• เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5”
    ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ
    แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ
    แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน
    ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น
    รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!)
    เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ?
    ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป”
    แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ
    ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild
    ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้!
    หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก
    นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ
    จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย)
    ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5” ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!) เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ? ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป” แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้! หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย) ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 5”
    เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นักธุรกิจชาว Chicago (มาแล้ว !) ชื่อ Charles Crane และนักเทววิทยา (อีกแล้ว) ชาวอเมริกัน ชื่อ Henry King เดินทางไปทั่วตะวันออกกลางตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี Wilson เพื่อสอบถามชาวอาหรับระดับหัวหน้าหลายร้อยคน แม้ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเอง กำหนดโผของตนเองให้ชาวอาหรับท่องตาม แต่ผลของการสำรวจก็ดูจะออกมาทางตรงกันข้ามกับโผที่คู่หูคู่กัดอังกฤษฝรั่งเศสที่ไปกำกับบทไว้
    ชาวซีเรียไม่ต้องการอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และชาวปาเลสไตน์ไม่สนใจที่จะอยู่ในความปกครองของอังกฤษ แต่อังกฤษประสบผลสำเร็จในการสกัดไม่ให้อเมริกาทำการสำรวจในแถบเมโสโปแตเมีย (น่าคิดอังกฤษทำได้อย่างไรนะ)
    เดือนสิงหาคม King และ Crane ส่งรายงานสำรวจ เขาเสนอให้มีการปกครองซีเรียและปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยคนกลางคืออเมริกา แทนการปกครองโดยพวกอดีตนักล่าอาณานิคมยุโรป และเสนอให้ Faisal ลูกชายของ Hussein เป็นหัวหน้ารัฐอาหรับ ถือเป็นการพยายามเป็นตาอยู่ของอเมริกาที่น่าสนใจ แม้จะโป๊อล่างฉ่าง ตามสไตล์และตามประสานักล่าหน้าใหม่ แต่ต้องให้คะแนนความกล้าหน้าด้านแข่งกับพวกนักล่ารุ่นเก๋า ในเกมการแย่งชิงชามข้าวหรือขนมเค้ก คติพจน์ที่เราไม่ควรลืมคือ ด้านได้ อาย อด เขาใช้กันมาทุกชาติ ทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้
    ภายใต้ความกดดันของอังกฤษและของฝรั่งเศส และเพราะความป่วยไข้ของประธานาธิบดี Wilson รายงานนี้ได้ถูกซ่อน และได้นำออกมาเปิดเผย 3 ปีให้หลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ปารีสและลอนดอน ก็ตกลงกันในแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลางเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนออกมาตรงกันข้ามกับที่ King และ Crane เสนอ
    ฝรั่งเศสตกลงได้ปกครองเลบานอนและซีเรียตามต้องการ
    ส่วนอังกฤษได้ปกครองเมโสโปเตเมีย ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอีรัค ซึ่งได้รวมเอา Mosul ส่วนที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันเข้าไว้ด้วย พร้อมกับได้ปกครองปาเลสไตน์ (ชื่อ Mosul นี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านนิทานเริ่มเห็นภาพ หรือเข้าใจบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แล้ว)
    ส่วนจอร์แดนให้เป็นรัฐกันชน โดยให้ Prince Abdullah ลูกชายของ Sharif Hussein มาเป็นกษัตริย์ปกครอง ภายใต้การดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศสร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ยังเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง เหนือดินแดนของลูกถูกเสี้ยมทั้งหมด มันเป็นการหลอกและต้ม Sharif Hussein จนเปื่อยยุ่ย
    ส่วนพวกยิว ได้รับอนุญาตจากอังกฤษให้ตั้งรกรากอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ อังกฤษยังไม่พร้อมที่จะให้กลุ่มอาหรับ ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์อยู่แล้วลุกฮือขึ้นมา ดังนั้น จึงพยายามจำกัดจำนวนยิว ที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ การจำกัดจำนวนนี้ ก็ทำให้ฝ่ายยิวไม่พอใจ หาทางที่จะเล็ดลอดอพยพเข้าไปในดินแดนนี้อยู่ดีในช่วงปี ค.ศ. 1920-1940 ขณะเดียวกันฝ่ายอาหรับที่อาศัยตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ ก็ถือว่าการอพยพชาวยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1187
    ข้อตกลงทั้งหมดนี้ ภายหลังได้รับความเห็นชอบและยืนยัน โดยสันนิบาตชาติ (League of Nations ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแบ่งสมบัติส่วนที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมาน ในระหว่างฝ่ายผู้ชนะสงคราม
    สันนิบาตชาตินี้ นำโดยสมาชิกที่เป็นชาติมหาอำนาจที่ชนะสงคราม คือ อังกฤษและฝรั่งเศส อีก 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซียกับเยอรมัน ไม่มีสิทธิร่วมด้วย เพราะเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนรัสเซียหลังสงคราม เกิดปฏิวัติบอคเชวิก เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดสิทธิไม่ให้เป็นสมาชิก การแบ่งเค้กที่ ตกลงข้างต้น จึงไม่มีทางแหกโผของอังกฤษ !
    ต้องยอมรับในความตอแหล หน้าด้านของอังกฤษว่าสามารถจริง ๆ ค.ศ. 1917 โลกส่วนหนึ่งมึนงงกับข้อตกลงที่อังกฤษทำไว้กับ 3 กลุ่ม ตกลงเกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลาง 3 แบบ พวกอาหรับยืนยันว่าพวกเขาต้องได้อาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่อังกฤษตกลงไว้กับ Sharif Hussein ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ ตั้งใจที่จะเดินหน้าแบ่งเค้กอาหรับตามที่ตกลงกัน และชาวยิวก็เชื่อว่าตัวเองจะต้องได้ครอบครอง ปาเลสไตน์ ตามที่นาย Balfour รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษตกลงไว้
    อังกฤษทำได้อย่างไร อังกฤษบอกทำได้สบายมาก เพราะเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ โกหก ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่ทำมาตลอดในการล่าเหยื่อ และเด็กชายสยามก็เกือบจะไม่รอดจากการเป็นเหยื่อ จากการกระทำเยี่ยงนี้ของอังกฤษ
    ชาวอาหรับบอกว่า จนถึงทุกวันนี้ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดน ในตะวันออกกลาง ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งอย่างแท้จริงระหว่างกลุ่มชนพื้นเมือง ระหว่างชาวอิรัค ชาวซีเรีย ชาวจอร์แดน ฯลฯ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีรากมาจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่ง “ตั้งใจ” วางรูปแบบและแผนการณ์ที่จะให้มีความขัดแย้ง และการแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชนชาวอาหรับด้วยกันเองต่างหาก อังกฤษและพวกได้กำหนดเขตแดนของพวกเขาโดยไม่เคารพ ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ถึงจริยธรรมและความต้องการพวกเขา เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนเกี่ยวข้องกับแผนที่และพื้นที่ ราวกับพวกเขาเป็นมนุษย์ล่องหน พวกเขาตกเป็นเหยื่อแห่งความกระหาย ตะกระ ตะกรามของอังกฤษและพวก ซึ่งกำหนดเขตแดนขึ้นมาอย่างชนิดที่ คนที่อยู่ในเขตแดนก็รับไม่ได้ และที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ แล้วแบบนี้ความสงบ ความปรองดอง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นผลงานที่สร้างตะวันออกกลางใหม่ จากอำนาจ และจากความพอใจของผู้สร้าง คือ นักล่าอาณานิคม ที่ควบคุมโดยอังกฤษแต่ผู้เดียว
    มันเป็นการจงใจสร้างให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สามัคคีในระหว่างชาวอาหรับ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั่วทั้งตะวันออกกลาง ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังมีผลสืบเนื่องอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
    ไม้เสี้ยมของอังกฤษ ยังทำงานได้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้เสียบไว้นาน 100 ปี แล้ว
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 5” เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นักธุรกิจชาว Chicago (มาแล้ว !) ชื่อ Charles Crane และนักเทววิทยา (อีกแล้ว) ชาวอเมริกัน ชื่อ Henry King เดินทางไปทั่วตะวันออกกลางตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี Wilson เพื่อสอบถามชาวอาหรับระดับหัวหน้าหลายร้อยคน แม้ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเอง กำหนดโผของตนเองให้ชาวอาหรับท่องตาม แต่ผลของการสำรวจก็ดูจะออกมาทางตรงกันข้ามกับโผที่คู่หูคู่กัดอังกฤษฝรั่งเศสที่ไปกำกับบทไว้ ชาวซีเรียไม่ต้องการอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส และชาวปาเลสไตน์ไม่สนใจที่จะอยู่ในความปกครองของอังกฤษ แต่อังกฤษประสบผลสำเร็จในการสกัดไม่ให้อเมริกาทำการสำรวจในแถบเมโสโปแตเมีย (น่าคิดอังกฤษทำได้อย่างไรนะ) เดือนสิงหาคม King และ Crane ส่งรายงานสำรวจ เขาเสนอให้มีการปกครองซีเรียและปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยคนกลางคืออเมริกา แทนการปกครองโดยพวกอดีตนักล่าอาณานิคมยุโรป และเสนอให้ Faisal ลูกชายของ Hussein เป็นหัวหน้ารัฐอาหรับ ถือเป็นการพยายามเป็นตาอยู่ของอเมริกาที่น่าสนใจ แม้จะโป๊อล่างฉ่าง ตามสไตล์และตามประสานักล่าหน้าใหม่ แต่ต้องให้คะแนนความกล้าหน้าด้านแข่งกับพวกนักล่ารุ่นเก๋า ในเกมการแย่งชิงชามข้าวหรือขนมเค้ก คติพจน์ที่เราไม่ควรลืมคือ ด้านได้ อาย อด เขาใช้กันมาทุกชาติ ทุกสมัย จนถึงปัจจุบันนี้ ภายใต้ความกดดันของอังกฤษและของฝรั่งเศส และเพราะความป่วยไข้ของประธานาธิบดี Wilson รายงานนี้ได้ถูกซ่อน และได้นำออกมาเปิดเผย 3 ปีให้หลัง ซึ่งถึงตอนนั้น ปารีสและลอนดอน ก็ตกลงกันในแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลางเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งแน่นอนออกมาตรงกันข้ามกับที่ King และ Crane เสนอ ฝรั่งเศสตกลงได้ปกครองเลบานอนและซีเรียตามต้องการ ส่วนอังกฤษได้ปกครองเมโสโปเตเมีย ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอีรัค ซึ่งได้รวมเอา Mosul ส่วนที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันเข้าไว้ด้วย พร้อมกับได้ปกครองปาเลสไตน์ (ชื่อ Mosul นี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านนิทานเริ่มเห็นภาพ หรือเข้าใจบางอย่างได้อย่างลาง ๆ แล้ว) ส่วนจอร์แดนให้เป็นรัฐกันชน โดยให้ Prince Abdullah ลูกชายของ Sharif Hussein มาเป็นกษัตริย์ปกครอง ภายใต้การดูแลของอังกฤษและฝรั่งเศสร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ยังเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง เหนือดินแดนของลูกถูกเสี้ยมทั้งหมด มันเป็นการหลอกและต้ม Sharif Hussein จนเปื่อยยุ่ย ส่วนพวกยิว ได้รับอนุญาตจากอังกฤษให้ตั้งรกรากอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยมีข้อจำกัดบางประการ อังกฤษยังไม่พร้อมที่จะให้กลุ่มอาหรับ ที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์อยู่แล้วลุกฮือขึ้นมา ดังนั้น จึงพยายามจำกัดจำนวนยิว ที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ การจำกัดจำนวนนี้ ก็ทำให้ฝ่ายยิวไม่พอใจ หาทางที่จะเล็ดลอดอพยพเข้าไปในดินแดนนี้อยู่ดีในช่วงปี ค.ศ. 1920-1940 ขณะเดียวกันฝ่ายอาหรับที่อาศัยตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ ก็ถือว่าการอพยพชาวยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1187 ข้อตกลงทั้งหมดนี้ ภายหลังได้รับความเห็นชอบและยืนยัน โดยสันนิบาตชาติ (League of Nations ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสหประชาชาติ) ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ ค.ศ. 1918 ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุด หนึ่งในวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อแบ่งสมบัติส่วนที่เคยเป็นอาณาจักรออตโตมาน ในระหว่างฝ่ายผู้ชนะสงคราม สันนิบาตชาตินี้ นำโดยสมาชิกที่เป็นชาติมหาอำนาจที่ชนะสงคราม คือ อังกฤษและฝรั่งเศส อีก 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซียกับเยอรมัน ไม่มีสิทธิร่วมด้วย เพราะเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม ส่วนรัสเซียหลังสงคราม เกิดปฏิวัติบอคเชวิก เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ถูกจำกัดสิทธิไม่ให้เป็นสมาชิก การแบ่งเค้กที่ ตกลงข้างต้น จึงไม่มีทางแหกโผของอังกฤษ ! ต้องยอมรับในความตอแหล หน้าด้านของอังกฤษว่าสามารถจริง ๆ ค.ศ. 1917 โลกส่วนหนึ่งมึนงงกับข้อตกลงที่อังกฤษทำไว้กับ 3 กลุ่ม ตกลงเกี่ยวกับอนาคตของตะวันออกกลาง 3 แบบ พวกอาหรับยืนยันว่าพวกเขาต้องได้อาณาจักรอาหรับในฝัน ตามที่อังกฤษตกลงไว้กับ Sharif Hussein ส่วนฝรั่งเศส และอังกฤษ ตั้งใจที่จะเดินหน้าแบ่งเค้กอาหรับตามที่ตกลงกัน และชาวยิวก็เชื่อว่าตัวเองจะต้องได้ครอบครอง ปาเลสไตน์ ตามที่นาย Balfour รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษตกลงไว้ อังกฤษทำได้อย่างไร อังกฤษบอกทำได้สบายมาก เพราะเป็นสันดานที่เห็นแก่ได้ โกหก ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน ที่ทำมาตลอดในการล่าเหยื่อ และเด็กชายสยามก็เกือบจะไม่รอดจากการเป็นเหยื่อ จากการกระทำเยี่ยงนี้ของอังกฤษ ชาวอาหรับบอกว่า จนถึงทุกวันนี้ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับดินแดน ในตะวันออกกลาง ไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งอย่างแท้จริงระหว่างกลุ่มชนพื้นเมือง ระหว่างชาวอิรัค ชาวซีเรีย ชาวจอร์แดน ฯลฯ แต่เป็นความขัดแย้งที่มีรากมาจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่ง “ตั้งใจ” วางรูปแบบและแผนการณ์ที่จะให้มีความขัดแย้ง และการแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มชนชาวอาหรับด้วยกันเองต่างหาก อังกฤษและพวกได้กำหนดเขตแดนของพวกเขาโดยไม่เคารพ ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง ถึงจริยธรรมและความต้องการพวกเขา เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตนเกี่ยวข้องกับแผนที่และพื้นที่ ราวกับพวกเขาเป็นมนุษย์ล่องหน พวกเขาตกเป็นเหยื่อแห่งความกระหาย ตะกระ ตะกรามของอังกฤษและพวก ซึ่งกำหนดเขตแดนขึ้นมาอย่างชนิดที่ คนที่อยู่ในเขตแดนก็รับไม่ได้ และที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่พอใจ แล้วแบบนี้ความสงบ ความปรองดอง มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นผลงานที่สร้างตะวันออกกลางใหม่ จากอำนาจ และจากความพอใจของผู้สร้าง คือ นักล่าอาณานิคม ที่ควบคุมโดยอังกฤษแต่ผู้เดียว มันเป็นการจงใจสร้างให้เกิดความขัดแย้ง ความไม่สามัคคีในระหว่างชาวอาหรับ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง ทั่วทั้งตะวันออกกลาง ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และยังมีผลสืบเนื่องอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม้เสี้ยมของอังกฤษ ยังทำงานได้ผลดีเยี่ยม แม้ว่าจะได้เสียบไว้นาน 100 ปี แล้ว สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ไตรศุลี' ชี้แจง รมต.ต่างประเทศ ทำหน้าที่เร่งด่วนที่ UNGA ไม่ขัด รธน.
    https://www.thai-tai.tv/news/21659/
    .
    #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #UNGA80 #รัฐธรรมนูญ #กฤษฎีกา #มาตรา162 #ไตรศุลีไตรสรณกุล #การเมืองไทย #ผลประโยชน์ของประเทศ
    'ไตรศุลี' ชี้แจง รมต.ต่างประเทศ ทำหน้าที่เร่งด่วนที่ UNGA ไม่ขัด รธน. https://www.thai-tai.tv/news/21659/ . #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #UNGA80 #รัฐธรรมนูญ #กฤษฎีกา #มาตรา162 #ไตรศุลีไตรสรณกุล #การเมืองไทย #ผลประโยชน์ของประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ไพศาล' ตั้งคำถาม 'สีหศักดิ์' ประชุมยูเอ็นฐานะอะไร ชี้สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ
    https://www.thai-tai.tv/news/21658/
    .
    #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไพศาลพืชมงคล #ประชุมสหประชาชาติ #รัฐธรรมนูญ #มาตรา162 #แถลงนโยบายต่อรัฐสภา #การเมืองไทย
    'ไพศาล' ตั้งคำถาม 'สีหศักดิ์' ประชุมยูเอ็นฐานะอะไร ชี้สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ https://www.thai-tai.tv/news/21658/ . #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไพศาลพืชมงคล #ประชุมสหประชาชาติ #รัฐธรรมนูญ #มาตรา162 #แถลงนโยบายต่อรัฐสภา #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Evanston สั่ง Flock ถอนกล้อง LPR ทันที หลังบริษัทแอบติดตั้งใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต — ขัดคำสั่งเมือง เสี่ยงฟ้องร้อง”

    เมือง Evanston ในรัฐอิลลินอยส์ออกคำสั่ง “หยุดและถอน” (cease-and-desist) ต่อบริษัท Flock Safety หลังพบว่าบริษัทได้แอบนำกล้องอ่านป้ายทะเบียน (License Plate Reader – LPR) กลับมาติดตั้งใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมืองได้สั่งให้ถอดกล้องทั้งหมดและเตรียมยกเลิกสัญญาในวันที่ 26 กันยายน 2025

    เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐอิลลินอยส์พบว่า Flock ได้อนุญาตให้หน่วยงานรัฐบาลกลาง เช่น U.S. Customs and Border Protection เข้าถึงข้อมูลจากกล้องในรัฐ ซึ่งขัดต่อกฎหมายของรัฐ และละเมิดนโยบายของเมือง Evanston ที่ห้ามแชร์ข้อมูลกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง

    แม้ Flock จะถอดกล้องออกไปแล้ว 15 จาก 18 ตัวภายในวันที่ 8 กันยายน แต่กลับนำกลับมาติดตั้งใหม่ในจุดเดิมภายในเวลาไม่ถึงเดือน โดยบางกล้องใช้เสาใหม่ มีการพ่นสี “FLOCK” และหมายเลขกำกับไว้ชัดเจน บางจุดยังใช้กล้องรุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อกับสายไฟของเมืองโดยตรง แทนที่จะใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เหมือนเดิม

    เมือง Evanston ยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนนโยบายใด ๆ และการติดตั้งใหม่ถือเป็นการละเมิดคำสั่งอย่างชัดเจน โดย Flock ได้ให้คำมั่นว่าจะถอดกล้องออกอีกครั้งหลังได้รับคำสั่งล่าสุด

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก “transparency portal” ของ Flock เองกลับแสดงให้เห็นว่ากล้องบางตัวอาจยังคงทำงานอยู่ แม้จะมีคำสั่งปิดระบบตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม โดยจำนวนรถที่ถูกตรวจจับในช่วง 30 วันยังไม่ลดลงตามที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจบ่งชี้ว่ามีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เมือง Evanston ออกคำสั่ง cease-and-desist ต่อ Flock Safety หลังพบการติดตั้งกล้องใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต
    เดิมเมืองสั่งให้ถอดกล้อง LPR ทั้งหมด 19 ตัว และเตรียมยกเลิกสัญญาในวันที่ 26 กันยายน 2025
    การยกเลิกสัญญาเกิดจากการที่ Flock แชร์ข้อมูลกับหน่วยงานรัฐบาลกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต
    กล้อง 15 ตัวที่เคยถอดออกถูกนำกลับมาติดตั้งในจุดเดิม พร้อมเสาใหม่และหมายเลขกำกับ
    บางกล้องใช้รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อกับสายไฟของเมือง แทนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์
    Flock ให้คำมั่นว่าจะถอดกล้องออกอีกครั้งหลังได้รับคำสั่งล่าสุด
    ข้อมูลจาก transparency portal ของ Flock แสดงว่ากล้องบางตัวอาจยังคงทำงานอยู่
    เมือง Evanston อาจต้องจ่ายเงิน $145,500 หากสัญญายังถูกถือว่าใช้งานอยู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LPR เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจจับและบันทึกหมายเลขทะเบียนรถโดยอัตโนมัติ
    การแชร์ข้อมูลกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองขัดต่อ “Welcoming City Ordinance” ของ Evanston
    การติดตั้งกล้องใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจนำไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมาย
    การใช้กล้องที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าของเมืองอาจละเมิดข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
    Transparency portal เป็นเครื่องมือที่ Flock ใช้แสดงข้อมูลการทำงานของกล้องแบบสาธารณะ

    https://evanstonroundtable.com/2025/09/24/flock-safety-reinstalls-evanston-cameras/
    📸 “Evanston สั่ง Flock ถอนกล้อง LPR ทันที หลังบริษัทแอบติดตั้งใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต — ขัดคำสั่งเมือง เสี่ยงฟ้องร้อง” เมือง Evanston ในรัฐอิลลินอยส์ออกคำสั่ง “หยุดและถอน” (cease-and-desist) ต่อบริษัท Flock Safety หลังพบว่าบริษัทได้แอบนำกล้องอ่านป้ายทะเบียน (License Plate Reader – LPR) กลับมาติดตั้งใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมืองได้สั่งให้ถอดกล้องทั้งหมดและเตรียมยกเลิกสัญญาในวันที่ 26 กันยายน 2025 เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐอิลลินอยส์พบว่า Flock ได้อนุญาตให้หน่วยงานรัฐบาลกลาง เช่น U.S. Customs and Border Protection เข้าถึงข้อมูลจากกล้องในรัฐ ซึ่งขัดต่อกฎหมายของรัฐ และละเมิดนโยบายของเมือง Evanston ที่ห้ามแชร์ข้อมูลกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง แม้ Flock จะถอดกล้องออกไปแล้ว 15 จาก 18 ตัวภายในวันที่ 8 กันยายน แต่กลับนำกลับมาติดตั้งใหม่ในจุดเดิมภายในเวลาไม่ถึงเดือน โดยบางกล้องใช้เสาใหม่ มีการพ่นสี “FLOCK” และหมายเลขกำกับไว้ชัดเจน บางจุดยังใช้กล้องรุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อกับสายไฟของเมืองโดยตรง แทนที่จะใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เหมือนเดิม เมือง Evanston ยืนยันว่าไม่ได้เปลี่ยนนโยบายใด ๆ และการติดตั้งใหม่ถือเป็นการละเมิดคำสั่งอย่างชัดเจน โดย Flock ได้ให้คำมั่นว่าจะถอดกล้องออกอีกครั้งหลังได้รับคำสั่งล่าสุด อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก “transparency portal” ของ Flock เองกลับแสดงให้เห็นว่ากล้องบางตัวอาจยังคงทำงานอยู่ แม้จะมีคำสั่งปิดระบบตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม โดยจำนวนรถที่ถูกตรวจจับในช่วง 30 วันยังไม่ลดลงตามที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจบ่งชี้ว่ามีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เมือง Evanston ออกคำสั่ง cease-and-desist ต่อ Flock Safety หลังพบการติดตั้งกล้องใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ เดิมเมืองสั่งให้ถอดกล้อง LPR ทั้งหมด 19 ตัว และเตรียมยกเลิกสัญญาในวันที่ 26 กันยายน 2025 ➡️ การยกเลิกสัญญาเกิดจากการที่ Flock แชร์ข้อมูลกับหน่วยงานรัฐบาลกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ กล้อง 15 ตัวที่เคยถอดออกถูกนำกลับมาติดตั้งในจุดเดิม พร้อมเสาใหม่และหมายเลขกำกับ ➡️ บางกล้องใช้รุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อกับสายไฟของเมือง แทนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ➡️ Flock ให้คำมั่นว่าจะถอดกล้องออกอีกครั้งหลังได้รับคำสั่งล่าสุด ➡️ ข้อมูลจาก transparency portal ของ Flock แสดงว่ากล้องบางตัวอาจยังคงทำงานอยู่ ➡️ เมือง Evanston อาจต้องจ่ายเงิน $145,500 หากสัญญายังถูกถือว่าใช้งานอยู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LPR เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจจับและบันทึกหมายเลขทะเบียนรถโดยอัตโนมัติ ➡️ การแชร์ข้อมูลกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองขัดต่อ “Welcoming City Ordinance” ของ Evanston ➡️ การติดตั้งกล้องใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจนำไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมาย ➡️ การใช้กล้องที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าของเมืองอาจละเมิดข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ➡️ Transparency portal เป็นเครื่องมือที่ Flock ใช้แสดงข้อมูลการทำงานของกล้องแบบสาธารณะ https://evanstonroundtable.com/2025/09/24/flock-safety-reinstalls-evanston-cameras/
    EVANSTONROUNDTABLE.COM
    Evanston orders Flock to remove reinstalled cameras - Evanston RoundTable
    Private surveillance vendor Flock Safety reinstalled all of its stationary license plate cameras in Evanston that had previously been removed, apparently
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 6 – จมูกคนอื่น
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 6 “จมูกคนอื่น”
    เมื่อตุรกีออกประกาศเชิญชวนให้บรรดา พวกนักสร้างระบบเครื่องมือรบ ให้มายื่นประมูลเครื่องมือป้องกันตนเอง ที่เรียกว่า Long Range Air and Missle Defense System ใครจะยิงจรวดแบบไหน มาจากทางไหน เครื่องมือนี้จับได้ทำลายหมด ตุรกีบอกฉันควรมีของใช้ส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ ตะบี้ตะบันไปตลอดชาติ ถ้ามันจมูกบี้ไป แล้วตูจะหายใจยังไงวะ เออ ! อันนี้มีเหตุผล ฟังขึ้น แม้ดูจะออกลูกกะล่อนนิด ๆ แต่ก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
    โครงการนี้ยาวนาน ตุรกีคิดมานานแล้ว และทำอย่างเปิดเผย ตอนแรกอเมริกา NATO และ EU ต่างก็หน้างอ ทำไมตุรกีไม่ปรึกษา ทำไมตุรกีไม่ขออนุญาต ตุรกีบอกขอโทษ ตุรกีคิดว่ายังมีอธิปไตยเหนือบ้านเมืองตนเองอยู่นะ แม้กระผมจะยอมนายท่านไปหลายเรื่องก็เถอะ แต่เรื่องหายใจด้วยจมูกของผม นี่มันเรื่องส่วนตัวจริง ๆ
    หลังจากสุมหัวคิดกันดูแล้ว อเมริกาและ EU ก็บอกว่าเอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราก็ยื่นประมูลสร้างไอ้เครื่องป้องกันบ้าบอนี้เข้าไปด้วย แล้วเราก็ไปบีบคอมันให้มันเลือกเรา มันจะยากเย็นอะไร
    ตุรกีออกประกาศเชิญชวนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 เกือบ 4 ปีแล้ว พิจารณาอะไร มันถึงใช้เวลานานขนาดนั้น มันควรจะประกาศได้แล้วว่าใครชนะประมูล- แต่ตุรกีก็ไม่ประกาศ อะไรมันปิดปากค้ำคออยู่ หรือตุรกีรอดูอะไร หรือตุรกีกำลังเล่นบท “ตุรกี” ให้ดูอยู่
    ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับ เรื่องกระทืบซีเรีย เรื่องเส้นทางเดินท่อแก๊ส เรื่องการเลือกตั้ง เรื่องคอรับชั่นในประเทศ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ตุรกีกลับใช้ช่วงเวลานั้นประกาศเสียงเรียบ ๆ ว่า ขณะนี้เราได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว เราได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า เบื้องต้นผู้ที่เราน่าจะเลือกให้มาทำเครื่องหายใจของเราเอง น่าจะเป็นบริษัทของประเทศจีน !
    เขาว่าวันนั้น ขนาดเสียงจิ้งจกไต่ผ่านเพดานห้องทำงานรูปไข่ของนาย Obama (หมายถึง Oval Room ครับ ลุงนิทานไม่ได้ทะลึ่ง) ทหารรักษาการณ์ข้างนอกประตูหน้า White House ยังได้ยินเลย ทุกอย่างเงียบสงบ ลมไม่กล้าพัด เจ้าหน้าที่ต้องกลั้นหายใจ เกรงว่าแม้ลมหายใจ ก็จะทำให้เกิดแรงสะเทือนได้ อาการเช่นนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะที่ White House หรอก เขาว่าห้องทำงานของท่านนายพลใหญ่ หัวหน้าใหญ่ของ NATO ก็เป็นเหมือนกัน
    ในคำแถลงของตุรกีบอกว่า จีนโดยบริษัท CPMIEC ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ยินดีที่จะรับเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องมือ ที่เรียกว่า Long Range Air and Missile Defense System (T-LORAMIDS) ตามคำเชิญชวนของตุรกี เมื่อ ค.ศ. 2009 ที่ให้บุคคลภายนอกเสนอการทำงานแบบ off-the-shelf vesion ของ (T-LORAMIDS) ในระบบที่สามารถเข้ากับอุปกรณ์การทำงานทั้งปวงของตุรกีได้ ในราคาประมาณ 3.4 พันล้านเหรียญ (เท่านั้นเอง) เป็นการสร้างจมูกส่วนตัวของตุรกี ที่ว่าไปแล้วในราคาไม่แพงเลย ฮา
    นาย Murad Bayer เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ การจัดซื้อจัดจ้างของตุรกี แถลงเพิ่มเติมว่าข้อเสนอของ CPMIEC ดีกว่าผู้เข้าแข่งประมูลทั้งหมด รวมทั้ง Raytheon/Lockheed-Martin ของอเมริกา กลุ่ม Italian/French และของรัสเซีย นาย Bayer บอกว่า เขาจะเจรจารายละเอียดขั้นสุดท้ายและสรุปผลกับ CPMIEC ให้เสร็จสิ้นก่อนครั้งแรกของปี ค.ศ. 2014
    จิ้งจกแมงสาบเริ่มออกเดินต่อ หลังจากตัวชากันไปพักใหญ่ วุฒิสมาชิกอเมริกัน ส่งหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคม 2013 ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศ John Kerry และรัฐมนตรีกลาโหม Chuck Hagel ดำเนินการทุกวิถีทาง ทางการฑูต เพื่อกดดันไม่ให้ตุรกีตกลงกับ CPMIEC ทำจมูกให้ตุรกี และแจ้ง NATO ถึงจุดยืนของอเมริกาว่า ต้องยืนยันว่าระบบที่ CPMIEC ทำนั้น ไม่มีวันจะใช้ร่วมกับระบบใด ๆ ทั้งสิ้นของ NATO ได้ และดูว่าจมูกที่จีนเสนอมันเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมพวกเราถึงสร้างจมูกอย่างเขาไม่ได้ ทำไม่ตุรกีไม่ชอบจมูกฝรั่ง แต่ไปชอบจมูกจีน ! ไปหาคำตอบกันมาให้ได้
    4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 จดหมายอีกฉบับถูกส่งไปยังทูตอเมริกา ประจำตุรกี ว่าในกรณีที่ตุรกียังยืนยันจะใช้จมูกจีน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ของจีนจะต้องมาเดินขวักไขว่ เข้านอกออกในอยู่ในทุกสถานที่และองค์กรต่าง ๆ ของตุรกี ในด้านความมั่นคงจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
    นอกจากการเข้ากันไม่ได้ของระบบที่จีนจะทำ กับระบบของอเมริกาและ NATO แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือการที่จีนจะเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในระบบของตุรกี ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยงกับอเมริกาและ NATO ได้อีกด้วย จีนบอก อั๊วทำจมูกให้ตุรกี แต่อั๊วได้กลิ่นอเมริกา กับยุโรปหมดเลย ฮ่า ฮ่า เอิ้ก
    คำถามสำคัญที่ทุกคนคิดในใจดัง ๆ คือ ตุรกีกำลังคิดอะไร อเมริกาลงทุนกับตุรกีไปขนาดไหน ตุรกีย่อมรู้อยู่แก่ใจ และตุรกีก็คงตอบอยู่ในใจเช่นกันว่า อเมริกาก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจเช่นเดียวกัน ว่าตุรกีทำอะไร เพื่ออเมริกาบ้าง
    นับเป็นโจทก์ที่น่าคิดอย่างยิ่ง ตุรกีทำได้อย่างไร โดยเฉพาะในประเด็นว่าตุรกีนั้น เป็นสมาชิกของ NATOแต่จะใช้จีน ซึ่งอยู่นอก NATO มาสร้างระบบที่เชื่อมถึง NATO ได้ และที่สำคัญ CPMIEC เป็นบริษัทที่อยู่ในข่ายการคว่ำ บาตรของอเมริกา ตามกฎหมาย Iran, North Korea and Syria Nonproliferation Act (P.L 106-178 as amended) ตุรกีสมกับเป็นลูกครึ่ง ลูกกลม ลูกกลิ้ง จริง ๆ เอ๊ะ ! หรือนี่คือบทของ นกสองหัว !
    อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี Gul ได้ออกมาแถลงว่า เรื่องทำจมูกโดยจีนนี้ ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปนะ เราเพียงแค่คัดรายชื่อผู้เสนอทำงานให้เหลือน้อยลง เรารู้ดีเรื่องความเป็นห่วงของ NATO เรารู้ดีเรื่องการเป็นคู่แข่งกันระหว่างตะวันตกกับจีน เราก็เป็น 1 ใน NATO นะ เพราะฉะนั้นใจเย็น ๆ ก่อน
    ในรายงานของ CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค ค.ศ. 2014 ได้มีพูดถึงเรื่องการทำจมูกตุรกี โดยจีนนี้ อย่างยืดยาว ตอนหนึ่งในรายงานระบุว่า แม้แต่ทางกองทัพของตุรกีเอง ก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาล ด้วยเกรงว่าจะได้จมูกเก่าที่ใช้แล้ว และไม่เหมาะที่จะนำไปสู่รบกับอะไร ได้ “second – hand, not battle-tested and cheap Chinese missiles” อืม เจ็บมากนะ เด็ก ๆ ของอาเฮียอ่านแล้ว แจ้งให้เจ้านายทราบด้วย
    แล้วประมาณกลางเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 รัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งครอบครัว และนักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี Erdogan รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ก็ถูกตั้งข้อกล่าวหา ถูกจับข้อหารับสินบน จากนั้นการเมืองภายในประเทศของตุรกีก็เริ่มร้อนขึ้น แม้ตัวนายกรัฐมนตรี Erdogan เอง ก็ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการโกง สื่อตีข่าวทุกวัน ขนาดมีการปล่อยเสียงการคุยกันระหว่าง นาย Erdogan กับลูกชาย ชื่อ Bilal ถึงการโอนเงินจำนวนใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับตามอง
    นาย Erdogan ให้ข่าวว่า ข้อกล่าวหาตัวเขาและลูกชาย เกี่ยวกับเรื่องการโกงนี้ เป็นการกำกับและจัดฉากของนาย Fethullah Gulen ซึ่งสมคบและเลี้ยงดูโดยอเมริกา สนุกจริง ๆ ตอนนี้ไม่ได้เป็นนิยายรักแล้ว แต่เป็นนิยายชีวิต เข้ม ข้น โหด มัน ฮา (ยังไม่รู้ใครจะได้ฮา)
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 6 – จมูกคนอื่น นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 6 “จมูกคนอื่น” เมื่อตุรกีออกประกาศเชิญชวนให้บรรดา พวกนักสร้างระบบเครื่องมือรบ ให้มายื่นประมูลเครื่องมือป้องกันตนเอง ที่เรียกว่า Long Range Air and Missle Defense System ใครจะยิงจรวดแบบไหน มาจากทางไหน เครื่องมือนี้จับได้ทำลายหมด ตุรกีบอกฉันควรมีของใช้ส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ ตะบี้ตะบันไปตลอดชาติ ถ้ามันจมูกบี้ไป แล้วตูจะหายใจยังไงวะ เออ ! อันนี้มีเหตุผล ฟังขึ้น แม้ดูจะออกลูกกะล่อนนิด ๆ แต่ก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ โครงการนี้ยาวนาน ตุรกีคิดมานานแล้ว และทำอย่างเปิดเผย ตอนแรกอเมริกา NATO และ EU ต่างก็หน้างอ ทำไมตุรกีไม่ปรึกษา ทำไมตุรกีไม่ขออนุญาต ตุรกีบอกขอโทษ ตุรกีคิดว่ายังมีอธิปไตยเหนือบ้านเมืองตนเองอยู่นะ แม้กระผมจะยอมนายท่านไปหลายเรื่องก็เถอะ แต่เรื่องหายใจด้วยจมูกของผม นี่มันเรื่องส่วนตัวจริง ๆ หลังจากสุมหัวคิดกันดูแล้ว อเมริกาและ EU ก็บอกว่าเอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราก็ยื่นประมูลสร้างไอ้เครื่องป้องกันบ้าบอนี้เข้าไปด้วย แล้วเราก็ไปบีบคอมันให้มันเลือกเรา มันจะยากเย็นอะไร ตุรกีออกประกาศเชิญชวนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 เกือบ 4 ปีแล้ว พิจารณาอะไร มันถึงใช้เวลานานขนาดนั้น มันควรจะประกาศได้แล้วว่าใครชนะประมูล- แต่ตุรกีก็ไม่ประกาศ อะไรมันปิดปากค้ำคออยู่ หรือตุรกีรอดูอะไร หรือตุรกีกำลังเล่นบท “ตุรกี” ให้ดูอยู่ ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับ เรื่องกระทืบซีเรีย เรื่องเส้นทางเดินท่อแก๊ส เรื่องการเลือกตั้ง เรื่องคอรับชั่นในประเทศ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ตุรกีกลับใช้ช่วงเวลานั้นประกาศเสียงเรียบ ๆ ว่า ขณะนี้เราได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว เราได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า เบื้องต้นผู้ที่เราน่าจะเลือกให้มาทำเครื่องหายใจของเราเอง น่าจะเป็นบริษัทของประเทศจีน ! เขาว่าวันนั้น ขนาดเสียงจิ้งจกไต่ผ่านเพดานห้องทำงานรูปไข่ของนาย Obama (หมายถึง Oval Room ครับ ลุงนิทานไม่ได้ทะลึ่ง) ทหารรักษาการณ์ข้างนอกประตูหน้า White House ยังได้ยินเลย ทุกอย่างเงียบสงบ ลมไม่กล้าพัด เจ้าหน้าที่ต้องกลั้นหายใจ เกรงว่าแม้ลมหายใจ ก็จะทำให้เกิดแรงสะเทือนได้ อาการเช่นนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะที่ White House หรอก เขาว่าห้องทำงานของท่านนายพลใหญ่ หัวหน้าใหญ่ของ NATO ก็เป็นเหมือนกัน ในคำแถลงของตุรกีบอกว่า จีนโดยบริษัท CPMIEC ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ยินดีที่จะรับเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องมือ ที่เรียกว่า Long Range Air and Missile Defense System (T-LORAMIDS) ตามคำเชิญชวนของตุรกี เมื่อ ค.ศ. 2009 ที่ให้บุคคลภายนอกเสนอการทำงานแบบ off-the-shelf vesion ของ (T-LORAMIDS) ในระบบที่สามารถเข้ากับอุปกรณ์การทำงานทั้งปวงของตุรกีได้ ในราคาประมาณ 3.4 พันล้านเหรียญ (เท่านั้นเอง) เป็นการสร้างจมูกส่วนตัวของตุรกี ที่ว่าไปแล้วในราคาไม่แพงเลย ฮา นาย Murad Bayer เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ การจัดซื้อจัดจ้างของตุรกี แถลงเพิ่มเติมว่าข้อเสนอของ CPMIEC ดีกว่าผู้เข้าแข่งประมูลทั้งหมด รวมทั้ง Raytheon/Lockheed-Martin ของอเมริกา กลุ่ม Italian/French และของรัสเซีย นาย Bayer บอกว่า เขาจะเจรจารายละเอียดขั้นสุดท้ายและสรุปผลกับ CPMIEC ให้เสร็จสิ้นก่อนครั้งแรกของปี ค.ศ. 2014 จิ้งจกแมงสาบเริ่มออกเดินต่อ หลังจากตัวชากันไปพักใหญ่ วุฒิสมาชิกอเมริกัน ส่งหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคม 2013 ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศ John Kerry และรัฐมนตรีกลาโหม Chuck Hagel ดำเนินการทุกวิถีทาง ทางการฑูต เพื่อกดดันไม่ให้ตุรกีตกลงกับ CPMIEC ทำจมูกให้ตุรกี และแจ้ง NATO ถึงจุดยืนของอเมริกาว่า ต้องยืนยันว่าระบบที่ CPMIEC ทำนั้น ไม่มีวันจะใช้ร่วมกับระบบใด ๆ ทั้งสิ้นของ NATO ได้ และดูว่าจมูกที่จีนเสนอมันเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมพวกเราถึงสร้างจมูกอย่างเขาไม่ได้ ทำไม่ตุรกีไม่ชอบจมูกฝรั่ง แต่ไปชอบจมูกจีน ! ไปหาคำตอบกันมาให้ได้ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 จดหมายอีกฉบับถูกส่งไปยังทูตอเมริกา ประจำตุรกี ว่าในกรณีที่ตุรกียังยืนยันจะใช้จมูกจีน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ของจีนจะต้องมาเดินขวักไขว่ เข้านอกออกในอยู่ในทุกสถานที่และองค์กรต่าง ๆ ของตุรกี ในด้านความมั่นคงจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร นอกจากการเข้ากันไม่ได้ของระบบที่จีนจะทำ กับระบบของอเมริกาและ NATO แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือการที่จีนจะเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในระบบของตุรกี ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยงกับอเมริกาและ NATO ได้อีกด้วย จีนบอก อั๊วทำจมูกให้ตุรกี แต่อั๊วได้กลิ่นอเมริกา กับยุโรปหมดเลย ฮ่า ฮ่า เอิ้ก คำถามสำคัญที่ทุกคนคิดในใจดัง ๆ คือ ตุรกีกำลังคิดอะไร อเมริกาลงทุนกับตุรกีไปขนาดไหน ตุรกีย่อมรู้อยู่แก่ใจ และตุรกีก็คงตอบอยู่ในใจเช่นกันว่า อเมริกาก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจเช่นเดียวกัน ว่าตุรกีทำอะไร เพื่ออเมริกาบ้าง นับเป็นโจทก์ที่น่าคิดอย่างยิ่ง ตุรกีทำได้อย่างไร โดยเฉพาะในประเด็นว่าตุรกีนั้น เป็นสมาชิกของ NATOแต่จะใช้จีน ซึ่งอยู่นอก NATO มาสร้างระบบที่เชื่อมถึง NATO ได้ และที่สำคัญ CPMIEC เป็นบริษัทที่อยู่ในข่ายการคว่ำ บาตรของอเมริกา ตามกฎหมาย Iran, North Korea and Syria Nonproliferation Act (P.L 106-178 as amended) ตุรกีสมกับเป็นลูกครึ่ง ลูกกลม ลูกกลิ้ง จริง ๆ เอ๊ะ ! หรือนี่คือบทของ นกสองหัว ! อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี Gul ได้ออกมาแถลงว่า เรื่องทำจมูกโดยจีนนี้ ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปนะ เราเพียงแค่คัดรายชื่อผู้เสนอทำงานให้เหลือน้อยลง เรารู้ดีเรื่องความเป็นห่วงของ NATO เรารู้ดีเรื่องการเป็นคู่แข่งกันระหว่างตะวันตกกับจีน เราก็เป็น 1 ใน NATO นะ เพราะฉะนั้นใจเย็น ๆ ก่อน ในรายงานของ CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค ค.ศ. 2014 ได้มีพูดถึงเรื่องการทำจมูกตุรกี โดยจีนนี้ อย่างยืดยาว ตอนหนึ่งในรายงานระบุว่า แม้แต่ทางกองทัพของตุรกีเอง ก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาล ด้วยเกรงว่าจะได้จมูกเก่าที่ใช้แล้ว และไม่เหมาะที่จะนำไปสู่รบกับอะไร ได้ “second – hand, not battle-tested and cheap Chinese missiles” อืม เจ็บมากนะ เด็ก ๆ ของอาเฮียอ่านแล้ว แจ้งให้เจ้านายทราบด้วย แล้วประมาณกลางเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 รัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งครอบครัว และนักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี Erdogan รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ก็ถูกตั้งข้อกล่าวหา ถูกจับข้อหารับสินบน จากนั้นการเมืองภายในประเทศของตุรกีก็เริ่มร้อนขึ้น แม้ตัวนายกรัฐมนตรี Erdogan เอง ก็ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการโกง สื่อตีข่าวทุกวัน ขนาดมีการปล่อยเสียงการคุยกันระหว่าง นาย Erdogan กับลูกชาย ชื่อ Bilal ถึงการโอนเงินจำนวนใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับตามอง นาย Erdogan ให้ข่าวว่า ข้อกล่าวหาตัวเขาและลูกชาย เกี่ยวกับเรื่องการโกงนี้ เป็นการกำกับและจัดฉากของนาย Fethullah Gulen ซึ่งสมคบและเลี้ยงดูโดยอเมริกา สนุกจริง ๆ ตอนนี้ไม่ได้เป็นนิยายรักแล้ว แต่เป็นนิยายชีวิต เข้ม ข้น โหด มัน ฮา (ยังไม่รู้ใครจะได้ฮา) สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 5 – เด็กรับใช้
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 5 “เด็กรับใช้”
    เดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 นาย Philip Giraldi อดีต CIA ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณ Syria สรุปว่า
    “NATO ได้แอบสนับสนุนเหตุการณ์ขัดแย้งใน Syria โดยมีตุรกีนำหน้าในฐานะตัวแทนของอเมริกา รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี นาย Davutoglu เปิดเผยว่า ประเทศเขาพร้อมที่จะบุกเข้าไปในซีเรีย เมื่อมีข้อตกลงระหว่างพันธมิตรทางยุโรป ให้ดำเนินการเช่นนั้น การเข้าไปแทรกแซงจะใช้ข้ออ้างว่า เพื่อมนุษยธรรม เพื่อปกป้องประชาชนที่บริสุทธิ โดยถือเป็นหน้าที่ของทุกประเทศที่ต้องดำรงความยุติธรรม เช่นเดียวกับวิธีที่เข้าไปให้ Libya
    แหล่งข่าวจากตุรกีแจ้งว่า เขาจะเริ่มปฏิบัติการ โดยการใช้วิธีตั้งแนวเขตป้องกัน (buffer zone) ระหว่างชายแดนตุรกีกับซีเรีย และขยายไปถึง Alleppo เมืองใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดของซีเรีย และเป็นเป้าหมายสำคัญของฝ่ายกบฎ
    เครื่องบินของ NATO ซึ่งไม่ติดเครื่องหมาย บินเข้าไปถึงฐานทัพของตุรกี ใกล้เมือง Iskenderum ในเขตของซีเรีย เครื่องบินนี้ขนอาวุธซึ่งนำมาจากคลังอาวุธของ Gaddafi ที่ Libya พร้อมทั้งอาสาสมัครจำนวนมากจาก Libyan Transitional National Council ซึ่งมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับทหารที่ฝึกมาแล้ว เป็นความชำนาญที่พวกเขาได้มาจากการสู้ กับกองทัพของ Gaddafi
    Iskenderum เป็นพื้นที่ของฝ่ายกบฎ คือ Syrain National Council ส่วนที่ติดอาวุธ มีผู้ฝึกจากหน่วยรบพิเศษของฝรั่งเศสและอังกฤษ ได้รออยู่ในพื้นที่แล้ว พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือฝ่าย กบฎซีเรีย ในขณะที่ CIA และหน่วยรบพิเศษของอเมริกา US spec. Ops. ได้ให้เครื่องมือสื่อสาร เดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 กองทัพตุรกียิงระเบิดเข้าไปในเขตแดนของซีเรีย หวังจะสร้างเขตกันชน buffer zone ระยะ 10 กิโลเมตร ตลอดแนวเขตรั้วบ้านซีเรีย ทำให้ทั้งชาวซีเรียและชาวเตอร์กตามแนวเขตบาดเจ็บล้มตาย”
    รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Davutogulee ซึ่งสนิทชิดใกล้กับกลุ่ม Muslim Brotherhood ของตุรกี เป็นเจ้าของแนวคิดที่จะถล่มรัฐบาล Al-Assad ของซีเรีย
    มีรายงานว่าตั้งแต่ ค.ศ. 2006 เป็นต้นมารัฐบาลอิสลามซุนนี่ห์ ของนายกรัฐมนตรี Erdogam และพรรค AKP ของเขาเป็นพวกนิยม Brotherhood ทำให้ตุรกีกลายเป็นศูนย์กลางของ กลุ่ม Global Muslim Brotherhood การเลือกตั้งของพรรค AKP ของนาย Erdogan เขาได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือ เป็นจำนวน 10 พันล้านเหรียญจากราชวงศ์ซาอุดิ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม Jihadist Salafism ภายใต้คำสั่งสอนแบบ Wahabism
    ตั้งแต่ ค.ศ. 1950 เป็นต้นมา CIA นำสมาชิกระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood จากอียิปต์ไปฝากไว้ที่ Saudi Arabia หลังจากนั้นการผสมผสานระหว่าง Wahabism ของซาอุดิ และความเกรี้ยวกราดของกลุ่มJihadist Brotherhood ก็กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
    ไล่เรียงมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เห็นว่าน้ำผึ้งมันจะขมออกเปรี้ยว ขนาดต้องลงข่าวด่าซ้ำซาก แถมลงในปูมสมุดพกความประพฤติอีกด้วย ตกลงอเมริกาไม่พอใจในความประพฤติข้อไหนของตุรกีกันแน่ เริ่มคบก็รู้อยู่แล้วว่าตุรกีเป็นลูกครึ่ง ความประพฤติก็เหมือนลูกกลิ้ง ลูกกลม กลิ้งไปได้เรื่อย ๆ ไม่งั้นจะลงทุนกลายเป็น Langley เลขที่ 2 ให้อเมริกาได้อย่างไร
    อเมริกาลงทุนสนับสนุนตุรกี เรื่องความมั่นคง (จารกรรมน่ะ พูดให้ชัด ๆ ) เรื่องการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์เต็มอัตรา พร้อมตั้งฐานทัพ แถมมีเครื่องไม้เครื่องมือ ทั้งการรบการจารกรรมไว้เต็มเมืองตุรกี แค่นั้นยังไม่พอ เนื่องจากเป็นภูมิศาสตร์สำคัญ พ่วงเอา NATO มาตั้งศูนย์ยิง ศูนย์รบ สาระพัดศูนย์เต็มไปหมด อยู่ดี ๆ ตุรกีก็บอกว่าตัวเองน่าจะมีระบบป้องกันประเทศของตัวเองบ้างเหมือนกัน
    อ้อ ! เรื่องนี้เอง ! ตุรกีมาแปลก ! อเมริกาสงสัย มันกำลังหันหัวไปทางไหนกันแน่ !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 5 – เด็กรับใช้ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 5 “เด็กรับใช้” เดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 นาย Philip Giraldi อดีต CIA ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณ Syria สรุปว่า “NATO ได้แอบสนับสนุนเหตุการณ์ขัดแย้งใน Syria โดยมีตุรกีนำหน้าในฐานะตัวแทนของอเมริกา รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี นาย Davutoglu เปิดเผยว่า ประเทศเขาพร้อมที่จะบุกเข้าไปในซีเรีย เมื่อมีข้อตกลงระหว่างพันธมิตรทางยุโรป ให้ดำเนินการเช่นนั้น การเข้าไปแทรกแซงจะใช้ข้ออ้างว่า เพื่อมนุษยธรรม เพื่อปกป้องประชาชนที่บริสุทธิ โดยถือเป็นหน้าที่ของทุกประเทศที่ต้องดำรงความยุติธรรม เช่นเดียวกับวิธีที่เข้าไปให้ Libya แหล่งข่าวจากตุรกีแจ้งว่า เขาจะเริ่มปฏิบัติการ โดยการใช้วิธีตั้งแนวเขตป้องกัน (buffer zone) ระหว่างชายแดนตุรกีกับซีเรีย และขยายไปถึง Alleppo เมืองใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดของซีเรีย และเป็นเป้าหมายสำคัญของฝ่ายกบฎ เครื่องบินของ NATO ซึ่งไม่ติดเครื่องหมาย บินเข้าไปถึงฐานทัพของตุรกี ใกล้เมือง Iskenderum ในเขตของซีเรีย เครื่องบินนี้ขนอาวุธซึ่งนำมาจากคลังอาวุธของ Gaddafi ที่ Libya พร้อมทั้งอาสาสมัครจำนวนมากจาก Libyan Transitional National Council ซึ่งมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับทหารที่ฝึกมาแล้ว เป็นความชำนาญที่พวกเขาได้มาจากการสู้ กับกองทัพของ Gaddafi Iskenderum เป็นพื้นที่ของฝ่ายกบฎ คือ Syrain National Council ส่วนที่ติดอาวุธ มีผู้ฝึกจากหน่วยรบพิเศษของฝรั่งเศสและอังกฤษ ได้รออยู่ในพื้นที่แล้ว พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือฝ่าย กบฎซีเรีย ในขณะที่ CIA และหน่วยรบพิเศษของอเมริกา US spec. Ops. ได้ให้เครื่องมือสื่อสาร เดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 กองทัพตุรกียิงระเบิดเข้าไปในเขตแดนของซีเรีย หวังจะสร้างเขตกันชน buffer zone ระยะ 10 กิโลเมตร ตลอดแนวเขตรั้วบ้านซีเรีย ทำให้ทั้งชาวซีเรียและชาวเตอร์กตามแนวเขตบาดเจ็บล้มตาย” รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Davutogulee ซึ่งสนิทชิดใกล้กับกลุ่ม Muslim Brotherhood ของตุรกี เป็นเจ้าของแนวคิดที่จะถล่มรัฐบาล Al-Assad ของซีเรีย มีรายงานว่าตั้งแต่ ค.ศ. 2006 เป็นต้นมารัฐบาลอิสลามซุนนี่ห์ ของนายกรัฐมนตรี Erdogam และพรรค AKP ของเขาเป็นพวกนิยม Brotherhood ทำให้ตุรกีกลายเป็นศูนย์กลางของ กลุ่ม Global Muslim Brotherhood การเลือกตั้งของพรรค AKP ของนาย Erdogan เขาได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือ เป็นจำนวน 10 พันล้านเหรียญจากราชวงศ์ซาอุดิ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม Jihadist Salafism ภายใต้คำสั่งสอนแบบ Wahabism ตั้งแต่ ค.ศ. 1950 เป็นต้นมา CIA นำสมาชิกระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood จากอียิปต์ไปฝากไว้ที่ Saudi Arabia หลังจากนั้นการผสมผสานระหว่าง Wahabism ของซาอุดิ และความเกรี้ยวกราดของกลุ่มJihadist Brotherhood ก็กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ไล่เรียงมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เห็นว่าน้ำผึ้งมันจะขมออกเปรี้ยว ขนาดต้องลงข่าวด่าซ้ำซาก แถมลงในปูมสมุดพกความประพฤติอีกด้วย ตกลงอเมริกาไม่พอใจในความประพฤติข้อไหนของตุรกีกันแน่ เริ่มคบก็รู้อยู่แล้วว่าตุรกีเป็นลูกครึ่ง ความประพฤติก็เหมือนลูกกลิ้ง ลูกกลม กลิ้งไปได้เรื่อย ๆ ไม่งั้นจะลงทุนกลายเป็น Langley เลขที่ 2 ให้อเมริกาได้อย่างไร อเมริกาลงทุนสนับสนุนตุรกี เรื่องความมั่นคง (จารกรรมน่ะ พูดให้ชัด ๆ ) เรื่องการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์เต็มอัตรา พร้อมตั้งฐานทัพ แถมมีเครื่องไม้เครื่องมือ ทั้งการรบการจารกรรมไว้เต็มเมืองตุรกี แค่นั้นยังไม่พอ เนื่องจากเป็นภูมิศาสตร์สำคัญ พ่วงเอา NATO มาตั้งศูนย์ยิง ศูนย์รบ สาระพัดศูนย์เต็มไปหมด อยู่ดี ๆ ตุรกีก็บอกว่าตัวเองน่าจะมีระบบป้องกันประเทศของตัวเองบ้างเหมือนกัน อ้อ ! เรื่องนี้เอง ! ตุรกีมาแปลก ! อเมริกาสงสัย มันกำลังหันหัวไปทางไหนกันแน่ ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 3 “นกหัวเอียง”
    ตุรกีเหมือนเป็นลูกครึ่ง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งอาหรับ อยู่ที่ว่าตุรกีจะเอียงหัวไปทางไหน เอียงหัวไปทางซ้าย ก็กลายเป็นพวกฝรั่ง เอียงหัวไปทางขวา ก็กลายเป็นพวกอาหรับ แต่อเมริกาบอกตุรกีอย่างเอียงหัวไปซ้ายที ขวาที บ่อยนัก อเมริกาเวียนหัว
    อเมริกาบอกว่า แม้ตุรกีจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรใกล้ แต่ตุรกีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ซึ่งเหมือนเพื่อนบางคนของอเมริกาในยุโรป (ใครนะ ? )
    ในรายงานวิเคราะห์ของ Council on Foreign Relations Report No. 69 ซึ่งทำโดยคุณนาย Madeline K. Albright (อดีต รมว.ต่างประเทศอเมริกา สมัยนายบุช (ลูก) และพวก) อเมริกายอมรับว่า ความจริงแล้ว ตุรกีไม่เหมือนประเทศใดในโลก ! เป็นทั้งเพื่อนสนิทรู้ใจสาระพัดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หัวอกอเมริกากลัดหนอง ได้อยู่หลายครั้งเช่นเดียวกัน และมันจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป เพราะสาเหตุลึก ๆ ของความกลัดหนองนี้มาจาก ความไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย !
    แม้จะคบกันมา 60 ปีแล้ว ร่วมกิจการบนดินใต้ดินกันมาสาระพัด อเมริกาก็ยังอ่านตุรกีไม่ขาด ว่าตกลงตุรกีเป็นนกสองหัวหรือไม่ หรือตุรกีเป็นเพียงลูกครึ่ง ซึ่งมีทั้งความเป็นยุโรป และอาหรับอยู่ในตัว ในขณะที่อเมริกาไม่มีครึ่งไหนอยู่ในตัวเลย แล้วจะเข้าใจหัวอกของคนครึ่งลูกหรือเต็มใบได้อย่างไร
(ไม่เหมือนสมันน้อยนะ 60 ปีก่อน ว่านอนสอนง่าย ให้เดินต๊อก ๆ ตามยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเดินตามเหมือนเดิม ไม่มีปากไม่มีเสียง น่ารักเสียไม่มี)
    สงครามเย็นจบไปแล้ว แต่หมากล้อมของอเมริกาดูเหมือนจะยังไม่จบ แล้วตุรกีเล่า ยังเป็นหมากให้อเมริกาเดินตามใจชอบเหมือนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ตกลงหัวของตุรกีอยู่ทางไหนกันแน่ อเมริกาเริ่มแสดงอาการทวงบุญคุณ และตุรกีก็เริ่มแสดงอาการ บุญคุณใช้หมดแล้ว…หรือยังครับนายท่าน?
    ส่วนรายงาน CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค. 2014 บอกว่าตุรกี เริ่มมีการเปลี่ยนท่าที ลดการพึ่งพาอเมริกาลงไปหลายส่วน อาการแบบนี้แปลว่าอะไร เบื่อจะเล่นเป็นตัวประกอบแล้วหรือไง อยากเล่นเป็นตัวเอกบ้างละซิท่า
    อเมริกาตั้งความหวังไว้ว่า เมื่ออเมริกาประกาศ (ลวงโลกว่า) ถอนทหารจาก Iraq และ Afghanistan แล้ว ตุรกีจะต้องเป็นผู้รับไม้ไปทำการแทนต่อ หน้าฉากอเมริกาเล่นบทถอน แต่หลังฉาก ให้ตุรกีเล่นบทเข้าไปคุมพื้นที่แทน ! นายท่านมัวแต่ให้กระผมเล่นอยู่แต่หลังฉาก แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นตัวเอกซะ ที เล่นหลังฉากมา 60 ปี แล้วนะขอรับ (โถ หัวอกเดียวกับสมันน้อยเลย ดีว่าสมันน้อย ไม่ต้องไปเก็บกวาดนอกบ้าน แค่เดินตามเขาชี้นิ้วในบ้านเราต๊อกๆ มา 60 ปี ประชาชี ก็ช้ำพอแล้ว พอหรือยัง พอหรือยัง)
    โดยภูมิประเทศที่ตั้ง ทำให้ตุรกีมีโอกาสติดต่อคบค้ากับ หลายประเทศ ไม่ว่าฝั่งยุโรป หรือฝั่งอาหรับ ประเทศที่ตุรกี คบค้ามานาน คือ อิหร่าน และรัสเซีย ทั้ง 3 ประเทศผูกพันธ์กัน ทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีส่วนผสมทางวัฒนธรรม การค้า ภาษา และศาสนาอีกด้วย แม้ว่าหลายครั้ง สัมพันธ์ 3 ประเทศ จะมีตกหลุม ตกรางไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว 3 ประเทศนี้ตัดกันไม่ง่าย ขายกันไม่ขาด ตุรกีไม่ปิดบัง มันมีมานานแล้วเพื่อนเก่าน่ะ เขาพวกมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมยาวนาน เป็นอดีตจักรวรรดิด้วยกัน ทั้ง 3 ประเทศ ไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่เพิ่งฉลองอิสรภาพ แต่เพื่อนใหม่อย่างอเมริกา ตุรกีก็คบ และดูเหมือนจะไม่สนใจว่า จะทำให้อเมริการู้สึกอย่างไร อเมริการู้สึกและไม่ใช่รู้สึกระดับธรรมดา อเมริกาจับตาส่องกล้องตามสัมพันธ์ของ 3 สหาย ตลอดทุกกระเบียดนิ้ว
    อเมริกายังจำได้ไม่มีวันลืม เมื่อปี ค.ศ. 2010 เกี่ยวกับเรื่อง Israel กับกองเรือที่ Gaza ที่ตุรกีโหวตสวนอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังเล็ก สำหรับอเมริกา เมื่อเทียบกับอีกเรื่องในปีเดียวกัน เมื่อ UN Security Council ลงมติดให้สมาชิกคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ตุรกี (และบราซิล พร้อมใจกัน) ลงมติสวนทางกับอเมริกา ทั้ง 2 เรื่อง เป็นประเด็นทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในภูมิภาคนี้
    เหตุการณ์วิกฤติที่ Crimea และ Ukraine ก็เป็นอีกกรณีที่ทำให้อเมริกาจับตาดูแบบไม่กระพริบว่าจะมีส่วนกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ระหว่างตุรกี กับรัสเซีย ในทางใดบ้างหรือไม่
    นอกจากนี้ในสายตาของอเมริกา การที่ตุรกีทำท่าออกหน้าเรื่อง Syria เหมือนจะยกทัพไปปราม รัฐบาล Asrad แต่เอาจริงก็แค่ส่งเสบียง ส่งกองกำลัง แบบตีปี๊บให้ดังมากกว่า เป็นไปได้ว่าตุรกีหวังจะให้อเมริกา และ NATO ออกหน้า (อย่าที่แอบคุยกันไว้) แต่เมื่อรัฐบาล Obama กลับลำถอยฉาก ออกมาจาก Syria ตุรกีก็เลยหยุดดูบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว อเมริกาหวังจะให้ตุรกีเดินหน้าต่อไป
    ตุรกีหยุดเพราะอเมริกาถอย หรือตุรกีหยุด เพราะรัสเซียและอิหร่าน ไม่(เคย) เดินหน้าเข้าไปขยี้ Syria อเมริกาจึงยังจับตาดูตุรกีต่อไป
    อิหร่านและรัสเซีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญของตุรกีในด้านพลังงาน เมื่ออเมริกาและสหภาพยุโรป ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่เดือดร้อนจนเหงื่อตกคือตุรกี ตุรกีพึ่งน้ำมันและแก๊ซจากอิหร่าน ห้ามค้าขายกับอิหร่านแล้วจะทำอย่างไร ตุรกีถาม อเมริกาบอก ก็ไม่ต้องซื้อ พูดง่ายนะ
    ตุรกีหน้ามืด หรือ อยากลองของกับอเมริกา หรือนี่คือ ตุรกี “ตัวจริง”
    แม้อเมริกาจะบอกให้ตุรกีเลิกคบกับอิหร่าน แต่ตุรกี โดยรัฐบาล AKP ของนาย Erdogan ยังเดินหน้า ซื้อขายน้ำมันและแก๊ซกับอิหร่านต่อไป ทำทั้งแบบเปิดเผยและปกปิด เพื่อเลี่ยงกฎเกณฑ์การคว่ำบาตรของอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งที่ตุรกีทำคือ ทำผ่าน Halk Bankasi (People’s Bank) หรือที่เรียกว่า HalkBak ซึ่งเป็นของรัฐบาล อันเป็นต้นเหตุของการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลฉ้อโกง
    เมื่ออิหร่านขายน้ำมันและแก๊สให้ตุรกี ตุรกีจะจ่ายค่าซื้อขายผ่าน Halk Bank โดย Bank ซื้อทองคำ จ่ายเป็นค่าซื้อขายให้อิหร่านอีกต่อ แทนการจ่ายด้วยเงินตรา เพราะอิหร่านถูกห้ามการใช้เงินโอน ผ่านระบบเงินโอนระหว่างประเทศ swift International money system ตามการคว่ำบาตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ตุรกีเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎการคว่ำบาตร เพราะไม่มีข้อห้ามไม่ให้ห้ามซื้อขาย แร่ธาตุมีค่ากับอิหร่าน
    ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวว่า Halk Bank และรัฐบาลตุรกีร่วมกันฉ้อโกง ข่าวนี้เริ่มแพร่จากบุคคลในระดับสูงในสังคมตุรกี โดยผู้ที่มีส่วนในการบริหารประเทศตุรกีเองนั่นแหละ เรียกว่าเริ่มนินทากันในระดับสูงก่อนทำข่าวหลุดให้สื่อประโคม !
    เศรษฐกิจของตุรกี เริ่มมีผลกระทบจากการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งหมดก็เพราะการเดินนโยบายโง่บริสุทธิ์ (หรือหนอนบ่อนไส้ !) ของรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Ahmet Davutoglu ที่แนะนำรัฐบาล AKP ให้ใช้นโยบาย Neo-Ottoman เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น Turkish model Neo-Ottoman ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและ NATO
    อันที่จริงตุรกีไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิก NATOคัดค้าน เมื่อ NATO มีแผนจะถล่ม Libya ซึ่งก็เป็นมิตรเก่าของตุรกีเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ลามไปถึง Syria เมื่อตุรกีเดินเข้าไปถล่ม Syria ตุรกีรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกับดัก ที่มีเหยื่อคอยอยู่แล้วหลายตัว เช่น Libya, Syria, Iraq และ Lebanon และจะทำให้ตุรกีเดินห่างจากมิตรเก่าแก่ เช่น อิหร่าน และรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะผูกพันธ์กัน แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ
    และตุรกีก็ดูเหมือนไม่ฉุกใจคิด เลยว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน และจีน จึงรวมตัวกัน จับมือคัดค้าน การถล่ม Syria นอกจากไม่ฉุกใจคิดแล้ว ตุรกี ยังเดินนำหน้าสู่กับดักด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก การเงิน ให้แก่กบฎซีเรียอีกด้วย นี่เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นของอเมริกากับตุรกี สำหรับเงินที่ลงทุนไป
    หรือตุรกี กำลังเล่นอะไร?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 3 “นกหัวเอียง” ตุรกีเหมือนเป็นลูกครึ่ง ครึ่งฝรั่ง ครึ่งอาหรับ อยู่ที่ว่าตุรกีจะเอียงหัวไปทางไหน เอียงหัวไปทางซ้าย ก็กลายเป็นพวกฝรั่ง เอียงหัวไปทางขวา ก็กลายเป็นพวกอาหรับ แต่อเมริกาบอกตุรกีอย่างเอียงหัวไปซ้ายที ขวาที บ่อยนัก อเมริกาเวียนหัว อเมริกาบอกว่า แม้ตุรกีจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรใกล้ แต่ตุรกีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ซึ่งเหมือนเพื่อนบางคนของอเมริกาในยุโรป (ใครนะ ? ) ในรายงานวิเคราะห์ของ Council on Foreign Relations Report No. 69 ซึ่งทำโดยคุณนาย Madeline K. Albright (อดีต รมว.ต่างประเทศอเมริกา สมัยนายบุช (ลูก) และพวก) อเมริกายอมรับว่า ความจริงแล้ว ตุรกีไม่เหมือนประเทศใดในโลก ! เป็นทั้งเพื่อนสนิทรู้ใจสาระพัดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หัวอกอเมริกากลัดหนอง ได้อยู่หลายครั้งเช่นเดียวกัน และมันจะเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป เพราะสาเหตุลึก ๆ ของความกลัดหนองนี้มาจาก ความไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย ! แม้จะคบกันมา 60 ปีแล้ว ร่วมกิจการบนดินใต้ดินกันมาสาระพัด อเมริกาก็ยังอ่านตุรกีไม่ขาด ว่าตกลงตุรกีเป็นนกสองหัวหรือไม่ หรือตุรกีเป็นเพียงลูกครึ่ง ซึ่งมีทั้งความเป็นยุโรป และอาหรับอยู่ในตัว ในขณะที่อเมริกาไม่มีครึ่งไหนอยู่ในตัวเลย แล้วจะเข้าใจหัวอกของคนครึ่งลูกหรือเต็มใบได้อย่างไร
(ไม่เหมือนสมันน้อยนะ 60 ปีก่อน ว่านอนสอนง่าย ให้เดินต๊อก ๆ ตามยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเดินตามเหมือนเดิม ไม่มีปากไม่มีเสียง น่ารักเสียไม่มี) สงครามเย็นจบไปแล้ว แต่หมากล้อมของอเมริกาดูเหมือนจะยังไม่จบ แล้วตุรกีเล่า ยังเป็นหมากให้อเมริกาเดินตามใจชอบเหมือนเดิม ๆ อยู่หรือเปล่า ตกลงหัวของตุรกีอยู่ทางไหนกันแน่ อเมริกาเริ่มแสดงอาการทวงบุญคุณ และตุรกีก็เริ่มแสดงอาการ บุญคุณใช้หมดแล้ว…หรือยังครับนายท่าน? ส่วนรายงาน CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค. 2014 บอกว่าตุรกี เริ่มมีการเปลี่ยนท่าที ลดการพึ่งพาอเมริกาลงไปหลายส่วน อาการแบบนี้แปลว่าอะไร เบื่อจะเล่นเป็นตัวประกอบแล้วหรือไง อยากเล่นเป็นตัวเอกบ้างละซิท่า อเมริกาตั้งความหวังไว้ว่า เมื่ออเมริกาประกาศ (ลวงโลกว่า) ถอนทหารจาก Iraq และ Afghanistan แล้ว ตุรกีจะต้องเป็นผู้รับไม้ไปทำการแทนต่อ หน้าฉากอเมริกาเล่นบทถอน แต่หลังฉาก ให้ตุรกีเล่นบทเข้าไปคุมพื้นที่แทน ! นายท่านมัวแต่ให้กระผมเล่นอยู่แต่หลังฉาก แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะได้เป็นตัวเอกซะ ที เล่นหลังฉากมา 60 ปี แล้วนะขอรับ (โถ หัวอกเดียวกับสมันน้อยเลย ดีว่าสมันน้อย ไม่ต้องไปเก็บกวาดนอกบ้าน แค่เดินตามเขาชี้นิ้วในบ้านเราต๊อกๆ มา 60 ปี ประชาชี ก็ช้ำพอแล้ว พอหรือยัง พอหรือยัง) โดยภูมิประเทศที่ตั้ง ทำให้ตุรกีมีโอกาสติดต่อคบค้ากับ หลายประเทศ ไม่ว่าฝั่งยุโรป หรือฝั่งอาหรับ ประเทศที่ตุรกี คบค้ามานาน คือ อิหร่าน และรัสเซีย ทั้ง 3 ประเทศผูกพันธ์กัน ทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และมีส่วนผสมทางวัฒนธรรม การค้า ภาษา และศาสนาอีกด้วย แม้ว่าหลายครั้ง สัมพันธ์ 3 ประเทศ จะมีตกหลุม ตกรางไปบ้าง แต่ลึก ๆ แล้ว 3 ประเทศนี้ตัดกันไม่ง่าย ขายกันไม่ขาด ตุรกีไม่ปิดบัง มันมีมานานแล้วเพื่อนเก่าน่ะ เขาพวกมีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมยาวนาน เป็นอดีตจักรวรรดิด้วยกัน ทั้ง 3 ประเทศ ไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่เพิ่งฉลองอิสรภาพ แต่เพื่อนใหม่อย่างอเมริกา ตุรกีก็คบ และดูเหมือนจะไม่สนใจว่า จะทำให้อเมริการู้สึกอย่างไร อเมริการู้สึกและไม่ใช่รู้สึกระดับธรรมดา อเมริกาจับตาส่องกล้องตามสัมพันธ์ของ 3 สหาย ตลอดทุกกระเบียดนิ้ว อเมริกายังจำได้ไม่มีวันลืม เมื่อปี ค.ศ. 2010 เกี่ยวกับเรื่อง Israel กับกองเรือที่ Gaza ที่ตุรกีโหวตสวนอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังเล็ก สำหรับอเมริกา เมื่อเทียบกับอีกเรื่องในปีเดียวกัน เมื่อ UN Security Council ลงมติดให้สมาชิกคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ตุรกี (และบราซิล พร้อมใจกัน) ลงมติสวนทางกับอเมริกา ทั้ง 2 เรื่อง เป็นประเด็นทางยุทธศาสตร์สำคัญของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เหตุการณ์วิกฤติที่ Crimea และ Ukraine ก็เป็นอีกกรณีที่ทำให้อเมริกาจับตาดูแบบไม่กระพริบว่าจะมีส่วนกระทบ หรือเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์ระหว่างตุรกี กับรัสเซีย ในทางใดบ้างหรือไม่ นอกจากนี้ในสายตาของอเมริกา การที่ตุรกีทำท่าออกหน้าเรื่อง Syria เหมือนจะยกทัพไปปราม รัฐบาล Asrad แต่เอาจริงก็แค่ส่งเสบียง ส่งกองกำลัง แบบตีปี๊บให้ดังมากกว่า เป็นไปได้ว่าตุรกีหวังจะให้อเมริกา และ NATO ออกหน้า (อย่าที่แอบคุยกันไว้) แต่เมื่อรัฐบาล Obama กลับลำถอยฉาก ออกมาจาก Syria ตุรกีก็เลยหยุดดูบ้าง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว อเมริกาหวังจะให้ตุรกีเดินหน้าต่อไป ตุรกีหยุดเพราะอเมริกาถอย หรือตุรกีหยุด เพราะรัสเซียและอิหร่าน ไม่(เคย) เดินหน้าเข้าไปขยี้ Syria อเมริกาจึงยังจับตาดูตุรกีต่อไป อิหร่านและรัสเซีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญของตุรกีในด้านพลังงาน เมื่ออเมริกาและสหภาพยุโรป ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่เดือดร้อนจนเหงื่อตกคือตุรกี ตุรกีพึ่งน้ำมันและแก๊ซจากอิหร่าน ห้ามค้าขายกับอิหร่านแล้วจะทำอย่างไร ตุรกีถาม อเมริกาบอก ก็ไม่ต้องซื้อ พูดง่ายนะ ตุรกีหน้ามืด หรือ อยากลองของกับอเมริกา หรือนี่คือ ตุรกี “ตัวจริง” แม้อเมริกาจะบอกให้ตุรกีเลิกคบกับอิหร่าน แต่ตุรกี โดยรัฐบาล AKP ของนาย Erdogan ยังเดินหน้า ซื้อขายน้ำมันและแก๊ซกับอิหร่านต่อไป ทำทั้งแบบเปิดเผยและปกปิด เพื่อเลี่ยงกฎเกณฑ์การคว่ำบาตรของอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่วนหนึ่งที่ตุรกีทำคือ ทำผ่าน Halk Bankasi (People’s Bank) หรือที่เรียกว่า HalkBak ซึ่งเป็นของรัฐบาล อันเป็นต้นเหตุของการถูกกล่าวหาว่ารัฐบาลฉ้อโกง เมื่ออิหร่านขายน้ำมันและแก๊สให้ตุรกี ตุรกีจะจ่ายค่าซื้อขายผ่าน Halk Bank โดย Bank ซื้อทองคำ จ่ายเป็นค่าซื้อขายให้อิหร่านอีกต่อ แทนการจ่ายด้วยเงินตรา เพราะอิหร่านถูกห้ามการใช้เงินโอน ผ่านระบบเงินโอนระหว่างประเทศ swift International money system ตามการคว่ำบาตร ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 ตุรกีเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎการคว่ำบาตร เพราะไม่มีข้อห้ามไม่ให้ห้ามซื้อขาย แร่ธาตุมีค่ากับอิหร่าน ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวว่า Halk Bank และรัฐบาลตุรกีร่วมกันฉ้อโกง ข่าวนี้เริ่มแพร่จากบุคคลในระดับสูงในสังคมตุรกี โดยผู้ที่มีส่วนในการบริหารประเทศตุรกีเองนั่นแหละ เรียกว่าเริ่มนินทากันในระดับสูงก่อนทำข่าวหลุดให้สื่อประโคม ! เศรษฐกิจของตุรกี เริ่มมีผลกระทบจากการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งหมดก็เพราะการเดินนโยบายโง่บริสุทธิ์ (หรือหนอนบ่อนไส้ !) ของรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกี นาย Ahmet Davutoglu ที่แนะนำรัฐบาล AKP ให้ใช้นโยบาย Neo-Ottoman เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เป็น Turkish model Neo-Ottoman ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและ NATO อันที่จริงตุรกีไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิก NATOคัดค้าน เมื่อ NATO มีแผนจะถล่ม Libya ซึ่งก็เป็นมิตรเก่าของตุรกีเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ลามไปถึง Syria เมื่อตุรกีเดินเข้าไปถล่ม Syria ตุรกีรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกับดัก ที่มีเหยื่อคอยอยู่แล้วหลายตัว เช่น Libya, Syria, Iraq และ Lebanon และจะทำให้ตุรกีเดินห่างจากมิตรเก่าแก่ เช่น อิหร่าน และรัสเซีย ที่ดูเหมือนจะผูกพันธ์กัน แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อย ๆ และตุรกีก็ดูเหมือนไม่ฉุกใจคิด เลยว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน และจีน จึงรวมตัวกัน จับมือคัดค้าน การถล่ม Syria นอกจากไม่ฉุกใจคิดแล้ว ตุรกี ยังเดินนำหน้าสู่กับดักด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านอาวุธ การฝึก การเงิน ให้แก่กบฎซีเรียอีกด้วย นี่เป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นของอเมริกากับตุรกี สำหรับเงินที่ลงทุนไป หรือตุรกี กำลังเล่นอะไร? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 2 “เด็กในอุปถัมภ์”
    ตุรกีกับอเมริกาผูกสัมพันธ์แน่นหนา ในฐานะพันธมิตรมาประมาณ 60 ปีแล้ว
เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ตาม Truman Doctrine ซึ่งต้องการจะปิดล้อมสหภาพโซเวียต ก่อนหน้านั้น ตุรกีอยู่ในอุปถัมภ์ของอังกฤษในด้านการทหาร หลังสงครามครั้งที่ 2 จบ อังกฤษบอกอย่าว่าแต่จะดูแลตุรกีต่อเลย ตูเองก็จะไปไม่รอด อเมริกายี่ต๊อกดูแล้วน่าจะเกินคุ้มทุน เลยรับโอบอุ้มตุรกีแทน อเมริกาให้การฟูมฟักสนับสนุนดูแลตุรกีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จัดการให้เป็นเด็กเส้นยัดเข้าไปอยู่ใน NATO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านความมั่นคง ด้านการทหาร และด้านเศรษฐกิจ แบบเต็มอัตรา
    ช่วงนั้นบรรดานายพลของตุรกี และหน่วยงานต่าง ๆ เดินเข้าออกในวอชิงตันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง อเมริกาลงทุนกับตุรกีมากมาย และตุรกีก็รับใช้อเมริกามากมาย เช่นเดียวกัน
    สัมพันธ์ตุรกี อเมริกาแน่นหนามากอยู่แล้ว แต่ NATOทำให้แน่นมากขึ้น เพราะเหตุว่าตุรกีตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ซึ่งเป็นจุดร้อนระอุอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามเย็น NATO จึงใช้ตุรกีเป็นสถานีขนส่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ สินค้า รวมทั้งหน่วยปฎิบัติการต่าง ๆ สำหรับทั้งอเมริกาและ NATO ศูนย์บัญชาการทางอากาศของ NATO ซึ่งตั้งอยู่ที่ Izmir ของตุรกี มีความสำคัญมากสำหรับชาว NATO
    ในปี ค.ศ. 2011 ตุรกีตกลงทำสัญญากับอเมริกา ยินยอมให้อเมริกา ติดตั้งเรดาร์จับสัญญาณของ NATO Active Layered Theatre Ballistic Missile Defense (ALTBMD) สำหรับบริเวณยุโรป การที่ตุรกียินยอมให้ติดตั้งเครื่อง ALTBMD ในบ้านตัว เหมือนเป็นการแสดงความเห็นพ้องแนวเดียวกันกับอเมริกา ยุโรป และ NATO เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน
    อเมริกาสร้างฐานทัพไว้ในตุรกีหลายแห่ง ฐานใหญ่ที่สุด อยู่ที่ Incirlik เป็นฐานทัพอากาศอยู่ทางใต้ของเมือง Adana มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 1,500 คน รวมกับที่ตุรกีจ้างไว้อีก 3,500 คน นับตั้งแต่สงครามเย็นเลิก Incirlik ได้ใช้เป็นฐานสำหรับการปฎิบัติภาระกิจที่ Iraq, Bosnia – Herzegovina, Kosovo และ Afghanistan ที่ Incirlik นี้ มีเครื่องบินรบของอเมริกาประจำการณ์อยู่ประมาณ 60-70 ลำ และมีเครื่องบินบรรทุก B61 สำหรับบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ NATO อีกด้วย
    ตุรกีมีสิทธิที่จะยกเลิกการให้อเมริกาเข้าใช้ฐานทัพที่Incirlik นี้ โดยการบอกล่วงหน้า 3 วัน
    ตั้งแต่ คศ 1948 จนถึงปัจจุบัน อเมริกาให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่ตุรกี คิดเป็นเงินประมาณ 13.8 พันล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับรวมงบ ทางการศึกษาและอบรม ที่อเมริกาให้เป็นรายปีอีกต่างหาก
    คุณนาย Condoleezza Rice เคยพูดไว้เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่จำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับอเมริกา นาย Paul Wolfowitz พูดย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่เราขาดไม่ได้และหาแทนกันไม่ได้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ ในการเดินสายเที่ยวแรก เพื่อไปจับมือแนะนำตัว กับมิตรประเทศ เกรด เอ จะต้องมีตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้อง” ไปเยี่ยมเสมอ
    สำหรับโลกใต้ดิน ตุรกีไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วน ที่อเมริกาขาดไม่ได้เท่านั้น ตุรกี คือ CIA สาขา 2 หรืออาจจะเท่าเทียมกับสำนักงานใหญ่ที่ Langley ก็ได้ งานใต้ดินเกือบทั้งหมดในโลกฝั่งยุโรป อาฟริกา ตะวันออก เอเซียเหนือ เอเซียกลาง และแม้แต่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พูดยาวไปทำไม เอาว่างานใต้ดินเกือบทั้งหมด เริ่มต้นที่ตุรกี ใช้หน้าฉากของตุรกี ใช้ทีมที่ตุรกีจัดหา ใช้ตุรกีเป็นเส้นทางผ่านทาง บนดิน ใต้ดิน บนฟ้า และที่สำคัญใช้ตุรกีเป็นฐานใหญ่ สถานฑูตอเมริกาที่อียิปต์อาจจะใหญ่จริง แต่การปฎิบัติการใต้ดินผ่านตุรกีใหญ่กว่าและแยะกว่า ทั้งในด้านจำนวนคน อาวุธ และงบประมาณ รวมทั้งเครื่องมือในการจารกรรม
    ในรายงานของฝ่ายวิเคราะห์ของสภาสูงอเมริกา Congressional Research Service (CRS) สมุดพกรายงานความประพฤติของเด็กชายตุรกี ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 อเมริกาบอกว่า ความสำคัญของตุรกีต่ออเมริกา เป็นเช่นเดียวกับ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย คือ เป็นประเทศที่มีน้ำหนัก “มากทั้งด้านอาณาเขต พลเมือง และเศรษฐกิจ” อเมริกาเรียกประเทศพวกนี้ว่า “global swing state” ประเทศพวกนี้เข้ากับฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที นี่ถ้าเข้าข้างไหนพร้อมกัน ซัก 2,3 ประเทศ ตาชั่งอาจคว่ำ ฮา !
    แค่คิดว่า ใครจะเหวี่ยงน้ำหนักไปอยู่ข้างไหน มันก็เป็นเรื่องหนักใจสำหรับอเมริกาแล้ว แต่สำหรับตุรกีจะเอียงไปข้างไหน มันยิ่งกว่าเป็นเรื่องหนักใจ มันเป็นการกระทบยุทธศาตร์ของอเมริกา ในภูมิภาคนั้นอย่างสำคัญยิ่ง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของตุรกีคือจุดที่ได้เปรียบ นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ตุรกีเป็นศูนย์กลางของบริเวณที่กำลังวิกฤติที่สุดของในโลก ในขณะนี้ (Turkey is at the centre of one of the most critical regions of the world)
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 2 “เด็กในอุปถัมภ์” ตุรกีกับอเมริกาผูกสัมพันธ์แน่นหนา ในฐานะพันธมิตรมาประมาณ 60 ปีแล้ว
เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ตาม Truman Doctrine ซึ่งต้องการจะปิดล้อมสหภาพโซเวียต ก่อนหน้านั้น ตุรกีอยู่ในอุปถัมภ์ของอังกฤษในด้านการทหาร หลังสงครามครั้งที่ 2 จบ อังกฤษบอกอย่าว่าแต่จะดูแลตุรกีต่อเลย ตูเองก็จะไปไม่รอด อเมริกายี่ต๊อกดูแล้วน่าจะเกินคุ้มทุน เลยรับโอบอุ้มตุรกีแทน อเมริกาให้การฟูมฟักสนับสนุนดูแลตุรกีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จัดการให้เป็นเด็กเส้นยัดเข้าไปอยู่ใน NATO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านความมั่นคง ด้านการทหาร และด้านเศรษฐกิจ แบบเต็มอัตรา ช่วงนั้นบรรดานายพลของตุรกี และหน่วยงานต่าง ๆ เดินเข้าออกในวอชิงตันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง อเมริกาลงทุนกับตุรกีมากมาย และตุรกีก็รับใช้อเมริกามากมาย เช่นเดียวกัน สัมพันธ์ตุรกี อเมริกาแน่นหนามากอยู่แล้ว แต่ NATOทำให้แน่นมากขึ้น เพราะเหตุว่าตุรกีตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ซึ่งเป็นจุดร้อนระอุอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามเย็น NATO จึงใช้ตุรกีเป็นสถานีขนส่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ สินค้า รวมทั้งหน่วยปฎิบัติการต่าง ๆ สำหรับทั้งอเมริกาและ NATO ศูนย์บัญชาการทางอากาศของ NATO ซึ่งตั้งอยู่ที่ Izmir ของตุรกี มีความสำคัญมากสำหรับชาว NATO ในปี ค.ศ. 2011 ตุรกีตกลงทำสัญญากับอเมริกา ยินยอมให้อเมริกา ติดตั้งเรดาร์จับสัญญาณของ NATO Active Layered Theatre Ballistic Missile Defense (ALTBMD) สำหรับบริเวณยุโรป การที่ตุรกียินยอมให้ติดตั้งเครื่อง ALTBMD ในบ้านตัว เหมือนเป็นการแสดงความเห็นพ้องแนวเดียวกันกับอเมริกา ยุโรป และ NATO เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน อเมริกาสร้างฐานทัพไว้ในตุรกีหลายแห่ง ฐานใหญ่ที่สุด อยู่ที่ Incirlik เป็นฐานทัพอากาศอยู่ทางใต้ของเมือง Adana มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 1,500 คน รวมกับที่ตุรกีจ้างไว้อีก 3,500 คน นับตั้งแต่สงครามเย็นเลิก Incirlik ได้ใช้เป็นฐานสำหรับการปฎิบัติภาระกิจที่ Iraq, Bosnia – Herzegovina, Kosovo และ Afghanistan ที่ Incirlik นี้ มีเครื่องบินรบของอเมริกาประจำการณ์อยู่ประมาณ 60-70 ลำ และมีเครื่องบินบรรทุก B61 สำหรับบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ NATO อีกด้วย ตุรกีมีสิทธิที่จะยกเลิกการให้อเมริกาเข้าใช้ฐานทัพที่Incirlik นี้ โดยการบอกล่วงหน้า 3 วัน ตั้งแต่ คศ 1948 จนถึงปัจจุบัน อเมริกาให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่ตุรกี คิดเป็นเงินประมาณ 13.8 พันล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับรวมงบ ทางการศึกษาและอบรม ที่อเมริกาให้เป็นรายปีอีกต่างหาก คุณนาย Condoleezza Rice เคยพูดไว้เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่จำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับอเมริกา นาย Paul Wolfowitz พูดย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่เราขาดไม่ได้และหาแทนกันไม่ได้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ ในการเดินสายเที่ยวแรก เพื่อไปจับมือแนะนำตัว กับมิตรประเทศ เกรด เอ จะต้องมีตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้อง” ไปเยี่ยมเสมอ สำหรับโลกใต้ดิน ตุรกีไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วน ที่อเมริกาขาดไม่ได้เท่านั้น ตุรกี คือ CIA สาขา 2 หรืออาจจะเท่าเทียมกับสำนักงานใหญ่ที่ Langley ก็ได้ งานใต้ดินเกือบทั้งหมดในโลกฝั่งยุโรป อาฟริกา ตะวันออก เอเซียเหนือ เอเซียกลาง และแม้แต่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พูดยาวไปทำไม เอาว่างานใต้ดินเกือบทั้งหมด เริ่มต้นที่ตุรกี ใช้หน้าฉากของตุรกี ใช้ทีมที่ตุรกีจัดหา ใช้ตุรกีเป็นเส้นทางผ่านทาง บนดิน ใต้ดิน บนฟ้า และที่สำคัญใช้ตุรกีเป็นฐานใหญ่ สถานฑูตอเมริกาที่อียิปต์อาจจะใหญ่จริง แต่การปฎิบัติการใต้ดินผ่านตุรกีใหญ่กว่าและแยะกว่า ทั้งในด้านจำนวนคน อาวุธ และงบประมาณ รวมทั้งเครื่องมือในการจารกรรม ในรายงานของฝ่ายวิเคราะห์ของสภาสูงอเมริกา Congressional Research Service (CRS) สมุดพกรายงานความประพฤติของเด็กชายตุรกี ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 อเมริกาบอกว่า ความสำคัญของตุรกีต่ออเมริกา เป็นเช่นเดียวกับ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย คือ เป็นประเทศที่มีน้ำหนัก “มากทั้งด้านอาณาเขต พลเมือง และเศรษฐกิจ” อเมริกาเรียกประเทศพวกนี้ว่า “global swing state” ประเทศพวกนี้เข้ากับฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที นี่ถ้าเข้าข้างไหนพร้อมกัน ซัก 2,3 ประเทศ ตาชั่งอาจคว่ำ ฮา ! แค่คิดว่า ใครจะเหวี่ยงน้ำหนักไปอยู่ข้างไหน มันก็เป็นเรื่องหนักใจสำหรับอเมริกาแล้ว แต่สำหรับตุรกีจะเอียงไปข้างไหน มันยิ่งกว่าเป็นเรื่องหนักใจ มันเป็นการกระทบยุทธศาตร์ของอเมริกา ในภูมิภาคนั้นอย่างสำคัญยิ่ง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของตุรกีคือจุดที่ได้เปรียบ นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ตุรกีเป็นศูนย์กลางของบริเวณที่กำลังวิกฤติที่สุดของในโลก ในขณะนี้ (Turkey is at the centre of one of the most critical regions of the world) สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว



  • รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน

    ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์.




    #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย

    สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า

    ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู

    อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา

    อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา
    การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน

    แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง

    งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู

    หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน
    ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด

    แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ
    แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน

    กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง

    ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน
    โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน

    ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์

    สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง
    สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18)
    ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี

    ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ
    พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE]
    6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones:
    Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น
    Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK

    1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน)
    1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน)
    1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน)
    1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน
    1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม
    (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่)
    1913 ธนาคารกลางสหรัฐ
    1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค
    1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค)
    1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ

    พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน:

    • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา

    • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา

    • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย

    • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส

    • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ

    • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา
    • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน

    ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้

    อย่าหลงกล/
    อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม
    ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์
    ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)//

    ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA

    เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย
    ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน
    กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน
    ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM สมยศ จิราวณิชานันท์ ของสหรัฐอเมริกา

    https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html


    รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์. #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์ สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE] 6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones: Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK 1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน) 1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน) 1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน) 1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน 1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่) 1913 ธนาคารกลางสหรัฐ 1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค 1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค) 1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน: • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้ อย่าหลงกล/ อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์ ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)// ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM [CIA] ของสหรัฐอเมริกา https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • มากกว่า 100 ปีหลังจากคำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration) และ 77 ปีหลังจากการก่อตั้งอิสราเอลบนดินแดนปาเลสไตน์ของอังกฤษ

    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของของอังกฤษ ท่ามกลางการประณามอย่างรุนแรงจากอิสราเอลว่าเป็น "การให้รางวัลแก่การก่อการร้าย"
    .
    ข้อมูลจาก ChatGPT:
    คำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration)
    คือเอกสารเชิงการเมืองที่ออกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่าน อาร์เธอร์ เจมส์ บัลโฟร์ (Arthur James Balfour) รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้น ได้ส่งจดหมายถึง ลอร์ด รอทชิลด์ (Lord Rothschild) ผู้นำชาวยิวในอังกฤษ เพื่อให้ส่งต่อไปยังสมาคมไซออนนิสต์ (Zionist Federation)

    เนื้อหาหลักของคำประกาศ
    รัฐบาลอังกฤษ “เห็นด้วย” ต่อการจัดตั้ง “บ้านแห่งชาติของชาวยิว” (National Home for the Jewish People) ในดินแดนปาเลสไตน์ (ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน) แต่มีเงื่อนไขว่า

    - ต้องไม่กระทบสิทธิพลเมืองและสิทธิทางศาสนาของประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในปาเลสไตน์
    - ต้องไม่กระทบสถานะทางการเมืองและสิทธิของชาวยิวในประเทศอื่น ๆ

    ความสำคัญ:
    เป็นครั้งแรกที่มหาอำนาจตะวันตกให้การรับรองอย่างเป็นทางการต่อแนวคิดไซออนนิสต์ (Zionism) ซึ่งมุ่งหวังให้มีรัฐยิวในปาเลสไตน์

    เป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การอพยพของชาวยิวเข้าสู่ปาเลสไตน์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงที่อังกฤษได้รับ “อาณัติบริหารปาเลสไตน์” จากสันนิบาตชาติ

    กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งสมัยใหม่ระหว่างชาวยิวกับชาวปาเลสไตน์ และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาความขัดแย้งอาหรับ–อิสราเอลที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน
    มากกว่า 100 ปีหลังจากคำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration) และ 77 ปีหลังจากการก่อตั้งอิสราเอลบนดินแดนปาเลสไตน์ของอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของของอังกฤษ ท่ามกลางการประณามอย่างรุนแรงจากอิสราเอลว่าเป็น "การให้รางวัลแก่การก่อการร้าย" . ข้อมูลจาก ChatGPT: 👉คำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration) คือเอกสารเชิงการเมืองที่ออกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่าน อาร์เธอร์ เจมส์ บัลโฟร์ (Arthur James Balfour) รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้น ได้ส่งจดหมายถึง ลอร์ด รอทชิลด์ (Lord Rothschild) ผู้นำชาวยิวในอังกฤษ เพื่อให้ส่งต่อไปยังสมาคมไซออนนิสต์ (Zionist Federation) 👉เนื้อหาหลักของคำประกาศ รัฐบาลอังกฤษ “เห็นด้วย” ต่อการจัดตั้ง “บ้านแห่งชาติของชาวยิว” (National Home for the Jewish People) ในดินแดนปาเลสไตน์ (ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน) แต่มีเงื่อนไขว่า - ต้องไม่กระทบสิทธิพลเมืองและสิทธิทางศาสนาของประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในปาเลสไตน์ - ต้องไม่กระทบสถานะทางการเมืองและสิทธิของชาวยิวในประเทศอื่น ๆ 👉ความสำคัญ: เป็นครั้งแรกที่มหาอำนาจตะวันตกให้การรับรองอย่างเป็นทางการต่อแนวคิดไซออนนิสต์ (Zionism) ซึ่งมุ่งหวังให้มีรัฐยิวในปาเลสไตน์ เป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การอพยพของชาวยิวเข้าสู่ปาเลสไตน์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงที่อังกฤษได้รับ “อาณัติบริหารปาเลสไตน์” จากสันนิบาตชาติ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งสมัยใหม่ระหว่างชาวยิวกับชาวปาเลสไตน์ และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาความขัดแย้งอาหรับ–อิสราเอลที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง

    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร

    อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022

    คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ

    คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ

    คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์

    โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา

    การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน

    ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล”

    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน”

    รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด

    ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์

    ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    18-09-68/04​ : หมี CNN / หมาโบโซ หมารับใช้ขี้ข้าวอชิงตัน สุดท้ายนอนคุก 27 ปี ขี้ข้าเหี้ยชะตากรรมเดียวกันหมด ไม่ตายอนาถ ก็คาคุก ตอนมีอำนาจ รับใช้เหี้ยวอชิงตันแบบสุดขั้ว กลัวเค้าไม่รู้ว่าตราขี้ข้าเหี้ยยิวขึ้นที่หน้าผาก วางแผนปฎิวัติ หลังแพ้ยับเลือกตั้ง หมายังรู้ มรึงอยู่ต่อ อีแซมบ้าชะตากรรมเดียวกับอีเมสซี่แลนด์แน่ มีแต่หนี้กับหนี้ เพราะเหี้ยมันเลี้ยงเชื้อ ไม่ให้มรึงตายทันที แต่จะตายไปอย่างช้าๆ เพราะยังต้องส่งส่วยให้มันไปตลอดกาล เดาไม่ยาก พอเรื่องเงียบ มรึงก็โดนสั่งเก็บในคุก มาตามท้องเรื่อง จุดจบขี้ข้าขายชาติ เป็นอย่างงี้หมด ที่มาว่าทำไม ชาวแซมบ้าถึงอยากจะได้ปลดแอกอิทธิพลเหี้ย ลงมติเป็นเอกฉันท์ ได้ผู้นำคนใหม่ฝักใฝ่ขั้วใหม่เต็มตรีน ไม่เอาเหี้ยอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาก็เหี้ยไม่แพ้กัน? เลยเอาขวาสุดขอบจักรวาลมาแม่งซะเลย แล้วได้สมใจนึกวังบูรพา เทดอลล่าร์ มุ่งหาเอเซีย จับตาดูเมื่อแซมบ้าเปลี่ยนได้ หลายชาติลาตินถึงเปลี่ยนตาม จับกลุ่มพลังงานของเวเนฯ คิวบา นิการากัว โบลิเวีย โคลอมเบีย(กลายร่าง) แต่ยังมีไอ้โง่ที่ดักดานไม่เลิกคืออีเมสซี่แลนด์ เผ้าพันธุ์ชาตินี้ อยากอยู่ใต้กระโปกเหี้ยยิวไปจนวันตาย สุดท้ายล่มสลาย อาร์เจนติน่าโชคร้ายที่สุดในโลก คือมีนักการเมืองขายชาติมากจนเกินไป ไม่มีใครคิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่วันนี้ กูจะเอาอะไรยัดห่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แตกแน่ แยกย่อย นี่คือสภาพของชาติที่ไร้ความมั่นคง ผู้โง่ไม่พอ ประชาชนโคตรโง่ ชาติยิ่งฉิบหาย มรึงเห็นเต็มตาแล้วรึยัง? การมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเมตตา มันช่วยรวมคนเป็นหนึ่งเดียวได้ เรามี แต่ชาติอื่นไม่มี เราโชคดีกว่าเค้าแค่ไหน แล้วอยู่ดีดี มันจะมาล้มเจ้าเพื่ออะไร? หวังแตกประเทศไทยไงล่ะ หมายังรู้? แซมบ้าวันนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว เดินหน้าเต็มสูบกับกลุ่ม BRICS ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังส้นตรีนทันที ลาตินตอนนี้ ดื้อแพ่งแล้ว อิทธิพลอเมริกา ยิว อังกฤษ แทบไม่มีเหลือ หมายังไม่กลัวเลย? โลกเปลี่ยนมือ เพราะคนจริง กล้าจริง Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : โบลโซนาโรถูกตัดสินจำคุก 27 ปีจากแผนการรัฐประหาร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ฌาอีร์ โบลโซนาโรถูกตัดสินใจจำคุก 27 ปี 3 เดือนหลังได้รับการตัดสินว่าเป็นผู้วางแผนเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจหลังความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งในปี 2022 คำตัดสินจากศาลสูงสุดในบราซิลเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีถูกตัดสินใจว่าเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยในประเทศ คณะผู้พิพากษาตัดสินใจว่าโบลโซนาโรมีความผิดจากการเข้าร่วมองค์กรอาชญากรรมที่ติดอาวุธซึ่งพยายามโค่นประชาธิปไตยจากกองกำลัง การวางแผนรัฐประหาร และการทำลายทรัพย์สินของรัฐ ผู้พิพากษา 4 คนลงความเห็นว่าเขามีความผิดขณะที่อีกคนตั้งคำถามเรื่องอำนาจตุลาการ คำตัดสินยิ่งทำให้โบลโซนาโรมีปัญหาทางกฎหมายมากขึ้น เมื่อปี 2023 ศาลการเลือกตั้งบราซิลห้ามไม่ให้เขาลงเลือกตั้งจนถึงปี 2030 หลังตัดสินว่า เขาเผยแพร่เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกของประเทศ ทนายของเขาอธิบายว่าการตัดสินล่าสุด “เกินไปมาก” และยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ โบลซานาโรอดีตผู้บัญชาการที่มักชื่นชมระบอบเผด็จการปี 1964-1985 ของบราซิลเริ่มอาชีพที่ยาวนานในสภาคองเกรสจนถึงการเป็นประธานาธิบดีในปี 2018 วาระของเขาเกิดจากความขัดแย้งกับสถาบันต่างๆ ซึ่งเป็นการรับมือเรื่องโรคระบาดที่มีความขัดแย้งกันรวมถึงข้อพิพาทเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอเมซอน เขาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังพ่ายแพ้ให้ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา การตัดสินใจว่ากระทำความผิดขยายไปมากกว่าโบลโซนาโร พันธมิตรของเขา 7 คนรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารล้วนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการประณามความพยายามที่จะใช้กองกำลังติดอาวุธเพื่อท้าทายหลักการพลเรือน ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์พันธมิตรที่ใกล้ชิดกับโบลโซนาโรกล่าวว่า การตัดสินเป็น “เรื่องที่ไม่ดี” และระบุว่า “แย่มากสำหรับบราซิล” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐมาร์โก รูบิโอสนับสนุนท่าทีของทรัมป์ซึ่งระบุผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ศาล “ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม” และเรียกการพิจารณาคดีว่าเป็น “การล่าแม่มด” เขาเตือนให้สหรัฐ “ตอบโต้ในแบบเดียวกัน” รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการต่อต้านคณะผู้พิพากษาบราซิล กระทรวงต่างประเทศคว่ำบาตรผู้พิพากษาสูงสุด อเล็กซานเดอร์ เดอ โมราเรสที่กล่าวหาเขาว่าใช้เรื่องการเมืองมาตัดสินเดอ โมราเรสและผู้เกี่ยวข้องนิรนามรวมถึงญาติของเขาถูกห้ามเรื่องวีซ่าและทรัพย์สินในสหรัฐอาจจะถูกยึด ทรัมป์สร้างความตึงเครียดทางการค้าอย่างมากด้วยการประกาศอัตราภาษี 50% ต่อการนำเข้าสินค้าบราซิลในเดือนสิงหาคม เขาอ้างถึงการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ “การโจมตีต่อการโจมตีอย่างอิสระ” ในบราซิล แม้ข้อมูลจากทางการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้เงินจากการค้ากับบราซิลถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์ ประธานาธิบดีลูลาประณามอัตราภาษีว่า “เผด็จการ” แต่ไม่ได้แก้แค้น นักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่ผิดปกติจากสหรัฐที่จะกดดันกระบวนการศาลภายในประเทศบราซิลที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ https://www.presstv.ir/Detail/2025/09/12/754841/Brazil-Bolsonaro-Sentenced-to-Over-27-Years-for-Coup-Plot ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Brazil’s Bolsonaro sentenced to over 27 years for coup plot
    The Supreme Court ruling marks the first time a former president has been convicted for undermining democracy in Brazil.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • Château Christophe ตอนที่ 3

    นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 3
    เมื่อ Stevens และ Nathan Tek ขึ้นบกที่ Benghazi ในเดือนเมษายน 2011 เขาได้รับการต้อนรับโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งอยู่ฝ่ายกบฏ ทุกวันในช่วงหลายเดือนนั้น ทั้ง 2 คน ไปพบบุคคลที่เขาสามารถจะขอพบได้ เช่น หัวหน้าของ Transitional National Council (รัฐบาลฝ่ายกบฏ) เจ้าของร้านขายของ ครู หมอ ทหาร ที่อยู่ตามแนวรบ พวกเขาพูดเหมือนตามบทที่เขียนให้ Tek บอก เขาพูดกับเราว่า “เขาต้องการประเทศลิเบียใหม่ ที่เป็นอย่างที่ประชาชนต้องการ” ในความรู้สึกของเขา (คนอเมริกัน) ดูเหมือนมันจะเป็นการปฏิวัติที่ได้รับการนิยมชมชอบอย่างมาก
    มันเป็นข้อความที่สำคัญมากสำหรับ Stevens ที่จะถ่ายทอดไปถึงเจ้านายของเขา งานของ Stevens ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ฑูตทุกคนจะต้องทำ คือให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ โดยผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วให้แก่วอซิงตันเพื่อวางนโยบาย แม้ว่าอเมริกาจะได้เลือกข้างแล้ว โดยเลือกข้างที่ทำการปฏิวัติ แต่การจะเป็นปฏิปักษ์ต่อ Qaddafi ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะมองผ่านไปอย่างง่ายๆ ( Qaddafi แม้จะเป็นคนระห่ำสุดแสบ แต่ก็เคยมีส่วนช่วยอเมริกาในการต่อต้านผู้ก่อการร้าย และที่สำคัญลิเบียมีน้ำมันและก๊าซที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีปริมาณมากที่สุดในอาฟริกา !) ถ้าฝ่ายกบฏน่าเชื่อถือน้อยกว่าที่ประเมิน เช่น นำเอาประเทศเข้าไปสู่การต่อสู้แบบนองเลือดเป็นเวลาหลาย ๆ ปี สูตรการคิดคำนวณ (นโยบาย) คงจะต้องเปลี่ยนอย่างมาก
    ความเห็นของ Chris จึงมีความหมายอย่างยิ่ง Jeffery D. Feltman ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีด้าน Near Eastern บอกว่า ไม่ใช่ว่าจะมีความเห็นของ Chris คนเดียว และไม่ใช่ว่าเราจะทำตามที่เขาบอกทั้งหมดแต่ความเห็นของเขาคนนี้แหละ เป็นความเห็นที่สำคัญที่สุด
    อะไรทำให้ Stevens ทำงานของเขาได้ดีและทำให้ผู้คนเชื่อถือเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสแสร้งกันได้ มันเป็นไปได้ที่คุณจะทำให้คนเชื่อใจคุณบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ใช่เสมอไปและตลอดไป โดยเฉพาะในต่างแดน Tek บอกว่า Stevens แสดงออกถึงความเข้าใจอย่างจริงใจ เขาเกลียดรูปแบบนักการฑูตอเมริกันที่แสดงออกแบบยะโสโอหังและความไม่ตระหนักรู้ (ซื่อบื้อ) Stevens เป็นคนตรงไปตรงมาและมีความเป็นมนุษย์
    Tek บอกสำหรับผม Stevens เป็นตัวอย่างของการเป็นนักการฑูตที่ผมอยากจะเป็น เขามองว่าอเมริกาควรมีอิทธิพลจากการที่คนอื่นให้ความนับถือ ไม่ใช่จากการที่อเมริกาเหยียดหยามและทำกร่างใส่
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    Château Christophe ตอนที่ 3 นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 3 เมื่อ Stevens และ Nathan Tek ขึ้นบกที่ Benghazi ในเดือนเมษายน 2011 เขาได้รับการต้อนรับโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งอยู่ฝ่ายกบฏ ทุกวันในช่วงหลายเดือนนั้น ทั้ง 2 คน ไปพบบุคคลที่เขาสามารถจะขอพบได้ เช่น หัวหน้าของ Transitional National Council (รัฐบาลฝ่ายกบฏ) เจ้าของร้านขายของ ครู หมอ ทหาร ที่อยู่ตามแนวรบ พวกเขาพูดเหมือนตามบทที่เขียนให้ Tek บอก เขาพูดกับเราว่า “เขาต้องการประเทศลิเบียใหม่ ที่เป็นอย่างที่ประชาชนต้องการ” ในความรู้สึกของเขา (คนอเมริกัน) ดูเหมือนมันจะเป็นการปฏิวัติที่ได้รับการนิยมชมชอบอย่างมาก มันเป็นข้อความที่สำคัญมากสำหรับ Stevens ที่จะถ่ายทอดไปถึงเจ้านายของเขา งานของ Stevens ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ฑูตทุกคนจะต้องทำ คือให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ โดยผ่านการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วให้แก่วอซิงตันเพื่อวางนโยบาย แม้ว่าอเมริกาจะได้เลือกข้างแล้ว โดยเลือกข้างที่ทำการปฏิวัติ แต่การจะเป็นปฏิปักษ์ต่อ Qaddafi ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะมองผ่านไปอย่างง่ายๆ ( Qaddafi แม้จะเป็นคนระห่ำสุดแสบ แต่ก็เคยมีส่วนช่วยอเมริกาในการต่อต้านผู้ก่อการร้าย และที่สำคัญลิเบียมีน้ำมันและก๊าซที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีปริมาณมากที่สุดในอาฟริกา !) ถ้าฝ่ายกบฏน่าเชื่อถือน้อยกว่าที่ประเมิน เช่น นำเอาประเทศเข้าไปสู่การต่อสู้แบบนองเลือดเป็นเวลาหลาย ๆ ปี สูตรการคิดคำนวณ (นโยบาย) คงจะต้องเปลี่ยนอย่างมาก ความเห็นของ Chris จึงมีความหมายอย่างยิ่ง Jeffery D. Feltman ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีด้าน Near Eastern บอกว่า ไม่ใช่ว่าจะมีความเห็นของ Chris คนเดียว และไม่ใช่ว่าเราจะทำตามที่เขาบอกทั้งหมดแต่ความเห็นของเขาคนนี้แหละ เป็นความเห็นที่สำคัญที่สุด อะไรทำให้ Stevens ทำงานของเขาได้ดีและทำให้ผู้คนเชื่อถือเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสแสร้งกันได้ มันเป็นไปได้ที่คุณจะทำให้คนเชื่อใจคุณบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ใช่เสมอไปและตลอดไป โดยเฉพาะในต่างแดน Tek บอกว่า Stevens แสดงออกถึงความเข้าใจอย่างจริงใจ เขาเกลียดรูปแบบนักการฑูตอเมริกันที่แสดงออกแบบยะโสโอหังและความไม่ตระหนักรู้ (ซื่อบื้อ) Stevens เป็นคนตรงไปตรงมาและมีความเป็นมนุษย์ Tek บอกสำหรับผม Stevens เป็นตัวอย่างของการเป็นนักการฑูตที่ผมอยากจะเป็น เขามองว่าอเมริกาควรมีอิทธิพลจากการที่คนอื่นให้ความนับถือ ไม่ใช่จากการที่อเมริกาเหยียดหยามและทำกร่างใส่ คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาส แม้ว่าจะอยู่ในดินแดนอธิปไตยของประเทศใดก็ตาม!

    เนทันยาฮู ส่งคำขู่ไปถึงประเทศต่างๆที่ให้ที่พักพิงผู้นำฮามาสว่า "จะไม่ได้รับการปกป้อง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน"

    เนทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า ทุกประเทศมีสิทธิ์ "ในการป้องกันตนเองเกินขอบเขตพรมแดนของตนได้"

    คำประกาศของเนทันยาฮูมีขึ้นระหว่างการแถลงกับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่กรุงเยรูซาเล็ม
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาส แม้ว่าจะอยู่ในดินแดนอธิปไตยของประเทศใดก็ตาม! เนทันยาฮู ส่งคำขู่ไปถึงประเทศต่างๆที่ให้ที่พักพิงผู้นำฮามาสว่า "จะไม่ได้รับการปกป้อง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน" เนทันยาฮูยังกล่าวอีกว่า ทุกประเทศมีสิทธิ์ "ในการป้องกันตนเองเกินขอบเขตพรมแดนของตนได้" คำประกาศของเนทันยาฮูมีขึ้นระหว่างการแถลงกับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่กรุงเยรูซาเล็ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนอิสราเอลเมื่อวานนี้ เพื่อส่งสัญญาณไปถึงประเทศสมาชิกอาหรับที่กำลังจัดการประชุมที่กาตาร์ว่า จะยืนเคียงข้างกับอิสราเอล และประกาศให้ทุกชาติรับรู้ว่า เหตุการณ์ที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงโดฮาของกาตาร์ จะไม่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล

    เนทันยาฮุ ตอบแทนความปรารถนาดีของสหรัฐด้วยการถล่มอาคารบ้านเรือนในกาซาซิตีไปแล้วอย่างน้อย 30 หลัง และทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องพลัดถิ่น ซึ่งจำนวนความเสียนี้ เกิดขึ้นในขณะที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงเมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) ซึ่งไม่ถึง 24 ชั่วโมง
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนอิสราเอลเมื่อวานนี้ เพื่อส่งสัญญาณไปถึงประเทศสมาชิกอาหรับที่กำลังจัดการประชุมที่กาตาร์ว่า จะยืนเคียงข้างกับอิสราเอล และประกาศให้ทุกชาติรับรู้ว่า เหตุการณ์ที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงโดฮาของกาตาร์ จะไม่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล เนทันยาฮุ ตอบแทนความปรารถนาดีของสหรัฐด้วยการถล่มอาคารบ้านเรือนในกาซาซิตีไปแล้วอย่างน้อย 30 หลัง และทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องพลัดถิ่น ซึ่งจำนวนความเสียนี้ เกิดขึ้นในขณะที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงเมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) ซึ่งไม่ถึง 24 ชั่วโมง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 11
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 11
    ค.ศ. 1953 นาย Donovan ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชฑูตอเมริกาประจำเมืองไทย นาย Kenneth บอกว่าที่นาย Donovan ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทย มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่นาย Donovan ไม่พอใจนัก เนื่องมาจากเมื่อสงครามโลกครั้ง ที่ 2 สิ้นสุด ประธานาธิบดี Truman ก็สั่งยกเลิกหน่วยงาน OSS ของนาย Donovan เมื่อนาย Eisenhower ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาสั่งให้มีการจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองรูปแบบใหม่ คือ Central Intelligence Agency (CIA) หน่วยงานนี้ให้ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี นาย Donovan ก็ดำเนินการตามสั่งจนเสร็จ และคิดว่าตนจะได้เป็นหัวหน้า CIA คนแรก แต่พอตั้งเสร็จ ประธานาธิบดี Eisenhower ซึ่งเลือกนาย John Foster Dulles มาเป็น รมว.ต่างประเทศ นาย John บอกว่าถ้าจะให้ดี ทำงานเข้าขากัน เขาแนะนำให้ประธานาธิบดีตั้งนาย Allen น้องชายเขามาเป็นหัวหน้าหน่วยงาน CIA จะดีกว่า ประธานาธิบดีก็ยอม และเพื่อไม่ให้นาย Donovan กินแห้ว เลยส่งมาเป็นฑูตที่เมืองไทย ซึ่งนาย Kenneth ว่า ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าเป็นหัวหน้า CIA หรอกนะ และตอนนั้นนาย Donovan ก็อายุ 70 ปีแล้ว
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : นาย Kenneth น่าจะวิเคราะห์เรื่องนาย Donovan ไม่พอใจที่ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทยไม่ถูกต้อง มันน่าจะตรงกันข้าม นาย Donovan น่าจะถูกเลือกมาโดยเฉพาะให้มาเป็นฑูตในตอนนั้น เพราะเป็นช่วงที่อเมริกากำลังจะเริ่มรบกับเวียตนาม จำเป็นต้องทำการเข้าใจทั้งการรบ และเข้าใจทั้งเมืองไทยและอินโดจีนอย่างดี และอาจจะมีภาระกิจอื่นแถม! นาย Donovan รู้จักคนไทยสำคัญๆหลายคน สมัยทำงาน OSS น่าจะได้รับความร่วมมือมากกว่า จะเอาหน้าใหม่มา หมายเหตุเพิ่มเติม ทั้งประธานาธิบดี Eisenhower นาย John Foster Dulles และนาย Donovan ล้วนเกี่ยวกับ CFR ทั้งสิ้นครับ)
    เมื่อนาย Donovan ได้เป็นฑูตประจำไทย นาย Kenneth เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศ ไทย ทั้ง 2 คน จึงได้กลับมาร่วมงานกันอีก นาย Kenneth ถือโอกาสติดตามนาย Donovan มาเมืองไทย อ้างว่าจะมาติวเข้มให้ ว่าใครเป็นใครในเมืองไทย เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่านาย Kenneth “รู้งาน” เพราะสมัยนายDonovan คุมหน่วย OSS ตอนสงครามโลก แม้เขาจะรู้จักกับคนไทยที่ร่วมงาน OSS เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งตอนหลังหมดอำนาจ แถม ยืนอยู่คนละค่ายกับ จอมพล ป ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไทยซึ่งช่วงน้ันแบ่งเป็นหลายก๊ก หลายแก๊งค์ ถ้าไม่ติวกันให้ดี อาจจะมีการเหยียบตาปลาเสียเรื่องกันซะเปล่าๆ
    นาย Kenneth โม้ต่อไปว่า เดิมอเมริกาให้การสนับสนุนแก่เผ่า (อตร.สมัยนั้น โดยเฉพาะด้านตำรวจตระเวนชายแดน) แต่เป็นเพราะฝีมือเขานะ ที่หว่านล้อมให้นาย Donovan ทำเรื่องไปทางวอชิงตันว่าควรสนับสนุนสฤษดิ์ด้วย เพราะสฤษดิ์น่าจะเป็นผู้นำที่ดีกว่าเผ่า วอชิงตันเห็นด้วย และเริ่มให้การสนับสนุนทางการทหารและการเงินแก่กองทัพไทย และด้วยเงินสนับสนุนของอเมริกานี้ ทำให้สฤษดิ์เริ่มมีรัศมีอำนาจฉายแสงสู้กับเผ่าได้ ทั้ง 2 คน แข่งกันสร้างอำนาจและสร้างพรรคพวก อย่างสูสีกัน ถ้าเป็นม้าแข่งก็ต้องตัดสินด้วยรูปถ่าย
    ยังไม่รู้ว่าใครจะเข้าวิน สฤษดิ์ก็ดันล้มป่วย อเมริการีบประคองส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล Water Reed (แสดงว่าคุณป๋าถ้าจะเข้าวิน) แน่นอนคนที่ไปนั่งกุมมือคุณป๋ายามป่วย นอกจากนายพล Erskine (ที่ประจำอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ Pentagon ที่รัฐบาลอเมริกาส่งมาประกบสฤษดิ์เป็นพิเศษ และภายหลัง กลายเป็นเพื่อนซี้ ขนาดคุณป๋ายกลูกชายคนโต ให้เป็นลูกบุญธรรมของท่านนายพล) แน่นอนย่อมต้องมีนาย Kenneth นี่อีกคน ที่ไปนั่งคุยเป็นภาษาไทย ไม่ให้คุณป๋าเหงาหู อย่าลืมคุณป๋าไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ เมื่อไปนอนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มีตลกหัวทองมานั่งพูดไทยด้วย มันก็หายเมื่อยมือเวลาพูดไปแยะ บางวันคุณป๋าก็ออกไปนั่งเล่น กินข้าวอยู่ที่บ้านนาย Kenneth ซึ่งถือโอกาสผูกมิตรชิดใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็น่าจะสร้างความอบอุ่นหัวใจของคุณป๋าไม่น้อย เป็นธรรมดาของคนอยู่ไกลบ้าน
    คุณป๋าสฤษดิ์หายป่วยกลับมาเมืองไทยไม่นาน คุณป๋าก็ทำการรัฐประหารดีดจอมพล ป. ออกไปนุ่งกิโมโนอยู่ญี่ปุ่น ส่วนนายเผ่า Sea Supply คู่ปรับเก่าก็ถูกส่งตัวไปนั่งนับเนยแข็งอยู่ที่สวิส หลังจากตั้งหุ่นชื่อ พจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพอยู่แป๊บ หนึ่ง คุณป๋าก็รัฐประหารใหม่ คราวนี้เลิกเหนียม ตัดใจเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ระหว่างคุณป๋าเป็นนายกฯ ก็ทำงานใกล้ชิดกับอเมริกา คุณป๋าทหารหาญคิดว่าอเมริกานักล่า เป็นเพื่อนรักยามยาก มาช่วยเหลือไม่ให้คอมมี่บุกไทยแลนด์ อยากได้อะไร เปรยปั๊บ ได้ปุ๊บ คุณป๋าก็เลยทั้งทุ่มทั้งเทตอบ ใครจะนึกว่าเพื่อนรักแอบเล่นบ ทตามสุภาษิต ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า มิตรรัก จดจำกันไว้ อย่าได้เชื่อจนหมดใจ เหลือที่ไว้ เผื่อขาด เผื่อเหลือบ้าง จะได้ไม่ต้องนั่งชีช้ำ นึกถึงประเทศอิหร่าน ฟิลิปปินส์ ลิเบีย อียิปต์ อาฟกานิสถาน อิรัก ฯลฯ ไว้บ้างก็แล้วกัน
    ส่วนนาย Kenneth เอง น่าจะได้ความดีความชอบไม่น้อย จากการแทงม้าถูกตัว เมื่อคุณป๋าเป็นนายกไทยแลนด์ สัมพันธ์ไทยอเมริกาลื่นเหมือนทาด้วยน้ำมันของ Standard Oil นาย Kenneth จึงได้ย้ายไปนั่งคอยืดอยู่สภาความมั่นคงของอเมริกา National Security Council (NSC) เรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ “วงในสุด” ของอเมริกา เขาอยู่หน่วยงานที่รับผิดชอบวางแผนเกี่ยวกับ ความมั่นคงของประเทศ และติดตามผลงาน แม่เจ้าโว้ย ! มันใหญ่จริงๆ สำหรับอดีตมิชชั่นนารีจากเมืองตรัง เขาทำงานกับหน่วยงานและบุคคลระดับใหญ่ และลับเฉพาะสูงสุดของประเทศ เช่น รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศ หัวหน้างานข่าวกรอง (CIA) อะไรทำนองนั้น หน้าที่ของเขาคือร่างแผนปฏิบัติการณ์ในภูมิภาคเอเซียใต้ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เขาทำงานนี้จนถึงสมัยรัฐบาล Kennedy เป็นมิชชั่นนารี พันธ์พิเศษจริงๆ เก่งขนาดร่างแผนการล่าได้ หรือว่าเป็นภาระกิจถนัดของมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษ ?!

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 11 ค.ศ. 1953 นาย Donovan ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชฑูตอเมริกาประจำเมืองไทย นาย Kenneth บอกว่าที่นาย Donovan ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทย มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่นาย Donovan ไม่พอใจนัก เนื่องมาจากเมื่อสงครามโลกครั้ง ที่ 2 สิ้นสุด ประธานาธิบดี Truman ก็สั่งยกเลิกหน่วยงาน OSS ของนาย Donovan เมื่อนาย Eisenhower ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาสั่งให้มีการจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองรูปแบบใหม่ คือ Central Intelligence Agency (CIA) หน่วยงานนี้ให้ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี นาย Donovan ก็ดำเนินการตามสั่งจนเสร็จ และคิดว่าตนจะได้เป็นหัวหน้า CIA คนแรก แต่พอตั้งเสร็จ ประธานาธิบดี Eisenhower ซึ่งเลือกนาย John Foster Dulles มาเป็น รมว.ต่างประเทศ นาย John บอกว่าถ้าจะให้ดี ทำงานเข้าขากัน เขาแนะนำให้ประธานาธิบดีตั้งนาย Allen น้องชายเขามาเป็นหัวหน้าหน่วยงาน CIA จะดีกว่า ประธานาธิบดีก็ยอม และเพื่อไม่ให้นาย Donovan กินแห้ว เลยส่งมาเป็นฑูตที่เมืองไทย ซึ่งนาย Kenneth ว่า ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าเป็นหัวหน้า CIA หรอกนะ และตอนนั้นนาย Donovan ก็อายุ 70 ปีแล้ว (หมายเหตุคนเล่านิทาน : นาย Kenneth น่าจะวิเคราะห์เรื่องนาย Donovan ไม่พอใจที่ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทยไม่ถูกต้อง มันน่าจะตรงกันข้าม นาย Donovan น่าจะถูกเลือกมาโดยเฉพาะให้มาเป็นฑูตในตอนนั้น เพราะเป็นช่วงที่อเมริกากำลังจะเริ่มรบกับเวียตนาม จำเป็นต้องทำการเข้าใจทั้งการรบ และเข้าใจทั้งเมืองไทยและอินโดจีนอย่างดี และอาจจะมีภาระกิจอื่นแถม! นาย Donovan รู้จักคนไทยสำคัญๆหลายคน สมัยทำงาน OSS น่าจะได้รับความร่วมมือมากกว่า จะเอาหน้าใหม่มา หมายเหตุเพิ่มเติม ทั้งประธานาธิบดี Eisenhower นาย John Foster Dulles และนาย Donovan ล้วนเกี่ยวกับ CFR ทั้งสิ้นครับ) เมื่อนาย Donovan ได้เป็นฑูตประจำไทย นาย Kenneth เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศ ไทย ทั้ง 2 คน จึงได้กลับมาร่วมงานกันอีก นาย Kenneth ถือโอกาสติดตามนาย Donovan มาเมืองไทย อ้างว่าจะมาติวเข้มให้ ว่าใครเป็นใครในเมืองไทย เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่านาย Kenneth “รู้งาน” เพราะสมัยนายDonovan คุมหน่วย OSS ตอนสงครามโลก แม้เขาจะรู้จักกับคนไทยที่ร่วมงาน OSS เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งตอนหลังหมดอำนาจ แถม ยืนอยู่คนละค่ายกับ จอมพล ป ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไทยซึ่งช่วงน้ันแบ่งเป็นหลายก๊ก หลายแก๊งค์ ถ้าไม่ติวกันให้ดี อาจจะมีการเหยียบตาปลาเสียเรื่องกันซะเปล่าๆ นาย Kenneth โม้ต่อไปว่า เดิมอเมริกาให้การสนับสนุนแก่เผ่า (อตร.สมัยนั้น โดยเฉพาะด้านตำรวจตระเวนชายแดน) แต่เป็นเพราะฝีมือเขานะ ที่หว่านล้อมให้นาย Donovan ทำเรื่องไปทางวอชิงตันว่าควรสนับสนุนสฤษดิ์ด้วย เพราะสฤษดิ์น่าจะเป็นผู้นำที่ดีกว่าเผ่า วอชิงตันเห็นด้วย และเริ่มให้การสนับสนุนทางการทหารและการเงินแก่กองทัพไทย และด้วยเงินสนับสนุนของอเมริกานี้ ทำให้สฤษดิ์เริ่มมีรัศมีอำนาจฉายแสงสู้กับเผ่าได้ ทั้ง 2 คน แข่งกันสร้างอำนาจและสร้างพรรคพวก อย่างสูสีกัน ถ้าเป็นม้าแข่งก็ต้องตัดสินด้วยรูปถ่าย ยังไม่รู้ว่าใครจะเข้าวิน สฤษดิ์ก็ดันล้มป่วย อเมริการีบประคองส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล Water Reed (แสดงว่าคุณป๋าถ้าจะเข้าวิน) แน่นอนคนที่ไปนั่งกุมมือคุณป๋ายามป่วย นอกจากนายพล Erskine (ที่ประจำอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ Pentagon ที่รัฐบาลอเมริกาส่งมาประกบสฤษดิ์เป็นพิเศษ และภายหลัง กลายเป็นเพื่อนซี้ ขนาดคุณป๋ายกลูกชายคนโต ให้เป็นลูกบุญธรรมของท่านนายพล) แน่นอนย่อมต้องมีนาย Kenneth นี่อีกคน ที่ไปนั่งคุยเป็นภาษาไทย ไม่ให้คุณป๋าเหงาหู อย่าลืมคุณป๋าไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ เมื่อไปนอนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มีตลกหัวทองมานั่งพูดไทยด้วย มันก็หายเมื่อยมือเวลาพูดไปแยะ บางวันคุณป๋าก็ออกไปนั่งเล่น กินข้าวอยู่ที่บ้านนาย Kenneth ซึ่งถือโอกาสผูกมิตรชิดใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็น่าจะสร้างความอบอุ่นหัวใจของคุณป๋าไม่น้อย เป็นธรรมดาของคนอยู่ไกลบ้าน คุณป๋าสฤษดิ์หายป่วยกลับมาเมืองไทยไม่นาน คุณป๋าก็ทำการรัฐประหารดีดจอมพล ป. ออกไปนุ่งกิโมโนอยู่ญี่ปุ่น ส่วนนายเผ่า Sea Supply คู่ปรับเก่าก็ถูกส่งตัวไปนั่งนับเนยแข็งอยู่ที่สวิส หลังจากตั้งหุ่นชื่อ พจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพอยู่แป๊บ หนึ่ง คุณป๋าก็รัฐประหารใหม่ คราวนี้เลิกเหนียม ตัดใจเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ระหว่างคุณป๋าเป็นนายกฯ ก็ทำงานใกล้ชิดกับอเมริกา คุณป๋าทหารหาญคิดว่าอเมริกานักล่า เป็นเพื่อนรักยามยาก มาช่วยเหลือไม่ให้คอมมี่บุกไทยแลนด์ อยากได้อะไร เปรยปั๊บ ได้ปุ๊บ คุณป๋าก็เลยทั้งทุ่มทั้งเทตอบ ใครจะนึกว่าเพื่อนรักแอบเล่นบ ทตามสุภาษิต ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า มิตรรัก จดจำกันไว้ อย่าได้เชื่อจนหมดใจ เหลือที่ไว้ เผื่อขาด เผื่อเหลือบ้าง จะได้ไม่ต้องนั่งชีช้ำ นึกถึงประเทศอิหร่าน ฟิลิปปินส์ ลิเบีย อียิปต์ อาฟกานิสถาน อิรัก ฯลฯ ไว้บ้างก็แล้วกัน ส่วนนาย Kenneth เอง น่าจะได้ความดีความชอบไม่น้อย จากการแทงม้าถูกตัว เมื่อคุณป๋าเป็นนายกไทยแลนด์ สัมพันธ์ไทยอเมริกาลื่นเหมือนทาด้วยน้ำมันของ Standard Oil นาย Kenneth จึงได้ย้ายไปนั่งคอยืดอยู่สภาความมั่นคงของอเมริกา National Security Council (NSC) เรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ “วงในสุด” ของอเมริกา เขาอยู่หน่วยงานที่รับผิดชอบวางแผนเกี่ยวกับ ความมั่นคงของประเทศ และติดตามผลงาน แม่เจ้าโว้ย ! มันใหญ่จริงๆ สำหรับอดีตมิชชั่นนารีจากเมืองตรัง เขาทำงานกับหน่วยงานและบุคคลระดับใหญ่ และลับเฉพาะสูงสุดของประเทศ เช่น รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศ หัวหน้างานข่าวกรอง (CIA) อะไรทำนองนั้น หน้าที่ของเขาคือร่างแผนปฏิบัติการณ์ในภูมิภาคเอเซียใต้ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เขาทำงานนี้จนถึงสมัยรัฐบาล Kennedy เป็นมิชชั่นนารี พันธ์พิเศษจริงๆ เก่งขนาดร่างแผนการล่าได้ หรือว่าเป็นภาระกิจถนัดของมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษ ?! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาบรรดาชาติตะวันตกในวันอาทิตย์(24ส.ค.) พยายามขัดขวางการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งในยูคเรน หลังจากดูเหมือนว่าความเคลื่อนไหวทางการทูตจะหยุดชะงักลงไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000080763

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาบรรดาชาติตะวันตกในวันอาทิตย์(24ส.ค.) พยายามขัดขวางการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งในยูคเรน หลังจากดูเหมือนว่าความเคลื่อนไหวทางการทูตจะหยุดชะงักลงไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000080763 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 6 : ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย
    Trilateral Commission เป็นองค์กรส่วนบุคคล เป็นการร่วมตัวของกลุ่มบุคคลในหลาย ๆ วงการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) มีวัตถุประสงค์ที่จะกำหนดยุทธศาสตร์โลก ผ่านเครือข่ายนานาชาติที่เชื่อมโยงกัน ในฐานะคู่ค้าหรือหุ้นส่วนทางการค้า โดยมีตระกูล Rockefeller เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งเมื่อรวมทรัพย์สิน และอิทธิพลทางการเมือง และเศรษฐกิจของพวกเขาแล้ว ไม่มีใครจะมีรัศมีและบารมี (เหนือประชาธิปไตย) มาทาบได้
    ความปรารถนาของพวกเขาคือ ต้องการจะสถาปนา สิ่งซึ่ง George H. W Bush เรียกภายหลังว่า การจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order ซึ่งมุ่งเน้นที่จะสร้างและขยายความมั่งคั่ง ภายใต้นโยบายเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน หลักเกณฑ์เดียวกัน เสมือนมีรัฐบาลเดียว คือ Global government โดยมี Trilateral Commission เป็นผู้ปูทาง วางรูปแบบกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งต่อมาในยุค ค.ศ.1990 เป็นที่รู้จักกันในนาม “Globalization” หรือ “โลกาภิวัฒน์”
    พวกเขาบอกว่า ปัจจัยที่จะทำให้อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจครองโลกนั้น จะต้องพร้อมด้วย แก้ว 3 ประการ
    – กองทัพอันเกรียงไกร ที่ไม่มีผู้ใดจะกล้ามาท้าทาย
    – เงินสกุลดอลล่าร์ จะต้องเป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรอง
    – การมีอำนาจควบคุมน้ำมันและอาหาร
    ปี ค.ศ.1973 ขณะที่บางซีกของโลกกำลังขาดแคลนอาหาร อเมริกามีอาหารเหลือกิน ประธานาธิบดี Nixon ก็กำลังยืนหน้าเขียวพิงเชือก ถูกกรรมการนับ จากสงครามเวียตนาม ทำท่าจะหลุดจากเชือกลงมากองกับพื้นเสียด้วยซ้ำ
พอดีผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยจัดส่งนาย Henry Kissinger มาให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคง
    นาย Kissinger ไม่รอช้า เสนอความเห็นกับนาย Nixon ว่า เราควรจะใช้อาหารเป็นพระเอกในด้านการฑูตนะ ควบคู่กับการแสวงหาน้ำมันไปกับภูมิศาสตร์การเมือง
    อืม! เด็กเรามันใช้ได้จริงๆ นะ ไม่เสียเวลาเลย นาย David รำพึง
    ลืมบอกไปว่าในปี ค.ศ.1950 นาย David Rockefeller เป็นคนไปคัดเลือกตัว นาย Kissinger ตั้งแต่นาย Kissinger ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Harvard เพื่อให้มาทำงานในโครงการสำคัญของมูลนิธิ Rockefeller
    เริ่มเห็นภาพกันหรือยังท่านผู้อ่านนิทาน นาย Kissinger ตกลงไม่ใช่คนขี้โม้ และไม่ใช่หมอดู แต่เป็นอะไรนะ คนอ่านนิทานตอบได้น่า
    แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อเป็นการสนองนโยบาย (ใครไม่รู้) นาย Kissinger เห็นว่า นโยบายเกี่ยวกับการเกษตรนั้นสำคัญยิ่ง ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการเกษตรเลย เขาเลยนำมากำกับดูแลเอง โดยบอกว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ
    เราต้องใช้อาหารเป็นเครื่องมือสำหรับให้รางวัลเพื่อน และลงโทษศัตรู นโยบายแบบนี้วอชิงตันก็ชอบ นาย David Rockefeller ก็พอใจ มันสมกับเป็นนักการฑูตผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ไอ้คนนี้มีเสน่ห์เพราะอำนาจ ! ? !

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 6 : ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย Trilateral Commission เป็นองค์กรส่วนบุคคล เป็นการร่วมตัวของกลุ่มบุคคลในหลาย ๆ วงการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) มีวัตถุประสงค์ที่จะกำหนดยุทธศาสตร์โลก ผ่านเครือข่ายนานาชาติที่เชื่อมโยงกัน ในฐานะคู่ค้าหรือหุ้นส่วนทางการค้า โดยมีตระกูล Rockefeller เป็นผู้นำกลุ่ม ซึ่งเมื่อรวมทรัพย์สิน และอิทธิพลทางการเมือง และเศรษฐกิจของพวกเขาแล้ว ไม่มีใครจะมีรัศมีและบารมี (เหนือประชาธิปไตย) มาทาบได้ ความปรารถนาของพวกเขาคือ ต้องการจะสถาปนา สิ่งซึ่ง George H. W Bush เรียกภายหลังว่า การจัดระเบียบโลกใหม่หรือ New World Order ซึ่งมุ่งเน้นที่จะสร้างและขยายความมั่งคั่ง ภายใต้นโยบายเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน หลักเกณฑ์เดียวกัน เสมือนมีรัฐบาลเดียว คือ Global government โดยมี Trilateral Commission เป็นผู้ปูทาง วางรูปแบบกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งต่อมาในยุค ค.ศ.1990 เป็นที่รู้จักกันในนาม “Globalization” หรือ “โลกาภิวัฒน์” พวกเขาบอกว่า ปัจจัยที่จะทำให้อเมริกาจะเป็นมหาอำนาจครองโลกนั้น จะต้องพร้อมด้วย แก้ว 3 ประการ – กองทัพอันเกรียงไกร ที่ไม่มีผู้ใดจะกล้ามาท้าทาย – เงินสกุลดอลล่าร์ จะต้องเป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรอง – การมีอำนาจควบคุมน้ำมันและอาหาร ปี ค.ศ.1973 ขณะที่บางซีกของโลกกำลังขาดแคลนอาหาร อเมริกามีอาหารเหลือกิน ประธานาธิบดี Nixon ก็กำลังยืนหน้าเขียวพิงเชือก ถูกกรรมการนับ จากสงครามเวียตนาม ทำท่าจะหลุดจากเชือกลงมากองกับพื้นเสียด้วยซ้ำ
พอดีผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยจัดส่งนาย Henry Kissinger มาให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นาย Kissinger ไม่รอช้า เสนอความเห็นกับนาย Nixon ว่า เราควรจะใช้อาหารเป็นพระเอกในด้านการฑูตนะ ควบคู่กับการแสวงหาน้ำมันไปกับภูมิศาสตร์การเมือง อืม! เด็กเรามันใช้ได้จริงๆ นะ ไม่เสียเวลาเลย นาย David รำพึง ลืมบอกไปว่าในปี ค.ศ.1950 นาย David Rockefeller เป็นคนไปคัดเลือกตัว นาย Kissinger ตั้งแต่นาย Kissinger ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Harvard เพื่อให้มาทำงานในโครงการสำคัญของมูลนิธิ Rockefeller เริ่มเห็นภาพกันหรือยังท่านผู้อ่านนิทาน นาย Kissinger ตกลงไม่ใช่คนขี้โม้ และไม่ใช่หมอดู แต่เป็นอะไรนะ คนอ่านนิทานตอบได้น่า แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อเป็นการสนองนโยบาย (ใครไม่รู้) นาย Kissinger เห็นว่า นโยบายเกี่ยวกับการเกษตรนั้นสำคัญยิ่ง ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการเกษตรเลย เขาเลยนำมากำกับดูแลเอง โดยบอกว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ เราต้องใช้อาหารเป็นเครื่องมือสำหรับให้รางวัลเพื่อน และลงโทษศัตรู นโยบายแบบนี้วอชิงตันก็ชอบ นาย David Rockefeller ก็พอใจ มันสมกับเป็นนักการฑูตผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ไอ้คนนี้มีเสน่ห์เพราะอำนาจ ! ? ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน เดินทางเยือนอินเดีย โดยมีกำหนดการเข้าพบนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของแดนภารตะ ที่เตรียมเดินทางไปจีนปลายเดือนนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่มหาอำนาจเอเชีย 2 รายนี้มีการเผชิญหน้ากันมายาวนานเป็นปี อีกทั้งเกิดขึ้นขณะที่ทั้งคู่ต่างเผชิญแรงกดดันสงครามภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079157

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ ของจีน เดินทางเยือนอินเดีย โดยมีกำหนดการเข้าพบนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของแดนภารตะ ที่เตรียมเดินทางไปจีนปลายเดือนนี้ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่มหาอำนาจเอเชีย 2 รายนี้มีการเผชิญหน้ากันมายาวนานเป็นปี อีกทั้งเกิดขึ้นขณะที่ทั้งคู่ต่างเผชิญแรงกดดันสงครามภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079157 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 831 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย-กัมพูชา ลงนามหยุดยิงภายใต้ข้อตกลง 13 ข้อ ในการประชุม GBC ณ ประเทศมาเลเซีย

    7 ส.ค. 2025 การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กระทรวงกลาโหมมาเลเซีย สิ้นสุดลงด้วยการลงนาม MOU 13 ข้อ เพื่อยืนยันการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข

    รายละเอียดข้อตกลง 13 ข้อ:
    1. หยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข : ทั้งสองฝ่ายยุติการยิงทุกประเภทตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. 2568
    2. ห้ามเคลื่อนย้ายกองกำลัง : ห้ามเพิ่มกำลังทหารหรือเคลื่อนย้ายกองทัพในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
    3. ห้ามโจมตีพลเรือน : ห้ามการยิงหรือโจมตีเป้าหมายพลเรือน เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล ฯลฯ (แต่กัมพูชาทำฉ่ำ)
    4. จัดตั้งกลไกตรวจสอบ : สร้างทีมสังเกตการณ์ ASEAN นำโดยมาเลเซีย ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง
    5. ฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร : เปิดช่องทางตรงระหว่างนายกฯ รัฐมนตรีต่างประเทศ และกลาโหมของทั้งสองฝ่าย
    6. อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม : อนุญาตให้ส่งคืนผู้บาดเจ็บและศพจากทั้งสองฝ่าย รวมถึงช่วยเหลือพลเรือน
    7. จัดตั้งคณะทำงานท้องถิ่น : สร้างทีมประสานงานระดับท้องถิ่นเพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้าในพื้นที่ชายแดน
    8. ห้ามใช้ระเบิดหรืออาวุธหนัก : จำกัดการใช้ระเบิด เช่น จรวด BM-21 หรือการโจมตีทางอากาศ
    9. ถอนทหารจากพื้นที่พิพาท : ค่อย ๆ ลดกำลังทหารในพื้นที่ เช่น บริเวณพระวิหารและภูมะเขือ
    10. เคารพหลัก ASEAN : ใช้กรอบทวิภาคีเป็นหลัก โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลาง ไม่ยอมให้มหาอำนาจครอบงำ
    11. จัดการปัญหาแรงงาน : อำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชากลับไทยอย่างปลอดภัย และลดความตึงเครียดในชุมชน
    12. เจรจาต่อเนื่องใน GBC : กำหนดประชุม GBC ครั้งต่อไปที่กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาการกำหนดเขตแดน
    13. รายงานความคืบหน้า : ทั้งสองฝ่ายต้องรายงานการปฏิบัติตามข้อตกลงต่ออาเซียนและผู้สังเกตการณ์ทุก 2 สัปดาห์
    ไทย-กัมพูชา ลงนามหยุดยิงภายใต้ข้อตกลง 13 ข้อ ในการประชุม GBC ณ ประเทศมาเลเซีย 7 ส.ค. 2025 การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กระทรวงกลาโหมมาเลเซีย สิ้นสุดลงด้วยการลงนาม MOU 13 ข้อ เพื่อยืนยันการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข รายละเอียดข้อตกลง 13 ข้อ: 🔘1. หยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข : ทั้งสองฝ่ายยุติการยิงทุกประเภทตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. 2568 🔘2. ห้ามเคลื่อนย้ายกองกำลัง : ห้ามเพิ่มกำลังทหารหรือเคลื่อนย้ายกองทัพในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด 🔘3. ห้ามโจมตีพลเรือน : ห้ามการยิงหรือโจมตีเป้าหมายพลเรือน เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล ฯลฯ (แต่กัมพูชาทำฉ่ำ) 🔘4. จัดตั้งกลไกตรวจสอบ : สร้างทีมสังเกตการณ์ ASEAN นำโดยมาเลเซีย ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง 🔘5. ฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร : เปิดช่องทางตรงระหว่างนายกฯ รัฐมนตรีต่างประเทศ และกลาโหมของทั้งสองฝ่าย 🔘6. อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม : อนุญาตให้ส่งคืนผู้บาดเจ็บและศพจากทั้งสองฝ่าย รวมถึงช่วยเหลือพลเรือน 🔘7. จัดตั้งคณะทำงานท้องถิ่น : สร้างทีมประสานงานระดับท้องถิ่นเพื่อจัดการปัญหาเฉพาะหน้าในพื้นที่ชายแดน 🔘8. ห้ามใช้ระเบิดหรืออาวุธหนัก : จำกัดการใช้ระเบิด เช่น จรวด BM-21 หรือการโจมตีทางอากาศ 🔘9. ถอนทหารจากพื้นที่พิพาท : ค่อย ๆ ลดกำลังทหารในพื้นที่ เช่น บริเวณพระวิหารและภูมะเขือ 🔘10. เคารพหลัก ASEAN : ใช้กรอบทวิภาคีเป็นหลัก โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลาง ไม่ยอมให้มหาอำนาจครอบงำ 🔘11. จัดการปัญหาแรงงาน : อำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชากลับไทยอย่างปลอดภัย และลดความตึงเครียดในชุมชน 🔘12. เจรจาต่อเนื่องใน GBC : กำหนดประชุม GBC ครั้งต่อไปที่กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาการกำหนดเขตแดน 🔘13. รายงานความคืบหน้า : ทั้งสองฝ่ายต้องรายงานการปฏิบัติตามข้อตกลงต่ออาเซียนและผู้สังเกตการณ์ทุก 2 สัปดาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 639 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การอนามัยโลก WHO แถลงล่าสุดว่า กองทัพอิสราเอลทำร้ายเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่และโกดังหลักในเดอีร์ อัล-บาลาห์วันจันทร์(21 ก.ค) กระทบต่อปฎิบัติการในกาซา ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ ร้องเทลอาวีฟเปิดทางให้สื่อต่างประเทศเข้าไปรายงานสถานการณ์ในเขตฉนวนกาซาได้เสรีหลังพบนักข่าวเอเอฟพีหลายคนด้านในกำลังเสี่ยงขาดอาหารถึงขั้นเสียชีวิต ภายใน 24 ช.มล่าสุดมีชาวปาเลสไตน์รวมเด็กและทารกดับจากการขาดอาหารไปแล้ว 15 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069132

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    องค์การอนามัยโลก WHO แถลงล่าสุดว่า กองทัพอิสราเอลทำร้ายเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่และโกดังหลักในเดอีร์ อัล-บาลาห์วันจันทร์(21 ก.ค) กระทบต่อปฎิบัติการในกาซา ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ ร้องเทลอาวีฟเปิดทางให้สื่อต่างประเทศเข้าไปรายงานสถานการณ์ในเขตฉนวนกาซาได้เสรีหลังพบนักข่าวเอเอฟพีหลายคนด้านในกำลังเสี่ยงขาดอาหารถึงขั้นเสียชีวิต ภายใน 24 ช.มล่าสุดมีชาวปาเลสไตน์รวมเด็กและทารกดับจากการขาดอาหารไปแล้ว 15 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069132 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติตะวันตก 25 ประเทศซึ่งรวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส และแคนาดา เรียกร้องวานนี้ (21 ก.ค.) ให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการสงครามในกาซาทันที พร้อมทั้งวิจารณ์การเข่นฆ่าพลเรือนปาเลสไตน์ “อย่างไร้มนุษยธรรม” ซึ่งรวมถึงประชาชนหลายร้อยที่เสียชีวิตใกล้ๆ กับจุดแจกจ่ายอาหาร

    คำแถลงร่วมจาก 25 ชาติยังประณามสิ่งที่เรียกว่า “การช่วยเหลือแบบให้อาหารเหลวทีละหยด” (drip feeding aid) แก่ชาวปาเลสไตน์ในกาซา และย้ำว่าการที่พลเรือนกว่า 800 คนถูกสังหารระหว่างเข้าไปรับความช่วยเหลือนั้นเป็นสิ่งที่ “น่าสะพรึงกลัว”

    การเสียชีวิตส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในบริเวณจุดแจกจ่ายอาหารของ Gaza Humanitarian Foundation (GHF) ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอลให้เข้าไปทำหน้าที่แจกจ่ายความช่วยเหลือแทนเครือข่ายของสหประชาชาติ

    GHF ใช้บริการจากบริษัทด้านความปลอดภัยและโลจิสติกของเอกชนเพื่อส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในกาซาโดยไม่ผ่านช่องทางของสหประชาชาติ ซึ่งอิสราเอลอ้างว่ามีช่องโหว่ให้พวกฮามาสสามารถปล้นชิงข้าวของที่ควรจะถึงมือประชาชน ในขณะที่ฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

    “รูปแบบการแจกจ่ายความช่วยเหลือของรัฐบาลอิสราเอลนั้นอันตราย ยั่วยุให้เกิดความระส่ำระสาย และเป็นการลดเกียรติความเป็นมนุษย์ของชาวกาซา” รัฐมนตรีต่างประเทศของ 25 ชาติระบุในถ้อยแถลงร่วม

    “ความทุกข์ทรมานของพลเรือนในกาซากำลังดำดิ่งลงสู่ความเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000068792

    #Thaitimes #MGROnline #ชาติตะวันตก #25ประเทศ #พลเรือนปาเลสไตน์
    ชาติตะวันตก 25 ประเทศซึ่งรวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส และแคนาดา เรียกร้องวานนี้ (21 ก.ค.) ให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการสงครามในกาซาทันที พร้อมทั้งวิจารณ์การเข่นฆ่าพลเรือนปาเลสไตน์ “อย่างไร้มนุษยธรรม” ซึ่งรวมถึงประชาชนหลายร้อยที่เสียชีวิตใกล้ๆ กับจุดแจกจ่ายอาหาร • คำแถลงร่วมจาก 25 ชาติยังประณามสิ่งที่เรียกว่า “การช่วยเหลือแบบให้อาหารเหลวทีละหยด” (drip feeding aid) แก่ชาวปาเลสไตน์ในกาซา และย้ำว่าการที่พลเรือนกว่า 800 คนถูกสังหารระหว่างเข้าไปรับความช่วยเหลือนั้นเป็นสิ่งที่ “น่าสะพรึงกลัว” • การเสียชีวิตส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในบริเวณจุดแจกจ่ายอาหารของ Gaza Humanitarian Foundation (GHF) ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอิสราเอลให้เข้าไปทำหน้าที่แจกจ่ายความช่วยเหลือแทนเครือข่ายของสหประชาชาติ • GHF ใช้บริการจากบริษัทด้านความปลอดภัยและโลจิสติกของเอกชนเพื่อส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในกาซาโดยไม่ผ่านช่องทางของสหประชาชาติ ซึ่งอิสราเอลอ้างว่ามีช่องโหว่ให้พวกฮามาสสามารถปล้นชิงข้าวของที่ควรจะถึงมือประชาชน ในขณะที่ฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ • “รูปแบบการแจกจ่ายความช่วยเหลือของรัฐบาลอิสราเอลนั้นอันตราย ยั่วยุให้เกิดความระส่ำระสาย และเป็นการลดเกียรติความเป็นมนุษย์ของชาวกาซา” รัฐมนตรีต่างประเทศของ 25 ชาติระบุในถ้อยแถลงร่วม • “ความทุกข์ทรมานของพลเรือนในกาซากำลังดำดิ่งลงสู่ความเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000068792 • #Thaitimes #MGROnline #ชาติตะวันตก #25ประเทศ #พลเรือนปาเลสไตน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ขอบคุณทหารเกาหลีเหนือ ที่ช่วยปลดปล่อยแคว้นคูร์กส์ จากการรุกรานข้ามชายแดนโดยกองกำลังยูเครนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่ท่านผู้นำคิม จองอึน ประกาศกร้าว เปียงยางพร้อมให้การสนับสนุนทุกความพยายามของมอสโก แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000065921

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ขอบคุณทหารเกาหลีเหนือ ที่ช่วยปลดปล่อยแคว้นคูร์กส์ จากการรุกรานข้ามชายแดนโดยกองกำลังยูเครนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ในขณะที่ท่านผู้นำคิม จองอึน ประกาศกร้าว เปียงยางพร้อมให้การสนับสนุนทุกความพยายามของมอสโก แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000065921 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Wow
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รูบิโอ พบกันนอกรอบในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

    การพบกันครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียโจมตียูเครนครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ด้วยโดรนมากถึง 728 ลำ และขีปนาวุธอีกมากกว่า 20 ลูก รวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง 6 ลูก ระหว่างคืนวันพุธถึงเช้าวันพฤหัสบดี

    ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ถึงกับออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประกาศพร้อมจะกลับมาส่งอาวุธให้ยูเครนอีกครั้ง
    รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รูบิโอ พบกันนอกรอบในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การพบกันครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียโจมตียูเครนครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ ด้วยโดรนมากถึง 728 ลำ และขีปนาวุธอีกมากกว่า 20 ลูก รวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง 6 ลูก ระหว่างคืนวันพุธถึงเช้าวันพฤหัสบดี ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ถึงกับออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประกาศพร้อมจะกลับมาส่งอาวุธให้ยูเครนอีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย เดินทางมาถึงกรุงริโอ ของบราซิล เพื่อเข้าร่วมการประชุม BRICS 2025

    Lavrov มาในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีปูติน ซึ่งไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยตัวเอง เนื่องจากมีหมายจับจาก ICC
    Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย เดินทางมาถึงกรุงริโอ ของบราซิล เพื่อเข้าร่วมการประชุม BRICS 2025 Lavrov มาในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีปูติน ซึ่งไม่ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยตัวเอง เนื่องจากมีหมายจับจาก ICC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts