• น้องเขาน่ารักมาก คนไทยเราน่ารักทุกๆคนล่ะ มีโอกาส มีรายได้พอเลี้ยงชีพตนแล้ว เหลือบ้างแบ่งปันช่วยเหลือเราคนไทยด้วยกัน, ยามยากจนต่อจำเป็นในการต่อสู้เพื่อตนเอง,ยามร่ำรวยมั่งคั่งเหลือเก็บมีกำลังมากพอก็มีน้ำจิตน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นที่ครั้งหนึ่งตนก็เป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม,ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือกันนั้นเอง.,แต่ตนต้องไม่ลำบากด้วยนะ.
    ..น้องสร้างตัวอย่างที่ดีอีกคนในการร่วมจรรโลงสังคมไทยเรา,ใครมีบาทสองบาทหรือสิบ 20บาทอย่าน้อยเนื้อต่ำใจ เงินทองของสัมมาอาชีพชอบมีพลังอนุภาคมากนักด้วยเจตนาจิตจาคะอันดีงาม อนุภาคบุญก็ไม่น้อยกว่าคนใดบริจาค10ล้าน 100ล้านเหรอ,ตามกำลังใครมันสะดวกที่สบายใจใครมัน.
    ..กำแพงสร้างรั้วลวดหนามเราคือตัวอย่างที่ดีก็ว่า คนละเล็กละน้อย.,คนไทยเราใจดีใจบุญด้วย,น้องเจนนี่ในโอกาสนี้ก็ด้วยเช่นกัน.,หลายๆคนๆหลายๆท่านที่ไม่เป็นข่าวไม่ออกสื่อก็เยอะ ปิดทองหลังพระก็มาก บางท่านก็ทานด้วยแรงกายเป็นต้น บุญทั้งนั้น,จึงร่วมขออนุโมทนาบุญเรา..คนไทยทุกๆคนทั่วประเทศด้วยรวมถึงน้องเจนนี่นี้ด้วย,เราร่วมแสดงความยินดีในบุญเขาให้เขามีพลังใจสร้างสิ่งดีๆทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างดีแล้ว,ร่วมเป็นกำลังใจสร้างความดีบนแผ่นดินไทยเรา,ไทยไม่ช่วยไทยใครจะมาช่วยเรา.

    https://youtube.com/shorts/4XPh65UKF74?si=_IfLQLYGXKd4R6hZ
    น้องเขาน่ารักมาก คนไทยเราน่ารักทุกๆคนล่ะ มีโอกาส มีรายได้พอเลี้ยงชีพตนแล้ว เหลือบ้างแบ่งปันช่วยเหลือเราคนไทยด้วยกัน, ยามยากจนต่อจำเป็นในการต่อสู้เพื่อตนเอง,ยามร่ำรวยมั่งคั่งเหลือเก็บมีกำลังมากพอก็มีน้ำจิตน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นที่ครั้งหนึ่งตนก็เป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม,ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือกันนั้นเอง.,แต่ตนต้องไม่ลำบากด้วยนะ. ..น้องสร้างตัวอย่างที่ดีอีกคนในการร่วมจรรโลงสังคมไทยเรา,ใครมีบาทสองบาทหรือสิบ 20บาทอย่าน้อยเนื้อต่ำใจ เงินทองของสัมมาอาชีพชอบมีพลังอนุภาคมากนักด้วยเจตนาจิตจาคะอันดีงาม อนุภาคบุญก็ไม่น้อยกว่าคนใดบริจาค10ล้าน 100ล้านเหรอ,ตามกำลังใครมันสะดวกที่สบายใจใครมัน. ..กำแพงสร้างรั้วลวดหนามเราคือตัวอย่างที่ดีก็ว่า คนละเล็กละน้อย.,คนไทยเราใจดีใจบุญด้วย,น้องเจนนี่ในโอกาสนี้ก็ด้วยเช่นกัน.,หลายๆคนๆหลายๆท่านที่ไม่เป็นข่าวไม่ออกสื่อก็เยอะ ปิดทองหลังพระก็มาก บางท่านก็ทานด้วยแรงกายเป็นต้น บุญทั้งนั้น,จึงร่วมขออนุโมทนาบุญเรา..คนไทยทุกๆคนทั่วประเทศด้วยรวมถึงน้องเจนนี่นี้ด้วย,เราร่วมแสดงความยินดีในบุญเขาให้เขามีพลังใจสร้างสิ่งดีๆทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างดีแล้ว,ร่วมเป็นกำลังใจสร้างความดีบนแผ่นดินไทยเรา,ไทยไม่ช่วยไทยใครจะมาช่วยเรา. https://youtube.com/shorts/4XPh65UKF74?si=_IfLQLYGXKd4R6hZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.เอ้' ลงพื้นที่ "หลุมยุบสามเสน" เปิด 5 ขั้นตอนกู้สถานการณ์ ขอทำหน้าที่ "ติดตาม เฝ้าระวัง แนะนำ" เพื่อประโยชน์แก่สังคมไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21930/
    .
    #ไทยไท #หลุมยุบสามเสน #สุชัชวีร์ #วิศวกร #สถานีตำรวจสามเสน #รถไฟฟ้าใต้ดิน #ความปลอดภัย
    'ดร.เอ้' ลงพื้นที่ "หลุมยุบสามเสน" เปิด 5 ขั้นตอนกู้สถานการณ์ ขอทำหน้าที่ "ติดตาม เฝ้าระวัง แนะนำ" เพื่อประโยชน์แก่สังคมไทย https://www.thai-tai.tv/news/21930/ . #ไทยไท #หลุมยุบสามเสน #สุชัชวีร์ #วิศวกร #สถานีตำรวจสามเสน #รถไฟฟ้าใต้ดิน #ความปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้ป่า—ร่องรอยแห่งชนบทในสำเนียงเมือง

    คณะดอกไม้ป่า ก้าวเข้ามาสู่ฉากดนตรีไทยในช่วงต้นทศวรรษ 2520 (ค.ศ. 1980s) ซึ่งถือเป็น ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรสนิยมและการผลิตดนตรีในประเทศไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มนักร้องที่รวมตัวกันตามธรรมชาติ แต่เป็นโครงการทางดนตรีที่ถูกกำหนดและออกแบบอย่างพิถีพิถันจากผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเพลงมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อตลาดชนชั้นกลางในเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    สิ่งที่ทำให้วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการนำ "แก่นเรื่องแบบลูกทุ่ง" มาผสมผสานกับการเรียบเรียงและคุณภาพการผลิตแบบ "ดนตรีสตริงหรือป๊อป" อันนำไปสู่การก่อกำเนิดของแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ลูกทุ่งประยุกต์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีป๊อปที่ครองตลาดในทศวรรษต่อมา

    ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงปี พ.ศ. 2525–2526 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในทศวรรษก่อนหน้า วงนี้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นนักร้องคู่ดูโอหญิงที่เน้นทักษะการประสานเสียง (Harmonizing Duo) พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ฟังได้อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาความรู้สึกและแก่นเรื่องของความเป็นไทยไว้ ในขณะที่นำเสนอผ่านสำเนียงป๊อปสมัยใหม่

    ในเชิงสังคมวิทยา ความสำเร็จของวงมีความสัมพันธ์กับการถอยห่างจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่รุนแรงของยุค 1970s ดนตรีป๊อปที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้มักหลีกเลี่ยงสารทางการเมือง และหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนตัว ความรัก และการมอบความบันเทิง ดอกไม้ป่าได้ปรับใช้แก่นเรื่องลูกทุ่งให้มีความอ่อนโยนและโรแมนติกในรูปแบบป๊อป ซึ่งทำให้บทเพลงของพวกเขากลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคในเมืองสามารถยอมรับและเพลิดเพลินได้

    คณะดอกไม้ป่าถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน โดยไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของนักดนตรีตามธรรมชาติ การก่อตั้งมีรากฐานมาจากความต้องการขยายตลาดและรูปแบบความสำเร็จที่เคยมีมาก่อน โดยผู้ริเริ่มแนวคิดต้องการที่จะสรรหานักร้องหญิงคู่ประสานเสียงเป็นคู่ที่สอง เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวง The Hot Pepper Singers การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของ "นักร้องคู่ประสานเสียง" ที่มีภาพลักษณ์สุภาพและเน้นทักษะการร้องถือเป็นกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพสูง

    การเน้นที่ "นักร้องคู่ประสานเสียง" แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเสียงและการจัดวางเสียงประสานถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับรูปแบบการร้องเพลงให้แตกต่างจากดนตรีลูกทุ่งทั่วไป การประสานเสียงที่ซับซ้อนนี้ถูกมองว่าเป็นคุณสมบัติของดนตรีแนวลูกกรุงและป๊อปที่มีความประณีตและมีรสนิยมสูง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้

    วงดอกไม้ป่าประกอบด้วยนักร้องดูโอหญิงสองคน: โชติมา ช่วงวิทย์ (ตุ้ม) และ ปัทมา มนต์รังสี (อ้อม) คุณโชติมาถือเป็นสมาชิกหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของ ชวลีย์ ช่วงวิทย์ นักร้องชื่อดังของวงสุนทราภรณ์ สายเลือดจากสุนทราภรณ์นี้มอบความน่าเชื่อถือทางวัฒนธรรมและ "ความเป็นลูกกรุง" ให้กับวงโดยอัตโนมัติ ทำให้ดอกไม้ป่าสามารถวางตำแหน่งตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นลูกทุ่งและความเป็นลูกกรุง/คลาสสิก

    ในช่วงเวลาที่ดนตรีลูกทุ่งกำลังถูกกลุ่มรสนิยมใหม่ของคนเมืองมองว่าเป็น "ดนตรีบ้านนอก" การมีโชติมาได้ทำหน้าที่เป็น "การสร้างแบรนด์ทางวัฒนธรรม" ที่สำคัญยิ่ง การเชื่อมโยงนี้รับประกันว่าเพลงของดอกไม้ป่า แม้จะมีกลิ่นอายของลูกทุ่ง แต่ก็มีความสุภาพและมีคุณค่าในเชิงศิลปะแบบลูกกรุงสูง

    "ดอกไม้ป่าซาวด์" คือการผสมผสานทางดนตรี ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการนำองค์ประกอบทางทำนองเพลงพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง มารวมเข้ากับการเรียบเรียงดนตรีและเครื่องดนตรีสมัยใหม่ตามแบบฉบับดนตรีสตริง/ป๊อปในยุค 80s

    แก่นเรื่องแบบลูกทุ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น เพลง "ทุยใจดำ" ที่สื่อถึงคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพลง "สาวชนบท" ที่หยิบยกเรื่องราวความรักและชีวิตในท้องถิ่นมานำเสนอ แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความแตกต่างคือการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ การใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อน เช่น เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องเป่า (Brass Section) ที่สร้างความหนาแน่นและพลังเสียงที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำจังหวะที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตกมาใช้ เช่น จังหวะช่าช่าช่า หรือฟังก์กี้ดิสโก้ในเพลงสนุกสนานอย่าง "ระบำยอดหญ้า" ทั้งหมดนี้ถูกขับร้องด้วยการประสานเสียงที่ไพเราะและสะอาดตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดนตรีป๊อปในช่วงนั้น

    การวิเคราะห์เนื้อหาและแก่นหลักของบทเพลง
    1️⃣ ความรักที่ถูกทรยศในบริบทกึ่งชนบท: เพลงอย่าง "ทุยใจดำ" และ "ช้ำ" นำเสนอความผิดหวังในความรักจากมุมมองของผู้หญิง เมื่อเนื้อหาเหล่านี้ถูกขับร้องด้วยคุณภาพเสียงที่สะอาดและการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ ความดิบหรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความยากจนในเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิมก็ถูกลดทอนลง เนื้อหาจึงถูก "ทำให้สะอาด" ให้เหลือเพียงความเศร้าแบบโรแมนติกที่เข้ากับมาตรฐานของเพลงป๊อปในเมือง

    2️⃣ ความปรารถนาในชีวิตชนบทและความหวนคิดถึง: เพลง "สาวชนบท" และ "ระบำยอดหญ้า" นำเสนอภาพความสดใสและรื่นเริงของชีวิตในท้องถิ่น ผู้ฟังในเขตเมืองหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากชนบท ต่างให้การตอบรับต่อเพลงเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม ดอกไม้ป่าจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ "การหวนคิดถึงอย่างมีรสนิยม" (Aesthetic Nostalgia)

    ความสำเร็จอย่างสูงในตลาดเพลงสตริง/ป๊อป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการ "เชื่อมรอยแยกทางวัฒนธรรม" ระหว่างรสนิยมของคนเมือง (ที่แสวงหาความทันสมัย) กับความผูกพันของกลุ่มผู้ฟังต่อชนบท

    ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของคณะดอกไม้ป่าจากการเปิดตัวอัลบั้ม ทุยใจดำ ซึ่งได้กำหนดทิศทางและลักษณะเฉพาะของวงอย่างชัดเจน เพลงเอก "ทุยใจดำ" เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการผสมผสานระหว่าง Luk Thung และ Pop ผนวกกับการเรียบเรียงที่ใช้เครื่องดนตรีครบวงและจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

    วงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปี พ.ศ. 2526 โดยมีผลงานเพลงจากชุดต่อมา เช่น "สาวชนบท," "หนาวลมขมรัก," และ "รักทรมาน" การออกผลงานหลายชุดภายในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของค่ายเพลงในศักยภาพเชิงพาณิชย์และกระแสความนิยมที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น การที่เพลงของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตเงินล้าน ร่วมกับศิลปินใหญ่แห่งยุค แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นวงชั้นนำในตลาดเพลงเทปคาสเซ็ตต์อย่างแท้จริง

    นอกจากคุณภาพทางดนตรีแล้ว ภาพลักษณ์ของคณะดอกไม้ป่ามีความสำคัญต่อการตลาดไม่น้อยไปกว่ากัน ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอมีความเป็นมืออาชีพสูงและสอดคล้องกับแฟชั่นยุค 80s การปรากฏตัวทั้งในสตูดิโอและภาพคอนเสิร์ต แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการผลิต และการแต่งกายที่ดูทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพลักษณ์ลูกทุ่งแบบดั้งเดิม

    คณะดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญสองประการในต้นทศวรรษ 1980s นั่นคือพลวัตของการอพยพย้ายถิ่นฐาน และการเปลี่ยนแปลงของบทบาททางเพศ

    ในช่วงหลังปี 2520 สังคมไทยเข้าสู่ยุคของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางในเขตเมืองอย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากอพยพจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางวัฒนธรรมระหว่างวิถีชีวิตแบบเมืองกับรากเหง้าที่ยังคงผูกพันกับชนบท

    กลุ่มผู้ฟังที่ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันทางอารมณ์กับเนื้อหาและทำนองแบบลูกทุ่ง แต่รสนิยมทางเสียงของพวกเขาได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรีป๊อปและสตริงที่ทันสมัย ดอกไม้ป่าจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการนำเสนอ "ลูกทุ่งในแพ็คเกจป๊อป" เพลงที่มีธีมเกี่ยวกับ "สาวชนบท" ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องที่ดูทันสมัยในบริบทเมือง จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังกลุ่มย้ายถิ่นฐานได้อย่างลึกซึ้ง บทเพลงของดอกไม้ป่าเปรียบเสมือน "ซาวด์แทร็กของการปรับตัว" ของคนชนบทเข้าสู่สังคมเมือง

    การที่คณะดอกไม้ป่าเป็นนักร้องดูโอหญิงในแนว Pop/Fusion แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศในสื่อและสังคมในช่วงเวลานั้น ภาพลักษณ์ของ โชติมา และ ปัทมา เป็นตัวแทนของ ผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ ที่สามารถเป็นทั้งผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย (ผ่านสไตล์การแต่งกายและการนำเสนอแบบป๊อป)

    นอกจากนี้ เพลงที่กล้าแสดงออกถึงความผิดหวังในความรักและความช้ำ เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวในที่สาธารณะได้มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีและไม่ฉีกกรอบทางสังคมมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยที่บทบาทของผู้หญิงเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น

    ในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมกำลังฟื้นตัวหลังความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ ดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมักจะไม่มีวาระทางการเมืองที่ชัดเจน คณะดอกไม้ป่าเองก็เน้นที่ความบันเทิงและเรื่องราวส่วนตัว การหลีกเลี่ยงข้อความที่อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองในบทเพลง ส่งผลให้ดอกไม้ป่าสามารถเข้าถึงผู้ชมหลักได้อย่างง่ายดาย

    ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างสูงในช่วงยุครุ่งเรือง ดังที่ปรากฏหลักฐานจากการออกอัลบั้ม Longplay เต็มรูปแบบหลายชุด และการมีอัลบั้มรวมเพลงฮิต การที่เพลงของวงถูกนำไปรวมอยู่ในอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงร่วมกับศิลปินสำคัญแห่งยุค ตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะวงชั้นนำของตลาดเทปคาสเซ็ตต์ ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคหลักในยุคนั้น

    ดอกไม้ป่าไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ขายดี แต่ยังได้สร้างต้นแบบ ให้กับแนวเพลงผสมผสานที่ทรงอิทธิพล พวกเขาเป็นตัวอย่างสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรีที่มีรากฐานลูกทุ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบป๊อปสตริงที่มีคุณภาพสูงและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ การเปิดทางนี้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังจำนวนมากที่พยายามนำเสนอ "ลูกทุ่งสมัยใหม่" ซึ่งช่วยยืดอายุและปรับโฉมให้ดนตรีลูกทุ่งยังคงอยู่รอดในยุคที่ดนตรี String ครองตลาด

    การที่ดอกไม้ป่าสามารถนำเอาองค์ประกอบของลูกทุ่งและป๊อปมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ผู้ผลิตเพลงเห็นว่า "สูตรผสม" นี้เป็นช่องทางที่มั่นคงในการขยายตลาดไปยังผู้ฟังที่มีรสนิยมหลากหลาย ถือเป็นการเร่งกระบวนการที่ทำให้ดนตรีสตริงได้ครอบครองความโดดเด่นในที่สุด

    มรดกทางดนตรีของดอกไม้ป่ายังคงยืนยง เพลงของพวกเขายังคงถูกค้นหาและรับฟังในปัจจุบันผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของทำนองและเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังเห็นได้จากการที่สมาชิกหลักของวงยังคงมีความเคลื่อนไหวในการกลับมาทำเพลงใหม่ในนามดอกไม้ป่า ("พลังรัก") และมีการสร้างช่องทาง YouTube เฉพาะ การเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินยุคบุกเบิกสามารถใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่เพื่อรักษาและขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงผู้ฟังรุ่นใหม่ได้

    สรุป: มรดกของดอกไม้ป่า
    คณะดอกไม้ป่าจัดเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนในช่วงรอยต่อของสังคมไทย พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลระหว่างมรดกทางดนตรีคลาสสิก (ผ่านสายเลือดสุนทราภรณ์) กับความต้องการของตลาดป๊อปที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพการผลิตสูง

    บทเพลงของดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้วยการนำเสนอความบันเทิงที่ปลอดภัยและเป็นทางออกทางวัฒนธรรมสำหรับกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานที่ต้องการรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับชนบท ในขณะที่ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างเต็มตัว

    มรดกที่สำคัญที่สุดของคณะดอกไม้ป่าคือการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ดนตรีลูกทุ่งประยุกต์" พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความทันสมัยทางดนตรีไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปไทยในทศวรรษต่อมาให้ยอมรับและผสมผสานแนวเพลงที่มีรากฐานมาจาก Luk Thung เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงกระแสหลักได้อย่างลงตัว

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/NnrS7BYpRRc
    🌼 ดอกไม้ป่า—ร่องรอยแห่งชนบทในสำเนียงเมือง คณะดอกไม้ป่า 🌸 ก้าวเข้ามาสู่ฉากดนตรีไทยในช่วงต้นทศวรรษ 2520 (ค.ศ. 1980s) ซึ่งถือเป็น 🔄 ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของรสนิยมและการผลิตดนตรีในประเทศไทย พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มนักร้องที่รวมตัวกันตามธรรมชาติ แต่เป็นโครงการทางดนตรีที่ถูกกำหนดและออกแบบอย่างพิถีพิถันจากผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมเพลงมืออาชีพ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อตลาดชนชั้นกลางในเมืองที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือความสามารถในการนำ "แก่นเรื่องแบบลูกทุ่ง" 🧬🌾 มาผสมผสานกับการเรียบเรียงและคุณภาพการผลิตแบบ "ดนตรีสตริงหรือป๊อป" 🎧 อันนำไปสู่การก่อกำเนิดของแนวทางใหม่ที่เรียกว่า "ลูกทุ่งประยุกต์" ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับรูปแบบดนตรีป๊อปที่ครองตลาดในทศวรรษต่อมา ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในช่วงปี พ.ศ. 2525–2526 🌟 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมหลังเหตุการณ์ทางการเมืองในทศวรรษก่อนหน้า วงนี้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นนักร้องคู่ดูโอหญิงที่เน้นทักษะการประสานเสียง (Harmonizing Duo) พวกเขาสามารถดึงดูดผู้ฟังได้อย่างกว้างขวางด้วยการรักษาความรู้สึกและแก่นเรื่องของความเป็นไทยไว้ ในขณะที่นำเสนอผ่านสำเนียงป๊อปสมัยใหม่ ในเชิงสังคมวิทยา ความสำเร็จของวงมีความสัมพันธ์กับการถอยห่างจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่รุนแรงของยุค 1970s ดนตรีป๊อปที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้มักหลีกเลี่ยงสารทางการเมือง และหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนตัว ความรัก ❤️ และการมอบความบันเทิง ดอกไม้ป่าได้ปรับใช้แก่นเรื่องลูกทุ่งให้มีความอ่อนโยนและโรแมนติกในรูปแบบป๊อป ซึ่งทำให้บทเพลงของพวกเขากลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่ผู้บริโภคในเมืองสามารถยอมรับและเพลิดเพลินได้ คณะดอกไม้ป่าถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจน 💡 โดยไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันของนักดนตรีตามธรรมชาติ การก่อตั้งมีรากฐานมาจากความต้องการขยายตลาดและรูปแบบความสำเร็จที่เคยมีมาก่อน โดยผู้ริเริ่มแนวคิดต้องการที่จะสรรหานักร้องหญิงคู่ประสานเสียงเป็นคู่ที่สอง เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวง The Hot Pepper Singers การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นว่า รูปแบบของ "นักร้องคู่ประสานเสียง" 🎤🤝 ที่มีภาพลักษณ์สุภาพและเน้นทักษะการร้องถือเป็นกลยุทธ์เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพสูง การเน้นที่ "นักร้องคู่ประสานเสียง" แสดงให้เห็นว่าคุณภาพเสียงและการจัดวางเสียงประสานถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่จะยกระดับรูปแบบการร้องเพลงให้แตกต่างจากดนตรีลูกทุ่งทั่วไป การประสานเสียงที่ซับซ้อนนี้ถูกมองว่าเป็นคุณสมบัติของดนตรีแนวลูกกรุงและป๊อปที่มีความประณีตและมีรสนิยมสูง ซึ่งสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคในเมืองได้ วงดอกไม้ป่าประกอบด้วยนักร้องดูโอหญิงสองคน: โชติมา ช่วงวิทย์ (ตุ้ม) และ ปัทมา มนต์รังสี (อ้อม) คุณโชติมาถือเป็นสมาชิกหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเธอเป็นบุตรสาวของ ชวลีย์ ช่วงวิทย์ นักร้องชื่อดังของวงสุนทราภรณ์ 👑 สายเลือดจากสุนทราภรณ์นี้มอบความน่าเชื่อถือทางวัฒนธรรมและ "ความเป็นลูกกรุง" ให้กับวงโดยอัตโนมัติ ทำให้ดอกไม้ป่าสามารถวางตำแหน่งตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นลูกทุ่งและความเป็นลูกกรุง/คลาสสิก ในช่วงเวลาที่ดนตรีลูกทุ่งกำลังถูกกลุ่มรสนิยมใหม่ของคนเมืองมองว่าเป็น "ดนตรีบ้านนอก" การมีโชติมาได้ทำหน้าที่เป็น "การสร้างแบรนด์ทางวัฒนธรรม" ที่สำคัญยิ่ง การเชื่อมโยงนี้รับประกันว่าเพลงของดอกไม้ป่า แม้จะมีกลิ่นอายของลูกทุ่ง แต่ก็มีความสุภาพและมีคุณค่าในเชิงศิลปะแบบลูกกรุงสูง "ดอกไม้ป่าซาวด์" คือการผสมผสานทางดนตรี 🔥 ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการนำองค์ประกอบทางทำนองเพลงพื้นบ้านหรือลูกทุ่ง มารวมเข้ากับการเรียบเรียงดนตรีและเครื่องดนตรีสมัยใหม่ตามแบบฉบับดนตรีสตริง/ป๊อปในยุค 80s แก่นเรื่องแบบลูกทุ่งยังคงเป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ตัวอย่างเช่น เพลง "ทุยใจดำ" 💔 ที่สื่อถึงคนรักที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพลง "สาวชนบท" 🏡 ที่หยิบยกเรื่องราวความรักและชีวิตในท้องถิ่นมานำเสนอ แต่สิ่งที่ทำให้ดนตรีมีความแตกต่างคือการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ การใช้เครื่องดนตรีที่ซับซ้อน เช่น เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องเป่า (Brass Section) 🎺🎷 ที่สร้างความหนาแน่นและพลังเสียงที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีการนำจังหวะที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีตะวันตกมาใช้ เช่น จังหวะช่าช่าช่า หรือฟังก์กี้ดิสโก้ในเพลงสนุกสนานอย่าง "ระบำยอดหญ้า" 💃 ทั้งหมดนี้ถูกขับร้องด้วยการประสานเสียงที่ไพเราะและสะอาดตา ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของดนตรีป๊อปในช่วงนั้น การวิเคราะห์เนื้อหาและแก่นหลักของบทเพลง 1️⃣ ความรักที่ถูกทรยศในบริบทกึ่งชนบท: เพลงอย่าง "ทุยใจดำ" และ "ช้ำ" นำเสนอความผิดหวังในความรักจากมุมมองของผู้หญิง เมื่อเนื้อหาเหล่านี้ถูกขับร้องด้วยคุณภาพเสียงที่สะอาดและการเรียบเรียงแบบป๊อปสมัยใหม่ ความดิบหรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความยากจนในเพลงลูกทุ่งแบบดั้งเดิมก็ถูกลดทอนลง เนื้อหาจึงถูก "ทำให้สะอาด" ให้เหลือเพียงความเศร้าแบบโรแมนติกที่เข้ากับมาตรฐานของเพลงป๊อปในเมือง 2️⃣ ความปรารถนาในชีวิตชนบทและความหวนคิดถึง: เพลง "สาวชนบท" และ "ระบำยอดหญ้า" นำเสนอภาพความสดใสและรื่นเริงของชีวิตในท้องถิ่น ผู้ฟังในเขตเมืองหลายคนซึ่งส่วนใหญ่อพยพมาจากชนบท ต่างให้การตอบรับต่อเพลงเหล่านี้อย่างดีเยี่ยม ดอกไม้ป่าจึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ "การหวนคิดถึงอย่างมีรสนิยม" (Aesthetic Nostalgia) 💖 ความสำเร็จอย่างสูงในตลาดเพลงสตริง/ป๊อป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการ "เชื่อมรอยแยกทางวัฒนธรรม" 🔗 ระหว่างรสนิยมของคนเมือง (ที่แสวงหาความทันสมัย) กับความผูกพันของกลุ่มผู้ฟังต่อชนบท ปี พ.ศ. 2525 เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ของคณะดอกไม้ป่าจากการเปิดตัวอัลบั้ม ทุยใจดำ 💿 ซึ่งได้กำหนดทิศทางและลักษณะเฉพาะของวงอย่างชัดเจน เพลงเอก "ทุยใจดำ" เป็นตัวอย่างชั้นยอดของการผสมผสานระหว่าง Luk Thung และ Pop ผนวกกับการเรียบเรียงที่ใช้เครื่องดนตรีครบวงและจังหวะที่เร้าใจ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงเต้นรำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง วงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปี พ.ศ. 2526 โดยมีผลงานเพลงจากชุดต่อมา เช่น "สาวชนบท," "หนาวลมขมรัก," และ "รักทรมาน" การออกผลงานหลายชุดภายในเวลาอันสั้น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของค่ายเพลงในศักยภาพเชิงพาณิชย์และกระแสความนิยมที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น การที่เพลงของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มรวมเพลงฮิตเงินล้าน 💰 ร่วมกับศิลปินใหญ่แห่งยุค แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นวงชั้นนำในตลาดเพลงเทปคาสเซ็ตต์อย่างแท้จริง นอกจากคุณภาพทางดนตรีแล้ว ภาพลักษณ์ของคณะดอกไม้ป่ามีความสำคัญต่อการตลาดไม่น้อยไปกว่ากัน ภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอมีความเป็นมืออาชีพสูงและสอดคล้องกับแฟชั่นยุค 80s การปรากฏตัวทั้งในสตูดิโอและภาพคอนเสิร์ต 🎙️ แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในการผลิต และการแต่งกายที่ดูทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพลักษณ์ลูกทุ่งแบบดั้งเดิม คณะดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญสองประการในต้นทศวรรษ 1980s นั่นคือพลวัตของการอพยพย้ายถิ่นฐาน 🚚 และการเปลี่ยนแปลงของบทบาททางเพศ ในช่วงหลังปี 2520 สังคมไทยเข้าสู่ยุคของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางในเขตเมืองอย่างชัดเจน ผู้คนจำนวนมากอพยพจากชนบทเข้าสู่กรุงเทพฯ 🏙️ ทำให้เกิดความตึงเครียดทางวัฒนธรรมระหว่างวิถีชีวิตแบบเมืองกับรากเหง้าที่ยังคงผูกพันกับชนบท กลุ่มผู้ฟังที่ย้ายถิ่นฐานเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันทางอารมณ์กับเนื้อหาและทำนองแบบลูกทุ่ง แต่รสนิยมทางเสียงของพวกเขาได้ถูกหล่อหลอมด้วยดนตรีป๊อปและสตริงที่ทันสมัย ดอกไม้ป่าจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการนำเสนอ "ลูกทุ่งในแพ็คเกจป๊อป" เพลงที่มีธีมเกี่ยวกับ "สาวชนบท" ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยนักร้องที่ดูทันสมัยในบริบทเมือง จึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ฟังกลุ่มย้ายถิ่นฐานได้อย่างลึกซึ้ง บทเพลงของดอกไม้ป่าเปรียบเสมือน "ซาวด์แทร็กของการปรับตัว" ของคนชนบทเข้าสู่สังคมเมือง การที่คณะดอกไม้ป่าเป็นนักร้องดูโอหญิงในแนว Pop/Fusion แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศในสื่อและสังคมในช่วงเวลานั้น ภาพลักษณ์ของ โชติมา และ ปัทมา เป็นตัวแทนของ ผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ 👩‍🎤 ที่สามารถเป็นทั้งผู้รักษามรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย (ผ่านสไตล์การแต่งกายและการนำเสนอแบบป๊อป) นอกจากนี้ เพลงที่กล้าแสดงออกถึงความผิดหวังในความรักและความช้ำ 💔 เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวในที่สาธารณะได้มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดีและไม่ฉีกกรอบทางสังคมมากนัก ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยที่บทบาทของผู้หญิงเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น ในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นช่วงที่สังคมกำลังฟื้นตัวหลังความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ ดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงมักจะไม่มีวาระทางการเมืองที่ชัดเจน คณะดอกไม้ป่าเองก็เน้นที่ความบันเทิงและเรื่องราวส่วนตัว การหลีกเลี่ยงข้อความที่อาจสร้างความขัดแย้งทางการเมืองในบทเพลง ส่งผลให้ดอกไม้ป่าสามารถเข้าถึงผู้ชมหลักได้อย่างง่ายดาย ดอกไม้ป่าประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างสูงในช่วงยุครุ่งเรือง 💵💶💷 ดังที่ปรากฏหลักฐานจากการออกอัลบั้ม Longplay เต็มรูปแบบหลายชุด และการมีอัลบั้มรวมเพลงฮิต การที่เพลงของวงถูกนำไปรวมอยู่ในอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงร่วมกับศิลปินสำคัญแห่งยุค ตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะวงชั้นนำของตลาดเทปคาสเซ็ตต์ 📼 ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคหลักในยุคนั้น ดอกไม้ป่าไม่ได้เป็นเพียงวงดนตรีที่ขายดี แต่ยังได้สร้างต้นแบบ 🏗️ ให้กับแนวเพลงผสมผสานที่ทรงอิทธิพล พวกเขาเป็นตัวอย่างสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่าดนตรีที่มีรากฐานลูกทุ่งสามารถนำเสนอในรูปแบบป๊อปสตริงที่มีคุณภาพสูงและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ การเปิดทางนี้มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังจำนวนมากที่พยายามนำเสนอ "ลูกทุ่งสมัยใหม่" ซึ่งช่วยยืดอายุและปรับโฉมให้ดนตรีลูกทุ่งยังคงอยู่รอดในยุคที่ดนตรี String ครองตลาด การที่ดอกไม้ป่าสามารถนำเอาองค์ประกอบของลูกทุ่งและป๊อปมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ผู้ผลิตเพลงเห็นว่า "สูตรผสม" นี้เป็นช่องทางที่มั่นคงในการขยายตลาดไปยังผู้ฟังที่มีรสนิยมหลากหลาย ถือเป็นการเร่งกระบวนการที่ทำให้ดนตรีสตริงได้ครอบครองความโดดเด่นในที่สุด มรดกทางดนตรีของดอกไม้ป่ายังคงยืนยง ⏳ เพลงของพวกเขายังคงถูกค้นหาและรับฟังในปัจจุบันผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทนทานของทำนองและเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลยังเห็นได้จากการที่สมาชิกหลักของวงยังคงมีความเคลื่อนไหวในการกลับมาทำเพลงใหม่ในนามดอกไม้ป่า ("พลังรัก") และมีการสร้างช่องทาง YouTube เฉพาะ 🎥 การเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินยุคบุกเบิกสามารถใช้แพลตฟอร์มสมัยใหม่เพื่อรักษาและขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงผู้ฟังรุ่นใหม่ได้ ✨ ✅✅ สรุป: มรดกของดอกไม้ป่า ✅✅ คณะดอกไม้ป่าจัดเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนในช่วงรอยต่อของสังคมไทย พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างความสมดุลระหว่างมรดกทางดนตรีคลาสสิก (ผ่านสายเลือดสุนทราภรณ์) กับความต้องการของตลาดป๊อปที่เน้นความทันสมัยและคุณภาพการผลิตสูง บทเพลงของดอกไม้ป่าทำหน้าที่เป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเมือง ด้วยการนำเสนอความบันเทิงที่ปลอดภัยและเป็นทางออกทางวัฒนธรรมสำหรับกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานที่ต้องการรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับชนบท ในขณะที่ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นเมืองอย่างเต็มตัว มรดกที่สำคัญที่สุดของคณะดอกไม้ป่าคือการเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ดนตรีลูกทุ่งประยุกต์" 🎶 พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความทันสมัยทางดนตรีไม่จำเป็นต้องตัดขาดจากรากฐานทางวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปไทยในทศวรรษต่อมาให้ยอมรับและผสมผสานแนวเพลงที่มีรากฐานมาจาก Luk Thung เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเพลงกระแสหลักได้อย่างลงตัว 💯 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/NnrS7BYpRRc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจี๊ยบ อาร์สยาม เปิดใจระบายเหตุผล ทำไม "เกลียด" เขมรเข้าไส้ (5/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #เจี๊ยบอาร์สยาม
    #เขมร
    #บันเทิง
    #สังคมไทย
    เจี๊ยบ อาร์สยาม เปิดใจระบายเหตุผล ทำไม "เกลียด" เขมรเข้าไส้ (5/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เจี๊ยบอาร์สยาม #เขมร #บันเทิง #สังคมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลึกซึ้งกระแทกใจ ชูวิทย์ลั่นชัด นักการเมืองไม่มีคนดี (2/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ชูวิทย์
    #นักการเมือง
    #การเมืองไทย
    #สังคมไทย
    ลึกซึ้งกระแทกใจ ชูวิทย์ลั่นชัด นักการเมืองไม่มีคนดี (2/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ชูวิทย์ #นักการเมือง #การเมืองไทย #สังคมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ป้าหมดตัวแล้ว” ชีวิตชาวนาไทย ทำไมต้องเจ็บปวด (2/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ชาวนาไทย
    #ป้าหมดตัว
    #เศรษฐกิจไทย
    #สังคมไทย
    “ป้าหมดตัวแล้ว” ชีวิตชาวนาไทย ทำไมต้องเจ็บปวด (2/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ชาวนาไทย #ป้าหมดตัว #เศรษฐกิจไทย #สังคมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เจี๊ยบ อาร์สยาม แจงชัดเจน สาเหตุ “เกลียด” เขมรขั้นสุดเพราะ… (1/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #เจี๊ยบอาร์สยาม
    #เขมร
    #บันเทิง
    #สังคมไทย
    เจี๊ยบ อาร์สยาม แจงชัดเจน สาเหตุ “เกลียด” เขมรขั้นสุดเพราะ… (1/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เจี๊ยบอาร์สยาม #เขมร #บันเทิง #สังคมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หมอดิวมาแล้ว อดแชร์ไม่ได้ ใจไม่แข็งพอ (30/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #หมอดิว
    #การเมืองไทย
    #สังคมไทย
    หมอดิวมาแล้ว อดแชร์ไม่ได้ ใจไม่แข็งพอ (30/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หมอดิว #การเมืองไทย #สังคมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สาวเขมรอยู่ไทย ไฝว้กับคนขะแมร์ ลั่น xูไม่กลับเขมร (29/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #เขมร
    #ขะแมร์
    #แรงงานต่างด้าว
    #สังคมไทย
    สาวเขมรอยู่ไทย ไฝว้กับคนขะแมร์ ลั่น xูไม่กลับเขมร (29/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เขมร #ขะแมร์ #แรงงานต่างด้าว #สังคมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ก่อนจัดการเขมร กองทัพไทยต้องยึดอำนาจภายในไทยเราก่อน,ปิดช่องและตัดตอนตัวก่อเหตุวุ่นวายนอกประสงค์ได้,นักการเมืองและพวกอาศัยอำนาจรัฐบาลจากนักการเมืองต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด,ตัวเงินทุนก่อโกลาหลวุ่นวายตัวจริง ตัดวงจรเงินทุนปลุกระดมได้ทั้งภายในและมาจากภายนอกด้วย,เมื่อฝ่ายไส้ศึกขยับเคลื่อนไหวจะจัดการด้วยกฎหมายพิเศษได้ โดยกฎหมายปกติทำห่าอะไรหลายขั้นตอนเกินไป,โจรรอดตัวและหนีได้,
    ..เศร้าใจมาก กองทัพไทยเรายังรังเรไว้หน้าพวกนักการเมืองทำไม,ต่างชาติชั่วเลวต่างๆด้วย,รัฐบาลที่เลือกตั้งมาจากลุงตู่ปลดปล่อยให้เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้ว,ชาติมิอาจรักษาอธิปไตยไทยจริงๆได้เลยในหลายสิบๆปีที่ผ่านๆมาหรือนับจากเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรก,เราสูญเสียอธิปไตยจริงตั้งแต่นั้นมาแล้ว,เราหลอกลวงตนเองมาตลอด หลอกคนไทยภายในชาติตนเองมาตลอดจากวิถีปกครองของระบบฝรั่งส่งออกมานี้,
    ..เรา..ประชาชนคนไทยและกองทัพไทยต้องทวงคืนเอกราชอธิปไตยแผ่นดินไทยทั้งหมดกลับมาจริงจังได้แล้วโดยเฉพาะปิโตรเลียมเรา และวัตถุดิบพัฒนาชาติอันมีค่าอื่นๆมากมายทั้งหมดกลับมาด้วย,มิใช่เป็นแบบปัจจุบันนี้,ไม่มีรัฐบาลใดกล้าหาญด้วยเรื่องนี้เลย,และปัญหาเขมรกับไทยเราปัจจุบันก็มาจากบ่อปิโตรเลียมไทยเราในอ่าวไทยเรากว่า20ล้านล้านบาท 10ล้านล้านบาทมันไม่ใช่หรอก,รวมบนบกด้วยและตัวเลขที่แท้จริงอาจกว่า100ล้านล้านบาทโน้น ในมิติต่างๆที่ยังปิดบังกำความลับอยู่,
    ..กองทัพไทยเราต้องจัดการปัญหาภายในบ้านเมืองเราเอง,ท่านเห็นหมดแล้วว่านักการเมืองอุบาทก์แค่ไหน,ท่านสามารถร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยสร้างระบบแบบวิถีสังคมไทยๆเราขึ้นมาปกครองได้ จำเป็นอะไรต้องไปเอาตนผูกขาดกับระบบปกครองฝรั่งส่งออกผีบ้านี้,ด้วยรากฐานการสร้างสรรค์ประยุกต์คิดค้นระบบบนเจตจำนงเสรี,สัปปุริสธรรม7,และปราศจากความกลัวใดๆด้วย เรา..ประเทศไทยเราสร้างวิถีปกครองฉบับเราเองขึ้นมาได้ ทั่วจักรวาลทุกๆอารยะธรรมกว่าล้านล้านปีแสงอาจลงใจเห็นด้วยกับเราด้วยพร้อมอวยพรสรรเสริญเราด้วยต่างหากมีแต่เจริญๆโน้น.
    [..( ปล.สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นธรรมะของคนดี คนเก่ง มีศีลธรรมหรือพลเมืองที่ดี หรือเป็นตัวอย่างทั้งผู้นำที่ดีและหรือผู้ตามที่ดีก็ได้หมดก่อนจะขึ้นไปนำใคร หรือคุณสมบัติของสัตบุรุษ 7 ประการ ประกอบด้วย: ธัมมัญญุตา (รู้หลัก/เหตุ), อัตถัญญุตา (รู้ผล/ความมุ่งหมาย), อัตตัญญุตา (รู้จักตน), มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), กาลัญญุตา (รู้จักกาล/เวลา), ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน/บริษัท), และปุคคลัญญุตา (รู้จักบุคคล). การปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 นี้จะนำมาซึ่งความเจริญทั้งแก่ตนเองคือประเทศไทยเราเองนี้และสังคมก็คือสังคมไทยเราเองนี้อีกล่ะ เราคือคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้ในนามประเทศไทยจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับเขา. )..บ้านนี้ต้องทุบทำลาย เก็บและกวาด ทำความสะอาดครัังใหญ่.,กำจัดอุปสรรคเพื่อเกิดใหม่หรือก้าวต่อไปได้.,พวกสาระเลวนี้ทำชาติไทยเสื่อมทรามมาอย่างยาวนานพอแล้ว.,ไล่ล่าและเด็ดหัวเลย.]

    https://youtube.com/shorts/Z9w1NqFC8Cs?si=fXYooJic78K7zCZw
    ก่อนจัดการเขมร กองทัพไทยต้องยึดอำนาจภายในไทยเราก่อน,ปิดช่องและตัดตอนตัวก่อเหตุวุ่นวายนอกประสงค์ได้,นักการเมืองและพวกอาศัยอำนาจรัฐบาลจากนักการเมืองต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด,ตัวเงินทุนก่อโกลาหลวุ่นวายตัวจริง ตัดวงจรเงินทุนปลุกระดมได้ทั้งภายในและมาจากภายนอกด้วย,เมื่อฝ่ายไส้ศึกขยับเคลื่อนไหวจะจัดการด้วยกฎหมายพิเศษได้ โดยกฎหมายปกติทำห่าอะไรหลายขั้นตอนเกินไป,โจรรอดตัวและหนีได้, ..เศร้าใจมาก กองทัพไทยเรายังรังเรไว้หน้าพวกนักการเมืองทำไม,ต่างชาติชั่วเลวต่างๆด้วย,รัฐบาลที่เลือกตั้งมาจากลุงตู่ปลดปล่อยให้เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้ว,ชาติมิอาจรักษาอธิปไตยไทยจริงๆได้เลยในหลายสิบๆปีที่ผ่านๆมาหรือนับจากเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรก,เราสูญเสียอธิปไตยจริงตั้งแต่นั้นมาแล้ว,เราหลอกลวงตนเองมาตลอด หลอกคนไทยภายในชาติตนเองมาตลอดจากวิถีปกครองของระบบฝรั่งส่งออกมานี้, ..เรา..ประชาชนคนไทยและกองทัพไทยต้องทวงคืนเอกราชอธิปไตยแผ่นดินไทยทั้งหมดกลับมาจริงจังได้แล้วโดยเฉพาะปิโตรเลียมเรา และวัตถุดิบพัฒนาชาติอันมีค่าอื่นๆมากมายทั้งหมดกลับมาด้วย,มิใช่เป็นแบบปัจจุบันนี้,ไม่มีรัฐบาลใดกล้าหาญด้วยเรื่องนี้เลย,และปัญหาเขมรกับไทยเราปัจจุบันก็มาจากบ่อปิโตรเลียมไทยเราในอ่าวไทยเรากว่า20ล้านล้านบาท 10ล้านล้านบาทมันไม่ใช่หรอก,รวมบนบกด้วยและตัวเลขที่แท้จริงอาจกว่า100ล้านล้านบาทโน้น ในมิติต่างๆที่ยังปิดบังกำความลับอยู่, ..กองทัพไทยเราต้องจัดการปัญหาภายในบ้านเมืองเราเอง,ท่านเห็นหมดแล้วว่านักการเมืองอุบาทก์แค่ไหน,ท่านสามารถร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยสร้างระบบแบบวิถีสังคมไทยๆเราขึ้นมาปกครองได้ จำเป็นอะไรต้องไปเอาตนผูกขาดกับระบบปกครองฝรั่งส่งออกผีบ้านี้,ด้วยรากฐานการสร้างสรรค์ประยุกต์คิดค้นระบบบนเจตจำนงเสรี,สัปปุริสธรรม7,และปราศจากความกลัวใดๆด้วย เรา..ประเทศไทยเราสร้างวิถีปกครองฉบับเราเองขึ้นมาได้ ทั่วจักรวาลทุกๆอารยะธรรมกว่าล้านล้านปีแสงอาจลงใจเห็นด้วยกับเราด้วยพร้อมอวยพรสรรเสริญเราด้วยต่างหากมีแต่เจริญๆโน้น. [..( ปล.สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นธรรมะของคนดี คนเก่ง มีศีลธรรมหรือพลเมืองที่ดี หรือเป็นตัวอย่างทั้งผู้นำที่ดีและหรือผู้ตามที่ดีก็ได้หมดก่อนจะขึ้นไปนำใคร หรือคุณสมบัติของสัตบุรุษ 7 ประการ ประกอบด้วย: ธัมมัญญุตา (รู้หลัก/เหตุ), อัตถัญญุตา (รู้ผล/ความมุ่งหมาย), อัตตัญญุตา (รู้จักตน), มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), กาลัญญุตา (รู้จักกาล/เวลา), ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน/บริษัท), และปุคคลัญญุตา (รู้จักบุคคล). การปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 นี้จะนำมาซึ่งความเจริญทั้งแก่ตนเองคือประเทศไทยเราเองนี้และสังคมก็คือสังคมไทยเราเองนี้อีกล่ะ เราคือคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้ในนามประเทศไทยจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับเขา. )..บ้านนี้ต้องทุบทำลาย เก็บและกวาด ทำความสะอาดครัังใหญ่.,กำจัดอุปสรรคเพื่อเกิดใหม่หรือก้าวต่อไปได้.,พวกสาระเลวนี้ทำชาติไทยเสื่อมทรามมาอย่างยาวนานพอแล้ว.,ไล่ล่าและเด็ดหัวเลย.] https://youtube.com/shorts/Z9w1NqFC8Cs?si=fXYooJic78K7zCZw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • shopeeจริงๆก็เหี้ยไม่ต่างกัน,โกหกหลอกลวงลูกค้า สนับสนุนร้านค้าหลอกลูกค้าเหมือนกันกับลาซาด้าล่ะ,แต่ลาซาด้าเหี้ยกว่า,ไม่สแกนร้านค้าห่าอะไร สินค้าไม่ตรงปกตรึม,ชอปปี้ส่งฟรีก็ไม่ฟรี0บาทจริง มีขั้นต่ำเหมือนเดิมแม้กดรับขั้นต่ำ0บาทแล้ว,เผลอๆยังไม่ใช้ขั้นต่ำ0บาท หมดโปรไปแล้ว,ยังไม่กดใช้หมดเวลาได้ไงโน้น,ไส้ในแอปจริงๆหมกเม็ดตรึมทั้งสองแอป,ส้มก็สิงคโปร์ ฟ้าก็ของจีน,
    ..จริงๆต้องสมควรมีแพลตฟอร์มสไตล์ไทยเรา เป็นช่องทางการตลาดแก่คนไทยเรา,เอาติ๊กต๊อกเอาลาซาต้าชอปปี้ สไตล์แต่ละสไตล์มารวมในแพลตฟอร์มไทยโดยรัฐไทยสร้างจะบันเทิงเลย,เอาการยกเว้นภาษีมาล่อแก่คนซื้อและคนขาย,ตรวจสอบร้านค้าเปิดเผยที่อยู่คนขายชัดเจน,คนซื้อก็มั่นใจ ขายของเหี้ยๆมาฟ้องผ่านแอปรัฐลงโทษได้เลย,แอปไทยจะเงินทองไม่ไปไหนอยู่ในชุมชนสังคมไทยส่วนใหญ่ทุกๆคนไทยมีตลาดมาวางขายของได้อิสระ,ขายข้าวแปรรูปเองเป็นถุงละ25บาทต่อ1กก.ก็ได้,เกี่ยวเองสีเองขายออนไลน์ ใครจะค้าอะไรค้า,และมีอะไรสาระพัดต่อยอดสร้างสังคมออนไลน์สนับสนุนคนไทยเราได้วงกว้าง,ตลาดประเทศกันเลยและดังไกลไปทั่วโลกได้ ทั่วโลกชวนกันมาใช้แพลตฟอร์มไทย มาร่วมวางขายสินค้าอิสระเสรีแลกเปลี่ยนกันอีกในราคาผู้ผลิตต้นน้ำกันเลย,รัฐมีหน้าที่ลดค่าขนส่งให้ถูกลง,บ่อน้ำมันจึงสมควรยึดคืนมาทั้งหมดทั่วประเทศ มาทำเอง ขายน้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านนั้น,ค่าขนส่งจะต่ำลงทันที,คนจะค้าขายออนไลน์ได้สะดวกขึ้น สร้างมาตราฐานไทยได้ดีขึ้นอีก,กำไรก็จะดีต่อคนไทย ฐานะก็จะดีขึ้นแน่นอนทั่วไทย .
    https://youtube.com/watch?v=QE8CxVB6k_k&si=ns-0XcTVxnrt4-ir
    shopeeจริงๆก็เหี้ยไม่ต่างกัน,โกหกหลอกลวงลูกค้า สนับสนุนร้านค้าหลอกลูกค้าเหมือนกันกับลาซาด้าล่ะ,แต่ลาซาด้าเหี้ยกว่า,ไม่สแกนร้านค้าห่าอะไร สินค้าไม่ตรงปกตรึม,ชอปปี้ส่งฟรีก็ไม่ฟรี0บาทจริง มีขั้นต่ำเหมือนเดิมแม้กดรับขั้นต่ำ0บาทแล้ว,เผลอๆยังไม่ใช้ขั้นต่ำ0บาท หมดโปรไปแล้ว,ยังไม่กดใช้หมดเวลาได้ไงโน้น,ไส้ในแอปจริงๆหมกเม็ดตรึมทั้งสองแอป,ส้มก็สิงคโปร์ ฟ้าก็ของจีน, ..จริงๆต้องสมควรมีแพลตฟอร์มสไตล์ไทยเรา เป็นช่องทางการตลาดแก่คนไทยเรา,เอาติ๊กต๊อกเอาลาซาต้าชอปปี้ สไตล์แต่ละสไตล์มารวมในแพลตฟอร์มไทยโดยรัฐไทยสร้างจะบันเทิงเลย,เอาการยกเว้นภาษีมาล่อแก่คนซื้อและคนขาย,ตรวจสอบร้านค้าเปิดเผยที่อยู่คนขายชัดเจน,คนซื้อก็มั่นใจ ขายของเหี้ยๆมาฟ้องผ่านแอปรัฐลงโทษได้เลย,แอปไทยจะเงินทองไม่ไปไหนอยู่ในชุมชนสังคมไทยส่วนใหญ่ทุกๆคนไทยมีตลาดมาวางขายของได้อิสระ,ขายข้าวแปรรูปเองเป็นถุงละ25บาทต่อ1กก.ก็ได้,เกี่ยวเองสีเองขายออนไลน์ ใครจะค้าอะไรค้า,และมีอะไรสาระพัดต่อยอดสร้างสังคมออนไลน์สนับสนุนคนไทยเราได้วงกว้าง,ตลาดประเทศกันเลยและดังไกลไปทั่วโลกได้ ทั่วโลกชวนกันมาใช้แพลตฟอร์มไทย มาร่วมวางขายสินค้าอิสระเสรีแลกเปลี่ยนกันอีกในราคาผู้ผลิตต้นน้ำกันเลย,รัฐมีหน้าที่ลดค่าขนส่งให้ถูกลง,บ่อน้ำมันจึงสมควรยึดคืนมาทั้งหมดทั่วประเทศ มาทำเอง ขายน้ำมันลิตรละ1-2บาทแบบอิหร่านนั้น,ค่าขนส่งจะต่ำลงทันที,คนจะค้าขายออนไลน์ได้สะดวกขึ้น สร้างมาตราฐานไทยได้ดีขึ้นอีก,กำไรก็จะดีต่อคนไทย ฐานะก็จะดีขึ้นแน่นอนทั่วไทย . https://youtube.com/watch?v=QE8CxVB6k_k&si=ns-0XcTVxnrt4-ir
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพัดญี่ปุ่นกดดันไทย เปิดด่านให้เขมร

    การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือจีบีซี (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นผู้แทนฝ่ายไทย หนึ่งในข้อตกลงที่คนไทยทั้งประเทศไม่พอใจ คือ หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด ระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด

    พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เป็นเพียงการผ่อนปรนด้าน การขนส่งสินค้า ไม่ใช่การผ่อนปรนบุคคล โดยรถขนส่งไม่ได้เปิดเสรี แต่มีการจำกัดจำนวนเที่ยว เช่นเดียวกับที่ผ่านมา หากสังคมยังไม่ยอมรับ อาจพิจารณาผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2–3 เที่ยวต่อวัน แต่หากมีเสียงสนับสนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจขยายเป็น 20–30 เที่ยวต่อวัน ต้นเหตุของการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากประเทศไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สาม แจ้งมาว่าไทย-กัมพูชา มีความขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย

    แม้ พล.อ.ณัฐพล จะไม่ระบุว่าประเทศที่สามคือประเทศอะไร แต่สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชา ระบุแล้วว่าเป็นประเทศญี่ปุ่น สอดคล้องกับ น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ระบุว่า ข่าวว่าประเทศที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบเพราะส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เข้ากัมพูชาไม่ได้ และมีบางประเทศที่ส่งออกอุปกรณ์สื่อสารไปยังกัมพูชา

    ขณะที่สังคมไทยรับไม่ได้กับมาตรการที่เกิดขึ้น หากญี่ปุ่นต้องการส่งสินค้าไปยังกัมพูชาจริง ยังสามารถขนส่งทางเรือได้ เพราะกัมพูชามีท่าเรือน้ำลึก โดยมองว่าการตัดสินใจเปิดด่าน ทั้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบเรียบร้อย เป็นการทำร้ายจิตใจคนไทย ที่ต้องสูญเสียทหารและพลเรือนนับสิบราย จากภาพจำเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์รวมทั้งเด็กต้องเสียชีวิต เพราะความขัดแย้งระหว่างตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุน เซน ของกัมพูชา

    #Newskit
    สะพัดญี่ปุ่นกดดันไทย เปิดด่านให้เขมร การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือจีบีซี (GBC) เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม เป็นผู้แทนฝ่ายไทย หนึ่งในข้อตกลงที่คนไทยทั้งประเทศไม่พอใจ คือ หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด ระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เป็นเพียงการผ่อนปรนด้าน การขนส่งสินค้า ไม่ใช่การผ่อนปรนบุคคล โดยรถขนส่งไม่ได้เปิดเสรี แต่มีการจำกัดจำนวนเที่ยว เช่นเดียวกับที่ผ่านมา หากสังคมยังไม่ยอมรับ อาจพิจารณาผ่อนปรนเป็นรายกรณี เช่น 2–3 เที่ยวต่อวัน แต่หากมีเสียงสนับสนุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจขยายเป็น 20–30 เที่ยวต่อวัน ต้นเหตุของการเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม ไม่ได้เกิดจากประเทศไทยและกัมพูชา เนื่องจากประเทศที่สาม แจ้งมาว่าไทย-กัมพูชา มีความขัดแย้งกัน เขาเกี่ยวอะไรด้วย ทำให้เขาเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่เรารับฟัง จึงเป็นที่มาของการหาทางออก ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เห็นด้วย แม้ พล.อ.ณัฐพล จะไม่ระบุว่าประเทศที่สามคือประเทศอะไร แต่สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชา ระบุแล้วว่าเป็นประเทศญี่ปุ่น สอดคล้องกับ น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ระบุว่า ข่าวว่าประเทศที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น ที่ได้รับผลกระทบเพราะส่งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เข้ากัมพูชาไม่ได้ และมีบางประเทศที่ส่งออกอุปกรณ์สื่อสารไปยังกัมพูชา ขณะที่สังคมไทยรับไม่ได้กับมาตรการที่เกิดขึ้น หากญี่ปุ่นต้องการส่งสินค้าไปยังกัมพูชาจริง ยังสามารถขนส่งทางเรือได้ เพราะกัมพูชามีท่าเรือน้ำลึก โดยมองว่าการตัดสินใจเปิดด่าน ทั้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบเรียบร้อย เป็นการทำร้ายจิตใจคนไทย ที่ต้องสูญเสียทหารและพลเรือนนับสิบราย จากภาพจำเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์รวมทั้งเด็กต้องเสียชีวิต เพราะความขัดแย้งระหว่างตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุน เซน ของกัมพูชา #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 3

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
    ตอนที่ 3
    หลังจากอยู่กรุงเทพฯได้ 1 ปี นาย Kenneth และครอบครัว ก็ถูกให้ย้ายไปประจำที่นครศรีธรรมราช เขาอยู่ที่นั่น 1 ปี จากนั้นก็ย้ายมาประจำที่ตรัง รวมๆ แล้ว เขาอยู่แถวภาคใต้ของไทย ประมาณเกือบ 10 ปี ตอนที่อยู่ที่นครศรีธรรมราช เขาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรี ซึ่งเป็นของพวกมิชชั่นนารี ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นที่พระราชทานจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่เมื่อมาอยู่ตรัง เขามีบ้านแยกต่างหากจากโรงเรียน ระหว่างที่เขาอยู่ตรังเขาเดินทาง ไปทั่ว ขึ้นมาจนทับสะแก (คือหัวหินในปัจจุบัน) และลงใต้ไปถึงแหลมมาลายู เขาบอกว่าในภาคใต้ของไทย มีคนจีนอาศัยอยู่มาก และส่วนมากเป็นพวกใช้แรงงาน หรือขายของชำ บ้างก็เปิดร้านค้าเล็กๆ ในตลาด ครอบครัวเขามีคนรับใช้และคนทำอาหารเป็นชาวจีน เขาจึงหัดพูดภาษาจีนกับคนรับใช้ทุกวัน
    จากการที่เขาคุยกับคนรับใช้ชาวจีน เขารู้ว่าคนจีนเหล่านั้นไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ ไม่มีโรงเรียนของคนจีน เขาจึงพยายามให้ทางคณะมิชชั่นนารีช่วยจัดตั้งโรงเรียนให้คนจีน โดยเอาครูมาจากกรุงเทพฯ สิงคโปร์ ปีนัง ส่วนค่าก่อสร้างเขาก็ขอรับบริจาคบ้างจากคนในจังหวัด เขาสามารถสร้างใด้ถึง 4 โรงเรียน การคลุกคลีกับคนจีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนแต้จิ๋วได้และเทศน์เป็นภาษาจีนได้อีกด้วย การสอนภาษาของ นาย Kenneth ขยายไปตั้งแต่คอขอดกระจนถึงชายแดนมาลายู และทำให้เขาต้องเดินทางแถบนั้นบ่อยมาก โดยรถไฟ เกวียน ช้าง เรือข้ามฝั่ง เรือเล็กตามคลอง รวมทั้งที่จักรยาน และการเดินเท้าของตนเอง และเพื่อให้มีการติดต่อระหว่างสังคมไทยและจีน ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน นาย Kenneth ลงทุนพิมพ์จดหมายเหตุรายเดือน เป็นภาษาไทยและจีน เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ข้อมูลและข่าว (ตามที่เขาเขียน !) ต้องนับถือผู้ที่เลือกถิ่นที่ทำงานให้นาย Kenneth จริงๆ ภาคใต้น่าสนใจหลายอย่าง รวมทั้งภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่ยาวตลอดไป ตามอ่าวไทยของไทยจนไปถึงเขตแดนมลายู
    นาย Kenneth และครอบครัว ย้ายกลับไปอเมริกาใน ค.ศ. 1937 โดยอ้างว่า เบื่อที่จะเป็น มิชชั่นนารีแล้ว เพราะรายได้ไม่พอ (หรือภาระกิจสำเร็จได้ตามเป้า เลยเก็บฉากขนของกลับบ้านซะเฉยๆ งั้นแหละ !?) เมื่อเขากลับ เขาหอบหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่ออกเป็นงวด ที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่เขาเก็บสะสมไว้ ตลอด 10 ปีที่อยู่เมืองกลับไปด้วย รวมทั้งแผนที่ของเมืองไทยแสดงอาณาบริเวณต่างๆ ทั่วประเทศอย่างละเอียด ยังไม่หมดยังหอบเอาหนังสือจากห้องสมุดของไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เท่าที่ตัวเองจะหาได้กลับไปด้วย ที่สำคัญ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย เมื่อปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) นาย Kenneth บอกว่าเป็นช่วงเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เขาเก็บเอกสารในช่วง 5 ปี ระหว่างนั้นไว้หมด โดยตั้งใจจะเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย (นับว่าเป็นมิชชั่นนารี “ตัวอย่าง” จริงๆ ตกลงจะมาเผยแพร่ศาสนาหรือมาทำอะไรกันแน่)
    วันหนึ่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ขณะที่เขาเริ่มเขียนหนังสือ เรื่อง Siam in Transition เขายังอยู่ที่ตรังกับครอบครัว มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของนายปรีดี พนมยงค์ ตอนเป็นผู้สำเร็จราชการ เกิดอยากจะแต่งงานในโบสถ์คริสเตียน กับสาวตรังซึ่งเป็นคริสเตียน นายคนสนิทนี้ก็มาหา นาย Kenneth เพื่อขออนุญาตนาย Kenneth ให้คู่บ่าวสาวได้แต่งงานและทำพิธีในโบสถ์ นาย Kenneth ดีใจจนบอกไม่ถูก เห็นโอกาสทองลอยอยู่ข้างหน้า เขาบอกกับนายคนสนิทว่า ได้สิ ถ้าคุณหาเอกสารมาให้ผมชิ้นหนึ่ง เอกสารนั้นคือบทความเค้าโครงเศรษฐกิจ ฉบับที่นายปรีดีเขียน เพื่อจะนำมาใช้กับประเทศไทย หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงไม่เห็นด้วย ทรงเห็นว่านายปรีดีมีแนวความคิดเช่นลัทธิคอมมิวนิสม์ ต่อมาเอกสารนั้นก็ถูกเก็บ เป็นเอกสารต้องห้าม ไม่มีใครได้เห็นอีก (นาย Kenneth นี่ต้องนับว่าเป็นนักฉวยโอกาสตัวยงจริงๆ) คงจะเป็นเพราะกำลังหน้ามืดอยากแต่งงานเต็มแก่ นายคนสนิทลงทุนไปเอาเอกสารมาให้นาย Kenneth รวมทั้งแถมรายงานการประชุมคณะอภิรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่านายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์และที่ประชุมเห็นว่านายปรีดี ควรลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
    ภายหลังเมื่อนาย Kenneth ได้เขียนหนังสือ Siam in Transition เขาได้นำเอกสารทั้ง 2 ชิ้นมาแนบท้ายหนังสือไว้ด้วย แต่หนังสือนี้ถูกห้ามขายในประเทศไทย
    หลังจากเขาได้เอกสารนี้มาไม่นาน พระองค์เจ้าธานีฯ (นาย Kenneth เขียนชื่อไว้เช่นนั้น) ทรงทราบข่าวที่นาย Kenneth ได้เอกสารนี้มา ท่านสนใจมากถึงขนาดลงทุนเดินทางจากกรุงเทพมาหานาย Kenneth ที่ตรัง เพื่อขออ่านเอกสารทั้ง 2 ชิ้น (แสดงว่าเอกสาร 2 ชิ้นนี้ต้องมีความสำคัญมากสำหรับ การเมืองของไทย แล้วมิชชั่นนารี ซึ่งไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองบ้านเรา ทำไมถึงให้ความสนใจจนลืมมรรยาท ถึงกับใช้วิธีการฉวยโอกาสอย่างคนไม่มีระดับถึงขนาดนี้!?) นาย Kenneth รู้ว่าเอกสารนี้ต้องห้าม เขาเลยเอาไปซ่อนไว้ในกองหนังสือพิมพ์ในห้องส้วมของเขาและ พระองค์เจ้าธานีฯ ก็ต้องไปนั่งอ่านเอกสาร โดยล็อคตัวเองอยู่ในส้วมของนาย Kenneth !
    หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้านายหลายพระองค์ รวมทั้งกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ กรมพระยาดำรงฯเสด็จไปอยู่ปีนัง เมื่อนาย Kenneth และครอบครัวจะกลับอเมริกา เขาเดินทางไปเยี่ยมท่านที่ปีนัง เขาอ้างว่าเป็นการเยี่ยมในฐานะเพื่อนเก่า ระหว่างคุยกัน เขาถามกรมพระยาดำรงฯ ว่าท่านจะยินยอมให้เขานำหนังสือที่ท่านทรงสะสมไว้ มอบให้แก่มหาวิทยาลัยในอเมริกาหรือไม่ เพราะกรมพระยาดำรงฯ ท่านเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาฯ อยู่ช่วงหนึ่ง และท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งกรมพระยาดำรงฯก็จัดตั้งเรียบร้อย โดยหนังสือทุกเล่มที่อยู่ในหอสมุด ท่านก็จะมีอีกชุดหนึ่งเก็บไว้ที่ท่านเอง รวมทั้งหนังสือที่ท่านทรงสะสม เอง ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณคดี ศาสนา ฯลฯ ของไทยและเอเซียตะวันออก มีทั้งเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส กรมพระยาดำรงฯ ตอบว่าท่านเสียดายที่หนังสือนั้นจะไม่มีใครสนใจอีกต่อไป แต่ถ้ามีมหาวิทยาลัยที่สนใจ มีคนได้ศึกษาและมีคนอย่างนาย Kenneth ดูแลท่านก็ยินดีที่จะยกให้
    แล้วนาย Kenneth ก็นำรายชื่อหนังสือประมาณ 600 เล่ม ของกรมพระยาดำรงกลับอเมริกาไปด้วย โดยเขาอ้างว่า เขาจะนำไปจัดทำห้องสมุดไทยหรือเอเซียตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ค่าเดินทางไปปีนังนี่มันคงไม่ใช่ราคาถูกๆ แต่คงจะเป็นการลงทุนที่เกินคุ้มหลายร้อยเท่า เมื่อเทียบกับรายชื่อหนังสือ 600 เล่ม ที่นาย Kenneth จะเอาไป อ้างว่าเป็นของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยของเมืองไทยที่จะมอบให้นาย Kenneth ที่จะได้มาโดยการ “กล่อม” ซึ่งต่อมาเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสร้างประโยชน์ให้แก่อเมริกาอย่างมหาศาล ในการใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือการล่าชนิดหนึ่ง!
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : เข้าใจว่า กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านคงกำลังเศร้าพระทัย จากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และจากการที่คณะราษฎร์แสดงความไม่ประสงค์ดีต่อท่าน จนท่านถึงกับต้องเสด็จไปประทับอยู่ปีนัง ท่านเป็นนักประวัติศาสตร์ สนใจศึกษาหาความรู้ ทรงเก็บสะสมหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยไว้แยะ เมื่อคณะราษฎร์ทำการปฏิวัติ เปลี่ยนการปกครอง ซึ่งอาจจะกระทบถึงวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งหลักสูตรการศึกษา ฯลฯ หนังสือต่างๆ เหล่านั้น คณะราษฎร์อาจไม่เห็นประโยชน์อีกต่อไป เมื่อนาย Kenneth เข้าไปขอในจังหวะนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ท่านจะคล้อยตาม !)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 3 หลังจากอยู่กรุงเทพฯได้ 1 ปี นาย Kenneth และครอบครัว ก็ถูกให้ย้ายไปประจำที่นครศรีธรรมราช เขาอยู่ที่นั่น 1 ปี จากนั้นก็ย้ายมาประจำที่ตรัง รวมๆ แล้ว เขาอยู่แถวภาคใต้ของไทย ประมาณเกือบ 10 ปี ตอนที่อยู่ที่นครศรีธรรมราช เขาอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรี ซึ่งเป็นของพวกมิชชั่นนารี ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นที่พระราชทานจากกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่เมื่อมาอยู่ตรัง เขามีบ้านแยกต่างหากจากโรงเรียน ระหว่างที่เขาอยู่ตรังเขาเดินทาง ไปทั่ว ขึ้นมาจนทับสะแก (คือหัวหินในปัจจุบัน) และลงใต้ไปถึงแหลมมาลายู เขาบอกว่าในภาคใต้ของไทย มีคนจีนอาศัยอยู่มาก และส่วนมากเป็นพวกใช้แรงงาน หรือขายของชำ บ้างก็เปิดร้านค้าเล็กๆ ในตลาด ครอบครัวเขามีคนรับใช้และคนทำอาหารเป็นชาวจีน เขาจึงหัดพูดภาษาจีนกับคนรับใช้ทุกวัน จากการที่เขาคุยกับคนรับใช้ชาวจีน เขารู้ว่าคนจีนเหล่านั้นไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ ไม่มีโรงเรียนของคนจีน เขาจึงพยายามให้ทางคณะมิชชั่นนารีช่วยจัดตั้งโรงเรียนให้คนจีน โดยเอาครูมาจากกรุงเทพฯ สิงคโปร์ ปีนัง ส่วนค่าก่อสร้างเขาก็ขอรับบริจาคบ้างจากคนในจังหวัด เขาสามารถสร้างใด้ถึง 4 โรงเรียน การคลุกคลีกับคนจีน ทำให้เขาพูดภาษาจีนแต้จิ๋วได้และเทศน์เป็นภาษาจีนได้อีกด้วย การสอนภาษาของ นาย Kenneth ขยายไปตั้งแต่คอขอดกระจนถึงชายแดนมาลายู และทำให้เขาต้องเดินทางแถบนั้นบ่อยมาก โดยรถไฟ เกวียน ช้าง เรือข้ามฝั่ง เรือเล็กตามคลอง รวมทั้งที่จักรยาน และการเดินเท้าของตนเอง และเพื่อให้มีการติดต่อระหว่างสังคมไทยและจีน ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน นาย Kenneth ลงทุนพิมพ์จดหมายเหตุรายเดือน เป็นภาษาไทยและจีน เพื่อให้คนเหล่านั้นได้ข้อมูลและข่าว (ตามที่เขาเขียน !) ต้องนับถือผู้ที่เลือกถิ่นที่ทำงานให้นาย Kenneth จริงๆ ภาคใต้น่าสนใจหลายอย่าง รวมทั้งภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่ยาวตลอดไป ตามอ่าวไทยของไทยจนไปถึงเขตแดนมลายู นาย Kenneth และครอบครัว ย้ายกลับไปอเมริกาใน ค.ศ. 1937 โดยอ้างว่า เบื่อที่จะเป็น มิชชั่นนารีแล้ว เพราะรายได้ไม่พอ (หรือภาระกิจสำเร็จได้ตามเป้า เลยเก็บฉากขนของกลับบ้านซะเฉยๆ งั้นแหละ !?) เมื่อเขากลับ เขาหอบหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่ออกเป็นงวด ที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่เขาเก็บสะสมไว้ ตลอด 10 ปีที่อยู่เมืองกลับไปด้วย รวมทั้งแผนที่ของเมืองไทยแสดงอาณาบริเวณต่างๆ ทั่วประเทศอย่างละเอียด ยังไม่หมดยังหอบเอาหนังสือจากห้องสมุดของไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เท่าที่ตัวเองจะหาได้กลับไปด้วย ที่สำคัญ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย เมื่อปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) นาย Kenneth บอกว่าเป็นช่วงเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เขาเก็บเอกสารในช่วง 5 ปี ระหว่างนั้นไว้หมด โดยตั้งใจจะเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย (นับว่าเป็นมิชชั่นนารี “ตัวอย่าง” จริงๆ ตกลงจะมาเผยแพร่ศาสนาหรือมาทำอะไรกันแน่) วันหนึ่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ขณะที่เขาเริ่มเขียนหนังสือ เรื่อง Siam in Transition เขายังอยู่ที่ตรังกับครอบครัว มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนสนิทของนายปรีดี พนมยงค์ ตอนเป็นผู้สำเร็จราชการ เกิดอยากจะแต่งงานในโบสถ์คริสเตียน กับสาวตรังซึ่งเป็นคริสเตียน นายคนสนิทนี้ก็มาหา นาย Kenneth เพื่อขออนุญาตนาย Kenneth ให้คู่บ่าวสาวได้แต่งงานและทำพิธีในโบสถ์ นาย Kenneth ดีใจจนบอกไม่ถูก เห็นโอกาสทองลอยอยู่ข้างหน้า เขาบอกกับนายคนสนิทว่า ได้สิ ถ้าคุณหาเอกสารมาให้ผมชิ้นหนึ่ง เอกสารนั้นคือบทความเค้าโครงเศรษฐกิจ ฉบับที่นายปรีดีเขียน เพื่อจะนำมาใช้กับประเทศไทย หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงไม่เห็นด้วย ทรงเห็นว่านายปรีดีมีแนวความคิดเช่นลัทธิคอมมิวนิสม์ ต่อมาเอกสารนั้นก็ถูกเก็บ เป็นเอกสารต้องห้าม ไม่มีใครได้เห็นอีก (นาย Kenneth นี่ต้องนับว่าเป็นนักฉวยโอกาสตัวยงจริงๆ) คงจะเป็นเพราะกำลังหน้ามืดอยากแต่งงานเต็มแก่ นายคนสนิทลงทุนไปเอาเอกสารมาให้นาย Kenneth รวมทั้งแถมรายงานการประชุมคณะอภิรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่านายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์และที่ประชุมเห็นว่านายปรีดี ควรลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ภายหลังเมื่อนาย Kenneth ได้เขียนหนังสือ Siam in Transition เขาได้นำเอกสารทั้ง 2 ชิ้นมาแนบท้ายหนังสือไว้ด้วย แต่หนังสือนี้ถูกห้ามขายในประเทศไทย หลังจากเขาได้เอกสารนี้มาไม่นาน พระองค์เจ้าธานีฯ (นาย Kenneth เขียนชื่อไว้เช่นนั้น) ทรงทราบข่าวที่นาย Kenneth ได้เอกสารนี้มา ท่านสนใจมากถึงขนาดลงทุนเดินทางจากกรุงเทพมาหานาย Kenneth ที่ตรัง เพื่อขออ่านเอกสารทั้ง 2 ชิ้น (แสดงว่าเอกสาร 2 ชิ้นนี้ต้องมีความสำคัญมากสำหรับ การเมืองของไทย แล้วมิชชั่นนารี ซึ่งไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองบ้านเรา ทำไมถึงให้ความสนใจจนลืมมรรยาท ถึงกับใช้วิธีการฉวยโอกาสอย่างคนไม่มีระดับถึงขนาดนี้!?) นาย Kenneth รู้ว่าเอกสารนี้ต้องห้าม เขาเลยเอาไปซ่อนไว้ในกองหนังสือพิมพ์ในห้องส้วมของเขาและ พระองค์เจ้าธานีฯ ก็ต้องไปนั่งอ่านเอกสาร โดยล็อคตัวเองอยู่ในส้วมของนาย Kenneth ! หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้านายหลายพระองค์ รวมทั้งกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ กรมพระยาดำรงฯเสด็จไปอยู่ปีนัง เมื่อนาย Kenneth และครอบครัวจะกลับอเมริกา เขาเดินทางไปเยี่ยมท่านที่ปีนัง เขาอ้างว่าเป็นการเยี่ยมในฐานะเพื่อนเก่า ระหว่างคุยกัน เขาถามกรมพระยาดำรงฯ ว่าท่านจะยินยอมให้เขานำหนังสือที่ท่านทรงสะสมไว้ มอบให้แก่มหาวิทยาลัยในอเมริกาหรือไม่ เพราะกรมพระยาดำรงฯ ท่านเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาฯ อยู่ช่วงหนึ่ง และท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ให้ทรงจัดตั้งหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งกรมพระยาดำรงฯก็จัดตั้งเรียบร้อย โดยหนังสือทุกเล่มที่อยู่ในหอสมุด ท่านก็จะมีอีกชุดหนึ่งเก็บไว้ที่ท่านเอง รวมทั้งหนังสือที่ท่านทรงสะสม เอง ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณคดี ศาสนา ฯลฯ ของไทยและเอเซียตะวันออก มีทั้งเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส กรมพระยาดำรงฯ ตอบว่าท่านเสียดายที่หนังสือนั้นจะไม่มีใครสนใจอีกต่อไป แต่ถ้ามีมหาวิทยาลัยที่สนใจ มีคนได้ศึกษาและมีคนอย่างนาย Kenneth ดูแลท่านก็ยินดีที่จะยกให้ แล้วนาย Kenneth ก็นำรายชื่อหนังสือประมาณ 600 เล่ม ของกรมพระยาดำรงกลับอเมริกาไปด้วย โดยเขาอ้างว่า เขาจะนำไปจัดทำห้องสมุดไทยหรือเอเซียตะวันออก ที่มหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ค่าเดินทางไปปีนังนี่มันคงไม่ใช่ราคาถูกๆ แต่คงจะเป็นการลงทุนที่เกินคุ้มหลายร้อยเท่า เมื่อเทียบกับรายชื่อหนังสือ 600 เล่ม ที่นาย Kenneth จะเอาไป อ้างว่าเป็นของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยของเมืองไทยที่จะมอบให้นาย Kenneth ที่จะได้มาโดยการ “กล่อม” ซึ่งต่อมาเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ให้แก่ตัวเองและสร้างประโยชน์ให้แก่อเมริกาอย่างมหาศาล ในการใช้เป็นต้นแบบเครื่องมือการล่าชนิดหนึ่ง! (หมายเหตุคนเล่านิทาน : เข้าใจว่า กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านคงกำลังเศร้าพระทัย จากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และจากการที่คณะราษฎร์แสดงความไม่ประสงค์ดีต่อท่าน จนท่านถึงกับต้องเสด็จไปประทับอยู่ปีนัง ท่านเป็นนักประวัติศาสตร์ สนใจศึกษาหาความรู้ ทรงเก็บสะสมหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยไว้แยะ เมื่อคณะราษฎร์ทำการปฏิวัติ เปลี่ยนการปกครอง ซึ่งอาจจะกระทบถึงวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งหลักสูตรการศึกษา ฯลฯ หนังสือต่างๆ เหล่านั้น คณะราษฎร์อาจไม่เห็นประโยชน์อีกต่อไป เมื่อนาย Kenneth เข้าไปขอในจังหวะนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ท่านจะคล้อยตาม !) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
    ตอนที่ 2
    นาย Kenneth Perry Landon เป็นมิชชั่นนารี หมอสอนศาสนา แต่ไม่ใช่มิชชั่นนารีประเภทเดินหน้าเซียวเที่ยวเคาะประตูบ้าน เหมือนคนขายหนังสือพจนานุกรมสมัยก่อน แต่เขาเป็นนักสอนศาสนามีดีกรี จบปริญญาตรีทางเทววิทยา Theological Seminary จากมหาวิทยาลัย Princeton (วิชานี้เขาว่านักบวชสมัยก่อนที่เดินทางมาเผยแพร่ศาสนา แถวเอเซีย ลาตินอเมริกา ล้วนจบวิชานี้ทั้งนั้น นอกเหนือจากเรียนหลายภาษาแล้ว หนึ่งในหลักสูตรเขาว่าต้องเรียนฟันดาบและต่อสู้ป้องกันตัวด้วย)หลังจากนั้นนาย Kenneth ก็เรียนต่อจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Chicago เขาเดินทางมาเมืองไทย พร้อมภรรยา เมื่อประมาณ ค.ศ. 1927 (อย่าเพิ่งโว้ย ว่าเล่านิทานโบราณจัง ตอนนี้ใครๆ เขาเขียนเรื่องเรือบินหายหรือสงครามโลกครั้งที่ 3 กันทั้งนั้น ใจเย็น อ่านต่อไปก่อนน่า เดี๋ยวมันก็อธิบายมาถึงปัจจุบันได้เองแหละ)
    เขากับนาง Margaret เดินทางมาทางเรือจากด้านตะวันออกของอเมริกา ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก มาโผล่เอาที่สิงคโปร์ ตลอดทางที่เรือแวะจอดท่าต่างๆ เขานั่งเบิ่งตา หูตั้ง มองทุกอย่าง ฟังทุกเรื่อง จัดเก็บข้อมูลเรียงแน่นอยู่ในหัว (ใบสั่งมันคงระบุชัดเจนดี) จนเมื่อเรือแล่นจากสิงคโปร์ขึ้นมาบางกอก เมียก็ถามเขาว่า นี่เธอรู้จักเมืองไทยดีแค่ไหนนะเนี่ย เขาตอบว่า ฉันรู้แต่ว่าคนไทยส่วนมากเป็นฝาแฝดตัวติดกัน แล้วก็มีช้างเผือกแยะมาก และที่เมืองไทยฝนน่าจะตกชุก เพราะฉันเห็นรูปถ่ายพระเจ้าแผ่นดินของไทย นั่งอยู่ใต้ร่มอันใหญ่มาก หน้าตาเหมือนน้ำพุ 9 ชั้น (อืม ! ชั้นเชิงใช้ได้ ตอบเมียตัวเองได้แบบนี้อนาคตไกล)
    นาย Kenneth กับนาง Margaret เมื่อแรกมาถึงเมืองไทยก็พักอยู่ที่เมืองบางกอกก่อน อยู่ประมาณ 1 ปี ตลอดเวลา 1 ปี เขาถูกพาไปป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ในสังคมฝรั่งที่มีทั้งพวกมิชชั่นนารี พวกฑูต และพ่อค้าฝรั่ง แล้วฝรั่งพวกนี้ก็พาเขาเข้าสังคมคนไทยชั้นสูง ทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองไทย รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ระดับสูง เช่น กรมพระยาดำรงเดชานุภาพ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เป็นต้น (อย่าลืมว่าเมื่อนาย Kenneth มาถึงเมืองไทย ช่วงนั้นยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ น่าสนใจวิธีการนำตัวเข้าสังคมของนักสอนศาสนารายนี้จริงๆ) นาย Kenneth ไม่ได้ใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในวงสังคมชั้นสูงอย่างเดียว อีกอย่างที่เขาทำอย่างเอาจริงเอาจัง และไม่ให้ใครรู้ คือ เขาตั้งใจเรียนภาษาไทย เขาจ้างครูมาสอน เขาและภรรยาเรียนภาษาไทยกับครูทุกวันๆ ละ 3 ชั่วโมง และทำการบ้านเตรียมตัวอีกวันละ 3 ชั่วโมง สำหรับการเรียนในวันรุ่งขึ้น เป็นการเรียนแบบหลักสูตรเร่งรัดเลยละ (มันทำไมต้องเร่งรัดกันขนาดนี้นะ ?) เขาฝึกบทเรียนภาษาไทยที่เขาเรียน ด้วยการออกไปเดินเที่ยวเล่นในตลาด ไปเดินซื้อของและถามแม่ค้า เป็นภาษาไทยว่า “เท่าไหร่” และไม่ว่าแม่ค้าจะตอบว่าอะไร และไม่ว่าเขาจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ เขาก็จะตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า “แพงไป” แล้วก็เดินไปหาแม่ค้าเจ้าอื่นต่อไป (เห็นลีลาสายลับรุ่นโบราณไหมครับ สมัยนี้ก็ยังทำแบบนี้ แต่แทนที่จะเดินเล่นตามตลาด เขาไปเดินเล่นตามห้าง ตามงานสังคมชั้นสูง ตามที่มั่วสุมของคนชั้นสูง เช่นที่สปอร์ตคลับ และตามบ้านคนใหญ่คนโตทั้งหลาย ฯลฯ เสร็จแล้วพวกเขาก็ไปรายงานข้อมูลที่ได้ยินมาจากที่ไปเดินเล่น ตามที่ตัวเองเข้าใจ แบบ งูๆ ปลาๆ ต่อนายเหนือ เรื่องมันถึงได้วุ่น !)
    จากการเรียนภาษาไทยอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้เขาเข้าใจว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ลึกซึ้ง แสดงถึงความละเอียดอ่อนของความเป็นคนไทย เขายกตัวอย่างคำว่า ฉัน ภาษาอังกฤษ ใช้ I หรือ me แค่ 2 คำ แต่ภาษาไทยมีให้เลือกใช้ถึง 15 คำ แต่ละคำแสดงถึงสถานะทางสังคมของ ผู้พูด ความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดและยังแยกเพศได้อีก สิ่งเหล่านี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นคำเดียวกันนั้น ถ้าใช้คู่กับอีกคำ ระหว่างบุรุษที่ 1 กับบุรุษที่ 2 ยังแสดงถึงอารมณ์ ความสนิทสนมของผู้ใช้อีกด้วย รวมทั้งแสดงได้ถึงฐานะที่สูงต่ำกว่ากัน เช่นคำว่า “มึง” และ “กู” ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ชาวต่างชาติจะเข้าใจคนไทย และสังคมไทยถ้าไม่เข้าใจภาษาไทยให้แตกฉานเสียก่อน (อยากรู้ว่าไอ้พวก app รุ่นใหม่ที่ไปเดินเล่นตามสังคมนั้น มันจะเข้าใจความละเอียดอ่อนของคนไทยได้แค่ไหนกัน)
    นอกจากนี้จากการเรียนภาษาไทย ทำให้เขาเข้าใจว่า กว่าครึ่งของภาษาไทยมีรากมาจากภาษาสันสกฤตและบาลี ซึ่งเป็นภาษาโบราณของอินเดีย และเกี่ยวพันกับพุทธศาสนา ซึ่งเป็นทั้งศาสนาและวัฒนธรรมของคนไทย เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าจะเข้าใจคนไทยให้ลึกซึ้ง ต้องเข้าใจภาษาไทย และควรจะศึกษาเกี่ยวกับอินเดียด้วย เพื่อเข้าใจที่มาที่ไปของคนไทย ประเพณี และวิธีการคิดของคนไทย ซึ่งภายหลังเขาได้กลับไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัย Chicago เขาเรียนภาษาสันสกฤต บาลีรวมทั้งเรียนวิชาเกี่ยวกับอินเดียด้วย (เขาหาอุปกรณ์เสริมได้เก่ง ต้องยอมรับ นักสอนศาสนาคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ)
    เขาเรียนภาษาไทยแตกฉานได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่อยู่บางกอก เขาทดสอบความแตกฉานของตัวเองด้วยการ เริ่มเทศน์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เป็นภาษาไทย ช่วงแรกๆ เวลาเขาเทศน์ เมื่อพูดถึงพระเยซูถูกตรึง “กางเขน” เขาออกเสียงภาษาไทย เป็นพระเยซูถูกตรึง “กางเกง” และนั่นทำให้เขาเป็นที่ชอบใจของคนไทย ว่าเขาเทศน์ได้ตลกดี และทำให้มีคนมาฟังเขาแยะ แม้จะไม่รู้จักพระเยซูและศาสนาคริสเตียนเลยแม้แต่น้อย แต่ก็พากันมาดูฝรั่งแทศน์เป็นภาษาไทย แบบดูการแสดงตลก โดยไม่คิดอะไรมาก

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า” ตอนที่ 2 นาย Kenneth Perry Landon เป็นมิชชั่นนารี หมอสอนศาสนา แต่ไม่ใช่มิชชั่นนารีประเภทเดินหน้าเซียวเที่ยวเคาะประตูบ้าน เหมือนคนขายหนังสือพจนานุกรมสมัยก่อน แต่เขาเป็นนักสอนศาสนามีดีกรี จบปริญญาตรีทางเทววิทยา Theological Seminary จากมหาวิทยาลัย Princeton (วิชานี้เขาว่านักบวชสมัยก่อนที่เดินทางมาเผยแพร่ศาสนา แถวเอเซีย ลาตินอเมริกา ล้วนจบวิชานี้ทั้งนั้น นอกเหนือจากเรียนหลายภาษาแล้ว หนึ่งในหลักสูตรเขาว่าต้องเรียนฟันดาบและต่อสู้ป้องกันตัวด้วย)หลังจากนั้นนาย Kenneth ก็เรียนต่อจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Chicago เขาเดินทางมาเมืองไทย พร้อมภรรยา เมื่อประมาณ ค.ศ. 1927 (อย่าเพิ่งโว้ย ว่าเล่านิทานโบราณจัง ตอนนี้ใครๆ เขาเขียนเรื่องเรือบินหายหรือสงครามโลกครั้งที่ 3 กันทั้งนั้น ใจเย็น อ่านต่อไปก่อนน่า เดี๋ยวมันก็อธิบายมาถึงปัจจุบันได้เองแหละ) เขากับนาง Margaret เดินทางมาทางเรือจากด้านตะวันออกของอเมริกา ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก มาโผล่เอาที่สิงคโปร์ ตลอดทางที่เรือแวะจอดท่าต่างๆ เขานั่งเบิ่งตา หูตั้ง มองทุกอย่าง ฟังทุกเรื่อง จัดเก็บข้อมูลเรียงแน่นอยู่ในหัว (ใบสั่งมันคงระบุชัดเจนดี) จนเมื่อเรือแล่นจากสิงคโปร์ขึ้นมาบางกอก เมียก็ถามเขาว่า นี่เธอรู้จักเมืองไทยดีแค่ไหนนะเนี่ย เขาตอบว่า ฉันรู้แต่ว่าคนไทยส่วนมากเป็นฝาแฝดตัวติดกัน แล้วก็มีช้างเผือกแยะมาก และที่เมืองไทยฝนน่าจะตกชุก เพราะฉันเห็นรูปถ่ายพระเจ้าแผ่นดินของไทย นั่งอยู่ใต้ร่มอันใหญ่มาก หน้าตาเหมือนน้ำพุ 9 ชั้น (อืม ! ชั้นเชิงใช้ได้ ตอบเมียตัวเองได้แบบนี้อนาคตไกล) นาย Kenneth กับนาง Margaret เมื่อแรกมาถึงเมืองไทยก็พักอยู่ที่เมืองบางกอกก่อน อยู่ประมาณ 1 ปี ตลอดเวลา 1 ปี เขาถูกพาไปป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ในสังคมฝรั่งที่มีทั้งพวกมิชชั่นนารี พวกฑูต และพ่อค้าฝรั่ง แล้วฝรั่งพวกนี้ก็พาเขาเข้าสังคมคนไทยชั้นสูง ทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองไทย รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ระดับสูง เช่น กรมพระยาดำรงเดชานุภาพ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เป็นต้น (อย่าลืมว่าเมื่อนาย Kenneth มาถึงเมืองไทย ช่วงนั้นยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อยู่ น่าสนใจวิธีการนำตัวเข้าสังคมของนักสอนศาสนารายนี้จริงๆ) นาย Kenneth ไม่ได้ใช้เวลาเดินเล่นอยู่ในวงสังคมชั้นสูงอย่างเดียว อีกอย่างที่เขาทำอย่างเอาจริงเอาจัง และไม่ให้ใครรู้ คือ เขาตั้งใจเรียนภาษาไทย เขาจ้างครูมาสอน เขาและภรรยาเรียนภาษาไทยกับครูทุกวันๆ ละ 3 ชั่วโมง และทำการบ้านเตรียมตัวอีกวันละ 3 ชั่วโมง สำหรับการเรียนในวันรุ่งขึ้น เป็นการเรียนแบบหลักสูตรเร่งรัดเลยละ (มันทำไมต้องเร่งรัดกันขนาดนี้นะ ?) เขาฝึกบทเรียนภาษาไทยที่เขาเรียน ด้วยการออกไปเดินเที่ยวเล่นในตลาด ไปเดินซื้อของและถามแม่ค้า เป็นภาษาไทยว่า “เท่าไหร่” และไม่ว่าแม่ค้าจะตอบว่าอะไร และไม่ว่าเขาจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ เขาก็จะตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า “แพงไป” แล้วก็เดินไปหาแม่ค้าเจ้าอื่นต่อไป (เห็นลีลาสายลับรุ่นโบราณไหมครับ สมัยนี้ก็ยังทำแบบนี้ แต่แทนที่จะเดินเล่นตามตลาด เขาไปเดินเล่นตามห้าง ตามงานสังคมชั้นสูง ตามที่มั่วสุมของคนชั้นสูง เช่นที่สปอร์ตคลับ และตามบ้านคนใหญ่คนโตทั้งหลาย ฯลฯ เสร็จแล้วพวกเขาก็ไปรายงานข้อมูลที่ได้ยินมาจากที่ไปเดินเล่น ตามที่ตัวเองเข้าใจ แบบ งูๆ ปลาๆ ต่อนายเหนือ เรื่องมันถึงได้วุ่น !) จากการเรียนภาษาไทยอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้เขาเข้าใจว่า ภาษาไทยเป็นภาษาที่ลึกซึ้ง แสดงถึงความละเอียดอ่อนของความเป็นคนไทย เขายกตัวอย่างคำว่า ฉัน ภาษาอังกฤษ ใช้ I หรือ me แค่ 2 คำ แต่ภาษาไทยมีให้เลือกใช้ถึง 15 คำ แต่ละคำแสดงถึงสถานะทางสังคมของ ผู้พูด ความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดและยังแยกเพศได้อีก สิ่งเหล่านี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นคำเดียวกันนั้น ถ้าใช้คู่กับอีกคำ ระหว่างบุรุษที่ 1 กับบุรุษที่ 2 ยังแสดงถึงอารมณ์ ความสนิทสนมของผู้ใช้อีกด้วย รวมทั้งแสดงได้ถึงฐานะที่สูงต่ำกว่ากัน เช่นคำว่า “มึง” และ “กู” ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ชาวต่างชาติจะเข้าใจคนไทย และสังคมไทยถ้าไม่เข้าใจภาษาไทยให้แตกฉานเสียก่อน (อยากรู้ว่าไอ้พวก app รุ่นใหม่ที่ไปเดินเล่นตามสังคมนั้น มันจะเข้าใจความละเอียดอ่อนของคนไทยได้แค่ไหนกัน) นอกจากนี้จากการเรียนภาษาไทย ทำให้เขาเข้าใจว่า กว่าครึ่งของภาษาไทยมีรากมาจากภาษาสันสกฤตและบาลี ซึ่งเป็นภาษาโบราณของอินเดีย และเกี่ยวพันกับพุทธศาสนา ซึ่งเป็นทั้งศาสนาและวัฒนธรรมของคนไทย เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าจะเข้าใจคนไทยให้ลึกซึ้ง ต้องเข้าใจภาษาไทย และควรจะศึกษาเกี่ยวกับอินเดียด้วย เพื่อเข้าใจที่มาที่ไปของคนไทย ประเพณี และวิธีการคิดของคนไทย ซึ่งภายหลังเขาได้กลับไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัย Chicago เขาเรียนภาษาสันสกฤต บาลีรวมทั้งเรียนวิชาเกี่ยวกับอินเดียด้วย (เขาหาอุปกรณ์เสริมได้เก่ง ต้องยอมรับ นักสอนศาสนาคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ) เขาเรียนภาษาไทยแตกฉานได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่อยู่บางกอก เขาทดสอบความแตกฉานของตัวเองด้วยการ เริ่มเทศน์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เป็นภาษาไทย ช่วงแรกๆ เวลาเขาเทศน์ เมื่อพูดถึงพระเยซูถูกตรึง “กางเขน” เขาออกเสียงภาษาไทย เป็นพระเยซูถูกตรึง “กางเกง” และนั่นทำให้เขาเป็นที่ชอบใจของคนไทย ว่าเขาเทศน์ได้ตลกดี และทำให้มีคนมาฟังเขาแยะ แม้จะไม่รู้จักพระเยซูและศาสนาคริสเตียนเลยแม้แต่น้อย แต่ก็พากันมาดูฝรั่งแทศน์เป็นภาษาไทย แบบดูการแสดงตลก โดยไม่คิดอะไรมาก คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นนายกฯ4เดือนก็จะประกาศผีบ้าแบบนี้ล่ะ,ว่าไทยไม่ต้องการสงครามแต่จำเป็นต้องเป็นผู้เตรียมพร้อมทุกๆยุทธการทางสงครามเพื่อปกป้องและป้องกันประเทศ,ต่อมาจะยกเลิกmou43,44และtor46 ใช้สันปันน้ำกำหนดเส้นเขตแดนกับเขมรทั้งหมดที่มีเสาหมุดอายุกว่า100ปีปักตำตาชัดเจนกว่า73,74เสาเป็นหลักฐานชัดเจนเรื่องเขตแดนและตกลงจบไปนานแล้วกับฝรั่งเศส,เกิดก่อนโคตรพ่อโคตรแมร่งmou43,44นี้อีก,จึงสมควรว่าmou43,44เป็นอันมิชอบและตกไปพร้อมเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยตนเองอีกเรื่องดินแดนผ่นดินประเทศไทยตนเอง ต้องอำนาจพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวจะตัดสินเด็ดขาดได้,ทั้งหมดที่กอดmou43,44มีโทษประหารชีวิตชัดเจน ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนในเจตนาให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยตน ผิดม.119ชัดเจนตั้งแต่mou43,44tor46นี้ร่างเขียนขึ้น,ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด.
    ..ต่อมา555ในฐานะนายกฯ4เดือน,จะยกเลิกสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งหมด ปรับปรุงให้ทันสมัยจริงมิให้ไทยเสียเปรียบแบบปัจจุบัน,..ประกาศแจกมือถือควอนตัมฟรีแก่คนไทยทั่วประเทศ ให้คนไทยรับตังดิจิดัลทันทีคนละ100,000บาทคอยน์อินทนนท์ทั่วประเทศสู่ยุคใหม่,สังคมไทยจะไม่ใช้เงินสดอีก,กำหนดเงินใต้ดินฟอกเงินทั้งหมดที่อยู่นอกระบบทันที,1คนไทย1บัญชีเงินควอนตัมเท่านั้นและ1หมายเลขโทรศัพท์,ฟรีเน็ตทั่วไทยสำหรับคนไทยทั่วประเทศผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำของไทยเราเอง.
    ..ต่อมาจะประกาศสร้างรั้วลวดหนามไทยกับเขมร ไทยกับมาเลย์ ไทยกับพม่าทั่วประเทศทันที ลดอาชญากรรมทุกๆมิติต่อประชาชนคนไทยเรา,ควบคุมกำจีดอาชญากรที่ปะปนในไทยได้สะดวก,จากนั้นประกาศจัดตั้งบริษัทคลองขุดกระแห่งชาติไทย ให้หุ้นฟรีๆแก่คนไทยทุกๆคนๆละ10,000หุ้น,ตั้งแต่เกิดจนตาย,บวกหุ้นเพิ่มทุนอีก10,000หุ้นๆละ0.01บาทคอยน์ซื้อเพิ่มสูงสุดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของฮับกิจการสร้างเม็ดเงินมหาศาลแก่คนไทยเราจริงกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีรวมกับแลนด์บริดจ์ซึ่งคนไทยประเทศไทยเราขุดเองดำเนินการเองเป็นเจ้าของเองทั้งหมดจริงร่วมกัน,สร้างฮับสาระพัดฮับศูนย์การค้าตลาดระดับโลกผ่านคลองไทยเราค้าขายระหว่างทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลางกับโซนเอเชียแปซิฟิกมหาสมุทรฝั่งตะวันออกทั้งหมด,คลอง2เลน กว้าง2กม.เมตร เลนละ1กม.คู่ขนานแลนด์บริดจ์รอบข้างทางบก,ใครสะดวกทางใดเชิญเลย,ตลอดพื้นที่ทั่วไทยโดยเฉพาะภาคใต้เราจะสาระพัดฐานบริษัทแม่ต่างชาติทั่วโลกมาตั้งกิจการ นำรายได้เข้าประเทศผ่านบริษัทคลองไทยแห่งชาติเราเป็นอันมาก,ร่ำรวยไปพร้อมๆกัน,
    ..ฐานผลิตอาวุธและกองทัพอวกาศประจำประเทศไทยคือเราในอนาคต เพื่อพิทักษ์ป้องกันภัยรุกรานจากยานต่างดาวที่ไม่ดีในอนาคตได้,มิใช่กากๆแบบเขมรในปัจจุบัน.
    ..ยุคประเทศไทยใหม่ต้องถือกำเนิดขึ้นจริงๆหากทำไม่ได้,นายกฯหรือผู้ปกครองประเทศยังจุดยืนไม่ชัดเจน กากในการปกครองอยู่ก็สมควรสิ้นชาติไทยเถอะ,ยุคสมัยหน้าจะมาทำเล่นๆแบบนักการเมืองปัจจุบันไม่ได้แล้ว,ประชาชนคนไทยเราต้องอัพเลเวลแล้ว,คือเท่าทันโลกค่าจริง ยืนบนความเป็นจริง สายกลางเราจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง.พลังงานล้ำๆเชิงดีงามของจักรวาลไม่ทอดทิ้งประเทศไทยเราหรอก,แต่ถ้ายังเหี้ยอยู่ พระสยามเทวาฯก็อาจละทิ้งประเทศนี้จริงๆนะ,ไทยแตกจะเกิดขึ้นจริง ประชาทุกข์ร้อนจะของจริง,เราจึงต้องกำจัดคนไม่ดีบนแผ่นดินไทยที่มีอำนาจปะปนในเราให้เด็ดขาดจริงจังได้แล้ว,ศัตรูแบบเขมรก็เด็ดขาดด้วย สันดานเชื้อชาตินี้เมื่อเป็นกันทั้งประเทศหมายทำลายไทยชัดเจน ทำลายประชาชนไทยแบบยิวใส่ประชาชนเราแบบไม่สนใจไม่แคร์ความรู้สึกคนไทยมันไม่สมควรเก็บไว้ โลกไม่จำเป็นต้องมีคนลักษณะนี้ประจำโลกก็ได้,ประเทศลักษณะนี้แบบเขมร แบบฝรั่งเศสหรือชาติยุโรปไม่จำเป็นต้องมีบนโลกก็ได้ เราสามารถสร้างสมดุลกันเองได้,เมื่อศัตรูหมายฆ่าคนไทย จะเก็บไว้ทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเหรอ,ถ้าเราแพ้เขมร มันจะทำคนไทยแบบมันทำในเขมรนั้นล่ะจะกดขี่ข่มเหงคนไทยเราแน่นอน,เคสมทภ.1จึงน่าผิดหวังและเสียใจเป็นอันมาก,ท่านรักศัตรูเขมรที่รุกรานคนไทยมากกว่ารักคนไทยจริงๆ,ทหารเขมรและคนเขมรท่านไม่จัดการเด็ดขาดจริงจังด้วยเมื่อต้องเด็ดขาด,นายใหญ่ที่สั่งท่านนั้นคือคนเลว คนไทยไม่สมควรเก็บนายใหญ่นี้ไว้แม้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตัดเด็ดหัวทิ้ง.,เขาทรยศต่อบรรพบุรษไทยตนและบุรพระมหากษัตริย์ตนเองด้วย,ไม่สมควรจงรักและภักดีโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมันด้วย.,เห็นแก่ได้แก่ตัวปกป้องผลประโยชน์ตนในแผ่นดินเขมรและพื้นที่ผลประโยชน์ตนในไทย คนเช่นนี้หนักแผ่นดินไทยต้องสัวหารทิ้งสถานเดียวเป็นภัยต่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกๆคนได้,นายกฯไทยต้องไม่กากและกระจอกอีกต่อไป.,เช่นนั้นประชาชนคนไทยเองจะร่วมกันทำลายชาตินี้ไม่ต้องรอผู้นำผู้ปกครองกากๆก็ได้.บ้านเมืองรุกเป็นไฟมันง่ายมากเมื่อประชาชนภายในประเทศไม่เอาแล้วเช่นกัน.
    ..ดาบมีสองด้านสองคมได้ ค่ำมืดยังมีสว่างแจ้งก็ด้วย,ประชาชนมืดบอดน่ากลัวมากๆ.

    https://youtube.com/watch?v=Y1eqppymLCI&si=8CSuTYkA6JUFttNR
    555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นนายกฯ4เดือนก็จะประกาศผีบ้าแบบนี้ล่ะ,ว่าไทยไม่ต้องการสงครามแต่จำเป็นต้องเป็นผู้เตรียมพร้อมทุกๆยุทธการทางสงครามเพื่อปกป้องและป้องกันประเทศ,ต่อมาจะยกเลิกmou43,44และtor46 ใช้สันปันน้ำกำหนดเส้นเขตแดนกับเขมรทั้งหมดที่มีเสาหมุดอายุกว่า100ปีปักตำตาชัดเจนกว่า73,74เสาเป็นหลักฐานชัดเจนเรื่องเขตแดนและตกลงจบไปนานแล้วกับฝรั่งเศส,เกิดก่อนโคตรพ่อโคตรแมร่งmou43,44นี้อีก,จึงสมควรว่าmou43,44เป็นอันมิชอบและตกไปพร้อมเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยตนเองอีกเรื่องดินแดนผ่นดินประเทศไทยตนเอง ต้องอำนาจพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวจะตัดสินเด็ดขาดได้,ทั้งหมดที่กอดmou43,44มีโทษประหารชีวิตชัดเจน ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนในเจตนาให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยตน ผิดม.119ชัดเจนตั้งแต่mou43,44tor46นี้ร่างเขียนขึ้น,ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด. ..ต่อมา555ในฐานะนายกฯ4เดือน,จะยกเลิกสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งหมด ปรับปรุงให้ทันสมัยจริงมิให้ไทยเสียเปรียบแบบปัจจุบัน,..ประกาศแจกมือถือควอนตัมฟรีแก่คนไทยทั่วประเทศ ให้คนไทยรับตังดิจิดัลทันทีคนละ100,000บาทคอยน์อินทนนท์ทั่วประเทศสู่ยุคใหม่,สังคมไทยจะไม่ใช้เงินสดอีก,กำหนดเงินใต้ดินฟอกเงินทั้งหมดที่อยู่นอกระบบทันที,1คนไทย1บัญชีเงินควอนตัมเท่านั้นและ1หมายเลขโทรศัพท์,ฟรีเน็ตทั่วไทยสำหรับคนไทยทั่วประเทศผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำของไทยเราเอง. ..ต่อมาจะประกาศสร้างรั้วลวดหนามไทยกับเขมร ไทยกับมาเลย์ ไทยกับพม่าทั่วประเทศทันที ลดอาชญากรรมทุกๆมิติต่อประชาชนคนไทยเรา,ควบคุมกำจีดอาชญากรที่ปะปนในไทยได้สะดวก,จากนั้นประกาศจัดตั้งบริษัทคลองขุดกระแห่งชาติไทย ให้หุ้นฟรีๆแก่คนไทยทุกๆคนๆละ10,000หุ้น,ตั้งแต่เกิดจนตาย,บวกหุ้นเพิ่มทุนอีก10,000หุ้นๆละ0.01บาทคอยน์ซื้อเพิ่มสูงสุดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของฮับกิจการสร้างเม็ดเงินมหาศาลแก่คนไทยเราจริงกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีรวมกับแลนด์บริดจ์ซึ่งคนไทยประเทศไทยเราขุดเองดำเนินการเองเป็นเจ้าของเองทั้งหมดจริงร่วมกัน,สร้างฮับสาระพัดฮับศูนย์การค้าตลาดระดับโลกผ่านคลองไทยเราค้าขายระหว่างทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลางกับโซนเอเชียแปซิฟิกมหาสมุทรฝั่งตะวันออกทั้งหมด,คลอง2เลน กว้าง2กม.เมตร เลนละ1กม.คู่ขนานแลนด์บริดจ์รอบข้างทางบก,ใครสะดวกทางใดเชิญเลย,ตลอดพื้นที่ทั่วไทยโดยเฉพาะภาคใต้เราจะสาระพัดฐานบริษัทแม่ต่างชาติทั่วโลกมาตั้งกิจการ นำรายได้เข้าประเทศผ่านบริษัทคลองไทยแห่งชาติเราเป็นอันมาก,ร่ำรวยไปพร้อมๆกัน, ..ฐานผลิตอาวุธและกองทัพอวกาศประจำประเทศไทยคือเราในอนาคต เพื่อพิทักษ์ป้องกันภัยรุกรานจากยานต่างดาวที่ไม่ดีในอนาคตได้,มิใช่กากๆแบบเขมรในปัจจุบัน. ..ยุคประเทศไทยใหม่ต้องถือกำเนิดขึ้นจริงๆหากทำไม่ได้,นายกฯหรือผู้ปกครองประเทศยังจุดยืนไม่ชัดเจน กากในการปกครองอยู่ก็สมควรสิ้นชาติไทยเถอะ,ยุคสมัยหน้าจะมาทำเล่นๆแบบนักการเมืองปัจจุบันไม่ได้แล้ว,ประชาชนคนไทยเราต้องอัพเลเวลแล้ว,คือเท่าทันโลกค่าจริง ยืนบนความเป็นจริง สายกลางเราจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง.พลังงานล้ำๆเชิงดีงามของจักรวาลไม่ทอดทิ้งประเทศไทยเราหรอก,แต่ถ้ายังเหี้ยอยู่ พระสยามเทวาฯก็อาจละทิ้งประเทศนี้จริงๆนะ,ไทยแตกจะเกิดขึ้นจริง ประชาทุกข์ร้อนจะของจริง,เราจึงต้องกำจัดคนไม่ดีบนแผ่นดินไทยที่มีอำนาจปะปนในเราให้เด็ดขาดจริงจังได้แล้ว,ศัตรูแบบเขมรก็เด็ดขาดด้วย สันดานเชื้อชาตินี้เมื่อเป็นกันทั้งประเทศหมายทำลายไทยชัดเจน ทำลายประชาชนไทยแบบยิวใส่ประชาชนเราแบบไม่สนใจไม่แคร์ความรู้สึกคนไทยมันไม่สมควรเก็บไว้ โลกไม่จำเป็นต้องมีคนลักษณะนี้ประจำโลกก็ได้,ประเทศลักษณะนี้แบบเขมร แบบฝรั่งเศสหรือชาติยุโรปไม่จำเป็นต้องมีบนโลกก็ได้ เราสามารถสร้างสมดุลกันเองได้,เมื่อศัตรูหมายฆ่าคนไทย จะเก็บไว้ทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเหรอ,ถ้าเราแพ้เขมร มันจะทำคนไทยแบบมันทำในเขมรนั้นล่ะจะกดขี่ข่มเหงคนไทยเราแน่นอน,เคสมทภ.1จึงน่าผิดหวังและเสียใจเป็นอันมาก,ท่านรักศัตรูเขมรที่รุกรานคนไทยมากกว่ารักคนไทยจริงๆ,ทหารเขมรและคนเขมรท่านไม่จัดการเด็ดขาดจริงจังด้วยเมื่อต้องเด็ดขาด,นายใหญ่ที่สั่งท่านนั้นคือคนเลว คนไทยไม่สมควรเก็บนายใหญ่นี้ไว้แม้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตัดเด็ดหัวทิ้ง.,เขาทรยศต่อบรรพบุรษไทยตนและบุรพระมหากษัตริย์ตนเองด้วย,ไม่สมควรจงรักและภักดีโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมันด้วย.,เห็นแก่ได้แก่ตัวปกป้องผลประโยชน์ตนในแผ่นดินเขมรและพื้นที่ผลประโยชน์ตนในไทย คนเช่นนี้หนักแผ่นดินไทยต้องสัวหารทิ้งสถานเดียวเป็นภัยต่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกๆคนได้,นายกฯไทยต้องไม่กากและกระจอกอีกต่อไป.,เช่นนั้นประชาชนคนไทยเองจะร่วมกันทำลายชาตินี้ไม่ต้องรอผู้นำผู้ปกครองกากๆก็ได้.บ้านเมืองรุกเป็นไฟมันง่ายมากเมื่อประชาชนภายในประเทศไม่เอาแล้วเช่นกัน. ..ดาบมีสองด้านสองคมได้ ค่ำมืดยังมีสว่างแจ้งก็ด้วย,ประชาชนมืดบอดน่ากลัวมากๆ. https://youtube.com/watch?v=Y1eqppymLCI&si=8CSuTYkA6JUFttNR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2)
    ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น
    ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน
    แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา)
    แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
    อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
    สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013
    รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย
    รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว)
    คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ)
    ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !)
    คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้)
    เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !)
    แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา
    อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่
    สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา
    ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า)
    อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
    นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง)
    ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2) ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา) แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว) คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ) ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !) คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้) เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !) แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่ สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า) อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง) ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ไทยนี้รักสงบ,แต่ถึงรบไม่ขลาด.
    ..อยากเห็นที่สุดคือทหารไทยเราร่วมกันกำจัดนายพลทหารเลวชั่วในวงการทหารไทยเราจริงๆ,คือจะระดับไหนก็ตาม ถ้าแม่ทัพนายพลทหารไทยนั้นเลวชั่วก็หันกระบอกปืนยิงหัวมันทิ้งเถอะ.อย่าร่วมเก็บรักษานายพลทหารไทยเลวชั่วนี้ส่งต่อไปสู่รุ่นสืบรุ่นลูกรุ่นหลานเราเลย.ให้มันจบในรุ่นท่านนั้นล่ะ อย่าร่วมรับใช้นายพลทหารไทยเลวชั่วนี้อีกเลย,นายพลดีๆต้องร่วมกันกำจัดนายพลชั่วเลวนั้นสิ,หรือประเทศไทยเราโดยมีนายพลดีๆจะร่วมกันปกปิดนายพลชั่วเลวเหล่านี้ไว้สืบทอดเป็นมรดกแก่รุ่นต่อไปนะ, นายพลทหารไทยเราที่ดีๆเด็ดหัวนายพลทหารไทยที่ชั่วเลวได้แล้ว,หากินในคราบนายพลทหารไทยนานพอแล้ว,ส่วนกลางส่วนกลางผีบ้าเหล่านั้น นายพลทหารไทยดีๆเราคงมีสายข่าวรับรู้กันจริงหมด,นี้ไงกฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นภัยร้ายแรงมากต่อคนทั่วไปใดๆจะด่าวากล่าวมโนเหี้ยใส่คนไม่ดีแฉแบบไหนก็ได้,เอยชื่อก็ได้ ด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งก็ได้ จริงเท็จคนไทยตรองร่วมกันเองได้บวกพยานหลักฐานมาร่วมกันแฉก็ได้,มิใช่แค่ศาลอย่างเป็นทางการใดๆ,สังคมไทยต้องควบคุมคนไม่ดีลักษณะยุทธการแบบนี้ได้,ต้องยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาททันที,แบบพลทหารหน้างานจะแฉจะเอยชื่อส่วนกลางใครนายใหญ่ห่าเหวอะไรก็เอยชื่อบอกประชาชนตรงๆได้ ไม่มีเหี้ยตัวใดจะอ้างกฎหมายมาเอาผิดได้อีกแล้ว จริงก็ต้องรับฟัง เท็จก็ตอบโต้ได้ เดินไปตบหัวทุบตีมันได้ว่าโกหก ส่วนเขาจะสวนก็อีกเรื่อง.,คนชั่วเท่านั้นที่พยายามออกกฎหมายหมิ่นประมาทมาคุ้มหัวคุ้มครองตนเองพวกตนเอง,แบบชั้นความลับ ลับธรรมดา ลับมาก มากถึงที่สุดโคตรๆก็ว่าไป,ค่าความชั่วปกปิดปิดบังส่วนใหญ่จะไปทางชั่วมากกว่าทางดี รู้กันแค่เรานะมรึงเป็นต้น กูเซ็นตกลงทางลับยกดินแดนไทยให้เขมรแบบมรึงตลอดแนวพรมแดนนะก็ว่า,

    ..เขมรไว้ใจไม่ได้ ถ้ามันไม่ตาย เรานั้นล่ะตาย.
    ..ciaวางหมากให้ไร้นายกฯก็เป็นแผนหนึ่งเพื่อจะไม่มีนายกฯไปประกาศอย่างเป็นทางการได้ว่า "ไทยเข้าสู้ภาวะสงคราม"ciaจึงปล่อยคลิปหลุดออกมาก่อน,โดยสั่งฮุนเซนดำเนินการ,เพราะตนจะได้เปรียบตลอดการรบ,เพราะถ้าไทยมีนายกฯแล้วประกาศว่าไทยเข้าสู่ภาวะสงครามกับเขมร ฮุนเซนจะถูกเด็ดหัวทันทีจนกว่าสงครามจะสงบสุข กฎอัยการศึกจะทั่วประเทศไทย รัฐบาลจะมอบอำนาจด้วยกฎอัยการศึกทันที,มิใช่กฎอัยการศึกผีบ้าแบบบ้านหนองจาน ใช้กฎอัยการศึกไปทางมิชอบ ละเว้นความเคร่งครัดด้วยวิถีความเป็นกฎอัยการศึก,ทหารไทยจะทำสงครามเต็มรูปแบยกับฮุนเซนและถล่มใจกลางกรุงพนมเปญโดยชอบธรรมทันที.,ฮุนเซนฮุนมาเนตตายแน่นอน,จึงตัดตอนมิให้ได้มีนายกฯ.นี้นัยยะการละครของciaด้านหนึ่งแน่ๆ.เป้าหมายสร้างความโกลาหลวุ่นวายไม่สงบในภูมิภาคนี้,จะสงบไม่ได้ ,ถ้าไทยถล่มเขมรชนะciaจะถูกตัดแขนขามือไม้ไปอีกข้างทันทีในการก่อความไม่สงบสุขในภูมิภาคนี้และไทยด้วย,อเมริกาจึงรีบกระโดดเข้ามาห้ามอย่างรวดเร็วเดี๋ยวไทยชนะเขมรเราอเมริกาจะปั่นป่วนความไม่สงบสุขในภูมิภาคนี้ไม่ได้.เสียแผนการทั้งหมด 1:200,000ก็อาจหลุดมือไปด้วย ไทยสั่งยึดสันปันน้ำและเสาหลักหมุดสยามเดิมด้วยคือ1:1จะจบทันที ทั้งใช้พิกัดดาวเทียมละเอียดสูงขีดพรมแดนให้เป็นธรรมทั้งสองฝ่ายด้วย,ผลประโยชน์มากมายกว่า10-20ล้านล้านบาทในอ่าวไทยบ่อน้ำมันในอ่าวไทยที่จะขีดเส้นแดนเอาเปรียบไทยด้วยการลากเส้นใหม่กินลึกใจกลางอ่าวไทยแต่เป็นของไทยจะเป็นของเขมรไม่ได้ .,และไทยอาจยึดคืนพื้นที่ดินแดนเดิมที่ฝรั่งเศสคืนผิดเจ้าของ ไทยอาจได้คืนทั้งหมดด้วย ยิ่งจะลากเขตเส้นแดนใหม่ เขมรอาจไม่มีพื้นที่ทางทะเลเลย,

    https://youtube.com/shorts/W5x5FAxiZTA?si=ycaaSav9kXX1jaQA
    ..ไทยนี้รักสงบ,แต่ถึงรบไม่ขลาด. ..อยากเห็นที่สุดคือทหารไทยเราร่วมกันกำจัดนายพลทหารเลวชั่วในวงการทหารไทยเราจริงๆ,คือจะระดับไหนก็ตาม ถ้าแม่ทัพนายพลทหารไทยนั้นเลวชั่วก็หันกระบอกปืนยิงหัวมันทิ้งเถอะ.อย่าร่วมเก็บรักษานายพลทหารไทยเลวชั่วนี้ส่งต่อไปสู่รุ่นสืบรุ่นลูกรุ่นหลานเราเลย.ให้มันจบในรุ่นท่านนั้นล่ะ อย่าร่วมรับใช้นายพลทหารไทยเลวชั่วนี้อีกเลย,นายพลดีๆต้องร่วมกันกำจัดนายพลชั่วเลวนั้นสิ,หรือประเทศไทยเราโดยมีนายพลดีๆจะร่วมกันปกปิดนายพลชั่วเลวเหล่านี้ไว้สืบทอดเป็นมรดกแก่รุ่นต่อไปนะ, นายพลทหารไทยเราที่ดีๆเด็ดหัวนายพลทหารไทยที่ชั่วเลวได้แล้ว,หากินในคราบนายพลทหารไทยนานพอแล้ว,ส่วนกลางส่วนกลางผีบ้าเหล่านั้น นายพลทหารไทยดีๆเราคงมีสายข่าวรับรู้กันจริงหมด,นี้ไงกฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นภัยร้ายแรงมากต่อคนทั่วไปใดๆจะด่าวากล่าวมโนเหี้ยใส่คนไม่ดีแฉแบบไหนก็ได้,เอยชื่อก็ได้ ด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งก็ได้ จริงเท็จคนไทยตรองร่วมกันเองได้บวกพยานหลักฐานมาร่วมกันแฉก็ได้,มิใช่แค่ศาลอย่างเป็นทางการใดๆ,สังคมไทยต้องควบคุมคนไม่ดีลักษณะยุทธการแบบนี้ได้,ต้องยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาททันที,แบบพลทหารหน้างานจะแฉจะเอยชื่อส่วนกลางใครนายใหญ่ห่าเหวอะไรก็เอยชื่อบอกประชาชนตรงๆได้ ไม่มีเหี้ยตัวใดจะอ้างกฎหมายมาเอาผิดได้อีกแล้ว จริงก็ต้องรับฟัง เท็จก็ตอบโต้ได้ เดินไปตบหัวทุบตีมันได้ว่าโกหก ส่วนเขาจะสวนก็อีกเรื่อง.,คนชั่วเท่านั้นที่พยายามออกกฎหมายหมิ่นประมาทมาคุ้มหัวคุ้มครองตนเองพวกตนเอง,แบบชั้นความลับ ลับธรรมดา ลับมาก มากถึงที่สุดโคตรๆก็ว่าไป,ค่าความชั่วปกปิดปิดบังส่วนใหญ่จะไปทางชั่วมากกว่าทางดี รู้กันแค่เรานะมรึงเป็นต้น กูเซ็นตกลงทางลับยกดินแดนไทยให้เขมรแบบมรึงตลอดแนวพรมแดนนะก็ว่า, ..เขมรไว้ใจไม่ได้ ถ้ามันไม่ตาย เรานั้นล่ะตาย. ..ciaวางหมากให้ไร้นายกฯก็เป็นแผนหนึ่งเพื่อจะไม่มีนายกฯไปประกาศอย่างเป็นทางการได้ว่า "ไทยเข้าสู้ภาวะสงคราม"ciaจึงปล่อยคลิปหลุดออกมาก่อน,โดยสั่งฮุนเซนดำเนินการ,เพราะตนจะได้เปรียบตลอดการรบ,เพราะถ้าไทยมีนายกฯแล้วประกาศว่าไทยเข้าสู่ภาวะสงครามกับเขมร ฮุนเซนจะถูกเด็ดหัวทันทีจนกว่าสงครามจะสงบสุข กฎอัยการศึกจะทั่วประเทศไทย รัฐบาลจะมอบอำนาจด้วยกฎอัยการศึกทันที,มิใช่กฎอัยการศึกผีบ้าแบบบ้านหนองจาน ใช้กฎอัยการศึกไปทางมิชอบ ละเว้นความเคร่งครัดด้วยวิถีความเป็นกฎอัยการศึก,ทหารไทยจะทำสงครามเต็มรูปแบยกับฮุนเซนและถล่มใจกลางกรุงพนมเปญโดยชอบธรรมทันที.,ฮุนเซนฮุนมาเนตตายแน่นอน,จึงตัดตอนมิให้ได้มีนายกฯ.นี้นัยยะการละครของciaด้านหนึ่งแน่ๆ.เป้าหมายสร้างความโกลาหลวุ่นวายไม่สงบในภูมิภาคนี้,จะสงบไม่ได้ ,ถ้าไทยถล่มเขมรชนะciaจะถูกตัดแขนขามือไม้ไปอีกข้างทันทีในการก่อความไม่สงบสุขในภูมิภาคนี้และไทยด้วย,อเมริกาจึงรีบกระโดดเข้ามาห้ามอย่างรวดเร็วเดี๋ยวไทยชนะเขมรเราอเมริกาจะปั่นป่วนความไม่สงบสุขในภูมิภาคนี้ไม่ได้.เสียแผนการทั้งหมด 1:200,000ก็อาจหลุดมือไปด้วย ไทยสั่งยึดสันปันน้ำและเสาหลักหมุดสยามเดิมด้วยคือ1:1จะจบทันที ทั้งใช้พิกัดดาวเทียมละเอียดสูงขีดพรมแดนให้เป็นธรรมทั้งสองฝ่ายด้วย,ผลประโยชน์มากมายกว่า10-20ล้านล้านบาทในอ่าวไทยบ่อน้ำมันในอ่าวไทยที่จะขีดเส้นแดนเอาเปรียบไทยด้วยการลากเส้นใหม่กินลึกใจกลางอ่าวไทยแต่เป็นของไทยจะเป็นของเขมรไม่ได้ .,และไทยอาจยึดคืนพื้นที่ดินแดนเดิมที่ฝรั่งเศสคืนผิดเจ้าของ ไทยอาจได้คืนทั้งหมดด้วย ยิ่งจะลากเขตเส้นแดนใหม่ เขมรอาจไม่มีพื้นที่ทางทะเลเลย, https://youtube.com/shorts/W5x5FAxiZTA?si=ycaaSav9kXX1jaQA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยเก่งดีมีคุณธรรมเยอะแยะมาก,ปะปนในสังคมไทยเราทั่วบ้านทั่วเมือง.,แต่ด้วยวิถีปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลวจึงไม่สามารถส่งเสริมสนับสนุนดึงศักยภาพเหล่านี้ขึ้นร่วมปกครองดูแลปกป้องแผ่นดินไทยตนเต็มกำลังเต็มที่เต็มสูบได้.

    https://youtube.com/shorts/dC61f_eRX24?si=CGsO0FZmbddykKGo
    คนไทยเก่งดีมีคุณธรรมเยอะแยะมาก,ปะปนในสังคมไทยเราทั่วบ้านทั่วเมือง.,แต่ด้วยวิถีปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลวจึงไม่สามารถส่งเสริมสนับสนุนดึงศักยภาพเหล่านี้ขึ้นร่วมปกครองดูแลปกป้องแผ่นดินไทยตนเต็มกำลังเต็มที่เต็มสูบได้. https://youtube.com/shorts/dC61f_eRX24?si=CGsO0FZmbddykKGo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP29 | เปิดโลกอาหารอาหรับ ฉบับฮาลาล

    อาหารอาหรับไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหาร แต่คือเรื่องราวของวัฒนธรรม ศรัทธา และรากเหง้าที่ส่งต่อผ่านรสชาติและวิถีชีวิต

    ในตอนนี้ รายการจะพาไปรู้จักกับอาหารอาหรับฉบับฮาลาลที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เครื่องเทศ และการปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยยังคงรักษาหลักศาสนาและความสะอาดตามมาตรฐานฮาลาลอย่างเคร่งครัด

    จากข้าวมันอาหรับ เมนูเนื้อแกะ ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม ทุกจานสะท้อนวิถีชีวิตของชาวอาหรับ และความผูกพันที่เชื่อมโยงกับชุมชนมุสลิมไทยในปัจจุบัน

    ติดตามการเปิดโลกแห่งรสชาติใหม่ พร้อมเรื่องราวของผู้ประกอบการฮาลาลที่หลงใหลในอาหารอาหรับ และนำมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทย

    #สลามเมืองไทย #EP29 #อาหารอาหรับ #อาหารฮาลาล #ArabHalalFood #เปิดโลกอาหารฮาลาล #วัฒนธรรมอาหรับ #MuslimFoodCulture #ThaiMuslimCommunity #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP29 | เปิดโลกอาหารอาหรับ ฉบับฮาลาล อาหารอาหรับไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหาร แต่คือเรื่องราวของวัฒนธรรม ศรัทธา และรากเหง้าที่ส่งต่อผ่านรสชาติและวิถีชีวิต ในตอนนี้ รายการจะพาไปรู้จักกับอาหารอาหรับฉบับฮาลาลที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องวัตถุดิบ เครื่องเทศ และการปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยยังคงรักษาหลักศาสนาและความสะอาดตามมาตรฐานฮาลาลอย่างเคร่งครัด จากข้าวมันอาหรับ เมนูเนื้อแกะ ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม ทุกจานสะท้อนวิถีชีวิตของชาวอาหรับ และความผูกพันที่เชื่อมโยงกับชุมชนมุสลิมไทยในปัจจุบัน ติดตามการเปิดโลกแห่งรสชาติใหม่ พร้อมเรื่องราวของผู้ประกอบการฮาลาลที่หลงใหลในอาหารอาหรับ และนำมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักในสังคมไทย #สลามเมืองไทย #EP29 #อาหารอาหรับ #อาหารฮาลาล #ArabHalalFood #เปิดโลกอาหารฮาลาล #วัฒนธรรมอาหรับ #MuslimFoodCulture #ThaiMuslimCommunity #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 507 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ผิดก็ไม่ถูกลงโทษติดคุกอะไร,ประชาชนเด็กๆและเกือบหมดครอบครัวเขาตายไปจริงๆนะเพราะรัฐบาลทั้งคณะพวกนี้ด้วย.,การปกครองเราอ่อนหัดต่อผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อบ้านเมือง แต่มืออาชีพจับประชาชนติดคุกยัดข้อหาได้ทุกๆรูปผิดอะไรผูกทั้งปรับทั้งจำคุกทั้งประหารชีวิตแต่ถ้ารัฐบาลทำผิดซึ่งคือสส.ที่เป็นพรรคหลักพรรคร่วมเป็นครม.ของพรรคหลักพรรคร่วม กลับไม่ถูกลงโทษใดๆจริงจัง,ระบบศาลลงโทษคนประเภทนี้มีปัญหามาก แต่กับประชาชนเคี้ยวลากไส้ ดูกรณีบ้านหนองจานที่ฟ้องร้องอะไรก็ไร้ผล พึ่งอะไรหน่วยงานรัฐได้จริง,จนต้องพึ่งตนเองอย่างอ.วีระเข้าช่วยที่มีหน้ามีตาในสังคมไทยผู้คนรับรู้,
    ..คดีนี้หากตัดสินว่านายกฯรอด ต้องยอมรับว่าประเทศไทยสมควรล้มละลายพังพินาศ,ไม่สมควรที่ประชาชนคนไทยต้องคงไว้ซึ่งระบบอุบาทก์นี้ไว้อีก,เรา..ประชาชนจะร่วมกันกวาดล้างกันเองสร้างประเทศขึ้นใหม่เอง,ระบบเก่าทั้งหมดต้องพัง,หรือไม่ก็ปล่อยให้มันพังพินาศตามที่มันเป็นปัจจุบันเอง,อยากให้เป็นแบบนี้ นั้นแสดงว่า อำนาจและกำลังเท่านั้นคือยุติธรรมกับใคร?.

    https://youtube.com/watch?v=4ou6WZvWPwY&si=vIMy0ZEzJbj3Gdzd
    ผิดก็ไม่ถูกลงโทษติดคุกอะไร,ประชาชนเด็กๆและเกือบหมดครอบครัวเขาตายไปจริงๆนะเพราะรัฐบาลทั้งคณะพวกนี้ด้วย.,การปกครองเราอ่อนหัดต่อผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อบ้านเมือง แต่มืออาชีพจับประชาชนติดคุกยัดข้อหาได้ทุกๆรูปผิดอะไรผูกทั้งปรับทั้งจำคุกทั้งประหารชีวิตแต่ถ้ารัฐบาลทำผิดซึ่งคือสส.ที่เป็นพรรคหลักพรรคร่วมเป็นครม.ของพรรคหลักพรรคร่วม กลับไม่ถูกลงโทษใดๆจริงจัง,ระบบศาลลงโทษคนประเภทนี้มีปัญหามาก แต่กับประชาชนเคี้ยวลากไส้ ดูกรณีบ้านหนองจานที่ฟ้องร้องอะไรก็ไร้ผล พึ่งอะไรหน่วยงานรัฐได้จริง,จนต้องพึ่งตนเองอย่างอ.วีระเข้าช่วยที่มีหน้ามีตาในสังคมไทยผู้คนรับรู้, ..คดีนี้หากตัดสินว่านายกฯรอด ต้องยอมรับว่าประเทศไทยสมควรล้มละลายพังพินาศ,ไม่สมควรที่ประชาชนคนไทยต้องคงไว้ซึ่งระบบอุบาทก์นี้ไว้อีก,เรา..ประชาชนจะร่วมกันกวาดล้างกันเองสร้างประเทศขึ้นใหม่เอง,ระบบเก่าทั้งหมดต้องพัง,หรือไม่ก็ปล่อยให้มันพังพินาศตามที่มันเป็นปัจจุบันเอง,อยากให้เป็นแบบนี้ นั้นแสดงว่า อำนาจและกำลังเท่านั้นคือยุติธรรมกับใคร?. https://youtube.com/watch?v=4ou6WZvWPwY&si=vIMy0ZEzJbj3Gdzd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • สายลับมีหลายระดับ ล่างสุดก่อการร้ายทั่วกรุงเทพฯจากสายลับระดับกลางแบบเป็นเจ้าของธุรกิจในไทยเลย คนไทยหน้าม้า นำเข้าผ่านวิธีการรับแรงงานเขมร ต่ออายุงานคนเขมรหรือนักรับจ้างมันที่จ้างไว้ในบริษัทกิจการในไทยของพวกมันของพวกระดับกลางชนชั้นกลางปะปนในสังคมไทยเรา,ระดับสูงคือนักการเมือง ข้าราชการเพราะอำนวยทางให้,ไส้ศึกผสมสายลับในตัว,คุ้มกันคนพวกมันในไทยให้มากที่สุด,ยิ่งนายกฯคลิปหลุดว่าทหารไทยคือแม่ทัพภาค2เป็นฝ่ายตรงข้ามเราอีกยิ่งชัดเจน,สอบลับๆถูกทางแล้ว,เป็นข่าวหน่อยแบบนี้ก็ถูกต้องด้วยเพราะเตือนภัยให้ประชาชนระวังพวกมันจริงจังร่วมกันด้วย,หูตาประชาชนสามารถมีมากมายกว่าเจ้าหน้าที่ หลบซ่อนผิดปกติแบบไหนประชาชนร่วมเข้าจัดการได้ทันที.

    ..ตอนนี้ยิ่งต้องเป็นยามร่วมกันทั่วกรุงฯทั่วพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด.
    ..ปัจจุบันมีสายลับเข้ามาตลอดแน่นอน รวมพวกเดิมที่ฝังตัวปกติก็ด้วย ทะเบียนคนเขมรต้องเรียลไทม์แจ้งสถานะว่าทำงานหรือหยุดอยู่ที่พัก, หอพักห้องเช่า คอนโดตึกแถว ต้องรายงานตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของการเคลื่อนย้ายตัวตนที่อยู่ที่อาศัยของคนเขมรในไทยทัังหมด มีเอกสารตัวตนระบุคนเข้าพักแน่นอน.ปลอมตัวเป็นคนชาติอื่นเนียนๆก็ไม่รอดสายตาคนไทยหรอกหากร่วมมือกัน เป็นยามร่วมกัน มันวางระเบิดตึก ที่พักอาศัย คอนโดต่างๆ โรงแรมต่างๆปฏิบัติภาระกิจกดปุ่มจริงมันไม่กี่วินะ.,พังพินาศเลย นี้จึงต้องอย่าใจดีให้ศัตรูคนเผ่าข้าศึกเราอยู่ด้วยกับเราทุกๆกรณีถีบออกไปก่อน สงครามสงบสุขค่อยว่ากัน.,
    ..ประชาชนจึงหมดความไว้วางใจในรัฐบาลชุดอำนาจนี้แล้ว ,ต้องทำให้สิ้นอำนาจและไปๆพ้นจากการเป็นรัฐบาลทั้งหมด.

    https://youtube.com/shorts/WRMfhbAdGOg?si=kUh2IuB5sKmN5GXx
    สายลับมีหลายระดับ ล่างสุดก่อการร้ายทั่วกรุงเทพฯจากสายลับระดับกลางแบบเป็นเจ้าของธุรกิจในไทยเลย คนไทยหน้าม้า นำเข้าผ่านวิธีการรับแรงงานเขมร ต่ออายุงานคนเขมรหรือนักรับจ้างมันที่จ้างไว้ในบริษัทกิจการในไทยของพวกมันของพวกระดับกลางชนชั้นกลางปะปนในสังคมไทยเรา,ระดับสูงคือนักการเมือง ข้าราชการเพราะอำนวยทางให้,ไส้ศึกผสมสายลับในตัว,คุ้มกันคนพวกมันในไทยให้มากที่สุด,ยิ่งนายกฯคลิปหลุดว่าทหารไทยคือแม่ทัพภาค2เป็นฝ่ายตรงข้ามเราอีกยิ่งชัดเจน,สอบลับๆถูกทางแล้ว,เป็นข่าวหน่อยแบบนี้ก็ถูกต้องด้วยเพราะเตือนภัยให้ประชาชนระวังพวกมันจริงจังร่วมกันด้วย,หูตาประชาชนสามารถมีมากมายกว่าเจ้าหน้าที่ หลบซ่อนผิดปกติแบบไหนประชาชนร่วมเข้าจัดการได้ทันที. ..ตอนนี้ยิ่งต้องเป็นยามร่วมกันทั่วกรุงฯทั่วพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด. ..ปัจจุบันมีสายลับเข้ามาตลอดแน่นอน รวมพวกเดิมที่ฝังตัวปกติก็ด้วย ทะเบียนคนเขมรต้องเรียลไทม์แจ้งสถานะว่าทำงานหรือหยุดอยู่ที่พัก, หอพักห้องเช่า คอนโดตึกแถว ต้องรายงานตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของการเคลื่อนย้ายตัวตนที่อยู่ที่อาศัยของคนเขมรในไทยทัังหมด มีเอกสารตัวตนระบุคนเข้าพักแน่นอน.ปลอมตัวเป็นคนชาติอื่นเนียนๆก็ไม่รอดสายตาคนไทยหรอกหากร่วมมือกัน เป็นยามร่วมกัน มันวางระเบิดตึก ที่พักอาศัย คอนโดต่างๆ โรงแรมต่างๆปฏิบัติภาระกิจกดปุ่มจริงมันไม่กี่วินะ.,พังพินาศเลย นี้จึงต้องอย่าใจดีให้ศัตรูคนเผ่าข้าศึกเราอยู่ด้วยกับเราทุกๆกรณีถีบออกไปก่อน สงครามสงบสุขค่อยว่ากัน., ..ประชาชนจึงหมดความไว้วางใจในรัฐบาลชุดอำนาจนี้แล้ว ,ต้องทำให้สิ้นอำนาจและไปๆพ้นจากการเป็นรัฐบาลทั้งหมด. https://youtube.com/shorts/WRMfhbAdGOg?si=kUh2IuB5sKmN5GXx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริงๆประชาชน สมควรตั้งสติคิดกันได้แล้วนะ จะลงโทษเจ้าสัวคณะกรรมการบริษัทและพวกผู้ถือหุ้นนี้อย่างไร ทั้งพวกต่างชาติที่ถือหุ้นในกิจการนี้ด้วย.
    ..เรา..ประชาชนร่วมใจกันแบนกิจการพวกนี้น่าจะดีนะ,สินค้าต่างๆพวกนี้ด้วย เลิกเข้าห้างพวกนี้ทั้งหมด จะซื้อถามก่อนว่าสินค้ามาจากห้างส่งพวกนี้ด้วยมั้ยหรือชาวบ้านทำเอง,ชาวบ้านเราก็เริ่มทำให้ดี มีคุณภาพรับกระแสกว่าเดิมด้วย จากสะอาดก็สะอาดละเอียดขึ้น,มาตรฐานดีขึ้น,ร่วมกันแบนสินค้าเจ้าสัวพวกนี้,ใครบริจาคอะไร กิจการไหนทำดีอย่างไร รวบรวมไว้ให้คนไทยตื่นรู้เข้าใจสันดานนิสัยคนพวกนี้ที่หากินบนแผ่นดินไทยกับประชาชนคนไทยเรา,บริษัทต่างชาติที่ตั้งบริษัทในไทย มีส่วนร่วมรักษาอธิปไตยไทยเราที่พวกมันมาตั้งฐานตั้งบริษัทกิจการหาเงินกับคนไทยเรา ใช้แผ่นดินไทยทำมาหาแดกบนแผ่นดินไทนเรา มันๆเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยช่วยเหลือประชาชนคนไทยยามเราลำบากมีบริษัทกิจการไหนบ้าง เราสร้างแพลตฟอร์มรวบร่วมคุณความดีเขาเหล่านั้นด้วย เราจะได้ไม่ทำให้เขาลำบากเสียตังเสียสละเงินทองเปล่าประโยชน์หรือขาดสภาพคล่องจนอาจปิดกิจการไป,ได้มาสนับสนุนสินค้าบริการเขาถูกคน,กิิจการใดเนรคุณหมายผลประโยชน์เงินทองจากคนไทยอย่างเดียวเราไม่สมควรสนับสนุนสร้างชื่อเสียงมันอีก,แบนได้แบนเลย ประจานได้ประจานเลย.,กฎหมายหมิ่นประมาทจึงต้องฉีกทิ้งดีที่สุด,สังคมชุมชนเราจะต้องควบคุมกันเอง มิใช่ใช้กฎหมายบีบกดทัพประชาชน.

    ..ถึงเวลารวบรวมใครช่วยเหลือคนไทยเราบ้างเมื่อคนไทยเราเดือดร้อน แม้คนช่วยเหลือเขาไม่ใส่ใจ แต่เราก็สมควรจดรายชื่อเขาในความเสียสละนั้นไว้ว่าเขาไม่ถูกทอดทิ้งมิให้ใครไม่จดจำเขาได้แม้เล็กน้อยก็ตาม.,แผนกติดตามความดีภาคประชาชน เราต้องมีจริงๆจังๆเช่นกัน แม้พยายามบันทึกความดีผู้คนให้มากที่สุดที่ท่านเหล่านั้นไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับคืนแต่เมื่อคนไทยเราย้อนไปเปิดอ่านรายชื่อดู มีชื่อคุณความดีเขาอยู่ในทำเนียบรายชื่อผู้ทำดีด้วย จะจรรโลงสร้างคนไทยรุ่นต่อไปว่าการทำความดีแม้ต่อหน้าหรือปิดทองหลังพระความดีเขาจะเป็นที่จดจำเสมอและส่งต่อแก่รุ่นๆต่อไปจนถึงที่สุด,สังคมไทยเราจะอัพเรเวลตนเองแบบไม่รู้ตัว,ยกจิตยกใจอัตโนมัติขึ้นๆไปอีกนั้นเอง.

    ..ถึงเวลาแบนสันดานคนที่หาแดกทำกินหาแดกบนแผ่นดินไทยอย่างเดียวได้แล้ว.

    https://youtube.com/shorts/kS-5t3x8Wu8?si=051BtAlwP9HXYXw0
    จริงๆประชาชน สมควรตั้งสติคิดกันได้แล้วนะ จะลงโทษเจ้าสัวคณะกรรมการบริษัทและพวกผู้ถือหุ้นนี้อย่างไร ทั้งพวกต่างชาติที่ถือหุ้นในกิจการนี้ด้วย. ..เรา..ประชาชนร่วมใจกันแบนกิจการพวกนี้น่าจะดีนะ,สินค้าต่างๆพวกนี้ด้วย เลิกเข้าห้างพวกนี้ทั้งหมด จะซื้อถามก่อนว่าสินค้ามาจากห้างส่งพวกนี้ด้วยมั้ยหรือชาวบ้านทำเอง,ชาวบ้านเราก็เริ่มทำให้ดี มีคุณภาพรับกระแสกว่าเดิมด้วย จากสะอาดก็สะอาดละเอียดขึ้น,มาตรฐานดีขึ้น,ร่วมกันแบนสินค้าเจ้าสัวพวกนี้,ใครบริจาคอะไร กิจการไหนทำดีอย่างไร รวบรวมไว้ให้คนไทยตื่นรู้เข้าใจสันดานนิสัยคนพวกนี้ที่หากินบนแผ่นดินไทยกับประชาชนคนไทยเรา,บริษัทต่างชาติที่ตั้งบริษัทในไทย มีส่วนร่วมรักษาอธิปไตยไทยเราที่พวกมันมาตั้งฐานตั้งบริษัทกิจการหาเงินกับคนไทยเรา ใช้แผ่นดินไทยทำมาหาแดกบนแผ่นดินไทนเรา มันๆเข้าร่วมปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยช่วยเหลือประชาชนคนไทยยามเราลำบากมีบริษัทกิจการไหนบ้าง เราสร้างแพลตฟอร์มรวบร่วมคุณความดีเขาเหล่านั้นด้วย เราจะได้ไม่ทำให้เขาลำบากเสียตังเสียสละเงินทองเปล่าประโยชน์หรือขาดสภาพคล่องจนอาจปิดกิจการไป,ได้มาสนับสนุนสินค้าบริการเขาถูกคน,กิิจการใดเนรคุณหมายผลประโยชน์เงินทองจากคนไทยอย่างเดียวเราไม่สมควรสนับสนุนสร้างชื่อเสียงมันอีก,แบนได้แบนเลย ประจานได้ประจานเลย.,กฎหมายหมิ่นประมาทจึงต้องฉีกทิ้งดีที่สุด,สังคมชุมชนเราจะต้องควบคุมกันเอง มิใช่ใช้กฎหมายบีบกดทัพประชาชน. ..ถึงเวลารวบรวมใครช่วยเหลือคนไทยเราบ้างเมื่อคนไทยเราเดือดร้อน แม้คนช่วยเหลือเขาไม่ใส่ใจ แต่เราก็สมควรจดรายชื่อเขาในความเสียสละนั้นไว้ว่าเขาไม่ถูกทอดทิ้งมิให้ใครไม่จดจำเขาได้แม้เล็กน้อยก็ตาม.,แผนกติดตามความดีภาคประชาชน เราต้องมีจริงๆจังๆเช่นกัน แม้พยายามบันทึกความดีผู้คนให้มากที่สุดที่ท่านเหล่านั้นไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับคืนแต่เมื่อคนไทยเราย้อนไปเปิดอ่านรายชื่อดู มีชื่อคุณความดีเขาอยู่ในทำเนียบรายชื่อผู้ทำดีด้วย จะจรรโลงสร้างคนไทยรุ่นต่อไปว่าการทำความดีแม้ต่อหน้าหรือปิดทองหลังพระความดีเขาจะเป็นที่จดจำเสมอและส่งต่อแก่รุ่นๆต่อไปจนถึงที่สุด,สังคมไทยเราจะอัพเรเวลตนเองแบบไม่รู้ตัว,ยกจิตยกใจอัตโนมัติขึ้นๆไปอีกนั้นเอง. ..ถึงเวลาแบนสันดานคนที่หาแดกทำกินหาแดกบนแผ่นดินไทยอย่างเดียวได้แล้ว. https://youtube.com/shorts/kS-5t3x8Wu8?si=051BtAlwP9HXYXw0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี้คือความผิดปกติของสังคมเรา,และทั่วโลก,ตังคือชีวิต ค่าครองชีพทุกๆวันนี้สาหัสจริงๆ,วิถีปกครองเราเองคือปัญหา ผัดมัดตัง และเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายรายจ่ายในสังคมเกินไปจริงๆ,สินค้าแพง ของแพง แพงทั้งแผ่นดินเพราะเกิดจากยุทธศาสตร์ของประเทศที่ผิดปกติไป,สายสัมพันธ์คนชุมชนเมืองขาดแคลนสิ้น,และกำลังขยายเชื้อนี้สู่สังคมชนบทด้วยวิถีปากกัดตีนถีบดิ้นรนกันอย่างบ้าคลั่งเพราะตัง ตังที่ต้องเอาไปใช้จ่ายสาระพัดสินค้าราคาที่แพงขึ้น.,
    ..รัฐบาลข้อหนึ่งใส่ใจแรงงานต่างด้าวคนต่างด้าวเกินไป ค่าแรงเจ้าสัวชั่วเลวกำหนดให้คนต่างด้าวได้ค่าแรงเทียบเท่าคนไทย มอบสวัสดิการก็ให้เสมอคนไทย,ทอดทิ้งคนไทย เพื่อทำลายประเทศจากภายในสู่การแตกแยกมากๆนั้นเอง,ตลอดต่างชาติมากมายมาอยู่ประเทศไทยก็พากันสร้างราคาสินค้าอาหารบริการมาตราฐานคนต่างชาติด้วยเช่นฝรั่งอเมริกา1$:35฿ก็ขายคนไทยแบบราคาต่างชาตินั้นเอง,เจ้าสัวขึ้นราคาสินค้าต่อเนื่องโดยดันจากต้นน้ำที่เจ้าสัวควบคุมกำหนดสั่งการได้อีก,จนถึงปลายน้ำตน,ทยอยดันค่าครองชีพกันมาหลายปี ทยอยดันราคาสินค้ากันมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน,ต่างชาติต่างด้าวกลืนกินวิถีชีวิตคนไทยไม่รู้ตัว ครอบงำด้วยหนี้สินเงินกู้บัตรเครดิตเป็นต้น,ทั้งหนี้ในระบบ หนี้นอกระบบกู้หมวกกันน็อคก็ว่า ร้อยละยี่ละสี่สิบตรึม,คือสาระพัดกลไกทำลายวิถีชุมชนสังคมไทยอย่างเสรี,ต่างชาติต่างด้าวปลูกบ้านครอบครองที่ดินบนแผ่นดินไทยเป็นว่าเล่น,นี้คือวิถีปกครองผ่านระบบราชการรัฐและการเมืองที่ล้มเหลวของแท้ ,ดูแค่ทหารไทยที่ผ่านๆมาปล่อยเขมรลุกล้ำยึดพื้นที่11จุดอีสานใต้ดูเถอะ นี้ไม่รวมแบบภาคตะวันออกบ้านหนองจานอีก,ตลอดวงการตำรวจโคตรเสื่อมลากไส้กันซื้อตำแหน่งแบบประชาชนทั่วไทยรับรู้ตรึมแต่ก็จัดการห่าอะไรจริงจังไม่มี ยาบ้าปราบไม่ได้ก็อนุญาตเสรีเสีย,คือภายในเรามันเน่าเต็มทนนั้นเอง สมควรเผาทันทีเช่นกันไม่สมควรเก็บซากพวกนี้ไว้ด้วย,เจอทุจริตเช้า ประหารเที่ยว เผาบ่าย ญาติพี่น้องเก็บกระดูกเย็น สวดหัวค่ำ อัดปูข้างกำแพงกลายหัวค่ำหน่อยจบพิธีเลย,ไม่ต้องขึ้นศาลอะไรเลยขนาดนั้น,ศาลก็มีข่าวถุงขนมอีก คนย่อมมีโลภกันหมดล่ะ ตราบใดที่ยังมีชีวิตมีครอบครัวมีห่วงลูกเมีย,จับลูกเมียเป็นตัวประกัน คดีก็พลิกได้แล้วเป็นต้น.,คือหาความแน่นอนยากจริงๆ
    ..
    ..ตราบใดยังสร้างสมดุลระบบไม่ได้ อันตรายใกล้นี้เอง.,ไทยปะทะเขมรแค่เปลือกนอก,เปลือกในคือสายสัมพันธ์สังคมไทยเราลักษณะนี้ด้วย,อย่าต่างคนต่างอยู่เลย ขนาดเผาผีกันทั้งชุมชนหมู่บ้านยังไม่มีดูจิตดูใจเหมือนแต่ก่อน,เรามุ่งแสวงหาเงินคือพระเจ้า เรา..ประเทศไทยรอการพังพินาศแบบอเมริกาแบบยุโรปเลย,แม้แต่จีนก็ไม่รอดจะอวดอ้างเทคโนโลยีล้ำกว่ายุโรปฝรั่งขนาดไหนแม้ต่างดาวมาถ่ายทอดล้ำให้ก็เถอะก็ไม่รอด,จะพังพินาศโดยง่ายเช่นกัน,เคลมเร็วจบเร็วนั้นล่ะ,
    ..วิถีดีงามที่เคยเป็นมาสมควรปลูกฝังกันกลับมาจริงๆ,ขจัดความยากจนทางวัตถุเบื้องต้น,เสริมความร่ำรวยทางวัตถุและทางจิตใจคู่ขนาน ใจที่เปิดออกจะประสานสังคมได้เพราะแต่ละบ้านมีกินมีใช้ไม่เดือดร้อนดิ้นรนอะไรมากนักหรือร่ำรวยแล้วในแต่ละบ้านใครมันครอบครัวใครมัน ชุมชนจะสร้างกิจกรรมเชื่อมใจกันโดยง่ายมิใช่ตังเป็นใหญ่อีกต่อไป.



    https://youtube.com/shorts/o5C0BoVFcPk?si=MB76bmPpdZI9i3sW
    นี้คือความผิดปกติของสังคมเรา,และทั่วโลก,ตังคือชีวิต ค่าครองชีพทุกๆวันนี้สาหัสจริงๆ,วิถีปกครองเราเองคือปัญหา ผัดมัดตัง และเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายรายจ่ายในสังคมเกินไปจริงๆ,สินค้าแพง ของแพง แพงทั้งแผ่นดินเพราะเกิดจากยุทธศาสตร์ของประเทศที่ผิดปกติไป,สายสัมพันธ์คนชุมชนเมืองขาดแคลนสิ้น,และกำลังขยายเชื้อนี้สู่สังคมชนบทด้วยวิถีปากกัดตีนถีบดิ้นรนกันอย่างบ้าคลั่งเพราะตัง ตังที่ต้องเอาไปใช้จ่ายสาระพัดสินค้าราคาที่แพงขึ้น., ..รัฐบาลข้อหนึ่งใส่ใจแรงงานต่างด้าวคนต่างด้าวเกินไป ค่าแรงเจ้าสัวชั่วเลวกำหนดให้คนต่างด้าวได้ค่าแรงเทียบเท่าคนไทย มอบสวัสดิการก็ให้เสมอคนไทย,ทอดทิ้งคนไทย เพื่อทำลายประเทศจากภายในสู่การแตกแยกมากๆนั้นเอง,ตลอดต่างชาติมากมายมาอยู่ประเทศไทยก็พากันสร้างราคาสินค้าอาหารบริการมาตราฐานคนต่างชาติด้วยเช่นฝรั่งอเมริกา1$:35฿ก็ขายคนไทยแบบราคาต่างชาตินั้นเอง,เจ้าสัวขึ้นราคาสินค้าต่อเนื่องโดยดันจากต้นน้ำที่เจ้าสัวควบคุมกำหนดสั่งการได้อีก,จนถึงปลายน้ำตน,ทยอยดันค่าครองชีพกันมาหลายปี ทยอยดันราคาสินค้ากันมาหลายปีจนถึงปัจจุบัน,ต่างชาติต่างด้าวกลืนกินวิถีชีวิตคนไทยไม่รู้ตัว ครอบงำด้วยหนี้สินเงินกู้บัตรเครดิตเป็นต้น,ทั้งหนี้ในระบบ หนี้นอกระบบกู้หมวกกันน็อคก็ว่า ร้อยละยี่ละสี่สิบตรึม,คือสาระพัดกลไกทำลายวิถีชุมชนสังคมไทยอย่างเสรี,ต่างชาติต่างด้าวปลูกบ้านครอบครองที่ดินบนแผ่นดินไทยเป็นว่าเล่น,นี้คือวิถีปกครองผ่านระบบราชการรัฐและการเมืองที่ล้มเหลวของแท้ ,ดูแค่ทหารไทยที่ผ่านๆมาปล่อยเขมรลุกล้ำยึดพื้นที่11จุดอีสานใต้ดูเถอะ นี้ไม่รวมแบบภาคตะวันออกบ้านหนองจานอีก,ตลอดวงการตำรวจโคตรเสื่อมลากไส้กันซื้อตำแหน่งแบบประชาชนทั่วไทยรับรู้ตรึมแต่ก็จัดการห่าอะไรจริงจังไม่มี ยาบ้าปราบไม่ได้ก็อนุญาตเสรีเสีย,คือภายในเรามันเน่าเต็มทนนั้นเอง สมควรเผาทันทีเช่นกันไม่สมควรเก็บซากพวกนี้ไว้ด้วย,เจอทุจริตเช้า ประหารเที่ยว เผาบ่าย ญาติพี่น้องเก็บกระดูกเย็น สวดหัวค่ำ อัดปูข้างกำแพงกลายหัวค่ำหน่อยจบพิธีเลย,ไม่ต้องขึ้นศาลอะไรเลยขนาดนั้น,ศาลก็มีข่าวถุงขนมอีก คนย่อมมีโลภกันหมดล่ะ ตราบใดที่ยังมีชีวิตมีครอบครัวมีห่วงลูกเมีย,จับลูกเมียเป็นตัวประกัน คดีก็พลิกได้แล้วเป็นต้น.,คือหาความแน่นอนยากจริงๆ .. ..ตราบใดยังสร้างสมดุลระบบไม่ได้ อันตรายใกล้นี้เอง.,ไทยปะทะเขมรแค่เปลือกนอก,เปลือกในคือสายสัมพันธ์สังคมไทยเราลักษณะนี้ด้วย,อย่าต่างคนต่างอยู่เลย ขนาดเผาผีกันทั้งชุมชนหมู่บ้านยังไม่มีดูจิตดูใจเหมือนแต่ก่อน,เรามุ่งแสวงหาเงินคือพระเจ้า เรา..ประเทศไทยรอการพังพินาศแบบอเมริกาแบบยุโรปเลย,แม้แต่จีนก็ไม่รอดจะอวดอ้างเทคโนโลยีล้ำกว่ายุโรปฝรั่งขนาดไหนแม้ต่างดาวมาถ่ายทอดล้ำให้ก็เถอะก็ไม่รอด,จะพังพินาศโดยง่ายเช่นกัน,เคลมเร็วจบเร็วนั้นล่ะ, ..วิถีดีงามที่เคยเป็นมาสมควรปลูกฝังกันกลับมาจริงๆ,ขจัดความยากจนทางวัตถุเบื้องต้น,เสริมความร่ำรวยทางวัตถุและทางจิตใจคู่ขนาน ใจที่เปิดออกจะประสานสังคมได้เพราะแต่ละบ้านมีกินมีใช้ไม่เดือดร้อนดิ้นรนอะไรมากนักหรือร่ำรวยแล้วในแต่ละบ้านใครมันครอบครัวใครมัน ชุมชนจะสร้างกิจกรรมเชื่อมใจกันโดยง่ายมิใช่ตังเป็นใหญ่อีกต่อไป. https://youtube.com/shorts/o5C0BoVFcPk?si=MB76bmPpdZI9i3sW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถาบันนักการเมืองสุดท้ายคือตัวขัดขวางความเจริญในหลากหลายมิติของสังคมไทยทั้งประเทศ,ขัดขวางความดีงามมากมายก็ด้วยมิใช่แค่ความเจริญทางวัตถุคู่ขนานศีลธรรม,ภาคการเมืองเอาไปเอามาคือเครื่องมือทำลายประเทศไทยของต่างชาติ เป็นเครื่องมือปกครองของต่างชาติผ่านระบบที่มันออกแบบสร้างและส่งออกไปทั่วโลก,ทั้งหมดนั้นมันควบคุมกติกาเงื่อนไขในสิ่งที่มันสร้างตลอดชีพได้ด้วย,การจะทำประเทศไทยให้สงบร่มเย็นจริง ทั้งในประเทศไทยและอาเชียนหรือเอเชียเรา,ต้องร่วมใจกันทิ้งระบบนี้ทำลายระบบส่งออกนี้ของฝรั่งในทุกๆประเทศของเอเชียเราทันที ไม่ว่าจะระบบประชาธิปไตยหรือระบบเผด็จการแบบคอมมิวนิสต์ต่างล้วนมันออกแบบเพื่อสร้างความแตกแยกหมายควบคุมทั้งหมดนั้นเอง,
    ..ไทยเราต้องทุบทิ้งระบบส่งออกของฝรั่งนี้ทันทีเป็นชาติแรกของโลกที่ปลดปล่อยตนเอง,จากนั้นสร้างต้นแบบใหม่ของตนเองขึ้นมาให้เป็นค่าจริงสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบันหรือต้นแบบชาติแรกของโลกที่ใช้วิถีปกครองแบบอารยะธรรมจักรวาลสากลทั่วจักรวาลใช้ๆกันจริงและเป็นอารยะธรรมปกครองขั้นสูงผู้มีอารยะใช้ในสัมมาชีวิตตนทั่วจักรวาล,มโนในที่นี้คือ ระบบธรรมาธิปไตย,ธรรมเป็นใหญ่ชนะทั่วอนันตจักรวาล,คนไทยจะใช้ธรรมปกครองตนภายในใจประจำตนประจำใจทุกๆคนให้ดีที่สุดนั้นเองภายใต้อิสระเสรีบนเจตจำนงเสรีในสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพของแต่ละคนไทยเรานั้นเอง,ไทยเรามีต้นทุนนี้ดีงามฐานดีเป็นหลักชัยอยู่แล้วจึงง่ายและสะดวกมาก,เมื่อเราเป็นชาติแรกต้นแบบแรกของโลกทำได้สำเร็จ สามารถขยายวิถีปกครองนี้ไปทั่วอาเชียนทั่วเอเชียและทั่วโลกได้สบายแน่นอน,โลกจะสงบสุขร่มเย็นทันที,
    ..การปกครองทั้งหมดในโลกใช้ระบบที่ล้มเหลวแต่ต้น,ไม่บริสุทธิ์ด้วย,จึงทำให้ทั่วโลกโกลาหลตลอดเวลา,
    ..เรา..ประเทศไทยเปลี่ยนมันได้,ทหารพระราชาเปลี่ยนมันได้ ความสามัคคีของคนไทยทั้งประเทศสร้างมันขึ้นมาร่วมกันเองได้,ทิ้งระบบฝรั่งที่ไม่ถูกจริตจริงแก่เราไป,ความเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์จะปรากฎขึ้นทันทีแน่นอนแก่ประเทศไทยเรา.เพราะตาสติตาปัญญาตาเข้าถึงค่าจริงความจริงจะเกิดขึ้นแก่คนไทยเรานั้นเอง,ขาวดำ ดีชั่ว เราคนไทยจะตื่นรู้ชัดแจ้งนั้นเองด้วยตัวเอง,นั้นคือจะพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายนั้นเองก็ด้วย,ยุคศิวิไซระยะสั้นๆก่อนสิ้นพุทธกาลจะบังเกิดในชาติไทยจริงนั้นเอง,เราสามารถพลิกตัวทันกาลก็ว่า,

    กฎอัยการศึกทั่วประเทศจึงสำคัญในเวลานี้.



    https://youtube.com/watch?v=N96PG91e2YY&si=fwUhq6GqRX-21F6C
    สถาบันนักการเมืองสุดท้ายคือตัวขัดขวางความเจริญในหลากหลายมิติของสังคมไทยทั้งประเทศ,ขัดขวางความดีงามมากมายก็ด้วยมิใช่แค่ความเจริญทางวัตถุคู่ขนานศีลธรรม,ภาคการเมืองเอาไปเอามาคือเครื่องมือทำลายประเทศไทยของต่างชาติ เป็นเครื่องมือปกครองของต่างชาติผ่านระบบที่มันออกแบบสร้างและส่งออกไปทั่วโลก,ทั้งหมดนั้นมันควบคุมกติกาเงื่อนไขในสิ่งที่มันสร้างตลอดชีพได้ด้วย,การจะทำประเทศไทยให้สงบร่มเย็นจริง ทั้งในประเทศไทยและอาเชียนหรือเอเชียเรา,ต้องร่วมใจกันทิ้งระบบนี้ทำลายระบบส่งออกนี้ของฝรั่งในทุกๆประเทศของเอเชียเราทันที ไม่ว่าจะระบบประชาธิปไตยหรือระบบเผด็จการแบบคอมมิวนิสต์ต่างล้วนมันออกแบบเพื่อสร้างความแตกแยกหมายควบคุมทั้งหมดนั้นเอง, ..ไทยเราต้องทุบทิ้งระบบส่งออกของฝรั่งนี้ทันทีเป็นชาติแรกของโลกที่ปลดปล่อยตนเอง,จากนั้นสร้างต้นแบบใหม่ของตนเองขึ้นมาให้เป็นค่าจริงสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบันหรือต้นแบบชาติแรกของโลกที่ใช้วิถีปกครองแบบอารยะธรรมจักรวาลสากลทั่วจักรวาลใช้ๆกันจริงและเป็นอารยะธรรมปกครองขั้นสูงผู้มีอารยะใช้ในสัมมาชีวิตตนทั่วจักรวาล,มโนในที่นี้คือ ระบบธรรมาธิปไตย,ธรรมเป็นใหญ่ชนะทั่วอนันตจักรวาล,คนไทยจะใช้ธรรมปกครองตนภายในใจประจำตนประจำใจทุกๆคนให้ดีที่สุดนั้นเองภายใต้อิสระเสรีบนเจตจำนงเสรีในสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพของแต่ละคนไทยเรานั้นเอง,ไทยเรามีต้นทุนนี้ดีงามฐานดีเป็นหลักชัยอยู่แล้วจึงง่ายและสะดวกมาก,เมื่อเราเป็นชาติแรกต้นแบบแรกของโลกทำได้สำเร็จ สามารถขยายวิถีปกครองนี้ไปทั่วอาเชียนทั่วเอเชียและทั่วโลกได้สบายแน่นอน,โลกจะสงบสุขร่มเย็นทันที, ..การปกครองทั้งหมดในโลกใช้ระบบที่ล้มเหลวแต่ต้น,ไม่บริสุทธิ์ด้วย,จึงทำให้ทั่วโลกโกลาหลตลอดเวลา, ..เรา..ประเทศไทยเปลี่ยนมันได้,ทหารพระราชาเปลี่ยนมันได้ ความสามัคคีของคนไทยทั้งประเทศสร้างมันขึ้นมาร่วมกันเองได้,ทิ้งระบบฝรั่งที่ไม่ถูกจริตจริงแก่เราไป,ความเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์จะปรากฎขึ้นทันทีแน่นอนแก่ประเทศไทยเรา.เพราะตาสติตาปัญญาตาเข้าถึงค่าจริงความจริงจะเกิดขึ้นแก่คนไทยเรานั้นเอง,ขาวดำ ดีชั่ว เราคนไทยจะตื่นรู้ชัดแจ้งนั้นเองด้วยตัวเอง,นั้นคือจะพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายนั้นเองก็ด้วย,ยุคศิวิไซระยะสั้นๆก่อนสิ้นพุทธกาลจะบังเกิดในชาติไทยจริงนั้นเอง,เราสามารถพลิกตัวทันกาลก็ว่า, กฎอัยการศึกทั่วประเทศจึงสำคัญในเวลานี้. https://youtube.com/watch?v=N96PG91e2YY&si=fwUhq6GqRX-21F6C
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาเซียนการละคร หยุดยิงหลังเที่ยงคืน

    เคยมีคำกล่าวว่า ปลายทางของสงครามมักจะจบลงที่การเจรจา เฉกเช่นการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นคนกลาง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ข้อสรุปว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค.

    จากนั้นจะหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีน

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย มีการคุกคามทางไซเบอร์ และมีแนวโน้มใช้อาวุธทางลึกอย่างขีปนาวุธ PHL03 ขณะที่สังคมไทยยังคาใจกับการกระทำของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารจะถูกลืมหรือไม่ นอกจากต้องเจ็บปวดกับการเจรจาแทบจะไม่คิดถึงหัวใจคนไทยแล้ว ไทยจะเสียดินแดนโดยพฤตินัยให้กับกัมพูชาเพราะถูกยึดพื้นที่บางส่วนหรือไม่

    หรือท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเมืองโลก ที่ต่างฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ยื่นคำขาดว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะใช้เป็นผลงานชูเรื่องสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย จะสร้างผลงานเป็นพระเอกในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชาก็ได้คะแนนนิยมจากการปลุกกระแสชาตินิยม ทิ้งบาดแผลความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชาไม่มีวันเหมือนเดิม

    ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักอย่าง BM-21 โจมตีพลเรือนในไทยอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ก่อนปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. ประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 38 ราย (สาหัส 11 ราย) โรงพยาบาลเสียหาย 19 แห่ง ชาวบ้านต้องอพยพกว่า 150,000 คน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ส่วนทหารเสียชีวิตนับสิบราย

    #Newskit
    อาเซียนการละคร หยุดยิงหลังเที่ยงคืน เคยมีคำกล่าวว่า ปลายทางของสงครามมักจะจบลงที่การเจรจา เฉกเช่นการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นคนกลาง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ข้อสรุปว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. จากนั้นจะหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย มีการคุกคามทางไซเบอร์ และมีแนวโน้มใช้อาวุธทางลึกอย่างขีปนาวุธ PHL03 ขณะที่สังคมไทยยังคาใจกับการกระทำของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารจะถูกลืมหรือไม่ นอกจากต้องเจ็บปวดกับการเจรจาแทบจะไม่คิดถึงหัวใจคนไทยแล้ว ไทยจะเสียดินแดนโดยพฤตินัยให้กับกัมพูชาเพราะถูกยึดพื้นที่บางส่วนหรือไม่ หรือท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเมืองโลก ที่ต่างฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ยื่นคำขาดว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะใช้เป็นผลงานชูเรื่องสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย จะสร้างผลงานเป็นพระเอกในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชาก็ได้คะแนนนิยมจากการปลุกกระแสชาตินิยม ทิ้งบาดแผลความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชาไม่มีวันเหมือนเดิม ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักอย่าง BM-21 โจมตีพลเรือนในไทยอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ก่อนปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. ประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 38 ราย (สาหัส 11 ราย) โรงพยาบาลเสียหาย 19 แห่ง ชาวบ้านต้องอพยพกว่า 150,000 คน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ส่วนทหารเสียชีวิตนับสิบราย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 715 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts