• "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017337

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017337 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ

    วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี

    นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337

    #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    "อี้ แทนคุณ" พา 5 ผู้เสียหายถูก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์เข้าพบ "บิ๊กเต่า"ให้ข้อมูลพิจารณาเอาผิดข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วน "ดีเจแมน-ใบเตย" ยังไม่พร้อมเข้าพบตำรวจ • วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. นายแทนคุณ หรืออี้ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำผู้เสียหายใน 5 คดีที่เชื่อมโยงกับ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างช่วยวิ่งเต้นคดีให้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานกับพนักงานสอบสวนนำไปพิจารณาประกอบสำนวนคดี • นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายจากทั้ง 5 คดีที่เชื่อมโยงกับฟิล์ม รัฐภูมิ เข้าให้ข้อมูลหลักฐานกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้พิจารณาหาความเชื่อมโยงกับคดีเดิม และบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์ซ้ำ ๆ เพื่อพิจารณาหลักฐานตรงนี้ว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ นายฟิล์ม ในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระได้หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของดีเจแมนและใบเตย ตนเองได้มีการพูดคุยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพบว่าทั้งคู่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเงินดังกล่าวออกจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง มูลค่าหลักสิบล้านขึ้นไป รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่างดีเจแมน ใบเตยและบุคคลที่สาม ขณะที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งได้มีบุคคลเข้ามาติดต่อโดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ โดยได้มีการเปิดวิดีโอคอลโทรศัพท์ให้เห็นว่าอยู่กับผู้ใหญ่ในสถานที่นั้นจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนจะมีการเรียกรับผลประโยชน์จากดีเจแมนและใบเตยคนละ 7 ล้านบาท รวม 14 ล้านบาท • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000017337 • #MGROnline #อี้แทนคุณ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บิ๊กเต่า #ข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน "นารา เครปกะเทย" คดีฉ้อโกงกล่องสุ่ม รับสารภาพลดเหลือ 14 ปี ปรับ 7 หมื่นบาท
    https://www.thai-tai.tv/news/17287/
    ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน "นารา เครปกะเทย" คดีฉ้อโกงกล่องสุ่ม รับสารภาพลดเหลือ 14 ปี ปรับ 7 หมื่นบาท https://www.thai-tai.tv/news/17287/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท

    วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า นารา เครปกะเทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

    "อีก5นาทีก่อนตัดสิน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงท่านศาลจะเมตรตาไหม สิ่งเดียวที่นารารู้ คือนาราจะสู้ให้ถึงที่สุด❤️ ตั้งแต่วันแรกออกมาจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่นาราไม่มีวันใช้หนี้เที่ยวบ้างผักผ่อนบ้างเพราะเจอการกดดันอะไรหลายอย่างแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้ใครฟังเจอหลายล้านพันอารมณ์นาราก็ทนทำทุกอย่างที่ได้เงินโดนดูถูก โดนด่า โดนชม ดิฉันได้รองรชชาติมาหมดแล้วงานมีบ้างไม่มีบ้างสุดท้ายเด็กคนนี้ไม่เคยท้อคิดทุกอย่างกูจะทำไงใช้หนี้หมดคิดทุกอย่างทำไงให้มีเงินจะได้ใช้ชีวิตให้สบายบ้างตื่นมาทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่นอนสบายใจตื่นมาคิดทุกวันวันนี้จะทำไรดีอยากกลับไปหาครอบครัวหาไปเที่ยวบ้างก็ทำไม่ได้ทำไปก็โดนด่าขอให้ผ่านไปได้นะ ถ้าผ่านไม่ได้ก็ช่างมันเจออะไรมาหมดแล้ว คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละรักทุกคน ออกไปได้ฉันจะตั้งใจขายไฟเบอร์นาราให้หมดดีที่สุด รอนะคะทุกคน❤️ อย่าลืมกัน"

    ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำตัดสินว่าจำคุก นารา เครปกะเทย 28 ปี 7 เดือนปรับ 7 หมื่น ข้อหาฉ้อโกงประชาชน-พรบ.คอมพ์

    อย่างไรก็ตาม หลังมีคำตัดสินออกมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนาราออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

    “ขอให้นาราประกันอุทธรณ์ออกมาได้ด้วยเถอะ ศาลตัดสินมา 28 ปี 7 เดือน รับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017029

    #MGROnline #นาราเครปกะเทย
    "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท • วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า นารา เครปกะเทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า • "อีก5นาทีก่อนตัดสิน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงท่านศาลจะเมตรตาไหม สิ่งเดียวที่นารารู้ คือนาราจะสู้ให้ถึงที่สุด❤️ ตั้งแต่วันแรกออกมาจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่นาราไม่มีวันใช้หนี้เที่ยวบ้างผักผ่อนบ้างเพราะเจอการกดดันอะไรหลายอย่างแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้ใครฟังเจอหลายล้านพันอารมณ์นาราก็ทนทำทุกอย่างที่ได้เงินโดนดูถูก โดนด่า โดนชม ดิฉันได้รองรชชาติมาหมดแล้วงานมีบ้างไม่มีบ้างสุดท้ายเด็กคนนี้ไม่เคยท้อคิดทุกอย่างกูจะทำไงใช้หนี้หมดคิดทุกอย่างทำไงให้มีเงินจะได้ใช้ชีวิตให้สบายบ้างตื่นมาทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่นอนสบายใจตื่นมาคิดทุกวันวันนี้จะทำไรดีอยากกลับไปหาครอบครัวหาไปเที่ยวบ้างก็ทำไม่ได้ทำไปก็โดนด่าขอให้ผ่านไปได้นะ ถ้าผ่านไม่ได้ก็ช่างมันเจออะไรมาหมดแล้ว คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละรักทุกคน ออกไปได้ฉันจะตั้งใจขายไฟเบอร์นาราให้หมดดีที่สุด รอนะคะทุกคน❤️ อย่าลืมกัน" • ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำตัดสินว่าจำคุก นารา เครปกะเทย 28 ปี 7 เดือนปรับ 7 หมื่น ข้อหาฉ้อโกงประชาชน-พรบ.คอมพ์ • อย่างไรก็ตาม หลังมีคำตัดสินออกมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนาราออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า • “ขอให้นาราประกันอุทธรณ์ออกมาได้ด้วยเถอะ ศาลตัดสินมา 28 ปี 7 เดือน รับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017029 • #MGROnline #นาราเครปกะเทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017029

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000017029 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 793 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกลาภ ยิ้มวิไล คุก 5 ปี คดี Zipmex ฉ้อโกงพันล้าน

    ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2568 จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่รอลงอาญา และลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ในคดีที่ผู้เสียหายรายหนึ่งยื่นฟ้องฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้นายเอกลาภยื่นขอประกันตนเองในชั้นอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ 15 ล้านบาท แต่ทำเรื่องไม่ทัน จึงต้องไปคุมขังในเรือนจำ

    ถือเป็นคดีที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตเคอเรนซี่ เพราะซิปเม็กซ์เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสองของไทย รองจากบิทคับ (Bitkub) ของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกกรณีเป็นการชั่วคราว ก่อนที่นายเอกลาภจะยอมรับว่าเกิดปัญหากับบริการ Zip-up ที่ลูกค้าในประเทศไทยฝากไปที่ Zipmex Global ในในสิงคโปร์ โดยคู่ค้าคือ Bebel Finance และ Celsius ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ใน Zip-up ทั้ง Bitcoin Etherium USDT และ USDC มีปัญหา

    แต่กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์พบว่า มีการโอนเหรียญไปที่ Celsius ตั้งแต่ปี 2564 แต่เพิ่งมีการออก Term & Condition ให้ผู้ใช้งานกดยอมรับเมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แม้รับทราบว่า Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ยังโฆษณาชักชวนให้ไปลงทุน ในที่สุด ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายเอกลาภ 7 ข้อหา และบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ 6 ข้อหา ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเป็นเงิน 10.97 ล้านบาท ไม่นับรวมกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว

    ซิปเม็กซ์ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2567 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายในนาม “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ประกอบด้วยสมาชิก 741 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,667.29 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นายเอกลาภ และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 ราย เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคดีล่าสุดที่นายเอกลาภติดคุก ถือเป็นการจุดความหวังให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย

    #Newskit
    เอกลาภ ยิ้มวิไล คุก 5 ปี คดี Zipmex ฉ้อโกงพันล้าน ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2568 จำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่รอลงอาญา และลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ในคดีที่ผู้เสียหายรายหนึ่งยื่นฟ้องฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 แม้นายเอกลาภยื่นขอประกันตนเองในชั้นอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ 15 ล้านบาท แต่ทำเรื่องไม่ทัน จึงต้องไปคุมขังในเรือนจำ ถือเป็นคดีที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตเคอเรนซี่ เพราะซิปเม็กซ์เป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับสองของไทย รองจากบิทคับ (Bitkub) ของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกกรณีเป็นการชั่วคราว ก่อนที่นายเอกลาภจะยอมรับว่าเกิดปัญหากับบริการ Zip-up ที่ลูกค้าในประเทศไทยฝากไปที่ Zipmex Global ในในสิงคโปร์ โดยคู่ค้าคือ Bebel Finance และ Celsius ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ใน Zip-up ทั้ง Bitcoin Etherium USDT และ USDC มีปัญหา แต่กลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์พบว่า มีการโอนเหรียญไปที่ Celsius ตั้งแต่ปี 2564 แต่เพิ่งมีการออก Term & Condition ให้ผู้ใช้งานกดยอมรับเมื่อเดือน เม.ย.2565 ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แม้รับทราบว่า Babel Finance และ Celsius มีปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ยังโฆษณาชักชวนให้ไปลงทุน ในที่สุด ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับนายเอกลาภ 7 ข้อหา และบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ 6 ข้อหา ตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล รวมเป็นเงิน 10.97 ล้านบาท ไม่นับรวมกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้ให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว ซิปเม็กซ์ถูกเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.2567 ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายในนาม “กลุ่มร่วมสู้ Zipmex” ประกอบด้วยสมาชิก 741 คน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,667.29 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นายเอกลาภ และผู้เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศรวม 23 ราย เรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคดีล่าสุดที่นายเอกลาภติดคุก ถือเป็นการจุดความหวังให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลคดีแรกของประเทศไทย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลสั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา "เอกลาภ ยิ้มวิไล" อดีตผู้บริหาร "ซิปเม็กซ์" ฉ้อโกงประชาชน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015842

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลสั่งจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา "เอกลาภ ยิ้มวิไล" อดีตผู้บริหาร "ซิปเม็กซ์" ฉ้อโกงประชาชน เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015842 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 703 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมปรับบริษัทฯ 1 แสนบาท หลังผู้เสียหายรายหนึ่งฟ้องคดีอาญา ยังมีคดีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายกว่า 5 พันล้าน กำลังไต่สวนคดี
    .
    วันนี้ (17 ก.พ.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่มีผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล จำเลยที่ 1 และนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ จำเลยที่ 2 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองมีความผิด พิพากษาลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท และลงโทษจำคุกนายเอกลาภ ยิ้มวิไล เวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
    .
    คดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้ก่อความเสียหายต่อประชาชนผู้ลงทุน ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พบการกระทำความผิดกฎหมายหลายกรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 2567
    .
    คดีดังกล่าวผู้เสียหายรายหนึ่งได้ฟ้องดำเนินคดีอาญา และมีคำพิพากษาในวันนี้ แต่ยังมีกลุ่มผู้เสียหายที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มร่วมสู้ Zipmex ร่วมมือกันยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (Consumer Class Action) ซึ่งมีผู้เสียหายรวมตัวกัน 741 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,667.29 ล้านบาท โดยฟ้องจำเลย 23 ราย ทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อเรียกค่าเสียหายเพื่อการลงโทษรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย VLA รับมอบอำนาจยื่นฟ้องคดีแพ่งแบบกลุ่ม ปัจจุบันศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดไต่สวคดีเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000015807
    ......
    Sondhi X
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมปรับบริษัทฯ 1 แสนบาท หลังผู้เสียหายรายหนึ่งฟ้องคดีอาญา ยังมีคดีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่ม เรียกค่าเสียหายกว่า 5 พันล้าน กำลังไต่สวนคดี . วันนี้ (17 ก.พ.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่มีผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล จำเลยที่ 1 และนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ จำเลยที่ 2 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองมีความผิด พิพากษาลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นเงิน 100,000 บาท และลงโทษจำคุกนายเอกลาภ ยิ้มวิไล เวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง . คดีนี้สืบเนื่องจาก Zipmex ซึ่งเคยได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทการเป็น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลตามพระราชกำหนด การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ได้ก่อความเสียหายต่อประชาชนผู้ลงทุน ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พบการกระทำความผิดกฎหมายหลายกรณีและได้กล่าวโทษจำเลยไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีอาญา อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 2567 . คดีดังกล่าวผู้เสียหายรายหนึ่งได้ฟ้องดำเนินคดีอาญา และมีคำพิพากษาในวันนี้ แต่ยังมีกลุ่มผู้เสียหายที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มร่วมสู้ Zipmex ร่วมมือกันยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคแบบกลุ่ม (Consumer Class Action) ซึ่งมีผู้เสียหายรวมตัวกัน 741 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,667.29 ล้านบาท โดยฟ้องจำเลย 23 ราย ทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อเรียกค่าเสียหายเพื่อการลงโทษรวมไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้มอบหมายให้นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้ก่อตั้งสำนักกฎหมาย VLA รับมอบอำนาจยื่นฟ้องคดีแพ่งแบบกลุ่ม ปัจจุบันศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดไต่สวคดีเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000015807 ...... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    คุก 5 ปี เอกลาภ ยิ้มวิไล อดีตผู้บริหาร Zipmex ฐานฉ้อโกงประชาชน
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้ง Zipmex ผู้ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมปรับบริษัทฯ 1 แสนบาท หลังผู้เสียหายรายหนึ่งฟ้องคดีอาญา ยังมีคดีกลุ่มผู้เสียหายยื่นฟ้องแบบกลุ่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ลูก-เมีย" หมอบุญ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา คดีร่วมฉ้อโกงสร้างสถานพยาบาล เสียหาย 1.6 หมื่นล้าน ศาลนัดตรวจพยานอีกครั้ง 24 มี.ค.นี้

    วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ , นางนลิน วนาสิน ลูกสาวหมอบุญ น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร , นายภาคย์ วัฒนาพร , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา และน.สชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

    ซึ่งศาลได้สอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในเวลา 09.00 น.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015701

    #MGROnline #หมอบุญ
    "ลูก-เมีย" หมอบุญ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา คดีร่วมฉ้อโกงสร้างสถานพยาบาล เสียหาย 1.6 หมื่นล้าน ศาลนัดตรวจพยานอีกครั้ง 24 มี.ค.นี้ • วันนี้ (17 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ , นางนลิน วนาสิน ลูกสาวหมอบุญ น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร , นายภาคย์ วัฒนาพร , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา และน.สชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน • ซึ่งศาลได้สอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในเวลา 09.00 น. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015701 • #MGROnline #หมอบุญ
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกตั้งตัวเป็น อ.สอนดูพระหลัก..ชี้ตำหนิ สารพัด สุดท้ายจบที่พระหลักล้าน ขายหลักพัน หลักหมื่น ..อยากบอกว่าการเล่านิทาน...เวลาท่านจะขายต่อ .ไม่ง่ายเลย...ถ้าราคาสูง เล่านิทานขายไป โดนคดีฉ้อโกงอีก...ถ้าเจ้าทุกข์เอาเรื่อง..กรณีขอคืน แล้วไม่ได้..
    พวกตั้งตัวเป็น อ.สอนดูพระหลัก..ชี้ตำหนิ สารพัด สุดท้ายจบที่พระหลักล้าน ขายหลักพัน หลักหมื่น ..อยากบอกว่าการเล่านิทาน...เวลาท่านจะขายต่อ .ไม่ง่ายเลย...ถ้าราคาสูง เล่านิทานขายไป โดนคดีฉ้อโกงอีก...ถ้าเจ้าทุกข์เอาเรื่อง..กรณีขอคืน แล้วไม่ได้..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ใช้เล่ห์กล CAPTCHA ในไฟล์ PDF บน Webflow CDN เพื่อหลีกเลี่ยงระบบความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน

    นักวิจัยจาก Netskope ได้ค้นพบว่าแฮกเกอร์ใช้ไฟล์ PDF ปลอมที่ถูกโฮสต์บน Webflow CDN เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เข้าไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง (phishing page) เมื่อผู้ใช้งานเปิดไฟล์ PDF ดังกล่าว จะพบภาพที่ดูเหมือนเป็น CAPTCHA แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงลิงก์ที่จะพาผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง

    จากนั้น หน้าเว็บฟิชชิ่งนี้จะมี CAPTCHA ของจริงจาก Cloudflare ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การโจมตีดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานกรอก CAPTCHA เสร็จสิ้น จะถูกนำไปยังหน้าที่มีปุ่ม "ดาวน์โหลด" เมื่อกดปุ่มนี้ จะมีป๊อปอัพปรากฏขึ้นเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแฮกเกอร์

    ผู้ที่กรอกข้อมูลบัตรเครดิตจะได้รับข้อความผิดพลาดที่บอกว่าการชำระเงินไม่สำเร็จ หากพยายามหลายครั้งจะถูกนำไปยังหน้า HTTP 500 error page แฮกเกอร์ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อทำการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น การซื้อโฆษณาสำหรับแคมเปญมาลเวอร์ไทซิง (malvertising) หรือการซื้อบัตรของขวัญออนไลน์ที่ยากต่อการติดตาม

    Netskope ระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2024 และมีผลกระทบต่อ "ลูกค้าของ Netskope หลายร้อยคน" และ "ผู้ใช้หลายพันคน" นักวิจัยไม่ได้ระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลที่ขโมยไปทำอะไรบ้างนอกเหนือจากการฉ้อโกงทางการเงิน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-use-captcha-scam-in-pdf-files-on-webflow-cdn-to-get-past-security-systems
    แฮกเกอร์ใช้เล่ห์กล CAPTCHA ในไฟล์ PDF บน Webflow CDN เพื่อหลีกเลี่ยงระบบความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้งาน นักวิจัยจาก Netskope ได้ค้นพบว่าแฮกเกอร์ใช้ไฟล์ PDF ปลอมที่ถูกโฮสต์บน Webflow CDN เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานให้เข้าไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง (phishing page) เมื่อผู้ใช้งานเปิดไฟล์ PDF ดังกล่าว จะพบภาพที่ดูเหมือนเป็น CAPTCHA แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงลิงก์ที่จะพาผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บฟิชชิ่ง จากนั้น หน้าเว็บฟิชชิ่งนี้จะมี CAPTCHA ของจริงจาก Cloudflare ที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้การโจมตีดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานกรอก CAPTCHA เสร็จสิ้น จะถูกนำไปยังหน้าที่มีปุ่ม "ดาวน์โหลด" เมื่อกดปุ่มนี้ จะมีป๊อปอัพปรากฏขึ้นเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล (PII) และข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ จากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังแฮกเกอร์ ผู้ที่กรอกข้อมูลบัตรเครดิตจะได้รับข้อความผิดพลาดที่บอกว่าการชำระเงินไม่สำเร็จ หากพยายามหลายครั้งจะถูกนำไปยังหน้า HTTP 500 error page แฮกเกอร์ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อทำการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น การซื้อโฆษณาสำหรับแคมเปญมาลเวอร์ไทซิง (malvertising) หรือการซื้อบัตรของขวัญออนไลน์ที่ยากต่อการติดตาม Netskope ระบุว่าแคมเปญนี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2024 และมีผลกระทบต่อ "ลูกค้าของ Netskope หลายร้อยคน" และ "ผู้ใช้หลายพันคน" นักวิจัยไม่ได้ระบุว่าแฮกเกอร์ใช้ข้อมูลที่ขโมยไปทำอะไรบ้างนอกเหนือจากการฉ้อโกงทางการเงิน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-use-captcha-scam-in-pdf-files-on-webflow-cdn-to-get-past-security-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้องแล้ว หมอบาป พร้อมลูกเมีย และพวกรวม 13 คน ฐานฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท มารอดูกันว่า หมอบาปที่อายุปาเข้าไป 86 ปีแล้ว จะหนีจนหมดอายุความ 15 ปีได้ไหม หรือจะหนีไปชดใช้กรรมในภพอื่นแทน
    #7ดอกจิก
    ♣ อัยการคดีพิเศษสั่งฟ้องแล้ว หมอบาป พร้อมลูกเมีย และพวกรวม 13 คน ฐานฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท มารอดูกันว่า หมอบาปที่อายุปาเข้าไป 86 ปีแล้ว จะหนีจนหมดอายุความ 15 ปีได้ไหม หรือจะหนีไปชดใช้กรรมในภพอื่นแทน #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกอัยการเผย อัยการคดีพิเศษยื่นฟ้อง "ลูก-เมีย"หมอบุญ กับพวก รวม13 คน เฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้าน กำชับดีเอสไอ ตามตัว"หมอบุญ"กับพวกเอาตัวมาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี

    วันนี้(14 ก.พ.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีระหว่าง นางสาวอรเกศ ปัญญาเนตินาถ กับพวก ผู้กล่าวหา นายบุญ วนาสิน กับพวกรวม 16 คน ผู้ต้องหา ฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” เหตุเกิดเมื่อประมาณปี 2553 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 15 ธ.ค. 2567 ต่างกรรมต่างวาระกัน ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง, แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 16,100,602,806 บาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014862

    #MGROnline #หมอบุญ #อัยการ #ฉ้อโกง
    โฆษกอัยการเผย อัยการคดีพิเศษยื่นฟ้อง "ลูก-เมีย"หมอบุญ กับพวก รวม13 คน เฉ้อโกงประชาชนเสียหายกว่า 1.6 หมื่นล้าน กำชับดีเอสไอ ตามตัว"หมอบุญ"กับพวกเอาตัวมาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี • วันนี้(14 ก.พ.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีระหว่าง นางสาวอรเกศ ปัญญาเนตินาถ กับพวก ผู้กล่าวหา นายบุญ วนาสิน กับพวกรวม 16 คน ผู้ต้องหา ฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” เหตุเกิดเมื่อประมาณปี 2553 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 15 ธ.ค. 2567 ต่างกรรมต่างวาระกัน ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง, แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 16,100,602,806 บาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000014862 • #MGROnline #หมอบุญ #อัยการ #ฉ้อโกง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อัยการ สั่งฟ้อง #หมอบุญ กับ พวก

    คคีฉ้อโกงประชาชนกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท

    แจ้ง DSI ล่าตัวมาดำเนินคดีภายใน 15 ปี
    #อัยการ สั่งฟ้อง #หมอบุญ กับ พวก คคีฉ้อโกงประชาชนกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท แจ้ง DSI ล่าตัวมาดำเนินคดีภายใน 15 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • "mRNA ที่รัก"

    "อัยการสั่งฟ้อง'หมอบุญ'กับพวก คดีฉ้อโกง สั่ง DSI ตามจับอายุความ 15 ปี


    https://www.naewna.com/local/861412
    "mRNA ที่รัก" "อัยการสั่งฟ้อง'หมอบุญ'กับพวก คดีฉ้อโกง สั่ง DSI ตามจับอายุความ 15 ปี https://www.naewna.com/local/861412
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แอม ไซยาไนด์" ให้การปฏิเสธ สู้คดีวางยาตำรวจหญิงตาย เพื่อพ้นผิดข้อหาฉ้อโกง ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก 4 พ.ย.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013367

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "แอม ไซยาไนด์" ให้การปฏิเสธ สู้คดีวางยาตำรวจหญิงตาย เพื่อพ้นผิดข้อหาฉ้อโกง ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก 4 พ.ย.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013367 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 753 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุอเมริกาอาจแบกหนี้น้อยกว่าที่คิด และที่เป็นเช่นนั้นก็เพรามีการโกงที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินของกระทรวงการคลัง ในความคิดเห็นที่บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ระหว่างบินไปร่วมชมเกมซูเปอร์โบว์ล ในนิวออร์ลีนส์
    .
    ปัจจุบันตัวเลขหนี้สาธารณะของอเมริกาอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจากกระทรงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งรับบทบางกลางในระบบการเงินโลก
    .
    ทรัมป์ มอบหมายหน้าที่แก่มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ภายใต้ความทะเยอทะยานยกเครื่องรัฐบาลกลาง ซึ่งโหมกระพือการประท้วงในวอชิงตัน และคำกล่าวหาต่างๆนานาว่ารัฐบาลของทรัมป์ กำลังละเมิดกฎหมาย
    .
    กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมัสก์ สร้างความวุ่นวายแก่ปฏิบัติการต่างๆของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง และก่อความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง เนื่องจากกำลังเข้าถึงบันทึกที่อ่อนไหวเกี่ยวกับการชำระเงินและการใช้จ่ายต่างๆนานา
    .
    "เราทำแม้กระทั่ง กำลังตรวจสอบกระทรวงการคลัง" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเที่ยวบินแอร์ฟอร์ซวันในวันอาทิตย์(9ก.พ.) "อาจมีปัญญา คุณได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ในเรื่องของกระทรวงการคลัง อาจมีประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ"
    .
    ทรัมป์บอกต่อว่าในด้านกระทรวงการคลัง "อาจมีหลายๆอย่างที่ยังไม่ถูกพิจารณาตรวจสอบ หรือในอีกคำพูดหนึ่งก็คือ บางอย่างในนั้นที่เราค้นพบคือมีการฉ้อโกงกันมากมาย เพราะฉะนั้นเราอาจมีหนี้น้อยกว่าที่เราคิด"
    .
    ความคิดเห็นของทรัมป์ในวันอาทิตย์(9ก.พ.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก่อความถามว่าคณะทำงานของมัสก์ จะดำเนินการในรูปแบบใดในด้านการคลัง
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์(8ก.พ.) ผู้พิพากษากลางรายหนึ่งขัดขวางคณะทำงานของมัสก์ จากการเข้าถึงระบบของรัฐบาล ที่ใช้ในกระบวนการชำระหนี้ล้านล้านดอลลาร์ อ้างถึงความเสี่ยงข้อมูลที่อ่อนไหวอาจถูกเปิดเผยอย่างไม่เหมาะสม
    .
    หลังจากมีคำพิพากษา มัสก์เผยว่าทางกระทรวงการคลังและกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เห็นพ้องกันกำหนดให้การชำระเงินของรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งหมด ต้องชี้แจงเหตุผลในรูปแบบของความเห็นรวมไว้ในนั้่นด้วย และจำเป็นต้องมีการจำแนกประเภท
    .
    "การฉ้อโกงและความสิ้นเปลืองทั้งหลายจะถูกขจัดออกไปแบบเรียลไทม์ รับประกันได้เลยว่าการคอร์รัปชันในปริมาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งจะถูกเปิดโปง" มัสก์โพสต์ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ บน X แพลตฟอร์มที่เขาเป็นเจ้าของ
    .
    การควบคุมระบบการชำระเงินของมัสก์ได้รับการอนุมัติจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ และผู้ที่ไม่โอนอ่อนผ่อนตามจะถูกกำจัด เช่นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกพักงานหลังจากปฏิเสธที่จะมอบสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กับมัสต์ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
    .
    อย่างไรก็ตาม เบสเซนต์ บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าคณะทำงานของมัสก์ จะเข้าถึงระบบการชำระเงินเพียงเฉพาะการดูเท่านั้น และการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการหยุดชำระเงิน จะดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013149
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุอเมริกาอาจแบกหนี้น้อยกว่าที่คิด และที่เป็นเช่นนั้นก็เพรามีการโกงที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินของกระทรวงการคลัง ในความคิดเห็นที่บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ระหว่างบินไปร่วมชมเกมซูเปอร์โบว์ล ในนิวออร์ลีนส์ . ปัจจุบันตัวเลขหนี้สาธารณะของอเมริกาอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจากกระทรงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งรับบทบางกลางในระบบการเงินโลก . ทรัมป์ มอบหมายหน้าที่แก่มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ภายใต้ความทะเยอทะยานยกเครื่องรัฐบาลกลาง ซึ่งโหมกระพือการประท้วงในวอชิงตัน และคำกล่าวหาต่างๆนานาว่ารัฐบาลของทรัมป์ กำลังละเมิดกฎหมาย . กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมัสก์ สร้างความวุ่นวายแก่ปฏิบัติการต่างๆของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง และก่อความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง เนื่องจากกำลังเข้าถึงบันทึกที่อ่อนไหวเกี่ยวกับการชำระเงินและการใช้จ่ายต่างๆนานา . "เราทำแม้กระทั่ง กำลังตรวจสอบกระทรวงการคลัง" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเที่ยวบินแอร์ฟอร์ซวันในวันอาทิตย์(9ก.พ.) "อาจมีปัญญา คุณได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ในเรื่องของกระทรวงการคลัง อาจมีประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ" . ทรัมป์บอกต่อว่าในด้านกระทรวงการคลัง "อาจมีหลายๆอย่างที่ยังไม่ถูกพิจารณาตรวจสอบ หรือในอีกคำพูดหนึ่งก็คือ บางอย่างในนั้นที่เราค้นพบคือมีการฉ้อโกงกันมากมาย เพราะฉะนั้นเราอาจมีหนี้น้อยกว่าที่เราคิด" . ความคิดเห็นของทรัมป์ในวันอาทิตย์(9ก.พ.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก่อความถามว่าคณะทำงานของมัสก์ จะดำเนินการในรูปแบบใดในด้านการคลัง . ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์(8ก.พ.) ผู้พิพากษากลางรายหนึ่งขัดขวางคณะทำงานของมัสก์ จากการเข้าถึงระบบของรัฐบาล ที่ใช้ในกระบวนการชำระหนี้ล้านล้านดอลลาร์ อ้างถึงความเสี่ยงข้อมูลที่อ่อนไหวอาจถูกเปิดเผยอย่างไม่เหมาะสม . หลังจากมีคำพิพากษา มัสก์เผยว่าทางกระทรวงการคลังและกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เห็นพ้องกันกำหนดให้การชำระเงินของรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งหมด ต้องชี้แจงเหตุผลในรูปแบบของความเห็นรวมไว้ในนั้่นด้วย และจำเป็นต้องมีการจำแนกประเภท . "การฉ้อโกงและความสิ้นเปลืองทั้งหลายจะถูกขจัดออกไปแบบเรียลไทม์ รับประกันได้เลยว่าการคอร์รัปชันในปริมาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งจะถูกเปิดโปง" มัสก์โพสต์ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ บน X แพลตฟอร์มที่เขาเป็นเจ้าของ . การควบคุมระบบการชำระเงินของมัสก์ได้รับการอนุมัติจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ และผู้ที่ไม่โอนอ่อนผ่อนตามจะถูกกำจัด เช่นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกพักงานหลังจากปฏิเสธที่จะมอบสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กับมัสต์ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ . อย่างไรก็ตาม เบสเซนต์ บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าคณะทำงานของมัสก์ จะเข้าถึงระบบการชำระเงินเพียงเฉพาะการดูเท่านั้น และการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการหยุดชำระเงิน จะดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013149 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1361 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ออกคำสั่งฉุกเฉินห้ามทีมประสิทธิภาพรัฐบาลของอีลอน มัสก์ เข้าถึงระบบชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รับผิดชอบธุรกรรมนับล้านล้านดอลลาร์ ชี้อาจทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนถูกเปิดเผยโดยไม่เหมาะสม ด้านซีอีโอเทสลากล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
    .
    เมื่อวันเสาร์ (8 ก.พ.) ที่ผ่านมา พอล เอนเกิลเมเยอร์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของพรรคเดโมแครต ออกคำสั่งห้ามผู้ได้รับแต่งตั้งทางการเมืองจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐบาลนอกกระทรวงการคลัง เข้าถึงระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลัง
    .
    คำสั่งห้ามนี้ซึ่งให้มีผลบังคับจนกว่าศาลจะเริ่มดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ตามนัดหมายในวันศุกร์ (14 ก.พ.) ยังกำหนดให้บุคคลซึ่งถูกสั่งห้ามเหล่านี้ ที่ได้เข้าถึงระบบเหล่านั้นแล้ว นับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ต้องทำลายสำเนาข้อมูลทั้งหมดที่คัดลอกหรือดาวน์โหลดมาในทันที
    .
    ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ มีขึ้นหลังจากอัยการสูงสุดของ 19 รัฐ ซึ่งต่างเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต ยื่นฟ้องทรัมป์, กระทรวงการคลัง, และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, เมื่อคืนวันศุกร์ (7) โดยระบุว่า คณะบริหารทรัมป์ละเมิดกฎหมาย ด้วยการยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE -- โดช) ภายใต้การควบคุมของ มัสก์ ซึ่งไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวของสำนักงานบริการทางการเงิน (บีเอฟเอส) ของกระทรวงการคลัง
    .
    ทั้งนี้ มัสก์ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาล แม้สื่อในอเมริการายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “เจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล” ก็ตาม เช่นเดียวกับ โดช ที่ไม่มีสถานะเป็นกระทรวงหรือหน่วยราชการอย่างเต็มตัว โดยจะเป็นได้ก็ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาเสียก่อน
    .
    ทว่า มัสก์ ที่เป็นผู้บริจาคทางการเมืองรายใหญ่ที่สุดให้แก่ทรัมป์ อีกทั้งเวลานี้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญและทรงอิทธิพลของทรัมป์ ตลอดจนทีมงานของโดชกลับข้ำแแทรกแซงหน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาลกลาง รวมทั้งสั่งระงับโครงการช่วยเหลือในต่างประเทศ ตัดงบประมาณ และพยายามปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวนมาก
    .
    ทางด้านมัสก์ โพสต์ตอบโต้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์โดยประณามเอนเกิลเมเยอร์เป็น “นักเคลื่อนไหว” มากกว่าจะเป็นผู้พิพากษา พร้อมกล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ”
    .
    ทว่า เอนเกิลเมเยอร์อธิบายในคำสั่งห้ามว่า เนื่องจากพวกรัฐที่ฟ้องร้องคราวนี้จะเผชิญอันตรายอย่างชนิดไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าหากศาลไม่ออกสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเสียหาย ทั้งนี้ เขาแจกแจงด้วยว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลอาจทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลละเอียดอ่อนและข้อมูลลับ รวมทั้งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่ระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังจะถูกเจาะ
    .
    ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รายงานการประเมินภายในของกระทรวงคลังฉบับหนึ่ง ก็ระบุว่า การที่ทีมงานโดชเข้าถึงระบบชำระเงินของรัฐบาลสหรัฐฯเช่นนี้ ถือเป็นภัยคุกคามจากคนวงในครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สำนักงานบีเอฟเอสเคยเผชิญมา เนื่องจากทำให้เกิดความเสี่ยงใหญ่หลวงด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่รวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลของประชาชนของอเมริกาและรัฐต่างๆ จะถูกนำไปใช้และประมวลผลโดยไม่มีการตรวจสอบ และด้วยวิธีการที่ไม่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง
    .
    แมทธิว แพลตกิน อัยการสูงสุดของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ย้ำว่า ทรัมป์อนุญาตให้มัสก์แทรกซึมเข้าระบบและหน่วยงานสำคัญของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นผู้จัดเก็บหมายเลขประกันสังคม ข้อมูลการธนาคาร และข้อมูลละเอียดอ่อนของประชาชนนับล้านๆ คน
    .
    นอกเหนือจากกรณีของกระทรวงการคลังนี้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า คณะบริหารทรัมป์จะถูกฟ้องร้องอีกหลายคดี จากความพยายามปรับโครงสร้างการใช้จ่ายและบุคลากรของรัฐบาลกลาง
    .
    ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาชั้นต้นสหรัฐฯอีกผู้หนึ่ง ได้ตัดสินให้ยับยั้งความพยายามของทรัมป์ ที่ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกสิทธิการได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติของผู้ที่เกิดในในสหรัฐฯ โดยคำตัเสินระบุว่า การกระทำของทรัมป์ขัดแย้งกับรัฐธรรมรูญ นอกจากนั้นยังผู้พิพากษาษศาลชั้นต้นสหรัฐฯอีกคน สั่งระงับความพยายามของ มัสก์ ในการดำเนินการเพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายล้านคนยื่นใบลาออกเมื่อวันพฤหัสฯ (6) ที่ผ่านมา
    .
    ความพยายามหลังสุดนี้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเอสเอด) ซึ่งเป็นหน่วยงานสหรัฐฯทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในทั่วโลก
    .
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ สหภาพแรงงานหลายแห่งก็กำลังฟ้องร้องต่อศาลว่าการดำเนินการดังกล่าวของคณะบริหารไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยที่เมื่อวันศุกร์ (7) ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯผู้หนึ่งได้ตัดสินออกคำสั่งระงับแผนการที่ระบุให้เจ้าหน้าที่ยูเอสเอด 2,200 คนต้องหยุดงานแบบยังคงได้รับค่าจ้าง
    .
    ทางฝั่งพรรคเดโมแครตยืนยันว่า การปิดหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลโดยใช้คำสั่งฝายบริหาร และไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาเช่นนี้ถือว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013145
    ..............
    Sondhi X
    ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ออกคำสั่งฉุกเฉินห้ามทีมประสิทธิภาพรัฐบาลของอีลอน มัสก์ เข้าถึงระบบชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รับผิดชอบธุรกรรมนับล้านล้านดอลลาร์ ชี้อาจทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนถูกเปิดเผยโดยไม่เหมาะสม ด้านซีอีโอเทสลากล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ . เมื่อวันเสาร์ (8 ก.พ.) ที่ผ่านมา พอล เอนเกิลเมเยอร์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของพรรคเดโมแครต ออกคำสั่งห้ามผู้ได้รับแต่งตั้งทางการเมืองจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐบาลนอกกระทรวงการคลัง เข้าถึงระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลัง . คำสั่งห้ามนี้ซึ่งให้มีผลบังคับจนกว่าศาลจะเริ่มดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ตามนัดหมายในวันศุกร์ (14 ก.พ.) ยังกำหนดให้บุคคลซึ่งถูกสั่งห้ามเหล่านี้ ที่ได้เข้าถึงระบบเหล่านั้นแล้ว นับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ต้องทำลายสำเนาข้อมูลทั้งหมดที่คัดลอกหรือดาวน์โหลดมาในทันที . ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ มีขึ้นหลังจากอัยการสูงสุดของ 19 รัฐ ซึ่งต่างเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต ยื่นฟ้องทรัมป์, กระทรวงการคลัง, และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, เมื่อคืนวันศุกร์ (7) โดยระบุว่า คณะบริหารทรัมป์ละเมิดกฎหมาย ด้วยการยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE -- โดช) ภายใต้การควบคุมของ มัสก์ ซึ่งไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวของสำนักงานบริการทางการเงิน (บีเอฟเอส) ของกระทรวงการคลัง . ทั้งนี้ มัสก์ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาล แม้สื่อในอเมริการายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “เจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล” ก็ตาม เช่นเดียวกับ โดช ที่ไม่มีสถานะเป็นกระทรวงหรือหน่วยราชการอย่างเต็มตัว โดยจะเป็นได้ก็ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาเสียก่อน . ทว่า มัสก์ ที่เป็นผู้บริจาคทางการเมืองรายใหญ่ที่สุดให้แก่ทรัมป์ อีกทั้งเวลานี้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญและทรงอิทธิพลของทรัมป์ ตลอดจนทีมงานของโดชกลับข้ำแแทรกแซงหน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาลกลาง รวมทั้งสั่งระงับโครงการช่วยเหลือในต่างประเทศ ตัดงบประมาณ และพยายามปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวนมาก . ทางด้านมัสก์ โพสต์ตอบโต้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์โดยประณามเอนเกิลเมเยอร์เป็น “นักเคลื่อนไหว” มากกว่าจะเป็นผู้พิพากษา พร้อมกล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” . ทว่า เอนเกิลเมเยอร์อธิบายในคำสั่งห้ามว่า เนื่องจากพวกรัฐที่ฟ้องร้องคราวนี้จะเผชิญอันตรายอย่างชนิดไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าหากศาลไม่ออกสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเสียหาย ทั้งนี้ เขาแจกแจงด้วยว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลอาจทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลละเอียดอ่อนและข้อมูลลับ รวมทั้งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่ระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังจะถูกเจาะ . ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รายงานการประเมินภายในของกระทรวงคลังฉบับหนึ่ง ก็ระบุว่า การที่ทีมงานโดชเข้าถึงระบบชำระเงินของรัฐบาลสหรัฐฯเช่นนี้ ถือเป็นภัยคุกคามจากคนวงในครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สำนักงานบีเอฟเอสเคยเผชิญมา เนื่องจากทำให้เกิดความเสี่ยงใหญ่หลวงด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่รวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลของประชาชนของอเมริกาและรัฐต่างๆ จะถูกนำไปใช้และประมวลผลโดยไม่มีการตรวจสอบ และด้วยวิธีการที่ไม่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง . แมทธิว แพลตกิน อัยการสูงสุดของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ย้ำว่า ทรัมป์อนุญาตให้มัสก์แทรกซึมเข้าระบบและหน่วยงานสำคัญของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นผู้จัดเก็บหมายเลขประกันสังคม ข้อมูลการธนาคาร และข้อมูลละเอียดอ่อนของประชาชนนับล้านๆ คน . นอกเหนือจากกรณีของกระทรวงการคลังนี้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า คณะบริหารทรัมป์จะถูกฟ้องร้องอีกหลายคดี จากความพยายามปรับโครงสร้างการใช้จ่ายและบุคลากรของรัฐบาลกลาง . ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาชั้นต้นสหรัฐฯอีกผู้หนึ่ง ได้ตัดสินให้ยับยั้งความพยายามของทรัมป์ ที่ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกสิทธิการได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติของผู้ที่เกิดในในสหรัฐฯ โดยคำตัเสินระบุว่า การกระทำของทรัมป์ขัดแย้งกับรัฐธรรมรูญ นอกจากนั้นยังผู้พิพากษาษศาลชั้นต้นสหรัฐฯอีกคน สั่งระงับความพยายามของ มัสก์ ในการดำเนินการเพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายล้านคนยื่นใบลาออกเมื่อวันพฤหัสฯ (6) ที่ผ่านมา . ความพยายามหลังสุดนี้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเอสเอด) ซึ่งเป็นหน่วยงานสหรัฐฯทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในทั่วโลก . เกี่ยวกับเรื่องนี้ สหภาพแรงงานหลายแห่งก็กำลังฟ้องร้องต่อศาลว่าการดำเนินการดังกล่าวของคณะบริหารไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยที่เมื่อวันศุกร์ (7) ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯผู้หนึ่งได้ตัดสินออกคำสั่งระงับแผนการที่ระบุให้เจ้าหน้าที่ยูเอสเอด 2,200 คนต้องหยุดงานแบบยังคงได้รับค่าจ้าง . ทางฝั่งพรรคเดโมแครตยืนยันว่า การปิดหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลโดยใช้คำสั่งฝายบริหาร และไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาเช่นนี้ถือว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013145 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1274 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thaipublica’s Pick: Mastercard มีแผนยกเลิกใช้หมายเลขบัตรเครดิตภายในปี 2573
    .
    Mastercard ได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้หมายเลข 16 หลักบนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตภายในปี 2573 เพื่อขจัดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงจากการใช้บัตร
    .
    หมายเลขที่ใช้ระบุการ์ดในปัจจุบันจะถูกแทนที่รูปแบบดิจิทัล (Tokenisation) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (biometric authentication)
    .
    ในปี 2565 มาสเตอร์การ์ดได้เพิ่มทางไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้สามารถชำระเงินด้วยรอยยิ้มหรือโบกมือได้
    .
    รูปแบบใหม่จะมีการแปลงหมายเลขบัตร 16 หลักให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือโทเค็น แล้วจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่มีการแชร์ข้อมูลบัตรเมื่อแตะบัตรหรือโทรศัพท์ หรือชำระเงินออนไลน์
    .
    การยกเลิกหมายเลขบัตรเครดิตถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการลดการฉ้อโกง การเลิกใช้หมายเลขจะหยุดผู้ฉ้อโกงในการประมวลผลธุรกรรมที่ไม่แสดงบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
    .
    นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินของเหยื่อที่ถูกละเมิดข้อมูล หากองค์กรไม่สามารถจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินเหล่านี้ได้อีกต่อไป
    .
    การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่มีการโต้แย้ง ตัวอย่างเช่น การรุกล้ำข้อมูล Optus ในปี 2565 ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าที่เคยมีบัญชีกับบริษัทไว้ในปี 2561 ถูกเปิดเผย
    .
    การยกเลิกความสามารถขององค์กรในการจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินตั้งแต่แรก ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลนี้จะถูกเปิดเผยในการโจมตีในอนาคต
    .
    แม้ว่าจะพยายามลดการฉ้อโกง แต่แนวทางใหม่นี้ก็ทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา
    .
    Mastercard กล่าวว่า ลูกค้าจะใช้โทเค็นที่สร้างโดยแอปธนาคารของลูกค้าหรือไบโอเมตริกซ์แทนหมายเลขบัตร ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารบนมือถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคสูงวัยและผู้พิการจำนวนมากไม่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ก็จะถูกแบ่งแยกออกจากการคุ้มครองรูปแบบใหม่
    .
    การเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัตรเครดิต การยกเลิกหมายเลขออกจะย้ายช่องโหว่ไปยังโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคม
    .
    มิจฉาชีพเข้าถึงโทรศัพท์ของเหยื่ออยู่แล้วผ่านการย้ายค่ายมือถือและใช้เบอร์เดิม กับการหลอกลวงด้วยการแอบอ้างหรือปลอมแปลง การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเมื่อพบวิธีใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
    .
    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์อีกด้วย ซึ่งต่างจากรายละเอียดบัตรเครดิตที่สามารถเปลี่ยนได้เมื่อถูกเปิดเผยในการละเมิดข้อมูล แต่ไบโอเมตริกซ์นั้นตายตัว การมุ่งไปที่ไบโอเมตริกซ์จะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของข้อมูลนี้ และอาจทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องและแก้ไขไม่ได้
    .
    แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การรุกล้ำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ก็เกิดขึ้นได้
    .
    ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มความปลอดภัยบนเว็บ BioStar 2 ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยลายนิ้วมือและรายละเอียดการจดจำใบหน้าของผู้คนมากกว่าล้านคน ในออสเตรเลียผู้ให้บริการด้านไอทีให้กับบริษัทบันเทิง Outabox ถูกกล่าวหาว่าได้เปิดเผยข้อมูลการจดจำใบหน้าของชาวออสเตรเลียมากกว่าล้านคน
    .
    เรายังต้องใช้บัตรกันอีกหรือไม่ในอนาคต?
    .
    แม้ว่าการยกเลิกใช้หมายเลขอาจลดการฉ้อโกงบัตรเครดิต แต่เทคโนโลยีค้าปลีกอัจฉริยะที่เกิดขึ้นใหม่อาจทำให้ความจำเป็นในการใช้บัตรโดยรวมหมดไป
    .
    การชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงอีกต่อไป GlobalData เผยการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินมือถือ(mobile wallet )ในออสเตรเลียในปี 2566 เติบโต 58% เป็น 146.9 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2567 การชำระเงิน 44% เป็นธุรกรรม ด้วยอุปกรณ์
    .
    เทคโนโลยี "Just-Walk-Out" ที่เป็นนวัตกรรมของ Amazon ได้ขจัดความจำเป็นที่ผู้บริโภคจะต้องพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้หมดไป
    .
    เทคโนโลยีนี้ได้ใช้แล้วในร้านค้าที่ Amazon เป็นเจ้าของมากกว่า 70 แห่ง และสถานประกอบการของบุคคลที่สามมากกว่า 85 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา สนามบิน ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ และภายในสถานศึกษา
    .
    เทคโนโลยีนี้ใช้กล้อง เซ็นเซอร์น้ำหนัก และการผสมผสานของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเพื่อให้ผู้ซื้อในร้านค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องรูดหรือแตะบัตรที่จุดชำระเงิน
    .
    ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีการนำเสนอโดยผู้จำหน่ายรายอื่นๆ มากมาย รวมถึง Trigo, Cognizant และ Grabango นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ค้าปลีกระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco และ ALDI
    .
    แม้ว่า Just-Walk-Out จะลดความจำเป็นในการพกพาบัตร แต่ในบางจุดผู้บริโภคยังคงจำเป็นต้องกรอกรายละเอียดบัตรของตนลงในแอป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บัตรและตัวเลขโดยสิ้นเชิง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการค้าปลีกอัจฉริยะจึงหันมาใช้ทางเลือกไบโอเมตริกซ์ เช่น การชำระเงินด้วยการจดจำใบหน้า
    .
    เมื่อประเมินถึงความเร็วที่เทคโนโลยีการค้าปลีกและการชำระเงินอัจฉริยะเข้าสู่ตลาด ก็มีแนวโน้มว่าบัตรเครดิตที่เป็นบัตร หรือไม่ว่าจะมีหมายเลขหรือไม่มีเลย จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในไม่ช้านี้ และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลือกการชำระเงินแบบไบโอเมตริก
    .
    เรื่อง: https://www.abc.net.au/news/2025-02-04/mastercard-credit-card-numbers-biometric/104895038
    .
    ภาพ: https://www.biometricupdate.com/202502/biometrics-tokenization-to-replace-credit-card-numbers-by-2030

    ที่มา Thaipublica
    https://www.facebook.com/share/p/12KbPkwhRqg/?mibextid=wwXIfr
    Thaipublica’s Pick: Mastercard มีแผนยกเลิกใช้หมายเลขบัตรเครดิตภายในปี 2573 . Mastercard ได้ประกาศแผนการที่จะเลิกใช้หมายเลข 16 หลักบนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตภายในปี 2573 เพื่อขจัดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงจากการใช้บัตร . หมายเลขที่ใช้ระบุการ์ดในปัจจุบันจะถูกแทนที่รูปแบบดิจิทัล (Tokenisation) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ (biometric authentication) . ในปี 2565 มาสเตอร์การ์ดได้เพิ่มทางไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้สามารถชำระเงินด้วยรอยยิ้มหรือโบกมือได้ . รูปแบบใหม่จะมีการแปลงหมายเลขบัตร 16 หลักให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหรือโทเค็น แล้วจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ ดังนั้นจึงไม่มีการแชร์ข้อมูลบัตรเมื่อแตะบัตรหรือโทรศัพท์ หรือชำระเงินออนไลน์ . การยกเลิกหมายเลขบัตรเครดิตถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดในการลดการฉ้อโกง การเลิกใช้หมายเลขจะหยุดผู้ฉ้อโกงในการประมวลผลธุรกรรมที่ไม่แสดงบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต . นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายทางการเงินของเหยื่อที่ถูกละเมิดข้อมูล หากองค์กรไม่สามารถจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินเหล่านี้ได้อีกต่อไป . การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นปัญหาที่มีการโต้แย้ง ตัวอย่างเช่น การรุกล้ำข้อมูล Optus ในปี 2565 ที่ส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าที่เคยมีบัญชีกับบริษัทไว้ในปี 2561 ถูกเปิดเผย . การยกเลิกความสามารถขององค์กรในการจัดเก็บรายละเอียดการชำระเงินตั้งแต่แรก ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลนี้จะถูกเปิดเผยในการโจมตีในอนาคต . แม้ว่าจะพยายามลดการฉ้อโกง แต่แนวทางใหม่นี้ก็ทำให้เกิดประเด็นใหม่ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณา . Mastercard กล่าวว่า ลูกค้าจะใช้โทเค็นที่สร้างโดยแอปธนาคารของลูกค้าหรือไบโอเมตริกซ์แทนหมายเลขบัตร ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารบนมือถือ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ผู้บริโภคสูงวัยและผู้พิการจำนวนมากไม่ใช้บริการธนาคารดิจิทัล ก็จะถูกแบ่งแยกออกจากการคุ้มครองรูปแบบใหม่ . การเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัตรเครดิต การยกเลิกหมายเลขออกจะย้ายช่องโหว่ไปยังโทรศัพท์มือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคม . มิจฉาชีพเข้าถึงโทรศัพท์ของเหยื่ออยู่แล้วผ่านการย้ายค่ายมือถือและใช้เบอร์เดิม กับการหลอกลวงด้วยการแอบอ้างหรือปลอมแปลง การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเมื่อพบวิธีใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น . นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับไบโอเมตริกซ์อีกด้วย ซึ่งต่างจากรายละเอียดบัตรเครดิตที่สามารถเปลี่ยนได้เมื่อถูกเปิดเผยในการละเมิดข้อมูล แต่ไบโอเมตริกซ์นั้นตายตัว การมุ่งไปที่ไบโอเมตริกซ์จะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของข้อมูลนี้ และอาจทำให้เหยื่อได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องและแก้ไขไม่ได้ . แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การรุกล้ำข้อมูลไบโอเมตริกซ์ก็เกิดขึ้นได้ . ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มความปลอดภัยบนเว็บ BioStar 2 ในสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยลายนิ้วมือและรายละเอียดการจดจำใบหน้าของผู้คนมากกว่าล้านคน ในออสเตรเลียผู้ให้บริการด้านไอทีให้กับบริษัทบันเทิง Outabox ถูกกล่าวหาว่าได้เปิดเผยข้อมูลการจดจำใบหน้าของชาวออสเตรเลียมากกว่าล้านคน . เรายังต้องใช้บัตรกันอีกหรือไม่ในอนาคต? . แม้ว่าการยกเลิกใช้หมายเลขอาจลดการฉ้อโกงบัตรเครดิต แต่เทคโนโลยีค้าปลีกอัจฉริยะที่เกิดขึ้นใหม่อาจทำให้ความจำเป็นในการใช้บัตรโดยรวมหมดไป . การชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรจริงอีกต่อไป GlobalData เผยการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินมือถือ(mobile wallet )ในออสเตรเลียในปี 2566 เติบโต 58% เป็น 146.9 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2567 การชำระเงิน 44% เป็นธุรกรรม ด้วยอุปกรณ์ . เทคโนโลยี "Just-Walk-Out" ที่เป็นนวัตกรรมของ Amazon ได้ขจัดความจำเป็นที่ผู้บริโภคจะต้องพกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้หมดไป . เทคโนโลยีนี้ได้ใช้แล้วในร้านค้าที่ Amazon เป็นเจ้าของมากกว่า 70 แห่ง และสถานประกอบการของบุคคลที่สามมากกว่า 85 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา สนามบิน ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ และภายในสถานศึกษา . เทคโนโลยีนี้ใช้กล้อง เซ็นเซอร์น้ำหนัก และการผสมผสานของเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเพื่อให้ผู้ซื้อในร้านค้าสามารถซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องรูดหรือแตะบัตรที่จุดชำระเงิน . ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวมีการนำเสนอโดยผู้จำหน่ายรายอื่นๆ มากมาย รวมถึง Trigo, Cognizant และ Grabango นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการทดลองกับผู้ค้าปลีกระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Tesco และ ALDI . แม้ว่า Just-Walk-Out จะลดความจำเป็นในการพกพาบัตร แต่ในบางจุดผู้บริโภคยังคงจำเป็นต้องกรอกรายละเอียดบัตรของตนลงในแอป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บัตรและตัวเลขโดยสิ้นเชิง ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการค้าปลีกอัจฉริยะจึงหันมาใช้ทางเลือกไบโอเมตริกซ์ เช่น การชำระเงินด้วยการจดจำใบหน้า . เมื่อประเมินถึงความเร็วที่เทคโนโลยีการค้าปลีกและการชำระเงินอัจฉริยะเข้าสู่ตลาด ก็มีแนวโน้มว่าบัตรเครดิตที่เป็นบัตร หรือไม่ว่าจะมีหมายเลขหรือไม่มีเลย จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นในไม่ช้านี้ และจะถูกแทนที่ด้วยตัวเลือกการชำระเงินแบบไบโอเมตริก . เรื่อง: https://www.abc.net.au/news/2025-02-04/mastercard-credit-card-numbers-biometric/104895038 . ภาพ: https://www.biometricupdate.com/202502/biometrics-tokenization-to-replace-credit-card-numbers-by-2030 ที่มา Thaipublica https://www.facebook.com/share/p/12KbPkwhRqg/?mibextid=wwXIfr
    WWW.ABC.NET.AU
    Mastercard is scrapping credit card numbers by 2030 as cards become obsolete
    Physical credit cards, numberless or not, will soon become redundant, as biometric payment options become more popular.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาไม่ให้ประกัน 2 คู่หูจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้าน หลังยื่นหลักทรัพย์คนละ 3 แสนบาท ชี้เกรงจะหลบหนี ตามตัวยาก ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

