• ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด พร้อมทนายความแจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ข้อหาฉ้อโกง กรณีนำเอาสร้อย “Bvlgari” ของ "เมย์ วาสนา" มาจำนำ โดยอ้างเป็นของตัวเอง ทนายเผยแจ้งเป็นคดีอาญาไว้ก่อนแต่ยอมความได้ถ้ามาพูดคุยให้จบและเยียวยา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027655
    ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด พร้อมทนายความแจ้งความตำรวจ สน.ปทุมวัน แจ้งความเอาผิด “ดิว อริสรา” ข้อหาฉ้อโกง กรณีนำเอาสร้อย “Bvlgari” ของ "เมย์ วาสนา" มาจำนำ โดยอ้างเป็นของตัวเอง ทนายเผยแจ้งเป็นคดีอาญาไว้ก่อนแต่ยอมความได้ถ้ามาพูดคุยให้จบและเยียวยา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027655
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ

    ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4"

    ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000027618

    #MGROnline #ดิวอริสรา #ข้อหาฉ้อโกง
    วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ • ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4" • ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000027618 • #MGROnline #ดิวอริสรา #ข้อหาฉ้อโกง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขย่าวงการศาสนา! วัดป่าถูกแฉเป็นเครือข่ายธุรกิจแฝง พระสงฆ์ใช้ศรัทธาชักชวนศิษย์ลงทุน ก่อนกลายเป็นขบวนการฉ้อโกงกว่า 200 ล้านบาท

    #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhix #เปิดโปงเครือข่ายวัดป่า #เครือข่ายธุรกิจวัดป่า #ศรัทธาถูกใช้บังหน้า #ธรรมะกลายเป็นธุรกิจ
    เขย่าวงการศาสนา! วัดป่าถูกแฉเป็นเครือข่ายธุรกิจแฝง พระสงฆ์ใช้ศรัทธาชักชวนศิษย์ลงทุน ก่อนกลายเป็นขบวนการฉ้อโกงกว่า 200 ล้านบาท #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #sondhix #เปิดโปงเครือข่ายวัดป่า #เครือข่ายธุรกิจวัดป่า #ศรัทธาถูกใช้บังหน้า #ธรรมะกลายเป็นธุรกิจ
    Like
    Angry
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2081 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • ส.ฟุตบอลยุค "สมยศ" เละ! พบพิรุธฟอกเงิน 30 ล้าน : [THE MESSAGE]

    นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เตรียมยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล หลังศาลฎีกาตัดสินให้ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดไม่เป็นธรรม ทำให้สมาคมต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย พบพิรุธการจ่ายเงินของสมาคมชุดเก่าให้ทนายความในชั้นฎีกา 30 ล้านบาท ในคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต ตามหลักฐานทนายเรียกเงินค่าจ้างในศาลชั้นต้น 700,000 บาท ชั้นต่อๆ ไป 300,000 บาท ตั้งข้อสงสัยอาจฉ้อโกงฟอกเงิน ให้ทีมกฏหมายดำเนินการซึ่งอาจฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนการตรวจงบการเงินมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27 ล้านบาท มีหนี้สินที่ต้องชำระ 132 ล้านบาท ซึ่งมาจากยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคม 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ส่งผลให้สมาคมจะถูกตัดเงินไปจนถึงปี 2573
    ส.ฟุตบอลยุค "สมยศ" เละ! พบพิรุธฟอกเงิน 30 ล้าน : [THE MESSAGE] นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผย เตรียมยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล หลังศาลฎีกาตัดสินให้ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน) ชนะคดีการยกเลิกสัญญาถ่ายทอดสดไม่เป็นธรรม ทำให้สมาคมต้องชดใช้เงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย พบพิรุธการจ่ายเงินของสมาคมชุดเก่าให้ทนายความในชั้นฎีกา 30 ล้านบาท ในคดีพิพาทกับสยามสปอร์ต ตามหลักฐานทนายเรียกเงินค่าจ้างในศาลชั้นต้น 700,000 บาท ชั้นต่อๆ ไป 300,000 บาท ตั้งข้อสงสัยอาจฉ้อโกงฟอกเงิน ให้ทีมกฏหมายดำเนินการซึ่งอาจฟ้องร้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนการตรวจงบการเงินมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27 ล้านบาท มีหนี้สินที่ต้องชำระ 132 ล้านบาท ซึ่งมาจากยุค พล.ต.อ.สมยศ ที่กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคม 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 155 ล้านบาท แบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี ส่งผลให้สมาคมจะถูกตัดเงินไปจนถึงปี 2573
    Like
    Love
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1119 มุมมอง 52 1 รีวิว
  • ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT

    การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง

    ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช.

    และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที

    ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย

    1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568

    2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน

    4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite)

    5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels)

    6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย

    #Newskit
    ซิมเพนกวินลดล้างสต็อก ปิดตำนาน MVNO ของ NT การสิ้นสุดสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 850, 2100 และ 2300 MHz. ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ในเดือน ส.ค. 2568 ส่งผลกระทบกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเสมือน (MVNO) ที่ซื้อบริการต่อจาก NT โดยมีผู้ใช้บริการนับแสนราย เพราะผู้บริหาร NT ตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาด เพราะต้นทุนค่าโรมมิ่งที่สูง และผู้ให้บริการหลายรายขาดสภาพคล่อง ล่าสุด บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2559 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ประกาศปิดระบบลงทะเบียนซิมการ์ด เนื่องจากต้องยุติการให้บริการตามสัญญาอนุญาตคลื่นความถี่ในวันที่ 16 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้การยุติการให้บริการซิมเพนกวินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมการ์ด (เปิดเบอร์ใหม่) ได้ถึงวันที่ 20 เม.ย.2568 หลังจากวันดังกล่าว ลูกค้าจะไม่สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้ตามข้อกำนดของ กสทช. และเพื่อให้ลูกค้าซิมเพนกวินสามารถใช้งานเลขหมายอย่างต่อเนื่อง และรักษาสิทธิการครอบครองเลขหมาย บริษัทฯ เสนอแนวทางให้โอนย้ายเลขหมายซิมเพนกวินที่ใช้อยู่ ไปยังผู้ให้บริการรายอื่น (การย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ในระหว่างดำเนินการย้ายค่าย ยังสามารถใช้บริการได้ตามปกติ จนกว่าระบบจะแจ้งผลการย้ายค่ายสำเร็จ ขณะที่เฟซบุ๊ก "ซิมเพนกวิน Penguin SIM" ประกาศลดล้างสต็อก ปรับราคาเบอร์มงคล 2,838 เลขหมาย ลด 50% ในราคาเริ่มต้นที่ 600-10,000 บาท เมื่อซื้อแล้วสามารถทำเรื่องย้ายค่ายได้ทันที ปัจจุบัน ผู้ให้บริการ MVNO โดยใช้เครือข่ายของ NT ประกอบด้วย 1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ i-Kool 3G ซึ่งให้บริการมานาน 16 ปี มีแผนสิ้นสุดการให้บริการ 30 มิ.ย.2568 โดยให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม หรือปิดเบอร์แล้วขอรับเงินคืนภายใน 31 พ.ค.2568 2. บริษัท เรดวัน เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ redONE กำลังเจรจากับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนมาทำธุรกิจ MVNO โดยใช้เครือข่าย True แต่ยังไม่มีความคืบหน้า 3. บริษัท เดอะ ไวท์สเปซ จำกัด หรือซิมเพนกวิน 4. บริษัท บางกอกเทลลิ้ง จำกัด หรือซิมอินฟินิท (Infinite) 5. บริษัท ฟีล เทเลคอม คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ฟิล (Feels) 6. บริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือซิมเคโฟร์ (K4) กรรมการบริษัทถูกจับกุมฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กสทช.อยู่ระหว่างเพิกถอนใบอนุญาต และให้ NT ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานราว 40,000 ราย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี"ทนายตั้ม" ฉ้อโกงเจ๊อ้อย ไป 28 เม.ย.นี้ เหตุมีเอกสารเยอะ 9,000 กว่าหน้า ด้านทนายความระบุ จำเลยทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีในชั้นศาล

    วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลนัดตรวจหลักฐานครั้งแรก คดีหมายเลขดำอทย.109/2568 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา พี่สาวภรรยากับพวกรวม 7 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ฟอกเงิน ฯ หลอกลวงน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐีนีชาวไทย ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ รถเบนซ์หรู มูลค่า 111 ล้านบาท

    ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย จำนวน 4 คน มาจากเรือนจำ ประกอบด้วย ทนายตั้ม เมีย สุนืสา กับแฟน ส่วนพี่สาวเมียทนายตั้ม กับ 2 จนท.สาวโชว์รูมรถเบนซ์ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี

    โดยวันนี้ งมีทนายความ ของนายษิทรา และ จำเลย ร่วม รวมถึงทนายความของฝั่งน.ส.จตุพร มาร่วมกำหนดบัญชีพยาน ในการตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ด้วย และมีญาติของจำเลย มาร่วมฟังการพิจารณาคดี ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด มาให้กำลังใจทนายตั้ม ด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023001

    #MGROnline #ทนายตั้ม #ฉ้อโกง #เจ๊อ้อย
    ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี"ทนายตั้ม" ฉ้อโกงเจ๊อ้อย ไป 28 เม.ย.นี้ เหตุมีเอกสารเยอะ 9,000 กว่าหน้า ด้านทนายความระบุ จำเลยทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีในชั้นศาล • วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลนัดตรวจหลักฐานครั้งแรก คดีหมายเลขดำอทย.109/2568 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา พี่สาวภรรยากับพวกรวม 7 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ฟอกเงิน ฯ หลอกลวงน.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย เศรษฐีนีชาวไทย ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ รถเบนซ์หรู มูลค่า 111 ล้านบาท • ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย จำนวน 4 คน มาจากเรือนจำ ประกอบด้วย ทนายตั้ม เมีย สุนืสา กับแฟน ส่วนพี่สาวเมียทนายตั้ม กับ 2 จนท.สาวโชว์รูมรถเบนซ์ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี • โดยวันนี้ งมีทนายความ ของนายษิทรา และ จำเลย ร่วม รวมถึงทนายความของฝั่งน.ส.จตุพร มาร่วมกำหนดบัญชีพยาน ในการตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ด้วย และมีญาติของจำเลย มาร่วมฟังการพิจารณาคดี ด้วยเช่นกัน รวมทั้ง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด มาให้กำลังใจทนายตั้ม ด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023001 • #MGROnline #ทนายตั้ม #ฉ้อโกง #เจ๊อ้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐบาลกลางในซานฟรานซิสโกได้สั่งยกฟ้องคดีที่ยื่นฟ้องต่อ Intel โดยกลุ่มผู้ถือหุ้น ซึ่งกล่าวหาว่าบริษัทและผู้บริหารปกปิดปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นในแผนกผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในปี 2023 คดีนี้ถูกตัดสินว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของบริษัท อย่างไรก็ตาม การยกฟ้องนี้เป็นการยกฟ้องแบบ ไม่ตัดสิทธิ์ ซึ่งหมายความว่าผู้ฟ้องร้องสามารถกลับมายื่นคดีใหม่ได้ หากมีหลักฐานที่ชัดเจนและแข็งแกร่งมากขึ้น

    เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2023 เมื่อ Intel เปิดเผยว่าแผนกใหม่ที่ชื่อว่า Intel Foundry มีผลขาดทุนกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทเปลี่ยนโครงสร้างการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2024 ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งนำไปสู่การตกของหุ้น Intel และมูลค่าตลาดที่ลดลงถึง 32 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังอ้างว่าคำกล่าวของ CEO และ CFO ในขณะนั้นเกี่ยวกับ "ความต้องการที่เติบโต" ของธุรกิจ Intel Foundry อาจเป็นการหลอกลวง อย่างไรก็ตาม ศาลระบุว่าคำกล่าวเหล่านี้เป็นการสื่อถึงความสัมพันธ์กับลูกค้ารายบุคคลเท่านั้น และไม่ได้สื่อถึงสุขภาพทางการเงินของบริษัทในภาพรวม

    ผู้พิพากษาชี้ว่าการลดลงของราคาหุ้น Intel อันเป็นผลจากการประกาศเลิกจ้างและการระงับเงินปันผลในกลางปี 2024 ไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานของการฉ้อโกง นอกจากนี้ Intel ยังเคยเปิดเผยแนวทางการลดต้นทุนและการปรับโครงสร้างอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว

    แม้ว่าศาลจะยกฟ้องคดีในครั้งนี้ Intel อาจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นฟ้องรอบใหม่หากผู้ถือหุ้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่สนับสนุนข้อกล่าวหาได้สำเร็จ การต่อสู้ในศาลนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความโปร่งใสในธุรกิจใหญ่ที่มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นจำนวนมาก

    สถานการณ์นี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Intel อาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น แต่ก็สะท้อนถึงความสำคัญของการสื่อสารและความโปร่งใสต่อผู้ถือหุ้นในธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลยังเปิดช่องทางให้ Intel และนักลงทุนมีโอกาสปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-shareholder-lawsuit-dismissed-complaints-stemmed-from-single-day-usd32b-devaluation-in-2024
    ศาลรัฐบาลกลางในซานฟรานซิสโกได้สั่งยกฟ้องคดีที่ยื่นฟ้องต่อ Intel โดยกลุ่มผู้ถือหุ้น ซึ่งกล่าวหาว่าบริษัทและผู้บริหารปกปิดปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นในแผนกผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในปี 2023 คดีนี้ถูกตัดสินว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของบริษัท อย่างไรก็ตาม การยกฟ้องนี้เป็นการยกฟ้องแบบ ไม่ตัดสิทธิ์ ซึ่งหมายความว่าผู้ฟ้องร้องสามารถกลับมายื่นคดีใหม่ได้ หากมีหลักฐานที่ชัดเจนและแข็งแกร่งมากขึ้น เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2023 เมื่อ Intel เปิดเผยว่าแผนกใหม่ที่ชื่อว่า Intel Foundry มีผลขาดทุนกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทเปลี่ยนโครงสร้างการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2024 ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งนำไปสู่การตกของหุ้น Intel และมูลค่าตลาดที่ลดลงถึง 32 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังอ้างว่าคำกล่าวของ CEO และ CFO ในขณะนั้นเกี่ยวกับ "ความต้องการที่เติบโต" ของธุรกิจ Intel Foundry อาจเป็นการหลอกลวง อย่างไรก็ตาม ศาลระบุว่าคำกล่าวเหล่านี้เป็นการสื่อถึงความสัมพันธ์กับลูกค้ารายบุคคลเท่านั้น และไม่ได้สื่อถึงสุขภาพทางการเงินของบริษัทในภาพรวม ผู้พิพากษาชี้ว่าการลดลงของราคาหุ้น Intel อันเป็นผลจากการประกาศเลิกจ้างและการระงับเงินปันผลในกลางปี 2024 ไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานของการฉ้อโกง นอกจากนี้ Intel ยังเคยเปิดเผยแนวทางการลดต้นทุนและการปรับโครงสร้างอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว แม้ว่าศาลจะยกฟ้องคดีในครั้งนี้ Intel อาจต้องเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นฟ้องรอบใหม่หากผู้ถือหุ้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่สนับสนุนข้อกล่าวหาได้สำเร็จ การต่อสู้ในศาลนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความโปร่งใสในธุรกิจใหญ่ที่มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นจำนวนมาก สถานการณ์นี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Intel อาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น แต่ก็สะท้อนถึงความสำคัญของการสื่อสารและความโปร่งใสต่อผู้ถือหุ้นในธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลยังเปิดช่องทางให้ Intel และนักลงทุนมีโอกาสปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-shareholder-lawsuit-dismissed-complaints-stemmed-from-single-day-usd32b-devaluation-in-2024
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบเปิดปฏิบัติการ "CIB Game on รื้อระบบสยบจีนดำ" รวบบอสจีนหนีคดีฉ้อโกง 1.5 หมื่นล้าน ตั้งแก๊งรับทำบัตรประชาชนปลอมในไทย ซ้ำร่วมมือตำรวจ ตม.อุ้มรีดทรัพย์คนจีนด้วยกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021867

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองปราบเปิดปฏิบัติการ "CIB Game on รื้อระบบสยบจีนดำ" รวบบอสจีนหนีคดีฉ้อโกง 1.5 หมื่นล้าน ตั้งแก๊งรับทำบัตรประชาชนปลอมในไทย ซ้ำร่วมมือตำรวจ ตม.อุ้มรีดทรัพย์คนจีนด้วยกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021867 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1078 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบแก๊งคอลเซนเตอร์เขมร ตร.ไซเบอร์รับคนไทยกลับแยกคนผิด ตั้งข้อหาหนัก
    .
    เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวออกมาจากทางกัมพูชาว่าจะมีการทยอยส่งตัวคนไทยที่เข้าไปทำงานกับแก๊งคอลเซนเตอร์กลับประเทศไทย ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกลไกที่ต้องดำเนินการตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) โดยพบว่ามีผู้ที่เข้าข่าย กระทำความผิดในข้อหาการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและข้อหาอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แบ่งเป็น คนไทยกว่า 100 ราย ต่างชาติ 2 รายที่เรียกกันว่าบอสชาวจีน
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการดำเนินการตามรายละเอียดดังนี้ 1.จากการซักถามปากคำและคัดแยกกลุ่มตามสถานที่ที่บุคคลเหล่านี้ไปทำงานใน ประเทศกัมพูชา สามารถจัดกลุ่มได้ จำนวน 8 กลุ่ม
    .
    ได้แก่ (1) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 2 จำนวน 23 คน มีพฤติการณ์หลอกให้ลงทุนในหุ้น
    (2) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 15 จำนวน 14 คน มีพฤติการณ์เป็นโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (3) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 18 จำนวน 18 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ M98
    .
    (4) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ B9 จำนวน 4 คน มีพฤติการณ์หลอกลวงด้วยการโทร หรือ call center โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน
    (5) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ออฟฟิศ 6 จำนวน 27 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 1 คน) มีพฤติการณ์หลอกลวงโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (การไฟฟ้า/กรมบัญชีกลาง)
    .
    (6) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ห้อง 9 จำนวน 6 คน (7) ยังระบุสถานที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งอยู่ในบริเวณตึกภูมิตาสวน จำนวน 12 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 6 คน) คงเหลือเป็นบุคคลที่เข้าสู่กระบวนการ NRM จำนวน 6 คน (😎 อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการชักชวนเล่นการพนันไฮโลออนไลน์
    .
    ในจำนวนทั้งหมด 112 คน ที่ได้ดำเนินการซักถาม ก่อนกระบวนการคัดกรองตามกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายตามคดีค้ามนุษย์ NRM พบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน ซึ่งผลการคัดกรองทั้งหมดจำนวน 112 คน ปรากฏว่า ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
    .
    จากการสืบสวนสอบสวนและพยานหลักฐานพบว่าคนไทยตามข้อ 1. ที่ทำงานในตึกภูมิตาสวนรวมจำนวน 100 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และพบว่ามีหัวหน้า และคนติดตามซึ่งเป็นชาวจีน จำนวน 2 คนร่วมกระทำผิดด้วย ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน รวม 19 คน ยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด
    .
    ข่าวแจ้งว่า วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนของ บช.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลตามข้อ 2. ต่อศาลอาญา รวมจำนวน 102 คน ในข้อหาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าว ทั้งหมดรวม 102 คน แยกเป็นคนไทย จำนวน 100 คน และชาวจีน 2 คน
    .
    เวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. และ ภ.จว.สระแก้ว ได้นำหมายจับดังกล่าวมาแสดง และแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นคนไทย รวม 93 คน (ที่เหลืออีก 7 คน ได้มีการจับกุมตามหมายจับคดีอื่นไปก่อนแล้ว) และได้ทำบันทึกจับกุม รวมทั้งดำเนินการแจ้งการควบคุมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ
    .
    และเวลาประมาณ 23.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้นำผู้ต้องหาตามหมายจับ ทั้งหมด 93 คน ออกจากสโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปยัง บช.สอท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    .
    ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน ซึ่งยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด และไม่ได้ถูกออกหมายจับ ได้ส่งกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว
    .
    สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว ได้รับตัวไป เพื่อคุ้มครอง และส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป
    .
    จากนั้น วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้ปิดศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM ณ สโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ทั่วไปปกติ
    ..............
    Sondhi X
    รวบแก๊งคอลเซนเตอร์เขมร ตร.ไซเบอร์รับคนไทยกลับแยกคนผิด ตั้งข้อหาหนัก . เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวออกมาจากทางกัมพูชาว่าจะมีการทยอยส่งตัวคนไทยที่เข้าไปทำงานกับแก๊งคอลเซนเตอร์กลับประเทศไทย ในเรื่องนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกลไกที่ต้องดำเนินการตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) โดยพบว่ามีผู้ที่เข้าข่าย กระทำความผิดในข้อหาการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและข้อหาอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แบ่งเป็น คนไทยกว่า 100 ราย ต่างชาติ 2 รายที่เรียกกันว่าบอสชาวจีน . ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการดำเนินการตามรายละเอียดดังนี้ 1.จากการซักถามปากคำและคัดแยกกลุ่มตามสถานที่ที่บุคคลเหล่านี้ไปทำงานใน ประเทศกัมพูชา สามารถจัดกลุ่มได้ จำนวน 8 กลุ่ม . ได้แก่ (1) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 2 จำนวน 23 คน มีพฤติการณ์หลอกให้ลงทุนในหุ้น (2) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 15 จำนวน 14 คน มีพฤติการณ์เป็นโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (3) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ 18 จำนวน 18 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ M98 . (4) ตึกภูมิตาสวน ออฟฟิศ B9 จำนวน 4 คน มีพฤติการณ์หลอกลวงด้วยการโทร หรือ call center โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน (5) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ออฟฟิศ 6 จำนวน 27 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 1 คน) มีพฤติการณ์หลอกลวงโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (การไฟฟ้า/กรมบัญชีกลาง) . (6) ตึกภูมิตาสวน อาคาร 1 ชั้น ห้อง 9 จำนวน 6 คน (7) ยังระบุสถานที่ทำงานไม่ได้ ซึ่งอยู่ในบริเวณตึกภูมิตาสวน จำนวน 12 คน (เป็นบุคคลตามหมายจับ 6 คน) คงเหลือเป็นบุคคลที่เข้าสู่กระบวนการ NRM จำนวน 6 คน (😎 อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการชักชวนเล่นการพนันไฮโลออนไลน์ . ในจำนวนทั้งหมด 112 คน ที่ได้ดำเนินการซักถาม ก่อนกระบวนการคัดกรองตามกระบวนการคัดกรองผู้เสียหายตามคดีค้ามนุษย์ NRM พบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน ซึ่งผลการคัดกรองทั้งหมดจำนวน 112 คน ปรากฏว่า ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์แต่อย่างใด . จากการสืบสวนสอบสวนและพยานหลักฐานพบว่าคนไทยตามข้อ 1. ที่ทำงานในตึกภูมิตาสวนรวมจำนวน 100 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และพบว่ามีหัวหน้า และคนติดตามซึ่งเป็นชาวจีน จำนวน 2 คนร่วมกระทำผิดด้วย ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน และเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน รวม 19 คน ยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด . ข่าวแจ้งว่า วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนของ บช.สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลตามข้อ 2. ต่อศาลอาญา รวมจำนวน 102 คน ในข้อหาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับบุคคลดังกล่าว ทั้งหมดรวม 102 คน แยกเป็นคนไทย จำนวน 100 คน และชาวจีน 2 คน . เวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. และ ภ.จว.สระแก้ว ได้นำหมายจับดังกล่าวมาแสดง และแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นคนไทย รวม 93 คน (ที่เหลืออีก 7 คน ได้มีการจับกุมตามหมายจับคดีอื่นไปก่อนแล้ว) และได้ทำบันทึกจับกุม รวมทั้งดำเนินการแจ้งการควบคุมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ . และเวลาประมาณ 23.25 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้นำผู้ต้องหาตามหมายจับ ทั้งหมด 93 คน ออกจากสโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปยัง บช.สอท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป . ส่วนคนไทยที่ทำงาน อาคาร K2 ชั้น 9 จำนวน 15 คน ซึ่งยังไม่พบหลักฐานในการกระทำผิด และไม่ได้ถูกออกหมายจับ ได้ส่งกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว . สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 คน บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว ได้รับตัวไป เพื่อคุ้มครอง และส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป . จากนั้น วันที่ 3 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้ปิดศูนย์คัดกรองตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM ณ สโมสรค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ทั่วไปปกติ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1930 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์

    การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท

    สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย

    สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท

    #Newskit
    รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์ การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม"

    รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี

    วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150

    #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม" • รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี • วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150 • #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332

    คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090

    #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332 • คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090 • #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017337

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017337 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1240 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี

    นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337

    #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ • วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี • นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน "นารา เครปกะเทย" คดีฉ้อโกงกล่องสุ่ม รับสารภาพลดเหลือ 14 ปี ปรับ 7 หมื่นบาท
    https://www.thai-tai.tv/news/17287/
    ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน "นารา เครปกะเทย" คดีฉ้อโกงกล่องสุ่ม รับสารภาพลดเหลือ 14 ปี ปรับ 7 หมื่นบาท https://www.thai-tai.tv/news/17287/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท

    วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า นารา เครปกะเทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

    "อีก5นาทีก่อนตัดสิน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงท่านศาลจะเมตรตาไหม สิ่งเดียวที่นารารู้ คือนาราจะสู้ให้ถึงที่สุด❤️ ตั้งแต่วันแรกออกมาจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่นาราไม่มีวันใช้หนี้เที่ยวบ้างผักผ่อนบ้างเพราะเจอการกดดันอะไรหลายอย่างแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้ใครฟังเจอหลายล้านพันอารมณ์นาราก็ทนทำทุกอย่างที่ได้เงินโดนดูถูก โดนด่า โดนชม ดิฉันได้รองรชชาติมาหมดแล้วงานมีบ้างไม่มีบ้างสุดท้ายเด็กคนนี้ไม่เคยท้อคิดทุกอย่างกูจะทำไงใช้หนี้หมดคิดทุกอย่างทำไงให้มีเงินจะได้ใช้ชีวิตให้สบายบ้างตื่นมาทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่นอนสบายใจตื่นมาคิดทุกวันวันนี้จะทำไรดีอยากกลับไปหาครอบครัวหาไปเที่ยวบ้างก็ทำไม่ได้ทำไปก็โดนด่าขอให้ผ่านไปได้นะ ถ้าผ่านไม่ได้ก็ช่างมันเจออะไรมาหมดแล้ว คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละรักทุกคน ออกไปได้ฉันจะตั้งใจขายไฟเบอร์นาราให้หมดดีที่สุด รอนะคะทุกคน❤️ อย่าลืมกัน"

    ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำตัดสินว่าจำคุก นารา เครปกะเทย 28 ปี 7 เดือนปรับ 7 หมื่น ข้อหาฉ้อโกงประชาชน-พรบ.คอมพ์

    อย่างไรก็ตาม หลังมีคำตัดสินออกมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนาราออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

    “ขอให้นาราประกันอุทธรณ์ออกมาได้ด้วยเถอะ ศาลตัดสินมา 28 ปี 7 เดือน รับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017029

    #MGROnline #นาราเครปกะเทย
    "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท • วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า นารา เครปกะเทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า • "อีก5นาทีก่อนตัดสิน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงท่านศาลจะเมตรตาไหม สิ่งเดียวที่นารารู้ คือนาราจะสู้ให้ถึงที่สุด❤️ ตั้งแต่วันแรกออกมาจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่นาราไม่มีวันใช้หนี้เที่ยวบ้างผักผ่อนบ้างเพราะเจอการกดดันอะไรหลายอย่างแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้ใครฟังเจอหลายล้านพันอารมณ์นาราก็ทนทำทุกอย่างที่ได้เงินโดนดูถูก โดนด่า โดนชม ดิฉันได้รองรชชาติมาหมดแล้วงานมีบ้างไม่มีบ้างสุดท้ายเด็กคนนี้ไม่เคยท้อคิดทุกอย่างกูจะทำไงใช้หนี้หมดคิดทุกอย่างทำไงให้มีเงินจะได้ใช้ชีวิตให้สบายบ้างตื่นมาทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่นอนสบายใจตื่นมาคิดทุกวันวันนี้จะทำไรดีอยากกลับไปหาครอบครัวหาไปเที่ยวบ้างก็ทำไม่ได้ทำไปก็โดนด่าขอให้ผ่านไปได้นะ ถ้าผ่านไม่ได้ก็ช่างมันเจออะไรมาหมดแล้ว คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละรักทุกคน ออกไปได้ฉันจะตั้งใจขายไฟเบอร์นาราให้หมดดีที่สุด รอนะคะทุกคน❤️ อย่าลืมกัน" • ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำตัดสินว่าจำคุก นารา เครปกะเทย 28 ปี 7 เดือนปรับ 7 หมื่น ข้อหาฉ้อโกงประชาชน-พรบ.คอมพ์ • อย่างไรก็ตาม หลังมีคำตัดสินออกมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนาราออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า • “ขอให้นาราประกันอุทธรณ์ออกมาได้ด้วยเถอะ ศาลตัดสินมา 28 ปี 7 เดือน รับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017029 • #MGROnline #นาราเครปกะเทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017029

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017029 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1479 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกลาภ ยิ้มวิไล คุก 5 ปี คดี Zipmex ฉ้อโกงพันล้าน

    ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2568 จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่รอลงอาญา และลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ในคดีที่ผู้เสียหายรายหนึ่งยื่นฟ้องฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้นายเอกลาภยื่นขอประกันตนเองในชั้นอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ 15 ล้านบาท แต่ทำเรื่องไม่ทัน จึงต้องไปคุมขังในเรือนจำ

    ถือเป็นคดีที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตเคอเรนซี่ เพราะซิปเม็กซ์เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสองของไทย รองจากบิทคับ (Bitkub) ของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกกรณีเป็นการชั่วคราว ก่อนที่นายเอกลาภจะยอมรับว่าเกิดปัญหากับบริการ Zip-up ที่ลูกค้าในประเทศไทยฝากไปที่ Zipmex Global ในในสิงคโปร์ โดยคู่ค้าคือ Bebel Finance และ Celsius ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ใน Zip-up ทั้ง Bitcoin Etherium USDT และ USDC มีปัญหา

    แต่กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์พบว่า มีการโอนเหรียญไปที่ Celsius ตั้งแต่ปี 2564 แต่เพิ่งมีการออก Term & Condition ให้ผู้ใช้งานกดยอมรับเมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แม้รับทราบว่า Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ยังโฆษณาชักชวนให้ไปลงทุน ในที่สุด ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายเอกลาภ 7 ข้อหา และบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ 6 ข้อหา ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเป็นเงิน 10.97 ล้านบาท ไม่นับรวมกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว

    ซิปเม็กซ์ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2567 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายในนาม “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ประกอบด้วยสมาชิก 741 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,667.29 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นายเอกลาภ และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 ราย เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคดีล่าสุดที่นายเอกลาภติดคุก ถือเป็นการจุดความหวังให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย

    #Newskit
    เอกลาภ ยิ้มวิไล คุก 5 ปี คดี Zipmex ฉ้อโกงพันล้าน ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2568 จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่รอลงอาญา และลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ในคดีที่ผู้เสียหายรายหนึ่งยื่นฟ้องฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้นายเอกลาภยื่นขอประกันตนเองในชั้นอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ 15 ล้านบาท แต่ทำเรื่องไม่ทัน จึงต้องไปคุมขังในเรือนจำ ถือเป็นคดีที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตเคอเรนซี่ เพราะซิปเม็กซ์เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสองของไทย รองจากบิทคับ (Bitkub) ของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกกรณีเป็นการชั่วคราว ก่อนที่นายเอกลาภจะยอมรับว่าเกิดปัญหากับบริการ Zip-up ที่ลูกค้าในประเทศไทยฝากไปที่ Zipmex Global ในในสิงคโปร์ โดยคู่ค้าคือ Bebel Finance และ Celsius ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ใน Zip-up ทั้ง Bitcoin Etherium USDT และ USDC มีปัญหา แต่กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์พบว่า มีการโอนเหรียญไปที่ Celsius ตั้งแต่ปี 2564 แต่เพิ่งมีการออก Term & Condition ให้ผู้ใช้งานกดยอมรับเมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แม้รับทราบว่า Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ยังโฆษณาชักชวนให้ไปลงทุน ในที่สุด ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายเอกลาภ 7 ข้อหา และบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ 6 ข้อหา ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเป็นเงิน 10.97 ล้านบาท ไม่นับรวมกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว ซิปเม็กซ์ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2567 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายในนาม “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ประกอบด้วยสมาชิก 741 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,667.29 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นายเอกลาภ และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 ราย เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคดีล่าสุดที่นายเอกลาภติดคุก ถือเป็นการจุดความหวังให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา "เอกลาภ ยิ้มวิไล" อดีตผู้บริหาร "ซิปเม็กซ์" ฉ้อโกงประชาชน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015842

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลสั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา "เอกลาภ ยิ้มวิไล" อดีตผู้บริหาร "ซิปเม็กซ์" ฉ้อโกงประชาชน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015842 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 879 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมปรับบริษัทฯ 1 แสนบาท หลังผู้เสียหายรายหนึ่งฟ้องคดีอาญา ยังมีคดีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายกว่า 5 พันล้าน กำลังไต่สวนคดี
    .
    วันนี้ (17 ก.พ.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่มีผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล จำเลยที่ 1 และนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ จำเลยที่ 2 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองมีความผิด พิพากษาลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท และลงโทษจำคุกนายเอกลาภ ยิ้มวิไล เวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
    .
    คดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้ก่อความเสียหายต่อประชาชนผู้ลงทุน ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พบการกระทำความผิดกฎหมายหลายกรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 2567
    .
    คดีดังกล่าวผู้เสียหายรายหนึ่งได้ฟ้องดำเนินคดีอาญา และมีคำพิพากษาในวันนี้ แต่ยังมีกลุ่มผู้เสียหายที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มร่วมสู้ Zipmex ร่วมมือกันยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (Consumer Class Action) ซึ่งมีผู้เสียหายรวมตัวกัน 741 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,667.29 ล้านบาท โดยฟ้องจำเลย 23 ราย ทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อเรียกค่าเสียหายเพื่อการลงโทษรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย VLA รับมอบอำนาจยื่นฟ้องคดีแพ่งแบบกลุ่ม ปัจจุบันศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดไต่สวคดีเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000015807
    ......
    Sondhi X
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมปรับบริษัทฯ 1 แสนบาท หลังผู้เสียหายรายหนึ่งฟ้องคดีอาญา ยังมีคดีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายกว่า 5 พันล้าน กำลังไต่สวนคดี . วันนี้ (17 ก.พ.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่มีผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล จำเลยที่ 1 และนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ จำเลยที่ 2 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองมีความผิด พิพากษาลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท และลงโทษจำคุกนายเอกลาภ ยิ้มวิไล เวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง . คดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้ก่อความเสียหายต่อประชาชนผู้ลงทุน ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พบการกระทำความผิดกฎหมายหลายกรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 2567 . คดีดังกล่าวผู้เสียหายรายหนึ่งได้ฟ้องดำเนินคดีอาญา และมีคำพิพากษาในวันนี้ แต่ยังมีกลุ่มผู้เสียหายที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มร่วมสู้ Zipmex ร่วมมือกันยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (Consumer Class Action) ซึ่งมีผู้เสียหายรวมตัวกัน 741 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,667.29 ล้านบาท โดยฟ้องจำเลย 23 ราย ทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อเรียกค่าเสียหายเพื่อการลงโทษรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย VLA รับมอบอำนาจยื่นฟ้องคดีแพ่งแบบกลุ่ม ปัจจุบันศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดไต่สวคดีเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000015807 ...... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    คุก 5 ปี เอกลาภ ยิ้มวิไล อดีตผู้บริหาร Zipmex ฐานฉ้อโกงประชาชน
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมปรับบริษัทฯ 1 แสนบาท หลังผู้เสียหายรายหนึ่งฟ้องคดีอาญา ยังมีคดีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ลูก-เมีย" หมอบุญ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา คดีร่วมฉ้อโกงสร้างสถานพยาบาล เสียหาย 1.6 หมื่นล้าน ศาลนัดตรวจพยานอีกครั้ง 24 มี.ค.นี้

    วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ , นางนลิน วนาสิน ลูกสาวหมอบุญ น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร , นายภาคย์ วัฒนาพร , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา และน.สชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

    ซึ่งศาลได้สอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในเวลา 09.00 น.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015701

    #MGROnline #หมอบุญ
    "ลูก-เมีย" หมอบุญ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา คดีร่วมฉ้อโกงสร้างสถานพยาบาล เสียหาย 1.6 หมื่นล้าน ศาลนัดตรวจพยานอีกครั้ง 24 มี.ค.นี้ • วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ , นางนลิน วนาสิน ลูกสาวหมอบุญ น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร , นายภาคย์ วัฒนาพร , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา และน.สชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน • ซึ่งศาลได้สอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในเวลา 09.00 น. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015701 • #MGROnline #หมอบุญ
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกตั้งตัวเป็น อ.สอนดูพระหลัก..ชี้ตำหนิ สารพัด สุดท้ายจบที่พระหลักล้าน ขายหลักพัน หลักหมื่น ..อยากบอกว่าการเล่านิทาน...เวลาท่านจะขายต่อ .ไม่ง่ายเลย...ถ้าราคาสูง เล่านิทานขายไป โดนคดีฉ้อโกงอีก...ถ้าเจ้าทุกข์เอาเรื่อง..กรณีขอคืน แล้วไม่ได้..
    พวกตั้งตัวเป็น อ.สอนดูพระหลัก..ชี้ตำหนิ สารพัด สุดท้ายจบที่พระหลักล้าน ขายหลักพัน หลักหมื่น ..อยากบอกว่าการเล่านิทาน...เวลาท่านจะขายต่อ .ไม่ง่ายเลย...ถ้าราคาสูง เล่านิทานขายไป โดนคดีฉ้อโกงอีก...ถ้าเจ้าทุกข์เอาเรื่อง..กรณีขอคืน แล้วไม่ได้..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ใช้เล่ห์กล CAPTCHA ในไฟล์ PDF บน Webflow CDN เพื่อหลีกเลี่ยงระบบความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน

    นักวิจัยจาก Netskope ได้ค้นพบว่าแฮกเกอร์ใช้ไฟล์ PDF ปลอมที่ถูกโฮสต์บน Webflow CDN เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เข้าไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง (phishing page) เมื่อผู้ใช้งานเปิดไฟล์ PDF ดังกล่าว จะพบภาพที่ดูเหมือนเป็น CAPTCHA แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงลิงก์ที่จะพาผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง

    จากนั้น หน้าเว็บฟิชชิ่งนี้จะมี CAPTCHA ของจริงจาก Cloudflare ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การโจมตีดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานกรอก CAPTCHA เสร็จสิ้น จะถูกนำไปยังหน้าที่มีปุ่ม "ดาวน์โหลด" เมื่อกดปุ่มนี้ จะมีป๊อปอัพปรากฏขึ้นเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแฮกเกอร์

    ผู้ที่กรอกข้อมูลบัตรเครดิตจะได้รับข้อความผิดพลาดที่บอกว่าการชำระเงินไม่สำเร็จ หากพยายามหลายครั้งจะถูกนำไปยังหน้า HTTP 500 error page แฮกเกอร์ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อทำการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น การซื้อโฆษณาสำหรับแคมเปญมาลเวอร์ไทซิง (malvertising) หรือการซื้อบัตรของขวัญออนไลน์ที่ยากต่อการติดตาม

    Netskope ระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2024 และมีผลกระทบต่อ "ลูกค้าของ Netskope หลายร้อยคน" และ "ผู้ใช้หลายพันคน" นักวิจัยไม่ได้ระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลที่ขโมยไปทำอะไรบ้างนอกเหนือจากการฉ้อโกงทางการเงิน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-use-captcha-scam-in-pdf-files-on-webflow-cdn-to-get-past-security-systems
    แฮกเกอร์ใช้เล่ห์กล CAPTCHA ในไฟล์ PDF บน Webflow CDN เพื่อหลีกเลี่ยงระบบความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน นักวิจัยจาก Netskope ได้ค้นพบว่าแฮกเกอร์ใช้ไฟล์ PDF ปลอมที่ถูกโฮสต์บน Webflow CDN เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เข้าไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง (phishing page) เมื่อผู้ใช้งานเปิดไฟล์ PDF ดังกล่าว จะพบภาพที่ดูเหมือนเป็น CAPTCHA แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงลิงก์ที่จะพาผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง จากนั้น หน้าเว็บฟิชชิ่งนี้จะมี CAPTCHA ของจริงจาก Cloudflare ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การโจมตีดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานกรอก CAPTCHA เสร็จสิ้น จะถูกนำไปยังหน้าที่มีปุ่ม "ดาวน์โหลด" เมื่อกดปุ่มนี้ จะมีป๊อปอัพปรากฏขึ้นเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแฮกเกอร์ ผู้ที่กรอกข้อมูลบัตรเครดิตจะได้รับข้อความผิดพลาดที่บอกว่าการชำระเงินไม่สำเร็จ หากพยายามหลายครั้งจะถูกนำไปยังหน้า HTTP 500 error page แฮกเกอร์ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อทำการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น การซื้อโฆษณาสำหรับแคมเปญมาลเวอร์ไทซิง (malvertising) หรือการซื้อบัตรของขวัญออนไลน์ที่ยากต่อการติดตาม Netskope ระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2024 และมีผลกระทบต่อ "ลูกค้าของ Netskope หลายร้อยคน" และ "ผู้ใช้หลายพันคน" นักวิจัยไม่ได้ระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลที่ขโมยไปทำอะไรบ้างนอกเหนือจากการฉ้อโกงทางการเงิน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-use-captcha-scam-in-pdf-files-on-webflow-cdn-to-get-past-security-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้องแล้ว หมอบาป พร้อมลูกเมีย และพวกรวม 13 คน ฐานฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท มารอดูกันว่า หมอบาปที่อายุปาเข้าไป 86 ปีแล้ว จะหนีจนหมดอายุความ 15 ปีได้ไหม หรือจะหนีไปชดใช้กรรมในภพอื่นแทน
    #7ดอกจิก
    ♣ อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้องแล้ว หมอบาป พร้อมลูกเมีย และพวกรวม 13 คน ฐานฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท มารอดูกันว่า หมอบาปที่อายุปาเข้าไป 86 ปีแล้ว จะหนีจนหมดอายุความ 15 ปีได้ไหม หรือจะหนีไปชดใช้กรรมในภพอื่นแทน #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกอัยการเผย อัยการคดีพิเศษยื่นฟ้อง "ลูก-เมีย"หมอบุญ กับพวก รวม13 คน เฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้าน กำชับดีเอสไอ ตามตัว"หมอบุญ"กับพวกเอาตัวมาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี

    วันนี้(14 ก.พ.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีระหว่าง นางสาวอรเกศ ปัญญาเนตินาถ กับพวก ผู้กล่าวหา นายบุญ วนาสิน กับพวกรวม 16 คน ผู้ต้องหา ฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” เหตุเกิดเมื่อประมาณปี 2553 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 15 ธ.ค. 2567 ต่างกรรมต่างวาระกัน ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง, แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 16,100,602,806 บาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014862

    #MGROnline #หมอบุญ #อัยการ #ฉ้อโกง
    โฆษกอัยการเผย อัยการคดีพิเศษยื่นฟ้อง "ลูก-เมีย"หมอบุญ กับพวก รวม13 คน เฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้าน กำชับดีเอสไอ ตามตัว"หมอบุญ"กับพวกเอาตัวมาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี • วันนี้(14 ก.พ.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีระหว่าง นางสาวอรเกศ ปัญญาเนตินาถ กับพวก ผู้กล่าวหา นายบุญ วนาสิน กับพวกรวม 16 คน ผู้ต้องหา ฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” เหตุเกิดเมื่อประมาณปี 2553 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 15 ธ.ค. 2567 ต่างกรรมต่างวาระกัน ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง, แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 16,100,602,806 บาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014862 • #MGROnline #หมอบุญ #อัยการ #ฉ้อโกง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts