นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า
นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)
ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)
ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา
นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น
ข้อมูลจากข่าว
- นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
- ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
- สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
- ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
- ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
- เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
- อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด
คำเตือนและข้อควรระวัง
- ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
- การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
- การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
- การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
- หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ
https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า
นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)
ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)
ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา
นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น
ข้อมูลจากข่าว
- นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
- ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
- สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
- ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
- ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
- เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
- อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด
คำเตือนและข้อควรระวัง
- ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
- การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
- การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
- การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
- หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ
https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า
นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)
ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)
ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา
นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น
✅ ข้อมูลจากข่าว
- นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
- ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
- สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
- ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
- ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
- เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
- อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด
‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง
- ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
- การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
- การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
- การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
- หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ
https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
33 มุมมอง
0 รีวิว