• พงส.ยื่นศาลออกหมายจับรวบแล้ว “โน้ต-เข้” คู่หูสารภาพสิ้น หนึ่งยิง 3 พ่อแม่ลูก ปมแค้นถูกเบี้ยวให้กู้ยืมเงิน 100,000 บาท อีกหนึ่งร่วมขนย้ายศพหมกกระบะคลุมผ้าจอดบ้านร้างริมถนนคลองขลุงแรมเดือน จนศพเปื่อยส่งกลิ่นคลุ้ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015239

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    พงส.ยื่นศาลออกหมายจับรวบแล้ว “โน้ต-เข้” คู่หูสารภาพสิ้น หนึ่งยิง 3 พ่อแม่ลูก ปมแค้นถูกเบี้ยวให้กู้ยืมเงิน 100,000 บาท อีกหนึ่งร่วมขนย้ายศพหมกกระบะคลุมผ้าจอดบ้านร้างริมถนนคลองขลุงแรมเดือน จนศพเปื่อยส่งกลิ่นคลุ้ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015239 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 718 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอสอบ สมช.เพิ่มเติม เตรียมเคาะหารืออัยการออกหมายจับ"พ.อ.หม่อง ชิต ตู"ได้หรือไม่ 17 ก.พ.นี้

    มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เดินทางไปสอบปากคำกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับกองกำลังของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army: KNA) หรือในชื่อเดิมคือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF)

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000014448

    #MGROnline #ดีเอสไอ #หม่องชิตตู
    ดีเอสไอสอบ สมช.เพิ่มเติม เตรียมเคาะหารืออัยการออกหมายจับ"พ.อ.หม่อง ชิต ตู"ได้หรือไม่ 17 ก.พ.นี้ • มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เดินทางไปสอบปากคำกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับกองกำลังของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army: KNA) หรือในชื่อเดิมคือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF) • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000014448 • #MGROnline #ดีเอสไอ #หม่องชิตตู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอซ์เตรียมบุกจับขนานใหญ่ในแอลเอ

    แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : แอลเอไทมส์ อ้าง “บันทึกรั่วไหล” ว่าไอซ์ จะออกปฏิบัติการกวาดจับครั้งใหญ่ในเมืองแอลเอ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

    เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 หนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทมส์ รายงานข่าว โดยอ้างข้อมูลจากบันทึกความเข้าใจ (memo) ซึ่งเป็นเอกสารภายในของไอซ์ หรือสำนักงานบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร ที่รั่วไหลออกมาว่า ไอซ์ จะเป็นแกนนำของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายหน่วย ในปฏิบัติการจับกุมผู้อพยพครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่ผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย และผู้ที่อยู่ระหว่างการขั้นตอนเนรเทศ

    โดยหน่วยงานรักษากฎหมายของรัฐบาลกลาง ที่จะออกปฏิบัติการกับไอซ์ ในแอลเอ รวมถึง เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ และ ดีอีเอ สำนักงานแอลเอ เป็นต้น

    ข่าวบอกด้วยว่าข้อมูลจากเอกสารที่รั่วไหลออกมานี้ ไม่ได้ระบุว่าการจับกุมครั้งใหญ่จะมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ผู้มีประวัติอาชญากรรม หรือเป็นการจับกุมตามหมายจับ เหมือนเช่นปฏิบัติการหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

    ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายใน คริสตี้ โนม ได้ออกมาพูดถึงข้อมูลที่รั่วไหลออกมาจากองค์กรของรัฐบาลกลางครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่ารั่วไหลออกมาจาก เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ เพื่อขัดขวางปฏิบัติการของไอซ์ อีกทั้งบอกว่าพฤติกรรมของหน่วยงานรัฐบาลกลางดังกล่าว คือการ คอรัปชั่น

    “เอฟบีไอ กำลังทุจริต” คริสตี้ โนม กล่าว และว่า “เราจะทำงานร่วมกับทุกเอเจนซี เพื่อยุติการรั่วไหลของข้อมูล และดำเนินคดีกับสายลับของดีฟเสตท (รัฐที่ปฏิเสธกฎหมายของรัฐบาลกลาง) เพื่อขยายกฎหมายออกไปให้เต็มที่ที่สุด”

    ไทมส์ บอกด้วยว่า ลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ มีประชากรกลุ่มผู้อพยพที่ยังไม่มีเอกสารแสดงตัวมากกว่า 800,000 คน

    ทั้งนี้ ไอซ์ ได้ออกปฏิบัติการจับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในเมืองที่ประกาศตัวเป็นเมืองหลบภัย (sanctuary cities) หลายเมือง เช่นลอส แอนเจลิส ชิคาโก้ แอทแลนต้า ฯลฯ แทบจะทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่ง โดยปฏิบัติการในแอลเอ ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้อพยพที่เป็นอาชญากรได้หลายราย รวมถึงชาวเวเนซุเอล่า ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งข้ามชาติ (Tren de Aragua) หรือชาวแม็กซิกัน ที่มีคดีอนาจารเด็ก ด้วย

    โดยปฏิบัติการในแอลเอ ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมานั้น ไอซ์ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่มีสำนักงานในพื้นที่ เช่น ดีอีเอ หรือสำนักงานปราบปรามยาเสพติด และ เอทีเอฟ หรือสำนักงานดูแลอัลกอฮอล์ ยาสูบและอาวุธปืน เป็นต้น.
    ไอซ์เตรียมบุกจับขนานใหญ่ในแอลเอ แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : แอลเอไทมส์ อ้าง “บันทึกรั่วไหล” ว่าไอซ์ จะออกปฏิบัติการกวาดจับครั้งใหญ่ในเมืองแอลเอ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 หนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทมส์ รายงานข่าว โดยอ้างข้อมูลจากบันทึกความเข้าใจ (memo) ซึ่งเป็นเอกสารภายในของไอซ์ หรือสำนักงานบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร ที่รั่วไหลออกมาว่า ไอซ์ จะเป็นแกนนำของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายหน่วย ในปฏิบัติการจับกุมผู้อพยพครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่ผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย และผู้ที่อยู่ระหว่างการขั้นตอนเนรเทศ โดยหน่วยงานรักษากฎหมายของรัฐบาลกลาง ที่จะออกปฏิบัติการกับไอซ์ ในแอลเอ รวมถึง เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ และ ดีอีเอ สำนักงานแอลเอ เป็นต้น ข่าวบอกด้วยว่าข้อมูลจากเอกสารที่รั่วไหลออกมานี้ ไม่ได้ระบุว่าการจับกุมครั้งใหญ่จะมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ผู้มีประวัติอาชญากรรม หรือเป็นการจับกุมตามหมายจับ เหมือนเช่นปฏิบัติการหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายใน คริสตี้ โนม ได้ออกมาพูดถึงข้อมูลที่รั่วไหลออกมาจากองค์กรของรัฐบาลกลางครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่ารั่วไหลออกมาจาก เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ เพื่อขัดขวางปฏิบัติการของไอซ์ อีกทั้งบอกว่าพฤติกรรมของหน่วยงานรัฐบาลกลางดังกล่าว คือการ คอรัปชั่น “เอฟบีไอ กำลังทุจริต” คริสตี้ โนม กล่าว และว่า “เราจะทำงานร่วมกับทุกเอเจนซี เพื่อยุติการรั่วไหลของข้อมูล และดำเนินคดีกับสายลับของดีฟเสตท (รัฐที่ปฏิเสธกฎหมายของรัฐบาลกลาง) เพื่อขยายกฎหมายออกไปให้เต็มที่ที่สุด” ไทมส์ บอกด้วยว่า ลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ มีประชากรกลุ่มผู้อพยพที่ยังไม่มีเอกสารแสดงตัวมากกว่า 800,000 คน ทั้งนี้ ไอซ์ ได้ออกปฏิบัติการจับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในเมืองที่ประกาศตัวเป็นเมืองหลบภัย (sanctuary cities) หลายเมือง เช่นลอส แอนเจลิส ชิคาโก้ แอทแลนต้า ฯลฯ แทบจะทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่ง โดยปฏิบัติการในแอลเอ ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้อพยพที่เป็นอาชญากรได้หลายราย รวมถึงชาวเวเนซุเอล่า ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งข้ามชาติ (Tren de Aragua) หรือชาวแม็กซิกัน ที่มีคดีอนาจารเด็ก ด้วย โดยปฏิบัติการในแอลเอ ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมานั้น ไอซ์ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่มีสำนักงานในพื้นที่ เช่น ดีอีเอ หรือสำนักงานปราบปรามยาเสพติด และ เอทีเอฟ หรือสำนักงานดูแลอัลกอฮอล์ ยาสูบและอาวุธปืน เป็นต้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการยังไม่เห็นชอบให้ขอศาลอนุมัติหมายจับ “หม่อง ชิตตู่” ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง ในเมืองเมียวดี ข้อหาค้ามนุษย์ ชี้พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้แน่นหนาก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014251

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อัยการยังไม่เห็นชอบให้ขอศาลอนุมัติหมายจับ “หม่อง ชิตตู่” ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง ในเมืองเมียวดี ข้อหาค้ามนุษย์ ชี้พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้แน่นหนาก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014251 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการยังไม่เห็นชอบให้ขอศาลอนุมัติหมายจับ “หม่อง ชิตตู่” ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง ในเมืองเมียวดี ข้อหาค้ามนุษย์ ชี้พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้แน่นหนาก่อน

    จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นำหลักฐานยื่นต่อพนักงานอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์ เพื่อหารือในประเด็นข้อกฎหมายในการออกหมายจับ พันเอก ซอชิตตู่ (Colonel Saw Chit Thu) หรือหม่อง ชิตตู่, พันโท โมเต โธน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และพันตรี ทิน วิน (Major Tin Win) ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) หรือกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNA) ที่ปกครองพื้นที่เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ในคดีค้ามนุษย์ชาวอินเดีย โดยกล่าวหาทั้ง 3 คนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องผู้เสียหายเป็นชาวอินเดีย 8 คน ถูกหลอกโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปเมียวดี คล้ายกรณีนายหวังซิง หรือ ซิงซิง นักแสดงชาวจีนนั้น

    ล่าสุดวันนี้(12 ก.พ.) มีรายงานว่า จากการตรวจสอบของพนักงานอัยการ มีความเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ยังไม่ควรเสนอขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับ และให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อัยการจึงร่วมทีมสอบสวนกับดีเอสไอด้วยด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000014251

    #MGROnline #หม่องชิตตู่ #ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง
    อัยการยังไม่เห็นชอบให้ขอศาลอนุมัติหมายจับ “หม่อง ชิตตู่” ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง ในเมืองเมียวดี ข้อหาค้ามนุษย์ ชี้พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้แน่นหนาก่อน • จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นำหลักฐานยื่นต่อพนักงานอัยการ สำนักคดีค้ามนุษย์ เพื่อหารือในประเด็นข้อกฎหมายในการออกหมายจับ พันเอก ซอชิตตู่ (Colonel Saw Chit Thu) หรือหม่อง ชิตตู่, พันโท โมเต โธน (Lieutenant Colonel Mote Thone) และพันตรี ทิน วิน (Major Tin Win) ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) หรือกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNA) ที่ปกครองพื้นที่เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ในคดีค้ามนุษย์ชาวอินเดีย โดยกล่าวหาทั้ง 3 คนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องผู้เสียหายเป็นชาวอินเดีย 8 คน ถูกหลอกโดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปเมียวดี คล้ายกรณีนายหวังซิง หรือ ซิงซิง นักแสดงชาวจีนนั้น • ล่าสุดวันนี้(12 ก.พ.) มีรายงานว่า จากการตรวจสอบของพนักงานอัยการ มีความเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ยังไม่ควรเสนอขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับ และให้ดีเอสไอไปสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อัยการจึงร่วมทีมสอบสวนกับดีเอสไอด้วยด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000014251 • #MGROnline #หม่องชิตตู่ #ผู้นำกองทัพกะเหรี่ยง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสั่งขังยกแก๊ง ขบวนการสาดน้ำซุป อว.ล้างมาเฟียมหาลัย
    .
    ความคืบหน้ากรณีอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังสาดน้ำร้อนใส่ผู้เสียหายนั้น เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินขยายผลต่อเนื่อง ภายหลังตำรวจ สภ.คลอง จ.ปทุมธานี สามารถจับกุมตัว นายรษิภา หรือ เจ๊พรีม อายุ 22 ปี และ นายชคัทพล หรือ โอชิ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2 ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดๆ ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ 4.ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย
    .
    ทั้งนี้ ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุได้อีกรวมทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นาย ดลลธี หรือ พอล อายุ 21 ปี น.ส.วรัญญา หรือ แบม อายุ 21 น.ส.กันยาพัชร หรือ พิมเจล อายุ 21 ปี นักแสดงซีรี่ย์ น.ส.อุ้มบุญ หรือ อุ้มบุญ อายุ 21 ปี นาย นพคุณ หรือ เจ๊จั๊ก อายุ 21 ปี นาย ภราดร หรือ ไอซ์ อายุ 21 ปี พร้อมนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดธัญบุรี โดยศาลจังหวัดธัญบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน
    .
    ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ร่วมหารือแนวทางการดูแลป้องกันความปลอดภัยในสถาบันอุดมศึกษา กับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ที่เดินทางมาพร้อมกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่เป็นผู้เสียหาย จากกรณีโดนรุ่นพี่ LGBTQ มหาวิทยาลัยเดียวกันทำร้ายและข่มขู่
    .
    น.ส.ศุภมาส ได้พูดคุยสอบถามและให้กำลังใจผู้เสียหาย พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีศึกษาว่ามีกลุ่มมาเฟียในมหาวิทยาลัย หลังจากเกิดเรื่องทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดโดยให้พ้นสภาพนักศึกษาทันที พร้อมเข้าไปดูแลผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรม แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ทำให้เห็นว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษ และทุกภาคส่วนพร้อมอ้าแขนปกป้องน้องๆ ให้กลับเข้าไปเรียนได้อย่างมีความสุข
    .
    “ขณะนี้ยังดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าคนที่ทำผิดกฎมหาวิทยาลัยต้องโดนไล่ออก คนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย สถานศึกษาต้องเป็นที่ที่ปลอดภัย ต้องไม่มีมาเฟียหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย เรามี พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่เอาไว้กำกับดูแลมหาวิทยาลัยเอกชน”
    .
    น.ส.ศุภมาส กล่าวอีกว่า ถ้ามหาวิทยาลัยทำผิดเราสามารถเข้าไปควบคุมหรือปิดมหาวิทยาลัยได้ ถ้ามหาวิทยาลัยนั้นๆ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเราเคยทำมาแล้ว จากนี้กระทรวง อว. จะกำชับไปยังทุกมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ต้องไม่ปล่อยผ่าน หน้าที่ของเราคือต้องดูแลนักศึกษาให้เรียนได้อย่างมีความสุข และต้องรู้สึกปลอดภัย
    .............
    Sondhi X
    ศาลสั่งขังยกแก๊ง ขบวนการสาดน้ำซุป อว.ล้างมาเฟียมหาลัย . ความคืบหน้ากรณีอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังสาดน้ำร้อนใส่ผู้เสียหายนั้น เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินขยายผลต่อเนื่อง ภายหลังตำรวจ สภ.คลอง จ.ปทุมธานี สามารถจับกุมตัว นายรษิภา หรือ เจ๊พรีม อายุ 22 ปี และ นายชคัทพล หรือ โอชิ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2 ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดๆ ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ 4.ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย . ทั้งนี้ ล่าสุดตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุได้อีกรวมทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นาย ดลลธี หรือ พอล อายุ 21 ปี น.ส.วรัญญา หรือ แบม อายุ 21 น.ส.กันยาพัชร หรือ พิมเจล อายุ 21 ปี นักแสดงซีรี่ย์ น.ส.อุ้มบุญ หรือ อุ้มบุญ อายุ 21 ปี นาย นพคุณ หรือ เจ๊จั๊ก อายุ 21 ปี นาย ภราดร หรือ ไอซ์ อายุ 21 ปี พร้อมนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดธัญบุรี โดยศาลจังหวัดธัญบุรี ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน . ด้าน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ร่วมหารือแนวทางการดูแลป้องกันความปลอดภัยในสถาบันอุดมศึกษา กับนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ที่เดินทางมาพร้อมกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่เป็นผู้เสียหาย จากกรณีโดนรุ่นพี่ LGBTQ มหาวิทยาลัยเดียวกันทำร้ายและข่มขู่ . น.ส.ศุภมาส ได้พูดคุยสอบถามและให้กำลังใจผู้เสียหาย พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีศึกษาว่ามีกลุ่มมาเฟียในมหาวิทยาลัย หลังจากเกิดเรื่องทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดโดยให้พ้นสภาพนักศึกษาทันที พร้อมเข้าไปดูแลผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรม แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ทำให้เห็นว่าคนทำผิดต้องได้รับโทษ และทุกภาคส่วนพร้อมอ้าแขนปกป้องน้องๆ ให้กลับเข้าไปเรียนได้อย่างมีความสุข . “ขณะนี้ยังดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าคนที่ทำผิดกฎมหาวิทยาลัยต้องโดนไล่ออก คนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย สถานศึกษาต้องเป็นที่ที่ปลอดภัย ต้องไม่มีมาเฟียหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย เรามี พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่เอาไว้กำกับดูแลมหาวิทยาลัยเอกชน” . น.ส.ศุภมาส กล่าวอีกว่า ถ้ามหาวิทยาลัยทำผิดเราสามารถเข้าไปควบคุมหรือปิดมหาวิทยาลัยได้ ถ้ามหาวิทยาลัยนั้นๆ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเราเคยทำมาแล้ว จากนี้กระทรวง อว. จะกำชับไปยังทุกมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ต้องไม่ปล่อยผ่าน หน้าที่ของเราคือต้องดูแลนักศึกษาให้เรียนได้อย่างมีความสุข และต้องรู้สึกปลอดภัย ............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1815 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 กุมภาพันธ์ 2568-รายงานข่าวnews.ch7.com ระบุว่าชูวิทย์ฝากข้อความวิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาดในคดี ยกฟ้องตู้ห่าวภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้องตู้ห่าว วันนี้ (11 ก.พ.68) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งเคยมีบทบาทแฉขบวนการกลุ่มทุนจีนเทา ฝากข้อความวิเคราะห์ ประเด็นศาลฯ ยกฟ้องคดีตู้ห่าว โดยระบุถึง 8 ประเด็น ความผิดพลาดของคดีตู้ห่าว ดังนี้1.การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจนปล่อยผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการสอดแนม เก็บข้อมูลจำนวนคน จำนวนพนักงาน จนมีการปล่อยผู้ต้องหาไปจำนวนมาก ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ฉี่ไม่ม่วงออกไปตามหากุญแจรถแล้วขับรถหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จีนเทาขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา และที่สำคัญจับตัวการสำคัญไม่ได้ ปล่อยหนีหายไป ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ2.เก็บหลักฐานแบบขยัก เว้นวรรค ไม่ครบถ้วน ที่เกิดเหตุมี 3 อาคาร คือ อาคารจินหลิง อาคารลีลา อาคารวิบวับคาร์วอช วันแรก 26 ตุลาคม 2565 ค้นแค่อาคารจินหลิง พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม เว้นวรรคไปอีก 5 วัน เพิ่งไปค้นอาคารวิบวับฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 พบยาเสพติดเกือบ 1 กิโลกรัม แต่ไปบันทึกเลขคดีในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 บอกว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ทั้งที่ความเป็นจริงพบ นายเหมา หยาง ในกล้องวงจรปิด และความจริงอาจมียาเสพติดมากกว่านั้นเพราะเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่ขนหนีออกไปได้วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อัยการ ป.ป.ส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8กภ 1234 กรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ3.การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญ ปล่อยหลานชายตู้ห่าว หวัง เจิ้น หนาน ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะรถตู้อัลพาร์ดยังอยู่ อีกทั้งยังปล่อยผู้ต้องหากลางทาง นายหวัง เทียนฮุย ไปด้วย และมีการปล่อยรถของ เดวิด ฮอลล์ เบนซ์ S Class สีดำ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไป 4 คัน4. ผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้กับผู้ต้องหา5. การตัดต่อกล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว ในผับจินหลิง อาคารวิบวับฯ 2 ตัว จำนวนกล้อง 40 กล้อง และอาคารลีลา เซิร์ฟเวอร์ 2 ตัว จำนวนกล้อง 68 กล้อง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์ โดยส่งให้พิสูจน์แค่วันที่ 21-26 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้เพื่อปิดบังบ่อนในอาคารลีลา และปิดบังไม่ให้เห็นตู้ห่าวกับหลาน6.ออกหมายจับตู้ห่าวล่าช้า บุกจับจินหลิงวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ออกหมายจับ 22 พฤศจิกายน 25657. แจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าวล่าช้า ตู้ห่าวโดนข้อหายาเสพติดร้ายแรง และข้อหายาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน แต่ไม่ยอมตั้งข้อหาตั้งแต่แรก เหมือนจงใจให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จนเจอเงินในบัญชีตู้ห่าวแค่ 1 แสน จนกระทั่ง 24 ธันวาคม 2565 แจ้งข้อหาฟอกเงินกับคนสนิทตู้ห่าว แต่ยังไม่แจ้งฟอกเงินกับตู้ห่าว โดยมาแจ้งในภายหลัง8. ท้ายสุดเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ต้องมาทำคดีเอง แต่หลักฐานต่าง ๆ ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากแล้วที่มา : https://news.ch7.com/detail/784300?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR32maa_Iu_r1eyqvV_J-LQX_6R96iKqYEYZtHTZwPyCzYcgV4vyC3lf-j0_aem_Wbsu5wDoZFo1T6XSFm1RjA#m70f2wjiy1oxa38wwc
    11 กุมภาพันธ์ 2568-รายงานข่าวnews.ch7.com ระบุว่าชูวิทย์ฝากข้อความวิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาดในคดี ยกฟ้องตู้ห่าวภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้องตู้ห่าว วันนี้ (11 ก.พ.68) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งเคยมีบทบาทแฉขบวนการกลุ่มทุนจีนเทา ฝากข้อความวิเคราะห์ ประเด็นศาลฯ ยกฟ้องคดีตู้ห่าว โดยระบุถึง 8 ประเด็น ความผิดพลาดของคดีตู้ห่าว ดังนี้1.การวางแผนจับกุมที่ผิดพลาดตั้งแต่แรก ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจนปล่อยผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการสอดแนม เก็บข้อมูลจำนวนคน จำนวนพนักงาน จนมีการปล่อยผู้ต้องหาไปจำนวนมาก ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ฉี่ไม่ม่วงออกไปตามหากุญแจรถแล้วขับรถหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จีนเทาขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา และที่สำคัญจับตัวการสำคัญไม่ได้ ปล่อยหนีหายไป ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ2.เก็บหลักฐานแบบขยัก เว้นวรรค ไม่ครบถ้วน ที่เกิดเหตุมี 3 อาคาร คือ อาคารจินหลิง อาคารลีลา อาคารวิบวับคาร์วอช วันแรก 26 ตุลาคม 2565 ค้นแค่อาคารจินหลิง พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม เว้นวรรคไปอีก 5 วัน เพิ่งไปค้นอาคารวิบวับฯ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 พบยาเสพติดเกือบ 1 กิโลกรัม แต่ไปบันทึกเลขคดีในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 บอกว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ทั้งที่ความเป็นจริงพบ นายเหมา หยาง ในกล้องวงจรปิด และความจริงอาจมียาเสพติดมากกว่านั้นเพราะเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่ขนหนีออกไปได้วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อัยการ ป.ป.ส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8กภ 1234 กรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ3.การปล่อยรถของกลาง และผู้ต้องหารายสำคัญ ปล่อยหลานชายตู้ห่าว หวัง เจิ้น หนาน ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะรถตู้อัลพาร์ดยังอยู่ อีกทั้งยังปล่อยผู้ต้องหากลางทาง นายหวัง เทียนฮุย ไปด้วย และมีการปล่อยรถของ เดวิด ฮอลล์ เบนซ์ S Class สีดำ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไป 4 คัน4. ผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้กับผู้ต้องหา5. การตัดต่อกล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว ในผับจินหลิง อาคารวิบวับฯ 2 ตัว จำนวนกล้อง 40 กล้อง และอาคารลีลา เซิร์ฟเวอร์ 2 ตัว จำนวนกล้อง 68 กล้อง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์ โดยส่งให้พิสูจน์แค่วันที่ 21-26 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้เพื่อปิดบังบ่อนในอาคารลีลา และปิดบังไม่ให้เห็นตู้ห่าวกับหลาน6.ออกหมายจับตู้ห่าวล่าช้า บุกจับจินหลิงวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ออกหมายจับ 22 พฤศจิกายน 25657. แจ้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าวล่าช้า ตู้ห่าวโดนข้อหายาเสพติดร้ายแรง และข้อหายาเสพติดเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน แต่ไม่ยอมตั้งข้อหาตั้งแต่แรก เหมือนจงใจให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จนเจอเงินในบัญชีตู้ห่าวแค่ 1 แสน จนกระทั่ง 24 ธันวาคม 2565 แจ้งข้อหาฟอกเงินกับคนสนิทตู้ห่าว แต่ยังไม่แจ้งฟอกเงินกับตู้ห่าว โดยมาแจ้งในภายหลัง8. ท้ายสุดเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร. และอัยการสูงสุด ต้องมาทำคดีเอง แต่หลักฐานต่าง ๆ ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากแล้วที่มา : https://news.ch7.com/detail/784300?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR32maa_Iu_r1eyqvV_J-LQX_6R96iKqYEYZtHTZwPyCzYcgV4vyC3lf-j0_aem_Wbsu5wDoZFo1T6XSFm1RjA#m70f2wjiy1oxa38wwc
    NEWS.CH7.COM
    ข่าวชูวิทย์วิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาด ยกฟ้องตู้ห่าว
    ชูวิทย์ฝากข้อความวิเคราะห์ 8 ประเด็น ความผิดพลาดในคดี ยกฟ้องตู้ห่าว ภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้องตู้ห่าว…
    Like
    Angry
    2
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงใหม่ท้าทีมงาน “ส.ส.ปูอัด” แฉหลักฐานและเข้าแจ้งความกรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดเงิน 4 แสนบาท เพื่อแลกกับการช่วยให้หลุดคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ขณะเดียวกันตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว หากพบว่าไม่เป็นความจริง เตรียมแจ้งความ พร้อมยืนยันตำรวจมีพยานหลักฐานครบถ้วนชัดเจนจึงออกหมายจับได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013430

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงใหม่ท้าทีมงาน “ส.ส.ปูอัด” แฉหลักฐานและเข้าแจ้งความกรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดเงิน 4 แสนบาท เพื่อแลกกับการช่วยให้หลุดคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ขณะเดียวกันตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว หากพบว่าไม่เป็นความจริง เตรียมแจ้งความ พร้อมยืนยันตำรวจมีพยานหลักฐานครบถ้วนชัดเจนจึงออกหมายจับได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013430 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 809 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ๊พรีมมือสาดน้ำซุปร้อน พร้อมคู่หู ยังนอนในห้องขัง สภ.คลองหลวง ตร.เผยมีเจ้าทุกข์ เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มแล้ว 5 ราย คุมตัวฝากขังพร้อมแก๊งโอรีโอ้พรุ่งนี้

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ก.พ.68 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 132/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น” โดยจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่133/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น”

    โดยกล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องเคสแก็งโอริโอ้และเคส LGBTQ และได้ประชุมกันว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันพรุ่งนี้พราะค่ำคืนที่ผ่านมาก็ยังมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความอีก เราจึงประชุมกันว่าจะมีการฝากขังพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.ได้มีการเตรียมพนักงานสอบสวนในการสอบปากคำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา สำหรับเคส LGBTQ มีผู้เข้าแจ้งความแล้ว 4 คดีและค่ำคืนที่ผ่านมาอีก 1 คดี ในวันนี้คาดว่าจะมีมาเพิ่มอีก สำหรับผู้ต้องหาเรามีแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ส่วนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรตอนนี้ยังไม่เข้าข้อกฎหมายองค์กรอาชญากรรม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000013364

    #MGROnline #LGBTQ #สาดน้ำร้อน #เจ๊พรีม
    เจ๊พรีมมือสาดน้ำซุปร้อน พร้อมคู่หู ยังนอนในห้องขัง สภ.คลองหลวง ตร.เผยมีเจ้าทุกข์ เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มแล้ว 5 ราย คุมตัวฝากขังพร้อมแก๊งโอรีโอ้พรุ่งนี้ • เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 ก.พ.68 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่ 132/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น” โดยจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเลขที่133/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ต้องหาว่าความผิดฐาน ”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นนั้น” • โดยกล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องเคสแก็งโอริโอ้และเคส LGBTQ และได้ประชุมกันว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันพรุ่งนี้พราะค่ำคืนที่ผ่านมาก็ยังมีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความอีก เราจึงประชุมกันว่าจะมีการฝากขังพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.ได้มีการเตรียมพนักงานสอบสวนในการสอบปากคำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา สำหรับเคส LGBTQ มีผู้เข้าแจ้งความแล้ว 4 คดีและค่ำคืนที่ผ่านมาอีก 1 คดี ในวันนี้คาดว่าจะมีมาเพิ่มอีก สำหรับผู้ต้องหาเรามีแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ส่วนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรตอนนี้ยังไม่เข้าข้อกฎหมายองค์กรอาชญากรรม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000013364 • #MGROnline #LGBTQ #สาดน้ำร้อน #เจ๊พรีม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วันนอร์” เผยยังไม่ได้รับหมายจับ "สส.ปูอัด" คาดบรรจุเป็นเรื่องด่วนเข้าที่ประชุมได้สัปดาห์หน้า เพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะอนุมัติให้ตำรวจเข้าจับกุมหรือไม่ ลั่น สส. ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าบุคคลทั่วไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013329

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “วันนอร์” เผยยังไม่ได้รับหมายจับ "สส.ปูอัด" คาดบรรจุเป็นเรื่องด่วนเข้าที่ประชุมได้สัปดาห์หน้า เพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะอนุมัติให้ตำรวจเข้าจับกุมหรือไม่ ลั่น สส. ต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าบุคคลทั่วไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013329 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘เจ๊พรีม-โอชิ’ หมดสภาพ โดน 2 ข้อหาหนัก สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง
    .
    คอตกไปตามระเบียบสำหรับ นายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปีและนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ภายหลังถูกตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับศาลธัญบุรี จากกรณีที่ใช้สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง จนกลายเกิดเสียงวิจารณ์ตามมาเป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมที่ได้กระทำลงไป
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่น โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ (ผู้ต้องหา) ลงจากรถเข้าไปที่โรงพักก็ได้มีแม่ของน้องที่ถูกผู้เสียหายเข้ามาถามว่าทำลูกแม่ทำไม แต่เจ๊พรีมก็ไม่ได้ตอบอะไร และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวขึ้นไปสอบสวนบนชั้นสามของโรงพัก
    .
    พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า พรีมได้รับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนโอชิรับสารภาพว่าร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส่วนกรรโชกทรัพย์นั้นเขาให้การปฏิเสธ ส่วนการตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรนั้น จากการสอบสวนพยานและผู้เสียหายแล้วยังไม่เข้าข่าย ส่วนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านั้นเราดูจากภาพถ่าย และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปที่ห้องและควบคุมตัวได้นั้น และจากการค้นห้องก็ไม่เจอเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า
    .
    "เคสของพรีม พนักงานสอบสวนรับไว้ 4 เคสแล้ว ส่วนที่ข่มขู่จะทำให้หายไปนั้น เป็นเพียงแค่เหตุลหุโทษ แต่ก็ดีที่เขาพูดแบบนี้ เพื่อที่จะใช้ในการคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเป็นการข่มขู่หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหามีอาการเครียด"
    .............
    Sondhi X
    ‘เจ๊พรีม-โอชิ’ หมดสภาพ โดน 2 ข้อหาหนัก สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง . คอตกไปตามระเบียบสำหรับ นายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปีและนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ภายหลังถูกตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับศาลธัญบุรี จากกรณีที่ใช้สาดน้ำร้อนใส่รุ่นน้อง จนกลายเกิดเสียงวิจารณ์ตามมาเป็นจำนวนมาก ถึงพฤติกรรมที่ได้กระทำลงไป . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน”ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่น โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ (ผู้ต้องหา) ลงจากรถเข้าไปที่โรงพักก็ได้มีแม่ของน้องที่ถูกผู้เสียหายเข้ามาถามว่าทำลูกแม่ทำไม แต่เจ๊พรีมก็ไม่ได้ตอบอะไร และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวขึ้นไปสอบสวนบนชั้นสามของโรงพัก . พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า พรีมได้รับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนโอชิรับสารภาพว่าร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส่วนกรรโชกทรัพย์นั้นเขาให้การปฏิเสธ ส่วนการตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรนั้น จากการสอบสวนพยานและผู้เสียหายแล้วยังไม่เข้าข่าย ส่วนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านั้นเราดูจากภาพถ่าย และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปที่ห้องและควบคุมตัวได้นั้น และจากการค้นห้องก็ไม่เจอเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า . "เคสของพรีม พนักงานสอบสวนรับไว้ 4 เคสแล้ว ส่วนที่ข่มขู่จะทำให้หายไปนั้น เป็นเพียงแค่เหตุลหุโทษ แต่ก็ดีที่เขาพูดแบบนี้ เพื่อที่จะใช้ในการคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเป็นการข่มขู่หรือไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหามีอาการเครียด" ............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1284 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผย "โอภาส บุญจันทร์" กก.บริษัทวิน โพรเสส ระยอง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังออกจากเรือนจำมารักษาด้วยอาการขาดน้ำตาล หลังศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน คดีทิ้งสารพิษและครอบครองวัตถุอันตรายเพียงวันเดียว
    .
    วันนี้ (9 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "มนตรี อุดมพงษ์" ของนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา 00.45 นาที ของวันที่ 9 ก.พ. หลังจากนายโอภาสมีอาการขาดน้ำตาล ถูกย้ายออกจากเรือนจำ มาเข้ารับการรักษาตั้งแต่ 23.38 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ซึ่งนายโอภาส เป็นผู้ต้องขังจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ.21/2567 ของศาลจังหวัดระยอง ต้องหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีลอบเก็บและฝังวัตถุอันตรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนายโอภาส มีทั้งคดีทิ้งสารพิษ และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานวิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองเพิ่งมีพิพากษาจำคุกนายโอภาส 5 ปี 15 เดือน และปรับเงิน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่นายโอภาสเป็นกรรมการบริษัท รวมทุกข้อกล่าวหา 350,000 บาท พร้อมกับให้ริบของกลางซึ่งเป็นสารเคมีไปทำลายทั้งหมด พร้อมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัด โดยให้นายโอภาสรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 หรือจะเป็นคดีครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ ต.โขดหิน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บสารเคมีเถื่อน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ความผิดเกี่ยวกับโกกังเก็บสารเคมีเถื่อน บริษัทซันเทค อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีลักลอบทิ้งของเสียอันตราย ลงที่ดินส่วนบุคคลใน ต.ข้าวเม่า และ ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีเพลิงไหม้โกดังโรงงาน 2 ครั้ง รวมทั้งคดีทางแพ่ง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน รวม 20,823,718 บาทพร้อมดอกเบี้ย และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 บริษัทฯ เคยถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินค่าเสียหายทางแพ่ง 1,743,609,923.46 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ ฐานเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นดิน รวมถึงสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
    .
    นายโอภาส ถูกตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ขณะเดินทางไปโรงงานเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดไว้หลายพื้นที่ ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ก่อนฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท ก่อนที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปอายัดตัวนายโอภาสตามหมายจับเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะได้รับการประกันตัว แล้ว สภ.บ้านค่ายเข้าอายัดตัว ในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เอาของที่มีพิษเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือปนลงในอาหารหรือน้ำ ฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปฝากขังในเรือนจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า นายโอภาสถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน คืนวันที่ 5 ก.พ. นายโอภาสถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013031
    ..............
    Sondhi X
    เผย "โอภาส บุญจันทร์" กก.บริษัทวิน โพรเสส ระยอง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังออกจากเรือนจำมารักษาด้วยอาการขาดน้ำตาล หลังศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน คดีทิ้งสารพิษและครอบครองวัตถุอันตรายเพียงวันเดียว . วันนี้ (9 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "มนตรี อุดมพงษ์" ของนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา 00.45 นาที ของวันที่ 9 ก.พ. หลังจากนายโอภาสมีอาการขาดน้ำตาล ถูกย้ายออกจากเรือนจำ มาเข้ารับการรักษาตั้งแต่ 23.38 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ซึ่งนายโอภาส เป็นผู้ต้องขังจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ.21/2567 ของศาลจังหวัดระยอง ต้องหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีลอบเก็บและฝังวัตถุอันตรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนายโอภาส มีทั้งคดีทิ้งสารพิษ และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานวิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองเพิ่งมีพิพากษาจำคุกนายโอภาส 5 ปี 15 เดือน และปรับเงิน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่นายโอภาสเป็นกรรมการบริษัท รวมทุกข้อกล่าวหา 350,000 บาท พร้อมกับให้ริบของกลางซึ่งเป็นสารเคมีไปทำลายทั้งหมด พร้อมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัด โดยให้นายโอภาสรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 หรือจะเป็นคดีครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ ต.โขดหิน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 . นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บสารเคมีเถื่อน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ความผิดเกี่ยวกับโกกังเก็บสารเคมีเถื่อน บริษัทซันเทค อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีลักลอบทิ้งของเสียอันตราย ลงที่ดินส่วนบุคคลใน ต.ข้าวเม่า และ ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีเพลิงไหม้โกดังโรงงาน 2 ครั้ง รวมทั้งคดีทางแพ่ง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน รวม 20,823,718 บาทพร้อมดอกเบี้ย และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 บริษัทฯ เคยถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินค่าเสียหายทางแพ่ง 1,743,609,923.46 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ ฐานเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นดิน รวมถึงสภาพแวดล้อมธรรมชาติ . นายโอภาส ถูกตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ขณะเดินทางไปโรงงานเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดไว้หลายพื้นที่ ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ก่อนฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท ก่อนที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปอายัดตัวนายโอภาสตามหมายจับเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะได้รับการประกันตัว แล้ว สภ.บ้านค่ายเข้าอายัดตัว ในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เอาของที่มีพิษเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือปนลงในอาหารหรือน้ำ ฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปฝากขังในเรือนจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา . เป็นที่น่าสังเกตว่า นายโอภาสถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน คืนวันที่ 5 ก.พ. นายโอภาสถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013031 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1360 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุการณ์ สส.หื่น ทำงามไส้ ข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันนอกจากจะเป็นข่าวฉาวโด่งดังในประเทศไทยแล้ว ยังปรากฏเป็นข่าวดังในประเทศจีนและไต้หวันอีกด้วย ทำให้หลายคนหวั่นส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและทำการท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง

    จากกรณีศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับที่ จ.262/2568 ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนในคดีอาญาที่ 95/2568 ซึ่งมีการร้องทุกข์จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวหาว่านายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือที่รู้จักในชื่อ “สส.ปูอัด” จากพรรคไทยก้าวหน้า ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ได้กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/travel/detail/9680000012868

    #MGROnline #ไต้หวัน
    เหตุการณ์ สส.หื่น ทำงามไส้ ข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันนอกจากจะเป็นข่าวฉาวโด่งดังในประเทศไทยแล้ว ยังปรากฏเป็นข่าวดังในประเทศจีนและไต้หวันอีกด้วย ทำให้หลายคนหวั่นส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและทำการท่องเที่ยวไทยสะเทือนอีกครั้ง • จากกรณีศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับที่ จ.262/2568 ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนในคดีอาญาที่ 95/2568 ซึ่งมีการร้องทุกข์จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวหาว่านายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือที่รู้จักในชื่อ “สส.ปูอัด” จากพรรคไทยก้าวหน้า ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ได้กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/travel/detail/9680000012868 • #MGROnline #ไต้หวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งเพิกถอนวีซ่าชาวญี่ปุ่น 4 ราย ลักลอบข้ามแดนไปฝั่งเมียวดี พบมีหมายจับคดีอาญาและยาเสพติดของญี่ปุ่นหลายคดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012668

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งเพิกถอนวีซ่าชาวญี่ปุ่น 4 ราย ลักลอบข้ามแดนไปฝั่งเมียวดี พบมีหมายจับคดีอาญาและยาเสพติดของญี่ปุ่นหลายคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012668 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 1 รีวิว
  • ตำรวจเชียงใหม่เผยศาลเชียงใหม่ออกหมายจับ "ส.ส.ปูอัด"คดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน ดำเนินการตามพยานหลักฐาน และทำการประสานทางสภาผู้แทนราษฎรให้ทราบแล้ว ยืนยันทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนผู้เสียหายเดินทางกลับประเทศไปแล้วและยืนยันว่าไม่เคยรู้จักสนิทสนมกับผู้ก่อเหตุมาก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012626

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจเชียงใหม่เผยศาลเชียงใหม่ออกหมายจับ "ส.ส.ปูอัด"คดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน ดำเนินการตามพยานหลักฐาน และทำการประสานทางสภาผู้แทนราษฎรให้ทราบแล้ว ยืนยันทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนผู้เสียหายเดินทางกลับประเทศไปแล้วและยืนยันว่าไม่เคยรู้จักสนิทสนมกับผู้ก่อเหตุมาก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012626 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 994 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สส.ปูอัด" ยังไม่โผล่หน้า แต่ฝากข้อความผ่านผู้ช่วย 'รอบนี้ผมไม่ยอม สู้แน่นอน' ยันไม่ไปทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา คาใจกระบวนการยุติธรรมทำไมข้ามไปออกหมายจับก่อนหมายเรียก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012630

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "สส.ปูอัด" ยังไม่โผล่หน้า แต่ฝากข้อความผ่านผู้ช่วย 'รอบนี้ผมไม่ยอม สู้แน่นอน' ยันไม่ไปทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา คาใจกระบวนการยุติธรรมทำไมข้ามไปออกหมายจับก่อนหมายเรียก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012630 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาฯ ก้าวหน้า ชี้ “สส.ปูอัด” ควรลาออกรับผิดชอบหมายจับข่มขืนสาวไต้หวัน ยกเจตนารมณ์เอกสิทธิ์ สส. มีไว้ป้องกันไม่ให้ฝ่ายบริหารกลั่นแกล้งฝ่ายนิติบัญญัติ สภาควรมีมติส่งไปดำเนินคดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012566

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เลขาฯ ก้าวหน้า ชี้ “สส.ปูอัด” ควรลาออกรับผิดชอบหมายจับข่มขืนสาวไต้หวัน ยกเจตนารมณ์เอกสิทธิ์ สส. มีไว้ป้องกันไม่ให้ฝ่ายบริหารกลั่นแกล้งฝ่ายนิติบัญญัติ สภาควรมีมติส่งไปดำเนินคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012566 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมายจับ! ส.ส.ปูอัด ข่มขืนนักท่องเที่ยวไต้หวัน 07/02/68 #คดีข่มขืนสาวไต้หวัน #ส.ส.ปูอัด #นักท่องเที่ยว #นักการเมือง
    หมายจับ! ส.ส.ปูอัด ข่มขืนนักท่องเที่ยวไต้หวัน 07/02/68 #คดีข่มขืนสาวไต้หวัน #ส.ส.ปูอัด #นักท่องเที่ยว #นักการเมือง
    Haha
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับ "ไชยามพวาน" ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ที่เคยถูกขับจากพรรคก้าวไกล ขืนใจนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ตำรวจส่งหมายถึงสภา ขอตัวไปดำเนินคดี

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000012473

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับ "ไชยามพวาน" ส.ส.พรรคไทยก้าวหน้า ที่เคยถูกขับจากพรรคก้าวไกล ขืนใจนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ตำรวจส่งหมายถึงสภา ขอตัวไปดำเนินคดี อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000012473 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 744 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว

    ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    ด่วน! ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ลงนามคว่ำบาตร ICC อย่างเป็นทางการ!

    โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยข้อกล่าวหาว่า ICC "กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่ออเมริกาและอิสราเอล ในการออกหมายจับเนทันยาฮู พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเรา"

    คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าว จะกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและวีซ่าเข้าประเทศสำหรับบุคคลและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของ ICC ต่อพลเมืองอเมริกันและพันธมิตร
    ทรัมป์ลงนามคว่ำบาตร ICC อย่างเป็นทางการ! โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยข้อกล่าวหาว่า ICC "กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่ออเมริกาและอิสราเอล ในการออกหมายจับเนทันยาฮู พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเรา" คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าว จะกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและวีซ่าเข้าประเทศสำหรับบุคคลและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของ ICC ต่อพลเมืองอเมริกันและพันธมิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัยนาท - ข้าราชการหญิงซี 7 ภรรยาอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปเปิดรีสอร์ต์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน โชคดีสามีกับตำรวจ เข้าไปช่วยไว้ได้ทัน

    วันนี้(5 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้รับแจ้งจาก ดร.ณัชรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แล้ว ให้ช่วยติดตามหาภรรยา ที่เข้าไปเปิดห้องพักในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในตัวอำเภอเมืองชัยนาท เนื่องจากสงสัยว่า ภรรยาจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้มาเปิดห้องพัก เพื่อคุยหลอกให้โอนเงิน เมื่อตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และ ดร.ณัชรัตน์ เข้าไปตรวจสอบที่รีสอร์ตดังกล่าว ก็พบหญิง อายุ 44 ปี ทราบว่าเป็นข้าราชการ ระดับซี 7 อยู่ในห้องพัก และกำลังโทรศัพท์พูดคุยกับใครคนหนึ่ง

    ตำรวจและสามีของหญิงข้าราชการ จึงเข้าไปบอกว่าปลายสายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าหลงเชื่อให้วางสาย แต่หญิงข้าราชการ กลับพยายามบอกให้ตำรวจจริงและสามีเข้าใจว่า ปลายสายที่โทร.มาหาตนนั้นเป็นตำรวจชื่อว่า ร.ต.อ.ธนาวิทย์ วงศ์มูน สังกัด สภ.เมืองอุบลราชธานี และมีข้อมูลส่วนตัวของตน บอกว่าตนไปพัวพันกับการฟอกเงิน 14 ล้านบาท เตรียมจะออกหมายจับตนด้วย

    หญิงข้าราชการ พยายามโทรศัพท์กลับไปหาปลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ และหญิงข้าราชการ ยังเชื่อว่าปลายสายเป็นตำรวจ ทำให้ทั้ง ตำรวจตัวจริง สามีของหญิงข้าราชการ และพนักงานของรีสอร์ต ถึงกับปวดหัว เพราะทุกคนต่างพูดย้ำแล้วย้ำอีก เพื่อให้หญิงข้าราชการเข้าใจว่ามันคือแก๊งคลอเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะพาหญิงข้าราชการ ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท เพื่อเข้าแจ้งความ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011828

    #MGROnline #ข้าราชการหญิงซี7 #ภรรยา #อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เปิดรีสอร์ต #หลอกให้โอนเงิน
    ชัยนาท - ข้าราชการหญิงซี 7 ภรรยาอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปเปิดรีสอร์ต์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน โชคดีสามีกับตำรวจ เข้าไปช่วยไว้ได้ทัน • วันนี้(5 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้รับแจ้งจาก ดร.ณัชรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แล้ว ให้ช่วยติดตามหาภรรยา ที่เข้าไปเปิดห้องพักในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในตัวอำเภอเมืองชัยนาท เนื่องจากสงสัยว่า ภรรยาจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้มาเปิดห้องพัก เพื่อคุยหลอกให้โอนเงิน เมื่อตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และ ดร.ณัชรัตน์ เข้าไปตรวจสอบที่รีสอร์ตดังกล่าว ก็พบหญิง อายุ 44 ปี ทราบว่าเป็นข้าราชการ ระดับซี 7 อยู่ในห้องพัก และกำลังโทรศัพท์พูดคุยกับใครคนหนึ่ง • ตำรวจและสามีของหญิงข้าราชการ จึงเข้าไปบอกว่าปลายสายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าหลงเชื่อให้วางสาย แต่หญิงข้าราชการ กลับพยายามบอกให้ตำรวจจริงและสามีเข้าใจว่า ปลายสายที่โทร.มาหาตนนั้นเป็นตำรวจชื่อว่า ร.ต.อ.ธนาวิทย์ วงศ์มูน สังกัด สภ.เมืองอุบลราชธานี และมีข้อมูลส่วนตัวของตน บอกว่าตนไปพัวพันกับการฟอกเงิน 14 ล้านบาท เตรียมจะออกหมายจับตนด้วย • หญิงข้าราชการ พยายามโทรศัพท์กลับไปหาปลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ และหญิงข้าราชการ ยังเชื่อว่าปลายสายเป็นตำรวจ ทำให้ทั้ง ตำรวจตัวจริง สามีของหญิงข้าราชการ และพนักงานของรีสอร์ต ถึงกับปวดหัว เพราะทุกคนต่างพูดย้ำแล้วย้ำอีก เพื่อให้หญิงข้าราชการเข้าใจว่ามันคือแก๊งคลอเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะพาหญิงข้าราชการ ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท เพื่อเข้าแจ้งความ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011828 • #MGROnline #ข้าราชการหญิงซี7 #ภรรยา #อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เปิดรีสอร์ต #หลอกให้โอนเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการกัมพูชา ผลักดัน 25 คนไทยทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์- เว็บพนันนออนไลน์ในตึกเมืองบาวิทชายแดนกัมพูชา กลับดำเนินคดีในไทยหลังร่วมสถานทูตไทยบุกตรวจสอบพบมีทั้งคนเวียดนาม จีนและไทยทำงานจำนวนมาก เบื้องต้นพบ 4 ใน 25 มีหมายจับบัญชีม้า ส่วนที่เหลือรอตรวจสอบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011379

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทางการกัมพูชา ผลักดัน 25 คนไทยทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์- เว็บพนันนออนไลน์ในตึกเมืองบาวิทชายแดนกัมพูชา กลับดำเนินคดีในไทยหลังร่วมสถานทูตไทยบุกตรวจสอบพบมีทั้งคนเวียดนาม จีนและไทยทำงานจำนวนมาก เบื้องต้นพบ 4 ใน 25 มีหมายจับบัญชีม้า ส่วนที่เหลือรอตรวจสอบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000011379 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 795 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุฒิสภาสหรัฐขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีตอบโต้การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์

    ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 54 เสียง และคัดค้านมากถึง 45 เสียง ทำให้ยังขาดคะแนนเสียงที่จำเป็นอีก 60 เสียง เพื่อนำเข้าสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย

    วุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) เป็นสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เขาได้รับคำชมเชยอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC) ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สนับสนุนอิสราเอล

    วุฒิสภาสหรัฐขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีตอบโต้การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 54 เสียง และคัดค้านมากถึง 45 เสียง ทำให้ยังขาดคะแนนเสียงที่จำเป็นอีก 60 เสียง เพื่อนำเข้าสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย วุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) เป็นสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เขาได้รับคำชมเชยอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC) ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สนับสนุนอิสราเอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเฟียจีน กับ ลูกกระจ๊อกตร.ไทย ความบรรลัยที่ไม่จบสิ้น
    การจับมือกันระหว่างผู้กว้างขวางไทยชื่อเสี่ยออพัทยา กับมาเฟียจีนเทาจากแผ่นดินใหญ่ชื่อว่าบ๊อบบี้
    เมื่อเดือนกันยายน 2567 เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์บุกอุ้มตัวนักธุรกิจชาวจีน ชื่อนายเฉินจิง บริเวณหน้าสถานบันเทิงเวิลด์เฮ้าส์คลับ พัทยา กลุ่มคนร้ายพยายามกระชากลากตัวนายเฉินจิงไปขึ้นรถตู้อัลพาร์ดสีขาว แต่นายเฉินจิงขัดขืนต่อสู้สุดชีวิตเลยดิ้นหลุดออกจากรถตู้มาได้ แต่ไม่รอดจากการถูกรุมกระทืบจนบาดเจ็บสาหัสที่ดวงตาแถมยังถูกชิงสร้อยคอทองคํา ราคา 2.5ล้านบาทไปด้วย
    หลังแจ้งความและตรวจร่างกายเรียบร้อย นายเฉินจิงก็รีบบินหนีอิทธิพลมืดจากจีนในวันรุ่งขึ้นทันที แต่ปรากฏว่าตํารวจเมืองพัทยาออกอาการไม่อยากทําคดี ผ่านไปนาน 5 เดือนคดีไม่มีความคืบหน้า พร้อมท้าทายว่าคดีนี้ไม่มีใครจะทําอะไรพวกกูได้เพราะกูมีลูกพี่ใหญ่คนไทย ให้การคุ้มครอง
    นายเฉินจิง แม้จะเกรงกลัวจนไม่กล้ามาไทยแต่ก็ได้มอบหมาย คนส่งเอกสารและตามคดีกับทางพนักงานสอบสวนสภ. เมืองพัทยา ยืนยันขอดําเนินการกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุดแต่ก็ถูกเตะถ่วงอยู่ดี
    จนเมื่อต้นปี2567 มีชายต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเบนรี่ เปิดประทุนพาเที่ยวชมเมืองพัทยา จนผู้คนแตกตื่นแท้จริงแล้วสิงโตนั้นเป็นสัตว์เสริมบารมีของบ๊อบบี้มาเฟียจีนเทาคนนี้
    ในที่สุดตํารวจพัทยา สุดจะเตะถ่วงได้อีกต่อไปจึงขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา8 ราย เป็นจีน 5 ไทย 3แต่คนร้ายบางคนมีพรายกระซิบ ชิงบินหนีไปกัมพูชาก่อนมีหมายจับอย่างเฉียดฉิวแต่บ๊อบบี้ไม่ได้บินหนีไปด้วยยังคงกบดานอยู่ในไทย
    แถมยังติดต่อกลับไปยังนายเฉินจิงผู้เสียหายว่าให้ถอนแจ้งความเสียจะยอมจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้รวมทั้งคืนสร้อยคอ 2.5 ล้านให้ด้วย
    ต้องดูน้ํายาตํารวจไทยต่อไปจะปล่อยให้แก๊งมาเฟียจีนเทาพัทยาเหยียบย่ํากฎหมายไทยต่อไปหรือจะขุดรากถอนโคนกันไปเลย
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    มาเฟียจีน กับ ลูกกระจ๊อกตร.ไทย ความบรรลัยที่ไม่จบสิ้น การจับมือกันระหว่างผู้กว้างขวางไทยชื่อเสี่ยออพัทยา กับมาเฟียจีนเทาจากแผ่นดินใหญ่ชื่อว่าบ๊อบบี้ เมื่อเดือนกันยายน 2567 เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์บุกอุ้มตัวนักธุรกิจชาวจีน ชื่อนายเฉินจิง บริเวณหน้าสถานบันเทิงเวิลด์เฮ้าส์คลับ พัทยา กลุ่มคนร้ายพยายามกระชากลากตัวนายเฉินจิงไปขึ้นรถตู้อัลพาร์ดสีขาว แต่นายเฉินจิงขัดขืนต่อสู้สุดชีวิตเลยดิ้นหลุดออกจากรถตู้มาได้ แต่ไม่รอดจากการถูกรุมกระทืบจนบาดเจ็บสาหัสที่ดวงตาแถมยังถูกชิงสร้อยคอทองคํา ราคา 2.5ล้านบาทไปด้วย หลังแจ้งความและตรวจร่างกายเรียบร้อย นายเฉินจิงก็รีบบินหนีอิทธิพลมืดจากจีนในวันรุ่งขึ้นทันที แต่ปรากฏว่าตํารวจเมืองพัทยาออกอาการไม่อยากทําคดี ผ่านไปนาน 5 เดือนคดีไม่มีความคืบหน้า พร้อมท้าทายว่าคดีนี้ไม่มีใครจะทําอะไรพวกกูได้เพราะกูมีลูกพี่ใหญ่คนไทย ให้การคุ้มครอง นายเฉินจิง แม้จะเกรงกลัวจนไม่กล้ามาไทยแต่ก็ได้มอบหมาย คนส่งเอกสารและตามคดีกับทางพนักงานสอบสวนสภ. เมืองพัทยา ยืนยันขอดําเนินการกับผู้ต้องหาจนถึงที่สุดแต่ก็ถูกเตะถ่วงอยู่ดี จนเมื่อต้นปี2567 มีชายต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเบนรี่ เปิดประทุนพาเที่ยวชมเมืองพัทยา จนผู้คนแตกตื่นแท้จริงแล้วสิงโตนั้นเป็นสัตว์เสริมบารมีของบ๊อบบี้มาเฟียจีนเทาคนนี้ ในที่สุดตํารวจพัทยา สุดจะเตะถ่วงได้อีกต่อไปจึงขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา8 ราย เป็นจีน 5 ไทย 3แต่คนร้ายบางคนมีพรายกระซิบ ชิงบินหนีไปกัมพูชาก่อนมีหมายจับอย่างเฉียดฉิวแต่บ๊อบบี้ไม่ได้บินหนีไปด้วยยังคงกบดานอยู่ในไทย แถมยังติดต่อกลับไปยังนายเฉินจิงผู้เสียหายว่าให้ถอนแจ้งความเสียจะยอมจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้รวมทั้งคืนสร้อยคอ 2.5 ล้านให้ด้วย ต้องดูน้ํายาตํารวจไทยต่อไปจะปล่อยให้แก๊งมาเฟียจีนเทาพัทยาเหยียบย่ํากฎหมายไทยต่อไปหรือจะขุดรากถอนโคนกันไปเลย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts