• สายการบิน Vietjet เปลี่ยนใจกลับมาเช่าเครื่องบิน COMAC C909 จากจีนอีกครั้ง พร้อมกลับมาให้บริการเส้นทางเกาะกงด๋าว เริ่มบิน 25 พ.ย.นี้ วันละ 4 เที่ยว หลังเจรจาต่อสัญญาเช่า 6 เดือนกับสายการบินเฉิงตู รวมถึงนักบิน–ซัพพอร์ตครบชุด

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000111191

    #Vietjet #COMAC #C909 #Aviation #ChinaAviation #Vietnam #News1live #News1
    สายการบิน Vietjet เปลี่ยนใจกลับมาเช่าเครื่องบิน COMAC C909 จากจีนอีกครั้ง พร้อมกลับมาให้บริการเส้นทางเกาะกงด๋าว เริ่มบิน 25 พ.ย.นี้ วันละ 4 เที่ยว หลังเจรจาต่อสัญญาเช่า 6 เดือนกับสายการบินเฉิงตู รวมถึงนักบิน–ซัพพอร์ตครบชุด • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000111191 • #Vietjet #COMAC #C909 #Aviation #ChinaAviation #Vietnam #News1live #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Starlink vs Viasat: อินเทอร์เน็ตดาวเทียมสำหรับบ้าน — ความเร็ว, ราคา, และข้อจำกัดที่คุณควรรู้ก่อนติดตั้ง”

    ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังมีหลายพื้นที่ทั่วโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายไฟเบอร์หรือมือถือได้ อินเทอร์เน็ตดาวเทียมจึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญ โดยสองผู้ให้บริการที่โดดเด่นที่สุดคือ Starlink จาก SpaceX และ Viasat ซึ่งต่างมีแนวทางและเทคโนโลยีที่แตกต่างกันในการให้บริการ

    Starlink ใช้เครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ที่อยู่ห่างจากโลกเพียง 340 ไมล์ ทำให้มีความหน่วงต่ำเพียง 20–40 มิลลิวินาที เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเรียลไทม์ เช่น การเล่นเกมออนไลน์หรือวิดีโอคอล ส่วน Viasat ใช้ดาวเทียมแบบ geostationary ที่อยู่ห่างจากโลกถึง 22,000 ไมล์ แม้จะครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า แต่มีความหน่วงสูงถึง 600 มิลลิวินาที และความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า

    ด้านความเร็ว Starlink ให้ดาวน์โหลดได้ระหว่าง 45–280 Mbps ขณะที่ Viasat อยู่ที่ 25–150 Mbps และอาจลดลงในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง โดยเฉพาะเมื่อถึงขีดจำกัดข้อมูลรายเดือน

    ในแง่ของราคา Starlink มีแผน Residential Lite ที่ $80/เดือน และแผนเต็มที่ $120/เดือน พร้อมค่าติดตั้งอุปกรณ์ $349 ส่วน Viasat เริ่มต้นที่ $49.99/เดือน สำหรับแผน Essential และ $79.90/เดือน สำหรับแผน Unleashed แต่มีข้อจำกัดเรื่อง data cap และต้องติดตั้งโดยช่างมืออาชีพ

    Starlink ไม่มีสัญญาระยะยาว ผู้ใช้สามารถยกเลิกได้ทุกเมื่อผ่านบัญชีออนไลน์ ขณะที่ Viasatมีสัญญา 24 เดือน และค่าปรับหากยกเลิกก่อนกำหนดประมาณ $15 ต่อเดือนที่เหลือ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Starlink ใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ความหน่วงต่ำ 20–40 ms
    Viasat ใช้ดาวเทียม geostationary ความหน่วงสูง ~600 ms
    Starlink ให้ความเร็วดาวน์โหลด 45–280 Mbps
    Viasat ให้ความเร็วดาวน์โหลด 25–150 Mbps

    ด้านราคาและการติดตั้ง
    Starlink มีแผน $80 และ $120/เดือน พร้อมค่าติดตั้ง $349
    Viasat เริ่มต้นที่ $49.99/เดือน และต้องติดตั้งโดยช่าง
    Starlink ไม่มีสัญญาระยะยาว ยกเลิกได้ทันที
    Viasat มีสัญญา 24 เดือน และค่าปรับหากยกเลิกก่อน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Starlink มีแผนหลากหลาย เช่น Roam, Maritime, Aviation สำหรับผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม
    Viasat ให้บริการใน 99% ของพื้นที่ในสหรัฐฯ และบางส่วนของละตินอเมริกา
    Starlink มีการขยายพื้นที่ครอบคลุมอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
    Viasat มีบริการเสริมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ผ่าน Bitdefender

    https://www.slashgear.com/1969514/starlink-vs-viasat-home-satellite-internet-services-comparison/
    📡 “Starlink vs Viasat: อินเทอร์เน็ตดาวเทียมสำหรับบ้าน — ความเร็ว, ราคา, และข้อจำกัดที่คุณควรรู้ก่อนติดตั้ง” ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังมีหลายพื้นที่ทั่วโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายไฟเบอร์หรือมือถือได้ อินเทอร์เน็ตดาวเทียมจึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญ โดยสองผู้ให้บริการที่โดดเด่นที่สุดคือ Starlink จาก SpaceX และ Viasat ซึ่งต่างมีแนวทางและเทคโนโลยีที่แตกต่างกันในการให้บริการ Starlink ใช้เครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ที่อยู่ห่างจากโลกเพียง 340 ไมล์ ทำให้มีความหน่วงต่ำเพียง 20–40 มิลลิวินาที เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเรียลไทม์ เช่น การเล่นเกมออนไลน์หรือวิดีโอคอล ส่วน Viasat ใช้ดาวเทียมแบบ geostationary ที่อยู่ห่างจากโลกถึง 22,000 ไมล์ แม้จะครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า แต่มีความหน่วงสูงถึง 600 มิลลิวินาที และความเร็วเฉลี่ยต่ำกว่า ด้านความเร็ว Starlink ให้ดาวน์โหลดได้ระหว่าง 45–280 Mbps ขณะที่ Viasat อยู่ที่ 25–150 Mbps และอาจลดลงในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง โดยเฉพาะเมื่อถึงขีดจำกัดข้อมูลรายเดือน ในแง่ของราคา Starlink มีแผน Residential Lite ที่ $80/เดือน และแผนเต็มที่ $120/เดือน พร้อมค่าติดตั้งอุปกรณ์ $349 ส่วน Viasat เริ่มต้นที่ $49.99/เดือน สำหรับแผน Essential และ $79.90/เดือน สำหรับแผน Unleashed แต่มีข้อจำกัดเรื่อง data cap และต้องติดตั้งโดยช่างมืออาชีพ Starlink ไม่มีสัญญาระยะยาว ผู้ใช้สามารถยกเลิกได้ทุกเมื่อผ่านบัญชีออนไลน์ ขณะที่ Viasatมีสัญญา 24 เดือน และค่าปรับหากยกเลิกก่อนกำหนดประมาณ $15 ต่อเดือนที่เหลือ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Starlink ใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ความหน่วงต่ำ 20–40 ms ➡️ Viasat ใช้ดาวเทียม geostationary ความหน่วงสูง ~600 ms ➡️ Starlink ให้ความเร็วดาวน์โหลด 45–280 Mbps ➡️ Viasat ให้ความเร็วดาวน์โหลด 25–150 Mbps ✅ ด้านราคาและการติดตั้ง ➡️ Starlink มีแผน $80 และ $120/เดือน พร้อมค่าติดตั้ง $349 ➡️ Viasat เริ่มต้นที่ $49.99/เดือน และต้องติดตั้งโดยช่าง ➡️ Starlink ไม่มีสัญญาระยะยาว ยกเลิกได้ทันที ➡️ Viasat มีสัญญา 24 เดือน และค่าปรับหากยกเลิกก่อน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Starlink มีแผนหลากหลาย เช่น Roam, Maritime, Aviation สำหรับผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม ➡️ Viasat ให้บริการใน 99% ของพื้นที่ในสหรัฐฯ และบางส่วนของละตินอเมริกา ➡️ Starlink มีการขยายพื้นที่ครอบคลุมอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ➡️ Viasat มีบริการเสริมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ผ่าน Bitdefender https://www.slashgear.com/1969514/starlink-vs-viasat-home-satellite-internet-services-comparison/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Starlink Vs. Viasat: How Do These Home Satellite Internet Services Compare? - SlashGear
    Starlink is faster with lower latency and flexible contracts, while Viasat offers wider coverage but slower speeds and long-term contracts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! กัมพูชาสั่งปิดน่านฟ้าเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย
    .
    สำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (Cambodian Civil Aviation Authority) ประกาศปิดน่านฟ้า ห้ามทำการบินเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย พร้อมแจ้งให้สายการบินต่างๆ หลีกเลี่ยงเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็กำหนดเพดานบินขั้นต่ำสำหรับเส้นทางที่อาจมีความเสี่ยงสูง
    .
    Sin Chansereyvutha โฆษกสำนักงานเลขาธิการของสำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (SSCA) ให้สัมภาษณ์กับสื่อพนมเปญโพสต์เช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ว่าการตัดสินใจปิดน่านฟ้าเหนือพื้นที่ขัดแย้งนั้นมีพื้นฐานจากการที่ไทยใช้อาวุธหนักที่ขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเที่ยวบินพาณิชย์

    เขาระบุด้วยว่า มาตรการนี้มีที่มาจากการศึกษาบทเรียนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
    .
    โฆษกผู้นี้ย้ำว่า หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศยังห้ามไม่ให้อากาศยานทุกประเภททำการบินในระดับต่ำกว่า 1,200 เมตร ในพื้นที่ระหว่างท่าอากาศยานเก่าเสียมเรียบไปจนถึงจังหวัดไพลิน
    .
    “สืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไปมากในพื้นที่ขัดแย้งเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เราได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินที่อาจมีความเสี่ยง เราไม่อนุญาตให้ทำการบินผ่านพื้นที่ดังกล่าว ทุกเที่ยวบินที่โดยปกติแล้วจะต้องผ่านโซนเหล่านั้นได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทาง” เขากล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ปฏิบัติการของสายการบินต่างๆ ที่ผ่านน่านฟ้ากัมพูชาไม่ได้ถูกยกเลิกหรือลดจำนวนลง แค่เพียงเปลี่ยนเส้นทางเท่านั้น”
    .
    โฆษกเขมรอธิบายเพิ่มเติมว่า เส้นทางบินที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ เที่ยวบินจากภูมิภาคกลาง-ตะวันออกไปยังฟิลิปปินส์, ไทยไปฟิลิปปินส์, ไทยไปญี่ปุ่น, จีนไปลาว, จีนไปเวียดนาม, จีนไปมาเลเซีย และจีนไปอินโดนีเซีย เป็นต้น
    .
    เขายังเตือนด้วยว่า กัมพูชาอาจออกข้อจำกัดเพิ่มเติมหากกองทัพไทยยังคงขยายปฏิบัติการก้าวร้าวต่อไป และขอย้ำอีกครั้งว่า มาตรการนี้ของกัมพูชามีจุดประสงค์เพื่อรับรองว่าการสัญจรทางอากาศจะมีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
    .
    ที่มา: Phnom Penh Post
    ด่วน! กัมพูชาสั่งปิดน่านฟ้าเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย . สำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (Cambodian Civil Aviation Authority) ประกาศปิดน่านฟ้า ห้ามทำการบินเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย พร้อมแจ้งให้สายการบินต่างๆ หลีกเลี่ยงเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็กำหนดเพดานบินขั้นต่ำสำหรับเส้นทางที่อาจมีความเสี่ยงสูง . Sin Chansereyvutha โฆษกสำนักงานเลขาธิการของสำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (SSCA) ให้สัมภาษณ์กับสื่อพนมเปญโพสต์เช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ว่าการตัดสินใจปิดน่านฟ้าเหนือพื้นที่ขัดแย้งนั้นมีพื้นฐานจากการที่ไทยใช้อาวุธหนักที่ขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเที่ยวบินพาณิชย์ เขาระบุด้วยว่า มาตรการนี้มีที่มาจากการศึกษาบทเรียนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ . โฆษกผู้นี้ย้ำว่า หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศยังห้ามไม่ให้อากาศยานทุกประเภททำการบินในระดับต่ำกว่า 1,200 เมตร ในพื้นที่ระหว่างท่าอากาศยานเก่าเสียมเรียบไปจนถึงจังหวัดไพลิน . “สืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไปมากในพื้นที่ขัดแย้งเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เราได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินที่อาจมีความเสี่ยง เราไม่อนุญาตให้ทำการบินผ่านพื้นที่ดังกล่าว ทุกเที่ยวบินที่โดยปกติแล้วจะต้องผ่านโซนเหล่านั้นได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทาง” เขากล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ปฏิบัติการของสายการบินต่างๆ ที่ผ่านน่านฟ้ากัมพูชาไม่ได้ถูกยกเลิกหรือลดจำนวนลง แค่เพียงเปลี่ยนเส้นทางเท่านั้น” . โฆษกเขมรอธิบายเพิ่มเติมว่า เส้นทางบินที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ เที่ยวบินจากภูมิภาคกลาง-ตะวันออกไปยังฟิลิปปินส์, ไทยไปฟิลิปปินส์, ไทยไปญี่ปุ่น, จีนไปลาว, จีนไปเวียดนาม, จีนไปมาเลเซีย และจีนไปอินโดนีเซีย เป็นต้น . เขายังเตือนด้วยว่า กัมพูชาอาจออกข้อจำกัดเพิ่มเติมหากกองทัพไทยยังคงขยายปฏิบัติการก้าวร้าวต่อไป และขอย้ำอีกครั้งว่า มาตรการนี้ของกัมพูชามีจุดประสงค์เพื่อรับรองว่าการสัญจรทางอากาศจะมีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ . ที่มา: Phnom Penh Post
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 รีวิว
  • KLIA Aerotrain รถไฟฟ้าสนามบินเคแอลกลับมาแล้ว

    ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเปิดให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติที่ชื่อว่า KLIA Aerotrain อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เชื่อมระหว่างอาคาร 1 (Terminal 1) กับอาคารผู้โดยสารรอง (Sattlelite) ซึ่งมีเที่ยวบินเส้นทางระยะไกลจำนวนมาก หลังบริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ต โฮลดิ้ง เบอร์ฮัด (MAHB) ผู้บริหารสนามบินตัดสินใจปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 28 เดือน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างสองอาคาร ต้องไปขึ้นรถบัสที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ และเสียเวลาเดินทางมากกว่าปกติ

    KLIA Aerotrain เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2541 พร้อมกับการย้ายสนามบิน จากท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ (SZB) โดยใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับแอดทรานซ์ (Adtranz) รุ่น CX-100 จำนวน 3 คัน แนวเส้นทางจะลอดทางขับเครื่องบิน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง หนักที่สุดคือวันที่ 1 มี.ค. 2566 ขบวนรถขัดข้อง มีผู้โดยสาร 114 คนติดค้าง ทำให้ MAHB ตัดสินใจหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นต้นมา

    MAHB ปรับปรุง KLIA Aerotrain ใหม่ ด้วยงบลงทุน 456 ล้านริงกิต เปลี่ยนมาใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับ อัลสตอม (Alstom) รุ่นอินโนเวีย เอพีเอ็ม 300 อาร์ (Innovia APM 300R) มีทั้งหมด 3 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 270 คนต่อเที่ยว เดินรถด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองอาคารเหลือเพียง 3 นาที ผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะทำให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคชั้นนำในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 100,000 คนต่อวัน และต้อนรับปีการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia 2026

    ข้อมูลจาก CAPA Centre for Aviation พบว่าในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 57.1 ล้านคน ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบว่ามีเที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยังสิงคโปร์ (SIN) มากที่สุดถึง 270 เที่ยวบิน ตามมาด้วยจาการ์ตา (CGK) 184 เที่ยวบิน โกตากินาบาลู (BKI) 172 เที่ยวบิน กูชิง (KCH) 152 เที่ยวบิน ปีนัง (PEN) 143 เที่ยวบิน ลังกาวี (LGK) 132 เที่ยวบิน บาหลี (DPS) 105 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (JHB) 87 เที่ยวบิน กว่างโจว (CAN) 83 เที่ยวบินและโกตาบาห์รู (KBR) 80 เที่ยวบิน

    อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมี 4 ประเทศที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา อินโดนีเซีย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

    #Newskit
    KLIA Aerotrain รถไฟฟ้าสนามบินเคแอลกลับมาแล้ว ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเปิดให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติที่ชื่อว่า KLIA Aerotrain อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เชื่อมระหว่างอาคาร 1 (Terminal 1) กับอาคารผู้โดยสารรอง (Sattlelite) ซึ่งมีเที่ยวบินเส้นทางระยะไกลจำนวนมาก หลังบริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ต โฮลดิ้ง เบอร์ฮัด (MAHB) ผู้บริหารสนามบินตัดสินใจปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 28 เดือน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างสองอาคาร ต้องไปขึ้นรถบัสที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ และเสียเวลาเดินทางมากกว่าปกติ KLIA Aerotrain เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2541 พร้อมกับการย้ายสนามบิน จากท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ (SZB) โดยใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับแอดทรานซ์ (Adtranz) รุ่น CX-100 จำนวน 3 คัน แนวเส้นทางจะลอดทางขับเครื่องบิน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง หนักที่สุดคือวันที่ 1 มี.ค. 2566 ขบวนรถขัดข้อง มีผู้โดยสาร 114 คนติดค้าง ทำให้ MAHB ตัดสินใจหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นต้นมา MAHB ปรับปรุง KLIA Aerotrain ใหม่ ด้วยงบลงทุน 456 ล้านริงกิต เปลี่ยนมาใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับ อัลสตอม (Alstom) รุ่นอินโนเวีย เอพีเอ็ม 300 อาร์ (Innovia APM 300R) มีทั้งหมด 3 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 270 คนต่อเที่ยว เดินรถด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองอาคารเหลือเพียง 3 นาที ผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะทำให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคชั้นนำในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 100,000 คนต่อวัน และต้อนรับปีการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia 2026 ข้อมูลจาก CAPA Centre for Aviation พบว่าในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 57.1 ล้านคน ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบว่ามีเที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยังสิงคโปร์ (SIN) มากที่สุดถึง 270 เที่ยวบิน ตามมาด้วยจาการ์ตา (CGK) 184 เที่ยวบิน โกตากินาบาลู (BKI) 172 เที่ยวบิน กูชิง (KCH) 152 เที่ยวบิน ปีนัง (PEN) 143 เที่ยวบิน ลังกาวี (LGK) 132 เที่ยวบิน บาหลี (DPS) 105 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (JHB) 87 เที่ยวบิน กว่างโจว (CAN) 83 เที่ยวบินและโกตาบาห์รู (KBR) 80 เที่ยวบิน อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมี 4 ประเทศที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา อินโดนีเซีย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 781 มุมมอง 0 รีวิว
  • FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ
    Federal Aviation Administration (FAA) กำลังดำเนินโครงการ ปรับปรุงระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) ของสหรัฐฯ เพื่อ ยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และระบบปฏิบัติการ Windows 95 ซึ่งยังคงถูกใช้งานในหลายศูนย์ควบคุมทั่วประเทศ

    ปัจจุบัน FAA ยังคงใช้แผ่นดิสก์และกระดาษในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและ เสี่ยงต่อความล้มเหลวของระบบ แม้ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ CrowdStrike outage ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก แต่ FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้

    ข้อมูลจากข่าว
    - FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ
    - ปัจจุบัน ATC ยังคงใช้กระดาษและแผ่นดิสก์ในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน
    - FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้
    - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
    - FAA ได้เปิดรับข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยีเพื่อช่วยปรับปรุงระบบ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การอัปเกรดระบบ ATC ไม่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากบางระบบต้องทำงานตลอดเวลา
    - ต้องมั่นใจว่าระบบใหม่มีความปลอดภัยสูงและสามารถป้องกันการแฮกได้
    - FAA ยังไม่ได้เปิดเผยงบประมาณที่ใช้ในการอัปเกรดระบบ
    - ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าแผนการปรับปรุงภายใน 4 ปีอาจไม่เป็นไปตามกำหนด

    การปรับปรุงระบบ ATC อาจช่วยให้การจัดการเที่ยวบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงจากระบบที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการอย่างไร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/the-faa-seeks-to-eliminate-floppy-disk-usage-in-air-traffic-control-systems
    ✈️ FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ Federal Aviation Administration (FAA) กำลังดำเนินโครงการ ปรับปรุงระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) ของสหรัฐฯ เพื่อ ยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และระบบปฏิบัติการ Windows 95 ซึ่งยังคงถูกใช้งานในหลายศูนย์ควบคุมทั่วประเทศ ปัจจุบัน FAA ยังคงใช้แผ่นดิสก์และกระดาษในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยและ เสี่ยงต่อความล้มเหลวของระบบ แม้ว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ CrowdStrike outage ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก แต่ FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - FAA เตรียมยกเลิกการใช้แผ่นดิสก์และ Windows 95 ในระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ - ปัจจุบัน ATC ยังคงใช้กระดาษและแผ่นดิสก์ในการจัดการข้อมูลเที่ยวบิน - FAA ยอมรับว่าระบบปัจจุบันไม่สามารถรองรับอนาคตได้ - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ - FAA ได้เปิดรับข้อเสนอจากบริษัทเทคโนโลยีเพื่อช่วยปรับปรุงระบบ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การอัปเกรดระบบ ATC ไม่สามารถทำได้ทันที เนื่องจากบางระบบต้องทำงานตลอดเวลา - ต้องมั่นใจว่าระบบใหม่มีความปลอดภัยสูงและสามารถป้องกันการแฮกได้ - FAA ยังไม่ได้เปิดเผยงบประมาณที่ใช้ในการอัปเกรดระบบ - ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าแผนการปรับปรุงภายใน 4 ปีอาจไม่เป็นไปตามกำหนด การปรับปรุงระบบ ATC อาจช่วยให้การจัดการเที่ยวบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ลดความเสี่ยงจากระบบที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการอย่างไร https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/the-faa-seeks-to-eliminate-floppy-disk-usage-in-air-traffic-control-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลจากเทเลแกรม สรุปความเสียหายของเครื่องบินของรัสเซียไว้ ดังนี้:

    เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 จากจำนวนประมาณ 50 ลำ ถูกทำลาย 3 ลำ เสียหาย 5 ลำ ยังใช้งานได้ 42 ลำ

    เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22 M3 ประมาณ 55 ลำ เสียหาย 4 ลำ ยังใช้งานได้ 22 ลำ

    เครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง Tu-160 ประมาณ 20 ลำ ไม่ได้รับความเสียหาย

    .
    นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติม:

    ตามรายงานของสื่อรัสเซียระบุว่า กองทัพรัสเซียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS โดยเฉลี่ยประมาณ 20 ลำ หมุนเวียนในการโจมตียูเครน

    ฐานทัพอากาศ Olenya ในภูมิภาค Murmansk ไม่ใช่ฐานทัพที่ใช้ในปฏิบิติการพิเศษทางทหารบนดินแดนยูเครนโดยตรง แต่เป็นฐานทัพสำรองในกรณีที่ต้องการเรียกใช้

    เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 กำลังจะถูกแทนที่ด้วย PAK DA (แพค ดา) (Perspective Airborne Complex of Long-Range Aviation) ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ล่องหนรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดยตูโปเลฟ ตามกำหนดจะเข้ามาแทนที่ในปี 2027

    PAK DA มาจากภาษารัสเซีย (ПАК ДА - Перспективный авиационный комплекс дальней авиации)

    ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง Tu-160 มีกำลังการผลิตได้ประมาณ 2-3 ลำต่อปี ที่โรงงานในคาซาน
    ข้อมูลจากเทเลแกรม สรุปความเสียหายของเครื่องบินของรัสเซียไว้ ดังนี้: 👉เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 จากจำนวนประมาณ 50 ลำ ถูกทำลาย 3 ลำ เสียหาย 5 ลำ ยังใช้งานได้ 42 ลำ 👉เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22 M3 ประมาณ 55 ลำ เสียหาย 4 ลำ ยังใช้งานได้ 22 ลำ 👉เครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง Tu-160 ประมาณ 20 ลำ ไม่ได้รับความเสียหาย . นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติม: 👉ตามรายงานของสื่อรัสเซียระบุว่า กองทัพรัสเซียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS โดยเฉลี่ยประมาณ 20 ลำ หมุนเวียนในการโจมตียูเครน 👉ฐานทัพอากาศ Olenya ในภูมิภาค Murmansk ไม่ใช่ฐานทัพที่ใช้ในปฏิบิติการพิเศษทางทหารบนดินแดนยูเครนโดยตรง แต่เป็นฐานทัพสำรองในกรณีที่ต้องการเรียกใช้ 👉เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 กำลังจะถูกแทนที่ด้วย PAK DA (แพค ดา) (Perspective Airborne Complex of Long-Range Aviation) ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ล่องหนรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดยตูโปเลฟ ตามกำหนดจะเข้ามาแทนที่ในปี 2027 PAK DA มาจากภาษารัสเซีย (ПАК ДА - Перспективный авиационный комплекс дальней авиации) 👉ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง Tu-160 มีกำลังการผลิตได้ประมาณ 2-3 ลำต่อปี ที่โรงงานในคาซาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon Prime Air ขยายรายการสินค้าที่สามารถจัดส่งด้วยโดรน พร้อมใช้โดรนรุ่นใหม่เพื่อเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง

    Amazon ได้รับการอนุมัติจาก FAA (Federal Aviation Administration) ให้สามารถจัดส่งสินค้าหลากหลายประเภทผ่านบริการ Prime Air ซึ่งรวมถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เช่น iPhone, AirPods, AirTags และ Ring Doorbells

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการขยายบริการของ Amazon Prime Air
    FAA อนุมัติให้ Amazon สามารถจัดส่งสินค้าหลากหลายประเภทผ่านโดรน
    - รวมถึง สมาร์ทโฟน, อุปกรณ์เสริม และเครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร

    Amazon ใช้โดรน MK30 รุ่นใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง
    - ลูกค้า ไม่ต้องออกไปวาง QR Code บนพื้นเพื่อรับสินค้าอีกต่อไป

    ระบบแจ้งเวลาจัดส่งที่แม่นยำขึ้น
    - Amazon แจ้งเวลาจัดส่งภายใน 5 นาทีหลังจากสั่งซื้อสินค้า

    บริการ Prime Air เริ่มต้นในปี 2022 แต่ยังขยายพื้นที่ให้บริการอย่างช้า ๆ
    - ปัจจุบัน ให้บริการเฉพาะใน College Station, Texas และ West Valley, Phoenix

    ลูกค้าต้องเลือกตัวเลือก "Drone Delivery" ในขั้นตอนการสั่งซื้อ
    - สินค้าที่สามารถจัดส่งด้วยโดรน ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 5 ปอนด์

    https://www.neowin.net/news/amazon-prime-air-expands-its-delivery-list-and-uses-a-new-drone-for-faster-deliveries/
    Amazon Prime Air ขยายรายการสินค้าที่สามารถจัดส่งด้วยโดรน พร้อมใช้โดรนรุ่นใหม่เพื่อเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง Amazon ได้รับการอนุมัติจาก FAA (Federal Aviation Administration) ให้สามารถจัดส่งสินค้าหลากหลายประเภทผ่านบริการ Prime Air ซึ่งรวมถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เช่น iPhone, AirPods, AirTags และ Ring Doorbells 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการขยายบริการของ Amazon Prime Air ✅ FAA อนุมัติให้ Amazon สามารถจัดส่งสินค้าหลากหลายประเภทผ่านโดรน - รวมถึง สมาร์ทโฟน, อุปกรณ์เสริม และเครื่องวัดอุณหภูมิอาหาร ✅ Amazon ใช้โดรน MK30 รุ่นใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง - ลูกค้า ไม่ต้องออกไปวาง QR Code บนพื้นเพื่อรับสินค้าอีกต่อไป ✅ ระบบแจ้งเวลาจัดส่งที่แม่นยำขึ้น - Amazon แจ้งเวลาจัดส่งภายใน 5 นาทีหลังจากสั่งซื้อสินค้า ✅ บริการ Prime Air เริ่มต้นในปี 2022 แต่ยังขยายพื้นที่ให้บริการอย่างช้า ๆ - ปัจจุบัน ให้บริการเฉพาะใน College Station, Texas และ West Valley, Phoenix ✅ ลูกค้าต้องเลือกตัวเลือก "Drone Delivery" ในขั้นตอนการสั่งซื้อ - สินค้าที่สามารถจัดส่งด้วยโดรน ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 5 ปอนด์ https://www.neowin.net/news/amazon-prime-air-expands-its-delivery-list-and-uses-a-new-drone-for-faster-deliveries/
    WWW.NEOWIN.NET
    Amazon Prime Air expands its delivery list and uses a new drone for faster deliveries
    Amazon Prime Air can now deliver popular electronic items weighing 5 pounds or less via drones, but only in these cities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน: หลังจากกองทัพอากาศปากีสถานยิงเครื่องบินราฟาลของอินเดียตก 3 ลำ อินโดนีเซียก็ระงับการซื้อเครื่องบินราฟาลจำนวน 42 ลำจากฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ของ Dassault Aviation
    ด่วน: หลังจากกองทัพอากาศปากีสถานยิงเครื่องบินราฟาลของอินเดียตก 3 ลำ อินโดนีเซียก็ระงับการซื้อเครื่องบินราฟาลจำนวน 42 ลำจากฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ของ Dassault Aviation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ้นของบริษัท Chengdu Aircraft Corporation (CAC) พุ่ง 11.85 จุด หลังมีข่าวปากีสถานยิงเครื่องบินขับไล่ของอินเดียตก

    ขณะที่หุ้นของบริษัท Dassault Aviation ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินรบ Rafale ร่วงลงอย่างรวดเร็วถึง 6%

    ช่วงเช้าวันที่ 7 พฤษภาคม กองทัพปากีสถานอ้างว่า ได้ยิงเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดีย (IAF) ตก 6 ลำ โดยใช้เครื่องบินขับไล่ของจีน J-10CE และ JF-17 Thunder และระบบป้องกันภัยทางอากาศ HQ-9P และขีปนาวุธ PL-15

    เครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดียที่ตกตามที่มีรายงานออกมาประกอบไปด้วยเครื่องบิน Rafale ของฝรั่งเศส 3 ลำ เครื่องบินขับไล่ Su-30MKI 1 ลำ เครื่องบินขับไล่ MiG-29 1 ลำ และโดรน 2 ลำ

    ภาพวิดีโอประกอบ เป็นภาพการทำงานของระบบป้องกันภัยทางอากาศ HQ-9P ในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหารในปากีสถาน เมื่อปี 2024

    เพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน!! ทางฝ่ายอินเดียรายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอินเดียประสบความสำเร็จในการยิงเครื่องบินขับไล่ JF-17 ของกองทัพอากาศปากีสถานตกในพื้นที่ Akhnoor โดยในตอนแรกมีการรายงานว่าเป็นเครื่องบิน F-16
    หุ้นของบริษัท Chengdu Aircraft Corporation (CAC) พุ่ง 11.85 จุด หลังมีข่าวปากีสถานยิงเครื่องบินขับไล่ของอินเดียตก ขณะที่หุ้นของบริษัท Dassault Aviation ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินรบ Rafale ร่วงลงอย่างรวดเร็วถึง 6% ช่วงเช้าวันที่ 7 พฤษภาคม กองทัพปากีสถานอ้างว่า ได้ยิงเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดีย (IAF) ตก 6 ลำ โดยใช้เครื่องบินขับไล่ของจีน J-10CE และ JF-17 Thunder และระบบป้องกันภัยทางอากาศ HQ-9P และขีปนาวุธ PL-15 เครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดียที่ตกตามที่มีรายงานออกมาประกอบไปด้วยเครื่องบิน Rafale ของฝรั่งเศส 3 ลำ เครื่องบินขับไล่ Su-30MKI 1 ลำ เครื่องบินขับไล่ MiG-29 1 ลำ และโดรน 2 ลำ 👉ภาพวิดีโอประกอบ เป็นภาพการทำงานของระบบป้องกันภัยทางอากาศ HQ-9P ในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหารในปากีสถาน เมื่อปี 2024 เพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน!! ทางฝ่ายอินเดียรายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอินเดียประสบความสำเร็จในการยิงเครื่องบินขับไล่ JF-17 ของกองทัพอากาศปากีสถานตกในพื้นที่ Akhnoor โดยในตอนแรกมีการรายงานว่าเป็นเครื่องบิน F-16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุริยะ" เผย FAA ประกาศยกระดับไทยขึ้น Category 1 ปลดล็อกสายการบินของไทย บินตรงเข้าสหรัฐฯ ได้ หลังติดหล่มตกชั้นตั้งแต่ปี 2558 ยืนยันไทยแก้ไขข้อบกพร่องการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินได้ตามมาตรฐาน

    วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration) หรือ FAA ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปรับระดับมาตรฐานการบินของไทย จาก Category 2 (CAT2) ซึ่งไทยได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี 2558 ยกระดับกลับไปสู่ Category 1 (CAT1) เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบินอยู่ในระดับมาตรฐานสากล นับเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของไทยในรอบเกือบ 10 ปี

    การที่ไทยได้กลับสู่ FAA Category 1 จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินของไทย โดยเฉพาะการเปิดหรือขยายเส้นทางบินของสายการบินไทยไปยังสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้สายการบินของไทยทั้งสายการบินใหม่และสายการบินเดิม จะสามารถเปิดเส้นทางใหม่หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปยังประเทศที่ให้ความสำคัญกับผลการประเมินของ FAA เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เป็นการเพิ่มโอกาสการเดินทางระหว่างประเทศ คนไทยจะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น ทั้งในด้านเส้นทาง เวลาเดินทาง และราคาที่แข่งขันกันมากขึ้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037661

    #MGROnline #CAT1 #กลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบิน #ระดับมาตรฐานสากล
    "สุริยะ" เผย FAA ประกาศยกระดับไทยขึ้น Category 1 ปลดล็อกสายการบินของไทย บินตรงเข้าสหรัฐฯ ได้ หลังติดหล่มตกชั้นตั้งแต่ปี 2558 ยืนยันไทยแก้ไขข้อบกพร่องการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินได้ตามมาตรฐาน • วันนี้ (22 เมษายน 2568) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration) หรือ FAA ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปรับระดับมาตรฐานการบินของไทย จาก Category 2 (CAT2) ซึ่งไทยได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี 2558 ยกระดับกลับไปสู่ Category 1 (CAT1) เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบินอยู่ในระดับมาตรฐานสากล นับเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของไทยในรอบเกือบ 10 ปี • การที่ไทยได้กลับสู่ FAA Category 1 จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินของไทย โดยเฉพาะการเปิดหรือขยายเส้นทางบินของสายการบินไทยไปยังสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้สายการบินของไทยทั้งสายการบินใหม่และสายการบินเดิม จะสามารถเปิดเส้นทางใหม่หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปยังประเทศที่ให้ความสำคัญกับผลการประเมินของ FAA เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เป็นการเพิ่มโอกาสการเดินทางระหว่างประเทศ คนไทยจะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น ทั้งในด้านเส้นทาง เวลาเดินทาง และราคาที่แข่งขันกันมากขึ้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037661 • #MGROnline #CAT1 #กลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบิน #ระดับมาตรฐานสากล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินโดยสารแอร์บัสของสายการบินแอร์ปูซาน (Air Busan) ของเกาหลีใต้เกิดเพลิงลุกไหม้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ขณะกำลังตรียมเดินทางไปยังฮ่องกงเมื่อค่ำวานนี้ (28 ม.ค.) แต่โชคดีที่ผู้โดยสารทั้ง 169 คนและลูกเรืออีก 7 คนถูกอพยพได้ทัน และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 3 คน
    .
    สำนักงานดับเพลิงปูซานได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ซึ่งปะทุขึ้นภายในลำตัวเครื่องบินเมื่อเวลาราว 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าต้นเพลิงเกิดที่ส่วนหางของเครื่อง
    .
    คลิปเหตุการณ์ที่สถานีโทรทัศน์ YTN เผยแพร่ทำให้เห็นว่ามีการใช้สไลด์อพยพผู้โดยสารลงจากเครื่องบินทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่หน่วยกู้ภัยเร่งจัดการกับควันและไฟที่ไหม้เครื่องบิน
    .
    ต่อมาสำนักข่าวยอนฮัปได้เผยแพร่คลิปแนวหลังคาห้องโดยสารที่เป็นรูโหว่อันเกิดจากการถูกไฟไหม้
    .
    เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังจากที่เครื่องบินโบอิ้งของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพมหานครประสบอุบัติเหตุลื่นไถลหลุดรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติมูอัน หลังลงจอดในสภาพล้อไม่กาง ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 179 คน และมีลูกเรือที่นั่งอยู่บริเวณส่วนหางรอดมาได้เพียง 2 คน
    .
    สำหรับแอร์ปูซานเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือเอเชียนาแอร์ไลน์ส (Asiana Airlines) ซึ่งเพิ่งจะถูกควบกิจการโดยโคเรียนแอร์ (Korean Air) เมื่อเดือน ธ.ค.
    .
    แอร์บัสซึ่งเป็นผู้ผู้ผลิตเครื่องบินยืนยันว่าได้รับรายงานอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างประสานงานกับทางแอร์ปูซาน
    .
    เครื่องบินลำเกิดเหตุเป็นแอร์บัส A321 neo หมายเลขท้ายเครื่อง HL7763 ซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว 17 ปี ตามข้อมูลจาก Aviation Safety Network
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009127
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินโดยสารแอร์บัสของสายการบินแอร์ปูซาน (Air Busan) ของเกาหลีใต้เกิดเพลิงลุกไหม้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกิมแฮทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ขณะกำลังตรียมเดินทางไปยังฮ่องกงเมื่อค่ำวานนี้ (28 ม.ค.) แต่โชคดีที่ผู้โดยสารทั้ง 169 คนและลูกเรืออีก 7 คนถูกอพยพได้ทัน และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 3 คน . สำนักงานดับเพลิงปูซานได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ซึ่งปะทุขึ้นภายในลำตัวเครื่องบินเมื่อเวลาราว 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่าต้นเพลิงเกิดที่ส่วนหางของเครื่อง . คลิปเหตุการณ์ที่สถานีโทรทัศน์ YTN เผยแพร่ทำให้เห็นว่ามีการใช้สไลด์อพยพผู้โดยสารลงจากเครื่องบินทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่หน่วยกู้ภัยเร่งจัดการกับควันและไฟที่ไหม้เครื่องบิน . ต่อมาสำนักข่าวยอนฮัปได้เผยแพร่คลิปแนวหลังคาห้องโดยสารที่เป็นรูโหว่อันเกิดจากการถูกไฟไหม้ . เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังจากที่เครื่องบินโบอิ้งของสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพมหานครประสบอุบัติเหตุลื่นไถลหลุดรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติมูอัน หลังลงจอดในสภาพล้อไม่กาง ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 179 คน และมีลูกเรือที่นั่งอยู่บริเวณส่วนหางรอดมาได้เพียง 2 คน . สำหรับแอร์ปูซานเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือเอเชียนาแอร์ไลน์ส (Asiana Airlines) ซึ่งเพิ่งจะถูกควบกิจการโดยโคเรียนแอร์ (Korean Air) เมื่อเดือน ธ.ค. . แอร์บัสซึ่งเป็นผู้ผู้ผลิตเครื่องบินยืนยันว่าได้รับรายงานอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างประสานงานกับทางแอร์ปูซาน . เครื่องบินลำเกิดเหตุเป็นแอร์บัส A321 neo หมายเลขท้ายเครื่อง HL7763 ซึ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว 17 ปี ตามข้อมูลจาก Aviation Safety Network . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009127 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    Wow
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2796 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสอบสวนพบซากนกเป็ดน้ำไบคาลติดอยู่ในเครื่องยนต์ 2 ตัวของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเชจูแอร์เที่ยวบินออกจากกรุงเทพฯ-มูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.และตกลงที่สนามบินมูอันของเกาหลีใต้ มีผู้เสียชีวิต 179 คน รอดตายแค่ 2 คน
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่า รายงานการสอบสวนเบื้องต้นที่เผยแพร่วานนี้ (27) ชี้ให้เห็นว่า เครื่องบินสายการบินเชจูแอร์ (Jeju Air) เที่ยวบิน 7C2216 ซึ่งเดินทางออกจากกรุงเทพ-มูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้ชนนกเป็ดน้ำก่อนที่จะตกลงหลังพบซากนกติดอยู่ในเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว
    .
    รายงานสอบสวนระบุว่า มีการพบขนนกและเลือดอยู่ด้านในเครื่องยนต์ของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800
    .
    “ตัวอย่างถูกส่งไปยังหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ DNA และหน่วยงานภายในประเทศได้บ่งชี้ตัวอย่างเหล่านี้ว่าเป็นของนกเป็ดน้ำไบคาล” คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางรางและทางอากาศเกาหลีใต้ (South Korea’s Aviation and Railway Accident Investigation Board) กล่าวในรายงาน
    .
    ทั้งนี้ นกเป็ดน้ำไบคาล (Baikal Teal) เป็นนกอพยพที่มักพบในแถบไซบีเรียของรัสเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ มักอพยพมาเป็นฝูงใหญ่ที่เกาหลีใต้ช่วงฤดูหนาว
    .
    นักบินได้ขออนุญาตลงจอดฉุกเฉินระหว่างพยายามที่จะร่อนลงจอดและได้รับการเตือนอาจเจอปัญหานกบิน ซึ่งเครื่องบินตกนั้นสามารถเกิดได้ไม่กี่ปัจจัยและหนึ่งในนั้นเกิดปัญหาจากนกชนได้ถือเป็นเรื่องตลก
    .
    รายงานจำนวน 6 หน้าไม่ได้เปิดเผยมากไปกว่ารายละเอียดของข้อเท็จจริงในขณะที่ปัญหาไม่กี่ข้อยังคงมีอยู่ต่อไปเป็นว่า เหตุใดเครื่องบินถึงยกเลิกความพยายามลงแลนดิ้งครั้งแรกก่อนที่จะหันไปลงจอดในรันเวย์เดียวกันแต่เป็นทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นได้น้อยจากการที่นักบินมักจะลงจอดในทิศทางที่มุ่งสู่ลมที่จะช่วยเหลือทางด้านความเสถียรของเครื่องและการเบรก
    .
    เครื่องลงจอดที่ปลายรันเวย์ในสภาพความเร็วสูงโดยไม่มีการใช้เกียร์แลนดิ้ง และไม่มีการใช้ wing flap หรือปีกสร้างแรงยก ที่จะช่วยเหลือในการร่อนลงจอดของเครื่อง
    .
    และหลังจากเครื่องบินเชจูแอร์ได้ไถลไปตามรันเวย์และเครื่องบินได้เกิดชนเข้ากับที่กั้นคอนกรีตที่ปลายสุดของรันเวย์และเกิดระเบิดขึ้น
    .
    ทีมสอบสวนไม่สามารถใช้ข้อมูลจากกล่องดำได้เป็นเพราะกล่องดำเกิดหยุดการบันทึก 4 นาทีก่อนเครื่องบินเกิดระเบิด โดยมักจะมาจากปัญหาอิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องเกิดขัดข้องก่อนหน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009079
    ..............
    Sondhi X
    การสอบสวนพบซากนกเป็ดน้ำไบคาลติดอยู่ในเครื่องยนต์ 2 ตัวของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบินเชจูแอร์เที่ยวบินออกจากกรุงเทพฯ-มูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.และตกลงที่สนามบินมูอันของเกาหลีใต้ มีผู้เสียชีวิต 179 คน รอดตายแค่ 2 คน . เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่า รายงานการสอบสวนเบื้องต้นที่เผยแพร่วานนี้ (27) ชี้ให้เห็นว่า เครื่องบินสายการบินเชจูแอร์ (Jeju Air) เที่ยวบิน 7C2216 ซึ่งเดินทางออกจากกรุงเทพ-มูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้ชนนกเป็ดน้ำก่อนที่จะตกลงหลังพบซากนกติดอยู่ในเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว . รายงานสอบสวนระบุว่า มีการพบขนนกและเลือดอยู่ด้านในเครื่องยนต์ของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 . “ตัวอย่างถูกส่งไปยังหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ DNA และหน่วยงานภายในประเทศได้บ่งชี้ตัวอย่างเหล่านี้ว่าเป็นของนกเป็ดน้ำไบคาล” คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางรางและทางอากาศเกาหลีใต้ (South Korea’s Aviation and Railway Accident Investigation Board) กล่าวในรายงาน . ทั้งนี้ นกเป็ดน้ำไบคาล (Baikal Teal) เป็นนกอพยพที่มักพบในแถบไซบีเรียของรัสเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ มักอพยพมาเป็นฝูงใหญ่ที่เกาหลีใต้ช่วงฤดูหนาว . นักบินได้ขออนุญาตลงจอดฉุกเฉินระหว่างพยายามที่จะร่อนลงจอดและได้รับการเตือนอาจเจอปัญหานกบิน ซึ่งเครื่องบินตกนั้นสามารถเกิดได้ไม่กี่ปัจจัยและหนึ่งในนั้นเกิดปัญหาจากนกชนได้ถือเป็นเรื่องตลก . รายงานจำนวน 6 หน้าไม่ได้เปิดเผยมากไปกว่ารายละเอียดของข้อเท็จจริงในขณะที่ปัญหาไม่กี่ข้อยังคงมีอยู่ต่อไปเป็นว่า เหตุใดเครื่องบินถึงยกเลิกความพยายามลงแลนดิ้งครั้งแรกก่อนที่จะหันไปลงจอดในรันเวย์เดียวกันแต่เป็นทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นได้น้อยจากการที่นักบินมักจะลงจอดในทิศทางที่มุ่งสู่ลมที่จะช่วยเหลือทางด้านความเสถียรของเครื่องและการเบรก . เครื่องลงจอดที่ปลายรันเวย์ในสภาพความเร็วสูงโดยไม่มีการใช้เกียร์แลนดิ้ง และไม่มีการใช้ wing flap หรือปีกสร้างแรงยก ที่จะช่วยเหลือในการร่อนลงจอดของเครื่อง . และหลังจากเครื่องบินเชจูแอร์ได้ไถลไปตามรันเวย์และเครื่องบินได้เกิดชนเข้ากับที่กั้นคอนกรีตที่ปลายสุดของรันเวย์และเกิดระเบิดขึ้น . ทีมสอบสวนไม่สามารถใช้ข้อมูลจากกล่องดำได้เป็นเพราะกล่องดำเกิดหยุดการบันทึก 4 นาทีก่อนเครื่องบินเกิดระเบิด โดยมักจะมาจากปัญหาอิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องเกิดขัดข้องก่อนหน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009079 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2457 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คมนาคม” เร่งอัพเกรดสนามบินภูมิภาค ชูศักยภาพหนุน ”ฮับ” การบิน.จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค (Aviation Hub) โดยมุ่งเน้นไปที่ สนามบินหลักอย่าง ”สุวรรณภูมิ และ ภูเก็ต” ส่วนสนามบินภูมิภาคที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ดูแล ฝ่ายนโยบายกลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทั้งที่สนามบินหลายแห่งมีความสำคัญในการรองรับการเดินทางภายในประเทศและช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่ Aviation Hub ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งหลังจากที่ ”สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯและรมว.คมนาคม โดยมอบหมายให้ “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคมกำกับดูแล กรมท่าอากาศยาน การพัฒนาปรับปรุงสนามบินภูมิภาค มีความชัดเจนอย่างมาก.@แก้ด่วน ”ความสะอาด จัดระเบียบพื้นที่” ยกเครื่องบริการนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้มีการลงพื้นที่สนามบินเพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแห่งแรก คือ สนามบินกระบี่ เพราะเป็นสนามบินที่ถือว่า มีผู้โดยสารและเที่ยวบิน และมีรายได้สูงสุดของทย. จากนั้นได้ไปตรวจเยี่ยมสนามบินอุดรธานีและสนามบินพิษณุโลก.ปัญหาที่พบเป็นเรื่องการให้บริการ เช่น ความสะอาดต่างๆ ห้องน้ำ พื้นที่ร้านค้าไม่เป็นระเบียบ พื้นที่บริการผู้โดยสารเก้าอี้พักคอย ที่จอดรถไม่เพียงพอ มีสภาพทรุดโทรม รวมไปถึงระบบขนส่งเชื่อมต่อจากสนามบินไปในเมืองและแหล่งท่องเที่ยว และการให้บริการของพนักงาน หลังตรวจสนามบินกระบี่ได้มีข้อสั่งการให้แก้ไขเร่งด่วน ได้แก่.1. จัดให้มีจุดเช็คอิน เพิ่มประสิทธิภาพตรวจค้นสัมภาระ ปรับรุงและเพิ่มเติมป้ายบอกทาง เร่งรัดเปิดบริการสะพานเทียบเครื่องบิน. 2. จัดระเบียบพื้นที่ภายในอาคารและการจัดหารายได้เพิ่มเติม พื้นที่เช่าเคาเตอร์รถเช่า และร้านค้าขายของ เป็นต้น.3. ปรับปรุงให้ท่าอากาศยานมีชีวิต เช่น การจัดพื้นที่สีเขียว การเปิดเพลงเพื่อเพิ่มบรรยากกาศในแต่ละเทศกาล จัดพื้นที่เช็คอิน.4. รักษาความสะอาด เช่น ห้องน้ำ กระจก ลิฟต์ และพื้นที่ให้บริการต่างๆ.5. เร่งรัดงานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารในประเทศ และเตรียมเปิดให้บริการ.อ่านเพิ่มเติม>>https://mgronline.com/business/detail/9670000118025.#คมนาคม #อัพเกรด #สนามบินภูมิภาค #กรมท่าอากาศยาน
    “คมนาคม” เร่งอัพเกรดสนามบินภูมิภาค ชูศักยภาพหนุน ”ฮับ” การบิน.จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค (Aviation Hub) โดยมุ่งเน้นไปที่ สนามบินหลักอย่าง ”สุวรรณภูมิ และ ภูเก็ต” ส่วนสนามบินภูมิภาคที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ดูแล ฝ่ายนโยบายกลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ทั้งที่สนามบินหลายแห่งมีความสำคัญในการรองรับการเดินทางภายในประเทศและช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และสนับสนุนให้ไทยก้าวสู่ Aviation Hub ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งหลังจากที่ ”สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯและรมว.คมนาคม โดยมอบหมายให้ “มนพร เจริญศรี” รมช.คมนาคมกำกับดูแล กรมท่าอากาศยาน การพัฒนาปรับปรุงสนามบินภูมิภาค มีความชัดเจนอย่างมาก.@แก้ด่วน ”ความสะอาด จัดระเบียบพื้นที่” ยกเครื่องบริการนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้มีการลงพื้นที่สนามบินเพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานแห่งแรก คือ สนามบินกระบี่ เพราะเป็นสนามบินที่ถือว่า มีผู้โดยสารและเที่ยวบิน และมีรายได้สูงสุดของทย. จากนั้นได้ไปตรวจเยี่ยมสนามบินอุดรธานีและสนามบินพิษณุโลก.ปัญหาที่พบเป็นเรื่องการให้บริการ เช่น ความสะอาดต่างๆ ห้องน้ำ พื้นที่ร้านค้าไม่เป็นระเบียบ พื้นที่บริการผู้โดยสารเก้าอี้พักคอย ที่จอดรถไม่เพียงพอ มีสภาพทรุดโทรม รวมไปถึงระบบขนส่งเชื่อมต่อจากสนามบินไปในเมืองและแหล่งท่องเที่ยว และการให้บริการของพนักงาน หลังตรวจสนามบินกระบี่ได้มีข้อสั่งการให้แก้ไขเร่งด่วน ได้แก่.1. จัดให้มีจุดเช็คอิน เพิ่มประสิทธิภาพตรวจค้นสัมภาระ ปรับรุงและเพิ่มเติมป้ายบอกทาง เร่งรัดเปิดบริการสะพานเทียบเครื่องบิน. 2. จัดระเบียบพื้นที่ภายในอาคารและการจัดหารายได้เพิ่มเติม พื้นที่เช่าเคาเตอร์รถเช่า และร้านค้าขายของ เป็นต้น.3. ปรับปรุงให้ท่าอากาศยานมีชีวิต เช่น การจัดพื้นที่สีเขียว การเปิดเพลงเพื่อเพิ่มบรรยากกาศในแต่ละเทศกาล จัดพื้นที่เช็คอิน.4. รักษาความสะอาด เช่น ห้องน้ำ กระจก ลิฟต์ และพื้นที่ให้บริการต่างๆ.5. เร่งรัดงานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารในประเทศ และเตรียมเปิดให้บริการ.อ่านเพิ่มเติม>>https://mgronline.com/business/detail/9670000118025.#คมนาคม #อัพเกรด #สนามบินภูมิภาค #กรมท่าอากาศยาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1227 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ล่องหนใหม่ล่าสุด ต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จีนเร่งยกระดับความทันสมัยของกองทัพ ในการแข่งขันกับวอชิงตัน สำหรับความเหนือกว่าบนท้องฟ้า ท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาค
    .
    เครื่องบินล่องหน J-35A ประจำการภาคพื้น ถูกเปิดตัว ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) ในเมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน ผ่านการบินสาธิตทางอากาศเป็นเวลา 5 นาที
    .
    นอกจากนี้แล้วภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินล่องหน J-35 เวอร์ชันประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ขณะที่นิทรรศการทางอากาศที่จัดขึ้น 2 ปีครั้ง ถือเป็นการรวมตัวของอากาศยานกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในเอเชีย
    .
    แม้รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของ J-35 จะมีอย่างจำกัด แต่พวกนักวิเคราะห์บอกว่าการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของจีน ในความพยายามยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัยและท้าทายความเป็นเต้ยของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆไต้หวัน ซึ่งทางปักกิ่งกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
    .
    คาร์ล ชูสเตอร์ นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แห่งศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "งานแอร์โชว์ในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า กองทัพจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯและทั่วทั้งตะวันตก กองกำลังสหรัฐฯเคยเปรมปรีดิ์ ในความเหนือกว่าทางอากาศในทุกๆความขัดแย้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้แสนนายุภาพทางอากาศที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน กำลังท้าทายความได้เปรียบดั้งเดิมของตะวันตก"
    .
    ด้วยการเปิดตัว J-35 ทำให้จีน ก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ประเทศ ที่สามารรถผลิตเครื่องบินขับไล่ล่องหนได้มากกว่า 1 ซีรีย์ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นประเทศเดียวที่กำลังเดินหน้าผลิตทั้ง 2 ซีรีย์ เนื่องจากสหรัฐฯระงับการผลิต F-22 แรปเตอร์ไปแล้ว
    .
    "จีนไล่กวดเข้ามาในแง่ของขอบเขตยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี อย่างน้อยๆก็ที่นำออกมาแสดง" เจมส์ ชาร์ ผู้ช่วยศาสตรจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีน ณ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าว "แต่ในแง่การไล่ตามอเมริกา พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังคงล้าหลังอยู่ราวๆ 10 ถึง 15 ปี" เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆเกียวกับการประจำการทางทหาร อย่างเช่นการฝึกฝนและความพร้อมด้านปฏิบัติการ
    .
    J-35 ถูกพัฒนามานานกว่า 1 ทศวรรษโดยเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน หน่วยธุรกิจของอาเวียชัน อินดัสตรี คอร์ปอเรชีน ออฟ ไชนา บริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ และมันจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพปักกิ่ง ร่วมกับเครื่องบินล่องหน J-2 มุ่งเน้นจากอากาศสู่อากาศ ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2017
    .
    ชูสเตอร์ คาดหมายว่าเครื่องบิน J-35 ล็อตแรก ที่จะเข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้านปฏิบัติการของกองทัพอากาศจีน ในเดือนมีนาคม 2026
    .
    หนี่ เล่อเซวียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าด้วยศักยภาพยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นและโจมตีทางอากาศสู่อากาศ รวมถึงความสามารถในการเทคออฟขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินซีรีย์ต่างๆของ J-35 ถูกออกแบบมาให้ทัดเทียมกับเครื่องบินล่องหน F-35 ซีรีย์ต่างๆของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ปักกิ่ง ยังไม่แถลงเกี่ยวกับเวอร์ชันที่สามารถเทคออฟและลงจอดในแนวดิ่ง บางอย่างที่ F-35B สามารถทำได้
    .
    ปีเตอร์ เลย์ตัน จากสถาบันวิจัยรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส เน้นว่า J-35 กำลังเข้าประจำการตามหลัง F-35 ของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี และมีขึ้นหลังจากวอชิงตันเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขามองว่าด้วยความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าของจีน จึงหมายความว่า F-35 อาจสร้างได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ J-35 มีความได้เปรียบในแง่ของการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ
    .
    เครื่องบินที่นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศในปีนี้ ยังรวมไปถึงซูคอย ซู-27 ของรัสเซีย บ่งชี้ถึงสัญญาณความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นและแน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก จากความเห็นของ คอลลิน โก๊ะ นักวิจัยอีกคนของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109079
    ..............
    Sondhi X
    จีนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ล่องหนใหม่ล่าสุด ต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จีนเร่งยกระดับความทันสมัยของกองทัพ ในการแข่งขันกับวอชิงตัน สำหรับความเหนือกว่าบนท้องฟ้า ท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาค . เครื่องบินล่องหน J-35A ประจำการภาคพื้น ถูกเปิดตัว ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) ในเมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน ผ่านการบินสาธิตทางอากาศเป็นเวลา 5 นาที . นอกจากนี้แล้วภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินล่องหน J-35 เวอร์ชันประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ขณะที่นิทรรศการทางอากาศที่จัดขึ้น 2 ปีครั้ง ถือเป็นการรวมตัวของอากาศยานกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในเอเชีย . แม้รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของ J-35 จะมีอย่างจำกัด แต่พวกนักวิเคราะห์บอกว่าการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของจีน ในความพยายามยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัยและท้าทายความเป็นเต้ยของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆไต้หวัน ซึ่งทางปักกิ่งกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน . คาร์ล ชูสเตอร์ นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แห่งศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "งานแอร์โชว์ในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า กองทัพจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯและทั่วทั้งตะวันตก กองกำลังสหรัฐฯเคยเปรมปรีดิ์ ในความเหนือกว่าทางอากาศในทุกๆความขัดแย้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้แสนนายุภาพทางอากาศที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน กำลังท้าทายความได้เปรียบดั้งเดิมของตะวันตก" . ด้วยการเปิดตัว J-35 ทำให้จีน ก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ประเทศ ที่สามารรถผลิตเครื่องบินขับไล่ล่องหนได้มากกว่า 1 ซีรีย์ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นประเทศเดียวที่กำลังเดินหน้าผลิตทั้ง 2 ซีรีย์ เนื่องจากสหรัฐฯระงับการผลิต F-22 แรปเตอร์ไปแล้ว . "จีนไล่กวดเข้ามาในแง่ของขอบเขตยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี อย่างน้อยๆก็ที่นำออกมาแสดง" เจมส์ ชาร์ ผู้ช่วยศาสตรจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีน ณ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าว "แต่ในแง่การไล่ตามอเมริกา พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังคงล้าหลังอยู่ราวๆ 10 ถึง 15 ปี" เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆเกียวกับการประจำการทางทหาร อย่างเช่นการฝึกฝนและความพร้อมด้านปฏิบัติการ . J-35 ถูกพัฒนามานานกว่า 1 ทศวรรษโดยเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน หน่วยธุรกิจของอาเวียชัน อินดัสตรี คอร์ปอเรชีน ออฟ ไชนา บริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ และมันจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพปักกิ่ง ร่วมกับเครื่องบินล่องหน J-2 มุ่งเน้นจากอากาศสู่อากาศ ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2017 . ชูสเตอร์ คาดหมายว่าเครื่องบิน J-35 ล็อตแรก ที่จะเข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้านปฏิบัติการของกองทัพอากาศจีน ในเดือนมีนาคม 2026 . หนี่ เล่อเซวียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าด้วยศักยภาพยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นและโจมตีทางอากาศสู่อากาศ รวมถึงความสามารถในการเทคออฟขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินซีรีย์ต่างๆของ J-35 ถูกออกแบบมาให้ทัดเทียมกับเครื่องบินล่องหน F-35 ซีรีย์ต่างๆของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ปักกิ่ง ยังไม่แถลงเกี่ยวกับเวอร์ชันที่สามารถเทคออฟและลงจอดในแนวดิ่ง บางอย่างที่ F-35B สามารถทำได้ . ปีเตอร์ เลย์ตัน จากสถาบันวิจัยรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส เน้นว่า J-35 กำลังเข้าประจำการตามหลัง F-35 ของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี และมีขึ้นหลังจากวอชิงตันเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขามองว่าด้วยความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าของจีน จึงหมายความว่า F-35 อาจสร้างได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ J-35 มีความได้เปรียบในแง่ของการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ . เครื่องบินที่นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศในปีนี้ ยังรวมไปถึงซูคอย ซู-27 ของรัสเซีย บ่งชี้ถึงสัญญาณความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นและแน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก จากความเห็นของ คอลลิน โก๊ะ นักวิจัยอีกคนของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109079 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1856 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทรรศการ: นิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติจีนครั้งที่ 15 ( Zhuhai Airshow2024 )
    ระยะเวลาจัดงาน : 12-17 พฤศจิกายน 2024
    สถานที่จัดนิทรรศการ: ศูนย์นิทรรศการการบินนานาชาติจูไห่ ประเทศจีน

    สำหรับงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติของจีน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า China Airshow หรือ Zhuhai Airshow ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 เป็นงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติที่ครอบคลุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองจูไห่ ประเทศจีน ทุกๆ สองปี โดยได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลประชาชนส่วนกลาง

    ปีนี้ไฮไลท์งานแสดงนิทรรศการการบิน จีนจะเปิดตัวครั้งแรก เครื่องบินขับไล่สเตลท์ J-35A ใหม่ของจีน และ รัสเซียส่งเครื่องบินรบ Su-57 ร่วมงาน China Airshow ครั้งที่ 15เป็นครั้งแรก เครื่องบินรบรุ่นนี้ เครมลิน ขนานนามว่า เป็น "เครื่องบินขับไล่ล่องหน เจเนอเรชั่นที่ 5" ที่ล้ำหน้าและล้ำสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน

    ลักษณะเด่นหลักคือการจัดแสดง บริษัท AVIC (Aviation Industry Corporation of China) จะจัดแสดง H135 ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มการตรวจสอบแบบไร้คนขับสำหรับระบบพลังงานการบินแบบไฮบริด บริษัท Beijing Jing Hang Power Science & Technology จะจัดแสดงเครื่องบิน Pilatus PC-12 ในขณะที่บริษัท Huayi Xiangfei Aviation Technology (Beijing) จะจัดแสดงเครื่องบิน Latou-24 การจัดแสดงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มการบินที่มีคนขับในงานนี้

    บริษัท Wuhan Tianhe Beidou Aviation Technology Co., Ltd. จะร่วมจัดแสดงเครื่องบิน NF Explorer ในขณะที่บริษัท Baiyan Intelligent Technology Co., Ltd. จะจัดแสดงเครื่องบิน Falcon-1800DH นอกจากนี้ บริษัท Chongqing General Aviation Industry Group ซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญอีกรายหนึ่ง จะจัดแสดงเครื่องบินขนส่งสินค้าไร้คนขับรุ่น W5000 จาก Air White Whale ควบคู่ไปกับโดรนพลังงานไฮบริดสำหรับการบิน โดยเน้นที่เทคโนโลยีที่ใช้ระบบไฮบริด บริษัท Xi'an Shaanxi Aviation Science and Technology Co., Ltd. จะแนะนำรุ่น T580 นอกจากนี้ บริษัท Zongshen Aviation Power จะมาจัดแสดงเครื่องบินรุ่น CA22 และ BAI-D1

    นอกจากนี้ นิทรรศการดังกล่าวยังจัดแสดงยานบินไร้คนขับ (UAV) หลายรุ่น โดยบริษัทต่างๆ จะจัดแสดงระบบต่างๆ มากมาย บริษัท Sichuan Xinwan Tianyu Innovation จะจัดแสดงยานบินไร้คนขับรุ่น MN-218 และ LXH-200 ในบรรดานิทรรศการที่น่าสนใจ ได้แก่ Twintailed Scorpion D ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์คู่และสี่เครื่องยนต์ ยานบินไร้คนขับรุ่นอื่นๆ เช่น Featherless Arrow และยานบินไร้คนขับโลจิสติกส์เครื่องยนต์คู่ขนาดใหญ่รุ่น Tendgen จะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของการบินไร้คนขับ

    บริษัท Rosoboronexport (JSC) ของรัสเซียและ Russian Helicopters เป็นตัวแทนบริษัทต่างชาติในการเข้าร่วมงาน โดยบริษัทเหล่านี้จะนำเครื่องบินรบ เช่น เครื่องบินรบสเตลท์ Su-57/Su-57E, Su-35 และ Su-30 มาด้วย บริษัท Russian Helicopters จะจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์ Ka-32 ในขณะที่เครื่องบินรุ่นอื่นๆ เช่น เครื่องบินขนส่ง Il-76 จะช่วยส่งเสริมให้งานนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    กองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชน (PLAAF) จะจัดแสดงเครื่องบินหลากหลายรุ่น เช่น เฮลิคอปเตอร์หลายบทบาท Z-8 เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10 และเฮลิคอปเตอร์ทางทะเล Z-20F พร้อมด้วยเครื่องบินขับไล่ เช่น เครื่องบินโจมตีหลายบทบาท J-16 เครื่องบิน J-10C ที่ได้รับการอัพเกรด เครื่องบินขับไล่บนเรือบรรทุกเครื่องบิน J-15T เครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20 Mighty Dragon และ J-35A นอกจากนี้ยังมีเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น เครื่องบินขนส่ง Y-20, Y-20A และ Y-8 พร้อมด้วยเครื่องบินแจ้งเตือนล่วงหน้า KJ-500 นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ H-6K เครื่องบิน Guizhou WZ-7 Soaring Dragon และโดรน Chengdu Wing Loong-10 (WZ-10) MALE ที่จะมาเสริมทัพการจัดแสดงของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชน

    นอกจากเครื่องบินทหารแล้ว ภาคการบินของจีนยังจะมีเครื่องบินพลเรือนและเครื่องบินพาณิชย์อีกหลายรุ่นเข้าร่วมด้วย บริษัท COMAC (Commercial Aircraft Corporation of China) จะนำเสนอเครื่องบินหลายรุ่น รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้า ARJ21 ที่ได้รับการดัดแปลงจาก COMAC และเครื่องบินเจ็ตสำหรับบริการทางการแพทย์ ARJ21 นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินพาณิชย์รุ่นอื่นๆ เช่น C919, P600X และ P600U ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมั่นคงของจีนในอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์

    นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวแพลตฟอร์มการบินใหม่ๆ อื่นๆ ในงานนิทรรศการด้วย ได้แก่ เครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่ AG600 และเครื่องบินขนส่ง H400 โมเดลใหม่เหล่านี้บ่งชี้ถึงการพัฒนาทั้งในภาคพลเรือนและทหาร โดยนำเสนอแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการด้านการปฏิบัติการที่หลากหลาย

    โดยรวมแล้ว Zhuhai Airshow ประจำปี 2024 จะเป็นงานสำคัญที่จัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดด้านการบินของจีนมากมาย โดยจะเน้นที่ความสามารถที่เติบโตขึ้นของทั้งกองทัพปลดแอกประชาชนและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ โดยเน้นที่เครื่องบินใหม่ ระบบไร้คนขับ และเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย การเปิดตัวเครื่องบินรบสเตลท์ J-35 ที่อาจเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเปิดตัวอื่นๆ เช่น เครื่องบินขนส่งและโดรนรุ่นปรับปรุงใหม่ จะช่วยให้เข้าใจถึงการบินทางทหารของจีนที่กำลังพัฒนา

    https://youtu.be/z52eiKrtj0k?si=OosMNq1zAP5r2Gou

    #Thaitimes
    นิทรรศการ: นิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติจีนครั้งที่ 15 ( Zhuhai Airshow2024 ) ระยะเวลาจัดงาน : 12-17 พฤศจิกายน 2024 สถานที่จัดนิทรรศการ: ศูนย์นิทรรศการการบินนานาชาติจูไห่ ประเทศจีน สำหรับงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติของจีน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า China Airshow หรือ Zhuhai Airshow ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 เป็นงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติที่ครอบคลุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองจูไห่ ประเทศจีน ทุกๆ สองปี โดยได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลประชาชนส่วนกลาง ปีนี้ไฮไลท์งานแสดงนิทรรศการการบิน จีนจะเปิดตัวครั้งแรก เครื่องบินขับไล่สเตลท์ J-35A ใหม่ของจีน และ รัสเซียส่งเครื่องบินรบ Su-57 ร่วมงาน China Airshow ครั้งที่ 15เป็นครั้งแรก เครื่องบินรบรุ่นนี้ เครมลิน ขนานนามว่า เป็น "เครื่องบินขับไล่ล่องหน เจเนอเรชั่นที่ 5" ที่ล้ำหน้าและล้ำสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน ลักษณะเด่นหลักคือการจัดแสดง บริษัท AVIC (Aviation Industry Corporation of China) จะจัดแสดง H135 ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มการตรวจสอบแบบไร้คนขับสำหรับระบบพลังงานการบินแบบไฮบริด บริษัท Beijing Jing Hang Power Science & Technology จะจัดแสดงเครื่องบิน Pilatus PC-12 ในขณะที่บริษัท Huayi Xiangfei Aviation Technology (Beijing) จะจัดแสดงเครื่องบิน Latou-24 การจัดแสดงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มการบินที่มีคนขับในงานนี้ บริษัท Wuhan Tianhe Beidou Aviation Technology Co., Ltd. จะร่วมจัดแสดงเครื่องบิน NF Explorer ในขณะที่บริษัท Baiyan Intelligent Technology Co., Ltd. จะจัดแสดงเครื่องบิน Falcon-1800DH นอกจากนี้ บริษัท Chongqing General Aviation Industry Group ซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญอีกรายหนึ่ง จะจัดแสดงเครื่องบินขนส่งสินค้าไร้คนขับรุ่น W5000 จาก Air White Whale ควบคู่ไปกับโดรนพลังงานไฮบริดสำหรับการบิน โดยเน้นที่เทคโนโลยีที่ใช้ระบบไฮบริด บริษัท Xi'an Shaanxi Aviation Science and Technology Co., Ltd. จะแนะนำรุ่น T580 นอกจากนี้ บริษัท Zongshen Aviation Power จะมาจัดแสดงเครื่องบินรุ่น CA22 และ BAI-D1 นอกจากนี้ นิทรรศการดังกล่าวยังจัดแสดงยานบินไร้คนขับ (UAV) หลายรุ่น โดยบริษัทต่างๆ จะจัดแสดงระบบต่างๆ มากมาย บริษัท Sichuan Xinwan Tianyu Innovation จะจัดแสดงยานบินไร้คนขับรุ่น MN-218 และ LXH-200 ในบรรดานิทรรศการที่น่าสนใจ ได้แก่ Twintailed Scorpion D ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์คู่และสี่เครื่องยนต์ ยานบินไร้คนขับรุ่นอื่นๆ เช่น Featherless Arrow และยานบินไร้คนขับโลจิสติกส์เครื่องยนต์คู่ขนาดใหญ่รุ่น Tendgen จะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของการบินไร้คนขับ บริษัท Rosoboronexport (JSC) ของรัสเซียและ Russian Helicopters เป็นตัวแทนบริษัทต่างชาติในการเข้าร่วมงาน โดยบริษัทเหล่านี้จะนำเครื่องบินรบ เช่น เครื่องบินรบสเตลท์ Su-57/Su-57E, Su-35 และ Su-30 มาด้วย บริษัท Russian Helicopters จะจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์ Ka-32 ในขณะที่เครื่องบินรุ่นอื่นๆ เช่น เครื่องบินขนส่ง Il-76 จะช่วยส่งเสริมให้งานนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชน (PLAAF) จะจัดแสดงเครื่องบินหลากหลายรุ่น เช่น เฮลิคอปเตอร์หลายบทบาท Z-8 เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10 และเฮลิคอปเตอร์ทางทะเล Z-20F พร้อมด้วยเครื่องบินขับไล่ เช่น เครื่องบินโจมตีหลายบทบาท J-16 เครื่องบิน J-10C ที่ได้รับการอัพเกรด เครื่องบินขับไล่บนเรือบรรทุกเครื่องบิน J-15T เครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20 Mighty Dragon และ J-35A นอกจากนี้ยังมีเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น เครื่องบินขนส่ง Y-20, Y-20A และ Y-8 พร้อมด้วยเครื่องบินแจ้งเตือนล่วงหน้า KJ-500 นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ H-6K เครื่องบิน Guizhou WZ-7 Soaring Dragon และโดรน Chengdu Wing Loong-10 (WZ-10) MALE ที่จะมาเสริมทัพการจัดแสดงของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชน นอกจากเครื่องบินทหารแล้ว ภาคการบินของจีนยังจะมีเครื่องบินพลเรือนและเครื่องบินพาณิชย์อีกหลายรุ่นเข้าร่วมด้วย บริษัท COMAC (Commercial Aircraft Corporation of China) จะนำเสนอเครื่องบินหลายรุ่น รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้า ARJ21 ที่ได้รับการดัดแปลงจาก COMAC และเครื่องบินเจ็ตสำหรับบริการทางการแพทย์ ARJ21 นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินพาณิชย์รุ่นอื่นๆ เช่น C919, P600X และ P600U ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมั่นคงของจีนในอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวแพลตฟอร์มการบินใหม่ๆ อื่นๆ ในงานนิทรรศการด้วย ได้แก่ เครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่ AG600 และเครื่องบินขนส่ง H400 โมเดลใหม่เหล่านี้บ่งชี้ถึงการพัฒนาทั้งในภาคพลเรือนและทหาร โดยนำเสนอแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการด้านการปฏิบัติการที่หลากหลาย โดยรวมแล้ว Zhuhai Airshow ประจำปี 2024 จะเป็นงานสำคัญที่จัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดด้านการบินของจีนมากมาย โดยจะเน้นที่ความสามารถที่เติบโตขึ้นของทั้งกองทัพปลดแอกประชาชนและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ โดยเน้นที่เครื่องบินใหม่ ระบบไร้คนขับ และเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย การเปิดตัวเครื่องบินรบสเตลท์ J-35 ที่อาจเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเปิดตัวอื่นๆ เช่น เครื่องบินขนส่งและโดรนรุ่นปรับปรุงใหม่ จะช่วยให้เข้าใจถึงการบินทางทหารของจีนที่กำลังพัฒนา https://youtu.be/z52eiKrtj0k?si=OosMNq1zAP5r2Gou #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1631 มุมมอง 0 รีวิว
  • วินาศกรรมโจมตีสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีอวกาศของตุรกี เบื้องต้นยอดผู้เสียชีวิตเพิ่งเป็น 5 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบ

    23 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุโจมตีที่หน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท “Turkish Aerospace Industries หรือ TUSAS ในเขตคาห์รามันคาซาน ใกล้กับกรุงอังการาของตุรกี สื่อท้องถิ่นรายงานว่าระหว่างเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังสนั่น นอกจากนี้ยังมีการเผยภาพมือปืนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังยิงตอบโต้กันด้วย

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกีเผยว่าการโจมตีครั้งนี้คือ “การก่อการร้าย” ที่พุ่งเป้าหมายสำนักงานใหญ่ของ TUSAS พร้อมทั้งได้ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุ 2 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมแล้ว ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าคนร้ายโจมตีอาคารในลักษณะของ “ระเบิดพลีชีพ" อย่างไรก็ตามยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดออกมาแสดงความรับผิดชอบเหตุในครั้งนี้ แต่มีกระแสข่าวว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่ม PKK หรือ พรรคแรงงานเคิร์ดดิสถาน ซึ่งเป็นองค์กรผิดกฎหมายและเคยออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต ที่เกิดขึ้นที่ตุรกีมานานกว่าหลายทศวรรษ ซึ่งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ขึ้นทะเบียนให้องค์กรดังกล่าวเป็นองค์กรก่อการร้าย

    บริษัทดังกล่าวเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของตุรกีในการออกแบบ พัฒนา และผลิตอากาศยานของตุรกี โดยที่เกิดเหตุมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 ตารางกิโลเมตรและอยู่ห่างจากใจกลางของกรุงอังการาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 28 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดีนายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ที่อยู่ระหว่างการประชุมกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซาน ของรัสเซียได้ประณามเหตุนี้ว่าเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกีที่ร้ายแรง

    ที่มาข่าว/ภาพ: Reuters https://www.reuters.com/world/middle-east/blast-turkish-aviation-company-tusas-hq-gunfire-heard-media-2024-10-23/

    #Thaitimes
    วินาศกรรมโจมตีสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีอวกาศของตุรกี เบื้องต้นยอดผู้เสียชีวิตเพิ่งเป็น 5 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบ 23 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุโจมตีที่หน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท “Turkish Aerospace Industries หรือ TUSAS ในเขตคาห์รามันคาซาน ใกล้กับกรุงอังการาของตุรกี สื่อท้องถิ่นรายงานว่าระหว่างเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังสนั่น นอกจากนี้ยังมีการเผยภาพมือปืนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังยิงตอบโต้กันด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกีเผยว่าการโจมตีครั้งนี้คือ “การก่อการร้าย” ที่พุ่งเป้าหมายสำนักงานใหญ่ของ TUSAS พร้อมทั้งได้ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุ 2 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมแล้ว ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าคนร้ายโจมตีอาคารในลักษณะของ “ระเบิดพลีชีพ" อย่างไรก็ตามยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดออกมาแสดงความรับผิดชอบเหตุในครั้งนี้ แต่มีกระแสข่าวว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่ม PKK หรือ พรรคแรงงานเคิร์ดดิสถาน ซึ่งเป็นองค์กรผิดกฎหมายและเคยออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต ที่เกิดขึ้นที่ตุรกีมานานกว่าหลายทศวรรษ ซึ่งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ขึ้นทะเบียนให้องค์กรดังกล่าวเป็นองค์กรก่อการร้าย บริษัทดังกล่าวเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของตุรกีในการออกแบบ พัฒนา และผลิตอากาศยานของตุรกี โดยที่เกิดเหตุมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 ตารางกิโลเมตรและอยู่ห่างจากใจกลางของกรุงอังการาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 28 กิโลเมตร ทั้งนี้ ประธานาธิบดีนายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ที่อยู่ระหว่างการประชุมกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซาน ของรัสเซียได้ประณามเหตุนี้ว่าเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกีที่ร้ายแรง ที่มาข่าว/ภาพ: Reuters https://www.reuters.com/world/middle-east/blast-turkish-aviation-company-tusas-hq-gunfire-heard-media-2024-10-23/ #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 646 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคปปิตอล เอ(Capital A) ไฟเขียวขาย AirAsia ให้ AirAsia X แยกกิจการสายการบินออกจาก Capital A โฟกัสเพียงธุรกิจสี่เสาหลักคือ แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส,มูฟดิจิทัล, เทเลพอร์ตและธุรกิจดูแล แบรนด์ เอเอ

    15 ตุลาคม 2567 – แคปปิตอล เอ(Capital A) ได้ประกาศผลการประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติเห็นชอบต่อการเสนอขายธุรกิจการบินของกลุ่มบริษัทให้กับแอร์เอเชีย เอ็กซ์(AAX) ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM) วานนี้(14 ตุลาคม 2567)

    แคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด นั้นเดิมเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย อันประกอบไปด้วยแอร์เอเชีย มาเลเซีย(AK) และเป็นบริษัทแม่ของบริษัทที่มีการร่วมลงทุนในสายการบินแอร์เอเชียในประเทศต่าง ๆ ของอาเซียน ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย(FD) อินโดนีเซียแอร์เอเชีย(QZ) ฟิลิปปินส์แอร์เอเชีย(Z2) และแอร์เอเชียกัมพูชา(KT) ในขณะที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด นั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการสายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มาเลเซีย(D7) และเป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนในสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์(XJ)

    การอนุมัติครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมุ่งเน้นไปที่สี่เสาหลักทางกลยุทธ์ ซึ่งจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของบริษัทให้เป็นบริษัทบริการด้านการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต ผ่านบริษัท แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส(Capital A Aviation Services -CAPAS) มูฟดิจิทัล(MOVE Digital) เทเลพอร์ต(Teleport) และบริษัท แบรนด์ เอเอ

    นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับแคปปิตอล เอ และกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย โดยต่อยอดจากมูลค่ามหาศาลที่เราได้สร้างขึ้นในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ด้วยการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการขายธุรกิจการบิน เรากำลังปลดล็อกอนาคตที่สดใส โดยแยกธุรกิจการบินแบบเดิมออกจากบริการสนับสนุนการบิน ความชัดเจนนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนดอนาคตใหม่ของการเดินทางในภูมิภาคนี้ได้”

    “กลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของแคปปิตอล เอ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบริการการบินและธุรกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตที่คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก การแยกธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินออกจากกัน จะทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจสนับสนุนการบินและธุรกิจดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงซึ่งเราได้สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจการบิน เมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด(AAX) ในการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 16 ตุลาคม ธุรกิจการบินจะสามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างกลุ่มแอร์เอเชียที่พลิกเกมได้ โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างการดำเนินงานเที่ยวบินระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไร และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น"

    นายโทนี่ยังเน้นย้ำว่า แคปปิตอล เอ อยู่ในสถานะที่ดีที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว “ตั้งแต่การเดินทางดิจิทัลไปจนถึงโลจิสติกส์และการจัดการแบรนด์ เรากำลังสร้างระบบนิเวศบริการการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง การอนุมัติในวันนี้จากผู้ถือหุ้นของเรา ยังเปิดทางให้แคปปิตอล เอ มุ่งสู่โครงสร้างทางการเงินที่โปร่งใสและมีความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสรุปแผนการฟื้นฟูสถานะของเราและออกจากสถานะพีเอ็น17(PN17) ในไม่ช้า”

    การปรับโครงสร้างนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทในการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่คล่องตัวและเน้นเทคโนโลยี โดยมีสี่เสาหลักสำคัญ ได้แก่

    แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส - สร้างมูลค่าผ่านการให้บริการซ่อมบำรุงและปรับปรุงเครื่องบิน(MRO) โดยความร่วมมือกับบริษัท เอเชีย ดิจิทัล เอ็นจิเนียริ่ง (ADE) และขยายการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน รวมถึงผลิตภัณฑ์ค้าปลีกของซันตัน(Santan)

    มูฟดิจิทัล - นำเสนอนวัตกรรมในการเดินทางและฟินเทค ผ่านแอร์เอเชีย มูฟ และบิ๊กเพย์

    เทเลพอร์ต - ขยายบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนด้วยการเสริมสร้างการดำเนินงานด้านขนส่งสินค้าและบริการข้ามพรมแดน

    แบรนด์ เอเอ - บริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชียที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกผ่านการให้สิทธิ์ใช้งานและความร่วมมือทางกลยุทธ์

    “เรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนอย่างมั่นคงของผู้ถือหุ้นของเรา การลงมติในวันนี้สะท้อนถึงความเชื่อร่วมกันในมูลค่าระยะยาวที่แคปปิตอล เอ สามารถสร้างได้ทั้งในภาคธุรกิจการบินและนอกธุรกิจการบิน” นายโทนี่กล่าวเสริม

    หลังจากการอนุมัติครั้งสำคัญในวันนี้ แคปปิตอล เอ จะดำเนินการขอคำสั่งศาลเพื่อแจกจ่ายหุ้นพิจารณาให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านการลดและชำระคืนทุนจดทะเบียนของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทจะขอการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นตราสารหนี้อิสลามที่สามารถแปลงสภาพได้แบบไม่รับประกัน(RCUIDS) ในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางของแคปปิตอล เอ

    ขั้นตอนสำคัญเหล่านี้จะทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมีโครงสร้างทางการเงินที่ชัดเจนและมุ่งเน้นไปที่การยื่นแผนการฟื้นฟูสถานะก่อนสิ้นปี โดยมีเป้าหมายที่จะออกจากสถานะ พีเอ็น17"

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/mEr2rA6mhS57iGXE/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    แคปปิตอล เอ(Capital A) ไฟเขียวขาย AirAsia ให้ AirAsia X แยกกิจการสายการบินออกจาก Capital A โฟกัสเพียงธุรกิจสี่เสาหลักคือ แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส,มูฟดิจิทัล, เทเลพอร์ตและธุรกิจดูแล แบรนด์ เอเอ 15 ตุลาคม 2567 – แคปปิตอล เอ(Capital A) ได้ประกาศผลการประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติเห็นชอบต่อการเสนอขายธุรกิจการบินของกลุ่มบริษัทให้กับแอร์เอเชีย เอ็กซ์(AAX) ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM) วานนี้(14 ตุลาคม 2567) แคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด นั้นเดิมเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย อันประกอบไปด้วยแอร์เอเชีย มาเลเซีย(AK) และเป็นบริษัทแม่ของบริษัทที่มีการร่วมลงทุนในสายการบินแอร์เอเชียในประเทศต่าง ๆ ของอาเซียน ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย(FD) อินโดนีเซียแอร์เอเชีย(QZ) ฟิลิปปินส์แอร์เอเชีย(Z2) และแอร์เอเชียกัมพูชา(KT) ในขณะที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด นั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการสายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มาเลเซีย(D7) และเป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนในสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์(XJ) การอนุมัติครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมุ่งเน้นไปที่สี่เสาหลักทางกลยุทธ์ ซึ่งจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของบริษัทให้เป็นบริษัทบริการด้านการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต ผ่านบริษัท แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส(Capital A Aviation Services -CAPAS) มูฟดิจิทัล(MOVE Digital) เทเลพอร์ต(Teleport) และบริษัท แบรนด์ เอเอ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับแคปปิตอล เอ และกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย โดยต่อยอดจากมูลค่ามหาศาลที่เราได้สร้างขึ้นในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ด้วยการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการขายธุรกิจการบิน เรากำลังปลดล็อกอนาคตที่สดใส โดยแยกธุรกิจการบินแบบเดิมออกจากบริการสนับสนุนการบิน ความชัดเจนนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนดอนาคตใหม่ของการเดินทางในภูมิภาคนี้ได้” “กลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของแคปปิตอล เอ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบริการการบินและธุรกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตที่คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก การแยกธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินออกจากกัน จะทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจสนับสนุนการบินและธุรกิจดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงซึ่งเราได้สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจการบิน เมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด(AAX) ในการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 16 ตุลาคม ธุรกิจการบินจะสามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างกลุ่มแอร์เอเชียที่พลิกเกมได้ โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างการดำเนินงานเที่ยวบินระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไร และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น" นายโทนี่ยังเน้นย้ำว่า แคปปิตอล เอ อยู่ในสถานะที่ดีที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว “ตั้งแต่การเดินทางดิจิทัลไปจนถึงโลจิสติกส์และการจัดการแบรนด์ เรากำลังสร้างระบบนิเวศบริการการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง การอนุมัติในวันนี้จากผู้ถือหุ้นของเรา ยังเปิดทางให้แคปปิตอล เอ มุ่งสู่โครงสร้างทางการเงินที่โปร่งใสและมีความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสรุปแผนการฟื้นฟูสถานะของเราและออกจากสถานะพีเอ็น17(PN17) ในไม่ช้า” การปรับโครงสร้างนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทในการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่คล่องตัวและเน้นเทคโนโลยี โดยมีสี่เสาหลักสำคัญ ได้แก่ แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส - สร้างมูลค่าผ่านการให้บริการซ่อมบำรุงและปรับปรุงเครื่องบิน(MRO) โดยความร่วมมือกับบริษัท เอเชีย ดิจิทัล เอ็นจิเนียริ่ง (ADE) และขยายการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน รวมถึงผลิตภัณฑ์ค้าปลีกของซันตัน(Santan) มูฟดิจิทัล - นำเสนอนวัตกรรมในการเดินทางและฟินเทค ผ่านแอร์เอเชีย มูฟ และบิ๊กเพย์ เทเลพอร์ต - ขยายบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนด้วยการเสริมสร้างการดำเนินงานด้านขนส่งสินค้าและบริการข้ามพรมแดน แบรนด์ เอเอ - บริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชียที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกผ่านการให้สิทธิ์ใช้งานและความร่วมมือทางกลยุทธ์ “เรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนอย่างมั่นคงของผู้ถือหุ้นของเรา การลงมติในวันนี้สะท้อนถึงความเชื่อร่วมกันในมูลค่าระยะยาวที่แคปปิตอล เอ สามารถสร้างได้ทั้งในภาคธุรกิจการบินและนอกธุรกิจการบิน” นายโทนี่กล่าวเสริม หลังจากการอนุมัติครั้งสำคัญในวันนี้ แคปปิตอล เอ จะดำเนินการขอคำสั่งศาลเพื่อแจกจ่ายหุ้นพิจารณาให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านการลดและชำระคืนทุนจดทะเบียนของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทจะขอการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นตราสารหนี้อิสลามที่สามารถแปลงสภาพได้แบบไม่รับประกัน(RCUIDS) ในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางของแคปปิตอล เอ ขั้นตอนสำคัญเหล่านี้จะทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมีโครงสร้างทางการเงินที่ชัดเจนและมุ่งเน้นไปที่การยื่นแผนการฟื้นฟูสถานะก่อนสิ้นปี โดยมีเป้าหมายที่จะออกจากสถานะ พีเอ็น17" ที่มา https://www.facebook.com/share/p/mEr2rA6mhS57iGXE/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 935 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚡️ อิหร่านปิดน่านฟ้าและยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี — สำนักงานการบิน
    .
    ⚡️ Iran closes its airspace and cancels all flights until Thursday morning — Aviation authority
    .
    1:21 PM · Oct 2, 2024 · 8,507 Views
    https://x.com/RT_com/status/1841362810304921788
    ⚡️ อิหร่านปิดน่านฟ้าและยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี — สำนักงานการบิน . ⚡️ Iran closes its airspace and cancels all flights until Thursday morning — Aviation authority . 1:21 PM · Oct 2, 2024 · 8,507 Views https://x.com/RT_com/status/1841362810304921788
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1079 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินรบ MiG-31BM ของรัสเซีย ๒ ลำ สกัดกั้นศัตรูจำลองเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อม Ocean ๒๐๒๔, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว

    การฝึกซ้อมดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน และถือเป็นการฝึกซ้อมทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในรอบ ๓๐ ปี, โดยมีเรือรบ, เรือดำน้ำ, และเรือสนับสนุนของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๔๐๐ ลำ, พร้อมด้วยเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๑๒๐ ลำ มีบุคลากรเข้าร่วมมากกว่า ๙๐,๐๐๐ นาย
    .
    A pair of Russian MiG-31BM fighters intercepted a mock enemy over the neutral waters of the Sea of Japan as part of the Ocean 2024 exercise, the Russian Defense Ministry said.

    The exercises were launched on September 10 and are Russia’s biggest naval drills in 30 years, with more than 400 Russian Navy warships, submarines, and support vessels, along with more than 120 Russian Naval Aviation planes and helicopters. Over 90,000 personnel are involved.
    .
    1:09 PM · Sep 15, 2024 · 4,783 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835199243138498912
    เครื่องบินรบ MiG-31BM ของรัสเซีย ๒ ลำ สกัดกั้นศัตรูจำลองเหนือน่านน้ำที่เป็นกลางของทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อม Ocean ๒๐๒๔, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว การฝึกซ้อมดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน และถือเป็นการฝึกซ้อมทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในรอบ ๓๐ ปี, โดยมีเรือรบ, เรือดำน้ำ, และเรือสนับสนุนของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๔๐๐ ลำ, พร้อมด้วยเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือรัสเซียมากกว่า ๑๒๐ ลำ มีบุคลากรเข้าร่วมมากกว่า ๙๐,๐๐๐ นาย . A pair of Russian MiG-31BM fighters intercepted a mock enemy over the neutral waters of the Sea of Japan as part of the Ocean 2024 exercise, the Russian Defense Ministry said. The exercises were launched on September 10 and are Russia’s biggest naval drills in 30 years, with more than 400 Russian Navy warships, submarines, and support vessels, along with more than 120 Russian Naval Aviation planes and helicopters. Over 90,000 personnel are involved. . 1:09 PM · Sep 15, 2024 · 4,783 Views https://x.com/SputnikInt/status/1835199243138498912
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • Aviation News
    Air China start operate with new a/c type C919 .it made in China
    Aviation News Air China start operate with new a/c type C919 .it made in China
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใต้ร่มพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามและทรงห่วงใยพสกนิกรจากเหตุอุทกภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร นำเฮลิคอปเตอร์ จำนวน ๒ ลำ และจิตอาสาพระราชทานจังหวัดเชียงราย ให้การช่วยเหลืออพยพประชาชนที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งพระราชทานสิ่งของ อาหารที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ณ จังหวัดเชียงราย
    ----
    His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand are following and caring for the people from inundation their have command Royal Volunteer of His Majesty King Maha Vajiralongkorn Established the Royal Kitchen Area of Chiang Rai and Royal Rainmaking Department and Agricultural Aviation Take 2 helicopters Provide assistance to evacuate people affected by floods and provide essential items and food to alleviate their initial suffering in Chiang Rai Province.
    _________________________

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินี
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    ใต้ร่มพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามและทรงห่วงใยพสกนิกรจากเหตุอุทกภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร นำเฮลิคอปเตอร์ จำนวน ๒ ลำ และจิตอาสาพระราชทานจังหวัดเชียงราย ให้การช่วยเหลืออพยพประชาชนที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งพระราชทานสิ่งของ อาหารที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ณ จังหวัดเชียงราย ---- His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand are following and caring for the people from inundation their have command Royal Volunteer of His Majesty King Maha Vajiralongkorn Established the Royal Kitchen Area of Chiang Rai and Royal Rainmaking Department and Agricultural Aviation Take 2 helicopters Provide assistance to evacuate people affected by floods and provide essential items and food to alleviate their initial suffering in Chiang Rai Province. _________________________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินี Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 998 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เศรษฐา" ดันอุตสาหกรรม #AviationHub เชื่อหลังขยาย #สิทธิการบินไทย-อินเดีย เดินทางท่องเที่ยวเพิ่ม

    นายกฯ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Aviation Hub ขอบคุณการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นหลังขยายสิทธิการบินไทย-อินเดีย เพิ่มที่นั่งบนเครื่องบินระหว่างกัน 7,000 ที่นั่ง/สัปดาห์ จะส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

    วันนี้ (17มิ.ย.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า #นายเศรษฐาทวีสิน #นายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนการดำเนินนโยบาย Aviation Hub ส่งเสริมการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ อำนวยความสะดวก พัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทยสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเจรจาสิทธิการบินระหว่าง ไทย-อินเดีย เป็นผลสำเร็จ สู่การทำข้อตกลงร่วมกันในการเพิ่มที่นั่งในเที่ยวบินระหว่างไทย-อินเดีย ในเที่ยวบินที่เดินทางไปยัง 6 เมืองสำคัญของอินเดีย โดยจะสามารถดำเนินการได้ในเดือนพฤศจิกายน 2567

    “นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว และที่ผ่านมานักท่องเที่ยวอินเดียเป็นอีกกลุ่มที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่าการเพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างไทยและอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชียใต้ และเป็นโอกาสขยายความร่วมมือไปยังมิติอื่นที่ยังมีโอกาสของการเจริญเติบโต อาทิ ความร่วมมือภาคประชาชน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เทคโนโลยี ขับเคลื่อนกลไกความร่วมมือเพื่อต่อยอดสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จริงต่อไป” นายชัย กล่าวฯ

    "เศรษฐา" ดันอุตสาหกรรม #AviationHub เชื่อหลังขยาย #สิทธิการบินไทย-อินเดีย เดินทางท่องเที่ยวเพิ่ม นายกฯ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Aviation Hub ขอบคุณการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นหลังขยายสิทธิการบินไทย-อินเดีย เพิ่มที่นั่งบนเครื่องบินระหว่างกัน 7,000 ที่นั่ง/สัปดาห์ จะส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ วันนี้ (17มิ.ย.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า #นายเศรษฐาทวีสิน #นายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนการดำเนินนโยบาย Aviation Hub ส่งเสริมการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ อำนวยความสะดวก พัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทยสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเจรจาสิทธิการบินระหว่าง ไทย-อินเดีย เป็นผลสำเร็จ สู่การทำข้อตกลงร่วมกันในการเพิ่มที่นั่งในเที่ยวบินระหว่างไทย-อินเดีย ในเที่ยวบินที่เดินทางไปยัง 6 เมืองสำคัญของอินเดีย โดยจะสามารถดำเนินการได้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 “นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว และที่ผ่านมานักท่องเที่ยวอินเดียเป็นอีกกลุ่มที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่าการเพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างไทยและอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชียใต้ และเป็นโอกาสขยายความร่วมมือไปยังมิติอื่นที่ยังมีโอกาสของการเจริญเติบโต อาทิ ความร่วมมือภาคประชาชน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เทคโนโลยี ขับเคลื่อนกลไกความร่วมมือเพื่อต่อยอดสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จริงต่อไป” นายชัย กล่าวฯ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1184 มุมมอง 0 รีวิว