• อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, และไทย เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม BRICS - กระทรวงต่างประเทศรัสเซีย
    .
    INDONESIA, MALAYSIA, THAILAND BECOME BRICS PARTNERS - Russian Foreign Ministry.
    .
    8:55 PM · Nov 15, 2024 · 7,879 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1857422128431149083
    อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, และไทย เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม BRICS - กระทรวงต่างประเทศรัสเซีย . INDONESIA, MALAYSIA, THAILAND BECOME BRICS PARTNERS - Russian Foreign Ministry. . 8:55 PM · Nov 15, 2024 · 7,879 Views https://x.com/SputnikInt/status/1857422128431149083
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • 🇲🇾🇮🇱 มาเลเซียเตรียมร่างการลงมติเพื่อถอดอิสราเอลออกจากสหประชาชาติ
    .
    🇲🇾🇮🇱 Malaysia prepares draft resolution to remove Israel from the United Nations.
    .
    10:44 AM · Nov 10, 2024 · 224.7K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1855456356792189389
    🇲🇾🇮🇱 มาเลเซียเตรียมร่างการลงมติเพื่อถอดอิสราเอลออกจากสหประชาชาติ . 🇲🇾🇮🇱 Malaysia prepares draft resolution to remove Israel from the United Nations. . 10:44 AM · Nov 10, 2024 · 224.7K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1855456356792189389
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • ไทย-มาเลย์เจาะกลุ่ม Self Drive Tourism

    นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 23 ต.ค. 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนกว่า 4 ล้านคน โดยพบว่า 49% เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา ทำให้รัฐบาลไทยขยายเวลายกเว้นแบบฟอร์ม ตม.6 ผ่าน 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างไทย-มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2567 ถึง 30 เม.ย. 2568 แต่สำหรับคนไทยมาเยือนประเทศมาเลเซีย ข้อมูลจากการท่องเที่ยวมาเลเซีย เดือน ส.ค. 2567 อยู่ที่ 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

    ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวมาเลเซีย ร่วมกันจัดโครงการ Malaysia & Thailand Self Drive Tourism เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว Self-Drive เชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซีย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในเส้นทาง

    ททท. คาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ส่วนคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน ส่วนการท่องเที่ยวมาเลเซีย ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากไทยไม่น้อยกว่า 2.3 ล้านคนในปี 2568 และกำลังจะมีแคมเปญ Visit Malaysia 2026 ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 35.6 ล้านคน

    สำหรับคู่มือ Malaysia & Thailand Self-Drive ของการท่องเที่ยวมาเลเซีย นำเสนอแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวใน 4 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ รัฐเปอร์ลิส (Perlis) รัฐเคดะห์ (Kedah) รัฐปีนัง (Penang) และรัฐเปรัก (Perak) ทั้งหมด 28 แห่ง พร้อมกับคิวอาร์โค้ดเพื่อค้นหาโรงแรมที่พักจาก The Malaysia Budget & Business Hotel Association (MyBHA) ข้อมูลจุดพักรถ R&R (Rest & Relaxation) ปั๊มน้ำมันและสถานที่ชาร์จรถยนต์ EV บนทางพิเศษเหนือ-ใต้หมายเลข 1 (E1) และข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ

    นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ https://www.malaysia.travel/explore/malaysia-thailand-self-drive

    อนึ่ง สำหรับรถยนต์จากไทยไปมาเลเซีย ผู้ใช้รถจะต้องเป็นเจ้าของรถโดยตรง หากเป็นรถติดไฟแนนซ์ส่วนใหญ่มักจะไม่อนุญาต โดยความเข้มของฟิล์มกรองแสงต้องไม่เกิน 40% ที่หน้าด่านสะเดาจะมีเอเจนซี่ ให้บริการรับทำเอกสารและประกันรถยนต์ ซึ่งจะได้แผ่นป้ายวงกลม (ICP) หรือสำเนาใบอนุญาตนำเข้ายานพาหนะของมาเลเซีย ประกันภัยรถยนต์มาเลเซีย และสติกเกอร์ทะเบียนรถยนต์ภาษาอังกฤษ ส่วนใบขับขี่ใช้ของประเทศไทยได้ ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล

    #Newskit #SelfDriveTourism #ThaiMalaysia
    ไทย-มาเลย์เจาะกลุ่ม Self Drive Tourism นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 23 ต.ค. 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนกว่า 4 ล้านคน โดยพบว่า 49% เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา ทำให้รัฐบาลไทยขยายเวลายกเว้นแบบฟอร์ม ตม.6 ผ่าน 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างไทย-มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2567 ถึง 30 เม.ย. 2568 แต่สำหรับคนไทยมาเยือนประเทศมาเลเซีย ข้อมูลจากการท่องเที่ยวมาเลเซีย เดือน ส.ค. 2567 อยู่ที่ 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวมาเลเซีย ร่วมกันจัดโครงการ Malaysia & Thailand Self Drive Tourism เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว Self-Drive เชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซีย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในเส้นทาง ททท. คาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ส่วนคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน ส่วนการท่องเที่ยวมาเลเซีย ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากไทยไม่น้อยกว่า 2.3 ล้านคนในปี 2568 และกำลังจะมีแคมเปญ Visit Malaysia 2026 ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 35.6 ล้านคน สำหรับคู่มือ Malaysia & Thailand Self-Drive ของการท่องเที่ยวมาเลเซีย นำเสนอแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวใน 4 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ รัฐเปอร์ลิส (Perlis) รัฐเคดะห์ (Kedah) รัฐปีนัง (Penang) และรัฐเปรัก (Perak) ทั้งหมด 28 แห่ง พร้อมกับคิวอาร์โค้ดเพื่อค้นหาโรงแรมที่พักจาก The Malaysia Budget & Business Hotel Association (MyBHA) ข้อมูลจุดพักรถ R&R (Rest & Relaxation) ปั๊มน้ำมันและสถานที่ชาร์จรถยนต์ EV บนทางพิเศษเหนือ-ใต้หมายเลข 1 (E1) และข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ https://www.malaysia.travel/explore/malaysia-thailand-self-drive อนึ่ง สำหรับรถยนต์จากไทยไปมาเลเซีย ผู้ใช้รถจะต้องเป็นเจ้าของรถโดยตรง หากเป็นรถติดไฟแนนซ์ส่วนใหญ่มักจะไม่อนุญาต โดยความเข้มของฟิล์มกรองแสงต้องไม่เกิน 40% ที่หน้าด่านสะเดาจะมีเอเจนซี่ ให้บริการรับทำเอกสารและประกันรถยนต์ ซึ่งจะได้แผ่นป้ายวงกลม (ICP) หรือสำเนาใบอนุญาตนำเข้ายานพาหนะของมาเลเซีย ประกันภัยรถยนต์มาเลเซีย และสติกเกอร์ทะเบียนรถยนต์ภาษาอังกฤษ ส่วนใบขับขี่ใช้ของประเทศไทยได้ ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล #Newskit #SelfDriveTourism #ThaiMalaysia
    Like
    8
    1 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • 🤝รัสเซียกำลังถูกโดดเดี่ยว?

    ๓๖ ประเทศร่วมโต๊ะเจรจาที่เมืองคาซานของรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุม Outreach/BRICS Plus:

    🇷🇺รัสเซีย
    🇧🇷บราซิล
    🇨🇳จีน
    🇪🇬อียิปต์
    🇪🇹เอธิโอเปีย
    🇮🇳อินเดีย
    🇮🇷อิหร่าน
    🇸🇦ซาอุดีอาระเบีย
    🇿🇦แอฟริกาใต้
    🇦🇪ยูเออี
    🇦🇲อาร์เมเนีย
    🇦🇿อาเซอร์ไบจาน
    🇧🇭บาห์เรน
    🇧🇩บังกลาเทศ
    🇧🇾เบลารุส
    🇧🇴โบลิเวีย
    🇨🇬คองโก
    🇨🇺คิวบา
    🇮🇩อินโดนีเซีย
    🇰🇿คาซัคสถาน
    🇰🇬คีร์กีซสถาน
    🇱🇦ลาว
    🇲🇾มาเลเซีย
    🇲🇷มอริเตเนีย
    🇲🇳มองโกเลีย
    🇳🇮นิการากัว
    🇵🇸ปาเลสไตน์
    🇷🇸เซอร์เบีย
    🇱🇰ศรีลังกา
    🇹🇯ทาจิกิสถาน
    🇹🇭ไทย
    🇹🇷ตุรกี
    🇹🇲เติร์กเมนิสถาน
    🇺🇿อุซเบกิสถาน
    🇻🇪เวเนซุเอลา
    🇻🇳เวียดนาม

    #BRICS2024
    .
    🤝RUSSIA'S ISOLATION?

    36 countries united around the table in Russia's Kazan attending the Outreach/BRICS Plus meeting:

    🇷🇺Russia
    🇧🇷Brazil
    🇨🇳China
    🇪🇬Egypt
    🇪🇹Ethiopia
    🇮🇳India
    🇮🇷Iran
    🇸🇦Saudi Arabia
    🇿🇦South Africa
    🇦🇪UAE
    🇦🇲Armenia
    🇦🇿Azerbaijan
    🇧🇭Bahrain
    🇧🇩Bangladesh
    🇧🇾Belarus
    🇧🇴Bolivia
    🇨🇬Congo
    🇨🇺Cuba
    🇮🇩Indonesia
    🇰🇿Kazakhstan
    🇰🇬Kyrgyzstan
    🇱🇦Laos
    🇲🇾Malaysia
    🇲🇷Mauritania
    🇲🇳Mongolia
    🇳🇮Nicaragua
    🇵🇸Palestine
    🇷🇸Serbia
    🇱🇰Sri Lanka
    🇹🇯Tajikistan
    🇹🇭Thailand
    🇹🇷Turkiye
    🇹🇲Turkmenistan
    🇺🇿Uzbekistan
    🇻🇪Venezuela
    🇻🇳Vietnam

    #BRICS2024
    .
    4:36 PM · Oct 24, 2024 · 6,827 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1849384466851983750
    🤝รัสเซียกำลังถูกโดดเดี่ยว? ๓๖ ประเทศร่วมโต๊ะเจรจาที่เมืองคาซานของรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุม Outreach/BRICS Plus: 🇷🇺รัสเซีย 🇧🇷บราซิล 🇨🇳จีน 🇪🇬อียิปต์ 🇪🇹เอธิโอเปีย 🇮🇳อินเดีย 🇮🇷อิหร่าน 🇸🇦ซาอุดีอาระเบีย 🇿🇦แอฟริกาใต้ 🇦🇪ยูเออี 🇦🇲อาร์เมเนีย 🇦🇿อาเซอร์ไบจาน 🇧🇭บาห์เรน 🇧🇩บังกลาเทศ 🇧🇾เบลารุส 🇧🇴โบลิเวีย 🇨🇬คองโก 🇨🇺คิวบา 🇮🇩อินโดนีเซีย 🇰🇿คาซัคสถาน 🇰🇬คีร์กีซสถาน 🇱🇦ลาว 🇲🇾มาเลเซีย 🇲🇷มอริเตเนีย 🇲🇳มองโกเลีย 🇳🇮นิการากัว 🇵🇸ปาเลสไตน์ 🇷🇸เซอร์เบีย 🇱🇰ศรีลังกา 🇹🇯ทาจิกิสถาน 🇹🇭ไทย 🇹🇷ตุรกี 🇹🇲เติร์กเมนิสถาน 🇺🇿อุซเบกิสถาน 🇻🇪เวเนซุเอลา 🇻🇳เวียดนาม #BRICS2024 . 🤝RUSSIA'S ISOLATION? 36 countries united around the table in Russia's Kazan attending the Outreach/BRICS Plus meeting: 🇷🇺Russia 🇧🇷Brazil 🇨🇳China 🇪🇬Egypt 🇪🇹Ethiopia 🇮🇳India 🇮🇷Iran 🇸🇦Saudi Arabia 🇿🇦South Africa 🇦🇪UAE 🇦🇲Armenia 🇦🇿Azerbaijan 🇧🇭Bahrain 🇧🇩Bangladesh 🇧🇾Belarus 🇧🇴Bolivia 🇨🇬Congo 🇨🇺Cuba 🇮🇩Indonesia 🇰🇿Kazakhstan 🇰🇬Kyrgyzstan 🇱🇦Laos 🇲🇾Malaysia 🇲🇷Mauritania 🇲🇳Mongolia 🇳🇮Nicaragua 🇵🇸Palestine 🇷🇸Serbia 🇱🇰Sri Lanka 🇹🇯Tajikistan 🇹🇭Thailand 🇹🇷Turkiye 🇹🇲Turkmenistan 🇺🇿Uzbekistan 🇻🇪Venezuela 🇻🇳Vietnam #BRICS2024 . 4:36 PM · Oct 24, 2024 · 6,827 Views https://x.com/SputnikInt/status/1849384466851983750
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • BRICS ประกาศเพิ่มประเทศพันธมิตรใหม่ ๑๓ ประเทศอย่างเป็นทางการ (ไม่ใช่สมาชิกเต็มตัว)

    🇩🇿 แอลจีเรีย
    🇧🇾 เบลารุส
    🇧🇴 โบลิเวีย
    🇨🇺 คิวบา
    🇮🇩 อินโดนีเซีย
    🇰🇿 คาซัคสถาน
    🇲🇾 มาเลเซีย
    🇳🇬 ไนจีเรีย
    🇹🇭 ไทย
    🇹🇷 ตุรกี
    🇺🇬 ยูกันดา
    🇺🇿 อุซเบกิสถาน
    .
    JUST IN: BRICS officially adds 13 new nations to the alliance as partner countries (not full members).

    🇩🇿 Algeria
    🇧🇾 Belarus
    🇧🇴 Bolivia
    🇨🇺 Cuba
    🇮🇩 Indonesia
    🇰🇿 Kazakhstan
    🇲🇾 Malaysia
    🇳🇬 Nigeria
    🇹🇭 Thailand
    🇹🇷 Turkey
    🇺🇬 Uganda
    🇺🇿 Uzbekistan
    🇻🇳 Vietnam
    .
    3:39 AM · Oct 24, 2024 · 655.3K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1849188857620918642
    BRICS ประกาศเพิ่มประเทศพันธมิตรใหม่ ๑๓ ประเทศอย่างเป็นทางการ (ไม่ใช่สมาชิกเต็มตัว) 🇩🇿 แอลจีเรีย 🇧🇾 เบลารุส 🇧🇴 โบลิเวีย 🇨🇺 คิวบา 🇮🇩 อินโดนีเซีย 🇰🇿 คาซัคสถาน 🇲🇾 มาเลเซีย 🇳🇬 ไนจีเรีย 🇹🇭 ไทย 🇹🇷 ตุรกี 🇺🇬 ยูกันดา 🇺🇿 อุซเบกิสถาน . JUST IN: BRICS officially adds 13 new nations to the alliance as partner countries (not full members). 🇩🇿 Algeria 🇧🇾 Belarus 🇧🇴 Bolivia 🇨🇺 Cuba 🇮🇩 Indonesia 🇰🇿 Kazakhstan 🇲🇾 Malaysia 🇳🇬 Nigeria 🇹🇭 Thailand 🇹🇷 Turkey 🇺🇬 Uganda 🇺🇿 Uzbekistan 🇻🇳 Vietnam . 3:39 AM · Oct 24, 2024 · 655.3K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1849188857620918642
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • BRICS membership (สมาชิก BRICS)

    1. 🇧🇷 Brazil
    2. 🇷🇺 Russia
    3. 🇮🇳 India
    4. 🇨🇳 China
    5. 🇿🇦 South Africa
    6. 🇪🇬 Egypt
    7. 🇪🇹 Ethiopia
    8. 🇮🇷 Iran
    9. 🇦🇪 UAE

    Officially invited to join (ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการให้เข้าร่วม)

    10. 🇸🇦 Saudi Arabia

    Officially applied for membership (ได้สมัครเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ)

    11. 🇩🇿 Algeria
    12. 🇦🇿 Azerbaijan
    13. 🇧🇭 Bahrain
    14. 🇧🇩 Bangladesh
    15. 🇧🇾 Belarus
    16. 🇧🇴 Bolivia
    17. 🇨🇺 Cuba
    18. 🇰🇿 Kazakhstan
    19. 🇰🇼 Kuwait
    20. 🇲🇾 Malaysia
    21. 🇵🇰 Pakistan
    22. 🇵🇸 Palestine
    23. 🇸🇳 Senegal
    24. 🇹🇭 Thailand
    25. 🇹🇷 Turkey
    26. 🇻🇪 Venezuela
    27. 🇾🇪 Yemen
    28. 🇿🇼 Zimbabwe

    Expressed interest in joining BRICS (แสดงความสนใจในการเข้าร่วม BRICS)

    29. 🇦🇴 Angola
    30. 🇨🇲 Cameroon
    31. 🇨🇫 Central African Republic
    32. 🇨🇩 DR of the Congo
    33. 🇨🇬 Congo
    34. 🇬🇭 Ghana
    35. 🇳🇬 Nigeria
    36. 🇸🇸 South Sudan
    37. 🇸🇩 Sudan
    38. 🇹🇳 Tunisia
    39. 🇺🇬 Uganda
    40. 🇨🇴 Colombia
    41. 🇸🇻 El Salvador
    42. 🇳🇮 Nicaragua
    43. 🇵🇪 Peru
    44. 🇦🇫 Afghanistan
    45. 🇮🇩 Indonesia
    46. 🇮🇶 Iraq
    47. 🇱🇦 Laos
    48. 🇲🇲 Myanmar
    49. 🇱🇰 Sri Lanka
    50. 🇸🇾 Syria
    51. 🇻🇳 Vietnam
    .
    4:51 PM · Oct 22, 2024 · 1.6M Views
    https://x.com/stats_feed/status/1848663455890358603
    BRICS membership (สมาชิก BRICS) 1. 🇧🇷 Brazil 2. 🇷🇺 Russia 3. 🇮🇳 India 4. 🇨🇳 China 5. 🇿🇦 South Africa 6. 🇪🇬 Egypt 7. 🇪🇹 Ethiopia 8. 🇮🇷 Iran 9. 🇦🇪 UAE Officially invited to join (ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการให้เข้าร่วม) 10. 🇸🇦 Saudi Arabia Officially applied for membership (ได้สมัครเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ) 11. 🇩🇿 Algeria 12. 🇦🇿 Azerbaijan 13. 🇧🇭 Bahrain 14. 🇧🇩 Bangladesh 15. 🇧🇾 Belarus 16. 🇧🇴 Bolivia 17. 🇨🇺 Cuba 18. 🇰🇿 Kazakhstan 19. 🇰🇼 Kuwait 20. 🇲🇾 Malaysia 21. 🇵🇰 Pakistan 22. 🇵🇸 Palestine 23. 🇸🇳 Senegal 24. 🇹🇭 Thailand 25. 🇹🇷 Turkey 26. 🇻🇪 Venezuela 27. 🇾🇪 Yemen 28. 🇿🇼 Zimbabwe Expressed interest in joining BRICS (แสดงความสนใจในการเข้าร่วม BRICS) 29. 🇦🇴 Angola 30. 🇨🇲 Cameroon 31. 🇨🇫 Central African Republic 32. 🇨🇩 DR of the Congo 33. 🇨🇬 Congo 34. 🇬🇭 Ghana 35. 🇳🇬 Nigeria 36. 🇸🇸 South Sudan 37. 🇸🇩 Sudan 38. 🇹🇳 Tunisia 39. 🇺🇬 Uganda 40. 🇨🇴 Colombia 41. 🇸🇻 El Salvador 42. 🇳🇮 Nicaragua 43. 🇵🇪 Peru 44. 🇦🇫 Afghanistan 45. 🇮🇩 Indonesia 46. 🇮🇶 Iraq 47. 🇱🇦 Laos 48. 🇲🇲 Myanmar 49. 🇱🇰 Sri Lanka 50. 🇸🇾 Syria 51. 🇻🇳 Vietnam . 4:51 PM · Oct 22, 2024 · 1.6M Views https://x.com/stats_feed/status/1848663455890358603
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • KKV สโตร์แบรนด์จีน ใต้ปีกมิสเตอร์ดีไอวาย

    การเปิดร้าน KKV ไลฟ์สไตล์สโตร์จากประเทศจีน สาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งจะจัดงานปาร์ตี้สำหรับแขกรับเชิญพิเศษในวันที่ 29 ต.ค. ก่อนวันเปิดร้านจริง และยังเตรียมเปิดสาขาเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์จากประเทศจีน ที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดร้านค้าไลฟ์สไตล์ในไทย แต่เบื้องหลังพบว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (Mr. D.I.Y.) ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติมาเลเซีย ที่มีสาขากว่า 800 แห่งใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ

    ก่อนหน้านี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เคเควี ซัพพลาย เชน จำกัด (KKVSC) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 190 ล้านบาท และบริษัท เคเควี บิสซิเนส แมเนจเมนท์ จำกัด (KKVBM) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 172 ล้านบาท มีนายชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. และนางสาวฐิตานันท์ ซุน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. เป็นกรรมการบริษัท

    ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 เว็บไซต์ The Edge Malaysia ระบุว่า บริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (เอ็ม) เบอร์ฮัด เปิดเผยครั้งแรกวันที่ 13 ส.ค. 2567 ว่า ได้ลงทุน 9.6 ล้านริงกิต (ประมาณ 73 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้น 49% ในธุรกิจของ KKV เครือข่ายร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์จากจีนในมาเลเซียเมื่อเดือน พ.ค. 2567 ขณะนั้นเปิดสาขามาแล้ว 3 สาขา โดยพบว่าสามารถสร้างรายได้มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของร้านของ Mr DIY ถึงสามเท่า

    อีกด้านหนึ่ง ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) พบว่าโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. หนึ่งในนั้นคือ KKVSC ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ การซื้อมาขายไป (Trading) สำหรับจำหน่ายในร้านค้าภายใต้แบรนด์ “KKV” และ KKVBM ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “KKV” แต่วันที่ของเอกสารยังไม่มีการประกอบกิจการใดๆ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งใจที่จะดำเนินร้านค้าปลีกที่จำหน่ายของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน เครื่องครัว ของเล่น และอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “KKV”

    ด้วยประสบการณ์ในการขยายสาขามากกว่า 800 แห่ง ภายในระยะเวลา 8 ปี และก่อนหน้านี้ KKV ได้ขยายสาขาในมาเลเซียแล้ว 7 แห่ง จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ร้าน KKV ในประเทศไทยจะมีผลตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน

    #Newskit #KKVThailand #MrDIY
    KKV สโตร์แบรนด์จีน ใต้ปีกมิสเตอร์ดีไอวาย การเปิดร้าน KKV ไลฟ์สไตล์สโตร์จากประเทศจีน สาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งจะจัดงานปาร์ตี้สำหรับแขกรับเชิญพิเศษในวันที่ 29 ต.ค. ก่อนวันเปิดร้านจริง และยังเตรียมเปิดสาขาเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์จากประเทศจีน ที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดร้านค้าไลฟ์สไตล์ในไทย แต่เบื้องหลังพบว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (Mr. D.I.Y.) ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติมาเลเซีย ที่มีสาขากว่า 800 แห่งใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เคเควี ซัพพลาย เชน จำกัด (KKVSC) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 190 ล้านบาท และบริษัท เคเควี บิสซิเนส แมเนจเมนท์ จำกัด (KKVBM) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 172 ล้านบาท มีนายชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. และนางสาวฐิตานันท์ ซุน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. เป็นกรรมการบริษัท ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 เว็บไซต์ The Edge Malaysia ระบุว่า บริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (เอ็ม) เบอร์ฮัด เปิดเผยครั้งแรกวันที่ 13 ส.ค. 2567 ว่า ได้ลงทุน 9.6 ล้านริงกิต (ประมาณ 73 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้น 49% ในธุรกิจของ KKV เครือข่ายร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์จากจีนในมาเลเซียเมื่อเดือน พ.ค. 2567 ขณะนั้นเปิดสาขามาแล้ว 3 สาขา โดยพบว่าสามารถสร้างรายได้มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของร้านของ Mr DIY ถึงสามเท่า อีกด้านหนึ่ง ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) พบว่าโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. หนึ่งในนั้นคือ KKVSC ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ การซื้อมาขายไป (Trading) สำหรับจำหน่ายในร้านค้าภายใต้แบรนด์ “KKV” และ KKVBM ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “KKV” แต่วันที่ของเอกสารยังไม่มีการประกอบกิจการใดๆ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งใจที่จะดำเนินร้านค้าปลีกที่จำหน่ายของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน เครื่องครัว ของเล่น และอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “KKV” ด้วยประสบการณ์ในการขยายสาขามากกว่า 800 แห่ง ภายในระยะเวลา 8 ปี และก่อนหน้านี้ KKV ได้ขยายสาขาในมาเลเซียแล้ว 7 แห่ง จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ร้าน KKV ในประเทศไทยจะมีผลตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน #Newskit #KKVThailand #MrDIY
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 394 Views 0 Reviews
  • ใบสมัครกิจกรรมถ่ายภาพ Phojam Thailand ร่วมกับ Malaysia and Singarproe พระปรางค์สามยอด จ,ลพบุรี จ.สระบุรี รถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าศักชลสิทธิ์ ทุ่งทานตะวัน 2 วัน หนึ่งคืน อาหาร 3 มื้อ พร้อมนางแบบสาวสวย กว่า 10 คน จัดหลายแบบ หลายสไตล์ โดย อ.วิเชษ รุญเจริญ พร้มทีมงาน อุปกรณ์ ประกอบ และไฟแสงสีครบ
    https://forms.gle/rkdWYfneecvx1tLf9
    ใบสมัครกิจกรรมถ่ายภาพ Phojam Thailand ร่วมกับ Malaysia and Singarproe พระปรางค์สามยอด จ,ลพบุรี จ.สระบุรี รถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าศักชลสิทธิ์ ทุ่งทานตะวัน 2 วัน หนึ่งคืน อาหาร 3 มื้อ พร้อมนางแบบสาวสวย กว่า 10 คน จัดหลายแบบ หลายสไตล์ โดย อ.วิเชษ รุญเจริญ พร้มทีมงาน อุปกรณ์ ประกอบ และไฟแสงสีครบ https://forms.gle/rkdWYfneecvx1tLf9
    FORMS.GLE
    ใบสมัครภ่ายภาพ Photojam Thailand
    สำหรับช่างภาพไทย ประสงค์จะร่วมถ่ายภาพ ร่วมคณะ Photojam จากประเทศ มาเลเซ๊ย และ สิงค์โปร ในส่วน 2 วันแรกของโปรแกรมซึ่งจะเป็นการถ่าย พระปรางค์สามยอด รถไฟลอยน้ำและทุ่งทานตะวัน 2 วัน 1 คืน อาหาร 3 มื้อ นางแบบมากกว่า 10 คน ค่าใช้จ่ายต่อท่านละ 2,900.- บาทโดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาพัทยาใต้ เลขบัญชี 221-1-15276-7 ชื่อ นายวิเชียร ตั้งธรรมสถิตย์ แล้วส่งสลิปเข้าที่ไลน์ กลุ่ม Photojam Thailand
    2 Comments 1 Shares 91 Views 0 Reviews
  • Islamic Fashion Festival (IFF)
    Bangkok 2024
    #queenazizah #azizahofmalaysia
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. IG : _inaijar10_
    Islamic Fashion Festival (IFF) Bangkok 2024 #queenazizah #azizahofmalaysia #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. IG : _inaijar10_
    Love
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • 🌤 เรือสำราญที่ผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายและความบันเทิงระดับโลก สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน บนเรือสำราญ Genting Dreams รวมถึงร้านอาหารที่มีเมนูอาหารหลากหลายจากนานาชาติ ไปจนถึงห้องพักสุดทันสมัยที่สามารถชมวิวทะเลได้อย่างเต็มอิ่ม 🎪💨

    ดูเรือ Resort World Cruises ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/fefa27

    ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)

    #เรือResortWorldCruises #เรือGentingDreams #GentingDreams #ล่องเรือสำราญ #แพ็คเกจเรือสำราญ #สิงคโปร์ #มาเลเซีย #Singapore #Malaysia #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🌤 เรือสำราญที่ผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายและความบันเทิงระดับโลก สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน บนเรือสำราญ Genting Dreams รวมถึงร้านอาหารที่มีเมนูอาหารหลากหลายจากนานาชาติ ไปจนถึงห้องพักสุดทันสมัยที่สามารถชมวิวทะเลได้อย่างเต็มอิ่ม 🎪💨 ดูเรือ Resort World Cruises ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/fefa27 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #เรือResortWorldCruises #เรือGentingDreams #GentingDreams #ล่องเรือสำราญ #แพ็คเกจเรือสำราญ #สิงคโปร์ #มาเลเซีย #Singapore #Malaysia #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 1 Shares 1112 Views 0 Reviews
  • ชีวิตผู้นำของพี่ปู……ความวัวไม่ทันหาย……ความแอร์ไลน์เข้ามาแทรก……ติ่งแสนจะเหนื่อยใจแทนจริงจิ๊งงงงง……!!

    ตอนยี่สิบสี่……คดีที่โยนกลองกันไปมา……ป่านนี้ยังหาที่ลงไม่ได้……!!!

    การแลกเปลี่ยนการสอยร่วงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เหมือนกับการแลกหมัดนั้น……
    วันที่ 17 กรกฏาคม 2014 ได้เกิดโศกนาฏกรรมของเครื่องบิน Malaysia Airways Boeing 777 ที่มีผู้โดยสาร 283 คนพร้อมลูกเรือ อีก 15 คน จากแอมสเตอร์ดัม สู่ กัวลาลัมเปอร์
    ร่วงลงสู่พื้นดิน ในเขตแนว 50 ไมล์ ชายแดน ยูเครน-รัสเซีย
    ในเขต Donetsk (การตกอยู่ในดินแดนของยูเครน)
    สาเหตุ จากการสันนิษฐานชั้นแรก คือ โดนขีปนาวุธ Buk 9M83 ที่เป็นของรัสเซียที่ส่งยิงมาจากทางภาคพื้นดิน

    ปูตินที่เพิ่งกลับจากการประชุมฟีฟ่าที่บราซิล ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆในเรื่องนี้ แต่เขาได้ให้ความเห็นว่า……
    “สายการบินควรจะเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแนวของการสู้รบ และการเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้…ไม่ควรเอามาเป็นการป้ายสีกันทางการเมือง ควรที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่สูญเสียและครอบครัวของเขาก่อนจะดีกว่า……”
    แต่……สื่อที่ออกมาที่ส่วนใหญ่คือสื่อทางตะวันตก ได้ต่างออกมาตำหนิรัสเซียไปแล้ว
    สื่ออังกฤษ……พาดหัวว่า เป็นเพราะขีปนาวุธของฆาตกรปูติน……

    ความแตกร้าวระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ขยายแยกออกห่างขึ้น ……อเมริกาได้ถือข้อนี้ ยืดเวลาการแซงชั่นยึดทรัพย์ออกไปอีก
    เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มสั่นคลอน ค่าเงินรูเบิ้ลตก ราคาน้ำมันถูกกด……ทางตะวันตกเริ่มยิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะมันเหมือนกับตีถูกที่หน้าแข้งให้รัสเซียคุกเข่าลงได้
    ปูตินเชื่อว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย……

    ยังไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร ไม่กี่วันต่อมาจากการเกิดโศกนาฏกรรมนั้น
    ศาลโลกที่กรุงเฮกได้รีบตัดสินคดีที่ Mikhail Khodorkovsky (ในนามของบริษัท Yukos) ที่ฟ้องรัฐบาลรัสเซีย……ศาลได้ตัดสินให้รัสเซียจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ ห้าหมื่นล้านเหรียญ
    ปูตินได้บอกกับเพื่อนสนิทในกลุ่มว่า ……จากนี้ไป เขาจะไม่แคร์เลยว่าทางตะวันตกจะคิดอย่างไรกับรัสเซีย เพราะหน้าฉากที่งานโอลิมปิกที่คุยกันแสนหวาน สมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวชื่นมื่น……
    แต่……เมื่อถึงจังหวะที่เปิดหน้ากาก………พวกเขามาพร้อมมีดที่พร้อมจะปักลงที่กลางหลัง

    ปูตินเป็นคนที่ยิ่งตี……ก็ยิ่งโต เขารู้สึกดีใจที่ได้จัดการกับไครเมียและยูเครนตะวันออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพราะอย่างไรเสีย……รัสเซียก็คือผู้ร้ายในสายตาของใครต่อใครอยู่แล้ว ในยามที่กองทัพยูเครนได้ทำทารุณกรรรมต่อประชาชน
    ชายขอบ……มีทั้งพวกนีโอนาซีที่ออกมาตบตี ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ………ทุกคนไม่ปริปาก……

    กลุ่มที่ต่อต้านปูติน เริ่มฉวยโอกาสนี้ไหวตัวกันอีกครั้ง เช่น
    Alexsei Navalny, Pavel Durov (หรือ Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย), Boris Berezovsky, Boris Nemtov และคนที่เพิ่งได้รับอภัยโทษไปหมาดๆคือ Mikhail Khodorovsky ที่ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์
    ในวันที่ 31 กรกฏาคม เหล่ามหาเศรษฐีอีกหลายๆคนที่ถือเอาโอกาสนี้ไปรวมตัว…ประชุมแบบลับๆที่ ศูนย์อำนวยการฟุตบอล, มอสโคว์ เพื่อที่จะพบปะหารือปรับทุกข์กันในเรื่องการที่ยึดไครเมีย จนเกิดการแซงชั่นทางธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม……ที่พวกเขาจะพลอยเดือดร้อน……
    หนึ่งในนั้น คือ Vladimir Yakunin ประธานรถไฟ Moskva
    ทุกคนได้เริ่มสาธยายความอึดอัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่างๆ
    เพราะตะวันตกไม่ยอมรับการเข้ายึดไครเมีย
    หลายคนเริ่มตำหนิปูติน….
    แต่ยาคุนิน ได้ลุกขึ้นยืนกล่าวเป็นคนสุดท้ายด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า……
    “ ใช่……ประเทศเรากำลังถูกเขาแซงชั่น……ประธานาธิบดีของเรากำลังยืนหยัดสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกคุณที่เสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยช่างทุกข์ร้อนกันเกินเหตุ เรื่องที่จะโดนอะไรมากกว่านี้จากตะวันตกที่พวกคุณกังวลกัน……
    ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า ……เขาทำแน่ ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร
    พวกเขาก็หาเหตุจนได้ ต่อให้พวกคุณไปคุกเข่าขอความปรานี
    เขาก็จะถีบคุณออกมา……ดังนั้น แทนที่จะมาก่นด่ากัน……หันมาสนับสนุนชาติของตัวเองอย่างพลเมืองที่ดี……ดีกว่าไหม ?”

    คนที่เคลื่อนไหวต่อต้านในทุกอย่างที่เป็นปูติน คือ Boris Nemtsov นักการเมืองฝ่ายลิเบอรัล ที่เคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีสมัยเยลซิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่ปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ที่เขาดำเนินการต่อต้านทั้งใต้ดินและบนดิน
    ไม่ว่าจะมีการประท้วงในครั้งไหน หรือ เรื่องอะไร เนมซอฟจะเดินนำหน้าเสียงดังฟังชัดเสมอ
    เรื่อง Sochi……เขาได้ทำเอกสารแจกนักข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องการก่อสร้างและงบประมาณ
    เมื่อมาถึงไครเมีย และ ยูเครน เนมซอฟ……จะเข้าข้างทางฝั่งยูเครนแบบเต็มตัว เขาเริ่มใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นทุกที
    พอมาถึง เรื่องเครื่องบินตก……เขาออกโรงด่าปูตินแบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆที่การพิสูจน์หลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น

    เขารับงานสัมภาษณ์ในทุกสื่อตะวันตกที่เปิดโอกาสให้โจมตีรัฐบาลรัสเซีย
    ที่สุดๆคือ ในการสัมภาษณ์ของเขาในเดือนเมษายน 2014 ที่เขาเรียกปูตินเป็นคนโรคจิต เอางบประมาณไปละลายกับเชเชน……และ…ใครจะรู้ว่าเท่าไหร่…นอกจากพระอัลเลาะห์เจ้า…!!!
    ต้องเรียกว่า……นั่นคือการให้สัมภาษณ์แบบผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ เพราะข้อความนี้ได้ไปสร้างความดือดดาลให้กับพวกนักรบเชเชน……

    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 23:31 ในขณะที่เนมซอฟกำลังเดินทอดน่องเกี่ยวแขนไปกับแฟนสาว Anna Durytka บนสะพานหน้าพระราชวังเครมลิน
    มีรถยนต์วิ่งผ่านมา…;เสียงปืนลั่นมาแปดนัด……เนมซอฟล้มลง สิ้นใจ
    แต่แฟนสาว……ที่เคียงข้าง……ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ
    (มืออาชีพจริงๆ……)

    การตายของเนมซอฟเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
    เดือนมีนาคม ทางตำรวจได้จับกุมมือปืนได้สองคน คือ Anzor Gubashev และ Zaur Dadaev ทั้งคู่เป็นชาวมุสลิม จากทางเหนือของคอเคซัส
    ข่าวจากรัสเซีย……ว่า จำเลยยอมรับสารภาพว่า โกรธที่หมิ่นพระอัลเลาะห์ และหยามกองทัพเชเชน
    ข่าวจากตะวันตก……ว่า……ทั้งคู่รับจ้างวานมาเป็นเงินจำนวนสิบห้าล้านรูเบิ้ล

    หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ปูตินได้หายไปจากหน้าสื่อถึงสิบวัน
    ทีเล่นเอาทุกคนสงสัยไปหมด ว่า เขาไปไหน……อะไรเกิดขึ้น……
    ป่วย……หรือโดนปฎิวัติเงียบ……??
    ข่าวนี้มาพร้อมกับข่าวที่ Alina Kaayeva ได้เพิ่งคลอดลูก
    แต่เสียงจากวงในได้แย้มออกมาว่า เขาได้พักรักษาหลังและไหล่ (จากการเล่นยูโดมานาน)

    แต่ที่แน่ๆ คือ การพิสูจน์หลักฐานของการตกของสายการบิน Malaysia Airlines ยังไม่จบในทุกวันนี้ คาดว่า ศาลจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกในปลายปี 2022 นี้……
    ทางรัสเซีย……ได้อ้างว่า เขาได้ส่งข้อความไปยังสายการบินพานิชย์ต่างๆแล้วว่า ขอให้เลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท หรือจะต้องบินสูงกว่า สามหมื่นหกพันฟุต
    และที่เกิดเหตุ……ไม่ใช่ในรัสเซีย แต่เป็นยูเครน
    ส่วนขีปนาวุธที่ต้องสงสัย คือ Buk นั้น มีใช้ทั้งรัสเซียและยูเครน

    ทางยูเครน…บอกว่า เป็นฝีมือของรัสเซีย เพราะหลังจากที่เกิดเหตุ มีวิทยุจากฝ่ายรัสเซียที่โห่ร้องว่า ได้สอย AN-26 ของยูเครนไปอีกหนึ่งลำ (คงเข้าใจว่าเป็น AN-26)

    ส่วนทางตะวันตก……ต่างขานรับเข้าข้างยูเครนไปทั้งหมดแล้ว…!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ชีวิตผู้นำของพี่ปู……ความวัวไม่ทันหาย……ความแอร์ไลน์เข้ามาแทรก……ติ่งแสนจะเหนื่อยใจแทนจริงจิ๊งงงงง……!! ตอนยี่สิบสี่……คดีที่โยนกลองกันไปมา……ป่านนี้ยังหาที่ลงไม่ได้……!!! การแลกเปลี่ยนการสอยร่วงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เหมือนกับการแลกหมัดนั้น…… วันที่ 17 กรกฏาคม 2014 ได้เกิดโศกนาฏกรรมของเครื่องบิน Malaysia Airways Boeing 777 ที่มีผู้โดยสาร 283 คนพร้อมลูกเรือ อีก 15 คน จากแอมสเตอร์ดัม สู่ กัวลาลัมเปอร์ ร่วงลงสู่พื้นดิน ในเขตแนว 50 ไมล์ ชายแดน ยูเครน-รัสเซีย ในเขต Donetsk (การตกอยู่ในดินแดนของยูเครน) สาเหตุ จากการสันนิษฐานชั้นแรก คือ โดนขีปนาวุธ Buk 9M83 ที่เป็นของรัสเซียที่ส่งยิงมาจากทางภาคพื้นดิน ปูตินที่เพิ่งกลับจากการประชุมฟีฟ่าที่บราซิล ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆในเรื่องนี้ แต่เขาได้ให้ความเห็นว่า…… “สายการบินควรจะเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแนวของการสู้รบ และการเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้…ไม่ควรเอามาเป็นการป้ายสีกันทางการเมือง ควรที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่สูญเสียและครอบครัวของเขาก่อนจะดีกว่า……” แต่……สื่อที่ออกมาที่ส่วนใหญ่คือสื่อทางตะวันตก ได้ต่างออกมาตำหนิรัสเซียไปแล้ว สื่ออังกฤษ……พาดหัวว่า เป็นเพราะขีปนาวุธของฆาตกรปูติน…… ความแตกร้าวระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ขยายแยกออกห่างขึ้น ……อเมริกาได้ถือข้อนี้ ยืดเวลาการแซงชั่นยึดทรัพย์ออกไปอีก เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มสั่นคลอน ค่าเงินรูเบิ้ลตก ราคาน้ำมันถูกกด……ทางตะวันตกเริ่มยิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะมันเหมือนกับตีถูกที่หน้าแข้งให้รัสเซียคุกเข่าลงได้ ปูตินเชื่อว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย…… ยังไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร ไม่กี่วันต่อมาจากการเกิดโศกนาฏกรรมนั้น ศาลโลกที่กรุงเฮกได้รีบตัดสินคดีที่ Mikhail Khodorkovsky (ในนามของบริษัท Yukos) ที่ฟ้องรัฐบาลรัสเซีย……ศาลได้ตัดสินให้รัสเซียจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ ห้าหมื่นล้านเหรียญ ปูตินได้บอกกับเพื่อนสนิทในกลุ่มว่า ……จากนี้ไป เขาจะไม่แคร์เลยว่าทางตะวันตกจะคิดอย่างไรกับรัสเซีย เพราะหน้าฉากที่งานโอลิมปิกที่คุยกันแสนหวาน สมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวชื่นมื่น…… แต่……เมื่อถึงจังหวะที่เปิดหน้ากาก………พวกเขามาพร้อมมีดที่พร้อมจะปักลงที่กลางหลัง ปูตินเป็นคนที่ยิ่งตี……ก็ยิ่งโต เขารู้สึกดีใจที่ได้จัดการกับไครเมียและยูเครนตะวันออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพราะอย่างไรเสีย……รัสเซียก็คือผู้ร้ายในสายตาของใครต่อใครอยู่แล้ว ในยามที่กองทัพยูเครนได้ทำทารุณกรรรมต่อประชาชน ชายขอบ……มีทั้งพวกนีโอนาซีที่ออกมาตบตี ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ………ทุกคนไม่ปริปาก…… กลุ่มที่ต่อต้านปูติน เริ่มฉวยโอกาสนี้ไหวตัวกันอีกครั้ง เช่น Alexsei Navalny, Pavel Durov (หรือ Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย), Boris Berezovsky, Boris Nemtov และคนที่เพิ่งได้รับอภัยโทษไปหมาดๆคือ Mikhail Khodorovsky ที่ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 31 กรกฏาคม เหล่ามหาเศรษฐีอีกหลายๆคนที่ถือเอาโอกาสนี้ไปรวมตัว…ประชุมแบบลับๆที่ ศูนย์อำนวยการฟุตบอล, มอสโคว์ เพื่อที่จะพบปะหารือปรับทุกข์กันในเรื่องการที่ยึดไครเมีย จนเกิดการแซงชั่นทางธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม……ที่พวกเขาจะพลอยเดือดร้อน…… หนึ่งในนั้น คือ Vladimir Yakunin ประธานรถไฟ Moskva ทุกคนได้เริ่มสาธยายความอึดอัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่างๆ เพราะตะวันตกไม่ยอมรับการเข้ายึดไครเมีย หลายคนเริ่มตำหนิปูติน…. แต่ยาคุนิน ได้ลุกขึ้นยืนกล่าวเป็นคนสุดท้ายด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า…… “ ใช่……ประเทศเรากำลังถูกเขาแซงชั่น……ประธานาธิบดีของเรากำลังยืนหยัดสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกคุณที่เสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยช่างทุกข์ร้อนกันเกินเหตุ เรื่องที่จะโดนอะไรมากกว่านี้จากตะวันตกที่พวกคุณกังวลกัน…… ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า ……เขาทำแน่ ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร พวกเขาก็หาเหตุจนได้ ต่อให้พวกคุณไปคุกเข่าขอความปรานี เขาก็จะถีบคุณออกมา……ดังนั้น แทนที่จะมาก่นด่ากัน……หันมาสนับสนุนชาติของตัวเองอย่างพลเมืองที่ดี……ดีกว่าไหม ?” คนที่เคลื่อนไหวต่อต้านในทุกอย่างที่เป็นปูติน คือ Boris Nemtsov นักการเมืองฝ่ายลิเบอรัล ที่เคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีสมัยเยลซิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่ปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ที่เขาดำเนินการต่อต้านทั้งใต้ดินและบนดิน ไม่ว่าจะมีการประท้วงในครั้งไหน หรือ เรื่องอะไร เนมซอฟจะเดินนำหน้าเสียงดังฟังชัดเสมอ เรื่อง Sochi……เขาได้ทำเอกสารแจกนักข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องการก่อสร้างและงบประมาณ เมื่อมาถึงไครเมีย และ ยูเครน เนมซอฟ……จะเข้าข้างทางฝั่งยูเครนแบบเต็มตัว เขาเริ่มใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นทุกที พอมาถึง เรื่องเครื่องบินตก……เขาออกโรงด่าปูตินแบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆที่การพิสูจน์หลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น เขารับงานสัมภาษณ์ในทุกสื่อตะวันตกที่เปิดโอกาสให้โจมตีรัฐบาลรัสเซีย ที่สุดๆคือ ในการสัมภาษณ์ของเขาในเดือนเมษายน 2014 ที่เขาเรียกปูตินเป็นคนโรคจิต เอางบประมาณไปละลายกับเชเชน……และ…ใครจะรู้ว่าเท่าไหร่…นอกจากพระอัลเลาะห์เจ้า…!!! ต้องเรียกว่า……นั่นคือการให้สัมภาษณ์แบบผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ เพราะข้อความนี้ได้ไปสร้างความดือดดาลให้กับพวกนักรบเชเชน…… วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 23:31 ในขณะที่เนมซอฟกำลังเดินทอดน่องเกี่ยวแขนไปกับแฟนสาว Anna Durytka บนสะพานหน้าพระราชวังเครมลิน มีรถยนต์วิ่งผ่านมา…;เสียงปืนลั่นมาแปดนัด……เนมซอฟล้มลง สิ้นใจ แต่แฟนสาว……ที่เคียงข้าง……ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ (มืออาชีพจริงๆ……) การตายของเนมซอฟเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เดือนมีนาคม ทางตำรวจได้จับกุมมือปืนได้สองคน คือ Anzor Gubashev และ Zaur Dadaev ทั้งคู่เป็นชาวมุสลิม จากทางเหนือของคอเคซัส ข่าวจากรัสเซีย……ว่า จำเลยยอมรับสารภาพว่า โกรธที่หมิ่นพระอัลเลาะห์ และหยามกองทัพเชเชน ข่าวจากตะวันตก……ว่า……ทั้งคู่รับจ้างวานมาเป็นเงินจำนวนสิบห้าล้านรูเบิ้ล หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ปูตินได้หายไปจากหน้าสื่อถึงสิบวัน ทีเล่นเอาทุกคนสงสัยไปหมด ว่า เขาไปไหน……อะไรเกิดขึ้น…… ป่วย……หรือโดนปฎิวัติเงียบ……?? ข่าวนี้มาพร้อมกับข่าวที่ Alina Kaayeva ได้เพิ่งคลอดลูก แต่เสียงจากวงในได้แย้มออกมาว่า เขาได้พักรักษาหลังและไหล่ (จากการเล่นยูโดมานาน) แต่ที่แน่ๆ คือ การพิสูจน์หลักฐานของการตกของสายการบิน Malaysia Airlines ยังไม่จบในทุกวันนี้ คาดว่า ศาลจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกในปลายปี 2022 นี้…… ทางรัสเซีย……ได้อ้างว่า เขาได้ส่งข้อความไปยังสายการบินพานิชย์ต่างๆแล้วว่า ขอให้เลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท หรือจะต้องบินสูงกว่า สามหมื่นหกพันฟุต และที่เกิดเหตุ……ไม่ใช่ในรัสเซีย แต่เป็นยูเครน ส่วนขีปนาวุธที่ต้องสงสัย คือ Buk นั้น มีใช้ทั้งรัสเซียและยูเครน ทางยูเครน…บอกว่า เป็นฝีมือของรัสเซีย เพราะหลังจากที่เกิดเหตุ มีวิทยุจากฝ่ายรัสเซียที่โห่ร้องว่า ได้สอย AN-26 ของยูเครนไปอีกหนึ่งลำ (คงเข้าใจว่าเป็น AN-26) ส่วนทางตะวันตก……ต่างขานรับเข้าข้างยูเครนไปทั้งหมดแล้ว…!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • สื่อญี่ปุ่น Nikkei Asia พลาดเรื่อง QR Payment

    ในที่สุดนิกเกอิ เอเชีย (Nikkei Asia) สื่อจากประเทศญี่ปุ่น ยอมแก้ไขเนื้อหาข่าวหัวข้อ "Malaysia and Cambodia lead QR payment expansion in ASEAN" (มาเลเซียและกัมพูชาเป็นผู้นำการขยายตัวของระบบการชำระเงิน QR Payment ในอาเซียน) ซึ่งตีพิมพ์ไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็น "QR payments expand in Thailand, Malaysia and Cambodia" (การชำระเงินด้วย QR ขยายตัวในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา) เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย.

    พร้อมกับแก้ไขแผนภูมิหัวข้อ "QR code payments in Southeast Asia" (เปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จากเดิมไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับ เป็นอันดับหนึ่งของแผนภูมิดังกล่าว

    หลังเฟซบุ๊กทางการของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นจาก 14,800 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 19,900 ล้านครั้งในปี 2023 ส่วนปริมาณธุรกรรมการชำระงินผ่าน QR payment ในประเทศไทยผ่านระบบพร้อมเพย์ เพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 5,700 ล้านครั้งในปี 2023 พร้อมกับแนบลิงก์สถิติดังกล่าว กระทั่งเว็บไซต์ Nikkei Asia ได้แก้ไขเนื้อหาและแผนภูมิในที่สุด

    ก่อนหน้านี้ Nikkei Asia ลงแผนภูมิเปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฎว่าจัดอันดับประเทศไทยรั้งท้าย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไทยคอมเมนต์ว่าข้อมูลผิด จึงได้ลงแผนภูมิใหม่ โดยไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับอีกเลย ผลก็คือคนไทยจำนวนมากไม่พอใจ และธนาคารแห่งประเทศไทยต้องให้ข้อมูลที่แท้จริง จึงยอมแก้ไข

    หากไม่นับเรื่องการเมืองในไทย มีหลายกรณีที่การนำเสนอข่าวของ Nikkei Asia เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของผู้อ่านชาวไทย อาทิ วิจารณ์ค่ายรถยนต์จากจีนว่าเป็นวงจรอุบาทว์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย วิจารณ์ว่าประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ช้าที่สุด ทำให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวขณะนั้นตอบโต้ และวิจารณ์การเปิดตัวศูนย์การค้าไอคอนสยามในแง่ลบ

    แม้จะแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องในเวลานี้ แต่ผู้อ่านชาวไทยต่างมีภาพจำเรื่องดังกล่าว ย่อมกระทบไปถึงชื่อเสียงในระยะยาว ยิ่งเป็นระบบบอกรับสมาชิก (Subsciption) คือต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะอ่านเนื้อหาข่าวได้ ผู้บริโภคสื่อย่อมลังเลถึงความน่าเชื่อถือ ในฐานะสมาชิก ที่ยอมเสียเงินเพื่อหวังเสพเนื้อหาข่าวที่เชื่อว่ามีคุณภาพ จากสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง

    ถือเป็นบทเรียนของคนทำสื่อ ที่ต้องรักษาคุณภาพ ภายใต้การแบกรับความคาดหวังของสมาชิกเป็นเดิมพัน

    #Newskit #NikkeiAsia #BankOfThailand
    สื่อญี่ปุ่น Nikkei Asia พลาดเรื่อง QR Payment ในที่สุดนิกเกอิ เอเชีย (Nikkei Asia) สื่อจากประเทศญี่ปุ่น ยอมแก้ไขเนื้อหาข่าวหัวข้อ "Malaysia and Cambodia lead QR payment expansion in ASEAN" (มาเลเซียและกัมพูชาเป็นผู้นำการขยายตัวของระบบการชำระเงิน QR Payment ในอาเซียน) ซึ่งตีพิมพ์ไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็น "QR payments expand in Thailand, Malaysia and Cambodia" (การชำระเงินด้วย QR ขยายตัวในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา) เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย. พร้อมกับแก้ไขแผนภูมิหัวข้อ "QR code payments in Southeast Asia" (เปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จากเดิมไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับ เป็นอันดับหนึ่งของแผนภูมิดังกล่าว หลังเฟซบุ๊กทางการของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นจาก 14,800 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 19,900 ล้านครั้งในปี 2023 ส่วนปริมาณธุรกรรมการชำระงินผ่าน QR payment ในประเทศไทยผ่านระบบพร้อมเพย์ เพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 5,700 ล้านครั้งในปี 2023 พร้อมกับแนบลิงก์สถิติดังกล่าว กระทั่งเว็บไซต์ Nikkei Asia ได้แก้ไขเนื้อหาและแผนภูมิในที่สุด ก่อนหน้านี้ Nikkei Asia ลงแผนภูมิเปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฎว่าจัดอันดับประเทศไทยรั้งท้าย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไทยคอมเมนต์ว่าข้อมูลผิด จึงได้ลงแผนภูมิใหม่ โดยไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับอีกเลย ผลก็คือคนไทยจำนวนมากไม่พอใจ และธนาคารแห่งประเทศไทยต้องให้ข้อมูลที่แท้จริง จึงยอมแก้ไข หากไม่นับเรื่องการเมืองในไทย มีหลายกรณีที่การนำเสนอข่าวของ Nikkei Asia เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของผู้อ่านชาวไทย อาทิ วิจารณ์ค่ายรถยนต์จากจีนว่าเป็นวงจรอุบาทว์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย วิจารณ์ว่าประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ช้าที่สุด ทำให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวขณะนั้นตอบโต้ และวิจารณ์การเปิดตัวศูนย์การค้าไอคอนสยามในแง่ลบ แม้จะแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องในเวลานี้ แต่ผู้อ่านชาวไทยต่างมีภาพจำเรื่องดังกล่าว ย่อมกระทบไปถึงชื่อเสียงในระยะยาว ยิ่งเป็นระบบบอกรับสมาชิก (Subsciption) คือต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะอ่านเนื้อหาข่าวได้ ผู้บริโภคสื่อย่อมลังเลถึงความน่าเชื่อถือ ในฐานะสมาชิก ที่ยอมเสียเงินเพื่อหวังเสพเนื้อหาข่าวที่เชื่อว่ามีคุณภาพ จากสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง ถือเป็นบทเรียนของคนทำสื่อ ที่ต้องรักษาคุณภาพ ภายใต้การแบกรับความคาดหวังของสมาชิกเป็นเดิมพัน #Newskit #NikkeiAsia #BankOfThailand
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    8
    1 Comments 0 Shares 886 Views 0 Reviews
  • ส่องไทยเที่ยวมาเลย์ฯ ครึ่งปี 8.1 แสนคน

    ในขณะที่กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง 1 ม.ค. ถึง 15 ก.ย. 2567 พบว่ามีจำนวน 24,810,988 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนสูงสุด 5,002,975 คน รองลงมาคือ มาเลเซีย 3,517,586 คน อินเดีย 1,442,978 คน เกาหลีใต้ 1,316,895 คน และรัสเซีย 1,119,768 คน

    มาดูกันที่การท่องเที่ยวมาเลเซีย (Tourism Malaysia) เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง ม.ค. ถึง มิ.ย. 2567 รวม 11,808,937 คน สร้างรายได้ 45,422 ล้านริงกิต โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,276,007 คน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 1,786,630 คน จีน 1,449,711 คน ไทย 813,783 คน และบรูไน 565,999 คน

    ส่วนรูปแบบการเดินทาง พบว่าทางบก 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านด่านทัมบักยะโฮร์ รัฐยะโฮร์มากที่สุด 2,711,430 คน รองลงมาคือ ด่านเกอลังปาตาห์ รัฐยะโฮร์ 1,976,578 คน ทั้งสองด่านติดกับสิงคโปร์ อันดับสาม ด่านสุไหงตูจูห์ รัฐซาราวัก 326,038 คน ติดกับบรูไน อันดับสี่ ด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ 267,902 คน และด่านปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส 198,546 คน ทั้งสองด่านติดกับประเทศไทย

    ทางอากาศ 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) มากที่สุด 1,926,191 คน รองลงมาคือ กัวลาลัมเปอร์ 2 (KLIA 2) 1,749,623 คน อันดับสาม สนามบินบายันเลอปัซ รัฐปีนัง (PEN) 523,920 คน อันดับสี่ สนามบินโคตาคินาบาลู (BKI) ซาบาห์ 290,021 คน และอันดับ 5 สนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 63,244 คน

    ที่น่าสนใจก็คือ นักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร (Excursionist Arrivals) รวม 5,670,061 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,121,879 คน รองลงมาคือ ไทย 361,035 คน บรูไน 319,421 คน อินโดนีเซีย 244,481 คน และจีน 157,702 คน โดยพบว่าเดินทางผ่านทางบกมากที่สุด 91.7% รองลงมาคือทางอากาศ 6.1% ทางรถไฟ 1.9% และทางทะเล 0.4%

    ก่อนหน้านี้ในรายงานประจำปี 2023 พบว่าประเทศมาเลเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศรวม 20,141,846 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 71,308.5 ล้านริงกิต โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 8,308,230 คน อันดับ 2 อินโดนีเซีย 3,108,165 คน อันดับ 3 ประเทศไทย 1,551,282 คน อันดับ 4 จีน 1,474,114 คน และอันดับ 5 บรูไน 811,833 คน

    ส่วนนักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร มีทั้งหมด 8,822,462 คน โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 6,520,323 คน อันดับ 2 ประเทศไทย 748,876 คน อันดับ 3 อินโดนีเซีย 371,227 คน อันดับ 4 บรูไน 304,378 คน และอันดับ 5 จีน 139,198 คน

    #Newskit #TourismMalaysia #การท่องเที่ยวมาเลเซีย
    ส่องไทยเที่ยวมาเลย์ฯ ครึ่งปี 8.1 แสนคน ในขณะที่กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง 1 ม.ค. ถึง 15 ก.ย. 2567 พบว่ามีจำนวน 24,810,988 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนสูงสุด 5,002,975 คน รองลงมาคือ มาเลเซีย 3,517,586 คน อินเดีย 1,442,978 คน เกาหลีใต้ 1,316,895 คน และรัสเซีย 1,119,768 คน มาดูกันที่การท่องเที่ยวมาเลเซีย (Tourism Malaysia) เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสมระหว่าง ม.ค. ถึง มิ.ย. 2567 รวม 11,808,937 คน สร้างรายได้ 45,422 ล้านริงกิต โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,276,007 คน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 1,786,630 คน จีน 1,449,711 คน ไทย 813,783 คน และบรูไน 565,999 คน ส่วนรูปแบบการเดินทาง พบว่าทางบก 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านด่านทัมบักยะโฮร์ รัฐยะโฮร์มากที่สุด 2,711,430 คน รองลงมาคือ ด่านเกอลังปาตาห์ รัฐยะโฮร์ 1,976,578 คน ทั้งสองด่านติดกับสิงคโปร์ อันดับสาม ด่านสุไหงตูจูห์ รัฐซาราวัก 326,038 คน ติดกับบรูไน อันดับสี่ ด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ 267,902 คน และด่านปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส 198,546 คน ทั้งสองด่านติดกับประเทศไทย ทางอากาศ 5 อันดับแรก มีผู้เดินทางผ่านสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) มากที่สุด 1,926,191 คน รองลงมาคือ กัวลาลัมเปอร์ 2 (KLIA 2) 1,749,623 คน อันดับสาม สนามบินบายันเลอปัซ รัฐปีนัง (PEN) 523,920 คน อันดับสี่ สนามบินโคตาคินาบาลู (BKI) ซาบาห์ 290,021 คน และอันดับ 5 สนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 63,244 คน ที่น่าสนใจก็คือ นักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร (Excursionist Arrivals) รวม 5,670,061 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์สูงสุด 4,121,879 คน รองลงมาคือ ไทย 361,035 คน บรูไน 319,421 คน อินโดนีเซีย 244,481 คน และจีน 157,702 คน โดยพบว่าเดินทางผ่านทางบกมากที่สุด 91.7% รองลงมาคือทางอากาศ 6.1% ทางรถไฟ 1.9% และทางทะเล 0.4% ก่อนหน้านี้ในรายงานประจำปี 2023 พบว่าประเทศมาเลเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศรวม 20,141,846 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 71,308.5 ล้านริงกิต โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 8,308,230 คน อันดับ 2 อินโดนีเซีย 3,108,165 คน อันดับ 3 ประเทศไทย 1,551,282 คน อันดับ 4 จีน 1,474,114 คน และอันดับ 5 บรูไน 811,833 คน ส่วนนักท่องเที่ยวแบบทัศนาจร มีทั้งหมด 8,822,462 คน โดยพบว่าอันดับ 1 สิงคโปร์ 6,520,323 คน อันดับ 2 ประเทศไทย 748,876 คน อันดับ 3 อินโดนีเซีย 371,227 คน อันดับ 4 บรูไน 304,378 คน และอันดับ 5 จีน 139,198 คน #Newskit #TourismMalaysia #การท่องเที่ยวมาเลเซีย
    Like
    Love
    9
    1 Comments 1 Shares 847 Views 0 Reviews
  • ไทยเล็งใช้ระบบ ETA คัดกรองต่างชาติ

    สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนัก จากสิงคโปร์และอินเดีย รายงานข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 ประเทศไทยจะเริ่มใช้ระบบใบอนุญาตเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับชาวต่างชาติจากประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราสามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น รวม 93 ประเทศและดินแดน ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ได้รับการยกเว้น

    ตามรายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัว พร้อมกับการติดตามชาวต่างชาติ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความมั่นคงและปรับปรุงการจัดการนักท่องเที่ยว โดยไม่กระทบต่อสถานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยขยายการยกเว้นวีซ่าไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้นักเดินทางชาวต่างชาติมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

    โดยชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศและดินแดน ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องทำ ETA แต่ละครั้งจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้ครั้งเดียว มีอายุไม่เกิน 60 วันต่อการเข้าประเทศแต่ละครั้ง และยังสามารถขยายระยเวลาเดินทางออกไปอีก 30 วัน โดยขั้นตอนการลงทะเบียน ETA จะใช้ระบบออนไลน์ทั้งหมด โดยกรอกรายละเอียดผ่านแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถนำ QR Code ไปใช้กับประตูตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ทำให้ผ่านกระบวนการเข้าเมืองเร็วขึ้น

    ตามรายงานระบุว่า ระบบนี้จะนำร่องมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป และจะใช้เต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 2568 พร้อมกับแพลตฟอร์ม e-Visa ของประเทศไทย

    เรื่องนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ มีแต่การเปิดเผยจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้การต้อนรับนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 ที่ระบุเพียงว่า "กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดันการใช้ระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการคัดกรอง และติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย"

    อนึ่ง ประเทศในอาเซียนมีการใช้ระบบ ETA ได้แก่ สิงคโปร์ แบบฟอร์ม SG Arrival Card (SGAC) และมาเลเซีย แบบฟอร์ม Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่นำระบบคล้ายคลึงกันมาใช้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเกาหลีใต้ เป็นต้น

    #Newskit #ThailandETA
    ไทยเล็งใช้ระบบ ETA คัดกรองต่างชาติ สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนัก จากสิงคโปร์และอินเดีย รายงานข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 ประเทศไทยจะเริ่มใช้ระบบใบอนุญาตเดินทางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับชาวต่างชาติจากประเทศที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราสามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น รวม 93 ประเทศและดินแดน ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ได้รับการยกเว้น ตามรายงานข่าวระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองให้คล่องตัว พร้อมกับการติดตามชาวต่างชาติ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความมั่นคงและปรับปรุงการจัดการนักท่องเที่ยว โดยไม่กระทบต่อสถานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยขยายการยกเว้นวีซ่าไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้นักเดินทางชาวต่างชาติมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศและดินแดน ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องทำ ETA แต่ละครั้งจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้ครั้งเดียว มีอายุไม่เกิน 60 วันต่อการเข้าประเทศแต่ละครั้ง และยังสามารถขยายระยเวลาเดินทางออกไปอีก 30 วัน โดยขั้นตอนการลงทะเบียน ETA จะใช้ระบบออนไลน์ทั้งหมด โดยกรอกรายละเอียดผ่านแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และสามารถนำ QR Code ไปใช้กับประตูตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ทำให้ผ่านกระบวนการเข้าเมืองเร็วขึ้น ตามรายงานระบุว่า ระบบนี้จะนำร่องมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป และจะใช้เต็มรูปแบบในเดือน มิ.ย. 2568 พร้อมกับแพลตฟอร์ม e-Visa ของประเทศไทย เรื่องนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ มีแต่การเปิดเผยจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้การต้อนรับนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 ที่ระบุเพียงว่า "กระทรวงฯ ยังเร่งผลักดันการใช้ระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการคัดกรอง และติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย" อนึ่ง ประเทศในอาเซียนมีการใช้ระบบ ETA ได้แก่ สิงคโปร์ แบบฟอร์ม SG Arrival Card (SGAC) และมาเลเซีย แบบฟอร์ม Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) นอกจากนี้ ยังมีบางประเทศที่นำระบบคล้ายคลึงกันมาใช้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเกาหลีใต้ เป็นต้น #Newskit #ThailandETA
    Like
    9
    1 Comments 0 Shares 1072 Views 0 Reviews
  • ส่องไวรัลมาเลเซีย 2024

    เฟซบุ๊กเพจ MGAG ในมาเลเซียเปิดเผยอินโฟกราฟิกที่ชื่อว่า "2024 Malaysia Meme Calender" รวบรวมประเด็นไวรัลเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของประเทศมาเลเซีย จากการสืบค้นของ Newskit พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้

    ม.ค. 2567 - Derrick Gan แฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ประกาศขายรถจักรยานยนต์ 4,500 ริงกิต (ประมาณ 34,000 บาท) เพื่อใช้เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ หลังกลับมา ค่าย Modenas มอบรถจักรยานยนต์คันใหม่ให้เขา

    ก.พ. 2567 - คลิปหญิงวัย 23 ปีจากอัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าไปเที่ยวไนต์คลับตั้งแต่อายุ 18 ปี กลับบ้านกับผู้ชายถึงสองครั้ง ถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ภายหลังอ้างว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น คลิปดังกล่าวมีจุดประสงค์ทางการตลาดเท่านั้น

    มี.ค. 2567 - ชายชาวจีนที่อาศัยในมาเลเซีย เจ้าของร้านอาหารหมี่โกโล แต่งงานพร้อมกันกับภรรยา 2 คน ที่ทำงานในร้านเดียวกัน ที่เมืองกุชิง รัฐซาราวัก รัฐมนตรีวิจารณ์ว่าผู้ที่มิใช่ชาวมุสลิม ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่สามารถมีคู่สมรสหลายคนได้

    เม.ย. 2567 - Aliff Aziz นักร้องและนักแสดงชาวสิงคโปร์ ถูกกรมกิจการอิสลาม (JAWI) จับกุมพร้อมกับ Ruhainies Farehah นักแสดงสาว ขณะที่อดีตภรรยา Bella Astillah ชี้ว่า Aliff โกหกเรื่องเมียน้อยถึง 11 ครั้ง ยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

    พ.ค. 2567 - แอดมินเพจร้านอาหารฟาสฟู้ด DarSA Fried Chicken (DFC) ในเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ตอบกลับลูกค้าใช้คำว่า "พวก Type C" ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติจีนในมาเลเซีย ทางร้านขอโทษและยืนยันว่ายินดีต้อนรับลูกค้าทุกเชื้อชาติและศาสนา

    มิ.ย. 2567 - เจ้าของร้านขายของชำย่านเซเบอรัง จายา รัฐปีนัง กำราบลูกค้าขี้เมาด้วยคำว่า "One by One Gentleman" ภายหลังพบว่าเจ้าของร้านเคยเป็นครูสอนเทควันโดสายดำมาก่อน ส่วนลูกค้าขี้เมาก็กล่าวว่าตนเองเคยเป็นนักคาราเต้สายดำ

    ก.ค. 2567 - เครื่องแต่งกายนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย ที่จะไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกวิจารณ์ว่าดีไซน์น่าเกลียด ดูราคาถูก ล้าสมัย และไร้แรงบันดาลใจ ทำให้สภาโอลิมปิกมาเลเซีย ตัดสินใจทำเสื้อแจ็กเก็ตลายใหม่เพื่อลดเสียงวิจารณ์

    ส.ค. 2567 - ขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติมาเลเซีย 2024 ผู้คนให้ความสนใจผู้ชายในเครื่องแบบที่เรียกว่า Abang ปีนี้แข่งกันระหว่าง Abang Bomba ของดับเพลิงและกู้ภัย Abang JPJ ของกรมขนส่งทางบก และ Abang Askar จากกองทัพมาเลเซีย

    #Newskit #Viral #Malaysia
    ส่องไวรัลมาเลเซีย 2024 เฟซบุ๊กเพจ MGAG ในมาเลเซียเปิดเผยอินโฟกราฟิกที่ชื่อว่า "2024 Malaysia Meme Calender" รวบรวมประเด็นไวรัลเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของประเทศมาเลเซีย จากการสืบค้นของ Newskit พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้ ม.ค. 2567 - Derrick Gan แฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ประกาศขายรถจักรยานยนต์ 4,500 ริงกิต (ประมาณ 34,000 บาท) เพื่อใช้เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ หลังกลับมา ค่าย Modenas มอบรถจักรยานยนต์คันใหม่ให้เขา ก.พ. 2567 - คลิปหญิงวัย 23 ปีจากอัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าไปเที่ยวไนต์คลับตั้งแต่อายุ 18 ปี กลับบ้านกับผู้ชายถึงสองครั้ง ถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ภายหลังอ้างว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น คลิปดังกล่าวมีจุดประสงค์ทางการตลาดเท่านั้น มี.ค. 2567 - ชายชาวจีนที่อาศัยในมาเลเซีย เจ้าของร้านอาหารหมี่โกโล แต่งงานพร้อมกันกับภรรยา 2 คน ที่ทำงานในร้านเดียวกัน ที่เมืองกุชิง รัฐซาราวัก รัฐมนตรีวิจารณ์ว่าผู้ที่มิใช่ชาวมุสลิม ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่สามารถมีคู่สมรสหลายคนได้ เม.ย. 2567 - Aliff Aziz นักร้องและนักแสดงชาวสิงคโปร์ ถูกกรมกิจการอิสลาม (JAWI) จับกุมพร้อมกับ Ruhainies Farehah นักแสดงสาว ขณะที่อดีตภรรยา Bella Astillah ชี้ว่า Aliff โกหกเรื่องเมียน้อยถึง 11 ครั้ง ยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา พ.ค. 2567 - แอดมินเพจร้านอาหารฟาสฟู้ด DarSA Fried Chicken (DFC) ในเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ตอบกลับลูกค้าใช้คำว่า "พวก Type C" ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติจีนในมาเลเซีย ทางร้านขอโทษและยืนยันว่ายินดีต้อนรับลูกค้าทุกเชื้อชาติและศาสนา มิ.ย. 2567 - เจ้าของร้านขายของชำย่านเซเบอรัง จายา รัฐปีนัง กำราบลูกค้าขี้เมาด้วยคำว่า "One by One Gentleman" ภายหลังพบว่าเจ้าของร้านเคยเป็นครูสอนเทควันโดสายดำมาก่อน ส่วนลูกค้าขี้เมาก็กล่าวว่าตนเองเคยเป็นนักคาราเต้สายดำ ก.ค. 2567 - เครื่องแต่งกายนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย ที่จะไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกวิจารณ์ว่าดีไซน์น่าเกลียด ดูราคาถูก ล้าสมัย และไร้แรงบันดาลใจ ทำให้สภาโอลิมปิกมาเลเซีย ตัดสินใจทำเสื้อแจ็กเก็ตลายใหม่เพื่อลดเสียงวิจารณ์ ส.ค. 2567 - ขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติมาเลเซีย 2024 ผู้คนให้ความสนใจผู้ชายในเครื่องแบบที่เรียกว่า Abang ปีนี้แข่งกันระหว่าง Abang Bomba ของดับเพลิงและกู้ภัย Abang JPJ ของกรมขนส่งทางบก และ Abang Askar จากกองทัพมาเลเซีย #Newskit #Viral #Malaysia
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 980 Views 0 Reviews
  • คนไทยนับร้อยสนใจ เรียนต่อที่มาเลเซีย

    มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่นักเรียนและนักศึกษาไทย ให้ความสนใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยความที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลก ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่เหมาะสม ขอวีซ่าง่าย สามารถพาครอบครัวไปด้วยขณะศึกษาระดับปริญญาโทได้ และมีโอกาสในการขอทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นมิตร

    ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ Education Malaysia Global Services (EMGS) หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา ประเทศมาเลเซีย จึงได้จัดงานมหกรรมการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย หรือ Study in Malaysia Education Fair Bangkok 2024 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย แนะนำหลักสูตรและรับสมัครนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งงานนี้จัดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

    นายโนวี ทาจุดดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMGS ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติ ให้ความสนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซียมากขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศมาเลเซียมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 114,765 คน ซึ่งมีนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย ยื่นใบสมัครมากถึง 372 ใบ ขณะที่ในปีนี้นับถึงเดือน พ.ค. 2567 EMGS ได้รับใบสมัครใหม่จากประเทศไทยแล้ว 117 ใบ อยู่ในอันดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นที่โดดเด่นในเวทีวิชาการระดับโลก โดยมี 8 สาขาวิชาที่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับของ QS World University Rangkings และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 8 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 207 แห่ง วิทยาลัย และวิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศระดับโลก 10 แห่ง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมาเลเซีย และหลักสูตรส่วนใหญ่ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการรับเข้าเรียนของนักเรียนเพื่อสมัครเข้าสถาบันอุดมศึกษา (HEIs)

    ขณะเดียวกัน มาเลเซียมีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับนักศึกษาไทย เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย ระยะทางในการเดินทางที่สั้น ด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ กับกัวลาลัมเปอร์มากกว่า 22 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่ได้รับความนิยม โดยจัดการศึกษาระดับโลก ด้วยค่าเล่าเรียนที่เหมาะสม กัวลาลัมเปอร์ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียในตัวบ่งชี้ความสามารถในการซื้ออาหาร ตามการจัดอันดับเมืองนักเรียนที่ดีที่สุดของ QS ประจำปี 2023 โดยอาหารริมทางมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 15 ริงกิตมาเลเซีย รวมถึงอาหารมาเลเซียยอดนิยม เช่น นาซีเลอมัก โรตีจาไน ลักซา และอื่นๆ

    ภายในงานมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจัดกิจกรรม ประกอบด้วย 1. Asia Pacific University of Technology & Innovation (APU) 2. Malaysian Maritime Academy (ALAM) 3. Management and Science University (MSU) 4. Universiti Utara Malaysia (UUM) 5. University Malaya (UM) 6. German-Malaysian Institute (GMI) 7. MAHSA University 8. UCSI University 9. Sunway Le Cordon Bleu และ 10. Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) เป็นต้น

    สำหรับ EMGS มีหน้าที่หลักคือ อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด และส่งเสริมให้ประเทศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางความรู้และความสามารถระดับโลก โดยทำหน้าที่ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เพื่อออกหนังสืออนุมัติการออกวีซ่า และออก Student Pass ให้นักศึกษา รวมทั้งยังจัดทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาอีกด้วย แม้การจัดงานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถติดตามข่าวสารการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย ทาง Instagram @education.Malaysia.official และเฟซบุ๊ก Education Malaysia

    #Newskit #StudyinMalaysia #EMGS
    คนไทยนับร้อยสนใจ เรียนต่อที่มาเลเซีย มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่นักเรียนและนักศึกษาไทย ให้ความสนใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยความที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลก ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่เหมาะสม ขอวีซ่าง่าย สามารถพาครอบครัวไปด้วยขณะศึกษาระดับปริญญาโทได้ และมีโอกาสในการขอทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นมิตร ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ Education Malaysia Global Services (EMGS) หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา ประเทศมาเลเซีย จึงได้จัดงานมหกรรมการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย หรือ Study in Malaysia Education Fair Bangkok 2024 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย แนะนำหลักสูตรและรับสมัครนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งงานนี้จัดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายโนวี ทาจุดดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMGS ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติ ให้ความสนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซียมากขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศมาเลเซียมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 114,765 คน ซึ่งมีนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย ยื่นใบสมัครมากถึง 372 ใบ ขณะที่ในปีนี้นับถึงเดือน พ.ค. 2567 EMGS ได้รับใบสมัครใหม่จากประเทศไทยแล้ว 117 ใบ อยู่ในอันดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นที่โดดเด่นในเวทีวิชาการระดับโลก โดยมี 8 สาขาวิชาที่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับของ QS World University Rangkings และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 8 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 207 แห่ง วิทยาลัย และวิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศระดับโลก 10 แห่ง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมาเลเซีย และหลักสูตรส่วนใหญ่ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการรับเข้าเรียนของนักเรียนเพื่อสมัครเข้าสถาบันอุดมศึกษา (HEIs) ขณะเดียวกัน มาเลเซียมีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับนักศึกษาไทย เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย ระยะทางในการเดินทางที่สั้น ด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ กับกัวลาลัมเปอร์มากกว่า 22 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่ได้รับความนิยม โดยจัดการศึกษาระดับโลก ด้วยค่าเล่าเรียนที่เหมาะสม กัวลาลัมเปอร์ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียในตัวบ่งชี้ความสามารถในการซื้ออาหาร ตามการจัดอันดับเมืองนักเรียนที่ดีที่สุดของ QS ประจำปี 2023 โดยอาหารริมทางมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 15 ริงกิตมาเลเซีย รวมถึงอาหารมาเลเซียยอดนิยม เช่น นาซีเลอมัก โรตีจาไน ลักซา และอื่นๆ ภายในงานมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจัดกิจกรรม ประกอบด้วย 1. Asia Pacific University of Technology & Innovation (APU) 2. Malaysian Maritime Academy (ALAM) 3. Management and Science University (MSU) 4. Universiti Utara Malaysia (UUM) 5. University Malaya (UM) 6. German-Malaysian Institute (GMI) 7. MAHSA University 8. UCSI University 9. Sunway Le Cordon Bleu และ 10. Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) เป็นต้น สำหรับ EMGS มีหน้าที่หลักคือ อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด และส่งเสริมให้ประเทศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางความรู้และความสามารถระดับโลก โดยทำหน้าที่ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เพื่อออกหนังสืออนุมัติการออกวีซ่า และออก Student Pass ให้นักศึกษา รวมทั้งยังจัดทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาอีกด้วย แม้การจัดงานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถติดตามข่าวสารการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย ทาง Instagram @education.Malaysia.official และเฟซบุ๊ก Education Malaysia #Newskit #StudyinMalaysia #EMGS
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 904 Views 0 Reviews
  • จะเลือกชาตินิยมหรือน้ำใจนักกีฬา?

    กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬามาเลเซีย ฮันนาห์ โหยว (Hannah Yeoh) โพสต์ภาพคู่กับ วิว กุลวุฒิ วิทิตสาร นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก ปารีส 2024 ประเทศฝรั่งเศส ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @hannahyeoh กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างดุเดือดของชาวเน็ตมาเลเซีย

    เพราะจากอินสตาแกรมของเธอ ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับ วิว กุลวุฒิ อย่างเดียว แต่โพสต์ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายรูปคู่กับนักแบดมินตันชาติของตนที่ได้เหรียญทองแดง อย่าง อารอน เจี่ย (Aaron Chia) กับ โซห์ วุย ยิค (Soh Wooi Yik) ประเภทชายคู่ และ หลี่ จื่อเจีย (Lee Zii Jia) ประเภทชายเดี่ยว ที่แพ้ให้กับ วิว กุลวุฒิ รอบรองชนะเลิศ พร้อมข้อความให้กำลังใจ

    แต่ที่เป็นประเด็น คือประโยคห้อยท้ายที่กล่าวถึงวิว กุลวุฒิ ว่า "He has a new fan in me!" หรือ "ฉันเป็นแฟนคลับคนใหม่ของเขาไปแล้ว" คนไทยอาจชื่นใจ แต่ชาวมาเลย์ไซร้เป็นได้เดือดดาล ทัวร์ลงไม่แพ้ชาติใดในโลก โพสต์ข้อความโจมตี อาทิ

    "น้ำใจนักกีฬาและความรักชาติควรเริ่มต้นจากผู้นำ เวลานี้ทำไม่ถูก รูปนี้ควรเอาออกไป หรือคุณควรเก็บไว้ดูเอง ในความรู้สึกเห็นว่าไม่ถูกต้อง"

    "ถ้าอยากเป็นแฟนคลับอย่าใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี ควรสวมเสื้อผ้าของตัวเอง ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินตัวเอง ชำระค่าโรงแรมและอาหารด้วยเงินตัวเอง"

    "คุณอยู่ในฐานะรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของมาเลเซีย ไม่ใช่ในฐานะผู้ชมทั่วไป แม้ว่าจะมีสิทธิ์ถ่ายรูปกับนักกีฬาคนใดก็ได้ แม้ไม่ใช่ชาวมาเลเซียก็ตาม แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บภาพนี้ไว้เป็นส่วนตัว แทนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียน ทำลายชื่อเสียงของคุณอย่างราบคาบ ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของรัฐบาลและพรรค DAP อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนมากกำลังจับผิดพรรค DAP และตอนนี้คุณได้ให้กระสุนแก่พวกเขาแบบฟรีๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเป็นแฟนคลับของคุณ แต่หวังว่าจะไม่ทำผิดแบบนี้ซ้ำในครั้งต่อไป เราเพียงต้องการแนะนำแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ"

    ด้านเว็บไซต์ข่าว Malaysia Now ได้ตีพิมพ์บทความของ "ลี บุน เชียน" (Lee Boon Shian) ประธานกลุ่มเยาวชนเกอรากัน วิจารณ์ว่า ฮันนาห์ทำให้ชาวมาเลเซียผิดหวัง เพราะการเป็นรัฐมนตรีด้านกีฬาต้องรู้จักกาละเทศะ รัฐมนตรีที่เข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโดยใช้ภาษีประชาชน ควรจะเป็นตัวแทนรักษาผลประโยชน์ของมาเลเซีย และสนับสนุนส่งเสริมนักกีฬาของชาติ

    "รัฐมนตรีของเรา (ฮันนาห์) ตั้งใจทำให้ประชาชนผิดหวังอีกครั้ง เธอได้เบี่ยงเบนความรับผิดชอบหลัก และกระทำการในฐานะส่วนตัวหลงใหลนักกีฬาต่างชาติคนหนึ่ง ที่เพิ่งเอาชนะนักกีฬาของเราไปได้ การมีความชอบส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรเข้าใจแนวคิดง่ายๆ อย่างการมีกาละเทศะ ก่อนแสดงพฤติกรรมที่น่าหดหู่ใจ ซึ่งอาจสูญเสียขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์"

    "ประชาชนจ่ายเงินให้คุณเพื่อให้ไปปฎิบัติหน้าที่ในโอลิมปิกปารีส แต่กลับไปถ่ายรูปกับนักกีฬาต่างชาติ ผลประโยชน์ส่วนตนควรถูกเก็บเป็นความลับเสมอเมื่อปฎิบัติหน้าที่ทางราชการ ควรเป็นแรงบันดาลใจทางศีลธรรมให้กับนักกีฬาและกองเชียร์ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักกีฬา เพื่อหาทางที่จะให้กระทรวงได้สนับสนุนวงการกีฬาที่ดีขึ้นในอนาคต"

    "จะให้ดีกว่านี้ ให้วางกลยุทธ์ว่าจะทำให้แน่ใจได้อย่างไรว่าโค้ชของเราจะไปร่วมกับนักกีฬาของเราในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอนาคต แทนที่จะสงวนไว้สำหรับแขกวีไอพี" ลี บุน เชียน ระบุ

    อย่างไรก็ตาม​ มีชาวเน็ตที่มีน้ำใจนักกีฬา​หลายคน​ ต่างกล่าวว่า กรณีแบบนี้ไม่ควรแห่ทัวร์​ลง​ หรือคิดเล็กคิดน้อย และการแสดงความยินดีกับหนึ่งในประเทศอาเซียน ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

    ด้าน​ ฮันนาห์ โหย่ว ได้โพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรม ชี้แจงถึงค่านิยมของกีฬาโอลิมปิก 3 ประการ นั่นคือความเป็นเลิศ ความเป็นมิตร และความเคารพ พร้อมตอบคำถามชาวเน็ตฯ​ ชัดเจนว่า​ "เธอไปในฐานะรัฐมนตรีเยาวชนและการกีฬาของมาเลเซีย เป็นตัวแทนของมาเลเซีย และร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนบ้านอาเซียน อย่างประเทศไทย​"

    สำหรับฮันนาห์ โหยว ปัจจุบันอายุ 45 ปี ชาวสุบังจายา รัฐสลังงอร์ เป็นนักการเมืองสังกัดพรรค DAP ซึ่งอยู่ในกลุ่มปากาตันฮาราปัน (Pakatan Harapan) เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2551-2561 ประธานสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2556-2561 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสตรี ครอบครัวและการพัฒนาชุมชนมาเลเซีย ปี 2561-2563

    สมรสกับ รามจันทรัน มูเนียนดี (Ramachandran Muniandy) ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเชีย โมบิลิตี้ (Asia Mobility) ที่ผ่านมาเธอถูกโจมตีกรณีที่รัฐบาลกลาง และรัฐบาลรัฐสลังงอร์อนุมัติโครงการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง (Demand Responsive Transit หรือ DRT) รัฐสลังงอร์ ให้กับเอเชีย โมบิลิตี้ ของสามี โดยไม่ผ่านการประกวดราคา

    กระทั่งมาเจอ "ตำบลกระสุนตก" จากกรณีถ่ายภาพคู่กับชาติคู่แข่งอย่าง "วิว กุลวุฒิ" ที่เอาชนะนักกีฬาชาติตนเอง

    สมมติว่าหากวันหนึ่งเรื่องลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นกับรัฐมนตรีของไทย โดยที่ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นกับใคร พรรคอะไร สีเสื้อไหน ลองถามใจคุณผู้อ่านระหว่าง "ชาตินิยม" หรือ "น้ำใจนักกีฬา"?

    #Newskit #hannahyeoh #ViewKunlavut
    จะเลือกชาตินิยมหรือน้ำใจนักกีฬา? กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬามาเลเซีย ฮันนาห์ โหยว (Hannah Yeoh) โพสต์ภาพคู่กับ วิว กุลวุฒิ วิทิตสาร นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก ปารีส 2024 ประเทศฝรั่งเศส ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @hannahyeoh กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างดุเดือดของชาวเน็ตมาเลเซีย เพราะจากอินสตาแกรมของเธอ ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับ วิว กุลวุฒิ อย่างเดียว แต่โพสต์ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายรูปคู่กับนักแบดมินตันชาติของตนที่ได้เหรียญทองแดง อย่าง อารอน เจี่ย (Aaron Chia) กับ โซห์ วุย ยิค (Soh Wooi Yik) ประเภทชายคู่ และ หลี่ จื่อเจีย (Lee Zii Jia) ประเภทชายเดี่ยว ที่แพ้ให้กับ วิว กุลวุฒิ รอบรองชนะเลิศ พร้อมข้อความให้กำลังใจ แต่ที่เป็นประเด็น คือประโยคห้อยท้ายที่กล่าวถึงวิว กุลวุฒิ ว่า "He has a new fan in me!" หรือ "ฉันเป็นแฟนคลับคนใหม่ของเขาไปแล้ว" คนไทยอาจชื่นใจ แต่ชาวมาเลย์ไซร้เป็นได้เดือดดาล ทัวร์ลงไม่แพ้ชาติใดในโลก โพสต์ข้อความโจมตี อาทิ "น้ำใจนักกีฬาและความรักชาติควรเริ่มต้นจากผู้นำ เวลานี้ทำไม่ถูก รูปนี้ควรเอาออกไป หรือคุณควรเก็บไว้ดูเอง ในความรู้สึกเห็นว่าไม่ถูกต้อง" "ถ้าอยากเป็นแฟนคลับอย่าใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี ควรสวมเสื้อผ้าของตัวเอง ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินตัวเอง ชำระค่าโรงแรมและอาหารด้วยเงินตัวเอง" "คุณอยู่ในฐานะรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของมาเลเซีย ไม่ใช่ในฐานะผู้ชมทั่วไป แม้ว่าจะมีสิทธิ์ถ่ายรูปกับนักกีฬาคนใดก็ได้ แม้ไม่ใช่ชาวมาเลเซียก็ตาม แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บภาพนี้ไว้เป็นส่วนตัว แทนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียน ทำลายชื่อเสียงของคุณอย่างราบคาบ ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของรัฐบาลและพรรค DAP อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนมากกำลังจับผิดพรรค DAP และตอนนี้คุณได้ให้กระสุนแก่พวกเขาแบบฟรีๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเป็นแฟนคลับของคุณ แต่หวังว่าจะไม่ทำผิดแบบนี้ซ้ำในครั้งต่อไป เราเพียงต้องการแนะนำแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ" ด้านเว็บไซต์ข่าว Malaysia Now ได้ตีพิมพ์บทความของ "ลี บุน เชียน" (Lee Boon Shian) ประธานกลุ่มเยาวชนเกอรากัน วิจารณ์ว่า ฮันนาห์ทำให้ชาวมาเลเซียผิดหวัง เพราะการเป็นรัฐมนตรีด้านกีฬาต้องรู้จักกาละเทศะ รัฐมนตรีที่เข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโดยใช้ภาษีประชาชน ควรจะเป็นตัวแทนรักษาผลประโยชน์ของมาเลเซีย และสนับสนุนส่งเสริมนักกีฬาของชาติ "รัฐมนตรีของเรา (ฮันนาห์) ตั้งใจทำให้ประชาชนผิดหวังอีกครั้ง เธอได้เบี่ยงเบนความรับผิดชอบหลัก และกระทำการในฐานะส่วนตัวหลงใหลนักกีฬาต่างชาติคนหนึ่ง ที่เพิ่งเอาชนะนักกีฬาของเราไปได้ การมีความชอบส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรเข้าใจแนวคิดง่ายๆ อย่างการมีกาละเทศะ ก่อนแสดงพฤติกรรมที่น่าหดหู่ใจ ซึ่งอาจสูญเสียขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์" "ประชาชนจ่ายเงินให้คุณเพื่อให้ไปปฎิบัติหน้าที่ในโอลิมปิกปารีส แต่กลับไปถ่ายรูปกับนักกีฬาต่างชาติ ผลประโยชน์ส่วนตนควรถูกเก็บเป็นความลับเสมอเมื่อปฎิบัติหน้าที่ทางราชการ ควรเป็นแรงบันดาลใจทางศีลธรรมให้กับนักกีฬาและกองเชียร์ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักกีฬา เพื่อหาทางที่จะให้กระทรวงได้สนับสนุนวงการกีฬาที่ดีขึ้นในอนาคต" "จะให้ดีกว่านี้ ให้วางกลยุทธ์ว่าจะทำให้แน่ใจได้อย่างไรว่าโค้ชของเราจะไปร่วมกับนักกีฬาของเราในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอนาคต แทนที่จะสงวนไว้สำหรับแขกวีไอพี" ลี บุน เชียน ระบุ อย่างไรก็ตาม​ มีชาวเน็ตที่มีน้ำใจนักกีฬา​หลายคน​ ต่างกล่าวว่า กรณีแบบนี้ไม่ควรแห่ทัวร์​ลง​ หรือคิดเล็กคิดน้อย และการแสดงความยินดีกับหนึ่งในประเทศอาเซียน ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ด้าน​ ฮันนาห์ โหย่ว ได้โพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรม ชี้แจงถึงค่านิยมของกีฬาโอลิมปิก 3 ประการ นั่นคือความเป็นเลิศ ความเป็นมิตร และความเคารพ พร้อมตอบคำถามชาวเน็ตฯ​ ชัดเจนว่า​ "เธอไปในฐานะรัฐมนตรีเยาวชนและการกีฬาของมาเลเซีย เป็นตัวแทนของมาเลเซีย และร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนบ้านอาเซียน อย่างประเทศไทย​" สำหรับฮันนาห์ โหยว ปัจจุบันอายุ 45 ปี ชาวสุบังจายา รัฐสลังงอร์ เป็นนักการเมืองสังกัดพรรค DAP ซึ่งอยู่ในกลุ่มปากาตันฮาราปัน (Pakatan Harapan) เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2551-2561 ประธานสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2556-2561 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสตรี ครอบครัวและการพัฒนาชุมชนมาเลเซีย ปี 2561-2563 สมรสกับ รามจันทรัน มูเนียนดี (Ramachandran Muniandy) ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเชีย โมบิลิตี้ (Asia Mobility) ที่ผ่านมาเธอถูกโจมตีกรณีที่รัฐบาลกลาง และรัฐบาลรัฐสลังงอร์อนุมัติโครงการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง (Demand Responsive Transit หรือ DRT) รัฐสลังงอร์ ให้กับเอเชีย โมบิลิตี้ ของสามี โดยไม่ผ่านการประกวดราคา กระทั่งมาเจอ "ตำบลกระสุนตก" จากกรณีถ่ายภาพคู่กับชาติคู่แข่งอย่าง "วิว กุลวุฒิ" ที่เอาชนะนักกีฬาชาติตนเอง สมมติว่าหากวันหนึ่งเรื่องลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นกับรัฐมนตรีของไทย โดยที่ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นกับใคร พรรคอะไร สีเสื้อไหน ลองถามใจคุณผู้อ่านระหว่าง "ชาตินิยม" หรือ "น้ำใจนักกีฬา"? #Newskit #hannahyeoh #ViewKunlavut
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1053 Views 0 Reviews