• #ห้างสรรพสินค้า #Jelmoli #ซูริค #ปิดตัวลง🇨🇭 ใจหายเหมือนกันนะ เห็นกันมานาน แต่ไม่ค่อยได้อุดหนุน😁
    #ห้างสรรพสินค้า #Jelmoli #ซูริค #ปิดตัวลง🇨🇭 ใจหายเหมือนกันนะ เห็นกันมานาน แต่ไม่ค่อยได้อุดหนุน😁
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • ขนมจุ๊ยก๊วย หรือขนมถ้วยของคนจีน เป็นขนมโบราณของคนจีนแคระ หาทานได้ยากมาก ร้านจุ๊ยก๊วยนี้มีอายุเกือบ 100 ปี ถ่ายทอดสู่รุ่นที่ 3 โดยใช้แป้งข้าวเจ้าสดเนื้อเนียน นึ่งด้วยถ้วยตะไลสีขาว แป้งเหนียวนุ่ม โรยหน้าด้วยหัวไช้โป๊วสับ ผัดให้หอมราดด้วยซีอิ้วที่รสชาติออกเค็มนิดหวานหน่อย และใส่พริกน้ำส้มรสชาติเปรี้ยวๆ โดยที่ร้านเปิดเป็น Delivery เท่านั้น หรือบูธออกงานตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป

    พิกัด : https://goo.gl/maps/utVJQegNPPcZmhxt5
    ที่อยู่ : ซอยเจริญกรุง 21 ถนนเจริญกรุง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    เปิดบริการ : ไม่ระบุ
    โทร : 08-41497845, 08-5946-1554

    #อาหารเจ #กินสาระนัวร์ #อิ่มแล้วได้บุญ #Thaitimes
    ขนมจุ๊ยก๊วย หรือขนมถ้วยของคนจีน เป็นขนมโบราณของคนจีนแคระ หาทานได้ยากมาก ร้านจุ๊ยก๊วยนี้มีอายุเกือบ 100 ปี ถ่ายทอดสู่รุ่นที่ 3 โดยใช้แป้งข้าวเจ้าสดเนื้อเนียน นึ่งด้วยถ้วยตะไลสีขาว แป้งเหนียวนุ่ม โรยหน้าด้วยหัวไช้โป๊วสับ ผัดให้หอมราดด้วยซีอิ้วที่รสชาติออกเค็มนิดหวานหน่อย และใส่พริกน้ำส้มรสชาติเปรี้ยวๆ โดยที่ร้านเปิดเป็น Delivery เท่านั้น หรือบูธออกงานตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป พิกัด : https://goo.gl/maps/utVJQegNPPcZmhxt5 ที่อยู่ : ซอยเจริญกรุง 21 ถนนเจริญกรุง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เปิดบริการ : ไม่ระบุ โทร : 08-41497845, 08-5946-1554 #อาหารเจ #กินสาระนัวร์ #อิ่มแล้วได้บุญ #Thaitimes
    Like
    Wow
    2
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ

    People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!”

    ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย

    กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)

    #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!” ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    Like
    Sad
    Angry
    Haha
    15
    2 Comments 0 Shares 424 Views 0 Reviews
  • (ภาพปกอยู่บนโพสต์ด้านบน)

    PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ

    People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!”

    ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย

    กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO)

    #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    (ภาพปกอยู่บนโพสต์ด้านบน) PETA จากลิงเก็บมะพร้าว ถึงหมูเด้งฮิปโปแคระ People for the Ethical Treatment of Animal หรือ พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ในสหรัฐอเมริกา ออกแคมเปญแบบโลกไม่ลืม ล่าสุดจากกระแสความฮิตของหมูเด้ง ฮิปโปแคระเพศเมียในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ที่โด่งดังไปทั่วโลก พีต้ากลับโพสต์รณรงค์ให้ช่วยกันบอยคอตสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระบุว่า “TikTok ทำให้หมูเด้งกลายเป็นเซเลปดัง แต่ความจริงกลับไม่ได้น่ารักแบบนั้น เพราะสวนสัตว์ในประเทศไทยกำลังหาประโยชน์จากหมูเด้ง เพื่อแสวงหากำไร โดยโชว์หมูเด้งราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่บ้านของฮิปโป คือ ป่าในธรรมชาติ ขอชวนมาบอตคอต (Boycott) สวนสัตว์ที่กักขังสัตว์ป่ากัน !!” ปรากฎว่าชาวเน็ตไทยต่างตอบโต้พีต้า ยืนยันว่าหมูเด้งไม่ได้ถูกทรมาน แต่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ยืนยันว่าการปกป้องสัตว์ป่าบางชนิดคือการเลี้ยงในสวนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยจากการถูกล่าโดยมนุษย์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน พร้อมถามกลับว่า การเอาสัตว์ในสวนสัตว์ไปปล่อยป่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าสัตว์ป่าจะปลอดภัย ไม่นับรวมคอมเมนต์ในเชิงตลกขบขัน ทำนองว่าในประเทศไทยใช้กบเหลาดินสอ ใช้เป็ดล้างห้องน้ำ ใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ซึ่งเป็นชื่อเรียกสิ่งของบางชนิด แบบชนิดที่ว่าฝรั่งไม่เข้าใจแต่คนไทยเก็ต ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรพิทักษ์สัตว์ กล่าวถึงประเทศไทยในทางเสื่อมเสีย ก่อนหน้านี้พีต้าเปิดประเด็นลิงเก็บมะพร้าวทางภาคใต้ของไทยทรมานสัตว์ ทั้งที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย และเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงที่มีความเมตตาและผูกพัน รักและเลี้ยงเหมือนลูกด้วยซ้ำ แต่พีต้ากลับเปิดเผยรายงานการสอบสวนทำนองว่า ลิงที่ถูกใช้เก็บมะพร้าวเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำกะทินั้นเป็นลิงเถื่อนที่ถูกพรากมาจากครอบครัว ถูกล่ามโซ่ตลอดเวลา ทำการฝึกสอนอย่างทารุณ และบังคับให้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อเก็บมะพร้าว ทำให้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการจำหน่ายกะทิจากประเทศไทย กระทั่งสำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย เพราะส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ จงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าว ทั้งที่ผู้ผลิตกะทิจากประเทศไทย และองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ทำให้พีต้าใช้สำนักงานกฎหมาย TILLEKE & GIBBINS ยื่นโนติสให้ลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ทันที ซึ่งเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) #Newskit #PETA #หมูเด้ง
    Like
    Angry
    4
    0 Comments 1 Shares 533 Views 0 Reviews
  • มาเลเซียเอาบ้าง งดแจกถุงพลาสติก

    ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และร้านเพื่อสุขภาพและความงามในประเทศมาเลเซียกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ จะงดแจกถุงพลาสติดแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic bags) อย่างเป็นทางการ หากลูกค้าไม่ได้นำถุงพลาสติกมาเอง สามารถหาซื้อถุงรีไซเคิลได้ที่ร้านค้า ตามแคมเปญ "Say No to Single-Use Plastics" ของกระทรวงการเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น

    นายหงา กอร์ มิง รมว.การเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า เครือข่ายร้านค้าปลีกชั้นนำบางแห่งได้เริ่มงดแจกถุงพลาสติกแล้ว แต่บัดนี้พวกเขาได้ลงนามความร่วมมือครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้ปีละ 200 ล้านใบ ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด และยืดอายุการใช้งานหลุมฝังกลบขยะที่มีอยู่

    ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียต้องแบกรับต้นทุนการจัดการขยะมูลฝอยและการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ สูงกว่า 2,000 ล้านริงกิตต่อปี และกำลังดำเนินการเพื่อลดการพึ่งพาหลุมฝังกลบ ซึ่งปัจจุบันประเทศมาเลเซียมีหลุมฝังกลบขยะที่ไม่ถูกสุขอนามัย 114 แห่ง มีเพียง 22 แห่งที่ถูกสุขอนามัย ซึ่งการเปิดหลุมฝังกลบขยะและการปรับปรุงหลุมฝังกลบขยะเดิมต้องใช้ต้นทุนสูงมาก

    นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ กำลังจัดทำร่างกฎหมายจัดการผู้ที่ทิ้งขยะโดยขาดความรับผิดชอบ และจะนำเสนอต่อรัฐสภาในปี 2568 เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมืองอย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวที่นี่ แล้วถ่ายคลิปลงติ๊กต็อก ชื่อเสียงของประเทศจะได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมายและประสบความสำเร็จในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

    ร้านค้าปลีกในมาเลเซียที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 99 Speedmart 2,533 สาขา 7-Eleven 2,400 สาขา KK Mart 808 สาขา Watsons 733 สาขา Guardian 602 สาขา emart24 65 สาขา ส่วนห้างสรรพสินค้า อาทิ กลุ่ม GCH Retail (Giant / Cold Storage / Mercato) 93 สาขา AEON 35 สาขา AEON Big 21 สาขา Mydin 78 สาขา Lotus's 68 สาขา The Store 50 สาขา TF Value Mart 45 สาขา Econsave 33 สาขา NSK Trade City 32 สาขา Lulu 5 สาขา เป็นต้น

    สำหรับประเทศไทย ภาครัฐได้ผลักดันนโยบายงดแจกถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมา แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ว่าการจำหน่ายถุงพลาสติกแทนการแจก เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค

    #Newskit #งดแจกถุงพลาสติก #มาเลเซีย
    มาเลเซียเอาบ้าง งดแจกถุงพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา และร้านเพื่อสุขภาพและความงามในประเทศมาเลเซียกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ จะงดแจกถุงพลาสติดแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic bags) อย่างเป็นทางการ หากลูกค้าไม่ได้นำถุงพลาสติกมาเอง สามารถหาซื้อถุงรีไซเคิลได้ที่ร้านค้า ตามแคมเปญ "Say No to Single-Use Plastics" ของกระทรวงการเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น นายหงา กอร์ มิง รมว.การเคหะและการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า เครือข่ายร้านค้าปลีกชั้นนำบางแห่งได้เริ่มงดแจกถุงพลาสติกแล้ว แต่บัดนี้พวกเขาได้ลงนามความร่วมมือครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้ปีละ 200 ล้านใบ ลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด และยืดอายุการใช้งานหลุมฝังกลบขยะที่มีอยู่ ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียต้องแบกรับต้นทุนการจัดการขยะมูลฝอยและการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ สูงกว่า 2,000 ล้านริงกิตต่อปี และกำลังดำเนินการเพื่อลดการพึ่งพาหลุมฝังกลบ ซึ่งปัจจุบันประเทศมาเลเซียมีหลุมฝังกลบขยะที่ไม่ถูกสุขอนามัย 114 แห่ง มีเพียง 22 แห่งที่ถูกสุขอนามัย ซึ่งการเปิดหลุมฝังกลบขยะและการปรับปรุงหลุมฝังกลบขยะเดิมต้องใช้ต้นทุนสูงมาก นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ กำลังจัดทำร่างกฎหมายจัดการผู้ที่ทิ้งขยะโดยขาดความรับผิดชอบ และจะนำเสนอต่อรัฐสภาในปี 2568 เพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมืองอย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคของโซเชียลมีเดีย หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวที่นี่ แล้วถ่ายคลิปลงติ๊กต็อก ชื่อเสียงของประเทศจะได้รับผลกระทบ ที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมายและประสบความสำเร็จในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ร้านค้าปลีกในมาเลเซียที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 99 Speedmart 2,533 สาขา 7-Eleven 2,400 สาขา KK Mart 808 สาขา Watsons 733 สาขา Guardian 602 สาขา emart24 65 สาขา ส่วนห้างสรรพสินค้า อาทิ กลุ่ม GCH Retail (Giant / Cold Storage / Mercato) 93 สาขา AEON 35 สาขา AEON Big 21 สาขา Mydin 78 สาขา Lotus's 68 สาขา The Store 50 สาขา TF Value Mart 45 สาขา Econsave 33 สาขา NSK Trade City 32 สาขา Lulu 5 สาขา เป็นต้น สำหรับประเทศไทย ภาครัฐได้ผลักดันนโยบายงดแจกถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมา แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ว่าการจำหน่ายถุงพลาสติกแทนการแจก เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค #Newskit #งดแจกถุงพลาสติก #มาเลเซีย
    Like
    8
    0 Comments 1 Shares 544 Views 0 Reviews
  • (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน

    เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น.

    เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์

    ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ

    การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App

    ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

    #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น. เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    Like
    Wow
    5
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • Flexi Taopoon-Interchange : เฟล็กซี่ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์

    ✧ รายละเอียด ✧

    ⋆ เฟล็กซี่ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียง 4 นาที และใกล้ทางด่วนศรีรัช เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
    ⋆ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง สถานศึกษา และสถานพยาบาลชั้นนำมากมาย
    ⋆โดดเด่นด้วยสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ต ใจกลางเมือง เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สถานี ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ห้องพักกว้างขวาง โปร่งสบาย พร้อมครัวปิดที่แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นสัดส่วน ให้คุณได้ใช้เวลาทำอาหารอย่างเพลิดเพลิน ห้องพักมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ให้คุณหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที
    ⋆ ห้องนอนทุกห้องติดระเบียงหรือช่องแสง ให้คุณได้นอนชมวิวภายนอกไปด้วยได้ เพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ให้คุณใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งทำงานหรือ Walk-in Closet ก็สามารถทำได้ตามใจปรารถนา

    ⟢ สิ่งอำนวยความสะดวก ⟢
    ⋆ Clubhouse
    ⋆ Fitness
    ⋆ Swimming Pool ระบบเกลือ
    ⋆ Co-Working Space
    ⋆ EV Charger
    ⋆ Solar Cell
    ⋆ ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    ⋆ สวนส่วนกลาง
    ⋆ ที่จอดรถ 253 คัน แบบรวมจอดซ้อนคัน
    ⋆ Shuttle Service บริการรับ-ส่ง MRT
    ⋆ ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access ระบบ Bluetooth ระยะไกล

    ⊹ สถานที่ใกล้เคียง ⊹

    ห้างสรรพสินค้า & ตลาด
    ⋆ ตลาดศรีเขมา ~ 1.1 k.
    ⋆ ตลาดเตาปูน ~ 2.2 km.
    ⋆ Tesco Lotus บางซื่อ ~ 3.1 km.
    ⋆ Makro สามเสน ~ 3.5 km.
    ⋆ BigC วงศ์สว่าง ~ 4.2 km.
    ⋆ The Mall งามวงศ์วาน ~ 8.1 km.
    ⋆ Central ลาดพร้าว ~ 9.9 km.

    ศูนย์การแพทย์
    ⋆โรงพยาบาลบางโพ ~ 1.3 km.

    สถานศึกษา
    ⋆โรงเรียนโยธินบูรณะ ~ 950 m.
    ⋆ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 3 km.
    ⋆โรงเรียนราชินีบน ~ 3.3 km.

    สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
    ⋆ รัฐสภาใหม่ ~ 2.4 km.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Flexi Taopoon-Interchange : เฟล็กซี่ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์ ✧ รายละเอียด ✧ ⋆ เฟล็กซี่ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียง 4 นาที และใกล้ทางด่วนศรีรัช เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ⋆ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง สถานศึกษา และสถานพยาบาลชั้นนำมากมาย ⋆โดดเด่นด้วยสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ต ใจกลางเมือง เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สถานี ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ห้องพักกว้างขวาง โปร่งสบาย พร้อมครัวปิดที่แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นสัดส่วน ให้คุณได้ใช้เวลาทำอาหารอย่างเพลิดเพลิน ห้องพักมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ให้คุณหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที ⋆ ห้องนอนทุกห้องติดระเบียงหรือช่องแสง ให้คุณได้นอนชมวิวภายนอกไปด้วยได้ เพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ให้คุณใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งทำงานหรือ Walk-in Closet ก็สามารถทำได้ตามใจปรารถนา ⟢ สิ่งอำนวยความสะดวก ⟢ ⋆ Clubhouse ⋆ Fitness ⋆ Swimming Pool ระบบเกลือ ⋆ Co-Working Space ⋆ EV Charger ⋆ Solar Cell ⋆ ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร ⋆ สวนส่วนกลาง ⋆ ที่จอดรถ 253 คัน แบบรวมจอดซ้อนคัน ⋆ Shuttle Service บริการรับ-ส่ง MRT ⋆ ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access ระบบ Bluetooth ระยะไกล ⊹ สถานที่ใกล้เคียง ⊹ ห้างสรรพสินค้า & ตลาด ⋆ ตลาดศรีเขมา ~ 1.1 k. ⋆ ตลาดเตาปูน ~ 2.2 km. ⋆ Tesco Lotus บางซื่อ ~ 3.1 km. ⋆ Makro สามเสน ~ 3.5 km. ⋆ BigC วงศ์สว่าง ~ 4.2 km. ⋆ The Mall งามวงศ์วาน ~ 8.1 km. ⋆ Central ลาดพร้าว ~ 9.9 km. ศูนย์การแพทย์ ⋆โรงพยาบาลบางโพ ~ 1.3 km. สถานศึกษา ⋆โรงเรียนโยธินบูรณะ ~ 950 m. ⋆ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 3 km. ⋆โรงเรียนราชินีบน ~ 3.3 km. สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ ⋆ รัฐสภาใหม่ ~ 2.4 km. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 Reviews
  • A Space Me Rattanathibet : เอ สเปซ มี รัตนาธิเบศร์

    **ราคา/รายละเอียด
    ราคาเริ่มต้น 2,550,000 บาท (1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 25.95 ตรม.)

    รายละเอียดโครงการ

    คอนโดแถวถนนรัตนาธิเบศร์ จุดสังเกตและเป็นข้อได้เปรียบคือ ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับโครงการคือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ทั้งนี้นอกจากห้างสรรพสินค้าแล้ว ก็มีทั้งอาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ ร้านค้า ร้านอาหารและบ้านเรือนประชาชน รวมถึงคลองบางซื่อด้วย

    นอกจากนี้ก็ถือว่าเป็นทำเลเดินทางไปมาได้สะดวก เพราะอยู่ระหว่างจุดกลับรถเกือกม้าของทั้งฝั่งที่มาจากแคราย และฝั่งที่มาจากบางบัวทอง และอยู่ใกล้กับถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ไม่ต้องไปกลับรถไกล อีกทั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีแยกนนทบุรี 1 ประมาณ 300 เมตร

    เรียกได้ว่าทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ในจุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน แม้วันนี้อาจไม่หวือหวาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเมืองกำลังเติบโต แต่เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ 2 – 3 ปีข้างหน้า จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น

    **สิ่งอำนวยความสะดวก

    – ฟิตเนส
    – สระว่ายน้ำ
    – เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ)
    – Pool Seat
    – Pool Bed
    – สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่
    – CCTV
    – ห้องสมุด
    – ห้องประชุมขนาดใหญ่

    **สถานที่ใกล้เคียง

    – เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์
    – บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า
    – เทสโก้ โลตัส
    – เอสพลานาด แคราย
    – ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัลพลาซา รัตนาธิเบศร์
    – อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ รัตนาธิเบศร์
    – โรบินสัน สาขารัตนาธิเบศร์
    – บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ 2
    – สถานีแยกนนทบุรี 1
    – สถานีบางกระสอ
    – สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
    – สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
    – โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ อำเภอเมืองนนทบุรี
    – โรงเรียนศรีบุณยานนท์
    –โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี
    – โรงเรียนนครนนท์วิทยา 4 วัดบางแพรกเหนือ
    – โรงเรียนนครนนท์วิทยา 1 วัดท้ายเมือง

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    A Space Me Rattanathibet : เอ สเปซ มี รัตนาธิเบศร์ **ราคา/รายละเอียด ราคาเริ่มต้น 2,550,000 บาท (1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 25.95 ตรม.) รายละเอียดโครงการ คอนโดแถวถนนรัตนาธิเบศร์ จุดสังเกตและเป็นข้อได้เปรียบคือ ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับโครงการคือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ทั้งนี้นอกจากห้างสรรพสินค้าแล้ว ก็มีทั้งอาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ ร้านค้า ร้านอาหารและบ้านเรือนประชาชน รวมถึงคลองบางซื่อด้วย นอกจากนี้ก็ถือว่าเป็นทำเลเดินทางไปมาได้สะดวก เพราะอยู่ระหว่างจุดกลับรถเกือกม้าของทั้งฝั่งที่มาจากแคราย และฝั่งที่มาจากบางบัวทอง และอยู่ใกล้กับถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ไม่ต้องไปกลับรถไกล อีกทั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีแยกนนทบุรี 1 ประมาณ 300 เมตร เรียกได้ว่าทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ในจุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน แม้วันนี้อาจไม่หวือหวาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเมืองกำลังเติบโต แต่เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ 2 – 3 ปีข้างหน้า จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น **สิ่งอำนวยความสะดวก – ฟิตเนส – สระว่ายน้ำ – เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ) – Pool Seat – Pool Bed – สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ – CCTV – ห้องสมุด – ห้องประชุมขนาดใหญ่ **สถานที่ใกล้เคียง – เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ – บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า – เทสโก้ โลตัส – เอสพลานาด แคราย – ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัลพลาซา รัตนาธิเบศร์ – อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ รัตนาธิเบศร์ – โรบินสัน สาขารัตนาธิเบศร์ – บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ 2 – สถานีแยกนนทบุรี 1 – สถานีบางกระสอ – สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี – สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี – โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ อำเภอเมืองนนทบุรี – โรงเรียนศรีบุณยานนท์ –โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี – โรงเรียนนครนนท์วิทยา 4 วัดบางแพรกเหนือ – โรงเรียนนครนนท์วิทยา 1 วัดท้ายเมือง ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • Nawa Living Condo : นวลิฟวิ่งคอนโด นวมินทร์75

    คอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (อนาคต) ใกล้ MRT สายสีส้ม และ BTS สายสีเหลือง เชื่อมต่อถนนเส้นหลักได้หลายสาย ใกล้ทางด่วนเกษตร-นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ

    บนอีกหนึ่งทำเลคุณภาพ จำนวน 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชน แหล่งของกินของใช้อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมด้วยโรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าครบครันเดินทางสะดวก ติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (อนาคต) ใกล้ MRT สายสีส้ม และ BTS สายสีเหลือง

    **สิ่งอำนวยความสะดวก**

    - โถงต้อนรับ
    - ห้องจดหมาย
    - ที่จอดรถระบบ Bluetooth Access
    - ห้องอ่านหนังสือ
    - ห้องออกกำลังกาย
    - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
    - ลิฟต์โดยสาร
    - Access Control Card
    - CCTV

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    - เดอะมอลล์ บางกะปิ
    - แมคโคร บางกะปิ
    - โลตัส บางกะปิ
    - ตลาดอินทรารักษ์
    - NIDA
    - สถานีตำรวจโยธินพัฒนา
    - 7-Eleven
    - รร.โสมาภา
    - รร.พระมารดานิจจานุเคราะห์
    - รร.อินเตอร์คิดส์ เสรีไทย
    - รพ.สิรินาถ บึงกุ่ม
    - รพ.นวเวช
    - รพ.เวชธานี
    - ท็อปส์มาร์เก็ต นวมินทร์
    - ฟู้ดแลนด์ นวมินทร์
    - มาร์เก็ตเพลส นวมินทร์
    - รพ.เวชธานี

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน

    Nawa Living Condo : นวลิฟวิ่งคอนโด นวมินทร์75 คอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (อนาคต) ใกล้ MRT สายสีส้ม และ BTS สายสีเหลือง เชื่อมต่อถนนเส้นหลักได้หลายสาย ใกล้ทางด่วนเกษตร-นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพ บนอีกหนึ่งทำเลคุณภาพ จำนวน 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชน แหล่งของกินของใช้อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมด้วยโรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าครบครันเดินทางสะดวก ติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (อนาคต) ใกล้ MRT สายสีส้ม และ BTS สายสีเหลือง **สิ่งอำนวยความสะดวก** - โถงต้อนรับ - ห้องจดหมาย - ที่จอดรถระบบ Bluetooth Access - ห้องอ่านหนังสือ - ห้องออกกำลังกาย - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. - ลิฟต์โดยสาร - Access Control Card - CCTV **สถานที่ใกล้เคียง** - เดอะมอลล์ บางกะปิ - แมคโคร บางกะปิ - โลตัส บางกะปิ - ตลาดอินทรารักษ์ - NIDA - สถานีตำรวจโยธินพัฒนา - 7-Eleven - รร.โสมาภา - รร.พระมารดานิจจานุเคราะห์ - รร.อินเตอร์คิดส์ เสรีไทย - รพ.สิรินาถ บึงกุ่ม - รพ.นวเวช - รพ.เวชธานี - ท็อปส์มาร์เก็ต นวมินทร์ - ฟู้ดแลนด์ นวมินทร์ - มาร์เก็ตเพลส นวมินทร์ - รพ.เวชธานี ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews
  • GRENE Don Mueang Song Prapha : คอนโด กรีเน่ สรงประภา เฟส 2

    คอนโดตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เชื่อมต่อกับถนนสําคัญหลายสาย เช่น ถนนศรีสมาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนศรีสมาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บนพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

    ** จุดเด่น **

    คอนโดสไตล์รีสอร์ทใกล้ทะเล Miami มีบรรยากาศรีสอร์ทติดชายฝั่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้พักรีสอร์ทหรู คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบนถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานศึกษา ศูนย์การแพทย์ สถานที่ราชการ และสํานักงานต่างๆ มากมาย

    ** สิ่งอํานวยความสะดวกภายในโครงการ **

    - สระว่ายน้ํา ยาว 29 เมตร
    - จากุซซี่
    - สวนหย่อมแบบรีสอร์ท
    - ลานเล่นเด็ก
    - โถงอบไอน้ํา
    - ลู่วิ่ง ยาว 1 กม.
    - สนามบาสเกตบอล
    - ห้องฟิตเนส
    - ห้องนั่งเล่น
    - ห้องประชุม
    - ล็อบบี้
    - ตู้ไปรษณีย์
    - ห้องซักรีด
    - ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยบัตร
    - กล้อง CCTV
    - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.

    ** สถานที่ใกล้เคียง **

    ห้างสรรพสินค้า และตลาด

    - ตลาดบุญอนันต์ : 250 ม.
    - Happy Avenue : 550 ม.
    - ตลาดโอโซนวัน : 850 ม.
    - ตลาดใหม่ดอนเมือง : 3 กม.
    - Robinson ศรีสมาน : 4.5 กม.
    - IT Square : 6.1 กม.
    - Impact Arena เมืองทองธานี : 6.6 กม.
    - Lotus’s แจ้งวัฒนะ : 7.2 กม.
    - The Avenue แจ้งวัฒนะ : 7.3 กม.
    - Big C แจ้งวัฒนะ : 7.9 กม.
    - Makro แจ้งวัฒนะ : 8.1 กม.
    - ตลาดสี่มุมเมือง : 8.8 กม.
    - CentralPlaza แจ้งวัฒนะ : 9.4 กม.
    - Future Park Rangsit & Zpell : 14 กม.

    สถานศึกษา

    - รร.พระหฤทัยดอนเมือง : 450 ม.
    - รร.นานาชาติ Harrow : 2.7 กม.
    - รร.หอวัง : 4.4 กม.
    - รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ : 5.1 กม.
    - รร.พระหฤทัย นนทบุรี : 6.1 กม.
    - ม.รังสิต : 7.3 กม.

    ศูนย์การแพทย์

    - รพ.จุฬาภรณ์ : 6.4 กม.
    - รพ.มงกุฎวัฒนะ : 7.8 กม.
    - รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ : 10.9 กม.
    - รพ.แพทย์รังสิต : 10.9 กม.
    - รพ.วิภาวดี : 14.6 กม.
    - รพ.ภูมิพลอดุลยเดช : 15.0 กม.

    อื่น ๆ

    - ท่าอากาศยานดอนเมือง : 5.1 กม.
    - สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
    - สำนักงานเขตดอนเมือง : 2.8 กม.
    - ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 9.0 กม.

    ----------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    GRENE Don Mueang Song Prapha : คอนโด กรีเน่ สรงประภา เฟส 2 คอนโดตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เชื่อมต่อกับถนนสําคัญหลายสาย เช่น ถนนศรีสมาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนศรีสมาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บนพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ** จุดเด่น ** คอนโดสไตล์รีสอร์ทใกล้ทะเล Miami มีบรรยากาศรีสอร์ทติดชายฝั่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้พักรีสอร์ทหรู คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบนถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานศึกษา ศูนย์การแพทย์ สถานที่ราชการ และสํานักงานต่างๆ มากมาย ** สิ่งอํานวยความสะดวกภายในโครงการ ** - สระว่ายน้ํา ยาว 29 เมตร - จากุซซี่ - สวนหย่อมแบบรีสอร์ท - ลานเล่นเด็ก - โถงอบไอน้ํา - ลู่วิ่ง ยาว 1 กม. - สนามบาสเกตบอล - ห้องฟิตเนส - ห้องนั่งเล่น - ห้องประชุม - ล็อบบี้ - ตู้ไปรษณีย์ - ห้องซักรีด - ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยบัตร - กล้อง CCTV - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. ** สถานที่ใกล้เคียง ** ห้างสรรพสินค้า และตลาด - ตลาดบุญอนันต์ : 250 ม. - Happy Avenue : 550 ม. - ตลาดโอโซนวัน : 850 ม. - ตลาดใหม่ดอนเมือง : 3 กม. - Robinson ศรีสมาน : 4.5 กม. - IT Square : 6.1 กม. - Impact Arena เมืองทองธานี : 6.6 กม. - Lotus’s แจ้งวัฒนะ : 7.2 กม. - The Avenue แจ้งวัฒนะ : 7.3 กม. - Big C แจ้งวัฒนะ : 7.9 กม. - Makro แจ้งวัฒนะ : 8.1 กม. - ตลาดสี่มุมเมือง : 8.8 กม. - CentralPlaza แจ้งวัฒนะ : 9.4 กม. - Future Park Rangsit & Zpell : 14 กม. สถานศึกษา - รร.พระหฤทัยดอนเมือง : 450 ม. - รร.นานาชาติ Harrow : 2.7 กม. - รร.หอวัง : 4.4 กม. - รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ : 5.1 กม. - รร.พระหฤทัย นนทบุรี : 6.1 กม. - ม.รังสิต : 7.3 กม. ศูนย์การแพทย์ - รพ.จุฬาภรณ์ : 6.4 กม. - รพ.มงกุฎวัฒนะ : 7.8 กม. - รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ : 10.9 กม. - รพ.แพทย์รังสิต : 10.9 กม. - รพ.วิภาวดี : 14.6 กม. - รพ.ภูมิพลอดุลยเดช : 15.0 กม. อื่น ๆ - ท่าอากาศยานดอนเมือง : 5.1 กม. - สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน - สำนักงานเขตดอนเมือง : 2.8 กม. - ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 9.0 กม. ---------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 384 Views 0 Reviews
  • ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี 2 ชั้น นันทนาการ์เด้น1 เนื้อที่ 17 ตร.ว. ขาย 2.25 ลบ.
    ขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นตกแต่งรีโนเวทใหม่พร้อมอยู่ เนื้อที่ 17 ตร.ว. ซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศน์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางรักน้อยท่าอิฐ และใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีท่าอิฐ

    ** ราคา 2,250,000 บาท

    รายละเอียด
    ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พร้อมอยู่
    บ้านหันหน้าทางทิศ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    เนื้อที่ : 17 ตร.ว.
    ห้องนอน : 2 ห้อง
    ห้องน้ำ : 2 ห้อง
    จอดรถได้ : 1 คัน
    1 ห้องครัว , ซักล้าง


    สิ่งอำนวยความสะดวก
    • สวนพักผ่อน
    • รปภ. 24 ชม.

    ที่ตั้งโครงการ
    หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ซอย หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ตำบล บางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000

    สถานที่ใกล้เคียง
    • บิ๊กซีฟู้ดเพลส ท่าอิฐ : 1 กม.
    • ตลาดนัดมณียา ท่าอิฐ : 1.2 กม.
    • ตลาดโกลเด้น มาร์เก็ต ท่าอิฐ : 2.6 กม.
    - รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ) : 2.3 กม.
    • ตลาดสดท่าอิฐ : 850 เมตร
    • แม็คโคร นครอินทร์ : 10.7 กม.
    • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ : 10.9 กม.
    • Big C รัตนาธิเบศร์ : 7.8 กม.
    • Tesco Lotus บางใหญ่ : 18.2 กม.

    สถานศึกษา
    • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19.6 กม.
    • มหาวิทยาลัยศรีปทุม : 17.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ : 13.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช : 16.6 กม.
    • โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส : 3.7 กม.
    • โรงเรียนอนุบาลมณียา : 1.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ : 15.8 กม.

    ศูนย์การแพทย์
    • รพ.พระนั่งเกล้า : 5.2 กม.
    • รพ.นนทเวช : 11.4 กม.
    • รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ : 5.9 กม.

    สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
    • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี : 10.3 กม.
    • ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 19.6 กม.
    • กระทรวงพาณิชย์ : 8 กม.

    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    #ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี #ทาวน์เฮ้าส์ซอยท่าอิฐ #ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น

    https://maps.app.goo.gl/vr2ytTd9eZJi3Tx96
    ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี 2 ชั้น นันทนาการ์เด้น1 เนื้อที่ 17 ตร.ว. ขาย 2.25 ลบ. ขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นตกแต่งรีโนเวทใหม่พร้อมอยู่ เนื้อที่ 17 ตร.ว. ซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศน์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางรักน้อยท่าอิฐ และใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีท่าอิฐ ** ราคา 2,250,000 บาท รายละเอียด ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พร้อมอยู่ บ้านหันหน้าทางทิศ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ : 17 ตร.ว. ห้องนอน : 2 ห้อง ห้องน้ำ : 2 ห้อง จอดรถได้ : 1 คัน 1 ห้องครัว , ซักล้าง สิ่งอำนวยความสะดวก • สวนพักผ่อน • รปภ. 24 ชม. ที่ตั้งโครงการ หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ซอย หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น ตำบล บางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000 สถานที่ใกล้เคียง • บิ๊กซีฟู้ดเพลส ท่าอิฐ : 1 กม. • ตลาดนัดมณียา ท่าอิฐ : 1.2 กม. • ตลาดโกลเด้น มาร์เก็ต ท่าอิฐ : 2.6 กม. - รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ) : 2.3 กม. • ตลาดสดท่าอิฐ : 850 เมตร • แม็คโคร นครอินทร์ : 10.7 กม. • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ : 10.9 กม. • Big C รัตนาธิเบศร์ : 7.8 กม. • Tesco Lotus บางใหญ่ : 18.2 กม. สถานศึกษา • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19.6 กม. • มหาวิทยาลัยศรีปทุม : 17.4 กม. • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ : 13.4 กม. • มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช : 16.6 กม. • โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส : 3.7 กม. • โรงเรียนอนุบาลมณียา : 1.4 กม. • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ : 15.8 กม. ศูนย์การแพทย์ • รพ.พระนั่งเกล้า : 5.2 กม. • รพ.นนทเวช : 11.4 กม. • รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ : 5.9 กม. สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี : 10.3 กม. • ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 19.6 กม. • กระทรวงพาณิชย์ : 8 กม. สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 #ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี #ทาวน์เฮ้าส์ซอยท่าอิฐ #ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น https://maps.app.goo.gl/vr2ytTd9eZJi3Tx96
    0 Comments 1 Shares 359 Views 69 0 Reviews
  • ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี 2 ชั้น นันทนาการ์เด้น1 เนื้อที่ 17 ตร.ว. ขาย 2.25 ลบ.
    ตกแต่งรีโนเวทใหม่พร้อมอยู่ เนื้อที่ 17 ตร.ว. ซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศน์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางรักน้อยท่าอิฐ และใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีท่าอิฐ เข้าออกได้หลายทาง ห่างจากถนนราชพฤกษ์เพียง 500 เมตร

    ** ราคา 2,250,000 บาท

    รายละเอียด
    ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พร้อมอยู่
    บ้านหันหน้าทางทิศ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
    เนื้อที่ : 17 ตร.ว.
    ห้องนอน : 2 ห้อง
    ห้องน้ำ : 2 ห้อง
    จอดรถได้ : 1 คัน
    1 ห้องครัว , ซักล้าง


    สิ่งอำนวยความสะดวก
    • สวนพักผ่อน
    • รปภ. 24 ชม.

    ที่ตั้งโครงการ
    หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น1 ซอยท่าอิฐ ตำบล บางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000

    สถานที่ใกล้เคียง
    • บิ๊กซีฟู้ดเพลส ท่าอิฐ : 1 กม.
    • ตลาดนัดมณียา ท่าอิฐ : 1.2 กม.
    • ตลาดโกลเด้น มาร์เก็ต ท่าอิฐ : 2.6 กม.
    - รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ) : 2.3 กม.
    • ตลาดสดท่าอิฐ : 850 เมตร
    • แม็คโคร นครอินทร์ : 10.7 กม.
    • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ : 10.9 กม.
    • Big C รัตนาธิเบศร์ : 7.8 กม.
    • Tesco Lotus บางใหญ่ : 18.2 กม.

    สถานศึกษา
    • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19.6 กม.
    • มหาวิทยาลัยศรีปทุม : 17.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ : 13.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช : 16.6 กม.
    • โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส : 3.7 กม.
    • โรงเรียนอนุบาลมณียา : 1.4 กม.
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ : 15.8 กม.

    ศูนย์การแพทย์
    • รพ.พระนั่งเกล้า : 5.2 กม.
    • รพ.นนทเวช : 11.4 กม.
    • รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ : 5.9 กม.

    **สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
    โทร : 081-822-6553
    Line id :@sundigital
    #ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี #ทาวน์เฮ้าส์ซอยท่าอิฐ #ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น

    https://maps.app.goo.gl/vr2ytTd9eZJi3Tx96
    ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี 2 ชั้น นันทนาการ์เด้น1 เนื้อที่ 17 ตร.ว. ขาย 2.25 ลบ. ตกแต่งรีโนเวทใหม่พร้อมอยู่ เนื้อที่ 17 ตร.ว. ซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศน์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางรักน้อยท่าอิฐ และใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีท่าอิฐ เข้าออกได้หลายทาง ห่างจากถนนราชพฤกษ์เพียง 500 เมตร ** ราคา 2,250,000 บาท รายละเอียด ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น พร้อมอยู่ บ้านหันหน้าทางทิศ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ : 17 ตร.ว. ห้องนอน : 2 ห้อง ห้องน้ำ : 2 ห้อง จอดรถได้ : 1 คัน 1 ห้องครัว , ซักล้าง สิ่งอำนวยความสะดวก • สวนพักผ่อน • รปภ. 24 ชม. ที่ตั้งโครงการ หมู่บ้านนันทนาการ์เด้น1 ซอยท่าอิฐ ตำบล บางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000 สถานที่ใกล้เคียง • บิ๊กซีฟู้ดเพลส ท่าอิฐ : 1 กม. • ตลาดนัดมณียา ท่าอิฐ : 1.2 กม. • ตลาดโกลเด้น มาร์เก็ต ท่าอิฐ : 2.6 กม. - รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ) : 2.3 กม. • ตลาดสดท่าอิฐ : 850 เมตร • แม็คโคร นครอินทร์ : 10.7 กม. • อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์ : 10.9 กม. • Big C รัตนาธิเบศร์ : 7.8 กม. • Tesco Lotus บางใหญ่ : 18.2 กม. สถานศึกษา • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : 19.6 กม. • มหาวิทยาลัยศรีปทุม : 17.4 กม. • มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ : 13.4 กม. • มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช : 16.6 กม. • โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส : 3.7 กม. • โรงเรียนอนุบาลมณียา : 1.4 กม. • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯพระนครเหนือ : 15.8 กม. ศูนย์การแพทย์ • รพ.พระนั่งเกล้า : 5.2 กม. • รพ.นนทเวช : 11.4 กม. • รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ : 5.9 กม. **สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร : 081-822-6553 Line id :@sundigital #ขายทาวน์เฮ้าส์นนทบุรี #ทาวน์เฮ้าส์ซอยท่าอิฐ #ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น https://maps.app.goo.gl/vr2ytTd9eZJi3Tx96
    0 Comments 1 Shares 273 Views 0 Reviews
  • บ้านเดี่ยว สไตล์มินิมอล หลังมุม หน้าบ้านและด้านข้างเป็นสวน ไม่ติดใคร👍
    ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก รีโนเวทใหม่ พร้อมอยู่

    🔹เดอะทรัสต์วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์🔹

    เพียง 4.79 ล้านบาท

    ✅️รีโนเวทใหม่
    ✅️ฟรีค่าโอน
    ✅️ฟรีบริการยื่นสินเชื่อ
    —————————————————————
    สนใจสอบถามรายละเอียด ,นัดชม
    ติดต่อ: 081-855-8162 (ป๊อก)
    Line: juthamanee_b
    —————————————————————

    ♦️ เนื้อที่ขนาด 52.4 ตร.วา
    ♦️ พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม.
    ♦️ 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ
    ♦️ 1 ห้องอเนกประสงค์ (ชั้นล่าง) / 1 ห้องครัว / 1 ห้องนั่งเล่น
    ♦️ หน้าบ้านหันทิศใต้
    ♦️ โครงการสร้างเสร็จ 2012
    ♦️ ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา

    🆓ฟรี🆓
    ต่อเติมโซนซักล้าง และโซนครัวไทยไว้แล้ว
    ผ้าม่านและมูลี่
    เคาเตอร์ครัว
    แอร์ 1 เครื่อง
    ปั้มน้ำและแท้งค์น้ำ

    ====================
    การเดินทาง
    เข้าถึงหลายเส้นทาง ถนนหทัยราษฎร์ ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน
    5 นาที ถึงมอเตอร์เวย์ (ขึ้นเหนือ ลงใต้ อีสาน ตะวันออก สะดวก)
    10 นาที ถึงทางด่วนจตุโชติ
    อนาคตมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก (ต่อจากสถานีคูคต)

    ====================
    สิ่งอำนวยความสะดวก
    สวนสาธารณะ , คลับเฮาส์ , สระว่ายน้ำ, รปภ., CCTV
    ====================

    สถานที่สำคัญใกล้เคียง
    ▪ ใกล้ 3 ตลาดใหญ่รอบหมู่บ้าน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ตลาดมั่งมีทรัพย์
    ▪ ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร แม๊กซ์แวลู แฟชั่นไอส์แลนด์ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
    แม๊กซ์แวลู, สายไหมอะเวนิว
    ▪ เทศบาลลำลูกกา สถานีตำรวจลำลูกกา ไปรษณีย์ลำลูกกา
    ▪ รร.สารสาสน์สายไหม, รร.สาธิตพัฒนา
    ▪ รพ.ซีจีเอช สายไหม รพ.สินแพทย์ลำลูกกา
    ▪ ซาฟารีเวิล์ด

    #ขายบ้านวัชรพล #บ้านมือสอง #บ้านมือสองรีโนเวท #บ้านมือสองสภาพดี #ขายบ้านหทัยราษฎร์ #บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่ #บ้านพร้อมอยู่ #ขายบ้านลำลูกกา #บ้านสายไหม #รีโนเวท #บ้านมินิมอล #บ้านสไตล์มินิมอล #บ้านเดี่ยวราคาถูก
    บ้านเดี่ยว สไตล์มินิมอล หลังมุม หน้าบ้านและด้านข้างเป็นสวน ไม่ติดใคร👍 ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก รีโนเวทใหม่ พร้อมอยู่ 🔹เดอะทรัสต์วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์🔹 เพียง 4.79 ล้านบาท ✅️รีโนเวทใหม่ ✅️ฟรีค่าโอน ✅️ฟรีบริการยื่นสินเชื่อ ————————————————————— สนใจสอบถามรายละเอียด ,นัดชม ติดต่อ: 081-855-8162 (ป๊อก) Line: juthamanee_b ————————————————————— ♦️ เนื้อที่ขนาด 52.4 ตร.วา ♦️ พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ♦️ 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ ♦️ 1 ห้องอเนกประสงค์ (ชั้นล่าง) / 1 ห้องครัว / 1 ห้องนั่งเล่น ♦️ หน้าบ้านหันทิศใต้ ♦️ โครงการสร้างเสร็จ 2012 ♦️ ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา 🆓ฟรี🆓 ต่อเติมโซนซักล้าง และโซนครัวไทยไว้แล้ว ผ้าม่านและมูลี่ เคาเตอร์ครัว แอร์ 1 เครื่อง ปั้มน้ำและแท้งค์น้ำ ==================== การเดินทาง เข้าถึงหลายเส้นทาง ถนนหทัยราษฎร์ ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน 5 นาที ถึงมอเตอร์เวย์ (ขึ้นเหนือ ลงใต้ อีสาน ตะวันออก สะดวก) 10 นาที ถึงทางด่วนจตุโชติ อนาคตมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก (ต่อจากสถานีคูคต) ==================== สิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ , คลับเฮาส์ , สระว่ายน้ำ, รปภ., CCTV ==================== สถานที่สำคัญใกล้เคียง ▪ ใกล้ 3 ตลาดใหญ่รอบหมู่บ้าน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ตลาดมั่งมีทรัพย์ ▪ ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร แม๊กซ์แวลู แฟชั่นไอส์แลนด์ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต แม๊กซ์แวลู, สายไหมอะเวนิว ▪ เทศบาลลำลูกกา สถานีตำรวจลำลูกกา ไปรษณีย์ลำลูกกา ▪ รร.สารสาสน์สายไหม, รร.สาธิตพัฒนา ▪ รพ.ซีจีเอช สายไหม รพ.สินแพทย์ลำลูกกา ▪ ซาฟารีเวิล์ด #ขายบ้านวัชรพล #บ้านมือสอง #บ้านมือสองรีโนเวท #บ้านมือสองสภาพดี #ขายบ้านหทัยราษฎร์ #บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่ #บ้านพร้อมอยู่ #ขายบ้านลำลูกกา #บ้านสายไหม #รีโนเวท #บ้านมินิมอล #บ้านสไตล์มินิมอล #บ้านเดี่ยวราคาถูก
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • น้ำท่วมเร็วมากเพราะมวลน้ำมากมาจากเมียนมาร์!:

    ฟังผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำท่วมหลายรอบนะครับ ฟังแล้วก็เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ อุบลฯ ฯลฯ และล่าสุดก็คือเชียงราย เวลาให้สัมภาษณ์ พวกเขาจะบอกเหมือนกันว่า ‘น้ำมามาก น้ำมาเร็ว ใช้เวลาไม่นาน แล้วตั้งตัวไม่ทัน น้ำจึงท่วมมาก’ อีกนัยก็คือ ‘เห็นใจพวกผมหน่อย น้ำมามาก น้ำมาเร็ว พวกผมทำงานไม่ทัน’

    ผมเคยเขียนวิจารณ์หลายครั้งแล้วว่าน้ำจะมามากหรือน้อยไม่สำคัญ จะมาจากเมียนมาร์ ทิเบต ขั้วโลกเหนือหรือจากภูเขาหิมาลัยที่ประเทศเนปาลก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญซึ่งในหลวงร.๙ ทรงรับสั่งหลายครั้งก็คือให้เตรียมทางน้ำ (flood way) ให้มวลน้ำใหลผ่านโดยสะดวก น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน

    ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหลายในขณะนี้ได้เตรียมทำทางน้ำไว้แล้วหรือยัง? จังหวัดต่างๆ ได้อนุมัติให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางน้ำหรือไม่? อนุมัติให้เจ้าสัวสร้างห้างสรรพสินค้าขวางทางน้ำหรือไม่? ฯลฯ ถ้าสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ แล้วน้ำท่วมก็เหมาะสมแล้ว ประชาชนควรจะพากันเฉ่งผู้ว่าราชการจังหวัดของตนจึงจะถูก

    ฝนตกและทำให้มีน้ำมาก เป็นเรื่องปรกติธรรมดาของธรรมชาติ แต่ว่าทุกจังหวัดที่สุ่มเสี่ยงมากมักจะได้รับงบประมาณเพื่อเตรียมหาทางน้ำ ให้มวลน้ำที่มามากๆ ผ่านไปลงทะเลหรือแม่น้ำโขงโดยเร็วกันทั้งนั้น

    ต้องถามว่าผู้ว่าเมืองเชียงรายหลายยุคสมัยที่ผ่านมาไม่พากันเตรียมการหาทางน้ำให้มวลน้ำมากๆ ใหลผ่านโดยสะดวกเลยหรือ? น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน งบประมาณเอาไปทำอะไรกันหมด?

    ตอนนี้ จังหวัดไหนที่น้ำสุ่มเสี่ยงจะท่วมและไม่อยากถูกน้ำท่วม ชาวบ้านทั้งหลายต้องหาไม้หน้าสามมาถือให้พร้อม แล้วพากันบุกไปถามผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตนอยู่อาศัยเลยครับว่าเตรียมหาทางน้ำให้น้ำใหลผ่านได้สะดวกหรือยัง? ถ้ายังไม่ทำอะไรเลยก็แนะนำให้พากันลาออกไปเสียเถิด


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    น้ำท่วมเร็วมากเพราะมวลน้ำมากมาจากเมียนมาร์!: ฟังผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำท่วมหลายรอบนะครับ ฟังแล้วก็เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ อุบลฯ ฯลฯ และล่าสุดก็คือเชียงราย เวลาให้สัมภาษณ์ พวกเขาจะบอกเหมือนกันว่า ‘น้ำมามาก น้ำมาเร็ว ใช้เวลาไม่นาน แล้วตั้งตัวไม่ทัน น้ำจึงท่วมมาก’ อีกนัยก็คือ ‘เห็นใจพวกผมหน่อย น้ำมามาก น้ำมาเร็ว พวกผมทำงานไม่ทัน’ ผมเคยเขียนวิจารณ์หลายครั้งแล้วว่าน้ำจะมามากหรือน้อยไม่สำคัญ จะมาจากเมียนมาร์ ทิเบต ขั้วโลกเหนือหรือจากภูเขาหิมาลัยที่ประเทศเนปาลก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญซึ่งในหลวงร.๙ ทรงรับสั่งหลายครั้งก็คือให้เตรียมทางน้ำ (flood way) ให้มวลน้ำใหลผ่านโดยสะดวก น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหลายในขณะนี้ได้เตรียมทำทางน้ำไว้แล้วหรือยัง? จังหวัดต่างๆ ได้อนุมัติให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางน้ำหรือไม่? อนุมัติให้เจ้าสัวสร้างห้างสรรพสินค้าขวางทางน้ำหรือไม่? ฯลฯ ถ้าสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ แล้วน้ำท่วมก็เหมาะสมแล้ว ประชาชนควรจะพากันเฉ่งผู้ว่าราชการจังหวัดของตนจึงจะถูก ฝนตกและทำให้มีน้ำมาก เป็นเรื่องปรกติธรรมดาของธรรมชาติ แต่ว่าทุกจังหวัดที่สุ่มเสี่ยงมากมักจะได้รับงบประมาณเพื่อเตรียมหาทางน้ำ ให้มวลน้ำที่มามากๆ ผ่านไปลงทะเลหรือแม่น้ำโขงโดยเร็วกันทั้งนั้น ต้องถามว่าผู้ว่าเมืองเชียงรายหลายยุคสมัยที่ผ่านมาไม่พากันเตรียมการหาทางน้ำให้มวลน้ำมากๆ ใหลผ่านโดยสะดวกเลยหรือ? น้ำจะได้ไม่ท่วมขังนาน งบประมาณเอาไปทำอะไรกันหมด? ตอนนี้ จังหวัดไหนที่น้ำสุ่มเสี่ยงจะท่วมและไม่อยากถูกน้ำท่วม ชาวบ้านทั้งหลายต้องหาไม้หน้าสามมาถือให้พร้อม แล้วพากันบุกไปถามผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตนอยู่อาศัยเลยครับว่าเตรียมหาทางน้ำให้น้ำใหลผ่านได้สะดวกหรือยัง? ถ้ายังไม่ทำอะไรเลยก็แนะนำให้พากันลาออกไปเสียเถิด ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    1 Comments 0 Shares 314 Views 0 Reviews
  • ร่วมเฟ้นหาตัวแทนชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี
    ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ โดยหัวข้อการแข่งขัน คือ Earth Allies
    การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย มีทีมเข้าร่วมกว่า 270 ทีม หรือกว่า 1,500 คน พร้อมทั้งผู้ปกครองเข้าเชียร์บุตรหลานรวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,300 คนต่อวัน ทีมที่เข้าแข่งขันมาจากหลายจังหวัด ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 102 ทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 80 ทีม และ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 72 ทีม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนโปรแกรมและออกแบบหุ่นยนต์ เพื่อทำภารกิจที่กำหนดในสนาม ผู้ชนะการแข่งขันฯ ลำดับที่ 1 – 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ฯ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ในลำดับต่อไป
    สำหรับโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2024: World Robot Olympiad 2024) ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ฯ และเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 13 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี
    ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแข่งขันการเขียนโปรแกรม และ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา"
    คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กล่าวต้อนรับ ว่า "ในนาม ผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในวันนี้
    การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2567 ในฐานะของผู้ร่วมจัดงาน และผู้ร่วมสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในปีนี้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 254 ทีม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และขอต้อนรับน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน และผู้ปกครอง อาจารย์ ที่ได้พาน้องๆ มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้
    สุดท้ายนี้ ในนาม ผู้บริหาร เดอะมอลล์โคราช ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ท่านผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จะได้รับเกียรติในการจัดงาน ครั้งต่อๆ ไป"
    ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
    ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ประจำประเทศไทย
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา
    นายธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา
    ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง รองอธิการบดีฝ่ายบริหารการคลัง พัสดุและกายภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
    อ.ดร.ศิริ สาระเขตต์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
    ผศ.ดร.จงกล ศรีธร หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
    คณะกรรมการดำเนินการจัดงาน ท่านผู้มีเกียรติ ผู้เข้าแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน
    ร่วมเฟ้นหาตัวแทนชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ โดยหัวข้อการแข่งขัน คือ Earth Allies การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย มีทีมเข้าร่วมกว่า 270 ทีม หรือกว่า 1,500 คน พร้อมทั้งผู้ปกครองเข้าเชียร์บุตรหลานรวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,300 คนต่อวัน ทีมที่เข้าแข่งขันมาจากหลายจังหวัด ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 102 ทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 80 ทีม และ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 72 ทีม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนโปรแกรมและออกแบบหุ่นยนต์ เพื่อทำภารกิจที่กำหนดในสนาม ผู้ชนะการแข่งขันฯ ลำดับที่ 1 – 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ฯ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ในลำดับต่อไป สำหรับโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2024: World Robot Olympiad 2024) ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ฯ และเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 13 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแข่งขันการเขียนโปรแกรม และ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา" คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กล่าวต้อนรับ ว่า "ในนาม ผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในวันนี้ การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2567 ในฐานะของผู้ร่วมจัดงาน และผู้ร่วมสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในปีนี้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 254 ทีม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และขอต้อนรับน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน และผู้ปกครอง อาจารย์ ที่ได้พาน้องๆ มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ สุดท้ายนี้ ในนาม ผู้บริหาร เดอะมอลล์โคราช ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ท่านผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จะได้รับเกียรติในการจัดงาน ครั้งต่อๆ ไป" ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ประจำประเทศไทย นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง รองอธิการบดีฝ่ายบริหารการคลัง พัสดุและกายภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อ.ดร.ศิริ สาระเขตต์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ผศ.ดร.จงกล ศรีธร หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คณะกรรมการดำเนินการจัดงาน ท่านผู้มีเกียรติ ผู้เข้าแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน
    0 Comments 0 Shares 441 Views 0 Reviews
  • งานนมัสการพระธาตุหลวงสาเกตนคร ปิดทองหลวงพ่อชุ่มเย็น ณ วัดบ้านอ้น หลังห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2568
    งานนมัสการพระธาตุหลวงสาเกตนคร ปิดทองหลวงพ่อชุ่มเย็น ณ วัดบ้านอ้น หลังห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • อำลาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 คาร์ฟูร์สาขาแรกในไทย

    เดือนกันยายน 2567 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดสาขาถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) เปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. 2567 และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) เปิดวันสุดท้าย 30 ก.ย. 2567 ทั้งสองสาขาอดีตเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ 7 สาขา ในยุคที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะขายหุ้นออกไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่บริษัทแม่ต้องการเพื่อขยายสาขาได้

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2539 ห้างคาร์ฟูร์ เปิดสาขาแรกที่ถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนขยายสาขาในช่วงปี 2539-2541 ได้แก่ ศรีนครินทร์ สุวินทวงศ์ บางใหญ่ รังสิต เชียงใหม่ (หนองป่าครั่ง) และเพชรเกษม (หนองแขม) เมื่อคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของเต็มตัว ในช่วงปี 2542-2543 จึงได้ขยายสาขารามอินทรา ตามมาด้วยแจ้งวัฒนะ รัตนาธิเบศร์ ที่ฮือฮามากที่สุดคือ สาขาพระราม 4 เปิดประจันหน้ากับห้างเทสโก้ โลตัส และต่อมายังเช่าที่ดินใจกลางเมืองระยะยาว 30 ปี เปิดห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก

    ผ่านมา 13 ปี เปิดสาขาไปแล้ว 42 สาขา มาถึงปี 2553 คาร์ฟูร์ขายกิจการให้กลุ่มกาสิโนกรุ๊ป เจ้าของห้างบิ๊กซี ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท ทำให้ห้างคาร์ฟูร์กลายสภาพเป็นบิ๊กซีในรูปแบบต่างๆ เช่น บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี จัมโบ้ กระทั่งกลุ่มกาสิโน กรุ๊ป ขายกิจการให้กับกลุ่มบีเจซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2559 ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา

    ปัจจุบัน บิ๊กซีกำลังจะกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC จากข้อมูลเมื่อปี 2565 บิ๊กซี รีเทล มีร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) บนที่ดินของบริษัทฯ 66 แห่ง เช่าที่ดิน 123 แห่ง และตลาด Open-Air ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แห่ง และเช่าที่ดิน 5 แห่ง

    สำหรับบิ๊กซี สมัยที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ บางสาขาเช่าที่ดินระยะยาวกับกลุ่มเซ็นทรัล 30 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปี 2568-2569 ได้แก่ ราษฎร์บูรณะ โคราช และขอนแก่น ส่วนบางสาขายังคงเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ วงศ์สว่าง (เซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ เดิม) หัวหมาก แฟชั่นไอส์แลนด์ ชลบุรี (เซ็นทรัล ชลบุรี) และพัทยา (เซ็นทรัลมารีน่า) จึงไม่น่าแปลกใจหากนับจากนี้จะได้พบเห็นการปิดสาขาบิ๊กซี เพราะหลังบิ๊กซีซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในยุคนั้น มีทำเลของทั้งสองห้างซ้ำซ้อนกันหลายสาขา

    #Newskit #บิ๊กซีสุขาภิบาล3 #คาร์ฟูร์
    อำลาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 คาร์ฟูร์สาขาแรกในไทย เดือนกันยายน 2567 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดสาขาถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) เปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. 2567 และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) เปิดวันสุดท้าย 30 ก.ย. 2567 ทั้งสองสาขาอดีตเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ 7 สาขา ในยุคที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะขายหุ้นออกไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่บริษัทแม่ต้องการเพื่อขยายสาขาได้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2539 ห้างคาร์ฟูร์ เปิดสาขาแรกที่ถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนขยายสาขาในช่วงปี 2539-2541 ได้แก่ ศรีนครินทร์ สุวินทวงศ์ บางใหญ่ รังสิต เชียงใหม่ (หนองป่าครั่ง) และเพชรเกษม (หนองแขม) เมื่อคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของเต็มตัว ในช่วงปี 2542-2543 จึงได้ขยายสาขารามอินทรา ตามมาด้วยแจ้งวัฒนะ รัตนาธิเบศร์ ที่ฮือฮามากที่สุดคือ สาขาพระราม 4 เปิดประจันหน้ากับห้างเทสโก้ โลตัส และต่อมายังเช่าที่ดินใจกลางเมืองระยะยาว 30 ปี เปิดห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก ผ่านมา 13 ปี เปิดสาขาไปแล้ว 42 สาขา มาถึงปี 2553 คาร์ฟูร์ขายกิจการให้กลุ่มกาสิโนกรุ๊ป เจ้าของห้างบิ๊กซี ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท ทำให้ห้างคาร์ฟูร์กลายสภาพเป็นบิ๊กซีในรูปแบบต่างๆ เช่น บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี จัมโบ้ กระทั่งกลุ่มกาสิโน กรุ๊ป ขายกิจการให้กับกลุ่มบีเจซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2559 ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา ปัจจุบัน บิ๊กซีกำลังจะกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC จากข้อมูลเมื่อปี 2565 บิ๊กซี รีเทล มีร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) บนที่ดินของบริษัทฯ 66 แห่ง เช่าที่ดิน 123 แห่ง และตลาด Open-Air ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แห่ง และเช่าที่ดิน 5 แห่ง สำหรับบิ๊กซี สมัยที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ บางสาขาเช่าที่ดินระยะยาวกับกลุ่มเซ็นทรัล 30 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปี 2568-2569 ได้แก่ ราษฎร์บูรณะ โคราช และขอนแก่น ส่วนบางสาขายังคงเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ วงศ์สว่าง (เซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ เดิม) หัวหมาก แฟชั่นไอส์แลนด์ ชลบุรี (เซ็นทรัล ชลบุรี) และพัทยา (เซ็นทรัลมารีน่า) จึงไม่น่าแปลกใจหากนับจากนี้จะได้พบเห็นการปิดสาขาบิ๊กซี เพราะหลังบิ๊กซีซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในยุคนั้น มีทำเลของทั้งสองห้างซ้ำซ้อนกันหลายสาขา #Newskit #บิ๊กซีสุขาภิบาล3 #คาร์ฟูร์
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 756 Views 0 Reviews
  • การไฟฟ้าฯ จะตัดไฟ อำลาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี

    จากกระแสไวรัลบนโซเชียลฯ ถึงความเงียบเหงาของศูนย์การค้าฝั่งธนบุรี ท่ามกลางคำถามที่ว่าอนาคตจะไปทางไหน ในที่้สุดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร ย่านบางพลัด แจ้งกับร้านค้าเป็นการภายในเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ว่าจำเป็นต้องปิดทำการห้างฯ อาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีผลกระทบในพื้นที่ขายทั้งหมด เพราะได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

    "ทางบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขและเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ทางห้างฯ จะเร่งกลับมาเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์ครั้งนี้" ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุ

    บรรดาร้านค้าที่ทราบข่าวเตรียมทยอยขนของออกจากห้างฯ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน กระทั่งได้รับจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในวันอังคาร ต้องเก็บของย้ายออกจากห้างฯ มีผลกระทบมาก ส่วนร้านหมาล่าสายพาน "ฟุ่ยโหยว หมาล่า" ที่เปิดไม่ถึงครึ่งปี ต้องปรับเป็นบุฟเฟ่ต์แบบขาดทุน ก่อนปิดแบบไม่มีกำหนด กระแสโซเชียลฯ ต่างให้กำลังใจทางร้านและอุดหนุน ทำบางเมนูหมดลงไปแล้ว

    ปริศนาคลี่คลายเมื่อมีชาวเน็ตต่างเผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.7325/2562 แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365,690,450 บาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอก (คาดว่ามาจากกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์) ประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็ง สาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน

    ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2505 ที่ย่านบางลำพู เดิมเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ก่อนจะเปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ภายใต้การบริหารของนายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กระทั่งปี 2534 เปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อาคารสูง 10 ชั้น ที่จอดรถมากกว่า 800 คัน ต่อมาในปี 2554 รีโนเวตโดยเปลี่ยนชื่อเป็น T-SQUARE

    ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัทฯ ขาดทุนทุกปี ส่งงบการเงินปีสุดท้าย 2564 มีรายได้รวม 409,744,106.37 บาท ขาดทุนสุทธิ 43,784,884.68 บาท ขณะที่ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ลูกพี่ลูกน้องบริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง

    #Newskit #ตั้งฮั่วเส็ง #ปิดกิจการ
    การไฟฟ้าฯ จะตัดไฟ อำลาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี จากกระแสไวรัลบนโซเชียลฯ ถึงความเงียบเหงาของศูนย์การค้าฝั่งธนบุรี ท่ามกลางคำถามที่ว่าอนาคตจะไปทางไหน ในที่้สุดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร ย่านบางพลัด แจ้งกับร้านค้าเป็นการภายในเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ว่าจำเป็นต้องปิดทำการห้างฯ อาคาร 12 ชั้น ซึ่งมีผลกระทบในพื้นที่ขายทั้งหมด เพราะได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป "ทางบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไขและเจรจากับผู้ร่วมทุนใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ ทางห้างฯ จะเร่งกลับมาเปิดบริการในเร็วๆ นี้ และขออภัยในความไม่สะดวกกับเหตุการณ์ครั้งนี้" ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุ บรรดาร้านค้าที่ทราบข่าวเตรียมทยอยขนของออกจากห้างฯ โดยเฉพาะร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน กระทั่งได้รับจดหมายแจ้งว่าจะตัดไฟในวันอังคาร ต้องเก็บของย้ายออกจากห้างฯ มีผลกระทบมาก ส่วนร้านหมาล่าสายพาน "ฟุ่ยโหยว หมาล่า" ที่เปิดไม่ถึงครึ่งปี ต้องปรับเป็นบุฟเฟ่ต์แบบขาดทุน ก่อนปิดแบบไม่มีกำหนด กระแสโซเชียลฯ ต่างให้กำลังใจทางร้านและอุดหนุน ทำบางเมนูหมดลงไปแล้ว ปริศนาคลี่คลายเมื่อมีชาวเน็ตต่างเผยแพร่ข้อมูลว่า บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.7325/2562 แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365,690,450 บาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอก (คาดว่ามาจากกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์) ประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็ง สาขาบางลำภู ก็ขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ก่อตั้งขึ้นในปี 2505 ที่ย่านบางลำพู เดิมเป็นร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย เครื่องสำอาง ผ้าแฟชั่น และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ก่อนจะเปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ภายใต้การบริหารของนายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กระทั่งปี 2534 เปิดห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อาคารสูง 10 ชั้น ที่จอดรถมากกว่า 800 คัน ต่อมาในปี 2554 รีโนเวตโดยเปลี่ยนชื่อเป็น T-SQUARE ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าบริษัทฯ ขาดทุนทุกปี ส่งงบการเงินปีสุดท้าย 2564 มีรายได้รวม 409,744,106.37 บาท ขาดทุนสุทธิ 43,784,884.68 บาท ขณะที่ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ลูกพี่ลูกน้องบริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง #Newskit #ตั้งฮั่วเส็ง #ปิดกิจการ
    Sad
    Like
    5
    0 Comments 2 Shares 859 Views 0 Reviews
  • ลาก่อนกาดสวนแก้ว ประกาศขาย 3 พันล้าน

    ทำเอาชาวเชียงใหม่ใจหายซ้ำสอง หลังธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศขายอุทยานการค้ากาดสวนแก้ว อดีตศูนย์การค้าเก่าแก่สูง 10 ชั้น บนเนื้อที่ 27 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา ริมถนนห้วยแก้ว เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ในราคา 3,000 ล้านบาท หลังศูนย์การค้าฯ ปิดให้บริการชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา แต่ที่สุดแล้วกลายเป็นการปิดถาวร เป็นที่น่าเสียดายแก่ชาวเชียงใหม่ยุค 80 และ 90 ที่เคยมีประสบการณ์กับสถานที่แห่งนี้

    อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2535 ก่อตั้งโดย ร.ต.ท.สุชัย เก่งการค้า อดีตสถาปนิกกรมตำรวจ ที่ผันตัวมาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยด้านข้างยังมีโรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว สูง 13 ชั้น ขนาด 420 ห้อง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ตัวอาคารก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลเข้ม บุผนังด้านนอกอาคารทั้งหลัง จุดเด่นคือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาแรกในต่างจังหวัด โรงภาพยนตร์วิสต้า ขนาด 7 โรง และโรงละครกาดเธียเตอร์ ชั้น 5 ความจุ 1,500 ที่นั่ง

    แม้จะเป็นศูนย์การค้ายอดนิยมของคนเชียงใหม่ยุคนั้น แต่ด้วยการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกที่สูงขึ้น กลุ่มทุนจากส่วนกลาง อาทิ เซ็นทรัลพัฒนา เปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ บริเวณสี่แยกศาลเด็ก เพิ่มเติมจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต รวมทั้งกลุ่มเอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น เปิดศูนย์การค้าเม-ญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ บริเวณสี่แยกรินคำ ไม่นับรวมห้างค้าปลีก คอมมูนิตีมอลล์จำนวนมาก แม้กาดสวนแก้วพยายามรีโนเวตให้ทันสมัย แต่ไม่อาจต้านทานได้

    อีกทั้งสถานการณ์โควิด 19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 ไม่มีนักท่องเที่ยว แม้จะช่วยลดค่าเช่า ค่าบริการ ผ่อนผันร้านค้าทุกวิถีทาง พร้อมกับปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่เนื่องจากการระบาดยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง อีกทั้งภาครัฐไม่มีนโยบายผ่อนปรนหรือช่วยเหลืออีกต่อไป จึงจำเป็นต้องปิดศูนย์การค้าฯ ชั่วคราว แต่ในที่สุดก็กลายเป็นการปิดถาวร

    อนึ่ง ก่อนหน้านี้กรมบังคับคดีเพิ่งประกาศจำหน่ายทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา เชียงใหม่ รีสอร์ตมอลล์ 24 แปลง เนื้อที่ประมาณ 54 ไร่ บริเวณแยกต่างระดับดอนจั่น ถนนวงแหวนรอบสอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 10 กิโลเมตร กำหนดราคาประเมิน 2,058 ล้านบาท จำหน่ายครั้งแรก 21 ต.ค. 2567 หลังศูนย์การค้าฯ ประกาศปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 และศาลล้มละลายกลาง พิพากษาให้ บริษัท อีซีซี เชียงใหม่ โครงการ 1 จำกัด ล้มละลายเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566

    #Newskit #กาดสวนแก้ว #เชียงใหม่
    ลาก่อนกาดสวนแก้ว ประกาศขาย 3 พันล้าน ทำเอาชาวเชียงใหม่ใจหายซ้ำสอง หลังธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศขายอุทยานการค้ากาดสวนแก้ว อดีตศูนย์การค้าเก่าแก่สูง 10 ชั้น บนเนื้อที่ 27 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา ริมถนนห้วยแก้ว เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ในราคา 3,000 ล้านบาท หลังศูนย์การค้าฯ ปิดให้บริการชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา แต่ที่สุดแล้วกลายเป็นการปิดถาวร เป็นที่น่าเสียดายแก่ชาวเชียงใหม่ยุค 80 และ 90 ที่เคยมีประสบการณ์กับสถานที่แห่งนี้ อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2535 ก่อตั้งโดย ร.ต.ท.สุชัย เก่งการค้า อดีตสถาปนิกกรมตำรวจ ที่ผันตัวมาเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยด้านข้างยังมีโรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว สูง 13 ชั้น ขนาด 420 ห้อง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ตัวอาคารก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลเข้ม บุผนังด้านนอกอาคารทั้งหลัง จุดเด่นคือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาแรกในต่างจังหวัด โรงภาพยนตร์วิสต้า ขนาด 7 โรง และโรงละครกาดเธียเตอร์ ชั้น 5 ความจุ 1,500 ที่นั่ง แม้จะเป็นศูนย์การค้ายอดนิยมของคนเชียงใหม่ยุคนั้น แต่ด้วยการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกที่สูงขึ้น กลุ่มทุนจากส่วนกลาง อาทิ เซ็นทรัลพัฒนา เปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ บริเวณสี่แยกศาลเด็ก เพิ่มเติมจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต รวมทั้งกลุ่มเอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น เปิดศูนย์การค้าเม-ญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ บริเวณสี่แยกรินคำ ไม่นับรวมห้างค้าปลีก คอมมูนิตีมอลล์จำนวนมาก แม้กาดสวนแก้วพยายามรีโนเวตให้ทันสมัย แต่ไม่อาจต้านทานได้ อีกทั้งสถานการณ์โควิด 19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 ไม่มีนักท่องเที่ยว แม้จะช่วยลดค่าเช่า ค่าบริการ ผ่อนผันร้านค้าทุกวิถีทาง พร้อมกับปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่เนื่องจากการระบาดยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง อีกทั้งภาครัฐไม่มีนโยบายผ่อนปรนหรือช่วยเหลืออีกต่อไป จึงจำเป็นต้องปิดศูนย์การค้าฯ ชั่วคราว แต่ในที่สุดก็กลายเป็นการปิดถาวร อนึ่ง ก่อนหน้านี้กรมบังคับคดีเพิ่งประกาศจำหน่ายทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา เชียงใหม่ รีสอร์ตมอลล์ 24 แปลง เนื้อที่ประมาณ 54 ไร่ บริเวณแยกต่างระดับดอนจั่น ถนนวงแหวนรอบสอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 10 กิโลเมตร กำหนดราคาประเมิน 2,058 ล้านบาท จำหน่ายครั้งแรก 21 ต.ค. 2567 หลังศูนย์การค้าฯ ประกาศปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 และศาลล้มละลายกลาง พิพากษาให้ บริษัท อีซีซี เชียงใหม่ โครงการ 1 จำกัด ล้มละลายเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 #Newskit #กาดสวนแก้ว #เชียงใหม่
    Like
    9
    0 Comments 0 Shares 810 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567

    “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน

    ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว)

    แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม

    แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้

    หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ

    อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว

    ผลเป็นไงคงพอจำกันได้

    บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที

    อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ

    ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร

    ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ

    แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ

    ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน

    สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้

    ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน

    ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ

    สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ

    ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป

    แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป

    นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย

    ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน

    แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก

    ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า

    วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้

    อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ

    งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้

    นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที

    ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว

    ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ

    อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน

    เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้

    ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว

    เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ

    การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว

    จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ

    ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง

    เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท

    รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท

    นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท

    อันนี้น่าสนใจ

    ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป

    แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต

    เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ

    แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้

    แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที

    แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

    ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน

    พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้

    แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น

    แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย

    เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย

    ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต

    แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย

    พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่

    เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก

    แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที

    การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ


    ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้

    การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน

    ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย

    สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ

    งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ

    บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง

    ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

    แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย


    วีระ ธีรภัทร
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567”

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E

    Thaitimes
    รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567 “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว) แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้ หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว ผลเป็นไงคงพอจำกันได้ บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้ ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้ อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้น่าสนใจ ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้ แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้ แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่ เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย วีระ ธีรภัทร วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567” ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 1058 Views 0 Reviews
  • น้ำยาล้างห้องน้ำมรณะ

    ใครจะเชื่อว่าคลิปไวรัลที่นำน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง มาราดตามสุขภัณฑ์ ตามท่อน้ำทิ้ง แล้วพบควันพวยพุ่งออกมาน่าตื่นเต้น วันหนึ่งอาจกลายเป็นโศกนาฎกรรมคร่าชีวิตครอบครัวไปอย่างน่าเศร้า

    กรณีการเสียชีวิตของข้าราชการตำรวจหญิงรายหนึ่ง สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี พร้อมกับลูกสาวอีก 2 คน หลังหมดสติในห้องน้ำภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เดิมรายงานข่าวระบุว่าเกิดจากการเทโซดาไฟลงไปในท่อน้ำทิ้ง แต่ล่าสุดได้รับการคลี่คลายปริศนาจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่า ไม่ใช่โซดาไฟ

    แต่เป็น "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ที่มีส่วนผสมของกรดซัลฟิวริกเข้มข้น หนำซ้ำยังไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. (วัตถุอันตรายที่ใช้ทางสาธารณสุข) และเลขที่จดแจ้งรองรับ

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 พร้อมกับชูน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่คาดว่าเป็นต้นตอที่ทำให้สามแม่ลูกเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หาซื้อผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันมาพิสูจน์ พบว่าเป็นกรดซัลฟิวริกความเข้มข้นสูง ลักษณะเป็นของเหลวสีดำ

    เมื่อเจ้าหน้าที่ทดสอบโดยนำกระดาษใส่ในแก้วทดลอง ตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนลงไป เมื่อหยดน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งดังกล่าว พบว่าเกิดกลุ่มควันไอระเหยจำนวนมาก และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นแท็บพิสูจน์ความเป็นกรดด่างไปรองสารระเหยที่ลอยขึ้นมา ก่อนนำไปเทียบกับแถบสี พบว่ามีความเป็นกรดสูง

    แสดงให้เห็นว่า กรดซัลฟิวริกทำปฏิกิริยากลายเป็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า มีควันพวยพุ่งขึ้นมา

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ หาซื้อได้ยาก ไม่มีขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่จะพบในร้านขายวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ พร้อมเตือนประชาชนที่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมีใดๆ ให้ศึกษารายละเอียดความอันตรายของสารเหล่านั้นและซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ

    น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ นำมาแสดง มีชื่อว่า TURTLE หรือ เตอเติล-เคลีย ขนาด 500 ซี.ซี. ข้างขวดระบุว่า "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ระบุสรรพคุณ วิธีใช้ และคำเตือนวัตถุมีพิษอันตราย มีสารประกอบที่ออกฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง อย่าให้สัมผัสผิวหนังและเข้าตา หากถูกผิวหนังหรือเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง และรีบนำตัวส่งแพทย์

    แต่ไม่พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้ผลิตว่ามาจากไหน และไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. ระบุอยู่ที่ขวดอีกด้วย เทียบกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า พบว่านอกจากจะมีเครื่องหมาย อย. วอส. แล้ว ยังระบุวิธีการใช้ คำเตือนอย่างละเอียด รวมทั้งสถานที่ผลิตอีกด้วย

    แม้ "น้ำยาตราเต่า" ที่ชาวบ้านเรียกกันจะไม่มีขายในห้างสรรพสินค้า แต่พบว่ามีขายตามร้านวัสดุก่อสร้าง หนำซ้ำแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังในไทย สามารถหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งยี่ห้อดังกล่าวอย่างง่ายดาย โดยราคาขายอยู่ที่ 51-75 บาทต่อขวด และยังมีน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งในลักษณะเดียวกันจำหน่ายอีกด้วย

    จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการสืบหาต้นตอว่า น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง มาจากไหน พร้อมทั้งสั่งการไปยังร้านค้า และร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหยุดจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน

    เพราะน้ำยามรณะที่ว่านี้ เมื่อไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และไม่มีสถานที่ผลิต ย่อมเป็นน้ำยาเถื่อนที่ไม่ควรมีไว้ในครัวเรือน

    #Newskit #กรดซัลฟิวริก #น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง
    น้ำยาล้างห้องน้ำมรณะ ใครจะเชื่อว่าคลิปไวรัลที่นำน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง มาราดตามสุขภัณฑ์ ตามท่อน้ำทิ้ง แล้วพบควันพวยพุ่งออกมาน่าตื่นเต้น วันหนึ่งอาจกลายเป็นโศกนาฎกรรมคร่าชีวิตครอบครัวไปอย่างน่าเศร้า กรณีการเสียชีวิตของข้าราชการตำรวจหญิงรายหนึ่ง สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี พร้อมกับลูกสาวอีก 2 คน หลังหมดสติในห้องน้ำภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เดิมรายงานข่าวระบุว่าเกิดจากการเทโซดาไฟลงไปในท่อน้ำทิ้ง แต่ล่าสุดได้รับการคลี่คลายปริศนาจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่า ไม่ใช่โซดาไฟ แต่เป็น "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ที่มีส่วนผสมของกรดซัลฟิวริกเข้มข้น หนำซ้ำยังไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. (วัตถุอันตรายที่ใช้ทางสาธารณสุข) และเลขที่จดแจ้งรองรับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 พร้อมกับชูน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่คาดว่าเป็นต้นตอที่ทำให้สามแม่ลูกเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หาซื้อผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันมาพิสูจน์ พบว่าเป็นกรดซัลฟิวริกความเข้มข้นสูง ลักษณะเป็นของเหลวสีดำ เมื่อเจ้าหน้าที่ทดสอบโดยนำกระดาษใส่ในแก้วทดลอง ตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนลงไป เมื่อหยดน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งดังกล่าว พบว่าเกิดกลุ่มควันไอระเหยจำนวนมาก และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นแท็บพิสูจน์ความเป็นกรดด่างไปรองสารระเหยที่ลอยขึ้นมา ก่อนนำไปเทียบกับแถบสี พบว่ามีความเป็นกรดสูง แสดงให้เห็นว่า กรดซัลฟิวริกทำปฏิกิริยากลายเป็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า มีควันพวยพุ่งขึ้นมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ หาซื้อได้ยาก ไม่มีขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่จะพบในร้านขายวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ พร้อมเตือนประชาชนที่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมีใดๆ ให้ศึกษารายละเอียดความอันตรายของสารเหล่านั้นและซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ นำมาแสดง มีชื่อว่า TURTLE หรือ เตอเติล-เคลีย ขนาด 500 ซี.ซี. ข้างขวดระบุว่า "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ระบุสรรพคุณ วิธีใช้ และคำเตือนวัตถุมีพิษอันตราย มีสารประกอบที่ออกฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง อย่าให้สัมผัสผิวหนังและเข้าตา หากถูกผิวหนังหรือเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง และรีบนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้ผลิตว่ามาจากไหน และไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. ระบุอยู่ที่ขวดอีกด้วย เทียบกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า พบว่านอกจากจะมีเครื่องหมาย อย. วอส. แล้ว ยังระบุวิธีการใช้ คำเตือนอย่างละเอียด รวมทั้งสถานที่ผลิตอีกด้วย แม้ "น้ำยาตราเต่า" ที่ชาวบ้านเรียกกันจะไม่มีขายในห้างสรรพสินค้า แต่พบว่ามีขายตามร้านวัสดุก่อสร้าง หนำซ้ำแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังในไทย สามารถหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งยี่ห้อดังกล่าวอย่างง่ายดาย โดยราคาขายอยู่ที่ 51-75 บาทต่อขวด และยังมีน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งในลักษณะเดียวกันจำหน่ายอีกด้วย จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการสืบหาต้นตอว่า น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง มาจากไหน พร้อมทั้งสั่งการไปยังร้านค้า และร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหยุดจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน เพราะน้ำยามรณะที่ว่านี้ เมื่อไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และไม่มีสถานที่ผลิต ย่อมเป็นน้ำยาเถื่อนที่ไม่ควรมีไว้ในครัวเรือน #Newskit #กรดซัลฟิวริก #น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 695 Views 0 Reviews
  • “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์

    วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์

    แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม

    เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย

    สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย

    สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา

    ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น

    #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์ วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์ แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 762 Views 0 Reviews
  • ส่อง 7 เมืองอาเซียน เหมาะเที่ยวคนเดียว

    นักท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนโสด เพราะไม่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว ทริปเพื่อพักผ่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เรากำหนดและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีแบบแผนยืดยาว แค่เตรียมความพร้อมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก อ่านรีวิวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือโรงแรมเพื่อทำการบ้านแบบคร่าวๆ เท่านั้น

    บทความในเว็บไซต์ Lonely Planet หัวข้อ "7 of the best places in Southeast Asia for solo travelers" ที่เขียนโดย Morgan Awyong ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ได้ยก 7 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวคนเดียว โดยยกจุดเด่นของแต่ละเมืองในแต่ละหัวข้อ ดังนี้

    1. สิงคโปร์ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวครั้งแรก เพราะโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยที่โดดเด่น คนในท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงง่าย โดยแนะนำศูนย์อาหารริมถนนที่มีเมนูทั้งข้าวมันไก่ไหหนาน บักกุ๊ตเต๋ และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ เดินทางได้ทั่วเกาะด้วยรถไฟฟ้า MRT พร้อมแนะนำวัดเทียนฮกเก๋ง ย่านปาร์ควิวสแควร์

    2. ปีนัง (มาเลเซีย) เมืองสตรีทฟู้ดมีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นสร้างสรรค์ โดยมีย่านจอร์จทาวน์ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้ ผสมผสานร้านกาแฟน่ารักและงานศิลปะที่แปลกใหม่ แผงขายอาหารย่าน New Lane, Kimberly St และ Chulia St เปิดเฉพาะเช้าและเย็น มีทั้งเกี๊ยวน้ำ และมื้อหนักอย่างปีนังลักซา คนที่ทานข้าวคนเดียว อิ่มอร่อยในราคาประหยัดเพียง 10 ริงกิตเท่านั้น

    3. ดานัง (เวียดนาม) เมืองที่หลีกหนีความวุ่นวายด้วยชายฝั่งงดงาม และประสบการณ์หลากหลาย ความวุ่นวายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง เดินทางสะดวกด้วยแกร็บที่ค่าโดยสารไม่แพง ห้องพักราคาเฉลี่ย 1 ล้านดอง ชายหาดเหมาะกับการเดินเล่นคนเดียว ได้เห็นชาวประมงพื้นบ้าน และมีร้านกาแฟมากมาย ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad)

    4. เสียมราฐ (กัมพูชา) เมืองเล็กๆ เป็นส่วนตัว และการท่องเที่ยวเชิงจริยธรรม นอกจากจะมีนครวัด ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายศรีแล้ว ยังมีตลาดงานฝีมือเล็กๆ ร้านอาหารริมถนนบรรยากาศสบายๆ มีย่านถนนกลางคืนอย่าง Pub Street และยังมีผู้ประกอบการที่ตอบแทนสังคม เช่น โรงเรียนละครสัตว์ Phare Circus ร้านอาหาร Haven และฟาร์มบัว Lotus Farm

    5. กรุงเทพฯ (ไทย) เมืองที่ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ระหว่างการจราจรในกรุงเทพฯ หาบเร่แผงลอย และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนข้าวสารยังมีวัดที่เงียบสงบเช่นวัดโพธิ์และวัดอรุณ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนวด โรงแรมแข่งขันด้านราคาทำให้มีห้องพักราคาถูก และยืนหนึ่งด้านสิทธิ LGBTIQ+ ในภูมิภาค ความลับอยู่ที่ผู้คนที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เรียบง่าย และจิตใจที่เปิดกว้าง

    6. ฮานอย (เวียดนาม) เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างไม่โอ้อวด คำนึงถึงความยืดหยุ่น และวิถีทางที่ช้าแต่มั่นคง สามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ พักสมองร้านกาแฟท้องถิ่น หรือสัมผัสบรรยากาศที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ที่มีกิจกรรมนันทนาการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือ เช่น อ่าวฮาลอง อ่าวลันฮา เมืองนิญบิ่ญ และเมืองหนาวอย่างซาปา

    7. บาหลี (อินโดนีเซีย) เมืองสำหรับสุขภาพองค์รวม ชายหาด และดิจิทัลนอร์แมด ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำหรับบำบัดสุขภาพทางเลือก มีกิจกรรมเรียนโยคะ บีชคลับและพูลวิลล่าที่หาดกูตา กิจกรรมเดินป่าผ่านนาข้าวในอูบุด พักผ่อนริมชายหาดกูตาตอนใต้ ปีนภูเขาบาตูร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชาวดิจิทัลนอร์แมดมักรวมตัวที่ Canggu สร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพได้อย่างง่ายดาย

    ป.ล. ดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) คือ คนที่สามารถทำงานได้จากทุกแห่งในโลก โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขอมีเพียงแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

    #Newskit #SoloTraveler #ASEAN
    ส่อง 7 เมืองอาเซียน เหมาะเที่ยวคนเดียว นักท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนโสด เพราะไม่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว ทริปเพื่อพักผ่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เรากำหนดและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีแบบแผนยืดยาว แค่เตรียมความพร้อมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก อ่านรีวิวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือโรงแรมเพื่อทำการบ้านแบบคร่าวๆ เท่านั้น บทความในเว็บไซต์ Lonely Planet หัวข้อ "7 of the best places in Southeast Asia for solo travelers" ที่เขียนโดย Morgan Awyong ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ได้ยก 7 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวคนเดียว โดยยกจุดเด่นของแต่ละเมืองในแต่ละหัวข้อ ดังนี้ 1. สิงคโปร์ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวครั้งแรก เพราะโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยที่โดดเด่น คนในท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงง่าย โดยแนะนำศูนย์อาหารริมถนนที่มีเมนูทั้งข้าวมันไก่ไหหนาน บักกุ๊ตเต๋ และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ เดินทางได้ทั่วเกาะด้วยรถไฟฟ้า MRT พร้อมแนะนำวัดเทียนฮกเก๋ง ย่านปาร์ควิวสแควร์ 2. ปีนัง (มาเลเซีย) เมืองสตรีทฟู้ดมีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นสร้างสรรค์ โดยมีย่านจอร์จทาวน์ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้ ผสมผสานร้านกาแฟน่ารักและงานศิลปะที่แปลกใหม่ แผงขายอาหารย่าน New Lane, Kimberly St และ Chulia St เปิดเฉพาะเช้าและเย็น มีทั้งเกี๊ยวน้ำ และมื้อหนักอย่างปีนังลักซา คนที่ทานข้าวคนเดียว อิ่มอร่อยในราคาประหยัดเพียง 10 ริงกิตเท่านั้น 3. ดานัง (เวียดนาม) เมืองที่หลีกหนีความวุ่นวายด้วยชายฝั่งงดงาม และประสบการณ์หลากหลาย ความวุ่นวายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง เดินทางสะดวกด้วยแกร็บที่ค่าโดยสารไม่แพง ห้องพักราคาเฉลี่ย 1 ล้านดอง ชายหาดเหมาะกับการเดินเล่นคนเดียว ได้เห็นชาวประมงพื้นบ้าน และมีร้านกาแฟมากมาย ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) 4. เสียมราฐ (กัมพูชา) เมืองเล็กๆ เป็นส่วนตัว และการท่องเที่ยวเชิงจริยธรรม นอกจากจะมีนครวัด ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายศรีแล้ว ยังมีตลาดงานฝีมือเล็กๆ ร้านอาหารริมถนนบรรยากาศสบายๆ มีย่านถนนกลางคืนอย่าง Pub Street และยังมีผู้ประกอบการที่ตอบแทนสังคม เช่น โรงเรียนละครสัตว์ Phare Circus ร้านอาหาร Haven และฟาร์มบัว Lotus Farm 5. กรุงเทพฯ (ไทย) เมืองที่ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ระหว่างการจราจรในกรุงเทพฯ หาบเร่แผงลอย และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนข้าวสารยังมีวัดที่เงียบสงบเช่นวัดโพธิ์และวัดอรุณ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนวด โรงแรมแข่งขันด้านราคาทำให้มีห้องพักราคาถูก และยืนหนึ่งด้านสิทธิ LGBTIQ+ ในภูมิภาค ความลับอยู่ที่ผู้คนที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เรียบง่าย และจิตใจที่เปิดกว้าง 6. ฮานอย (เวียดนาม) เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างไม่โอ้อวด คำนึงถึงความยืดหยุ่น และวิถีทางที่ช้าแต่มั่นคง สามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ พักสมองร้านกาแฟท้องถิ่น หรือสัมผัสบรรยากาศที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ที่มีกิจกรรมนันทนาการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือ เช่น อ่าวฮาลอง อ่าวลันฮา เมืองนิญบิ่ญ และเมืองหนาวอย่างซาปา 7. บาหลี (อินโดนีเซีย) เมืองสำหรับสุขภาพองค์รวม ชายหาด และดิจิทัลนอร์แมด ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำหรับบำบัดสุขภาพทางเลือก มีกิจกรรมเรียนโยคะ บีชคลับและพูลวิลล่าที่หาดกูตา กิจกรรมเดินป่าผ่านนาข้าวในอูบุด พักผ่อนริมชายหาดกูตาตอนใต้ ปีนภูเขาบาตูร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชาวดิจิทัลนอร์แมดมักรวมตัวที่ Canggu สร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพได้อย่างง่ายดาย ป.ล. ดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) คือ คนที่สามารถทำงานได้จากทุกแห่งในโลก โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขอมีเพียงแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น #Newskit #SoloTraveler #ASEAN
    Like
    5
    1 Comments 1 Shares 941 Views 0 Reviews
  • #พี่ทีทอร์ค #peeteetalk
    .
    หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน วินโดว์จอฟ้าทั่วโลก
    ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้โปรแกรมวินโดว์เป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิบัติการ เช่น
    ธนาคาร ห้อง สนามบิน รพ. ทั่วโลก
    แม้ว่าสามารถกู้ระบบกลับมาได้ในระยะเวลาไม่นาน
    แต่ก็ส่งผลกระทบที่นักวิเคราะห์ให้ความคิดเห็นว่าเกิดความเสียหายนับหมื่นล้านดอลล่าสหรัฐ
    แต่คนไทยส่วนใหญ่ เกิดความสงสัยว่า เพราะเหตุใดคอมพิวเตอร์ของตนกลับไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว จะมีบ้างที่นำเสนอในสื่อหลักก็เพียงเล็กน้อย
    โดยแหล่งข้าวอ้างว่า เหตุผลที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบนี้ เนื่องจากโปรแกรมวินโดว์ที่ติดตั้งนั้น เป็นวินโดว์ไม่แท้ ที่โหลดใช้งานตามร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือที่ห้างสรรพสินค้าบางแห่งในประเทศ
    hownews #พี่ทีทอร์ค รายงาน
    .
    #วินโดวส์จอฟ้า #จอฟ้า #จอฟ้าทั่วโลก
    #พี่ทีทอร์ค #peeteetalk . หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน วินโดว์จอฟ้าทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้โปรแกรมวินโดว์เป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิบัติการ เช่น ธนาคาร ห้อง สนามบิน รพ. ทั่วโลก แม้ว่าสามารถกู้ระบบกลับมาได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่ก็ส่งผลกระทบที่นักวิเคราะห์ให้ความคิดเห็นว่าเกิดความเสียหายนับหมื่นล้านดอลล่าสหรัฐ แต่คนไทยส่วนใหญ่ เกิดความสงสัยว่า เพราะเหตุใดคอมพิวเตอร์ของตนกลับไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว จะมีบ้างที่นำเสนอในสื่อหลักก็เพียงเล็กน้อย โดยแหล่งข้าวอ้างว่า เหตุผลที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบนี้ เนื่องจากโปรแกรมวินโดว์ที่ติดตั้งนั้น เป็นวินโดว์ไม่แท้ ที่โหลดใช้งานตามร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือที่ห้างสรรพสินค้าบางแห่งในประเทศ hownews #พี่ทีทอร์ค รายงาน . #วินโดวส์จอฟ้า #จอฟ้า #จอฟ้าทั่วโลก
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • ธุรกิจรายใหญ่เตรียมเจ๊ง หลังต้นทุนค่าไฟฟ้าจ่อพุ่ง โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ส่่อลุกลามกระทบค่าเช่าพื้นที่รายย่อย
    #7ดอกจิก
    ธุรกิจรายใหญ่เตรียมเจ๊ง หลังต้นทุนค่าไฟฟ้าจ่อพุ่ง โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ส่่อลุกลามกระทบค่าเช่าพื้นที่รายย่อย #7ดอกจิก
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • Kidzooona เป็นศูนย์การเรียนรู้และเล่นในร่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มองหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-12 ปี ที่นี่มีการออกแบบโซนการเล่นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ผ่านการเล่นแบบโต้ตอบ เช่น มินิมาร์เก็ต ห้องครัว สระลูกบอล สนามเด็กเล่นในร่ม และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ

    จุดเด่นของ Kidzooona:
    - โซนการเล่นหลากหลาย: มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนการเล่นสมมุติ โซนกีฬา โซนสร้างสรรค์ เช่น การระบายสี และการประดิษฐ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก
    - ความปลอดภัยสูง: มีเจ้าหน้าที่ดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กๆ ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองสามารถปล่อยให้ลูกเล่นได้อย่างสบายใจ
    - กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ: นอกจากการเล่นสนุกแล้ว Kidzooona ยังมีส่วนเสริมทักษะทางการสื่อสารและการเข้าสังคมผ่านการเล่นเป็นทีมกับเพื่อนๆ

    ค่าบริการและข้อกำหนด:
    - ค่าบริการ: ราคาบัตรเข้า Kidzooona อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและวัน เช่น วันธรรมดาหรือวันหยุด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200-400 บาทต่อเด็กหนึ่งคน
    - ข้อกำหนดการเข้าใช้บริการ: ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความสะอาดและความปลอดภัย

    Kidzooona เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยมีทั้งความสนุกและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์สำหรับลูกน้อย Kidzooona เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด!

    #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Kidzooona เป็นศูนย์การเรียนรู้และเล่นในร่มที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย เช่น กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวที่มองหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 2-12 ปี ที่นี่มีการออกแบบโซนการเล่นต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้และพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ผ่านการเล่นแบบโต้ตอบ เช่น มินิมาร์เก็ต ห้องครัว สระลูกบอล สนามเด็กเล่นในร่ม และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ จุดเด่นของ Kidzooona: - โซนการเล่นหลากหลาย: มีการจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนการเล่นสมมุติ โซนกีฬา โซนสร้างสรรค์ เช่น การระบายสี และการประดิษฐ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ให้กับเด็ก - ความปลอดภัยสูง: มีเจ้าหน้าที่ดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยของเด็กๆ ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองสามารถปล่อยให้ลูกเล่นได้อย่างสบายใจ - กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ: นอกจากการเล่นสนุกแล้ว Kidzooona ยังมีส่วนเสริมทักษะทางการสื่อสารและการเข้าสังคมผ่านการเล่นเป็นทีมกับเพื่อนๆ ค่าบริการและข้อกำหนด: - ค่าบริการ: ราคาบัตรเข้า Kidzooona อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาและวัน เช่น วันธรรมดาหรือวันหยุด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 200-400 บาทต่อเด็กหนึ่งคน - ข้อกำหนดการเข้าใช้บริการ: ทุกคนที่เข้าใช้บริการต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความสะอาดและความปลอดภัย Kidzooona เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยมีทั้งความสนุกและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่เล่นที่ปลอดภัยและมีความสร้างสรรค์สำหรับลูกน้อย Kidzooona เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด! #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 578 Views 0 Reviews