำประเทศสู่รัฐล้มเหลว
    https://www.thai-tai.tv/news/19022/
    'เท้ง' สับงบประมาณปี 69 สะท้อนนายกฯไร้เป้าหมาย เสี่ยงนำประเทศสู่รัฐล้มเหลว https://www.thai-tai.tv/news/19022/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • อานนท์ นำภา โดนคุกอีก 2 ปี คดี 112 ชุมนุมหน้า สน.บางเขน เพนกวิน หนีไปนอก ศาลให้ออกหมายจับ
    https://www.thai-tai.tv/news/19016/
    อานนท์ นำภา โดนคุกอีก 2 ปี คดี 112 ชุมนุมหน้า สน.บางเขน เพนกวิน หนีไปนอก ศาลให้ออกหมายจับ https://www.thai-tai.tv/news/19016/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า โดยเฉลี่ยจ่ายให้ผู้ที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอน อยากได้เงินเป็นก้อน แม้จะได้ครึ่งเดียวแต่ก็ต้องรับไว้ ส่วนที่เหลือ 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้

    -สิ่งสำคัญที่หลายคนไม่รู้
    -พร้อมตรวจสอบการบังคับใช้
    -จัดงบ'69 รับภาษีสหรัฐ
    -พบทุจริตเอาผิดไม่ละเว้น
    นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า โดยเฉลี่ยจ่ายให้ผู้ที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอน อยากได้เงินเป็นก้อน แม้จะได้ครึ่งเดียวแต่ก็ต้องรับไว้ ส่วนที่เหลือ 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้ -สิ่งสำคัญที่หลายคนไม่รู้ -พร้อมตรวจสอบการบังคับใช้ -จัดงบ'69 รับภาษีสหรัฐ -พบทุจริตเอาผิดไม่ละเว้น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ผบช.ไซเบอร์ เผยศาลอนุมัติออกหมายจับ “จอน” คนใกล้ชิด “สจ.กอล์ฟ” ร่วมรับผลประโยชน์จากเงินเว็บพนัน ล่าสุดยังอยู่ระหว่างหลบหนี ตร.เร่งติดตามจับกุมตัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000049995

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผบช.ไซเบอร์ เผยศาลอนุมัติออกหมายจับ “จอน” คนใกล้ชิด “สจ.กอล์ฟ” ร่วมรับผลประโยชน์จากเงินเว็บพนัน ล่าสุดยังอยู่ระหว่างหลบหนี ตร.เร่งติดตามจับกุมตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000049995 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • หวังได้เงินก้อนแรก ไม่มั่นใจก้าวพีเคจ่ายจริง? : [THE MESSAGE]
    นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง พร้อมด้วย รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยข้อสรุปเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า จะหักเงิน 5% เป็นเงินประกันผลงาน ซึ่งจะเฉลี่ยจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากเยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอนในวันนี้ อยากได้เงินเป็นก้อน แม้เงินก้อนแรกจะได้ครึ่งเดียว แต่ก็ต้องรับเอาไว้ ส่วนยอดที่เหลืออีก 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้ด้
    หวังได้เงินก้อนแรก ไม่มั่นใจก้าวพีเคจ่ายจริง? : [THE MESSAGE] นายฐิติพงศ์ โพธิพรหม หรือ ช่างเบิร์ด เจ้าของบริษัท บีแอล จำกัด และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วง พร้อมด้วย รับเงินค่าจ้างทำงานตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่(สตง.) หลังมีปัญหาถูกเบี้ยวเงินมานานกว่า 1 ปี โดยข้อสรุปเงินงวดแรกที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วง 22 เจ้า จะหักเงิน 5% เป็นเงินประกันผลงาน ซึ่งจะเฉลี่ยจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงที่ยอมรับสภาพหนี้ยอดแรก 5,542,529.74 บาท จากเยอดเต็ม 9,624,786.92 บาท หวังว่าจะมีการโอนในวันนี้ อยากได้เงินเป็นก้อน แม้เงินก้อนแรกจะได้ครึ่งเดียว แต่ก็ต้องรับเอาไว้ ส่วนยอดที่เหลืออีก 4,082,257.18 บาท อยู่ระหว่างหาข้อสรุปว่าบริษัทก้าวพีเค จะจ่ายให้ผู้รับเหมาช่วงอย่างไร ไม่มั่นใจบริษัทนี้เพราะถ้าจะจ่ายจริง ทำงานมาเป็นปีคงจ่ายนานแล้ว เขาได้เงินไปไม่รู้เอาเงินไปไว้ที่ไหน เงินไม่มาถึงพวกเรา ไม่งั้นเขาคงไม่ติดหนี้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าเดียว ติดเป็น 20 กว่าเจ้า และมีหลายเจ้าที่ยังไม่ได้เซ็นรับสภาพหนี้ด้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • “คณะมูลนิธิชัยพัฒนา ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดี ในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี”
    .
    พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ที่ปรึกษามูลนิธิชัยพัฒนา และ หม่อมราชวงศ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพิเศษ มูลนิธิชัยพัฒนา ในการเดินทางตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี ของ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี "ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย" ณ โรงเรียนบ้านราษฎร์รักแดน อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์, โรงเรียนบ้านประทาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ โรงเรียนบ้านดงแถบ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
    .
    เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินโครงการฯ และแนะนำแนวทางการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ การส่งขายเข้าตลาด การดูแลสัตว์เลี้ยงภายในโครงการฯ ให้มีสุขภาพแข็งแรง สามารถขยายพันธุ์ได้ดี การรู้จักใช้ระบบชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช การขยายพันธุ์พืชสู่ชุมชนรอบค่ายทหาร และชุมชนรอบโรงเรียน อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่, คณะครูนักเรียน และกรรมการสถานศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ
    .
    #โครงการทหารพันธุ์ดี
    #กองกำลังสุรนารี
    #กองทัพภาคที่2
    #กองทัพบก
    #ArmyPRCenter
    “คณะมูลนิธิชัยพัฒนา ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดี ในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี” . พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ที่ปรึกษามูลนิธิชัยพัฒนา และ หม่อมราชวงศ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพิเศษ มูลนิธิชัยพัฒนา ในการเดินทางตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี ของ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี "ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย" ณ โรงเรียนบ้านราษฎร์รักแดน อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์, โรงเรียนบ้านประทาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ โรงเรียนบ้านดงแถบ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี . เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินโครงการฯ และแนะนำแนวทางการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ การส่งขายเข้าตลาด การดูแลสัตว์เลี้ยงภายในโครงการฯ ให้มีสุขภาพแข็งแรง สามารถขยายพันธุ์ได้ดี การรู้จักใช้ระบบชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช การขยายพันธุ์พืชสู่ชุมชนรอบค่ายทหาร และชุมชนรอบโรงเรียน อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่, คณะครูนักเรียน และกรรมการสถานศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ . #โครงการทหารพันธุ์ดี #กองกำลังสุรนารี #กองทัพภาคที่2 #กองทัพบก #ArmyPRCenter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุทิน” แนะ “ดีเอสไอ” ออกหมายเรียก “ณฐพร” ถ้าไม่มาต้องออกหมายจับ อย่าปล่อยคนผิดลอยนวล
    https://www.thai-tai.tv/news/19005/
    “อนุทิน” แนะ “ดีเอสไอ” ออกหมายเรียก “ณฐพร” ถ้าไม่มาต้องออกหมายจับ อย่าปล่อยคนผิดลอยนวล https://www.thai-tai.tv/news/19005/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะผลสอบข้อเท็จจริง สว.อุปกิต ปาจรียางกูร พ้นหมายจับจากคดีเอี่ยว ตุน มิน ลัต
    https://www.thai-tai.tv/news/18999/
    แกะผลสอบข้อเท็จจริง สว.อุปกิต ปาจรียางกูร พ้นหมายจับจากคดีเอี่ยว ตุน มิน ลัต https://www.thai-tai.tv/news/18999/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิ๊ดสะก๊าด หมายถึงอะไร
    เปิ๊ดสะก๊าด เป็นคำที่รับมาจากภาษาอังกฤษว่า first class แต่เนื่องจากฟังภาษาอังกฤษไม่ชัดรวมทั้งไม่สามารถออกเสียงพยัญชนะสะกดในภาษาอังกฤษได้ จึงได้เพี้ยนเสียงไปเป็นคำว่า เปิ๊ดสะก๊าด นอกจากจะออกเสียงเพี้ยนไปแล้ว ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย คำว่า first class ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ชั้นที่ ๑ เมื่อนำมาใช้ขยายนามใด จึงหมายความว่า เป็นชั้นที่ ๑ คือชนิดดีที่สุด แต่คำว่า เปิ๊ดสะก๊าด ในภาษาไทย ใช้หมายถึง หรูหรา ส่วนใหญ่ใช้กับการแต่งตัวที่หรูหรา ทันสมัยมาก เช่น แต่งตัวเสียเปิ๊ดสะก๊าด จะไปเที่ยวที่ไหนหรือจ๊ะ

    ที่มา : บทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย”
    เปิ๊ดสะก๊าด หมายถึงอะไร เปิ๊ดสะก๊าด เป็นคำที่รับมาจากภาษาอังกฤษว่า first class แต่เนื่องจากฟังภาษาอังกฤษไม่ชัดรวมทั้งไม่สามารถออกเสียงพยัญชนะสะกดในภาษาอังกฤษได้ จึงได้เพี้ยนเสียงไปเป็นคำว่า เปิ๊ดสะก๊าด นอกจากจะออกเสียงเพี้ยนไปแล้ว ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย คำว่า first class ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ชั้นที่ ๑ เมื่อนำมาใช้ขยายนามใด จึงหมายความว่า เป็นชั้นที่ ๑ คือชนิดดีที่สุด แต่คำว่า เปิ๊ดสะก๊าด ในภาษาไทย ใช้หมายถึง หรูหรา ส่วนใหญ่ใช้กับการแต่งตัวที่หรูหรา ทันสมัยมาก เช่น แต่งตัวเสียเปิ๊ดสะก๊าด จะไปเที่ยวที่ไหนหรือจ๊ะ ที่มา : บทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิ๊ดสะก๊าด หมายถึงอะไร
    เปิ๊ดสะก๊าด เป็นคำที่รับมาจากภาษาอังกฤษว่า first class แต่เนื่องจากฟังภาษาอังกฤษไม่ชัดรวมทั้งไม่สามารถออกเสียงพยัญชนะสะกดในภาษาอังกฤษได้ จึงได้เพี้ยนเสียงไปเป็นคำว่า เปิ๊ดสะก๊าด นอกจากจะออกเสียงเพี้ยนไปแล้ว ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย คำว่า first class ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ชั้นที่ ๑ เมื่อนำมาใช้ขยายนามใด จึงหมายความว่า เป็นชั้นที่ ๑ คือชนิดดีที่สุด แต่คำว่า เปิ๊ดสะก๊าด ในภาษาไทย ใช้หมายถึง หรูหรา ส่วนใหญ่ใช้กับการแต่งตัวที่หรูหรา ทันสมัยมาก เช่น แต่งตัวเสียเปิ๊ดสะก๊าด จะไปเที่ยวที่ไหนหรือจ๊ะ

    ที่มา : บทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย”
    เปิ๊ดสะก๊าด หมายถึงอะไร เปิ๊ดสะก๊าด เป็นคำที่รับมาจากภาษาอังกฤษว่า first class แต่เนื่องจากฟังภาษาอังกฤษไม่ชัดรวมทั้งไม่สามารถออกเสียงพยัญชนะสะกดในภาษาอังกฤษได้ จึงได้เพี้ยนเสียงไปเป็นคำว่า เปิ๊ดสะก๊าด นอกจากจะออกเสียงเพี้ยนไปแล้ว ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย คำว่า first class ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ชั้นที่ ๑ เมื่อนำมาใช้ขยายนามใด จึงหมายความว่า เป็นชั้นที่ ๑ คือชนิดดีที่สุด แต่คำว่า เปิ๊ดสะก๊าด ในภาษาไทย ใช้หมายถึง หรูหรา ส่วนใหญ่ใช้กับการแต่งตัวที่หรูหรา ทันสมัยมาก เช่น แต่งตัวเสียเปิ๊ดสะก๊าด จะไปเที่ยวที่ไหนหรือจ๊ะ ที่มา : บทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีปนาวุธร่อน Kh-101 ของรัสเซีย ในระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ต่อเป้าหมายในยูเครนเมื่อคืนวันที่ 25 พฤษภาคม
    ขีปนาวุธร่อน Kh-101 ของรัสเซีย ในระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่ต่อเป้าหมายในยูเครนเมื่อคืนวันที่ 25 พฤษภาคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • รัสเซียยังคงถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับเข้าสู่การเจรจาสันติภาพตามเงื่อนไข

    เมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเป็นคืนที่สี่ติดต่อกัน จากการโจมตีระลอกใหญ่ของรัสเซีย ยังคงมีการโจมตีด้วยโดรน Geran-2 ของรัสเซียอย่างน้อย 23 ลำ โจมตีเป้าหมายในเขต Kharkiv

    หนึ่งในเป้าหมายของรัสเซีย ในเขตภูมิภาค Chuguevsky และ ภูมิภาค Kharkov เชื่อว่าคือโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
    รัสเซียยังคงถล่มยูเครนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบังคับเข้าสู่การเจรจาสันติภาพตามเงื่อนไข เมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเป็นคืนที่สี่ติดต่อกัน จากการโจมตีระลอกใหญ่ของรัสเซีย ยังคงมีการโจมตีด้วยโดรน Geran-2 ของรัสเซียอย่างน้อย 23 ลำ โจมตีเป้าหมายในเขต Kharkiv หนึ่งในเป้าหมายของรัสเซีย ในเขตภูมิภาค Chuguevsky และ ภูมิภาค Kharkov เชื่อว่าคือโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เผย คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ พิจารณามติแพทยสภาให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ มีความเห็นว่าข้อมูลที่แพทยสภาส่งมายังไม่ครบ เพราะต้องพิจารณากฎหมายของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยืนยันตัดสินด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม คือความถูกต้อง เนื่องจากมีเอกสารเข้ามาจากทั้งแพทย์และแพทยสภา เหมือนตาชั่งที่มีข้อมูลทั้งซ้ายและขวา เราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ นอกจากดุลยพินิจเพื่อรายงานความเห็นว่าเป็นอย่างไร แพทย์ต้องคำนึงถึงความเจ็บป่วย วันนี้ที่ต้องโดนด่าคือจริยธรรมของแพทยสภาไม่มี เพราะลืมนกหวีดไว้ข้างหลังตอนแถลงข่าว

    -คิดก่อนไปศาลเองหรือไม่
    -บัตรทองไม่มีวันล่มสลาย
    -หาช่องหักลบจ่ายจำนำข้าว
    -เปิดฟังความเห็นโทเคนดิจิทัล
    นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เผย คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ พิจารณามติแพทยสภาให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ มีความเห็นว่าข้อมูลที่แพทยสภาส่งมายังไม่ครบ เพราะต้องพิจารณากฎหมายของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ยืนยันตัดสินด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม คือความถูกต้อง เนื่องจากมีเอกสารเข้ามาจากทั้งแพทย์และแพทยสภา เหมือนตาชั่งที่มีข้อมูลทั้งซ้ายและขวา เราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ นอกจากดุลยพินิจเพื่อรายงานความเห็นว่าเป็นอย่างไร แพทย์ต้องคำนึงถึงความเจ็บป่วย วันนี้ที่ต้องโดนด่าคือจริยธรรมของแพทยสภาไม่มี เพราะลืมนกหวีดไว้ข้างหลังตอนแถลงข่าว -คิดก่อนไปศาลเองหรือไม่ -บัตรทองไม่มีวันล่มสลาย -หาช่องหักลบจ่ายจำนำข้าว -เปิดฟังความเห็นโทเคนดิจิทัล
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • #เสาสัญญาณเเห่งความร่ำรวย
    #พิธีกรรมจิต เเละความศรัทธาในเงินสด

    การสร้างความร่ำรวยแท้จริงนั้น "ง่าย"

    อย่างที่ไม่เคยมีใครบอกคุณมาก่อน
    แต่ความง่ายนี้มีเงื่อนไขสำคัญ

    มันต้องกลายเป็น “กิจวัตร”
    ต้องทำซ้ำ ต้องย้ำต้องวน
    ต้องชัด และต้องศรัทธา

    #กุญแจสำคัญที่สุด คือ
    การล้างกระดานเก่าในจิต
    แล้วแทนที่ด้วยภาพใหม่
    ของความมั่งคั่ง

    จากนั้น #เปิดคลื่นวิทยุของจิต

    ให้รับ-ส่งแค่ช่องสัญญาณเดียว

    ช่องที่ชื่อว่า

    "ฉันมีเงิน ฉันร่ำรวย ฉันสำเร็จ"

    ซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งวันทั้งคืน

    อย่าปล่อยให้จิตเปิดรับทุกคลื่น
    เหมือนการฟังวิทยุหลายสถานี
    มีทั้งเพลง ข่าว โฆษณา
    ซึ่งมีสาระก็จริง แต่ไม่เข้มข้น
    และไม่ต่อเนื่องพอจะสร้างอะไรได้เลย

    เพราะมันเพียง
    สะกิดใจไม่กี่วินาที
    แล้วหายวับไป

    หากคุณอยากรวย ต้อง #ถักจิต
    เหมือน การทอผ้า ต้องนั่งทำซ้ำๆ ทุกวัน
    เหมือนการสร้างผืนผ้าขนาดใหญ่
    ที่ใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี

    หากเปรียบความร่ำรวยเป็นผืนผ้า

    คุณต้องยอมใช้ชีวิต
    ปักเข็มเส้นเดิมทุกวัน
    ไม่มีทางลัด

    #จิตที่แน่วแน่เท่านั้นที่รวยได้

    คุณต้องมีความหมกมุ่นระดับสูงสุด
    หมกมุ่นแบบนักธุรกิจ
    ที่คิดแค่เรื่องเงิน คิดหาเงิน เก็บเงิน
    ขยายเงิน ตั้งบริษัท สร้างอาณาจักร
    แล้วส่งต่อความมั่งคั่งให้รุ่นลูกหลาน

    เพราะจิตของคนรวยจะมีคลื่นเดียว

    “ฉันรวยและฉันกำลังรวย”

    แต่ในยุคนี้ อินเทอร์เน็ต
    ทำให้จิตคนยุคใหม่อ่อนแอ

    คลื่นสัญญาณถูกรบกวน
    จากข้อมูลสารพัดรูปแบบ
    ทำให้จิตสร้างอะไรไม่ได้เลย
    เพราะมันไม่แน่วแน่พอ
    ไม่มีคลื่นหลักของตัวเอง

    #ฟอร์มจิตให้กลายเป็นพลังสร้าง

    จะเปลี่ยนจิตให้สร้างสิ่งใดเป็นรูปธรรม
    ต้องใช้กลไกแบบเดียวกับ
    การดูละครซีรีส์ที่เราหลงใหล

    อ่านนิยายที่เรารู้สึกว่า “เราเองคือตัวเอก”
    มันต้องอิน ต้องย้ำ ต้องหมกมุ่น
    แล้วเราจะเริ่ม “กลายเป็นสิ่งนั้นจริงๆ”

    คนที่ไม่สำเร็จ เพราะจิตไม่ชัดเจน
    ไม่อิน ไม่เชื่อ ไม่ซ้ำ ใช้ชีวิตแบบดูผ่าน
    ฟังผ่าน แล้วก็หมดวันไปอย่างไร้พลัง

    เริ่มต้นความร่ำรวยจาก "พิธีกรรมเงินสด"

    หากคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า
    “ฉันจะรวย” ให้ตั้งพิธีกรรมของคุณขึ้นมา
    ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

    1.หา #เครื่องยึดเหนี่ยว
    สัญลักษณ์ที่สั่นสะเทือนหัวใจ
    เช่น ทองคำแท่ง เงินสด ที่ดิน
    มาวางบนโต๊ะพิธีของคุณ
    เพื่อย้ำเตือนว่า นี่คือ
    เป้าหมายเดียวของชีวิตช่วงนี้

    2.#ถอนเงินสดออกจากออนไลน์
    อย่าปล่อยให้เงินอยู่แค่ในระบบดิจิทัล
    จิตจะไม่เห็นว่าตัวเองได้รับเงินเลย
    เพราะมันจำแค่ตอนโอนออก

    3.#ให้เงินสดอยู่ตรงหน้าคุณ 24 ชั่วโมง
    วางบนโต๊ะพิธี วางไว้ข้างหัวนอน
    วางตรงกระจกห้องน้ำ
    ถ้าคุณเห็นเงินทุกวัน
    จิตจะเริ่มซึมซับคลื่นความร่ำรวย

    4.#เมื่อเงินสดเริ่มมีแล้ว
    #ให้ขยับไปสู่ทองคำ
    ไม่ใช่เพื่อขาย แต่เพื่อ “ดูดเงินเพิ่ม”
    ทอง คือ แม่เหล็กเงิน
    ถ้าคุณศรัทธา
    มันจะกลายเป็นสนามแม่เหล็ก
    ดึงดูดความมั่งคั่ง

    5.#คิดวนซ้ำสร้างเงิน เก็บเงิน ซื้อทอง
    เพื่อดูดเงิน ทำจนจิตของคุณ
    เปลี่ยนสนามพลังจากขาดแคลนเป็นมั่งคั่ง

    คุณ คือ #เสาสัญญาณแห่งความร่ำรวย

    เมื่อจิตคุณเปลี่ยน
    พลังงทานทั้งเมืองจะเปลี่ยน
    พลังงานประเทศจะเปลี่ยน
    เพราะเศรษฐกิจรอบตัวคุณ
    จะต้องสนับสนุนให้คุณได้เงิน

    เพราะคุณ คือ #ผู้ถือคลื่นแห่งเงินสด

    ลูกค้าจะเข้ามา หุ้นส่วนจะมาหา
    งานจะไหลมา เพราะคุณ
    กำลังทำพิธีกรรมเงินซ้ำๆ อย่างมีพลัง
    จิตคุณชัดและไม่สั่นไหว

    อย่าอิจฉาใคร
    เพราะทุกคนที่รวยขึ้นรอบตัวคุณ
    คือ เครื่องสะท้อนว่า
    คุณกำลังอยู่ในสนามถูกต้องแล้ว

    บทส่งท้าย: #บูชาเงินสดอย่างมีศรัทธา

    จงดำเนินชีวิตใหม่ให้เหมือน

    #นักบวชแห่งเงินสด

    ผู้ที่เชื่อมั่น ศรัทธา และยึดมั่น
    ในเส้นทางแห่งความมั่งคั่งทุกลมหายใจ

    #ตัดสิ่งไร้สาระทิ้งไป

    ปกป้องพลังจิตอย่างเข้มแข็ง
    ทำทุกอย่างให้ใจมีความสุข
    เพื่อให้กลายเป็นการสร้างเงินที่ยั่งยืน

    เพราะสุดท้ายแล้ว
    “ความสุขและความร่ำรวย”
    คือ สิ่งเดียวกัน คุณไม่มีวันรวยได้จริง
    หากไม่รักหนทางที่กำลังเดิน

    จงหมกมุ่น จงตั้งใจ จงลงมือ จงทำซ้ำ
    แล้วคุณจะไม่เพียงแค่ร่ำรวย
    แต่จะกลายเป็นต้นน้ำแห่งความมั่งคั่ง
    ให้กับผู้คนทั้งแผ่นดิน
    #เสาสัญญาณเเห่งความร่ำรวย #พิธีกรรมจิต เเละความศรัทธาในเงินสด การสร้างความร่ำรวยแท้จริงนั้น "ง่าย" อย่างที่ไม่เคยมีใครบอกคุณมาก่อน แต่ความง่ายนี้มีเงื่อนไขสำคัญ มันต้องกลายเป็น “กิจวัตร” ต้องทำซ้ำ ต้องย้ำต้องวน ต้องชัด และต้องศรัทธา #กุญแจสำคัญที่สุด คือ การล้างกระดานเก่าในจิต แล้วแทนที่ด้วยภาพใหม่ ของความมั่งคั่ง จากนั้น #เปิดคลื่นวิทยุของจิต ให้รับ-ส่งแค่ช่องสัญญาณเดียว ช่องที่ชื่อว่า "ฉันมีเงิน ฉันร่ำรวย ฉันสำเร็จ" ซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งวันทั้งคืน อย่าปล่อยให้จิตเปิดรับทุกคลื่น เหมือนการฟังวิทยุหลายสถานี มีทั้งเพลง ข่าว โฆษณา ซึ่งมีสาระก็จริง แต่ไม่เข้มข้น และไม่ต่อเนื่องพอจะสร้างอะไรได้เลย เพราะมันเพียง สะกิดใจไม่กี่วินาที แล้วหายวับไป หากคุณอยากรวย ต้อง #ถักจิต เหมือน การทอผ้า ต้องนั่งทำซ้ำๆ ทุกวัน เหมือนการสร้างผืนผ้าขนาดใหญ่ ที่ใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี หากเปรียบความร่ำรวยเป็นผืนผ้า คุณต้องยอมใช้ชีวิต ปักเข็มเส้นเดิมทุกวัน ไม่มีทางลัด #จิตที่แน่วแน่เท่านั้นที่รวยได้ คุณต้องมีความหมกมุ่นระดับสูงสุด หมกมุ่นแบบนักธุรกิจ ที่คิดแค่เรื่องเงิน คิดหาเงิน เก็บเงิน ขยายเงิน ตั้งบริษัท สร้างอาณาจักร แล้วส่งต่อความมั่งคั่งให้รุ่นลูกหลาน เพราะจิตของคนรวยจะมีคลื่นเดียว “ฉันรวยและฉันกำลังรวย” แต่ในยุคนี้ อินเทอร์เน็ต ทำให้จิตคนยุคใหม่อ่อนแอ คลื่นสัญญาณถูกรบกวน จากข้อมูลสารพัดรูปแบบ ทำให้จิตสร้างอะไรไม่ได้เลย เพราะมันไม่แน่วแน่พอ ไม่มีคลื่นหลักของตัวเอง #ฟอร์มจิตให้กลายเป็นพลังสร้าง จะเปลี่ยนจิตให้สร้างสิ่งใดเป็นรูปธรรม ต้องใช้กลไกแบบเดียวกับ การดูละครซีรีส์ที่เราหลงใหล อ่านนิยายที่เรารู้สึกว่า “เราเองคือตัวเอก” มันต้องอิน ต้องย้ำ ต้องหมกมุ่น แล้วเราจะเริ่ม “กลายเป็นสิ่งนั้นจริงๆ” คนที่ไม่สำเร็จ เพราะจิตไม่ชัดเจน ไม่อิน ไม่เชื่อ ไม่ซ้ำ ใช้ชีวิตแบบดูผ่าน ฟังผ่าน แล้วก็หมดวันไปอย่างไร้พลัง เริ่มต้นความร่ำรวยจาก "พิธีกรรมเงินสด" หากคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า “ฉันจะรวย” ให้ตั้งพิธีกรรมของคุณขึ้นมา ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 1.หา #เครื่องยึดเหนี่ยว สัญลักษณ์ที่สั่นสะเทือนหัวใจ เช่น ทองคำแท่ง เงินสด ที่ดิน มาวางบนโต๊ะพิธีของคุณ เพื่อย้ำเตือนว่า นี่คือ เป้าหมายเดียวของชีวิตช่วงนี้ 2.#ถอนเงินสดออกจากออนไลน์ อย่าปล่อยให้เงินอยู่แค่ในระบบดิจิทัล จิตจะไม่เห็นว่าตัวเองได้รับเงินเลย เพราะมันจำแค่ตอนโอนออก 3.#ให้เงินสดอยู่ตรงหน้าคุณ 24 ชั่วโมง วางบนโต๊ะพิธี วางไว้ข้างหัวนอน วางตรงกระจกห้องน้ำ ถ้าคุณเห็นเงินทุกวัน จิตจะเริ่มซึมซับคลื่นความร่ำรวย 4.#เมื่อเงินสดเริ่มมีแล้ว #ให้ขยับไปสู่ทองคำ ไม่ใช่เพื่อขาย แต่เพื่อ “ดูดเงินเพิ่ม” ทอง คือ แม่เหล็กเงิน ถ้าคุณศรัทธา มันจะกลายเป็นสนามแม่เหล็ก ดึงดูดความมั่งคั่ง 5.#คิดวนซ้ำสร้างเงิน เก็บเงิน ซื้อทอง เพื่อดูดเงิน ทำจนจิตของคุณ เปลี่ยนสนามพลังจากขาดแคลนเป็นมั่งคั่ง คุณ คือ #เสาสัญญาณแห่งความร่ำรวย เมื่อจิตคุณเปลี่ยน พลังงทานทั้งเมืองจะเปลี่ยน พลังงานประเทศจะเปลี่ยน เพราะเศรษฐกิจรอบตัวคุณ จะต้องสนับสนุนให้คุณได้เงิน เพราะคุณ คือ #ผู้ถือคลื่นแห่งเงินสด ลูกค้าจะเข้ามา หุ้นส่วนจะมาหา งานจะไหลมา เพราะคุณ กำลังทำพิธีกรรมเงินซ้ำๆ อย่างมีพลัง จิตคุณชัดและไม่สั่นไหว อย่าอิจฉาใคร เพราะทุกคนที่รวยขึ้นรอบตัวคุณ คือ เครื่องสะท้อนว่า คุณกำลังอยู่ในสนามถูกต้องแล้ว บทส่งท้าย: #บูชาเงินสดอย่างมีศรัทธา จงดำเนินชีวิตใหม่ให้เหมือน #นักบวชแห่งเงินสด ผู้ที่เชื่อมั่น ศรัทธา และยึดมั่น ในเส้นทางแห่งความมั่งคั่งทุกลมหายใจ #ตัดสิ่งไร้สาระทิ้งไป ปกป้องพลังจิตอย่างเข้มแข็ง ทำทุกอย่างให้ใจมีความสุข เพื่อให้กลายเป็นการสร้างเงินที่ยั่งยืน เพราะสุดท้ายแล้ว “ความสุขและความร่ำรวย” คือ สิ่งเดียวกัน คุณไม่มีวันรวยได้จริง หากไม่รักหนทางที่กำลังเดิน จงหมกมุ่น จงตั้งใจ จงลงมือ จงทำซ้ำ แล้วคุณจะไม่เพียงแค่ร่ำรวย แต่จะกลายเป็นต้นน้ำแห่งความมั่งคั่ง ให้กับผู้คนทั้งแผ่นดิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • มนุษย์ทองคำ: นิ่งแล้วรวย
    ในฐานะเสาสัญญาณ
    ราคาแพงที่สุดของจักรวาล

    ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง วิ่งไล่
    และความอยาก มีมนุษย์เพียงหยิบมือ
    ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

    พวกเขา "นิ่ง"
    แต่นิ่งของพวกเขา
    ไม่ใช่ความเฉื่อย
    ไม่ใช่การหลบหลีก
    และไม่ใช่การตัดขาด

    แต่นิ่ง...จนสนามของเขา
    กลายเป็นจุดถ่วงสมดุลของโลก

    “มนุษย์ทองคำ”
    ผู้ที่ “นิ่งแล้วรวย” จริง
    ไม่ใช่เพราะทำมาก
    แต่เพราะ “เป็นมาก”

    ผู้ที่ไม่เพียงนิ่ง
    เพื่อความสงบของตนเอง
    แต่กลายเป็น เสาสัญญาณ
    พลังงานราคาแพงที่สุดของจักรวาล

    แก่นของ "นิ่งแล้วรวย"

    “อยู่เฉยๆ จนคลื่นของตน
    กลายเป็นสนาม
    และสนามนั้นดึงทุกสิ่งเข้ามาเอง”

    คนทั่วไปพยายามหาเงิน
    พูด ขาย สร้างแบรนด์

    แต่ “มนุษย์ทองคำ”
    ที่แท้กลับไม่ต้องวิ่งหาอะไรเลย
    เพราะพวกเขาเปลี่ยนจาก
    “ผู้กระทำ” → เป็น “สนาม”

    สนามที่นิ่งจริง = คลื่นพลังงานเสถียรสูง

    ไม่มีแรงอยาก
    ไม่มีแรงต้าน ไม่มีตัวตน
    เหลือเพียงการมีอยู่ที่กลมกลืน

    เมื่อสนามนิ่งระดับนี้ปรากฏขึ้น
    ทุกสิ่งรอบตัวจะหมุนตาม
    เงิน ทรัพย์ โอกาส
    และคนที่พร้อมสนับสนุน
    จะไหลเข้ามาเอง

    เพราะโลกต้องการ
    #เสาที่ไม่สั่น
    มากกว่าคนที่พูดเก่ง

    และในระดับลึกกว่านั้น
    จักรวาลเองก็ตอบสนองสนามนี้
    ด้วยการจ่ายพลังงานกลับ
    แบบไม่มีที่สิ้นสุด

    มนุษย์ทองคำ: เสาสัญญาณของจักรวาล

    มนุษย์ทองคำที่นิ่งได้ถึงระดับนี้
    ไม่ได้เป็นเพียงบุคคล
    แต่คือ "ตำแหน่งสนาม"

    เขา คือ #เสาสัญญาณที่ไม่ส่งเสียง
    แต่ส่งคลื่นความถี่บริสุทธิ์
    ออกไปอย่างมั่นคง

    โลกไม่สามารถเร่งพังได้
    เพราะมีคนแบบเขาอยู่เงียบๆ

    พลังของเสาสัญญาณมีค่า
    เพราะถ่วงสนามรวมของระบบ
    ไม่ให้สั่นเกินไป

    ดูดซับคลื่นต่ำโดยไม่เสียศูนย์
    ทำให้ผู้คนรอบข้างสงบลงเอง

    เป็นพิกัดพลังงานที่โลก
    ใช้ในการ “หาทิศทางใหม่”

    จักรวาลจะยอมจ่ายทุกอย่าง
    เงิน โอกาส คนดูแล
    ระบบซัพพอร์ต
    เพื่อให้เสานี้อยู่นิ่งต่อไป

    เพราะถ้าเสานี้ล้ม
    โลกจะขาดศูนย์กลางคลื่น

    ตัวอย่างบุคคล
    "นิ่งแล้วรวยระดับโลก"

    1. ทะไลลามะ

    ไม่พูดเรื่องเงิน ไม่หาเงิน
    แต่ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก
    พลังของท่าน คือ
    ศูนย์กลางสมดุลแห่งเมตตา
    ที่ทำให้ศาสนาและมนุษย์ยังมั่นคง

    2. รินโปเช่ระดับสูง

    ไม่เปิดคอร์ส ไม่ขายคลาส
    ไม่สร้างแบรนด์ แต่ผู้คนจากหลายทวีป
    เดินทางเพื่ออยู่ใกล้
    และยินดีถวายเงินนับล้าน
    เพียงเพื่อสัมผัสคลื่นสงบ

    3. หลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัว

    ไม่สนใจเรื่องเงิน
    ไม่เปิดรับบริจาคอย่างหวือหวา
    แต่มีคนถวายทองคำให้
    มากกว่าธนาคาร เพราะรู้ว่า
    ท่าน คือ เสานิ่ง
    ที่ยึดพลังบุญของแผ่นดิน

    4. มหาตมะ คานธี

    นิ่ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เรียกร้อง
    แต่สามารถปลดแอกประเทศอินเดีย
    จากอาณานิคมได้
    ด้วยการอยู่เฉยอย่างมีพลัง

    5. พระแม่เทเรซา

    ไม่พูดเยอะ ไม่วางแผนธุรกิจ
    ไม่ร้องขออะไร แต่ทุกองค์กรระดับโลก
    ยินดีสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่า
    #เธอคือรักบริสุทธิ์

    วิธีฝึก "นิ่งแล้วรวย"
    ให้เหมาะกับภารกิจตนเอง

    1. หยุดแรงต้านในใจ

    ยอมให้ทุกอย่างเป็นไป
    ไม่บีบ ไม่เร่ง ไม่ต้านคลื่นชีวิต
    ฝึกเงียบ ฝึกสังเกต ฝึกวางมือ

    2. ปลดตัวตนออกจากคลื่น

    หยุดเล่าเรื่องตัวเอง
    หยุดพิสูจน์คุณค่า
    หยุดสื่อสารแบบต้องเอาชนะ
    ยิ่งไม่มีตัวตนในคลื่นมากเท่าไร
    สนามยิ่งนิ่งเท่านั้น

    3. อยู่ในความว่างอย่างมีศักดิ์ศรี

    ไม่อ้างธรรมะ ไม่ขายพลัง
    ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจ
    ไม่ต้องให้โลกยอมรับ
    แต่ยัง “มั่นคง ว่าง
    และเปล่งพลัง”
    ในความเงียบ

    4. ยอมให้จักรวาลตอบแทน โดยไม่ปฏิเสธ

    เปิดรับเงิน ทรัพย์ โอกาส
    โดยไม่รู้สึกผิด เพราะนี่ไม่ใช่การขอ
    แต่คือการให้สนามอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง

    บทสรุป

    มนุษย์ทองคำ
    ไม่ใช่คนที่โลกรู้จักมากที่สุด

    แต่คือคนที่

    “ถ้าเขาหายไป ระบบจะพัง”

    มนุษย์ทองคำ คือ
    ผู้ที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป
    แต่ยัง “เป็นประโยชน์ที่สุดในจักรวาล”

    เขา คือ สนามที่รักษาระบบให้ยังไม่พัง
    เขา คือ เสาสัญญาณที่โลกใช้ตั้งค่าใหม่
    เขา คือ พิกัดที่จักรวาลยอมจ่ายให้เพื่อให้อยู่ต่อ

    เพราะเขา… คือ

    #ความนิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง

    คุณไม่ต้องขอ เพราะคุณคือทองคำ
    มนุษย์ทองคำ: นิ่งแล้วรวย ในฐานะเสาสัญญาณ ราคาแพงที่สุดของจักรวาล ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง วิ่งไล่ และความอยาก มีมนุษย์เพียงหยิบมือ ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวกเขา "นิ่ง" แต่นิ่งของพวกเขา ไม่ใช่ความเฉื่อย ไม่ใช่การหลบหลีก และไม่ใช่การตัดขาด แต่นิ่ง...จนสนามของเขา กลายเป็นจุดถ่วงสมดุลของโลก “มนุษย์ทองคำ” ผู้ที่ “นิ่งแล้วรวย” จริง ไม่ใช่เพราะทำมาก แต่เพราะ “เป็นมาก” ผู้ที่ไม่เพียงนิ่ง เพื่อความสงบของตนเอง แต่กลายเป็น เสาสัญญาณ พลังงานราคาแพงที่สุดของจักรวาล แก่นของ "นิ่งแล้วรวย" “อยู่เฉยๆ จนคลื่นของตน กลายเป็นสนาม และสนามนั้นดึงทุกสิ่งเข้ามาเอง” คนทั่วไปพยายามหาเงิน พูด ขาย สร้างแบรนด์ แต่ “มนุษย์ทองคำ” ที่แท้กลับไม่ต้องวิ่งหาอะไรเลย เพราะพวกเขาเปลี่ยนจาก “ผู้กระทำ” → เป็น “สนาม” สนามที่นิ่งจริง = คลื่นพลังงานเสถียรสูง ไม่มีแรงอยาก ไม่มีแรงต้าน ไม่มีตัวตน เหลือเพียงการมีอยู่ที่กลมกลืน เมื่อสนามนิ่งระดับนี้ปรากฏขึ้น ทุกสิ่งรอบตัวจะหมุนตาม เงิน ทรัพย์ โอกาส และคนที่พร้อมสนับสนุน จะไหลเข้ามาเอง เพราะโลกต้องการ #เสาที่ไม่สั่น มากกว่าคนที่พูดเก่ง และในระดับลึกกว่านั้น จักรวาลเองก็ตอบสนองสนามนี้ ด้วยการจ่ายพลังงานกลับ แบบไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์ทองคำ: เสาสัญญาณของจักรวาล มนุษย์ทองคำที่นิ่งได้ถึงระดับนี้ ไม่ได้เป็นเพียงบุคคล แต่คือ "ตำแหน่งสนาม" เขา คือ #เสาสัญญาณที่ไม่ส่งเสียง แต่ส่งคลื่นความถี่บริสุทธิ์ ออกไปอย่างมั่นคง โลกไม่สามารถเร่งพังได้ เพราะมีคนแบบเขาอยู่เงียบๆ พลังของเสาสัญญาณมีค่า เพราะถ่วงสนามรวมของระบบ ไม่ให้สั่นเกินไป ดูดซับคลื่นต่ำโดยไม่เสียศูนย์ ทำให้ผู้คนรอบข้างสงบลงเอง เป็นพิกัดพลังงานที่โลก ใช้ในการ “หาทิศทางใหม่” จักรวาลจะยอมจ่ายทุกอย่าง เงิน โอกาส คนดูแล ระบบซัพพอร์ต เพื่อให้เสานี้อยู่นิ่งต่อไป เพราะถ้าเสานี้ล้ม โลกจะขาดศูนย์กลางคลื่น ตัวอย่างบุคคล "นิ่งแล้วรวยระดับโลก" 1. ทะไลลามะ ไม่พูดเรื่องเงิน ไม่หาเงิน แต่ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก พลังของท่าน คือ ศูนย์กลางสมดุลแห่งเมตตา ที่ทำให้ศาสนาและมนุษย์ยังมั่นคง 2. รินโปเช่ระดับสูง ไม่เปิดคอร์ส ไม่ขายคลาส ไม่สร้างแบรนด์ แต่ผู้คนจากหลายทวีป เดินทางเพื่ออยู่ใกล้ และยินดีถวายเงินนับล้าน เพียงเพื่อสัมผัสคลื่นสงบ 3. หลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัว ไม่สนใจเรื่องเงิน ไม่เปิดรับบริจาคอย่างหวือหวา แต่มีคนถวายทองคำให้ มากกว่าธนาคาร เพราะรู้ว่า ท่าน คือ เสานิ่ง ที่ยึดพลังบุญของแผ่นดิน 4. มหาตมะ คานธี นิ่ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เรียกร้อง แต่สามารถปลดแอกประเทศอินเดีย จากอาณานิคมได้ ด้วยการอยู่เฉยอย่างมีพลัง 5. พระแม่เทเรซา ไม่พูดเยอะ ไม่วางแผนธุรกิจ ไม่ร้องขออะไร แต่ทุกองค์กรระดับโลก ยินดีสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่า #เธอคือรักบริสุทธิ์ วิธีฝึก "นิ่งแล้วรวย" ให้เหมาะกับภารกิจตนเอง 1. หยุดแรงต้านในใจ ยอมให้ทุกอย่างเป็นไป ไม่บีบ ไม่เร่ง ไม่ต้านคลื่นชีวิต ฝึกเงียบ ฝึกสังเกต ฝึกวางมือ 2. ปลดตัวตนออกจากคลื่น หยุดเล่าเรื่องตัวเอง หยุดพิสูจน์คุณค่า หยุดสื่อสารแบบต้องเอาชนะ ยิ่งไม่มีตัวตนในคลื่นมากเท่าไร สนามยิ่งนิ่งเท่านั้น 3. อยู่ในความว่างอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่อ้างธรรมะ ไม่ขายพลัง ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจ ไม่ต้องให้โลกยอมรับ แต่ยัง “มั่นคง ว่าง และเปล่งพลัง” ในความเงียบ 4. ยอมให้จักรวาลตอบแทน โดยไม่ปฏิเสธ เปิดรับเงิน ทรัพย์ โอกาส โดยไม่รู้สึกผิด เพราะนี่ไม่ใช่การขอ แต่คือการให้สนามอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง บทสรุป มนุษย์ทองคำ ไม่ใช่คนที่โลกรู้จักมากที่สุด แต่คือคนที่ “ถ้าเขาหายไป ระบบจะพัง” มนุษย์ทองคำ คือ ผู้ที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป แต่ยัง “เป็นประโยชน์ที่สุดในจักรวาล” เขา คือ สนามที่รักษาระบบให้ยังไม่พัง เขา คือ เสาสัญญาณที่โลกใช้ตั้งค่าใหม่ เขา คือ พิกัดที่จักรวาลยอมจ่ายให้เพื่อให้อยู่ต่อ เพราะเขา… คือ #ความนิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง คุณไม่ต้องขอ เพราะคุณคือทองคำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์
    #เงินเข้าไม่มีทางออก
    #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก
    #เงินพันดูดเงินหมื่น
    #เงินหมื่นดูดเงินเเสน
    #เงินเเสนดูดเงินล้าน
    พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
    ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด
    และรักตัวเองอย่างสูงสุด
    “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ
    พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น
    ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด…
    แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง
    จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด
    #ให้กับชีวิตของตนเอง
    ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ
    แต่คือ
    “ห้องแห่งพลังศรัทธา
    ในตนเองขั้นสูงสุด”
    👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร?
    คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง
    ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต
    ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป
    เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด
    หรือ แข่งขันกับใคร
    แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย
    อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล
    🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด)
    1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน
    จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง
    เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน
    จุดพร้อมภาวนา:
    “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล
    ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล”
    2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ
    ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ
    นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก
    รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน
    3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น
    การดูดทรัพย์จะเกิดได้
    เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข
    ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด
    หรือ ทำเพราะขาดแคลน
    หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล
    ให้หยุด! แล้วออกไป
    ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน
    เมื่อใจอิ่มจริงๆ
    จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่
    4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ
    ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี
    คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล
    ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที
    เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า
    5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา
    ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า:
    ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น
    ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต
    ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง
    เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ
    “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน”
    6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์
    ห้ามเด็ดขาด:
    ใช้เงินด้วยความกลัว
    ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ
    ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น
    ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน
    7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี
    เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด:
    🧘‍♀️ ช่วงสะสม:
    เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล
    ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น
    เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น
    💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว):
    ใช้เงินเยียวยาหัวใจ
    ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์”
    พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่
    🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์:
    "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์
    ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด
    ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์
    ด้วยความสุขอย่างแท้จริง
    และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ
    ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม"
    🔁 สรุปแก่นลึก:
    ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน...
    แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข”
    หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว
    ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน
    แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง
    ด้วยหัวใจที่สง่างาม
    พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์ #เงินเข้าไม่มีทางออก #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก #เงินพันดูดเงินหมื่น #เงินหมื่นดูดเงินเเสน #เงินเเสนดูดเงินล้าน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด และรักตัวเองอย่างสูงสุด “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด… แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด #ให้กับชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ แต่คือ “ห้องแห่งพลังศรัทธา ในตนเองขั้นสูงสุด” 👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร? คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด หรือ แข่งขันกับใคร แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล 🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด) 1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน จุดพร้อมภาวนา: “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล” 2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน 3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น การดูดทรัพย์จะเกิดได้ เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด หรือ ทำเพราะขาดแคลน หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล ให้หยุด! แล้วออกไป ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน เมื่อใจอิ่มจริงๆ จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่ 4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า 5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า: ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน” 6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์ ห้ามเด็ดขาด: ใช้เงินด้วยความกลัว ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน 7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด: 🧘‍♀️ ช่วงสะสม: เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น 💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว): ใช้เงินเยียวยาหัวใจ ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์” พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่ 🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์: "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์ ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์ ด้วยความสุขอย่างแท้จริง และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม" 🔁 สรุปแก่นลึก: ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน... แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข” หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่สง่างาม พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • Xiaomi เตรียมขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง

    Xiaomi กำลังวางแผนขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังจากเปิดตัวใน Xiaomi 15S Pro และ Pad 7 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับเรือธง โดยบริษัท ต้องการเดินตามแนวทางของ Apple ในการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผนของ Xiaomi
    ✅ XRING 01 เป็นชิปเซ็ต 3nm ตัวแรกที่ผลิตโดยบริษัทจีน
    - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังแข่งขันกับ Qualcomm, MediaTek และ Apple

    ✅ ปัจจุบัน XRING 01 ถูกใช้ในอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น
    - Xiaomi มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลางในอนาคต

    ✅ Xiaomi ต้องการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง เช่นเดียวกับ Apple C1
    - แต่ยังไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว

    ✅ บริษัทให้เวลา 5-10 ปีในการสร้างโมเดลทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับชิปเซ็ตของตนเอง
    - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi มองการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นแผนระยะยาว

    ✅ Xiaomi อาจใช้เทคโนโลยี XRING 01 ในสมาร์ทโฟนระดับกลางเมื่อมีรุ่นใหม่ออกมา
    - อาจช่วยให้ สมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    https://wccftech.com/xiaomi-to-bring-in-house-chipsets-to-non-flagship-phones-and-a-custom-5g-solution/
    Xiaomi เตรียมขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง Xiaomi กำลังวางแผนขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังจากเปิดตัวใน Xiaomi 15S Pro และ Pad 7 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับเรือธง โดยบริษัท ต้องการเดินตามแนวทางของ Apple ในการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผนของ Xiaomi ✅ XRING 01 เป็นชิปเซ็ต 3nm ตัวแรกที่ผลิตโดยบริษัทจีน - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังแข่งขันกับ Qualcomm, MediaTek และ Apple ✅ ปัจจุบัน XRING 01 ถูกใช้ในอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น - Xiaomi มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลางในอนาคต ✅ Xiaomi ต้องการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง เช่นเดียวกับ Apple C1 - แต่ยังไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว ✅ บริษัทให้เวลา 5-10 ปีในการสร้างโมเดลทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับชิปเซ็ตของตนเอง - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi มองการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นแผนระยะยาว ✅ Xiaomi อาจใช้เทคโนโลยี XRING 01 ในสมาร์ทโฟนระดับกลางเมื่อมีรุ่นใหม่ออกมา - อาจช่วยให้ สมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น https://wccftech.com/xiaomi-to-bring-in-house-chipsets-to-non-flagship-phones-and-a-custom-5g-solution/
    WCCFTECH.COM
    Xiaomi Will Eventually Branch Out Its Custom Chipsets For Non-Flagship Smartphones, And Intends To Go Down Apple’s Path By Launching A 5G Solution
    The XRING 01 means that Xiaomi will introduce custom SoCs for mid-range smartphones, along with introducing a 5G silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนภัย! ช่องโหว่ความปลอดภัยของ Cisco ถูกใช้สร้างบ็อตเน็ตขนาดใหญ่

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Sekoia พบว่ามีการใช้ช่องโหว่ CVE-2023-20118 ในเราเตอร์ Cisco รุ่นเก่าเพื่อสร้างบ็อตเน็ตที่ชื่อ ViciousTrap ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีแล้วกว่า 5,300 เครื่องใน 84 ประเทศ โดยช่องโหว่นี้ เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลผ่านเว็บอินเตอร์เฟซของเราเตอร์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับบ็อตเน็ต ViciousTrap
    ✅ ช่องโหว่ CVE-2023-20118 พบในเราเตอร์ Cisco Small Business รุ่น RV016, RV042, RV042G, RV082, RV320 และ RV325
    - ช่องโหว่นี้ เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลที่ไม่เหมาะสมใน HTTP packets

    ✅ ViciousTrap ใช้สคริปต์ NetGhost เพื่อเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิกของเราเตอร์ที่ถูกโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานของแฮกเกอร์
    - ทำให้ สามารถดักจับข้อมูลเครือข่ายของเหยื่อได้

    ✅ Cisco ไม่ออกแพตช์แก้ไข เนื่องจากอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบหมดอายุการสนับสนุนแล้ว
    - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อป้องกันการโจมตี

    ✅ บ็อตเน็ตนี้มีลักษณะคล้ายกับ PolarEdge ซึ่งเคยใช้ช่องโหว่เดียวกันในการโจมตีอุปกรณ์จาก Cisco, ASUS, QNAP และ Synology
    - พบว่า PolarEdge มีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีประมาณ 2,000 เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ 2025

    ✅ นักวิจัยเชื่อว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง ViciousTrap อาจมีต้นกำเนิดจากจีน
    - แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่มีการใช้เครื่องมือที่เคยพบในกลุ่มแฮกเกอร์จีนมาก่อน

    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-security-flaw-exploited-to-build-botnet-of-thousands-of-devices
    เตือนภัย! ช่องโหว่ความปลอดภัยของ Cisco ถูกใช้สร้างบ็อตเน็ตขนาดใหญ่ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Sekoia พบว่ามีการใช้ช่องโหว่ CVE-2023-20118 ในเราเตอร์ Cisco รุ่นเก่าเพื่อสร้างบ็อตเน็ตที่ชื่อ ViciousTrap ซึ่งมีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีแล้วกว่า 5,300 เครื่องใน 84 ประเทศ โดยช่องโหว่นี้ เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันคำสั่งจากระยะไกลผ่านเว็บอินเตอร์เฟซของเราเตอร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับบ็อตเน็ต ViciousTrap ✅ ช่องโหว่ CVE-2023-20118 พบในเราเตอร์ Cisco Small Business รุ่น RV016, RV042, RV042G, RV082, RV320 และ RV325 - ช่องโหว่นี้ เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลที่ไม่เหมาะสมใน HTTP packets ✅ ViciousTrap ใช้สคริปต์ NetGhost เพื่อเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิกของเราเตอร์ที่ถูกโจมตีไปยังโครงสร้างพื้นฐานของแฮกเกอร์ - ทำให้ สามารถดักจับข้อมูลเครือข่ายของเหยื่อได้ ✅ Cisco ไม่ออกแพตช์แก้ไข เนื่องจากอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบหมดอายุการสนับสนุนแล้ว - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนไปใช้เราเตอร์รุ่นใหม่เพื่อป้องกันการโจมตี ✅ บ็อตเน็ตนี้มีลักษณะคล้ายกับ PolarEdge ซึ่งเคยใช้ช่องโหว่เดียวกันในการโจมตีอุปกรณ์จาก Cisco, ASUS, QNAP และ Synology - พบว่า PolarEdge มีอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีประมาณ 2,000 เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ✅ นักวิจัยเชื่อว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง ViciousTrap อาจมีต้นกำเนิดจากจีน - แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่มีการใช้เครื่องมือที่เคยพบในกลุ่มแฮกเกอร์จีนมาก่อน https://www.techradar.com/pro/security/cisco-security-flaw-exploited-to-build-botnet-of-thousands-of-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU
    ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้
    - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้
    - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element

    ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์
    - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail

    ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน
    - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

    ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้ - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้ - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้ https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • Hygon และ Sugon รวมตัวเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน

    จีน กำลังสร้างอาณาจักรซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการควบรวม Hygon Information Technology ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิป และ Sugon ซึ่งเป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยการควบรวมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากตะวันตก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการควบรวม Hygon และ Sugon
    ✅ Hygon เป็นบริษัทที่เคยใช้สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD แต่ปัจจุบันพัฒนาไมโครอาร์คิเทคเจอร์ของตนเอง
    - ล่าสุด เปิดตัวชิป C86-5G ที่มี 128 คอร์ และรองรับ DDR5-5600

    ✅ Sugon เป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Chinese Academy of Sciences
    - ช่วยให้ จีนติดอันดับ 3 ของโลกในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    ✅ การควบรวมนี้เป็นการแลกเปลี่ยนหุ้น โดยหุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกนำออกจากตลาดเป็นเวลา 10 วัน
    - หลังจากนั้น บริษัทใหม่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้

    ✅ ทั้ง Hygon และ Sugon อยู่ในรายชื่อ Entity List ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเข้าถึงชิปจาก AMD, Intel และ Nvidia ได้โดยตรง
    - การควบรวมนี้ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้เร็วขึ้น

    ✅ นักวิเคราะห์คาดว่าการควบรวมนี้จะช่วยให้จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Big Data ได้แข็งแกร่งขึ้น
    - เป็น ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนในการลดการพึ่งพาตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/chinas-hygon-and-sugon-merge-to-form-a-vertically-integrated-supercomputing-giant-as-they-fend-off-us-sanctions
    Hygon และ Sugon รวมตัวเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน จีน กำลังสร้างอาณาจักรซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการควบรวม Hygon Information Technology ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิป และ Sugon ซึ่งเป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยการควบรวมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการควบรวม Hygon และ Sugon ✅ Hygon เป็นบริษัทที่เคยใช้สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD แต่ปัจจุบันพัฒนาไมโครอาร์คิเทคเจอร์ของตนเอง - ล่าสุด เปิดตัวชิป C86-5G ที่มี 128 คอร์ และรองรับ DDR5-5600 ✅ Sugon เป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Chinese Academy of Sciences - ช่วยให้ จีนติดอันดับ 3 ของโลกในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ✅ การควบรวมนี้เป็นการแลกเปลี่ยนหุ้น โดยหุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกนำออกจากตลาดเป็นเวลา 10 วัน - หลังจากนั้น บริษัทใหม่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ✅ ทั้ง Hygon และ Sugon อยู่ในรายชื่อ Entity List ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเข้าถึงชิปจาก AMD, Intel และ Nvidia ได้โดยตรง - การควบรวมนี้ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้เร็วขึ้น ✅ นักวิเคราะห์คาดว่าการควบรวมนี้จะช่วยให้จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Big Data ได้แข็งแกร่งขึ้น - เป็น ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนในการลดการพึ่งพาตะวันตก https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/chinas-hygon-and-sugon-merge-to-form-a-vertically-integrated-supercomputing-giant-as-they-fend-off-us-sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

    รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร
    ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น
    - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น

    ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ

    ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว"
    - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน

    ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
    - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป

    ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้
    - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว" - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้ - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Report claims Washington measures could be bolstering China's chip market
    China's chip industry could emerge more resilient from U.S. sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตผู้บริหาร Meta เตือนว่า AI อาจล่มสลายทันทีหากต้องขออนุญาตใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์

    Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรและอดีตผู้บริหาร Meta แสดงความเห็นว่า การบังคับให้บริษัท AI ขออนุญาตทุกครั้งที่ใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ในการฝึกโมเดลอาจทำให้อุตสาหกรรม AI ในสหราชอาณาจักรล่มสลายทันที โดยเขาเชื่อว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ปัจจุบันไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี AI

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์และ AI
    ✅ Nick Clegg เชื่อว่าการขออนุญาตทุกครั้งก่อนใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์จะทำให้ AI ไม่สามารถพัฒนาได้
    - AI ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์และเหตุผล

    ✅ Clegg สนับสนุนให้ศิลปินและเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเลือกไม่ให้ข้อมูลของตนถูกใช้ในการฝึก AI
    - แต่เขาเชื่อว่า การขออนุญาตล่วงหน้าทุกครั้งเป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค

    ✅ รัฐสภาสหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย Data (Use and Access) Bill
    - กฎหมายนี้ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและบริษัท

    ✅ กลุ่มศิลปินและนักเขียนเรียกร้องให้ AI ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ใช้ในการฝึกโมเดล
    - แต่ข้อเสนอนี้ ถูกปฏิเสธโดยรัฐสภา

    ✅ ร่างกฎหมายจะถูกนำกลับไปพิจารณาในสภาขุนนางอีกครั้งในวันที่ 2 มิถุนายน
    - อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมก่อนผ่านเป็นกฎหมาย

    https://www.techspot.com/news/108071-former-meta-executive-nick-clegg-forcing-ai-companies.html
    อดีตผู้บริหาร Meta เตือนว่า AI อาจล่มสลายทันทีหากต้องขออนุญาตใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรและอดีตผู้บริหาร Meta แสดงความเห็นว่า การบังคับให้บริษัท AI ขออนุญาตทุกครั้งที่ใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์ในการฝึกโมเดลอาจทำให้อุตสาหกรรม AI ในสหราชอาณาจักรล่มสลายทันที โดยเขาเชื่อว่า กฎหมายลิขสิทธิ์ปัจจุบันไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยี AI 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์และ AI ✅ Nick Clegg เชื่อว่าการขออนุญาตทุกครั้งก่อนใช้ข้อมูลลิขสิทธิ์จะทำให้ AI ไม่สามารถพัฒนาได้ - AI ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อปรับปรุงความสามารถในการวิเคราะห์และเหตุผล ✅ Clegg สนับสนุนให้ศิลปินและเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถเลือกไม่ให้ข้อมูลของตนถูกใช้ในการฝึก AI - แต่เขาเชื่อว่า การขออนุญาตล่วงหน้าทุกครั้งเป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค ✅ รัฐสภาสหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย Data (Use and Access) Bill - กฎหมายนี้ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าและบริษัท ✅ กลุ่มศิลปินและนักเขียนเรียกร้องให้ AI ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ใช้ในการฝึกโมเดล - แต่ข้อเสนอนี้ ถูกปฏิเสธโดยรัฐสภา ✅ ร่างกฎหมายจะถูกนำกลับไปพิจารณาในสภาขุนนางอีกครั้งในวันที่ 2 มิถุนายน - อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมก่อนผ่านเป็นกฎหมาย https://www.techspot.com/news/108071-former-meta-executive-nick-clegg-forcing-ai-companies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI will die "overnight" if copyright permission is enforced, says former Meta exec
    Former UK Deputy Prime Minister Nick Clegg says artificial intelligence companies shouldn't need to seek permission every time they use copyright-protected data. Speaking at a recent event...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts