• รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“

    จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง

    วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107789

    #MGROnline #ทนายตั้ม #กรมราชทัณฑ์
    รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“ • จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง • วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107789 • #MGROnline #ทนายตั้ม #กรมราชทัณฑ์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผย"ทนายตั้ม"โยกย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านก่อนถูกจับ พบเพียงตู้เซฟว่างเปล่า ซ้ำเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ทำลายข้อมูลจนยากแก่การแกะรอย เชื่อมีพรายกระซิบคอยบอกความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่

    วันนี้ ( 8 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า นายษิทรา มีพฤติกรรมตั้งใจที่จะฉ้อโกงเงินจากพี่อ้อยจริง โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารซื้อรถเบนซ์มูลค่า 13 ล้านบาท หลังพบว่ามีการจัดทำใบเสร็จซื้อรถจำนวน 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นใบเสร็จซื้อรถจากโชว์รูมที่มีการระบุราคาจริง คือ 11.5 ล้านบาท ส่วนใบเสร็จอีกชุดที่นายษิทรา นำไปแสดงให้กับ พี่อ้อย ดูนั้นเป็นใบเสร็จที่ทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการระบุตัวเลขราคารถให้สูงขึ้นจากราคาจริง คือ 13 ล้านบาท เพื่อจะนำเอาเงินส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท เข้ากระเป๋าตนเอง ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้ทำการสอบปากคำพนักงานขายของโชว์รูมและพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งคำให้การของพยานเหล่านี้ก็สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ

    ขณะเดียวกันจากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ก่อนหน้าที่นายษิทรา และ ภรรยา จะถูกจับกุมตัว น่าจะมีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี มีการโยกย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านพัก และ ตู้เซฟ จนหมดเกลี้ยง คงเหลือทรัพย์บางส่วนทิ้งไว้ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้นั้น ยังเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ภายในเครื่องไม่มีข้อมูลใด ๆ บันทึกไว้ ผิดแปลกจากคนปกติทั่วไป รวมถึงเชื่อว่ามีสายข่าวคอยส่งสัญญาณแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา นอกจากนี้จากการสอบปากคำพยานบุคคลฝั่งของ นายษิทรา บางราย ยังยอมรับว่า มีการเตรียมคำให้การ หรือ ให้พูดตามสคริปที่เตรียมมา เพื่อปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้บงการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107762

    #MGROnline #ทนายตั้ม
    เผย"ทนายตั้ม"โยกย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านก่อนถูกจับ พบเพียงตู้เซฟว่างเปล่า ซ้ำเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ทำลายข้อมูลจนยากแก่การแกะรอย เชื่อมีพรายกระซิบคอยบอกความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ • วันนี้ ( 8 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า นายษิทรา มีพฤติกรรมตั้งใจที่จะฉ้อโกงเงินจากพี่อ้อยจริง โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารซื้อรถเบนซ์มูลค่า 13 ล้านบาท หลังพบว่ามีการจัดทำใบเสร็จซื้อรถจำนวน 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นใบเสร็จซื้อรถจากโชว์รูมที่มีการระบุราคาจริง คือ 11.5 ล้านบาท ส่วนใบเสร็จอีกชุดที่นายษิทรา นำไปแสดงให้กับ พี่อ้อย ดูนั้นเป็นใบเสร็จที่ทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการระบุตัวเลขราคารถให้สูงขึ้นจากราคาจริง คือ 13 ล้านบาท เพื่อจะนำเอาเงินส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท เข้ากระเป๋าตนเอง ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้ทำการสอบปากคำพนักงานขายของโชว์รูมและพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งคำให้การของพยานเหล่านี้ก็สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ • ขณะเดียวกันจากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ก่อนหน้าที่นายษิทรา และ ภรรยา จะถูกจับกุมตัว น่าจะมีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี มีการโยกย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านพัก และ ตู้เซฟ จนหมดเกลี้ยง คงเหลือทรัพย์บางส่วนทิ้งไว้ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้นั้น ยังเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ภายในเครื่องไม่มีข้อมูลใด ๆ บันทึกไว้ ผิดแปลกจากคนปกติทั่วไป รวมถึงเชื่อว่ามีสายข่าวคอยส่งสัญญาณแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา นอกจากนี้จากการสอบปากคำพยานบุคคลฝั่งของ นายษิทรา บางราย ยังยอมรับว่า มีการเตรียมคำให้การ หรือ ให้พูดตามสคริปที่เตรียมมา เพื่อปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้บงการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107762 • #MGROnline #ทนายตั้ม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“
    .
    จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง
    .
    วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ
    .
    นางกนกวรรณ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องความกังวล นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม หากครบกำหนดอยู่แดนกักโรคแล้วจะต้องย้ายส่งต่อแดนใดนั้น เพราะอาจเจอคู่กรณีเป็นกลุ่ม 18 บอสดิไอคอน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาตามความเหมาะสม และขณะนี้กลุ่มบอสชาย 11 คน ได้แยกแดนเป็นที่เรียบร้อย อยู่แดนละ 2-3 คนกระจายกันไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบคู่กรณีของ นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในคดีอื่นๆ ด้วยเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมนูอาหารมื้อเย็นในวันนี้ (8 พ.ย.) เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นข้าวสวย ไก่ต้มขมิ้น และไข่ต้ม ส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นข้าวสวย หลนปลาร้า/ผักสด และ ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น
    ..............
    Sondhi X
    รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“ . จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง . วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ . นางกนกวรรณ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องความกังวล นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม หากครบกำหนดอยู่แดนกักโรคแล้วจะต้องย้ายส่งต่อแดนใดนั้น เพราะอาจเจอคู่กรณีเป็นกลุ่ม 18 บอสดิไอคอน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาตามความเหมาะสม และขณะนี้กลุ่มบอสชาย 11 คน ได้แยกแดนเป็นที่เรียบร้อย อยู่แดนละ 2-3 คนกระจายกันไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบคู่กรณีของ นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในคดีอื่นๆ ด้วยเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมนูอาหารมื้อเย็นในวันนี้ (8 พ.ย.) เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นข้าวสวย ไก่ต้มขมิ้น และไข่ต้ม ส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นข้าวสวย หลนปลาร้า/ผักสด และ ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผย"ทนายตั้ม"โยกย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านก่อนถูกจับ พบเพียงตู้เซฟว่างเปล่า ซ้ำเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ทำลายข้อมูลจนยากแก่การแกะรอย เชื่อมีพรายกระซิบคอยบอกความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่

    วันนี้ ( 8 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า นายษิทรา มีพฤติกรรมตั้งใจที่จะฉ้อโกงเงินจากพี่อ้อยจริง โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารซื้อรถเบนซ์มูลค่า 13 ล้านบาท หลังพบว่ามีการจัดทำใบเสร็จซื้อรถจำนวน 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นใบเสร็จซื้อรถจากโชว์รูมที่มีการระบุราคาจริง คือ 11.5 ล้านบาท ส่วนใบเสร็จอีกชุดที่นายษิทรา นำไปแสดงให้กับ พี่อ้อย ดูนั้นเป็นใบเสร็จที่ทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการระบุตัวเลขราคารถให้สูงขึ้นจากราคาจริง คือ 13 ล้านบาท เพื่อจะนำเอาเงินส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท เข้ากระเป๋าตนเอง ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้ทำการสอบปากคำพนักงานขายของโชว์รูมและพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งคำให้การของพยานเหล่านี้ก็สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ

    ขณะเดียวกันจากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ก่อนหน้าที่นายษิทรา และ ภรรยา จะถูกจับกุมตัว น่าจะมีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี มีการโยกย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านพัก และ ตู้เซฟ จนหมดเกลี้ยง คงเหลือทรัพย์บางส่วนทิ้งไว้ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้นั้น ยังเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ภายในเครื่องไม่มีข้อมูลใด ๆ บันทึกไว้ ผิดแปลกจากคนปกติทั่วไป รวมถึงเชื่อว่ามีสายข่าวคอยส่งสัญญาณแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา นอกจากนี้จากการสอบปากคำพยานบุคคลฝั่งของ นายษิทรา บางราย ยังยอมรับว่า มีการเตรียมคำให้การ หรือ ให้พูดตามสคริปที่เตรียมมา เพื่อปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้บงการ

    ที่มา https://news1live.com/detail/9670000107762?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0iXwb9ON8aU3X3XL1RhD5qegiYxWu6i-YIScRH-x92UCQuyMexMytrKM0_aem_iLW5Ap2lhIsRejtdWfs-Hg

    #Thaitimes
    เผย"ทนายตั้ม"โยกย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านก่อนถูกจับ พบเพียงตู้เซฟว่างเปล่า ซ้ำเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ทำลายข้อมูลจนยากแก่การแกะรอย เชื่อมีพรายกระซิบคอยบอกความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ วันนี้ ( 8 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า นายษิทรา มีพฤติกรรมตั้งใจที่จะฉ้อโกงเงินจากพี่อ้อยจริง โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารซื้อรถเบนซ์มูลค่า 13 ล้านบาท หลังพบว่ามีการจัดทำใบเสร็จซื้อรถจำนวน 2 ชุด โดยชุดแรกเป็นใบเสร็จซื้อรถจากโชว์รูมที่มีการระบุราคาจริง คือ 11.5 ล้านบาท ส่วนใบเสร็จอีกชุดที่นายษิทรา นำไปแสดงให้กับ พี่อ้อย ดูนั้นเป็นใบเสร็จที่ทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการระบุตัวเลขราคารถให้สูงขึ้นจากราคาจริง คือ 13 ล้านบาท เพื่อจะนำเอาเงินส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท เข้ากระเป๋าตนเอง ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ได้ทำการสอบปากคำพนักงานขายของโชว์รูมและพยานบุคคลต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว ซึ่งคำให้การของพยานเหล่านี้ก็สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ขณะเดียวกันจากแนวทางสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ก่อนหน้าที่นายษิทรา และ ภรรยา จะถูกจับกุมตัว น่าจะมีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดี มีการโยกย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านพัก และ ตู้เซฟ จนหมดเกลี้ยง คงเหลือทรัพย์บางส่วนทิ้งไว้ อีกทั้งโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้นั้น ยังเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ภายในเครื่องไม่มีข้อมูลใด ๆ บันทึกไว้ ผิดแปลกจากคนปกติทั่วไป รวมถึงเชื่อว่ามีสายข่าวคอยส่งสัญญาณแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา นอกจากนี้จากการสอบปากคำพยานบุคคลฝั่งของ นายษิทรา บางราย ยังยอมรับว่า มีการเตรียมคำให้การ หรือ ให้พูดตามสคริปที่เตรียมมา เพื่อปิดบังข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้บงการ ที่มา https://news1live.com/detail/9670000107762?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0iXwb9ON8aU3X3XL1RhD5qegiYxWu6i-YIScRH-x92UCQuyMexMytrKM0_aem_iLW5Ap2lhIsRejtdWfs-Hg #Thaitimes
    NEWS1LIVE.COM
    เผย "ทนายตั้ม" รีบโยกทรัพย์ก่อนถูกจับ ลบข้อมูลในโทรศัพท์เกลี้ยง เชื่อมีกาคาบข่าวบอก
    เผยทนายตั้มโยกย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านก่อนถูกจับ พบเพียงตู้เซฟว่างเปล่า ซ้ำเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ ทำลายข้อมูลจนยากแก่การแกะรอย เชื่อมีพรายคอยกระซิบบอกความเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทนายตั้ม” จูบหน้าผากภรรยา ก่อนส่งตัวฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ
    .
    ตำรวจกองปราบฯ คุมตัวทนายตั้มและภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา จูบหน้าผากก่อนขึ้นศาล ยกมือไหว้สื่อแต่ไม่ตอบคำถาม พนง.สอบสวนค้านประกันตัว หวั่นยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
    .
    วันนี้ (8 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมกับ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ขึ้นรถตู้ 1 คัน โดยมีรถตำรวจ บก.ป. นำขบวน 1 คัน เพื่อไปทำการฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามขั้นตอนทางกฎหมาย
    .
    โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา ทนายตั้มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ ส่วนภรรยาสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่แว่นตาสีดำ พร้อมสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งทันทีที่เดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ตัวทนายตั้มได้ยกมือไหว้กับกองทัพสื่อมวลชน และไม่ได้กล่าวอะไร แม้สื่อมวลชนพยายามสอบถามในทุกประเด็น
    .
    จากการสังเกตทนายตั้ม มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะที่ภรรยาก็เช่นเดียวกัน และเมื่อขึ้นรถตู้ไป ก็ได้ขยับไปนั่งข้างๆ ภรรยา ก่อนจะประคองศีรษะมาใกล้ ๆ และจูบที่หน้าผาก โดยทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ จากนั้นรถตู้ก็ได้เคลื่อนตัวไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกทันที
    .
    โดยพนักงานสอบสวน จะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเหตุผลตามหมายจับ ระบุว่า มีหลักฐานตามสมควรว่าได้หรือน่าจะทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี รวมทั้งได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานกับก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น
    ..............
    Sondhi X
    “ทนายตั้ม” จูบหน้าผากภรรยา ก่อนส่งตัวฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ . ตำรวจกองปราบฯ คุมตัวทนายตั้มและภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา จูบหน้าผากก่อนขึ้นศาล ยกมือไหว้สื่อแต่ไม่ตอบคำถาม พนง.สอบสวนค้านประกันตัว หวั่นยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน . วันนี้ (8 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมกับ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ขึ้นรถตู้ 1 คัน โดยมีรถตำรวจ บก.ป. นำขบวน 1 คัน เพื่อไปทำการฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามขั้นตอนทางกฎหมาย . โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา ทนายตั้มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ ส่วนภรรยาสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่แว่นตาสีดำ พร้อมสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งทันทีที่เดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ตัวทนายตั้มได้ยกมือไหว้กับกองทัพสื่อมวลชน และไม่ได้กล่าวอะไร แม้สื่อมวลชนพยายามสอบถามในทุกประเด็น . จากการสังเกตทนายตั้ม มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะที่ภรรยาก็เช่นเดียวกัน และเมื่อขึ้นรถตู้ไป ก็ได้ขยับไปนั่งข้างๆ ภรรยา ก่อนจะประคองศีรษะมาใกล้ ๆ และจูบที่หน้าผาก โดยทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ จากนั้นรถตู้ก็ได้เคลื่อนตัวไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกทันที . โดยพนักงานสอบสวน จะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเหตุผลตามหมายจับ ระบุว่า มีหลักฐานตามสมควรว่าได้หรือน่าจะทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี รวมทั้งได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานกับก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายความเผยยังไม่ยื่นประกัน “ษิทรา" แต่เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันภรรยา โวยตำรวจเล่นใหญ่จับกลางถนน ยันลูกความเตรียมไปปฏิบัติธรรมที่ฉะเชิงเทรา หลังใส่สูทรอตำรวจมาหลายวัน ส่วนทนาย "เจ๊อ้อย" ค้านประกัน อ้างพฤติกรรมหลบหนี ยุ่งเหยิงพยาน ขณะตำรวจนำตัวฝากขังบ่ายนี้

    วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มและ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภรรยา) เดินทางยังมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยว่า ตนจะไม่ยื่นคําร้องขอประกันตัวทนายตั้ม โดยให้เหตุผลว่าที่ศาลอาญา หากเป็นคดีใหญ่ความเสียหายค่อนข้างสูงแบบนี้และมีการระบุพฤติกรรมในหมายจับว่ายุ่งเหยินกับพยานหลักหลักฐานและพยายามหลบหนีรวมถึงปล่อยข่าวว่าหนี ซึ่ง 3 องค์ประกอบดังกล่าว หากไม่มีพยานหลักฐานที่มากพอสมควรหากยื่นคําร้องไปโอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นทนายตั้ม จึงยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาลวันนี้ แตาทางทีมทนายจะยื่นคําร้องขอประกันตัวนางปทิตตา ภรรยาของทนายตั้ม ส่วนจะใช้หลักทร้พย์เท่าไหร่นั้นอยู่ระหว่างสอบถามกับทางศาล ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

    นายสายหยุด กล่าวว่า ทนายตั้ม ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งวันที่ถูกจับกุมทนายตั้มและภรรยาเตรียมเดินทางไปทําบุญที่วัด ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะที่ผ่านมาจากการพูดคุยทราบว่า ทนายตั้ม มีการสวมชุดสูทนอนอยู่บ้านหลายวัน เพราะไม่อยากถูกตํารวจจับกุมขณะสวมใส่ชุดนอนเหมือนใครบางคน ส่วนการที่ตํารวจไปจับกุมกลางถนน เหมือนเป็นการตบหน้ากลางสี่แยกหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าการปฏิบัติการของตํารวจกองปราบมักจะเล่นใหญ่แบบนี้ทุกครั้ง

    ส่วนที่จะบอกว่าทนายตั้มไม่ผิดนั้น นายสายหยุด กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่าอาจเป็นการยืมเงินและเป็นความผิดแพ่งหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงกับแพ่ง เป็นเพียงเส้นบางๆ ของข้อกฎหมาย ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ ตนไม่ขอเปิดเผย พร้อมระบุว่า “การสู้คดีผมตัดสินในชั้นศาล ไม่ได้ตัดสินทางทีวี” ทั้งนี้ทนายตั้มไม่มีความกังวลใดๆ ส่วนภรรยากังวลเป็นปกติของผู้หญิง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107606

    #MGROnline #ทนายตั้ม
    ทนายความเผยยังไม่ยื่นประกัน “ษิทรา" แต่เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันภรรยา โวยตำรวจเล่นใหญ่จับกลางถนน ยันลูกความเตรียมไปปฏิบัติธรรมที่ฉะเชิงเทรา หลังใส่สูทรอตำรวจมาหลายวัน ส่วนทนาย "เจ๊อ้อย" ค้านประกัน อ้างพฤติกรรมหลบหนี ยุ่งเหยิงพยาน ขณะตำรวจนำตัวฝากขังบ่ายนี้ • วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มและ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภรรยา) เดินทางยังมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยว่า ตนจะไม่ยื่นคําร้องขอประกันตัวทนายตั้ม โดยให้เหตุผลว่าที่ศาลอาญา หากเป็นคดีใหญ่ความเสียหายค่อนข้างสูงแบบนี้และมีการระบุพฤติกรรมในหมายจับว่ายุ่งเหยินกับพยานหลักหลักฐานและพยายามหลบหนีรวมถึงปล่อยข่าวว่าหนี ซึ่ง 3 องค์ประกอบดังกล่าว หากไม่มีพยานหลักฐานที่มากพอสมควรหากยื่นคําร้องไปโอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นทนายตั้ม จึงยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาลวันนี้ แตาทางทีมทนายจะยื่นคําร้องขอประกันตัวนางปทิตตา ภรรยาของทนายตั้ม ส่วนจะใช้หลักทร้พย์เท่าไหร่นั้นอยู่ระหว่างสอบถามกับทางศาล ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล • นายสายหยุด กล่าวว่า ทนายตั้ม ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งวันที่ถูกจับกุมทนายตั้มและภรรยาเตรียมเดินทางไปทําบุญที่วัด ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะที่ผ่านมาจากการพูดคุยทราบว่า ทนายตั้ม มีการสวมชุดสูทนอนอยู่บ้านหลายวัน เพราะไม่อยากถูกตํารวจจับกุมขณะสวมใส่ชุดนอนเหมือนใครบางคน ส่วนการที่ตํารวจไปจับกุมกลางถนน เหมือนเป็นการตบหน้ากลางสี่แยกหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าการปฏิบัติการของตํารวจกองปราบมักจะเล่นใหญ่แบบนี้ทุกครั้ง • ส่วนที่จะบอกว่าทนายตั้มไม่ผิดนั้น นายสายหยุด กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่าอาจเป็นการยืมเงินและเป็นความผิดแพ่งหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงกับแพ่ง เป็นเพียงเส้นบางๆ ของข้อกฎหมาย ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ ตนไม่ขอเปิดเผย พร้อมระบุว่า “การสู้คดีผมตัดสินในชั้นศาล ไม่ได้ตัดสินทางทีวี” ทั้งนี้ทนายตั้มไม่มีความกังวลใดๆ ส่วนภรรยากังวลเป็นปกติของผู้หญิง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107606 • #MGROnline #ทนายตั้ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ก. เมิน ทนายตั้ม ขิงใส่สูทรอมา 5 วันให้จับ ไม่คิดหนี (08/11/67) #news1 #ทนายตั้ม #ทนายษิทรา
    รอง ผบช.ก. เมิน ทนายตั้ม ขิงใส่สูทรอมา 5 วันให้จับ ไม่คิดหนี (08/11/67) #news1 #ทนายตั้ม #ทนายษิทรา
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 938 มุมมอง 570 0 รีวิว
  • เมื่อคืน “ทนายตั้ม” นอนซังเต
    หลังกองปราบสอบ 11 ชม.
    .
    ตำรวจกองปราบคุมตัวทนายตั้มเข้าห้องขัง หลังสอบมาราธอน 11 ชั่วโมง
    .
    จากกรณีตำรวจกองปราบติดตามจับกุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ได้ที่ ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
    .
    ล่าสุดเมื่อเวลา 00.20 น.วันที่ 8 พ.ย.ที่อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายหลังการสอบปากคำกว่า 11 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนร่วมกันควบคุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด (สวมเสื้อเชิ๊ตเเขสั้นสีขาว กางเกงยีน) พร้อมนางปทิตตา ฯ (เสื้อยืดสีดำ) สองสามีภรรยา ลงจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวเข้าห้องขังที่บริเวณชั้น 1 บก.ป.
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ทนายตั้ม จะลงมาห้องขัง ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า "ยังมีนักข่าวเฝ้าอยู่หรือไม่" เนื่องจากไม่อยากเจอสื่อมวลชน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจึงขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนให้ออกมาเฝ้าสังเกตุการณ์ด้านนอกอาคารแทน กระทั่งผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าควบคุมตัวทนายตั้ม เดินลงจากห้องสอบสวน โดยทนายตั้ม มีสีหน้าอิฐโรย และพยายามเหลือบมองสื่อมวลชน รวมถึงนางปทิตตา ก็ได้เดินก้มหน้า ก่อนทั้งสองจะถูกนำตัวเข้าห้องขังไปทันที .
    .
    ด้าน นาย สายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม เปิดเผยว่าทนายตั้มไม่เครียดกับการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งยังเตรียมตัวถูกจับกุมจากตำรวจมาเป็นเวลานานถึง 5 วัน โดยใส่สูทแต่งตัวรอให้ถูกจับกุมอยู่ที่บ้านตลอดเวลา กระทั่งวันนี้เห็นว่ายังไม่มีการออกหมายจับจึงเดินทางไปทำบุญที่วัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งมีความบริสุทธิ์ใจสังเกตได้จากการแต่งตัวและเสื้อผ้า ที่ทั้งสองคนวางแผนว่าจะไปนอนทำวัตรเย็นที่วัดและเดินทางกลับบ้าน ไม่ได้จะเดินทางหนีออกไปยังชายแดนอย่างที่ทุกคนตั้งข้อสังเกต แต่ยอมรับว่าภรรยาของทนายสิทธามีอาการเครียด เนื่องจากเป็นผู้หญิงและไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ
    .
    ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ยืนยันว่าตนเองและทนายตั้มได้เตรียมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารหลักฐานสัญญาไว้อย่างละเอียดแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการตีความกฎหมาย นอกจากนี้จะหารือกับญาติของลูกความทั้งสองคนว่าจะเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไว้อย่างไร
    ..............
    Sondhi X
    เมื่อคืน “ทนายตั้ม” นอนซังเต หลังกองปราบสอบ 11 ชม. . ตำรวจกองปราบคุมตัวทนายตั้มเข้าห้องขัง หลังสอบมาราธอน 11 ชั่วโมง . จากกรณีตำรวจกองปราบติดตามจับกุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ได้ที่ ต.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) . ล่าสุดเมื่อเวลา 00.20 น.วันที่ 8 พ.ย.ที่อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายหลังการสอบปากคำกว่า 11 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนร่วมกันควบคุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด (สวมเสื้อเชิ๊ตเเขสั้นสีขาว กางเกงยีน) พร้อมนางปทิตตา ฯ (เสื้อยืดสีดำ) สองสามีภรรยา ลงจากห้องสอบสวน เพื่อนำตัวเข้าห้องขังที่บริเวณชั้น 1 บก.ป. . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ทนายตั้ม จะลงมาห้องขัง ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่า "ยังมีนักข่าวเฝ้าอยู่หรือไม่" เนื่องจากไม่อยากเจอสื่อมวลชน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจึงขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนให้ออกมาเฝ้าสังเกตุการณ์ด้านนอกอาคารแทน กระทั่งผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าควบคุมตัวทนายตั้ม เดินลงจากห้องสอบสวน โดยทนายตั้ม มีสีหน้าอิฐโรย และพยายามเหลือบมองสื่อมวลชน รวมถึงนางปทิตตา ก็ได้เดินก้มหน้า ก่อนทั้งสองจะถูกนำตัวเข้าห้องขังไปทันที . . ด้าน นาย สายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม เปิดเผยว่าทนายตั้มไม่เครียดกับการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งยังเตรียมตัวถูกจับกุมจากตำรวจมาเป็นเวลานานถึง 5 วัน โดยใส่สูทแต่งตัวรอให้ถูกจับกุมอยู่ที่บ้านตลอดเวลา กระทั่งวันนี้เห็นว่ายังไม่มีการออกหมายจับจึงเดินทางไปทำบุญที่วัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งมีความบริสุทธิ์ใจสังเกตได้จากการแต่งตัวและเสื้อผ้า ที่ทั้งสองคนวางแผนว่าจะไปนอนทำวัตรเย็นที่วัดและเดินทางกลับบ้าน ไม่ได้จะเดินทางหนีออกไปยังชายแดนอย่างที่ทุกคนตั้งข้อสังเกต แต่ยอมรับว่าภรรยาของทนายสิทธามีอาการเครียด เนื่องจากเป็นผู้หญิงและไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ . ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ยืนยันว่าตนเองและทนายตั้มได้เตรียมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารหลักฐานสัญญาไว้อย่างละเอียดแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถนำไปต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการตีความกฎหมาย นอกจากนี้จะหารือกับญาติของลูกความทั้งสองคนว่าจะเตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไว้อย่างไร .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่างกล้า ! "ทนายตั้ม" เสนอ 20 ล้าน ฟาดหัว "บิ๊กตำรวจ" ให้ช่วยเป่าคดี
    (07/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ษิทราเบี้ยบังเกิด #เจ๊อ้อย #มาดามอ้อย #ฉ้อโกง #จับทนายตั้ม #ฟอกเงิน #ร่วมกันฟอกเงิน
    ช่างกล้า ! "ทนายตั้ม" เสนอ 20 ล้าน ฟาดหัว "บิ๊กตำรวจ" ให้ช่วยเป่าคดี (07/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ษิทราเบี้ยบังเกิด #เจ๊อ้อย #มาดามอ้อย #ฉ้อโกง #จับทนายตั้ม #ฟอกเงิน #ร่วมกันฟอกเงิน
    Like
    Haha
    Wow
    Yay
    Sad
    37
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1403 มุมมอง 1314 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบตรวจค้นบ้านหรู "ทนายตั้ม" นานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงคดีโกง "พี่อ้อย" ส่วนหมายจับล็อต 2 อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

    วันนี้ (7 พ.ย.) มีรายงานว่าตำรวจกองปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านตลิ่งชัน โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงนางจตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย ก่อนจะขับรถออกมา โดยคาดการณ์ว่าจะมีการเข้าตรวจคนที่สำนักงานกฎหมาย บริษัทษิทธา ลอร์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม ที่ย่านสาทร เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย

    ส่วนหมายจับล็อตที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการในการฉ้อโกงเงินพี่อ้อยนั้น ต้องดูคำให้การของทนายตั้มและภรรยา ว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีหรือไม่

    #MGROnline #ทนายตั้ม #พี่อ้อย
    ตำรวจกองปราบตรวจค้นบ้านหรู "ทนายตั้ม" นานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหาพยานหลักฐานเชื่อมโยงคดีโกง "พี่อ้อย" ส่วนหมายจับล็อต 2 อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน • วันนี้ (7 พ.ย.) มีรายงานว่าตำรวจกองปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านตลิ่งชัน โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงนางจตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย ก่อนจะขับรถออกมา โดยคาดการณ์ว่าจะมีการเข้าตรวจคนที่สำนักงานกฎหมาย บริษัทษิทธา ลอร์ เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้ม ที่ย่านสาทร เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย • ส่วนหมายจับล็อตที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการในการฉ้อโกงเงินพี่อ้อยนั้น ต้องดูคำให้การของทนายตั้มและภรรยา ว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีหรือไม่ • #MGROnline #ทนายตั้ม #พี่อ้อย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผช.ผบ.ตร.เผย "ทนายตั้ม-ภรรยา" เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ หลังทราบข่าวศาลออกหมายจับ ยันไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

    วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.12 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีการจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาว่า คดีดังกล่าวทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับเข้ามาดูแล ให้ตำรวจสอบสวนด้วยความรัดกุม รอบคอบ โดยที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้

    พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวต่อว่าเท่าที่ทราบ ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจตัวรู้ว่าศาลจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจ ขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศไปได้ โดยตำรวจเริ่มสะกดรอยจนพบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลจึงตัดสินใจเข้าจับกุมเนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107393

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ทนายตั้มโดนจับ
    ผช.ผบ.ตร.เผย "ทนายตั้ม-ภรรยา" เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ หลังทราบข่าวศาลออกหมายจับ ยันไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม • วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 16.12 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีการจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาว่า คดีดังกล่าวทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับเข้ามาดูแล ให้ตำรวจสอบสวนด้วยความรัดกุม รอบคอบ โดยที่ผ่านมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนาก่อนจะออกหมายจับในวันนี้ • พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวต่อว่าเท่าที่ทราบ ทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจตัวรู้ว่าศาลจะออกหมายจับ เนื่องจากทางตำรวจ ขอหมายจับช่วงเวลา 11.00 น. แต่ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันในเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน โดยขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก แต่ตำรวจได้ติดตามจนประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยกันสกัดจับก่อนจะหนีออกนอกประเทศไปได้ โดยตำรวจเริ่มสะกดรอยจนพบว่าเริ่มขับออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลจึงตัดสินใจเข้าจับกุมเนื่องจากสมรรถนะรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถที่ทนายตั้มและภรรยาใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจจะติดตามได้ยาก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107393 • #MGROnline #ทนายตั้ม #ทนายตั้มโดนจับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบคุมตัว "ทนายตั้ม" พร้อมภรรยามาสอบสวน ค้นรถพบกระเป๋าเดินทาง-เครื่องนอน ด้านเจ้าตัวปัดตอบสื่อดื่มเยี่ยว 71 แก้ววันไหน

    วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ควบคุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหา "ฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน" และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ข้อหา "ร่วมกันฟอกเงิน" มาสอบสวนที่กองปราบปราม ภายหลังจับกุมทั้งคู่ได้ขณะขับรถยนตร์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ใน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

    โดยทนายตั้มมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนทางด้านภรรยาปกปิดใบหน้า ด้วยแว่นกันแดดสีดำและแมสก์ อย่างไรก็ตามระหว่างที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่, จะดื่มเยี่ยว(ปัสสาวะ) 71 แก้ววันไหน, กังวลหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไม่ตอบคำถามใด ๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังตัวอาคารเพื่อสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมาย

    ทั้งนี้ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาสอบปากคำ ก็ได้มีการยึดรถยนตร์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ซึ่งภายในรถพบกระเป๋าเดินทาง พร้อมเครื่องนอน และเอกสาร 1 ซอง อยู่ด้านหลังรถ

    เบื้องต้นในชั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง

    ทั้งนี้สืบเนื่องจากน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทธา หลังก่อเหตุหลอกลงทุนสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท ,อ้างสแกมเมอร์ 39 ล้าน ,ซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน และจ้างออกแบบโรงแรมอีก 9 ล้านบาท ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขอหมายจับศาลอาญารัชดาฯ จนศาลออกหมายจับเมื่อช่วงเช้ากระทั่งพบว่าทนายตั้มและภรรยาได้ขับรถPORSCHE ออกจากบ้านพัก เบื้องต้นรายงานว่าจะไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107298

    #MGROnline #ทนายตั้ม
    ตำรวจกองปราบคุมตัว "ทนายตั้ม" พร้อมภรรยามาสอบสวน ค้นรถพบกระเป๋าเดินทาง-เครื่องนอน ด้านเจ้าตัวปัดตอบสื่อดื่มเยี่ยว 71 แก้ววันไหน • วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ควบคุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหา "ฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน" และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ข้อหา "ร่วมกันฟอกเงิน" มาสอบสวนที่กองปราบปราม ภายหลังจับกุมทั้งคู่ได้ขณะขับรถยนตร์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ใน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา • โดยทนายตั้มมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนทางด้านภรรยาปกปิดใบหน้า ด้วยแว่นกันแดดสีดำและแมสก์ อย่างไรก็ตามระหว่างที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่, จะดื่มเยี่ยว(ปัสสาวะ) 71 แก้ววันไหน, กังวลหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไม่ตอบคำถามใด ๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังตัวอาคารเพื่อสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมาย • ทั้งนี้ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาสอบปากคำ ก็ได้มีการยึดรถยนตร์หรูยี่ห้อ PORSCHE รุ่น Cayenne ซึ่งภายในรถพบกระเป๋าเดินทาง พร้อมเครื่องนอน และเอกสาร 1 ซอง อยู่ด้านหลังรถ • เบื้องต้นในชั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง • ทั้งนี้สืบเนื่องจากน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทธา หลังก่อเหตุหลอกลงทุนสลากออนไลน์ 71 ล้านบาท ,อ้างสแกมเมอร์ 39 ล้าน ,ซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน และจ้างออกแบบโรงแรมอีก 9 ล้านบาท ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขอหมายจับศาลอาญารัชดาฯ จนศาลออกหมายจับเมื่อช่วงเช้ากระทั่งพบว่าทนายตั้มและภรรยาได้ขับรถPORSCHE ออกจากบ้านพัก เบื้องต้นรายงานว่าจะไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107298 • #MGROnline #ทนายตั้ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสอบสวนกลาง รวบ "ทนายตั้ม" พร้อมภรรยา ขณะขับปอร์เช่กลางถนน หลังพบพากันขยับหลบหนีไปพื้นที่ อ.พนมสารคาม แจ้งข้อหาหนักฐานฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน หิ้วตัวเข้ากองปราบเค้นสอบ

    วันนี้ (7 พ.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 238/2567 นำพยานและหลักฐาน ไปยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน

    นอกจากนี้ยัง ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา "ทนายตั้ม" ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จากคดีที่มาดามอ้อย เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม รวบตัวเอาไว้ได้ขณะพากัน ขับขี่รถเก๋งปอร์เช่รุ่น Cayenne สีน้ำตาลทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออกผ่านอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะนำตัวทั้ง 2 ราย เข้าไปสอบปากคำดำเนินคดีที่กอง

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ทนายตั้มโดนจับ
    ตำรวจสอบสวนกลาง รวบ "ทนายตั้ม" พร้อมภรรยา ขณะขับปอร์เช่กลางถนน หลังพบพากันขยับหลบหนีไปพื้นที่ อ.พนมสารคาม แจ้งข้อหาหนักฐานฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน หิ้วตัวเข้ากองปราบเค้นสอบ • วันนี้ (7 พ.ย.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 238/2567 นำพยานและหลักฐาน ไปยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน • นอกจากนี้ยัง ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา "ทนายตั้ม" ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จากคดีที่มาดามอ้อย เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม รวบตัวเอาไว้ได้ขณะพากัน ขับขี่รถเก๋งปอร์เช่รุ่น Cayenne สีน้ำตาลทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออกผ่านอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะนำตัวทั้ง 2 ราย เข้าไปสอบปากคำดำเนินคดีที่กอง • #MGROnline #ทนายตั้ม #ทนายตั้มโดนจับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว

  • คลิป!นาทีรวบตัว! ทนายตั้มและเมีย คาแยกไฟแดง (07/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ษิทราเบี้ยบังเกิด #เจ๊อ้อย #มาดามอ้อย #ฉ้อโกง #จับทนายตั้ม #ฟอกเงิน #ร่วมกันฟอกเงิน
    คลิป!นาทีรวบตัว! ทนายตั้มและเมีย คาแยกไฟแดง (07/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ษิทราเบี้ยบังเกิด #เจ๊อ้อย #มาดามอ้อย #ฉ้อโกง #จับทนายตั้ม #ฟอกเงิน #ร่วมกันฟอกเงิน
    Like
    Wow
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1202 มุมมอง 349 0 รีวิว

  • จับแล้ว "ทนายตั้ม-เมีย" !ตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนัก “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-ร่วมกันฟอกเงิน”

    7 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวSondhiX ระบุว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 238/2567 นำพยานและหลักฐาน ไปยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5337/2567 ลง วันที่ 7 พ.ย. 67 เพื่อให้จับกุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
    .
    นอกจากนี้ยัง ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา "ทนายตั้ม" ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จากคดีที่มาดามอ้อย เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม รวบตัวเอาไว้ได้ขณะพากัน ขับขี่รถเก๋งปอร์เช่รุ่น Cayenne สีน้ำตาลทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออกผ่านอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะนำตัวทั้ง 2 ราย เข้าไปสอบปากคำดำเนินคดีที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงเย็นต่อไป

    ที่มา Sondhi X

    #Thaitimes
    จับแล้ว "ทนายตั้ม-เมีย" !ตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนัก “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-ร่วมกันฟอกเงิน” 7 พฤศจิกายน 2567-รายงานข่าวSondhiX ระบุว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 238/2567 นำพยานและหลักฐาน ไปยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5337/2567 ลง วันที่ 7 พ.ย. 67 เพื่อให้จับกุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน . นอกจากนี้ยัง ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดา เลขที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 เพื่อให้จับกุมตัว นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา "ทนายตั้ม" ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จากคดีที่มาดามอ้อย เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม รวบตัวเอาไว้ได้ขณะพากัน ขับขี่รถเก๋งปอร์เช่รุ่น Cayenne สีน้ำตาลทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออกผ่านอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะนำตัวทั้ง 2 ราย เข้าไปสอบปากคำดำเนินคดีที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงเย็นต่อไป ที่มา Sondhi X #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดชากลับลำแทบไม่ทัน ระบุคดีทนายตั้มรอดยาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ
    .
    ทนายเดชากลับลำไม่อุ้มษิทรา ชี้หลักฐานจากเพจ "ดาวแปดแฉก" สแกมเมอร์คือใคร อาจเป็นจุดจบทนายดัง น่าจะรอดยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ ชาวเน็ตแห่แซวพลิกลิ้น 360 องศา ถามหันหัวเรือแล้วหรือ พบเมื่อคืนตำหนิน้องรักทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู
    .
    วันนี้ (6 พ.ย.) เฟซบุ๊ก "ทนายเดชา" ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความถึงคดีฉ้อโกงของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ระบุว่า "จุดจบทนายตั้มคดีฉ้อโกงลูกความ? ให้ไปดูที่ #เพจดาวแปดแฉก #อาจเป็นจุดจบทนายดัง" พร้อมระบุคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "พยานหลักฐานที่เพจดาวแปดแฉกนำมาเสนอ มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า สแกมเมอร์คือใคร คือผู้ต้องหาในคดีนี้หรือไม่ และที่สำคัญมีการนำแคชเชียร์เช็คไปเบิกเงิน หลังจากนั้นใครรับแคชเชียร์เช็คไป ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำ แคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีใคร ใครได้เงินจากการหลอกลวง อาจเป็นจุดจบทนายดัง พยานหลักฐานสำคัญกว่าน้ำลาย บิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล) กล่าวไว้ว่ากรรมใครกรรมมัน" และว่า "พยานหลักฐานล่าสุดจนถึงวันนี้ทนายตั้มน่าจะรอดยากแล้วครับ"
    .
    เมื่อชาวเน็ตถามว่า "วันนี้อาจารย์เดชากินยาผิดเหรอครับ" นายเดชา กล่าวว่า "ข้อมูลเพิ่มเติม การวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้รับมา" เมื่อถามว่า คิดว่าทนายตั้มจะรอดไหม นายเดชา กล่าวว่า "จนถึงเวลานี้เท่าที่ได้ข้อมูลรอดยาก" นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นอื่นๆ เช่น "ถ้าหลักฐานไม่แน่นพอ คุณสนธิไม่ลงเล่นด้วยหรอก ระดับไหนแล้ว" "น่าจะมีคนพลิกลิ้น 360 องศาแล้วล่ะครับ" "โดนลุงสนธิพูดไปหน่อย หันหัวเรือเเล้วหรอครับ" "ตอนแรกเหมือนเข้าข้างทนายด้วยกันอยู่เลย" "อาจารย์จะมาทิ้งน้องรักแบบนี้ไม่ได้นะครับ" "อ้าวน้าเดย์ สละเรือแล้วเหรอครับ ไม่หนุกเลย" เป็นต้น
    .
    ต่อมานายเดชาโพสต์ภาพเซลฟี่ตัวเอง ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ พร้อมข้อความระบุว่า "รอขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองไปว่าความที่พิษณุโลกครับ คดีทนายดังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจครับ ชีวิตมีอะไรที่น่าค้นหามากกว่านี้ เย็นนี้แเพื่อนัดเพื่อนดื่มไวน์ตามประสาคนขี้เมาครับ"
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) เวลาประมาณ 22.11 น. นายเดชาโพสต์ข้อความว่า "วันนี้ทนายตั้มพลาดเป็นอย่างมาก ทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู" และคอมเมนต์ว่า "ศัตรูเก่าศัตรูใหม่รวมทั้งสื่อมวลชนสหบาทาเล่นงานทนายตั้มจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม" "ทนายตั้มเติบโตมาจากโซเชียลเติบโตมาจากการใช้ประโยชน์จากสื่อมวลชนแต่วันนี้กลับไปพูดในลักษณะดูถูกสื่อมวลชนโดยเฉพาะคุณพุทธอภิวันท์เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก" และ "การไม่ควบคุมอารมณ์ขณะให้สัมภาษณ์เช่นกรณีไม่ให้ดาวแปดแฉกสัมภาษณ์ ส่วนตัวผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสื่อมวลชน"
    .
    ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จัดรายการลุยชนข่าว ตอบโต้นายษิทราที่ไปกล่าวหาว่ามีนักข่าวไปคุกคามชีวิตถึงบ้าน และขอให้นายพุทธอภิวรรณเลิกคุกคามชีวิตส่วนตัวก่อน และยังกล่าวว่า ไม่ให้สัมภาษณ์กับเพจดาวแปดแฉก ระหว่างปรากฎตัวครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวคดีฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ที่กองปราบปราม โดยนายพุทธอภิวรรณยืนยันว่าตนและทีมข่าวช่อง 8 ไม่เคยคุกคาม อีกทั้งคดีหวย 30 ล้าน นายษิทราเคยแนะให้ถามคู่กรณี และฝ่ายคู่กรณีก็ไม่เคยพูดว่าสื่อคุกคาม
    ..............
    Sondhi X
    เดชากลับลำแทบไม่ทัน ระบุคดีทนายตั้มรอดยาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ . ทนายเดชากลับลำไม่อุ้มษิทรา ชี้หลักฐานจากเพจ "ดาวแปดแฉก" สแกมเมอร์คือใคร อาจเป็นจุดจบทนายดัง น่าจะรอดยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ ชาวเน็ตแห่แซวพลิกลิ้น 360 องศา ถามหันหัวเรือแล้วหรือ พบเมื่อคืนตำหนิน้องรักทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู . วันนี้ (6 พ.ย.) เฟซบุ๊ก "ทนายเดชา" ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความถึงคดีฉ้อโกงของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ระบุว่า "จุดจบทนายตั้มคดีฉ้อโกงลูกความ? ให้ไปดูที่ #เพจดาวแปดแฉก #อาจเป็นจุดจบทนายดัง" พร้อมระบุคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "พยานหลักฐานที่เพจดาวแปดแฉกนำมาเสนอ มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า สแกมเมอร์คือใคร คือผู้ต้องหาในคดีนี้หรือไม่ และที่สำคัญมีการนำแคชเชียร์เช็คไปเบิกเงิน หลังจากนั้นใครรับแคชเชียร์เช็คไป ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำ แคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีใคร ใครได้เงินจากการหลอกลวง อาจเป็นจุดจบทนายดัง พยานหลักฐานสำคัญกว่าน้ำลาย บิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล) กล่าวไว้ว่ากรรมใครกรรมมัน" และว่า "พยานหลักฐานล่าสุดจนถึงวันนี้ทนายตั้มน่าจะรอดยากแล้วครับ" . เมื่อชาวเน็ตถามว่า "วันนี้อาจารย์เดชากินยาผิดเหรอครับ" นายเดชา กล่าวว่า "ข้อมูลเพิ่มเติม การวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้รับมา" เมื่อถามว่า คิดว่าทนายตั้มจะรอดไหม นายเดชา กล่าวว่า "จนถึงเวลานี้เท่าที่ได้ข้อมูลรอดยาก" นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นอื่นๆ เช่น "ถ้าหลักฐานไม่แน่นพอ คุณสนธิไม่ลงเล่นด้วยหรอก ระดับไหนแล้ว" "น่าจะมีคนพลิกลิ้น 360 องศาแล้วล่ะครับ" "โดนลุงสนธิพูดไปหน่อย หันหัวเรือเเล้วหรอครับ" "ตอนแรกเหมือนเข้าข้างทนายด้วยกันอยู่เลย" "อาจารย์จะมาทิ้งน้องรักแบบนี้ไม่ได้นะครับ" "อ้าวน้าเดย์ สละเรือแล้วเหรอครับ ไม่หนุกเลย" เป็นต้น . ต่อมานายเดชาโพสต์ภาพเซลฟี่ตัวเอง ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ พร้อมข้อความระบุว่า "รอขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองไปว่าความที่พิษณุโลกครับ คดีทนายดังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจครับ ชีวิตมีอะไรที่น่าค้นหามากกว่านี้ เย็นนี้แเพื่อนัดเพื่อนดื่มไวน์ตามประสาคนขี้เมาครับ" . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) เวลาประมาณ 22.11 น. นายเดชาโพสต์ข้อความว่า "วันนี้ทนายตั้มพลาดเป็นอย่างมาก ทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู" และคอมเมนต์ว่า "ศัตรูเก่าศัตรูใหม่รวมทั้งสื่อมวลชนสหบาทาเล่นงานทนายตั้มจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม" "ทนายตั้มเติบโตมาจากโซเชียลเติบโตมาจากการใช้ประโยชน์จากสื่อมวลชนแต่วันนี้กลับไปพูดในลักษณะดูถูกสื่อมวลชนโดยเฉพาะคุณพุทธอภิวันท์เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก" และ "การไม่ควบคุมอารมณ์ขณะให้สัมภาษณ์เช่นกรณีไม่ให้ดาวแปดแฉกสัมภาษณ์ ส่วนตัวผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสื่อมวลชน" . ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จัดรายการลุยชนข่าว ตอบโต้นายษิทราที่ไปกล่าวหาว่ามีนักข่าวไปคุกคามชีวิตถึงบ้าน และขอให้นายพุทธอภิวรรณเลิกคุกคามชีวิตส่วนตัวก่อน และยังกล่าวว่า ไม่ให้สัมภาษณ์กับเพจดาวแปดแฉก ระหว่างปรากฎตัวครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวคดีฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ที่กองปราบปราม โดยนายพุทธอภิวรรณยืนยันว่าตนและทีมข่าวช่อง 8 ไม่เคยคุกคาม อีกทั้งคดีหวย 30 ล้าน นายษิทราเคยแนะให้ถามคู่กรณี และฝ่ายคู่กรณีก็ไม่เคยพูดว่าสื่อคุกคาม .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 790 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67
    .
    คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทย
    สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67 . คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทย
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    45
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1822 มุมมอง 1 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67
    .
    วันนี้ (6 พ.ย.) คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทยเพื่อขึ้นศาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ
    สนธิเล่าเรื่อง 6-11-67 . วันนี้ (6 พ.ย.) คุณสนธิอยากพูดถึงเรื่อง "ทนายตั้มษิทรา" ที่ไปแถลงข่าวที่หน้ากองปราบเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) พูดเตือนสติ "ทนายเดชา" และพูดถึงคุณชูวิทย์ที่เดินทางมาเมืองไทยเพื่อขึ้นศาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=yJvvAkCuYrQ
    Like
    Haha
    Yay
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่โกรงไป ไม่ใช่แค่71ล้าน สรุปเป็นทนาย หรือเป็นไอ่โม่ง?
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #ทนายตั้ม
    #ษิทราเบี้ยบังเกิด
    ที่โกรงไป ไม่ใช่แค่71ล้าน สรุปเป็นทนาย หรือเป็นไอ่โม่ง? #คิงส์โพธิ์ดำ #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 31 1 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67
    .
    วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร"
    สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67 . วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร"
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    52
    1 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 2123 มุมมอง 2 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67
    .
    เช้าวันจันทร์ (4 พ.ย.) วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร" หลังจาก "พี่อ้อย จตุพร" เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบมาราธอนถึง 3 วันแล้ว แต่ฝั่งทนายตั้มกลับเงียบหายไป แบบไม่มีใครหาตัวเจอ
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=HWJj2TqUXWA
    สนธิเล่าเรื่อง 4-11-67 . เช้าวันจันทร์ (4 พ.ย.) วันนี้ คุณสนธิ จะมาเล่าถึงเรื่องที่ไปทำบุญทอดกฐินที่ วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมาอัพเดตความคืบหน้า ความเป็นมาและเป็นไปของ "คดีทนายตั้ม ษิทรา" กับ "พี่อ้อย จตุพร" หลังจาก "พี่อ้อย จตุพร" เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบมาราธอนถึง 3 วันแล้ว แต่ฝั่งทนายตั้มกลับเงียบหายไป แบบไม่มีใครหาตัวเจอ . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=HWJj2TqUXWA
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน
    .
    วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
    .
    "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย
    .
    หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ
    .
    แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน"
    .
    คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ
    .
    นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ
    .
    พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน
    .
    คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน . วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด . "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย . หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ . แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน" . คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ . นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ . พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน . คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 589 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ
    .
    ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว
    .
    อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่
    .
    ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก
    .
    เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด
    .
    71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1942qfmeuV/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ . ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว . อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่ . ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก . เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด . 71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1942qfmeuV/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 440 มุมมอง 0 รีวิว
  • ริเริ่มกองทุนเพื่อความยุติธรรมในมูลนิธิไชย้ง
    .
    ท่านผู้ชมครับ อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกให้รับทราบ ใครก็ตามที่เคยโดนคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าอยากให้ผมดำเนินเรื่องให้ ส่งเรื่องเข้ามาที่ inbox เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่เฟซบุ๊ก หรืออีเมลมาก็ได้ที่sondhitalk @ gmail .com เมื่อผมรับเรื่องแล้วผมจะให้คนติดต่อกลับไปทันที เอาข้อมูลมา แล้วผมก็ต้องเจาะข้อมูลให้เต็มที่ ถ้ามีพื้นฐานแห่งคดีความได้ เดี๋ยวผมจะดำเนินคดีให้
    .
    ท่านผู้ชมครับ ต่อยอดสักนิดหนึ่ง ผมคิดว่าตอนนี้สังคมไทยกำลังต้องการฝ่ายกฎหมายที่ทำงานเป็นลักษณะองค์กรอิสระ ผมคิดว่าผมจะพยายามระดมเงินทุนเข้ามาตั้งเป็นกองทุนเพื่อความยุติธรรม ในมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล ของแม่ผม เงินกองทุนนี้มีเอาไว้ทำไม ? มีเอาไว้ ถ้าท่านเดือดร้อนเรื่องต่างๆ เหมือนอย่างที่คนเดือดร้อนกันอยู่นี้ เราจะจัดทนายของเรา ผมไม่ได้ต้องการแข่งกับสภาทนายความนะครับ แต่ทนายที่อยู่สังกัดเรา จะกินเงินเดือนของเรา แล้วก็ว่าความดำเนินคดีให้ในอัตราค่าจ้างที่สมเหตุสมผล และไม่แพง แต่ก็ไม่ถูกมากจนเกินไป นอกเสียจากว่าคนเดือดร้อนบางคนไม่มีเงินไม่มีทอง เราก็ยกให้เป็นกรณีพิเศษ มันจะได้เลิกกันเสียทีพวกทนายที่ทำตัวเป็นอีแร้ง
    .
    ท่านผู้ชมครับ ถ้าเห็นด้วย บอกมา ผมมีพรรคพวกผู้หลักผู้ใหญ่เยอะแยะไปหมด ผมขอรับเงินบริจาคเขาได้ ตั้งเป็นกองทุนเพื่อความยุติธรรม และจะรายงานเงินที่เข้ามาทุกครั้ง และใช้จ่ายออกไปแต่ละครั้งนั้น ค่าอะไรบ้าง อย่างโปร่งใส ท่านให้ผมมา เพื่อให้ผมจัดทำเรื่องนี้นะครับ ท่านไม่ได้ให้มาด้วยความเสน่หา ขอยืนยันก่อน อย่าลืมนะครับ
    ริเริ่มกองทุนเพื่อความยุติธรรมในมูลนิธิไชย้ง . ท่านผู้ชมครับ อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกให้รับทราบ ใครก็ตามที่เคยโดนคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าอยากให้ผมดำเนินเรื่องให้ ส่งเรื่องเข้ามาที่ inbox เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่เฟซบุ๊ก หรืออีเมลมาก็ได้ที่sondhitalk @ gmail .com เมื่อผมรับเรื่องแล้วผมจะให้คนติดต่อกลับไปทันที เอาข้อมูลมา แล้วผมก็ต้องเจาะข้อมูลให้เต็มที่ ถ้ามีพื้นฐานแห่งคดีความได้ เดี๋ยวผมจะดำเนินคดีให้ . ท่านผู้ชมครับ ต่อยอดสักนิดหนึ่ง ผมคิดว่าตอนนี้สังคมไทยกำลังต้องการฝ่ายกฎหมายที่ทำงานเป็นลักษณะองค์กรอิสระ ผมคิดว่าผมจะพยายามระดมเงินทุนเข้ามาตั้งเป็นกองทุนเพื่อความยุติธรรม ในมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล ของแม่ผม เงินกองทุนนี้มีเอาไว้ทำไม ? มีเอาไว้ ถ้าท่านเดือดร้อนเรื่องต่างๆ เหมือนอย่างที่คนเดือดร้อนกันอยู่นี้ เราจะจัดทนายของเรา ผมไม่ได้ต้องการแข่งกับสภาทนายความนะครับ แต่ทนายที่อยู่สังกัดเรา จะกินเงินเดือนของเรา แล้วก็ว่าความดำเนินคดีให้ในอัตราค่าจ้างที่สมเหตุสมผล และไม่แพง แต่ก็ไม่ถูกมากจนเกินไป นอกเสียจากว่าคนเดือดร้อนบางคนไม่มีเงินไม่มีทอง เราก็ยกให้เป็นกรณีพิเศษ มันจะได้เลิกกันเสียทีพวกทนายที่ทำตัวเป็นอีแร้ง . ท่านผู้ชมครับ ถ้าเห็นด้วย บอกมา ผมมีพรรคพวกผู้หลักผู้ใหญ่เยอะแยะไปหมด ผมขอรับเงินบริจาคเขาได้ ตั้งเป็นกองทุนเพื่อความยุติธรรม และจะรายงานเงินที่เข้ามาทุกครั้ง และใช้จ่ายออกไปแต่ละครั้งนั้น ค่าอะไรบ้าง อย่างโปร่งใส ท่านให้ผมมา เพื่อให้ผมจัดทำเรื่องนี้นะครับ ท่านไม่ได้ให้มาด้วยความเสน่หา ขอยืนยันก่อน อย่าลืมนะครับ
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ
    .
    ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว
    .
    อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่
    .
    ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก
    .
    เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด
    .
    71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ
    ผมมีเรื่องจะแถลงให้กับท่านผู้ชมและคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด ทราบอย่างเป็นทางการ . ข้อแรก ผมไม่ใช่อีแอบ ผมทำอะไรเปิดเผย ตรงไปตรงมา คุณหาเรื่องผมก่อนนะ นายษิทรา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ผมบอกคุณ ถ้าคุณมีเรื่องกับผม สนธิ ลิ้มทองกุลเดินสุดซอย เหมือนที่ผมเคยเดินสุดซอยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่ถอยเลยแม้ก้าวเดียว . อาทิตย์หน้า ผมร่างเรื่องร้องเรียนแล้ว ผมจะร้องเรียนไปสภาทนายความ เรื่องการผิดจริยธรรมของคุณในหลายๆกรณี ผมกำลังท้าทายสภาทนายความชุดนี้ ว่าจะกล้าพอที่จะขจัดทนายที่ไม่มีจริยธรรม สร้างชื่อเสียง ดึงเอาชื่อเสียงให้ประชาชนกลับมาเชื่อทนายความได้อีกหรือไม่ . ผมเป็นคนที่มั่นคง ผมไม่หลบหลีก หลีกเลี่ยง เมื่อผมร่างคำร้องเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะลงชื่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วผมจะไปยื่นด้วยตัวเองเลย ให้รู้ว่าผมไม่ใช่อีแอบ และผมไม่ต้องไปโทรขู่ใครเหมือนอย่างคนบางคนเที่ยวข่มขู่พยานของคุณอ้อย ว่าเขามีลูกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาลใช่ไหม 2 คน เป็นลักษณะคนที่ชั่วช้ามาก . เรื่องนี้ผมไปสุดซอยแน่นอน ให้คุณรับทราบไว้ด้วย คุณษิทรา และยังไม่จบ คุณษิทรา อีกอาทิตย์หนึ่ง ผมจะเร่งทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการเสียภาษีของคุณ ของครอบครัวคุณ ของพี่ภรรยาคุณ และก็ตรวจสอบการใช้เงินซื้อบ้านที่คุณอยู่วันนี้ ที่บางกอกบูเลอวาร์ด ว่า 46 ล้านบาทนั้น ซื้อใส่ชื่อภรรยาคุณ เอาเงินจากไหนซื้อ สรรพากรต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเอาเงินจากไหน ถ้าเป็นเงินตัวเอง เงินก้อนนั้นเสียภาษีหรือเปล่า เงิน 71 ล้านบาท ที่คุณบอกว่าคุณอ้อยเขาให้ด้วยเสน่หา สรรพากรดูเสียหน่อยว่าเสน่หาหรือเปล่า ผมไม่ได้เก่งเรื่องภาษี แต่ผมรู้อยู่ว่า อะไรที่เป็นรายได้ต้องเสียภาษีหมด . 71 ล้าน ผู้เชี่ยวชาญทางภาษีบอกชัดเจนว่าต้องเสียภาษีถึง 35% ท่านอธิบดีกรมสรรพากรครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ท่านอย่านั่งเฉย เป็นที่สนใจของประชาชนมาก แล้วยังมีเงินทองอีกเยอะในอดีตที่คุณเคยได้มา ถ้าผมค้นเจอหลักฐาน มีคนกล่าวหาคุณ ผมจะร้องเรียนเพิ่มเติม คุณชอบใช่ไหมที่จะทะเลาะกับผม ผมจะเดินให้สุดซอย อย่าลืมนะครับ อาทิตย์หน้าสภาทนายความ อีกอาทิตย์หนึ่งจะพยายามทำเรื่องให้เสร็จแล้วไปยื่นที่กรมสรรพากร และทั้งสองเรื่องจะไปยื่นด้วยตัวเองครับ
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts