• 5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน

    📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥

    📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
    จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡

    🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย

    🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง
    เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท

    🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว
    เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม

    นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫

    ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม
    🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก
    📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้

    🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์
    📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย

    🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช
    📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์

    🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช
    📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน
    📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨
    📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส
    📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง

    ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช
    เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ...
    🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้?
    🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่?
    🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์
    🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ

    📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต
    📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ
    📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย

    🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
    ห้างเทอร์มินอล 21
    เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง

    🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่
    - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร
    - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร
    - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง

    📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน
    - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว
    - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ

    📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568

    📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน 📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥 📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡 🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย 🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท 🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫 ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม 🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก 📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้ 🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์ 📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย 🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช 📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21 จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ 🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช 📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน 📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨 📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส 📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ... 🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้? 🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่? 🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์ 🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ 📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต 📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ 📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย 🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ห้างเทอร์มินอล 21 เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง 🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ 📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่ - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง 📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ 📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568 📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 ปี จากจลาจลกัมพูชา สู่ปฏิบัติการโปเชนตง เบื้องหลังความขัดแย้ง ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ

    ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ
    ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสีย ทางกายภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุจลาจลครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบทความ ในหนังสือพิมพ์กัมพูชา"รัศมี อังกอร์" ที่พาดพิงถึงนักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" ว่าได้กล่าวหากัมพูชาเรื่องนครวัด จนนำไปสู่ความโกรธแค้น และความรุนแรง ที่ลุกลามไปถึงการเผาสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ

    จากบทความหนังสือพิมพ์ สู่ความโกลาหล
    ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2546 หนังสือพิมพ์ "รัศมี อังกอร์" ของกัมพูชา ได้ตีพิทพ์เผยแพร่บทความ ที่กล่าวอ้างว่า นักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" พูดว่านครวัดเป็นของไทย และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ "ขโมย" นครวัดไป ข้อความนี้แพร่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความโกรธเคือง ในหมู่ชาวกัมพูชา แม้ว่ากบ-สุวนันท์ จะออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง กระแสความไม่พอใจได้

    การตอบสนองของฮุนเซ็น
    นายกรัฐมนตรีกัมพูชา "ฮุนเซ็น" ได้กล่าวสนับสนุนข้อความ ในบทความดังกล่าว โดยเปรียบเทียบว่า นักแสดงชาวไทยคนนี้ "ไม่มีค่าเทียบเท่าใบหญ้า ที่ขึ้นใกล้นครวัด" พร้อมทั้งสั่งให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชา หยุดการเผยแพร่ละครไทยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดม ให้ประชาชนกัมพูชา ระลึกถึงรากเหง้าของตนเอง ซึ่งยิ่งกระพือความไม่พอใจ ในวงกว้าง

    จากชุมนุมสู่เหตุการณ์จลาจล เริ่มต้นที่สถานทูตไทย
    เช้าวันที่ 29 มกราคม 2546 กลุ่มชาวกัมพูชาหลายร้อยคน เริ่มรวมตัวกัน ที่หน้าสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ การประท้วงเริ่มจาก การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น เผาธงชาติไทย และป้ายของสถานทูต ก่อนที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าไป ในบริเวณสถานทูต

    อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต
    เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาในขณะนั้น "ชัชเวทย์ ชาติสุวรรณ" ตัดสินใจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สถานทูต อพยพออกจากอาคาร โดยปีนรั้วด้านหลังของสถานทูต ไปยังแม่น้ำบาสัก และบางส่วนหลบหนีไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ที่อยู่ติดกัน การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้ ช่วยรักษาชีวิตของทุกคน ไว้ได้อย่างปลอดภัย

    ทำลายสถานทูตไทย
    ในช่วงเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา และปล้นสดมสถานทูตไทย รวมถึงทำลายทรัพย์สิ นของธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านค้าต่าง ๆ เหตุการณ์นี้ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อมีข่าวลือว่า คนกัมพูชาถูกทำร้ายในประเทศไทย ซึ่งทำให้การจลาจลในพนมเปญ รุนแรงขึ้นไปอีก

    ปฏิบัติการโปเชนตง ความช่วยเหลือจากฟากฟ้า
    หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของนายกรัฐมนตรี "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ "โปเชนตง" เพื่ออพยพคนไทยออกจากกัมพูชา โดยใช้สนามบินเก่า "โปเชนตง" ในกรุงพนมเปญ เป็นจุดรับส่ง โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา ที่เริ่มเปลี่ยนท่าที และยินยอมให้เครื่องบินทหารไทยเข้าประเทศ

    รายละเอียดของปฏิบัติการ
    วันที่ 30 มกราคม 2546 เวลา 05.15 น. เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H และ G-222 พร้อมหน่วยรบพิเศษ ได้บินจากฐานทัพดอนเมือง ไปยังสนามบินโปเชนตง เพื่ออพยพคนไทยกว่า 700 คน การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยสามารถนำคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ในวันเดียว

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
    เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เลวร้ายลงอย่างมาก ไทยตัดสินใจ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค

    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการสื่อสารระหว่างประเทศ และการป้องกันการปลุกระดม ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง การตอบสนองที่รวดเร็ว และเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในครั้งนั้น ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ

    22 ปี หลังเหตุการณ์จลาจลในพนมเปญ และปฏิบัติการโปเชนตง ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทยและกัมพูชา ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการจัดการวิกฤตระดับชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของความร่วมมือ ความเข้าใจ และการสื่อสารที่ถูกต้อง ระหว่างประชาชน และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290850 ม.ค. 2568

    #จลาจลกัมพูชา #ปฏิบัติการโปเชนตง #ไทยกัมพูชา #สถานทูตไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #การเมืองระหว่างประเทศ #บทเรียนความขัดแย้ง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เหตุการณ์ในอดีต







    22 ปี จากจลาจลกัมพูชา สู่ปฏิบัติการโปเชนตง เบื้องหลังความขัดแย้ง ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2546 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสีย ทางกายภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุจลาจลครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากบทความ ในหนังสือพิมพ์กัมพูชา"รัศมี อังกอร์" ที่พาดพิงถึงนักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" ว่าได้กล่าวหากัมพูชาเรื่องนครวัด จนนำไปสู่ความโกรธแค้น และความรุนแรง ที่ลุกลามไปถึงการเผาสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ จากบทความหนังสือพิมพ์ สู่ความโกลาหล ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2546 หนังสือพิมพ์ "รัศมี อังกอร์" ของกัมพูชา ได้ตีพิทพ์เผยแพร่บทความ ที่กล่าวอ้างว่า นักแสดงหญิงชาวไทย "กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง" พูดว่านครวัดเป็นของไทย และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ "ขโมย" นครวัดไป ข้อความนี้แพร่กระจาย ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสความโกรธเคือง ในหมู่ชาวกัมพูชา แม้ว่ากบ-สุวนันท์ จะออกมาปฏิเสธว่า เธอไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง กระแสความไม่พอใจได้ การตอบสนองของฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา "ฮุนเซ็น" ได้กล่าวสนับสนุนข้อความ ในบทความดังกล่าว โดยเปรียบเทียบว่า นักแสดงชาวไทยคนนี้ "ไม่มีค่าเทียบเท่าใบหญ้า ที่ขึ้นใกล้นครวัด" พร้อมทั้งสั่งให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชา หยุดการเผยแพร่ละครไทยทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดม ให้ประชาชนกัมพูชา ระลึกถึงรากเหง้าของตนเอง ซึ่งยิ่งกระพือความไม่พอใจ ในวงกว้าง จากชุมนุมสู่เหตุการณ์จลาจล เริ่มต้นที่สถานทูตไทย เช้าวันที่ 29 มกราคม 2546 กลุ่มชาวกัมพูชาหลายร้อยคน เริ่มรวมตัวกัน ที่หน้าสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ การประท้วงเริ่มจาก การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น เผาธงชาติไทย และป้ายของสถานทูต ก่อนที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มบุกเข้าไป ในบริเวณสถานทูต อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูต เอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชาในขณะนั้น "ชัชเวทย์ ชาติสุวรรณ" ตัดสินใจสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สถานทูต อพยพออกจากอาคาร โดยปีนรั้วด้านหลังของสถานทูต ไปยังแม่น้ำบาสัก และบางส่วนหลบหนีไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ที่อยู่ติดกัน การตัดสินใจที่เด็ดขาดนี้ ช่วยรักษาชีวิตของทุกคน ไว้ได้อย่างปลอดภัย ทำลายสถานทูตไทย ในช่วงเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผา และปล้นสดมสถานทูตไทย รวมถึงทำลายทรัพย์สิ นของธุรกิจไทยในกรุงพนมเปญ เช่น โรงแรม สำนักงาน และร้านค้าต่าง ๆ เหตุการณ์นี้ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อมีข่าวลือว่า คนกัมพูชาถูกทำร้ายในประเทศไทย ซึ่งทำให้การจลาจลในพนมเปญ รุนแรงขึ้นไปอีก ปฏิบัติการโปเชนตง ความช่วยเหลือจากฟากฟ้า หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจล รัฐบาลไทยภายใต้การนำ ของนายกรัฐมนตรี "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ได้ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ "โปเชนตง" เพื่ออพยพคนไทยออกจากกัมพูชา โดยใช้สนามบินเก่า "โปเชนตง" ในกรุงพนมเปญ เป็นจุดรับส่ง โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา ที่เริ่มเปลี่ยนท่าที และยินยอมให้เครื่องบินทหารไทยเข้าประเทศ รายละเอียดของปฏิบัติการ วันที่ 30 มกราคม 2546 เวลา 05.15 น. เครื่องบินลำเลียงแบบ C-130H และ G-222 พร้อมหน่วยรบพิเศษ ได้บินจากฐานทัพดอนเมือง ไปยังสนามบินโปเชนตง เพื่ออพยพคนไทยกว่า 700 คน การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยสามารถนำคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด ในวันเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและกัมพูชา เลวร้ายลงอย่างมาก ไทยตัดสินใจ ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และปิดชายแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญ ของการสื่อสารระหว่างประเทศ และการป้องกันการปลุกระดม ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง การตอบสนองที่รวดเร็ว และเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในครั้งนั้น ยังเป็นตัวอย่างของการจัดการวิกฤต ที่มีประสิทธิภาพ 22 ปี หลังเหตุการณ์จลาจลในพนมเปญ และปฏิบัติการโปเชนตง ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทยและกัมพูชา ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการจัดการวิกฤตระดับชาติ เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของความร่วมมือ ความเข้าใจ และการสื่อสารที่ถูกต้อง ระหว่างประชาชน และผู้นำของทั้งสองประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอนาคต ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290850 ม.ค. 2568 #จลาจลกัมพูชา #ปฏิบัติการโปเชนตง #ไทยกัมพูชา #สถานทูตไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #การเมืองระหว่างประเทศ #บทเรียนความขัดแย้ง #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #เหตุการณ์ในอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน

    #กระบี่อมตะ
    โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล
    สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์
    นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน
    เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า

    นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย

    วกมาสู่เล่มนี้

    เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ

    เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน

    มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา

    ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก

    คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ

    แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป

    เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง

    ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่

    ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด

    สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร

    ไปลองอ่านดูนะครับ

    #โก้วเล้ง
    #วณเมืองลุง
    #นิบายจีน
    #นิยายแปล
    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes]

    ยิ้มเปลี่ยนชีวิตได้ ในบางครั้งยังอาจสามารถเปลี่ยนโลก นี่ไม่ต้องลำบากเสาะหาจากที่ไหนให้วุ่นวาย เพราะมีอยู่ในกายทุกผู้คน #กระบี่อมตะ โก้วเล้ง เขียน / ว.ณ เมืองลุง แปล สนพ.สร้างสรรค์บุ๊กส์ นวนิยายสั้นเล่มเดียวจบ หมวดกำลังภายใน เป็นเล่มแรกที่ถูกจัดเข้าในชุดอาวุธของโก้วเล้ง ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้ว ผลงานในชุดนี้มีทั้งหมดกี่เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 7 เล่ม บางแหล่งระบุว่ามี 8 เล่ม ซึ่งตามความจริง ล้วนเป็นเหล่า สนพ.ต่าง ๆ จากต้นทาง ที่รวบรวมจัดเข้าชุดกันเองเพื่อหวังในยอดขายเพิ่มขึ้น หาใช่สิ่งที่โก้วเล้งเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนไว้แต่แรก มีบางข้อมูลถึงกับระบุว่า เล่มที่โก้วเล้งเป็นคนเขียนเองมีเพียง 2 เรื่องแรกเท่านั้น คือกระบี่อมตะ และเดชขนนกยูง หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง แล้วเล่มอื่นในชุดใครที่เป็นมือปืนรับจ้างเขียนแทนโดยใช้ชื่อโก้วเล้งเล่า นี่คืออีกหนึ่งปริศนาในงานเขียนของปีศาจสุรา ที่ช่วงหลังก่อนเสียชีวิต แต่งเรื่องไว้หลายเรื่องแต่แต่งไม่จบ นับเป็นรอยด่างหรือความมัวหมองในชีวิตงานเขียนประการหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย วกมาสู่เล่มนี้ เพิ่งจบเมื่อเช้า ก่อนหน้าไม่เคยอ่านในชุดอาวุธมาเลยสักเล่มเดียว ผ่านตาพบเห็นมาหลายปกตั้งแต่เด็ก แต่ก็นิยมไปอ่านเรื่องยาว หรือเรื่องชุดอื่น ๆ ซะ บัดนี้ตั้งใจว่าจะลองมาลิ้มรสเล่มที่พลาดไป เริ่มต้นด้วยเล่มนี้เป็นเล่มแรกครับ เนื้อหากล่าวถึง กลุ่มชายฉกรรจ์ขบวนใหญ่ ต่างที่มาแต่มารวมตัวกันเฉพาะกิจ ด้วยเหตุผลคือตามล่าคนคนหนึ่งซึ่งมีสิ่งของที่ทั้งหมดต้องการแอบซ่อนไว้ เปิดเรื่องที่โรงเตี๊ยมในเมืองซึ่งมีตัวเอกของเรื่อง นามแปะเง็กเกียเดินทางผ่านมาแวะพักค้างอ้างแรม ในมือของมันผู้นี้มีศาสตราวุธสุดยอดเป็นกระบี่ดำเล่มหนึ่ง กระบี่โบราณดูไปไม่มีใดน่าสนใจ ทว่าผู้กล้าและชาวยุทธ์ทั่วหล้าต่างพากันทราบดี ถึงชื่อเสียงเกียรติภูมิที่ได้รับการกล่าวขานถึง นั่นเรียกว่ากระบี่อมตะ ผู้มาที่ไม่ทราบสำนักสังกัดชัด ต่างล้วนทราบดีแก่ใจว่าบุรุษเจ้าของกระบี่เล่มนี้ยากตอแย และมีฝีมือมิใช่ชั่ว ต่างคุมเชิงกันและกันไม่ว่าใครไม่กล้าลงไม้ลงมือก่อน มิคาดนอกจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีบุรุษหน้าตาเข้าทีฝีมือรวบรัดมาเยี่ยมเยือนและอุดหนุนแล้ว ยังมีวาสนาได้รับการต้อนรับโกวเนี้ยเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งมีบุคลิกที่เรียบร้อยราวคุณหนู และรูปโฉมโนมพรรณที่สามารถสร้างความลุ่มหลงแก่เหล่าบุรุษได้ นางมีชื่อว่าอ้วงจีเยี้ย ไม่แน่ใจเป็นนางที่ไล่ตามแปะเง็กเกียหรือไม่ เพราะเขาจำได้ว่าเคยพบหน้านางมาก่อนแล้วถึงสองครั้งที่โรงเตี๊ยมแห่งอื่น นี่ไม่อาจโทษว่าเขาเป็นชายเจ้าชู้ อย่างไรชายงามย่อมพึงตาต้องใจในสตรีสาวและยังสวยเป็นธรรมดา ที่สำคัญกลับเป็นนางที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหา เจรจาพาทีกับเขาก่อนด้วย เป็นเรื่องที่เขาเองก็คาดไม่ถึง อย่างน้อยทุกครั้งที่พบหน้า นางส่งรอยยิ้มที่พิมพ์ใจกระไรปานนั้นให้กับเขา ทว่าเรื่องราวกับซับซ้อนยอกย้อนยิ่ง ในขณะที่แปะเง็กเกียเข้าใจว่ากลุ่มชายแปลกหน้าท่าทางประหลาดทั้งหลาย ล้วนมีเป้าประสงค์ที่จะมาหาเรื่องกับตน พลันเกิดเหตุลอบฆ่าฟันกันขึ้น มีคนตายและอาวุธที่เข่นฆ่าก็แปลกประหลาด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบภายในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อ้วงจีเยี้ยพลันเอ่ยขอร้องแปะเง็กเกียให้ค้างอยู่ร่วมห้องเดียวกับนาง ให้เหตุผลว่าบัดนี้นางกลัวยิ่ง เช่นนี้ไยมิใช่การบอกใบ้ว่านางยินดีให้แปะเง็กเกีย ไม่ต้องทำตัวเรียบ ๆ ร้อย ๆ กับนางระหว่างคืนใช่หรือไม่ แต่แปะเง็กเกียกลับเรียบร้อยขึ้นมาจริง ๆ มันพานขึ้นไปนอนบนเตียงเรียงคู่กับนาง ทว่าเพียงแค่อ้าปากกล่าววาจาด้วยท่าทีสงวนคำพูดยิ่งนัก คืนนั้นเอง อ้วงจี่เยี้ยพลันกล้าเผยความในใจ ปรารถนาให้เมื่ออรุณขึ้น เขาพานางติดตามไปด้วยในทุกที่ หลีกลี้หนีจากวังวนความวุ่นวายทั้งหลาย แปะเง็กเกียกลับรับปากง่ายดาย ก่อนรุ่งสางได้สกัดจุดหลับนางแล้วออกจากห้อง ตั้งใจจะไปตกลงเจรจากับพวกคนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพานางที่ตนชมชอบปลีกกายจากไป ไหนเลยมีเรื่องง่ายดายปานนั้น หลังเอ่ยวาจาอ้อมค้อมลดเลี้ยวอยู่เนิ่นนาน แปะเง็กเกียที่เตรียมจะยกถุงผ้าที่บรรจุวัตถุหายากที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับคนประหลาดที่เหลือ หาคาดไม่ที่พวกมันกังวลสนใจกลับเป็นตัวของอ้วงจีเยี้ยเอง แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นสิ่งของใดในตัวนางที่พวกมันกล่าวหาว่าถูกขโมยมา เมื่อการค้าตกลงไม่สำเร็จแปะเง็กเกียจึงลุกเดินกลับห้อง แต่กลับพบเห็นมีเงาชายคนหนึ่งอยู่ในห้องคล้ายเจรจาบางอย่างกับหญิงที่ตนชอบ ด้วยความเสียใจ ขณะจะผละจากไปปรากฏเสียงร้องของนางดังขึ้นด้วยความตกใจ แปะเง็กเกียรีบพุ่งปราดเข้าไปจึงพบว่า เป็นคนร้ายที่เป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันชั่วครู่ก่อนที่มันจะชิงจังหวะโดดหลบหนีไป พอดีกับที่สหายคนหนึ่งของแปะเง็กเกียเข้าประตูมาเพราะได้ยินเสียง แปะเง็กเกียจึงขอร้องให้มันช่วยดูแลอ้วงจีเยี้ยแทน ก่อนจะโผออกจากห้อง พุ่งทะยานขึ้นหลังคาตามไป เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ให้เพื่อน ๆ ไปหาอ่านกันต่อ ขอบอกเพียงว่า เป็นนิยายกำลังภายในขนาดสั้นที่เขียนได้ดีมากเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่มีความเป็นงานแนวสืบสวนสอบสวน มีการพลิกไปพลิกมาของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว ที่มีเบื้องหลังคือของมีค่าอันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซึ่งวัตถุชิ้นนี้กล่าวโยงไปถึงของสำคัญอันจะมีส่วนสำคัญต่อไปในเล่มที่สองของชุดอาวุธของโก้วเล้ง ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งเรื่องไปแล้วนั้น ล้วนเต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ หักเหลี่ยมของเหล่าบรรดาโจรทั้งหลายที่ต่างหมายของสิ่งเดียวกัน ใครเป็นมิตรกับใคร ใครแฝงตัวหลอกล่อ เป้าจริงคือใคร เป้าลวงไฉนเยอะปานนั้น จะเชื่อใจใครได้บ้าง ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร หรือสหายกลับทรยศ หญิงงามความจริงคือผู้ถูกกระทำ หรือคือต้นตอของเหตุเภทภัยทั้งหมดกันแน่ แต่ละบทที่ผ่านไปมีแต่ศพ ที่เพิ่มมากขึ้น คนมีชีวิตกลับยิ่งมายิ่งลดน้อยลง แปะเง็กเกียที่ถูกม้วนเข้าไปในวังวนของแหใหญ่ปากนี้ จะสามารถพาตัวรอดพ้นจากหายนะได้หรือไม่ ฤาต้องจบชีวิตไปอย่างเลอะเลือนงมงาย ไม่ทราบกระทั่งความจริงว่าตนต้องตายด้วยสาเหตุใด สุดท้ายที่นึกว่าจะจบลงแล้ว กลับมีพลิกในพลิกอีกที... นี่มันอะไร ไปลองอ่านดูนะครับ #โก้วเล้ง #วณเมืองลุง #นิบายจีน #นิยายแปล #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes]
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุระเบิดรถยนต์สองพ่อลูก ตชด.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พบมีการกดระเบิดและเข้าจ่อยิงศีรษะซ้ำทั้ง 2 ราย ก่อนจะขโมยปืนหลบหนีไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004176

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เจ้าหน้าที่สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุระเบิดรถยนต์สองพ่อลูก ตชด.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พบมีการกดระเบิดและเข้าจ่อยิงศีรษะซ้ำทั้ง 2 ราย ก่อนจะขโมยปืนหลบหนีไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004176 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    14
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสืบนครบาลขยายผลจับกุม “ชาคิต” คนขับกระบะมารับ “จ่าเอ็ม” มือยิงอดีต สส.กัมพูชา พาหลบหนีไปส่งยังจุดข้ามแดน

    วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว นายชาคิต หรือชำนาญ อายุ 47 ปี ภูมิลำเนา ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.168/2568 ลงวันที่ 13 ม.ค. 68 ข้อหากระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน สามารถจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านน็อคดาวน์ไม่มีเลขที่ ม.10 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

    โดยพฤติการณ์กล่าวคือ ผบช.น.สั่งขยายผลเพิ่มผู้สนับสนุนนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม มือปืนรับจ้างวานฆ่าอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งทาง พล.ต.ต.ธีรเดช พบพยานหลักฐานถึงผู้สนับสนุนดังกล่าวรายหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ไปถึงการวางแผนกับจ่าเอ็มตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ไปจนถึงหลังเกิดเหตุยังได้เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีเทา พาจ่าเอ็มหลบหนีไปยังจุดข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.45 น. ซึ่งจากการขยายผลทราบว่าผู้สนับสนุนรายนี้คือ นายชาคิต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004046

    #MGROnline #ชาคิต #คนขับกระบะมา #จ่าเอ็ม
    ตำรวจสืบนครบาลขยายผลจับกุม “ชาคิต” คนขับกระบะมารับ “จ่าเอ็ม” มือยิงอดีต สส.กัมพูชา พาหลบหนีไปส่งยังจุดข้ามแดน • วันนี้ (14 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว นายชาคิต หรือชำนาญ อายุ 47 ปี ภูมิลำเนา ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.168/2568 ลงวันที่ 13 ม.ค. 68 ข้อหากระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดแม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตามผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน สามารถจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านน็อคดาวน์ไม่มีเลขที่ ม.10 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี • โดยพฤติการณ์กล่าวคือ ผบช.น.สั่งขยายผลเพิ่มผู้สนับสนุนนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม มือปืนรับจ้างวานฆ่าอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งทาง พล.ต.ต.ธีรเดช พบพยานหลักฐานถึงผู้สนับสนุนดังกล่าวรายหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานบ่งชี้ไปถึงการวางแผนกับจ่าเอ็มตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ไปจนถึงหลังเกิดเหตุยังได้เป็นผู้ขับขี่รถกระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีเทา พาจ่าเอ็มหลบหนีไปยังจุดข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.45 น. ซึ่งจากการขยายผลทราบว่าผู้สนับสนุนรายนี้คือ นายชาคิต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004046 • #MGROnline #ชาคิต #คนขับกระบะมา #จ่าเอ็ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขั้นตอนจ่าเอ็ม เปิดปากรับสารภาพ ผู้มีพระคุณจ้างวานฆ่า อดีต สส.กัมพูชา ด้วยเงิน 60,000 บาท รับมัดจำมาแล้ว 30,000 บาท มีคนชี้เป้าให้ข้อมูล ขณะหลบหนีก็มีคนบอกตลอดให้ไปตรงจุดใดความคืบหน้าคดีอดีต สส.กัมพูชา ภายหลังการควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม หรือเอ็ม กองเรือ มาสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำในเบื้องต้นเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งประเด็นหลักที่ผู้ต้องหายังคงกังวลคือเกรงว่าญาติพี่น้องจะรู้ถึงเหตุการณ์นี้ แต่ตำรวจให้ผู้ต้องหาพบทนายความและมีการพูดคุย จนกระทั่งนายเอ็มเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นจนสามารถให้การกับพนักงานสอบสวนได้บ้างแล้วนายเอ็มอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง ผู้มีพระคุณซึ่งเป็นพลเรือนมาจ้างวานให้ฆ่านายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ซึ่งตอนแรกนายเอ็มได้ตอบปฏิเสธ แต่ผู้มีพระคุณพยายามโทร.ตื๊อ จนทำให้ตอบตกลงรับงาน ในราคา 60,000 บาท และจ่ายมัดจำมาก้อนแรก 30,000 บาท นายเอ็มจึงเอาเงินจำนวนนี้ไปไถ่ปืนที่จำนำไว้ในราคา 2,000 บาท ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ นายเอ็มบอกว่า มีคน LINE มาให้ข้อมูลตลอด ว่าเป้าหมายรูปพรรณสันฐานเป็นอย่างไร ตอนนี้เดินทางถึงไหน และช่วงเวลาที่หลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก็มีคน LINE มาบอกตลอดว่าให้ไปตรงจุดใด ซึ่งข้อมูลในโทรศัพท์มือถือตรงกับคำให้การของนายเอ็มนายเอ็มยังได้ใช้สิทธิของผู้ต้องหา ไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยให้เหตุผลว่ากังวลเรื่องความปลอดภัย และยังไม่อยากไปเจอหน้าใครทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวนายเอ็มไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในวันที่ 13 ม.ค.68การส่งตัวในวันนี้ พล.ต.ท.สมประสงค์ จะเป็นผู้ไปรับตัวนายเอ็มจากรอง ผบ.ตร. ของประเทศกัมพูชา จะเป็นผู้นำตัวมาส่งด้วยตัวเอง จากนั้นเมื่อควบคุมตัวผู้ต้องหามาถึงกองบินตำรวจ เจ้าหน้าที่จะส่งมอบตัวผู้ต้องหา ให้กับพนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม เพื่อสอบปากคำ ก่อนจะส่งตัวฝากขังศาลอาญารัชดาในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค.นี้ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
    ขั้นตอนจ่าเอ็ม เปิดปากรับสารภาพ ผู้มีพระคุณจ้างวานฆ่า อดีต สส.กัมพูชา ด้วยเงิน 60,000 บาท รับมัดจำมาแล้ว 30,000 บาท มีคนชี้เป้าให้ข้อมูล ขณะหลบหนีก็มีคนบอกตลอดให้ไปตรงจุดใดความคืบหน้าคดีอดีต สส.กัมพูชา ภายหลังการควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม หรือเอ็ม กองเรือ มาสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำในเบื้องต้นเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งประเด็นหลักที่ผู้ต้องหายังคงกังวลคือเกรงว่าญาติพี่น้องจะรู้ถึงเหตุการณ์นี้ แต่ตำรวจให้ผู้ต้องหาพบทนายความและมีการพูดคุย จนกระทั่งนายเอ็มเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นจนสามารถให้การกับพนักงานสอบสวนได้บ้างแล้วนายเอ็มอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง ผู้มีพระคุณซึ่งเป็นพลเรือนมาจ้างวานให้ฆ่านายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ซึ่งตอนแรกนายเอ็มได้ตอบปฏิเสธ แต่ผู้มีพระคุณพยายามโทร.ตื๊อ จนทำให้ตอบตกลงรับงาน ในราคา 60,000 บาท และจ่ายมัดจำมาก้อนแรก 30,000 บาท นายเอ็มจึงเอาเงินจำนวนนี้ไปไถ่ปืนที่จำนำไว้ในราคา 2,000 บาท ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ นายเอ็มบอกว่า มีคน LINE มาให้ข้อมูลตลอด ว่าเป้าหมายรูปพรรณสันฐานเป็นอย่างไร ตอนนี้เดินทางถึงไหน และช่วงเวลาที่หลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก็มีคน LINE มาบอกตลอดว่าให้ไปตรงจุดใด ซึ่งข้อมูลในโทรศัพท์มือถือตรงกับคำให้การของนายเอ็มนายเอ็มยังได้ใช้สิทธิของผู้ต้องหา ไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยให้เหตุผลว่ากังวลเรื่องความปลอดภัย และยังไม่อยากไปเจอหน้าใครทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวนายเอ็มไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในวันที่ 13 ม.ค.68การส่งตัวในวันนี้ พล.ต.ท.สมประสงค์ จะเป็นผู้ไปรับตัวนายเอ็มจากรอง ผบ.ตร. ของประเทศกัมพูชา จะเป็นผู้นำตัวมาส่งด้วยตัวเอง จากนั้นเมื่อควบคุมตัวผู้ต้องหามาถึงกองบินตำรวจ เจ้าหน้าที่จะส่งมอบตัวผู้ต้องหา ให้กับพนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม เพื่อสอบปากคำ ก่อนจะส่งตัวฝากขังศาลอาญารัชดาในวันจันทร์ที่ 13 ม.ค.นี้ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์

    กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตบนเกาะกลางถนน ย่านบางลำภู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ โดยภาพวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่จยย. มาจอดรอ ก่อนจะข้ามถนนไปยิงผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาขี่จยย.หลบหนีไป จากนั้นหลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. พฐ. เข้าตรวจสอบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ ที่คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันพีที (ปั๊มแก๊สแอลพีจี) ถนนเรียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002219

    #MGROnline #จ่าเอ็ม #ฝ่ายค้าน #กัมพูชา
    ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์ • กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตบนเกาะกลางถนน ย่านบางลำภู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ โดยภาพวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่จยย. มาจอดรอ ก่อนจะข้ามถนนไปยิงผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาขี่จยย.หลบหนีไป จากนั้นหลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. พฐ. เข้าตรวจสอบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ ที่คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันพีที (ปั๊มแก๊สแอลพีจี) ถนนเรียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002219 • #MGROnline #จ่าเอ็ม #ฝ่ายค้าน #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พ่อตาอิยุต วางแผนมาดี
    #ตำรวจ ตามไม่ทัน พบข้อมูล #จ่าเอ็ม
    มือปืนยิงฝ่ายค้านกัมพูชา #หลบหนีไป
    #กัมพูชาแล้วทาง #ด่านถาวรเขาดิน
    คลองน้ำใส #สระแก้ว ได้ ประมาณตี 1 วันนี้
    #พ่อตาอิยุต วางแผนมาดี #ตำรวจ ตามไม่ทัน พบข้อมูล #จ่าเอ็ม มือปืนยิงฝ่ายค้านกัมพูชา #หลบหนีไป #กัมพูชาแล้วทาง #ด่านถาวรเขาดิน คลองน้ำใส #สระแก้ว ได้ ประมาณตี 1 วันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า มีรายงานว่า นายลิม กิมยา เดินทางมาจาก เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัส มาพร้อมกับภรรยาชาวฝรั่งเศส และลุงชาวกัมพูชา ได้มาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายขับรถ จยย. ไม่ทราบทะเบียน มาจอด และยิง ก่อนหลบหนีไปเบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม พาภรรยาไปสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อหาสาเหตุปมสังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อย่างอุกอาจกลางกรุงสำหรับนายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต เป็นนักการเมืองกัมพูชา ขั้วตรงข้ามกับ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของกัมพูชา เป็นอดีต สส.ฝ่ายค้าน จากพรรค Cambodia National Rescue ที่มีผลงานโดดเด่น โดยเมื่อปี 2018 เขาได้อภิปรายเรื่องงบประมาณรัฐบาลอย่างหนัก โดยปัจจุบัน นายลิม กิมยา ถือสัญชาติ ฝรั่งเศส-กัมพูชารายงานข่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวนนครบาลและ ชุดสืบสวนนครบาล 1 เร่งล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไป มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปที่มา https://www.nationtv.tv/news/crime/378954029?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3Mc9xWHt0sCgNYdnBU24IoEr-Y-8_XuMg04Tc43GgZy7zWog0qmGrM3ME_aem_VsFP1guRTCe58IWSYccN8Q#m5ml6y27yfwju4yta39
    7 มกราคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า มีรายงานว่า นายลิม กิมยา เดินทางมาจาก เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัส มาพร้อมกับภรรยาชาวฝรั่งเศส และลุงชาวกัมพูชา ได้มาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายขับรถ จยย. ไม่ทราบทะเบียน มาจอด และยิง ก่อนหลบหนีไปเบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม พาภรรยาไปสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อหาสาเหตุปมสังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อย่างอุกอาจกลางกรุงสำหรับนายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต เป็นนักการเมืองกัมพูชา ขั้วตรงข้ามกับ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของกัมพูชา เป็นอดีต สส.ฝ่ายค้าน จากพรรค Cambodia National Rescue ที่มีผลงานโดดเด่น โดยเมื่อปี 2018 เขาได้อภิปรายเรื่องงบประมาณรัฐบาลอย่างหนัก โดยปัจจุบัน นายลิม กิมยา ถือสัญชาติ ฝรั่งเศส-กัมพูชารายงานข่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวนนครบาลและ ชุดสืบสวนนครบาล 1 เร่งล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไป มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปที่มา https://www.nationtv.tv/news/crime/378954029?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3Mc9xWHt0sCgNYdnBU24IoEr-Y-8_XuMg04Tc43GgZy7zWog0qmGrM3ME_aem_VsFP1guRTCe58IWSYccN8Q#m5ml6y27yfwju4yta39
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
    .
    สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส
    .
    นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ
    .
    สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว
    .
    ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย
    .
    เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020
    .
    โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010
    .
    แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม
    .
    สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน
    .
    แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ
    .
    เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน
    .
    ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง . สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ . ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส . นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ . สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว . ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย . เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน . ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020 . โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010 . แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม . สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน . แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ . เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน . ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1663 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.อ.กรไชย รุดเยี่ยมตำรวจ 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหายิงภรรยาเสียชีวิต กำชับดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่

    วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ จากเหตุการณ์ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จำนวน 2 นาย ได้แก่ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย ฉวีเวช และ ด.ต.กิตติศักดิ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1

    จากกรณีนางจิตรา อายุ 46 ปี ถูกนายวสันต์ อายุ 51 ปี สามี ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ต.โคกข้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุมาจากความหึงหวง หลังก่อเหตุนายวสันต์ได้หลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนสอบสวน สภ.บางไทร ได้ขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับนายวสันต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสที่คาดว่านายวสันต์หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 600 เมตร พล.ต.ต.โชติวัตน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางไทร , สภ.ช้าง และชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 50 นาย ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่านายวสันต์ ได้ชักปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการยิงโต้ตอบ สุดท้ายนายวสันต์ ถูกยิงเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย คือ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย และ ด.ต.กิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลบางไทร และส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000123863

    #MGROnline #จับกุมผู้ต้องหา #ยิงภรรยา #เสียชีวิต
    พล.ต.อ.กรไชย รุดเยี่ยมตำรวจ 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหายิงภรรยาเสียชีวิต กำชับดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ • วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเยี่ยมข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ จากเหตุการณ์ปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จำนวน 2 นาย ได้แก่ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย ฉวีเวช และ ด.ต.กิตติศักดิ์ สุขประเสริฐ ผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1 • จากกรณีนางจิตรา อายุ 46 ปี ถูกนายวสันต์ อายุ 51 ปี สามี ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ต.โคกข้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา สาเหตุมาจากความหึงหวง หลังก่อเหตุนายวสันต์ได้หลบหนีไป ต่อมาพนักงานสอบสวนสอบสวน สภ.บางไทร ได้ขอศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหมายจับนายวสันต์ ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสที่คาดว่านายวสันต์หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.โคกช้าง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 600 เมตร พล.ต.ต.โชติวัตน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. บางไทร , สภ.ช้าง และชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 50 นาย ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่านายวสันต์ ได้ชักปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดการยิงโต้ตอบ สุดท้ายนายวสันต์ ถูกยิงเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย คือ ด.ต.วิสุทธิ์ชัย และ ด.ต.กิตติศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลบางไทร และส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000123863 • #MGROnline #จับกุมผู้ต้องหา #ยิงภรรยา #เสียชีวิต
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงคราว Deep State
    "มาริยานา เบซุกลายา" (Maryana Bezuglaya) นักการเมืองยูเครน อดีตหัวหน้าคณะอนุกรรมการด้านการควบคุมพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตยประจำรัฐสภายูเครน (ภายหลังถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพราะวิจารณ์กองทัพมากเกินไป) กล่าวว่า ทีมงานของ Deep State สื่อออนไลน์ชื่อดังของยูเครน ถูกระดมพลเข้าสู่แนวหน้า

    บางรายงานระบุว่าพวกเขาหลบหนีไปโรมาเนียได้ทันเวลาก่อนถูกจับตัว

    ที่ผ่านมาช่องสื่อสาร Deep State ทำหน้าที่เหมือน Rybar ของฝ่ายรัสเซีย มีการเผยแพร่แผนที่ปฏิบัติการทางทหารที่ทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา ​​และยังเผยแพร่รายงานปัญหาต่างๆทีเกิดขึ้นในกองทัพยูเครนอยู่เสมอ

    มีข่าวลือมาตลอดว่า Syrsky ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครนไม่ค่อยพอใจการนำเสนอข่าวแง่ลบของ Deep State สักเท่าไหร่ (ยูเครนมีแต่พ่ายแพ้และถอยทัพ ใครก็คงรายงานด้านบวกไม่ได้!)

    ตามที่ เบซุกลายา กล่าว ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครนพยายามหาเหตุผลเพื่อจับกุมทีมงาน Deep State และส่งเข้าสู่แนวหน้า

    ทางด้านทีมงานของ Deep State ออกมายืนยันว่า พวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกองบัญชาการกองทัพยูเครนอย่างหนัก ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:

    “เราทำงานและทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอเพื่อชัยชนะและช่วยเหลือผู้ต่อสู้และประเทศของเรา

    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีชื่อเสียงและเป็นที่ไว้วางใจมากที่สุดในสังคม และที่สำคัญที่สุดคือในกองทัพ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีแผนที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีชื่อเสียงที่สุดในยูเครนและทั่วโลก

    แต่โชคไม่ดีที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่ใช่ทุกคนจะชอบความจริง และนั่นเป็นเรื่องน่าเสียดาย

    เราขอขอบคุณทุกคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับการสนับสนุนของพวกท่าน ผู้คนจำนวนมากเขียนและโทรหาเรา การสนับสนุนนี้ยอดเยี่ยมมาก และมันทำให้เรามีกำลังใจและแรงบันดาลใจ! พวกคุณทุกคนสุดยอดมาก! เราทำงานเพื่อชัยชนะ และเราจะไม่ยอมแพ้!

    คำโกหกจะทำลายเราทุกคน!”

    ถึงคราว Deep State "มาริยานา เบซุกลายา" (Maryana Bezuglaya) นักการเมืองยูเครน อดีตหัวหน้าคณะอนุกรรมการด้านการควบคุมพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตยประจำรัฐสภายูเครน (ภายหลังถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพราะวิจารณ์กองทัพมากเกินไป) กล่าวว่า ทีมงานของ Deep State สื่อออนไลน์ชื่อดังของยูเครน ถูกระดมพลเข้าสู่แนวหน้า บางรายงานระบุว่าพวกเขาหลบหนีไปโรมาเนียได้ทันเวลาก่อนถูกจับตัว ที่ผ่านมาช่องสื่อสาร Deep State ทำหน้าที่เหมือน Rybar ของฝ่ายรัสเซีย มีการเผยแพร่แผนที่ปฏิบัติการทางทหารที่ทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา ​​และยังเผยแพร่รายงานปัญหาต่างๆทีเกิดขึ้นในกองทัพยูเครนอยู่เสมอ มีข่าวลือมาตลอดว่า Syrsky ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครนไม่ค่อยพอใจการนำเสนอข่าวแง่ลบของ Deep State สักเท่าไหร่ (ยูเครนมีแต่พ่ายแพ้และถอยทัพ ใครก็คงรายงานด้านบวกไม่ได้!) ตามที่ เบซุกลายา กล่าว ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครนพยายามหาเหตุผลเพื่อจับกุมทีมงาน Deep State และส่งเข้าสู่แนวหน้า ทางด้านทีมงานของ Deep State ออกมายืนยันว่า พวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกองบัญชาการกองทัพยูเครนอย่างหนัก ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้: “เราทำงานและทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอเพื่อชัยชนะและช่วยเหลือผู้ต่อสู้และประเทศของเรา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีชื่อเสียงและเป็นที่ไว้วางใจมากที่สุดในสังคม และที่สำคัญที่สุดคือในกองทัพ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีแผนที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีชื่อเสียงที่สุดในยูเครนและทั่วโลก แต่โชคไม่ดีที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไม่ใช่ทุกคนจะชอบความจริง และนั่นเป็นเรื่องน่าเสียดาย เราขอขอบคุณทุกคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับการสนับสนุนของพวกท่าน ผู้คนจำนวนมากเขียนและโทรหาเรา การสนับสนุนนี้ยอดเยี่ยมมาก และมันทำให้เรามีกำลังใจและแรงบันดาลใจ! พวกคุณทุกคนสุดยอดมาก! เราทำงานเพื่อชัยชนะ และเราจะไม่ยอมแพ้! คำโกหกจะทำลายเราทุกคน!”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าขี้เหล็ก - อาชญกรรมฝั่งท่าขี้เหล็กยังน่ากลัว..ล่าสุดคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ขับเก๋งจอดลากปืนลักพาตัวนักธุรกิจชาวจีนห่างสถานีตำรวจแค่ 70 เมตร หนีลอยนวล

    วันนี้ (13 ธ.ค.) Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ท้องถิ่นเมีนมารายงานว่าเกิดเหตุชายชาวจีนคนหนึ่งคน ที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถูกกลุ่มคนเข้าไปลักพาตัวบริเวณร้านแลกเปลี่ยนเงินตราหน้าธนาคาร KBZ ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจ จ.ท่าขี้เหล็ก เพียงประมาณ 70 เมตร

    คนร้ายก่อเหตุในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น.ภายในตัวเมืองอย่างอุกอาจ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดใน จ.ท่าขี้เหล็ก บันทึกภาพคนร้ายเป็นชายจำนวน 3 คน ถือปืนยาวออกมาจากรถยนต์เก๋งสีขาวและเข้าไปข่มขู่พร้อมฉุดกระชากร่างของชายชาวจีน ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายอู่เยียน อายุ 78 ปี เป็นนักธุรกิจรับแลกเงิน ที่กำลังจะเดินไปยังร้านแลกเปลี่ยนเงินตราดังกล่าว ให้ขึ้นไปบนรถของตัวเอง

    ซึ่งมีรายงานว่าคนในรถที่รออยู่ยังเป็นหญิงอีก 1 คนด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะนำนายอู่เยียน ขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบเป้าหมายและมีรถยนต์อีกคันหนึ่งจอดทิ้งไว้หน้าร้านคาดว่าเป็นของนายอู่เยียน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000119825

    #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก
    ท่าขี้เหล็ก - อาชญกรรมฝั่งท่าขี้เหล็กยังน่ากลัว..ล่าสุดคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ขับเก๋งจอดลากปืนลักพาตัวนักธุรกิจชาวจีนห่างสถานีตำรวจแค่ 70 เมตร หนีลอยนวล • วันนี้ (13 ธ.ค.) Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ท้องถิ่นเมีนมารายงานว่าเกิดเหตุชายชาวจีนคนหนึ่งคน ที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถูกกลุ่มคนเข้าไปลักพาตัวบริเวณร้านแลกเปลี่ยนเงินตราหน้าธนาคาร KBZ ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจ จ.ท่าขี้เหล็ก เพียงประมาณ 70 เมตร • คนร้ายก่อเหตุในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น.ภายในตัวเมืองอย่างอุกอาจ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดใน จ.ท่าขี้เหล็ก บันทึกภาพคนร้ายเป็นชายจำนวน 3 คน ถือปืนยาวออกมาจากรถยนต์เก๋งสีขาวและเข้าไปข่มขู่พร้อมฉุดกระชากร่างของชายชาวจีน ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายอู่เยียน อายุ 78 ปี เป็นนักธุรกิจรับแลกเงิน ที่กำลังจะเดินไปยังร้านแลกเปลี่ยนเงินตราดังกล่าว ให้ขึ้นไปบนรถของตัวเอง • ซึ่งมีรายงานว่าคนในรถที่รออยู่ยังเป็นหญิงอีก 1 คนด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะนำนายอู่เยียน ขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบเป้าหมายและมีรถยนต์อีกคันหนึ่งจอดทิ้งไว้หน้าร้านคาดว่าเป็นของนายอู่เยียน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000119825 • #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย – 2 เดือนเต็มไม่มีเยียวยา..แฟนสาว-ครอบครัว “ป๊อป-แชมป์กาแฟไทยปี 66” เหยื่อฟอร์จูนเนอร์ “ผอ.โรงเรียน พื้นที่เชียงแสน” พุ่งชนขณะปั่นจักรยานออกกำลัง ทุกข์สาหัส-ร้องต้นสังกัดคู่กรณี

    กรณีเกิดเหตุรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ พุ่งชนท้ายกลุ่มคนที่ปั่นรถจักรยานออกกำลังกายกันระหว่างสี่แยกหนองบัวแดง-ถนนพหลโยธิน ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา จนทำให้นายยศธพล ไชยเบ้า อายุ 33 ปี หรือ "ป๊อป" หนุ่มเจ้าของร้าน “ก๋างโต่งคาเฟ่ Kang tong Cafe - Coffee & roaster Chiang Rai” ตั้งอยู่หมู่ 10 ต.ท่าสุด ซึ่งเป็นแชมป์ Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023 ประเภท NAN DRIP BATTLE x HARIO และแชมป์ดริปกาแฟของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2564 ได้เสียชีวิตลงขณะนำส่งโรงพยาบาล

    ส่วนคนขับหลบหนีไปขณะเกิดเหตุ ก่อนเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ในวันถัดมา ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด้วยนั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000118771

    #MGROnline #เชียงราย #แชมป์กาแฟไทย
    เชียงราย – 2 เดือนเต็มไม่มีเยียวยา..แฟนสาว-ครอบครัว “ป๊อป-แชมป์กาแฟไทยปี 66” เหยื่อฟอร์จูนเนอร์ “ผอ.โรงเรียน พื้นที่เชียงแสน” พุ่งชนขณะปั่นจักรยานออกกำลัง ทุกข์สาหัส-ร้องต้นสังกัดคู่กรณี • กรณีเกิดเหตุรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ พุ่งชนท้ายกลุ่มคนที่ปั่นรถจักรยานออกกำลังกายกันระหว่างสี่แยกหนองบัวแดง-ถนนพหลโยธิน ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา จนทำให้นายยศธพล ไชยเบ้า อายุ 33 ปี หรือ "ป๊อป" หนุ่มเจ้าของร้าน “ก๋างโต่งคาเฟ่ Kang tong Cafe - Coffee & roaster Chiang Rai” ตั้งอยู่หมู่ 10 ต.ท่าสุด ซึ่งเป็นแชมป์ Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023 ประเภท NAN DRIP BATTLE x HARIO และแชมป์ดริปกาแฟของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2564 ได้เสียชีวิตลงขณะนำส่งโรงพยาบาล • ส่วนคนขับหลบหนีไปขณะเกิดเหตุ ก่อนเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ในวันถัดมา ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด้วยนั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000118771 • #MGROnline #เชียงราย #แชมป์กาแฟไทย
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ราบสูงโกลัน ที่ถูกยึดครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของอิสราเอล "ไปชั่วกัปชั่วกัลป์" จากคำประกาศของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้า ผู้นำรายนี้สั่งทหารอิสราเอลรุกคืบเข้าไปยังเขตกันชนที่แยกภูมิภาคดังกล่าวออกจากซีเรีย
    .
    ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (9 ธ.ค.) เนทันยาฮู ประกาศว่า "วันนี้ ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญใหญ่หลวงของการปรากฏตัวของเราบนที่ราบสูงโกลัน ไม่ใช่ตรงตีนเขาโกลัน" อ้างถึงดินแดนที่อิสราเอลยึดมาจากซีเรีย ระหว่างสงคราม 6 วัน ปี 1967 "ที่ราบสูงโกลันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของอิสราเอลไปตลอดกาล"
    .
    อิสราเอลผนวกที่ราบสูงโกลันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแต่เพียงฝ่ายเดียวในปี 1981 คำกล่าวอ้างที่ถูกทั่วทั้งโลกมองว่าไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย ยกเว้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ก่อนหน้าการเข้ายึดเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ทหารอิสราเอลไม่เคยประจำการตามแนวชายแดนที่ราบสูงโกลันติดกับซีเรีย ผลจากข้อตกลงปี 1974 ที่รัฐบาลอิสราเอลและซีเรีย เห็นพ้องจัดตั้งเขตกันชนในฝั่งแนวหน้าของอิสราเอล โดยอนุญาตให้เฉพาะกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเข้าประจำการ
    .
    อิสราเอลส่งรถถังและทหารเข้าไปยังเขตกันชนดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) หลังจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย บุกยึดกรุงดามัสกัส และประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้ถูกโค่นอำนาจ หลบหนีไปยังรัสเซีย เพื่อขอลี้ภัย
    .
    ในถ้อยแถลงผ่านวิดีโอจากภูมิภาคดังกล่าว นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวอ้างว่าข้อตกลงปี 1974 ที่จัดตั้งเขตปลอดทหารนั้น เท่ากับ "พังครืนลงแล้ว" เนื่องจากทหารซีเรียละทิ้งฐานที่มั่นของตนเอง
    .
    กองกำลังอิสราเอลยังเดินหน้าต่อล่วงล้ำเลยเข้าไปไกลเกินเขตกันชันและเข้าสู่ดินแดนของซีเรียในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ในปฏิบัติการที่ทางรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อ้างว่ามีเจตนาเพื่อจัดตั้ง "พื้นที่ความมั่นคงใหม่" ที่จะปราศจาก "อาวุธยุทธศาสตร์หนักและโครงสร้างพื้นฐานของพวกก่อการร้าย" ทั้งนี้ในบรรดาสถานที่ที่กองกำลังอิสราเอลเข้ายึดครองนั้น รวมไปถึงแถบภูเขาเฮอร์มอนในฝั่งของซีเรีย จุดเริ่มต้นของการสู้รบในสงครามยมคิปปูร์ ปี 1973
    .
    มีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวราว 20,000 คน พำนักอยู่ในที่ราบสูงโกลัน ขณะที่ภูมิภาคแถบนี้เป็นถิ่นฐานของชาวดรูซซีเรียในจำนวนพอๆ กัน อย่างไรก็ตาม มีถิ่นฐานชาวยิวอย่างน้อย 30 แห่ง ในพื้นที่ดังกล่าว ที่ถูกมองว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    เนทันยาฮู ให้คำจำกัดความการรุกคืบของอิสราเอลเข้าสู่เขตกันชน ว่าเป็นแค่ "ชั่วคราว" อย่างไรก็ตาม ประเทศเพื่อนบ้านหลายชาติกล่าวหาอิสราเอล กำลังฉวยโอกาสจากการที่เกิดสุญญากาศทางอำนาจในดามัสกัส จัดฉากยึดดินแดนอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118478
    ..............
    Sondhi X
    ที่ราบสูงโกลัน ที่ถูกยึดครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของอิสราเอล "ไปชั่วกัปชั่วกัลป์" จากคำประกาศของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้า ผู้นำรายนี้สั่งทหารอิสราเอลรุกคืบเข้าไปยังเขตกันชนที่แยกภูมิภาคดังกล่าวออกจากซีเรีย . ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (9 ธ.ค.) เนทันยาฮู ประกาศว่า "วันนี้ ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญใหญ่หลวงของการปรากฏตัวของเราบนที่ราบสูงโกลัน ไม่ใช่ตรงตีนเขาโกลัน" อ้างถึงดินแดนที่อิสราเอลยึดมาจากซีเรีย ระหว่างสงคราม 6 วัน ปี 1967 "ที่ราบสูงโกลันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของอิสราเอลไปตลอดกาล" . อิสราเอลผนวกที่ราบสูงโกลันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแต่เพียงฝ่ายเดียวในปี 1981 คำกล่าวอ้างที่ถูกทั่วทั้งโลกมองว่าไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย ยกเว้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ก่อนหน้าการเข้ายึดเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ทหารอิสราเอลไม่เคยประจำการตามแนวชายแดนที่ราบสูงโกลันติดกับซีเรีย ผลจากข้อตกลงปี 1974 ที่รัฐบาลอิสราเอลและซีเรีย เห็นพ้องจัดตั้งเขตกันชนในฝั่งแนวหน้าของอิสราเอล โดยอนุญาตให้เฉพาะกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเข้าประจำการ . อิสราเอลส่งรถถังและทหารเข้าไปยังเขตกันชนดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) หลังจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย บุกยึดกรุงดามัสกัส และประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้ถูกโค่นอำนาจ หลบหนีไปยังรัสเซีย เพื่อขอลี้ภัย . ในถ้อยแถลงผ่านวิดีโอจากภูมิภาคดังกล่าว นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวอ้างว่าข้อตกลงปี 1974 ที่จัดตั้งเขตปลอดทหารนั้น เท่ากับ "พังครืนลงแล้ว" เนื่องจากทหารซีเรียละทิ้งฐานที่มั่นของตนเอง . กองกำลังอิสราเอลยังเดินหน้าต่อล่วงล้ำเลยเข้าไปไกลเกินเขตกันชันและเข้าสู่ดินแดนของซีเรียในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ในปฏิบัติการที่ทางรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อ้างว่ามีเจตนาเพื่อจัดตั้ง "พื้นที่ความมั่นคงใหม่" ที่จะปราศจาก "อาวุธยุทธศาสตร์หนักและโครงสร้างพื้นฐานของพวกก่อการร้าย" ทั้งนี้ในบรรดาสถานที่ที่กองกำลังอิสราเอลเข้ายึดครองนั้น รวมไปถึงแถบภูเขาเฮอร์มอนในฝั่งของซีเรีย จุดเริ่มต้นของการสู้รบในสงครามยมคิปปูร์ ปี 1973 . มีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวราว 20,000 คน พำนักอยู่ในที่ราบสูงโกลัน ขณะที่ภูมิภาคแถบนี้เป็นถิ่นฐานของชาวดรูซซีเรียในจำนวนพอๆ กัน อย่างไรก็ตาม มีถิ่นฐานชาวยิวอย่างน้อย 30 แห่ง ในพื้นที่ดังกล่าว ที่ถูกมองว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ . เนทันยาฮู ให้คำจำกัดความการรุกคืบของอิสราเอลเข้าสู่เขตกันชน ว่าเป็นแค่ "ชั่วคราว" อย่างไรก็ตาม ประเทศเพื่อนบ้านหลายชาติกล่าวหาอิสราเอล กำลังฉวยโอกาสจากการที่เกิดสุญญากาศทางอำนาจในดามัสกัส จัดฉากยึดดินแดนอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118478 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 781 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิงส์ขอให้ไอ่แม้ว นึกถึงผลกรรมที่จะเกิดกับอุ๊งอิ๊ง หากดึงดัน MOU 44 ทั้งลุงสนธิ ปรมาจารย์ปานเทพ คัดค้านเพื่อปกป้องอธิปไตย และช่วยให้ลูกเมิงไม่โดนโทษจำครุกตลอดชีวิต ไม่ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ต้องทิ้งลูกเหมือนที่เมิงทำ

    เพราะหากดันทุรังทำไทยเสียดินแดน อุ๊งอิ๊งอาจโดนมากถึง 7 ข้อหา โ..ทษหนักถึงประหา...ร หรือจำครุกตลอดชีวิต
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    คิงส์ขอให้ไอ่แม้ว นึกถึงผลกรรมที่จะเกิดกับอุ๊งอิ๊ง หากดึงดัน MOU 44 ทั้งลุงสนธิ ปรมาจารย์ปานเทพ คัดค้านเพื่อปกป้องอธิปไตย และช่วยให้ลูกเมิงไม่โดนโทษจำครุกตลอดชีวิต ไม่ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ต้องทิ้งลูกเหมือนที่เมิงทำ เพราะหากดันทุรังทำไทยเสียดินแดน อุ๊งอิ๊งอาจโดนมากถึง 7 ข้อหา โ..ทษหนักถึงประหา...ร หรือจำครุกตลอดชีวิต #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/
    เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว

    ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    4/ เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 3/
    เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว

    ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    3/ เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 2/
    เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว

    ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    2/ เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 1/
    เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว

    ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    1/ เกิดความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินดามัสกัส เมื่อผู้ก่อการร้ายเข้ายึดครองเมืองหลวงซีเรียได้แล้ว ผู้โดยสารหลายคนต้องติดค้างที่สนามบินนานาชาติดามัสกัส เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลบหนีไปหมดแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะประทับตราหนังสือเดินทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • Brian Thompson ซีอีโอของ UnitedHealthcare ถูกชายสวมหน้ากากยิงเสียชีวิตในแมนฮัตตัน

    ซีอีโอวัย 50 ปีรายนี้ยืนอยู่ข้างนอกโรงแรมฮิลตัน ขณะที่ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วยิงเข้าที่ลำตัวหลายครั้ง จากนั้นก็หลบหนีไปในตรอกใกล้เคียง

    "UnitedHealthGroup มีกำหนดเริ่มการประชุมนักลงทุนประจำปีในเวลา 8.00 น. ของวันพุธ ตามรายงานของบริษัท"

    เขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
    Brian Thompson ซีอีโอของ UnitedHealthcare ถูกชายสวมหน้ากากยิงเสียชีวิตในแมนฮัตตัน ซีอีโอวัย 50 ปีรายนี้ยืนอยู่ข้างนอกโรงแรมฮิลตัน ขณะที่ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วยิงเข้าที่ลำตัวหลายครั้ง จากนั้นก็หลบหนีไปในตรอกใกล้เคียง "UnitedHealthGroup มีกำหนดเริ่มการประชุมนักลงทุนประจำปีในเวลา 8.00 น. ของวันพุธ ตามรายงานของบริษัท" เขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร. สั่งตั้ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคดี “หมอบุญ” ยืนยันมีการประสานอินเตอร์โพล ตั้งแต่ผู้ต้องหาหนีไปต่างประเทศ

    วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นพ.บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ว่า ที่ผ่านมาการดำเนินคดีของหมอบุญ เป็นความรับผิดชอบของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมหลักฐานและเส้นทางการเงินไปได้พอสมควรแล้ว ทั้งนี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดให้รวบรวมคดีมาที่ศูนย์กลาง เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นมีผู้เสียหายมากกว่า 300 ราย ความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ฉะนั้นหากให้แต่ละหน่วยแยกย้ายกันทำคดีอาจไม่สะดวก และไม่ชัดเจนเท่าการมีคณะทำงานเพียงคณะเดียว แต่พนักงานสอบสวนในคณะก็คือตำรวจจากทั้ง บช.น. และ บช.ก.

    ส่วนกรณีที่หมอบุญได้มีการหลบหนีไปต่างประเทศตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ยืนยันว่าตำรวจของประเทศไทยได้มีการประสานงานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) มาโดยตลอด ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ในประเทศที่มีสนธิสัญญา ก็จะถือว่าเป็นประโยชน์ แต่หากมีการหลบหนีในประเทศที่ไม่ได้มีสนธิสัญญาก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหากับเงื่อนไขของประเทศต้นทาง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114921

    #MGROnline #หมอบุญ
    ผบ.ตร. สั่งตั้ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคดี “หมอบุญ” ยืนยันมีการประสานอินเตอร์โพล ตั้งแต่ผู้ต้องหาหนีไปต่างประเทศ • วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นพ.บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ว่า ที่ผ่านมาการดำเนินคดีของหมอบุญ เป็นความรับผิดชอบของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมหลักฐานและเส้นทางการเงินไปได้พอสมควรแล้ว ทั้งนี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดให้รวบรวมคดีมาที่ศูนย์กลาง เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นมีผู้เสียหายมากกว่า 300 ราย ความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ฉะนั้นหากให้แต่ละหน่วยแยกย้ายกันทำคดีอาจไม่สะดวก และไม่ชัดเจนเท่าการมีคณะทำงานเพียงคณะเดียว แต่พนักงานสอบสวนในคณะก็คือตำรวจจากทั้ง บช.น. และ บช.ก. • ส่วนกรณีที่หมอบุญได้มีการหลบหนีไปต่างประเทศตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ยืนยันว่าตำรวจของประเทศไทยได้มีการประสานงานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) มาโดยตลอด ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ในประเทศที่มีสนธิสัญญา ก็จะถือว่าเป็นประโยชน์ แต่หากมีการหลบหนีในประเทศที่ไม่ได้มีสนธิสัญญาก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหากับเงื่อนไขของประเทศต้นทาง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114921 • #MGROnline #หมอบุญ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเหตุร้ายที่บ้านฝายหิน ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ชายวัย 57 ปีเกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิตทันที 4 ราย แล้วหลบหนีไป ขณะนี้ยังตามจับตัวไม่ได้

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000113961

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เกิดเหตุร้ายที่บ้านฝายหิน ต.โนนม่วง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ชายวัย 57 ปีเกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิตทันที 4 ราย แล้วหลบหนีไป ขณะนี้ยังตามจับตัวไม่ได้ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000113961 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112706

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112706 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2806 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว

    วันนี้ (23 พ.ย.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม เครือข่ายนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ อายุ 86 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67

    ทั้งนี้ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น และพวกอีก 8 รายประกอบด้วย

    1. น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา 3.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของนายแพทย์บุญ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 4.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และนางจารุวรรณ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 5.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน 6.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน 7.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน และ 8.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี เป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน โดยทั้ง 8 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000112706

    #MGROnline #หมอบุญ #ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน #ร่วมลงทุน
    รอง ผบช.น. แถลงจับกุมเครือข่าย “หมอบุญ” ได้แล้ว 6 ราย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน สร้าง 5 โปรเจกต์หลอกชวนเหยื่อ 247 ราย ร่วมลงทุน เสียหายกว่า 7.5 พันล้านบาท เผย "หมอบุญ" โอนที่ดิน 21 แปลงให้คนในครอบครัวหมดแล้ว รถ 19 คันหายไป ก่อนหลบหนีไปฮ่องกงตั้งแต่ 29 ก.ย.ล่าสุดหนีเข้าจีน เตรียมประสานตำรวจสากลล่าตัว • วันนี้ (23 พ.ย.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม เครือข่ายนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ อายุ 86 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5645/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 • ทั้งนี้ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธไม่ให้ใช้เงินตามเช็คนั้น และพวกอีก 8 รายประกอบด้วย • 1. น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว 2.น.ส.ศิวิมล จาดเมือง อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ตามคำสั่ง น.ส.จิดาภา 3.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของนายแพทย์บุญ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 4.น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ และนางจารุวรรณ เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ 5.นางอัจจิมา พาณิชเกรียงไกร อายุ 49 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน 6.นายภาคย์ วัฒนาพร อายุ 36 ปี เป็นเจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ คิงฟอร์ด ร่วมกับนางอัจจิมา เป็นผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน 7.นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน เป็นผู้จัดทำเอกสารเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน และ 8.นายธนภูมิ ชนประเสริฐ อายุ 36 ปี เป็นตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน โดยทั้ง 8 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000112706 • #MGROnline #หมอบุญ #ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน #ร่วมลงทุน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 658 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts