• เยอรมนีเพิ่งยึดเรือน้ำมันรัสเซีย "Eventin" ซึ่งอยู่ภายใต้ธงปานามา
    -Spiegel สื่อเยอรมันรายงาน

    จากประกาศการยึดเรือของกรมศุลกากรเยอรมัน เรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันดิบประมาณ 100,000 ตัน มูลค่า 40 ล้านยูโรจะกลายเป็นทรัพย์สินของเยอรมนี

    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ทางการเยอรมนีวางแผนว่าจะสูบน้ำมันดิบออกไปจากเรือด้วย และกำลังพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไรกับเรือลำนี้

    ยังไม่ชัดเจนว่าชะตากรรมลูกเรือจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้

    จากมุมมองของรัฐบาลเยอรมนี พวกเขาต้องการส่งสัญญาณให้รัสเซียทราบว่าเยอรมนีจะไม่เพียงเฝ้าดูการขนส่งน้ำมันของรัสเซียผ่านทะเลบอลติกเท่านั้น

    สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ เนื่องจากการคว่ำบาตรไม่ได้รับการอนุมัติจากสหประชาชาติ จึงไม่ได้รับการรับรองจากกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น นี่จึงเป็นเพียงการกระทำโดยพลการของประเทศกลุ่มหนึ่ง ที่ห้ามไม่ให้รัสเซียทำอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศมารองรับ
    นั่นหมายความว่า เยอรมนีกำลังขโมยเรือและน้ำมันของรัสเซีย อย่างผิดกฎหมาย เพียงเพราะคิดว่าตนเองมีสิทธิ์
    เยอรมนีเพิ่งยึดเรือน้ำมันรัสเซีย "Eventin" ซึ่งอยู่ภายใต้ธงปานามา -Spiegel สื่อเยอรมันรายงาน จากประกาศการยึดเรือของกรมศุลกากรเยอรมัน เรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันดิบประมาณ 100,000 ตัน มูลค่า 40 ล้านยูโรจะกลายเป็นทรัพย์สินของเยอรมนี นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ทางการเยอรมนีวางแผนว่าจะสูบน้ำมันดิบออกไปจากเรือด้วย และกำลังพิจารณาว่าควรดำเนินการอย่างไรกับเรือลำนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าชะตากรรมลูกเรือจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ จากมุมมองของรัฐบาลเยอรมนี พวกเขาต้องการส่งสัญญาณให้รัสเซียทราบว่าเยอรมนีจะไม่เพียงเฝ้าดูการขนส่งน้ำมันของรัสเซียผ่านทะเลบอลติกเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ เนื่องจากการคว่ำบาตรไม่ได้รับการอนุมัติจากสหประชาชาติ จึงไม่ได้รับการรับรองจากกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น นี่จึงเป็นเพียงการกระทำโดยพลการของประเทศกลุ่มหนึ่ง ที่ห้ามไม่ให้รัสเซียทำอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศมารองรับ นั่นหมายความว่า เยอรมนีกำลังขโมยเรือและน้ำมันของรัสเซีย อย่างผิดกฎหมาย เพียงเพราะคิดว่าตนเองมีสิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอเอฟพี - ผู้ลี้ภัยในค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่าที่สิ้นหวัง ได้รับความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายจากโครงการอาหารโลกเมื่อวันพุธ (19) เนื่องจากหน่วยงานของสหประชาชาติเริ่มหยุดให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนนับล้านในประเทศแห่งนี้เพราะขาดแคลนเงินทุน

    การตัดงบประมาณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้โครงการอาหารโลกขาดแคลนเงินทุนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องตัดงบประมาณครั้งใหญ่ในพม่า ที่อยู่ในสถานการณ์สงครามกลางเมืองมาเป็นเวลา 4 ปี

    “ฉันภาวนาทุกคืนขอให้ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง” บยาร์ มี ที่ได้รับความช่วยเหลือรายเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าประมาณ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเธอใช้เลี้ยงดูครอบครัว 5 คน กล่าว

    “ฉันภาวนาต่อพระเจ้าให้ผู้บริจาคได้รับพรและให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือพวกเราได้อีกครั้ง ได้โปรดช่วยเหลือพวกเรา สงสารเราด้วย” บยาร์ มี กล่าวกับเอเอฟพี จากค่ายแห่งหนึ่งนอกเมืองมิตจีนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

    นับตั้งแต่กองทัพพม่าเข้าโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนในปี 2564 ประเทศเผชิญกับความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน และทำให้ผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น และทำให้อัตราความยากจนเพิ่มขึ้น 50%

    เนื่องจากการตัดความช่วยเหลือ โครงการอาหารโลกระบุว่าจะให้ความช่วยเหลือได้เพียง 35,000 คนในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ 15 ล้านคน ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านอาหารในแต่ละวันของตนเองได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9680000026719

    #MGROnline #ผู้ลี้ภัย #ค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่า #โครงการอาหารโลก #สหประชาชาติ
    เอเอฟพี - ผู้ลี้ภัยในค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่าที่สิ้นหวัง ได้รับความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายจากโครงการอาหารโลกเมื่อวันพุธ (19) เนื่องจากหน่วยงานของสหประชาชาติเริ่มหยุดให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนนับล้านในประเทศแห่งนี้เพราะขาดแคลนเงินทุน • การตัดงบประมาณความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้โครงการอาหารโลกขาดแคลนเงินทุนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องตัดงบประมาณครั้งใหญ่ในพม่า ที่อยู่ในสถานการณ์สงครามกลางเมืองมาเป็นเวลา 4 ปี • “ฉันภาวนาทุกคืนขอให้ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง” บยาร์ มี ที่ได้รับความช่วยเหลือรายเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าประมาณ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเธอใช้เลี้ยงดูครอบครัว 5 คน กล่าว • “ฉันภาวนาต่อพระเจ้าให้ผู้บริจาคได้รับพรและให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือพวกเราได้อีกครั้ง ได้โปรดช่วยเหลือพวกเรา สงสารเราด้วย” บยาร์ มี กล่าวกับเอเอฟพี จากค่ายแห่งหนึ่งนอกเมืองมิตจีนา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ • นับตั้งแต่กองทัพพม่าเข้าโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนในปี 2564 ประเทศเผชิญกับความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน และทำให้ผู้คนหลายล้านต้องพลัดถิ่น และทำให้อัตราความยากจนเพิ่มขึ้น 50% • เนื่องจากการตัดความช่วยเหลือ โครงการอาหารโลกระบุว่าจะให้ความช่วยเหลือได้เพียง 35,000 คนในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ 15 ล้านคน ที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านอาหารในแต่ละวันของตนเองได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9680000026719 • #MGROnline #ผู้ลี้ภัย #ค่ายบรรเทาทุกข์ของพม่า #โครงการอาหารโลก #สหประชาชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาสต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพียงหนึ่งเดียวต่อกรณีที่ความเป็นปรปักษ์ในฉนวนกาซาโหมกระพือขึ้นมาอีกรอบ และสหรัฐฯสนับสนุนอิสราเอลในก้าวย่างถัดไป จากคำพูดของรักษาการเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำสหประชาชาติ ตามหลังอิสราเอลปฏิบัติการถล่มกาซา สังหารผู้คนไปกว่า 400 ราย ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ทำลายสถานการณ์ที่ค่อนข้างสงบเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มต้นขึ้น พร้อมเตือนว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000026098
    ฮามาสต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพียงหนึ่งเดียวต่อกรณีที่ความเป็นปรปักษ์ในฉนวนกาซาโหมกระพือขึ้นมาอีกรอบ และสหรัฐฯสนับสนุนอิสราเอลในก้าวย่างถัดไป จากคำพูดของรักษาการเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำสหประชาชาติ ตามหลังอิสราเอลปฏิบัติการถล่มกาซา สังหารผู้คนไปกว่า 400 ราย ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ทำลายสถานการณ์ที่ค่อนข้างสงบเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มต้นขึ้น พร้อมเตือนว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000026098
    Like
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธาน ICC โทโมโกะ อากาเนะ คือใคร?📌 และทำไมรัสเซียถึงต้องการตัวเธอ? เปิดตัวตน "โทโมโกะ อากาเนะ" ประธาน ICC คนล่าสุด และเหตุผลที่รัสเซียต้องการตัวเธอ! หมายจับปูตินสั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเกิดคดีย้อนกลับและมาตรการคว่ำบาตรจากมหาอำนาจ👉โทโมโกะ อากาเนะ ผู้พิพากษาชาวญี่ปุ่นวัย 68 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เมื่อมีนาคม 2024 หลังจากเข้าเป็นผู้พิพากษา ICC ตั้งแต่ปี 2018 เธอมีประวัติการทำงานอันโดดเด่น เคยเป็นหัวหน้าสถาบันสหประชาชาติเพื่อการป้องกันอาชญากรรม (UNAFEI) ระหว่างปี 2009-2011 และสั่งสมประสบการณ์ส่วนใหญ่ในฐานะอัยการในประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจากสหรัฐอเมริกา อากาเนะเป็นที่รู้จักจากการเป็นส่วนหนึ่งในการออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และมาเรีย ลวอวา-เบลโลวา ในข้อหา "เคลื่อนย้ายเด็กอย่างผิดกฎหมาย" จากพื้นที่ดอนบาสในปี 2023 ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการฟ้องคดีอาญาต่อเธอในข้อหาพยายามกักขังบุคคลโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเตรียมการโจมตีเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่ได้รับการคุ้มครอง รัสเซียอ้างว่าประมุขของรัฐย่อมได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันภายใต้อนุสัญญาปี 1973 แม้ว่าจะถอนตัวจาก ICC ไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันแม้แต่ประเทศสมาชิก ICC หลายแห่งก็ยังปฏิเสธที่จะจับกุมปูติน ขณะที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตร ICC เมื่อเดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับคำเตือนของอากาเนะเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของศาล#imctnews รายงาน
    ประธาน ICC โทโมโกะ อากาเนะ คือใคร?📌 และทำไมรัสเซียถึงต้องการตัวเธอ? เปิดตัวตน "โทโมโกะ อากาเนะ" ประธาน ICC คนล่าสุด และเหตุผลที่รัสเซียต้องการตัวเธอ! หมายจับปูตินสั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเกิดคดีย้อนกลับและมาตรการคว่ำบาตรจากมหาอำนาจ👉โทโมโกะ อากาเนะ ผู้พิพากษาชาวญี่ปุ่นวัย 68 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เมื่อมีนาคม 2024 หลังจากเข้าเป็นผู้พิพากษา ICC ตั้งแต่ปี 2018 เธอมีประวัติการทำงานอันโดดเด่น เคยเป็นหัวหน้าสถาบันสหประชาชาติเพื่อการป้องกันอาชญากรรม (UNAFEI) ระหว่างปี 2009-2011 และสั่งสมประสบการณ์ส่วนใหญ่ในฐานะอัยการในประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจากสหรัฐอเมริกา อากาเนะเป็นที่รู้จักจากการเป็นส่วนหนึ่งในการออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และมาเรีย ลวอวา-เบลโลวา ในข้อหา "เคลื่อนย้ายเด็กอย่างผิดกฎหมาย" จากพื้นที่ดอนบาสในปี 2023 ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการฟ้องคดีอาญาต่อเธอในข้อหาพยายามกักขังบุคคลโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเตรียมการโจมตีเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่ได้รับการคุ้มครอง รัสเซียอ้างว่าประมุขของรัฐย่อมได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันภายใต้อนุสัญญาปี 1973 แม้ว่าจะถอนตัวจาก ICC ไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันแม้แต่ประเทศสมาชิก ICC หลายแห่งก็ยังปฏิเสธที่จะจับกุมปูติน ขณะที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตร ICC เมื่อเดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับคำเตือนของอากาเนะเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของศาล#imctnews รายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • แดนนี่ ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ประกาศว่าอิสราเอลจะไม่ปรานีใครในการโจมตีครั้งใหม่ในฉนวนกาซา

    ขณะเดียวกันวิดีโอที่เผยแพร่ในโซเชียลเต็มไปด้วยศพผู้หญิงและเด็ก สร้างความตกตะลึงไปทั่วอินเทอร์เน็ต
    แดนนี่ ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ประกาศว่าอิสราเอลจะไม่ปรานีใครในการโจมตีครั้งใหม่ในฉนวนกาซา ขณะเดียวกันวิดีโอที่เผยแพร่ในโซเชียลเต็มไปด้วยศพผู้หญิงและเด็ก สร้างความตกตะลึงไปทั่วอินเทอร์เน็ต
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาหลังจากการโจมตีครั้งใหม่ของอิสราเอลทะลุ 200 คนแล้ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนยอดผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    "ทางด้านสหรัฐฯ เผยอิสราเอลมาปรึกษาสหรัฐฯ ก่อนการโจมตี"

    แดนนี แดนนอน (Danny Dannon) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติโพสต์ข้อความบน X ว่า ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายของฮามาสในฉนวนกาซาจะดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดจนกว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกันทั้งหมดออกมา
    สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาหลังจากการโจมตีครั้งใหม่ของอิสราเอลทะลุ 200 คนแล้ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนยอดผู้ได้รับบาดเจ็บยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง "ทางด้านสหรัฐฯ เผยอิสราเอลมาปรึกษาสหรัฐฯ ก่อนการโจมตี" แดนนี แดนนอน (Danny Dannon) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติโพสต์ข้อความบน X ว่า ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายของฮามาสในฉนวนกาซาจะดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดจนกว่าฮามาสจะปล่อยตัวประกันทั้งหมดออกมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประณามกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงในซีเรีย ที่สังหารพลเรือนในซีเรียตะวันตก "พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลซีเรียต้องเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ"

    ขณะเดียวกัน "สหรัฐฯและรัสเซีย" เรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากวิกฤตซีเรียที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยจะขอให้มีการประชุมแบบปิดในวันจันทร์
    รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประณามกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงในซีเรีย ที่สังหารพลเรือนในซีเรียตะวันตก "พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลซีเรียต้องเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ" ขณะเดียวกัน "สหรัฐฯและรัสเซีย" เรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากวิกฤตซีเรียที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยจะขอให้มีการประชุมแบบปิดในวันจันทร์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านเตือนสหรัฐ ลืมเรื่องที่จะให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ไปได้เลย

    "อิหร่านพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐแค่เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น แต่จะไม่หารือเรื่องการยุติโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพ" ผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าว
    อิหร่านเตือนสหรัฐ ลืมเรื่องที่จะให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ไปได้เลย "อิหร่านพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐแค่เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น แต่จะไม่หารือเรื่องการยุติโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติภาพ" ผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ

    องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้

    ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน

    “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว

    “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ • องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้ • ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน • “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน • อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว • “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเดือดใหม่! 'ทรูโด' ประกาศแคนาดาพร้อมส่งทหารไปยูเครน 📌ร่วมขบวน UK-ฝรั่งเศส เตรียมจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ขณะที่โฆษกรัสเซียโต้กลับประชด "ใครจะปกป้องแคนาดาจากการขยายดินแดนของสหรัฐฯ?" ชี้ชาวยูเครนที่หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในแคนาดาคงทำไม่ได้ ด้านลาฟรอฟเตือนกองกำลังต่างชาติในยูเครนจะเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรม ขณะที่ 'ฟรีแลนด์' ผู้มีโอกาสสืบทอดตำแหน่งทรูโดหนุนจับมือมหาอำนาจนิวเคลียร์ยุโรปต้านสหรัฐฯ👉ความขัดแย้งระดับโลกขยายวง! 'ทรูโด' แห่งแคนาดาประกาศพร้อมส่งทหารไปยูเครนร่วมกับพันธมิตรตะวันตก โฆษกรัสเซียตอบโต้เสียดสี "แล้วใครจะปกป้องแคนาดาจากสหรัฐฯ?" นายกฯ ทรูโดยืนยันว่า "ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะเจรจา" ในการส่งกองกำลังไปยูเครน สอดคล้องกับนายกฯ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษที่ประกาศจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ทันทีที่มีการหยุดยิงแคนาดาฝึกทหารยูเครนกว่า 44,000 นายตั้งแต่ปี 2015 พร้อมให้ความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมาก ทำให้เป็นผู้บริจาครายใหญ่อันดับ 5 ของโลกมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประชดประชันถึงความสัมพันธ์แคนาดา-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวหลังทรัมป์เคยเรียกทรูโดว่า "ผู้ว่าการ"รัสเซียเตือนว่าหากไม่มีอาณัติจากสหประชาชาติ กองกำลังตะวันตกในยูเครนจะถูกมองว่าเป็นเป้าหมายทางการทหารที่ชอบธรรม#imctnews รายงาน
    จุดเดือดใหม่! 'ทรูโด' ประกาศแคนาดาพร้อมส่งทหารไปยูเครน 📌ร่วมขบวน UK-ฝรั่งเศส เตรียมจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ขณะที่โฆษกรัสเซียโต้กลับประชด "ใครจะปกป้องแคนาดาจากการขยายดินแดนของสหรัฐฯ?" ชี้ชาวยูเครนที่หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในแคนาดาคงทำไม่ได้ ด้านลาฟรอฟเตือนกองกำลังต่างชาติในยูเครนจะเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรม ขณะที่ 'ฟรีแลนด์' ผู้มีโอกาสสืบทอดตำแหน่งทรูโดหนุนจับมือมหาอำนาจนิวเคลียร์ยุโรปต้านสหรัฐฯ👉ความขัดแย้งระดับโลกขยายวง! 'ทรูโด' แห่งแคนาดาประกาศพร้อมส่งทหารไปยูเครนร่วมกับพันธมิตรตะวันตก โฆษกรัสเซียตอบโต้เสียดสี "แล้วใครจะปกป้องแคนาดาจากสหรัฐฯ?" นายกฯ ทรูโดยืนยันว่า "ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะเจรจา" ในการส่งกองกำลังไปยูเครน สอดคล้องกับนายกฯ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษที่ประกาศจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ทันทีที่มีการหยุดยิงแคนาดาฝึกทหารยูเครนกว่า 44,000 นายตั้งแต่ปี 2015 พร้อมให้ความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมาก ทำให้เป็นผู้บริจาครายใหญ่อันดับ 5 ของโลกมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประชดประชันถึงความสัมพันธ์แคนาดา-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวหลังทรัมป์เคยเรียกทรูโดว่า "ผู้ว่าการ"รัสเซียเตือนว่าหากไม่มีอาณัติจากสหประชาชาติ กองกำลังตะวันตกในยูเครนจะถูกมองว่าเป็นเป้าหมายทางการทหารที่ชอบธรรม#imctnews รายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานทูตจีนโต้ข้อกล่าวหาไทยส่งกลับชาวอุยกูร์สัญชาติจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อัดกลับบางประเทศใหญ่ปี 67 ส่งกลับผู้อพยพกว่า 270,000 คนไม่เห็นโวยวาย ยืนยันผู้ถูกส่งกลับจะได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุด

    วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทถาม-ตอบจำนวน 4 ข้อเกี่ยวกับจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งกลับชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ไปยังต้นทางคือจีน ท่ามกลางแม้มีเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่าคนเหล่านี้อาจได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ หลายประเทศตะวันตกยังส่งเสียงประณามประเทศไทยด้วย เช่น สหประชาชาติ สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020273

    #MGROnline #จีน #ชาวอุยกูร์ #สัญชาติจีน #กลุ่มสิทธิมนุษยชน
    สถานทูตจีนโต้ข้อกล่าวหาไทยส่งกลับชาวอุยกูร์สัญชาติจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อัดกลับบางประเทศใหญ่ปี 67 ส่งกลับผู้อพยพกว่า 270,000 คนไม่เห็นโวยวาย ยืนยันผู้ถูกส่งกลับจะได้ปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุด • วันนี้ (2 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทถาม-ตอบจำนวน 4 ข้อเกี่ยวกับจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. รัฐบาลไทยได้ดำเนินการส่งกลับชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน ไปยังต้นทางคือจีน ท่ามกลางแม้มีเสียงโวยวายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่าคนเหล่านี้อาจได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ หลายประเทศตะวันตกยังส่งเสียงประณามประเทศไทยด้วย เช่น สหประชาชาติ สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000020273 • #MGROnline #จีน #ชาวอุยกูร์ #สัญชาติจีน #กลุ่มสิทธิมนุษยชน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่ามกลางเสียงประณามไทย ทั้งจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) ในกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ จากการตรวจสอบข่าวเก่าๆพบว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้เคยปฏิเสธคำร้องจากรัฐบาลไทย ที่ขอให้ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี โดยสาเหตุที่ไม่สู้เต็มใจ ก็คือกลัวจีนโกรธ จนตัดลดความช่วยเหลือและเงินบริจาค
    .
    เว็บไซต์ข่าว The New Humanitarian รายงานพาดหัวข่าว UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ ปฏิเสธรัฐบาลไทย ไม่ยอมเข้าช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์จากจีน 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
    .
    รายงานข่าวระบุว่าในบรรดาผู้ขอลี้ภัยเหล่านั้น มีอยู่ 5 คน ที่ต้องโทษจำคุก ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คน ถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆในสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอนสวนพลู ในกรุงเทพฯ พวกเขาถูกห้ามติดต่อกัยครอบครัว ทนายความ หรือกระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ
    .
    เป็นเวลานานหลายปีที่ทาง UNHCR ยืนกรานว่ารัฐบาลไทยขัดขวางหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยและอำนวยความสะดวกพวกเขาในการย้ายไปตั้งรกรากในประเทศที่ 3
    .
    อย่างไรก็ตามรายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายใน ย้อนกลับไปในปี 2020 เผยว่ารัฐบาลของไทยได้เริ่มส่งคำร้องอย่างไม่เป็นทางการถึง UNHCR ตั้งแต่เกือบ 5 ปีก่อนหน้านั้น ให้แสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการคลี่คลายการคุมตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้อย่างไม่มีกำหนด แต่พวกทางเจ้าหน้าที่ UNHCR คัดค้านที่จะทำเช่นนั้น
    .
    The New Humanitarian ระบุว่า UNHCR มอบความช่วยเหลือปกป้องชีวิตแก่ผู้แสวงหาลี้ภัยทั่วโลก แต่รายงานในปี 2023 ที่เผยแพร่โดยครงการสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์(UHRP - Uyghur Human Rights Project) ระบุว่าอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆของจีนเหนือประเทศเจ้าบ้านบางชาติ "บ่อนทำลายความพยายามทางการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆที่จะรับรองและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมกับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" และเอกสารภายในบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนยังแผ่ลามมาถึงหน่วงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ด้วย
    .
    "เอกสารแสดงให้เห็นว่า UNHCR ล้มเหวในการยึดถืออานัติในการปกป้องพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" The New Humanitarian รายงานในตอนนั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ จอห์น ควินลีย์ ผู้อำนวยการองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights หลังจากได้เห็นเอกสาร "พวกผู้นำของ UNHCR ดูเหมือนจะไม่ทำงานเชิงรุก ในความพยายามหาทางออกสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรณ์ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในการถูกควบคุมตัวมานานหลายปี"
    .
    บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR บอกกับ The New Humanitarian เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ว่าหน่วยงานแห่งนี้เดินหน้าหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทย "แต่ไม่อยู่ในขั้น ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หรือประสานงานกับผู้รับผิดชอบคดี ในจุดประสงค์อำนวยความสะดวกหนทางคลี่คลายปัญหา หาไม่แล้ว มันจะสะท้อนความเข้าใจผิดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
    .
    เขาปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ UNHCR ต่อคดีนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นความลับ
    .
    รายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ฉบับหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลไทยเพิ่มความพยายามมากขึ้น ขอให้ทาง UNHCR หาทางออกในประเด็นนี้" และมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเปิดทางให้ UNHCR เข้าถึงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เหล่านั้น
    .
    อย่างไรก็ตามสำนักงานของ UNHCR ประจำประเทศไทย กลับมองข้อเสนอของ ไทย ด้วยความสงสัย "สำนักงานประจำประเทศไทย มองเรื่องนี้ว่า ไทย อาจใช้ UNHCR เป็นโล่เบี่ยงเบนความโกรธเคืองของจีน" เอกสารฉบับหนึ่งระบุ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของ UNHCR ประจำในประเทศไทย จึงตัดสินใจในช่วงปลายปี 2020 ไม่แนะนำให้ตอบสนองเชิงรุกใดๆ
    .
    เอกสารฉบับหนึ่งเตือนถึง "ความเสี่ยงของผลกระทบในทาทางลบใดๆต่อปฏิบัติการของ UNHCR ในจีน และผลกระทบในแง่ของเงินทุนและการสนับสนุนที่มีต่อ UNHCR ในนั้นรวมถึงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง 10 ตำแหน่ง และโครงการต่างๆคิดเป็นมูลค่า 7.7 ล้านดอลลาร์
    .
    "หนึ่งในแง่มุมสุดช็อคของเอกสารนี้ก็คือ ดูเหมือน ไทย เป็นฝ่ายกดดันให้ UNHCR เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ทาง UNHCR หยุดชะงัก เพราะว่าพวกเขากลัวจีนจะโกรธ และลดความร่วมมือหรือลดเงินบริจาคที่มอบให้หน่วยงานแห่งนี้" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอตช์ บอกกับ The New Humanitarian ในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเอกสาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020219
    ..................
    Sondhi X

    ท่ามกลางเสียงประณามไทย ทั้งจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนีและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) ในกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ จากการตรวจสอบข่าวเก่าๆพบว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้เคยปฏิเสธคำร้องจากรัฐบาลไทย ที่ขอให้ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยมานานกว่า 10 ปี โดยสาเหตุที่ไม่สู้เต็มใจ ก็คือกลัวจีนโกรธ จนตัดลดความช่วยเหลือและเงินบริจาค . เว็บไซต์ข่าว The New Humanitarian รายงานพาดหัวข่าว UN declined offers to assist Uyghur asylum seekers detained in Thailand ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่าหน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ ปฏิเสธรัฐบาลไทย ไม่ยอมเข้าช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์จากจีน 48 คน ที่ถูกควบคุมตัวในไทยเป็นเวลานานกว่า 10 ปี . รายงานข่าวระบุว่าในบรรดาผู้ขอลี้ภัยเหล่านั้น มีอยู่ 5 คน ที่ต้องโทษจำคุก ที่เกี่ยวข้องกับความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คน ถูกควบคุมตัวโดยปราศจากการตั้งข้อหาใดๆในสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอนสวนพลู ในกรุงเทพฯ พวกเขาถูกห้ามติดต่อกัยครอบครัว ทนายความ หรือกระทั่งผู้ต้องขังคนอื่นๆ . เป็นเวลานานหลายปีที่ทาง UNHCR ยืนกรานว่ารัฐบาลไทยขัดขวางหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยและอำนวยความสะดวกพวกเขาในการย้ายไปตั้งรกรากในประเทศที่ 3 . อย่างไรก็ตามรายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายใน ย้อนกลับไปในปี 2020 เผยว่ารัฐบาลของไทยได้เริ่มส่งคำร้องอย่างไม่เป็นทางการถึง UNHCR ตั้งแต่เกือบ 5 ปีก่อนหน้านั้น ให้แสดงบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการคลี่คลายการคุมตัวชาวอุยกูร์เหล่านี้อย่างไม่มีกำหนด แต่พวกทางเจ้าหน้าที่ UNHCR คัดค้านที่จะทำเช่นนั้น . The New Humanitarian ระบุว่า UNHCR มอบความช่วยเหลือปกป้องชีวิตแก่ผู้แสวงหาลี้ภัยทั่วโลก แต่รายงานในปี 2023 ที่เผยแพร่โดยครงการสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์(UHRP - Uyghur Human Rights Project) ระบุว่าอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆของจีนเหนือประเทศเจ้าบ้านบางชาติ "บ่อนทำลายความพยายามทางการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆที่จะรับรองและมอบการปกป้องอย่างเหมาะสมกับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" และเอกสารภายในบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนยังแผ่ลามมาถึงหน่วงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแห่งนี้ด้วย . "เอกสารแสดงให้เห็นว่า UNHCR ล้มเหวในการยึดถืออานัติในการปกป้องพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์" The New Humanitarian รายงานในตอนนั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ จอห์น ควินลีย์ ผู้อำนวยการองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Fortify Rights หลังจากได้เห็นเอกสาร "พวกผู้นำของ UNHCR ดูเหมือนจะไม่ทำงานเชิงรุก ในความพยายามหาทางออกสำหรับพวกผู้ลี้ภัยชาวอุยกูรณ์ ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในการถูกควบคุมตัวมานานหลายปี" . บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR บอกกับ The New Humanitarian เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ว่าหน่วยงานแห่งนี้เดินหน้าหยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทย "แต่ไม่อยู่ในขั้น ที่เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ หรือประสานงานกับผู้รับผิดชอบคดี ในจุดประสงค์อำนวยความสะดวกหนทางคลี่คลายปัญหา หาไม่แล้ว มันจะสะท้อนความเข้าใจผิดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น" . เขาปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของ UNHCR ต่อคดีนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นความลับ . รายงานของ The New Humanitarian อ้างอิงเอกสารภายในของ UNHCR ฉบับหนึ่งระบุว่า "รัฐบาลไทยเพิ่มความพยายามมากขึ้น ขอให้ทาง UNHCR หาทางออกในประเด็นนี้" และมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเปิดทางให้ UNHCR เข้าถึงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์เหล่านั้น . อย่างไรก็ตามสำนักงานของ UNHCR ประจำประเทศไทย กลับมองข้อเสนอของ ไทย ด้วยความสงสัย "สำนักงานประจำประเทศไทย มองเรื่องนี้ว่า ไทย อาจใช้ UNHCR เป็นโล่เบี่ยงเบนความโกรธเคืองของจีน" เอกสารฉบับหนึ่งระบุ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของ UNHCR ประจำในประเทศไทย จึงตัดสินใจในช่วงปลายปี 2020 ไม่แนะนำให้ตอบสนองเชิงรุกใดๆ . เอกสารฉบับหนึ่งเตือนถึง "ความเสี่ยงของผลกระทบในทาทางลบใดๆต่อปฏิบัติการของ UNHCR ในจีน และผลกระทบในแง่ของเงินทุนและการสนับสนุนที่มีต่อ UNHCR ในนั้นรวมถึงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่าง 10 ตำแหน่ง และโครงการต่างๆคิดเป็นมูลค่า 7.7 ล้านดอลลาร์ . "หนึ่งในแง่มุมสุดช็อคของเอกสารนี้ก็คือ ดูเหมือน ไทย เป็นฝ่ายกดดันให้ UNHCR เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ทาง UNHCR หยุดชะงัก เพราะว่าพวกเขากลัวจีนจะโกรธ และลดความร่วมมือหรือลดเงินบริจาคที่มอบให้หน่วยงานแห่งนี้" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอตช์ บอกกับ The New Humanitarian ในตอนนั้น หลังจากได้เห็นเอกสาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020219 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    25
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1540 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาเคยสนใจหรือไม่ที่ UN ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือชาวอุยกูร์ในประเทศไทย จากการรายงานข่าวในเดือนพฤษภาคม 2024 โดย The New Humanitarian และสื่อในประเทศไทยระบุว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในประเทศไทยปฏิเสธคำขออย่างเป็นทางการจากทางการไทยในการเรียกร้องให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์โดยเร็วที่สุด และ UNHCR ในกรุงเทพฯ รายงานว่าไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้
    อเมริกาเคยสนใจหรือไม่ที่ UN ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือชาวอุยกูร์ในประเทศไทย จากการรายงานข่าวในเดือนพฤษภาคม 2024 โดย The New Humanitarian และสื่อในประเทศไทยระบุว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในประเทศไทยปฏิเสธคำขออย่างเป็นทางการจากทางการไทยในการเรียกร้องให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์โดยเร็วที่สุด และ UNHCR ในกรุงเทพฯ รายงานว่าไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เคยมีใครประณามหรือยัง!?!"
    "ฉันคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นคุ้มค่า"
    "I think this is a very hard choice, but the price—we think the price is worth it."

    นางแมเดลิน อาลไบรต์ (Madeleine Albright) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 MINUTES ทางช่อง CBS News ออกอากาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2539 ในประเด็นที่สหรัฐฯคว่ำบาตรอิรักตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2533 สาเหตุมาจากการที่กองทัพอิรักบุกยึดคูเวต และสหประชาชาติก็ร่วมคว่ำบาตรอิรักด้วยเช่นกัน

    หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานข่าวว่าเด็กชาวอิรักกว่า 576,000 ราย เสียชีวิตจากการขาดแคลนอาหาร อันเป็นผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ
    .
    นางเลสลี่ สตอห์ล (Lesley Stahl) พิธีกรรายการ 60 MINUTES สัมภาษณ์นางอาลไบรต์ และถามคำถามกับนางอาลไบรต์ว่า กรณีการเสียชีวิตของเด็กชาวอิรักกว่า 576,000 รายนั้น คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งนางอาลไบรต์ก็ตอบว่า “ฉันคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นคุ้มค่า”
    "เคยมีใครประณามหรือยัง!?!" "ฉันคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นคุ้มค่า" "I think this is a very hard choice, but the price—we think the price is worth it." นางแมเดลิน อาลไบรต์ (Madeleine Albright) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 MINUTES ทางช่อง CBS News ออกอากาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2539 ในประเด็นที่สหรัฐฯคว่ำบาตรอิรักตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2533 สาเหตุมาจากการที่กองทัพอิรักบุกยึดคูเวต และสหประชาชาติก็ร่วมคว่ำบาตรอิรักด้วยเช่นกัน หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานข่าวว่าเด็กชาวอิรักกว่า 576,000 ราย เสียชีวิตจากการขาดแคลนอาหาร อันเป็นผลกระทบจากการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ . นางเลสลี่ สตอห์ล (Lesley Stahl) พิธีกรรายการ 60 MINUTES สัมภาษณ์นางอาลไบรต์ และถามคำถามกับนางอาลไบรต์ว่า กรณีการเสียชีวิตของเด็กชาวอิรักกว่า 576,000 รายนั้น คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งนางอาลไบรต์ก็ตอบว่า “ฉันคิดว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นคุ้มค่า”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • เมื่อเดือนมกราคม มาร์โค รูบิโอ ที่เพิ่งได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การกับสภาคองเกรส เรื่องสำคัญที่เขาย้ำกับสภาก็คือต้องล็อบบี้ไม่ให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีน

    เขาบอกว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง นั่นคือพื้นที่ที่ผมคิดว่าการทูตสามารถบรรลุผลได้จริง เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญและใกล้ชิดกันมาก”

    รูบิโอ มั่นใจมากกว่าเขาจะใช้บารมีของสหรัฐที่มีต่อไทยสกัดกั้นการส่งตัวอุยกูร์ไปจีน ในช่วงเวลาที่ประเด็นอุยกูร์เป็นวาระของชาติตะวันตกอีกครั้งในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา

    แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น รูบิโอ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ปรากฏว่าการทูตของสหรัฐฯ เละเทะไปหมด รวมถึงความหวังที่จะเห็นไทยเป็นพัธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้วย เพราะไทยส่งอุยกูร์ให้จีนไปแล้ว

    พูดง่ายๆ คือภารกิจแรกของ รูบิโอ ในการรักษาพันธมิตรล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นจากที่ต้องการจะรักษาไทยในฐานะพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน”

    และกล่าวว่าไทยเสี่ยงที่จะ “ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ” ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ของสหประชาชาติและอนุสัญญาโลกอื่นๆ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทย “ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่” ว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่

    ฝ่ายสถานทูตจีนในไทยกล่าวดักเอาไว้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น “ดำเนินการตามกฎหมายของจีนและไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติทั่วไป”

    แต่โปรดทราบว่าแนวปฏิบัติและการตีความสิทธิมนุษยชนของจีนและตะวันตกนั้นไม่ตรงกันเอาเลย ส่วนใครจะถูกจะผิดนั้นโปรดพิจารณากันเอาเอง

    อีกเรื่องคือการที่อุยกูร์เป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะมีกลุ่มอุยกูร์ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อการร้าย [ETIM] ไปร่วมรบในซีเรียกับฝ่ายที่ชนะล่าสุด เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ตะวันตกบี้ไทยเรื่องจะส่งอุยกูร์พอดี ส่วนสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ออกมาชี้แจงเมื่อเดือนที่แล้วว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และ “บุคคลจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อลวงโดยกองกำลังภายนอกได้หลบหนีออกนอกประเทศและเข้าร่วมกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ [ETIM] ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ”

    ETIM พอเดินทางมาถึงเอเชียกลางและต่อมาถึงซีเรีย ก็เปลี่ยนร่างเป็นขบวนการ Turkistan Islamic Party (TIP)

    ยิ่งหลังจากรัฐบาลอัสซาดล่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 พวก TIP ก็ประกาศว่า "เราจะขับไล่พวกคนจีนนอกศาสนาออกไป (จากซินเจียง)” พอถึงมกราคม 2025 สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมไม่หยุดว่าอุยกูร์ที่ช่วยรบในซีเรียจะเล่นงานจีน เช่น The Economist ชี้ว่า Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government และ The Telegraph ที่รายงานว่า Uyghur fighters in Syria vow to come for China next (สองสื่ออังกฤษมีท่าทีต่อต้านจีนอยู่แล้ว) - รัฐบาลจีนเห็นแบบนี้คงนิ่งไม่ไหว

    จากการรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทูตจีนเพิ่งพบกับผู้นำซีเรียคนใหม่ (ซึ่งมีพวกอุยกูร์ช่วยรบอยู่ในกองทัพ) ในรายงานนี้ย้ำว่า "ในปี 2015 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าชาวอุยกูร์จำนวนมากที่หลบหนีไปยังตุรกีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนที่จะนำญิฮาดกลับไปยังจีน โดยอ้างว่าบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กิจกรรมก่อการร้าย""

    เรื่อง ETIM ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เพราะมีบริบทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับจีน โดยมีไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง"

    ส่วนชาติตะวันตกและสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ประณามไทยเช่นกัน (อย่างเบาๆ คือ "เสียใจ") แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน-สหรัฐมากกว่า

    กรณีล่าสุด (รวมถึงอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้) ไม่บอกก็รู้ว่าไทยเอียงไปทางจีนอย่างมากแล้วในตอนนี้

    ป.ล. - เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ไทยส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น รัสเซียก็เดินเกม "สร้างแนวร่วม" ในอาเซียนด้วยการส่ง ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย กรณีเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงการเดิมเกมรุกของแกนหลัก "ทางการเมือง" ของกลุ่ม BRICS

    ที่มา : เฟซบุ๊กของกรกิจ ดิษฐาน
    เมื่อเดือนมกราคม มาร์โค รูบิโอ ที่เพิ่งได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้การกับสภาคองเกรส เรื่องสำคัญที่เขาย้ำกับสภาก็คือต้องล็อบบี้ไม่ให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ไปให้จีน เขาบอกว่า “ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากของสหรัฐฯ และเป็นพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่ง นั่นคือพื้นที่ที่ผมคิดว่าการทูตสามารถบรรลุผลได้จริง เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นมีความสำคัญและใกล้ชิดกันมาก” รูบิโอ มั่นใจมากกว่าเขาจะใช้บารมีของสหรัฐที่มีต่อไทยสกัดกั้นการส่งตัวอุยกูร์ไปจีน ในช่วงเวลาที่ประเด็นอุยกูร์เป็นวาระของชาติตะวันตกอีกครั้งในช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้น รูบิโอ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ปรากฏว่าการทูตของสหรัฐฯ เละเทะไปหมด รวมถึงความหวังที่จะเห็นไทยเป็นพัธมิตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ด้วย เพราะไทยส่งอุยกูร์ให้จีนไปแล้ว พูดง่ายๆ คือภารกิจแรกของ รูบิโอ ในการรักษาพันธมิตรล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้นจากที่ต้องการจะรักษาไทยในฐานะพันธมิตรทางประวัติศาสตร์ รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการที่ไทยบังคับส่งตัวชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน” และกล่าวว่าไทยเสี่ยงที่จะ “ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ” ตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ของสหประชาชาติและอนุสัญญาโลกอื่นๆ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ไทย “ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องอย่างเต็มที่” ว่าทางการจีนปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์หรือไม่ ฝ่ายสถานทูตจีนในไทยกล่าวดักเอาไว้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศนั้น “ดำเนินการตามกฎหมายของจีนและไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติทั่วไป” แต่โปรดทราบว่าแนวปฏิบัติและการตีความสิทธิมนุษยชนของจีนและตะวันตกนั้นไม่ตรงกันเอาเลย ส่วนใครจะถูกจะผิดนั้นโปรดพิจารณากันเอาเอง อีกเรื่องคือการที่อุยกูร์เป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะมีกลุ่มอุยกูร์ที่ถูกขึ้นบัญชีก่อการร้าย [ETIM] ไปร่วมรบในซีเรียกับฝ่ายที่ชนะล่าสุด เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ตะวันตกบี้ไทยเรื่องจะส่งอุยกูร์พอดี ส่วนสถานทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ออกมาชี้แจงเมื่อเดือนที่แล้วว่าผู้ต้องขังชาวอุยกูร์มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย และ “บุคคลจำนวนหนึ่งที่ถูกล่อลวงโดยกองกำลังภายนอกได้หลบหนีออกนอกประเทศและเข้าร่วมกับ ‘ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก’ [ETIM] ซึ่งเป็นองค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ” ETIM พอเดินทางมาถึงเอเชียกลางและต่อมาถึงซีเรีย ก็เปลี่ยนร่างเป็นขบวนการ Turkistan Islamic Party (TIP) ยิ่งหลังจากรัฐบาลอัสซาดล่มเมื่อเดือนธันวาคม 2024 พวก TIP ก็ประกาศว่า "เราจะขับไล่พวกคนจีนนอกศาสนาออกไป (จากซินเจียง)” พอถึงมกราคม 2025 สื่อตะวันตกก็เริ่มประโคมไม่หยุดว่าอุยกูร์ที่ช่วยรบในซีเรียจะเล่นงานจีน เช่น The Economist ชี้ว่า Militant Uyghurs in Syria threaten the Chinese government และ The Telegraph ที่รายงานว่า Uyghur fighters in Syria vow to come for China next (สองสื่ออังกฤษมีท่าทีต่อต้านจีนอยู่แล้ว) - รัฐบาลจีนเห็นแบบนี้คงนิ่งไม่ไหว จากการรายงานของ Reuters เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ทูตจีนเพิ่งพบกับผู้นำซีเรียคนใหม่ (ซึ่งมีพวกอุยกูร์ช่วยรบอยู่ในกองทัพ) ในรายงานนี้ย้ำว่า "ในปี 2015 เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าชาวอุยกูร์จำนวนมากที่หลบหนีไปยังตุรกีผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางแผนที่จะนำญิฮาดกลับไปยังจีน โดยอ้างว่าบางคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กิจกรรมก่อการร้าย"" เรื่อง ETIM ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ สามารถเลื่อนลงไปอ่านได้เพราะมีบริบทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ระหว่างตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับจีน โดยมีไทยเป็น "โซ่ข้อกลาง" ส่วนชาติตะวันตกและสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ประณามไทยเช่นกัน (อย่างเบาๆ คือ "เสียใจ") แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน-สหรัฐมากกว่า กรณีล่าสุด (รวมถึงอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้) ไม่บอกก็รู้ว่าไทยเอียงไปทางจีนอย่างมากแล้วในตอนนี้ ป.ล. - เป็นที่น่าสังเกตว่า ในวันที่ไทยส่งอุยกูร์ให้จีนนั้น รัสเซียก็เดินเกม "สร้างแนวร่วม" ในอาเซียนด้วยการส่ง ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงไปหารือกับผู้นำอินโดนีเซียและมาเลเซีย กรณีเหล่านี้น่าจะสะท้อนถึงการเดิมเกมรุกของแกนหลัก "ทางการเมือง" ของกลุ่ม BRICS ที่มา : เฟซบุ๊กของกรกิจ ดิษฐาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่มอบข้อเสนอวอชิงตันให้คำรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครนหรือมอบสถานภาพสมาชิกนาโตสำหรับเคียฟ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตรียมเดินทางเยือนอเมริกา เพื่อปิดดีลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติ
    .
    ทรัมป์ ผู้ซึ่งพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการเลียบเคียงทาบทามไปยังรัสเซีย และหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมา 3 ปีอย่างรวดเร็ว บอกด้วยว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปจะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของยูเครน
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเซเลนสกี จะเดินทางมาเยือนในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และลงนามในข้อตกลง หลังสหรัฐฯ ยกระดับกดดันอย่างหนักหน่วงให้ส่งมอบแร่แรเอิร์ธที่ใช้ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ
    .
    "มันเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเครน ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ "เราจะไปอยู่ในภาคสนาม และคุณก็รู้ ในแนวทางดังกล่าว มันเป็นรูปแบบของความมั่นคงโดยอัตโนมัติ เพราจะไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับคนของเรา เมื่อเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะมอบคำรับประกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของเคียฟ "ผมจะไม่รับประกันด้านความมั่นคงที่เลยเถิดมากเกินไป" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะมียุโรปทำหน้าที่นั้น ยุโรปคือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันของพวกเขา แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินไปด้วยดี"
    .
    เมื่อถูกถามว่าการประนีประนอมใดที่จำเป็นสำหรับยุติสงคราม ทรัมป์ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต และเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ที่เคยบอกว่าประเด็นนี้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของพวกเขา "สำหรับนาโต คุณลืมมันไปได้เลย" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว "ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้น"
    .
    อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนยูเครน ว่าในท้ายที่สุดแล้วควรได้เป็นสมาชิกนาโต อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสนอกรอบเวลาที่เป็นรูปธรรมใดๆ
    .
    สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) เปลี่ยนฝั่งเลือกยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ และอยู่ตรงข้ามกับบรรดาพันธมิตรยุโรปเกือบทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนญัตติหนึ่งที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยปราศจากการเน้นย้ำบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
    .
    "เรากำลังทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ สำหรับ 2 ฝ่าย" ทรัมป์บอกในวันพุธ (26 ก.พ.) "แต่สำหรับยูเครน เรากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำข้อตกลงที่ดี เพื่อที่พวกเขาได้อะไรกลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างว่าแนวทางด้านการทูตของเขา ได้กระตุ้นเจตนารมณ์แห่งการประนีประนอมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ตั้งการเอาทุกสิ่งทุกอย่างในยูเครน "เขาเป็นคนฉลาดมาก เขาเป็นคนฉลาดแกมโกงสุดๆ" ทรัมป์พูดถึงปูติน "ผมคิดว่าเรากำลังมีข้อตกลง ถ้าผมไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะยังคงเดินหน้าลุยไปทั่วยูเครน"
    .
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) บอกกับ ทรัมป์ ว่าบรรดาชาติยุโรปกำลังพิจารณาส่งทหารเข้าไปปกป้องข้อตกลงใดๆ แต่การสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญ ในแนวทางรับประกันความมั่นคง
    .
    คาดหมายว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะส่งสารแบบเดียวกันนี้ ครั้งที่เขามีกำหนดพบปะกับ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019217
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่มอบข้อเสนอวอชิงตันให้คำรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครนหรือมอบสถานภาพสมาชิกนาโตสำหรับเคียฟ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตรียมเดินทางเยือนอเมริกา เพื่อปิดดีลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติ . ทรัมป์ ผู้ซึ่งพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการเลียบเคียงทาบทามไปยังรัสเซีย และหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมา 3 ปีอย่างรวดเร็ว บอกด้วยว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปจะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของยูเครน . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเซเลนสกี จะเดินทางมาเยือนในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และลงนามในข้อตกลง หลังสหรัฐฯ ยกระดับกดดันอย่างหนักหน่วงให้ส่งมอบแร่แรเอิร์ธที่ใช้ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ . "มันเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเครน ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ "เราจะไปอยู่ในภาคสนาม และคุณก็รู้ ในแนวทางดังกล่าว มันเป็นรูปแบบของความมั่นคงโดยอัตโนมัติ เพราจะไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับคนของเรา เมื่อเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์กล่าว . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะมอบคำรับประกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของเคียฟ "ผมจะไม่รับประกันด้านความมั่นคงที่เลยเถิดมากเกินไป" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะมียุโรปทำหน้าที่นั้น ยุโรปคือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันของพวกเขา แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินไปด้วยดี" . เมื่อถูกถามว่าการประนีประนอมใดที่จำเป็นสำหรับยุติสงคราม ทรัมป์ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต และเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ที่เคยบอกว่าประเด็นนี้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของพวกเขา "สำหรับนาโต คุณลืมมันไปได้เลย" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว "ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้น" . อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนยูเครน ว่าในท้ายที่สุดแล้วควรได้เป็นสมาชิกนาโต อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสนอกรอบเวลาที่เป็นรูปธรรมใดๆ . สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) เปลี่ยนฝั่งเลือกยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ และอยู่ตรงข้ามกับบรรดาพันธมิตรยุโรปเกือบทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนญัตติหนึ่งที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยปราศจากการเน้นย้ำบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน . "เรากำลังทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ สำหรับ 2 ฝ่าย" ทรัมป์บอกในวันพุธ (26 ก.พ.) "แต่สำหรับยูเครน เรากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำข้อตกลงที่ดี เพื่อที่พวกเขาได้อะไรกลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" . ทรัมป์ กล่าวอ้างว่าแนวทางด้านการทูตของเขา ได้กระตุ้นเจตนารมณ์แห่งการประนีประนอมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ตั้งการเอาทุกสิ่งทุกอย่างในยูเครน "เขาเป็นคนฉลาดมาก เขาเป็นคนฉลาดแกมโกงสุดๆ" ทรัมป์พูดถึงปูติน "ผมคิดว่าเรากำลังมีข้อตกลง ถ้าผมไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะยังคงเดินหน้าลุยไปทั่วยูเครน" . ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) บอกกับ ทรัมป์ ว่าบรรดาชาติยุโรปกำลังพิจารณาส่งทหารเข้าไปปกป้องข้อตกลงใดๆ แต่การสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญ ในแนวทางรับประกันความมั่นคง . คาดหมายว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะส่งสารแบบเดียวกันนี้ ครั้งที่เขามีกำหนดพบปะกับ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019217 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2299 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กทารก 6 คนในเขตฉนวนกาซาเสียชีวิตจากหนาวตายมาตั้งแต่วันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เชื่อตัวเลขจะพุ่งถ้าสิ่งของบรรเทาทุกข์ยังไม่ส่งเพิ่ม แต่หมอรวมเจ้าหน้าที่การแพทย์อย่างน้อย 160 คนโดนจับและถูกทรมานในคุกอิสราเอล
    .
    CNN ของสหรัฐฯ รายงานวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์เปิดเผยว่าตั้งแต่วันอาทิตย์ (23) เป็นต้นมามีทารกไม่ต่ำกว่า 6 คนต้องเสียชีวิตจากโรคภาวะตัวเย็น (hypothermia)
    .
    นายแพทย์ซาอิด ซาเลห์ (Saeed Salah) ผู้อำนวยการแพทย์ประจำโรงพยาบาล PFBS ทางตอนเหนือของกาซาเตือนถึงจำนวนตัวเลขที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กทารกที่เสี่ยงป่วยจากภาวะตัวเย็นเกินระหว่างต้องเผชิญฤดูหนาวที่โหดร้ายภายในเต็นท์ผู้ลี้ภัยที่ปกป้องความหนาวไม่ได้หลังบ้านที่อาศัยโดยกองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทุกวันจนพังพินาศ
    .
    ในตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีทารกปาเลสไตน์ 8 คนถูกส่งมาที่โรงพยาบาลในกาซา ซิตี้ นายแพทย์ซาลาห์กล่าว และเสริมว่า จากจำนวนทั้งหมดมี 3 คนถูกส่งเข้าห้อง ICU ส่วนอีก 3 คนเสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมงที่มาถึง
    .
    และในวันอังคาร (25) ทารกคนที่ 4 ที่มีอายุแค่ 69 คนตายข้ามคืนที่ผ่านมา และไกลออกไปทางใต้มีทารกอีก 2 คนต้องจบชีวิตจากอาการภาวะตัวเย็นที่โรงพยาบาลนาสเซอร์ (Nasser Hospital) ในข่าน ยูนิส (Khan Younis)
    .
    CNN รายงานภาพแม่ปาเลสไตน์คนหนึ่งนำลูกชายวัย 2 เดือน ยูซาฟ (Yousaf) มาที่โรงพยาบาลนาสเซอร์ ทางใต้ของกาซาในวันอังคาร (25)
    .
    นายแพทย์ซาลาห์ยืนยันว่า ต้องมีคาราวานบรรเทาทุกข์เข้าเขตฉนวนกาซาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเต็นท์และเชื้อเพลิงเพื่อนำความอบอุ่นมาให้ประชาชน
    .
    เขายืนยันว่า การเพิ่มสิ่งของบรรเทาทุกข์จะช่วยหยุดหายนะและการเสียชีวิตของทารกจากโรคภาวะตัวเย็นและโรคหิมะกัด
    .
    อ้างอิงจากกระทรวงสาธารณสุขกาซารายงานวันอังคาร (25) ตัวเลขปาเลสไตน์เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 48,348 คน และอีกจำนวน
    111,761 คนได้รับบาดเจ็บ
    .
    ขณะเดียวกันอ้างอิงจากสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ OCHA มีโรงพยาบาล 20 แห่งจากทั้งหมด 35 แห่งนั้นสามารถทำงานได้แค่บางส่วน
    .
    แต่กลับกลายเป็นว่ามีเจ้าหน้าที่การแพทย์จากกาซาไม่ต่ำกว่า 160 คน รวมหมอกว่า 20 คนเชื่อว่าโดนจับตัวไปและกำลังอยู่ในเรือนจำเทลอาวีฟ
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันอังคาร (25) ว่า องค์กรจับตาเจ้าหน้าที่การแพทย์ HWW (Healthcare Workers Watch) ซึ่งเป็นองค์กร NGO ทางการแพทย์ปาเลสไตน์แถลงยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่การแพทย์ 162 คนยังคงอยู่ในเรือนจำอิสราเอล รวมไปถึงแพทย์อาวุโสมากที่สุดบางส่วนของกาซา และอีกจำนวน 24 คนได้หายตัวไปหลังจากถูกนำออกไปจากโรงพยาบาลระหว่างมีการปะทะ
    .
    องค์การอนามัยโลก WHO ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกอย่างสูงเกี่ยวกับความเป็นอยู่และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่การแพทย์ปาเลสไตน์เหล่านี้ในเรือนจำอิสราเอล หลังมีรายงานออกมาว่า พวกเขาตกเป็นเป้าโดนทรมานและความรุนแรงประจำภายในคุก
    .
    WHO แถลงว่าสามารถยืนยันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่การแพทย์ 297 คนจากเขตฉนวนกาซาถูกควบคุมตัวโดยกองทัพอิสราเอลตั้งแต่สงครามเริ่มเปิดฉาก
    .
    แต่ทว่า HWW อ้างว่าตัวเลข 297 คนนั้นต่ำกว่าตัวเลขที่ทางองค์การ NGO การแพทย์ปาเลสไตน์สามารถยืนยันได้อยู่ที่ 339 คน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019212
    ..............
    Sondhi X
    เด็กทารก 6 คนในเขตฉนวนกาซาเสียชีวิตจากหนาวตายมาตั้งแต่วันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เชื่อตัวเลขจะพุ่งถ้าสิ่งของบรรเทาทุกข์ยังไม่ส่งเพิ่ม แต่หมอรวมเจ้าหน้าที่การแพทย์อย่างน้อย 160 คนโดนจับและถูกทรมานในคุกอิสราเอล . CNN ของสหรัฐฯ รายงานวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์เปิดเผยว่าตั้งแต่วันอาทิตย์ (23) เป็นต้นมามีทารกไม่ต่ำกว่า 6 คนต้องเสียชีวิตจากโรคภาวะตัวเย็น (hypothermia) . นายแพทย์ซาอิด ซาเลห์ (Saeed Salah) ผู้อำนวยการแพทย์ประจำโรงพยาบาล PFBS ทางตอนเหนือของกาซาเตือนถึงจำนวนตัวเลขที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กทารกที่เสี่ยงป่วยจากภาวะตัวเย็นเกินระหว่างต้องเผชิญฤดูหนาวที่โหดร้ายภายในเต็นท์ผู้ลี้ภัยที่ปกป้องความหนาวไม่ได้หลังบ้านที่อาศัยโดยกองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทุกวันจนพังพินาศ . ในตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีทารกปาเลสไตน์ 8 คนถูกส่งมาที่โรงพยาบาลในกาซา ซิตี้ นายแพทย์ซาลาห์กล่าว และเสริมว่า จากจำนวนทั้งหมดมี 3 คนถูกส่งเข้าห้อง ICU ส่วนอีก 3 คนเสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมงที่มาถึง . และในวันอังคาร (25) ทารกคนที่ 4 ที่มีอายุแค่ 69 คนตายข้ามคืนที่ผ่านมา และไกลออกไปทางใต้มีทารกอีก 2 คนต้องจบชีวิตจากอาการภาวะตัวเย็นที่โรงพยาบาลนาสเซอร์ (Nasser Hospital) ในข่าน ยูนิส (Khan Younis) . CNN รายงานภาพแม่ปาเลสไตน์คนหนึ่งนำลูกชายวัย 2 เดือน ยูซาฟ (Yousaf) มาที่โรงพยาบาลนาสเซอร์ ทางใต้ของกาซาในวันอังคาร (25) . นายแพทย์ซาลาห์ยืนยันว่า ต้องมีคาราวานบรรเทาทุกข์เข้าเขตฉนวนกาซาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเต็นท์และเชื้อเพลิงเพื่อนำความอบอุ่นมาให้ประชาชน . เขายืนยันว่า การเพิ่มสิ่งของบรรเทาทุกข์จะช่วยหยุดหายนะและการเสียชีวิตของทารกจากโรคภาวะตัวเย็นและโรคหิมะกัด . อ้างอิงจากกระทรวงสาธารณสุขกาซารายงานวันอังคาร (25) ตัวเลขปาเลสไตน์เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 48,348 คน และอีกจำนวน 111,761 คนได้รับบาดเจ็บ . ขณะเดียวกันอ้างอิงจากสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ OCHA มีโรงพยาบาล 20 แห่งจากทั้งหมด 35 แห่งนั้นสามารถทำงานได้แค่บางส่วน . แต่กลับกลายเป็นว่ามีเจ้าหน้าที่การแพทย์จากกาซาไม่ต่ำกว่า 160 คน รวมหมอกว่า 20 คนเชื่อว่าโดนจับตัวไปและกำลังอยู่ในเรือนจำเทลอาวีฟ . เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันอังคาร (25) ว่า องค์กรจับตาเจ้าหน้าที่การแพทย์ HWW (Healthcare Workers Watch) ซึ่งเป็นองค์กร NGO ทางการแพทย์ปาเลสไตน์แถลงยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่การแพทย์ 162 คนยังคงอยู่ในเรือนจำอิสราเอล รวมไปถึงแพทย์อาวุโสมากที่สุดบางส่วนของกาซา และอีกจำนวน 24 คนได้หายตัวไปหลังจากถูกนำออกไปจากโรงพยาบาลระหว่างมีการปะทะ . องค์การอนามัยโลก WHO ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกอย่างสูงเกี่ยวกับความเป็นอยู่และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่การแพทย์ปาเลสไตน์เหล่านี้ในเรือนจำอิสราเอล หลังมีรายงานออกมาว่า พวกเขาตกเป็นเป้าโดนทรมานและความรุนแรงประจำภายในคุก . WHO แถลงว่าสามารถยืนยันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่การแพทย์ 297 คนจากเขตฉนวนกาซาถูกควบคุมตัวโดยกองทัพอิสราเอลตั้งแต่สงครามเริ่มเปิดฉาก . แต่ทว่า HWW อ้างว่าตัวเลข 297 คนนั้นต่ำกว่าตัวเลขที่ทางองค์การ NGO การแพทย์ปาเลสไตน์สามารถยืนยันได้อยู่ที่ 339 คน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019212 .............. Sondhi X
    Sad
    Angry
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2457 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเยือนกาตาร์:

    - รัสเซียและสหรัฐฯ จะพบกันเป็นครั้งที่สองที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศ

    - ไม่มีการยุติการสู้รบในยูเครนตามแนวชายแดนระหว่างการเจรจา "เรามีกฎของเรา"

    - การเสนอให้แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองส่วนนั้นไม่เป็นความจริง

    - ยูเครนในส่วนที่เหลือ ควรได้รับการปลดปล่อยจากกฎหมายเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เพราะมีผู้คนที่ต้องการพูดภาษารัสเซียอยู่ที่นั่นด้วย

    - รัสเซียเรียกร้องให้ยุโรปหยุดโกหกว่ามอสโกปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน

    - การส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา - และถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อต้องได้รับความยินยอมทั้งสองฝ่าย "รัสเซียและยูเครน"

    - ยังไม่ใช่เวลาในการหารือเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด

    - ความพยายามผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในยูเครนของมาครง - เป็นสิ่งหลอกลวงที่มุ่งหวัง 'เพียงเพื่อส่งอาวุธเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ'

    - รัสเซียและกาตาร์กังวลเกี่ยวกับการกระทำของกองทัพอิสราเอลที่ขัดแย้งกับมติและข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์และเลบานอน


    ประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเยือนกาตาร์: - รัสเซียและสหรัฐฯ จะพบกันเป็นครั้งที่สองที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศ - ไม่มีการยุติการสู้รบในยูเครนตามแนวชายแดนระหว่างการเจรจา "เรามีกฎของเรา" - การเสนอให้แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองส่วนนั้นไม่เป็นความจริง - ยูเครนในส่วนที่เหลือ ควรได้รับการปลดปล่อยจากกฎหมายเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เพราะมีผู้คนที่ต้องการพูดภาษารัสเซียอยู่ที่นั่นด้วย - รัสเซียเรียกร้องให้ยุโรปหยุดโกหกว่ามอสโกปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน - การส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา - และถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อต้องได้รับความยินยอมทั้งสองฝ่าย "รัสเซียและยูเครน" - ยังไม่ใช่เวลาในการหารือเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด - ความพยายามผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในยูเครนของมาครง - เป็นสิ่งหลอกลวงที่มุ่งหวัง 'เพียงเพื่อส่งอาวุธเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ' - รัสเซียและกาตาร์กังวลเกี่ยวกับการกระทำของกองทัพอิสราเอลที่ขัดแย้งกับมติและข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์และเลบานอน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลาฟรอฟกำลังพูดความจริงที่ว่ายุโรปไม่เคยต้องการสันติภาพในยูเครน:

    ยูเครนกำลังจัดแนวทางการเมืองร่วมกับพันธมิตรครั้งใหม่ เห็นได้จากหลังการลงคะแนนเมื่อวานนี้ที่สหประชาชาติ ยุโรปประกาศชุดความช่วยเหลือทางการทหารจำนวนมากให้แก่เคียฟ

    ยุโรปกำลังส่งเสริมให้เคียฟดำเนินการทางทหารต่อไป ที่เห็นชัดเจนคือนายกรัฐมนตรีของเดนมาร์ก ที่กล่าวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ "สันติภาพจะเลวร้ายกว่าสงคราม" สำหรับยูเครน

    บทบาทใหม่ของยุโรปคือการทำให้วิกฤตการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามชื่อเสียงของพวกเขาในด้านนี้ ที่ทำมาตลอดหลายศตวรรษของการพัฒนาของมนุษย์ ยังคงไม่เปลี่ยนแลงไปจากเดิม
    ลาฟรอฟกำลังพูดความจริงที่ว่ายุโรปไม่เคยต้องการสันติภาพในยูเครน: ยูเครนกำลังจัดแนวทางการเมืองร่วมกับพันธมิตรครั้งใหม่ เห็นได้จากหลังการลงคะแนนเมื่อวานนี้ที่สหประชาชาติ ยุโรปประกาศชุดความช่วยเหลือทางการทหารจำนวนมากให้แก่เคียฟ ยุโรปกำลังส่งเสริมให้เคียฟดำเนินการทางทหารต่อไป ที่เห็นชัดเจนคือนายกรัฐมนตรีของเดนมาร์ก ที่กล่าวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ "สันติภาพจะเลวร้ายกว่าสงคราม" สำหรับยูเครน บทบาทใหม่ของยุโรปคือการทำให้วิกฤตการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามชื่อเสียงของพวกเขาในด้านนี้ ที่ทำมาตลอดหลายศตวรรษของการพัฒนาของมนุษย์ ยังคงไม่เปลี่ยนแลงไปจากเดิม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • โนอา อาร์กามานี (Noa Argamani) อดีตตัวประกันชาวอิสราเอล ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลาคม มาบรรยายที่สหประชาชาติว่าการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลสังหารโยสซี ชาราบี เพื่อนของเธอที่ถูกจับ และเกือบจะสังหารเธอด้วย

    ส่วนหนึ่งของการบรรยายครั้งนี้ เธอเล่าย้อนไปถึงช่วงเวลาที่กองกำลังอิสราเอลทำการโจมตีทางอากาศไปที่อาคารแห่งหนึ่งซึ่งเธอและ อิไต สวิร์สกี รวมทั้ง โยสซี ชาราบี เพื่อนตัวประกันอีกสองคนพักอยู่ถล่มลงมา ทำให้พวกเขาติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ทั้งคู่เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล

    “ฉันขยับตัวไม่ได้... หายใจไม่ออก แล้วฉันก็กรีดร้องออกมาเพื่อให้ใครสักคนได้ยิน ฉันได้ยินโยสซีกรีดร้องด้วย แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงโยสซีอีกเลย”

    จากคำพูดของเธอ กองกำลังอิสราเอลต้องการเพียงทำลายสมาชิกฮามาส โดยไม่สนใจว่าจะมีใคร หรือตัวประกันรวมอยู่ด้วยก็ตาม หลังการเสียชีวิตของตัวประกันจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สื่อต่างๆ พากันกล่าวหาว่าฮามาสคือผู้สังหาร
    โนอา อาร์กามานี (Noa Argamani) อดีตตัวประกันชาวอิสราเอล ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวเมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลาคม มาบรรยายที่สหประชาชาติว่าการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลสังหารโยสซี ชาราบี เพื่อนของเธอที่ถูกจับ และเกือบจะสังหารเธอด้วย ส่วนหนึ่งของการบรรยายครั้งนี้ เธอเล่าย้อนไปถึงช่วงเวลาที่กองกำลังอิสราเอลทำการโจมตีทางอากาศไปที่อาคารแห่งหนึ่งซึ่งเธอและ อิไต สวิร์สกี รวมทั้ง โยสซี ชาราบี เพื่อนตัวประกันอีกสองคนพักอยู่ถล่มลงมา ทำให้พวกเขาติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ทั้งคู่เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล “ฉันขยับตัวไม่ได้... หายใจไม่ออก แล้วฉันก็กรีดร้องออกมาเพื่อให้ใครสักคนได้ยิน ฉันได้ยินโยสซีกรีดร้องด้วย แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงโยสซีอีกเลย” จากคำพูดของเธอ กองกำลังอิสราเอลต้องการเพียงทำลายสมาชิกฮามาส โดยไม่สนใจว่าจะมีใคร หรือตัวประกันรวมอยู่ด้วยก็ตาม หลังการเสียชีวิตของตัวประกันจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สื่อต่างๆ พากันกล่าวหาว่าฮามาสคือผู้สังหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนยอมตกลงในเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงแร่กับสหรัฐฯ และอาจลงนาม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง ในความเคลื่อนไหวที่เคียฟได้แต่หวังว่าจะเป็นตัวปูทางสำหรับการรับประกันความมั่นคงจากวอชิงตันในอนาคต
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องยูเครนเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธ สำหรับชดใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ ในความช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงระหว่างสงคราม ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน
    .
    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน เปิดเผยกับเอเอฟพี โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามในช่วงค่ำวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่าข้อตกลงนี้จะได้เห็นสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาความมั่งคั่งทางแร่ธาตุของยูเครน ในขณะที่ผลกำไรจะไหลเข้าสู่กองทุนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งจะเป็นกองทุนร่วมระหว่างยูเครนกับอเมริกา
    .
    รายงานข่าวระบุ แหล่งข่าวบอกด้วยว่าร่างข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงการพาดพิงถึง "ความมั่นคง" แต่ไม่กำหนดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับพันธสัญญาของสหรัฐฯ หนึ่งข้อเรียกร้องหลักของเคียฟ สำหรับข้อตกลงนี้
    .
    "มีประโยคทั่วไปที่บอกว่าอเมริกาจะลงทุนในชาติอธิปไตยยูเครน ที่มีเสถียรภาพและความรุ่งเรือง และมันรับใช้สันติภาพที่ยั่งยืนและบอกว่าอเมริกาสนับสนุนความพยายามรับประกันความมั่นคง เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลกำลังทำงานกันในรายละเอียด" แหล่งข่าวระบุ พร้อมบอกว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจลงนามในข้อตกลงนี้ ระหว่างเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน อย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    ทรัมป์ เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว หันไปเปิดการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขณะเดียวกันก็ข่มขู่บรรดาพันธมิตรดั้งเดิมของวอชิงตัน
    .
    นอกจากนี้ ในวอชิงตันยังยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ ในการลงมติใน 2 ญัตติเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ในขณะที่พวกเขาหาทางหลีกเลี่ยงการประณามใดๆ ต่อกณีมอสโกรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน
    .
    ยูเครน หวังว่าข้อตกลงแร่จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมึนตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสงครามน้ำลายระหว่างเซเลนสกีกับผู้นำสหรัฐฯ
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" และเรียกร้องให้เขาดำเนินการอย่างรวดเร็วในการยุติสงคราม หนึ่งวันหลังจากพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ เปิดการพูดคุยหารือกันในซาอุดีอาระเบีย โดยที่ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
    .
    จากนั้นในวันเสาร์ (22 ก.พ.) ณ ที่ประชุมของฝ่ายอนุรักษนิยม ทรัมป์เน้นย้ำอีกครั้งว่าเขากำลังพยายามทวงเงินความช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่ส่งไปสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย หลัง เซเลนสกี กล่าวหาผู้นำสหรัฐฯ กำลังใช้ชีวิตอยู่ใน "ฟองสบู่แห่งการบิดเบือนข้อมูลของรัสเซีย"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเรียกร้องขอแร่แร์เฮิร์ธ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ แลกกับความช่วยเหลือที่เคยมอบให้เคียฟ ตัวเลขที่ยูเครนลังเลที่จะตอบรับ และไม่สอดคล้องกับตัวเลขความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ
    .
    แหล่งข่าวบอกว่าวอชิงตันตัดข้อแม้นี้ออกไป เช่นเดียวกับเงื่อนไขอื่นๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยกับยูเครน "พวกเขาถอนเงื่อนไขทั้งหมดที่ไม่เหมาะกับเรา"
    .
    อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ มอบเงินช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟไปแล้วมากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียรุกราน ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในหมู่พันธมิตรของเคียฟ แต่ต่ำกว่าตัวเลข 500,000 ล้านดอลลาร์ ตามที่ทรัมป์กล่าวอ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018794
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนยอมตกลงในเงื่อนไขต่างๆ ในข้อตกลงแร่กับสหรัฐฯ และอาจลงนาม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง ในความเคลื่อนไหวที่เคียฟได้แต่หวังว่าจะเป็นตัวปูทางสำหรับการรับประกันความมั่นคงจากวอชิงตันในอนาคต . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องยูเครนเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่แรร์เอิร์ธ สำหรับชดใช้เงินหลายแสนล้านดอลลาร์ ในความช่วยเหลือต่างๆ ในช่วงระหว่างสงคราม ในสมัยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน . แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน เปิดเผยกับเอเอฟพี โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามในช่วงค่ำวันอังคาร (25 ก.พ.) ว่าข้อตกลงนี้จะได้เห็นสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาความมั่งคั่งทางแร่ธาตุของยูเครน ในขณะที่ผลกำไรจะไหลเข้าสู่กองทุนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมา ซึ่งจะเป็นกองทุนร่วมระหว่างยูเครนกับอเมริกา . รายงานข่าวระบุ แหล่งข่าวบอกด้วยว่าร่างข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงการพาดพิงถึง "ความมั่นคง" แต่ไม่กำหนดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับพันธสัญญาของสหรัฐฯ หนึ่งข้อเรียกร้องหลักของเคียฟ สำหรับข้อตกลงนี้ . "มีประโยคทั่วไปที่บอกว่าอเมริกาจะลงทุนในชาติอธิปไตยยูเครน ที่มีเสถียรภาพและความรุ่งเรือง และมันรับใช้สันติภาพที่ยั่งยืนและบอกว่าอเมริกาสนับสนุนความพยายามรับประกันความมั่นคง เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลกำลังทำงานกันในรายละเอียด" แหล่งข่าวระบุ พร้อมบอกว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน อาจลงนามในข้อตกลงนี้ ระหว่างเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน อย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์ (28 ก.พ.) . ทรัมป์ เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว หันไปเปิดการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขณะเดียวกันก็ข่มขู่บรรดาพันธมิตรดั้งเดิมของวอชิงตัน . นอกจากนี้ ในวอชิงตันยังยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ ในการลงมติใน 2 ญัตติเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ในขณะที่พวกเขาหาทางหลีกเลี่ยงการประณามใดๆ ต่อกณีมอสโกรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน . ยูเครน หวังว่าข้อตกลงแร่จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งมึนตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสงครามน้ำลายระหว่างเซเลนสกีกับผู้นำสหรัฐฯ . เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" และเรียกร้องให้เขาดำเนินการอย่างรวดเร็วในการยุติสงคราม หนึ่งวันหลังจากพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ เปิดการพูดคุยหารือกันในซาอุดีอาระเบีย โดยที่ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ . จากนั้นในวันเสาร์ (22 ก.พ.) ณ ที่ประชุมของฝ่ายอนุรักษนิยม ทรัมป์เน้นย้ำอีกครั้งว่าเขากำลังพยายามทวงเงินความช่วยเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ ที่ส่งไปสนับสนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย หลัง เซเลนสกี กล่าวหาผู้นำสหรัฐฯ กำลังใช้ชีวิตอยู่ใน "ฟองสบู่แห่งการบิดเบือนข้อมูลของรัสเซีย" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยเรียกร้องขอแร่แร์เฮิร์ธ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ แลกกับความช่วยเหลือที่เคยมอบให้เคียฟ ตัวเลขที่ยูเครนลังเลที่จะตอบรับ และไม่สอดคล้องกับตัวเลขความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ . แหล่งข่าวบอกว่าวอชิงตันตัดข้อแม้นี้ออกไป เช่นเดียวกับเงื่อนไขอื่นๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยกับยูเครน "พวกเขาถอนเงื่อนไขทั้งหมดที่ไม่เหมาะกับเรา" . อ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ มอบเงินช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟไปแล้วมากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียรุกราน ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในหมู่พันธมิตรของเคียฟ แต่ต่ำกว่าตัวเลข 500,000 ล้านดอลลาร์ ตามที่ทรัมป์กล่าวอ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018794 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์หวังสงครามในยูเครนใกล้จบลงเร็วๆ นี้ พร้อมคาดว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับเหมืองแร่สำคัญในยูเครน ขณะที่มาครงตั้งข้อสังเกตระหว่างเยือนทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงยุติสงครามไม่ควรหมายถึงการยอมแพ้สำหรับยูเครน
    .
    การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น เกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไร้ความแน่นอนอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกาครั้งใหญ่ และตัดยุโรปออกจากการเจรจายุติสงครามในยูเครน
    .
    แม้การพบกันระหว่างทรัมป์กับมาครงที่ทำเนียบขาวเป็นไปด้วยดี แต่อเมริกากับฝรั่งเศสกลับขัดแย้งกันเกี่ยวกับญัตติในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้รุกรานในสงครามยูเครน
    .
    ระหว่างการหารือภาพรวมเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จะยอมให้ยุโรปมีส่วนร่วมในกองกำลังสันติภาพในยูเครน เขายังหวังว่า สงครามจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อเซ็นข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และเทคโนโลยีของอเมริกา
    .
    ทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพื่อให้ยูเครนชดใช้เงินบางส่วนที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสงครามรวม 180,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เคียฟต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการรับประกันความมั่นคงในอนาคต ทว่า ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจะรวมข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่
    .
    ทางด้านมาครงยอมรับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ว่า ประเทศยุโรปต้องยกระดับการปกป้องภูมิภาค แต่เตือนว่า ข้อตกลงสันติภาพต้องไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน แต่ต้องเคารพอธิปไตย รวมทั้งต้องมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสตัดขาดการสื่อสารโดยตรงกับปูตินนับจากรัสเซียโจมตีเมืองบูชาอย่างโหดร้ายในช่วงต้นสงคราม กระนั้น เขายอมรับว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา ซึ่งหมายถึงบริบทใหม่จึงมีเหตุผลอันควรที่ทรัมป์จะฟื้นการติดต่อกับปูติน
    .
    ทางฝ่ายปูตินนั้นกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขความขัดแย้งกับยูเครนอย่างละเอียดกับทรัมป์ รวมทั้งยังไม่มีการหารือในคณะเจรจารัสเซีย-อเมริกาที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซียยังเสริมว่า รัสเซียไม่ได้ตัดชาติยุโรปออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    การหารือที่ทำเนียบขาวครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปกำลังกังวลหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์
    .
    นับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ทรัมป์ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ แคนาดา กาซา และคลองปานามา นอกจากนั้นประธานาธิบดีที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ผู้นี้ยังครอบงำจุดยืนของอเมริกาที่เคยเป็นมิตรท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่อง
    .
    เอียน เคลลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจอร์เจียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์สมัยแรก ชี้ว่า นโยบายต่อต้านผู้รุกรานของอเมริกาที่ดำเนินมา 80 ปีถูกทำลายย่อยยับโดยปราศจากการหารือหรือไตร่ตรองใดๆ
    .
    นอกจากมาครงแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดต้อนรับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ทำผู้นำยุโรปช็อกไปตามๆ กันด้วยการวิจารณ์เซเลนสกี้ว่า ล้มเหลวในการเจรจายุติสงคราม ซ้ำยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญของยูเครน
    .
    แรกทีเดียวนั้นเซเลนสกี้โวยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมการรับประกันความมั่นคง แต่ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เขาโพสต์บนเอ็กซ์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ยูเครนยังต้องการข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศอย่างแท้จริง
    .
    ก่อนหน้านี้เซเลนสกี้ทำให้ทรัมป์หัวเสียมากจากการโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่า ติดอยู่กับข้อมูลผิดๆ ของรัสเซีย และประมุขทำเนียบขาวตอกกลับโดยเรียกเซเลนสกี้ว่า “ผู้นำเผด็จการ” รวมทั้งกล่าวหาเคียฟเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งที่ความจริงรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    นอกจากนั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่า คิดว่าปูตินเป็นผู้นำเผด็จการด้วยหรือไม่นั้น ทรัมป์ตอบว่า ตนไม่ใช้คำนั้นพล่อยๆ
    .
    อเมริกายังงัดข้อกับพันธมิตรยุโรปในการประชุมยูเอ็น ด้วยการปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่า รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งอเมริกางดออกเสียงในการลงมติข้อเสนอของตนเอง หลังจากยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส สามารถผลักดันให้มีการระบุชัดเจนว่า รัสเซียเป็นผู้รุกราน
    .
    ก่อนพบกับทรัมป์ มาครงบอกว่า เขาตั้งใจแจ้งกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรยอมอ่อนข้อให้ปูติน ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันและยุโรป
    .
    เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัสเซียกลับเข้าร่วมจี7 หลังจากถูกระงับสมาชิกภาพในจี8 นับจากเข้าผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนในปี 2014
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018788
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์หวังสงครามในยูเครนใกล้จบลงเร็วๆ นี้ พร้อมคาดว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับเหมืองแร่สำคัญในยูเครน ขณะที่มาครงตั้งข้อสังเกตระหว่างเยือนทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงยุติสงครามไม่ควรหมายถึงการยอมแพ้สำหรับยูเครน . การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น เกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไร้ความแน่นอนอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกาครั้งใหญ่ และตัดยุโรปออกจากการเจรจายุติสงครามในยูเครน . แม้การพบกันระหว่างทรัมป์กับมาครงที่ทำเนียบขาวเป็นไปด้วยดี แต่อเมริกากับฝรั่งเศสกลับขัดแย้งกันเกี่ยวกับญัตติในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้รุกรานในสงครามยูเครน . ระหว่างการหารือภาพรวมเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จะยอมให้ยุโรปมีส่วนร่วมในกองกำลังสันติภาพในยูเครน เขายังหวังว่า สงครามจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อเซ็นข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และเทคโนโลยีของอเมริกา . ทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพื่อให้ยูเครนชดใช้เงินบางส่วนที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสงครามรวม 180,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เคียฟต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการรับประกันความมั่นคงในอนาคต ทว่า ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจะรวมข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่ . ทางด้านมาครงยอมรับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ว่า ประเทศยุโรปต้องยกระดับการปกป้องภูมิภาค แต่เตือนว่า ข้อตกลงสันติภาพต้องไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน แต่ต้องเคารพอธิปไตย รวมทั้งต้องมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน . ผู้นำฝรั่งเศสตัดขาดการสื่อสารโดยตรงกับปูตินนับจากรัสเซียโจมตีเมืองบูชาอย่างโหดร้ายในช่วงต้นสงคราม กระนั้น เขายอมรับว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา ซึ่งหมายถึงบริบทใหม่จึงมีเหตุผลอันควรที่ทรัมป์จะฟื้นการติดต่อกับปูติน . ทางฝ่ายปูตินนั้นกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขความขัดแย้งกับยูเครนอย่างละเอียดกับทรัมป์ รวมทั้งยังไม่มีการหารือในคณะเจรจารัสเซีย-อเมริกาที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซียยังเสริมว่า รัสเซียไม่ได้ตัดชาติยุโรปออกจากการเจรจาสันติภาพ . การหารือที่ทำเนียบขาวครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปกำลังกังวลหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ . นับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ทรัมป์ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ แคนาดา กาซา และคลองปานามา นอกจากนั้นประธานาธิบดีที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ผู้นี้ยังครอบงำจุดยืนของอเมริกาที่เคยเป็นมิตรท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่อง . เอียน เคลลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจอร์เจียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์สมัยแรก ชี้ว่า นโยบายต่อต้านผู้รุกรานของอเมริกาที่ดำเนินมา 80 ปีถูกทำลายย่อยยับโดยปราศจากการหารือหรือไตร่ตรองใดๆ . นอกจากมาครงแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดต้อนรับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ทำผู้นำยุโรปช็อกไปตามๆ กันด้วยการวิจารณ์เซเลนสกี้ว่า ล้มเหลวในการเจรจายุติสงคราม ซ้ำยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญของยูเครน . แรกทีเดียวนั้นเซเลนสกี้โวยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมการรับประกันความมั่นคง แต่ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เขาโพสต์บนเอ็กซ์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ยูเครนยังต้องการข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศอย่างแท้จริง . ก่อนหน้านี้เซเลนสกี้ทำให้ทรัมป์หัวเสียมากจากการโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่า ติดอยู่กับข้อมูลผิดๆ ของรัสเซีย และประมุขทำเนียบขาวตอกกลับโดยเรียกเซเลนสกี้ว่า “ผู้นำเผด็จการ” รวมทั้งกล่าวหาเคียฟเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งที่ความจริงรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . นอกจากนั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่า คิดว่าปูตินเป็นผู้นำเผด็จการด้วยหรือไม่นั้น ทรัมป์ตอบว่า ตนไม่ใช้คำนั้นพล่อยๆ . อเมริกายังงัดข้อกับพันธมิตรยุโรปในการประชุมยูเอ็น ด้วยการปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่า รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งอเมริกางดออกเสียงในการลงมติข้อเสนอของตนเอง หลังจากยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส สามารถผลักดันให้มีการระบุชัดเจนว่า รัสเซียเป็นผู้รุกราน . ก่อนพบกับทรัมป์ มาครงบอกว่า เขาตั้งใจแจ้งกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรยอมอ่อนข้อให้ปูติน ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันและยุโรป . เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัสเซียกลับเข้าร่วมจี7 หลังจากถูกระงับสมาชิกภาพในจี8 นับจากเข้าผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนในปี 2014 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018788 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2213 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ
    .
    ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง
    .
    "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ"
    .
    ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน
    .
    ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม"
    .
    ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ
    .
    ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน
    .
    "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต
    .
    ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง
    .
    ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล
    .
    "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396
    ..............
    Sondhi X
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ . ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง . "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ" . ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน . ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ . บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม" . ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ . ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน . "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต . ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง . ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล . "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2279 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ตาสว่างกันหรือยัง การจะให้ประเทศใดเป็นคนร้ายหรือคนดี ไม่ได้อยู่ที่การกระทำของพวกเขา แต่อยู่ที่สหรัฐเป็นผู้กำหนด แค่นั้นจริงๆ!!"

    สหรัฐฯ อยู่ฝั่งรัสเซีย ร่วมลงมติไม่เห็นด้วยกับมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สนับสนุนมติของยูเครน ที่ประณามการรุกรานของ รัสเซีย

    ส่วน จีน และ อินเดีย งดออกเสียง

    มีประเทศต่างๆ รวม 93 ประเทศลงมติเห็นชอบ (รวมทั้ง ไทย!)
    18 ประเทศไม่เห็นด้วย รวมทั้งอิสราเอล
    และ 65 ประเทศงดออกเสียง
    "ตาสว่างกันหรือยัง การจะให้ประเทศใดเป็นคนร้ายหรือคนดี ไม่ได้อยู่ที่การกระทำของพวกเขา แต่อยู่ที่สหรัฐเป็นผู้กำหนด แค่นั้นจริงๆ!!" สหรัฐฯ อยู่ฝั่งรัสเซีย ร่วมลงมติไม่เห็นด้วยกับมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สนับสนุนมติของยูเครน ที่ประณามการรุกรานของ รัสเซีย ส่วน จีน และ อินเดีย งดออกเสียง มีประเทศต่างๆ รวม 93 ประเทศลงมติเห็นชอบ (รวมทั้ง ไทย!) 18 ประเทศไม่เห็นด้วย รวมทั้งอิสราเอล และ 65 ประเทศงดออกเสียง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้


    เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้

    USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง

    ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

    ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024

    ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024 ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts