• ‘ไพศาล’ เผย ‘สุชาติ’ รมว.ป้ายแดง วอนสังคมไทย ให้โอกาส ครม.ใหม่ทำงาน
    https://www.thai-tai.tv/news/20069/
    .
    #สุชาติตันเจริญ #รัฐมนตรีประจำสำนักนายก #ครมเศรษฐา1 #การเมืองไทย #ความสามัคคี #ศาลรัฐธรรมนูญ #นายกพักงาน #ไพศาลพืชมงคล #นโยบายรัฐบาล #ปรองดอง
    ‘ไพศาล’ เผย ‘สุชาติ’ รมว.ป้ายแดง วอนสังคมไทย ให้โอกาส ครม.ใหม่ทำงาน https://www.thai-tai.tv/news/20069/ . #สุชาติตันเจริญ #รัฐมนตรีประจำสำนักนายก #ครมเศรษฐา1 #การเมืองไทย #ความสามัคคี #ศาลรัฐธรรมนูญ #นายกพักงาน #ไพศาลพืชมงคล #นโยบายรัฐบาล #ปรองดอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มท.อ้วน" ขออย่ามองลบปมสั่งปิดประชุมสภาฯ รับตามสภาพ สส.ที่เป็น รมต.ต้องหอบงานไปทำ ป้องกันสภาล่ม ชี้หน.พรรคร่วมต้องกำชับ สส.เข้าประชุม บอกปกติสามารถเกิดขึ้นได้ เผยยังไม่ได้คุยฝ่าย กม.เป็นรูปธรรม กรณีอำนาจรักษาการนายกฯยุบสภาได้หรือไม่ ยันทำตามอำนาจที่ รธน.

    วันนี้ (3ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง สั่งปิดการประชุมระหว่างฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุม ว่าเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ แต่เคยกำชับไว้แล้วว่าให้ทุกคนทำหน้าที่ในช่วงรอยต่อ ซึ่งอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง

    ส่วนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีการระบุว่าสส.กว่า 90% ของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมในวันนี้ แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าร่วมเป็นสส.ของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งต้องให้ทางหัวหน้าพรรคกำชับกันต่อไป

    ทั้งนี้ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะประสานแก้ปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร หรือ ต้องให้วิปรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งตนเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อช่วง 14:00 น. ที่ผ่านมา จึงเพิ่งได้เริ่มพูดคุยกัน ฉะนั้นต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เคยทำและอะไรที่ควรทำตนก็ต้องทำ ขณะที่เรื่องของสภาวิปรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแต่งตั้งใหม่และกระบวนการต่างๆยังไม่ครบถ้วนจึงขอให้รอครบถ้วนก่อน เพราะตรงนี้เป็นปัญหาแต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ดังนั้นก็ต้องแก้ไขปัญหากันต่อ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000062818

    #MGROnline #ภูมิธรรมเวชยชัย #รองนายกรัฐมนตรี #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย #รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
    "มท.อ้วน" ขออย่ามองลบปมสั่งปิดประชุมสภาฯ รับตามสภาพ สส.ที่เป็น รมต.ต้องหอบงานไปทำ ป้องกันสภาล่ม ชี้หน.พรรคร่วมต้องกำชับ สส.เข้าประชุม บอกปกติสามารถเกิดขึ้นได้ เผยยังไม่ได้คุยฝ่าย กม.เป็นรูปธรรม กรณีอำนาจรักษาการนายกฯยุบสภาได้หรือไม่ ยันทำตามอำนาจที่ รธน. • วันนี้ (3ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง สั่งปิดการประชุมระหว่างฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุม ว่าเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ แต่เคยกำชับไว้แล้วว่าให้ทุกคนทำหน้าที่ในช่วงรอยต่อ ซึ่งอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง • ส่วนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีการระบุว่าสส.กว่า 90% ของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมในวันนี้ แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าร่วมเป็นสส.ของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งต้องให้ทางหัวหน้าพรรคกำชับกันต่อไป • ทั้งนี้ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะประสานแก้ปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร หรือ ต้องให้วิปรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งตนเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อช่วง 14:00 น. ที่ผ่านมา จึงเพิ่งได้เริ่มพูดคุยกัน ฉะนั้นต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เคยทำและอะไรที่ควรทำตนก็ต้องทำ ขณะที่เรื่องของสภาวิปรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแต่งตั้งใหม่และกระบวนการต่างๆยังไม่ครบถ้วนจึงขอให้รอครบถ้วนก่อน เพราะตรงนี้เป็นปัญหาแต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ดังนั้นก็ต้องแก้ไขปัญหากันต่อ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000062818 • #MGROnline #ภูมิธรรมเวชยชัย #รองนายกรัฐมนตรี #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย #รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" ขอเก็บตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 3 ก.ค.นี้ โดยมี "สุริยะ" เป็นผู้นำ ครม. ก่อนมอบหมายงานรองนายกฯ ทำหน้าที่แทน

    เมื่อวันที่ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฎิบัติหน้าที่ มีรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.แพทองธาร ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ว่า น.ส.แพทองธาร จะเก็บตัวเงียบโดยไม่มีภารกิจใด รวมถึงอาจไม่เข้าประชุมสส.พรรคเพื่อไทย ในเวลา14.30 น.ที่ทำการพรรค เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาน ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นผู้นำครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฎิบัติหน้าที่

    จากนั้นนายสุริยะ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ จะนัดประชุมครม.ชุดใหม่ เพื่อพิจารณา คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง มอบหมายให้รองนายกฯรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ หรือ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือ ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง เพื่อมอบหมายงานใหม่ ซึ่งมีรายงานว่าจะมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นรองนายกฯลำดับที่ 1 ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061979

    #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร #สุริยะ
    "แพทองธาร" ขอเก็บตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 3 ก.ค.นี้ โดยมี "สุริยะ" เป็นผู้นำ ครม. ก่อนมอบหมายงานรองนายกฯ ทำหน้าที่แทน • เมื่อวันที่ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฎิบัติหน้าที่ มีรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.แพทองธาร ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ว่า น.ส.แพทองธาร จะเก็บตัวเงียบโดยไม่มีภารกิจใด รวมถึงอาจไม่เข้าประชุมสส.พรรคเพื่อไทย ในเวลา14.30 น.ที่ทำการพรรค เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาน ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นผู้นำครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฎิบัติหน้าที่ • จากนั้นนายสุริยะ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ จะนัดประชุมครม.ชุดใหม่ เพื่อพิจารณา คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง มอบหมายให้รองนายกฯรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ หรือ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือ ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง เพื่อมอบหมายงานใหม่ ซึ่งมีรายงานว่าจะมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นรองนายกฯลำดับที่ 1 ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061979 • #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร #สุริยะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนในการบริหารสั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI ) กระทรวงยุติธรรมส่วนกรณีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เคยมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบกระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านความมั่นคงซึ่งรวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องขอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในการมอบหมายอีก
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนในการบริหารสั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI ) กระทรวงยุติธรรมส่วนกรณีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เคยมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบกระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านความมั่นคงซึ่งรวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องขอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในการมอบหมายอีก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1509 มุมมอง 0 รีวิว
  • สคบ.สอบเข้มตัวแทน OPPO-Realme แอปเงินกู้ในสมาร์ทโฟน ผู้ประกอบการยังเลี่ยงตอบคำถาม อ้างแค่ผู้นำเข้า โบ้ยติดตั้งมาตั้งแต่ต้นทาง แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ

    วันนี้ (14 ม.ค ) นายอนุพงษ์ เจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก (สคบ.) เปิดถึงเผยถึงการพูดคุยกับตัวแทนของ บริษัท โพเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ บริษัท โปรทา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Realme (เรียลมี) ประเด็นมีแอปเงินกู้ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

    นายอนุพงษ์ เผยว่า ตัวแทนทั้งสองบริษัทให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามบางประเด็น ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูลเชิงลึก เจ้าหน้าที่กำลังเค้นสอบให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่านี้ ซึ่งข้อมูลในวันนี้จะนำไปประชุมร่วมกับ นางสางจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.) สำหรับความเสียหายและข้อมูลผู้ลงทะเบียนแอปพลิเคชัน Fineasy และสินเชื่อความสุข มีตัวเลขเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อมูลจากทั้งสองบริษัท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004100

    #MGROnline #OPPO #Realme
    สคบ.สอบเข้มตัวแทน OPPO-Realme แอปเงินกู้ในสมาร์ทโฟน ผู้ประกอบการยังเลี่ยงตอบคำถาม อ้างแค่ผู้นำเข้า โบ้ยติดตั้งมาตั้งแต่ต้นทาง แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ • วันนี้ (14 ม.ค ) นายอนุพงษ์ เจริญเวช ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก (สคบ.) เปิดถึงเผยถึงการพูดคุยกับตัวแทนของ บริษัท โพเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ บริษัท โปรทา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Realme (เรียลมี) ประเด็นมีแอปเงินกู้ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน • นายอนุพงษ์ เผยว่า ตัวแทนทั้งสองบริษัทให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามบางประเด็น ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูลเชิงลึก เจ้าหน้าที่กำลังเค้นสอบให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่านี้ ซึ่งข้อมูลในวันนี้จะนำไปประชุมร่วมกับ นางสางจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.) สำหรับความเสียหายและข้อมูลผู้ลงทะเบียนแอปพลิเคชัน Fineasy และสินเชื่อความสุข มีตัวเลขเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อมูลจากทั้งสองบริษัท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004100 • #MGROnline #OPPO #Realme
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 588 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตบปาก 'ทักษิณ' พูดพล่อยเหยียดคน หวังนายกฯเตือนพ่อบ้าง
    .
    ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครปากแซ่บเท่ากับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังตระเวนปราศรัยช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกท้องถิ่นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงราย ถึงกับมีการพูดพาดพิงถึงคนแอฟริกันในลักษณะเหยียดเชื้อชาติ ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงความเหมาะสม
    .
    นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า นายทักษิณเคยเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนพรรคใหญ่ และมีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พูดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ สีผิว ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่
    .
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในทางสิทธิมนุษยชน การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสีผิว หรือเชื้อชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญมาก อยากให้คุณทักษิณออกมาขอโทษ ในสิ่งที่ได้พูดไป ในบ้านเราเองก็ไม่ได้มีคนที่มีสีผิวเหมือนกันหมด ตรงนี้เป็นหลักการขั้นพื้นฐานมากๆ หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เพราะรัฐบาลไทยไปสมัครเป็นสมาชิกมนตรีสิทธิมนุษชนแห่งสหชาติ ได้ให้คำมั่นไว้เยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาลของสิทธิมนุษยชน เรื่องของการขจัดการเลือกปฏิบัติ" อังคณรา ระบุ
    .
    ด้าน ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อเรื่องนี้ยังมองว่าการกระทำของนายทักษิณที่ผ่านมายังไม่มีลักษณะใดที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า ส่วนตัว ไม่ได้ฟังว่าท่านทักษิณปราศรัยว่าอย่างไร แต่คิดว่าสามารถทำได้ในขอบเขตที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติให้ทำในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เป็นสิทธิของท่านที่จะไปพูดอะไร ไปทั้งทีก็ไปช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียงอยู่แล้ว
    .
    “ไปแล้วไม่พูดหาเสียงแล้วจะไปทำไมครับ เป็นผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องไปหาเสียงครับ ไม่มีอะไรแปลกหรอก ท่านไปมาหลายจังหวัดแล้ว ผมไม่ได้ฟังแต่เชื่อว่าจากที่ท่านไม่ได้เยี่ยมพี่น้องประชาชนมานาน ท่านอาจจะดีใจ พี่น้องประชาชนก็ไปต้อนรับท่าน ก็เป็นเรื่องปกติ คนไทยทั้งประเทศรอพบท่านอยู่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ไปพบกัน ได้เจรจา ได้พูดให้ความหวังกับพี่น้องประชาชนเห็นว่าอนาคตของประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี” นายวิสุทธิ์ ระบุ
    .
    นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีระเบียบอะไรบอกว่าพูดอะไรได้แค่ไหน หาเสียงก็ต้องแจ้งว่าพรรคจะทำอะไร ผู้สมัครจะทำอะไร อันไหนที่เป็นประโยชน์ก็ต้องพูดกัน
    .
    ผู้สื่อข่าวถามว่า รอบนี้นายทักษิณดุดันขึ้น นายชูศักดิ์ ยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “ไม่ได้ดุดันอะไรครับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการหาเสียง”
    ...........
    Sondhi X
    ตบปาก 'ทักษิณ' พูดพล่อยเหยียดคน หวังนายกฯเตือนพ่อบ้าง . ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครปากแซ่บเท่ากับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังตระเวนปราศรัยช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกท้องถิ่นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงราย ถึงกับมีการพูดพาดพิงถึงคนแอฟริกันในลักษณะเหยียดเชื้อชาติ ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงความเหมาะสม . นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นว่า นายทักษิณเคยเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนพรรคใหญ่ และมีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พูดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ สีผิว ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ . “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในทางสิทธิมนุษยชน การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสีผิว หรือเชื้อชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญมาก อยากให้คุณทักษิณออกมาขอโทษ ในสิ่งที่ได้พูดไป ในบ้านเราเองก็ไม่ได้มีคนที่มีสีผิวเหมือนกันหมด ตรงนี้เป็นหลักการขั้นพื้นฐานมากๆ หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เพราะรัฐบาลไทยไปสมัครเป็นสมาชิกมนตรีสิทธิมนุษชนแห่งสหชาติ ได้ให้คำมั่นไว้เยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาลของสิทธิมนุษยชน เรื่องของการขจัดการเลือกปฏิบัติ" อังคณรา ระบุ . ด้าน ท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อเรื่องนี้ยังมองว่าการกระทำของนายทักษิณที่ผ่านมายังไม่มีลักษณะใดที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า ส่วนตัว ไม่ได้ฟังว่าท่านทักษิณปราศรัยว่าอย่างไร แต่คิดว่าสามารถทำได้ในขอบเขตที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อนุมัติให้ทำในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เป็นสิทธิของท่านที่จะไปพูดอะไร ไปทั้งทีก็ไปช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียงอยู่แล้ว . “ไปแล้วไม่พูดหาเสียงแล้วจะไปทำไมครับ เป็นผู้ช่วยหาเสียงก็ต้องไปหาเสียงครับ ไม่มีอะไรแปลกหรอก ท่านไปมาหลายจังหวัดแล้ว ผมไม่ได้ฟังแต่เชื่อว่าจากที่ท่านไม่ได้เยี่ยมพี่น้องประชาชนมานาน ท่านอาจจะดีใจ พี่น้องประชาชนก็ไปต้อนรับท่าน ก็เป็นเรื่องปกติ คนไทยทั้งประเทศรอพบท่านอยู่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ไปพบกัน ได้เจรจา ได้พูดให้ความหวังกับพี่น้องประชาชนเห็นว่าอนาคตของประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี” นายวิสุทธิ์ ระบุ . นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีระเบียบอะไรบอกว่าพูดอะไรได้แค่ไหน หาเสียงก็ต้องแจ้งว่าพรรคจะทำอะไร ผู้สมัครจะทำอะไร อันไหนที่เป็นประโยชน์ก็ต้องพูดกัน . ผู้สื่อข่าวถามว่า รอบนี้นายทักษิณดุดันขึ้น นายชูศักดิ์ ยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “ไม่ได้ดุดันอะไรครับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการหาเสียง” ........... Sondhi X
    Like
    Angry
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1558 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย“ 7 รมต.ติดโผ ”บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี“ - พ่วง3รมต.โลกลืม
    .
    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้
    .
    ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง
    ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA
    เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ"
    และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย
    .
    1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    ฉายา แพทองโพย
    ล้อมาจากชื่อของนายกฯ
    “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่
    .
    2.นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม
    ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต
    รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด
    “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่
    "ท็อปบูต"นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย
    .
    3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
    ฉายา ภูมิใจขวาง
    นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก
    พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร
    .
    4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
    ฉายา พีระพัง
    พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน
    ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน
    .
    5.พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​รมว.ยุติธรรม
    ฉายา ทวีไอพี
    ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี
    ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ
    แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว
    .
    6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    ฉายา ประชาธิเป๋
    แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน
    .
    7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม
    ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ
    เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก
    วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน
    .
    8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    ฉายา จิราพอ(ล)
    จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ
    สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์
    .
    กลุ่ม “รมต.โลกลืม”
    นายสุชาติ ชมกลิ่นรมช.พาณิชย์
    พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ
    นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์
    ทั้ง3คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง
    สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม
    .
    วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม
    นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ
    .
    คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู
    .
    ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122816
    ..............
    Sondhi X
    สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย“ 7 รมต.ติดโผ ”บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี“ - พ่วง3รมต.โลกลืม . เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้ . ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ" และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย . 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฉายา แพทองโพย ล้อมาจากชื่อของนายกฯ “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่ . 2.นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่ "ท็อปบูต"นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย . 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ฉายา ภูมิใจขวาง นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร . 4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ฉายา พีระพัง พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน . 5.พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​รมว.ยุติธรรม ฉายา ทวีไอพี ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว . 6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉายา ประชาธิเป๋ แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน . 7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน . 8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฉายา จิราพอ(ล) จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์ . กลุ่ม “รมต.โลกลืม” นายสุชาติ ชมกลิ่นรมช.พาณิชย์ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์ ทั้ง3คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม . วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ . คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู . ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122816 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    8
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2894 มุมมอง 1 รีวิว
  • เปิดช่องยื่นผู้ตรวจฯ ส่งศาลฉีก MOU2544 ก่อนตัดสินใจลงถนน
    .
    ปมประเด็นปัญหาในเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาผ่านกรณีMOU 2544 นั้น ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ และมีนักวิชาการ รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิออกมาให้ความเห็นเป็นอย่างมาก โดยนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า "MOU 2544 มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่? กรณีที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2567 ขอให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU 2544 และ JC 2544 ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตยและบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องและเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทยนั้น ผมเห็นด้วยกับเหตุผลตามหนังสือดังกล่าวทุกประการ เพราะหากรัฐบาลยังดำเนินการใดๆต่อไปตาม MOU 2544 เท่ากับเป็นการเปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ”เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย กลายเป็น “การรับรู้” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลโดยปริยาย"
    .
    "ดังนั้นการที่รัฐบาลไทย “รับรู้” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล แม้ว่ารัฐบาลไทยจะอ้างว่ายังคงปฏิเสธการลากเส้นของกัมพูชาดังกล่าว ประเทศไทยก็จะตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดของเราคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว และกลายเป็นการยอมรับความไม่ชัดเจนของพื้นที่อาณาเขตทางทะเลว่ามีความเหลื่อมซ้อนกันอยู่ระหว่างสองประเทศ ตลอดทั้งการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีไทยในทำนองว่าหากตกลงกันไม่ได้ ก็แบ่งครึ่งกัน จึงอาจเข้าทำนองรอยเดิมกรณีปราสาทพระวิหารที่ฝ่ายไทยต้องพ่ายแพ้ด้วยเหตุผลของ “กฎหมายปิดปาก” นั่นเอง"
    .
    นายธีรภัทร์ ให้ความเห็นอีกว่า ข้อเรียกร้องของคุณสนธิและคณะให้นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องดังกล่าวนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและมีมติให้ส่ง MOU 2544และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อนนั้น จึงเป็นข้อเรียกร้องที่มีเหตุมีผลที่รัฐบาลควรสนองตอบ และเป็นทางออกที่เป็นไปตามกติกาของบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่สนองตอบข้อเรียกร้องของคุณสนธิและคณะ ผมก็ขอเสนอต่อไปว่าคุณสนธิและคณะควรจะเสนอเรื่องดังกล่าวนี้ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา 231 ของรัฐธรรมนูญฯเพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองแล้วแต่กรณีเพื่อพิจารณาให้ได้ข้อยุติต่อไปได้ หากกระบวนการโดยสันติตามรัฐธรรมนูญฯไม่บังเกิดผลแล้ว จึงค่อยใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯกันต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    เปิดช่องยื่นผู้ตรวจฯ ส่งศาลฉีก MOU2544 ก่อนตัดสินใจลงถนน . ปมประเด็นปัญหาในเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาผ่านกรณีMOU 2544 นั้น ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ และมีนักวิชาการ รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิออกมาให้ความเห็นเป็นอย่างมาก โดยนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า "MOU 2544 มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่? กรณีที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2567 ขอให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU 2544 และ JC 2544 ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตยและบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องและเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทยนั้น ผมเห็นด้วยกับเหตุผลตามหนังสือดังกล่าวทุกประการ เพราะหากรัฐบาลยังดำเนินการใดๆต่อไปตาม MOU 2544 เท่ากับเป็นการเปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ”เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย กลายเป็น “การรับรู้” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลโดยปริยาย" . "ดังนั้นการที่รัฐบาลไทย “รับรู้” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล แม้ว่ารัฐบาลไทยจะอ้างว่ายังคงปฏิเสธการลากเส้นของกัมพูชาดังกล่าว ประเทศไทยก็จะตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดของเราคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว และกลายเป็นการยอมรับความไม่ชัดเจนของพื้นที่อาณาเขตทางทะเลว่ามีความเหลื่อมซ้อนกันอยู่ระหว่างสองประเทศ ตลอดทั้งการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีไทยในทำนองว่าหากตกลงกันไม่ได้ ก็แบ่งครึ่งกัน จึงอาจเข้าทำนองรอยเดิมกรณีปราสาทพระวิหารที่ฝ่ายไทยต้องพ่ายแพ้ด้วยเหตุผลของ “กฎหมายปิดปาก” นั่นเอง" . นายธีรภัทร์ ให้ความเห็นอีกว่า ข้อเรียกร้องของคุณสนธิและคณะให้นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องดังกล่าวนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและมีมติให้ส่ง MOU 2544และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อนนั้น จึงเป็นข้อเรียกร้องที่มีเหตุมีผลที่รัฐบาลควรสนองตอบ และเป็นทางออกที่เป็นไปตามกติกาของบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่สนองตอบข้อเรียกร้องของคุณสนธิและคณะ ผมก็ขอเสนอต่อไปว่าคุณสนธิและคณะควรจะเสนอเรื่องดังกล่าวนี้ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา 231 ของรัฐธรรมนูญฯเพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองแล้วแต่กรณีเพื่อพิจารณาให้ได้ข้อยุติต่อไปได้ หากกระบวนการโดยสันติตามรัฐธรรมนูญฯไม่บังเกิดผลแล้ว จึงค่อยใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯกันต่อไป .............. Sondhi X
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1562 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทย เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

    วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.11 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทย เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

    โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายหาญ จื้อเถียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประจำประเทศไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีประธานคณะกรรมการดำเนินการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดงาน ฯ และประชาชน เฝ้า ฯ รับเสด็จ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000119481

    #MGROnline #พระบรมสารีริกธาตุ #พระเขี้ยวแก้ว
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทย เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร • วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.11 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทย เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร • โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายหาญ จื้อเถียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประจำประเทศไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีประธานคณะกรรมการดำเนินการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดงาน ฯ และประชาชน เฝ้า ฯ รับเสด็จ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000119481 • #MGROnline #พระบรมสารีริกธาตุ #พระเขี้ยวแก้ว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marry Now, Pay Later แพ็คเกจมาเลย์นิกะห์ไทย

    เป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อมีคลิปในติ๊กต็อกโฆษณาแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทย สำหรับคู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียในราคาต่ำกว่า 2,000 ริงกิต (ประมาณ 15,200 บาทเศษ) ในคอนเซปต์ Marry Now, Pay Later หรือแต่งก่อนจ่ายทีหลัง ทำเอาแซวอย่างตลกขบขัน เช่น จะใช้ Atome (แอปฯ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพื่อผ่อนชำระรายเดือนได้หรือไม่ บางคนสงสัยว่าในมาเลเซียถูกกฎหมายหรือเปล่า ทำไมผู้คนถึงแต่งงานกันที่นั่น

    จากการสอบถามชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ระบุว่า คู่รักที่นิยมไปทำพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานแบบชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง คนที่สาม หรือคนที่สี่ เพราะฝ่ายชายเจอภรรยาคนที่หนึ่งไม่อนุญาต

    การแต่งงานในไทยของชาวมุสลิมมาเลเซียเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากกฎหมายของมาเลเซียถ้าจะแต่งงงานกับภรรยาคนที่สอง ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนแรก ต้องมีสถานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมทั้งต้องทำตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ฝ่ายชายที่พบรักกับผู้หญิงคนใหม่ จึงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายออกนอกประเทศ เพื่อประกอบพิธีนิกะห์ตามมัสยิดใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

    ขั้นตอนก็คือ เมื่อคู่รักมาถึงไทยแล้ว จะประกอบพิธีนิกะห์ที่มัสยิด จากนั้นองค์กรศาสนาอิสลามในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จะออกหนังสือรับรองการแต่งงาน แล้วไปลงทะเบียนที่สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้เอกสารแล้วกลับมาเลเซีย คู่รักทั้งสองคนไปจ่ายค่าปรับที่ศาลอิสลามคนละ 1,000 ริงกิต หรือประมาณ 7,700 บาท แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับสภาศาสนาของมาเลเซีย

    เมื่อเกิดกระแส Buy Now, Pay Later สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีผู้ประกอบการหัวใสจัดแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทยแบบ "แต่งก่อน จ่ายทีหลัง" เพื่อให้คู่รักสามารถตัดสินใจแต่งงานได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมหมัด นาอิม มุคธาร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านกิจการศาสนา) ของมาเลเซีย เตือนว่าผู้ประกอบการที่จัดแพ็คเกจแต่งงานในไทย อาจถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติครอบครัวศาสนาอิสลาม แม้ว่าการแต่งงานในไทยอาจตรงตามข้อกำหนดของศาสนา เช่น การมีวะลีย์ (ผู้ปกครองเจ้าสาว) และพยาน แต่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของมาเลเซีย พร้อมเตือนว่าให้ประชาชนระวังและอย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้

    ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการสร้างสังคมมุสลิม ที่เคารพทั้งกฎหมายศาสนาและระบบกฎหมายของประเทศ หากรีบแต่งงาน ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่ยังสูญเสียแผนการแต่งงานด้วย ผู้ประกอบการบางคนแสวงหาผลผลกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น

    #Newskit
    Marry Now, Pay Later แพ็คเกจมาเลย์นิกะห์ไทย เป็นที่ฮือฮาของชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อมีคลิปในติ๊กต็อกโฆษณาแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทย สำหรับคู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียในราคาต่ำกว่า 2,000 ริงกิต (ประมาณ 15,200 บาทเศษ) ในคอนเซปต์ Marry Now, Pay Later หรือแต่งก่อนจ่ายทีหลัง ทำเอาแซวอย่างตลกขบขัน เช่น จะใช้ Atome (แอปฯ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) เพื่อผ่อนชำระรายเดือนได้หรือไม่ บางคนสงสัยว่าในมาเลเซียถูกกฎหมายหรือเปล่า ทำไมผู้คนถึงแต่งงานกันที่นั่น จากการสอบถามชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ระบุว่า คู่รักที่นิยมไปทำพิธีนิกะห์ หรือพิธีแต่งงานแบบชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่แต่งงานกับภรรยาคนที่สอง คนที่สาม หรือคนที่สี่ เพราะฝ่ายชายเจอภรรยาคนที่หนึ่งไม่อนุญาต การแต่งงานในไทยของชาวมุสลิมมาเลเซียเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากกฎหมายของมาเลเซียถ้าจะแต่งงงานกับภรรยาคนที่สอง ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนแรก ต้องมีสถานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมทั้งต้องทำตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง ฝ่ายชายที่พบรักกับผู้หญิงคนใหม่ จึงอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายออกนอกประเทศ เพื่อประกอบพิธีนิกะห์ตามมัสยิดใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ขั้นตอนก็คือ เมื่อคู่รักมาถึงไทยแล้ว จะประกอบพิธีนิกะห์ที่มัสยิด จากนั้นองค์กรศาสนาอิสลามในไทย เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จะออกหนังสือรับรองการแต่งงาน แล้วไปลงทะเบียนที่สถานกงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เมื่อได้เอกสารแล้วกลับมาเลเซีย คู่รักทั้งสองคนไปจ่ายค่าปรับที่ศาลอิสลามคนละ 1,000 ริงกิต หรือประมาณ 7,700 บาท แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับสภาศาสนาของมาเลเซีย เมื่อเกิดกระแส Buy Now, Pay Later สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค จึงมีผู้ประกอบการหัวใสจัดแพ็คเกจแต่งงานในประเทศไทยแบบ "แต่งก่อน จ่ายทีหลัง" เพื่อให้คู่รักสามารถตัดสินใจแต่งงานได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม นายโมฮัมหมัด นาอิม มุคธาร์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ด้านกิจการศาสนา) ของมาเลเซีย เตือนว่าผู้ประกอบการที่จัดแพ็คเกจแต่งงานในไทย อาจถูกดำเนินคดีภายใต้พระราชบัญญัติครอบครัวศาสนาอิสลาม แม้ว่าการแต่งงานในไทยอาจตรงตามข้อกำหนดของศาสนา เช่น การมีวะลีย์ (ผู้ปกครองเจ้าสาว) และพยาน แต่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของมาเลเซีย พร้อมเตือนว่าให้ประชาชนระวังและอย่าหลงเชื่อโฆษณาเหล่านี้ ทั้งนี้ มาเลเซียต้องการสร้างสังคมมุสลิม ที่เคารพทั้งกฎหมายศาสนาและระบบกฎหมายของประเทศ หากรีบแต่งงาน ไม่เพียงแต่สูญเสียเงิน แต่ยังสูญเสียแผนการแต่งงานด้วย ผู้ประกอบการบางคนแสวงหาผลผลกำไรอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร.คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์.เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ.ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า .คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก. ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า.แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ.ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร.คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์.เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ.ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า .คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก. ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า.แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ.ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1072 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร
    .
    คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์
    .
    เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ
    .
    ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า
    .
    คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก
    .
    ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า
    .
    แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ
    .
    ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร . คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์ . เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ . ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า . คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก . ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า . แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ . ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    Like
    5
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1698 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 874 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เพื่อไทย' ไม่แคร์คดีล้มล้าง มั่นใจข้อกฎหมายไร้ปัญหา ศาล รธน.เตรียมถก 22 พ.ย.
    .
    ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปที่การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากมีวาระการพิจารณา คำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 ภายหลัง นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ทำหนังสือตอบกลับส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน
    .
    ทั้งนี้ ในรายงานของสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีบันทึกสอบถ้อยคำทั้งพยานฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีความเห็นแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ
    .
    ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นว่า ทั้งหมดเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะเห็นอย่างไร แต่เราสู้ไปว่าไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครอง คนไปแสดงความเห็นจะเป็นการล้มล้างการปกครองไปได้อย่างไร พวกเราทราบดีว่าการล้มล้างการปกครองต้องเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่นี่ตรงกันข้าม เช่น คุยกันว่าจะตั้งรัฐบาล จะไปล้มล้างการปกครองตรงไหน คิดว่ามันไม่เข้าเกณฑ์ ก็สู้ไปว่าไม่เข้าเกณฑ์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ก้าวล่วง
    .
    "รู้อยู่แล้วว่าข้อกฎหมายมันไปไม่ได้ รู้ตั้งแต่ต้นแล้วหลังจากเห็นคำร้องว่ามันไปไม่ได้"
    .
    นายชูศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่คิดที่จะฟ้องกลับเพราะมองว่าการฟ้องกันไปฟ้องกันมา ใจจริงอยากให้ประเทศมันเดินหน้า ไม่อยากเอาเรื่องที่ไม่มีสาระอะไร แต่หลายคนในพรรคก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเราจะหยุดขบวนการนี้อย่างไร ก็ว่ากันไป
    ..............
    Sondhi X
    'เพื่อไทย' ไม่แคร์คดีล้มล้าง มั่นใจข้อกฎหมายไร้ปัญหา ศาล รธน.เตรียมถก 22 พ.ย. . ถนนทุกสายกำลังมุ่งไปที่การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากมีวาระการพิจารณา คำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 ภายหลัง นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ทำหนังสือตอบกลับส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน . ทั้งนี้ ในรายงานของสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีบันทึกสอบถ้อยคำทั้งพยานฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีความเห็นแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ . ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นว่า ทั้งหมดเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะเห็นอย่างไร แต่เราสู้ไปว่าไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครอง คนไปแสดงความเห็นจะเป็นการล้มล้างการปกครองไปได้อย่างไร พวกเราทราบดีว่าการล้มล้างการปกครองต้องเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่นี่ตรงกันข้าม เช่น คุยกันว่าจะตั้งรัฐบาล จะไปล้มล้างการปกครองตรงไหน คิดว่ามันไม่เข้าเกณฑ์ ก็สู้ไปว่าไม่เข้าเกณฑ์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ก้าวล่วง . "รู้อยู่แล้วว่าข้อกฎหมายมันไปไม่ได้ รู้ตั้งแต่ต้นแล้วหลังจากเห็นคำร้องว่ามันไปไม่ได้" . นายชูศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่คิดที่จะฟ้องกลับเพราะมองว่าการฟ้องกันไปฟ้องกันมา ใจจริงอยากให้ประเทศมันเดินหน้า ไม่อยากเอาเรื่องที่ไม่มีสาระอะไร แต่หลายคนในพรรคก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเราจะหยุดขบวนการนี้อย่างไร ก็ว่ากันไป .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1683 มุมมอง 1 รีวิว
  • ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน'
    .
    ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม
    .
    "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน"
    .
    ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด
    .
    พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน' . ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม . "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน" . ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด . พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2079 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ก. เผยคลิปเสียง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์บอสดิไอคอน 20 ล้านมีมูล อาจเข้าข่ายข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ -เรียก "เอก สายไหม" ให้ปากคำชี้แจงปมกุเรื่องพยานเท็จวันนี้ (19 พ.ย.)

    วันนี้ ( 19 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคลิปเสียงตบทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ว่า ได้รับการประสานมาจากนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล“ และ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า วันนี้จะไปพบ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ “บอสปัน” เพื่อขอให้เซ็นมอบอำนาจก่อนเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้

    เมื่อถามว่าหลังทนายเข้าแจ้งความแล้วจะดำเนินการทันทีเลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประชุมคณะทำงานไปแล้ว พบว่า คดีที่เหลือของน.ส.กฤษองค์ มีทั้งหมด 3 คดี เรื่องแรกคือ ปมคลิปเสียงเงิน 20 ล้าน ,เรื่องที่ 2 คือ คดีหมิ่นประมาท ที่มีคลิปเสียงพาดพิงถึง น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ เรื่องคลิปเสียงหมิ่นประมาทหนุ่ม กรรชัย ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานพยายามให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน โดยตำรวจจะเร่งเข้าไปสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในเรือนจำด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000111249

    #MGROnline #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บอสดิไอคอน
    รอง ผบช.ก. เผยคลิปเสียง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ตบทรัพย์บอสดิไอคอน 20 ล้านมีมูล อาจเข้าข่ายข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ -เรียก "เอก สายไหม" ให้ปากคำชี้แจงปมกุเรื่องพยานเท็จวันนี้ (19 พ.ย.) • วันนี้ ( 19 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคลิปเสียงตบทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ว่า ได้รับการประสานมาจากนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล“ และ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า วันนี้จะไปพบ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ “บอสปัน” เพื่อขอให้เซ็นมอบอำนาจก่อนเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้ • เมื่อถามว่าหลังทนายเข้าแจ้งความแล้วจะดำเนินการทันทีเลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประชุมคณะทำงานไปแล้ว พบว่า คดีที่เหลือของน.ส.กฤษองค์ มีทั้งหมด 3 คดี เรื่องแรกคือ ปมคลิปเสียงเงิน 20 ล้าน ,เรื่องที่ 2 คือ คดีหมิ่นประมาท ที่มีคลิปเสียงพาดพิงถึง น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ เรื่องคลิปเสียงหมิ่นประมาทหนุ่ม กรรชัย ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานพยายามให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน โดยตำรวจจะเร่งเข้าไปสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในเรือนจำด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000111249 • #MGROnline #ฟิล์มรัฐภูมิ #ตบทรัพย์ #บอสดิไอคอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1189 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - ทนายวิฑูรย์ เผยมาเข้าเยี่ยม "บอสพอล" ในเรือนจำฯ เซ็นมอบอำนาจดำเนินคดี "เจ๊พัช-ฟิล์ม" ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง เรียกรับเงิน 20 ล.

    วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 11.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมลูกความ ว่า วันนี้มีทีมทนายได้นำหนังสือมอบอำนาจเข้าไปให้กับบอสพอลเซ็นเอกสารมอบอำนาจในการดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ "เจ๊พัช" และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม" หลังปรากฏคลิปเสียงจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ออกรายการดัง หากเอกสารเสร็จสิ้นทันวันนี้จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทันที

    นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนข้อหากำลังพิจารณา คือ พยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง แต่ทีมทนายมีความเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกงมากกว่า แต่ทางตำรวจชี้แจงว่าข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ เพราะมีหลักฐานการข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงินจะมีปัญหา และอ้างว่าหนุ่ม กรรชัย จะเขียนสคริปต์โจมตีบริษัทฯ ตามในไฟล์คลิปเสียง โดยทาง บอสปัน พูดคุยกับ น.ส.กฤษอนงค์ ในนาม บริษัท ดิไอคอน ที่เป็นผู้เสียหาย นอกจากนี้ ในส่วนคดีหมิ่นประมาทของ “หนุ่ม กรรชัย” เป็นอีกคดีหนึ่ง แต่ใช้พยานชุดเดียวกัน ทั้งนี้ จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

    นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า กรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ทีมทนายความเข้าแจ้งความพร้อมให้ปากคำครบแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสอนว่าจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ มีการแจ้งข้อหา หมิ่นประมาณ , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันให้การเท็จ ส่วนประเด็น น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งทนายแจ้งความ น.ส.กฤษอนงค์ หลังแอบอ้างชื่อก็แยกเป็นอีกเรื่อง ช่วงเกิดระหว่าง มิ.ย.-ก.ค. คนละเหตุการณ์กับรายการข่าวดัง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000111215

    #MGROnline #กฤษอนงค์ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    MGR Online - ทนายวิฑูรย์ เผยมาเข้าเยี่ยม "บอสพอล" ในเรือนจำฯ เซ็นมอบอำนาจดำเนินคดี "เจ๊พัช-ฟิล์ม" ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง เรียกรับเงิน 20 ล. • วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 11.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมลูกความ ว่า วันนี้มีทีมทนายได้นำหนังสือมอบอำนาจเข้าไปให้กับบอสพอลเซ็นเอกสารมอบอำนาจในการดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ "เจ๊พัช" และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม" หลังปรากฏคลิปเสียงจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ออกรายการดัง หากเอกสารเสร็จสิ้นทันวันนี้จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทันที • นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนข้อหากำลังพิจารณา คือ พยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง แต่ทีมทนายมีความเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกงมากกว่า แต่ทางตำรวจชี้แจงว่าข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ เพราะมีหลักฐานการข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงินจะมีปัญหา และอ้างว่าหนุ่ม กรรชัย จะเขียนสคริปต์โจมตีบริษัทฯ ตามในไฟล์คลิปเสียง โดยทาง บอสปัน พูดคุยกับ น.ส.กฤษอนงค์ ในนาม บริษัท ดิไอคอน ที่เป็นผู้เสียหาย นอกจากนี้ ในส่วนคดีหมิ่นประมาทของ “หนุ่ม กรรชัย” เป็นอีกคดีหนึ่ง แต่ใช้พยานชุดเดียวกัน ทั้งนี้ จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ • นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า กรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ทีมทนายความเข้าแจ้งความพร้อมให้ปากคำครบแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสอนว่าจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ มีการแจ้งข้อหา หมิ่นประมาณ , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันให้การเท็จ ส่วนประเด็น น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งทนายแจ้งความ น.ส.กฤษอนงค์ หลังแอบอ้างชื่อก็แยกเป็นอีกเรื่อง ช่วงเกิดระหว่าง มิ.ย.-ก.ค. คนละเหตุการณ์กับรายการข่าวดัง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000111215 • #MGROnline #กฤษอนงค์ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1754 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเร่งสอบเทวดาสคบ. ขีดเส้นขอเวลา 30 วัน พร้อมจัดการคนผิด
    .
    ท่ามกลางความสนใจของสังคมที่มีต่อกรณีของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีอีกเรื่องหนึ่งที่เกือบลืมไปแล้ว คือ กรณีของผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเรียกรับประโยชน์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า เทวดาสคบ. ปรากฎว่าในที่ประชุมวุฒิสภาได้มีการตั้งกระทู้สอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็นผู้ตอบคำถาม
    .
    นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ ส.ว.ในฐานะผู้เสนอกระทู้ได้อภิปรายและสอบถามว่า ในกรณีดิไอคอน ล่าสุดนี้ มีคำว่าเทวดา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเทวดาตบทรัพย์หรืออย่างไร หรือเป็นซาตาน ผีปอบ สุดท้ายเราไม่รู้ว่าเทวดาจะหนีรอดอีกหรือไม่ มาจนถึงพระ หลอกลงทุนไปที่แชร์แครอท ต้องบอกว่าถึงเวลาที่จริงจังหรือยัง ทำอย่างไรไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นมาแล้วไปไล่จับ ทุกกรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง มีคนมีศักดิ์มีศรีเข้าไปเกี่ยวข้อง รัฐบาลมีวิธีการจัดการอย่างไร เทวดามีจริงหรือไม่ และมีแนวทางการป้องกันก่อนเกิดเหตุอย่างไร
    .
    นางสาวจิราพร ชี้แจงว่า นายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยได้มีข้อสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เพื่อช่วยเร่งสางปมคดีที่เกิดขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา เปิดให้ทุก สน.รับแจ้งข้อหา ได้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ช่วยร่วมสนับสนุนข้อมูลให้สอบสวนโดยเร็ว ส่วนเรื่องเทวดา สคบ.นั้น ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีกรณีนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ได้เสนอเรื่องไปยังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลอยู่ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
    .
    "ถ้าท่านดูไทม์ไลน์ จะเห็นว่าใช้ระยะเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ ในการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ ซึ่งตามโครงสร้างของคณะกรรมการนี้จะเห็นได้ว่าเป็นคนนอกทั้งหมด เราไม่ได้ให้คนในตรวจกันเอง เราใช้กรรมการจากคนนอกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอาญาเข้ามาอยู่ในโครงสร้าง มีทั้งตัวแทน อัยการ ปปง. ดีเอสไอ ตร. เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด ระหว่างกรอบเวลาที่จะสืบหาข้อเท็จจริงนี้ 30 วัน และคณะกรรมการก็ประชุมทันที โดยคณะกรรมการชุดนี้ยังตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 คณะ ได้แก่ คณะในการสืบหาข้อเท็จจริง และคณะที่ศึกษาปัญหาข้อจำกัดในการทำธุรกิจขายตรงหรือแบบตรง ซึ่งจะเข้ามาดูตั้งแต่ขั้นตอนการขอใบอนุญาต ข้อบังคับต่างๆ" นางสาวจิราพร กล่าว
    .......
    Sondhi X
    รัฐบาลเร่งสอบเทวดาสคบ. ขีดเส้นขอเวลา 30 วัน พร้อมจัดการคนผิด . ท่ามกลางความสนใจของสังคมที่มีต่อกรณีของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีอีกเรื่องหนึ่งที่เกือบลืมไปแล้ว คือ กรณีของผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเรียกรับประโยชน์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า เทวดาสคบ. ปรากฎว่าในที่ประชุมวุฒิสภาได้มีการตั้งกระทู้สอบถามถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเป็นผู้ตอบคำถาม . นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ ส.ว.ในฐานะผู้เสนอกระทู้ได้อภิปรายและสอบถามว่า ในกรณีดิไอคอน ล่าสุดนี้ มีคำว่าเทวดา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเทวดาตบทรัพย์หรืออย่างไร หรือเป็นซาตาน ผีปอบ สุดท้ายเราไม่รู้ว่าเทวดาจะหนีรอดอีกหรือไม่ มาจนถึงพระ หลอกลงทุนไปที่แชร์แครอท ต้องบอกว่าถึงเวลาที่จริงจังหรือยัง ทำอย่างไรไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นมาแล้วไปไล่จับ ทุกกรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง มีคนมีศักดิ์มีศรีเข้าไปเกี่ยวข้อง รัฐบาลมีวิธีการจัดการอย่างไร เทวดามีจริงหรือไม่ และมีแนวทางการป้องกันก่อนเกิดเหตุอย่างไร . นางสาวจิราพร ชี้แจงว่า นายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยได้มีข้อสั่งการถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เพื่อช่วยเร่งสางปมคดีที่เกิดขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา เปิดให้ทุก สน.รับแจ้งข้อหา ได้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ช่วยร่วมสนับสนุนข้อมูลให้สอบสวนโดยเร็ว ส่วนเรื่องเทวดา สคบ.นั้น ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีกรณีนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ได้เสนอเรื่องไปยังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลอยู่ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง . "ถ้าท่านดูไทม์ไลน์ จะเห็นว่าใช้ระยะเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ ในการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ ซึ่งตามโครงสร้างของคณะกรรมการนี้จะเห็นได้ว่าเป็นคนนอกทั้งหมด เราไม่ได้ให้คนในตรวจกันเอง เราใช้กรรมการจากคนนอกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอาญาเข้ามาอยู่ในโครงสร้าง มีทั้งตัวแทน อัยการ ปปง. ดีเอสไอ ตร. เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด ระหว่างกรอบเวลาที่จะสืบหาข้อเท็จจริงนี้ 30 วัน และคณะกรรมการก็ประชุมทันที โดยคณะกรรมการชุดนี้ยังตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 คณะ ได้แก่ คณะในการสืบหาข้อเท็จจริง และคณะที่ศึกษาปัญหาข้อจำกัดในการทำธุรกิจขายตรงหรือแบบตรง ซึ่งจะเข้ามาดูตั้งแต่ขั้นตอนการขอใบอนุญาต ข้อบังคับต่างๆ" นางสาวจิราพร กล่าว ....... Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1795 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ประกอบด้วย

    1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ
    2.พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
    3. นายนิรันต์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นกรรมการ
    4.นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นกรรมการ
    5. พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการ
    6. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นกรรมการ
    7. นายปวริศ ผุดผ่อง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ
    8 นายวิสุทธิ์ ฉัตรานุฉัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการ

    โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
    ข้อ 1.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
    คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจ
    เรียกเอกสารใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานใด ๆ เพื่อประกอบ
    การพิจารณา และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะต่อรองนายกรัฐมนตรี
    (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ออกคำสั่ง ในกรณีจำเป็นรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง)
    อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร
    ข้อ 2.คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมทั้งผู้ช่วยเลขานุการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้

    ข้อ 3.ให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักนายกรัฐมนตรี
    ข้อ 4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถูกตั้งขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด มีชื่อเสียงเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ,เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี ,คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ,คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย ,คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ,คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย

    ล่าสุดช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเคย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักอดีตรองผบ.ตร.ด้วย

    #Thaitimes
    มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ประกอบด้วย 1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ 2.พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ 3. นายนิรันต์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นกรรมการ 4.นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นกรรมการ 5. พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการ 6. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นกรรมการ 7. นายปวริศ ผุดผ่อง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ 8 นายวิสุทธิ์ ฉัตรานุฉัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการ โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ ข้อ 1.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจ เรียกเอกสารใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานใด ๆ เพื่อประกอบ การพิจารณา และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ออกคำสั่ง ในกรณีจำเป็นรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร ข้อ 2.คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมทั้งผู้ช่วยเลขานุการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ ข้อ 3.ให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อ 4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถูกตั้งขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด มีชื่อเสียงเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ,เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี ,คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ,คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย ,คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ,คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย ล่าสุดช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเคย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักอดีตรองผบ.ตร.ด้วย #Thaitimes
    สำนักนายกฯ ตั้ง ‘ชาติพงษ์’ อดีตรอง อสส.นั่ง ปธ.สอบข้อเท็จจริงคดี ‘ดิไอคอน’ จ่ายส่วยเทวดาเป็นค่าคุ้มครอง มีอำนาจเรียกสอบ-เอกสาร จาก สคบ.หน่วยงานเกี่ยวข้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000099909

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 730 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนสภาฯ ชะลอนิรโทษกรรม คดี 112 เรื่องละเอียดอ่อน ระวังรัฐบาลงานเข้า
    .
    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ตุลาคม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีการพิจารณารายงานผลการศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและประธานคณะกรรมาธิการฯได้แจ้งว่าจะมีการพิจารณารายงานดังกล่าวแน่นอนหลังเลื่อนมา2-3 ครั้ง
    .
    "ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีกรรมาธิการของสภาฯ ชุดไหน พูดคุยศึกษาเรื่องมาตรา 112 จะมีก็คือคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ที่คุยเรื่อง 112 เป็นครั้งแรก ที่มีการศึกษา มีการเขียนไว้ในรายงานของกรรมาธิการฯ ชัดเจนว่า หากจะนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยจะให้มีเงื่อนไขการนิรโทษกรรมอย่างไร ซึ่งเมื่อสภาฯ ได้อภิปรายกันในวันพฤหัสบดีนี้แล้ว หากพรรคการเมืองไหน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 หรือมีความเห็นว่าควรนิรโทษกรรมคดี 112 แบบไหน ก็อภิปรายกัน มันจะได้ลดความเข้าใจผิด ยืนยันว่า ข้อเสนอของกมธ.ฯ ไม่ได้เสนอให้แก้ไข 112 แต่อย่างใด" นพ.เชิดชัย กล่าว
    .
    ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แสดงความคิดเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวของ กมธ.ฯ เป็นเรื่องล่อแหลม เนื่องจากได้มีการเสนอแนวทางการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งยังเป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างกันอยู่มาก ทั้งในหมู่พรรคการเมือง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน และประชาชน ดังนั้น หากสภาฯ พิจารณา แล้วมีมติเห็นควรส่งให้รัฐบาลรับไปพิจารณา ปัญหาก็จะตกไปอยู่กับรัฐบาล
    .
    "ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลมีปัญหามากแล้ว ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ จนแก้กันไม่หวาดไม่ไหว จึงเห็นว่ายังไม่ควรเอาเรื่องนี้สุมเพิ่มเข้าไปอีก" นายจุรินทร์ กล่าว
    .............
    Sondhi X
    เตือนสภาฯ ชะลอนิรโทษกรรม คดี 112 เรื่องละเอียดอ่อน ระวังรัฐบาลงานเข้า . การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ตุลาคม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีการพิจารณารายงานผลการศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและประธานคณะกรรมาธิการฯได้แจ้งว่าจะมีการพิจารณารายงานดังกล่าวแน่นอนหลังเลื่อนมา2-3 ครั้ง . "ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีกรรมาธิการของสภาฯ ชุดไหน พูดคุยศึกษาเรื่องมาตรา 112 จะมีก็คือคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ที่คุยเรื่อง 112 เป็นครั้งแรก ที่มีการศึกษา มีการเขียนไว้ในรายงานของกรรมาธิการฯ ชัดเจนว่า หากจะนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยจะให้มีเงื่อนไขการนิรโทษกรรมอย่างไร ซึ่งเมื่อสภาฯ ได้อภิปรายกันในวันพฤหัสบดีนี้แล้ว หากพรรคการเมืองไหน เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 หรือมีความเห็นว่าควรนิรโทษกรรมคดี 112 แบบไหน ก็อภิปรายกัน มันจะได้ลดความเข้าใจผิด ยืนยันว่า ข้อเสนอของกมธ.ฯ ไม่ได้เสนอให้แก้ไข 112 แต่อย่างใด" นพ.เชิดชัย กล่าว . ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แสดงความคิดเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวของ กมธ.ฯ เป็นเรื่องล่อแหลม เนื่องจากได้มีการเสนอแนวทางการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งยังเป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างกันอยู่มาก ทั้งในหมู่พรรคการเมือง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน และประชาชน ดังนั้น หากสภาฯ พิจารณา แล้วมีมติเห็นควรส่งให้รัฐบาลรับไปพิจารณา ปัญหาก็จะตกไปอยู่กับรัฐบาล . "ผมเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลมีปัญหามากแล้ว ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ จนแก้กันไม่หวาดไม่ไหว จึงเห็นว่ายังไม่ควรเอาเรื่องนี้สุมเพิ่มเข้าไปอีก" นายจุรินทร์ กล่าว ............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1320 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิรโทษกรรมแท้ง เพื่อไทย ไม่กล้าลุยไฟ เลื่อนไร้กำหนด
    .
    ในทางการเมืองตอนนี้ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอะไรก็ดูจะสะดุดไปเสียทั้งหมด อย่างล่าสุดการนิรโทษกรรมที่เคยคาดว่าจะเดินหน้าได้ในรัฐบาลยุคนี้ภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราร่างพระราชบัญญัตินิรโทษรรม ได้จัดรายงานเสร็จแล้ว แต่จากท่าทีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ยอมรับว่าการตราร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอาจต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
    .
    "ร่างกฎหมายจะสำเร็จเป็นกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อ ส.ส.และ ส.ว.ต้องเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเป็นอย่างไร เพราะพรรคการเมืองบางส่วนได้เสนอร่างกฎหมายขอให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง บางส่วนบอกว่าหากนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแล้วก็ให้รวมกับคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย" นายชูศักดิ์ กล่าว
    .
    นายชูศักดิ์ มีมุมมองว่า เพื่อให้เป็นไปได้ดีที่สุดและละมุนละม่อมที่สุด ควรนำเรื่องทั้งหมดไปหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค รวมถึงพรรคฝ่ายค้านเพื่อให้ตกผลึก แต่ท้ายที่สุดแล้วพรรคการเมืองจะมีความเห็นอย่างไร พร้อมจะเสนอร่างกฎหมายด้วยหรือไม่ ซึ่งที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะพรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบสำคัญในสภา หากเราไม่ฟังกัน เมื่อมีการเสนอและพิจารณากันแล้วก็จะคล้ายกับเรื่องรัฐธรรมนูญที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้ปรึกษานายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลให้เลื่อนวาระการพิจารณาในวันที่ 3 ตุลาคมออกไปก่อนเพื่อรอฟังความคิดเห็นของหัวหน้าพรรคการเมืองให้ครบถ้วน
    ..........
    Sondhi X
    นิรโทษกรรมแท้ง เพื่อไทย ไม่กล้าลุยไฟ เลื่อนไร้กำหนด . ในทางการเมืองตอนนี้ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอะไรก็ดูจะสะดุดไปเสียทั้งหมด อย่างล่าสุดการนิรโทษกรรมที่เคยคาดว่าจะเดินหน้าได้ในรัฐบาลยุคนี้ภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราร่างพระราชบัญญัตินิรโทษรรม ได้จัดรายงานเสร็จแล้ว แต่จากท่าทีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ยอมรับว่าการตราร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอาจต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด . "ร่างกฎหมายจะสำเร็จเป็นกฎหมายได้ก็ต่อเมื่อ ส.ส.และ ส.ว.ต้องเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเป็นอย่างไร เพราะพรรคการเมืองบางส่วนได้เสนอร่างกฎหมายขอให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง บางส่วนบอกว่าหากนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแล้วก็ให้รวมกับคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย" นายชูศักดิ์ กล่าว . นายชูศักดิ์ มีมุมมองว่า เพื่อให้เป็นไปได้ดีที่สุดและละมุนละม่อมที่สุด ควรนำเรื่องทั้งหมดไปหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค รวมถึงพรรคฝ่ายค้านเพื่อให้ตกผลึก แต่ท้ายที่สุดแล้วพรรคการเมืองจะมีความเห็นอย่างไร พร้อมจะเสนอร่างกฎหมายด้วยหรือไม่ ซึ่งที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะพรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบสำคัญในสภา หากเราไม่ฟังกัน เมื่อมีการเสนอและพิจารณากันแล้วก็จะคล้ายกับเรื่องรัฐธรรมนูญที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้ปรึกษานายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลให้เลื่อนวาระการพิจารณาในวันที่ 3 ตุลาคมออกไปก่อนเพื่อรอฟังความคิดเห็นของหัวหน้าพรรคการเมืองให้ครบถ้วน .......... Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวปลอมมาเลเซีย มีถ้ำใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์

    การค้นหาร่างของนางวิชัยลักษณี (Vijayalakshmi) นักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียวัย 48 ปี ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในหลุมที่ยุบตัวลงมา บริเวณถนนมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ดำเนินการต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ หลังจากประสบเหตุเมื่อเวลา 08.44 น. ของเช้าวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา

    สำนักข่าวเบอร์นามา ของมาเลเซียรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ (26 ส.ค.) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงของบริษัท อินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (IWK) ล้างเศษหินที่ห่างจากท่อระบายน้ำหน้าหอพักยากิน (Wisma Yakin) ประมาณ 4 เมตร เพื่อให้ทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) ตรวจสอบว่ามีวัสดุแปลกปลอมติดอยู่บนเศษหินหรือไม่ นอกจากนี้ บริษัท IWK ยังได้ล้างท่อระบายน้ำทั้งหมดตามแนวท่อระบายน้ำ และตรวจสอบโรงบำบัดน้ำเสียที่ย่านพันตายดาลัม แต่ไม่พบเบาะแสใดๆ

    ด้านศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DBKL) ได้ร่วมมือกับนักธรณีวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประเมินสถานการณ์และลดความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบอีก

    นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ของเขตปกครองกลางมาเลเซีย กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายไมมูนาห์ โมฮัมหมัด ชารีฟ นายกเทศมนตรีกรุงกัวลาลัมเปอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อระบุแนวทางดำเนินการและยุทธศาสตร์ระยะยาวในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

    โดยอาจเป็นไปได้ที่จะทบทวนนโยบายการวางผังเมืองในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์หลุมยุบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งฝ่ายดินแดนสหพันธ์และกรุงกัวลาลัมเปอร์จะเสริมขั้นตอนปฎิบัติงาน โดยต้องส่งผลการศึกษาด้านธรณีเทคนิคจากวิศวกรในระหว่างยื่นขออนุมัติการวางผังเมือง

    พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานงานกับนายบีเอ็น เรดดี้ ข้าหลวงใหญ่อินเดียประจำมาเลเซีย รายงานความคืบหน้าปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัยนักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ เหตุการณ์ล่าสุดเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้พิจารณาและปรับปรุงวิธีการเฝ้าระวังและตอยสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

    ด้านกรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ได้ขยายวีซ่าให้กับสมาชิกในครอบครัวของนางวิชัยลักษณี 4 คน พร้อมกันนี้ ยังมีตัวแทนของนายอาห์หมัด ซาฮิด ฮามิดิ รองนายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับสมาชิกในครอบครัวดังกล่าวที่จุดเกิดเหตุ พร้อมมอบความช่วยเหลือและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผลจากเหตุการณ์หลุมยุบที่เกิดขึ้น บนโซเชียลมีเดียมีการแชร์บทความที่อ้างว่ามาจาก ดร.ซาราห์ จามาล จากภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยมาลายา (UM) อ้างว่ามี “ถ้ำร้างขนาดใหญ่” อยู่ใต้กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทำให้ภาควิชาธรณีวิทยาของมหาวิทยาลัยมาลายา ปฎิเสธรายงานดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีนักธรณีวิทยาคนดังกล่าวทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย

    รศ.ดร.เมียร์ ฮาคิฟ อามีร์ ฮัสซัน หัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยมาลายา ยืนยันว่าไม่มีนักธรณีวิทยาชื่อซาราห์ จามาล คนใดที่ขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการธรณีวิทยามาเลเซีย เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้อิงตามข้อเท็จจริงและเป็นเท็จ ภาควิชากำลังใช้ความระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์หลุมยุบที่ถนนมัสยิดอินเดีย เนื่องจากการค้นหาผู้สูญหายและการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินต่อไป

    #Newskit #KualaLumpur #JalanMasjidIndia
    ข่าวปลอมมาเลเซีย มีถ้ำใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์ การค้นหาร่างของนางวิชัยลักษณี (Vijayalakshmi) นักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียวัย 48 ปี ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในหลุมที่ยุบตัวลงมา บริเวณถนนมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ดำเนินการต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ หลังจากประสบเหตุเมื่อเวลา 08.44 น. ของเช้าวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวเบอร์นามา ของมาเลเซียรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ (26 ส.ค.) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงของบริษัท อินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (IWK) ล้างเศษหินที่ห่างจากท่อระบายน้ำหน้าหอพักยากิน (Wisma Yakin) ประมาณ 4 เมตร เพื่อให้ทีมปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัย (SAR) ตรวจสอบว่ามีวัสดุแปลกปลอมติดอยู่บนเศษหินหรือไม่ นอกจากนี้ บริษัท IWK ยังได้ล้างท่อระบายน้ำทั้งหมดตามแนวท่อระบายน้ำ และตรวจสอบโรงบำบัดน้ำเสียที่ย่านพันตายดาลัม แต่ไม่พบเบาะแสใดๆ ด้านศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DBKL) ได้ร่วมมือกับนักธรณีวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประเมินสถานการณ์และลดความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมยุบอีก นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ของเขตปกครองกลางมาเลเซีย กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายไมมูนาห์ โมฮัมหมัด ชารีฟ นายกเทศมนตรีกรุงกัวลาลัมเปอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อระบุแนวทางดำเนินการและยุทธศาสตร์ระยะยาวในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยอาจเป็นไปได้ที่จะทบทวนนโยบายการวางผังเมืองในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์หลุมยุบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งฝ่ายดินแดนสหพันธ์และกรุงกัวลาลัมเปอร์จะเสริมขั้นตอนปฎิบัติงาน โดยต้องส่งผลการศึกษาด้านธรณีเทคนิคจากวิศวกรในระหว่างยื่นขออนุมัติการวางผังเมือง พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานงานกับนายบีเอ็น เรดดี้ ข้าหลวงใหญ่อินเดียประจำมาเลเซีย รายงานความคืบหน้าปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัยนักท่องเที่ยวหญิงชาวอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ เหตุการณ์ล่าสุดเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้พิจารณาและปรับปรุงวิธีการเฝ้าระวังและตอยสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ด้านกรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย ได้ขยายวีซ่าให้กับสมาชิกในครอบครัวของนางวิชัยลักษณี 4 คน พร้อมกันนี้ ยังมีตัวแทนของนายอาห์หมัด ซาฮิด ฮามิดิ รองนายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับสมาชิกในครอบครัวดังกล่าวที่จุดเกิดเหตุ พร้อมมอบความช่วยเหลือและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลจากเหตุการณ์หลุมยุบที่เกิดขึ้น บนโซเชียลมีเดียมีการแชร์บทความที่อ้างว่ามาจาก ดร.ซาราห์ จามาล จากภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยมาลายา (UM) อ้างว่ามี “ถ้ำร้างขนาดใหญ่” อยู่ใต้กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทำให้ภาควิชาธรณีวิทยาของมหาวิทยาลัยมาลายา ปฎิเสธรายงานดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีนักธรณีวิทยาคนดังกล่าวทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย รศ.ดร.เมียร์ ฮาคิฟ อามีร์ ฮัสซัน หัวหน้าภาควิชาธรณีวิทยา มหาวิทยาลัยมาลายา ยืนยันว่าไม่มีนักธรณีวิทยาชื่อซาราห์ จามาล คนใดที่ขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการธรณีวิทยามาเลเซีย เนื้อหาของบทความนี้ไม่ได้อิงตามข้อเท็จจริงและเป็นเท็จ ภาควิชากำลังใช้ความระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์หลุมยุบที่ถนนมัสยิดอินเดีย เนื่องจากการค้นหาผู้สูญหายและการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินต่อไป #Newskit #KualaLumpur #JalanMasjidIndia
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไปทั้งยวง! ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 มีคำวินิจฉัยนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” แต่งตั้งนาย “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นการกระทำที่ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง อันเป็นลักษณะต้องห้าม ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีผลให้รัฐมนตรีพ้นตำแหน่งทั้งคณะ
    .
    14 สิงหาคม 2567- คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 )หรือไม่ จากกรณีนายเศรษฐาได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนเมื่อปี 2551 ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงได้
    .
    โดยในเวลา 09.30 น.วันนี้ ศาลได้เริ่มประชุมแถลงด้วยวาจา ลงมติ และจัดทำคำวินิจฉัย หลังจากนั้นได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.
    .
    คดีนี้ประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยคือการที่นายเศรษฐานำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา รู้หรือควรรู้ มีเจตนาหรือไม่ ที่เสนอชื่อนายพิชิตซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำสั่งจำคุก 6 เดือนฐานะละเมิดอำนาจศาล ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
    .
    ทั้งนี้ ศาลฯ มีคำวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวของนายเศรษฐา เข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัว โดยมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งไปด้วย
    .
    โดยในวันนี้ นายเศรษฐา ได้ส่ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนมาฟังคำวินิจฉัย
    .
    สำหรับคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 23 พ.ค.67 โดยตุลาการเสียงข้างน้อยที่เห็นว่าไม่ควรรับคำร้องไว้ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ
    .
    และมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งนายเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ที่เห็นว่านายกฯ ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์ หลังจากนั้นศาลได้เปิดให้คู่กรณียื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และแถลงปิดคดีรวมระยะเวลาการพิจารณานับรับคำร้องจนถึงวินิจฉัยรวม 2 เดือนเศษ
    .............
    ที่มา : Sondhi X

    #Thaitimes
    ไปทั้งยวง! ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 มีคำวินิจฉัยนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” แต่งตั้งนาย “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นการกระทำที่ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง อันเป็นลักษณะต้องห้าม ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีผลให้รัฐมนตรีพ้นตำแหน่งทั้งคณะ . 14 สิงหาคม 2567- คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 )หรือไม่ จากกรณีนายเศรษฐาได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนเมื่อปี 2551 ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงได้ . โดยในเวลา 09.30 น.วันนี้ ศาลได้เริ่มประชุมแถลงด้วยวาจา ลงมติ และจัดทำคำวินิจฉัย หลังจากนั้นได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น. . คดีนี้ประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยคือการที่นายเศรษฐานำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา รู้หรือควรรู้ มีเจตนาหรือไม่ ที่เสนอชื่อนายพิชิตซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำสั่งจำคุก 6 เดือนฐานะละเมิดอำนาจศาล ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี . ทั้งนี้ ศาลฯ มีคำวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวของนายเศรษฐา เข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐาสิ้นสุดลงเฉพาะตัว โดยมีผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งไปด้วย . โดยในวันนี้ นายเศรษฐา ได้ส่ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนมาฟังคำวินิจฉัย . สำหรับคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 23 พ.ค.67 โดยตุลาการเสียงข้างน้อยที่เห็นว่าไม่ควรรับคำร้องไว้ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ . และมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งนายเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย ที่เห็นว่านายกฯ ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายจิรนิติ หะวานนท์ หลังจากนั้นศาลได้เปิดให้คู่กรณียื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และแถลงปิดคดีรวมระยะเวลาการพิจารณานับรับคำร้องจนถึงวินิจฉัยรวม 2 เดือนเศษ ............. ที่มา : Sondhi X #Thaitimes
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 801 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts