• นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ได้ยืนยันถึงจุดยืนและหลักการที่ชัดเจนของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขความตึงเครียดชายแดนกับไทย

    ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวปราศรัยในพิธีเปิดศูนย์ฝึกกองราชอาวุธหัถต์ พนมชุม เซน ริกเรย จ.กำปงชนัง ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 32 ปี การสถาปนากองราชอาวุธหัถต์ โดยระบุว่า กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติบนพื้นฐานของกฎหมายและกลไกทวิภาคี

    “เรายังคงดำเนินการแก้ไขความตึงเครียดชายแดนโดยใช้พื้นฐานทางกฎหมายและเทคนิคภายใต้กฎหมายระดับชาติและระหว่างประเทศ รวมถึงกลไกทวิภาคี ยกเว้นใน 4 พื้นที่อ่อนไหว ที่ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เรามุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง แต่กัมพูชาขอสงวนสิทธิในการป้องกันตนเองและคุ้มครองอธิปไตยทุกวิถีทาง” ฮุน มาเนต กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000066126

    #Thaitimes #MGROnline #ฮุนมาเนต #กัมพูชา
    นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ได้ยืนยันถึงจุดยืนและหลักการที่ชัดเจนของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขความตึงเครียดชายแดนกับไทย • ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวปราศรัยในพิธีเปิดศูนย์ฝึกกองราชอาวุธหัถต์ พนมชุม เซน ริกเรย จ.กำปงชนัง ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 32 ปี การสถาปนากองราชอาวุธหัถต์ โดยระบุว่า กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติบนพื้นฐานของกฎหมายและกลไกทวิภาคี • “เรายังคงดำเนินการแก้ไขความตึงเครียดชายแดนโดยใช้พื้นฐานทางกฎหมายและเทคนิคภายใต้กฎหมายระดับชาติและระหว่างประเทศ รวมถึงกลไกทวิภาคี ยกเว้นใน 4 พื้นที่อ่อนไหว ที่ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เรามุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง แต่กัมพูชาขอสงวนสิทธิในการป้องกันตนเองและคุ้มครองอธิปไตยทุกวิถีทาง” ฮุน มาเนต กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000066126 • #Thaitimes #MGROnline #ฮุนมาเนต #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานที่ทรมานและประหารชีวิตสุดอื้อฉาว 3 แห่งของกัมพูชา ที่เขมรแดงใช้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมื่อ 50 ปีก่อน ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อวันศุกร์ (11)

    กลุ่มลัทธิเหมาหัวรุนแรงนำโดยพลพต ได้กำหนดปฏิทินขึ้นใหม่เริ่มต้น ‘ปีศูนย์’ ในวันที่ 17 เม.ย. 2518 กวาดต้อนผู้คนออกจากเมืองเพื่อสร้างรัฐเกษตรกรรมบริสุทธิ์ที่ไร้ชนชั้น การเมือง หรือทุน ประชาชนราว 2 ล้านคนเสียชีวิตจากความอดอยาก บังคับใช้แรงงาน การทรมาน หรือถูกสังหารหมู่ระหว่างปี 2518-2522

    สถานที่ในกัมพูชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประกอบด้วยเรือนจำ 2 แห่ง และทุ่งสังหาร ที่ใช้ประหารชีวิตผู้คนหลายพันคน

    “นี่คือภูมิทัศน์แห่งความทรงจำร่วมกันของเราในกัมพูชา” ยุก ชาง ผู้รอดชีวิตจากทุ่งสังหารและผู้อำนวยการศูนย์เอกสารแห่งกัมพูชา ที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับความโหดร้ายของเขมรแดง กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000065509

    #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา #เขมรแดง #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #ขึ้นทะเบียน #มรดกโลก #ยูเนสโก
    สถานที่ทรมานและประหารชีวิตสุดอื้อฉาว 3 แห่งของกัมพูชา ที่เขมรแดงใช้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมื่อ 50 ปีก่อน ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อวันศุกร์ (11) • กลุ่มลัทธิเหมาหัวรุนแรงนำโดยพลพต ได้กำหนดปฏิทินขึ้นใหม่เริ่มต้น ‘ปีศูนย์’ ในวันที่ 17 เม.ย. 2518 กวาดต้อนผู้คนออกจากเมืองเพื่อสร้างรัฐเกษตรกรรมบริสุทธิ์ที่ไร้ชนชั้น การเมือง หรือทุน ประชาชนราว 2 ล้านคนเสียชีวิตจากความอดอยาก บังคับใช้แรงงาน การทรมาน หรือถูกสังหารหมู่ระหว่างปี 2518-2522 • สถานที่ในกัมพูชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประกอบด้วยเรือนจำ 2 แห่ง และทุ่งสังหาร ที่ใช้ประหารชีวิตผู้คนหลายพันคน • “นี่คือภูมิทัศน์แห่งความทรงจำร่วมกันของเราในกัมพูชา” ยุก ชาง ผู้รอดชีวิตจากทุ่งสังหารและผู้อำนวยการศูนย์เอกสารแห่งกัมพูชา ที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับความโหดร้ายของเขมรแดง กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000065509 • #Thaitimes #MGROnline #กัมพูชา #เขมรแดง #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #ขึ้นทะเบียน #มรดกโลก #ยูเนสโก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • อียิปต์ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการซื้อและติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล HQ-9B ของจีนแล้ว

    สหรัฐกำลังค่อยๆ สูญเสียอิทธิพลในตลาดอาวุธโลกไปเรื่อยๆ

    HQ-9B เป็นระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางถึงไกลของจีน พัฒนาโดย China Precision Machinery Import & Export Corporation (CPMIEC) มีความสามารถในการสกัดกั้นและทำลายเป้าหมายหลายประเภท เช่น เครื่องบิน ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธอากาศสู่พื้น

    โดย HQ-9B เป็นรุ่นปรับปรุงของ HQ-9 ที่มีพิสัยการโจมตีที่ไกลขึ้น (สูงสุด 250-300 กม.) และอาจมีระบบค้นหาแบบคู่ (เรดาร์และอินฟราเรด)

    HQ-9B พัฒนาต่อยอดจากระบบ HQ-9 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากระบบ S-300 ของรัสเซีย และเทคโนโลยีของระบบ Patriot ของสหรัฐฯ
    อียิปต์ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการซื้อและติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล HQ-9B ของจีนแล้ว สหรัฐกำลังค่อยๆ สูญเสียอิทธิพลในตลาดอาวุธโลกไปเรื่อยๆ HQ-9B เป็นระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางถึงไกลของจีน พัฒนาโดย China Precision Machinery Import & Export Corporation (CPMIEC) มีความสามารถในการสกัดกั้นและทำลายเป้าหมายหลายประเภท เช่น เครื่องบิน ขีปนาวุธร่อน และขีปนาวุธอากาศสู่พื้น โดย HQ-9B เป็นรุ่นปรับปรุงของ HQ-9 ที่มีพิสัยการโจมตีที่ไกลขึ้น (สูงสุด 250-300 กม.) และอาจมีระบบค้นหาแบบคู่ (เรดาร์และอินฟราเรด) HQ-9B พัฒนาต่อยอดจากระบบ HQ-9 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากระบบ S-300 ของรัสเซีย และเทคโนโลยีของระบบ Patriot ของสหรัฐฯ
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • Zombie Fabs – ความฝันชิปจีนที่กลายเป็นฝันร้าย

    จีนพยายามผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้แผน “Made in China 2025” ที่ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นผู้นำด้านการผลิตชิประดับโลก แต่เบื้องหลังความคืบหน้ากลับมีโครงการล้มเหลวมากมายที่เผาเงินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์

    หลายโครงการสร้างโรงงานผลิตชิป (fabs) ขนาดใหญ่ แต่ไม่เคยติดตั้งเครื่องจักรหรือเริ่มผลิตจริง กลายเป็น “zombie fabs” ที่ถูกทิ้งร้าง เช่น:
    - HSMC ลงทุน $19B เพื่อสร้างโรงงาน 14nm/7nm แต่ถูกยึดโดยรัฐบาลท้องถิ่นหลังเงินหมด
    - QXIC พยายามสร้างโรงงาน 14nm โดยไม่มีเครื่องจักรหรืออาคารจริง
    - Tsinghua Unigroup ล้มเหลวทั้งโครงการ DRAM และ 3D NAND หลังขาดทุนและผู้บริหารลาออก
    - JHICC ถูกสหรัฐฯ แบนหลังขโมยเทคโนโลยีจาก Micron ทำให้ไม่สามารถพัฒนา DRAM ต่อได้
    - GlobalFoundries ลงทุน $10B ใน Chengdu แต่ต้องยกเลิกกลางทาง ก่อนถูก HLMC เข้าซื้อในปี 2023

    สาเหตุหลักของความล้มเหลวเหล่านี้ ได้แก่:
    - ขาดความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและ R&D
    - พึ่งพาเงินทุนจากรัฐบาลท้องถิ่นโดยไม่มี oversight
    - การบริหารผิดพลาดและการฉ้อโกง
    - ถูกจำกัดการเข้าถึงเครื่องมือผลิตชิประดับสูงจากมาตรการแบนของสหรัฐฯ
    - ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ supply chain ไม่มั่นคง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/zombie-fabs-plague-chinas-chipmaking-ambitions-failures-burning-tens-of-billions-of-dollars
    Zombie Fabs – ความฝันชิปจีนที่กลายเป็นฝันร้าย จีนพยายามผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้แผน “Made in China 2025” ที่ตั้งเป้าให้ประเทศเป็นผู้นำด้านการผลิตชิประดับโลก แต่เบื้องหลังความคืบหน้ากลับมีโครงการล้มเหลวมากมายที่เผาเงินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์ หลายโครงการสร้างโรงงานผลิตชิป (fabs) ขนาดใหญ่ แต่ไม่เคยติดตั้งเครื่องจักรหรือเริ่มผลิตจริง กลายเป็น “zombie fabs” ที่ถูกทิ้งร้าง เช่น: - HSMC ลงทุน $19B เพื่อสร้างโรงงาน 14nm/7nm แต่ถูกยึดโดยรัฐบาลท้องถิ่นหลังเงินหมด - QXIC พยายามสร้างโรงงาน 14nm โดยไม่มีเครื่องจักรหรืออาคารจริง - Tsinghua Unigroup ล้มเหลวทั้งโครงการ DRAM และ 3D NAND หลังขาดทุนและผู้บริหารลาออก - JHICC ถูกสหรัฐฯ แบนหลังขโมยเทคโนโลยีจาก Micron ทำให้ไม่สามารถพัฒนา DRAM ต่อได้ - GlobalFoundries ลงทุน $10B ใน Chengdu แต่ต้องยกเลิกกลางทาง ก่อนถูก HLMC เข้าซื้อในปี 2023 สาเหตุหลักของความล้มเหลวเหล่านี้ ได้แก่: - ขาดความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและ R&D - พึ่งพาเงินทุนจากรัฐบาลท้องถิ่นโดยไม่มี oversight - การบริหารผิดพลาดและการฉ้อโกง - ถูกจำกัดการเข้าถึงเครื่องมือผลิตชิประดับสูงจากมาตรการแบนของสหรัฐฯ - ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ supply chain ไม่มั่นคง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/zombie-fabs-plague-chinas-chipmaking-ambitions-failures-burning-tens-of-billions-of-dollars
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทสัญชาติรัฐของจีน AECC (Aero Engine Corporation of China) ประสบความสำเร็จในการทดสอบ "เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดจิ๋วที่พิมพ์สามมิติ" ได้จริง ไม่ใช่แค่ต้นแบบ แต่คือของจริงที่ “บินได้” และยังให้แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม ที่ระดับความสูงกว่า 13,000 ฟุต ซึ่งถือเป็นการผสานวัสดุศาสตร์ วิศวกรรมการพิมพ์ 3 มิติ และการบินในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

    เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดเล็ก (micro turbojet) ที่จีนทำได้นี้ ไม่ใช่แบบจำลองหรือต้นแบบที่โชว์ในงานนิทรรศการ → แต่มันคือเครื่องยนต์ที่ “ทำงานได้จริง” บินขึ้นจาก Inner Mongolia ด้วยตัวเอง → มีแรงขับถึง 160 กิโลกรัม และบินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต)

    แม้ทาง AECC จะไม่เปิดเผยว่า “ส่วนไหนของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ” แต่บอกว่าใช้หลัก "multidisciplinary topological optimization" ในการออกแบบ → ลดน้ำหนักลงอย่างแม่นยำ โดยปรับพารามิเตอร์การพิมพ์ให้เหมาะกับแต่ละชิ้นส่วน → ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งแรงขับ–ความเบา–และความทนทาน

    แม้จะยังไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องเครื่องพิมพ์หรือวัสดุที่ใช้ แต่การที่สามารถพิมพ์และบินได้จริงแบบนี้ ทำให้ จีนกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet พิมพ์ 3 มิติแบบสำเร็จเต็มรูปแบบ

    AECC ของจีนเป็นองค์กรแรกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet ขนาดจิ๋วแบบพิมพ์ 3 มิติได้สำเร็จ  
    • ไม่ใช่แค่จำลอง แต่ “บินได้จริง” ในภาคสนาม  
    • ทดสอบในเขต Inner Mongolia

    แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม (≒ 350 ปอนด์)  
    • บินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต)

    ออกแบบด้วยแนวคิด “multidisciplinary topological optimization”  
    • เน้นลดน้ำหนัก → เพิ่มแรงขับต่อมวล  
    • ปรับพารามิเตอร์พิมพ์แต่ละชิ้นให้เหมาะสมที่สุด

    ยังไม่ชัดว่าส่วนไหนของเครื่องยนต์ถูกพิมพ์ 3 มิติ, วัสดุที่ใช้ หรือประเภทเครื่องพิมพ์

    ถือเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ว่า 3D Printing ใช้งานได้จริงในด้าน aerospace ไม่ใช่แค่ต้นแบบ

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/china-state-backed-firm-is-first-to-3d-print-a-micro-turbojet-engine-and-not-just-for-show-new-design-delivers-160-kg-of-thrust-successfully-tested-at-13-000-ft-altitude
    บริษัทสัญชาติรัฐของจีน AECC (Aero Engine Corporation of China) ประสบความสำเร็จในการทดสอบ "เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดจิ๋วที่พิมพ์สามมิติ" ได้จริง ไม่ใช่แค่ต้นแบบ แต่คือของจริงที่ “บินได้” และยังให้แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม ที่ระดับความสูงกว่า 13,000 ฟุต ซึ่งถือเป็นการผสานวัสดุศาสตร์ วิศวกรรมการพิมพ์ 3 มิติ และการบินในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน 🛩️🧩 เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดเล็ก (micro turbojet) ที่จีนทำได้นี้ ไม่ใช่แบบจำลองหรือต้นแบบที่โชว์ในงานนิทรรศการ → แต่มันคือเครื่องยนต์ที่ “ทำงานได้จริง” บินขึ้นจาก Inner Mongolia ด้วยตัวเอง → มีแรงขับถึง 160 กิโลกรัม และบินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต) แม้ทาง AECC จะไม่เปิดเผยว่า “ส่วนไหนของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ” แต่บอกว่าใช้หลัก "multidisciplinary topological optimization" ในการออกแบบ → ลดน้ำหนักลงอย่างแม่นยำ โดยปรับพารามิเตอร์การพิมพ์ให้เหมาะกับแต่ละชิ้นส่วน → ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งแรงขับ–ความเบา–และความทนทาน แม้จะยังไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องเครื่องพิมพ์หรือวัสดุที่ใช้ แต่การที่สามารถพิมพ์และบินได้จริงแบบนี้ ทำให้ จีนกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet พิมพ์ 3 มิติแบบสำเร็จเต็มรูปแบบ ✅ AECC ของจีนเป็นองค์กรแรกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet ขนาดจิ๋วแบบพิมพ์ 3 มิติได้สำเร็จ   • ไม่ใช่แค่จำลอง แต่ “บินได้จริง” ในภาคสนาม   • ทดสอบในเขต Inner Mongolia ✅ แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม (≒ 350 ปอนด์)   • บินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต) ✅ ออกแบบด้วยแนวคิด “multidisciplinary topological optimization”   • เน้นลดน้ำหนัก → เพิ่มแรงขับต่อมวล   • ปรับพารามิเตอร์พิมพ์แต่ละชิ้นให้เหมาะสมที่สุด ✅ ยังไม่ชัดว่าส่วนไหนของเครื่องยนต์ถูกพิมพ์ 3 มิติ, วัสดุที่ใช้ หรือประเภทเครื่องพิมพ์ ✅ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ว่า 3D Printing ใช้งานได้จริงในด้าน aerospace ไม่ใช่แค่ต้นแบบ https://www.tomshardware.com/3d-printing/china-state-backed-firm-is-first-to-3d-print-a-micro-turbojet-engine-and-not-just-for-show-new-design-delivers-160-kg-of-thrust-successfully-tested-at-13-000-ft-altitude
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้ เรามักนึกถึง Alibaba, Huawei, Tencent ว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่จีนในจีน” แต่วันนี้พวกเขามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะขยายตัวสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เทรนด์ AI Infrastructure กำลังระเบิด → ทุกประเทศต่างแย่งกันสร้างศูนย์ข้อมูล รัน LLMs และติดอาวุธให้ธุรกิจด้วย AI

    จากรายงานของ Taiwan Economic Daily ระบุว่า:
    - Alibaba Cloud ลงทุนกว่า ¥400 ล้านหยวนเพื่อขยายฐาน AI ทั่วโลก
    - Huawei เริ่มปักหมุด Ascend Chips ในมาเลเซีย
    - Tencent ก็เตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศเพิ่มเติม

    แม้จะสู้ Big Tech อย่าง AWS, Azure, Google Cloud ในเรื่อง CapEx ยังไม่ได้ แต่ ฝั่งจีนชูจุดขายด้าน “นวัตกรรมวิศวกรรม” และราคาย่อมเยา แถมมีโมเดล AI ที่เริ่มตีตื้น LLM ฝั่งตะวันตก เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2

    โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ซึ่งยังเปิดกว้าง และไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีจากฝั่งสหรัฐฯ → กลายเป็นสนามประลองใหม่ของ CSP จีนและอเมริกา

    Alibaba Cloud ลงทุนกว่า 400 ล้านหยวน (ราว 2 พันล้านบาท) ขยายบริการ AI Infrastructure สู่ต่างประเทศ  
    • เปิดศูนย์ข้อมูลในกว่า 29 ภูมิภาคนอกจีน  
    • เจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อย่างมาเลเซีย ไทย ฯลฯ

    Huawei ส่งชิป AI “Ascend” ลงพื้นที่ เช่นในมาเลเซีย เพื่อทดแทน GPU จากตะวันตก  
    • ใช้เป็นทางเลือกในการฝึกและรัน LLM แบบ sovereign AI

    Tencent และ Alibaba มี LLM รุ่นล่าสุดที่แข่งขันกับ GPT–Claude ได้ในบาง benchmark
    • เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2  
    • แม้จะใช้ฮาร์ดแวร์ที่ “ด้อยกว่า” แต่ยังสร้างผลงานเทียบเคียงกันได้

    วิศวกรรม + ราคา ถูกชูเป็นข้อได้เปรียบเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ  
    • ไม่เน้น CapEx หนักแบบ AWS แต่ใช้ “โซลูชันเฉพาะกลุ่ม”

    ตลาดเป้าหมายหลักคือ: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อ่าวเปอร์เซีย, ประเทศกำลังพัฒนา

    https://wccftech.com/china-big-tech-csp-are-accelerating-their-overseas-expansion/
    ก่อนหน้านี้ เรามักนึกถึง Alibaba, Huawei, Tencent ว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่จีนในจีน” แต่วันนี้พวกเขามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะขยายตัวสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เทรนด์ AI Infrastructure กำลังระเบิด → ทุกประเทศต่างแย่งกันสร้างศูนย์ข้อมูล รัน LLMs และติดอาวุธให้ธุรกิจด้วย AI 📌 จากรายงานของ Taiwan Economic Daily ระบุว่า: - Alibaba Cloud ลงทุนกว่า ¥400 ล้านหยวนเพื่อขยายฐาน AI ทั่วโลก - Huawei เริ่มปักหมุด Ascend Chips ในมาเลเซีย - Tencent ก็เตรียมเปิดศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศเพิ่มเติม แม้จะสู้ Big Tech อย่าง AWS, Azure, Google Cloud ในเรื่อง CapEx ยังไม่ได้ แต่ ฝั่งจีนชูจุดขายด้าน “นวัตกรรมวิศวกรรม” และราคาย่อมเยา แถมมีโมเดล AI ที่เริ่มตีตื้น LLM ฝั่งตะวันตก เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2 📍 โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ซึ่งยังเปิดกว้าง และไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีจากฝั่งสหรัฐฯ → กลายเป็นสนามประลองใหม่ของ CSP จีนและอเมริกา ✅ Alibaba Cloud ลงทุนกว่า 400 ล้านหยวน (ราว 2 พันล้านบาท) ขยายบริการ AI Infrastructure สู่ต่างประเทศ   • เปิดศูนย์ข้อมูลในกว่า 29 ภูมิภาคนอกจีน   • เจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อย่างมาเลเซีย ไทย ฯลฯ ✅ Huawei ส่งชิป AI “Ascend” ลงพื้นที่ เช่นในมาเลเซีย เพื่อทดแทน GPU จากตะวันตก   • ใช้เป็นทางเลือกในการฝึกและรัน LLM แบบ sovereign AI ✅ Tencent และ Alibaba มี LLM รุ่นล่าสุดที่แข่งขันกับ GPT–Claude ได้ในบาง benchmark • เช่น Qwen2.5-Max, DeepSeek R1/R2   • แม้จะใช้ฮาร์ดแวร์ที่ “ด้อยกว่า” แต่ยังสร้างผลงานเทียบเคียงกันได้ ✅ วิศวกรรม + ราคา ถูกชูเป็นข้อได้เปรียบเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ   • ไม่เน้น CapEx หนักแบบ AWS แต่ใช้ “โซลูชันเฉพาะกลุ่ม” ✅ ตลาดเป้าหมายหลักคือ: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อ่าวเปอร์เซีย, ประเทศกำลังพัฒนา https://wccftech.com/china-big-tech-csp-are-accelerating-their-overseas-expansion/
    WCCFTECH.COM
    China's "Big Tech" CSPs Are Accelerating Their Overseas Expansion; Alibaba, Huawei & Tencent To Spend Billions On Global AI Infrastructure
    Major Chinese CSPs are now pushing towards making moves in the global AI markets, as Huawei, Tencent, and others allocate massive capital.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทหารพม่าออกคำแถลงระบุว่าได้ปลดเยาวชน 93 คนจากการเป็นทหารแล้ว และโต้แย้งรายงานของสหประชาชาติที่กล่าวหาว่ารัฐบาลทหารและพันธมิตรเกณฑ์เด็กเป็นทหารมากกว่า 400 คน โดยหลายคนอยู่ในสนามรบ

    ในการยอมรับที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นนี้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหาร พวกเขาระบุว่าได้ดำเนินการตรวจสอบเมื่อปีที่แล้ว และได้ปล่อยตัวเยาวชน 93 คน โดยเยาวชนเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินด้วย

    “จนถึงขณะนี้ มีผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นเยาวชนอีก 18 คน ที่ยังคงรอการตรวจสอบ” คณะกรรมการที่ดำเนินการโดยรัฐบาลทหารระบุในคำแถลงที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ ออฟ เมียนมา

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเยาวชน 93 คน ได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด กองทัพพม่าและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรได้เกณฑ์เด็กชาย 467 คน และเด็กหญิง 15 คน เมื่อปีที่แล้ว โดยเด็กกว่า 370 คนมีหน้าที่ในการสู้รบ รายงานของเลชาธิการสหประชาชาติเกี่ยวกับเด็กและความขัดแย้งทางอาวุธระบุ
    •1
    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000063602

    #Thaitimes #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    รัฐบาลทหารพม่าออกคำแถลงระบุว่าได้ปลดเยาวชน 93 คนจากการเป็นทหารแล้ว และโต้แย้งรายงานของสหประชาชาติที่กล่าวหาว่ารัฐบาลทหารและพันธมิตรเกณฑ์เด็กเป็นทหารมากกว่า 400 คน โดยหลายคนอยู่ในสนามรบ ในการยอมรับที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นนี้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหาร พวกเขาระบุว่าได้ดำเนินการตรวจสอบเมื่อปีที่แล้ว และได้ปล่อยตัวเยาวชน 93 คน โดยเยาวชนเหล่านี้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินด้วย • “จนถึงขณะนี้ มีผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นเยาวชนอีก 18 คน ที่ยังคงรอการตรวจสอบ” คณะกรรมการที่ดำเนินการโดยรัฐบาลทหารระบุในคำแถลงที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ ออฟ เมียนมา • อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเยาวชน 93 คน ได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด กองทัพพม่าและกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรได้เกณฑ์เด็กชาย 467 คน และเด็กหญิง 15 คน เมื่อปีที่แล้ว โดยเด็กกว่า 370 คนมีหน้าที่ในการสู้รบ รายงานของเลชาธิการสหประชาชาติเกี่ยวกับเด็กและความขัดแย้งทางอาวุธระบุ •1 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000063602 • #Thaitimes #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวโจมตีพลังงานลมระหว่างการปราศรัย โดยระบุว่ากังหันลม “ทำลายทุ่งหญ้าและหุบเขาในอเมริกา ฆ่านก และไร้ประโยชน์” พร้อมพาดพิงถึงจีนว่า “ตนไม่เคยเห็นฟาร์มกังหันลมในประเทศจีนเลยสักแห่ง”

    คำพูดดังกล่าวสร้างเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ โดยชาวเน็ตจีนจำนวนมากพากันโพสต์ภาพฟาร์มพลังงานลมของจีนจากทั่วประเทศลงในโซเชียลมีเดียเพื่อโต้กลับคำพูดของทรัมป์ พร้อมย้ำว่าจีนไม่เพียงมีฟาร์มพลังงานลม แต่ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและใช้พลังงานสะอาด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000063441

    #MGROnline #กังหันลม
    วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวโจมตีพลังงานลมระหว่างการปราศรัย โดยระบุว่ากังหันลม “ทำลายทุ่งหญ้าและหุบเขาในอเมริกา ฆ่านก และไร้ประโยชน์” พร้อมพาดพิงถึงจีนว่า “ตนไม่เคยเห็นฟาร์มกังหันลมในประเทศจีนเลยสักแห่ง” • คำพูดดังกล่าวสร้างเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ โดยชาวเน็ตจีนจำนวนมากพากันโพสต์ภาพฟาร์มพลังงานลมของจีนจากทั่วประเทศลงในโซเชียลมีเดียเพื่อโต้กลับคำพูดของทรัมป์ พร้อมย้ำว่าจีนไม่เพียงมีฟาร์มพลังงานลม แต่ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและใช้พลังงานสะอาด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000063441 • #MGROnline #กังหันลม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิปอย่าง Synopsys, Cadence และ Siemens EDA ต้องขอใบอนุญาตเป็นรายกรณีก่อนส่งออกซอฟต์แวร์ไปยังจีน → สร้างความปั่นป่วนทันที เพราะทั้ง 3 บริษัทถือครองตลาด EDA ร่วมกันกว่า 70% ของโลก และจีนเองก็พึ่งพาซอฟต์แวร์เหล่านี้ในการออกแบบชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง

    แต่ไม่ถึง 6 สัปดาห์หลังจากออกคำสั่ง…รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับลำ → อนุญาตให้กลับมาขายแบบ “ไม่ต้องมีใบอนุญาต” ได้อีกครั้ง → แม้จะไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวชี้ว่าเกิดจากดีลการเจรจากับจีนที่ “จีนยอมผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ เช่น นีโอไดเมียม ลิเธียม ฯลฯ ที่ใช้ผลิตแม่เหล็ก มอเตอร์ และแบตเตอรี่

    ผลที่ตามมาคือ:
    - Synopsys และ Cadence ได้ “คืนชีวิต” ทันที เพราะจีนคิดเป็น 12–16% ของรายได้
    - อุตสาหกรรมชิปโล่งอก เพราะไม่ต้องปรับระบบใหม่รวดเร็วเกินไป
    - บางฝ่ายมองว่าก้าวนี้คือ “การยอมถอยเชิงยุทธศาสตร์” เพื่อรักษาผลประโยชน์ฝั่งอุตสาหกรรม

    https://www.techspot.com/news/108550-us-lifts-chip-design-software-export-ban-china.html
    เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิปอย่าง Synopsys, Cadence และ Siemens EDA ต้องขอใบอนุญาตเป็นรายกรณีก่อนส่งออกซอฟต์แวร์ไปยังจีน → สร้างความปั่นป่วนทันที เพราะทั้ง 3 บริษัทถือครองตลาด EDA ร่วมกันกว่า 70% ของโลก และจีนเองก็พึ่งพาซอฟต์แวร์เหล่านี้ในการออกแบบชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูง แต่ไม่ถึง 6 สัปดาห์หลังจากออกคำสั่ง…รัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับลำ → อนุญาตให้กลับมาขายแบบ “ไม่ต้องมีใบอนุญาต” ได้อีกครั้ง → แม้จะไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวชี้ว่าเกิดจากดีลการเจรจากับจีนที่ “จีนยอมผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ เช่น นีโอไดเมียม ลิเธียม ฯลฯ ที่ใช้ผลิตแม่เหล็ก มอเตอร์ และแบตเตอรี่ ผลที่ตามมาคือ: - Synopsys และ Cadence ได้ “คืนชีวิต” ทันที เพราะจีนคิดเป็น 12–16% ของรายได้ - อุตสาหกรรมชิปโล่งอก เพราะไม่ต้องปรับระบบใหม่รวดเร็วเกินไป - บางฝ่ายมองว่าก้าวนี้คือ “การยอมถอยเชิงยุทธศาสตร์” เพื่อรักษาผลประโยชน์ฝั่งอุตสาหกรรม https://www.techspot.com/news/108550-us-lifts-chip-design-software-export-ban-china.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US lifts chip design software export ban to China after rare earths deal
    This policy shift marks a significant moment in the ongoing trade relationship between the United States and China, coming on the heels of a broader framework agreement...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางสายไหม สายธารประวัติศาสตร์
    **หลานโจว – จางเย่ – ตุนหวง – อูลู่มู่ฉี**
    8 วัน 6 คืน สัมผัสอารยธรรมโลกตะวันออก

    เดินทาง
    • 9-16 ส.ค. 68
    • 6-13 ก.ย. 68
    • 13-20 ก.ย. 68

    โดยสายการบิน China Southern Airlines (CZ)
    ราคาเริ่มต้น คุ้มค่ากับประสบการณ์สุดยิ่งใหญ่

    ไฮไลท์พิเศษ
    เจียยี่กวน – ปราการสุดท้ายของกำแพงเมืองจีน
    ถ้ำม่อเกา – พุทธศิลป์โบราณ มรดกโลกอันล้ำค่า
    ขี่อูฐกลางทะเลทรายที่ “เนินทรายครวญคลื่น” และ “บ่อน้ำวงพระจันทร์”
    เขาสายรุ้งจางเย่ – ความงามจากธรรมชาติรังสรรค์
    สำรวจดินแดนเหอซี อารยธรรมเส้นทางสายไหม
    ธรรมชาติแกรนด์วิว สุดตื่นตาตื่นใจ
    แสงเทียนสะท้อนศิลป์ พุทธศาสนาอันตราตรึงใจ

    ทริปนี้ไม่ใช่แค่เที่ยว แต่คือการเดินทางผ่านหน้าประวัติศาสตร์!

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e9dcbd

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #เส้นทางสายไหม #ถ้ำม่อเกา #เนินทรายครวญคลื่น #บ่อน้ำพระจันทร์ #เขาสายรุ้งจางเย่ #อูลู่มู่ฉี #ตุนหวง #ChinaSouthern #SilkRoadAdventure #เที่ยวจีนแบบมีคลาส
    🌏 เส้นทางสายไหม สายธารประวัติศาสตร์ 🇨🇳 **หลานโจว – จางเย่ – ตุนหวง – อูลู่มู่ฉี** 8 วัน 6 คืน สัมผัสอารยธรรมโลกตะวันออก 📆 เดินทาง • 9-16 ส.ค. 68 • 6-13 ก.ย. 68 • 13-20 ก.ย. 68 ✈️ โดยสายการบิน China Southern Airlines (CZ) 💰 ราคาเริ่มต้น คุ้มค่ากับประสบการณ์สุดยิ่งใหญ่ 🌟 ไฮไลท์พิเศษ 🏯 เจียยี่กวน – ปราการสุดท้ายของกำแพงเมืองจีน 🧱 ถ้ำม่อเกา – พุทธศิลป์โบราณ มรดกโลกอันล้ำค่า 🐪 ขี่อูฐกลางทะเลทรายที่ “เนินทรายครวญคลื่น” และ “บ่อน้ำวงพระจันทร์” 🎨 เขาสายรุ้งจางเย่ – ความงามจากธรรมชาติรังสรรค์ 🏜️ สำรวจดินแดนเหอซี อารยธรรมเส้นทางสายไหม 🏞️ ธรรมชาติแกรนด์วิว สุดตื่นตาตื่นใจ 🕯️ แสงเทียนสะท้อนศิลป์ พุทธศาสนาอันตราตรึงใจ ทริปนี้ไม่ใช่แค่เที่ยว แต่คือการเดินทางผ่านหน้าประวัติศาสตร์! ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e9dcbd ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #เส้นทางสายไหม #ถ้ำม่อเกา #เนินทรายครวญคลื่น #บ่อน้ำพระจันทร์ #เขาสายรุ้งจางเย่ #อูลู่มู่ฉี #ตุนหวง #ChinaSouthern #SilkRoadAdventure #เที่ยวจีนแบบมีคลาส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?”

    คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์:
    - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี)
    - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี)
    - Li Ming (จีน, 51 ปี)

    พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง

    การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด”

    ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง

    สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024  
    • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ  
    • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง

    DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024  
    • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude  
    • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3

    NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%  
    • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ

    NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ  
    • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek”

    สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก  
    • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม

    สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?” คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์: - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี) - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี) - Li Ming (จีน, 51 ปี) พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด” ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง ✅ สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024   • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ   • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง ✅ DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024   • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude   • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3 ✅ NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%   • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ ✅ NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ   • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek” ✅ สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก   • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม ✅ สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวว่ากัมพูชากำลังรอที่จะเจรจากับผู้ที่มีอำนาจที่ถูกต้องตามกฎหมายในไทยเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยังดำเนินอยู่ระหว่างสองประเทศ โดยผู้นำกัมพูชากล่าวขึ้นในงานเฉลิมฉลองวันประมงแห่งชาติ และปล่อยปลา 1.5 ล้านตัวลงทะเลสาบโตนเลสาบ ที่จัดขึ้นในจ.ตาแก้ว

    ความคิดเห็นของผู้นำกัมพูชามีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ขาดอำนาจจำเป็นในการสั่งการกองทัพและปกครองประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

    “เราไม่ได้กำลังเล่นเกม แต่เมื่อเรามีส่วนร่วม เราก็ทำอย่างจริงจัง ในกัมพูชาไม่มีความสับสนระหว่างบุคคลต่างๆ ที่ออกคำแถลงขัดแย้งกันหรือออกจดหมาย 4 ฉบับแยกกันโดยกล่าวถึงสิ่งที่แตกต่างกัน เรากำลังรอใครสังคนที่มีอำนาจแท้จริง ใครสักคนที่มีอำนาจอย่างถูกต้องชอบธรรมในการเปิดหรือปิดด่านชายแดน” ฮุน มาเนต กล่าวย้ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000061968

    #Thaitimes #MGROnline #ฮุนมาเนต #กัมพูชา
    นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวว่ากัมพูชากำลังรอที่จะเจรจากับผู้ที่มีอำนาจที่ถูกต้องตามกฎหมายในไทยเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยังดำเนินอยู่ระหว่างสองประเทศ โดยผู้นำกัมพูชากล่าวขึ้นในงานเฉลิมฉลองวันประมงแห่งชาติ และปล่อยปลา 1.5 ล้านตัวลงทะเลสาบโตนเลสาบ ที่จัดขึ้นในจ.ตาแก้ว • ความคิดเห็นของผู้นำกัมพูชามีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ขาดอำนาจจำเป็นในการสั่งการกองทัพและปกครองประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ • “เราไม่ได้กำลังเล่นเกม แต่เมื่อเรามีส่วนร่วม เราก็ทำอย่างจริงจัง ในกัมพูชาไม่มีความสับสนระหว่างบุคคลต่างๆ ที่ออกคำแถลงขัดแย้งกันหรือออกจดหมาย 4 ฉบับแยกกันโดยกล่าวถึงสิ่งที่แตกต่างกัน เรากำลังรอใครสังคนที่มีอำนาจแท้จริง ใครสักคนที่มีอำนาจอย่างถูกต้องชอบธรรมในการเปิดหรือปิดด่านชายแดน” ฮุน มาเนต กล่าวย้ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000061968 • #Thaitimes #MGROnline #ฮุนมาเนต #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงแม้สหรัฐจะคว่ำบาตรจีน ห้ามส่งออกเครื่องจักรลิธอกราฟีรุ่นใหม่ หรือซอฟต์แวร์ออกแบบชิป แต่จีนกลับใช้วิธี “ลงทุนสร้างโรงงานมากขึ้น” เพื่อเร่งความพึ่งพาตนเอง

    ตอนนี้จีนมีโรงงานผลิตเวเฟอร์ (fab) จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huahong Semiconductor ที่เพิ่งเปิดโรงงานขนาด 12 นิ้วที่เมือง Wuxi และแค่ในปี 2024 ปีเดียว จีนผลิตเวเฟอร์ได้ถึง 8.85 ล้านแผ่นต่อเดือน เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะทะลุ 10.1 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2025

    บริษัทวิจัย Yole Group คาดว่าภายในปี 2030 จีนจะถือกำลังการผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%) ซึ่งหมายความว่า จีนจะกลายเป็น hub การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก

    แม้จะมีจุดอ่อนเรื่องการผลิต “ชิประดับแนวหน้า” (เพราะถูกจำกัดเทคโนโลยี) แต่การที่จีนควบคุมการผลิต “จำนวนมาก” ได้ ย่อมสร้างอำนาจต่อรองในตลาดโลกอย่างมหาศาล

    จีนคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำลังผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% ภายในปี 2030  
    • แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%)  
    • ตามข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ Yole Group

    ปัจจุบันจีนมีส่วนแบ่งการผลิตเวเฟอร์อยู่ที่ 21% (ไต้หวันนำที่ 23%)  
    • ญี่ปุ่น 13%, สหรัฐ 10%, ยุโรป 8%

    จีนผลิตเวเฟอร์ได้ 8.85 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2024 → คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10.1 ล้านในปี 2025  
    • เติบโต ~15% ต่อปี แม้เผชิญข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร

    มีการเปิดโรงงานใหม่อย่างน้อย 18 แห่งในปีที่ผ่านมา  
    • รวมถึงโรงงานใหม่ของ Huahong Semiconductor ในเมือง Wuxi

    สหรัฐใช้เซมิคอนดักเตอร์มากที่สุด (57% ของความต้องการโลก) แต่ผลิตได้แค่ 10% ของโลก  
    • ต้องนำเข้าจากจีน, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ เป็นหลัก

    ยุโรปและญี่ปุ่นผลิตพอใช้ภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่  
    • ขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียมีส่วนแบ่ง ~6% โดยส่วนใหญ่ผลิตให้ตลาดต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-could-be-the-worlds-top-semiconductor-foundry-hub-by-2030-despite-us-curbs-nation-to-hold-30-percent-of-global-installed-capacity-surpassing-taiwan
    ถึงแม้สหรัฐจะคว่ำบาตรจีน ห้ามส่งออกเครื่องจักรลิธอกราฟีรุ่นใหม่ หรือซอฟต์แวร์ออกแบบชิป แต่จีนกลับใช้วิธี “ลงทุนสร้างโรงงานมากขึ้น” เพื่อเร่งความพึ่งพาตนเอง ตอนนี้จีนมีโรงงานผลิตเวเฟอร์ (fab) จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huahong Semiconductor ที่เพิ่งเปิดโรงงานขนาด 12 นิ้วที่เมือง Wuxi และแค่ในปี 2024 ปีเดียว จีนผลิตเวเฟอร์ได้ถึง 8.85 ล้านแผ่นต่อเดือน เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว และคาดว่าจะทะลุ 10.1 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2025 บริษัทวิจัย Yole Group คาดว่าภายในปี 2030 จีนจะถือกำลังการผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%) ซึ่งหมายความว่า จีนจะกลายเป็น hub การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก แม้จะมีจุดอ่อนเรื่องการผลิต “ชิประดับแนวหน้า” (เพราะถูกจำกัดเทคโนโลยี) แต่การที่จีนควบคุมการผลิต “จำนวนมาก” ได้ ย่อมสร้างอำนาจต่อรองในตลาดโลกอย่างมหาศาล ✅ จีนคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำลังผลิตเวเฟอร์ทั่วโลกถึง 30% ภายในปี 2030   • แซงหน้าไต้หวัน (23%) และเกาหลีใต้ (19%)   • ตามข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ Yole Group ✅ ปัจจุบันจีนมีส่วนแบ่งการผลิตเวเฟอร์อยู่ที่ 21% (ไต้หวันนำที่ 23%)   • ญี่ปุ่น 13%, สหรัฐ 10%, ยุโรป 8% ✅ จีนผลิตเวเฟอร์ได้ 8.85 ล้านแผ่น/เดือนในปี 2024 → คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10.1 ล้านในปี 2025   • เติบโต ~15% ต่อปี แม้เผชิญข้อจำกัดจากการคว่ำบาตร ✅ มีการเปิดโรงงานใหม่อย่างน้อย 18 แห่งในปีที่ผ่านมา   • รวมถึงโรงงานใหม่ของ Huahong Semiconductor ในเมือง Wuxi ✅ สหรัฐใช้เซมิคอนดักเตอร์มากที่สุด (57% ของความต้องการโลก) แต่ผลิตได้แค่ 10% ของโลก   • ต้องนำเข้าจากจีน, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ เป็นหลัก ✅ ยุโรปและญี่ปุ่นผลิตพอใช้ภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่   • ขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซียมีส่วนแบ่ง ~6% โดยส่วนใหญ่ผลิตให้ตลาดต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-could-be-the-worlds-top-semiconductor-foundry-hub-by-2030-despite-us-curbs-nation-to-hold-30-percent-of-global-installed-capacity-surpassing-taiwan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซน ประธานพฤฒสภากัมพูชาได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของไทย น้องสาวของทักษิณ ชินวัตร ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาหลบหนีออกจากไทย และลี้ภัยไปต่างประเทศ

    ในการประชุมสมาชิกสภาท้องถิ่นในจ.พระวิหาร วันนี้ (27) ฮุนเซนกล่าวว่าตนไม่เปิดเผยข้อมูลนี้เพราะเกรงใจ แต่จำเป็นต้องพูดอกมาหลังจากที่ถูกแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยคนปัจจุบันโจมตีเป็นการส่วนตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    “ผมสงสารยิ่งลักษณ์ เธอยังคงถือหนังสือเดินทางกัมพูชาและอาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่เธอต้องทนทุกข์เพราะพี่ชายของเธอ และตอนนี้เป็นเพราะหลานสาวของเธออีก ผมไม่ได้อยากที่จะพูด แต่ก็ต้องทำ ตอนที่รถพายิ่งลักษณ์ออกจากปอยเปต ตรงกับเที่ยวบินของเธอจากสิงคโปร์มายังเสียมราฐ พอเครื่องบินลงจอด เธอก็ขึ้นรถทันที วันนี้ความจริงถูกเปิดเผย” ฮุนเซน กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000060614

    #MGROnline #ฮุนเซน #ประธานพฤฒสภากัมพูชา #อดีตนายกรัฐมนตรี #ยิ่งลักษณชินวัตร
    ฮุนเซน ประธานพฤฒสภากัมพูชาได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของไทย น้องสาวของทักษิณ ชินวัตร ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาหลบหนีออกจากไทย และลี้ภัยไปต่างประเทศ • ในการประชุมสมาชิกสภาท้องถิ่นในจ.พระวิหาร วันนี้ (27) ฮุนเซนกล่าวว่าตนไม่เปิดเผยข้อมูลนี้เพราะเกรงใจ แต่จำเป็นต้องพูดอกมาหลังจากที่ถูกแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยคนปัจจุบันโจมตีเป็นการส่วนตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า • “ผมสงสารยิ่งลักษณ์ เธอยังคงถือหนังสือเดินทางกัมพูชาและอาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่เธอต้องทนทุกข์เพราะพี่ชายของเธอ และตอนนี้เป็นเพราะหลานสาวของเธออีก ผมไม่ได้อยากที่จะพูด แต่ก็ต้องทำ ตอนที่รถพายิ่งลักษณ์ออกจากปอยเปต ตรงกับเที่ยวบินของเธอจากสิงคโปร์มายังเสียมราฐ พอเครื่องบินลงจอด เธอก็ขึ้นรถทันที วันนี้ความจริงถูกเปิดเผย” ฮุนเซน กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000060614 • #MGROnline #ฮุนเซน #ประธานพฤฒสภากัมพูชา #อดีตนายกรัฐมนตรี #ยิ่งลักษณชินวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สิ่งที่เขาแบกไว้บนบ่า คือ ครอบครัว สิ่งที่เขากุมไว้ในมือ คือ อนาคต” คอมเมนต์สุดประทับใจจากชาวเน็ตที่มีต่อภาพของสองพ่อลูกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ก่อนที่ภาพของพวกเขาจะกลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง หลังมีการโพสต์ภาพอัพเดตชีวิตของพวกเขาในช่วงวันพ่อของจีน (15 มิ.ย.ที่ผ่านมา)

    "พ่อครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมหวังว่า ผมจะสามารถแบ่งเบาภาระของพ่อได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม" หรานจวิ้นเชา นักศึกษาวัย 18 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของหรานกวางฮุยกล่าว โดยเขายังซื้อนาฬิกาและเสื้อโค้ทให้พ่อเป็นของขวัญอีกด้วย

    ย้อนกลับไปในปี 2010 ช่างภาพคนหนึ่งจากสำนักข่าวซินหัว ได้ถ่ายภาพของหรานกวางฮุย ที่กำลังทำหน้าที่เป็นลูกหาบ ใช้มือซ้ายจับถุงที่หนักกว่าร้อยกิโลกรัมแบกไว้ไม่ให้ตกจากหลัง ขณะที่มืออีกข้างจับมือหรานจวิ้นเชา วัย 3 ขวบ เดินลงบันได

    ภาพดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ต โดยพวกเขาต่างประทับใจในความรักที่หรานกวางฮุยมีต่อลูกชาย รวมทั้งความรับผิดชอบของเขาต่อครอบครัว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000060472

    #Thaitimes #MGROnline #หรานกวางฮุย #หรานจวิ้นเชา #ลูกหาบ
    “สิ่งที่เขาแบกไว้บนบ่า คือ ครอบครัว สิ่งที่เขากุมไว้ในมือ คือ อนาคต” คอมเมนต์สุดประทับใจจากชาวเน็ตที่มีต่อภาพของสองพ่อลูกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ก่อนที่ภาพของพวกเขาจะกลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง หลังมีการโพสต์ภาพอัพเดตชีวิตของพวกเขาในช่วงวันพ่อของจีน (15 มิ.ย.ที่ผ่านมา) • "พ่อครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมหวังว่า ผมจะสามารถแบ่งเบาภาระของพ่อได้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม" หรานจวิ้นเชา นักศึกษาวัย 18 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของหรานกวางฮุยกล่าว โดยเขายังซื้อนาฬิกาและเสื้อโค้ทให้พ่อเป็นของขวัญอีกด้วย • ย้อนกลับไปในปี 2010 ช่างภาพคนหนึ่งจากสำนักข่าวซินหัว ได้ถ่ายภาพของหรานกวางฮุย ที่กำลังทำหน้าที่เป็นลูกหาบ ใช้มือซ้ายจับถุงที่หนักกว่าร้อยกิโลกรัมแบกไว้ไม่ให้ตกจากหลัง ขณะที่มืออีกข้างจับมือหรานจวิ้นเชา วัย 3 ขวบ เดินลงบันได • ภาพดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ต โดยพวกเขาต่างประทับใจในความรักที่หรานกวางฮุยมีต่อลูกชาย รวมทั้งความรับผิดชอบของเขาต่อครอบครัว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000060472 • #Thaitimes #MGROnline #หรานกวางฮุย #หรานจวิ้นเชา #ลูกหาบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้เรามักเห็นจีนใช้ชิป Intel หรือ AMD เป็นหลักในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือหน่วยงานวิจัย แต่ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นอย่างหนักให้พัฒนา “ชิปพื้นบ้าน (homegrown)” ขึ้นมาใช้เองในระยะยาว โดย Loongson คือหนึ่งในบริษัทที่ถือธงนำทัพด้านนี้

    ล่าสุดพวกเขาเปิดตัว Loongson 3E6000 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม LoongArch 6000 พร้อมแกนประมวลผล LA664 รวมทั้งหมด 64 คอร์ 128 เธรด, ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, แคช 32MB และรองรับ DDR4-3200 แบบ quad-channel

    จุดน่าสนใจคือ ตัวชิปนี้ใช้เทคนิค “quad-chiplet” คือรวม 4 ชิปย่อยเชื่อมกันด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อ LoongLink (คล้ายกับ Infinity Fabric หรือ NVLink) — ทำให้สร้างชิป 64 คอร์ได้แม้กระบวนการผลิตของจีนจะยังตามหลังตะวันตก

    แม้ยังมีจุดอ่อนด้าน floating-point แต่ผลการทดสอบใน Spec CPU 2017 ระบุว่า Loongson 3E6000 ทำคะแนน integer ได้สูงกว่า Xeon 8380 ถึง 35% (แต่แพ้ในด้าน floating-point อยู่ 14%)

    และที่สำคัญ…Loongson ยังพัฒนาแผนถัดไปไว้แล้ว เช่นรุ่น 3B6600 (8 คอร์, 3GHz) และ 3B7000 (แรงกว่านี้อีก) ที่ใช้คอร์รุ่นใหม่ LA864 ซึ่งหวังว่าจะชน Intel Raptor Lake หรือ AMD Zen 4 ได้เลยครับ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-homegrown-china-server-chips-unveiled-with-impressive-specs-loongsons-3c6000-cpu-comes-armed-with-64-cores-128-threads-and-performance-to-rival-xeon-8380
    ก่อนหน้านี้เรามักเห็นจีนใช้ชิป Intel หรือ AMD เป็นหลักในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือหน่วยงานวิจัย แต่ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นอย่างหนักให้พัฒนา “ชิปพื้นบ้าน (homegrown)” ขึ้นมาใช้เองในระยะยาว โดย Loongson คือหนึ่งในบริษัทที่ถือธงนำทัพด้านนี้ ล่าสุดพวกเขาเปิดตัว Loongson 3E6000 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม LoongArch 6000 พร้อมแกนประมวลผล LA664 รวมทั้งหมด 64 คอร์ 128 เธรด, ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, แคช 32MB และรองรับ DDR4-3200 แบบ quad-channel จุดน่าสนใจคือ ตัวชิปนี้ใช้เทคนิค “quad-chiplet” คือรวม 4 ชิปย่อยเชื่อมกันด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อ LoongLink (คล้ายกับ Infinity Fabric หรือ NVLink) — ทำให้สร้างชิป 64 คอร์ได้แม้กระบวนการผลิตของจีนจะยังตามหลังตะวันตก แม้ยังมีจุดอ่อนด้าน floating-point แต่ผลการทดสอบใน Spec CPU 2017 ระบุว่า Loongson 3E6000 ทำคะแนน integer ได้สูงกว่า Xeon 8380 ถึง 35% (แต่แพ้ในด้าน floating-point อยู่ 14%) และที่สำคัญ…Loongson ยังพัฒนาแผนถัดไปไว้แล้ว เช่นรุ่น 3B6600 (8 คอร์, 3GHz) และ 3B7000 (แรงกว่านี้อีก) ที่ใช้คอร์รุ่นใหม่ LA864 ซึ่งหวังว่าจะชน Intel Raptor Lake หรือ AMD Zen 4 ได้เลยครับ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-homegrown-china-server-chips-unveiled-with-impressive-specs-loongsons-3c6000-cpu-comes-armed-with-64-cores-128-threads-and-performance-to-rival-xeon-8380
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันโดยกระทรวงเศรษฐกิจอัปเดตรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกจำกัดการส่งออก “สินค้าหรือเทคโนโลยีสำคัญ” เพิ่มอีก 601 แห่ง โดยมีเป้าหมายใหญ่คือพวกที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง Huawei และ SMIC ซึ่งเคยซื้อชิปจาก TSMC มาก่อน

    บริษัทเหล่านี้ต้องขอใบอนุญาตจากรัฐก่อนถึงจะนำเข้าเทคโนโลยีชิปจากบริษัทไต้หวันได้ — ถ้าไม่มีใบอนุญาต ด่านศุลกากรจะสกัดทันที

    แม้ไม่ได้บอกว่า “ห้ามส่งออกโดยสิ้นเชิง” แต่ก็นับว่าเป็นการ “บล็อกกลาย ๆ” และเป็นการเดินเกมตามแนวทางของสหรัฐฯ ที่ต้องการจำกัดเทคโนโลยีจีนในระดับโลก

    จีนไม่พอใจทันที — โดยโฆษกของสภารัฐกิจของจีนใช้คำว่า “ต่ำช้า” และเตือนว่าจะมีการตอบโต้เพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ”

    มาตรการโต้กลับที่เป็นไปได้มีตั้งแต่:
    - จำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ non-tech จากไต้หวัน
    - ห้ามบริษัทไต้หวันในจีนทำธุรกิจ
    - บล็อกการใช้แรร์เอิร์ธหรือวัตถุดิบสำคัญสำหรับไต้หวัน
    - เร่งผลิตชิปราคาถูก (mature node) มาทำลายราคาตลาดชิป

    และที่น่ากังวลกว่านั้นคือความตึงเครียดระหว่างช่องแคบไต้หวันอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเชิงกลยุทธ์มากขึ้นเรื่อย ๆ

    ไต้หวันเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกจำกัดการส่งออกเป็น 601 ราย  
    • รวมถึง Huawei และ SMIC ผู้เล่นหลักของวงการชิปจีน  
    • ต้องขอใบอนุญาตก่อนนำเข้าสินค้า/บริการจากไต้หวัน

    เป้าหมายคือการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงของจีน  
    • เดินเกมสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐและชาติพันธมิตร

    จีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง โดยระบุว่าเป็นการละเมิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองฟากฝั่ง  
    • เรียกการกระทำว่า “น่ารังเกียจและน่าประณามที่สุด”

    โฆษกสภารัฐกิจจีนระบุว่าจะใช้ “มาตรการที่รุนแรง” เพื่อตอบโต้และปกป้องห่วงโซ่การผลิตเทคโนโลยีของตัวเอง

    จุดเริ่มต้นของการจำกัดนี้มาจากการที่ Huawei ลักลอบสั่งซื้อชิป TSMC ผ่านช่องทางที่แหกกฎของสหรัฐ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-vows-to-retaliate-against-taiwan-for-blacklisting-huawei-smic-from-chip-tech-such-despicable-acts-are-utterly-contemptible-says-china-spokesperson
    ไต้หวันโดยกระทรวงเศรษฐกิจอัปเดตรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกจำกัดการส่งออก “สินค้าหรือเทคโนโลยีสำคัญ” เพิ่มอีก 601 แห่ง โดยมีเป้าหมายใหญ่คือพวกที่เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง Huawei และ SMIC ซึ่งเคยซื้อชิปจาก TSMC มาก่อน บริษัทเหล่านี้ต้องขอใบอนุญาตจากรัฐก่อนถึงจะนำเข้าเทคโนโลยีชิปจากบริษัทไต้หวันได้ — ถ้าไม่มีใบอนุญาต ด่านศุลกากรจะสกัดทันที แม้ไม่ได้บอกว่า “ห้ามส่งออกโดยสิ้นเชิง” แต่ก็นับว่าเป็นการ “บล็อกกลาย ๆ” และเป็นการเดินเกมตามแนวทางของสหรัฐฯ ที่ต้องการจำกัดเทคโนโลยีจีนในระดับโลก จีนไม่พอใจทันที — โดยโฆษกของสภารัฐกิจของจีนใช้คำว่า “ต่ำช้า” และเตือนว่าจะมีการตอบโต้เพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ” มาตรการโต้กลับที่เป็นไปได้มีตั้งแต่: - จำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ non-tech จากไต้หวัน - ห้ามบริษัทไต้หวันในจีนทำธุรกิจ - บล็อกการใช้แรร์เอิร์ธหรือวัตถุดิบสำคัญสำหรับไต้หวัน - เร่งผลิตชิปราคาถูก (mature node) มาทำลายราคาตลาดชิป และที่น่ากังวลกว่านั้นคือความตึงเครียดระหว่างช่องแคบไต้หวันอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเชิงกลยุทธ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ✅ ไต้หวันเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกจำกัดการส่งออกเป็น 601 ราย   • รวมถึง Huawei และ SMIC ผู้เล่นหลักของวงการชิปจีน   • ต้องขอใบอนุญาตก่อนนำเข้าสินค้า/บริการจากไต้หวัน ✅ เป้าหมายคือการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงของจีน   • เดินเกมสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐและชาติพันธมิตร ✅ จีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง โดยระบุว่าเป็นการละเมิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองฟากฝั่ง   • เรียกการกระทำว่า “น่ารังเกียจและน่าประณามที่สุด” ✅ โฆษกสภารัฐกิจจีนระบุว่าจะใช้ “มาตรการที่รุนแรง” เพื่อตอบโต้และปกป้องห่วงโซ่การผลิตเทคโนโลยีของตัวเอง ✅ จุดเริ่มต้นของการจำกัดนี้มาจากการที่ Huawei ลักลอบสั่งซื้อชิป TSMC ผ่านช่องทางที่แหกกฎของสหรัฐ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-vows-to-retaliate-against-taiwan-for-blacklisting-huawei-smic-from-chip-tech-such-despicable-acts-are-utterly-contemptible-says-china-spokesperson
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • iSoftStone อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปเคยได้ยิน แต่มันคือหนึ่งในม้ามืดที่มาจากสายงาน B2B โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ภาครัฐ และองค์กรขนาดกลางในจีน ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับ เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดองค์กรขนาดใหญ่จะซบเซา

    ใน Q1 ปี 2025 พวกเขาขายพีซีไปถึง 890,000 เครื่อง — เพิ่มจาก 420,000 เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (โต 111% ภายในปีเดียว!) ซึ่งมากพอจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 10% แล้ว — ใกล้แซง Huawei ที่ 12% และแซง Apple กับ HP ไปแล้วเรียบร้อย

    นอกจาก B2B แล้ว iSoftStone ยังลงมาเล่นในตลาดเกมแรง ๆ ด้วย — ซึ่งเซกเมนต์นี้ในจีนยังโตปีละ 24% โดยเฉพาะฝั่งเครื่องแรงระดับสูง (High-End Gaming)

    แม้ตอนนี้ iSoftStone จะยังขายแค่ในจีน แต่มีประสบการณ์ทำโปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะบุกตลาดโลกในไม่ช้านี้ — โดยเฉพาะเมื่อจีนต้องการดันแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ Lenovo, Dell, Apple และ HP

    https://www.techradar.com/pro/huge-pc-vendor-youve-never-heard-of-is-set-to-become-second-biggest-player-in-china-ahead-of-apple-hp-heres-why-it-matters
    iSoftStone อาจไม่ใช่ชื่อที่คนทั่วไปเคยได้ยิน แต่มันคือหนึ่งในม้ามืดที่มาจากสายงาน B2B โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ภาครัฐ และองค์กรขนาดกลางในจีน ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับ เงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดองค์กรขนาดใหญ่จะซบเซา ใน Q1 ปี 2025 พวกเขาขายพีซีไปถึง 890,000 เครื่อง — เพิ่มจาก 420,000 เครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (โต 111% ภายในปีเดียว!) ซึ่งมากพอจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 10% แล้ว — ใกล้แซง Huawei ที่ 12% และแซง Apple กับ HP ไปแล้วเรียบร้อย นอกจาก B2B แล้ว iSoftStone ยังลงมาเล่นในตลาดเกมแรง ๆ ด้วย — ซึ่งเซกเมนต์นี้ในจีนยังโตปีละ 24% โดยเฉพาะฝั่งเครื่องแรงระดับสูง (High-End Gaming) แม้ตอนนี้ iSoftStone จะยังขายแค่ในจีน แต่มีประสบการณ์ทำโปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า จะบุกตลาดโลกในไม่ช้านี้ — โดยเฉพาะเมื่อจีนต้องการดันแบรนด์ในประเทศให้แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันกับ Lenovo, Dell, Apple และ HP https://www.techradar.com/pro/huge-pc-vendor-youve-never-heard-of-is-set-to-become-second-biggest-player-in-china-ahead-of-apple-hp-heres-why-it-matters
    WWW.TECHRADAR.COM
    Unknown outside China, iSoftStone is now the country’s third-largest PC brand
    iSoftStone enjoyed a 111% increase in unit shipments in just one year
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากโดนคว่ำบาตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จีนก็เดินหน้าสร้าง “GPU ของตัวเอง” ขึ้นมา โดยบริษัท Lisuan Technology เพิ่งเปิดตัว G100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU แบบ in-house พร้อมสายการผลิตจาก SMIC (โรงงานผลิตชิปในจีน) ซึ่งใช้กระบวนการระดับ 6nm

    ล่าสุดพบข้อมูล G100 บน Geekbench — ได้คะแนน 15,524 คะแนนใน OpenCL ซึ่งเทียบเท่า GTX 660 Ti อายุ 13 ปี หรือ iGPU บางตัวบนมือถือเลยทีเดียว

    ถึงคะแนนจะยังไม่หวือหวา แต่ Lisuan บอกว่าชิปเพิ่งเข้าสู่ช่วง “risk production” เท่านั้น (ยังไม่ mass produce) และ driver ก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนา — ทีมงานจึงบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป

    G100 ใช้ 32 Compute Units (CU), มี VRAM แค่ 256MB, และความเร็ว 300MHz ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ค่าเต็มจริง อาจเป็นเพียงค่าจากเวอร์ชันทดลอง

    สิ่งสำคัญคือ แม้ประสิทธิภาพยังตามหลัง NVIDIA/AMD หลายปี แต่...นี่คือ “GPU ผลิตในประเทศ” ที่อาจกลายเป็นหมากยุทธศาสตร์ของจีนในอนาคต — แบบเดียวกับที่จีนเคยดัน Zhaoxin ในฝั่ง CPU มาก่อน

    Lisuan G100 คือ GPU 6nm ตัวแรกของจีนแบบ in-house เต็มรูปแบบ  
    • ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ที่พัฒนาเอง  
    • ผลิตโดย SMIC ที่เป็น foundry ในประเทศ

    ผลทดสอบ Geekbench ได้ 15,524 คะแนน (OpenCL)  
    • ใกล้เคียง GTX 660 Ti, Radeon R9 370, และ Exynos 2400 (มือถือ)

    สเปกจาก Geekbench ระบุมี 32 CU, VRAM 256MB, Clock 300MHz  
    • เชื่อว่าค่าจริงอาจสูงกว่านี้ แต่ driver ยังไม่สมบูรณ์

    อยู่ในขั้น “risk production” — ยังไม่ผลิตจริงจัง  
    • หากสำเร็จจะเข้าสู่ mass production ช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026

    ทีมงานไม่ต้องการให้ตัดสินจากผลทดสอบปัจจุบัน เพราะ driver/firmware ยังไม่สมบูรณ์

    เป้าหมายของ Lisuan คือ “สู้ในตลาด mid-range” และสร้างทางเลือกแทน GPU จากตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-gaming-gpu-matches-13-year-old-gtx-660-ti-in-first-geekbench-tests-lisuan-g100-surfaces-with-32-cus-256mb-vram-and-300-mhz-clock-speed
    หลังจากโดนคว่ำบาตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จีนก็เดินหน้าสร้าง “GPU ของตัวเอง” ขึ้นมา โดยบริษัท Lisuan Technology เพิ่งเปิดตัว G100 ที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU แบบ in-house พร้อมสายการผลิตจาก SMIC (โรงงานผลิตชิปในจีน) ซึ่งใช้กระบวนการระดับ 6nm ล่าสุดพบข้อมูล G100 บน Geekbench — ได้คะแนน 15,524 คะแนนใน OpenCL ซึ่งเทียบเท่า GTX 660 Ti อายุ 13 ปี หรือ iGPU บางตัวบนมือถือเลยทีเดียว 😅 ถึงคะแนนจะยังไม่หวือหวา แต่ Lisuan บอกว่าชิปเพิ่งเข้าสู่ช่วง “risk production” เท่านั้น (ยังไม่ mass produce) และ driver ก็ยังอยู่ระหว่างพัฒนา — ทีมงานจึงบอกว่า อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป G100 ใช้ 32 Compute Units (CU), มี VRAM แค่ 256MB, และความเร็ว 300MHz ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ค่าเต็มจริง อาจเป็นเพียงค่าจากเวอร์ชันทดลอง สิ่งสำคัญคือ แม้ประสิทธิภาพยังตามหลัง NVIDIA/AMD หลายปี แต่...นี่คือ “GPU ผลิตในประเทศ” ที่อาจกลายเป็นหมากยุทธศาสตร์ของจีนในอนาคต — แบบเดียวกับที่จีนเคยดัน Zhaoxin ในฝั่ง CPU มาก่อน ✅ Lisuan G100 คือ GPU 6nm ตัวแรกของจีนแบบ in-house เต็มรูปแบบ   • ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ที่พัฒนาเอง   • ผลิตโดย SMIC ที่เป็น foundry ในประเทศ ✅ ผลทดสอบ Geekbench ได้ 15,524 คะแนน (OpenCL)   • ใกล้เคียง GTX 660 Ti, Radeon R9 370, และ Exynos 2400 (มือถือ) ✅ สเปกจาก Geekbench ระบุมี 32 CU, VRAM 256MB, Clock 300MHz   • เชื่อว่าค่าจริงอาจสูงกว่านี้ แต่ driver ยังไม่สมบูรณ์ ✅ อยู่ในขั้น “risk production” — ยังไม่ผลิตจริงจัง   • หากสำเร็จจะเข้าสู่ mass production ช่วงปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 ✅ ทีมงานไม่ต้องการให้ตัดสินจากผลทดสอบปัจจุบัน เพราะ driver/firmware ยังไม่สมบูรณ์ ✅ เป้าหมายของ Lisuan คือ “สู้ในตลาด mid-range” และสร้างทางเลือกแทน GPU จากตะวันตก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-gaming-gpu-matches-13-year-old-gtx-660-ti-in-first-geekbench-tests-lisuan-g100-surfaces-with-32-cus-256mb-vram-and-300-mhz-clock-speed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติในชิปคอมพิวเตอร์ การส่งข้อมูลระหว่างส่วนต่าง ๆ จะใช้กระแสไฟฟ้า (electrons) แต่ข้อจำกัดคือมันร้อน ใช้พลังงานเยอะ และช้าเมื่อเทียบกับความเร็วของ “แสง”

    ทีมจาก Fudan University เลยเปิดตัว “multiplexer แบบใช้แสง” หรือชิปที่รับข้อมูลจากหลายช่อง แล้วส่งออกผ่านช่องเดียว — โดยใช้ “แสงเลเซอร์” แทนกระแสไฟฟ้า

    ชิปตัวนี้สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงถึง 38 Tbps (terabits per second) เร็วพอจะส่งพารามิเตอร์ของ LLM (เช่น ChatGPT ขนาดใหญ่) ได้ 4.75 ล้านล้านพารามิเตอร์ต่อวินาที

    ที่สำคัญคือมันทำงานร่วมกับระบบที่ใช้ CMOS (พื้นฐานของชิปยุคปัจจุบัน) ได้ — แปลว่าไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ช่วยลด latency ระหว่างโลกของ “แสง” กับ “ไฟฟ้า”

    แม้ข้อมูลจะมาจากสื่อของรัฐบาลจีน แต่ก็มีรายงานว่า ทีมส่งผลวิจัยนี้ไปยังวารสาร Nature แล้ว — ถ้าได้รับการตีพิมพ์เมื่อไร ก็ถือเป็นหลักฐานเชิงวิชาการที่น่าเชื่อถือ

    นักวิเคราะห์ในจีนเชื่อว่า ภายใน 3–5 ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็น CPU หรือหน่วยความจำที่ใช้การสื่อสารด้วย “แสงเต็มระบบ” ก็เป็นได้!

    ทีมจากมหาวิทยาลัย Fudan พัฒนาชิป multiplexer แบบ photonic — ส่งข้อมูลด้วยแสงแทนไฟฟ้า  
    • ชื่อทางเทคนิคคือ “silicon photonic integrated high-order mode multiplexer”  
    • เป็นชิปในตระกูล silicon photonics

    ความเร็วการส่งข้อมูลสูงถึง 38 Tbps  
    • รองรับโหลดการประมวลผลระดับ LLM ขนาดหลายร้อยพันล้านพารามิเตอร์

    สามารถเชื่อมต่อกับระบบที่ใช้ CMOS (เช่น CPU, RAM แบบเดิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
    • ลด latency ในการเชื่อมระหว่าง photonic–electronic

    ทีมวิจัยยื่นผลการวิจัยไปยังวารสาร Nature แล้ว รอการพิจารณา  
    • หากผ่านตีพิมพ์จะเพิ่มเครดิตอย่างมากในวงการวิชาการ

    จีนกำลังเร่งพัฒนา photonic chip และมีเป้าหมายจะใช้เต็มรูปแบบภายใน 3–5 ปี  
    • เริ่มเข้าสู่สนาม post-Moore’s Law อย่างจริงจัง

    นักวิเคราะห์ระบุว่าระบบ photonic มีศักยภาพสูงกว่าชิปอิเล็กทรอนิกส์ด้านความเร็วและพลังงาน  
    • ตัวอย่าง: สวิตช์ photonic สำหรับ AI cluster รองรับสูงถึง 400 Tb/s เช่นจาก Nvidia

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-researchers-invent-silicon-photonic-multiplexer-chip-that-uses-light-instead-of-electricity-for-communication-ccp-says-chinas-early-steps-into-light-based-chips-precede-major-breakthroughs-in-three-years
    ปกติในชิปคอมพิวเตอร์ การส่งข้อมูลระหว่างส่วนต่าง ๆ จะใช้กระแสไฟฟ้า (electrons) แต่ข้อจำกัดคือมันร้อน ใช้พลังงานเยอะ และช้าเมื่อเทียบกับความเร็วของ “แสง” ทีมจาก Fudan University เลยเปิดตัว “multiplexer แบบใช้แสง” หรือชิปที่รับข้อมูลจากหลายช่อง แล้วส่งออกผ่านช่องเดียว — โดยใช้ “แสงเลเซอร์” แทนกระแสไฟฟ้า ชิปตัวนี้สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงถึง 38 Tbps (terabits per second) เร็วพอจะส่งพารามิเตอร์ของ LLM (เช่น ChatGPT ขนาดใหญ่) ได้ 4.75 ล้านล้านพารามิเตอร์ต่อวินาที ที่สำคัญคือมันทำงานร่วมกับระบบที่ใช้ CMOS (พื้นฐานของชิปยุคปัจจุบัน) ได้ — แปลว่าไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ช่วยลด latency ระหว่างโลกของ “แสง” กับ “ไฟฟ้า” แม้ข้อมูลจะมาจากสื่อของรัฐบาลจีน แต่ก็มีรายงานว่า ทีมส่งผลวิจัยนี้ไปยังวารสาร Nature แล้ว — ถ้าได้รับการตีพิมพ์เมื่อไร ก็ถือเป็นหลักฐานเชิงวิชาการที่น่าเชื่อถือ นักวิเคราะห์ในจีนเชื่อว่า ภายใน 3–5 ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็น CPU หรือหน่วยความจำที่ใช้การสื่อสารด้วย “แสงเต็มระบบ” ก็เป็นได้! ✅ ทีมจากมหาวิทยาลัย Fudan พัฒนาชิป multiplexer แบบ photonic — ส่งข้อมูลด้วยแสงแทนไฟฟ้า   • ชื่อทางเทคนิคคือ “silicon photonic integrated high-order mode multiplexer”   • เป็นชิปในตระกูล silicon photonics ✅ ความเร็วการส่งข้อมูลสูงถึง 38 Tbps   • รองรับโหลดการประมวลผลระดับ LLM ขนาดหลายร้อยพันล้านพารามิเตอร์ ✅ สามารถเชื่อมต่อกับระบบที่ใช้ CMOS (เช่น CPU, RAM แบบเดิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   • ลด latency ในการเชื่อมระหว่าง photonic–electronic ✅ ทีมวิจัยยื่นผลการวิจัยไปยังวารสาร Nature แล้ว รอการพิจารณา   • หากผ่านตีพิมพ์จะเพิ่มเครดิตอย่างมากในวงการวิชาการ ✅ จีนกำลังเร่งพัฒนา photonic chip และมีเป้าหมายจะใช้เต็มรูปแบบภายใน 3–5 ปี   • เริ่มเข้าสู่สนาม post-Moore’s Law อย่างจริงจัง ✅ นักวิเคราะห์ระบุว่าระบบ photonic มีศักยภาพสูงกว่าชิปอิเล็กทรอนิกส์ด้านความเร็วและพลังงาน   • ตัวอย่าง: สวิตช์ photonic สำหรับ AI cluster รองรับสูงถึง 400 Tb/s เช่นจาก Nvidia https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-researchers-invent-silicon-photonic-multiplexer-chip-that-uses-light-instead-of-electricity-for-communication-ccp-says-chinas-early-steps-into-light-based-chips-precede-major-breakthroughs-in-three-years
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100

    แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว

    Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น

    ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว

    Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน  
    • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100  
    • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก

    จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี  
    • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง

    David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร  
    • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ

    Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว

    แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    David Sacks ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ช่องว่างระหว่างจีนกับสหรัฐในด้านการออกแบบชิปตอนนี้เหลือแค่ 1.5–2 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะ Huawei ซึ่งแม้จะยังขาดกำลังผลิต GPU ขั้นสูง แต่สามารถหาทางออกด้วยการนำ ชิปเก่า 910B มาต่อรวมกันเป็น “910C” เพื่อเพิ่มพลังประมวลผลและหน่วยความจำให้ใกล้เคียง NVIDIA H100 แม้จะไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สด แต่ถือเป็น “ทางเลือกภายในประเทศ” ที่ใช้งานจริงได้ และ Huawei เริ่มจะ ส่งออก AI Chip ไปยังลูกค้าต่างประเทศด้วย แล้ว Sacks เตือนว่า หากจีนสามารถผลิตและสร้าง ecosystem ที่แข็งแรงได้จริง สหรัฐอาจเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเทคโนโลยี AI — โดยเฉพาะถ้า การควบคุมการส่งออกของสหรัฐเข้มเกินไปจนกลายเป็น “ผลย้อนกลับ” ทำให้จีนหาทางพึ่งพาตนเองได้เร็วขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรัฐบาล Trump ได้ “ยกเลิก” กฎในยุค Biden ที่จำกัดการส่งออก GPU ให้กับพันธมิตรบางประเทศ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ทางการค้าในระยะยาว ✅ Huawei พัฒนาชิป AI รุ่น 910C โดยรวมชิป 910B สองตัวเข้าด้วยกัน   • ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียง NVIDIA H100   • ใช้ได้จริงกับตลาดในจีน และเตรียมขยายการส่งออก ✅ จีนกำลังลดช่องว่างด้านการออกแบบชิป เหลือห่างสหรัฐเพียง 1.5–2 ปี   • โดยเฉพาะบริษัทอย่าง Huawei ที่แก้เกมจากข้อจำกัดทางเทคนิคและการเมือง ✅ David Sacks เตือนว่า การควบคุมการส่งออกที่เข้มเกินไป อาจย้อนศร   • ทำให้คู่แข่งพึ่งพาตัวเองได้เร็ว และไม่ยอมรับมาตรฐานเทคโนโลยีของสหรัฐ ✅ Trump administration เลือกยกเลิกบางข้อจำกัดจากยุค Biden เพื่อรักษาฐานการค้าในระยะยาว ✅ แม้ผู้ก่อตั้ง Huawei ยอมรับว่า GPU ของตนยังล้าหลังกว่าคู่แข่ง แต่การสร้าง ecosystem และผลิตภัณฑ์ “ราคาเข้าถึงได้” อาจทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในอนาคต https://www.techspot.com/news/108400-us-tech-czar-warns-china-only-two-years.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US tech czar warns China is only two years behind in semiconductor and chip design
    According to Sacks, Huawei is making swift progress in chip design and could soon begin exporting its hardware, although the company still faces challenges in producing high-end...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • เก่าไปนิด แต่ Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายจีนเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> จบไป สะดุดตากับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยี่ยจื่อไผ’

    ความมีอยู่ว่า
    ...ปัญหาคือว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่เคยมายามวิกาล ... ดังนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง จึงมีเพียงข้าและอาตู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นเยี่ยจื่อไผ ข้าจับได้ไพ่สวยทั้งมือ...
    จากเรื่อง <ตงกง ตำนานตำหนักบูรพา> ผู้แต่ง เฟยอั่วซือฉุน
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ‘เยี่ยจื่อไผ’ ที่กล่าวถึงข้างต้น ในละครจะเห็นว่ามันคือไพ่ที่ทำจากไม้ พอพูดถึงเรื่องไพ่ แม้แต่ฝรั่งยังบันทึกไว้ว่าไพ่ถือกำเนิดมาจากจีนโบราณ และเนื่องด้วยวิธีการเล่นไพ่แตกแขนงไปมากมาย การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่ง่าย

    Storyฯ พอจะเรียบเรียงได้ว่า เยี่ยจื่อไผเดิมคือ ‘เยี่ยจื่อซี่’ (เกมใบไม้ หรือ 叶子戏 หรือที่มีฝรั่งไปเขียนถึงว่า Leaf Game) เป็นการละเล่นที่เริ่มขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ถัง เป็นที่นิยมในวังและในกลุ่มนักวิชาการไว้เล่นยามสังสรรค์ ใน <บันทึกแห่งองค์หญิงถงชาง> ในสมัยราชวงศ์ถัง เคยบันทึกไว้ว่าองค์หญิงถงชาง (พระราชธิดาในฮ่องเต้อี้จง) ทรงโปรดปรานเกมนี้ถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหายากอย่างไข่มุกราตรีมาให้แสงสว่างเพื่อจะได้เล่นจนดึกดื่น จากข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ฟากตะวันตก ว่ากันว่าเยี่ยจื่อซี่เดิมเป็นเกมทอยลูกเต๋าขนาดใหญ่ ต่อมาจึงนำมาวาดลงเป็นไม้แผ่นเล็กเพื่อสะดวกในการพกพายามเดินทาง เรียกว่าเยี่ยจื่อไผ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นใช้กระดาษ มีการเขียนกำหนดกติกาการเล่นชัดเจนเป็นบันทึกเรียกว่า ‘เยี่ยจื่อเก๋อ’

    เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กฎกติกาการเล่นก็พัฒนามากขึ้นไปหลากหลายจวบจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ชิงจึง ‘นิ่ง’ หรือ ‘เข้าที่’

    แต่กว่าจะถึงวันนั้น ลวดลายของไพ่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จากเดิมเป็นเพียงตัวเลขจากเล็กไปใหญ่แบบที่เห็นในรูปที่เป็นป้ายไม้จากละคร (ไพ่เบอร์ใหญ่ชนะไพ่เบอร์เล็ก) ก็มีการใช้ชุดตัวเลขหลักหมื่น (ตามรูปไพ่กระดาษที่มีลวดลายหน้าคน) ต่อมามีการเพิ่มเป็นชุดเรียงจำนวนเงินจากครึ่งอีแปะไปเป็นเก้าเฉียน (เข้าใจว่าหนึ่งเฉียนคือหนึ่งร้อยอีแปะ) เป็นต้น

    นอกจากตัวเลขที่เปลี่ยนไปยังมีการวาดลวดลายเพิ่มเติม เช่น ในยุคสมัยราชวงศ์หมิงมีการนิยมเอาตัวละครจากบทประพันธ์ชื่อดังมาวาดเป็นลายไพ่ อย่างตัวละครจากเรื่อง <ซ้องกั๋ง> เป็นต้น ว่ากันว่าลวดลายเหล่านี้เป็นต้นแบบของหน้าไพ่แจ็คเกอร์ของไพ่ป๊อก

    นอกจากนี้ยังมีการคงไว้ซึ่งรูปแบบของการใช้ไม้หรือวัสดุอื่น เป็นที่มาของไพ่โดมิโน (Domino Tiles) อันเป็นต้นแบบของ Mahjong หรือไพ่นกกระจอกนั่นเอง

    Storyฯ ไม่สันทัดการเล่นไพ่ ไม่เข้าใจกติกาของไพ่ประเภทต่างๆ อาจอธิบายไม่ได้ดีนัก ลองทำการบ้านเพิ่มดู เห็นในเว็บสามเกลอมีการคุยเรื่องไพ่ผ่องของไทยเปรียบเทียบกับไพ่จีนไว้ตามนี้ เพื่อนเพจที่สนใจลองอ่านดูนะคะ http://www.samgler.org/archives/card3.htm

    ยังมีละครจีนอีกหลายเรื่องที่พูดถึงเยี่ยจื่อไผ เพื่อนเพจพอจะจำกันได้บ้างไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://dramapanda.com/2018/12/goodbye-my-princess-2018.html
    http://www.chinawenhua.com.cn/zyanjiu/2018/4894.html
    Credit ข้อมูลจาก:
    https://theplayingcardfactory.com/history
    https://www.parlettgames.uk/histocs/leafgame.html
    http://www.qulishi.com/article/202010/448890.html
    https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%89%E5%AD%90%E6%88%B2

    #ตงกง #ไพ่จีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    เก่าไปนิด แต่ Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายจีนเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> จบไป สะดุดตากับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยี่ยจื่อไผ’ ความมีอยู่ว่า ...ปัญหาคือว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่เคยมายามวิกาล ... ดังนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง จึงมีเพียงข้าและอาตู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นเยี่ยจื่อไผ ข้าจับได้ไพ่สวยทั้งมือ... จากเรื่อง <ตงกง ตำนานตำหนักบูรพา> ผู้แต่ง เฟยอั่วซือฉุน (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้) ‘เยี่ยจื่อไผ’ ที่กล่าวถึงข้างต้น ในละครจะเห็นว่ามันคือไพ่ที่ทำจากไม้ พอพูดถึงเรื่องไพ่ แม้แต่ฝรั่งยังบันทึกไว้ว่าไพ่ถือกำเนิดมาจากจีนโบราณ และเนื่องด้วยวิธีการเล่นไพ่แตกแขนงไปมากมาย การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่ง่าย Storyฯ พอจะเรียบเรียงได้ว่า เยี่ยจื่อไผเดิมคือ ‘เยี่ยจื่อซี่’ (เกมใบไม้ หรือ 叶子戏 หรือที่มีฝรั่งไปเขียนถึงว่า Leaf Game) เป็นการละเล่นที่เริ่มขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ถัง เป็นที่นิยมในวังและในกลุ่มนักวิชาการไว้เล่นยามสังสรรค์ ใน <บันทึกแห่งองค์หญิงถงชาง> ในสมัยราชวงศ์ถัง เคยบันทึกไว้ว่าองค์หญิงถงชาง (พระราชธิดาในฮ่องเต้อี้จง) ทรงโปรดปรานเกมนี้ถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหายากอย่างไข่มุกราตรีมาให้แสงสว่างเพื่อจะได้เล่นจนดึกดื่น จากข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ฟากตะวันตก ว่ากันว่าเยี่ยจื่อซี่เดิมเป็นเกมทอยลูกเต๋าขนาดใหญ่ ต่อมาจึงนำมาวาดลงเป็นไม้แผ่นเล็กเพื่อสะดวกในการพกพายามเดินทาง เรียกว่าเยี่ยจื่อไผ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นใช้กระดาษ มีการเขียนกำหนดกติกาการเล่นชัดเจนเป็นบันทึกเรียกว่า ‘เยี่ยจื่อเก๋อ’ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กฎกติกาการเล่นก็พัฒนามากขึ้นไปหลากหลายจวบจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ชิงจึง ‘นิ่ง’ หรือ ‘เข้าที่’ แต่กว่าจะถึงวันนั้น ลวดลายของไพ่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จากเดิมเป็นเพียงตัวเลขจากเล็กไปใหญ่แบบที่เห็นในรูปที่เป็นป้ายไม้จากละคร (ไพ่เบอร์ใหญ่ชนะไพ่เบอร์เล็ก) ก็มีการใช้ชุดตัวเลขหลักหมื่น (ตามรูปไพ่กระดาษที่มีลวดลายหน้าคน) ต่อมามีการเพิ่มเป็นชุดเรียงจำนวนเงินจากครึ่งอีแปะไปเป็นเก้าเฉียน (เข้าใจว่าหนึ่งเฉียนคือหนึ่งร้อยอีแปะ) เป็นต้น นอกจากตัวเลขที่เปลี่ยนไปยังมีการวาดลวดลายเพิ่มเติม เช่น ในยุคสมัยราชวงศ์หมิงมีการนิยมเอาตัวละครจากบทประพันธ์ชื่อดังมาวาดเป็นลายไพ่ อย่างตัวละครจากเรื่อง <ซ้องกั๋ง> เป็นต้น ว่ากันว่าลวดลายเหล่านี้เป็นต้นแบบของหน้าไพ่แจ็คเกอร์ของไพ่ป๊อก นอกจากนี้ยังมีการคงไว้ซึ่งรูปแบบของการใช้ไม้หรือวัสดุอื่น เป็นที่มาของไพ่โดมิโน (Domino Tiles) อันเป็นต้นแบบของ Mahjong หรือไพ่นกกระจอกนั่นเอง Storyฯ ไม่สันทัดการเล่นไพ่ ไม่เข้าใจกติกาของไพ่ประเภทต่างๆ อาจอธิบายไม่ได้ดีนัก ลองทำการบ้านเพิ่มดู เห็นในเว็บสามเกลอมีการคุยเรื่องไพ่ผ่องของไทยเปรียบเทียบกับไพ่จีนไว้ตามนี้ เพื่อนเพจที่สนใจลองอ่านดูนะคะ http://www.samgler.org/archives/card3.htm ยังมีละครจีนอีกหลายเรื่องที่พูดถึงเยี่ยจื่อไผ เพื่อนเพจพอจะจำกันได้บ้างไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://dramapanda.com/2018/12/goodbye-my-princess-2018.html http://www.chinawenhua.com.cn/zyanjiu/2018/4894.html Credit ข้อมูลจาก: https://theplayingcardfactory.com/history https://www.parlettgames.uk/histocs/leafgame.html http://www.qulishi.com/article/202010/448890.html https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%89%E5%AD%90%E6%88%B2 #ตงกง #ไพ่จีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้การ์ด RTX 4090 เคยตกเป็นข่าวใหญ่เรื่องหัวต่อ 16-pin (12VHPWR) ละลาย — จนหลายค่ายต้องออกแบบสายไฟใหม่หรือทำวิธี DIY กันให้วุ่น และ NVIDIA ก็ได้เปิดตัวพอร์ตเวอร์ชันปรับปรุงที่ชื่อว่า 12V-2x6 ซึ่งหวังว่าจะลดปัญหานี้

    แต่ล่าสุด RTX 5090D ซึ่งเป็นรุ่นเฉพาะสำหรับจีน (ใช้ชิป Blackwell) ก็ยังเจอปัญหาเดิม! มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Baidu รายงานว่า หัวต่อ 16-pin ละลายทั้งฝั่งการ์ดและ PSU ในขณะที่ใช้งานตามปกติ — บางคนใช้ PSU ยี่ห้อ Segotep รุ่น KL-1250G (80+ Gold, ATX 3.0) และอีกคนใช้ Asus ROG Loki ซึ่งเป็น PSU คุณภาพสูง ก็ยังเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน

    ประเด็นนี้ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้ว ปัญหาอยู่ที่สายไฟหรือการ์ดจอเอง? นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า สาเหตุอาจมาจากการที่ NVIDIA ปรับ PCB ของ Blackwell ให้ไม่มีระบบ load balancing เหมือน RTX 3090 Ti ซึ่งอาจทำให้โหลดไม่กระจายดีพอ และเกิดความร้อนเฉพาะจุดจนละลายได้ในที่สุด

    RTX 5090D รุ่นจีนเจอปัญหาหัวต่อ 16-pin (12V-2x6) ละลายซ้ำรอย RTX 4090  
    • ทั้งฝั่งสายและพอร์ต GPU มีร่องรอยไหม้  
    • บางรายใช้ PSU จากแบรนด์ดังอย่าง Asus ROG ก็ยังเกิดปัญหา

    ใช้ PSU ตามสเปก ATX 3.0 และสายไฟตรงจากผู้ผลิต (native cable)  
    • เช่น Segotep KL-1250G และ Asus ROG Loki

    ปัญหาไม่เกิดทันที แต่อาจแสดงหลังใช้งานไปหลายสัปดาห์–เดือน  
    • บางรายรายงานว่าใช้ได้ 2 เดือนก่อนจะมีปัญหา

    มีทฤษฎีว่า PCB ของซีรีส์ RTX 50 Blackwell ไม่มีระบบ load sensing เหมือน RTX 3090 Ti
    • อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่จุดเชื่อมต่อ

    แม้จะมีการปรับปรุงหัวต่อใหม่ (12V-2x6) แต่ก็ยังไม่หมดปัญหาหัวละลาย  
    • ทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มกลับไปใช้การ์ดรุ่นก่อน หรือยอมเปลี่ยนหัวเอง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5090d-falls-victim-to-infamous-16-pin-melting-issue-saga-continues-with-china-specific-chip
    ก่อนหน้านี้การ์ด RTX 4090 เคยตกเป็นข่าวใหญ่เรื่องหัวต่อ 16-pin (12VHPWR) ละลาย — จนหลายค่ายต้องออกแบบสายไฟใหม่หรือทำวิธี DIY กันให้วุ่น และ NVIDIA ก็ได้เปิดตัวพอร์ตเวอร์ชันปรับปรุงที่ชื่อว่า 12V-2x6 ซึ่งหวังว่าจะลดปัญหานี้ แต่ล่าสุด RTX 5090D ซึ่งเป็นรุ่นเฉพาะสำหรับจีน (ใช้ชิป Blackwell) ก็ยังเจอปัญหาเดิม! มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Baidu รายงานว่า หัวต่อ 16-pin ละลายทั้งฝั่งการ์ดและ PSU ในขณะที่ใช้งานตามปกติ — บางคนใช้ PSU ยี่ห้อ Segotep รุ่น KL-1250G (80+ Gold, ATX 3.0) และอีกคนใช้ Asus ROG Loki ซึ่งเป็น PSU คุณภาพสูง ก็ยังเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน ประเด็นนี้ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้ว ปัญหาอยู่ที่สายไฟหรือการ์ดจอเอง? นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า สาเหตุอาจมาจากการที่ NVIDIA ปรับ PCB ของ Blackwell ให้ไม่มีระบบ load balancing เหมือน RTX 3090 Ti ซึ่งอาจทำให้โหลดไม่กระจายดีพอ และเกิดความร้อนเฉพาะจุดจนละลายได้ในที่สุด ✅ RTX 5090D รุ่นจีนเจอปัญหาหัวต่อ 16-pin (12V-2x6) ละลายซ้ำรอย RTX 4090   • ทั้งฝั่งสายและพอร์ต GPU มีร่องรอยไหม้   • บางรายใช้ PSU จากแบรนด์ดังอย่าง Asus ROG ก็ยังเกิดปัญหา ✅ ใช้ PSU ตามสเปก ATX 3.0 และสายไฟตรงจากผู้ผลิต (native cable)   • เช่น Segotep KL-1250G และ Asus ROG Loki ✅ ปัญหาไม่เกิดทันที แต่อาจแสดงหลังใช้งานไปหลายสัปดาห์–เดือน   • บางรายรายงานว่าใช้ได้ 2 เดือนก่อนจะมีปัญหา ✅ มีทฤษฎีว่า PCB ของซีรีส์ RTX 50 Blackwell ไม่มีระบบ load sensing เหมือน RTX 3090 Ti • อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่จุดเชื่อมต่อ ✅ แม้จะมีการปรับปรุงหัวต่อใหม่ (12V-2x6) แต่ก็ยังไม่หมดปัญหาหัวละลาย   • ทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มกลับไปใช้การ์ดรุ่นก่อน หรือยอมเปลี่ยนหัวเอง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5090d-falls-victim-to-infamous-16-pin-melting-issue-saga-continues-with-china-specific-chip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • BRICS ระเบิด: จากสหภาพธนาคารสู่แกนทหาร — จีนและรัสเซียส่งอาวุธให้อิหร่าน ขณะที่แผนสงครามเริ่มมีผลบังคับใช้ ขีปนาวุธ 800 ลูกพร้อมแล้ว เส้นทางส่งกำลังบำรุงกำลังร้อนระอุ

    ข่าวด่วน: จีนส่งเชื้อเพลิงขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับอิหร่านอย่างเงียบๆ — เพียงพอสำหรับหัวรบนิวเคลียร์ 800 ลูก รัสเซียสนับสนุนคลังอาวุธของเตหะราน BRICS กลายเป็นแกนกลางทางการทหาร แนวรบต่อไปไม่ใช่สมมติฐาน แต่เป็นปฏิบัติการเต็มรูปแบบ

    จีน: การเสริมกำลังผ่านห่วงโซ่อุปทานผี!

    อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/brics-detonated-from-banking-union-to-military-axis-china-russia-arm-iran-as-war-blueprint-goes-live-800-missiles-ready-supply-lines-hot/
    BRICS ระเบิด: จากสหภาพธนาคารสู่แกนทหาร — จีนและรัสเซียส่งอาวุธให้อิหร่าน ขณะที่แผนสงครามเริ่มมีผลบังคับใช้ ขีปนาวุธ 800 ลูกพร้อมแล้ว เส้นทางส่งกำลังบำรุงกำลังร้อนระอุ ข่าวด่วน: จีนส่งเชื้อเพลิงขีปนาวุธพิสัยไกลให้กับอิหร่านอย่างเงียบๆ — เพียงพอสำหรับหัวรบนิวเคลียร์ 800 ลูก รัสเซียสนับสนุนคลังอาวุธของเตหะราน BRICS กลายเป็นแกนกลางทางการทหาร แนวรบต่อไปไม่ใช่สมมติฐาน แต่เป็นปฏิบัติการเต็มรูปแบบ 🟥 จีน: การเสริมกำลังผ่านห่วงโซ่อุปทานผี! 👉 อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่: https://amg-news.com/brics-detonated-from-banking-union-to-military-axis-china-russia-arm-iran-as-war-blueprint-goes-live-800-missiles-ready-supply-lines-hot/
    AMG-NEWS.COM
    BRICS DETONATED: FROM BANKING UNION TO MILITARY AXIS — CHINA & RUSSIA ARM IRAN AS WAR BLUEPRINT GOES LIVE, 800 Missiles Ready. Supply Lines Hot. - amg-news.com - American Media Group
    BREAKING: China is quietly supplying Iran with ballistic missile fuel — enough for 800 warheads. Russia backs Tehran’s arsenal. BRICS morphs into a military axis. The next warfront is not hypothetical — it’s fully operational.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts