• มีการเปิดตัวชิปประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ใหม่จาก Alibaba ที่ชื่อว่า "XuanTie C930" ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RISC-V ที่พัฒนามาเพื่อการประมวลผล AI และ HPC (High Performance Computing) ชิปนี้ได้รับการเผยแพร่ที่การประชุม China RISC-V Ecosystem Conference ในกรุงปักกิ่ง โดยวิศวกรของ Alibaba มองว่าชิปนี้จะเปิดทางให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต

    แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนคอร์ ความเร็วของชิป หรือขนาดแคช แต่ Alibaba มีประวัติในการพัฒนาชิปที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Yitian 710 ที่เป็นชิปที่เร็วที่สุดสำหรับคลาวด์เซิร์ฟเวอร์เมื่อปีที่แล้ว การเปิดตัว XuanTie C930 นี้จึงถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ Alibaba มีส่วนสำคัญในตลาดชิปประมวลผล

    นอกจากนี้ Alibaba ยังได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 52 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI และคลาวด์ในอีกสามปีข้างหน้า รวมถึงการพัฒนาชิป RISC-V รุ่นอื่น ๆ ที่จะตามมา ได้แก่ C908X, R908A และ XL200 ซึ่งออกแบบมาสำหรับการเร่งความเร็ว AI, การใช้งานในยานยนต์ และการเชื่อมต่อความเร็วสูงตามลำดับ

    สิ่งที่น่าสนใจคือการนำสถาปัตยกรรม RISC-V ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเปิดมาใช้ เนื่องจากการนำเข้าสถาปัตยกรรมที่มีอยู่จากสหรัฐฯ ถูกจำกัดโดยกฎหมายการส่งออกที่เข้มงวดของสหรัฐฯ การพัฒนา RISC-V ของจีนจึงถือว่าเป็นการสร้างเส้นทางใหม่ในการพัฒนาชิปที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/alibaba-launches-risc-v-based-xuantie-c930-server-cpu-ai-hpc-chip-ships-this-month-more-designs-to-follow
    มีการเปิดตัวชิปประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ใหม่จาก Alibaba ที่ชื่อว่า "XuanTie C930" ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RISC-V ที่พัฒนามาเพื่อการประมวลผล AI และ HPC (High Performance Computing) ชิปนี้ได้รับการเผยแพร่ที่การประชุม China RISC-V Ecosystem Conference ในกรุงปักกิ่ง โดยวิศวกรของ Alibaba มองว่าชิปนี้จะเปิดทางให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนคอร์ ความเร็วของชิป หรือขนาดแคช แต่ Alibaba มีประวัติในการพัฒนาชิปที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Yitian 710 ที่เป็นชิปที่เร็วที่สุดสำหรับคลาวด์เซิร์ฟเวอร์เมื่อปีที่แล้ว การเปิดตัว XuanTie C930 นี้จึงถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ Alibaba มีส่วนสำคัญในตลาดชิปประมวลผล นอกจากนี้ Alibaba ยังได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 52 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI และคลาวด์ในอีกสามปีข้างหน้า รวมถึงการพัฒนาชิป RISC-V รุ่นอื่น ๆ ที่จะตามมา ได้แก่ C908X, R908A และ XL200 ซึ่งออกแบบมาสำหรับการเร่งความเร็ว AI, การใช้งานในยานยนต์ และการเชื่อมต่อความเร็วสูงตามลำดับ สิ่งที่น่าสนใจคือการนำสถาปัตยกรรม RISC-V ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเปิดมาใช้ เนื่องจากการนำเข้าสถาปัตยกรรมที่มีอยู่จากสหรัฐฯ ถูกจำกัดโดยกฎหมายการส่งออกที่เข้มงวดของสหรัฐฯ การพัฒนา RISC-V ของจีนจึงถือว่าเป็นการสร้างเส้นทางใหม่ในการพัฒนาชิปที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/alibaba-launches-risc-v-based-xuantie-c930-server-cpu-ai-hpc-chip-ships-this-month-more-designs-to-follow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวล่าสุดจากการประชุม 2025 China RISC-V Ecosystem Conference ที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2025 โดยบริษัท SOPHGO ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่นที่พัฒนาขึ้นจากชิป SG2044 ซึ่งเป็นชิปประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์และการประมวลผล AI นอกจากนี้ SOPHGO ยังได้นำเสนอการพัฒนาในด้านการรวมกันของสถาปัตยกรรม RISC-V และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ก้าวหน้าอย่างมาก

    รองประธานของ SOPHGO RISC-V ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับ "การบุกเบิกของ RISC-V ด้วย AI: การรวมกันและนวัตกรรมเฮเทอโรจีนัส" (heterogeneous) โดยได้เน้นถึงความสำเร็จในการรวมสถาปัตยกรรม RISC-V กับเทคโนโลยี AI ซึ่งได้เปิดทางให้การประมวลผลและการใช้พลังงานคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รวมถึงการพัฒนาโมเดลการทำนายขนาดใหญ่

    SOPHGO ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป SG2044 แบ่งเป็น 3 ซีรีส์ ได้แก่:
    1) เซิร์ฟเวอร์การประมวลผล SRA3-40: รองรับการประมวลผลหลายแกน และการคำนวณที่แม่นยำหลากหลายรูปแบบ
    2) เซิร์ฟเวอร์การเก็บข้อมูล SRB3-40: รองรับไดรฟ์หลายตัว ความจุใหญ่ และการโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง
    3) เซิร์ฟเวอร์รวมการทำงาน SRM3-40: รองรับการทำนายโมเดลขนาดใหญ่ พลังการประมวลผลสูง และประหยัดพลังงาน

    เซิร์ฟเวอร์รุ่น SRA3-40 จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ RISC-V สมรรถนะสูงรุ่นแรกที่รวมเข้ากับเฟรมเวิร์ก DeepSeek อย่างลึกซึ้ง การใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิป RISC-V นี้จะเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับบริษัทที่ต้องการใช้พลังการประมวลผลในระดับสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการคำนวณที่รวดเร็วและแม่นยำ

    ในงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้น SOPHGO ได้มีการแสดงสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายการใช้งานของ RISC-V ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การประมวลผลประสิทธิภาพสูงและเทอร์มินัลอัจฉริยะ

    การพัฒนาเทคโนโลยีของ SOPHGO นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการก้าวสู่การเป็นผู้นำในด้านการรวมเทคโนโลยี RISC-V และ AI

    https://www.techpowerup.com/333496/sophgo-unveils-new-products-at-the-2025-china-risc-v-ecosystem-conference
    มีข่าวล่าสุดจากการประชุม 2025 China RISC-V Ecosystem Conference ที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2025 โดยบริษัท SOPHGO ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่นที่พัฒนาขึ้นจากชิป SG2044 ซึ่งเป็นชิปประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์และการประมวลผล AI นอกจากนี้ SOPHGO ยังได้นำเสนอการพัฒนาในด้านการรวมกันของสถาปัตยกรรม RISC-V และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ก้าวหน้าอย่างมาก รองประธานของ SOPHGO RISC-V ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับ "การบุกเบิกของ RISC-V ด้วย AI: การรวมกันและนวัตกรรมเฮเทอโรจีนัส" (heterogeneous) โดยได้เน้นถึงความสำเร็จในการรวมสถาปัตยกรรม RISC-V กับเทคโนโลยี AI ซึ่งได้เปิดทางให้การประมวลผลและการใช้พลังงานคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล รวมถึงการพัฒนาโมเดลการทำนายขนาดใหญ่ SOPHGO ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป SG2044 แบ่งเป็น 3 ซีรีส์ ได้แก่: 1) เซิร์ฟเวอร์การประมวลผล SRA3-40: รองรับการประมวลผลหลายแกน และการคำนวณที่แม่นยำหลากหลายรูปแบบ 2) เซิร์ฟเวอร์การเก็บข้อมูล SRB3-40: รองรับไดรฟ์หลายตัว ความจุใหญ่ และการโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง 3) เซิร์ฟเวอร์รวมการทำงาน SRM3-40: รองรับการทำนายโมเดลขนาดใหญ่ พลังการประมวลผลสูง และประหยัดพลังงาน เซิร์ฟเวอร์รุ่น SRA3-40 จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ RISC-V สมรรถนะสูงรุ่นแรกที่รวมเข้ากับเฟรมเวิร์ก DeepSeek อย่างลึกซึ้ง การใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิป RISC-V นี้จะเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับบริษัทที่ต้องการใช้พลังการประมวลผลในระดับสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการคำนวณที่รวดเร็วและแม่นยำ ในงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้น SOPHGO ได้มีการแสดงสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายการใช้งานของ RISC-V ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การประมวลผลประสิทธิภาพสูงและเทอร์มินัลอัจฉริยะ การพัฒนาเทคโนโลยีของ SOPHGO นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการก้าวสู่การเป็นผู้นำในด้านการรวมเทคโนโลยี RISC-V และ AI https://www.techpowerup.com/333496/sophgo-unveils-new-products-at-the-2025-china-risc-v-ecosystem-conference
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SOPHGO Unveils New Products at the 2025 China RISC-V Ecosystem Conference
    On February 27-28, the 2025 China RISC-V Ecosystem Conference was grandly held at the Zhongguancun International Innovation Center in Beijing. As a core promoter in the RISC-V field, SOPHGO was invited to deliver a speech and prominently launch a series of new products based on the SG2044 chip, shar...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจจาก Tom's Hardware เกี่ยวกับการที่จำนวนผู้ใช้ Steam ที่ใช้งานภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam แสดงผลที่ผิดปกติ

    การสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ที่เลือกภาษาจีนกลางเป็นภาษาหลักถึง 20.88% ทำให้ภาษาจีนกลางขึ้นแท่นเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Steam และทำให้ภาษาอังกฤษตกเป็นที่สองที่ 23.79% เรื่องนี้อาจเกิดจากการรวมจำนวนผู้ใช้จากทั้ง Steam เวอร์ชันสากลและเวอร์ชันจีน ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวนผู้ใช้ภาษาจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ภาษาจีนยังส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้กัน ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10.47% แม้ว่าระบบปฏิบัติการ Windows 11 จะได้รับความนิยมมากขึ้นในส่วนอื่นของโลก อีกทั้งยังพบว่าจำนวนผู้ใช้ที่มี RAM ขนาด 32GB เพิ่มขึ้นเป็น 46.94% จากเดิมที่ 16GB เป็นขนาดที่ได้รับความนิยม

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้ใช้ภาษาจีนมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของเกม โดยหน้าจอความละเอียด 1440p กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น และการ์ดกราฟิกที่มี VRAM ขนาด 8GB และ 12GB ก็มีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/huge-os-and-ram-usage-swings-in-steam-survey-likely-to-have-been-influenced-by-china-influx
    มีข่าวที่น่าสนใจจาก Tom's Hardware เกี่ยวกับการที่จำนวนผู้ใช้ Steam ที่ใช้งานภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam แสดงผลที่ผิดปกติ การสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ที่เลือกภาษาจีนกลางเป็นภาษาหลักถึง 20.88% ทำให้ภาษาจีนกลางขึ้นแท่นเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Steam และทำให้ภาษาอังกฤษตกเป็นที่สองที่ 23.79% เรื่องนี้อาจเกิดจากการรวมจำนวนผู้ใช้จากทั้ง Steam เวอร์ชันสากลและเวอร์ชันจีน ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวนผู้ใช้ภาษาจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ภาษาจีนยังส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้กัน ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10.47% แม้ว่าระบบปฏิบัติการ Windows 11 จะได้รับความนิยมมากขึ้นในส่วนอื่นของโลก อีกทั้งยังพบว่าจำนวนผู้ใช้ที่มี RAM ขนาด 32GB เพิ่มขึ้นเป็น 46.94% จากเดิมที่ 16GB เป็นขนาดที่ได้รับความนิยม สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้ใช้ภาษาจีนมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของเกม โดยหน้าจอความละเอียด 1440p กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น และการ์ดกราฟิกที่มี VRAM ขนาด 8GB และ 12GB ก็มีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/huge-os-and-ram-usage-swings-in-steam-survey-likely-to-have-been-influenced-by-china-influx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซินเจียงกำลังถูกพูดถึง ตอนนีั เมื่อ9ปีก่อนเคยไปทำข่าวที่นั่นแล้วเก็บมาเขียนเป็นไดอารี่เอาไว้ทั้งหมด8ตอนครับ

    https://mgronline.com/china/detail/9590000061544
    ซินเจียงกำลังถูกพูดถึง ตอนนีั เมื่อ9ปีก่อนเคยไปทำข่าวที่นั่นแล้วเก็บมาเขียนเป็นไดอารี่เอาไว้ทั้งหมด8ตอนครับ https://mgronline.com/china/detail/9590000061544
    MGRONLINE.COM
    เส้นทางสายไหมไดอารี่&:ไม่ถึงซินเจียงไม่รู้ความไพศาลของผืนแผ่นดิน
    不到新疆不知地域的辽阔,不到西藏不知天堂的色彩 “ไม่ถึงซินเกียงไม่รู้ความไพศาลของผืนแผ่นดิน ไม่ถึงทิเบตไม่รู้สีสั
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักแสดงชาวจีน "หวังซิง" กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้ง หลังจากรอดพ้นจากขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศพม่า และกลับสู่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย เหตุการณ์นี้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และล่าสุด เขายังได้รับข่าวดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการที่ตำรวจจีนจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยที่หลอกลวงเขา ความสำเร็จของแฟนสาว "เจียเจีย" ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเขา และการได้รับข้อเสนอเข้าร่วมรายการวาไรตี้ชื่อดัง

    ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี หวังซิงตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์หลังจากได้รับการติดต่อให้เดินทางไปประเทศไทย เพื่อถ่ายละคร แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับถูกล่อลวงให้ข้ามแดนไปยังเมืองเมียวดี ของพม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติหนาแน่น

    เมื่อหวังซิงขาดการติดต่อ แฟนสาวของเขา เจียเจีย ได้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือขอความช่วยเหลือ เธอโพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกระแสบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐและสื่อมวลชนจีนให้ความสนใจ และกดดันให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือ จนในที่สุด ขบวนการค้ามนุษย์ตัดสินใจปล่อยตัวเขาหลังถูกกักขังนาน 8 วัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020136

    #MGROnline #หวังซิง #นักแสดงชาวจีน
    นักแสดงชาวจีน "หวังซิง" กลายเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้ง หลังจากรอดพ้นจากขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศพม่า และกลับสู่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย เหตุการณ์นี้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และล่าสุด เขายังได้รับข่าวดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการที่ตำรวจจีนจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยที่หลอกลวงเขา ความสำเร็จของแฟนสาว "เจียเจีย" ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเขา และการได้รับข้อเสนอเข้าร่วมรายการวาไรตี้ชื่อดัง • ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี หวังซิงตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์หลังจากได้รับการติดต่อให้เดินทางไปประเทศไทย เพื่อถ่ายละคร แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับถูกล่อลวงให้ข้ามแดนไปยังเมืองเมียวดี ของพม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติหนาแน่น • เมื่อหวังซิงขาดการติดต่อ แฟนสาวของเขา เจียเจีย ได้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือขอความช่วยเหลือ เธอโพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกระแสบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐและสื่อมวลชนจีนให้ความสนใจ และกดดันให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือ จนในที่สุด ขบวนการค้ามนุษย์ตัดสินใจปล่อยตัวเขาหลังถูกกักขังนาน 8 วัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020136 • #MGROnline #หวังซิง #นักแสดงชาวจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานทูตจีนโต้ข้อกล่าวหาไทยส่งกลับชาวอุยกูร์สัญชาติจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อัดกลับบางประเทศใหญ่ปี 67 ส่งกลับผู้อพยพกว่า 270,000 คนไม่เห็นโวยวาย ยืนยันผู้ถูกส่งกลับจะได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุด

    วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทถาม-ตอบจำนวน 4 ข้อเกี่ยวกับจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งกลับชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ไปยังต้นทางคือจีน ท่ามกลางแม้มีเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่าคนเหล่านี้อาจได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ หลายประเทศตะวันตกยังส่งเสียงประณามประเทศไทยด้วย เช่น สหประชาชาติ สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020273

    #MGROnline #จีน #ชาวอุยกูร์ #สัญชาติจีน #กลุ่มสิทธิมนุษยชน
    สถานทูตจีนโต้ข้อกล่าวหาไทยส่งกลับชาวอุยกูร์สัญชาติจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อัดกลับบางประเทศใหญ่ปี 67 ส่งกลับผู้อพยพกว่า 270,000 คนไม่เห็นโวยวาย ยืนยันผู้ถูกส่งกลับจะได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุด • วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทถาม-ตอบจำนวน 4 ข้อเกี่ยวกับจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งกลับชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ไปยังต้นทางคือจีน ท่ามกลางแม้มีเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่าคนเหล่านี้อาจได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ หลายประเทศตะวันตกยังส่งเสียงประณามประเทศไทยด้วย เช่น สหประชาชาติ สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020273 • #MGROnline #จีน #ชาวอุยกูร์ #สัญชาติจีน #กลุ่มสิทธิมนุษยชน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • The diorama artwork pieces reference to the Summer Palace in Beijing, China.
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The diorama artwork pieces reference to the Summer Palace in Beijing, China. #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้
    .
    ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง
    .
    ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้
    .
    ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ
    .
    สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง
    .
    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ
    .
    จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า
    .
    เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106
    .......
    Sondhi X
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้ . ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง . ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้ . ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ . สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง . ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ . จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า . เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106 ....... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    หวั่นซ้ำรอยลูกสาวหัวเว่ย! จีนสั่ง ‘นักวิจัย-ผู้นำธุรกิจเอไอ’ หลีกเลี่ยงเดินทางไปสหรัฐฯ-ชาติพันธมิตร
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • จอร์จ เยโอ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ กล่าวที่งานประชุมหัวข้อ China in Europe’s Future and Europe in China’s ของสถาบัญธรรมาภิบาลข้ามชาติฟลอเรนซ์ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 2023

    https://www.facebook.com/share/p/16FHjRNDkU/?mibextid=wwXIfr
    จอร์จ เยโอ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ กล่าวที่งานประชุมหัวข้อ China in Europe’s Future and Europe in China’s ของสถาบัญธรรมาภิบาลข้ามชาติฟลอเรนซ์ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 2023 https://www.facebook.com/share/p/16FHjRNDkU/?mibextid=wwXIfr
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเดือนมกราคม มาร์โค รูบิโอ ที่เพิ่งได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การกับสภาคองเกรส เรื่องสำคัญที่เขาย้ำกับสภาก็คือต้องล็อบบี้ไม่ให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีน

    เขาบอกว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง นั่นคือพื้นที่ที่ผมคิดว่าการทูตสามารถบรรลุผลได้จริง เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญและใกล้ชิดกันมาก”

    รูบิโอ มั่นใจมากกว่าเขาจะใช้บารมีของสหรัฐที่มีต่อไทยสกัดกั้นการส่งตัวอุยกูร์ไปจีน ในช่วงเวลาที่ประเด็นอุยกูร์เป็นวาระของชาติตะวันตกอีกครั้งในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา

    แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น รูบิโอ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ปรากฏว่าการทูตของสหรัฐฯ เละเทะไปหมด รวมถึงความหวังที่จะเห็นไทยเป็นพัธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้วย เพราะไทยส่งอุยกูร์ให้จีนไปแล้ว

    พูดง่ายๆ คือภารกิจแรกของ รูบิโอ ในการรักษาพันธมิตรล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นจากที่ต้องการจะรักษาไทยในฐานะพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน”

    และกล่าวว่าไทยเสี่ยงที่จะ “ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ” ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ของสหประชาชาติและอนุสัญญาโลกอื่นๆ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทย “ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่” ว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่

    ฝ่ายสถานทูตจีนในไทยกล่าวดักเอาไว้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น “ดำเนินการตามกฎหมายของจีนและไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติทั่วไป”

    แต่โปรดทราบว่าแนวปฏิบัติและการตีความสิทธิมนุษยชนของจีนและตะวันตกนั้นไม่ตรงกันเอาเลย ส่วนใครจะถูกจะผิดนั้นโปรดพิจารณากันเอาเอง

    อีกเรื่องคือการที่อุยกูร์เป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะมีกลุ่มอุยกูร์ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อการร้าย [ETIM] ไปร่วมรบในซีเรียกับฝ่ายที่ชนะล่าสุด เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ตะวันตกบี้ไทยเรื่องจะส่งอุยกูร์พอดี ส่วนสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ออกมาชี้แจงเมื่อเดือนที่แล้วว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และ “บุคคลจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อลวงโดยกองกำลังภายนอกได้หลบหนีออกนอกประเทศและเข้าร่วมกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ [ETIM] ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ”

    ETIM พอเดินทางมาถึงเอเชียกลางและต่อมาถึงซีเรีย ก็เปลี่ยนร่างเป็นขบวนการ Turkistan Islamic Party (TIP)

    ยิ่งหลังจากรัฐบาลอัสซาดล่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 พวก TIP ก็ประกาศว่า "เราจะขับไล่พวกคนจีนนอกศาสนาออกไป (จากซินเจียง)” พอถึงมกราคม 2025 สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมไม่หยุดว่าอุยกูร์ที่ช่วยรบในซีเรียจะเล่นงานจีน เช่น The Economist ชี้ว่า Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government และ The Telegraph ที่รายงานว่า Uyghur fighters in Syria vow to come for China next (สองสื่ออังกฤษมีท่าทีต่อต้านจีนอยู่แล้ว) - รัฐบาลจีนเห็นแบบนี้คงนิ่งไม่ไหว

    จากการรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทูตจีนเพิ่งพบกับผู้นำซีเรียคนใหม่ (ซึ่งมีพวกอุยกูร์ช่วยรบอยู่ในกองทัพ) ในรายงานนี้ย้ำว่า "ในปี 2015 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าชาวอุยกูร์จำนวนมากที่หลบหนีไปยังตุรกีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนที่จะนำญิฮาดกลับไปยังจีน โดยอ้างว่าบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กิจกรรมก่อการร้าย""

    เรื่อง ETIM ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เพราะมีบริบทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับจีน โดยมีไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง"

    ส่วนชาติตะวันตกและสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ประณามไทยเช่นกัน (อย่างเบาๆ คือ "เสียใจ") แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน-สหรัฐมากกว่า

    กรณีล่าสุด (รวมถึงอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้) ไม่บอกก็รู้ว่าไทยเอียงไปทางจีนอย่างมากแล้วในตอนนี้

    ป.ล. - เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ไทยส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น รัสเซียก็เดินเกม "สร้างแนวร่วม" ในอาเซียนด้วยการส่ง ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย กรณีเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงการเดิมเกมรุกของแกนหลัก "ทางการเมือง" ของกลุ่ม BRICS

    ที่มา : เฟซบุ๊กของกรกิจ ดิษฐาน
    เมื่อเดือนมกราคม มาร์โค รูบิโอ ที่เพิ่งได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การกับสภาคองเกรส เรื่องสำคัญที่เขาย้ำกับสภาก็คือต้องล็อบบี้ไม่ให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีน เขาบอกว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง นั่นคือพื้นที่ที่ผมคิดว่าการทูตสามารถบรรลุผลได้จริง เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญและใกล้ชิดกันมาก” รูบิโอ มั่นใจมากกว่าเขาจะใช้บารมีของสหรัฐที่มีต่อไทยสกัดกั้นการส่งตัวอุยกูร์ไปจีน ในช่วงเวลาที่ประเด็นอุยกูร์เป็นวาระของชาติตะวันตกอีกครั้งในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น รูบิโอ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ปรากฏว่าการทูตของสหรัฐฯ เละเทะไปหมด รวมถึงความหวังที่จะเห็นไทยเป็นพัธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้วย เพราะไทยส่งอุยกูร์ให้จีนไปแล้ว พูดง่ายๆ คือภารกิจแรกของ รูบิโอ ในการรักษาพันธมิตรล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นจากที่ต้องการจะรักษาไทยในฐานะพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน” และกล่าวว่าไทยเสี่ยงที่จะ “ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ” ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ของสหประชาชาติและอนุสัญญาโลกอื่นๆ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทย “ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่” ว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่ ฝ่ายสถานทูตจีนในไทยกล่าวดักเอาไว้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น “ดำเนินการตามกฎหมายของจีนและไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติทั่วไป” แต่โปรดทราบว่าแนวปฏิบัติและการตีความสิทธิมนุษยชนของจีนและตะวันตกนั้นไม่ตรงกันเอาเลย ส่วนใครจะถูกจะผิดนั้นโปรดพิจารณากันเอาเอง อีกเรื่องคือการที่อุยกูร์เป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะมีกลุ่มอุยกูร์ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อการร้าย [ETIM] ไปร่วมรบในซีเรียกับฝ่ายที่ชนะล่าสุด เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ตะวันตกบี้ไทยเรื่องจะส่งอุยกูร์พอดี ส่วนสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ออกมาชี้แจงเมื่อเดือนที่แล้วว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และ “บุคคลจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อลวงโดยกองกำลังภายนอกได้หลบหนีออกนอกประเทศและเข้าร่วมกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ [ETIM] ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ” ETIM พอเดินทางมาถึงเอเชียกลางและต่อมาถึงซีเรีย ก็เปลี่ยนร่างเป็นขบวนการ Turkistan Islamic Party (TIP) ยิ่งหลังจากรัฐบาลอัสซาดล่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 พวก TIP ก็ประกาศว่า "เราจะขับไล่พวกคนจีนนอกศาสนาออกไป (จากซินเจียง)” พอถึงมกราคม 2025 สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมไม่หยุดว่าอุยกูร์ที่ช่วยรบในซีเรียจะเล่นงานจีน เช่น The Economist ชี้ว่า Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government และ The Telegraph ที่รายงานว่า Uyghur fighters in Syria vow to come for China next (สองสื่ออังกฤษมีท่าทีต่อต้านจีนอยู่แล้ว) - รัฐบาลจีนเห็นแบบนี้คงนิ่งไม่ไหว จากการรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทูตจีนเพิ่งพบกับผู้นำซีเรียคนใหม่ (ซึ่งมีพวกอุยกูร์ช่วยรบอยู่ในกองทัพ) ในรายงานนี้ย้ำว่า "ในปี 2015 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าชาวอุยกูร์จำนวนมากที่หลบหนีไปยังตุรกีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนที่จะนำญิฮาดกลับไปยังจีน โดยอ้างว่าบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กิจกรรมก่อการร้าย"" เรื่อง ETIM ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เพราะมีบริบทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับจีน โดยมีไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง" ส่วนชาติตะวันตกและสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ประณามไทยเช่นกัน (อย่างเบาๆ คือ "เสียใจ") แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน-สหรัฐมากกว่า กรณีล่าสุด (รวมถึงอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้) ไม่บอกก็รู้ว่าไทยเอียงไปทางจีนอย่างมากแล้วในตอนนี้ ป.ล. - เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ไทยส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น รัสเซียก็เดินเกม "สร้างแนวร่วม" ในอาเซียนด้วยการส่ง ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย กรณีเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงการเดิมเกมรุกของแกนหลัก "ทางการเมือง" ของกลุ่ม BRICS ที่มา : เฟซบุ๊กของกรกิจ ดิษฐาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในข่าวจาก TechSpot, มีการรายงานว่าโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของจีนกำลังเข้ามาในตลาดโลกอย่างหนัก ซึ่งทำให้บริษัทคู่แข่งในตะวันตกต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในด้านความสามารถในการแข่งขันและราคาที่ถูกกว่าของจีน

    การผลิตชิปที่ใช้กระบวนการเก่ามากกว่า 20 นาโนเมตรเป็นกระแสหลักในอุตสาหกรรม โดยชิปเหล่านี้ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคและยานยนต์ การผลิตชิปแบบเก่าเหล่านี้ให้รายได้ที่มีค่าแก่บริษัทในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาของพวกเขา แต่ในปี 2025 ความสามารถในการเสนอราคาที่ต่ำกว่าโรงงานผลิตในจีนจะเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก

    เนื่องจากการคว่ำบาตรของอเมริกาที่บล็อกบริษัทจีนไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ทันสมัยและอุปกรณ์การผลิต จีนได้มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปแบบเก่าเพื่อตอบสนองความต้องการในเทคโนโลยีภายในประเทศ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2025 โรงงานผลิตชิปของจีนจะมีส่วนแบ่งในตลาดโลกถึง 28%

    โรงงานผลิตชิปจีนที่ผลิตซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ขนาด 6 นิ้วสามารถขายได้เพียง $500 ต่อเวเฟอร์ เมื่อเทียบกับราคา $1,500 ของผู้นำตลาดโลกอย่าง Wolfspeed ในปีที่ผ่านมา การเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคส่วนนี้ทำให้บริษัทในตะวันตกต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด

    อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการผลิตชิปในจีนยังเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการผลิตเกินความต้องการ ทำให้ราคาชิปในตลาดลดลงอย่างมาก จีนคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดของชิปแบบเก่าเพิ่มขึ้นถึง 39% ภายในปี 2027 การขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดโลกต้องเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-mature-chips-to-make-up-28-percent-of-world-production-creating-oversupply-western-companies-express-concern-for-their-survival
    ในข่าวจาก TechSpot, มีการรายงานว่าโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของจีนกำลังเข้ามาในตลาดโลกอย่างหนัก ซึ่งทำให้บริษัทคู่แข่งในตะวันตกต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในด้านความสามารถในการแข่งขันและราคาที่ถูกกว่าของจีน การผลิตชิปที่ใช้กระบวนการเก่ามากกว่า 20 นาโนเมตรเป็นกระแสหลักในอุตสาหกรรม โดยชิปเหล่านี้ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคและยานยนต์ การผลิตชิปแบบเก่าเหล่านี้ให้รายได้ที่มีค่าแก่บริษัทในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาของพวกเขา แต่ในปี 2025 ความสามารถในการเสนอราคาที่ต่ำกว่าโรงงานผลิตในจีนจะเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการคว่ำบาตรของอเมริกาที่บล็อกบริษัทจีนไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ทันสมัยและอุปกรณ์การผลิต จีนได้มุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปแบบเก่าเพื่อตอบสนองความต้องการในเทคโนโลยีภายในประเทศ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2025 โรงงานผลิตชิปของจีนจะมีส่วนแบ่งในตลาดโลกถึง 28% โรงงานผลิตชิปจีนที่ผลิตซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ขนาด 6 นิ้วสามารถขายได้เพียง $500 ต่อเวเฟอร์ เมื่อเทียบกับราคา $1,500 ของผู้นำตลาดโลกอย่าง Wolfspeed ในปีที่ผ่านมา การเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคส่วนนี้ทำให้บริษัทในตะวันตกต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการผลิตชิปในจีนยังเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการผลิตเกินความต้องการ ทำให้ราคาชิปในตลาดลดลงอย่างมาก จีนคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดของชิปแบบเก่าเพิ่มขึ้นถึง 39% ภายในปี 2027 การขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดโลกต้องเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-mature-chips-to-make-up-28-percent-of-world-production-creating-oversupply-western-companies-express-concern-for-their-survival
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกล่าวหาว่าไต้หวันกำลัง "ขาย" อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้กับสหรัฐฯ ซึ่งข่าวนี้เปิดเผยถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างสามประเทศนี้

    เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Zhu Fenglian โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน อ้างว่าไต้หวันกำลังพยายามขายบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง TSMC ให้กับสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเมืองจากรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ข้อกล่าวหานี้มีขึ้นโดยที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน โดย Fenglian กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของไต้หวัน (DPP) พยายามขอความช่วยเหลือจาก "พลังภายนอก" เพื่อให้ไต้หวันเป็นอิสระจากจีนอย่างสมบูรณ์

    Fenglian ยังคาดการณ์ว่า TSMC อาจอยู่ในการเจรจากับ Intel เพื่อเข้าซื้อหุ้นในบริษัท แต่ทั้ง TSMC และ Intel ไม่ได้ยืนยันข่าวนี้ และรัฐบาลไต้หวันก็ได้ระบุว่าไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศใหม่ของ TSMC

    TSMC เป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถผลิตชิพไมโครที่ใช้งานในอุปกรณ์หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ จากสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, และ AMD ต่างพึ่งพาการผลิตชิพจาก TSMC

    รัฐบาลไต้หวันได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาจากปักกิ่ง โดยเน้นว่า TSMC เป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจไต้หวัน และสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นพันธมิตรที่ไม่หวั่นไหวทางการเมืองเสมอไป ตรงกันข้ามกับที่กล่าวอ้าง

    แม้ว่าทรัมป์จะมีท่าทีที่รุนแรงในด้านธุรกิจ การเมือง และการทูต ไต้หวันยังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีความละเอียดอ่อนในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/106947-china-accuses-taiwan-trying-sell-microchip-industry-us.html
    จีนกล่าวหาว่าไต้หวันกำลัง "ขาย" อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้กับสหรัฐฯ ซึ่งข่าวนี้เปิดเผยถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างสามประเทศนี้ เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อ Zhu Fenglian โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน อ้างว่าไต้หวันกำลังพยายามขายบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญอย่าง TSMC ให้กับสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเมืองจากรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ข้อกล่าวหานี้มีขึ้นโดยที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน โดย Fenglian กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของไต้หวัน (DPP) พยายามขอความช่วยเหลือจาก "พลังภายนอก" เพื่อให้ไต้หวันเป็นอิสระจากจีนอย่างสมบูรณ์ Fenglian ยังคาดการณ์ว่า TSMC อาจอยู่ในการเจรจากับ Intel เพื่อเข้าซื้อหุ้นในบริษัท แต่ทั้ง TSMC และ Intel ไม่ได้ยืนยันข่าวนี้ และรัฐบาลไต้หวันก็ได้ระบุว่าไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศใหม่ของ TSMC TSMC เป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถผลิตชิพไมโครที่ใช้งานในอุปกรณ์หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ จากสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, และ AMD ต่างพึ่งพาการผลิตชิพจาก TSMC รัฐบาลไต้หวันได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาจากปักกิ่ง โดยเน้นว่า TSMC เป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจไต้หวัน และสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นพันธมิตรที่ไม่หวั่นไหวทางการเมืองเสมอไป ตรงกันข้ามกับที่กล่าวอ้าง แม้ว่าทรัมป์จะมีท่าทีที่รุนแรงในด้านธุรกิจ การเมือง และการทูต ไต้หวันยังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีความละเอียดอ่อนในอนาคต https://www.techspot.com/news/106947-china-accuses-taiwan-trying-sell-microchip-industry-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China accuses Taiwan of "selling out" its semiconductor industry to the US
    China has accused Taiwan of trying to sell off its thriving semiconductor industry to the United States, claiming that Taipei is essentially handing over control of TSMC...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากดาวเทียม ซึ่ง SpaceX ของ Elon Musk ด้วยโครงการ Starlink กำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากจีนอย่าง SpaceSail รวมถึง Project Kuiper ของ Amazon

    ปัจจุบัน SpaceX ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และหลายประเทศในยุโรป อเมริกาใต้ และเอเชีย โดยมีฐานลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง นอกจากนี้ Amazon ยังมีแผนจะเริ่มให้บริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมเร็วๆ นี้ โดยมีการลงทุนสูงถึง 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    ที่น่าสนใจคือ SpaceSail ซึ่งเป็นบริษัทดาวเทียมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐของจีน กำลังเร่งขยายตลาดต่างประเทศโดยมีเป้าหมายจะติดตั้งดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) จำนวน 648 ดวงภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 15,000 ดวงภายในปี 2030 มีแผนที่จะให้บริการในประเทศบราซิลและคาซัคสถาน รวมถึงกำลังเจรจากับกว่า 30 ประเทศอื่นๆ

    การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ SpaceSail ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและการเซ็นเซอร์ โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลตะวันตกเคยมีความกังวลต่อ Huawei ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน TikTok ก็เคยเผชิญกับการตรวจสอบเนื่องจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีนเช่นกัน

    การแข่งขันในด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่ความเร็วและความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ แต่ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลและความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองด้วย การขยายบริการของดาวเทียมอินเทอร์เน็ตจากจีนอาจทำให้เกิดการตรวจสอบเพิ่มเติมจากรัฐบาลตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/chinas-rival-to-elon-musks-starlink-has-the-potential-to-challenge-its-reach-by-2030-says-report
    มีรายงานถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากดาวเทียม ซึ่ง SpaceX ของ Elon Musk ด้วยโครงการ Starlink กำลังเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากจีนอย่าง SpaceSail รวมถึง Project Kuiper ของ Amazon ปัจจุบัน SpaceX ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และหลายประเทศในยุโรป อเมริกาใต้ และเอเชีย โดยมีฐานลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง นอกจากนี้ Amazon ยังมีแผนจะเริ่มให้บริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมเร็วๆ นี้ โดยมีการลงทุนสูงถึง 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่น่าสนใจคือ SpaceSail ซึ่งเป็นบริษัทดาวเทียมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐของจีน กำลังเร่งขยายตลาดต่างประเทศโดยมีเป้าหมายจะติดตั้งดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) จำนวน 648 ดวงภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 15,000 ดวงภายในปี 2030 มีแผนที่จะให้บริการในประเทศบราซิลและคาซัคสถาน รวมถึงกำลังเจรจากับกว่า 30 ประเทศอื่นๆ การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ SpaceSail ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและการเซ็นเซอร์ โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลตะวันตกเคยมีความกังวลต่อ Huawei ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน TikTok ก็เคยเผชิญกับการตรวจสอบเนื่องจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีนเช่นกัน การแข่งขันในด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่ความเร็วและความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ แต่ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลและความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองด้วย การขยายบริการของดาวเทียมอินเทอร์เน็ตจากจีนอาจทำให้เกิดการตรวจสอบเพิ่มเติมจากรัฐบาลตะวันตก https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/chinas-rival-to-elon-musks-starlink-has-the-potential-to-challenge-its-reach-by-2030-says-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    China's rival to Elon Musk’s Starlink has the potential to challenge its reach by 2030, says report
    Deployment of the Chinese SpaceSail network will raise internet security and censorship concerns around the world.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 400 ตัว ใต้ทะเลบริเวณหลิงสุ่ย เกาะไห่หนาน เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้สามารถทำงานได้เหมือนกับคอมพิวเตอร์เกมมิ่งความแรงสูงถึง 30,000 ตัวพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยได้ เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้สามารถทำการคำนวณที่ใช้เวลาหนึ่งปีของคอมพิวเตอร์ปกติได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที และช่วยให้ DeepSeek ระบบผู้ช่วย AI ของจีนสามารถจัดการการสนทนาได้ถึง 7,000 รายการต่อวินาที

    โครงสร้างนี้มีขนาด 18 เมตร ยาวและ 3.6 เมตร กว้าง และเชื่อมต่อกับสถานที่ทำงานที่มีอยู่เดิมเพื่อสร้างคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งาน AI มากมาย Xu Tan รองประธานของ Highlander บริษัทเทคโนโลยีทางทะเลในเซินเจิ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการนี้กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำมีข้อดีมาก เช่น การรับมือกับการเจริญเติบโตของข้อมูลในยุค 5G และ 6G โดยศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งนี้เริ่มเปิดใช้งานในปี 2023 และเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก

    ตามแผนระยะยาว โครงการนี้จะมีการติดตั้งห้องข้อมูลใต้น้ำถึง 100 ห้องในหลายระยะ โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการเสริมสร้างความสามารถด้าน AI ซึ่งได้เปิดตัวศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 219 แห่งใน 81 เมือง ระหว่างปี 2022 ถึง 2024

    เกือบ 10 บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อใช้พลังการคำนวณของศูนย์ข้อมูลใต้น้ำนี้เพื่อการฝึกโมเดล AI การจำลองทางอุตสาหกรรม การพัฒนาเกม และการวิจัยทางทะเล อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่จมใต้น้ำเป็นจำนวนมาก และฮาร์ดแวร์ที่ใช้ยังไม่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ AI accelerators ประสิทธิภาพสูง เช่น Nvidia H100 หรือ Huawei Ascend 910

    ในขณะที่จีนเดินหน้าติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำสูงสุด 40,000 ตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทอเมริกันเลือกแนวทางที่รอบคอบมากกว่า Microsoft เคยทดลองใช้ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำที่สหราชอาณาจักรในปี 2018 แต่หลังจากการเก็บข้อมูลในปี 2020 บริษัทก็ยุติโครงการนี้

    https://www.techradar.com/pro/china-sinks-400-servers-equivalent-to-30-000-gaming-pcs-as-it-powers-ahead-with-massive-underwater-data-center-project-but-i-wonder-what-gpu-they-use
    จีนได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 400 ตัว ใต้ทะเลบริเวณหลิงสุ่ย เกาะไห่หนาน เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้สามารถทำงานได้เหมือนกับคอมพิวเตอร์เกมมิ่งความแรงสูงถึง 30,000 ตัวพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยได้ เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้สามารถทำการคำนวณที่ใช้เวลาหนึ่งปีของคอมพิวเตอร์ปกติได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที และช่วยให้ DeepSeek ระบบผู้ช่วย AI ของจีนสามารถจัดการการสนทนาได้ถึง 7,000 รายการต่อวินาที โครงสร้างนี้มีขนาด 18 เมตร ยาวและ 3.6 เมตร กว้าง และเชื่อมต่อกับสถานที่ทำงานที่มีอยู่เดิมเพื่อสร้างคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งาน AI มากมาย Xu Tan รองประธานของ Highlander บริษัทเทคโนโลยีทางทะเลในเซินเจิ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการนี้กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำมีข้อดีมาก เช่น การรับมือกับการเจริญเติบโตของข้อมูลในยุค 5G และ 6G โดยศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งนี้เริ่มเปิดใช้งานในปี 2023 และเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ตามแผนระยะยาว โครงการนี้จะมีการติดตั้งห้องข้อมูลใต้น้ำถึง 100 ห้องในหลายระยะ โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการเสริมสร้างความสามารถด้าน AI ซึ่งได้เปิดตัวศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 219 แห่งใน 81 เมือง ระหว่างปี 2022 ถึง 2024 เกือบ 10 บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อใช้พลังการคำนวณของศูนย์ข้อมูลใต้น้ำนี้เพื่อการฝึกโมเดล AI การจำลองทางอุตสาหกรรม การพัฒนาเกม และการวิจัยทางทะเล อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่จมใต้น้ำเป็นจำนวนมาก และฮาร์ดแวร์ที่ใช้ยังไม่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ AI accelerators ประสิทธิภาพสูง เช่น Nvidia H100 หรือ Huawei Ascend 910 ในขณะที่จีนเดินหน้าติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำสูงสุด 40,000 ตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทอเมริกันเลือกแนวทางที่รอบคอบมากกว่า Microsoft เคยทดลองใช้ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำที่สหราชอาณาจักรในปี 2018 แต่หลังจากการเก็บข้อมูลในปี 2020 บริษัทก็ยุติโครงการนี้ https://www.techradar.com/pro/china-sinks-400-servers-equivalent-to-30-000-gaming-pcs-as-it-powers-ahead-with-massive-underwater-data-center-project-but-i-wonder-what-gpu-they-use
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลตัดสินประหารชีวิตอดีตผู้บริหารธนาคาร ไชน่า หัวหรงในคดีรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลล่าร์)ศาลจีนตัดสินให้ประหารชีวิต Bai Tianhui อดีตผู้จัดการทั่วไปของบริษัท China Huarong International Holdings เมื่อวันจันทร์ หลังจากปฏิเสธการอุทธรณ์ในคดีสินบนที่เกี่ยวข้องกับเงินกว่า 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลลาร์)ศาลประชาชนชั้นสูงเทียนจินประกาศผลการตัดสินผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าศาลได้ยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลประชาชนชั้นกลางหมายเลข 2 เทียนจิน โดยศาลระบุว่าคำพิพากษาดังกล่าวได้ส่งไปยังศาลประชาชนสูงสุดซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศจีน เพื่อพิจารณาทบทวนโดยบังคับในประเทศจีน โทษประหารชีวิตที่ออกโดยศาลชั้นล่างจะต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากศาลประชาชนสูงสุดเสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการลงโทษได้ไป๋ถูกตัดสินประหารชีวิตในเดือนพฤษภาคม หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้ตำแหน่งในบริษัทลงทุนตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2018 เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ให้กับนิติบุคคลหลายแห่งในการเข้าซื้อโครงการและการจัดหาเงินทุนขององค์กร โดยแลกกับสินบนที่เกิน 1.1 พันล้านหยวน ตามบันทึกของศาลนอกจากนี้ เขายังถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดถูกยึด ศาลสั่งให้โอนกำไรที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและดอกเบี้ยใดๆ ที่ได้รับจากกำไรเหล่านั้นให้กับกระทรวงการคลังของชาติคดีนี้สืบเนื่องจากการพิจารณาคดีทุจริตของไหลเสี่ยวหมินอดีตประธานบริษัท China Huarong Asset Management ซึ่งถูกประหารชีวิตในปี 2021 หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานรับสินบนมากกว่า 1.78 พันล้านหยวน นอกจากนี้ ยังพบว่าไหลยังยักยอกและรีดไถเงินของรัฐมากกว่า 25.13 ล้านหยวน และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวเป็นเวลานาน
    ศาลตัดสินประหารชีวิตอดีตผู้บริหารธนาคาร ไชน่า หัวหรงในคดีรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลล่าร์)ศาลจีนตัดสินให้ประหารชีวิต Bai Tianhui อดีตผู้จัดการทั่วไปของบริษัท China Huarong International Holdings เมื่อวันจันทร์ หลังจากปฏิเสธการอุทธรณ์ในคดีสินบนที่เกี่ยวข้องกับเงินกว่า 1.1 พันล้านหยวน (151.8 ล้านดอลลาร์)ศาลประชาชนชั้นสูงเทียนจินประกาศผลการตัดสินผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าศาลได้ยืนตามคำตัดสินเดิมของศาลประชาชนชั้นกลางหมายเลข 2 เทียนจิน โดยศาลระบุว่าคำพิพากษาดังกล่าวได้ส่งไปยังศาลประชาชนสูงสุดซึ่งเป็นศาลสูงสุดของประเทศจีน เพื่อพิจารณาทบทวนโดยบังคับในประเทศจีน โทษประหารชีวิตที่ออกโดยศาลชั้นล่างจะต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากศาลประชาชนสูงสุดเสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการลงโทษได้ไป๋ถูกตัดสินประหารชีวิตในเดือนพฤษภาคม หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้ตำแหน่งในบริษัทลงทุนตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2018 เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ให้กับนิติบุคคลหลายแห่งในการเข้าซื้อโครงการและการจัดหาเงินทุนขององค์กร โดยแลกกับสินบนที่เกิน 1.1 พันล้านหยวน ตามบันทึกของศาลนอกจากนี้ เขายังถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดถูกยึด ศาลสั่งให้โอนกำไรที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายและดอกเบี้ยใดๆ ที่ได้รับจากกำไรเหล่านั้นให้กับกระทรวงการคลังของชาติคดีนี้สืบเนื่องจากการพิจารณาคดีทุจริตของไหลเสี่ยวหมินอดีตประธานบริษัท China Huarong Asset Management ซึ่งถูกประหารชีวิตในปี 2021 หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานรับสินบนมากกว่า 1.78 พันล้านหยวน นอกจากนี้ ยังพบว่าไหลยังยักยอกและรีดไถเงินของรัฐมากกว่า 25.13 ล้านหยวน และมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวเป็นเวลานาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม"

    รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี

    วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150

    #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม" • รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี • วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150 • #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงที่ผ่านมานี้ การลงโทษทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาต่อประเทศจีนเหมือนจะกลับให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากประเทศจีนกลับค้นพบวิธีในการฝ่าฟันปัญหาและมีความก้าวหน้าเหนือคู่แข่งอย่างน่าทึ่งในเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors) รายงานจากการสำรวจของสถาบัน Korea Institute of S&T Evaluation and Planning ที่รวมเอาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 39 คน พบว่าจีนสามารถมีความก้าวหน้ามากกว่าเกาหลีใต้ในทุกด้านของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์

    รายงานนี้เผยว่า ในเทคโนโลยีหน่วยความจำที่มีความต้านทานและความเข้มสูง จีนได้คะแนน 94.1% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 90.9% นอกจากนี้ ในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ AI ที่มีประสิทธิภาพสูง จีนยังคงมีความเหนือกว่า โดยได้คะแนน 88.3% เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ที่ได้ 84.1% ส่วนในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์กำลัง (Power Semiconductors) จีนได้คะแนน 79.8% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 67.5%

    นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีเซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงแบบใหม่ที่จีนยังคงมีคะแนนนำหน้าเกาหลีใต้เช่นกัน โดยได้คะแนน 83.9% ขณะที่เกาหลีใต้ได้ 81.3% แต่มีเพียงเทคโนโลยีแพ็กเกจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเท่านั้นที่ทั้งสองประเทศได้คะแนนเท่ากันที่ 74.2%

    ในปี 2022 จีนยังคงตามหลังเกาหลีใต้อยู่มาก แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าทั้งสองประเทศได้สลับตำแหน่งกัน ซึ่งผลสำรวจนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเกาหลีใต้จำเป็นต้องมุ่งพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

    นาย Park Yong-in หัวหน้าฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ได้กล่าวในที่ประชุมว่า พนักงานในทีม System LSI ควรรับผิดชอบและแบ่งปันภาระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เรือธงเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาด คาดว่าในอนาคตเราจะได้เห็นความก้าวหน้าในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ต่อไป

    https://wccftech.com/china-has-surpassed-south-korean-in-all-semiconductor-technologies-claims-survey/
    ช่วงที่ผ่านมานี้ การลงโทษทางการค้าจากสหรัฐอเมริกาต่อประเทศจีนเหมือนจะกลับให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากประเทศจีนกลับค้นพบวิธีในการฝ่าฟันปัญหาและมีความก้าวหน้าเหนือคู่แข่งอย่างน่าทึ่งในเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors) รายงานจากการสำรวจของสถาบัน Korea Institute of S&T Evaluation and Planning ที่รวมเอาความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวน 39 คน พบว่าจีนสามารถมีความก้าวหน้ามากกว่าเกาหลีใต้ในทุกด้านของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ รายงานนี้เผยว่า ในเทคโนโลยีหน่วยความจำที่มีความต้านทานและความเข้มสูง จีนได้คะแนน 94.1% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 90.9% นอกจากนี้ ในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ AI ที่มีประสิทธิภาพสูง จีนยังคงมีความเหนือกว่า โดยได้คะแนน 88.3% เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ที่ได้ 84.1% ส่วนในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์กำลัง (Power Semiconductors) จีนได้คะแนน 79.8% ขณะที่เกาหลีใต้ได้เพียง 67.5% นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีเซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงแบบใหม่ที่จีนยังคงมีคะแนนนำหน้าเกาหลีใต้เช่นกัน โดยได้คะแนน 83.9% ขณะที่เกาหลีใต้ได้ 81.3% แต่มีเพียงเทคโนโลยีแพ็กเกจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเท่านั้นที่ทั้งสองประเทศได้คะแนนเท่ากันที่ 74.2% ในปี 2022 จีนยังคงตามหลังเกาหลีใต้อยู่มาก แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าทั้งสองประเทศได้สลับตำแหน่งกัน ซึ่งผลสำรวจนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเกาหลีใต้จำเป็นต้องมุ่งพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น นาย Park Yong-in หัวหน้าฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ได้กล่าวในที่ประชุมว่า พนักงานในทีม System LSI ควรรับผิดชอบและแบ่งปันภาระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เรือธงเพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาด คาดว่าในอนาคตเราจะได้เห็นความก้าวหน้าในการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ต่อไป https://wccftech.com/china-has-surpassed-south-korean-in-all-semiconductor-technologies-claims-survey/
    WCCFTECH.COM
    China Has Managed To Successfully Surpass South Korea In All Categories Of Semiconductor Technology, At Least According To A Survey Of Local Experts
    A survey involving local experts has revealed that China has comprehensively beaten South Korea in all semiconductor technologies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อกัมพูชารายงานว่าการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเตโชคืบหน้าไปแล้วกว่า 94% และเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค. นี้ โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต

    ออกญา ชาร์ลส์ วัน จากบริษัท Cambodia Airport Investment Co. Ltd. ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้านี้ระหว่างการเยี่ยมชมสนามบินของคณะผู้แทนระดับสูงจากสถานทูตออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ นำโดยเอกอัครราชทูตของสองประเทศ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. และเขาระบุว่าทีมงานก่อสร้างกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อเก็บงานส่วนที่เหลือให้เสร็จสิ้น และให้มั่นใจว่าสนามบินพร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดในเดือนก.ค.นี้

    นอกจากนี้ ออกญา ชาร์ลส์ วัน เปิดเผยว่า สถานทูตฟิลิปปินส์ระบุว่าสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์สมีแผนที่จะร่วมมือกับกัมพูชาจัดตั้งโรงเรียนฝึกอบรมการซ่อมเครื่องบินที่มหาวิทยาลัย CamTech

    สนามบินนานาชาติเตโชครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,600 เฮกตาร์ ของชุมชนเปรกสเลง ในจ.กันดาล รวมถึงบางส่วนของเมืองตาเขมา และอ.บาตี จ.ตาแก้ว โดยสนามบินได้รับการออกแบบให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380 และโบอิ้ง 747 ซึ่งเบื้องต้นมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 13 ล้านคนต่อปี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000017879

    #MGROnline #สนามบินนานาชาติเตโช
    สื่อกัมพูชารายงานว่าการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเตโชคืบหน้าไปแล้วกว่า 94% และเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค. นี้ โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต • ออกญา ชาร์ลส์ วัน จากบริษัท Cambodia Airport Investment Co. Ltd. ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้านี้ระหว่างการเยี่ยมชมสนามบินของคณะผู้แทนระดับสูงจากสถานทูตออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ นำโดยเอกอัครราชทูตของสองประเทศ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. และเขาระบุว่าทีมงานก่อสร้างกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อเก็บงานส่วนที่เหลือให้เสร็จสิ้น และให้มั่นใจว่าสนามบินพร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดในเดือนก.ค.นี้ นอกจากนี้ ออกญา ชาร์ลส์ วัน เปิดเผยว่า สถานทูตฟิลิปปินส์ระบุว่าสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์สมีแผนที่จะร่วมมือกับกัมพูชาจัดตั้งโรงเรียนฝึกอบรมการซ่อมเครื่องบินที่มหาวิทยาลัย CamTech • สนามบินนานาชาติเตโชครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,600 เฮกตาร์ ของชุมชนเปรกสเลง ในจ.กันดาล รวมถึงบางส่วนของเมืองตาเขมา และอ.บาตี จ.ตาแก้ว โดยสนามบินได้รับการออกแบบให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380 และโบอิ้ง 747 ซึ่งเบื้องต้นมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 13 ล้านคนต่อปี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000017879 • #MGROnline #สนามบินนานาชาติเตโช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุยกันเรื่องวังหลังของเฉียนหลงฮ่องเต้มาหลายสัปดาห์ วันนี้ยังคุยกันเรื่องนี้ แต่เปลี่ยนเป็นละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่เพื่อนเพจท่านหนึ่งถามถึงเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพวาดที่พูดถึงในละคร

    ท่านใดที่ได้เคยดูละครหรืออ่านนิยายเรื่องนี้จะทราบว่า เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงพระราชทานรูปภาพทั้งหมดสิบสองภาพให้แก่เหล่าพระมเหสี โดยในเรื่องมีการเล่าถึงความหมายของบางรูปภาพและมีการตีความกันไปต่างๆ นาๆ ว่าองค์เฉียนหลงทรงหมายถึงอะไร ในเรื่องนั้นองค์เฉียนหลงทรงต้องการให้พวกนางไปใช้เวลาไปตีความหมายกันเองจะได้ไม่มีเรื่องราวมากวนพระทัย แต่แน่นอนว่าภาพวาดเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวของมัน คงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าเราจะคุยจบทั้ง 12 ภาพวาด อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ

    ภาพทั้งสิบสองภาพนี้ถูกเรียกรวมว่า ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ได้รับการวาดขึ้นคู่กับบทกวีสิบสองบทที่เรียกว่า ‘กงซวิ่นซือ’ (宫训诗 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+บทกวี) ที่ทรงให้เหล่าขุนนางเป็นผู้แต่งและจัดทำเป็นป้ายสี่อักษรที่สื่อถึงบทกวีเต็ม และได้ทรงกำหนดไว้ว่า ในทุกวันที่ 26 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน (คือห้าวันก่อนตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาจัดเตรียมการฉลองวันตรุษ) ทั้งสิบสองตำหนักต้องเอาภาพและป้ายอักษรดังกล่าวออกมาแขวน โดยภาพวาดให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันตก ส่วนป้ายอักษรให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันออก รอจนวันที่ 2 เดือน 2 จึงจะปลดลงได้

    ภาพแรกที่จะคุยกันวันนี้เป็นภาพที่องค์เฉียนหลงพระราชทานให้ฮองเฮา เซี่ยวเสียนฉุนหวงโฮ่วแห่งพระตำหนักฉางชุนกง มีชื่อว่าภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ (太姒诲子/ไท่ซึสอนบุตร)

    ‘ไท่ซึ’ คือใคร? ไท่ซึเป็นชายาเอกในองค์โจวเหวินหวาง อ๋องผู้ปกครองแคว้นโจวในสมัยปลายราชวงศ์ซางระหว่างปี 1110-1050 ก่อนคริสตกาลและเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์โจว (หมายเหตุ คือองค์โจวเหวินหวางผู้ทรงกำหนดเพิ่มสายพิณเส้นที่หกที่มีชื่อว่า เซ่ากง บนพิณโบราณกู่ฉินเพื่อเป็นการระลึกถึงโอรสที่วายชนม์ ซึ่ง Storyฯ เคยเล่าถึงตอนคุยเรื่องชื่อของสายพิณจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/569581261836837 )

    จากบันทึกโบราณและบทกวีต่างๆ ที่กล่าวถึง ว่ากันว่า ไท่ซึมีรูปโฉมและจริยวัตรงดงามและมีเมตตา เป็นผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับโจวเหวินหวางและเป็นมารดาที่ดีแห่งแคว้น (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) นางมีบุตรชายสิบคนให้กับโจวเหวินหวาง ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่านางสั่งสอนบุตรอย่างเข้มงวดจนเป็นคนดีมีความกตัญญูทุกคน

    มีเรื่องราวต่อมาอีกว่า โอรสคนโตของนางและโจวเหวินหวาง นามว่า ป๋ออี้เข่า นั้น ในตำนานว่ากันว่าเป็นบุรุษรูปงาม เชี่ยวชาญด้านพิณ และขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรที่กตัญญูมาก ในสมัยนั้นโจ้วหวางผู้เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซางเพ่งเล็งและระแวงในแคว้นโจว และเพื่อเป็นการปกป้องโจวเหวินหวางและแคว้น ป๋ออี้เข่ายอมจากบ้านเกิดมาเป็นตัวประกันที่ราชสำนักซาง

    โจ้วหวางมีมเหสีที่รักมากชื่อว่าต๋าจี่ ผู้มีความงามอย่างที่หาใครเปรียบได้ยาก ตามตำนานเล่าว่า ต๋าจี่หลงรักป๋ออี้เข่าตั้งแต่แรกพบ เลยใช้ข้ออ้างขอเรียนพิณเพื่อเข้าใกล้ป๋ออี้เข่า แต่เขาไม่มีใจให้นาง นางโกรธแค้นเขามาก จึงสร้างเรื่องว่าถูกเขาลวนลาม ทำให้โจ้วหวางโกรธจนสังหารป๋ออี้เข่าทิ้ง ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจเริ่มคุ้นหูคุ้นตากันบ้างไหมกับชื่อ ‘ต๋าจี่’ นี้ แต่นี่คือเรื่องเล่าในตำนานสงครามเทพ <เฟิงเสิน> และต๋าจี่คือนางงามที่เป็นปีศาจจิ้งจอกจำแลงนั่นเอง

    โจ้วหวางถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นทรราชเพราะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมอำมหิตมากมาย ต๋าจี่กลายเป็นตำนานนางจิ้งจอก เป็นตัวแทนของหญิงงามล่มเมือง และเรื่องราวของป๋ออี้เข่าเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดต่อครอบครัวของโจวเหวินหวางและไท่ซึ และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้โจวเหวินหวางลุกขึ้นเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ซางและสถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว ต่อมาบุตรชายคนรองคือโจวอู่หวางก็โค่นล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ (และในเรื่องชื่อของสายพิณที่ Storyฯ เคยเล่าถึงไปแล้วนั้น โจวอู่หวางคือผู้ที่เสริมสายพิณเส้นที่เจ็ดเข้าไปในพิณโบราณกู่ฉินและตั้งชื่อสายพิณเส้นนั้นว่า เซ่าซาง เพื่อเป็นการรำลึกถึงการล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ)

    ดูจะเชื่อมโยงตัวละครจากหลากหลายบทความที่ Storyฯ เคยเขียนถึง ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าๆ กันนะคะ จะได้ไม่งง

    สรุปว่า ภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ นี้แฝงไว้ซึ่งเรื่องราวความกตัญญูและโศกนาฏกรรมของป๋ออี้เข่า อารมณ์แฝงอาจสอดคล้องกับอารมณ์ที่โศกเศร้าของฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนที่ต้องสูญเสียพระโอรสไปก่อนเวลาอันควร แต่ยังสะท้อนถึงจริยวัตรของการเป็นมารดาที่สั่งสอนบุตรอย่างดีอีกด้วย ส่วนป้ายอักษรที่มาคู่กับภาพนี้คือ ‘จิ้งซิวเน่ยเจ๋อ’ (敬休内则) มีความหมายประมาณว่า วางตนอย่างสงบและบริหารงานภายในครอบครัวให้เรียบร้อย

    จึงเป็นที่มาของการตีความโดยตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ว่า ความหมายของรูปภาพนี้คืออยากให้ฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนเลิกโศกเศร้าแล้วลุกขึ้นมาดูแลวังหลังในฐานะมารดาแห่งแผ่นดิน การตีความแบบนี้ถูกหรือไม่ Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นว่าเรื่องราวจากภาพนี้ก็อ่านเพลินดี เพื่อนเพจเห็นด้วยไหม

    สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อกับภาพต่อไปค่ะ

    หมายเหตุ อัพเดทเพิ่มเติมวันที่ 22/8/2566 นะคะว่า ภาพวาดที่ Storyฯ แปะมาให้ดูนี้ เป็นผลงานในสมัยองค์คังซีของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจินเกี่ยวกับไท่ซึค่ะ ภาพจริงของ ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 กงซวิ่นถูนั้นสูญหายไปแล้ว หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบได้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://autos.yahoo.com.tw/被催生氣炸-富察皇后吐單身心聲-094507428.html
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html
    http://lethe921.blogspot.com/2013/05/blog-post.html
    http://www.chinakongzi.org/baike/RENWU/xianqin/201707/t20170720_139258.htm
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/妲己
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/伯邑考
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ภาพวาดเฉียนหลง #ไท่ซึฮุ่ยจื่อ #ไท่ซึ #โจวเหวินหวาง #โจวอู่หวาง #โจ้วหวาง #ต๋าจี่ #นางจิ้งจอก #เฟิงเสิน
    คุยกันเรื่องวังหลังของเฉียนหลงฮ่องเต้มาหลายสัปดาห์ วันนี้ยังคุยกันเรื่องนี้ แต่เปลี่ยนเป็นละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่เพื่อนเพจท่านหนึ่งถามถึงเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพวาดที่พูดถึงในละคร ท่านใดที่ได้เคยดูละครหรืออ่านนิยายเรื่องนี้จะทราบว่า เฉียนหลงฮ่องเต้ทรงพระราชทานรูปภาพทั้งหมดสิบสองภาพให้แก่เหล่าพระมเหสี โดยในเรื่องมีการเล่าถึงความหมายของบางรูปภาพและมีการตีความกันไปต่างๆ นาๆ ว่าองค์เฉียนหลงทรงหมายถึงอะไร ในเรื่องนั้นองค์เฉียนหลงทรงต้องการให้พวกนางไปใช้เวลาไปตีความหมายกันเองจะได้ไม่มีเรื่องราวมากวนพระทัย แต่แน่นอนว่าภาพวาดเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวของมัน คงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าเราจะคุยจบทั้ง 12 ภาพวาด อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ภาพทั้งสิบสองภาพนี้ถูกเรียกรวมว่า ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ได้รับการวาดขึ้นคู่กับบทกวีสิบสองบทที่เรียกว่า ‘กงซวิ่นซือ’ (宫训诗 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+บทกวี) ที่ทรงให้เหล่าขุนนางเป็นผู้แต่งและจัดทำเป็นป้ายสี่อักษรที่สื่อถึงบทกวีเต็ม และได้ทรงกำหนดไว้ว่า ในทุกวันที่ 26 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน (คือห้าวันก่อนตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาจัดเตรียมการฉลองวันตรุษ) ทั้งสิบสองตำหนักต้องเอาภาพและป้ายอักษรดังกล่าวออกมาแขวน โดยภาพวาดให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันตก ส่วนป้ายอักษรให้แขวนไว้บนผนังทิศตะวันออก รอจนวันที่ 2 เดือน 2 จึงจะปลดลงได้ ภาพแรกที่จะคุยกันวันนี้เป็นภาพที่องค์เฉียนหลงพระราชทานให้ฮองเฮา เซี่ยวเสียนฉุนหวงโฮ่วแห่งพระตำหนักฉางชุนกง มีชื่อว่าภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ (太姒诲子/ไท่ซึสอนบุตร) ‘ไท่ซึ’ คือใคร? ไท่ซึเป็นชายาเอกในองค์โจวเหวินหวาง อ๋องผู้ปกครองแคว้นโจวในสมัยปลายราชวงศ์ซางระหว่างปี 1110-1050 ก่อนคริสตกาลและเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์โจว (หมายเหตุ คือองค์โจวเหวินหวางผู้ทรงกำหนดเพิ่มสายพิณเส้นที่หกที่มีชื่อว่า เซ่ากง บนพิณโบราณกู่ฉินเพื่อเป็นการระลึกถึงโอรสที่วายชนม์ ซึ่ง Storyฯ เคยเล่าถึงตอนคุยเรื่องชื่อของสายพิณจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/569581261836837 ) จากบันทึกโบราณและบทกวีต่างๆ ที่กล่าวถึง ว่ากันว่า ไท่ซึมีรูปโฉมและจริยวัตรงดงามและมีเมตตา เป็นผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับโจวเหวินหวางและเป็นมารดาที่ดีแห่งแคว้น (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) นางมีบุตรชายสิบคนให้กับโจวเหวินหวาง ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่านางสั่งสอนบุตรอย่างเข้มงวดจนเป็นคนดีมีความกตัญญูทุกคน มีเรื่องราวต่อมาอีกว่า โอรสคนโตของนางและโจวเหวินหวาง นามว่า ป๋ออี้เข่า นั้น ในตำนานว่ากันว่าเป็นบุรุษรูปงาม เชี่ยวชาญด้านพิณ และขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรที่กตัญญูมาก ในสมัยนั้นโจ้วหวางผู้เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซางเพ่งเล็งและระแวงในแคว้นโจว และเพื่อเป็นการปกป้องโจวเหวินหวางและแคว้น ป๋ออี้เข่ายอมจากบ้านเกิดมาเป็นตัวประกันที่ราชสำนักซาง โจ้วหวางมีมเหสีที่รักมากชื่อว่าต๋าจี่ ผู้มีความงามอย่างที่หาใครเปรียบได้ยาก ตามตำนานเล่าว่า ต๋าจี่หลงรักป๋ออี้เข่าตั้งแต่แรกพบ เลยใช้ข้ออ้างขอเรียนพิณเพื่อเข้าใกล้ป๋ออี้เข่า แต่เขาไม่มีใจให้นาง นางโกรธแค้นเขามาก จึงสร้างเรื่องว่าถูกเขาลวนลาม ทำให้โจ้วหวางโกรธจนสังหารป๋ออี้เข่าทิ้ง ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจเริ่มคุ้นหูคุ้นตากันบ้างไหมกับชื่อ ‘ต๋าจี่’ นี้ แต่นี่คือเรื่องเล่าในตำนานสงครามเทพ <เฟิงเสิน> และต๋าจี่คือนางงามที่เป็นปีศาจจิ้งจอกจำแลงนั่นเอง โจ้วหวางถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นทรราชเพราะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมอำมหิตมากมาย ต๋าจี่กลายเป็นตำนานนางจิ้งจอก เป็นตัวแทนของหญิงงามล่มเมือง และเรื่องราวของป๋ออี้เข่าเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดต่อครอบครัวของโจวเหวินหวางและไท่ซึ และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้โจวเหวินหวางลุกขึ้นเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ซางและสถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว ต่อมาบุตรชายคนรองคือโจวอู่หวางก็โค่นล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ (และในเรื่องชื่อของสายพิณที่ Storyฯ เคยเล่าถึงไปแล้วนั้น โจวอู่หวางคือผู้ที่เสริมสายพิณเส้นที่เจ็ดเข้าไปในพิณโบราณกู่ฉินและตั้งชื่อสายพิณเส้นนั้นว่า เซ่าซาง เพื่อเป็นการรำลึกถึงการล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ) ดูจะเชื่อมโยงตัวละครจากหลากหลายบทความที่ Storyฯ เคยเขียนถึง ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเก่าๆ กันนะคะ จะได้ไม่งง สรุปว่า ภาพวาด ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ นี้แฝงไว้ซึ่งเรื่องราวความกตัญญูและโศกนาฏกรรมของป๋ออี้เข่า อารมณ์แฝงอาจสอดคล้องกับอารมณ์ที่โศกเศร้าของฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนที่ต้องสูญเสียพระโอรสไปก่อนเวลาอันควร แต่ยังสะท้อนถึงจริยวัตรของการเป็นมารดาที่สั่งสอนบุตรอย่างดีอีกด้วย ส่วนป้ายอักษรที่มาคู่กับภาพนี้คือ ‘จิ้งซิวเน่ยเจ๋อ’ (敬休内则) มีความหมายประมาณว่า วางตนอย่างสงบและบริหารงานภายในครอบครัวให้เรียบร้อย จึงเป็นที่มาของการตีความโดยตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ว่า ความหมายของรูปภาพนี้คืออยากให้ฮองเฮาเซี่ยวเสียนฉุนเลิกโศกเศร้าแล้วลุกขึ้นมาดูแลวังหลังในฐานะมารดาแห่งแผ่นดิน การตีความแบบนี้ถูกหรือไม่ Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นว่าเรื่องราวจากภาพนี้ก็อ่านเพลินดี เพื่อนเพจเห็นด้วยไหม สัปดาห์หน้ามาคุยกันต่อกับภาพต่อไปค่ะ หมายเหตุ อัพเดทเพิ่มเติมวันที่ 22/8/2566 นะคะว่า ภาพวาดที่ Storyฯ แปะมาให้ดูนี้ เป็นผลงานในสมัยองค์คังซีของช่างวาดหลวงเจียวปิ่งเจินเกี่ยวกับไท่ซึค่ะ ภาพจริงของ ‘ไท่ซึฮุ่ยจื่อ’ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 กงซวิ่นถูนั้นสูญหายไปแล้ว หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบได้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://autos.yahoo.com.tw/被催生氣炸-富察皇后吐單身心聲-094507428.html https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.takungpao.com/culture/237140/2019/1207/387125.html http://lethe921.blogspot.com/2013/05/blog-post.html http://www.chinakongzi.org/baike/RENWU/xianqin/201707/t20170720_139258.htm https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/妲己 https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/伯邑考 https://zh.m.wikipedia.org/zh-my/太姒 #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #ภาพวาดเฉียนหลง #ไท่ซึฮุ่ยจื่อ #ไท่ซึ #โจวเหวินหวาง #โจวอู่หวาง #โจ้วหวาง #ต๋าจี่ #นางจิ้งจอก #เฟิงเสิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า ทางการจีนตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโควิด-19 ในค้างคาว โดยไวรัสดังกล่าวจัดอยู่ในสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ HKU5 ซึ่งถูกระบุในฮ่องกงในค้างคาวสายพันธุ์ Japanese pigistrelle โดยนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ผลการวิจัยเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสเมอร์เบโคในค้างคาวมีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่กระจายสู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการถ่ายทอดโดยตรงหรือผ่านโฮสต์ตัวกลาง อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ไวรัสยังไม่ถือว่ากำลังแพร่ระบาด แต่นักวิจัยได้ย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น

    -ชาวนาขอประกัน 1.2 หมื่น
    -ภาระสูงหยุดจับแก๊งคอล
    -นี่หรือเมืองพุทธ
    -ค้านทรัมป์ยึดฉนวนกาซา
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า ทางการจีนตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโควิด-19 ในค้างคาว โดยไวรัสดังกล่าวจัดอยู่ในสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ HKU5 ซึ่งถูกระบุในฮ่องกงในค้างคาวสายพันธุ์ Japanese pigistrelle โดยนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ผลการวิจัยเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไวรัสเมอร์เบโคในค้างคาวมีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่กระจายสู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการถ่ายทอดโดยตรงหรือผ่านโฮสต์ตัวกลาง อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ไวรัสยังไม่ถือว่ากำลังแพร่ระบาด แต่นักวิจัยได้ย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น -ชาวนาขอประกัน 1.2 หมื่น -ภาระสูงหยุดจับแก๊งคอล -นี่หรือเมืองพุทธ -ค้านทรัมป์ยึดฉนวนกาซา
    Like
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1241 มุมมอง 76 0 รีวิว
  • สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    WWW.SCMP.COM
    Former ICBC executive gets death sentence with reprieve for taking bribes
    Zhang Hongli, who was vice-president of the state-owned bank, accepted bribes in exchange for help with loan financing and securing jobs.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงภาพวาดโบราณที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบที่ล้ำค่าที่สุดของจีน วันนี้มาคุยกันสั้นๆ ถึงภาพวาดที่ปรากฏในละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>

    ละครเปิดฉากมาที่ร้านชาในเจียงหนานของนางเอกจ้าวพ่านเอ๋อร์ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครอาจมัวแต่เพลินกับความสวยของนางเอกและวิวทิวทัศน์จนไม่ทันสังเกตว่าผนังร้านมีภาพวาดแขวนเต็มไปหมด

    Storyฯ จะบอกว่ามันคือแกลเลอรี่ดีๆ นี่เอง เพราะภาพที่โชว์อยู่ตามผนังเป็นภาพเหมือนของภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงจัดเป็นสมบัติชาติของจีน ซึ่งในหลายฉากอื่นในละครก็มีภาพวาดโบราณเหล่านี้ให้ดูอีก วันนี้ยกตัวอย่างมาให้ดูกันสามภาพ

    ภาพแรกคือภาพ ‘เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว’ (莲池水禽图 แปลได้ว่าภาพสัตว์น้ำในสระปทุม ดูรูปประกอบ1) ภาพนี้เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ เป็นภาพคู่ วาดขึ้นบนผ้าไหมหรือที่เรียกว่า ‘เจวี้ยนเปิ่น’ (绢本/silk scroll) ขนาดประมาณของภาพแต่ละผืนคือ 106 x 91ซม. วาดโดยกู้เต๋อเชียนซึ่งมีพื้นเพอยู่เจียงหนาน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว

    ภาพต่อมาคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图 แปลได้ว่าภาพการท่องไปตามภูเขาลำธาร ดูรูปประกอบ2) ภาพนี้วาดโดยฟ่านควน จิตรกรสมัยซ่งเหนือ วาดขึ้นบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 206 x 103ซม. เป็นสมบัติในวังหลวงสืบทอดกันมา (มีตราประทับห้องทรงพระอักษรสมัยหมิงและชิงอยู่ที่ขอบรูปจริง) ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    ภาพที่สามคือภาพ ‘ชิวซานเวิ่นเต้า’ (秋山问道图 แปลได้ประมาณว่าภาพการแสวงหาทางธรรมกลางภูผาในสารทฤดู) เป็นภาพสมัยปลายห้าราชวงศ์-ต้นซ่ง ผู้วาดเป็นนักบวชนามว่าจวี้หรัน เป็นภาพวาดบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 165 x 77ซม. ปัจจุบันภาพที่จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเช่นกัน

    พูดถึงภาพจริงกันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในละครยังมีอีกหลายภาพ ใครที่ยังดูละครเรื่องนี้อยู่อย่ามัวแต่เพลินตากับพระนางนะคะ ดูอาร์ตแกเลอรี่ที่เขาใส่มาให้ในละครด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจากในละครและจาก:
    https://www.163.com/dy/article/HBHTPUAG055226SD.html
    https://news.yangtse.com/content/1470761.html
    http://www.chinashj.com/sh-gdhh-wd/502.html
    https://baike.baidu.com/item/秋山问道图/2237166
    https://baike.baidu.com/item/溪山行旅图/1775752

    #สามบุปผาลิขิตฝัน #ซีซันหลี่ว์สิง #เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว #ชิวซานเวิ่นเต้า #ภาพวาดจีนโบราณ
    สัปดาห์ที่แล้วพูดถึงภาพวาดโบราณที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบที่ล้ำค่าที่สุดของจีน วันนี้มาคุยกันสั้นๆ ถึงภาพวาดที่ปรากฏในละครเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน> ละครเปิดฉากมาที่ร้านชาในเจียงหนานของนางเอกจ้าวพ่านเอ๋อร์ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครอาจมัวแต่เพลินกับความสวยของนางเอกและวิวทิวทัศน์จนไม่ทันสังเกตว่าผนังร้านมีภาพวาดแขวนเต็มไปหมด Storyฯ จะบอกว่ามันคือแกลเลอรี่ดีๆ นี่เอง เพราะภาพที่โชว์อยู่ตามผนังเป็นภาพเหมือนของภาพวาดโบราณที่มีชื่อเสียงจัดเป็นสมบัติชาติของจีน ซึ่งในหลายฉากอื่นในละครก็มีภาพวาดโบราณเหล่านี้ให้ดูอีก วันนี้ยกตัวอย่างมาให้ดูกันสามภาพ ภาพแรกคือภาพ ‘เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว’ (莲池水禽图 แปลได้ว่าภาพสัตว์น้ำในสระปทุม ดูรูปประกอบ1) ภาพนี้เป็นภาพวาดสมัยปลายถัง-ห้าราชวงศ์ เป็นภาพคู่ วาดขึ้นบนผ้าไหมหรือที่เรียกว่า ‘เจวี้ยนเปิ่น’ (绢本/silk scroll) ขนาดประมาณของภาพแต่ละผืนคือ 106 x 91ซม. วาดโดยกู้เต๋อเชียนซึ่งมีพื้นเพอยู่เจียงหนาน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ภาพต่อมาคือภาพ ‘ซีซันหลี่ว์สิง’ (溪山行旅图 แปลได้ว่าภาพการท่องไปตามภูเขาลำธาร ดูรูปประกอบ2) ภาพนี้วาดโดยฟ่านควน จิตรกรสมัยซ่งเหนือ วาดขึ้นบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 206 x 103ซม. เป็นสมบัติในวังหลวงสืบทอดกันมา (มีตราประทับห้องทรงพระอักษรสมัยหมิงและชิงอยู่ที่ขอบรูปจริง) ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ภาพที่สามคือภาพ ‘ชิวซานเวิ่นเต้า’ (秋山问道图 แปลได้ประมาณว่าภาพการแสวงหาทางธรรมกลางภูผาในสารทฤดู) เป็นภาพสมัยปลายห้าราชวงศ์-ต้นซ่ง ผู้วาดเป็นนักบวชนามว่าจวี้หรัน เป็นภาพวาดบนผ้าไหมเช่นกัน ขนาดประมาณ 165 x 77ซม. ปัจจุบันภาพที่จัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเช่นกัน พูดถึงภาพจริงกันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าในละครยังมีอีกหลายภาพ ใครที่ยังดูละครเรื่องนี้อยู่อย่ามัวแต่เพลินตากับพระนางนะคะ ดูอาร์ตแกเลอรี่ที่เขาใส่มาให้ในละครด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจากในละครและจาก: https://www.163.com/dy/article/HBHTPUAG055226SD.html https://news.yangtse.com/content/1470761.html http://www.chinashj.com/sh-gdhh-wd/502.html https://baike.baidu.com/item/秋山问道图/2237166 https://baike.baidu.com/item/溪山行旅图/1775752 #สามบุปผาลิขิตฝัน #ซีซันหลี่ว์สิง #เหลียนฉือสุ่ยโซ่ว #ชิวซานเวิ่นเต้า #ภาพวาดจีนโบราณ
    《梦华录》中的挂画,惊现国宝《溪山行旅图》!
    《梦华录》中的挂画,惊现国宝《溪山行旅图》!,溪山行旅图,梦华录,范宽,董其昌,挂画,画家
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตาก – รัฐบาลจีนนำเครื่องบินลงแม่สอด รับชาวจีนที่ถูกช่วยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุนเทาเมียวดี บินกลับระลอกแรก 100 คน

    วันนี้(20 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีทางการจีน ได้จัดเที่ยวบิน China Southern Airlines รับตัวชาวจีนทั้งที่เป็นเหยื่อ-ผู้ร่วมขบวนการ หรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ที่ถูกกองกำลังพิทักษ์ชายแดนเมียวดี (BGF)-ทางการเมียนมา จับกุม/ช่วยเหลือออกมาได้ และจะส่งตัวข้ามแดนจากเมียวดีเข้าแม่สอด เพื่อส่งตัวกลับ สป.จีน

    ซึ่ง สป.จีน ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อมูล และขนย้ายจากเมียนมา ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 ตรงเข้าท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด วันนี้(20 ก.พ.) จำนวน 4 เที่ยวบิน , 21 และ 22 ก.พ. วันละ 6 เที่ยวบิน รวม 3 วัน 16 เที่ยวบิน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000016867

    #MGROnline #ตาก #รัฐบาลจีน #แม่สอด #ชาวจีน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ทุนเทาเมียวดี
    ตาก – รัฐบาลจีนนำเครื่องบินลงแม่สอด รับชาวจีนที่ถูกช่วยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุนเทาเมียวดี บินกลับระลอกแรก 100 คน • วันนี้(20 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีทางการจีน ได้จัดเที่ยวบิน China Southern Airlines รับตัวชาวจีนทั้งที่เป็นเหยื่อ-ผู้ร่วมขบวนการ หรือเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ที่ถูกกองกำลังพิทักษ์ชายแดนเมียวดี (BGF)-ทางการเมียนมา จับกุม/ช่วยเหลือออกมาได้ และจะส่งตัวข้ามแดนจากเมียวดีเข้าแม่สอด เพื่อส่งตัวกลับ สป.จีน • ซึ่ง สป.จีน ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อมูล และขนย้ายจากเมียนมา ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 ตรงเข้าท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด วันนี้(20 ก.พ.) จำนวน 4 เที่ยวบิน , 21 และ 22 ก.พ. วันละ 6 เที่ยวบิน รวม 3 วัน 16 เที่ยวบิน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000016867 • #MGROnline #ตาก #รัฐบาลจีน #แม่สอด #ชาวจีน #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ทุนเทาเมียวดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีนี้ก็รู้กันหมดแล้ว! นักศึกษาชายจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเหอเฟย ในมณฑลอันฮุย จุดไฟเผาตุ๊กตายาง เพราะรูมเมทกลับห้องก่อนกำหนด จนทำเอาไฟไหม้หอพัก

    รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่นักศึกษาคนนี้กำลังเล่นจ้ำจี้กับตุ๊กตายางของเขาอยู่ในห้องพัก จู่ๆ เพื่อนร่วมห้องของเขาก็กลับมากะทันหัน

    ด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ รวมทั้งไม่อยากให้เพื่อนรู้ เขาจึงจุดไฟเผาตุ๊กตายางบริเวณโถงทางเดินหอพัก เพื่อทำลายหลักฐาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000016542

    #MGROnline #ตุ๊กตายาง
    ทีนี้ก็รู้กันหมดแล้ว! นักศึกษาชายจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเหอเฟย ในมณฑลอันฮุย จุดไฟเผาตุ๊กตายาง เพราะรูมเมทกลับห้องก่อนกำหนด จนทำเอาไฟไหม้หอพัก • รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่นักศึกษาคนนี้กำลังเล่นจ้ำจี้กับตุ๊กตายางของเขาอยู่ในห้องพัก จู่ๆ เพื่อนร่วมห้องของเขาก็กลับมากะทันหัน • ด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ รวมทั้งไม่อยากให้เพื่อนรู้ เขาจึงจุดไฟเผาตุ๊กตายางบริเวณโถงทางเดินหอพัก เพื่อทำลายหลักฐาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000016542 • #MGROnline #ตุ๊กตายาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้กระแสหนังภารตะเรื่องหนึ่งแรงมาก เป็นเรื่องราวอิงชีวประวัติของโสเภณีหญิงที่กลายมาเป็นแม่เล้าผู้ทรงอิทธิพลในอินเดีย เห็นว่าฟ้องร้องกันอยู่ว่าเรื่องราวบิดเบือนเพราะเธอไม่ได้เป็นโสเภณีจริง ความจริงเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ Storyฯ นึกถึงภาพยนตร์จีนโบราณที่เคยผ่านตาเมื่อนานมาแล้วเรื่องหนึ่งชื่อว่า <หลิ่วหรูซื่อ> (Threads of Time)

    เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวประวัติของนางคณิกานามว่า ‘หลิ่วหรูซื่อ’ นางถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นกวีหญิงที่โดดเด่นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง และเป็นสตรีที่รักชาติและต่อต้านการรุกรานจากชาวแมนจูในช่วงผลัดแผ่นดิน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจคุ้นเคยกับเรื่องของนางกันบ้างหรือไม่? วันนี้เลยมาคุยให้ฟังอย่างย่อ

    หลิ่วหรูซื่อ (ค.ศ. 1618-1664) ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาจากแม่น้ำฉินหวย (ฉินหวยปาเยี่ยน / 秦淮八艳)

    อะไรคือ ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ? ในสมัยปลายราชวงศ์หมิงนั้น สถานสอบราชบันฑิตที่ใหญ่ที่สุดคือเจียงหนานก้งเยวี่ยน (江南贡院) ตั้งอยู่ที่เมืองเจียงหนานริมฝั่งแม่น้ำฉินหวย ในแต่ละปีจะมีบัณฑิตและข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบมาที่นี่ถึงสองสามหมื่นคน จากเมืองเจียงหนานข้ามแม่น้ำฉินหวยมาก็เป็นเมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งนับว่าเป็นเมืองทางผ่านสำหรับเขาเหล่านี้ ที่นี่จึงกลายเป็นทำเลทองของกิจการหอนางโลม

    เพื่อนเพจอย่าได้คิดว่านางคณิกาเหล่านี้เน้นขายบริการทางเพศแต่อย่างเดียว ในยุคนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำมาจากการขายความบันเทิงทางศิลปะเคล้าสุรา เช่น เล่นดนตรี / เล่นหมากล้อม / โชว์เต้นรำ / แต่งกลอนวาดภาพ หรืออาจทำทั้งหมด มีนางคณิกาจำนวนไม่น้อยที่ขายศิลปะไม่ขายตัวและคนที่ชื่อดังจะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีการศึกษา ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ทั้งแปดคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของนางคณิกาในย่านเมืองหนานจิงนี้นี่เอง

    หลิ่วหรูซื่อมีนามเดิมว่า ‘หยางอ้าย’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น ‘อิ่ง’ และมีนามรองว่า ‘หรูซื่อ’ ตามบทกวีจากสมัยซ่ง บ่อยครั้งที่นางแต่งตัวเป็นชายออกไปโต้กลอนกับคนอื่นโดยใช้นามว่า ‘เหอตงจวิน’ นางโด่งดังที่สุดด้านงานอักษรและงานพู่กันจีน (บทกวี คัดพู่กัน และภาพวาด) ผลงานของนางมีมากมายทั้งในนาม ‘หลิ่วหรูซื่อ’ และ ‘เหอตงจวิน’ มีการรวมเล่มผลงานของนางออกจำหน่ายในหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน

    นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ถูกขายให้กับหอนางโลมเมื่ออายุแปดขวบ แต่แม่เล้ารับเป็นลูกบุญธรรมและได้ฝึกเรียนศิลปะแขนงต่างๆ ในชีวิตนางมีชายสามคนที่มีบทบาทมาก คนแรกคืออดีตเสนาบดีอดีตจอหงวน ที่รับนางเป็นอนุเมื่ออายุเพียง 14 ปี เขาโปรดปรานนางที่สุด ใช้เวลาทั้งวันกับการสอนศิลปะขั้นสูงเหล่านี้ให้กับนาง

    เมื่อเขาตายลงนางถูกขับออกจากเรือนจึงกลับไปอยู่หอนางโลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีวิชาความรู้ติดตัวจนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้นางใช้ชีวิตอยู่กับการคบหาสมาคมกับเหล่าบัณฑิตจนได้มาพบรักกับเฉินจื่อหลง เขาเป็นบัณฑิตที่ต่อมารับราชการไปได้ไกล ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแยกย้ายกันไปและนางออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางมีผลงานด้านโคลงกลอนและภาพวาดมากมาย

    ต่อมาในวัย 23 ปี นางได้พบและแต่งงานกับอดีตขุนนางอายุกว่า 50 ปีนามว่าเฉียนเชียนอี้เป็นภรรยารอง (แต่ภรรยาคนแรกเสียไปแล้ว) และอยู่ด้วยกันนานกว่า 20 ปี มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ช่วงเวลาที่อยู่กับเฉียนเชียนอี้นี้ เป็นช่วงเวลาที่นางได้รับการยกย่องเรื่องรักชาติ และนางเป็นผู้ผลักดันให้เฉียนเชียนอี้ทำงานต่อต้านแมนจูอย่างลับๆ เพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิง แม้ว่าฉากหน้าจะสวามิภักดิ์รับราชการกับทางการแมนจูไปแล้ว (เรื่องราวของเฉียนเชียนอี้ที่กลับไปกลับมากับการสนับสนุนฝ่ายใดเป็นเรื่องที่ยาว Storyฯ ขอไม่ลงในรายละเอียด) ต่อมาเฉียนเชียนอี้ลาออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทโดยนางติดตามไปด้วย เมื่อเขาตายลงมีการแย่งทรัพย์สมบัติ นางจึงฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้ทางการเอาผิดคนโกงและคืนทรัพย์สินกลับมาให้ลูก

    หลิ่วหรูซื่อไม่เพียงฝากผลงานเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย หากแต่ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและรักชาติของหลิ่วหรูซื่อถูกสะท้อนออกมาในบทประพันธ์ต่างๆ ของนางด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ถ้าฉันเป็นชาย ฉันจะไปสู้เพื่อชาติ” แต่เมื่อเป็นหญิง นางจึงพยายามสนับสนุนกองกำลังกู้ชาติทางการเงินและผลักดันให้สามีของนางสนับสนุนด้วย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเรื่องราวของนางคณิกาธรรมดาคนนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html
    https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2008/03-10/1186637.shtml
    https://new.qq.com/omn/20191102/20191102A03LG800.html
    https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html
    http://www.360doc.com/content/20/0325/10/60244337_901533310.shtml
    https://kknews.cc/history/ogan4p.html
    https://baike.baidu.com/item/%E7%A7%A6%E6%B7%AE%E5%85%AB%E8%89%B3/384726

    #หลิ่วหรูซือ #เหอตงจวิน #นางคณิกาจีนโบราณ #ฉินหวยปาเยี่ยน #เฉียนเชียนอี้ #เฉินจื่อหลง #กอบกู้หมิง
    ช่วงนี้กระแสหนังภารตะเรื่องหนึ่งแรงมาก เป็นเรื่องราวอิงชีวประวัติของโสเภณีหญิงที่กลายมาเป็นแม่เล้าผู้ทรงอิทธิพลในอินเดีย เห็นว่าฟ้องร้องกันอยู่ว่าเรื่องราวบิดเบือนเพราะเธอไม่ได้เป็นโสเภณีจริง ความจริงเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ Storyฯ นึกถึงภาพยนตร์จีนโบราณที่เคยผ่านตาเมื่อนานมาแล้วเรื่องหนึ่งชื่อว่า <หลิ่วหรูซื่อ> (Threads of Time) เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวประวัติของนางคณิกานามว่า ‘หลิ่วหรูซื่อ’ นางถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นกวีหญิงที่โดดเด่นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง และเป็นสตรีที่รักชาติและต่อต้านการรุกรานจากชาวแมนจูในช่วงผลัดแผ่นดิน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจคุ้นเคยกับเรื่องของนางกันบ้างหรือไม่? วันนี้เลยมาคุยให้ฟังอย่างย่อ หลิ่วหรูซื่อ (ค.ศ. 1618-1664) ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาจากแม่น้ำฉินหวย (ฉินหวยปาเยี่ยน / 秦淮八艳) อะไรคือ ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ? ในสมัยปลายราชวงศ์หมิงนั้น สถานสอบราชบันฑิตที่ใหญ่ที่สุดคือเจียงหนานก้งเยวี่ยน (江南贡院) ตั้งอยู่ที่เมืองเจียงหนานริมฝั่งแม่น้ำฉินหวย ในแต่ละปีจะมีบัณฑิตและข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบมาที่นี่ถึงสองสามหมื่นคน จากเมืองเจียงหนานข้ามแม่น้ำฉินหวยมาก็เป็นเมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งนับว่าเป็นเมืองทางผ่านสำหรับเขาเหล่านี้ ที่นี่จึงกลายเป็นทำเลทองของกิจการหอนางโลม เพื่อนเพจอย่าได้คิดว่านางคณิกาเหล่านี้เน้นขายบริการทางเพศแต่อย่างเดียว ในยุคนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำมาจากการขายความบันเทิงทางศิลปะเคล้าสุรา เช่น เล่นดนตรี / เล่นหมากล้อม / โชว์เต้นรำ / แต่งกลอนวาดภาพ หรืออาจทำทั้งหมด มีนางคณิกาจำนวนไม่น้อยที่ขายศิลปะไม่ขายตัวและคนที่ชื่อดังจะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีการศึกษา ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ทั้งแปดคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของนางคณิกาในย่านเมืองหนานจิงนี้นี่เอง หลิ่วหรูซื่อมีนามเดิมว่า ‘หยางอ้าย’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น ‘อิ่ง’ และมีนามรองว่า ‘หรูซื่อ’ ตามบทกวีจากสมัยซ่ง บ่อยครั้งที่นางแต่งตัวเป็นชายออกไปโต้กลอนกับคนอื่นโดยใช้นามว่า ‘เหอตงจวิน’ นางโด่งดังที่สุดด้านงานอักษรและงานพู่กันจีน (บทกวี คัดพู่กัน และภาพวาด) ผลงานของนางมีมากมายทั้งในนาม ‘หลิ่วหรูซื่อ’ และ ‘เหอตงจวิน’ มีการรวมเล่มผลงานของนางออกจำหน่ายในหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ถูกขายให้กับหอนางโลมเมื่ออายุแปดขวบ แต่แม่เล้ารับเป็นลูกบุญธรรมและได้ฝึกเรียนศิลปะแขนงต่างๆ ในชีวิตนางมีชายสามคนที่มีบทบาทมาก คนแรกคืออดีตเสนาบดีอดีตจอหงวน ที่รับนางเป็นอนุเมื่ออายุเพียง 14 ปี เขาโปรดปรานนางที่สุด ใช้เวลาทั้งวันกับการสอนศิลปะขั้นสูงเหล่านี้ให้กับนาง เมื่อเขาตายลงนางถูกขับออกจากเรือนจึงกลับไปอยู่หอนางโลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีวิชาความรู้ติดตัวจนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้นางใช้ชีวิตอยู่กับการคบหาสมาคมกับเหล่าบัณฑิตจนได้มาพบรักกับเฉินจื่อหลง เขาเป็นบัณฑิตที่ต่อมารับราชการไปได้ไกล ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแยกย้ายกันไปและนางออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางมีผลงานด้านโคลงกลอนและภาพวาดมากมาย ต่อมาในวัย 23 ปี นางได้พบและแต่งงานกับอดีตขุนนางอายุกว่า 50 ปีนามว่าเฉียนเชียนอี้เป็นภรรยารอง (แต่ภรรยาคนแรกเสียไปแล้ว) และอยู่ด้วยกันนานกว่า 20 ปี มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ช่วงเวลาที่อยู่กับเฉียนเชียนอี้นี้ เป็นช่วงเวลาที่นางได้รับการยกย่องเรื่องรักชาติ และนางเป็นผู้ผลักดันให้เฉียนเชียนอี้ทำงานต่อต้านแมนจูอย่างลับๆ เพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิง แม้ว่าฉากหน้าจะสวามิภักดิ์รับราชการกับทางการแมนจูไปแล้ว (เรื่องราวของเฉียนเชียนอี้ที่กลับไปกลับมากับการสนับสนุนฝ่ายใดเป็นเรื่องที่ยาว Storyฯ ขอไม่ลงในรายละเอียด) ต่อมาเฉียนเชียนอี้ลาออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทโดยนางติดตามไปด้วย เมื่อเขาตายลงมีการแย่งทรัพย์สมบัติ นางจึงฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้ทางการเอาผิดคนโกงและคืนทรัพย์สินกลับมาให้ลูก หลิ่วหรูซื่อไม่เพียงฝากผลงานเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย หากแต่ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและรักชาติของหลิ่วหรูซื่อถูกสะท้อนออกมาในบทประพันธ์ต่างๆ ของนางด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ถ้าฉันเป็นชาย ฉันจะไปสู้เพื่อชาติ” แต่เมื่อเป็นหญิง นางจึงพยายามสนับสนุนกองกำลังกู้ชาติทางการเงินและผลักดันให้สามีของนางสนับสนุนด้วย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเรื่องราวของนางคณิกาธรรมดาคนนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2008/03-10/1186637.shtml https://new.qq.com/omn/20191102/20191102A03LG800.html https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html http://www.360doc.com/content/20/0325/10/60244337_901533310.shtml https://kknews.cc/history/ogan4p.html https://baike.baidu.com/item/%E7%A7%A6%E6%B7%AE%E5%85%AB%E8%89%B3/384726 #หลิ่วหรูซือ #เหอตงจวิน #นางคณิกาจีนโบราณ #ฉินหวยปาเยี่ยน #เฉียนเชียนอี้ #เฉินจื่อหลง #กอบกู้หมิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts