• โทนน้ำเงินสวยๆ
    โทนน้ำเงินสวยๆ
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • ต้นเหตุทุกๆเรื่อง เกิดจาก13ตระกูลหลักผิดจริยธรรมการครองโลกอย่างร้ายแรง,โดยเฉพาะตระกูลรอธไชล์ดและร็อคกี้เฟลเลอร์ที่ยึดครองครอบงำทั่วโลกและประเทศไทยเราที่วางหมากหมายยึดครองอย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ร.4เรา สู่ ร.5 และร้ายที่สุดยุคนอมินีคณะ2475ที่ตระกูลยิวฝรั่งเหล่านี้คือพวกตัวจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังทุกๆเรื่องแม้ในไทยปัจจุบัน อาทิ เช่าที่ดินเช่าคอนโด99ปี,เปิดบ่อนคาสิโน ทำแลนด์บริจด์หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในไทยให้สิ้นซากกว่ายุคอดีตๆที่พวกมันทำมาในไทย,สัญลักษณ์ซาตานถูกก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเปิดเผยและถูกให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดี ชาติสากลนิยมสร้างประจำไว้ แต่ที่ไหนได้คือตัวดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ๆที่ดำเนินกิจกรรมรอบๆสถานที่มัน ไปแดกเพิ่มพลังงานพวกมันมิติซาตานให้แข็งแกร่งมีพลังงานด้านกระทำชั่วให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เช่นจากมีพลังน้อย สิงร่างบังคับจิตใจคนไม่ได้ไม่สะดวก แต่พอได้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่พวกมันติดตั้งทั่วโลกรวมกันรวมทั้งประเทศไทย มันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็สามารถสิงร่างนั้น ใช้ร่างกายร่างนั้นอย่างง่ายดายเป็นต้น .
    ..หากคนทั้งโลกร่วมกันกำจัดภัยของโลกอันตรายที่จะทำลายเราแบบวางแผนฆ่าคนทั้งโลกด้วยวัคซีนโควิดที่ฉีดจริงๆทั้งโลกแล้วจากที่พวกมันนี้เองวางแผนการไว้นานและต่อเนื่องไว้แล้วเพราะมันแดกอะดริโนโครมจึงมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติหลายร้อยปีกันเลยและมีเทคโนโลยีคืนชีพคืนสภาพร่างกายแบบชุบร่างกายให้กลับมาสาวสวยหล่อเหมือนเก่าได้ด้วยแบบล้ำกว่าเตียงmedbedsที่ในหนังสร้างอีก,การกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์จึงคือเป้าหมายหลักของคนทั้งโลกต้องร่วมกันล็อกเป้ากำจัดจริงจังร่วมกันเพราะทั้งหมดมาจากพวกนี้ล่ะทำส่วนใหญ่และนั่งบนหัวตัวจริงที่รับหน้าที่มาจากตัวโคตรพ่อโคตรแม่ต่างดาวเลวชั่วอีกที.
    ..ถ้าทุกๆคนทั่วโลกและในไทยไม่รู้ตัวการตัวจริงจะแก้ต้นเหตุของตัวปัญหาทั้งหมดไม่ได้จึงต้องร่วมมือกันอย่างเดียวกำจัดพวกนี้คือรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์,ส่วนตัวอื่นๆจะสแกนกำจัดทีหลังคงไม่ยาก,และพวกนี้ล่ะคือตัวการใหญ่ยึดบ่อปิโตรเลียมไทยเราทั้งหมดโดยพวกมันเองอีกพากันร่างกันเขียนและประกาศออกมาใช้บังคับให้คนไทยต้องเห็นด้วย&เห็นตาม แก้ไขให้ประเทศได้คืนบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดก็ทำไม่ได้อีกเพราะมันอ้างเองเขียนเองทำเองแล้ว,ฉีกทำลาย ยึดคืนสู่สามัญแบบโมฆะจึงเหมาะสมที่สุดกับพวกมันในแผ่นดินไทยเรา,ถ้าพันธมิตรเสื้อเหลืองสมัยก่อนที่ประชาชนเป็นอันมากติดตามต่อสู้ในความดีงาม&ลงสนามยุคๆนั้นแล้วยึดครองอำนาจเองโดยภาคมหาประชาชนที่แก้ไขกันเองและก็ไม่กระทบอะไรกับวังเลย เพราะจะยึดคืนอธิปไตยสู่แผ่นดินไทยด้วย ยึดคืนบ่อปิโตรเลียมตัวพ่อของปัญหาค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินไทยก็ได้แต่พันธมิตรไม่กล้ากระทำเยียวให้สุดซอย,ทหารถ้าเป็นแบบคณะ2475มาปราบประชาชนในยุคพันธมิตรจริงๆแสดงให้ได้ช้อพิสูจน์ชัดเจนอีกด้วยในยุคพันธมิตรนั้นว่าประเทศไทยไม่สมควรมีทหารจากการเกณฑ์ทหารที่มาจากลูกหลานประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกต่อไป ยุบกองกำลังทหารทั้งหมดไปเลยเพราะรับใช้อีลิทชนชั้นครองทาสในไทยอย่างชัดเจนเลยในสมัยนั้น มิได้จะยืนอยู่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเพื่อประโยชน์สุขห่าจริงอะไรต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง,เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองจะยึดคืนทรัพยากรมีค่าทั้งหมดของแผ่นดินไทยตกคืนสู่สามัญเพื่อรีเซ็ตบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างดีต่อธรรมกันก็ว่า,ยุบสถาบันภาคนักการเมืองไปทันที40-50ปี จนกว่าจะเสถียรทางอธิปไตยไทยและคุณภาพความรู้ความเข้าใจคนไทยเจาะลึกเห็นจริงว่าศัตรูไทยและศัตรูโลกคือคนพวกใดอย่างแท้จริง ตัดตอนตัวเนื้อร้ายทันการณ์ก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมากที่พันธมิตรสมัยนั้นเกรงใจชนชั้นเชื้อสายผู้ดีเก่าลูกท่านหลายเธอเชื้อสายคนสนมเก่าเกินไปตลอดสายวังด้วย เพราะเมื่ออีลิทโลกหรือมารมันขีดมิให้สถาบันกษัตริย์เรายึดคืนทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติไทยคืนสู่สามัญไม่ได้ไม่สะดวกก่อการกระทำแล้วพันธมิตรจะเกรงใจทำซากอะไรสมควรยึดอำนาจให้ตกจริงแก่ภาคประชาชนจริงๆสิ โดยภาคประชาชน ซึ่งพลิกประวัติศาสตร์ทันทีที่เหี้ยภาคทหาร4-5เหล่าทัพมักยึดอำนาจแต่ก็กาก&ใจกระจอกไม่เคยยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมจริงคืนมาจริงแม้แต่วันเดียว เพราะนั้นคือหัวใจทศกัณฐ์ตัวปัญหาทั้งหมด&ต้นเหตุต้นปัญหาการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศเลย,เช่นยึดบ่อน้ำมันมาสร้างทำผลิตเองหรือเรียกมาคุยมาจ้างผลิตใหม่ ขายน้ำมันแบบอิหร่านลิตรละ1-2บาท ในปัจจุบัน ค่าอะไรสาระพัดโดยเฉพาะภาคขนส่งจะต้นทุนต่ำทั้งแผ่นดิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้ราคาถูก คนจะมีตังเหลือเก็บ เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที ทั่วไทยสินค้าราคาถูกแข่งขันสบายในต่างประเทศ กำหนดคัดเลือกนายทุนมาตั้งฐานผลิตบนแผ่นดินไทยได้ ไม่มาสร้างมลพิษชั่วเลวแบบปัจจุบันตรึมนี้ก็ว่า ได้สบายๆ เป็นต้น.
    ..ทหารยึดอำนาจมันเกรงใจสายวังมั้ยก็ไม่สนใจคนวังอะไร เสียของมากว่าสิบๆครั้ง&10กว่าครั้งที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา ผีบ้าแต่มีสมองไว้ตั้งบ่าฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่แสดงไปฉีกกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญแบบกฎหมายปิโตรเลียมเต่าล้านปีแก้ไขก็แค่นายทุนท่านลอร์ดฟันกำไร ฟันผลประโยชน์เท่านั้น เสียอธิปไตยบวกพื้นที่ดินแดนบ่อปิโตรเลียมแก้เอกชนไปยังไม่ฉีกอีกบวกฝรั่งทั้งนั้นบอกให้คนไทยทรยศแผ่นดินไทยเขียนมาให้ยกแก่อีลิทพวกฝรั่งนายทุนนั้นอีกก็ว่า.เสียของจริงๆ.,จึงภาคมหาประชาชนแบบพันธมิตรยุคเสื้อเหลืองนั้นๆสมควรจบมันอย่างยิ่งยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำไมทหารจะมีหน้ามีตามีสิทธิยึดอำนาจได้ฝ่ายเดียวหรือไง ภาคสถาบันตรงประชาชนยึดคืนเองไม่ได้หรือไง.น่าเสียดายมากๆสมัยพันธมิตรกำลังมาแรง ชัด ตรงประเด็นด้วย มิใช่จะไล่โทนี่อย่างเดียวแล้วจบ คิดสั้นมากๆหากมองดูดีๆสมัยนั้น,สุดท้ายแกนนำติดคุกตรึม มันใช่เหรอ,สู้ยึดแมร่งมันเลย เขียนไม่ผิดกฎหมายแบบยุคลุงทำปีกปปส.ถวายพานให้สิปี57,ไม่ติดคุกอะไรเลย เป็นนายกต่อด้วยธรรมดาที่ไหน ,จะจบสมัยก็ไม่คิดอ่านขุดเจาะขายเองเสือกไปยกสัมปานบ่อปิโตรเลียมทิ้งทวนอีกสองแปลงที่แน่ตรงอ่าวไทยคุณภาพดิบดีไปให้คนอื่นทำโน้น,บัดสบมากๆการปกครองประเทศไทยเรา น่าสมเพชน่าอนาถระยำสิ้นดี สิ้นดีจริงๆ มีแต่ความเลวๆที่คงอยู่อย่างมั่นคง.
    ..ทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระร็อกกี้เฟลเลอร์ สองตระกูลนี้ก่อนทั่วไทยรู้และทั่วโลกพากันเข้าใจและลงมือเข้าทำลายจะคืนความสงบเป็นอันมากทันทีต่อโลกเราแน่นอน,ชาวโลกต้องแชร์กระจายเป้าหมายทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทันทีร่วมกันทั้งโลก ดังแบบหมูเด้ง เข้าใจตรงกัน รับรู้ตรงกันแบบหมูเด้ง เพียงชั่วข้ามคืน อนาคตของโลกเราทั้งใบอาจพลิกสู่สิ่งดีๆทันทีเช่นกัน ภัย&ตัวปัญหาของโลกถูกตรวจจับและเข้าทำลายทิ้งทันทีทันเวลานั้นเอง .
    ต้นเหตุทุกๆเรื่อง เกิดจาก13ตระกูลหลักผิดจริยธรรมการครองโลกอย่างร้ายแรง,โดยเฉพาะตระกูลรอธไชล์ดและร็อคกี้เฟลเลอร์ที่ยึดครองครอบงำทั่วโลกและประเทศไทยเราที่วางหมากหมายยึดครองอย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ร.4เรา สู่ ร.5 และร้ายที่สุดยุคนอมินีคณะ2475ที่ตระกูลยิวฝรั่งเหล่านี้คือพวกตัวจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังทุกๆเรื่องแม้ในไทยปัจจุบัน อาทิ เช่าที่ดินเช่าคอนโด99ปี,เปิดบ่อนคาสิโน ทำแลนด์บริจด์หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในไทยให้สิ้นซากกว่ายุคอดีตๆที่พวกมันทำมาในไทย,สัญลักษณ์ซาตานถูกก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเปิดเผยและถูกให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดี ชาติสากลนิยมสร้างประจำไว้ แต่ที่ไหนได้คือตัวดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ๆที่ดำเนินกิจกรรมรอบๆสถานที่มัน ไปแดกเพิ่มพลังงานพวกมันมิติซาตานให้แข็งแกร่งมีพลังงานด้านกระทำชั่วให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เช่นจากมีพลังน้อย สิงร่างบังคับจิตใจคนไม่ได้ไม่สะดวก แต่พอได้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่พวกมันติดตั้งทั่วโลกรวมกันรวมทั้งประเทศไทย มันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็สามารถสิงร่างนั้น ใช้ร่างกายร่างนั้นอย่างง่ายดายเป็นต้น . ..หากคนทั้งโลกร่วมกันกำจัดภัยของโลกอันตรายที่จะทำลายเราแบบวางแผนฆ่าคนทั้งโลกด้วยวัคซีนโควิดที่ฉีดจริงๆทั้งโลกแล้วจากที่พวกมันนี้เองวางแผนการไว้นานและต่อเนื่องไว้แล้วเพราะมันแดกอะดริโนโครมจึงมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติหลายร้อยปีกันเลยและมีเทคโนโลยีคืนชีพคืนสภาพร่างกายแบบชุบร่างกายให้กลับมาสาวสวยหล่อเหมือนเก่าได้ด้วยแบบล้ำกว่าเตียงmedbedsที่ในหนังสร้างอีก,การกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์จึงคือเป้าหมายหลักของคนทั้งโลกต้องร่วมกันล็อกเป้ากำจัดจริงจังร่วมกันเพราะทั้งหมดมาจากพวกนี้ล่ะทำส่วนใหญ่และนั่งบนหัวตัวจริงที่รับหน้าที่มาจากตัวโคตรพ่อโคตรแม่ต่างดาวเลวชั่วอีกที. ..ถ้าทุกๆคนทั่วโลกและในไทยไม่รู้ตัวการตัวจริงจะแก้ต้นเหตุของตัวปัญหาทั้งหมดไม่ได้จึงต้องร่วมมือกันอย่างเดียวกำจัดพวกนี้คือรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์,ส่วนตัวอื่นๆจะสแกนกำจัดทีหลังคงไม่ยาก,และพวกนี้ล่ะคือตัวการใหญ่ยึดบ่อปิโตรเลียมไทยเราทั้งหมดโดยพวกมันเองอีกพากันร่างกันเขียนและประกาศออกมาใช้บังคับให้คนไทยต้องเห็นด้วย&เห็นตาม แก้ไขให้ประเทศได้คืนบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดก็ทำไม่ได้อีกเพราะมันอ้างเองเขียนเองทำเองแล้ว,ฉีกทำลาย ยึดคืนสู่สามัญแบบโมฆะจึงเหมาะสมที่สุดกับพวกมันในแผ่นดินไทยเรา,ถ้าพันธมิตรเสื้อเหลืองสมัยก่อนที่ประชาชนเป็นอันมากติดตามต่อสู้ในความดีงาม&ลงสนามยุคๆนั้นแล้วยึดครองอำนาจเองโดยภาคมหาประชาชนที่แก้ไขกันเองและก็ไม่กระทบอะไรกับวังเลย เพราะจะยึดคืนอธิปไตยสู่แผ่นดินไทยด้วย ยึดคืนบ่อปิโตรเลียมตัวพ่อของปัญหาค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินไทยก็ได้แต่พันธมิตรไม่กล้ากระทำเยียวให้สุดซอย,ทหารถ้าเป็นแบบคณะ2475มาปราบประชาชนในยุคพันธมิตรจริงๆแสดงให้ได้ช้อพิสูจน์ชัดเจนอีกด้วยในยุคพันธมิตรนั้นว่าประเทศไทยไม่สมควรมีทหารจากการเกณฑ์ทหารที่มาจากลูกหลานประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกต่อไป ยุบกองกำลังทหารทั้งหมดไปเลยเพราะรับใช้อีลิทชนชั้นครองทาสในไทยอย่างชัดเจนเลยในสมัยนั้น มิได้จะยืนอยู่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเพื่อประโยชน์สุขห่าจริงอะไรต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง,เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองจะยึดคืนทรัพยากรมีค่าทั้งหมดของแผ่นดินไทยตกคืนสู่สามัญเพื่อรีเซ็ตบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างดีต่อธรรมกันก็ว่า,ยุบสถาบันภาคนักการเมืองไปทันที40-50ปี จนกว่าจะเสถียรทางอธิปไตยไทยและคุณภาพความรู้ความเข้าใจคนไทยเจาะลึกเห็นจริงว่าศัตรูไทยและศัตรูโลกคือคนพวกใดอย่างแท้จริง ตัดตอนตัวเนื้อร้ายทันการณ์ก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมากที่พันธมิตรสมัยนั้นเกรงใจชนชั้นเชื้อสายผู้ดีเก่าลูกท่านหลายเธอเชื้อสายคนสนมเก่าเกินไปตลอดสายวังด้วย เพราะเมื่ออีลิทโลกหรือมารมันขีดมิให้สถาบันกษัตริย์เรายึดคืนทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติไทยคืนสู่สามัญไม่ได้ไม่สะดวกก่อการกระทำแล้วพันธมิตรจะเกรงใจทำซากอะไรสมควรยึดอำนาจให้ตกจริงแก่ภาคประชาชนจริงๆสิ โดยภาคประชาชน ซึ่งพลิกประวัติศาสตร์ทันทีที่เหี้ยภาคทหาร4-5เหล่าทัพมักยึดอำนาจแต่ก็กาก&ใจกระจอกไม่เคยยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมจริงคืนมาจริงแม้แต่วันเดียว เพราะนั้นคือหัวใจทศกัณฐ์ตัวปัญหาทั้งหมด&ต้นเหตุต้นปัญหาการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศเลย,เช่นยึดบ่อน้ำมันมาสร้างทำผลิตเองหรือเรียกมาคุยมาจ้างผลิตใหม่ ขายน้ำมันแบบอิหร่านลิตรละ1-2บาท ในปัจจุบัน ค่าอะไรสาระพัดโดยเฉพาะภาคขนส่งจะต้นทุนต่ำทั้งแผ่นดิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้ราคาถูก คนจะมีตังเหลือเก็บ เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที ทั่วไทยสินค้าราคาถูกแข่งขันสบายในต่างประเทศ กำหนดคัดเลือกนายทุนมาตั้งฐานผลิตบนแผ่นดินไทยได้ ไม่มาสร้างมลพิษชั่วเลวแบบปัจจุบันตรึมนี้ก็ว่า ได้สบายๆ เป็นต้น. ..ทหารยึดอำนาจมันเกรงใจสายวังมั้ยก็ไม่สนใจคนวังอะไร เสียของมากว่าสิบๆครั้ง&10กว่าครั้งที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา ผีบ้าแต่มีสมองไว้ตั้งบ่าฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่แสดงไปฉีกกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญแบบกฎหมายปิโตรเลียมเต่าล้านปีแก้ไขก็แค่นายทุนท่านลอร์ดฟันกำไร ฟันผลประโยชน์เท่านั้น เสียอธิปไตยบวกพื้นที่ดินแดนบ่อปิโตรเลียมแก้เอกชนไปยังไม่ฉีกอีกบวกฝรั่งทั้งนั้นบอกให้คนไทยทรยศแผ่นดินไทยเขียนมาให้ยกแก่อีลิทพวกฝรั่งนายทุนนั้นอีกก็ว่า.เสียของจริงๆ.,จึงภาคมหาประชาชนแบบพันธมิตรยุคเสื้อเหลืองนั้นๆสมควรจบมันอย่างยิ่งยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำไมทหารจะมีหน้ามีตามีสิทธิยึดอำนาจได้ฝ่ายเดียวหรือไง ภาคสถาบันตรงประชาชนยึดคืนเองไม่ได้หรือไง.น่าเสียดายมากๆสมัยพันธมิตรกำลังมาแรง ชัด ตรงประเด็นด้วย มิใช่จะไล่โทนี่อย่างเดียวแล้วจบ คิดสั้นมากๆหากมองดูดีๆสมัยนั้น,สุดท้ายแกนนำติดคุกตรึม มันใช่เหรอ,สู้ยึดแมร่งมันเลย เขียนไม่ผิดกฎหมายแบบยุคลุงทำปีกปปส.ถวายพานให้สิปี57,ไม่ติดคุกอะไรเลย เป็นนายกต่อด้วยธรรมดาที่ไหน ,จะจบสมัยก็ไม่คิดอ่านขุดเจาะขายเองเสือกไปยกสัมปานบ่อปิโตรเลียมทิ้งทวนอีกสองแปลงที่แน่ตรงอ่าวไทยคุณภาพดิบดีไปให้คนอื่นทำโน้น,บัดสบมากๆการปกครองประเทศไทยเรา น่าสมเพชน่าอนาถระยำสิ้นดี สิ้นดีจริงๆ มีแต่ความเลวๆที่คงอยู่อย่างมั่นคง. ..ทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระร็อกกี้เฟลเลอร์ สองตระกูลนี้ก่อนทั่วไทยรู้และทั่วโลกพากันเข้าใจและลงมือเข้าทำลายจะคืนความสงบเป็นอันมากทันทีต่อโลกเราแน่นอน,ชาวโลกต้องแชร์กระจายเป้าหมายทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทันทีร่วมกันทั้งโลก ดังแบบหมูเด้ง เข้าใจตรงกัน รับรู้ตรงกันแบบหมูเด้ง เพียงชั่วข้ามคืน อนาคตของโลกเราทั้งใบอาจพลิกสู่สิ่งดีๆทันทีเช่นกัน ภัย&ตัวปัญหาของโลกถูกตรวจจับและเข้าทำลายทิ้งทันทีทันเวลานั้นเอง .
    0 Comments 0 Shares 83 Views 32 0 Reviews
  • ♪ ♫ ♩ 🎶 ♬ "After the Love Has Gone" (1979)

    เป็นเพลงหวานๆประพันธ์เพลงและเรียบเรียงเสียงประสานโดย ฝีมือของ ปรมาจารย์ Davld Foster และ คณะ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องและวงดนตรีระดับโลก.

    เพลงนี้ขับร้องให้ไพเราะได้ยากมาก ต้องบีบเสียง(แหลม)ในแนว Falcetto ซึ่งผู้ร้องจะเหนื่อยแสนสาหัส เพราะการร้องแบบนี้ลมออกเยอะ แสดงออกถึงความรู้สึกได้ตรงกับเนื้อหาของเพลง เข้ากับเสียงประสานที่ร้องด้วยโทนเสียงสูงของผู้ชาย แบบTenor ซึ่งหาผู้ชายร้องเสียงสูงหวานๆ(หาได้..ยากมาก).

    ลูกเล่นการร้องแบบStep ไล่เสียงขั้นบันไดที่ทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์ เท่ห์ และไพเราะอย่างประหลาด เพลง "After the Love Has Gone" จึงถูกบรรจุในหัวใจของคนในยุคนั้นถึงปัจจุบัน มีหลายวงที่นำไปร้องใหม่ได้อารมณ์ เช่นเดียวกับ Earth, Wind & Fire เช่น

    วง GENTE STELAR (Spain) ประสานเสียงด้วยนักร้องหญิง เพราะหา #Tenorเสียงหวานๆที่เป็นผู้ชายไม่ได้(หาได้..ยากมาก)
    https://www.youtube.com/watch?v=pvgwwPGfXJQ

    และ วง #พรีม่าแบนด์(วงไทย) เล่นดนตรี ขับร้องFalcetto และร้องTenorประสานในคนๆเดียว สังเกตว่า การอัดเสียงทำได้ยอดเยี่ยม เสียงกุ๊ง กริ๊ง รายละเอียด ดีมากๆ
    https://www.youtube.com/watch?v=1kKZgU5at0g
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    October5, 2024
    Sausalito, CA94965
    ♪ ♫ ♩ 🎶 ♬ "After the Love Has Gone" (1979) เป็นเพลงหวานๆประพันธ์เพลงและเรียบเรียงเสียงประสานโดย ฝีมือของ ปรมาจารย์ Davld Foster และ คณะ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องและวงดนตรีระดับโลก. เพลงนี้ขับร้องให้ไพเราะได้ยากมาก ต้องบีบเสียง(แหลม)ในแนว Falcetto ซึ่งผู้ร้องจะเหนื่อยแสนสาหัส เพราะการร้องแบบนี้ลมออกเยอะ แสดงออกถึงความรู้สึกได้ตรงกับเนื้อหาของเพลง เข้ากับเสียงประสานที่ร้องด้วยโทนเสียงสูงของผู้ชาย แบบTenor ซึ่งหาผู้ชายร้องเสียงสูงหวานๆ(หาได้..ยากมาก). ลูกเล่นการร้องแบบStep ไล่เสียงขั้นบันไดที่ทำให้เพลงนี้มีเสน่ห์ เท่ห์ และไพเราะอย่างประหลาด เพลง "After the Love Has Gone" จึงถูกบรรจุในหัวใจของคนในยุคนั้นถึงปัจจุบัน มีหลายวงที่นำไปร้องใหม่ได้อารมณ์ เช่นเดียวกับ Earth, Wind & Fire เช่น วง GENTE STELAR (Spain) ประสานเสียงด้วยนักร้องหญิง เพราะหา #Tenorเสียงหวานๆที่เป็นผู้ชายไม่ได้(หาได้..ยากมาก) https://www.youtube.com/watch?v=pvgwwPGfXJQ และ วง #พรีม่าแบนด์(วงไทย) เล่นดนตรี ขับร้องFalcetto และร้องTenorประสานในคนๆเดียว สังเกตว่า การอัดเสียงทำได้ยอดเยี่ยม เสียงกุ๊ง กริ๊ง รายละเอียด ดีมากๆ https://www.youtube.com/watch?v=1kKZgU5at0g . . พัชรี ว่องไววิทย์ October5, 2024 Sausalito, CA94965
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • ฝรั่งเซ็ง! โวยเยอรมันก็มี "ฮิปโปแคระ" แต่ทำไม "หมูเด้ง" ดังอยู่ตัวเดียว?
    .
    ไม่กี่วันที่ผ่านมาหญิงสาวผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อกว่า also.steph ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้ทำคลิปวีดิโอความยาว 1.08 นาที พูดถึงเรื่อง "หมูเด้ง" ฮิปโปแคระ แห่งสวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี ประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเธอพยายามวิเคราะห์ว่าเหตุใด "หมูเด้ง" ถึงเป็นฮิปโปแคระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ตัวเดียว ทั้ง ๆ ที่สวนสัตว์ทั่วโลกมีฮิปโปแคระอยู่หลายตัว รวมถึงในสวนสัตว์กรุงเบอร์ลิน (Berlin Zoological Garden) ที่ก็เพิ่งเปิดตัว "โทนี (Toni)" สมาชิกฮิปโปแคระตัวใหม่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครพูดถึง "โทนี" เท่าไรนัก
    .
    "โทนีเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนหน้าหมูเด้งประมาณหนึ่งเดือน แต่ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องโทนีเลย เพิ่งได้ยินก็วันนี้? ... ก็เพราะว่ามันชื่อ 'โทนี' ยังไงล่ะ! 'โทนี' มันเป็นชื่อแสนธรรมดาสามัญที่สุด ขณะที่ชื่อ 'หมูเด้ง?' ชื่อโคตรดี เพราะมันแปลว่า 'หมูเด้งดึ๋ง (bouncy pork)' คุณได้ฟังก็รู้เลยว่ามันน่ารัก และติดหูขนาดไหน ... ด้วยเหตุนี้ 'โทนี' จึงถูกขโมยซีนไปเต็ม ๆ
    "นอกจากนี้ด้วยเหตุนี้ ชื่อ 'โทนี' นั้นเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามนักฟุตบอลผิวสีทีมชาติเยอรมนีที่ชื่อ 'โทนี' อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ... ทั้ง ๆ ที่คนเยอรมันสามารถตั้งชื่ออื่นได้ คล้าย ๆ กับที่คนไทยตั้ง เช่น บูเลทเทียน (Boulettchen) ภาษาเยอรมันที่แปลว่า ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว (Little Meatball) ทำไมไม่ตั้ง? แล้วไปตั้งชื่อลูกฮิปโปแคระว่า 'โทนี' ทั้ง ๆ ที่ บูเลทเทียน (Boulettchen) หรือ ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว มันน่ารักจะตาย" เธอระบุ และว่า
    .
    หากลูกฮิปโปแคระที่สวนสัตว์เบอร์ลิน ถูกตั้งชื่อว่า "ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว" มันก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ "หมูเด้ง" ของไทยแน่นอน ทั้งนี้เธอยังชื่นชมคนไทยด้วยว่า กรณีหมูเด้งพิสูจน์ให้เห็นว่า คนไทยเชี่ยวชาญวิธีทำการประชาสัมพันธ์มากกว่าคนเยอรมันจริง ๆ
    .
    สำหรับคลิปดังกล่าวของ steph นั้นมีผู้เข้าชมมากกว่า 280,000 ครั้งอย่างไรก็ตามมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นต่อคลิปดังกล่าวโดยระบุว่า สาเหตุที่ "หมูเด้ง" โด่งดังกว่าลูกฮิปโปแคระตัวอื่น ๆ ก็เพราะว่า "แก้มสีชมพู" อันโดดเด่น และกิริยาอันแสบสันต์ ของมันด้วย ส่วนอีกคนก็บอกว่า ไม่ต้องเสียใจไปเพราะจริง ๆ "หมูเด้ง" ก็มีพี่น้องฮิปโปแคระที่โด่งดังไม่เท่ามันอีกหลายตัว
    .
    .
    .
    Cr : https://www.tiktok.com/@also.steph/video/7420095062907817248?_r=1&_t=8qCoV5CHjCU
    ฝรั่งเซ็ง! โวยเยอรมันก็มี "ฮิปโปแคระ" แต่ทำไม "หมูเด้ง" ดังอยู่ตัวเดียว? . ไม่กี่วันที่ผ่านมาหญิงสาวผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อกว่า also.steph ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้ทำคลิปวีดิโอความยาว 1.08 นาที พูดถึงเรื่อง "หมูเด้ง" ฮิปโปแคระ แห่งสวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี ประเทศไทยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเธอพยายามวิเคราะห์ว่าเหตุใด "หมูเด้ง" ถึงเป็นฮิปโปแคระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ตัวเดียว ทั้ง ๆ ที่สวนสัตว์ทั่วโลกมีฮิปโปแคระอยู่หลายตัว รวมถึงในสวนสัตว์กรุงเบอร์ลิน (Berlin Zoological Garden) ที่ก็เพิ่งเปิดตัว "โทนี (Toni)" สมาชิกฮิปโปแคระตัวใหม่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครพูดถึง "โทนี" เท่าไรนัก . "โทนีเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ก่อนหน้าหมูเด้งประมาณหนึ่งเดือน แต่ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องโทนีเลย เพิ่งได้ยินก็วันนี้? ... ก็เพราะว่ามันชื่อ 'โทนี' ยังไงล่ะ! 'โทนี' มันเป็นชื่อแสนธรรมดาสามัญที่สุด ขณะที่ชื่อ 'หมูเด้ง?' ชื่อโคตรดี เพราะมันแปลว่า 'หมูเด้งดึ๋ง (bouncy pork)' คุณได้ฟังก็รู้เลยว่ามันน่ารัก และติดหูขนาดไหน ... ด้วยเหตุนี้ 'โทนี' จึงถูกขโมยซีนไปเต็ม ๆ "นอกจากนี้ด้วยเหตุนี้ ชื่อ 'โทนี' นั้นเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามนักฟุตบอลผิวสีทีมชาติเยอรมนีที่ชื่อ 'โทนี' อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ... ทั้ง ๆ ที่คนเยอรมันสามารถตั้งชื่ออื่นได้ คล้าย ๆ กับที่คนไทยตั้ง เช่น บูเลทเทียน (Boulettchen) ภาษาเยอรมันที่แปลว่า ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว (Little Meatball) ทำไมไม่ตั้ง? แล้วไปตั้งชื่อลูกฮิปโปแคระว่า 'โทนี' ทั้ง ๆ ที่ บูเลทเทียน (Boulettchen) หรือ ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว มันน่ารักจะตาย" เธอระบุ และว่า . หากลูกฮิปโปแคระที่สวนสัตว์เบอร์ลิน ถูกตั้งชื่อว่า "ลูกชิ้นเนื้อจิ๋ว" มันก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ "หมูเด้ง" ของไทยแน่นอน ทั้งนี้เธอยังชื่นชมคนไทยด้วยว่า กรณีหมูเด้งพิสูจน์ให้เห็นว่า คนไทยเชี่ยวชาญวิธีทำการประชาสัมพันธ์มากกว่าคนเยอรมันจริง ๆ . สำหรับคลิปดังกล่าวของ steph นั้นมีผู้เข้าชมมากกว่า 280,000 ครั้งอย่างไรก็ตามมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นต่อคลิปดังกล่าวโดยระบุว่า สาเหตุที่ "หมูเด้ง" โด่งดังกว่าลูกฮิปโปแคระตัวอื่น ๆ ก็เพราะว่า "แก้มสีชมพู" อันโดดเด่น และกิริยาอันแสบสันต์ ของมันด้วย ส่วนอีกคนก็บอกว่า ไม่ต้องเสียใจไปเพราะจริง ๆ "หมูเด้ง" ก็มีพี่น้องฮิปโปแคระที่โด่งดังไม่เท่ามันอีกหลายตัว . . . Cr : https://www.tiktok.com/@also.steph/video/7420095062907817248?_r=1&_t=8qCoV5CHjCU
    Haha
    Like
    Yay
    Wow
    19
    2 Comments 1 Shares 288 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯรู้ดีว่าอิสราเอลจะแก้แค้นการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ของอิหร่าน และถึงขั้นบอกว่าสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว อย่างไรก็ตามวอชิงตันกำลังมีอิทธิพลต่อลักษณะการแก้แค้นและเตือนเกี่ยวกับการเล็งเป้าเล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้อดีตผู้นำอิสราเอลรายหนึ่ง ออกมาเรียกร้องให้ทำลายที่ตั้งนิวเคลียร์ของเตหะรานเป็นการแก้แค้น
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งได้ปรึกษากับบรรดาผู้นำในกลุ่มจี7 เมื่อวันพุธ(2ต.ค.) หลังอิหร่านรัวยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล ได้ขีดเส้นอย่างชัดเจน สำหรับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล "เราทั้ง 7 คน เห็นพ้องว่าพวกเขามีสิทธิ์ตอบโต้ แต่มันควรเป็นการตอบโต้อย่างพอเหมาะพอควร" ไบเดนกล่าว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ที่บ่งชี้ว่าแนวทางการตอบโต้จะแบบมาแบบไหน
    .
    ทุกฝ่ายทราบดีว่าการโจมตีแก้แค้นใดๆที่เล็งเป้าเล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์หรือที่ตั้งทางน้ำมันของอิหร่าน จะผลักให้ตะวันออกกลางถลำเข้าสู่สถานการณ์ความยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม แต่ดูเหมือนอิสราเอลยังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ
    .
    แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ปรึกษาหารือกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, เยอรมนีและอิตาลี เพื่อส่งสารดังกล่าว จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา
    .
    ในวอชิงตันหรือชาติอื่นๆ พวกเจ้าหน้าที่กำลังรอดูว่า เนทันยาฮู ซึ่งถูกกดดันจากภายในประเทศให้ต้องลงมือ จะกระหายโจมตีอย่างหนักหน่วงและลึกเข้าไปในดินแดนอิหร่านหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้น มันก็จะนำพาประเทศของเขาเข้าสู่การสู้รบโดยตรงกับศัตรูตัวฉกาจ
    .
    เมื่อวันพุธ(2ต.ค.) นาฟตาลี เบนเนตต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เรียกร้องให้ทำการโจมตีอย่างแน่วแน่ เล็งเป้าทำลายที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน แก้แค้นเตหะรานที่รัวยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ตาม แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในวันเดียวกันในเวลาต่อมา ว่าวอชิงตัน "แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมาสักพักแล้วว่า เราไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ลุกลามบานปลายในภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว "อิสราเอลมีสิทธิ์ตอบโต้ และเราจะเดินหน้าหารือกับพวกเขาว่าการตอบโต้ควรเป็นไปในรูปแบบไหน แต่เราไม่ต้องการเห็นการกระทำใดๆที่จะนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค"
    .
    มิลเลอร์ ยังได้ปฏิเสธความคิดใดๆ ที่ทึกทักว่าเวลานี้วอชิงตันไม่เหลืออิทธิพลเหนือพันธมิตรแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว
    .
    ในเสียงเรียกร้องเมื่อวันพุธ(2ต.ค.) เบนเนตต์ กล่าวว่า "เวลานี้เราต้องทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่ตั้งทางพลังงานกลางของพวกเขา และฉีกระบอบก่อการร้ายนี้เป็นชิ้นๆ" เขาเขียนบนแฟลตฟอร์มเอ็กซ์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอิหร่านโจมตีอิสราเอลในวันอังคาร(1ต.ค.)
    .
    "เรามีความชอบธรรม เรามีเครื่องไม้เครื่องมือ เวลานี้ฮิซบอลเบาะห์และฮามาสง่อยเปลี้ยไปแล้ว อิหร่านยืนอยู่โล่งๆไม่มีที่กำบัง" เบนเนตต์ระบุ
    .
    ในถ้อยแถลงแยกกัน ยาอีร์ ลาปิด แกนนำฝ่ายค้านหลักของอิสราเอล ระบุอิหร่านต้องชดใช้ "ราคาแพง" สำหรับการโจมตี "เตหะรานรู้ดีว่าอิสราเอลจะเอาคืนแน่ การตอบโต้จำเป็นต้องหนักหน่วงและควรเป็นการส่งสารอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งไปถึงพวกอักษะก่อการร้ายในซีเรีย อิรัก เยเมน เลบานอน กาซาและในอิหร่านเอง" ลาปิดกล่าว ทั้งนี้เขาเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงสั้นๆในปี 2020
    .
    อิหร่านถูกกล่าวหามาช้านานกว่ากำลังพัฒนาอาวุธปรมาณู แต่สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ยืนยันมาตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขานั้นมีจุดประสงค์เพื่อสันติ ในขณะที่ อิสราเอล เป็นที่รู้กันในวงกว้างขวาง ว่าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่พวกเขาไม่เคยเอ่ยปากยอมรับ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000093362
    ..................
    Sondhi X
    สหรัฐฯรู้ดีว่าอิสราเอลจะแก้แค้นการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ของอิหร่าน และถึงขั้นบอกว่าสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว อย่างไรก็ตามวอชิงตันกำลังมีอิทธิพลต่อลักษณะการแก้แค้นและเตือนเกี่ยวกับการเล็งเป้าเล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้อดีตผู้นำอิสราเอลรายหนึ่ง ออกมาเรียกร้องให้ทำลายที่ตั้งนิวเคลียร์ของเตหะรานเป็นการแก้แค้น . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งได้ปรึกษากับบรรดาผู้นำในกลุ่มจี7 เมื่อวันพุธ(2ต.ค.) หลังอิหร่านรัวยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล ได้ขีดเส้นอย่างชัดเจน สำหรับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล "เราทั้ง 7 คน เห็นพ้องว่าพวกเขามีสิทธิ์ตอบโต้ แต่มันควรเป็นการตอบโต้อย่างพอเหมาะพอควร" ไบเดนกล่าว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ที่บ่งชี้ว่าแนวทางการตอบโต้จะแบบมาแบบไหน . ทุกฝ่ายทราบดีว่าการโจมตีแก้แค้นใดๆที่เล็งเป้าเล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์หรือที่ตั้งทางน้ำมันของอิหร่าน จะผลักให้ตะวันออกกลางถลำเข้าสู่สถานการณ์ความยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม แต่ดูเหมือนอิสราเอลยังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ . แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ปรึกษาหารือกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, เยอรมนีและอิตาลี เพื่อส่งสารดังกล่าว จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา . ในวอชิงตันหรือชาติอื่นๆ พวกเจ้าหน้าที่กำลังรอดูว่า เนทันยาฮู ซึ่งถูกกดดันจากภายในประเทศให้ต้องลงมือ จะกระหายโจมตีอย่างหนักหน่วงและลึกเข้าไปในดินแดนอิหร่านหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้น มันก็จะนำพาประเทศของเขาเข้าสู่การสู้รบโดยตรงกับศัตรูตัวฉกาจ . เมื่อวันพุธ(2ต.ค.) นาฟตาลี เบนเนตต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เรียกร้องให้ทำการโจมตีอย่างแน่วแน่ เล็งเป้าทำลายที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน แก้แค้นเตหะรานที่รัวยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล . อย่างไรก็ตาม แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในวันเดียวกันในเวลาต่อมา ว่าวอชิงตัน "แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมาสักพักแล้วว่า เราไม่ต้องการเห็นสถานการณ์ลุกลามบานปลายในภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว "อิสราเอลมีสิทธิ์ตอบโต้ และเราจะเดินหน้าหารือกับพวกเขาว่าการตอบโต้ควรเป็นไปในรูปแบบไหน แต่เราไม่ต้องการเห็นการกระทำใดๆที่จะนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค" . มิลเลอร์ ยังได้ปฏิเสธความคิดใดๆ ที่ทึกทักว่าเวลานี้วอชิงตันไม่เหลืออิทธิพลเหนือพันธมิตรแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว . ในเสียงเรียกร้องเมื่อวันพุธ(2ต.ค.) เบนเนตต์ กล่าวว่า "เวลานี้เราต้องทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่ตั้งทางพลังงานกลางของพวกเขา และฉีกระบอบก่อการร้ายนี้เป็นชิ้นๆ" เขาเขียนบนแฟลตฟอร์มเอ็กซ์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอิหร่านโจมตีอิสราเอลในวันอังคาร(1ต.ค.) . "เรามีความชอบธรรม เรามีเครื่องไม้เครื่องมือ เวลานี้ฮิซบอลเบาะห์และฮามาสง่อยเปลี้ยไปแล้ว อิหร่านยืนอยู่โล่งๆไม่มีที่กำบัง" เบนเนตต์ระบุ . ในถ้อยแถลงแยกกัน ยาอีร์ ลาปิด แกนนำฝ่ายค้านหลักของอิสราเอล ระบุอิหร่านต้องชดใช้ "ราคาแพง" สำหรับการโจมตี "เตหะรานรู้ดีว่าอิสราเอลจะเอาคืนแน่ การตอบโต้จำเป็นต้องหนักหน่วงและควรเป็นการส่งสารอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งไปถึงพวกอักษะก่อการร้ายในซีเรีย อิรัก เยเมน เลบานอน กาซาและในอิหร่านเอง" ลาปิดกล่าว ทั้งนี้เขาเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงสั้นๆในปี 2020 . อิหร่านถูกกล่าวหามาช้านานกว่ากำลังพัฒนาอาวุธปรมาณู แต่สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ยืนยันมาตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขานั้นมีจุดประสงค์เพื่อสันติ ในขณะที่ อิสราเอล เป็นที่รู้กันในวงกว้างขวาง ว่าครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่พวกเขาไม่เคยเอ่ยปากยอมรับ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000093362 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    7
    0 Comments 0 Shares 859 Views 0 Reviews
  • 張靚穎 Jane Zhang

    นักร้อง ประเภท POWER PERFORMANCE (ตัวจริง)
    การเกิดของเธอ ทำให้ ป้ามีมี่ ( Mariah Carey ) ตกกระป๋อง ไป !

    เพราะว่า..น้ำเสียงของเธอ หวานใส ทรงพลัง และ พรสวรรค์ของเธอ คือ
    สามารถขับร้อง #โซปราโน (Coloratura Soprano) ร้องระดับเสียงสูงสุดของผู้หญิงที่สามารถใช้เสียงได้ หลากหลายด้วย #เทคนิคอันแพรวพราว และ
    #ร้องเสียงเฮดโทนวอยซ์ ได้ #เสียงมีความกว้างมากกว่าห้าออกเตฟ และ
    ความสามารถในการร้องเสียงสูงใน #Whistle_Register (เสียงร้องเสียงสูงที่สูงกว่า E6) โน้ตที่สูงที่สุดที่เธอร้องได้คือ Bb7 (โน้ตที่สูงกว่า C7 ซึ่งเป็นโน้ตสูงสุดบนคีย์บอร์ดมาตรฐานอยู่ห้าเสียงครึ่ง หรือสูงกว่าโน้ตสูงที่สุดบนคีย์ของเปียโนซึ่งมีอยู่ 88 คีย์) ทั่วโลก..จึงมอบฉายาให้ว่า Dolphin Princess ในการดำผุด โผล่ ด้วยเทคนิคการขับร้องแบบ #Melisma หรือ การร้องเอื้อน ในภาษาไทย นั่นเอง ค่ะ

    ตัวอย่างของการขับร้อง Opera และ Whistle_Register
    https://www.youtube.com/watch?v=kJl2uPNsJEk

    ตัวอย่างของการขับร้องเพลง "Loving You"
    ด้วยเทคนิค Whistle_Register สดใส มีพลัง และ หวานกว่า Mariah Carey
    https://www.youtube.com/watch?v=Q5WB3_mHn6I

    แนวร๊อค..โคตร มันส์
    https://www.youtube.com/watch?v=fcBu1qVcKrU

    แนวหวานเศร้า..แบบคุณหนู(แอบ)ร้องไห้
    https://www.youtube.com/watch?v=vBk9s8V3nq0

    แนวแดนซ์..ดิ้น(กระจาย)
    https://www.youtube.com/watch?v=2u2igWgsF3w
    張靚穎 Jane Zhang นักร้อง ประเภท POWER PERFORMANCE (ตัวจริง) การเกิดของเธอ ทำให้ ป้ามีมี่ ( Mariah Carey ) ตกกระป๋อง ไป ! เพราะว่า..น้ำเสียงของเธอ หวานใส ทรงพลัง และ พรสวรรค์ของเธอ คือ สามารถขับร้อง #โซปราโน (Coloratura Soprano) ร้องระดับเสียงสูงสุดของผู้หญิงที่สามารถใช้เสียงได้ หลากหลายด้วย #เทคนิคอันแพรวพราว และ #ร้องเสียงเฮดโทนวอยซ์ ได้ #เสียงมีความกว้างมากกว่าห้าออกเตฟ และ ความสามารถในการร้องเสียงสูงใน #Whistle_Register (เสียงร้องเสียงสูงที่สูงกว่า E6) โน้ตที่สูงที่สุดที่เธอร้องได้คือ Bb7 (โน้ตที่สูงกว่า C7 ซึ่งเป็นโน้ตสูงสุดบนคีย์บอร์ดมาตรฐานอยู่ห้าเสียงครึ่ง หรือสูงกว่าโน้ตสูงที่สุดบนคีย์ของเปียโนซึ่งมีอยู่ 88 คีย์) ทั่วโลก..จึงมอบฉายาให้ว่า Dolphin Princess ในการดำผุด โผล่ ด้วยเทคนิคการขับร้องแบบ #Melisma หรือ การร้องเอื้อน ในภาษาไทย นั่นเอง ค่ะ ตัวอย่างของการขับร้อง Opera และ Whistle_Register https://www.youtube.com/watch?v=kJl2uPNsJEk ตัวอย่างของการขับร้องเพลง "Loving You" ด้วยเทคนิค Whistle_Register สดใส มีพลัง และ หวานกว่า Mariah Carey https://www.youtube.com/watch?v=Q5WB3_mHn6I แนวร๊อค..โคตร มันส์ https://www.youtube.com/watch?v=fcBu1qVcKrU แนวหวานเศร้า..แบบคุณหนู(แอบ)ร้องไห้ https://www.youtube.com/watch?v=vBk9s8V3nq0 แนวแดนซ์..ดิ้น(กระจาย) https://www.youtube.com/watch?v=2u2igWgsF3w
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • Boris Johnson อดีตนายกฯอังกฤษ ละเมิดกฏสำนักพระราชวัง เขียนหนังสือเกี่ยวกับควีนเอลิซาเบธที่ 2เปิดเผยอาการประชวรโรคมะเร็งกระดูกก่อนเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังอังกฤษชี้ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ “ผิด” กฎราชวงศ์

    2 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า หนังสือบันทึกความทรงจำ Boris Johnson Unleashed ของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษที่จะออกวางจำหน่ายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กำลังเผชิญกระแสสังคมอย่างมาก กรณีที่เขาออกมาเปิดเผยข้อความในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ที่เมืองบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ว่าทรงประชวรด้วย “โรคมะเร็งกระดูก” ก่อนสวรรคต ซึ่งหลังจากสำนักพระราชวังของอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ออกมาตำหนิว่าเขาไม่ควรเปิดเผยพระอาการประชวรของพระองค์พร้อมทั้งชี้ว่านี่คือการละเมิดกฎพระราชวงศ์

    ส่วนหนึ่งในหนังสือของจอห์นสันระบุว่า “พระองค์ดูซีดและหลังค่อมขึ้น และมีรอยฝกช้ำดำเขียวที่บริเวณข้อมือ ซึ่งน่าจะเกิดจากการให้น้ำเกลือหรือฉีดยา แต่พระองค์ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดเลย ในระหว่างสนทนาพระองค์พระองค์ยังคงยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มของพระองค์ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก” นอกจากนี้จอห์นสันได้ระบุว่าการที่เขาได้เฝ้าทูลละอองพระบาทของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์กับพระราชินีถือเป็น “สิทธิพิเศษ” และ “กำลังใจ” ให้กับตัวเขาเองด้วย

    ไม่เพียงเท่านี้แต่จอห์นสันยังเขียนถึงอาการประชวรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เอาไว้ว่า “ผมทราบมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งกระดูก และแพทย์ก็เป็นห่วงว่าอาการของพระองค์จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ”

    คำบอกเล่าของจอห์นสันนี้ นับว่าขัดกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ที่สำนักพระราชวังแถลงว่า สาเหตุเกิดจาก “วัยชรา” และการเปิดเผยของจอหืนสันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ในเดือนกันยายน ปี 2022 สำนักพระราชวงศ์บักกิงแฮมก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

    อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่ใช่ผู้นำอังกฤษคนแรกที่ที่เขียนบันทึกรำลึกถึงเรื่องราวในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯที่เข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์, กอร์ดอน บราวน์, และ เดวิด คาเมรอน ต่างก็เคยเขียนหนังสือบันทึกเหตุการณ์การถวายงานกับควีนเอลิซาเบธที่2 เช่นกัน แต่เป็นการกล่าวถึงแบบโดยภาพรวม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนแบบเดียวกับจอห์นสัน

    ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการแพทย์ของสมาชิกราชวงศ์ต่อสาธารณชน จนกระทั่งในกรณีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ ที่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเลือกที่จะเปิดเผยอาการประชวรและข้อมูลการรักษาตัวของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของทั้ง 2 พระองค์ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง

    ภาพ : จากเฟซบุ๊กBoris Johnson

    #Thaitimes
    Boris Johnson อดีตนายกฯอังกฤษ ละเมิดกฏสำนักพระราชวัง เขียนหนังสือเกี่ยวกับควีนเอลิซาเบธที่ 2เปิดเผยอาการประชวรโรคมะเร็งกระดูกก่อนเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังอังกฤษชี้ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ “ผิด” กฎราชวงศ์ 2 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า หนังสือบันทึกความทรงจำ Boris Johnson Unleashed ของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษที่จะออกวางจำหน่ายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กำลังเผชิญกระแสสังคมอย่างมาก กรณีที่เขาออกมาเปิดเผยข้อความในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ที่เมืองบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ว่าทรงประชวรด้วย “โรคมะเร็งกระดูก” ก่อนสวรรคต ซึ่งหลังจากสำนักพระราชวังของอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ออกมาตำหนิว่าเขาไม่ควรเปิดเผยพระอาการประชวรของพระองค์พร้อมทั้งชี้ว่านี่คือการละเมิดกฎพระราชวงศ์ ส่วนหนึ่งในหนังสือของจอห์นสันระบุว่า “พระองค์ดูซีดและหลังค่อมขึ้น และมีรอยฝกช้ำดำเขียวที่บริเวณข้อมือ ซึ่งน่าจะเกิดจากการให้น้ำเกลือหรือฉีดยา แต่พระองค์ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดเลย ในระหว่างสนทนาพระองค์พระองค์ยังคงยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มของพระองค์ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก” นอกจากนี้จอห์นสันได้ระบุว่าการที่เขาได้เฝ้าทูลละอองพระบาทของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์กับพระราชินีถือเป็น “สิทธิพิเศษ” และ “กำลังใจ” ให้กับตัวเขาเองด้วย ไม่เพียงเท่านี้แต่จอห์นสันยังเขียนถึงอาการประชวรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เอาไว้ว่า “ผมทราบมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งกระดูก และแพทย์ก็เป็นห่วงว่าอาการของพระองค์จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ” คำบอกเล่าของจอห์นสันนี้ นับว่าขัดกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ที่สำนักพระราชวังแถลงว่า สาเหตุเกิดจาก “วัยชรา” และการเปิดเผยของจอหืนสันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ในเดือนกันยายน ปี 2022 สำนักพระราชวงศ์บักกิงแฮมก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่ใช่ผู้นำอังกฤษคนแรกที่ที่เขียนบันทึกรำลึกถึงเรื่องราวในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯที่เข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์, กอร์ดอน บราวน์, และ เดวิด คาเมรอน ต่างก็เคยเขียนหนังสือบันทึกเหตุการณ์การถวายงานกับควีนเอลิซาเบธที่2 เช่นกัน แต่เป็นการกล่าวถึงแบบโดยภาพรวม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนแบบเดียวกับจอห์นสัน ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการแพทย์ของสมาชิกราชวงศ์ต่อสาธารณชน จนกระทั่งในกรณีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ ที่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเลือกที่จะเปิดเผยอาการประชวรและข้อมูลการรักษาตัวของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของทั้ง 2 พระองค์ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ภาพ : จากเฟซบุ๊กBoris Johnson #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    1 Comments 0 Shares 508 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.77 : ท่อก๊าซไซบีเรีย และมองโกเลียตกกระป๋อง

    ความในตอนนี้เป็นส่วนที่ผมค้นคว้าเพิ่มเติมจากที่ผมได้ชมคลิปยูทูบรายการของคุณสนธิเรื่อง “มองโกเลียเสียค่าโง่“ ครับ

    ในเรื่อง ”มองโกเลียเสียค่าโง่“ นั้น ผมขอสรุปจากที่คุณสนธิเล่าไว้ว่า มองโกเลียซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างรัสเซียกับจีนนั้น เขามีแร่ธาตุอยู่ใต้ดินมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ”ทองแดง - copper" ครับ

    ทีนี้ก็มีบริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ-ออสเตรเลียชื่อว่า “ริโอ ทินโท“ มองเห็นว่าใต้แผ่นดินของมองโกเลียนั้น มีทองแดง, เงิน และทองคำอยู่มหาศาล จึงเข้ามาลงทุนขุดเหมืองที่นี่ในปี 2010

    ตอนแรกๆกิจการก็ไปได้ดีและเริ่มสร้างรายได้ เพราะในปี 2013 บริษัทนี้สามารถส่งทองแดงไปขายให้จีนที่อยู่ใกล้ๆได้และจีนก็ต้องการทองแดงอยู่แล้วด้วย

    แต่พอถึงปี 2018 รัฐบาลมองโกเลียซึ่งถือหุ้นในเหมืองนี้ด้วย 51% ก็สั่งให้บริษัทริโอทินโทนั้นสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นมาใช้ในเหมืองเอง ห้ามซื้อไฟฟ้าจากฝั่งจีน ทั้งๆที่เสาส่งไฟฟ้าของจีนอยู่ห่างจากเหมืองเพียง 100 กม.เท่านั้น

    แน่นอนว่าการที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเองจะทำให้ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่บริษัทริโอทินโทก็ยอม เพราะเห็นแก่อนาคตทางธุรกิจของตัวเอง

    แต่พอถึงช่วงปี 2023-2024 นายกรัฐมนตรีมองโกเลีย คือ นายโอยุน เออร์ดีน เริ่มได้รับคำเชิญจากรัฐบาลสหรัฐ และได้ไปพบกับนางแอนโทนี บลิงเคน (รมว.ต่างประเทศ) และนางกมลา แฮริส (รอง ปธน.สหรัฐ) หลายครั้ง

    เราไม่รู้หรอกครับว่าเขาคุยอะไรกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นายโอยุนกลับบ้านมาประกาศว่า มองโกเลียจะหาเพื่อนบ้านใหม่ (Third neighbor) นอกเหนือไปจากจีนและรัสเซีย อันหมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเอง

    ว่าแล้วนายโอยุนก็นำมองโกเลียไปเข้าร่วมวงกับอเมริกาในการแบนจีนกับเขาด้วย โดยสั่งห้ามไม่ให้บริษัทเหมืองแร่ริโอทินโทขายทองแดงให้กับจีน

    ทีนี้ปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้น เพราะริโอทินโทก็บอกว่า “อ้าว…แล้วจะให้ตูขายให้ใครล่ะ? เราขุดทองแดงได้ใกล้ๆกับจีน จีนก็ซื้อเยอะ แถมมองโกเลียก็ไม่มีทางออกทะเล จะให้เราขนทองแดงออกไปขายนอกประเทศยังไงโดยไม่ผ่านจีน?”

    การณ์ในตอนนี้ก็คือ บริษัทริโอทินโทกำลังทบทวนอยู่ว่าจะเอาไงดี ดีไม่ดีอาจจะเลิกทำเหมืองที่นี่แล้วหานักลงทุนรายอื่นๆมาซื้อกิจการแทน

    คุณสนธิเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ ซึ่งผมสนใจเรื่องนี้ต่อ จึงไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าเพิ่มเติมในย่อหน้าต่อไปนี้ครับ
    .
    .
    .
    เราทราบกันดีว่า จีนนั้นเป็นประเทศที่ต้องการพลังงานมากๆ และรัสเซียก็มีก๊าซธรรมชาติสำรองใต้แผ่นดินมากมายมหาศาล โดยเฉพาะที่ใต้แผ่นดินไซบีเรียนั้นมีก๊าซอยู่ถึง 40% ของทั้งประเทศรัสเซียเลย

    ในปี 2015 ปธน.สี จิ้นผิง กับ ปธน.ปูติน จับมือและตกลงกันว่าจะสร้างท่อส่งก๊าซจากไซบีเรียวิ่งเข้ามายังจีนครับ

    ตั้งชื่อท่อก๊าซนี้ว่า “พาวเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย“ หรือ ”ไซบีเรีย 1” โดยท่อก๊าซนี้จะสามารถส่งก๊าซให้จีนได้สูงสุด 38,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (อ่านว่า สามหมื่นแปดพันล้าน)

    แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ภาคอุตสาหกรรมของจีนเติบโตเร็วมาก ก๊าซจากท่อก๊าซไซบีเรีย 1 นั้นไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะเพียงในปี 2024 นี้จีนก็ต้องการก๊าซทะลุไปถึง 4 แสนล้านลบ.ม.แล้วครับ

    ในปี 2021 สองผู้นำนี้จึงมาตกลงกันอีกรอบพร้อมกับเชิญผู้นำมองโกเลียมาร่วมด้วย โดยจะสร้างท่อส่งก๊าซเพิ่มอีก 1 ท่อ ให้ชื่อว่า “ไซบีเรีย 2” ครับ

    ท่อไซบีเรีย 2 นี้มีความยาวถึง 2600 กิโลเมตร วิ่งผ่าน 3 ประเทศคือ รัสเซีย 100 กม. - มองโกเลีย 900 กม. - จีน 1600 กม.ครับ

    คุณผู้อ่านเห็นชื่อมองโกเลียก็รู้สึกตะหงิดๆใจแล้วใช่ไหมครับ
    .
    .
    .
    ตามกำหนดเดิมนั้นท่อไซบีเรีย 2 นี้จะเริ่มสร้างในปี 2024 นี้แหละครับและจะสร้างเสร็จในปี 2030 โน่น แต่เมื่อปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ท่านสี จิ้นผิงได้ไปหารือกับปูติน และระบุชัดเจนว่า

    “จีนไม่ต้องการให้ท่อก๊าซไซบีเรีย 2 วิ่งผ่านมองโกเลียอีกต่อไป”

    คาดว่าจีนกังวลอยู่ 2 ประการ

    หนึ่ง… การที่ท่อก๊าซวิ่งผ่านมองโกเลีย มองโกเลียสามารถกำหนดเก็บค่าผ่านทางได้ตามแต่ที่รัฐบาลมองโกลจะเรียก

    สอง… เมื่อมองโกเลียแสดงออกแล้วว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจีน ท่อไซบีเรีย 2 ซึ่งถือเป็นความมั่นคงทางพลังงานของจีนจึงตกอยู่ในอันตราย

    การก่อสร้างท่อไซบีเรีย 2 จึงถูกเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ให้ไปวิ่งผ่านประเทศคาซัคสถานแทน ซึ่งเอาจริงๆแล้วทำให้การก่อสร้างง่ายกว่าผ่านมองโกเลีย

    ทีนี้ถ้าถามว่า “มองโกเลียเสียอะไรไปไหม?”

    คำตอบคือ “เสียรายได้เข้าประเทศไปแน่ๆแล้วปีละอย่างน้อย 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ยังไม่รวมค่าผ่านทางท่อก๊าซที่จะเสียเพิ่มให้อีก“

    และยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์กับจีนที่พังทลายไป ทั้งๆที่ตัวเองต้องพึ่งพาจีนอยู่อีกมากมาย

    ส่วนส้มนั้นก็ไปหล่นใส่มือของคาซัคสถานที่อยู่ดีๆก็ได้เงินเข้าประเทศ

    สำหรับท่านที่ไม่ทราบ ก็ควรได้รู้ว่ามองโกเลียนั้นเป็นประเทศ Land locked country ครับ คือ ไม่มีทางออกทะเล โดนรัสเซียประกบอยู่บนหัว และจีนประกบอยู่ทางใต้

    ทุกวันนี้การค้าการส่งออกนำเข้าสินค้าของมองโกเลียก็อาศัยพึ่งพาถนนและท่าเรือของจีนที่เทียนจินทั้งหมด ท่าเรือนี้เป็นทางออกทะเลเดียวที่มองโกเลียมี เพราะรัสเซียไม่ให้มองโกเลียใช้ท่าเรือแล้ว

    ผู้นำมองโกลนั้น คงไม่เคยได้ยินสุภาษิตฝรั่งที่ว่า Don't bite the hands that feed you หรือ กินบนเรือน ขี้รดหลังคา

    นี่คือความโง่ของผู้นำมองโกลครับ แทนที่จะผูกมิตรกับเพื่อนบ้านที่ต้องอยู่กันไปชั่วฟ้าดินสลาย กลับไปเชื่อฟังชาติห่างไกลที่เพียงหวังจะหลอกใช้เท่านั้น

    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.77 : ท่อก๊าซไซบีเรีย และมองโกเลียตกกระป๋อง ความในตอนนี้เป็นส่วนที่ผมค้นคว้าเพิ่มเติมจากที่ผมได้ชมคลิปยูทูบรายการของคุณสนธิเรื่อง “มองโกเลียเสียค่าโง่“ ครับ ในเรื่อง ”มองโกเลียเสียค่าโง่“ นั้น ผมขอสรุปจากที่คุณสนธิเล่าไว้ว่า มองโกเลียซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างรัสเซียกับจีนนั้น เขามีแร่ธาตุอยู่ใต้ดินมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ”ทองแดง - copper" ครับ ทีนี้ก็มีบริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ-ออสเตรเลียชื่อว่า “ริโอ ทินโท“ มองเห็นว่าใต้แผ่นดินของมองโกเลียนั้น มีทองแดง, เงิน และทองคำอยู่มหาศาล จึงเข้ามาลงทุนขุดเหมืองที่นี่ในปี 2010 ตอนแรกๆกิจการก็ไปได้ดีและเริ่มสร้างรายได้ เพราะในปี 2013 บริษัทนี้สามารถส่งทองแดงไปขายให้จีนที่อยู่ใกล้ๆได้และจีนก็ต้องการทองแดงอยู่แล้วด้วย แต่พอถึงปี 2018 รัฐบาลมองโกเลียซึ่งถือหุ้นในเหมืองนี้ด้วย 51% ก็สั่งให้บริษัทริโอทินโทนั้นสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นมาใช้ในเหมืองเอง ห้ามซื้อไฟฟ้าจากฝั่งจีน ทั้งๆที่เสาส่งไฟฟ้าของจีนอยู่ห่างจากเหมืองเพียง 100 กม.เท่านั้น แน่นอนว่าการที่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเองจะทำให้ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่บริษัทริโอทินโทก็ยอม เพราะเห็นแก่อนาคตทางธุรกิจของตัวเอง แต่พอถึงช่วงปี 2023-2024 นายกรัฐมนตรีมองโกเลีย คือ นายโอยุน เออร์ดีน เริ่มได้รับคำเชิญจากรัฐบาลสหรัฐ และได้ไปพบกับนางแอนโทนี บลิงเคน (รมว.ต่างประเทศ) และนางกมลา แฮริส (รอง ปธน.สหรัฐ) หลายครั้ง เราไม่รู้หรอกครับว่าเขาคุยอะไรกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นายโอยุนกลับบ้านมาประกาศว่า มองโกเลียจะหาเพื่อนบ้านใหม่ (Third neighbor) นอกเหนือไปจากจีนและรัสเซีย อันหมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเอง ว่าแล้วนายโอยุนก็นำมองโกเลียไปเข้าร่วมวงกับอเมริกาในการแบนจีนกับเขาด้วย โดยสั่งห้ามไม่ให้บริษัทเหมืองแร่ริโอทินโทขายทองแดงให้กับจีน ทีนี้ปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้น เพราะริโอทินโทก็บอกว่า “อ้าว…แล้วจะให้ตูขายให้ใครล่ะ? เราขุดทองแดงได้ใกล้ๆกับจีน จีนก็ซื้อเยอะ แถมมองโกเลียก็ไม่มีทางออกทะเล จะให้เราขนทองแดงออกไปขายนอกประเทศยังไงโดยไม่ผ่านจีน?” การณ์ในตอนนี้ก็คือ บริษัทริโอทินโทกำลังทบทวนอยู่ว่าจะเอาไงดี ดีไม่ดีอาจจะเลิกทำเหมืองที่นี่แล้วหานักลงทุนรายอื่นๆมาซื้อกิจการแทน คุณสนธิเล่าไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ ซึ่งผมสนใจเรื่องนี้ต่อ จึงไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าเพิ่มเติมในย่อหน้าต่อไปนี้ครับ . . . เราทราบกันดีว่า จีนนั้นเป็นประเทศที่ต้องการพลังงานมากๆ และรัสเซียก็มีก๊าซธรรมชาติสำรองใต้แผ่นดินมากมายมหาศาล โดยเฉพาะที่ใต้แผ่นดินไซบีเรียนั้นมีก๊าซอยู่ถึง 40% ของทั้งประเทศรัสเซียเลย ในปี 2015 ปธน.สี จิ้นผิง กับ ปธน.ปูติน จับมือและตกลงกันว่าจะสร้างท่อส่งก๊าซจากไซบีเรียวิ่งเข้ามายังจีนครับ ตั้งชื่อท่อก๊าซนี้ว่า “พาวเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย“ หรือ ”ไซบีเรีย 1” โดยท่อก๊าซนี้จะสามารถส่งก๊าซให้จีนได้สูงสุด 38,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (อ่านว่า สามหมื่นแปดพันล้าน) แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ภาคอุตสาหกรรมของจีนเติบโตเร็วมาก ก๊าซจากท่อก๊าซไซบีเรีย 1 นั้นไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะเพียงในปี 2024 นี้จีนก็ต้องการก๊าซทะลุไปถึง 4 แสนล้านลบ.ม.แล้วครับ ในปี 2021 สองผู้นำนี้จึงมาตกลงกันอีกรอบพร้อมกับเชิญผู้นำมองโกเลียมาร่วมด้วย โดยจะสร้างท่อส่งก๊าซเพิ่มอีก 1 ท่อ ให้ชื่อว่า “ไซบีเรีย 2” ครับ ท่อไซบีเรีย 2 นี้มีความยาวถึง 2600 กิโลเมตร วิ่งผ่าน 3 ประเทศคือ รัสเซีย 100 กม. - มองโกเลีย 900 กม. - จีน 1600 กม.ครับ คุณผู้อ่านเห็นชื่อมองโกเลียก็รู้สึกตะหงิดๆใจแล้วใช่ไหมครับ . . . ตามกำหนดเดิมนั้นท่อไซบีเรีย 2 นี้จะเริ่มสร้างในปี 2024 นี้แหละครับและจะสร้างเสร็จในปี 2030 โน่น แต่เมื่อปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ท่านสี จิ้นผิงได้ไปหารือกับปูติน และระบุชัดเจนว่า “จีนไม่ต้องการให้ท่อก๊าซไซบีเรีย 2 วิ่งผ่านมองโกเลียอีกต่อไป” คาดว่าจีนกังวลอยู่ 2 ประการ หนึ่ง… การที่ท่อก๊าซวิ่งผ่านมองโกเลีย มองโกเลียสามารถกำหนดเก็บค่าผ่านทางได้ตามแต่ที่รัฐบาลมองโกลจะเรียก สอง… เมื่อมองโกเลียแสดงออกแล้วว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจีน ท่อไซบีเรีย 2 ซึ่งถือเป็นความมั่นคงทางพลังงานของจีนจึงตกอยู่ในอันตราย การก่อสร้างท่อไซบีเรีย 2 จึงถูกเปลี่ยนเส้นทางใหม่ ให้ไปวิ่งผ่านประเทศคาซัคสถานแทน ซึ่งเอาจริงๆแล้วทำให้การก่อสร้างง่ายกว่าผ่านมองโกเลีย ทีนี้ถ้าถามว่า “มองโกเลียเสียอะไรไปไหม?” คำตอบคือ “เสียรายได้เข้าประเทศไปแน่ๆแล้วปีละอย่างน้อย 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ยังไม่รวมค่าผ่านทางท่อก๊าซที่จะเสียเพิ่มให้อีก“ และยังไม่รวมถึงความสัมพันธ์กับจีนที่พังทลายไป ทั้งๆที่ตัวเองต้องพึ่งพาจีนอยู่อีกมากมาย ส่วนส้มนั้นก็ไปหล่นใส่มือของคาซัคสถานที่อยู่ดีๆก็ได้เงินเข้าประเทศ สำหรับท่านที่ไม่ทราบ ก็ควรได้รู้ว่ามองโกเลียนั้นเป็นประเทศ Land locked country ครับ คือ ไม่มีทางออกทะเล โดนรัสเซียประกบอยู่บนหัว และจีนประกบอยู่ทางใต้ ทุกวันนี้การค้าการส่งออกนำเข้าสินค้าของมองโกเลียก็อาศัยพึ่งพาถนนและท่าเรือของจีนที่เทียนจินทั้งหมด ท่าเรือนี้เป็นทางออกทะเลเดียวที่มองโกเลียมี เพราะรัสเซียไม่ให้มองโกเลียใช้ท่าเรือแล้ว ผู้นำมองโกลนั้น คงไม่เคยได้ยินสุภาษิตฝรั่งที่ว่า Don't bite the hands that feed you หรือ กินบนเรือน ขี้รดหลังคา นี่คือความโง่ของผู้นำมองโกลครับ แทนที่จะผูกมิตรกับเพื่อนบ้านที่ต้องอยู่กันไปชั่วฟ้าดินสลาย กลับไปเชื่อฟังชาติห่างไกลที่เพียงหวังจะหลอกใช้เท่านั้น นัทแนะ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • แก้วไก่กรอบ ร้านอาหารอีสานยอดฮิตจากลาดกระบัง มาเปิดสาขาที่ True Digital Park จัดเต็มความโมเดิร์น แต่ยังคงความแซ่บจี๊ดจ๊าดถึงใจ ทางร้านโดดเด่นเรื่องการย่าง ห้ามพลาดเมนูไฮไลต์ ไก่ย่างหนังกรอบ ที่ใช้เทคนิคพิเศษทำให้หนังบางกรอบ เมนูยำ เมนูส้มตำ แซ่บนัวถึงเครื่องทุกเมนู อย่างเมนู ตำทะเลรวม จัดเต็มเครื่องทะเล กินกับส้มตำรสจัดจ้าน ตัวร้านตกแต่งโทนสีแดงสไตล์โมเดิร์นบอกเลยว่าสวยมาก ถูกใจสายถ่ายรูปสุด ๆ

    #กินสาระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    แก้วไก่กรอบ ร้านอาหารอีสานยอดฮิตจากลาดกระบัง มาเปิดสาขาที่ True Digital Park จัดเต็มความโมเดิร์น แต่ยังคงความแซ่บจี๊ดจ๊าดถึงใจ ทางร้านโดดเด่นเรื่องการย่าง ห้ามพลาดเมนูไฮไลต์ ไก่ย่างหนังกรอบ ที่ใช้เทคนิคพิเศษทำให้หนังบางกรอบ เมนูยำ เมนูส้มตำ แซ่บนัวถึงเครื่องทุกเมนู อย่างเมนู ตำทะเลรวม จัดเต็มเครื่องทะเล กินกับส้มตำรสจัดจ้าน ตัวร้านตกแต่งโทนสีแดงสไตล์โมเดิร์นบอกเลยว่าสวยมาก ถูกใจสายถ่ายรูปสุด ๆ #กินสาระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • กองกำลังอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการรุกรานอย่างจำกัดเข้าไปยังเลบานอนแล้ว จากการเปิดเผยของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (30 ก.ย.) หลังอิสราเอลประกาศเดินหน้าสู้รบกับฮิซบอลเลาะห์ และปิดผนึกพื้นที่ชายแดน ตามหลังปฏิบัติการสังหารผู้นำพวกติดอาวุธกลุ่มนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เตือนว่าการสู้รบยังไม่จบ แม้ว่าปฏิบัติการโจมตีถล่มกรุงเบรุตเมื่อวันศุกร์ (27 ก.ต.) จะปลิดชีพ ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำของฮิซบอลเลาะห์ ก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่พวกติดอาวุธกลุ่มนี้
    .
    บรรดาผู้นำโลกเรียกร้องใช้หนทางด้านการทูตลดสถานการณ์ความตึงเครียด ในนั้นรวมถึง สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่บอกว่า "เราไม่ต้องการเห็นการรุกรานทางภาคพื้นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม"
    .
    ดูจาร์ริก เผยด้วยว่ากองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน ไม่สามารถปฏิบัติการลาดตระเวนได้อีกต่อไป เนื่องจากห่าจรวดที่ทั้ง 2 ฝ่ายยิงตอบโต้กันไปมาอย่างหนักหน่วง
    .
    แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลแจ้งกับเราว่า ปัจจุบันพวกเขากำลังปฏิบัติการอย่างจำกัด เล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ใกล้ชายแดน"
    .
    นาอิม ฮัสเซม รองหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การตายของนัสรัลเลาะห์ ระบุว่านักรบฮิซบอลเลาะห์ "พร้อมหากอิสราเอลตัดสินใจบุกเข้ามาทางภาคพื้น"
    .
    กองทัพแห่งชาติเลบานอน ซึ่งมีแสนยานุภาพทางทหารน้อยกว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กำลังปรับเปลี่ยนฐานที่มั่นออกห่างจากชายแดนมากขึ้น เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกองทัพเปิดเผยกับเอเอฟพี
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ชาติผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญของอิสราเอล บ่งชี้ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่าเขาคัดค้านการรุกรานทางภาคพื้นของอิสราเอล "เราควรมีข้อตกลงหยุดยิงได้แล้วในตอนนี้"
    .
    ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางเดือน อิสราเอลเริ่มเปิดฉากโจมตีทางอากาศนองเลือดเป็นชุดๆ เล่นงานฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน และในวันศุกร์ (27 ก.ย.) ได้ทิ้งบอมบ์สังหาร นัสรัลเลาะห์ ในกรุงเบรุต
    .
    ในภาคเหนือของอิสราเอล ใกล้ชายแดนเลบานอน กัลแลนท์ บอกว่า "เราจะใช้ทุกวิถีทางที่อาจจำเป็น ทั้งทางอากาศ ทางทะเลและภาคพื้น เพื่อกอบกู้ความสงบคืนกลับมา" เขาบอกว่าการสังหารนัสรัลเลาะห์ "เป็นก้าวย่างที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ปฏิบัติการท้ายสุด"
    .
    พวกฮิซบอลเลาะห์เริ่มปฏิบัติการโจมตีแบบไม่หนักหน่วง เล่นงานทหารอิสราเอล หนึ่งวันหลังจากพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาส พันธมิตรของพวกเขาลงมือจู่โจมเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย โหมกระพือการแก้แค้นของอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา ปลิดชีพผู้คนไปมากกว่า 41,000 คน
    .
    การปะทะตามแนวชายแดนลุกลามบายปลายอย่างรวดเร็วในเดือนนี้ ส่งผลให้ประชาชนทั่วภูมิภาคตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว กังวลว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงและขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    อิสราเอลประกาศเมื่อช่วงต้นเดือนว่ากำลังเบี่ยงโฟกัสจากกาซา มาเป็นการปกป้องชายแดนทางเหนือของประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่เลบานอนเผยว่า ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลเล่นงานเลบานอน ได้ปลิดชีพผู้คนไปหลายร้อยรายในสัปดาห์ที่แล้ว และบีบให้ชาวบ้านราว 1 ล้านคนต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือน
    .
    ฮิซบอลเลาะห์และพวกติดอาวุธกลุ่มอื่นๆ ยิงจรวด โดรนและขีปนาวุธบางส่วนเข้าใส่อิสราเอลในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
    .
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวหาคู่อริอย่างอิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ว่ากำลังฉุดภูมิภาคแถบนี้ถลำลึกเข้าสู่สงคราม "ไม่มีที่ไหนในตะวันออกกลางที่อิสราเอลเอื้อมไม่ถึง" เขาเตือน
    .
    อิหร่าน เคยบอกว่าการสังหารนัสรัลเลาะห์ จะนำมาซึ่งการทำลายล้างอิสราเอล แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศระบุในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่าอิหร่านจะไม่ได้ส่งนักรบไหนๆ ไปเผชิญหน้ากับอิสราเอล
    .
    ในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอล โดนอาคารหลังหนึ่งในกรุงเบรุต ซึ่งทางกลุ่มติดอาวุธบอกว่ามันสังหารสมาชิกของพวกเขาไป 3 ราย ทั้งนี้การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการโจมตีย่านใจกลางเมืองหลวงของเลบานอนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โหมกระพือความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
    .
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยว่ามีผู้คนมากกว่า 1,000 ราย ที่ถูกสังหารนับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ขณะที่ ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่ามีชาวบ้านต้องไร้ถิ่นฐานภายในเลบานอนอีกกว่า 200,000 คน และอีกกว่า 100,000 คน หลบหนีเข้าไปยังซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้าน
    .
    นาจิบ มากาติ นายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงบนพื้นฐานข้อเสนอของสหรัฐฯ-ฝรั่งเศสเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมเรียกร้อง "หยุดการรุกรานเลบานอนของอิสราเอล"
    .
    โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป กล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินของบรรดาผู้แทนทูตระดับสูงของกลุ่ม เตือนว่าการแทรกแซงทางทหารใดๆจะซ้ำเติมสถานการณ์อย่างฉับพลันและมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ "อธิปไตยของทั้งอิสราเอลและเลบานอนจำเป็นต้องได้รับการรับประกัน"
    .
    ฌอง โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นนักการทูตระดับสูงคนแรกที่เดินทางเยือนกรุงเบรุต นับตั้งแต่อิสราเอลยกระดับโจมตีอย่างหนักหน่วง เรียกร้องในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ร้องขออิสราเอลอดทนอดกลั้นจากการรุกรานทางภาคพื้น "ยังคงมีความหวัง แต่เหลือเวลาอีกน้อยนิด"
    .
    แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าการทูตคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับภูมิภาคแถบนี้ "วอชิงตันจะยังคงเดินหน้าทำงาน เพื่อมุ่งหน้าสู่ทางออกทางการทูต สำหรับชายแดนอิสราเอล-เลบานอน และสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและข้อตกลงปล่อยตัวประกัน"
    .
    ในกาซา พวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าจำนวนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000092352
    ..................
    Sondhi X
    กองกำลังอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการรุกรานอย่างจำกัดเข้าไปยังเลบานอนแล้ว จากการเปิดเผยของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (30 ก.ย.) หลังอิสราเอลประกาศเดินหน้าสู้รบกับฮิซบอลเลาะห์ และปิดผนึกพื้นที่ชายแดน ตามหลังปฏิบัติการสังหารผู้นำพวกติดอาวุธกลุ่มนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เตือนว่าการสู้รบยังไม่จบ แม้ว่าปฏิบัติการโจมตีถล่มกรุงเบรุตเมื่อวันศุกร์ (27 ก.ต.) จะปลิดชีพ ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำของฮิซบอลเลาะห์ ก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่พวกติดอาวุธกลุ่มนี้ . บรรดาผู้นำโลกเรียกร้องใช้หนทางด้านการทูตลดสถานการณ์ความตึงเครียด ในนั้นรวมถึง สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่บอกว่า "เราไม่ต้องการเห็นการรุกรานทางภาคพื้นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม" . ดูจาร์ริก เผยด้วยว่ากองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน ไม่สามารถปฏิบัติการลาดตระเวนได้อีกต่อไป เนื่องจากห่าจรวดที่ทั้ง 2 ฝ่ายยิงตอบโต้กันไปมาอย่างหนักหน่วง . แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลแจ้งกับเราว่า ปัจจุบันพวกเขากำลังปฏิบัติการอย่างจำกัด เล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ใกล้ชายแดน" . นาอิม ฮัสเซม รองหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่การตายของนัสรัลเลาะห์ ระบุว่านักรบฮิซบอลเลาะห์ "พร้อมหากอิสราเอลตัดสินใจบุกเข้ามาทางภาคพื้น" . กองทัพแห่งชาติเลบานอน ซึ่งมีแสนยานุภาพทางทหารน้อยกว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กำลังปรับเปลี่ยนฐานที่มั่นออกห่างจากชายแดนมากขึ้น เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกองทัพเปิดเผยกับเอเอฟพี . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ชาติผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญของอิสราเอล บ่งชี้ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่าเขาคัดค้านการรุกรานทางภาคพื้นของอิสราเอล "เราควรมีข้อตกลงหยุดยิงได้แล้วในตอนนี้" . ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางเดือน อิสราเอลเริ่มเปิดฉากโจมตีทางอากาศนองเลือดเป็นชุดๆ เล่นงานฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน และในวันศุกร์ (27 ก.ย.) ได้ทิ้งบอมบ์สังหาร นัสรัลเลาะห์ ในกรุงเบรุต . ในภาคเหนือของอิสราเอล ใกล้ชายแดนเลบานอน กัลแลนท์ บอกว่า "เราจะใช้ทุกวิถีทางที่อาจจำเป็น ทั้งทางอากาศ ทางทะเลและภาคพื้น เพื่อกอบกู้ความสงบคืนกลับมา" เขาบอกว่าการสังหารนัสรัลเลาะห์ "เป็นก้าวย่างที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ปฏิบัติการท้ายสุด" . พวกฮิซบอลเลาะห์เริ่มปฏิบัติการโจมตีแบบไม่หนักหน่วง เล่นงานทหารอิสราเอล หนึ่งวันหลังจากพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาส พันธมิตรของพวกเขาลงมือจู่โจมเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สังหารผู้คนไปราว 1,200 ราย โหมกระพือการแก้แค้นของอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา ปลิดชีพผู้คนไปมากกว่า 41,000 คน . การปะทะตามแนวชายแดนลุกลามบายปลายอย่างรวดเร็วในเดือนนี้ ส่งผลให้ประชาชนทั่วภูมิภาคตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว กังวลว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงและขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ . อิสราเอลประกาศเมื่อช่วงต้นเดือนว่ากำลังเบี่ยงโฟกัสจากกาซา มาเป็นการปกป้องชายแดนทางเหนือของประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่เลบานอนเผยว่า ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลเล่นงานเลบานอน ได้ปลิดชีพผู้คนไปหลายร้อยรายในสัปดาห์ที่แล้ว และบีบให้ชาวบ้านราว 1 ล้านคนต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือน . ฮิซบอลเลาะห์และพวกติดอาวุธกลุ่มอื่นๆ ยิงจรวด โดรนและขีปนาวุธบางส่วนเข้าใส่อิสราเอลในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต . เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวหาคู่อริอย่างอิหร่าน ซึ่งให้การสนับสนุนฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ว่ากำลังฉุดภูมิภาคแถบนี้ถลำลึกเข้าสู่สงคราม "ไม่มีที่ไหนในตะวันออกกลางที่อิสราเอลเอื้อมไม่ถึง" เขาเตือน . อิหร่าน เคยบอกว่าการสังหารนัสรัลเลาะห์ จะนำมาซึ่งการทำลายล้างอิสราเอล แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศระบุในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ว่าอิหร่านจะไม่ได้ส่งนักรบไหนๆ ไปเผชิญหน้ากับอิสราเอล . ในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอล โดนอาคารหลังหนึ่งในกรุงเบรุต ซึ่งทางกลุ่มติดอาวุธบอกว่ามันสังหารสมาชิกของพวกเขาไป 3 ราย ทั้งนี้การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการโจมตีย่านใจกลางเมืองหลวงของเลบานอนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โหมกระพือความตื่นตระหนกแก่ประชาชน . กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน เปิดเผยว่ามีผู้คนมากกว่า 1,000 ราย ที่ถูกสังหารนับตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ขณะที่ ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่ามีชาวบ้านต้องไร้ถิ่นฐานภายในเลบานอนอีกกว่า 200,000 คน และอีกกว่า 100,000 คน หลบหนีเข้าไปยังซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้าน . นาจิบ มากาติ นายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องข้อตกลงหยุดยิงบนพื้นฐานข้อเสนอของสหรัฐฯ-ฝรั่งเศสเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมเรียกร้อง "หยุดการรุกรานเลบานอนของอิสราเอล" . โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป กล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินของบรรดาผู้แทนทูตระดับสูงของกลุ่ม เตือนว่าการแทรกแซงทางทหารใดๆจะซ้ำเติมสถานการณ์อย่างฉับพลันและมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ "อธิปไตยของทั้งอิสราเอลและเลบานอนจำเป็นต้องได้รับการรับประกัน" . ฌอง โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นนักการทูตระดับสูงคนแรกที่เดินทางเยือนกรุงเบรุต นับตั้งแต่อิสราเอลยกระดับโจมตีอย่างหนักหน่วง เรียกร้องในวันจันทร์ (30 ก.ย.) ร้องขออิสราเอลอดทนอดกลั้นจากการรุกรานทางภาคพื้น "ยังคงมีความหวัง แต่เหลือเวลาอีกน้อยนิด" . แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าการทูตคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับภูมิภาคแถบนี้ "วอชิงตันจะยังคงเดินหน้าทำงาน เพื่อมุ่งหน้าสู่ทางออกทางการทูต สำหรับชายแดนอิสราเอล-เลบานอน และสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและข้อตกลงปล่อยตัวประกัน" . ในกาซา พวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าจำนวนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000092352 .................. Sondhi X
    Like
    Sad
    10
    0 Comments 1 Shares 685 Views 0 Reviews
  • สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี #ทรงฉลองพระองค์ชุดบานง โทนสีม่วง ในโอกาสตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
    --
    สำหรับชุด “บานง” #เป็นเครื่องแต่งกายของสตรีไทยมุสลิมตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งมีความสวยงามและมีเสน่ห์ชวนมอง คำว่า “บานง” มาจาก #ภาษามลายูกลาง ว่า “บันดง” หมายถึง เมืองทางตะวันตกของเกาะชวา
    --
    #ชุดบานง เป็นชุดพื้นเมืองดั้งเดิมที่สตรีไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส นิยมสวมใส่ในงานประเพณีหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา เช่น พิธีนิก๊ะ งานรอมฏอน วันฮารีรายอ งานวันเมาลิด และการแสดงต่าง ๆ เป็นต้น นิยมสวมใส่กับผ้าถุงปาเต๊ะ กระโปรงป้าย หรือกระโปรง จีบหน้านาง

    #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ


    @เรารักราชวงศ์จักรี
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี #ทรงฉลองพระองค์ชุดบานง โทนสีม่วง ในโอกาสตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา -- สำหรับชุด “บานง” #เป็นเครื่องแต่งกายของสตรีไทยมุสลิมตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งมีความสวยงามและมีเสน่ห์ชวนมอง คำว่า “บานง” มาจาก #ภาษามลายูกลาง ว่า “บันดง” หมายถึง เมืองทางตะวันตกของเกาะชวา -- #ชุดบานง เป็นชุดพื้นเมืองดั้งเดิมที่สตรีไทยมุสลิมในจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส นิยมสวมใส่ในงานประเพณีหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา เช่น พิธีนิก๊ะ งานรอมฏอน วันฮารีรายอ งานวันเมาลิด และการแสดงต่าง ๆ เป็นต้น นิยมสวมใส่กับผ้าถุงปาเต๊ะ กระโปรงป้าย หรือกระโปรง จีบหน้านาง #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ @เรารักราชวงศ์จักรี
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • ♣ โทนี่ถอยทัพ แก้ไข รธน. ชนะโดยไม่ต้องรบ แม้ต้องรบก็เสียหายน้อย
    #7ดอกจิก
    ♣ โทนี่ถอยทัพ แก้ไข รธน. ชนะโดยไม่ต้องรบ แม้ต้องรบก็เสียหายน้อย #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 329 Views 119 0 Reviews
  • 🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗

    คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด

    1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel

    อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ

    📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม

    จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน

    🏨

    รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น

    🏨

    เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ

    🏨

    นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้

    🏨

    ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้

    งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ

    🏨

    ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ

    🏨

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ

    🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง

    เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย

    🏨

    เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ

    🏨

    แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี

    🏨

    จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

    หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง

    บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน.

    .........................................

    2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve

    เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาย่อของเล่มนี้

    ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์

    🏨

    เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี

    🏨

    ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้

    🏨

    ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น

    🏨

    ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

    ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น

    ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น

    นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ

    ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว

    ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า

    นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี

    ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย

    📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ

    ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด

    ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ

    #thaitimes
    #หนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #นิยายสืบสวน
    #สืบสวน
    #คดีฆาตกรรม
    #งานโรงแรม
    #พนักงานต้อนรับ
    #ตำรวจ
    #นักสืบ
    #ลูกค้า
    #งานบริการ
    #อาชีพ
    #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗ คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด 1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ 📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน 🏨 รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น 🏨 เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ 🏨 นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้ 🏨 ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้ งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ 🏨 ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ 🏨 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ 🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย 🏨 เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ 🏨 แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี 🏨 จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน. ......................................... 2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาย่อของเล่มนี้ ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์ 🏨 เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี 🏨 ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้ 🏨 ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น 🏨 ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย 📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ #thaitimes #หนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายสืบสวน #สืบสวน #คดีฆาตกรรม #งานโรงแรม #พนักงานต้อนรับ #ตำรวจ #นักสืบ #ลูกค้า #งานบริการ #อาชีพ #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    0 Comments 0 Shares 966 Views 0 Reviews
  • Cupcake 9 ชิ้น โทนสีพาสเทล น่ารัก น่ารับประทาน 🤭
    Cupcake 9 ชิ้น โทนสีพาสเทล น่ารัก น่ารับประทาน 🤭
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • แอนโทนี บลิงเคนหาทางปิดปากสื่อให้อิสราเอล:

    อิสราเอลให้นายบลิงเคนทำตั้งแต่ปีที่แล้ว

    นายแอนโทนี่ บลิงเคน เดินทางไปขอให้รัฐบาลกาต้าร์เพลาๆ การนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอิสราเอลรุกรานปาเลสไตน์ เพราะอิสราเอลแอบก่อการร้ายอยู่ลับหลัง แต่ฉากหน้าพยายามปล่อยข่าวล้างสมองผู้คนว่า ๑.กองทัพอิสราเอลเป็นกองทัพที่มีศีลธรรมที่สุด ๒.ประเทศตนเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สุดในตะวันออกกลาง ๓.ประเทศของตนรักสงบ ไม่อยากมีกรณีพิพาทกับประเทศไหนๆ

    แต่ในข้อเท็จจริง รุกรานแผ่นดินปาเลสไตน์ตลอดเวลา ทิ้งระเบิดใส่ประเทศซีเรียตลอดเวลา หาทางรุกรานประเทศเลบานอนตลอดเวลา

    พอสื่อต่างๆ แฉอาชญากรรมของรัฐบาลอิสราเอลซึ่งตรงข้ามกับภาพที่สร้าง รัฐบาลอิสราเอลจึงรับไม่ได้และสั่งให้อเมริกาใช้อิทธิพลปิดสำนักสื่อต่างๆ เช่น RT และ Sputnik สั่งปิดติ๊กต๊อกของจีน สั่งให้ลบหรือปิดเวปไซต์ต่างๆ ที่ลงข่าวแฉอาชญากรรมของอิสราเอล

    ตอนนี้ รัฐบาลอิสราเอลกำลังให้อเมริกาบีบสำนักข่าวอัลจารีซ่าในกาต้าร์ให้ลดการลงข่าวอาชญากรรมที่รัฐบาลอิสราเอลทำที่ในที่ต่างๆ ลง ไม่อยากให้โลกรู้ความจริง


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    แอนโทนี บลิงเคนหาทางปิดปากสื่อให้อิสราเอล: อิสราเอลให้นายบลิงเคนทำตั้งแต่ปีที่แล้ว นายแอนโทนี่ บลิงเคน เดินทางไปขอให้รัฐบาลกาต้าร์เพลาๆ การนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอิสราเอลรุกรานปาเลสไตน์ เพราะอิสราเอลแอบก่อการร้ายอยู่ลับหลัง แต่ฉากหน้าพยายามปล่อยข่าวล้างสมองผู้คนว่า ๑.กองทัพอิสราเอลเป็นกองทัพที่มีศีลธรรมที่สุด ๒.ประเทศตนเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สุดในตะวันออกกลาง ๓.ประเทศของตนรักสงบ ไม่อยากมีกรณีพิพาทกับประเทศไหนๆ แต่ในข้อเท็จจริง รุกรานแผ่นดินปาเลสไตน์ตลอดเวลา ทิ้งระเบิดใส่ประเทศซีเรียตลอดเวลา หาทางรุกรานประเทศเลบานอนตลอดเวลา พอสื่อต่างๆ แฉอาชญากรรมของรัฐบาลอิสราเอลซึ่งตรงข้ามกับภาพที่สร้าง รัฐบาลอิสราเอลจึงรับไม่ได้และสั่งให้อเมริกาใช้อิทธิพลปิดสำนักสื่อต่างๆ เช่น RT และ Sputnik สั่งปิดติ๊กต๊อกของจีน สั่งให้ลบหรือปิดเวปไซต์ต่างๆ ที่ลงข่าวแฉอาชญากรรมของอิสราเอล ตอนนี้ รัฐบาลอิสราเอลกำลังให้อเมริกาบีบสำนักข่าวอัลจารีซ่าในกาต้าร์ให้ลดการลงข่าวอาชญากรรมที่รัฐบาลอิสราเอลทำที่ในที่ต่างๆ ลง ไม่อยากให้โลกรู้ความจริง ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • ♣ โทนี่-ธร ล่อเสือออกจากถ้ำ ด้วยการนิรโทษฯล้างผิด และแก้รธน.ห้ามยุบพรรค
    #7ดอกจิก
    ♣ โทนี่-ธร ล่อเสือออกจากถ้ำ ด้วยการนิรโทษฯล้างผิด และแก้รธน.ห้ามยุบพรรค #7ดอกจิก
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 313 Views 208 0 Reviews
  • ไชโยๆๆ กุลวฒิ วิทิตศานต์ ชนะ แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง จากอินโดนีเซีย รอบ8คนสุดท้าย พรุ่งนี้วิวจะเข้าชิงรอบรองชนะเลิศกับ Kodai จากญี่ปุ่นในศึกแข่งขันแบตมินตัน Victor China Open2024

    #Thaitimes
    ไชโยๆๆ กุลวฒิ วิทิตศานต์ ชนะ แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง จากอินโดนีเซีย รอบ8คนสุดท้าย พรุ่งนี้วิวจะเข้าชิงรอบรองชนะเลิศกับ Kodai จากญี่ปุ่นในศึกแข่งขันแบตมินตัน Victor China Open2024 #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    8
    1 Comments 0 Shares 1467 Views 0 Reviews
  • ♣ โทนี่เตรียมเขมือบ แหล่งปิโตรเลียม พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
    #7ดอกจิก
    ♣ โทนี่เตรียมเขมือบ แหล่งปิโตรเลียม พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    4
    0 Comments 2 Shares 416 Views 114 0 Reviews
  • #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า
    เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ

    สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท
    แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์
    ภาพประกอบโดย ศศิ

    เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง

    หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี

    เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน

    เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้

    ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้

    การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่

    แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง

    ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด

    เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน

    ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น

    แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

    อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด

    ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก

    สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #สืบสวน
    #ฆาตกรรม
    #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ
    #หนังสือแนะนำ
    #18+
    #ความรุนแรง
    #เนื้อหาทางเพศ
    #thaitimes
    #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์ ภาพประกอบโดย ศศิ เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้ ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้ การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่ แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ . . . . . . . . . . . . . . นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #สืบสวน #ฆาตกรรม #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ #หนังสือแนะนำ #18+ #ความรุนแรง #เนื้อหาทางเพศ #thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 849 Views 0 Reviews
  • หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย

    อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป

    ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา”

    “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว

    นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม

    วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้

    ที่มา RT
    หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา” “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้ ที่มา RT
    Like
    12
    2 Comments 0 Shares 1290 Views 0 Reviews
  • อีลอน มัสก์ "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" โพสต์ X หวั่น! ไบเดน-แฮร์ริสเตรียมปลุกสงครามโลก เปิดทางยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มรัสเซีย บลิงเคนเตรียมแถลงข่าว ขณะที่ปูตินเตือนหนักหากนาโต้ร่วมศึก อังกฤษยังลังเล สหรัฐไม่สนใจเสียงคัดค้าน

    14 กันยายน 2567-imctnews รายงานว่า Wall Street Silver แอคเคาท์ชื่อดังบน X (ทวิตเตอร์เดิม) ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมาลา แฮร์ริส กำลังเตรียมการที่จะก่อสงครามโลกในสุดสัปดาห์นี้ โดยการเปิดทางให้ยูเครนสามารถยิงขีปนาวุธเข้าไปในแผ่นดินของรัสเซียได้ พร้อมทั้งมีกำหนดการว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน จะออกมาแถลงการณ์ในวันพรุ่งนี้ ถึงการอนุมัติให้ยูเครนสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้โดยใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้

    ต่อมาไม่นาน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ก็ได้เข้ามาตอบโพสต์ดังกล่าวว่า "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" (I have a bad feeling about this.) ซึ่งเป็นประโยคเดียวกับที่ตัวละครฮีโร่อย่าง Han Solo ในภาพยนตร์ Star Wars เคยพูดขณะที่เผชิญหน้ากับ Death Star อาวุธอวกาศสุดโหดที่สามารถทำลายล้างทั้งดาวได้ในพริบตา เปรียบได้กับอำนาจการทำลายล้างของเพนตากอน ทั้งนี้ ล่าสุด BBC รายงานว่า นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ หลังจากได้เข้าพบกับประธานาธิบดีไบเดน ก็ยังไม่มีการส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย

    ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนชาติตะวันตกว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการเข้าร่วมในสงครามโดยตรงของนาโต และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับท่าทีของปูติน ไบเดนเองก็ตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนว่า "ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับวลาดิมีร์ ปูติน" ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ฝ่ายสหรัฐฯ อาจไม่สนใจต่อเสียงคัดค้านของรัสเซียและพร้อมจะอนุมัติให้ยูเครนยิงถล่มรัสเซียจริงๆ แม้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งใหม่ก็ตาม

    ที่มา
    https://www.facebook.com/share/p/p91zeJWcZ6j85vVc/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    อีลอน มัสก์ "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" โพสต์ X หวั่น! ไบเดน-แฮร์ริสเตรียมปลุกสงครามโลก เปิดทางยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มรัสเซีย บลิงเคนเตรียมแถลงข่าว ขณะที่ปูตินเตือนหนักหากนาโต้ร่วมศึก อังกฤษยังลังเล สหรัฐไม่สนใจเสียงคัดค้าน 14 กันยายน 2567-imctnews รายงานว่า Wall Street Silver แอคเคาท์ชื่อดังบน X (ทวิตเตอร์เดิม) ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมาลา แฮร์ริส กำลังเตรียมการที่จะก่อสงครามโลกในสุดสัปดาห์นี้ โดยการเปิดทางให้ยูเครนสามารถยิงขีปนาวุธเข้าไปในแผ่นดินของรัสเซียได้ พร้อมทั้งมีกำหนดการว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน จะออกมาแถลงการณ์ในวันพรุ่งนี้ ถึงการอนุมัติให้ยูเครนสามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้โดยใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้ ต่อมาไม่นาน อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ก็ได้เข้ามาตอบโพสต์ดังกล่าวว่า "ผมมีความรู้สึกแย่กับสิ่งนี้" (I have a bad feeling about this.) ซึ่งเป็นประโยคเดียวกับที่ตัวละครฮีโร่อย่าง Han Solo ในภาพยนตร์ Star Wars เคยพูดขณะที่เผชิญหน้ากับ Death Star อาวุธอวกาศสุดโหดที่สามารถทำลายล้างทั้งดาวได้ในพริบตา เปรียบได้กับอำนาจการทำลายล้างของเพนตากอน ทั้งนี้ ล่าสุด BBC รายงานว่า นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ หลังจากได้เข้าพบกับประธานาธิบดีไบเดน ก็ยังไม่มีการส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ออกมาเตือนชาติตะวันตกว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการเข้าร่วมในสงครามโดยตรงของนาโต และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับท่าทีของปูติน ไบเดนเองก็ตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนว่า "ผมไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับวลาดิมีร์ ปูติน" ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ฝ่ายสหรัฐฯ อาจไม่สนใจต่อเสียงคัดค้านของรัสเซียและพร้อมจะอนุมัติให้ยูเครนยิงถล่มรัสเซียจริงๆ แม้อาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งใหม่ก็ตาม ที่มา https://www.facebook.com/share/p/p91zeJWcZ6j85vVc/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    1 Comments 0 Shares 732 Views 0 Reviews
  • 🤡 🤣บลิงเคน ประณามการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของนักข่าวชาวรัสเซีย🤣 ("ความสามารถทางไซเบอร์")

    “ด้วยข้อมูลใหม่ซึ่ง, ส่วนใหญ่มาจากพนักงานของ RT, เราจึงรู้ว่า RT มีศักยภาพทางไซเบอร์,” แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศเปิดเผยด้วยความกังวล

    🤣มีข่าวลือว่าการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปเพื่อตรวจสอบว่านักข่าวชาวรัสเซียมีความสามารถในการส่งและรับอีเมลหรือแม้แต่ข้อความหรือไม่... 🤣
    .
    🤡 Blinken denounces Russian journalists' internet access ("cyber capabilities")

    “Thanks to new information, much of which originates from RT employees, we know that RT possessed cyber capabilities,” Secretary of State Antony Blinken revealed forebodingly.

    Rumor has it investigation remains ongoing to determine whether Russian journalists also possess the ability to send and receive email or even text messages...
    .
    4:22 AM · Sep 14, 2024 · 2,941 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834704179526615282
    🤡 🤣บลิงเคน ประณามการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของนักข่าวชาวรัสเซีย🤣 ("ความสามารถทางไซเบอร์") “ด้วยข้อมูลใหม่ซึ่ง, ส่วนใหญ่มาจากพนักงานของ RT, เราจึงรู้ว่า RT มีศักยภาพทางไซเบอร์,” แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศเปิดเผยด้วยความกังวล 🤣มีข่าวลือว่าการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปเพื่อตรวจสอบว่านักข่าวชาวรัสเซียมีความสามารถในการส่งและรับอีเมลหรือแม้แต่ข้อความหรือไม่... 🤣 . 🤡 Blinken denounces Russian journalists' internet access ("cyber capabilities") “Thanks to new information, much of which originates from RT employees, we know that RT possessed cyber capabilities,” Secretary of State Antony Blinken revealed forebodingly. Rumor has it investigation remains ongoing to determine whether Russian journalists also possess the ability to send and receive email or even text messages... . 4:22 AM · Sep 14, 2024 · 2,941 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834704179526615282
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 307 Views 71 0 Reviews
  • ♣ โทนี่-ธนาธร เอาแน่ แก้ไข รธน. ฉบับปราบเกิน
    #7ดอกจิก
    ♣ โทนี่-ธนาธร เอาแน่ แก้ไข รธน. ฉบับปราบเกิน #7ดอกจิก
    Angry
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 439 Views 224 0 Reviews
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1]

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox) 2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1] เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2] จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4] ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3] เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3] แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3] คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่ ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน) และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6] ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3] โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3] ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3] การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3] นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่ โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7] ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7] จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8] นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย   1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ 2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8] เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9] อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15] นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16] หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้ โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17] หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 12 กันยายน 2567 อ้างอิง [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0. [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017 https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558 https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977 [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/ [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024 https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567 https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567 https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577 [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798 [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335 [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723 [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒
    Like
    Love
    Yay
    131
    3 Comments 4 Shares 3400 Views 3 Reviews
  • มีข้อมูลมาบอกว่าทำไมตะวันถึงกลับมาป่วน
    ก็ตามภาพข่าวตะวันถูกร้องถอนประกัน
    เพราะอิพ่อมันเคยบอกศาลว่าขอประกัน
    จะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและไม่ให้มาป่วนชาติอีก
    จะเอาไปเรียนหนังสือบลาๆๆๆ
    ทั้งๆที่ผิดกรณีฝ่าฝืนคำสั่งศาล
    พรรคส้มก็โหนว่าเป็นเรื่อง 112
    แต่ศาลท่านก็เมตตาหวังให้มันกลับเนื้อกลับตัว
    คำถามคือ ตะวันทะลุวังออกมาป่วนแบบนี้
    มันไม่รู้เหรอว่าต้องถูกถอนประกัน
    ตอบคือรู้แต่กรูจะทำ เพราะพรรคส้มเริ่มแผนใหม่
    ไฟเขียวให้ตะวันเป็นตัวอย่าง
    เนื่องจากธนาธรมั่นใจในการจับมือกับโทนี่
    ให้นิรโทษ 112 ทั้งธร ทั้งแม๊ว และบริวารของธร
    รวมถึงกลุ่มทะลุวัง ถือว่าเป็นเคสตัวอย่าง
    ว่าตะวันยังกล้า เพราะที่ผ่านมาหลังอิบุ้งช้างลากตุย
    ก็ไม่มีกลุ่มไหนกล้าห้าวมาแบบยาวๆแม้แต่วันยุบพรรค
    ก็ไม่สามารถเรียกใครมาได้เลย
    รอบนี้ พ่อตะวันได้ไปหลาย อัดฉีดกับเต็มที่
    ก็งบผ่านฑูตอเมกาเช่นเคย คาดว่าไม่น้อยกว่าเพนกวิ้น
    ที่รวยจุก
    ก็ต้องรอดูต่อไปว่า กลุ่มป่วนเมืองจะทะยอยออกมาอีกมากแค่ไหน
    อาจทำให้รำคาญตารำคาญใจกันบ้าง
    เพราะโทนี่ต้องพึ่งพาพวกนี้ให้ตัวเองพ้นผิดจริงๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    มีข้อมูลมาบอกว่าทำไมตะวันถึงกลับมาป่วน ก็ตามภาพข่าวตะวันถูกร้องถอนประกัน เพราะอิพ่อมันเคยบอกศาลว่าขอประกัน จะไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและไม่ให้มาป่วนชาติอีก จะเอาไปเรียนหนังสือบลาๆๆๆ ทั้งๆที่ผิดกรณีฝ่าฝืนคำสั่งศาล พรรคส้มก็โหนว่าเป็นเรื่อง 112 แต่ศาลท่านก็เมตตาหวังให้มันกลับเนื้อกลับตัว คำถามคือ ตะวันทะลุวังออกมาป่วนแบบนี้ มันไม่รู้เหรอว่าต้องถูกถอนประกัน ตอบคือรู้แต่กรูจะทำ เพราะพรรคส้มเริ่มแผนใหม่ ไฟเขียวให้ตะวันเป็นตัวอย่าง เนื่องจากธนาธรมั่นใจในการจับมือกับโทนี่ ให้นิรโทษ 112 ทั้งธร ทั้งแม๊ว และบริวารของธร รวมถึงกลุ่มทะลุวัง ถือว่าเป็นเคสตัวอย่าง ว่าตะวันยังกล้า เพราะที่ผ่านมาหลังอิบุ้งช้างลากตุย ก็ไม่มีกลุ่มไหนกล้าห้าวมาแบบยาวๆแม้แต่วันยุบพรรค ก็ไม่สามารถเรียกใครมาได้เลย รอบนี้ พ่อตะวันได้ไปหลาย อัดฉีดกับเต็มที่ ก็งบผ่านฑูตอเมกาเช่นเคย คาดว่าไม่น้อยกว่าเพนกวิ้น ที่รวยจุก ก็ต้องรอดูต่อไปว่า กลุ่มป่วนเมืองจะทะยอยออกมาอีกมากแค่ไหน อาจทำให้รำคาญตารำคาญใจกันบ้าง เพราะโทนี่ต้องพึ่งพาพวกนี้ให้ตัวเองพ้นผิดจริงๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 430 Views 0 Reviews
  • #ทำไมเพื่อไทยชาวใต้ไม่เลือก
    #เด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้แต่พี่คิงส์จะเหลาให้อ่านกันเพลินๆ
    จะเห็นว่าเพื่อไทยเป็นเหมือนพรรคต้องห้ามสำหรับชาวปักษ์ใต้
    ไม่ใช่ด้วยอคติหรืออุปทาน แต่มันคือความจริงที่โทนี่
    ได้สร้างบาดแผลในใจให้คนใต้ด้วยมือของโทนี่เอง
    มีทั้งใต้ตอนบน และใต้ตอนล่าง
    ในยุคที่โทนี่มีอำนาจเบร็ดเสร็จด้วยเสียงข้างมากที่สุด
    ลุงชวนเคยไปคุยกับชัชชาติซึ่งณเวลานั้นดูแลกระทรวงคมนาคม
    โดยลุงชวนขอให้ชัชชาติได้ทำการซ่อมแซมถนนสายใต้
    เพื่อให้ชาวบ้านภาคใต้มีความสะดวกในการเดินทาง
    ตอนแรกชัชชาติก็รับปากว่าจะดำเนินการให้
    แต่ตอนหลังก็ต้องแจ้งกับลุงชวนว่า
    ขออภัยจริงๆครับ นายหมายถึงโทนี่ ไม่อนุมัติ
    และโทนี่ก็ประกาศออกสื่อด้วยว่า
    จังหวัดไหนที่ไม่เลือกพรรคตัวเองเรื่องการพัฒนาเอาไว้ทีหลัง
    ซึ่งลุงชวนที่เป็นตัวแทนของเสียงคนใต้ก็ต้องเจ็บปวดกับคำตอบ
    และที่วันนี้ถนนหนทางได้เดินทางสะดวก ก็เกิดขึ้นในยุคปชป และยุคลุงตู่ที่ลุยซ่อมสร้างถนนทางใต้อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
    ในส่วนของภาคใต้ตอนล่าง
    ไม่อยากบรรยายเยอะ ให้ไปสืบค้นข้อมูล เรื่อง กรือเซะ ตากใบ
    ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดหญิงหม้าย และกำพร้ามากที่สุด
    โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันกษัตริย์
    สร้างโรงเรียนราชประชาณุเคราะห์ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้
    เพื่อรองรับดูแลให้เด็กกำพร้าในพื้นที่จากเหตุการเศร้าดังกล่าว
    ได้มีการศึกษาและมีชีวิตและโอกาสที่ก้าวต่อไปข้างหน้าได้
    ดังนั้นนี่คือเหตุผลหลักๆ
    ที่เพื่อไทยจะไม่มีวันเข้าไปครองใจคนใต้ได้
    ก็เพื่อสันดรของโทนี่ ที่สร้างไว
    แผลเป็นยังคงอยู่เพื่อย้ำเตือนใจคนใต้ทุกคน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ทำไมเพื่อไทยชาวใต้ไม่เลือก #เด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้แต่พี่คิงส์จะเหลาให้อ่านกันเพลินๆ จะเห็นว่าเพื่อไทยเป็นเหมือนพรรคต้องห้ามสำหรับชาวปักษ์ใต้ ไม่ใช่ด้วยอคติหรืออุปทาน แต่มันคือความจริงที่โทนี่ ได้สร้างบาดแผลในใจให้คนใต้ด้วยมือของโทนี่เอง มีทั้งใต้ตอนบน และใต้ตอนล่าง ในยุคที่โทนี่มีอำนาจเบร็ดเสร็จด้วยเสียงข้างมากที่สุด ลุงชวนเคยไปคุยกับชัชชาติซึ่งณเวลานั้นดูแลกระทรวงคมนาคม โดยลุงชวนขอให้ชัชชาติได้ทำการซ่อมแซมถนนสายใต้ เพื่อให้ชาวบ้านภาคใต้มีความสะดวกในการเดินทาง ตอนแรกชัชชาติก็รับปากว่าจะดำเนินการให้ แต่ตอนหลังก็ต้องแจ้งกับลุงชวนว่า ขออภัยจริงๆครับ นายหมายถึงโทนี่ ไม่อนุมัติ และโทนี่ก็ประกาศออกสื่อด้วยว่า จังหวัดไหนที่ไม่เลือกพรรคตัวเองเรื่องการพัฒนาเอาไว้ทีหลัง ซึ่งลุงชวนที่เป็นตัวแทนของเสียงคนใต้ก็ต้องเจ็บปวดกับคำตอบ และที่วันนี้ถนนหนทางได้เดินทางสะดวก ก็เกิดขึ้นในยุคปชป และยุคลุงตู่ที่ลุยซ่อมสร้างถนนทางใต้อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ในส่วนของภาคใต้ตอนล่าง ไม่อยากบรรยายเยอะ ให้ไปสืบค้นข้อมูล เรื่อง กรือเซะ ตากใบ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดหญิงหม้าย และกำพร้ามากที่สุด โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันกษัตริย์ สร้างโรงเรียนราชประชาณุเคราะห์ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ เพื่อรองรับดูแลให้เด็กกำพร้าในพื้นที่จากเหตุการเศร้าดังกล่าว ได้มีการศึกษาและมีชีวิตและโอกาสที่ก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ดังนั้นนี่คือเหตุผลหลักๆ ที่เพื่อไทยจะไม่มีวันเข้าไปครองใจคนใต้ได้ ก็เพื่อสันดรของโทนี่ ที่สร้างไว แผลเป็นยังคงอยู่เพื่อย้ำเตือนใจคนใต้ทุกคน #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • เคสมินิฮาร์ดนี้พี่คิงส์ไม่ติดบอกตรงๆ
    ก็น้อนยังเด็ก ถึงไม่ใช่ ดญ.
    แต่รู้ทั้งรู้ว่ายังเยาว์มากทางการเมือง
    น้องก็ด้วยความกตัญญู พ่อให้มาก็มา
    อาจมีติดภาพความเป็นเด็กๆไปบ้าง
    ก็เมตตาและอภัย
    สิ่งที่ต้องโฟกัสคือ สิ่งที่โทนี่คิด
    กับสิ่งที่น้อนกำลังจะทำมันอันเดียวกันหรือเปล่า
    ถ้ามันคืออันเดียวกัน แล้วทำประเทศชาติพัง
    อันนั้น จัดให้หนักไม่ต้องรอ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เคสมินิฮาร์ดนี้พี่คิงส์ไม่ติดบอกตรงๆ ก็น้อนยังเด็ก ถึงไม่ใช่ ดญ. แต่รู้ทั้งรู้ว่ายังเยาว์มากทางการเมือง น้องก็ด้วยความกตัญญู พ่อให้มาก็มา อาจมีติดภาพความเป็นเด็กๆไปบ้าง ก็เมตตาและอภัย สิ่งที่ต้องโฟกัสคือ สิ่งที่โทนี่คิด กับสิ่งที่น้อนกำลังจะทำมันอันเดียวกันหรือเปล่า ถ้ามันคืออันเดียวกัน แล้วทำประเทศชาติพัง อันนั้น จัดให้หนักไม่ต้องรอ #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews
  • โรงละครหรือโรงลิเกไม่รู้
    แต่ตอนนี้การซักฟอกรัฐบาลกลายเป็นซักฟอกกองทัพเฉย
    สุดท้ายทั้งกองทัพและเอกชนออกมาชี้แจง
    ถาดหลุมคนละเกรด เรทมันก็ต่างกัน
    ส้มบางตัว ให้ข้อความบิดเบือนมาเป็นเดือน
    พอกองทัพชี้แจงบอกขอบคุณ จบ แยกย้าย
    พอรู้สึกเสียฟอร์ม เลยมาเล่นเรื่องอาหารต่อ
    ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ไปสะดุดเท้าโทนี่
    เพื่อหวังแก้รัฐธรรมนูญ และหวังนิรโทษ 112
    อย่างเช่น กรณีลู่วิ่งตัวละเจ็ดแสนห้าของชัชชาติ
    ไม่ให้ส้มตัวไหนออกมาร้องแร่แห่กระเชิง
    แต่มาเสียเวลาสภาไปกับการให้ร้าย
    ว่าถาดอาหารมันแพงไปร้อยกว่าบาท
    เล่นลิเกเอาให้พองาม
    อย่าประเจิดประเจ้อ
    จนคนไทยเห็นชัดว่า ฝ่ายค้านไม่ได้เอาจริง
    หวังประโยชน์ส่วนตน แอบจุ๊บปากโทนี่
    หวังให้ช่วยเรื่องค-ดี 112 ที่หัวอกเดียวกัน
    ให้ร้ายสถาบันทั้งคู่
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    โรงละครหรือโรงลิเกไม่รู้ แต่ตอนนี้การซักฟอกรัฐบาลกลายเป็นซักฟอกกองทัพเฉย สุดท้ายทั้งกองทัพและเอกชนออกมาชี้แจง ถาดหลุมคนละเกรด เรทมันก็ต่างกัน ส้มบางตัว ให้ข้อความบิดเบือนมาเป็นเดือน พอกองทัพชี้แจงบอกขอบคุณ จบ แยกย้าย พอรู้สึกเสียฟอร์ม เลยมาเล่นเรื่องอาหารต่อ ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ไปสะดุดเท้าโทนี่ เพื่อหวังแก้รัฐธรรมนูญ และหวังนิรโทษ 112 อย่างเช่น กรณีลู่วิ่งตัวละเจ็ดแสนห้าของชัชชาติ ไม่ให้ส้มตัวไหนออกมาร้องแร่แห่กระเชิง แต่มาเสียเวลาสภาไปกับการให้ร้าย ว่าถาดอาหารมันแพงไปร้อยกว่าบาท เล่นลิเกเอาให้พองาม อย่าประเจิดประเจ้อ จนคนไทยเห็นชัดว่า ฝ่ายค้านไม่ได้เอาจริง หวังประโยชน์ส่วนตน แอบจุ๊บปากโทนี่ หวังให้ช่วยเรื่องค-ดี 112 ที่หัวอกเดียวกัน ให้ร้ายสถาบันทั้งคู่ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • เปิดหูเปิดตากันหน่อย
    จากการจับสังเกตุที่พรรคเฟี้ยวฟ้าวอย่างพรรคส้มเน่า
    ทำท่าขึงขังกับถาดหลุมจนค้านสายตาประชาชี แม้กระทั่งด้อมส้มเอง
    ก็ยังออกอาการ งง งง
    เรื่องของเรื่องคือ
    สิ่งที่โทนี่ และเจ้าของพรรคสีส้มตัวจริงคือธนาธร
    มีเป้าหมายที่เป็นจุดร่วมคือ
    1. การนิรโทษกรรมให้กับตัวเอง กรณี 112 เอาเข้าจริงๆ คนอย่างโทนี่ กับธนาธร ควรจะเป็นพ่อลูกกันมากกว่าอุ๊งอิ๊งซะอีก เพราะมีความคล้ายกันเอามากๆ นั่นคือ การอยากกลับมาเล่นเกมส์อำนาจด้วยตัวเอง ไม่ยอมเป็นคนที่อยู่หลังม่าน อาการคือมันไม่มันส์ ดังนั้น ถ้าหาทางให้เกิดนิรโทษกรรมกรณี 112 ได้ ทั้งสองก็จะกลับมาอยู่หน้าเวทีด้วยตัวเอง และยังติดสอยห้อยตามด้วยบรรดาทะลุวัง และบรรดาสส.พรรคส้มอีกเกือบครึ่งร้อยที่ปีกว่าๆก็จะเข้าซังเตหรือถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ดังนั้น ธนาธรรู้ดีว่า นาทีนี้ ควรสุ้หรือควรร่วมไม้ร่วมมือ เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ยังไง การร่วมมือจะได้ประโยชน์กว่า แม๊งก็ใช้ธรเป็นเครื่องมือ ธรก็ใช้แม๊วเป็นเครื่องมือ ศีลเสมอ ผู้ประสบเหตุร่วม บรรยากาศในสภาก็จะดูเป็นโรงลิเกอย่าแปลกใจ
    2. เป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือรื้อทั้งหมดทำใหม่ นั่นก็เพราะ ธนาธรหวังลึกๆว่าจะสามารถสอดไส้การแก้ไขมาตราที่ปกป้องสถาบันได้ไม่มากก็น้อย ส่งคนของตัวเองเข้ามามีส่วนในการร่างเยอะก็มีความเป็นไปได้ที่ฝันจะเป็นจริง ส่วนโทนี่ ก็ออกปากยอมรับกับคนรอบตัวว่า รัฐธรรมมนูญฉบับนี้ที่ร่างขึ้นทำให้โทนี่เองยากลำบากในการทำอะไรที่ตนเองต้องการหลายๆอย่าง ติดนั่น ติดนี่ มีองค์กรอิสระขวางต่างๆนาๆ รวมถึงการแก้ไขก็ยาก ต้องผ่านหลายด่าน ไม่เว้นแต่ประชามติอีกตะหาก ดังนั้นตั้งแต่โทนี่มาถึงประเทศไทย ไปยันชั้น 14 ลงมาเสนอลอยหน้าลอยตาในปัจจุบัน
    รู้หรือไม่ โทนี่ได้จัดทีมกฏหมายระดับประเทศไม่ใช่ 1 คน แต่เป็นฝูงในการรับใช้เพื่อปลดล็อคให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้โดยง่าย แม้ผู้ร่างจะล็อคไว้เป็นสิบชั้น แต่ฝูงนี้คือฝูงสะเดาะกุญแจของแท้
    ดังนั้น โปรดเข้าใจในท่าทีและลีลา
    อาจเหมือนเข้มข้นเรื่องอภิปราย แต่ก็เหมือนเอาไม้จิ้มขรี้แล้วกวนทราย
    ไม่มีสาระอะไรต่อประเทศชาติบ้านเมือง
    เพราะสองพรรคนี้ มีเป้าหมาย เดียวกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เปิดหูเปิดตากันหน่อย จากการจับสังเกตุที่พรรคเฟี้ยวฟ้าวอย่างพรรคส้มเน่า ทำท่าขึงขังกับถาดหลุมจนค้านสายตาประชาชี แม้กระทั่งด้อมส้มเอง ก็ยังออกอาการ งง งง เรื่องของเรื่องคือ สิ่งที่โทนี่ และเจ้าของพรรคสีส้มตัวจริงคือธนาธร มีเป้าหมายที่เป็นจุดร่วมคือ 1. การนิรโทษกรรมให้กับตัวเอง กรณี 112 เอาเข้าจริงๆ คนอย่างโทนี่ กับธนาธร ควรจะเป็นพ่อลูกกันมากกว่าอุ๊งอิ๊งซะอีก เพราะมีความคล้ายกันเอามากๆ นั่นคือ การอยากกลับมาเล่นเกมส์อำนาจด้วยตัวเอง ไม่ยอมเป็นคนที่อยู่หลังม่าน อาการคือมันไม่มันส์ ดังนั้น ถ้าหาทางให้เกิดนิรโทษกรรมกรณี 112 ได้ ทั้งสองก็จะกลับมาอยู่หน้าเวทีด้วยตัวเอง และยังติดสอยห้อยตามด้วยบรรดาทะลุวัง และบรรดาสส.พรรคส้มอีกเกือบครึ่งร้อยที่ปีกว่าๆก็จะเข้าซังเตหรือถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ดังนั้น ธนาธรรู้ดีว่า นาทีนี้ ควรสุ้หรือควรร่วมไม้ร่วมมือ เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ยังไง การร่วมมือจะได้ประโยชน์กว่า แม๊งก็ใช้ธรเป็นเครื่องมือ ธรก็ใช้แม๊วเป็นเครื่องมือ ศีลเสมอ ผู้ประสบเหตุร่วม บรรยากาศในสภาก็จะดูเป็นโรงลิเกอย่าแปลกใจ 2. เป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือรื้อทั้งหมดทำใหม่ นั่นก็เพราะ ธนาธรหวังลึกๆว่าจะสามารถสอดไส้การแก้ไขมาตราที่ปกป้องสถาบันได้ไม่มากก็น้อย ส่งคนของตัวเองเข้ามามีส่วนในการร่างเยอะก็มีความเป็นไปได้ที่ฝันจะเป็นจริง ส่วนโทนี่ ก็ออกปากยอมรับกับคนรอบตัวว่า รัฐธรรมมนูญฉบับนี้ที่ร่างขึ้นทำให้โทนี่เองยากลำบากในการทำอะไรที่ตนเองต้องการหลายๆอย่าง ติดนั่น ติดนี่ มีองค์กรอิสระขวางต่างๆนาๆ รวมถึงการแก้ไขก็ยาก ต้องผ่านหลายด่าน ไม่เว้นแต่ประชามติอีกตะหาก ดังนั้นตั้งแต่โทนี่มาถึงประเทศไทย ไปยันชั้น 14 ลงมาเสนอลอยหน้าลอยตาในปัจจุบัน รู้หรือไม่ โทนี่ได้จัดทีมกฏหมายระดับประเทศไม่ใช่ 1 คน แต่เป็นฝูงในการรับใช้เพื่อปลดล็อคให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้โดยง่าย แม้ผู้ร่างจะล็อคไว้เป็นสิบชั้น แต่ฝูงนี้คือฝูงสะเดาะกุญแจของแท้ ดังนั้น โปรดเข้าใจในท่าทีและลีลา อาจเหมือนเข้มข้นเรื่องอภิปราย แต่ก็เหมือนเอาไม้จิ้มขรี้แล้วกวนทราย ไม่มีสาระอะไรต่อประเทศชาติบ้านเมือง เพราะสองพรรคนี้ มีเป้าหมาย เดียวกัน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • ♣ ไอซ์รักชนก ด้อยค่าตัดงบฯ ศาลรัฐธรรมนูญ
    ส่งสัญญาณบอกโทนี่ พรรคปชช.พร้อมร่วมล้มอำนาจศาล
    #7ดอกจิก
    #ไอซ์รักชนก
    ♣ ไอซ์รักชนก ด้อยค่าตัดงบฯ ศาลรัฐธรรมนูญ ส่งสัญญาณบอกโทนี่ พรรคปชช.พร้อมร่วมล้มอำนาจศาล #7ดอกจิก #ไอซ์รักชนก
    Sad
    Like
    Angry
    7
    1 Comments 0 Shares 520 Views 246 0 Reviews
  • โทนี่ ดุดันจะไล่ลุงป้อมออกจากบ้านป่า อ้างน้ำฟรีไฟฟรีมานานกว่า 19 ปีแล้ว พร้อมเช็คบิลย้อนหลัง แร๊ง!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    โทนี่ ดุดันจะไล่ลุงป้อมออกจากบ้านป่า อ้างน้ำฟรีไฟฟรีมานานกว่า 19 ปีแล้ว พร้อมเช็คบิลย้อนหลัง แร๊ง! #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • เรื่องเกาะกูด ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มโน โทนี่ไปทอร์คที่เนชั่น ชัดเจน จะแบ่งทรัพยากรคนละครึ่งกับฮุนเซน ไอ่ฉัดเอ๊ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เรื่องเกาะกูด ไม่ใช่ข่าวลือ ไม่ใช่มโน โทนี่ไปทอร์คที่เนชั่น ชัดเจน จะแบ่งทรัพยากรคนละครึ่งกับฮุนเซน ไอ่ฉัดเอ๊ย #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    6
    0 Comments 0 Shares 478 Views 0 Reviews
  • เปิดปมที่มาความ คั่งของเจี๊ยบ
    เราจะเคยได้ยินวลีที่ว่า ไม่ได้มาแก้ไข แต่มาแก้ แ-ค้-น
    ที่เจี๊ยบใช้ตั้งแต่สมัยมาเป็นหัวโจกตัวแรกๆของพรรคอนาคตใหม่
    สามกีบก็ไม่รู้แหดรู้ตี๋เลยว่าอินี่หมายถึงอะไร
    แต่ก็เฮลั่น ลั่น หารู้ไม่ถูกอิเจี๊ยบอมเกียร์ใช้เป็นเครื่องมือ
    ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 20 ปีที่แล้ว
    ตอนนั้นเจี๊ยบก็ยังไม่เหี่ยวแบบนี้นะ
    แต่ก็จะสั้นๆแบบนี้ เวลาเดินกับใครต้องซอยเท้าถี่กว่าคนอื่นนิดนึง
    เจี๊ยบกว่าจะมีผรัวคนปัจจุบัน ผ่านมาหลายสนาม
    เจี๊ยบมีความรักกับชายผู้คิดมิดีต่อสถาบันอย่างสุดโต่ง
    ทั้งคลิป ทั้งปราศรัย ให้ความเท็จกระจายไปทั่ว
    โดยในเวลานั้น โทนี่ เป็นเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชนทั่วประเทศ
    ปลุก ระ ดม ให้คนในชาติมุ่งร้ายต่อสถาบัน
    แต่ด้วยกรรมที่ก่อ ทำให้สุดท้าย หายตัวไป
    นอนคุยกับรากมะม่วงแบบไม่สมัครใจ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้
    ว่าไปอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นไหน นี่แหละคือที่มา
    ของบรรทัดที่สองที่พิมพ์ไปแล้ว
    และที่เจี๊ยบไม่ยอมไปเพื่อไทย แต่กลับมาซุกก้าวไกล
    เพราะเพื่อไทย ยังสู้ไปกราบไปอยู่ ณ เวลานั้น
    รวมถึงโทนี่ ทิ้งสหายกลางทาง ไม่เหลียวแล
    จากที่เคยอัดฉีดให้สุรชัยเดือนละ 27 ล.บ.
    เรื่องการหายตัวไปของสุรชัย แซ่ด่าน
    ดังนั้น ในเวลานี้ที่ทั้งธนาธร หรือวิโรจน์
    ได้กลับลำมาอวยอิ๊งและโทนี่
    แต่เจี๊ยบอวยไม่ลง จึงพ่นคำต่างๆมาโพส
    เจี๊ยบก็ยังเหมือนเดิม โทษทหาร โทษสถาบัน โทษเพื่อไทย
    แต่ไม่เคยโทษตัวเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เปิดปมที่มาความ คั่งของเจี๊ยบ เราจะเคยได้ยินวลีที่ว่า ไม่ได้มาแก้ไข แต่มาแก้ แ-ค้-น ที่เจี๊ยบใช้ตั้งแต่สมัยมาเป็นหัวโจกตัวแรกๆของพรรคอนาคตใหม่ สามกีบก็ไม่รู้แหดรู้ตี๋เลยว่าอินี่หมายถึงอะไร แต่ก็เฮลั่น ลั่น หารู้ไม่ถูกอิเจี๊ยบอมเกียร์ใช้เป็นเครื่องมือ ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเจี๊ยบก็ยังไม่เหี่ยวแบบนี้นะ แต่ก็จะสั้นๆแบบนี้ เวลาเดินกับใครต้องซอยเท้าถี่กว่าคนอื่นนิดนึง เจี๊ยบกว่าจะมีผรัวคนปัจจุบัน ผ่านมาหลายสนาม เจี๊ยบมีความรักกับชายผู้คิดมิดีต่อสถาบันอย่างสุดโต่ง ทั้งคลิป ทั้งปราศรัย ให้ความเท็จกระจายไปทั่ว โดยในเวลานั้น โทนี่ เป็นเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ปลุก ระ ดม ให้คนในชาติมุ่งร้ายต่อสถาบัน แต่ด้วยกรรมที่ก่อ ทำให้สุดท้าย หายตัวไป นอนคุยกับรากมะม่วงแบบไม่สมัครใจ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ ว่าไปอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นไหน นี่แหละคือที่มา ของบรรทัดที่สองที่พิมพ์ไปแล้ว และที่เจี๊ยบไม่ยอมไปเพื่อไทย แต่กลับมาซุกก้าวไกล เพราะเพื่อไทย ยังสู้ไปกราบไปอยู่ ณ เวลานั้น รวมถึงโทนี่ ทิ้งสหายกลางทาง ไม่เหลียวแล จากที่เคยอัดฉีดให้สุรชัยเดือนละ 27 ล.บ. เรื่องการหายตัวไปของสุรชัย แซ่ด่าน ดังนั้น ในเวลานี้ที่ทั้งธนาธร หรือวิโรจน์ ได้กลับลำมาอวยอิ๊งและโทนี่ แต่เจี๊ยบอวยไม่ลง จึงพ่นคำต่างๆมาโพส เจี๊ยบก็ยังเหมือนเดิม โทษทหาร โทษสถาบัน โทษเพื่อไทย แต่ไม่เคยโทษตัวเอง #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 649 Views 0 Reviews
  • #สาเหตุที่ส้มกลับลำมาเชียร์อิ๊งอวยแม๊ว
    เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าพี่คิงส์โพธิ์แดงได้รับรู้แล้ว
    รู้สึกไม่สบายใจพอสมควร เพราะเมื่อใดที่ส้ม
    และแม๊วมีการเอี้ยเซียะกัน ซึ่งในวันนี้ขนาดพรรคปชป
    แม๊วยังเอามาร่วมรัฐบาลได้ นับประสาอะไร
    กับการที่พรรคส้มฝ่ายค้านจะเอี้ยเซียะกับแม๊วไม่ได้
    ง่ายกว่า ปชป เยอะแยะมากมาย
    เพราะฐานเดิม โทนี่ ก็ถือเป็นผู้หมิ่นฟ้าตัวแรกของประเทศ
    และสั่งสอนให้คนเสื้อแดงบางกลุ่ม จัดหนักจัดเต็ม
    และยังไปให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ บิดเบือน
    ให้แปดเปื้อนต่อสถาบันมาโดยตลอด
    ดังนั้น กรณี 112 ที่ธนาธรและพรรคส้มตั้งเป้าหมายไว้
    จริงๆแม๊วก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก
    แต่ถ้าจะไล่เรียง ว่าสาเหตุอะไรที่วันนี้ พรรคส้มออกตัว
    จะสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย พี่คิงส์จะเหลาให้ฟังนะ
    1. วันนี้โทนี่ยังติดบ่วงเรื่อง 112 ซึ่งยากยิ่งต่อการหลบเลี่ยง ดังนั้น การออกกฏหมายนิรโทษกรรม พ่วง 112 จึงไม่ใช่ความต้องการสูงสุดของพรรคส้มเท่านั้น แต่รวมไปถึงแม๊วด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้านิรโทษกรรมพ่วง 112 สำเร็จ สัมพเวสีที่ก่อกรรมต่อสถาบันจะหลุดทันที และกลับมาย่ำยีมากยิ่งขึ้นอย่างหยุดไม่ได้ ทั้งกลุ่มทะลุวัง และที่ถูกตัดสิทธิ์ทั้งหลาย จะรอดมาได้อย่างชิลๆ
    2. แม๊วมีเป้าอย่างแน่วแน่ในการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อปลอดล็อค ทั้งเรื่องจริยธรรม และส่วนอื่นๆที่รัฐธรรมนูญปี 60 ได้บล็อคอำนาจไม่ให้โทนี่ทำอะไรดั่งใจเหมือนในอดีต รวมถึงบรรดารัฐมนตรีที่มีมลทินอีกหลายตัวก็อยากแก้เช่นกัน ถ้าแก้ได้ แม๊วจะกลายเป็นอมตะทางการเมือง แบบสืบทอดยาวๆแก้ไขได้ยากมาก
    3. นโยบายเรื่องคอมเพล็กที่แม๊วรับเงินกินเปล่ามาแล้วจากต่างชาติบางส่วน อันนี้ พรรคส้มยิ้มเลยเชียว เพราะนโยบายสอดคล้อง คะหรี่เสรี ทำแท๊งเสรี เอ วีถูกกฏหมาย และบรรดาเรื่องโสมมที่ก้าวไกลรักและผลักดันจะบรรเจิดแน่นอน
    4. การแก้กฏหมายเพื่อลดอำนาจศาล เรื่องนี้ แม๊วธร ได้ประโยชน์อย่างยิ่งยวด เรียกว่าปิดตาระบบนิติรัฐ ทำให้นักการเมืองแบบแม๊วธร ไม่มีสิ่งใดที่จะคานอำนาจได้อีกต่อไป
    นี่คือ 4 เหตุผลหลักที่จะอธิบาย
    ถึงความร่วมมือแบบกลับลำของพรรคส้มและเพื่อไทย
    ที่จากนี้ไป จะเห็นอะไรเลี่ยนๆอีกเยอะ
    สงสารจัง ประเทศไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #สาเหตุที่ส้มกลับลำมาเชียร์อิ๊งอวยแม๊ว เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าพี่คิงส์โพธิ์แดงได้รับรู้แล้ว รู้สึกไม่สบายใจพอสมควร เพราะเมื่อใดที่ส้ม และแม๊วมีการเอี้ยเซียะกัน ซึ่งในวันนี้ขนาดพรรคปชป แม๊วยังเอามาร่วมรัฐบาลได้ นับประสาอะไร กับการที่พรรคส้มฝ่ายค้านจะเอี้ยเซียะกับแม๊วไม่ได้ ง่ายกว่า ปชป เยอะแยะมากมาย เพราะฐานเดิม โทนี่ ก็ถือเป็นผู้หมิ่นฟ้าตัวแรกของประเทศ และสั่งสอนให้คนเสื้อแดงบางกลุ่ม จัดหนักจัดเต็ม และยังไปให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ บิดเบือน ให้แปดเปื้อนต่อสถาบันมาโดยตลอด ดังนั้น กรณี 112 ที่ธนาธรและพรรคส้มตั้งเป้าหมายไว้ จริงๆแม๊วก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก แต่ถ้าจะไล่เรียง ว่าสาเหตุอะไรที่วันนี้ พรรคส้มออกตัว จะสนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย พี่คิงส์จะเหลาให้ฟังนะ 1. วันนี้โทนี่ยังติดบ่วงเรื่อง 112 ซึ่งยากยิ่งต่อการหลบเลี่ยง ดังนั้น การออกกฏหมายนิรโทษกรรม พ่วง 112 จึงไม่ใช่ความต้องการสูงสุดของพรรคส้มเท่านั้น แต่รวมไปถึงแม๊วด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้านิรโทษกรรมพ่วง 112 สำเร็จ สัมพเวสีที่ก่อกรรมต่อสถาบันจะหลุดทันที และกลับมาย่ำยีมากยิ่งขึ้นอย่างหยุดไม่ได้ ทั้งกลุ่มทะลุวัง และที่ถูกตัดสิทธิ์ทั้งหลาย จะรอดมาได้อย่างชิลๆ 2. แม๊วมีเป้าอย่างแน่วแน่ในการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อปลอดล็อค ทั้งเรื่องจริยธรรม และส่วนอื่นๆที่รัฐธรรมนูญปี 60 ได้บล็อคอำนาจไม่ให้โทนี่ทำอะไรดั่งใจเหมือนในอดีต รวมถึงบรรดารัฐมนตรีที่มีมลทินอีกหลายตัวก็อยากแก้เช่นกัน ถ้าแก้ได้ แม๊วจะกลายเป็นอมตะทางการเมือง แบบสืบทอดยาวๆแก้ไขได้ยากมาก 3. นโยบายเรื่องคอมเพล็กที่แม๊วรับเงินกินเปล่ามาแล้วจากต่างชาติบางส่วน อันนี้ พรรคส้มยิ้มเลยเชียว เพราะนโยบายสอดคล้อง คะหรี่เสรี ทำแท๊งเสรี เอ วีถูกกฏหมาย และบรรดาเรื่องโสมมที่ก้าวไกลรักและผลักดันจะบรรเจิดแน่นอน 4. การแก้กฏหมายเพื่อลดอำนาจศาล เรื่องนี้ แม๊วธร ได้ประโยชน์อย่างยิ่งยวด เรียกว่าปิดตาระบบนิติรัฐ ทำให้นักการเมืองแบบแม๊วธร ไม่มีสิ่งใดที่จะคานอำนาจได้อีกต่อไป นี่คือ 4 เหตุผลหลักที่จะอธิบาย ถึงความร่วมมือแบบกลับลำของพรรคส้มและเพื่อไทย ที่จากนี้ไป จะเห็นอะไรเลี่ยนๆอีกเยอะ สงสารจัง ประเทศไทย #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 503 Views 0 Reviews
  • ณเวลานี้ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนอิ๊งมากกว่า9เรื่อง
    และจะตามมาอีกหลายสิบเรื่อง
    ล่าสุด อิ๊งให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่าอิ๊งไม่ซี
    หมายถึงไม่ซีเรียสสำหรับกลุ่มคนที่ร้องเรียน
    กรณีคุณสมบัตินายกและเรื่องอื่นๆ
    รวมถึงเรื่องเสรีพิสูทธิ์ อิ๊งยิ่งแสดงอาการไม่ให้ค่า
    ก็เกิดคำถามมากมาย ว่าเพราะอะไร
    อิ๊ง ถึงมีความมั่นอกมั่นใจแบบนี้
    พี่คิงส์โพธิ์แดงขอนำวงในมาเปิดให้เข้าใจตรงกัน
    สิ่งที่จะคว่ำอิ๊งสะเทือนถึงโทนี่ได้
    จะมีสองลักษณะ
    1. ทางนิติรัฐ คือการบังคับใช้กฏหมาย
    2. มวลชนลงถนนไปถึงการปฏิวัติ
    ซึ่งเวลานี้ ทางนิติรัฐที่จะเอาผิดต่อการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    วงในบอกว่า โทนี่ได้แก้เกมส์ไว้ครบแล้ว
    นอกจากนั้น จะมีสายฝั่งตรงข้าม ฝังตัวรายงานสถานการณ์และความเคลื่อนไหวโดยตลอด
    โดยเฉพาะการขยับตัวของลุงป้อม แทบจะไม่มีอะไรเป็นความลับเลย
    แม้แต่ ใครเข้าพบบ้าง คุยกันเรื่องอะไร โทนี่มอนิเตอร์ตลอด
    ตั้งเป็นวอร์รูม รวมถึงระดมนักกฏหมายพิจารณาความเป็นไปได้
    รวมถึงค่าความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้น โดยผ่านการคำนวนทางสถิติ
    รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลประชากรในลักษณะที่เป็นบิ๊กดาต้า
    ทำให้การวางแผนทางการเมือง และการแก้เกมส์ฝ่ายตรงข้าม
    มีความแม่นยำเหมือนจับวาง ทำให้โทนี่และอุ๊งอิ๊งมีความมั่นอกมั่นใจ
    แต่พี่คิงส์ก็อยากจะบอกไว้นะครับ
    เหนือฟ้า ยังมีฟ้า รอชมและติดตามให้ดี หลังถวายสัตย์
    ได้ชมอะไรดีๆแน่นอน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อิ๊งไม่ซี
    ณเวลานี้ท่ามกลางเรื่องร้องเรียนอิ๊งมากกว่า9เรื่อง และจะตามมาอีกหลายสิบเรื่อง ล่าสุด อิ๊งให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่าอิ๊งไม่ซี หมายถึงไม่ซีเรียสสำหรับกลุ่มคนที่ร้องเรียน กรณีคุณสมบัตินายกและเรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องเสรีพิสูทธิ์ อิ๊งยิ่งแสดงอาการไม่ให้ค่า ก็เกิดคำถามมากมาย ว่าเพราะอะไร อิ๊ง ถึงมีความมั่นอกมั่นใจแบบนี้ พี่คิงส์โพธิ์แดงขอนำวงในมาเปิดให้เข้าใจตรงกัน สิ่งที่จะคว่ำอิ๊งสะเทือนถึงโทนี่ได้ จะมีสองลักษณะ 1. ทางนิติรัฐ คือการบังคับใช้กฏหมาย 2. มวลชนลงถนนไปถึงการปฏิวัติ ซึ่งเวลานี้ ทางนิติรัฐที่จะเอาผิดต่อการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง วงในบอกว่า โทนี่ได้แก้เกมส์ไว้ครบแล้ว นอกจากนั้น จะมีสายฝั่งตรงข้าม ฝังตัวรายงานสถานการณ์และความเคลื่อนไหวโดยตลอด โดยเฉพาะการขยับตัวของลุงป้อม แทบจะไม่มีอะไรเป็นความลับเลย แม้แต่ ใครเข้าพบบ้าง คุยกันเรื่องอะไร โทนี่มอนิเตอร์ตลอด ตั้งเป็นวอร์รูม รวมถึงระดมนักกฏหมายพิจารณาความเป็นไปได้ รวมถึงค่าความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้น โดยผ่านการคำนวนทางสถิติ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลประชากรในลักษณะที่เป็นบิ๊กดาต้า ทำให้การวางแผนทางการเมือง และการแก้เกมส์ฝ่ายตรงข้าม มีความแม่นยำเหมือนจับวาง ทำให้โทนี่และอุ๊งอิ๊งมีความมั่นอกมั่นใจ แต่พี่คิงส์ก็อยากจะบอกไว้นะครับ เหนือฟ้า ยังมีฟ้า รอชมและติดตามให้ดี หลังถวายสัตย์ ได้ชมอะไรดีๆแน่นอน #คิงส์โพธิ์แดง #อิ๊งไม่ซี
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 509 Views 0 Reviews
  • #เรื่องนี้ขอคุยกันด้วยเหตุและผล
    ตอนนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องรู้คือ
    1. ดิจิตอลวอลเลท ติดขัดทางด้านเทคนิคของระบบเองที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามที่วางแผนไว้
    2. วอลเลทจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านบัตรคนจน
    3. ต้องแจกให้ทัน 30 กันยายนนี้เท่านั้น
    4. ถ้าไม่ทัน ต้องคืนเงินเข้าคลัง
    5. เงินที่ได้มาก้อนนี้ยังไม่จบ ต้องผูกพันงบปี 2568
    6. ปี 2568 ดูตัวเลข ณ ปัจจุบัน เฉพาะโครงการวอลเลทนี้ ยังขาดอีก 1.1 แสนล้านบาท
    7. ทางออก คือ กู้สถาบันการเงิน หรือ กู้ประชาชนผ่านพันธบัตรหรือสิ่งใกล้เคียง
    ในขณะที่วันนี้ สำหรับปี 67 งบก้อนที่มาจ่ายวอลเลทกับกลุ่มแรก ก็ผลัดผ่อนหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานภาครัฐหลายก้อน
    ซึ่งปี 68 ไม่รวมยอดที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานของรัฐเอง บวกลบอย่างไรก็ขาดอีกเป็นแสนล้าน
    นอกจากนั้น โทนี่ยังมีโปรเจคใหม่ๆ ที่ต้องกู้ เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม อีกมากกว่า 9 ล้าน ล้าน การต้องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่ประชาชนในพื้นที่ต่อต้านหนักหน่วง
    เรียนแฟนเพจแบบตรงไปตรงมา
    คนไทยต้องรับผิดชอบหนี้ที่จะเกิด และที่เกิดแล้ว เหมือนกู้โดยโทนี่
    แต่คนไทยคือคนค้ำประกัน เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
    ถ้าวอลเลท เบรคได้ เบรคก่อน ในเมื่อจ่ายเงินสดเงินมันไม่หมุนวนแบบพายุและผิดมาตรา9 เรื่องวินัยการคลัง แล้วเอางบนี้ซัพพอต สปสช. บัตรทองที่กำลังจะล่มสลาย รวมถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆที่กล้ำกลืน บริหารงานแบบขาดงบประมาณ ให้ทุกอย่างรันได้ตามที่ควรจะเป็น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เรื่องนี้ขอคุยกันด้วยเหตุและผล ตอนนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องรู้คือ 1. ดิจิตอลวอลเลท ติดขัดทางด้านเทคนิคของระบบเองที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามที่วางแผนไว้ 2. วอลเลทจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านบัตรคนจน 3. ต้องแจกให้ทัน 30 กันยายนนี้เท่านั้น 4. ถ้าไม่ทัน ต้องคืนเงินเข้าคลัง 5. เงินที่ได้มาก้อนนี้ยังไม่จบ ต้องผูกพันงบปี 2568 6. ปี 2568 ดูตัวเลข ณ ปัจจุบัน เฉพาะโครงการวอลเลทนี้ ยังขาดอีก 1.1 แสนล้านบาท 7. ทางออก คือ กู้สถาบันการเงิน หรือ กู้ประชาชนผ่านพันธบัตรหรือสิ่งใกล้เคียง ในขณะที่วันนี้ สำหรับปี 67 งบก้อนที่มาจ่ายวอลเลทกับกลุ่มแรก ก็ผลัดผ่อนหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานภาครัฐหลายก้อน ซึ่งปี 68 ไม่รวมยอดที่ต้องจ่ายคืนให้หน่วยงานของรัฐเอง บวกลบอย่างไรก็ขาดอีกเป็นแสนล้าน นอกจากนั้น โทนี่ยังมีโปรเจคใหม่ๆ ที่ต้องกู้ เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม อีกมากกว่า 9 ล้าน ล้าน การต้องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่ประชาชนในพื้นที่ต่อต้านหนักหน่วง เรียนแฟนเพจแบบตรงไปตรงมา คนไทยต้องรับผิดชอบหนี้ที่จะเกิด และที่เกิดแล้ว เหมือนกู้โดยโทนี่ แต่คนไทยคือคนค้ำประกัน เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ถ้าวอลเลท เบรคได้ เบรคก่อน ในเมื่อจ่ายเงินสดเงินมันไม่หมุนวนแบบพายุและผิดมาตรา9 เรื่องวินัยการคลัง แล้วเอางบนี้ซัพพอต สปสช. บัตรทองที่กำลังจะล่มสลาย รวมถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆที่กล้ำกลืน บริหารงานแบบขาดงบประมาณ ให้ทุกอย่างรันได้ตามที่ควรจะเป็น #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 433 Views 0 Reviews
  • ♣ โทนี่พลิกวิกฤติ ใช้แรงแค้น ลุงป้อม-เสรีพิรุธ ล้มอำนาจ ศร.
    #7ดอกจิก
    ♣ โทนี่พลิกวิกฤติ ใช้แรงแค้น ลุงป้อม-เสรีพิรุธ ล้มอำนาจ ศร. #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 440 Views 122 0 Reviews
  • ก็เข้าใจลุงเสรี เหงียน
    #โทนี่รับปากบอกเป็นหนี้พี่เสรีเยอะมาก
    แต่เมื่อไหร่จะชดใช้ซักที
    อีกไม่กี่ปี เสรีก็ต-า-ย-ห่-า แล้ว
    ไม่คิดจะคืนกันเลยหรือยังไง
    ปั๊ดโถ่ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ก็เข้าใจลุงเสรี เหงียน #โทนี่รับปากบอกเป็นหนี้พี่เสรีเยอะมาก แต่เมื่อไหร่จะชดใช้ซักที อีกไม่กี่ปี เสรีก็ต-า-ย-ห่-า แล้ว ไม่คิดจะคืนกันเลยหรือยังไง ปั๊ดโถ่ว #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • จากคำว่า มาตรฐานจริยธรรมกรณีนายกนิดถูกถอด
    กลายเป็นความยากลำบากที่โทนี่และพรรคร่วม
    ต้องขอยืดเวลาตั้งรบ.โดยส่งชื่อให้ตรวจสอบก่อนแต่งตั้ง
    ว่าคลีนพอไหม
    #ปรากฏว่าระหว่างการแถลงข่าวของเสรีพิศุทธิ์
    เพื่อแบล็คเมลหวังได้เก้าอี้มาคุมตร.
    ซึ่งในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับรายการวิเคราะห์ข่าวชื่อดัง
    เสรี ได้รำเลิกบุญคุณที่มีให้กับโทนี่และพรรคเพื่อไทยมามากมาย
    แต่สิ่งที่ด้วยความชรา ทำให้มันส์ปาก
    ลั่นว่า ขณะที่ตัวเองเป็นประธานคณะกรรมาธิการ
    มีสส.เพื่อไทยหลายคนที่มาขอความช่วยเหลือ
    และหนึ่งในนั้น ทำผิดกฏหมายด้วย ไอ่เราก็ช่วย
    ด้วยการยื้อค-ดีไปให้หมดอายุความ
    มันถึงได้รอดไง ฮ่าๆๆๆ
    เล่าสนุกด้วยความลำพองใจ
    ชัดเจน ไม่ต้องหมุนเสา
    เพียงแค่นี้ ก็เป็นการ ตอกฝา-โ-ล-ง ว่าชายชรา
    ที่ชื่อเสรีพิศุทธิ์ หมดสิทธิ์การนั่งตำแหน่งใดๆ
    ถือว่าเป็นผู้กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง
    ประพฤติมิชอบในขณะดำรงค์ตำแหน่งกรรมาธิการ
    พวกนี้ดีนะ ไม่ต้องให้ใครทำ ทำตัวเองล้วนๆ
    ลาก่อน ไอ่เฒ่า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จากคำว่า มาตรฐานจริยธรรมกรณีนายกนิดถูกถอด กลายเป็นความยากลำบากที่โทนี่และพรรคร่วม ต้องขอยืดเวลาตั้งรบ.โดยส่งชื่อให้ตรวจสอบก่อนแต่งตั้ง ว่าคลีนพอไหม #ปรากฏว่าระหว่างการแถลงข่าวของเสรีพิศุทธิ์ เพื่อแบล็คเมลหวังได้เก้าอี้มาคุมตร. ซึ่งในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับรายการวิเคราะห์ข่าวชื่อดัง เสรี ได้รำเลิกบุญคุณที่มีให้กับโทนี่และพรรคเพื่อไทยมามากมาย แต่สิ่งที่ด้วยความชรา ทำให้มันส์ปาก ลั่นว่า ขณะที่ตัวเองเป็นประธานคณะกรรมาธิการ มีสส.เพื่อไทยหลายคนที่มาขอความช่วยเหลือ และหนึ่งในนั้น ทำผิดกฏหมายด้วย ไอ่เราก็ช่วย ด้วยการยื้อค-ดีไปให้หมดอายุความ มันถึงได้รอดไง ฮ่าๆๆๆ เล่าสนุกด้วยความลำพองใจ ชัดเจน ไม่ต้องหมุนเสา เพียงแค่นี้ ก็เป็นการ ตอกฝา-โ-ล-ง ว่าชายชรา ที่ชื่อเสรีพิศุทธิ์ หมดสิทธิ์การนั่งตำแหน่งใดๆ ถือว่าเป็นผู้กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ประพฤติมิชอบในขณะดำรงค์ตำแหน่งกรรมาธิการ พวกนี้ดีนะ ไม่ต้องให้ใครทำ ทำตัวเองล้วนๆ ลาก่อน ไอ่เฒ่า #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 474 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้ชักสนุกเข้มข้น
    เรื่องมีอยู่ว่า
    เสรีพิศุทธิ์ขอเข้าพบโทนี่ ที่ชั้น 14
    ย้ำอีกทีว่า เสรีขอเข้าพบ เพราะโทนี่ส่งไฟล์ยกเลิกร้องเรียนนายกเศรษฐามาให้เซ็น
    แต่เสรี ดึงเช็ง อยากไปใกล้ชิดทบทวนความหลัง
    โทนี่รู้ ก็เลยออกปาก "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก"
    เคลิ้มสิครับ ตามประสาคนหมดวาสนา
    สิ่งเดียวที่เสรีอยากทำ เมื่อได้คุมตร.คือช่วยสุรเชษฐ์
    เรื่องสุรเชษฐ์ยอมจ่ายเท่าไหร่ไม่อั้น
    ถ้าเสรีดึงกลับเข้าราชการได้
    เรื่องนี้โทนี่ก็รุ้
    พอกลับจากชั้น 14 ไม่นานก็ถึงวันโหวตนายกอิ๊ง
    โทนี่ก็โทรมาให้ไปช่วยโหวต ซึ่งวันนั้น
    เสรี หัวหน้าพรรคที่มีสส.คนเดียว ก็ไปยิ้มแย้ม
    แถมแถลงร่วมด้วยนะ พร้อมสนับสนุนอิ๊งทุกอย่าง
    แต่เมื่อเริ่มแบ่งสรรปันส่วนเรื่องเก้าอี้รมต.
    ซึ่งเสรีก็เตรียมคำพูดไว้หมด
    แต่ก็มีแต่พรรคโน้น พรรคนี้ ถูกเรียกไปคุย
    เสรีชักไม่ไว้วางใจ จึงไปหาอ้วนภูมิธรรมในฐานะ
    ผจก.จัดตั้ง รบ. และพูดไปตรงๆแบบที่เค้าไม่ได้ถาม
    ภูมิธรรม พี่อยากคุมตร. คุมความมั่นคง
    ภูมิธรรมก็ตอบทันทีว่า คุยแล้วพี่เสรี
    เค้า(หมายถึงโทนี่) จะคุมเอง โดยใช้ชื่ออิ๊งเป็นร่างทรง
    ในวันนี้ เสรี ถึงกับปรี๊ดแตกว่าโทนี่หักเหลี่ยมตัวเอง
    แต่ๆๆๆ ที่ไหนได้ คุมตร.แบบตรงตัวคือรมตมหาดไทย
    อ้วนขอโทนี่ไว้แล้ว ไม่ใช่โทนี่จะคุมเอง
    เพิ่งจะโป๊ะแตกวันนี้แหละ ตอนเปิดชื่อว่าที่รมต.บางส่วน
    สรุป อ้วนอยากเป็นบิ๊กอ้วนนี่เอง
    ชอบเสือเฒ่าหักเหลี่ยมกัน
    ดูน่าเอ็นดูดี ฮ่าๆๆๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เรื่องนี้ชักสนุกเข้มข้น เรื่องมีอยู่ว่า เสรีพิศุทธิ์ขอเข้าพบโทนี่ ที่ชั้น 14 ย้ำอีกทีว่า เสรีขอเข้าพบ เพราะโทนี่ส่งไฟล์ยกเลิกร้องเรียนนายกเศรษฐามาให้เซ็น แต่เสรี ดึงเช็ง อยากไปใกล้ชิดทบทวนความหลัง โทนี่รู้ ก็เลยออกปาก "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" เคลิ้มสิครับ ตามประสาคนหมดวาสนา สิ่งเดียวที่เสรีอยากทำ เมื่อได้คุมตร.คือช่วยสุรเชษฐ์ เรื่องสุรเชษฐ์ยอมจ่ายเท่าไหร่ไม่อั้น ถ้าเสรีดึงกลับเข้าราชการได้ เรื่องนี้โทนี่ก็รุ้ พอกลับจากชั้น 14 ไม่นานก็ถึงวันโหวตนายกอิ๊ง โทนี่ก็โทรมาให้ไปช่วยโหวต ซึ่งวันนั้น เสรี หัวหน้าพรรคที่มีสส.คนเดียว ก็ไปยิ้มแย้ม แถมแถลงร่วมด้วยนะ พร้อมสนับสนุนอิ๊งทุกอย่าง แต่เมื่อเริ่มแบ่งสรรปันส่วนเรื่องเก้าอี้รมต. ซึ่งเสรีก็เตรียมคำพูดไว้หมด แต่ก็มีแต่พรรคโน้น พรรคนี้ ถูกเรียกไปคุย เสรีชักไม่ไว้วางใจ จึงไปหาอ้วนภูมิธรรมในฐานะ ผจก.จัดตั้ง รบ. และพูดไปตรงๆแบบที่เค้าไม่ได้ถาม ภูมิธรรม พี่อยากคุมตร. คุมความมั่นคง ภูมิธรรมก็ตอบทันทีว่า คุยแล้วพี่เสรี เค้า(หมายถึงโทนี่) จะคุมเอง โดยใช้ชื่ออิ๊งเป็นร่างทรง ในวันนี้ เสรี ถึงกับปรี๊ดแตกว่าโทนี่หักเหลี่ยมตัวเอง แต่ๆๆๆ ที่ไหนได้ คุมตร.แบบตรงตัวคือรมตมหาดไทย อ้วนขอโทนี่ไว้แล้ว ไม่ใช่โทนี่จะคุมเอง เพิ่งจะโป๊ะแตกวันนี้แหละ ตอนเปิดชื่อว่าที่รมต.บางส่วน สรุป อ้วนอยากเป็นบิ๊กอ้วนนี่เอง ชอบเสือเฒ่าหักเหลี่ยมกัน ดูน่าเอ็นดูดี ฮ่าๆๆๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 440 Views 0 Reviews
  • ทิม พิธา นายกว่าวตลอดการโพส
    "สำหรับผม ผมจะรอดูสนาม อบจ.เชียงใหม่
    ฐานคะแนนสีส้มมีความชัดเจน และแน่นในทุกพื้นที่
    ดุเดือดกว่าราชบุรีแน่นอน"
    แบบนี้ข้ามหัวโทนี่ไปเลยนะน่ะ
    ว่าวแล้ว ว่าวอยู ว่าวต่อไป
    เป็น 11/0
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นายกว่าวตลอดกาล
    ทิม พิธา นายกว่าวตลอดการโพส "สำหรับผม ผมจะรอดูสนาม อบจ.เชียงใหม่ ฐานคะแนนสีส้มมีความชัดเจน และแน่นในทุกพื้นที่ ดุเดือดกว่าราชบุรีแน่นอน" แบบนี้ข้ามหัวโทนี่ไปเลยนะน่ะ ว่าวแล้ว ว่าวอยู ว่าวต่อไป เป็น 11/0 #คิงส์โพธิ์แดง #นายกว่าวตลอดกาล
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 456 Views 0 Reviews
  • #เรื่องมันเป็นแบบนี้พี่คิงส์จะเหลาให้ฟัง
    ที่เสรีพิศุทธิ์อ้างเปิดหลักฐานจะยืนยันว่าโทนี่ป่วยติ๊บ
    มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก
    เพราะเรื่องโทนี่ป๋วยติ๊บ พยานหนะไม่ได้มีแค่เฒ่าเสรีกับเพื่อนที่ไปชั้น 14 อีก 1 คน คนมันเห็นกันทั้งประเทศ ทั้งว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เดินฉุยฉาย บินไปทั่ว ถ้าไม่เห็นเชิงประจักษ์แบบนี้ ถามหน่อย ปปช.เค้าจะตั้งเรื่องได้ยังไง
    เรื่องนี้ เสรี ก็ ปญอ.จริงๆ เน้นแต่อยากจะให้แม๊วโทรมาง้อ
    คิดเหรอว่า ทำแบบนี้เค้าจะเอา ยิ่งปิดประตูเหมือนไม่รู้จักแม๊วดีพอ
    ...แต่คนที่ซ-ว-ย ตัวจริงคือทวี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และนพ.รพ.ตร
    เพราะอะไร พี่คิงส์จะแจงให้
    1. เสรีไม่พุ๊ดไม่พูด ว่าแม๊วเปื่อยหรือไม่เปื่อยตอนที่ไปเจอชั้น 14 เอาจริงๆ แม๊วไม่ได้เชิญนะ เสรีขอไปพบ เพราะโทนี่สั่งให้เซ็นเอกสารถอนเรื่องร้องเรียนนายกนิด ตาเสรีทำเท่ห์บอกว่า ต้องให้ไปพบสิ ผมจะเซ็นต์ให้ นั่นแน่
    ...แต่สิ่งที่เสรีพูดคือ "ไปไม่เห็นมีใครเฝ้าหน้าห้องซักคน แม้แต่หมายังไม่มี" แอ่นแอ๊น ผิดระเบียบราชทัณฑ์ดอกที่ 1
    2. เสรีแถลงว่า ตัวเองไปพบโทนี่สองครั้ง ซึ่งกรณีที่แม๊วยังเป็น นช. และอยู่ในระหว่างการถูกควบคุมตัวนั้น จะมีเพียงญาติใกล้ชิดเพียบ 10 คน ที่เป็นคนในครอบครัว ที่มีระบุอยู่ในเอกสารของราชทัณฑ์ ว่าใครจะเข้าไปได้บ้าง รวมถึงบันทึกวัน และเวลาในการเข้าเยี่ยมอย่างละเอียด
    แต่..ไม่มีชื่อเสรี ป๊าดดดดดด โดนดอกที่สองเรียบร้อย
    3. นพ.รพ.ตร. ก็ถูกปปชสอบ เพราะเป็นคนรับผิดชอบในส่วนที่อยู่ใน รพ. ที่ปปช ขอกล้องวงจรปิดไปนานมาก แต่ไม่ส่งซักที เป็นปกปิดข้อมูลแบบโจ่งแจ้ง มาอีกดอกที่สาม
    ซึ่ง สุดท้าย ทวี สอดส่อง ที่เป็นรมต ยุติธรรม ดูแลกรมราชทัณฑ์ คือคนที่จะเจอดอกที่สี่ ที่แรงที่สุด โดยเฉพาะการแถลงข่าวของเสรีเฒ่า คือการสร้างงานเข้าให้ทั้งกระบวนการ ที่เดือดร้อนยิ่งกว่าแม๊ว และเร็วกว่าแม๊วเยอะ
    ดังนั้น วันนี้ กรมราชทัณฑ์ถึงไปไม่เป็น ต้องรีบแถลงข่าวด่วน ว่าไม่มีรายชื่อเสรีในการเข้าเยี่ยม
    แต่ที่จะ ซ-ว-ย คือ ถึงแม้กล้องวงจรปิดอ้างว่าเสีย บลาๆๆๆ
    แต่เสรี บันทีกไว้หมดแล้ว คนที่ไปด้วยบันทีกวิดิโอ ส่วนเสรีบันทึกเสียง
    แปลว่า ถ้าเสรีออกมาโต้ ด้วยวิดิโอ ที่หาจับมือใครดมไม่ได้ไปโพส
    ก็แปลว่า ราชทัณฑ์ โ-ก-หก นี่คือความอิ๊บหายที่ไม่รอดแน่นวล
    ฮ่าดี ชอบๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เรื่องมันเป็นแบบนี้พี่คิงส์จะเหลาให้ฟัง ที่เสรีพิศุทธิ์อ้างเปิดหลักฐานจะยืนยันว่าโทนี่ป่วยติ๊บ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก เพราะเรื่องโทนี่ป๋วยติ๊บ พยานหนะไม่ได้มีแค่เฒ่าเสรีกับเพื่อนที่ไปชั้น 14 อีก 1 คน คนมันเห็นกันทั้งประเทศ ทั้งว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เดินฉุยฉาย บินไปทั่ว ถ้าไม่เห็นเชิงประจักษ์แบบนี้ ถามหน่อย ปปช.เค้าจะตั้งเรื่องได้ยังไง เรื่องนี้ เสรี ก็ ปญอ.จริงๆ เน้นแต่อยากจะให้แม๊วโทรมาง้อ คิดเหรอว่า ทำแบบนี้เค้าจะเอา ยิ่งปิดประตูเหมือนไม่รู้จักแม๊วดีพอ ...แต่คนที่ซ-ว-ย ตัวจริงคือทวี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และนพ.รพ.ตร เพราะอะไร พี่คิงส์จะแจงให้ 1. เสรีไม่พุ๊ดไม่พูด ว่าแม๊วเปื่อยหรือไม่เปื่อยตอนที่ไปเจอชั้น 14 เอาจริงๆ แม๊วไม่ได้เชิญนะ เสรีขอไปพบ เพราะโทนี่สั่งให้เซ็นเอกสารถอนเรื่องร้องเรียนนายกนิด ตาเสรีทำเท่ห์บอกว่า ต้องให้ไปพบสิ ผมจะเซ็นต์ให้ นั่นแน่ ...แต่สิ่งที่เสรีพูดคือ "ไปไม่เห็นมีใครเฝ้าหน้าห้องซักคน แม้แต่หมายังไม่มี" แอ่นแอ๊น ผิดระเบียบราชทัณฑ์ดอกที่ 1 2. เสรีแถลงว่า ตัวเองไปพบโทนี่สองครั้ง ซึ่งกรณีที่แม๊วยังเป็น นช. และอยู่ในระหว่างการถูกควบคุมตัวนั้น จะมีเพียงญาติใกล้ชิดเพียบ 10 คน ที่เป็นคนในครอบครัว ที่มีระบุอยู่ในเอกสารของราชทัณฑ์ ว่าใครจะเข้าไปได้บ้าง รวมถึงบันทึกวัน และเวลาในการเข้าเยี่ยมอย่างละเอียด แต่..ไม่มีชื่อเสรี ป๊าดดดดดด โดนดอกที่สองเรียบร้อย 3. นพ.รพ.ตร. ก็ถูกปปชสอบ เพราะเป็นคนรับผิดชอบในส่วนที่อยู่ใน รพ. ที่ปปช ขอกล้องวงจรปิดไปนานมาก แต่ไม่ส่งซักที เป็นปกปิดข้อมูลแบบโจ่งแจ้ง มาอีกดอกที่สาม ซึ่ง สุดท้าย ทวี สอดส่อง ที่เป็นรมต ยุติธรรม ดูแลกรมราชทัณฑ์ คือคนที่จะเจอดอกที่สี่ ที่แรงที่สุด โดยเฉพาะการแถลงข่าวของเสรีเฒ่า คือการสร้างงานเข้าให้ทั้งกระบวนการ ที่เดือดร้อนยิ่งกว่าแม๊ว และเร็วกว่าแม๊วเยอะ ดังนั้น วันนี้ กรมราชทัณฑ์ถึงไปไม่เป็น ต้องรีบแถลงข่าวด่วน ว่าไม่มีรายชื่อเสรีในการเข้าเยี่ยม แต่ที่จะ ซ-ว-ย คือ ถึงแม้กล้องวงจรปิดอ้างว่าเสีย บลาๆๆๆ แต่เสรี บันทีกไว้หมดแล้ว คนที่ไปด้วยบันทีกวิดิโอ ส่วนเสรีบันทึกเสียง แปลว่า ถ้าเสรีออกมาโต้ ด้วยวิดิโอ ที่หาจับมือใครดมไม่ได้ไปโพส ก็แปลว่า ราชทัณฑ์ โ-ก-หก นี่คือความอิ๊บหายที่ไม่รอดแน่นวล ฮ่าดี ชอบๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews
  • เสรี กะเล่นโทนี่ชั้น 14 คนที่ซ-ว-ย คือราชทัณฑ์ รีบจัดแถลงปฏิเสธ ปปช.เตรียมฟันโช๊ะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เสรี กะเล่นโทนี่ชั้น 14 คนที่ซ-ว-ย คือราชทัณฑ์ รีบจัดแถลงปฏิเสธ ปปช.เตรียมฟันโช๊ะ #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • #อยากเบิกเนตรให้คนอีกจำนวนไม่น้อย
    ที่ยังสะละมึนกับละครฉายซ้ำ
    ยังนั่งเชียร์เย้วๆว่า นี่แหละวีระบุรุษนาแกคือคนที่จำคว่ำโทนี่ได้
    คนกลุ่มนี้คือคนที่ไม่เคยติดตามข่าวสารการเมืองจริงจัง
    โดยรอบนี้พี่คิงส์จะไม่เอาข้อมูลเก่าที่เคยนำเสนอไปแล้ว
    มาเล่าซ้ำ เอาบทสัมภาษณ์สดๆร้อนๆเมื่อห้าโมงเย็นที่ผ่านมานี่แหละ
    อ่านแล้ววิเคราะห์เอาเอง ตาจะได้สว่าง
    พี่คิงส์โพธิ์แดงย้ำว่า อาเจนด้าของเพจนี้คือการยืนอยู่บนความถูกต้อง
    เปิดเผยความจริงในด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
    และปกป้องสถาบันที่เรารักไม่ให้ถูกบิดเบือน ให้ร้าย
    ดังนั้น เพจนี้จึงไม่ได้ต้องเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง
    และก็ไม่ได้ต้องโจม ตี พรรคใดพรรคหนึ่ง
    ว่ากันเป็นเรื่องๆ ยกเว้นพรรคส้มเน่า มันมีแกนแนวคิด
    ที่ล้มล้างการปกครอง จึงไม่มีความดีใดๆให้สรรเสริญ
    พี่คิงส์ฯเชื่อว่า หลายคนงงๆ และยังไม่ชินเพราะปกติ เพจต้องสร้างมาเพื่อเชียร์ฝั่งนึง และเล่นงานอีกฝั่งนึง พอพี่คิงส์เอาความจริงที่ฝั่งตัวเองเชียร์ทำไม่ดีมาเปิด ก็จะผลักพี่คิงส์ไปอีกฝั่งทันที ทรวยเหอะ เรื่องของเมิง ไอ่พวกนี้ไม่ให้ราคา เพราะพี่คิงส์เชื่อว่าคนที่คอเดียวกันมีเยอะ
    ว่ากันต่อเรื่องบทสัมภาษณ์
    นักข่าวได้ซักถาม กรณีที่แถลงข่าวไปเมื่อวาน คำถามเช่น
    ไปคุยอะไรชั้น 14
    หลักฐานที่มีคว่ำโทนี่ได้เลยมั๊ย
    รอบนี้สู้จริงหรือเปล่า
    แต่คำตอบที่ได้ที่พี่คิงส์จะจับประเด็นให้เข้าใจง่ายๆคือ
    1. โทนี่พูดเสมอว่า "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" และโทนี่โทรไปให้ช่วยโหวตอิ๊งเป็นนายก แต่พอคุยกับภูมิธรรม ว่าตัวเองอยากได้รองนายกและคุมความมั่นคงคุมตำรวจทั่วปรปะเทศ เพราะคุณสมบัติของตัวเองเหมาะสมที่สุด แต่โทนี่จะตั้งอิ๊งคุมความมั่นคง โดยตัวเองนี่แหละจะดูเอง
    2. ประเด็นที่สองคือ เมื่อรู้ว่าตัวเองขอแล้วไม่ได้ ก็เลยทำเอกสารขู่ยื่นโนติสว่าพรรคตัวเองที่มีสส.คนเดียว จะถอนตัวนะ และเริ่มให้ข่าวกับสื่อว่า จะแถลงแต่แล้วโทนี่ก็ไม่โทรมาง้อ
    3. ที่แถลงข่าว แต่แถลงครึ่งๆกลางๆ อ้างว่าบอกนักข่าวได้แค่บางส่วน นักข่าวถามว่ามีข่าวว่า เพื่อไทยติดต่อมาจะให้ตำแหน่งที่ต้องการ ก็ตอบด้วยความน้อยใจว่า ยัง ยังไม่มี
    4. ยกตัวเองว่า เสรีนี่แหละคือตำรวจที่ดีและเหมาะสมที่สุด คุณสมบัติของเสรี เป็นนายกยังเก่งว่าโทนี่ด้วยซ้ำ ถ้าเอาตัวเองไปคุมตำรวจ ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศเจริญ เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย
    5. ตำรวจทั่วประเทศต้องปฏิรูป ตร.ชั้นประทวนจบม.หกมาเป็น ได้ยังไง กระจอก ชั้นสัญญาบัตรจบแค่ป.ตรี เป็นได้ไง
    6. เสรี มีบุญคุณกับเพื่อไทยมากมาย นอกเหนือจากที่โทนี่นัดไปคุยชั้น 14 ขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน นายกนิดเรื่องแต่งตั้งผบตร. ก็ยังทำให้เพื่อไทยได้ส.ส.เป็นสิบที่นั่ง โดยแจงละเอียดว่า สส.เพื่อไทยคนไหนมาให้ช่วย ตัวเองก็จะหาช่องทางกฏหมายเล่นงาน จนต้องถอนตัวบ้าง บางคนยังมีค-ดีถึงวันนี้ไม่จบไม่สิ้น หนึ่งในนั้นคือสหายแสง บางคนเป็นผู้ลงสมัครสส.เพื่อไทย แต่ทำผิด ตัวเองก็ดึงเวลาให้หมดอายุความ นี่ก็บุญคุณขนาดไหน
    7. เสรีโยนความผิดว่า อิ๊งน่าจะได้รับสารที่ตัวเองส่งไป ที่ไปโนติสว่าไม่ให้ตำแหน่งจะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็เพื่อไทย ให้เด็กเป็นผู้นำ เลยไม่ได้เรื่อง เรื่องสำคัญขนาดเรื่องของเสรี จะต้องจัดการยังไง ไม่ใช่เงียบแบบนี้
    สรุปว่า ณ นาทีนี้ วีรบุรุษหน้าแก่ ก็ยังคงรอสัญญาณมือถือจากโทนี่
    ยังมีความหวังว่าจะได้คุมความมั่นคงและตำรวจทั่วประเทศจนได้
    และทิ้งท้ายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดอีกว่า
    ถ้าเปิดหลักฐาน ราชทันฑ์ รพ.มีเข้าตารางแน่นอน
    อ่านบทสัมภาษณ์มาทั้งหมดแล้ว คงเข้าใจและเบิกเนตรใครได้อีกหลายคน
    เข้าใจซักทีว่าทำไม เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงไม่เคยเชื่อใจ
    ไอ่เฒ่านี้เลย นี่ไม่ได้เล่าความเดิมตอนที่แล้วเลยแม้แต่น้อย
    เอาของปัจจุบันวันนี้นี่แหละ คนที่มีสติปัญญา สว่างวาบทันที
    ดังนั้น...ตั้งสติกันหน่อย ไม่ใช่เห็นใครแสดงขึงขัง แ-ฉ เพื่อชาติ
    แล้วจะเฮโลไปเชียร์ เจอไอ่ตั้ม สุรเชษฐ์ แล้วเป็นไงกันหละ
    ทัวร์เลี้ยวกลับกันแทบไม่ทัน ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อยากเบิกเนตรให้คนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังสะละมึนกับละครฉายซ้ำ ยังนั่งเชียร์เย้วๆว่า นี่แหละวีระบุรุษนาแกคือคนที่จำคว่ำโทนี่ได้ คนกลุ่มนี้คือคนที่ไม่เคยติดตามข่าวสารการเมืองจริงจัง โดยรอบนี้พี่คิงส์จะไม่เอาข้อมูลเก่าที่เคยนำเสนอไปแล้ว มาเล่าซ้ำ เอาบทสัมภาษณ์สดๆร้อนๆเมื่อห้าโมงเย็นที่ผ่านมานี่แหละ อ่านแล้ววิเคราะห์เอาเอง ตาจะได้สว่าง พี่คิงส์โพธิ์แดงย้ำว่า อาเจนด้าของเพจนี้คือการยืนอยู่บนความถูกต้อง เปิดเผยความจริงในด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ และปกป้องสถาบันที่เรารักไม่ให้ถูกบิดเบือน ให้ร้าย ดังนั้น เพจนี้จึงไม่ได้ต้องเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง และก็ไม่ได้ต้องโจม ตี พรรคใดพรรคหนึ่ง ว่ากันเป็นเรื่องๆ ยกเว้นพรรคส้มเน่า มันมีแกนแนวคิด ที่ล้มล้างการปกครอง จึงไม่มีความดีใดๆให้สรรเสริญ พี่คิงส์ฯเชื่อว่า หลายคนงงๆ และยังไม่ชินเพราะปกติ เพจต้องสร้างมาเพื่อเชียร์ฝั่งนึง และเล่นงานอีกฝั่งนึง พอพี่คิงส์เอาความจริงที่ฝั่งตัวเองเชียร์ทำไม่ดีมาเปิด ก็จะผลักพี่คิงส์ไปอีกฝั่งทันที ทรวยเหอะ เรื่องของเมิง ไอ่พวกนี้ไม่ให้ราคา เพราะพี่คิงส์เชื่อว่าคนที่คอเดียวกันมีเยอะ ว่ากันต่อเรื่องบทสัมภาษณ์ นักข่าวได้ซักถาม กรณีที่แถลงข่าวไปเมื่อวาน คำถามเช่น ไปคุยอะไรชั้น 14 หลักฐานที่มีคว่ำโทนี่ได้เลยมั๊ย รอบนี้สู้จริงหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้ที่พี่คิงส์จะจับประเด็นให้เข้าใจง่ายๆคือ 1. โทนี่พูดเสมอว่า "ผมเป็นหนี้บุญคุณพี่เสรีเยอะมาก" และโทนี่โทรไปให้ช่วยโหวตอิ๊งเป็นนายก แต่พอคุยกับภูมิธรรม ว่าตัวเองอยากได้รองนายกและคุมความมั่นคงคุมตำรวจทั่วปรปะเทศ เพราะคุณสมบัติของตัวเองเหมาะสมที่สุด แต่โทนี่จะตั้งอิ๊งคุมความมั่นคง โดยตัวเองนี่แหละจะดูเอง 2. ประเด็นที่สองคือ เมื่อรู้ว่าตัวเองขอแล้วไม่ได้ ก็เลยทำเอกสารขู่ยื่นโนติสว่าพรรคตัวเองที่มีสส.คนเดียว จะถอนตัวนะ และเริ่มให้ข่าวกับสื่อว่า จะแถลงแต่แล้วโทนี่ก็ไม่โทรมาง้อ 3. ที่แถลงข่าว แต่แถลงครึ่งๆกลางๆ อ้างว่าบอกนักข่าวได้แค่บางส่วน นักข่าวถามว่ามีข่าวว่า เพื่อไทยติดต่อมาจะให้ตำแหน่งที่ต้องการ ก็ตอบด้วยความน้อยใจว่า ยัง ยังไม่มี 4. ยกตัวเองว่า เสรีนี่แหละคือตำรวจที่ดีและเหมาะสมที่สุด คุณสมบัติของเสรี เป็นนายกยังเก่งว่าโทนี่ด้วยซ้ำ ถ้าเอาตัวเองไปคุมตำรวจ ก็จะทำให้คนไทยทั้งประเทศเจริญ เป็นผลงานของพรรคเพื่อไทย 5. ตำรวจทั่วประเทศต้องปฏิรูป ตร.ชั้นประทวนจบม.หกมาเป็น ได้ยังไง กระจอก ชั้นสัญญาบัตรจบแค่ป.ตรี เป็นได้ไง 6. เสรี มีบุญคุณกับเพื่อไทยมากมาย นอกเหนือจากที่โทนี่นัดไปคุยชั้น 14 ขอให้ถอนเรื่องร้องเรียน นายกนิดเรื่องแต่งตั้งผบตร. ก็ยังทำให้เพื่อไทยได้ส.ส.เป็นสิบที่นั่ง โดยแจงละเอียดว่า สส.เพื่อไทยคนไหนมาให้ช่วย ตัวเองก็จะหาช่องทางกฏหมายเล่นงาน จนต้องถอนตัวบ้าง บางคนยังมีค-ดีถึงวันนี้ไม่จบไม่สิ้น หนึ่งในนั้นคือสหายแสง บางคนเป็นผู้ลงสมัครสส.เพื่อไทย แต่ทำผิด ตัวเองก็ดึงเวลาให้หมดอายุความ นี่ก็บุญคุณขนาดไหน 7. เสรีโยนความผิดว่า อิ๊งน่าจะได้รับสารที่ตัวเองส่งไป ที่ไปโนติสว่าไม่ให้ตำแหน่งจะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็เพื่อไทย ให้เด็กเป็นผู้นำ เลยไม่ได้เรื่อง เรื่องสำคัญขนาดเรื่องของเสรี จะต้องจัดการยังไง ไม่ใช่เงียบแบบนี้ สรุปว่า ณ นาทีนี้ วีรบุรุษหน้าแก่ ก็ยังคงรอสัญญาณมือถือจากโทนี่ ยังมีความหวังว่าจะได้คุมความมั่นคงและตำรวจทั่วประเทศจนได้ และทิ้งท้ายก็ยังปล่อยหมัดเด็ดอีกว่า ถ้าเปิดหลักฐาน ราชทันฑ์ รพ.มีเข้าตารางแน่นอน อ่านบทสัมภาษณ์มาทั้งหมดแล้ว คงเข้าใจและเบิกเนตรใครได้อีกหลายคน เข้าใจซักทีว่าทำไม เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงไม่เคยเชื่อใจ ไอ่เฒ่านี้เลย นี่ไม่ได้เล่าความเดิมตอนที่แล้วเลยแม้แต่น้อย เอาของปัจจุบันวันนี้นี่แหละ คนที่มีสติปัญญา สว่างวาบทันที ดังนั้น...ตั้งสติกันหน่อย ไม่ใช่เห็นใครแสดงขึงขัง แ-ฉ เพื่อชาติ แล้วจะเฮโลไปเชียร์ เจอไอ่ตั้ม สุรเชษฐ์ แล้วเป็นไงกันหละ ทัวร์เลี้ยวกลับกันแทบไม่ทัน ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 699 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้ วันอยู่บำรุง ได้ใจพี่คิงส์โพธิ์แดงไปเลย
    ถึงอิ๊งจะเป็นลูกสาวคนซั่วอย่างโทนี่
    ที่สร้างวีรกรรมซั่วๆไว้มากมาย
    แต่วันนี้ อิ๊งมีสามี มีลูก มีครอบครัว
    ไม่ควรนำภาพแบบนี้มาแชร์กัน
    การเมืองอุดมการณ์สู้กันได้
    แต่ต้องไม่ทำลายครอบครัวใคร
    วันอยู่บำรุง ผ่าน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เรื่องนี้ วันอยู่บำรุง ได้ใจพี่คิงส์โพธิ์แดงไปเลย ถึงอิ๊งจะเป็นลูกสาวคนซั่วอย่างโทนี่ ที่สร้างวีรกรรมซั่วๆไว้มากมาย แต่วันนี้ อิ๊งมีสามี มีลูก มีครอบครัว ไม่ควรนำภาพแบบนี้มาแชร์กัน การเมืองอุดมการณ์สู้กันได้ แต่ต้องไม่ทำลายครอบครัวใคร วันอยู่บำรุง ผ่าน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    Haha
    14
    1 Comments 0 Shares 578 Views 0 Reviews
  • ♣ เสรีพิศุทธ์เปิดศึกโทนี่ ไฟต์หยุดโลก หรือไฟต์หยุดแฉ
    #7ดอกจิก
    ♣ เสรีพิศุทธ์เปิดศึกโทนี่ ไฟต์หยุดโลก หรือไฟต์หยุดแฉ #7ดอกจิก
    Like
    Yay
    Haha
    7
    1 Comments 0 Shares 446 Views 175 0 Reviews
  • กับภาพนี้ที่หลายคนโฟกัสที่เท้า
    แต่พี่คิงส์อยากให้โฟกัสที่ภาพรวม
    สภาพโทนี่ไม่ได้ฟิตเหมือน 17 ปีที่แล้ว
    เอาจริงๆ ร่างกายเป็นแบบไหนให้สังเกตุที่ท่ายืน
    จะ 80 แล้ว แต่ยังมีแต่โทสะจิตใจว้าวุ่น
    คิดซับคิดซ้อน เต็มไปด้วยเล่ห์ สมองอ่อนล้าไปหมดแล้ว
    สุดท้าย ยิ่งใหญ่แค่ไหน พ่ายแพ้ต่อสังขาลตัวเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กับภาพนี้ที่หลายคนโฟกัสที่เท้า แต่พี่คิงส์อยากให้โฟกัสที่ภาพรวม สภาพโทนี่ไม่ได้ฟิตเหมือน 17 ปีที่แล้ว เอาจริงๆ ร่างกายเป็นแบบไหนให้สังเกตุที่ท่ายืน จะ 80 แล้ว แต่ยังมีแต่โทสะจิตใจว้าวุ่น คิดซับคิดซ้อน เต็มไปด้วยเล่ห์ สมองอ่อนล้าไปหมดแล้ว สุดท้าย ยิ่งใหญ่แค่ไหน พ่ายแพ้ต่อสังขาลตัวเอง #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    Like
    10
    0 Comments 0 Shares 536 Views 0 Reviews
  • #ไม่เคยเชื่อชายที่ชื่อว่าเสรีพิสุทธิ์วีระบุรุษนากีย์เลย
    ประเด็นของตาเฒ่า ไม่ซับซ้อน คุยกันแบบตรงไปตรงมา
    ตาเฒ่านากีย์ ก็แค่อยากคุมตำรวจ มหาดไทย
    คุมไปทำไม
    เอาไว้ช่วยไอ่สุรเชษฐ์ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกันมาตลอด
    ชนิดที่เสนอหน้าปกป้องแบบไม่ต้องเขินกันเลยทีเดียว
    สุรเชษฐ์พร้อมจ่าย เพื่อให้ป๋าเสรีได้คุมตร.
    ติดปัญหาคือ สุรเชษฐ์ แม๊วเห็นเป็นแค่หมาหมดสภาพตัวนึง
    แล้วดันมีปัญหากับนายกนิดสารพัดเรื่องแต่งตั้งบิ๊กต่าย
    ซ้ำยังการดึงพรรคที่มีสส.มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
    ตัวล่อเดียวคือ ตำแหน่งรมต. พรรคมีสส.น้อยหน่อย ก็ได้รมต.ช่วย หรือได้ปลัด อธิบดี เฉลี่ยจนลงตัว แต่ตำแหน่งรมต.มหาดไทยนี่
    อย่างน้อยต้องมีสส.10 คนขึ้นไป ถึงพอจะคุยได้ ถ้าให้ไอ่เฒ่าเสรีนากีย์
    1 ตำแหน่งทั้งๆที่มี สส.ทั้งพรรคแค่คนเดียว ไม่โดนสหบาทาของพรรคร่วมรึยังไง
    ก็นี่แหละ แม๊วไม่ให้ตำแหน่งที่ปรารถนา เพราะคิดมาตลอดว่า
    ตัวเอง กุมความลับสำคัญ
    วันนี้ ที่เปิดแง้มๆ เหมือนขรี้แบบไม่สุด
    พี่คิงส์อยากให้ทุกคนรู้ไว้ นี่คือ "เชิงหมาแก่" ของแทร่
    บอกว่าตอนนี้ตัวเองมีอะไร เอ้า ไล่ดู
    1. ไปชั้น 14 ไม่ได้ไปคนเดียวนะ
    2. มีหลักฐานเป็นไลน์
    3. พร้อมจะให้ข้อมูลเป็นพยานกับ ปปช กรณีที่ ปปช ดำเนินเรื่องเปื่อยทิพย์ ซึ่งก็รันตามระบบ อย่างรวดเร็ว
    4. ยังไม่เปิด ตอนนี้ รอสังคม (สังคมห่านอะไร รอคนมาประมูลอะดิ)
    5. ย้ำอ้างตลอด ว่าลุงตู่ให้ฉามร้อยล้าน ข้ายังไม่เอาเลย
    ถามว่า "ย้ำเพื่ออะไร" ก็เพื่อส่งสัญญาณว่า ใครจะมาประมูลต้องมากกว่านี้ มากกว่าเยอะด้วย และต้องพ่วงด้วยถ้าได้ขึ้นเป็นใหญ่ต้องให้ตำแหน่งที่ปรารถนา
    จับตาได้เลย .. สังเกตุง่ายๆ
    1. ถ้าเสรีเฒ่าแรงๆแบบนี้ต่อ แปลว่า ยังไม่ได้เรทที่ต้องการ ดึงเช็งรอเรทที่เหมาะสม
    2. ไม่มีใครสนใจ เพราะรู้เหมือนพี่คิงส์ว่าเชิงหมาแก่ แม่ม ไม่เอาจริง
    3. ถ้าอยู่ดีๆ ดูเบาๆ ยังไงแปลกๆ ก็รู้ไว้เลยว่า รับทรัพย์รอเกษียนแล้ว
    4. อยู่ดีๆ ไปเป็น รมต.มหาดไทย หรือได้ตำแหน่งใหญ่โตคุมตร.และมีอำนาจที่จะช่วยสุรเชษฐ์ได้ แปลว่า แม๊วยอมแพ้เสรีนากีย์เฒ่า
    ต่อให้ดูว่าแถลงข่าวจะดูเหมือนจะดี สำหรับการโค่นคนอย่างโทนี่แม๊วได้บ้าง
    แต่ยังไงบอกเลย เสรีย์เตมียะกีย์เฒ่านี้ ศีลก็ไม่ต่างจากแม๊วหรอก
    แค่จอกกว่าเยอะแค่นั้นเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ไม่เคยเชื่อชายที่ชื่อว่าเสรีพิสุทธิ์วีระบุรุษนากีย์เลย ประเด็นของตาเฒ่า ไม่ซับซ้อน คุยกันแบบตรงไปตรงมา ตาเฒ่านากีย์ ก็แค่อยากคุมตำรวจ มหาดไทย คุมไปทำไม เอาไว้ช่วยไอ่สุรเชษฐ์ เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกันมาตลอด ชนิดที่เสนอหน้าปกป้องแบบไม่ต้องเขินกันเลยทีเดียว สุรเชษฐ์พร้อมจ่าย เพื่อให้ป๋าเสรีได้คุมตร. ติดปัญหาคือ สุรเชษฐ์ แม๊วเห็นเป็นแค่หมาหมดสภาพตัวนึง แล้วดันมีปัญหากับนายกนิดสารพัดเรื่องแต่งตั้งบิ๊กต่าย ซ้ำยังการดึงพรรคที่มีสส.มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตัวล่อเดียวคือ ตำแหน่งรมต. พรรคมีสส.น้อยหน่อย ก็ได้รมต.ช่วย หรือได้ปลัด อธิบดี เฉลี่ยจนลงตัว แต่ตำแหน่งรมต.มหาดไทยนี่ อย่างน้อยต้องมีสส.10 คนขึ้นไป ถึงพอจะคุยได้ ถ้าให้ไอ่เฒ่าเสรีนากีย์ 1 ตำแหน่งทั้งๆที่มี สส.ทั้งพรรคแค่คนเดียว ไม่โดนสหบาทาของพรรคร่วมรึยังไง ก็นี่แหละ แม๊วไม่ให้ตำแหน่งที่ปรารถนา เพราะคิดมาตลอดว่า ตัวเอง กุมความลับสำคัญ วันนี้ ที่เปิดแง้มๆ เหมือนขรี้แบบไม่สุด พี่คิงส์อยากให้ทุกคนรู้ไว้ นี่คือ "เชิงหมาแก่" ของแทร่ บอกว่าตอนนี้ตัวเองมีอะไร เอ้า ไล่ดู 1. ไปชั้น 14 ไม่ได้ไปคนเดียวนะ 2. มีหลักฐานเป็นไลน์ 3. พร้อมจะให้ข้อมูลเป็นพยานกับ ปปช กรณีที่ ปปช ดำเนินเรื่องเปื่อยทิพย์ ซึ่งก็รันตามระบบ อย่างรวดเร็ว 4. ยังไม่เปิด ตอนนี้ รอสังคม (สังคมห่านอะไร รอคนมาประมูลอะดิ) 5. ย้ำอ้างตลอด ว่าลุงตู่ให้ฉามร้อยล้าน ข้ายังไม่เอาเลย ถามว่า "ย้ำเพื่ออะไร" ก็เพื่อส่งสัญญาณว่า ใครจะมาประมูลต้องมากกว่านี้ มากกว่าเยอะด้วย และต้องพ่วงด้วยถ้าได้ขึ้นเป็นใหญ่ต้องให้ตำแหน่งที่ปรารถนา จับตาได้เลย .. สังเกตุง่ายๆ 1. ถ้าเสรีเฒ่าแรงๆแบบนี้ต่อ แปลว่า ยังไม่ได้เรทที่ต้องการ ดึงเช็งรอเรทที่เหมาะสม 2. ไม่มีใครสนใจ เพราะรู้เหมือนพี่คิงส์ว่าเชิงหมาแก่ แม่ม ไม่เอาจริง 3. ถ้าอยู่ดีๆ ดูเบาๆ ยังไงแปลกๆ ก็รู้ไว้เลยว่า รับทรัพย์รอเกษียนแล้ว 4. อยู่ดีๆ ไปเป็น รมต.มหาดไทย หรือได้ตำแหน่งใหญ่โตคุมตร.และมีอำนาจที่จะช่วยสุรเชษฐ์ได้ แปลว่า แม๊วยอมแพ้เสรีนากีย์เฒ่า ต่อให้ดูว่าแถลงข่าวจะดูเหมือนจะดี สำหรับการโค่นคนอย่างโทนี่แม๊วได้บ้าง แต่ยังไงบอกเลย เสรีย์เตมียะกีย์เฒ่านี้ ศีลก็ไม่ต่างจากแม๊วหรอก แค่จอกกว่าเยอะแค่นั้นเอง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 705 Views 0 Reviews
  • ก็มุกเก่าแบบโทนี่ ค-ดีก็ยังเดินเร็วมาก
    ปูจะใช้เอ็นเปื่อยยุ่ยซ้ำ คงไม่ได้
    พี่คิงส์ฯของแนะนำ กลับมาต้องทรงนี้
    รับรองไม่มีใครต่อต้านแน่นอน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ก็มุกเก่าแบบโทนี่ ค-ดีก็ยังเดินเร็วมาก ปูจะใช้เอ็นเปื่อยยุ่ยซ้ำ คงไม่ได้ พี่คิงส์ฯของแนะนำ กลับมาต้องทรงนี้ รับรองไม่มีใครต่อต้านแน่นอน #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • โทนี่แม๊ว ข้ามทุกหัว แม้แต่เสื้อแดง
    ข้ามแล้วจะทำไม
    แขกแบกไม่ไหว แล้วจะทำไรกรู
    อย่างเฉียบนะ ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แขกคำผกา
    โทนี่แม๊ว ข้ามทุกหัว แม้แต่เสื้อแดง ข้ามแล้วจะทำไม แขกแบกไม่ไหว แล้วจะทำไรกรู อย่างเฉียบนะ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #แขกคำผกา
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
More Results