• Sun. Jul. 13, 2025

    ทำไมแต่ละสื่อถึงยุให้อีหมึก ink ลาออก
    พยายามช่วยนางกันรึ?
    เราไม่ให้ออกค่ะ เราจะให้อยู่ต่อรอฟังศาลไปด้วยกันค่ะ
    เหลือพรุ่งนี้อีกวัน อย่าเพิ่งลาออกนะคะ อีหมึกสู้ๆค่า
    เราต้องการให้นางถูกตราหน้าแบบเดียวกับที่นายกเศษถุยโดนไปตลอด อย่าเพิ่งลาออกนะจ๊ะ

    บอกตรงๆนิด้าโพลก็เป็นโพลส้มๆแดงๆ แต่ถ้าหน้าตาตัวเลือกเป็นแบบที่เห็น...อยากจะอ้วกค่ะ

    มีนายกคนไหนที่มีทีม AI เก่งๆให้เลือกมั้ยคะ
    นายกและทีมที่ตั้งกฎใหม่ๆเช่น...
    เอามนุษย์ที่มีตำแหน่ง รัฐมนตรี ส.ส. ผู้ว่า เทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ฯลฯ มาสอบคัดเลือกใหม่หมดทุกตำแหน่ง มีทั้งข้อเขียน เรียงความ สัมภาษณ์ (คนถาม-คนตอบไม่เห็นหน้ากัน) ใครโกงข้อสอบหรือช่วยโกงติดคุกสถานเดียว ในศูนย์ราชการทุกแห่ง จัดสอบคัดเลือกใหม่หมด ใครไม่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ผ่านคัดเลือก ข้าราชการทุกตำแหน่งก็ทำเช่นเดียวกัน พวกทหารตำรวจมีเพิ่มเติมคือทดสอบภาคสนามใหม่หมด และใช้มนุษย์คุณภาพแค่ 40% พอ ทุกศูนย์ราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรม ทำระบบใหม่ที่ใช้ข้อมูล update และ online ได้แทบทั้งหมด เด็กรุ่นใหม่เรียนเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างจริงจัง ให้การศึกษา online เข้าถึงตามหมู่บ้านเล็กๆตามป่าตามเขาให้ได้ คุณครูทุกคนสอน online เหมือนสุโขทัยธรรมาธิราชสมัยก่อน มีหลักสูตร international สอนตั้งแต่ระดับอนุบาลกันเลย แต่ใช้สื่อ online เท่านั้นตัดปัญหาล่วงละเมิด เรียนฟรี ใครอยากได้ใบประกาศคุณวุฒิก็ไปสอบเอา ซึ่งจริงๆอะไรพวกนี้มันทำได้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครเริ่มทำ วันๆเอาแต่ป้อนสื่อขยะให้เยาวชนไทยเสพติดแต่วัตถุ เกมส์ สิ่งที่ทำเงินเร็วๆ และชีวิตหรูหราสบายไปวันๆ ส่วนผู้ใหญ่ก็เน้นป้อนข่าวอุบาศก์ๆให้สมองมันตีบตันกันให้หมด ให้เป็นหนี้เป็นสินท่วมหัว และได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือ ให้มันต้องตกอยู่ในวังวนของระบบ corruption ไปตลอดกาล

    เราเพิ่งกระจ่างว่า จริงๆไม่เกี่ยวกับตระกูลชิน ทักษิณ หรือระบบเน่าๆที่เขาสร้างไว้ แต่มันเกี่ยวกับคนที่ยืนยันที่จะอุ้มชูตระกูลนี้ ระบบเน่าๆนี้ให้คงอยู่เพราะคนเหล่านี้เสพติดเงินฟรีไปซะแล้ว มันเข้าเส้นจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว อย่าว่าแต่มนุษย์ทั่วไปเลย มนุษย์ในผ้าเหลืองก็เสพติดเงิน และมักมากในกาม แถมกินฟรีอยู่ฟรี มีเรื่องแบบนี้ทำให้เด็กรุ่นใหม่ดูเป็นแบบอย่างทุกวันๆ ว่าพระเนี่ยคือคนร้ายที่ปลอดภัยที่สุด อยู่ฟรีกินฟรี มีเงินทองใช้ มีคนกราบไหว้ และพอเรื่องแดง ทุกคนก็แค่สึก แล้วก็หอบเงินก้อนโตหนี และก็ไม่ต้องโดนโทษใดๆ ระบบแบบนี้ต้องถูกล้างบางไปจากสังคมไทยได้แล้วค่ะ ยึดทรัพย์ และติดคุกสถานเดียวค่ะ

    ตกลงว่ามันจะมีคนดีในฝันที่อยากช่วยชาติบ้านเมืองจริงๆมาให้เราเลือกบ้างมั้ยคะ เราเบื่อที่จะต้องฝ่ารถติดเพื่อถ่อไปกา ✖ งดออกเสียง ✖แล้วค่ะ
    Sun. Jul. 13, 2025 ทำไมแต่ละสื่อถึงยุให้อีหมึก ink ลาออก พยายามช่วยนางกันรึ? เราไม่ให้ออกค่ะ เราจะให้อยู่ต่อรอฟังศาลไปด้วยกันค่ะ เหลือพรุ่งนี้อีกวัน อย่าเพิ่งลาออกนะคะ อีหมึกสู้ๆค่า เราต้องการให้นางถูกตราหน้าแบบเดียวกับที่นายกเศษถุยโดนไปตลอด อย่าเพิ่งลาออกนะจ๊ะ บอกตรงๆนิด้าโพลก็เป็นโพลส้มๆแดงๆ แต่ถ้าหน้าตาตัวเลือกเป็นแบบที่เห็น...อยากจะอ้วกค่ะ มีนายกคนไหนที่มีทีม AI เก่งๆให้เลือกมั้ยคะ นายกและทีมที่ตั้งกฎใหม่ๆเช่น... เอามนุษย์ที่มีตำแหน่ง รัฐมนตรี ส.ส. ผู้ว่า เทศมนตรี ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ฯลฯ มาสอบคัดเลือกใหม่หมดทุกตำแหน่ง มีทั้งข้อเขียน เรียงความ สัมภาษณ์ (คนถาม-คนตอบไม่เห็นหน้ากัน) ใครโกงข้อสอบหรือช่วยโกงติดคุกสถานเดียว ในศูนย์ราชการทุกแห่ง จัดสอบคัดเลือกใหม่หมด ใครไม่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ผ่านคัดเลือก ข้าราชการทุกตำแหน่งก็ทำเช่นเดียวกัน พวกทหารตำรวจมีเพิ่มเติมคือทดสอบภาคสนามใหม่หมด และใช้มนุษย์คุณภาพแค่ 40% พอ ทุกศูนย์ราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรม ทำระบบใหม่ที่ใช้ข้อมูล update และ online ได้แทบทั้งหมด เด็กรุ่นใหม่เรียนเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างจริงจัง ให้การศึกษา online เข้าถึงตามหมู่บ้านเล็กๆตามป่าตามเขาให้ได้ คุณครูทุกคนสอน online เหมือนสุโขทัยธรรมาธิราชสมัยก่อน มีหลักสูตร international สอนตั้งแต่ระดับอนุบาลกันเลย แต่ใช้สื่อ online เท่านั้นตัดปัญหาล่วงละเมิด เรียนฟรี ใครอยากได้ใบประกาศคุณวุฒิก็ไปสอบเอา ซึ่งจริงๆอะไรพวกนี้มันทำได้มานานแล้ว แต่ไม่มีใครเริ่มทำ วันๆเอาแต่ป้อนสื่อขยะให้เยาวชนไทยเสพติดแต่วัตถุ เกมส์ สิ่งที่ทำเงินเร็วๆ และชีวิตหรูหราสบายไปวันๆ ส่วนผู้ใหญ่ก็เน้นป้อนข่าวอุบาศก์ๆให้สมองมันตีบตันกันให้หมด ให้เป็นหนี้เป็นสินท่วมหัว และได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือ ให้มันต้องตกอยู่ในวังวนของระบบ corruption ไปตลอดกาล เราเพิ่งกระจ่างว่า จริงๆไม่เกี่ยวกับตระกูลชิน ทักษิณ หรือระบบเน่าๆที่เขาสร้างไว้ แต่มันเกี่ยวกับคนที่ยืนยันที่จะอุ้มชูตระกูลนี้ ระบบเน่าๆนี้ให้คงอยู่เพราะคนเหล่านี้เสพติดเงินฟรีไปซะแล้ว มันเข้าเส้นจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว อย่าว่าแต่มนุษย์ทั่วไปเลย มนุษย์ในผ้าเหลืองก็เสพติดเงิน และมักมากในกาม แถมกินฟรีอยู่ฟรี มีเรื่องแบบนี้ทำให้เด็กรุ่นใหม่ดูเป็นแบบอย่างทุกวันๆ ว่าพระเนี่ยคือคนร้ายที่ปลอดภัยที่สุด อยู่ฟรีกินฟรี มีเงินทองใช้ มีคนกราบไหว้ และพอเรื่องแดง ทุกคนก็แค่สึก แล้วก็หอบเงินก้อนโตหนี และก็ไม่ต้องโดนโทษใดๆ ระบบแบบนี้ต้องถูกล้างบางไปจากสังคมไทยได้แล้วค่ะ ยึดทรัพย์ และติดคุกสถานเดียวค่ะ ตกลงว่ามันจะมีคนดีในฝันที่อยากช่วยชาติบ้านเมืองจริงๆมาให้เราเลือกบ้างมั้ยคะ เราเบื่อที่จะต้องฝ่ารถติดเพื่อถ่อไปกา ✖ งดออกเสียง ✖แล้วค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง

    ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง"

    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี

    ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส"

    พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต

    #Newskit
    พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง" ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส" พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดี ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ความว่า

    “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น“พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง

    “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นปฐมเทศนานั้น คือวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางเทคโนโลยีการสื่อสารอันรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ความสงบสุขในโลกกลับถดถอยเสื่อมทรามลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกคนต้องจำทนอยู่ในวังวนแห่งความรู้สึกชิงชัง ก้าวร้าว และตึงเครียด โดยเหตุที่เสพคุ้นกับข้อมูลเท็จ การส่อเสียด คำหยาบคาย และความเพ้อเจ้อ จนกระทบกระเทือนสุขภาพจิต ท่านทั้งหลายจึงควรคิดหันมาศึกษาพิจารณาอริยมรรค แล้วมุ่งมั่นดำเนินจริยาไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้ตนเอง และบรรดาสมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาวาจา” ซึ่งหมายถึง “การเจรจาชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเพิ่มพูนสติยับยั้งการสื่อสารของตนและคนรอบข้าง อย่าพลั้งเผลอหรือสนุกคะนองในการใช้มิจฉาวาจา ขอจงรักษาคำจริงและความจริงไว้ทุกเมื่อ ขอให้สำนึกไว้เสมอว่า เมื่อใดที่บุคคลใดพูดหรือเขียนคำเท็จ คำส่อเสียด คำหยาบคาย และคำเพ้อเจ้อ ไม่ว่าในช่องทางใด หรือวาระโอกาสใด เมื่อนั้นคือการอวดความทรุดโทรมต่ำช้าที่หยั่งรากอยู่ในความสืบเนื่องแห่งอุปนิสัยของบุคคลนั้น อันนับว่าน่าอับอาย มากกว่าที่น่าจะนำมาอวดแสดงกัน

    วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาวาจา” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งมิจฉาวาจา เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากการหลอกลวง การวิวาทบาดหมาง และความตึงเครียด นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตรายได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้มีวาจาชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดี ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ความว่า “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น“พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นปฐมเทศนานั้น คือวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางเทคโนโลยีการสื่อสารอันรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ความสงบสุขในโลกกลับถดถอยเสื่อมทรามลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกคนต้องจำทนอยู่ในวังวนแห่งความรู้สึกชิงชัง ก้าวร้าว และตึงเครียด โดยเหตุที่เสพคุ้นกับข้อมูลเท็จ การส่อเสียด คำหยาบคาย และความเพ้อเจ้อ จนกระทบกระเทือนสุขภาพจิต ท่านทั้งหลายจึงควรคิดหันมาศึกษาพิจารณาอริยมรรค แล้วมุ่งมั่นดำเนินจริยาไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้ตนเอง และบรรดาสมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาวาจา” ซึ่งหมายถึง “การเจรจาชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเพิ่มพูนสติยับยั้งการสื่อสารของตนและคนรอบข้าง อย่าพลั้งเผลอหรือสนุกคะนองในการใช้มิจฉาวาจา ขอจงรักษาคำจริงและความจริงไว้ทุกเมื่อ ขอให้สำนึกไว้เสมอว่า เมื่อใดที่บุคคลใดพูดหรือเขียนคำเท็จ คำส่อเสียด คำหยาบคาย และคำเพ้อเจ้อ ไม่ว่าในช่องทางใด หรือวาระโอกาสใด เมื่อนั้นคือการอวดความทรุดโทรมต่ำช้าที่หยั่งรากอยู่ในความสืบเนื่องแห่งอุปนิสัยของบุคคลนั้น อันนับว่าน่าอับอาย มากกว่าที่น่าจะนำมาอวดแสดงกัน วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาวาจา” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งมิจฉาวาจา เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากการหลอกลวง การวิวาทบาดหมาง และความตึงเครียด นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตรายได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้มีวาจาชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIG Story | นายพันอันตราย

    พลิกแฟ้มคดีสะเทือนขวัญ การลอบสังหาร "ปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์" ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ปมสังหารซ่อนเงื่อนที่โยงไปถึงการจับกุมนายทหารผู้กว้างขวาง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ “ผู้พันตึ๋ง” เบื้องหลังอำนาจมืดและความโหดเหี้ยมที่ช็อกสังคมไทย

    ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: นายพันอันตราย ได้ที่ Thaitimes App

    #BigStory #นายพันอันตราย #ผู้พันตึ๋ง #คดีลอบสังหาร #คดีดัง #อำนาจมืด #ThaiTimes
    BIG Story | นายพันอันตราย พลิกแฟ้มคดีสะเทือนขวัญ การลอบสังหาร "ปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์" ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ปมสังหารซ่อนเงื่อนที่โยงไปถึงการจับกุมนายทหารผู้กว้างขวาง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ “ผู้พันตึ๋ง” เบื้องหลังอำนาจมืดและความโหดเหี้ยมที่ช็อกสังคมไทย 📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: นายพันอันตราย ได้ที่ Thaitimes App #BigStory #นายพันอันตราย #ผู้พันตึ๋ง #คดีลอบสังหาร #คดีดัง #อำนาจมืด #ThaiTimes
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "สมหมาย ภาษี" ชี้ ไทย ตกต่ำสุดๆ ทั้งสังคม การเมือง เศรษฐกิจ เตือน นักการเมือง กำลังจะตั้ง 'ผู้ว่าแบงก์ชาติ' ที่ตัวเองบงการได้
    https://www.thai-tai.tv/news/20092/
    .
    #สมหมายภาษี #อดีตรมวคลัง #ประเทศไทย #เศรษฐกิจไทย #การเมืองไทย #สังคมไทย #ยาเสพติด #ค้ามนุษย์ #พนันออนไลน์ #คอลเซ็นเตอร์
    "สมหมาย ภาษี" ชี้ ไทย ตกต่ำสุดๆ ทั้งสังคม การเมือง เศรษฐกิจ เตือน นักการเมือง กำลังจะตั้ง 'ผู้ว่าแบงก์ชาติ' ที่ตัวเองบงการได้ https://www.thai-tai.tv/news/20092/ . #สมหมายภาษี #อดีตรมวคลัง #ประเทศไทย #เศรษฐกิจไทย #การเมืองไทย #สังคมไทย #ยาเสพติด #ค้ามนุษย์ #พนันออนไลน์ #คอลเซ็นเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ไพศาล’ เผย ‘สุชาติ’ รมว.ป้ายแดง วอนสังคมไทย ให้โอกาส ครม.ใหม่ทำงาน
    https://www.thai-tai.tv/news/20069/
    .
    #สุชาติตันเจริญ #รัฐมนตรีประจำสำนักนายก #ครมเศรษฐา1 #การเมืองไทย #ความสามัคคี #ศาลรัฐธรรมนูญ #นายกพักงาน #ไพศาลพืชมงคล #นโยบายรัฐบาล #ปรองดอง
    ‘ไพศาล’ เผย ‘สุชาติ’ รมว.ป้ายแดง วอนสังคมไทย ให้โอกาส ครม.ใหม่ทำงาน https://www.thai-tai.tv/news/20069/ . #สุชาติตันเจริญ #รัฐมนตรีประจำสำนักนายก #ครมเศรษฐา1 #การเมืองไทย #ความสามัคคี #ศาลรัฐธรรมนูญ #นายกพักงาน #ไพศาลพืชมงคล #นโยบายรัฐบาล #ปรองดอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มุมนี้ ดูได้ทุกๆรุ่น,ประเทศไทยไม่ธรรมดาแน่นอน,นี้จึงคือเหตุผลสำคัญที่จะต้องทำลายประเทศไทยหรือยึดครองให้ได้,แต่ครูบาอาจารย์เราเยอะ,อักเสบไปหลายตัวแล้วก็ได้,จึงมิอาจทำอะไรไทยได้เป็นเพียงขุดๆผิวหนังให้คันๆนิดหน่อย,
    ..คนไทยเรารักสามัคคีกันตรึมดีอยู่แล้วในทุกๆภาคทั่วไทย,ถ้ายิ่งบรรลุธรรมเยอะๆนะจะขนาดไหน จึงพยายามทำให้ไทยชุมชนสังคมไทยเราเต็มด้วยพลังงานลบอบายมุขมากๆสร้างโกลาหลวุ่นวายปั่นป่วนเยอะตลอดเวลา,สื่อหลักไทยเห็นชัด จะแอ็คชั่นสาระพัดข่าวเชิงลบ ข่าวโกลาหลวุ่นวายเดือดร้อนไม่สงบสุขต่างๆประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำแหน่งอำนาจสูงของรัฐพยายามดองไว้ อาทิปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้สินประชาชน ตัวทำจิตคนไทยให้ไร้สติหยุดคิดพิจารณาได้ให้ตกเป็นทาสระบบมันทางตรงและทางอ้อมให้ได้,นี้จึงจังหวะดีที่สามารถพลิกเป็นฝ่ายแสงขึ้นปกครองบริหารประเทศไทยได้,แบบทรัมป์กำลังขึ้นปกครองและจัดการพวกอิลูมินาติรีตอีลิทdeep stateซาตานทั่วอเมริกา,กำลังนำเข้าฟื้นฟูเยียวยาร่างกายคนอเมริกาด้วยเตียงmedbedsเร็วๆนี้,ที่แน่ๆฝ่ายมืดกำลังดิ้นรนบนโลกนี้นั้นเอง ดิ้นรนหนีตายครั้งสุดท้ายหลังจากQE2ไปวัดนั้นล่ะ,ที่เหลือบนโลกแค่ขี้ข้าสมุนกากๆเท่านั้นยังปกครองเป็นผู้นำในแต่ละประเทศดิ้นรนหาแดกเอาเองเพราะเจ้านายตายหมดแล้ว,จึงทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์กูใครมันแย่งกันเองนั้นล่ะ,ไม่มีเจ้านายโอนตังอุดหนุนในยามปกติแล้ว,ในไทยลองเปลี่ยนผู้นำดีๆเป็นฝ่ายแสงขึ้นปกครองสิ,เจ้าสัวกิจการเครือข่ายฝ่ายมืดประจำประเทศไทยปิดกิจการในอัตราเร่งทันทีแน่นอน,ตอนนี้ยังช้าอยู่เพื่อปลดปล่อยคนไทยกลับบ้านเกิดเมืองนอนตนสู่สถานะอิสรภาพมิใช่ทาสแรงงานขี้ข้าเหมือนในอดีต,UBIลงจริงอีกยิ่งคลายกังวล อาจยกระดับจิตระดับใจง่ายขึ้นอีกเป็นต้นแบบของโลกเลยหรือผู้นำจิตวิญญาณของโลกในประเทศไทยนี้,ชาวโลกได้พลังงานจักรวาลช่วยเสริมพลังจิตอีกยิ่งบรรลุธรรมจักรวาลรวดเร็ว,ฝ่ายมืดไม่หวาดกลัวไม่หนาวในประเทศไทยได้ไง.นำพาทั้งโลกเราบรรลุธรรมจักรวาลกันเต็มโลก,ฝ่ายแสงเต็มโลกบันเทิงเลยล่ะ.,ปัจจุบันคนไทยเรารับรู้เยอะขึ้นอย่างมากอาจอัตราเร่งสูงเลย,ช่วยกันแชร์เยอะๆยิ่งดี,เรา..ประชาชนคนไทยสุดยอดอยู่แล้ว.

    https://youtu.be/MGvp-5Y6NaY?si=Xoda4-qdOJur6PEb
    ..มุมนี้ ดูได้ทุกๆรุ่น,ประเทศไทยไม่ธรรมดาแน่นอน,นี้จึงคือเหตุผลสำคัญที่จะต้องทำลายประเทศไทยหรือยึดครองให้ได้,แต่ครูบาอาจารย์เราเยอะ,อักเสบไปหลายตัวแล้วก็ได้,จึงมิอาจทำอะไรไทยได้เป็นเพียงขุดๆผิวหนังให้คันๆนิดหน่อย, ..คนไทยเรารักสามัคคีกันตรึมดีอยู่แล้วในทุกๆภาคทั่วไทย,ถ้ายิ่งบรรลุธรรมเยอะๆนะจะขนาดไหน จึงพยายามทำให้ไทยชุมชนสังคมไทยเราเต็มด้วยพลังงานลบอบายมุขมากๆสร้างโกลาหลวุ่นวายปั่นป่วนเยอะตลอดเวลา,สื่อหลักไทยเห็นชัด จะแอ็คชั่นสาระพัดข่าวเชิงลบ ข่าวโกลาหลวุ่นวายเดือดร้อนไม่สงบสุขต่างๆประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำแหน่งอำนาจสูงของรัฐพยายามดองไว้ อาทิปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้สินประชาชน ตัวทำจิตคนไทยให้ไร้สติหยุดคิดพิจารณาได้ให้ตกเป็นทาสระบบมันทางตรงและทางอ้อมให้ได้,นี้จึงจังหวะดีที่สามารถพลิกเป็นฝ่ายแสงขึ้นปกครองบริหารประเทศไทยได้,แบบทรัมป์กำลังขึ้นปกครองและจัดการพวกอิลูมินาติรีตอีลิทdeep stateซาตานทั่วอเมริกา,กำลังนำเข้าฟื้นฟูเยียวยาร่างกายคนอเมริกาด้วยเตียงmedbedsเร็วๆนี้,ที่แน่ๆฝ่ายมืดกำลังดิ้นรนบนโลกนี้นั้นเอง ดิ้นรนหนีตายครั้งสุดท้ายหลังจากQE2ไปวัดนั้นล่ะ,ที่เหลือบนโลกแค่ขี้ข้าสมุนกากๆเท่านั้นยังปกครองเป็นผู้นำในแต่ละประเทศดิ้นรนหาแดกเอาเองเพราะเจ้านายตายหมดแล้ว,จึงทะเลาะกันเรื่องผลประโยชน์กูใครมันแย่งกันเองนั้นล่ะ,ไม่มีเจ้านายโอนตังอุดหนุนในยามปกติแล้ว,ในไทยลองเปลี่ยนผู้นำดีๆเป็นฝ่ายแสงขึ้นปกครองสิ,เจ้าสัวกิจการเครือข่ายฝ่ายมืดประจำประเทศไทยปิดกิจการในอัตราเร่งทันทีแน่นอน,ตอนนี้ยังช้าอยู่เพื่อปลดปล่อยคนไทยกลับบ้านเกิดเมืองนอนตนสู่สถานะอิสรภาพมิใช่ทาสแรงงานขี้ข้าเหมือนในอดีต,UBIลงจริงอีกยิ่งคลายกังวล อาจยกระดับจิตระดับใจง่ายขึ้นอีกเป็นต้นแบบของโลกเลยหรือผู้นำจิตวิญญาณของโลกในประเทศไทยนี้,ชาวโลกได้พลังงานจักรวาลช่วยเสริมพลังจิตอีกยิ่งบรรลุธรรมจักรวาลรวดเร็ว,ฝ่ายมืดไม่หวาดกลัวไม่หนาวในประเทศไทยได้ไง.นำพาทั้งโลกเราบรรลุธรรมจักรวาลกันเต็มโลก,ฝ่ายแสงเต็มโลกบันเทิงเลยล่ะ.,ปัจจุบันคนไทยเรารับรู้เยอะขึ้นอย่างมากอาจอัตราเร่งสูงเลย,ช่วยกันแชร์เยอะๆยิ่งดี,เรา..ประชาชนคนไทยสุดยอดอยู่แล้ว. https://youtu.be/MGvp-5Y6NaY?si=Xoda4-qdOJur6PEb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แกนนำรวมพลังแผ่นดิน,ไปสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เรียลไทม์เลย,แบบเฉพาะกิจ มีกดปุ่มลงมติไล่ออกรัฐบาลนี้กับปุ่มให้อยู่บริหารต่อเลย,มาดูว่าอะไรมากกว่ากัน,มติประชาชนกว่า32ล้านคนบอกว่ารัฐบาลต้องออกไปคือจบ,ในนัันอาจผูกมุกว่า,แบนสส.ตัดสิทธิสส.ทั้งสภาให้หมดเช่นกัน,จะสส.ฝ่ายค้านเองหรือสส.ฝ่ายรัฐบาลก็ตามตลอดสว.ด้วยที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้,ทั้งหมดต้องถูกล้างกระดานหมด,พักสถานะไปสัก10ปีจึงสามารถมาลงสมัครเลือกตั้งได้อีก,เห็นอธิปไตยชาติเป็นของล่อเล่นไม่จริงใจ,สส.ฝ่ายค้านกล้าลาออกจากสถานะสส.ฝ่ายค้านในสภา องค์ประชุมก็จบสิ้น,สส.ฝ่ายรัฐบาลลาออกจากสถานะสส.เพื่อแสดงจุดยืนในอธิปไตยชาติไทยตนเองต้องมาก่อนก็ไม่ครบองค์สส.จำนวนสส.ในการเป็นรัฐบาลจัดตั้งก็สิ้นสถานะจบล้างทันที,แต่นี้อะไรปัจจุบัน ทั้งหมดของตัวคนสส.ต่างเห็นแก่ตัวเอาประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งมากกว่าอธิปไตยชาติ ไร้สำนึกพื้นฐานละอายแก่ใจใดๆเบื้องต้น,เมื่อประชาชนเราลงมติในแพลตฟอร์มเราที่คณะรวมพลังแผ่นดินสร้างแอปสร้างเครื่องมือแพลตฟอร์มนี้รุ่นเฉพาะกิจฉุกเฉินลงโทษคนทรยศเนรคุณในอธิปไตยไทยของตนเอง การสิ้นสถานะรัฐบาลก็สิ้นสุดลงทันทีเพื่อเสียข้างมากจากอำนาจตรงของประชาชนลงมติให้สิ้นสถานะบริหารชาติแล้ว,
    ..กระบวนการเลือกตั้งสส.เราผิดผีทั้งหมดจริงๆ
    ..จริงๆต้องมีเพียงสส.ที่เลือกตรงจากภาคประชาชนเท่านั้นที่ชนะการเลือกตั้งแล้วได้สิทธิชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล,สว.ไม่จำเป็นต้องมีที่ชื่อว่าสภาสูงห่าเหวอะไร,ประชาธิปไตยคือมาจากประชาชน สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเดียว,นายกฯต้องเลือกตั้งกาตรงจากประชาชนไม่ใช่ผีบ้าแบบปัจจุบันนี้,จัดตั้งรัฐบาลได้ต้องชนะการเลือกตั้งและยืนที่1มาเท่านั้น,สส.อำเภอละ1คนพอก็แค่878คนเอง
    จบ.นี้คือตัวแทนประชาชนจริงระดับใกล้ชิดปัญหา,รัฐมนตรพิเศษมี77คนใกล้ชิดจังหวัด.สายภาคการเมืองประสานงานสายธุรการระดับระบบราชการไทยชัดเจนด้วย,คณะรัฐมนตรีปกครองกระทรวงก็ปกติ,ซึ่งประสานงานกับรัฐมนตรีพิเศษนั้นๆ,รัฐมนตรีพิเศษและปกติต้องมาจากสส.878คนในนััน,สส.ไม่ต้องสังกัดพรรค,แต่พรรคสามารถสร้างสส.ประจำพรรคได้.รัฐบาลจะเกิดขึ้นได้ต้องมีสส.รวมกันเกินครึ่งหนึ่งของ878คน,จากนั้นสามารถสร้างทีมงานตนขึ้นบริหารจัดการได้,แม้สถานะสส.ไม่ถึงครึ่งหนึ่งในตอนแรกที่จัดตั้งรัฐบาล เพื่อการปกครองมีสภาพคล่อง,เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ,จนครบวาระ,ประชาชนสามารถลงชื่อออนไลน์เกิน60%ของผู้มีสิทธเลือกตั้งสามารถเป็นมติให้รัฐบาลชุดนั้นพ้นตำแหน่งแล้วเลือกตั้งใหม่ทันทีได้.,อบต.อบจ.ยุบทั้งหมดทั่วประเทศไม่มีความจำเป็น ทับซ้อนหน้าที่กันเสียเปล่าไม่ต้องมีคานอำนาจแบบในอดีต,ขยายธุรกรรมงานอำเภอจังหวัดให้ครอบคลุมพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนเพิ่มมากขึ้นประสานแก้ไขปัญหาร่วมกับสส.ในพื้นที่ ซึ่งสส.มีอำนาจเด็ดขาดเหนือกว่านายอำเภอทั้งหมด.สั่งการตรงแก่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ในพื้นที่ของตนเอง.เสมือนนายอำเภอสั่งการเอง.สส.เป็นนาย,นายอำเภอเป็นรองนาย.,รองจากผู้ว่าจังหวัดรองจากรัฐมนตรีพิเศษประจำจังหวัดนั้นๆ,ซึ่งประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงใกล้ชิดผู้มาแก้ไขปัญหาช่วยเหลือตนได้,และประชาชนในพื้นที่สามารถลงมติไล่ออกสส.ในพื้นที่ตนเองได้เช่นกันทางแพลตฟอร์มออนไลน์เกิน60%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่นั่นๆ,รัฐมนตรีพิเศษเกิน60%ของทั้งจังหวัดนั้นๆ,แต่สถานะเดิมให้สิทธิพิเศษละเว้นอัตโนมัติไม่นำมาใช้พิจารณา เป็นต้น,นี้คือมุมมองหนึ่งในการปกครองที่ประชาชนมีส่วนร่วมจริงสร้างสรรค์วิถีปกครองร่วมกันได้ควบคุมอำนาจตรงได้,ผ่านอำนาจตัวแทนที่อาจใช้ไปทางที่ผิดเช่นปัจจุบัน ไม่มีในนโยบายพรรคหลักเลยแต่จะสร้างบ่อนคาสิโนในประเทศไทยซึ่งมองข้ามประชาชนอย่างมากและจิตสำนึกชั่วดีว่าอะไรเสื่อมกิจการงานใดไม่ดีต่อสังคมชุมชนในชาติ ประชาชนสามารถลงโทษผู้ปกครองได้ทันทีเช่นกันนั้นเองโดยสร้างทางเลือกให้ซึ่งปัจจุบันไม่มีจริงอย่างชัดเจน,เป็นแต่พิธีวลีความให้ดูดีแค่นั้น,ยุ่งยากด้วย,เข้าถึงลำบาก ต่างจากลงมติเรียลไทม์รู้ผลเลยทันทีทั่วประเทศ.
    ..คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเรา สามารถใช้ตังบริจาคนี้แบ่งบางส่วนว่าจ้างผู้รู้ผู้เก่งกล้าสามารถสนับสนุนปัจจัยแรงกายที่สร้างแพลตฟอร์มนั้นเพื่อแผ่นดินไทยของภาคประชาชนเราขึ้นมาคานอำนาจปกครองของรัฐบาลที่บริหารไปทางกากๆเสี่ยงภัยต่ออธิปไตยไทยตนเองหรือสาระพัดกิจกรรมเหี้ยๆนั้นได้,เช่นบ่อน้ำมันต้องโมฆะสัมปทานทั้งหมดเพราะเป็นไปดำเนินไปไม่ถูกหลักพื้นฐานสากลทางประชาธิปไตยที่เราปกครองในระบบประชาธิปไตยจากประชาชนคนส่วนมาก ไม่ผ่านอภิปรายและลงมติจากเสียงของประชาชนไทยเลยในสภาผู้แทนราษฎรเรา,สภา.สส.เรา,สามารถโมฆะอย่างชอบธรรมกว่าMOU43,44โน้น,บ่อน้ำมันแค่เราทำเองขายเองถูกๆภายในประเทศไทยเราเองแบบอิหร่านจะเบนซินหรือดีเชลไม่เกินลิตรละ1-2บาท,ทั่วประเทศไทยเราจะฟื้นฟูทางเศรษฐกิจขนาดไหนอาจเพียงแค่1-2ปีประเทศไทยเราจะรุ่งโรจน์ภายในประเทศทันทีมีกินมีใช้อยู่อย่างสุขสบายไม่ลำบากยากจนอีก,สามารถส่งขายน้ำมันปิโตรเลียมในราคาตลาดโลกได้อีก,สินค้าไทยเราจะแข่งขันได้อย่างสบายๆด้วย,นี้คือวิถีปกครองที่เหมาะสมแห่งธรรม ที่ปกติต้องดำเนินไปเช่นนั้น,แต่เพราะผิดผีผิดแบบมาอย่างยาวนานและไม่เคยปรับปรุงห่าอะไร,มองประชาชนเฉยๆไร้ค่าอีก มีค่าแค่ต้องการอำนาจเอาไปหาแดกโกงกินชาตินั้นล่ะ,เรา..ประชาชนจึงต้องจบมันจริงๆ.
    ..นี้ก็เหี้ย ชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายไม่ดี ไม่สำนึกดีชั่วอะไรเลย สีข้างอยากเชียร์คนชั่วตนเข้าไส้แต่แผลเยอะไปเลยได้แค่นั่น,คนไทยเราชั่วเลวก็มีไม่น้อยปะปนในสังคมไทยเราใช่จิตใจดีทุกๆคน หยาบหนาบางมีต่างกัน,ดูกันยาวๆด้วย,แล้วก็เผยธาตุแท้ตนออกมา,สัญชาติไทยใจส้นตีนเป็นต่างชาติมันมีเยอะแยะจริงๆบ้านเมืองเรามีคนพวกนี้บนแผ่นดินไทยมากเกินไปจนมึนมาขึ้นปกครองประเทศได้เลยเสียหายหายนะพังพินาศไม่ยากอะไรเลยถ้าคนไทยดีๆเราไม่ออกมาจัดการบ้าง.,อนาคตต้องสร้างเครื่องมือของภาคประชาชนที่ง่ายในการจัดการพวกนี้สะดวกส่งไปพบพระเจ้าของมันง่ายๆก็ว่า,เรา..ประชาชนไม่ใช่หน้าที่ต้องอภัยโทษคนชั่วเลว หน้าที่เราส่งมันไปพบพระเจ้าของมันให้อภัยกันเอาเอง.
    ..https://youtu.be/-vDvSDywY4M?si=01E9wZFU9eJ5K2Un
    ..แกนนำรวมพลังแผ่นดิน,ไปสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เรียลไทม์เลย,แบบเฉพาะกิจ มีกดปุ่มลงมติไล่ออกรัฐบาลนี้กับปุ่มให้อยู่บริหารต่อเลย,มาดูว่าอะไรมากกว่ากัน,มติประชาชนกว่า32ล้านคนบอกว่ารัฐบาลต้องออกไปคือจบ,ในนัันอาจผูกมุกว่า,แบนสส.ตัดสิทธิสส.ทั้งสภาให้หมดเช่นกัน,จะสส.ฝ่ายค้านเองหรือสส.ฝ่ายรัฐบาลก็ตามตลอดสว.ด้วยที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้,ทั้งหมดต้องถูกล้างกระดานหมด,พักสถานะไปสัก10ปีจึงสามารถมาลงสมัครเลือกตั้งได้อีก,เห็นอธิปไตยชาติเป็นของล่อเล่นไม่จริงใจ,สส.ฝ่ายค้านกล้าลาออกจากสถานะสส.ฝ่ายค้านในสภา องค์ประชุมก็จบสิ้น,สส.ฝ่ายรัฐบาลลาออกจากสถานะสส.เพื่อแสดงจุดยืนในอธิปไตยชาติไทยตนเองต้องมาก่อนก็ไม่ครบองค์สส.จำนวนสส.ในการเป็นรัฐบาลจัดตั้งก็สิ้นสถานะจบล้างทันที,แต่นี้อะไรปัจจุบัน ทั้งหมดของตัวคนสส.ต่างเห็นแก่ตัวเอาประโยชน์ตนเป็นที่ตั้งมากกว่าอธิปไตยชาติ ไร้สำนึกพื้นฐานละอายแก่ใจใดๆเบื้องต้น,เมื่อประชาชนเราลงมติในแพลตฟอร์มเราที่คณะรวมพลังแผ่นดินสร้างแอปสร้างเครื่องมือแพลตฟอร์มนี้รุ่นเฉพาะกิจฉุกเฉินลงโทษคนทรยศเนรคุณในอธิปไตยไทยของตนเอง การสิ้นสถานะรัฐบาลก็สิ้นสุดลงทันทีเพื่อเสียข้างมากจากอำนาจตรงของประชาชนลงมติให้สิ้นสถานะบริหารชาติแล้ว, ..กระบวนการเลือกตั้งสส.เราผิดผีทั้งหมดจริงๆ ..จริงๆต้องมีเพียงสส.ที่เลือกตรงจากภาคประชาชนเท่านั้นที่ชนะการเลือกตั้งแล้วได้สิทธิชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล,สว.ไม่จำเป็นต้องมีที่ชื่อว่าสภาสูงห่าเหวอะไร,ประชาธิปไตยคือมาจากประชาชน สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเดียว,นายกฯต้องเลือกตั้งกาตรงจากประชาชนไม่ใช่ผีบ้าแบบปัจจุบันนี้,จัดตั้งรัฐบาลได้ต้องชนะการเลือกตั้งและยืนที่1มาเท่านั้น,สส.อำเภอละ1คนพอก็แค่878คนเอง จบ.นี้คือตัวแทนประชาชนจริงระดับใกล้ชิดปัญหา,รัฐมนตรพิเศษมี77คนใกล้ชิดจังหวัด.สายภาคการเมืองประสานงานสายธุรการระดับระบบราชการไทยชัดเจนด้วย,คณะรัฐมนตรีปกครองกระทรวงก็ปกติ,ซึ่งประสานงานกับรัฐมนตรีพิเศษนั้นๆ,รัฐมนตรีพิเศษและปกติต้องมาจากสส.878คนในนััน,สส.ไม่ต้องสังกัดพรรค,แต่พรรคสามารถสร้างสส.ประจำพรรคได้.รัฐบาลจะเกิดขึ้นได้ต้องมีสส.รวมกันเกินครึ่งหนึ่งของ878คน,จากนั้นสามารถสร้างทีมงานตนขึ้นบริหารจัดการได้,แม้สถานะสส.ไม่ถึงครึ่งหนึ่งในตอนแรกที่จัดตั้งรัฐบาล เพื่อการปกครองมีสภาพคล่อง,เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ,จนครบวาระ,ประชาชนสามารถลงชื่อออนไลน์เกิน60%ของผู้มีสิทธเลือกตั้งสามารถเป็นมติให้รัฐบาลชุดนั้นพ้นตำแหน่งแล้วเลือกตั้งใหม่ทันทีได้.,อบต.อบจ.ยุบทั้งหมดทั่วประเทศไม่มีความจำเป็น ทับซ้อนหน้าที่กันเสียเปล่าไม่ต้องมีคานอำนาจแบบในอดีต,ขยายธุรกรรมงานอำเภอจังหวัดให้ครอบคลุมพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนเพิ่มมากขึ้นประสานแก้ไขปัญหาร่วมกับสส.ในพื้นที่ ซึ่งสส.มีอำนาจเด็ดขาดเหนือกว่านายอำเภอทั้งหมด.สั่งการตรงแก่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ในพื้นที่ของตนเอง.เสมือนนายอำเภอสั่งการเอง.สส.เป็นนาย,นายอำเภอเป็นรองนาย.,รองจากผู้ว่าจังหวัดรองจากรัฐมนตรีพิเศษประจำจังหวัดนั้นๆ,ซึ่งประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงใกล้ชิดผู้มาแก้ไขปัญหาช่วยเหลือตนได้,และประชาชนในพื้นที่สามารถลงมติไล่ออกสส.ในพื้นที่ตนเองได้เช่นกันทางแพลตฟอร์มออนไลน์เกิน60%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่นั่นๆ,รัฐมนตรีพิเศษเกิน60%ของทั้งจังหวัดนั้นๆ,แต่สถานะเดิมให้สิทธิพิเศษละเว้นอัตโนมัติไม่นำมาใช้พิจารณา เป็นต้น,นี้คือมุมมองหนึ่งในการปกครองที่ประชาชนมีส่วนร่วมจริงสร้างสรรค์วิถีปกครองร่วมกันได้ควบคุมอำนาจตรงได้,ผ่านอำนาจตัวแทนที่อาจใช้ไปทางที่ผิดเช่นปัจจุบัน ไม่มีในนโยบายพรรคหลักเลยแต่จะสร้างบ่อนคาสิโนในประเทศไทยซึ่งมองข้ามประชาชนอย่างมากและจิตสำนึกชั่วดีว่าอะไรเสื่อมกิจการงานใดไม่ดีต่อสังคมชุมชนในชาติ ประชาชนสามารถลงโทษผู้ปกครองได้ทันทีเช่นกันนั้นเองโดยสร้างทางเลือกให้ซึ่งปัจจุบันไม่มีจริงอย่างชัดเจน,เป็นแต่พิธีวลีความให้ดูดีแค่นั้น,ยุ่งยากด้วย,เข้าถึงลำบาก ต่างจากลงมติเรียลไทม์รู้ผลเลยทันทีทั่วประเทศ. ..คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเรา สามารถใช้ตังบริจาคนี้แบ่งบางส่วนว่าจ้างผู้รู้ผู้เก่งกล้าสามารถสนับสนุนปัจจัยแรงกายที่สร้างแพลตฟอร์มนั้นเพื่อแผ่นดินไทยของภาคประชาชนเราขึ้นมาคานอำนาจปกครองของรัฐบาลที่บริหารไปทางกากๆเสี่ยงภัยต่ออธิปไตยไทยตนเองหรือสาระพัดกิจกรรมเหี้ยๆนั้นได้,เช่นบ่อน้ำมันต้องโมฆะสัมปทานทั้งหมดเพราะเป็นไปดำเนินไปไม่ถูกหลักพื้นฐานสากลทางประชาธิปไตยที่เราปกครองในระบบประชาธิปไตยจากประชาชนคนส่วนมาก ไม่ผ่านอภิปรายและลงมติจากเสียงของประชาชนไทยเลยในสภาผู้แทนราษฎรเรา,สภา.สส.เรา,สามารถโมฆะอย่างชอบธรรมกว่าMOU43,44โน้น,บ่อน้ำมันแค่เราทำเองขายเองถูกๆภายในประเทศไทยเราเองแบบอิหร่านจะเบนซินหรือดีเชลไม่เกินลิตรละ1-2บาท,ทั่วประเทศไทยเราจะฟื้นฟูทางเศรษฐกิจขนาดไหนอาจเพียงแค่1-2ปีประเทศไทยเราจะรุ่งโรจน์ภายในประเทศทันทีมีกินมีใช้อยู่อย่างสุขสบายไม่ลำบากยากจนอีก,สามารถส่งขายน้ำมันปิโตรเลียมในราคาตลาดโลกได้อีก,สินค้าไทยเราจะแข่งขันได้อย่างสบายๆด้วย,นี้คือวิถีปกครองที่เหมาะสมแห่งธรรม ที่ปกติต้องดำเนินไปเช่นนั้น,แต่เพราะผิดผีผิดแบบมาอย่างยาวนานและไม่เคยปรับปรุงห่าอะไร,มองประชาชนเฉยๆไร้ค่าอีก มีค่าแค่ต้องการอำนาจเอาไปหาแดกโกงกินชาตินั้นล่ะ,เรา..ประชาชนจึงต้องจบมันจริงๆ. ..นี้ก็เหี้ย ชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายไม่ดี ไม่สำนึกดีชั่วอะไรเลย สีข้างอยากเชียร์คนชั่วตนเข้าไส้แต่แผลเยอะไปเลยได้แค่นั่น,คนไทยเราชั่วเลวก็มีไม่น้อยปะปนในสังคมไทยเราใช่จิตใจดีทุกๆคน หยาบหนาบางมีต่างกัน,ดูกันยาวๆด้วย,แล้วก็เผยธาตุแท้ตนออกมา,สัญชาติไทยใจส้นตีนเป็นต่างชาติมันมีเยอะแยะจริงๆบ้านเมืองเรามีคนพวกนี้บนแผ่นดินไทยมากเกินไปจนมึนมาขึ้นปกครองประเทศได้เลยเสียหายหายนะพังพินาศไม่ยากอะไรเลยถ้าคนไทยดีๆเราไม่ออกมาจัดการบ้าง.,อนาคตต้องสร้างเครื่องมือของภาคประชาชนที่ง่ายในการจัดการพวกนี้สะดวกส่งไปพบพระเจ้าของมันง่ายๆก็ว่า,เรา..ประชาชนไม่ใช่หน้าที่ต้องอภัยโทษคนชั่วเลว หน้าที่เราส่งมันไปพบพระเจ้าของมันให้อภัยกันเอาเอง. ..https://youtu.be/-vDvSDywY4M?si=01E9wZFU9eJ5K2Un
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ถ้าจริงในกรณีไปตกลงmouกัน,เป็นข้อหาร้ายแรงระดับชาติทันทีเลย,นั้นคือไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่ออธิปไตยดินแดนและความมั่นคงของประเทศชาติไทยขัดเจน,เป็นบริบทขององค์พระมหากษัตริย์ไทยเราเท่านั้นแต่องค์เดียวที่จะว่าด้วยแผ่นดินไทยนี้,รัฐบาลไทยไม่สิทธิขาดจะตกลงสมยอมยินยอมเจรจาแบ่งปันดินแดนไทยต่อกันและกันได้,ทหารไทยมีสิทธิขาดเต็มที่ในการทำลายร้ายผู้ทำลายอธิปไตยในภัยคุกคามร้ายแรงนี้ทั้งรัฐบาลไทยสามารถยึดอำนาจประกาศกฎอัยการศึกได้ทันทีเพื่อยุติอำนาจรัฐบาลและโมฆะข้อตกลงที่เป็นภัยร้ายแรงต่ออธิปไตยของแผ่นดินไทยและขับไล่ศัตรูผู้รุกรานแผ่นดินไทยในทันทีได้,ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะอาการหนักและพฤติกรรมหนาสาหัสสาการขนาดนี้,วงศ์ตระกูลนี้ทั้งหมดตลอดถึงเครือญาติไม่ออกมาประนามประฌามใดๆเลยไม่ออกมาต่อว่า ว่ากล่าวตักเตือนใดๆด้วย,เสมือนลุแก่อำนาจอย่างแสนสาหัสลบหลู่บุรพระมหากษัตริย์ไทยที่ต่อสู้ร่วมกับคนไทยสละเนื้อและเนื้อตลอดถึงพลีชีพเป็นอันมากเพื่อปกป้องแม้ตารางนิ้วเดียวที่เป็นราชอาณาจักรผืนแผ่นดินประเทศไทยเราและของตนแห่งเราชาวไทยจนถึงที่สุด,โคตรเหง้าตระกูลนี้ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลและสส.ทั้งหมดที่เป็นฝ่ายรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องถูกลงโทษทั้งระดับเบื้องต้นคือยึดทรัพย์ทั้งหมดของวงศ์ตระกูลทุกๆคน,ไม่ยอมลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลที่กระทำผิด,รู้ว่ากระทำผิดก็สมยอมร่วมคณะร่วมพรรครัฐบาลถึงที่สุดจนเป็นการกระทำการสมยอมเพื่อเสียไปซึ่งอธิปไตยแดนดินประเทศไทยตนจึงมีลักษณะความผิดเบื้องต้นชัดเจน,ตลอดขนาดใหญ่คือลงโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือตัวคณะแกนนำส่วนหัวทั้งหมดต้องประหารชีวิตทันทีให้เป็นแบบอย่างในประวัติศาสตร์ของคนยุคปัจจุบันที่เลอะเทอะต่อการอ้างตนเป็นตัวแทนเพื่อบริหารดูแลประเทศไทยและปกป้องประเทศไทยด้วยมานานแล้ว,เล่นการเมืองแบบเล่นๆมากเกินไป,ขาดจิตสำนึกดีงามขั้นพื้นฐานเป็นปัจจัยเบื้องต้นโดยมาก นำพาสังคมไทยชุมชนไทยผิดลู่ผิดทางจนทำลายชาติตนทั้งภายในและภายนอกจากการได้อำนาจมาเพื่อปกครองบริหารแทนประชาชนส่วนใหญ่ทั่วประเทศทั้งหมด.ผิดนีัยิ่งใหญ่นักและจากกรณีเสียเขาพระวิหารยังไม่สะท้อนว่ารัฐบาลผิด,ย่ามใจในตนว่าข้าคือรัฐบาล จะเป็นรัฐบาลชุดใดๆแต่ไม่สำเนียกใจเป็นบทอุทาหรณ์ตนจะต้องรักษาอธิปไตยไทยให้คงมั่นเมื่อเข้ามามีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในภายภาคหน้าและอาจดูรายละเอียดพร้อมยกเลิกทันทีได้เป็นให้ได้คืนมาซึ่งอธิปไตยตนที่สูญเสียไปอย่างถูกปล้นชิงแย่งชิงไปอย่างอยุติธรรมบนเวทีโลกที่ไม่ซื่อสัตย์ในการกระทำกิจกรรมตนบนหน้าที่เป็นกลางอย่างชัดเจนจนเรา..ประเทศไทยต้องเสียดินแดนไทยไปอย่างอยุติธรรมและพร้อมดำเนินลงโทษเอาผิดคนไทยตนที่กระทำการลุแก่อำนาจหน้าที่ตนไปสมยอมยิยยอมสมประโยชน์ตนโดยไม่เอาชาติไทยและประเทศชาติไทยตนเป็นเอกเป็นที่ตั้งหลักชัดเจนไว้ก่อน.,นี้รัฐบาลใหม่ถึงปัจจุบันที่เข้ามาบริหารประเทศต้องสำเนียกท่าทีที่ชัดเจนพร้อมบริบทที่มีหลักมีฐานมั่นคงชัดต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยตน.,ความผิดนี้โดยเพียงใช้จิตสำนึกเด็กๆพื้นฐานมันชัดเจนอยู่แล้วว่ามีความผิดร้ายแรงมีโทษมหันต์หนักชัดเจน,ที่ดินที่บ้านหากมีคนรุกล้ำเข้ามาแล้วไปบอกไปตกลงเขาสมยอมให้เขารุกล้ำมาได้เลยนะมันใช่เหรอ,นี้ไม่ร่วมว่าปู่ย่าตายายถูกมือที่สามปล้นไปอีกเมื่อโจรจะคืนต้องคืนให้เจ้าของเดิมมิใช่ไปคืนให้อีกคนคือคนที่ปัจจุบันมารุกล้ำบ้านเรานั้นล่ะ,จริงๆเราสามารถอ้างเอารุ่นปู่ย่าตายายทวงคืนที่มือที่สามคืนที่ดินนั้นที่ปล้นเราไปคืนมาให้ถูกคนถูกเจ้าของเดิมด้วยและคนที่ว่านั้นไม่มีสิทธิจะเอาไปเป็นของตนและอ้างเอาเป็นของตนจนถึงปัจจุบันด้วย.
    ..ทหารไทยเราไปคุยกันให้ชัดเจนได้แล้ว,เข้ามาในจังหวะเวลานี้สมควรแล้ว,จะรอให้มีการตายการฆ่าฟันกันก่อนเหรอ,จะอำมะหิตเพื่อต้องการเห็นเลือดเห็นคนตายบูชาอสูรซาตานก่อนเหรอ.

    https://youtube.com/shorts/d5jlPcPDHLM?si=iE35SP0NhRwQM9vD
    ..ถ้าจริงในกรณีไปตกลงmouกัน,เป็นข้อหาร้ายแรงระดับชาติทันทีเลย,นั้นคือไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่ออธิปไตยดินแดนและความมั่นคงของประเทศชาติไทยขัดเจน,เป็นบริบทขององค์พระมหากษัตริย์ไทยเราเท่านั้นแต่องค์เดียวที่จะว่าด้วยแผ่นดินไทยนี้,รัฐบาลไทยไม่สิทธิขาดจะตกลงสมยอมยินยอมเจรจาแบ่งปันดินแดนไทยต่อกันและกันได้,ทหารไทยมีสิทธิขาดเต็มที่ในการทำลายร้ายผู้ทำลายอธิปไตยในภัยคุกคามร้ายแรงนี้ทั้งรัฐบาลไทยสามารถยึดอำนาจประกาศกฎอัยการศึกได้ทันทีเพื่อยุติอำนาจรัฐบาลและโมฆะข้อตกลงที่เป็นภัยร้ายแรงต่ออธิปไตยของแผ่นดินไทยและขับไล่ศัตรูผู้รุกรานแผ่นดินไทยในทันทีได้,ไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะอาการหนักและพฤติกรรมหนาสาหัสสาการขนาดนี้,วงศ์ตระกูลนี้ทั้งหมดตลอดถึงเครือญาติไม่ออกมาประนามประฌามใดๆเลยไม่ออกมาต่อว่า ว่ากล่าวตักเตือนใดๆด้วย,เสมือนลุแก่อำนาจอย่างแสนสาหัสลบหลู่บุรพระมหากษัตริย์ไทยที่ต่อสู้ร่วมกับคนไทยสละเนื้อและเนื้อตลอดถึงพลีชีพเป็นอันมากเพื่อปกป้องแม้ตารางนิ้วเดียวที่เป็นราชอาณาจักรผืนแผ่นดินประเทศไทยเราและของตนแห่งเราชาวไทยจนถึงที่สุด,โคตรเหง้าตระกูลนี้ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลและสส.ทั้งหมดที่เป็นฝ่ายรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องถูกลงโทษทั้งระดับเบื้องต้นคือยึดทรัพย์ทั้งหมดของวงศ์ตระกูลทุกๆคน,ไม่ยอมลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลที่กระทำผิด,รู้ว่ากระทำผิดก็สมยอมร่วมคณะร่วมพรรครัฐบาลถึงที่สุดจนเป็นการกระทำการสมยอมเพื่อเสียไปซึ่งอธิปไตยแดนดินประเทศไทยตนจึงมีลักษณะความผิดเบื้องต้นชัดเจน,ตลอดขนาดใหญ่คือลงโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือตัวคณะแกนนำส่วนหัวทั้งหมดต้องประหารชีวิตทันทีให้เป็นแบบอย่างในประวัติศาสตร์ของคนยุคปัจจุบันที่เลอะเทอะต่อการอ้างตนเป็นตัวแทนเพื่อบริหารดูแลประเทศไทยและปกป้องประเทศไทยด้วยมานานแล้ว,เล่นการเมืองแบบเล่นๆมากเกินไป,ขาดจิตสำนึกดีงามขั้นพื้นฐานเป็นปัจจัยเบื้องต้นโดยมาก นำพาสังคมไทยชุมชนไทยผิดลู่ผิดทางจนทำลายชาติตนทั้งภายในและภายนอกจากการได้อำนาจมาเพื่อปกครองบริหารแทนประชาชนส่วนใหญ่ทั่วประเทศทั้งหมด.ผิดนีัยิ่งใหญ่นักและจากกรณีเสียเขาพระวิหารยังไม่สะท้อนว่ารัฐบาลผิด,ย่ามใจในตนว่าข้าคือรัฐบาล จะเป็นรัฐบาลชุดใดๆแต่ไม่สำเนียกใจเป็นบทอุทาหรณ์ตนจะต้องรักษาอธิปไตยไทยให้คงมั่นเมื่อเข้ามามีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในภายภาคหน้าและอาจดูรายละเอียดพร้อมยกเลิกทันทีได้เป็นให้ได้คืนมาซึ่งอธิปไตยตนที่สูญเสียไปอย่างถูกปล้นชิงแย่งชิงไปอย่างอยุติธรรมบนเวทีโลกที่ไม่ซื่อสัตย์ในการกระทำกิจกรรมตนบนหน้าที่เป็นกลางอย่างชัดเจนจนเรา..ประเทศไทยต้องเสียดินแดนไทยไปอย่างอยุติธรรมและพร้อมดำเนินลงโทษเอาผิดคนไทยตนที่กระทำการลุแก่อำนาจหน้าที่ตนไปสมยอมยิยยอมสมประโยชน์ตนโดยไม่เอาชาติไทยและประเทศชาติไทยตนเป็นเอกเป็นที่ตั้งหลักชัดเจนไว้ก่อน.,นี้รัฐบาลใหม่ถึงปัจจุบันที่เข้ามาบริหารประเทศต้องสำเนียกท่าทีที่ชัดเจนพร้อมบริบทที่มีหลักมีฐานมั่นคงชัดต่ออธิปไตยแผ่นดินไทยตน.,ความผิดนี้โดยเพียงใช้จิตสำนึกเด็กๆพื้นฐานมันชัดเจนอยู่แล้วว่ามีความผิดร้ายแรงมีโทษมหันต์หนักชัดเจน,ที่ดินที่บ้านหากมีคนรุกล้ำเข้ามาแล้วไปบอกไปตกลงเขาสมยอมให้เขารุกล้ำมาได้เลยนะมันใช่เหรอ,นี้ไม่ร่วมว่าปู่ย่าตายายถูกมือที่สามปล้นไปอีกเมื่อโจรจะคืนต้องคืนให้เจ้าของเดิมมิใช่ไปคืนให้อีกคนคือคนที่ปัจจุบันมารุกล้ำบ้านเรานั้นล่ะ,จริงๆเราสามารถอ้างเอารุ่นปู่ย่าตายายทวงคืนที่มือที่สามคืนที่ดินนั้นที่ปล้นเราไปคืนมาให้ถูกคนถูกเจ้าของเดิมด้วยและคนที่ว่านั้นไม่มีสิทธิจะเอาไปเป็นของตนและอ้างเอาเป็นของตนจนถึงปัจจุบันด้วย. ..ทหารไทยเราไปคุยกันให้ชัดเจนได้แล้ว,เข้ามาในจังหวะเวลานี้สมควรแล้ว,จะรอให้มีการตายการฆ่าฟันกันก่อนเหรอ,จะอำมะหิตเพื่อต้องการเห็นเลือดเห็นคนตายบูชาอสูรซาตานก่อนเหรอ. https://youtube.com/shorts/d5jlPcPDHLM?si=iE35SP0NhRwQM9vD
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’
    16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง
    ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer
    งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น
    ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์
    คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ
    #ห่าก้อม
    #thedarknessofthesoul
    #MonoOriginal #MStudio
    #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช
    #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร
    #ล็อตโต้จิรวัฒน์
    #โคราชซีนีเพล็กซ์
    #KoratCineplex
    เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’ 16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ #ห่าก้อม #thedarknessofthesoul #MonoOriginal #MStudio #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร #ล็อตโต้จิรวัฒน์ #โคราชซีนีเพล็กซ์ #KoratCineplex
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’
    16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง
    ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer
    งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

    ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น
    ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
    โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน
    และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์
    คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ
    #ห่าก้อม
    #thedarknessofthesoul
    #MonoOriginal #MStudio
    #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช
    #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร
    #ล็อตโต้จิรวัฒน์
    #โคราชซีนีเพล็กซ์
    #KoratCineplex
    เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ เตรียมรับความสยองจนร้องขอชีวิต!! หนังผีสุดหลอนฝีมือ ‘อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์’ 16 มิ.ย. 2568 เวลา 16.30น. ณ โรงภาพยนตร์โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช ได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘ห่าก้อม’ หรือ The Darkness of the Soul หนังผีสุดหลอนฝีมือผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง แห่งค่าย Act Art Generation พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ คุณเอกนรี วชิรบรรจง และทีมนักแสดง อาทิ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน ‘ห่าก้อม’ มาในแนวสยองขวัญสั่นประสาท เกี่ยวกับ ‘ปอบ’ ผีร้ายที่กัดกินสังคมไทยมาช้านาน มันกลับมาในภาพยนตร์ที่ขุดรากความเชื่อนี้ผ่านภาษาอีสานทั้งเรื่อง ภาพยนตร์เรื่อง “ห่าก้อม” เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร Mono Next โดย คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 และสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) โดยมีเอกนรี วชิรบรรจง นั่งแท่น Producer งานนี้ได้นักแสดงคุณภาพจัดเต็ม จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง ดีกรีเจ้าของรางวัลเมขลาตัวแรกของประเทศไทย สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง คำพิพากษา (2528) มาลงจอพร้อมทวงบัลลังก์คืน โชว์สกิลฝีมือการแสดงชั้นครูกับการแสดงที่รับรองว่าผู้ชมต้องหลอนจนต้องร้องขอชีวิต!! ชนิดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะพ่อเมืองชาวโคราชพร้อมด้วย คุณศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้บริหารเดอะมอลล์โคราชและผู้บริหารโรงภาพยนตร์ โคราชซีนีเพล็กซ์ให้การต้อนรับ คุณธัญญา วชิรบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการและผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็ม สตูดิโอ (M Studio) คุณยิ่งยศ ปัญญา รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ บริษัท โมโนเน็กซ์ จำกัด (มหาชน) ทีมงานและนักแสดงภาพยนตร์ “ห่าก้อม” อย่างอบอุ่น ทั้งนี้ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ คุณพจน์-อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังมาร่วมแสดงความยินดี และเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์,แขกผู้มีเกียรติ,คอหนังสยองขวัญร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยกิจกรรมบนเวที ได้มีโชว์สุดพิเศษจาก ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และพูดคุยกับผู้กำกับ คุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ นักแสดงนำ จิ๋ม-กุณกนิช คุ้มครอง, ชไมพร สิทธิวรนันท์, ม่อน-วรวิทย์ จันทะเสน และช่วงเวลา 17.00น. แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมชมภาพยนตร์ ห่าก้อม สัมผัสประสบการณ์สยองสุดขั้วพร้อมกันที่โรงภาพยนตร์โคราชซีนีเพล็กซ์ คอหนังสยองขวัญรับชมภาพยนตร์ “ห่าก้อม” เตรียมสยองพร้อมกัน!! 19 มิถุนายนนี้ ทั่วประเทศ #ห่าก้อม #thedarknessofthesoul #MonoOriginal #MStudio #อ๊อฟพงษ์พัฒน์ #จิ๋มกุณกนิช #ม่อนวรวิทย์ #เปิ้ลชไมพร #ล็อตโต้จิรวัฒน์ #โคราชซีนีเพล็กซ์ #KoratCineplex
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" เป็นสถาบันหลักที่สำคัญของประเทศไทย. ชาติ หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย, ศาสนา หมายถึง สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย, และพระมหากษัตริย์ หมายถึง ผู้ปกครองบ้านเมืองให้สงบสุข.
    ชาติ: ความรู้สึกรักชาติ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย.
    ศาสนา: สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย เช่น พระพุทธศาสนา ซึ่งมีหลักธรรมคำสอนที่ส่งเสริมคุณธรรมและศีลธรรม.
    พระมหากษัตริย์: ผู้ปกครองบ้านเมือง เป็นประมุขของชาติ.
    สถาบันทั้งสามนี้มีความสำคัญต่อประเทศไทยมาก เพราะเป็นสถาบันที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย. การมีสถาบันเหล่านี้ช่วยให้ประเทศชาติมีความมั่นคงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง.
    "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" เป็นสถาบันหลักที่สำคัญของประเทศไทย. ชาติ หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย, ศาสนา หมายถึง สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย, และพระมหากษัตริย์ หมายถึง ผู้ปกครองบ้านเมืองให้สงบสุข. ชาติ: ความรู้สึกรักชาติ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย. ศาสนา: สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย เช่น พระพุทธศาสนา ซึ่งมีหลักธรรมคำสอนที่ส่งเสริมคุณธรรมและศีลธรรม. พระมหากษัตริย์: ผู้ปกครองบ้านเมือง เป็นประมุขของชาติ. สถาบันทั้งสามนี้มีความสำคัญต่อประเทศไทยมาก เพราะเป็นสถาบันที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย. การมีสถาบันเหล่านี้ช่วยให้ประเทศชาติมีความมั่นคงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 555 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..การศึกษาไทย ผู้นำทุกๆยุคสมัยล้วนต่างมองข้ามและไม่จริงใจในการส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานเยาวชนไทยตนเล่าเรียนดีๆมีคุณภาพและฟรีจริงตลอดการศึกษา,ปัญหานี้ลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติคนเถื่อนเต็มแผ่นดินไทยล้วนคือตัวปัญหาหลักด้วยในการแย่งชิงทรัพยากรของมิติตังสนับสนุนการศึกษาของคนไทยเรา,การผลักดันคนต่างด้าวออกจากประเทศไทยจึงต้องชัดเจนทันทีและเร่งรีบผลักดันไปให้หมด,จะแก้ปมปัญหาภายในสังคมไทยมากมายหลากหลายมิติได้ด้วย มิใช่แค่การศึกษาที่ต่างมาแย่งชิงทรัพยากรเราแบบการรักษาพยาบาลนั้นล่ะ,ตังมากมายต้องสูญเสียไปเพื่อคนต่างชาติต่างประเทศ&ต่างด้าวด้วย,
    ..การศึกษาไทยเราถึงเวลาเรียนฟรีแล้วจริงๆและขยายจริงประกาศชัดเจนอย่างเป็นทางการว่า ตามใจผู้เรียน ช่วงไหนก็ได้เมื่อผ่านภาคบังคับปกติก็ตาม,ภาคบังคับปกตยุคใหม่ในอนาคตคือ อนุบาล ประถม ม.ต้น ม.ปลาย(หรือปวช.ก็ได้),ถึงสายอาชีพใดๆก็ด้วยหรือมหาลัย ป.ตรี ป.โท ป.เอก ก็ตาม เหล่านี้เรียนฟรีหมด,และโรงเรียนรัฐ มหาลัยรัฐทั้งหมดจะถูกดึงกลับมาในระบบที่รัฐควบคุม100%ทั้งหมดมิใช่ออกจากระบบแบบปัจจุบัน,เอกชนทั้งหมดไม่มีตังใดๆที่รัฐสนับสนุนทุกๆกรณี,และต้องเป็นไปในมาตราฐานพื้นฐานแห่งรัฐด้วยในเอกชนที่เปิดสถานศึกษานั้นๆ,ประเมินตามกำหนดนั้นเอง.
    ..เด็กๆเยาวชนเรียนภาคบังคับคืออนุบาลถึงป.ตรี รวมทั้งหมด19ปีซึ่งเรียนฟรีทั้งหมดจริง.,จบมามีตังสนับสนุนฟรีๆสร้างสัมมาอาชีพที่ต้องการเริ่มต้นได้ทันทีคนละ100,000บาท เป็นต้น,นี้วิวัฒนาการระบบการศึกษาไทยเราต้องสร้างคนไทยกันในระดับนี้ได้แล้ว,มีใช่อยากเรียนต้องเป็นหนี้,&กู้กยศ.จนขายที่ดินขายบ้านขายรถสิ้นสัมมาอาชีพติดวงจรอุบาทก์แห่งหนี้ไม่จบไม่สิ้น,ขนาดสว.ในยุคนั้นๆยังขัดขวางไม่ล้างหนี้เยาวชนไทยจริงในช่วงเดียวกันกับอเมริกาล้างหนีันักเรียนนักศึกษาเขาทันทีถึงคนละ350,000บาทถึง700,000บาทต่อคนในเบื้องต้นฟรีๆกันก็ว่า,หรือ10,000-20,000$ต่อคนอเมริกาที่เป็นหนี้กยศ.ในบ้านเขา,ขนาดเขาเองมีหนี้สะสมถึง30ล้านล้านเหรียญนะนั้น ปัจจุบันกว่า36-37ล้านล้านเหรียญแล้วคงไม่เกิน5ปีหนี้อาจถึง100ล้านล้านเหรียญก็ว่า ไบเดลยังล้างหนี้ช่วยบางส่วนเลย,ถ้าคนไทยตัง350,000-700,000฿มันล้างหนี้ทันทีหลายล้านบัญชีกันเลยล่ะ,แต่สว.ไม่อนุมัติ ซึ่งสส.หมายจะล้างหนี้เลย แต่สส.ทรยศ.ไม่สนใจลูกหลานคนไทยก็ดึงงานไว้จนลากให้สว.ดึงไปด้วย,แต่เงื่อนไขผีบ้ามุกไม่ล้างหนี้อะไรจริงใจเลย ให้ชำระหนี้เหมือนเดิมไม่จริงใจอะไรในการปกครองประเทศของผู้นำ,จริงใจแค่ยกบ่อน้ำมันเปิดสัมปทานบ้าบอให้ต่างชาติทำตังจนร่ำรวยมั่งคั่งแทนคนไทย,รายได้กำไรถ้าเปิดกันจริงๆมันกว่าปีละหลายสิบล้านล้านบาทแน่นอน เอามาส่งเสริมสนับสนุนการสร้างคนไทยพัฒนาคุณภาพองค์รอบรู้องค์รู้คนไทยฟรีๆได้มากมายเหลือล้น,เรียนฟรีแทบขนหน้าแข้งตังคลังของแผ่นดินไทยไม่ร่วงอะไร,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลวด้านการปกครองสิ้นเชิง,ผีบ้าผู้นำผู้ปกครองห่าอะไรไปยกโคตรทำตังโคตรสร้างความร่ำรวยให้คนอื่นไป ตนเองเสือกไม่มีอะไรเลยแม้เนื้อปิโตรเลียมยังไม่มีสิทธิ์ได้บนแผ่นดินไทยตนแท้ๆ,ขายความมั่งคั่งร่ำรวยแก่คนอื่น มันผีบ้าจริงๆนะ.,เสือกมีอำนาจ มีตำแหน่งในการปกครองประเทศ.,เรามียุคการปกครองของคนปกครองที่ไม่รักประชาชนคนไทย รักประเทศไทยตนเอง,ขลาดกลัว เห็นแก่ตัวและเดอะแก๊งมันๆ,ไม่สมควรอนุรักษ์ไว้หรือเก็บรักษาไว้เลยคนพวกนี้ หนักแผ่นดินไทย ถ่วงความพ้นทุกข์พ้นยากจนคนไทยคู่ศีลธรรมอันดีมากมายด้วย,จนเสื่อมไปทุกๆด้านในปัจจุบันเพราะหมายเข้ามาปกครองเพื่อทำลายความดีทุกๆมิตินั้นเองก็ว่าด้วย.
    ..ผู้ปกครองในยุคสมัยปัจจุบันนี้ จริงๆลูกหลานเราสมควรเล่าเรียนฟรีไร้ค่าใช้จ่ายเรี่ยไรใดๆอีกเลยในกระบวนการเล่าเรียนตลอดเทอมการเรียนการสอนและผู้ปกครองก็ไร้ชำระค่าใช้จ่ายใดๆด้วย,เยาวชนไทยเราแค่10ล้านกว่าคนเองแบบคำนวนสูงสุดไว้,คนละ100,000บาทต่อปี แค่1ล้านล้านบาทเองต่อปี,นักการเมืองโกงชาติ ต่างชาติมาปล้มทรัพยากรมีค่ามากมายผ่านสัมปทานหรือการผูกขาดกิจการใดๆในไทย มันเดอะแก๊งมันเหล่านี้ ไทยเราสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์แก่พวกมันไปอาจกว่าปีละ10ล้านล้านบาทกันเลยทีเดียว.,เรามีวิถีการปกครองที่เป็นภัยต่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสียเอง,เช่นนั้น จะเอาวิธีการสัมปทานส่งเข้าสภาสส.สว.ร่วมแสดงความเห็นตีแผ่ความจริงออกสู่สายตาประชาชนคนไทยทั้งประเทศมิใช่ปกปิดจนถึงปัจจุบันทั้งแสดงเหตุอันเป็นเท็จต่อดาต้าข้อมูลทั้งหมดที่ปกปิดไว้,ตัดสินใจกันเองในผลกระทบที่ทั้งประเทศได้รับผลกระทบตรงจากมันจริงๆ,เช่นข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน,ต้นทุนแพงรอบทิศกระทบทุกๆการดำรงชีวิตของคนไทย,เสือกไม่นำเข้าสภาอภิปรายบอกกล่าวเล่าความจริงห่าอะไร,
    ..เรามีวิถีการปกครองที่ล้มเหลวและเป็นความมั่นคงเสียเองต่อคนไทยทุกๆคนจึงไม่ผิดไปจากนี้ใดๆเลย.


    https://youtu.be/aCut0LQPS5s?si=NXRiwMESVBLsjO3z
    ..การศึกษาไทย ผู้นำทุกๆยุคสมัยล้วนต่างมองข้ามและไม่จริงใจในการส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานเยาวชนไทยตนเล่าเรียนดีๆมีคุณภาพและฟรีจริงตลอดการศึกษา,ปัญหานี้ลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติคนเถื่อนเต็มแผ่นดินไทยล้วนคือตัวปัญหาหลักด้วยในการแย่งชิงทรัพยากรของมิติตังสนับสนุนการศึกษาของคนไทยเรา,การผลักดันคนต่างด้าวออกจากประเทศไทยจึงต้องชัดเจนทันทีและเร่งรีบผลักดันไปให้หมด,จะแก้ปมปัญหาภายในสังคมไทยมากมายหลากหลายมิติได้ด้วย มิใช่แค่การศึกษาที่ต่างมาแย่งชิงทรัพยากรเราแบบการรักษาพยาบาลนั้นล่ะ,ตังมากมายต้องสูญเสียไปเพื่อคนต่างชาติต่างประเทศ&ต่างด้าวด้วย, ..การศึกษาไทยเราถึงเวลาเรียนฟรีแล้วจริงๆและขยายจริงประกาศชัดเจนอย่างเป็นทางการว่า ตามใจผู้เรียน ช่วงไหนก็ได้เมื่อผ่านภาคบังคับปกติก็ตาม,ภาคบังคับปกตยุคใหม่ในอนาคตคือ อนุบาล ประถม ม.ต้น ม.ปลาย(หรือปวช.ก็ได้),ถึงสายอาชีพใดๆก็ด้วยหรือมหาลัย ป.ตรี ป.โท ป.เอก ก็ตาม เหล่านี้เรียนฟรีหมด,และโรงเรียนรัฐ มหาลัยรัฐทั้งหมดจะถูกดึงกลับมาในระบบที่รัฐควบคุม100%ทั้งหมดมิใช่ออกจากระบบแบบปัจจุบัน,เอกชนทั้งหมดไม่มีตังใดๆที่รัฐสนับสนุนทุกๆกรณี,และต้องเป็นไปในมาตราฐานพื้นฐานแห่งรัฐด้วยในเอกชนที่เปิดสถานศึกษานั้นๆ,ประเมินตามกำหนดนั้นเอง. ..เด็กๆเยาวชนเรียนภาคบังคับคืออนุบาลถึงป.ตรี รวมทั้งหมด19ปีซึ่งเรียนฟรีทั้งหมดจริง.,จบมามีตังสนับสนุนฟรีๆสร้างสัมมาอาชีพที่ต้องการเริ่มต้นได้ทันทีคนละ100,000บาท เป็นต้น,นี้วิวัฒนาการระบบการศึกษาไทยเราต้องสร้างคนไทยกันในระดับนี้ได้แล้ว,มีใช่อยากเรียนต้องเป็นหนี้,&กู้กยศ.จนขายที่ดินขายบ้านขายรถสิ้นสัมมาอาชีพติดวงจรอุบาทก์แห่งหนี้ไม่จบไม่สิ้น,ขนาดสว.ในยุคนั้นๆยังขัดขวางไม่ล้างหนี้เยาวชนไทยจริงในช่วงเดียวกันกับอเมริกาล้างหนีันักเรียนนักศึกษาเขาทันทีถึงคนละ350,000บาทถึง700,000บาทต่อคนในเบื้องต้นฟรีๆกันก็ว่า,หรือ10,000-20,000$ต่อคนอเมริกาที่เป็นหนี้กยศ.ในบ้านเขา,ขนาดเขาเองมีหนี้สะสมถึง30ล้านล้านเหรียญนะนั้น ปัจจุบันกว่า36-37ล้านล้านเหรียญแล้วคงไม่เกิน5ปีหนี้อาจถึง100ล้านล้านเหรียญก็ว่า ไบเดลยังล้างหนี้ช่วยบางส่วนเลย,ถ้าคนไทยตัง350,000-700,000฿มันล้างหนี้ทันทีหลายล้านบัญชีกันเลยล่ะ,แต่สว.ไม่อนุมัติ ซึ่งสส.หมายจะล้างหนี้เลย แต่สส.ทรยศ.ไม่สนใจลูกหลานคนไทยก็ดึงงานไว้จนลากให้สว.ดึงไปด้วย,แต่เงื่อนไขผีบ้ามุกไม่ล้างหนี้อะไรจริงใจเลย ให้ชำระหนี้เหมือนเดิมไม่จริงใจอะไรในการปกครองประเทศของผู้นำ,จริงใจแค่ยกบ่อน้ำมันเปิดสัมปทานบ้าบอให้ต่างชาติทำตังจนร่ำรวยมั่งคั่งแทนคนไทย,รายได้กำไรถ้าเปิดกันจริงๆมันกว่าปีละหลายสิบล้านล้านบาทแน่นอน เอามาส่งเสริมสนับสนุนการสร้างคนไทยพัฒนาคุณภาพองค์รอบรู้องค์รู้คนไทยฟรีๆได้มากมายเหลือล้น,เรียนฟรีแทบขนหน้าแข้งตังคลังของแผ่นดินไทยไม่ร่วงอะไร,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลวด้านการปกครองสิ้นเชิง,ผีบ้าผู้นำผู้ปกครองห่าอะไรไปยกโคตรทำตังโคตรสร้างความร่ำรวยให้คนอื่นไป ตนเองเสือกไม่มีอะไรเลยแม้เนื้อปิโตรเลียมยังไม่มีสิทธิ์ได้บนแผ่นดินไทยตนแท้ๆ,ขายความมั่งคั่งร่ำรวยแก่คนอื่น มันผีบ้าจริงๆนะ.,เสือกมีอำนาจ มีตำแหน่งในการปกครองประเทศ.,เรามียุคการปกครองของคนปกครองที่ไม่รักประชาชนคนไทย รักประเทศไทยตนเอง,ขลาดกลัว เห็นแก่ตัวและเดอะแก๊งมันๆ,ไม่สมควรอนุรักษ์ไว้หรือเก็บรักษาไว้เลยคนพวกนี้ หนักแผ่นดินไทย ถ่วงความพ้นทุกข์พ้นยากจนคนไทยคู่ศีลธรรมอันดีมากมายด้วย,จนเสื่อมไปทุกๆด้านในปัจจุบันเพราะหมายเข้ามาปกครองเพื่อทำลายความดีทุกๆมิตินั้นเองก็ว่าด้วย. ..ผู้ปกครองในยุคสมัยปัจจุบันนี้ จริงๆลูกหลานเราสมควรเล่าเรียนฟรีไร้ค่าใช้จ่ายเรี่ยไรใดๆอีกเลยในกระบวนการเล่าเรียนตลอดเทอมการเรียนการสอนและผู้ปกครองก็ไร้ชำระค่าใช้จ่ายใดๆด้วย,เยาวชนไทยเราแค่10ล้านกว่าคนเองแบบคำนวนสูงสุดไว้,คนละ100,000บาทต่อปี แค่1ล้านล้านบาทเองต่อปี,นักการเมืองโกงชาติ ต่างชาติมาปล้มทรัพยากรมีค่ามากมายผ่านสัมปทานหรือการผูกขาดกิจการใดๆในไทย มันเดอะแก๊งมันเหล่านี้ ไทยเราสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์แก่พวกมันไปอาจกว่าปีละ10ล้านล้านบาทกันเลยทีเดียว.,เรามีวิถีการปกครองที่เป็นภัยต่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสียเอง,เช่นนั้น จะเอาวิธีการสัมปทานส่งเข้าสภาสส.สว.ร่วมแสดงความเห็นตีแผ่ความจริงออกสู่สายตาประชาชนคนไทยทั้งประเทศมิใช่ปกปิดจนถึงปัจจุบันทั้งแสดงเหตุอันเป็นเท็จต่อดาต้าข้อมูลทั้งหมดที่ปกปิดไว้,ตัดสินใจกันเองในผลกระทบที่ทั้งประเทศได้รับผลกระทบตรงจากมันจริงๆ,เช่นข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน,ต้นทุนแพงรอบทิศกระทบทุกๆการดำรงชีวิตของคนไทย,เสือกไม่นำเข้าสภาอภิปรายบอกกล่าวเล่าความจริงห่าอะไร, ..เรามีวิถีการปกครองที่ล้มเหลวและเป็นความมั่นคงเสียเองต่อคนไทยทุกๆคนจึงไม่ผิดไปจากนี้ใดๆเลย. https://youtu.be/aCut0LQPS5s?si=NXRiwMESVBLsjO3z
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบปกครอง&วิถีปกครองที่ล้มเหลวและผิดพลาดอย่างมากมายที่ไม่สำนึกจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอดีตที่กระทำผิดพลาดแบบโมฆะบ่อน้ำมันทั้งหมดที่ปล้นชิงคนไทยไปในรูปแบบสัมปทานทาสนั้นและโมฆะบ่อทองคำแก่ต่างชาติทุกๆเหมืองด้วย เป็นต้น แค่2อย่างนี้เบื้องต้นก่อน สมควรแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดหรือปรับปรุงการปกครองที่ล้มเหลวได้ในอดีตทันที ถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทำ,ความยากจนเงินทองซึ่งเป็นอาวุธทำลายล้างสังคมไทยได้จริงทุกๆมิติชุมชนคนไทยจริงได้ในยุคสมัยปัจจุบันแต่วิถีการปกครองที่กากๆก็ยังมองไม่เห็นถึงภัยอันตรายมหาศาลที่จะบังเกิดแน่นอนต่อชาติไทยเลย,การปกครองเหี้ยอะไรที่อำนวยเจ้าสัวอำมาตย์ร่ำรวยบ้าคลั่งติดอันดับโลกในไทยขนาดนั้นก็ด้วย.

    https://youtube.com/shorts/f7GUdrQkAMI?si=ap9jUWvUb4yp0AZM
    ระบบปกครอง&วิถีปกครองที่ล้มเหลวและผิดพลาดอย่างมากมายที่ไม่สำนึกจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอดีตที่กระทำผิดพลาดแบบโมฆะบ่อน้ำมันทั้งหมดที่ปล้นชิงคนไทยไปในรูปแบบสัมปทานทาสนั้นและโมฆะบ่อทองคำแก่ต่างชาติทุกๆเหมืองด้วย เป็นต้น แค่2อย่างนี้เบื้องต้นก่อน สมควรแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดหรือปรับปรุงการปกครองที่ล้มเหลวได้ในอดีตทันที ถึงปัจจุบันก็ยังไม่ทำ,ความยากจนเงินทองซึ่งเป็นอาวุธทำลายล้างสังคมไทยได้จริงทุกๆมิติชุมชนคนไทยจริงได้ในยุคสมัยปัจจุบันแต่วิถีการปกครองที่กากๆก็ยังมองไม่เห็นถึงภัยอันตรายมหาศาลที่จะบังเกิดแน่นอนต่อชาติไทยเลย,การปกครองเหี้ยอะไรที่อำนวยเจ้าสัวอำมาตย์ร่ำรวยบ้าคลั่งติดอันดับโลกในไทยขนาดนั้นก็ด้วย. https://youtube.com/shorts/f7GUdrQkAMI?si=ap9jUWvUb4yp0AZM
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความชื่อมั่นของขบวนการยุติธรรมจะล่มสลายหรือเป็นหลักสร้างความเป็นธรรมในสังคมไทยต่อไป
    ความชื่อมั่นของขบวนการยุติธรรมจะล่มสลายหรือเป็นหลักสร้างความเป็นธรรมในสังคมไทยต่อไป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..13มิย.ก็รอดอีกเชื่อสิ,อาจไม่ถึง13มิย.ด้วย พ.ค.ก็ตัดตอนยึดอำนาจก็ได้โดยคนของdeep stateในไทยก่อการล้างหมากมันเอง,แล้วก็อะไรๆที่ไม่ผ่าน&ไม่อนุมัติในภาวะการณ์ปกติอาจทำสำเร็จทำผ่านมากมายในคณะยึดอำนาจนี้ด้วยแบบเนียนๆ อาทิบ่อนคาสิโน เป็นต้น,เขาไม่หนีหรอก แต่จะเปิดหน้าสู้ในทุกๆด้านที่เตรียมการไว้แล้วทุกๆด้านก็ได้,เช่นนั้นไม่กล้าหาญมาถึงขนาดนี้หรอก,บ่อนคาสิโนแค่น้ำจิ้มของdeep state ตัวจริงของแท้อีกมุกคือขุดคลองคอดกระโดยยกแลนด์บริดจ์โยนหินดำเนินการทั้งได้พื้นที่มากมายรอบแลนด์บริดจ์ตลอดบริหารจัดการทั้งภาคใต้เสมือนผูกขาดยึดประเทศไทยนิ่มๆอีกมุกแล้ว โดยทุนdeep stateระดับขาโคตรใหญ่ของโลกฝ่ายมืดลงมือเองอีกตัวคือเดอะแก๊งblackrockต้องการสิทธิบริหารยึดทั้งภาคใต้ก็ว่า,
    ..เขากลับไทยได้ อาจพวกตัดตอนรุ่นล่าสุดนั้นล่ะเชิญกลับเดินเรื่องช่วยเหลือทางลับให้ก็ว่า(ถ้าตัวจริงตุยจริงแล้ว แล้งเอาตัวปลอมกลับมาก็ต้องค้นหาว่าเป็นประโยชน์แก่ใครจริงในอีกด้านของเรื่องนั้น)
    ..มโนว่าอาจรอดเหมือนวันนี้ล่ะ,เผลออาจได้เป็นประธานาธิบดีสมใจอยากของdeep stateข้ามชาติตั้งใจรอคอยให้ได้มาก็ได้จากสมุนขี้ข้ามันเต็มประเทศไทยที่หล่อเลี้ยงมากว่าครึ่งศตวรรษหรือหลายทศวรรษอย่างยาวนานตามแผนนานแล้วก็ได้ในการฝังคนของมันไว้ในทุกๆวงการบนแผ่นดินไทยเรา.,

    ..อดีตมากมายหลายครั้งเลยนะเขาชนะในหมากตลอด และตามข่าวก็รอดทุกๆครั้งตลอดหนีไปต่างประเทศจนกลับมาได้อย่างภาคภูมิใจ มีข้าราชการหลายระดับเตรียมต้อนรับด้วย,นำขบวนเปิดทางโน้น.แม้ไม่ยิ่งใหญ่แบบสมัยก่อนก็สมช่วงสถานะนั้นเกินงง..
    ..ถ้าเชื่อสนิทใจว่าคำทำนายของหลวงตาบัวถูกต้อง ว่าบุคคลคนนี้จะไม่สามารถเหยียบกลับเข้ามาบนแผ่นดินไทยได้ตลอดชีวิต นั้นคือคนตัวจริง ไม่มีชีวิตแล้ว,ที่เราเห็นคือตัวปลอม,อาจโคลนกันหลายๆตัวแล้วจึงจะปล่อยลงมาหน้างานได้,หุ่นยนต์รุ่นล้ำๆก็อาจเป็นได้เพราะรุ่นล้ำๆเขาทำออกมาเหมือนผู้หญิงที่ใช้ขีวิตไม่แตกต่างจากคนชนิดแยกคนจริงกับคนหุ่นยนต์แทบไม่ออก จนมันยอมสารภาพขึ้นเองนั่นล่ะ,
    ..ประชาชนเดือดร้อนมากจริงๆนะ พวกนักการเมืองขี้รัฐลึกNWOสมควรถูกกวาดล้างอย่างจริงจังในไทยเราที่ปะปนในทุกๆวงการสังคมไทยได้แล้ว.,ผลงานชัดเจนคือฉีดวัคซีนแก่คนไทยจนครบคนไทยตามคำสั่งdeep stateโลกนั้นล่ะ.

    https://youtube.com/watch?v=OaYEf_0Ab_0&si=RIMC36Xmr0E0BbG5
    ..13มิย.ก็รอดอีกเชื่อสิ,อาจไม่ถึง13มิย.ด้วย พ.ค.ก็ตัดตอนยึดอำนาจก็ได้โดยคนของdeep stateในไทยก่อการล้างหมากมันเอง,แล้วก็อะไรๆที่ไม่ผ่าน&ไม่อนุมัติในภาวะการณ์ปกติอาจทำสำเร็จทำผ่านมากมายในคณะยึดอำนาจนี้ด้วยแบบเนียนๆ อาทิบ่อนคาสิโน เป็นต้น,เขาไม่หนีหรอก แต่จะเปิดหน้าสู้ในทุกๆด้านที่เตรียมการไว้แล้วทุกๆด้านก็ได้,เช่นนั้นไม่กล้าหาญมาถึงขนาดนี้หรอก,บ่อนคาสิโนแค่น้ำจิ้มของdeep state ตัวจริงของแท้อีกมุกคือขุดคลองคอดกระโดยยกแลนด์บริดจ์โยนหินดำเนินการทั้งได้พื้นที่มากมายรอบแลนด์บริดจ์ตลอดบริหารจัดการทั้งภาคใต้เสมือนผูกขาดยึดประเทศไทยนิ่มๆอีกมุกแล้ว โดยทุนdeep stateระดับขาโคตรใหญ่ของโลกฝ่ายมืดลงมือเองอีกตัวคือเดอะแก๊งblackrockต้องการสิทธิบริหารยึดทั้งภาคใต้ก็ว่า, ..เขากลับไทยได้ อาจพวกตัดตอนรุ่นล่าสุดนั้นล่ะเชิญกลับเดินเรื่องช่วยเหลือทางลับให้ก็ว่า(ถ้าตัวจริงตุยจริงแล้ว แล้งเอาตัวปลอมกลับมาก็ต้องค้นหาว่าเป็นประโยชน์แก่ใครจริงในอีกด้านของเรื่องนั้น) ..มโนว่าอาจรอดเหมือนวันนี้ล่ะ,เผลออาจได้เป็นประธานาธิบดีสมใจอยากของdeep stateข้ามชาติตั้งใจรอคอยให้ได้มาก็ได้จากสมุนขี้ข้ามันเต็มประเทศไทยที่หล่อเลี้ยงมากว่าครึ่งศตวรรษหรือหลายทศวรรษอย่างยาวนานตามแผนนานแล้วก็ได้ในการฝังคนของมันไว้ในทุกๆวงการบนแผ่นดินไทยเรา., ..อดีตมากมายหลายครั้งเลยนะเขาชนะในหมากตลอด และตามข่าวก็รอดทุกๆครั้งตลอดหนีไปต่างประเทศจนกลับมาได้อย่างภาคภูมิใจ มีข้าราชการหลายระดับเตรียมต้อนรับด้วย,นำขบวนเปิดทางโน้น.แม้ไม่ยิ่งใหญ่แบบสมัยก่อนก็สมช่วงสถานะนั้นเกินงง.. ..ถ้าเชื่อสนิทใจว่าคำทำนายของหลวงตาบัวถูกต้อง ว่าบุคคลคนนี้จะไม่สามารถเหยียบกลับเข้ามาบนแผ่นดินไทยได้ตลอดชีวิต นั้นคือคนตัวจริง ไม่มีชีวิตแล้ว,ที่เราเห็นคือตัวปลอม,อาจโคลนกันหลายๆตัวแล้วจึงจะปล่อยลงมาหน้างานได้,หุ่นยนต์รุ่นล้ำๆก็อาจเป็นได้เพราะรุ่นล้ำๆเขาทำออกมาเหมือนผู้หญิงที่ใช้ขีวิตไม่แตกต่างจากคนชนิดแยกคนจริงกับคนหุ่นยนต์แทบไม่ออก จนมันยอมสารภาพขึ้นเองนั่นล่ะ, ..ประชาชนเดือดร้อนมากจริงๆนะ พวกนักการเมืองขี้รัฐลึกNWOสมควรถูกกวาดล้างอย่างจริงจังในไทยเราที่ปะปนในทุกๆวงการสังคมไทยได้แล้ว.,ผลงานชัดเจนคือฉีดวัคซีนแก่คนไทยจนครบคนไทยตามคำสั่งdeep stateโลกนั้นล่ะ. https://youtube.com/watch?v=OaYEf_0Ab_0&si=RIMC36Xmr0E0BbG5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทยจากสถานะ “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ถึงแม้ระดับเรตติ้งจะคงเดิมก็ตาม (Baa1)นักวิเคราะห์บางคนเข้าใจว่า เกิดจากปัจจัยภาษีทรัมป์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของรัฐบาล โดยอาจดูจากคำบรรยาย[The already announced US tariffs are likely to weigh significantly on global trade and global economic growth, and which will affect Thailand's open economy. In addition, there remains significant uncertainty as to whether the US will implement additional tariffs on Thailand and other countries, after the 90-day pause elapse.][ภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจการค้าโลก และจะกระทบไทยเนื่องจากมีการส่งออกมาก รวมทั้งไม่ชัดเจนว่า เมื่อครบ 90 วัน สหรัฐจะยังเก็บภาษีตอบโต้เท่าใด]**แต่ในข้อเท็จจริง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ใช้พิจารณานั้น อยู่ที่นโยบายรัฐบาล ดังเห็นได้ว่า คำอธิบายเหตุผลเริ่มต้นว่า[The decision to change the outlook to negative from stable captures the risks that Thailand's economic and fiscal strength will weaken further.][เหตุผลที่เราลดอันดับ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและฐานะการคลังมีแนวโน้มจะเลวลง][This shock exacerbates Thailand's already sluggish economic recovery post-pandemic, and risk aggravating the trend decline in the country's potential growth. Material downward pressures on Thailand's growth raises risks of further weakening in the government's fiscal position, which has already deteriorated since the pandemic.][เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดอย่างอืดอาด และศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานะการคลังที่อ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่โควิด จะเลวลงไปอีก]**นี่เอง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ลดอันดับอนาคตไทย ก็เนื่องจากความเป็นห่วงในฐานะการคลัง **ซึ่งรัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ > ทำให้ขาดดุลงบประมาณทุกปี > ประกอบกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลก่อนหน้ากู้เงินมาแจกหมื่น > เพื่อกินใช้รายวัน > โดยไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน > ถึงแม้ จีดีพีเพิ่มบ้างเล็กน้อยก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หมดไป**อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ให้คะแนน 3 ปัจจัยบวกหนึ่ง แบงค์ชาติและระบบราชการน่าเชื่อถือ[The affirmation of the Baa1 ratings reflects the country's moderately strong institutions and governance which support sound monetary and macroeconomic policies.][เรายังคงอันดับเครดิตไว้ที่ Baa1 เพราะองค์กรด้านนโยบายการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจยังพอจะสามารถประคองความน่าเชื่อถือ]**ผมเพิ่มเติมว่า คือสังคมไทยยังช่วยกันคัดค้านการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องสอง มีการพัฒนาตลาดพันธบัตรดี[The Baal ratings also take into account Thailand's moderately strong debt affordability - despite the sharp increase in government debt since the pandemic - supported by its deep domestic markets and the fact that its government debt is almost entirely denominated in local currency.][และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมากแล้วตั้งแต่วิกฤตโควิด ตลาดพันธบัตรไทยได้พัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการกู้เพิ่มได้ การที่หนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลบาท (ทำให้รัฐบาลไม่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)]**ผมเพิ่มเติมว่า บุคคลหลักที่สร้างรากฐานตลาดพันธบัตรไทยคือ 2 อดีตผู้ว่าฯ ม.ร.ว.จตุมงคล และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร โดยผมรับลูกในตำแหน่งเลขา ก.ล.ต.สาม มีทุนสำรองมั่นคง[Moreover, Thailand has a strong external position, with ample foreign exchange reserves buffer.][และไทยมีทุนสำรองมากพอ ฐานะหนี้สกุลต่างประเทศต่ำ]ผมจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำข้อวิเคราะห์เหล่านี้ไปปรับปรุงนโยบายเป็นการด่วนวันที่ 30 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทย เกิดจากนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มูดี้ส์ลดอันดับอนาคตของไทยจากสถานะ “ทรงตัว” เป็น “โน้มลง” ถึงแม้ระดับเรตติ้งจะคงเดิมก็ตาม (Baa1)นักวิเคราะห์บางคนเข้าใจว่า เกิดจากปัจจัยภาษีทรัมป์ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจควบคุมของรัฐบาล โดยอาจดูจากคำบรรยาย[The already announced US tariffs are likely to weigh significantly on global trade and global economic growth, and which will affect Thailand's open economy. In addition, there remains significant uncertainty as to whether the US will implement additional tariffs on Thailand and other countries, after the 90-day pause elapse.][ภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจการค้าโลก และจะกระทบไทยเนื่องจากมีการส่งออกมาก รวมทั้งไม่ชัดเจนว่า เมื่อครบ 90 วัน สหรัฐจะยังเก็บภาษีตอบโต้เท่าใด]**แต่ในข้อเท็จจริง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ใช้พิจารณานั้น อยู่ที่นโยบายรัฐบาล ดังเห็นได้ว่า คำอธิบายเหตุผลเริ่มต้นว่า[The decision to change the outlook to negative from stable captures the risks that Thailand's economic and fiscal strength will weaken further.][เหตุผลที่เราลดอันดับ เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจและฐานะการคลังมีแนวโน้มจะเลวลง][This shock exacerbates Thailand's already sluggish economic recovery post-pandemic, and risk aggravating the trend decline in the country's potential growth. Material downward pressures on Thailand's growth raises risks of further weakening in the government's fiscal position, which has already deteriorated since the pandemic.][เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดอย่างอืดอาด และศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ฐานะการคลังที่อ่อนแออยู่แล้วตั้งแต่โควิด จะเลวลงไปอีก]**นี่เอง ปัจจัยหลักที่ มูดี้ส์ ลดอันดับอนาคตไทย ก็เนื่องจากความเป็นห่วงในฐานะการคลัง **ซึ่งรัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ > ทำให้ขาดดุลงบประมาณทุกปี > ประกอบกับรัฐบาลนี้และรัฐบาลก่อนหน้ากู้เงินมาแจกหมื่น > เพื่อกินใช้รายวัน > โดยไม่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน > ถึงแม้ จีดีพีเพิ่มบ้างเล็กน้อยก็เป็นแบบไฟไหม้ฟาง วูบเดียวก็หมดไป**อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ให้คะแนน 3 ปัจจัยบวกหนึ่ง แบงค์ชาติและระบบราชการน่าเชื่อถือ[The affirmation of the Baa1 ratings reflects the country's moderately strong institutions and governance which support sound monetary and macroeconomic policies.][เรายังคงอันดับเครดิตไว้ที่ Baa1 เพราะองค์กรด้านนโยบายการเงินและพัฒนาเศรษฐกิจยังพอจะสามารถประคองความน่าเชื่อถือ]**ผมเพิ่มเติมว่า คือสังคมไทยยังช่วยกันคัดค้านการแทรกแซงที่ไม่ถูกต้องสอง มีการพัฒนาตลาดพันธบัตรดี[The Baal ratings also take into account Thailand's moderately strong debt affordability - despite the sharp increase in government debt since the pandemic - supported by its deep domestic markets and the fact that its government debt is almost entirely denominated in local currency.][และถึงแม้รัฐบาลจะกู้เงินมากแล้วตั้งแต่วิกฤตโควิด ตลาดพันธบัตรไทยได้พัฒนาจนมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการกู้เพิ่มได้ การที่หนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลบาท (ทำให้รัฐบาลไม่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)]**ผมเพิ่มเติมว่า บุคคลหลักที่สร้างรากฐานตลาดพันธบัตรไทยคือ 2 อดีตผู้ว่าฯ ม.ร.ว.จตุมงคล และ ม.ร.ว.ปรีดียาธร โดยผมรับลูกในตำแหน่งเลขา ก.ล.ต.สาม มีทุนสำรองมั่นคง[Moreover, Thailand has a strong external position, with ample foreign exchange reserves buffer.][และไทยมีทุนสำรองมากพอ ฐานะหนี้สกุลต่างประเทศต่ำ]ผมจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำข้อวิเคราะห์เหล่านี้ไปปรับปรุงนโยบายเป็นการด่วนวันที่ 30 เมษายน 2568นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร

    เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี!

    ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี...

    เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย...

    เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม...

    ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี

    ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท

    เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย...

    จุดเริ่มต้นการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ

    จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้?

    หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

    ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข

    การสารภาพอันเลือดเย็น ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง

    วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด

    ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้”

    คดีความ โทษที่ได้รับ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์

    ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง

    จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป

    แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

    อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง

    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน

    "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง

    อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555

    ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล

    หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน

    แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ...

    สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น

    คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ

    คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552

    คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557

    แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย

    เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ

    แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568

    #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥 ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี... เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย... เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม... ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣 เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย... จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? 🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢 ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️ คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์ ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️ จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨 วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน 🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗ ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล 🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ... สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552 คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557 แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭 🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈 แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568 📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1135 มุมมอง 0 รีวิว
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น

    จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์

    สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม

    แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ

    การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล

    ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย

    วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ

    มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1069 มุมมอง 0 รีวิว
  • 16 ปี หลังสนธิรอดตาย แต่ต้องช้ำใจสังคมยังไม่รอดโกง คนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง.ผมขออนุญาตพูดถึงความรู้สึกของผมหน่อย หลายๆ เรื่องที่ผมทำงานมา ปีนี้ 78 แล้ว ถ้าพูดถึงชีวิตการทำงานของผม มันผ่านมาหมดทุกอย่าง อุปสรรค คดีความ คุกตะราง ความเป็นความตาย ถูกลอบยิง หลักๆ แล้วทั้งหมดที่ผมผ่านมา คือคนที่มีอำนาจในแผ่นดิน หรือคนที่มีอำนาจ ใช้เงินใช้ทองซื้ออำนาจมา หรือการประมูลงานที่ต้องใช้เงินใช้ทองมา ประเทศไทยมันมาถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีทางรอดอีกต่อไปแล้ว .เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การป้องกันประเทศ หรือการทำงานในหน่วยงาน องค์กรอิสระ ผมแทบจะหาคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ‘เราต้องหาทางให้คนดีมาบริหารประเทศ และกันคนไม่ดีออกไป’ผมยังจำได้ดีเลย พระองค์ท่านบอกว่า คนเรามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพูดนั้น เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าและทรงใช้เป็นตัวนำมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ท่านใช้ชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" เพราะท่านพูดก็แล้ว ท่านเตือนสติก็แล้ว ก็ไม่ฟังกัน ก็ช่างหัวมันแล้วกัน ท่านก็ส่งสัญญาณด้วยการตั้งชื่อออกมาเพื่อให้เราเก๊ตกับมัน.หลวงตามหาบัว ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์บอกผมสิบกว่าปีแล้วว่า “สนธิ… การโกงกินชาติบ้านเมืองมันกินเข้าไปถึงกระดูกแล้ว มันเน่าเฟะไปหมดทั้งร่างกายของคนไทย” และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าจริง นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกไปสู้กับทักษิณ ชินวัตร ท่านพูดกับผมตลอดว่า “สนธิ อย่าลืมนะ ต้องเอาธรรมนำหน้า ไม่มีใครชนะธรรมได้” นั่นก็คือไม่มีใครชนะความจริงได้ ท่านบอกว่า ธรรม คนมีปัญญา คนมีสติ ถึงจะมองเห็นธรรม แต่ธรรมนั้น คนจำนวนมากจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคนจำนวนมากนั้นยังหมกมุ่นอยู่ในกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเป็น ผบ.ตร. อยากเป็น ผบ.ทบ. อยากเป็นผู้ว่าฯ สตง. อยากเป็น นั่นคือกิเลสส่วนหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็อยากมี ก็ใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมให้กับตัวเอง .ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็น ‘สมมุติ’ …แต่หน้าที่ต้องทำให้จริง ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อประชาชนจริงๆ ขอให้รู้ด้วยว่า ที่คุณรับเงินรับทองใครไปบ้างนั้น ไม่ใช่ว่าประชาชนเขาไม่รู้ หรือไม่ใช่ผมไม่รู้ ผมรู้ ผมดูถูกเหยียดหยามพวกคุณมาก .วันนี้ไอ้คุณมึงคนที่ประชาชนจะพึ่งได้ในยามสิ้นหวัง เช่น ป.ป.ช. หรือ สตง. กลับเป็นคนที่ทำชั่วเสียเอง ในเมื่อกูพึ่งนักการเมืองไม่ได้ กูขอพึ่งมึงได้ไหม ขอพึ่ง ป.ป.ช. ได้ไหม ขอพึ่ง สตง. ได้ไหม มึงกลับทำเหี้ยเสียเอง แล้วไม่ให้ผมช้ำใจได้อย่างไร .วันนี้ครบ 16 ปีที่ผมถูกยิง—17 เมษายน 2552 ตีห้าครึ่งแต่ผมไม่ตาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายคนรักผมบอกว่า”สนธิ มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับสนธิ สนธิอย่าไปขุดคุ้ยเขาได้ไหม สนธิจะเอาอะไร เดี๋ยวเขาให้” ผมขอบคุณ ผมไม่เดือดร้อน ผมไม่มีอะไรกับเขาเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขามีอะไรที่เขาทำแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เขา แล้วทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อน ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้ .แต่วันนี้ ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว ป.ป.ช. ก็หมดหวัง สตง. ยุคคุณหญิงจารุวรรณเคยเป็นความหวัง ตอนนี้ก็ไม่เหลือ ศาลเองก็เริ่มเพี้ยน หัวหน้าศาลบางจังหวัดสนิทกับผู้มีอิทธิพล พาผมไปฟ้องศาลต่างจังหวัด ผมไม่ช้ำใจได้ยังไง?.ผมเลือกทำสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะผมมีความรู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดปัญญา ถ้าผมทำแล้วให้ปัญญาคน ทั้งที่รู้ว่าคนสนใจข่าวซุบซิบนินทาทำไมโตโน่หักหลังณิชาเป็นล้าน แต่มาสนใจข้อมูลข่าวสารที่ผมทำแค่หมื่น ร้อยเท่า ผมยังต้องอดทน เพราะผมอยากให้คนไทยมีปัญญา .เหมือนที่ผมอดทนออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาต่างๆ แล้วผมต้องรอ 17 ปี กว่าเขาจะกลับมา เพื่อจะกลับมาเมืองไทยโดยการสารภาพผิด บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้ข่าวว่าเขากำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อนิรโทษฯ กรรมต่างๆ ที่เขาทำไป.การจะได้ปัญญาสักอย่างหนึ่ง การจะรู้ความจริงสักอย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลา ต้องกล้าเผชิญความจริงใหม่ๆ ผมทำรายการ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ"มาเจ็ดปี ยังต้องเดินขึ้นศาลไม่หยุด เพราะผมยึดถือธรรม วันนี้ช้ำใจที่สุดคือคนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง ผมมาเห็นปัญหา ป.ป.ช. แล้วผมช้ำใจแล้ว นี่ผมมาเห็นปัญหา สตง. ซึ่งมันเป็นมหากาพย์ ที่มันเจ็บใจที่สุดคือคนที่ต้องมีหน้าที่จับทุจริตคนอื่น เสือกมาทำเอง ผมช้ำใจมาก .หลายคนอวยพรผมสงกรานต์ บอกพี่สนธิ / ลุง ต้องอยู่ไปนานๆ นะ เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผมบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากจะตายวันตายคืน จะได้พ้นเวรพ้นกรรม เพราะว่าพอตายแล้ว ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องสมมุติหมด มีแต่ความว่างเปล่า จริงๆ ท่านผู้ชม ผมอยากตายวันตายคืน จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้อีกต่อไป วันนี้ขอแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
    16 ปี หลังสนธิรอดตาย แต่ต้องช้ำใจสังคมยังไม่รอดโกง คนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง.ผมขออนุญาตพูดถึงความรู้สึกของผมหน่อย หลายๆ เรื่องที่ผมทำงานมา ปีนี้ 78 แล้ว ถ้าพูดถึงชีวิตการทำงานของผม มันผ่านมาหมดทุกอย่าง อุปสรรค คดีความ คุกตะราง ความเป็นความตาย ถูกลอบยิง หลักๆ แล้วทั้งหมดที่ผมผ่านมา คือคนที่มีอำนาจในแผ่นดิน หรือคนที่มีอำนาจ ใช้เงินใช้ทองซื้ออำนาจมา หรือการประมูลงานที่ต้องใช้เงินใช้ทองมา ประเทศไทยมันมาถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีทางรอดอีกต่อไปแล้ว .เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การป้องกันประเทศ หรือการทำงานในหน่วยงาน องค์กรอิสระ ผมแทบจะหาคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ‘เราต้องหาทางให้คนดีมาบริหารประเทศ และกันคนไม่ดีออกไป’ผมยังจำได้ดีเลย พระองค์ท่านบอกว่า คนเรามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพูดนั้น เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าและทรงใช้เป็นตัวนำมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ท่านใช้ชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" เพราะท่านพูดก็แล้ว ท่านเตือนสติก็แล้ว ก็ไม่ฟังกัน ก็ช่างหัวมันแล้วกัน ท่านก็ส่งสัญญาณด้วยการตั้งชื่อออกมาเพื่อให้เราเก๊ตกับมัน.หลวงตามหาบัว ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์บอกผมสิบกว่าปีแล้วว่า “สนธิ… การโกงกินชาติบ้านเมืองมันกินเข้าไปถึงกระดูกแล้ว มันเน่าเฟะไปหมดทั้งร่างกายของคนไทย” และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าจริง นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกไปสู้กับทักษิณ ชินวัตร ท่านพูดกับผมตลอดว่า “สนธิ อย่าลืมนะ ต้องเอาธรรมนำหน้า ไม่มีใครชนะธรรมได้” นั่นก็คือไม่มีใครชนะความจริงได้ ท่านบอกว่า ธรรม คนมีปัญญา คนมีสติ ถึงจะมองเห็นธรรม แต่ธรรมนั้น คนจำนวนมากจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคนจำนวนมากนั้นยังหมกมุ่นอยู่ในกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเป็น ผบ.ตร. อยากเป็น ผบ.ทบ. อยากเป็นผู้ว่าฯ สตง. อยากเป็น นั่นคือกิเลสส่วนหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็อยากมี ก็ใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมให้กับตัวเอง .ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็น ‘สมมุติ’ …แต่หน้าที่ต้องทำให้จริง ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อประชาชนจริงๆ ขอให้รู้ด้วยว่า ที่คุณรับเงินรับทองใครไปบ้างนั้น ไม่ใช่ว่าประชาชนเขาไม่รู้ หรือไม่ใช่ผมไม่รู้ ผมรู้ ผมดูถูกเหยียดหยามพวกคุณมาก .วันนี้ไอ้คุณมึงคนที่ประชาชนจะพึ่งได้ในยามสิ้นหวัง เช่น ป.ป.ช. หรือ สตง. กลับเป็นคนที่ทำชั่วเสียเอง ในเมื่อกูพึ่งนักการเมืองไม่ได้ กูขอพึ่งมึงได้ไหม ขอพึ่ง ป.ป.ช. ได้ไหม ขอพึ่ง สตง. ได้ไหม มึงกลับทำเหี้ยเสียเอง แล้วไม่ให้ผมช้ำใจได้อย่างไร .วันนี้ครบ 16 ปีที่ผมถูกยิง—17 เมษายน 2552 ตีห้าครึ่งแต่ผมไม่ตาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายคนรักผมบอกว่า”สนธิ มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับสนธิ สนธิอย่าไปขุดคุ้ยเขาได้ไหม สนธิจะเอาอะไร เดี๋ยวเขาให้” ผมขอบคุณ ผมไม่เดือดร้อน ผมไม่มีอะไรกับเขาเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขามีอะไรที่เขาทำแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เขา แล้วทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อน ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้ .แต่วันนี้ ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว ป.ป.ช. ก็หมดหวัง สตง. ยุคคุณหญิงจารุวรรณเคยเป็นความหวัง ตอนนี้ก็ไม่เหลือ ศาลเองก็เริ่มเพี้ยน หัวหน้าศาลบางจังหวัดสนิทกับผู้มีอิทธิพล พาผมไปฟ้องศาลต่างจังหวัด ผมไม่ช้ำใจได้ยังไง?.ผมเลือกทำสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะผมมีความรู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดปัญญา ถ้าผมทำแล้วให้ปัญญาคน ทั้งที่รู้ว่าคนสนใจข่าวซุบซิบนินทาทำไมโตโน่หักหลังณิชาเป็นล้าน แต่มาสนใจข้อมูลข่าวสารที่ผมทำแค่หมื่น ร้อยเท่า ผมยังต้องอดทน เพราะผมอยากให้คนไทยมีปัญญา .เหมือนที่ผมอดทนออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาต่างๆ แล้วผมต้องรอ 17 ปี กว่าเขาจะกลับมา เพื่อจะกลับมาเมืองไทยโดยการสารภาพผิด บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้ข่าวว่าเขากำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อนิรโทษฯ กรรมต่างๆ ที่เขาทำไป.การจะได้ปัญญาสักอย่างหนึ่ง การจะรู้ความจริงสักอย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลา ต้องกล้าเผชิญความจริงใหม่ๆ ผมทำรายการ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ"มาเจ็ดปี ยังต้องเดินขึ้นศาลไม่หยุด เพราะผมยึดถือธรรม วันนี้ช้ำใจที่สุดคือคนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง ผมมาเห็นปัญหา ป.ป.ช. แล้วผมช้ำใจแล้ว นี่ผมมาเห็นปัญหา สตง. ซึ่งมันเป็นมหากาพย์ ที่มันเจ็บใจที่สุดคือคนที่ต้องมีหน้าที่จับทุจริตคนอื่น เสือกมาทำเอง ผมช้ำใจมาก .หลายคนอวยพรผมสงกรานต์ บอกพี่สนธิ / ลุง ต้องอยู่ไปนานๆ นะ เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผมบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากจะตายวันตายคืน จะได้พ้นเวรพ้นกรรม เพราะว่าพอตายแล้ว ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องสมมุติหมด มีแต่ความว่างเปล่า จริงๆ ท่านผู้ชม ผมอยากตายวันตายคืน จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้อีกต่อไป วันนี้ขอแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 813 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 เมษา “วันกัญชาโลก” เดอะวอลโดส โค้ดลับ โฟร์ทเวนตี ต่างชาติหลงใหลกัญชาไทย เสน่ห์ใหม่ หรือว่า… ปัญหางอก! จากรหัสลับ สู่สนามถกเถียงระดับโลก

    จากเรื่องเล่ากลุ่มวัยรุ่น The Waldos สู่กระแสร่วมสมัยในไทย การใช้กัญชาควรเป็นเสรีภาพเพื่อสุขภาพ หรือแค่แฟชั่นเสพติด?

    หากเคยเห็นคำว่า “420” หรือ “4/20” บนเสื้อผ้า โซเชียลมีเดีย หรือในบทสนทนาระหว่างกลุ่มวัยรุ่น และสงสัยว่า... หมายถึงอะไร? คำตอบคือ 420 คือรหัสลับของผู้ใช้กัญชาทั่วโลก ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น "วันกัญชาโลก" หรือ "World Cannabis Day"

    ทุกวันที่ 20 เมษายน (20/4) ของทุกปี กลายเป็นวันเฉลิมฉลอง ของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการใช้กัญชา ทั้งในด้านการแพทย์ การพักผ่อน และการรณรงค์ให้กฎหมายในแต่ละประเทศ เปิดใจยอมรับพืชชนิดนี้มากขึ้น

    แต่... การเฉลิมฉลองนั้น ควรมีขอบเขตแค่ไหน? เสรีภาพจะพาไปสู่โอกาส หรือปัญหางอกไม่รู้จบ?

    จุดเริ่มต้นจากกลุ่ม The Waldos สู่วัฒนธรรมสมัยนิยม เรื่องราวของ “420” เริ่มต้นในปี 2514 จากกลุ่มวัยรุ่นชื่อ "The Waldos" ที่เมืองซานราฟาเอล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขานัดเจอกันทุกวันเวลา 16.20 น. หรือ 4:20 PM เพื่อออกตามหาต้นกัญชาลึกลับ ในค่ายทหาร "abandoned" โดยใช้เวลา 4:20 เป็นรหัสลับระหว่างกัน

    แม้จะไม่เจอต้นกัญชานั้นจริงๆ แต่คำว่า “420” กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา โดยถูกผลักดันจากวงดนตรี "Grateful Dead" และต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมย่อย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก

    วันที่ 20 เมษายน หรือ “4/20” ตามรูปแบบการเขียนเดือนและวัน ของสหรัฐฯ ถูกยกระดับให้เป็น วันแห่งการเฉลิมฉลองกัญชา โดยผู้ใช้กัญชาทั่วโลก จะออกมารวมตัวจัดกิจกรรม สังสรรค์ หรือแม้แต่ประท้วง เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายที่เป็นธรรม เกี่ยวกับการใช้กัญชา

    ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ แม้กัญชาจะเคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ด้วยการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด กัญชาถูกมองใหม่ในฐานะ “สมุนไพรทางเลือก” ที่มี CBD และ THC เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งช่วยรักษาอาการ ได้หลายประเภท

    ประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดประสาท ปวดข้อ ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายขึ้น ลดอาการวิตกกังวล เฉพาะบางกรณี

    ทั้งนี้.... การใช้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

    ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันมีผลข้างเคียงหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการเสพติด หากใช้ต่อเนื่องในปริมาณมาก ส่งผลต่อสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น อาจก่อให้เกิดความจำสั้น สมาธิสั้น และอารมณ์แปรปรวน มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตประสาท ในบางราย

    "กัญชาไทย" จากปลดล็อกสู่การควบคุม ปี 2565 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลประกาศ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจภายในครัวเรือน

    แต่เมื่อขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ปัญหาจึงตามมา เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายเกินไป โฆษณาเกินจริงบนโลกออนไลน์ และการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย

    ธุรกิจกัญชาไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าตลาดคาดการณ์สูงถึง 20,000 ล้านบาท หากสามารถจัดการได้ดี

    เสรีภาพ กับความปลอดภัย สมดุลที่ต้องคิดให้รอบด้าน คำถามใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญในปี 2568 คือ...

    “กัญชาเป็นเสรีภาพใหม่ หรือปัญหางอก?”

    แม้หลายฝ่ายจะชูธงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่กลุ่มทางการแพทย์และผู้ปกครอง กลับกังวลถึงผลกระทบระยะยาวต่อเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพระราชบัญญัติ ควบคุมที่ชัดเจน

    ล่าสุด รัฐบาลมีแนวโน้มจะออก "พระราชบัญญัติกัญชา" เพื่อควบคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง

    เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด ผลกระทบต่อสมองและพฤติกรรม การพัฒนาสมองถูกรบกวนโดยสาร THC เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และอาการหลอน พฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เช่น การลองยาเสพติดอื่น

    แนวทางป้องกันคือ ให้ความรู้ในโรงเรียน ควบคุมการโฆษณา และจำหน่ายอย่างเคร่งครัด จำกัดอายุขั้นต่ำ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา

    ต่างชาติหลงใหล “กัญชาไทย” หรือแค่... โบนัสท่องเที่ยว? หลังปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายเขียว”

    โดยเฉพาะจากประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดเข้มงวด เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวบางคนมองว่า กัญชาไทยเป็นเสน่ห์ใหม่ ของการท่องเที่ยว แต่บางส่วนกลับกังวลว่า อาจบ่อนทำลายภาพลักษณ์ไทย ในสายตาชาวโลก

    กฎหมายของไทย อาจไม่ตรงกับกฎหมายในประเทศต้นทาง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา!

    เศรษฐกิจกัญชา โอกาสทองหรือความเสี่ยงซ่อนเร้น? ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาแล้วประสบความสำเร็จ เช่น แคนาดา อุรุกวัย มอลตา ล้วนมีระบบควบคุมกัญชาเข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ

    หากไม่มีการควบคุมที่ดี เศรษฐกิจกัญชาจะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ปัญหาสังคมลุกลาม และลดความน่าเชื่อถือของประเทศได้

    แพทย์เตือน กัญชาเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ของเล่น” วงการแพทย์ย้ำว่า...

    “กัญชาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ควรใช้แบบสันทนาการทั่วไป”

    กลุ่มโรคที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชาคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ปวดเรื้อรัง ผู้ที่นอนไม่หลับ และผู้ป่วยจิตเวชบางกลุ่ม

    อย่างไรก็ตาม การใช้ต้องอาศัยการวินิจฉัยจากแพทย์ และข้อมูลวิจัยเพิ่มเติม

    ควรฉลองหรือทบทวน? วันกัญชาโลก (420) คือโอกาสให้เราหยุดคิด ทบทวน และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพ ในสังคมไทย ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง

    สิ่งที่สังคมควรย้ำคือ

    สนับสนุนการใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และสุขภาพ

    ต่อต้านการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่มีการควบคุม

    สร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพ และความปลอดภัยของสาธารณชน

    "กัญชาอาจเป็นพืชมหัศจรรย์... ถ้าเราใช้ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่ตามกระแส"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200924 เม.ย. 2568

    #วันกัญชาโลก #420ไทย #โฟร์ทเวนตี้ #กัญชาเพื่อการแพทย์
    #กัญชาไทย #เสรีภาพไม่ใช่สันทนาการ #TheWaldos #กัญชากับเยาวชน
    #สังคมกับกัญชา #กัญชาอย่างปลอดภัย
    🌿 20 เมษา “วันกัญชาโลก” เดอะวอลโดส โค้ดลับ โฟร์ทเวนตี ต่างชาติหลงใหลกัญชาไทย เสน่ห์ใหม่ หรือว่า… ปัญหางอก! จากรหัสลับ สู่สนามถกเถียงระดับโลก จากเรื่องเล่ากลุ่มวัยรุ่น The Waldos สู่กระแสร่วมสมัยในไทย การใช้กัญชาควรเป็นเสรีภาพเพื่อสุขภาพ หรือแค่แฟชั่นเสพติด? 🔍 หากเคยเห็นคำว่า “420” หรือ “4/20” บนเสื้อผ้า โซเชียลมีเดีย หรือในบทสนทนาระหว่างกลุ่มวัยรุ่น และสงสัยว่า... หมายถึงอะไร? คำตอบคือ 420 คือรหัสลับของผู้ใช้กัญชาทั่วโลก ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น "วันกัญชาโลก" หรือ "World Cannabis Day" 🗓️ ทุกวันที่ 20 เมษายน (20/4) ของทุกปี กลายเป็นวันเฉลิมฉลอง ของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการใช้กัญชา ทั้งในด้านการแพทย์ การพักผ่อน และการรณรงค์ให้กฎหมายในแต่ละประเทศ เปิดใจยอมรับพืชชนิดนี้มากขึ้น 📢 แต่... การเฉลิมฉลองนั้น ควรมีขอบเขตแค่ไหน? เสรีภาพจะพาไปสู่โอกาส หรือปัญหางอกไม่รู้จบ? 🧠 จุดเริ่มต้นจากกลุ่ม The Waldos สู่วัฒนธรรมสมัยนิยม เรื่องราวของ “420” เริ่มต้นในปี 2514 จากกลุ่มวัยรุ่นชื่อ "The Waldos" ที่เมืองซานราฟาเอล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขานัดเจอกันทุกวันเวลา 16.20 น. หรือ 4:20 PM เพื่อออกตามหาต้นกัญชาลึกลับ ในค่ายทหาร "abandoned" โดยใช้เวลา 4:20 เป็นรหัสลับระหว่างกัน 🕓 แม้จะไม่เจอต้นกัญชานั้นจริงๆ แต่คำว่า “420” กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา โดยถูกผลักดันจากวงดนตรี "Grateful Dead" และต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมย่อย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 🌍 📅 วันที่ 20 เมษายน หรือ “4/20” ตามรูปแบบการเขียนเดือนและวัน ของสหรัฐฯ ถูกยกระดับให้เป็น วันแห่งการเฉลิมฉลองกัญชา โดยผู้ใช้กัญชาทั่วโลก จะออกมารวมตัวจัดกิจกรรม สังสรรค์ หรือแม้แต่ประท้วง เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายที่เป็นธรรม เกี่ยวกับการใช้กัญชา ✊ 🌿 ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ แม้กัญชาจะเคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ด้วยการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด กัญชาถูกมองใหม่ในฐานะ “สมุนไพรทางเลือก” ที่มี CBD และ THC เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งช่วยรักษาอาการ ได้หลายประเภท 🧪 ✅ ประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด 🤢 บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดประสาท ปวดข้อ 🤕 ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายขึ้น 💤 ลดอาการวิตกกังวล เฉพาะบางกรณี 😟➡️🙂 📌 ทั้งนี้.... การใช้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ❌ ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันมีผลข้างเคียงหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการเสพติด หากใช้ต่อเนื่องในปริมาณมาก 🔄 ส่งผลต่อสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น 🧠 อาจก่อให้เกิดความจำสั้น สมาธิสั้น และอารมณ์แปรปรวน 😵 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตประสาท ในบางราย 🧨 🇹🇭 "กัญชาไทย" จากปลดล็อกสู่การควบคุม ปี 2565 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลประกาศ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจภายในครัวเรือน 👩‍⚕️🏠 แต่เมื่อขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ปัญหาจึงตามมา เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายเกินไป 👦👧 โฆษณาเกินจริงบนโลกออนไลน์ 💻 และการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย 🚬 📈 ธุรกิจกัญชาไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าตลาดคาดการณ์สูงถึง 20,000 ล้านบาท หากสามารถจัดการได้ดี 💸 🧩 เสรีภาพ กับความปลอดภัย สมดุลที่ต้องคิดให้รอบด้าน คำถามใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญในปี 2568 คือ... “กัญชาเป็นเสรีภาพใหม่ หรือปัญหางอก?” แม้หลายฝ่ายจะชูธงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่กลุ่มทางการแพทย์และผู้ปกครอง กลับกังวลถึงผลกระทบระยะยาวต่อเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพระราชบัญญัติ ควบคุมที่ชัดเจน 😰 🔒 ล่าสุด รัฐบาลมีแนวโน้มจะออก "พระราชบัญญัติกัญชา" เพื่อควบคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง 👶 เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด ผลกระทบต่อสมองและพฤติกรรม การพัฒนาสมองถูกรบกวนโดยสาร THC 🧠 เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และอาการหลอน 😨 พฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เช่น การลองยาเสพติดอื่น 🔗 แนวทางป้องกันคือ ให้ความรู้ในโรงเรียน 🏫 ควบคุมการโฆษณา และจำหน่ายอย่างเคร่งครัด 🔞 จำกัดอายุขั้นต่ำ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา 🚫 ✈️ ต่างชาติหลงใหล “กัญชาไทย” หรือแค่... โบนัสท่องเที่ยว? หลังปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายเขียว” 🌍💚 โดยเฉพาะจากประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดเข้มงวด เช่น 🇯🇵 ญี่ปุ่น 🇰🇷 เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวบางคนมองว่า กัญชาไทยเป็นเสน่ห์ใหม่ ของการท่องเที่ยว แต่บางส่วนกลับกังวลว่า อาจบ่อนทำลายภาพลักษณ์ไทย ในสายตาชาวโลก 📢 กฎหมายของไทย อาจไม่ตรงกับกฎหมายในประเทศต้นทาง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา! 💼 เศรษฐกิจกัญชา โอกาสทองหรือความเสี่ยงซ่อนเร้น? ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาแล้วประสบความสำเร็จ เช่น 🇨🇦 แคนาดา 🇺🇾 อุรุกวัย 🇲🇹 มอลตา ล้วนมีระบบควบคุมกัญชาเข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ 📉 หากไม่มีการควบคุมที่ดี เศรษฐกิจกัญชาจะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ปัญหาสังคมลุกลาม และลดความน่าเชื่อถือของประเทศได้ 🧑‍⚕️ แพทย์เตือน กัญชาเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ของเล่น” วงการแพทย์ย้ำว่า... “กัญชาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ควรใช้แบบสันทนาการทั่วไป” กลุ่มโรคที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชาคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ปวดเรื้อรัง ผู้ที่นอนไม่หลับ และผู้ป่วยจิตเวชบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การใช้ต้องอาศัยการวินิจฉัยจากแพทย์ และข้อมูลวิจัยเพิ่มเติม 🔍 📚 ควรฉลองหรือทบทวน? วันกัญชาโลก (420) คือโอกาสให้เราหยุดคิด ทบทวน และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพ ในสังคมไทย ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง 🎉 สิ่งที่สังคมควรย้ำคือ ✅ สนับสนุนการใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ❌ ต่อต้านการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่มีการควบคุม ⚖️ สร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพ และความปลอดภัยของสาธารณชน "กัญชาอาจเป็นพืชมหัศจรรย์... ถ้าเราใช้ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่ตามกระแส" 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200924 เม.ย. 2568 📌 #วันกัญชาโลก #420ไทย #โฟร์ทเวนตี้ #กัญชาเพื่อการแพทย์ #กัญชาไทย #เสรีภาพไม่ใช่สันทนาการ #TheWaldos #กัญชากับเยาวชน #สังคมกับกัญชา #กัญชาอย่างปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1087 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full)
    - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง
    - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม
    - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ
    - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง
    - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full) - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    Wow
    53
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 3309 มุมมอง 285 9 รีวิว
Pages Boosts