    วันนี้ (8 ก.พ.2568) พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอฝากขังครั้งแรก นายยี วานโยว (Mr.YE Wanyou) อายุ 28 ปี และนายลี่ เว่ยเจีย (Mr.Lee Weijie) อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ 1-2 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะความเสียหายแก่ผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมบัญชี เงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียน ผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 342(1), 343 วรรคสอง, พรบว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ 2550 มาตรา 14(1) วรรคหนึ่ง, พ.ร.ก.มาตรการป้องการและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มราตรา 10, 11

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000012823

    #MGROnline #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    ศาลอาญาไม่ให้ประกัน 2 คู่หูจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้าน หลังยื่นหลักทรัพย์คนละ 3 แสนบาท ชี้เกรงจะหลบหนี ตามตัวยาก ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน • วันนี้ (8 ก.พ.2568) พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอฝากขังครั้งแรก นายยี วานโยว (Mr.YE Wanyou) อายุ 28 ปี และนายลี่ เว่ยเจีย (Mr.Lee Weijie) อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ 1-2 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะความเสียหายแก่ผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมบัญชี เงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใดๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียน ผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 342(1), 343 วรรคสอง, พรบว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ 2550 มาตรา 14(1) วรรคหนึ่ง, พ.ร.ก.มาตรการป้องการและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มราตรา 10, 11 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000012823 • #MGROnline #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายตั้ม-เมีย" กับพวกให้การปฏิเสธ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง-ฟอกเงิน หลอก“เจ๊อ้อย”กว่า 100 ล้าน ศาลนัดสอบคำให้การ 10 มี.ค.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012479

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทนายตั้ม-เมีย" กับพวกให้การปฏิเสธ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง-ฟอกเงิน หลอก“เจ๊อ้อย”กว่า 100 ล้าน ศาลนัดสอบคำให้การ 10 มี.ค.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012479 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 721 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนโชว์เทพ ลงพื้นที่ไม่กี่วันตัดตอนจีนเทา ทำไทยเฉยตื่นเลย
    ในที่สุดรัฐบาลไทยก็ตัดสินใจได้เฉียบขาด สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ตและน้ํามันเชื้อเพลิง ที่จัดส่งจากฝั่งไทยไปยัง ฝั่งเมียนมาร์ เริ่มตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากหน่วยข่าวกรองยืนยันในที่ประชุมซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชชัยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมเป็นประธานว่า ห้ามเมืองเหล่านั้นเป็นแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จําเป็นต้องตัดท่อน้ําเลี้ยงเพื่อหยุดวงจรอุบาทว์
    แม้งานนี้จะมีชาวเมียนมาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยจากมาตรการนี้ของรัฐบาลไทย แต่นายภูมิธรรม ย้ําถึงความจําเป็นที่จะต้องทํา เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนคนไทยต้องเสียหายหนักจากเล่ห์กลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุกคามชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่หยุดหย่อนจนเกิดเป็นคดีความฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายกว่า 86000 ล้านบาท
    ถือว่ากระทบความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลเมียนมาก็ต้องรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนของคนเมียนมาเอาเอง เพราะรัฐบาลไทยจําเป็นต้องใช้มาตรการนี้เพื่อคุ้มครองคนไทยไว้ก่อนอีกทั้งการล่อลวงค้ามนุษย์ของพวกจีนเทาในเมียนมา ก็ถือเป็นปัญหาระดันานาชาติไปแล้ว เพราะมีคนสัญชาติต่างต่างโดนกวาดต้อนไปเป็นแรงงานที่นั่น
    งานนี้พี่จีนมาเหนือ แสดงความเก่งกาจได้อย่างสุดๆฝีมือ เก่งขนาดที่ว่า สามารถกดดันไทยเฉยให้ตื่นจากหลับ รับรู้ถึงความไม่ถูกต้องที่ปล่อยให้คนไทยรับมือโจนไซเบอร์ไปตามยถากรรมหรือกล่าวได้ว่าคนไทยเป็นหนี้บุญคุณของพญามังกรที่รุกไล่ทําลายแก๊งจีนเทาแบบเอาตาย ต้องขอยอมรับความแข็งแกร่งของทีมงานจากประเทศจีนจริงๆที่ไม่ว่าอิทธิพลขนาดไหนก็ยังคง สู้ยิบตาถ้าทำประชาชนเดือดร้อน ไม่เหมือนคนแถวนี้
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    จีนโชว์เทพ ลงพื้นที่ไม่กี่วันตัดตอนจีนเทา ทำไทยเฉยตื่นเลย ในที่สุดรัฐบาลไทยก็ตัดสินใจได้เฉียบขาด สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ตและน้ํามันเชื้อเพลิง ที่จัดส่งจากฝั่งไทยไปยัง ฝั่งเมียนมาร์ เริ่มตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากหน่วยข่าวกรองยืนยันในที่ประชุมซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชชัยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมเป็นประธานว่า ห้ามเมืองเหล่านั้นเป็นแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จําเป็นต้องตัดท่อน้ําเลี้ยงเพื่อหยุดวงจรอุบาทว์ แม้งานนี้จะมีชาวเมียนมาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยจากมาตรการนี้ของรัฐบาลไทย แต่นายภูมิธรรม ย้ําถึงความจําเป็นที่จะต้องทํา เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนคนไทยต้องเสียหายหนักจากเล่ห์กลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุกคามชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่หยุดหย่อนจนเกิดเป็นคดีความฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายกว่า 86000 ล้านบาท ถือว่ากระทบความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลเมียนมาก็ต้องรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนของคนเมียนมาเอาเอง เพราะรัฐบาลไทยจําเป็นต้องใช้มาตรการนี้เพื่อคุ้มครองคนไทยไว้ก่อนอีกทั้งการล่อลวงค้ามนุษย์ของพวกจีนเทาในเมียนมา ก็ถือเป็นปัญหาระดันานาชาติไปแล้ว เพราะมีคนสัญชาติต่างต่างโดนกวาดต้อนไปเป็นแรงงานที่นั่น งานนี้พี่จีนมาเหนือ แสดงความเก่งกาจได้อย่างสุดๆฝีมือ เก่งขนาดที่ว่า สามารถกดดันไทยเฉยให้ตื่นจากหลับ รับรู้ถึงความไม่ถูกต้องที่ปล่อยให้คนไทยรับมือโจนไซเบอร์ไปตามยถากรรมหรือกล่าวได้ว่าคนไทยเป็นหนี้บุญคุณของพญามังกรที่รุกไล่ทําลายแก๊งจีนเทาแบบเอาตาย ต้องขอยอมรับความแข็งแกร่งของทีมงานจากประเทศจีนจริงๆที่ไม่ว่าอิทธิพลขนาดไหนก็ยังคง สู้ยิบตาถ้าทำประชาชนเดือดร้อน ไม่เหมือนคนแถวนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ

    ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000

    มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ

    ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่
    https://arxiv.org/abs/2502.01061v1

    https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000 มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่ https://arxiv.org/abs/2502.01061v1 https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ByteDance's OmniHuman-1 may be the most realistic deepfake algorithm yet
    We may be well past the uncanny valley point right now. OmniHuman-1's fake videos look startlingly lifelike, and the model's deepfake outputs are perhaps the most realistic...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนรักหักเหลี่ยม ที่มีแววไปรักกันต่อในซังเต
    ทนายตั้ม กําลังเผชิญวิบากกรรม ถล่มใส่นอกจากถูกอัยการสั่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว คดีฉ้อโกง พี่อ้อยจตุพร ล่าสุดยังถูกเชือดจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย ลงโทษห้ามเป็นทนายความนาน 3 ปี กรณีถูกร้องเรียนเกี่ยวกับคลิปลับผู้กํากับโจ้ เมื่อปี 2564
    นับเป็นคดีแรกในชีวิตของทนายตั้มที่ถูกสภาทนายความสั่งลงโทษแม้จะเป็นการพิจารณาสอบสวนที่ค่อนข้างล่าช้า แต่ก็ตรงตามสํานวนที่ว่า มาช้าดีกว่าไม่มา
    ก็เป็นไปได้ว่าสภาทนายความซึ่งจะกล้าหือกับทนายตั้ม ก็ตอนทนายตั้มหมดสภาพแล้วอย่างในเวลานี้ หากเขายังคงเป็นทนายเซเลบปาก้าอยู่นอกคุก ทคดีนี้อาจล่าช้าไปถึงไหนต่อไหนแต่พอเริ่มมีคดีแรกก็อาจมีคดีที่สองที่สามตามมา
    ทนายตั้มมีคดีร้องเรียนกรรมการมรรยาททนายความค้างอยู่นับสิบเรื่อง แต่ละเรื่องล้วนเป็นข้อหาหนักสมฐานะของโจรในคาบทนายอย่างทนายตั้มทุกประการ สุดท้ายอาจถึงขั้นถูกลบชื่อจากการเป็นทนายความตลอดชีวิตได้เลย
    ที่เป็นตลกร้ายก็คือคนที่ร้องเรียนทนายตั้มจนถูกลงโทษรุนแรงขนาดนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนรักหน้ากล้องของทนายตั้มนั่นเอง ทนายจุ๊กกรู เดชา เป็นคนยื่นกรรมการมันยาททนายความให้สอบสวนทนายตั้มคดีโจ้ถุงดํา โดยหลังเกิดคดีนี้ทนายเดชากับทนายตั้มเปิดศึกทางโซเชียลกันอย่างดุเดือด
    เวลานั้นเป็นทนายตั้มที่กล่าวหาทนายเดชาได้คลิปลับถุงดําเป็นคนแรกแต่ไม่ยอมไปแจ้งตํารวจ หรือเอามาเปิดให้สาธารณชนเห็น ซึ่งทนายตั้มกล่าวหาทนายเดชาจ้องจะตบทรัพย์ผู้กํากับโจ้เพราะได้คลิปก่อนใคร แต่ไม่รีบปล่อย ส่วนทนายตั้มซึ่งได้คลิปทีหลังกลายเป็นคนได้เปิดก่อนโกยคะแนนนิยมไปเต็มๆ
    จากนั้นทั้งคู่ก็ค้าความกันนัวฟ้องกันไปฟ้องกันมาด่ากันไปด่ากันมานายเดชาถึงกับด่าทนายตั้มออกทีวีว่าเป็นหมาขี้เรื้อน
    แต่พอปี 2565สองทนายโซเชียลกลับลํามาจูบปากกัน ยอมถอนฟ้องซึ่งกันและกันจนหมด แต่เรื่องที่ถอนฟ้องไม่ได้ก็คือการไปร้องเรียนกรรมการมันยาททนายความนี่เองเพราะระเบียบของที่นี่ไม่เหมือนศาลถ้าร้องแล้วก็คือร้องเลยถอนคืนไม่ได้ยอมความกันไม่ได้
    สุดท้ายทนายตั้มเลยมาถูกเชือดด้วยน้ํามือของเพื่อนรักเข้าตําราเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของแท้
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #เดชา
    #ทนายตั้ม
    เพื่อนรักหักเหลี่ยม ที่มีแววไปรักกันต่อในซังเต ทนายตั้ม กําลังเผชิญวิบากกรรม ถล่มใส่นอกจากถูกอัยการสั่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว คดีฉ้อโกง พี่อ้อยจตุพร ล่าสุดยังถูกเชือดจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย ลงโทษห้ามเป็นทนายความนาน 3 ปี กรณีถูกร้องเรียนเกี่ยวกับคลิปลับผู้กํากับโจ้ เมื่อปี 2564 นับเป็นคดีแรกในชีวิตของทนายตั้มที่ถูกสภาทนายความสั่งลงโทษแม้จะเป็นการพิจารณาสอบสวนที่ค่อนข้างล่าช้า แต่ก็ตรงตามสํานวนที่ว่า มาช้าดีกว่าไม่มา ก็เป็นไปได้ว่าสภาทนายความซึ่งจะกล้าหือกับทนายตั้ม ก็ตอนทนายตั้มหมดสภาพแล้วอย่างในเวลานี้ หากเขายังคงเป็นทนายเซเลบปาก้าอยู่นอกคุก ทคดีนี้อาจล่าช้าไปถึงไหนต่อไหนแต่พอเริ่มมีคดีแรกก็อาจมีคดีที่สองที่สามตามมา ทนายตั้มมีคดีร้องเรียนกรรมการมรรยาททนายความค้างอยู่นับสิบเรื่อง แต่ละเรื่องล้วนเป็นข้อหาหนักสมฐานะของโจรในคาบทนายอย่างทนายตั้มทุกประการ สุดท้ายอาจถึงขั้นถูกลบชื่อจากการเป็นทนายความตลอดชีวิตได้เลย ที่เป็นตลกร้ายก็คือคนที่ร้องเรียนทนายตั้มจนถูกลงโทษรุนแรงขนาดนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนรักหน้ากล้องของทนายตั้มนั่นเอง ทนายจุ๊กกรู เดชา เป็นคนยื่นกรรมการมันยาททนายความให้สอบสวนทนายตั้มคดีโจ้ถุงดํา โดยหลังเกิดคดีนี้ทนายเดชากับทนายตั้มเปิดศึกทางโซเชียลกันอย่างดุเดือด เวลานั้นเป็นทนายตั้มที่กล่าวหาทนายเดชาได้คลิปลับถุงดําเป็นคนแรกแต่ไม่ยอมไปแจ้งตํารวจ หรือเอามาเปิดให้สาธารณชนเห็น ซึ่งทนายตั้มกล่าวหาทนายเดชาจ้องจะตบทรัพย์ผู้กํากับโจ้เพราะได้คลิปก่อนใคร แต่ไม่รีบปล่อย ส่วนทนายตั้มซึ่งได้คลิปทีหลังกลายเป็นคนได้เปิดก่อนโกยคะแนนนิยมไปเต็มๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ค้าความกันนัวฟ้องกันไปฟ้องกันมาด่ากันไปด่ากันมานายเดชาถึงกับด่าทนายตั้มออกทีวีว่าเป็นหมาขี้เรื้อน แต่พอปี 2565สองทนายโซเชียลกลับลํามาจูบปากกัน ยอมถอนฟ้องซึ่งกันและกันจนหมด แต่เรื่องที่ถอนฟ้องไม่ได้ก็คือการไปร้องเรียนกรรมการมันยาททนายความนี่เองเพราะระเบียบของที่นี่ไม่เหมือนศาลถ้าร้องแล้วก็คือร้องเลยถอนคืนไม่ได้ยอมความกันไม่ได้ สุดท้ายทนายตั้มเลยมาถูกเชือดด้วยน้ํามือของเพื่อนรักเข้าตําราเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของแท้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ #เดชา #ทนายตั้ม
    Love
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทวีปัดผู้ช่วยรมต.จีน ตำหนิไทยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (04/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ผู้ช่วยรมต.จีน เยือนไทย #ฉ้อโกงออนไลน์
    ทวีปัดผู้ช่วยรมต.จีน ตำหนิไทยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (04/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ผู้ช่วยรมต.จีน เยือนไทย #ฉ้อโกงออนไลน์
    Like
    Haha
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 778 มุมมอง 22 0 รีวิว
Pages Boosts