• จิตธรรมเข้ากัน
    ปัญญามุ่งหมาย
    เชื่อมั่นขวนขวาย
    ให้มีสติ

    อุปสรรคทาง
    ขวางสมาธิ
    สะเทือนกวนจิต
    คิดพูดทำร้าย

    ปัญญานำมา
    พาธรรมแก้ไข
    เชื่อมั่นขวนขวาย
    ให้สติดี

    สมาธิดี
    มีจิตคลุกคลี
    ร่วมกายชีวี
    มีคุณมากมาย

    ตื่นรู้เบิกบาน
    การงานลื่นไหล
    ทำดีบุญได้
    ให้ร้ายบาปกรรม

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    จิตธรรมเข้ากัน ปัญญามุ่งหมาย เชื่อมั่นขวนขวาย ให้มีสติ อุปสรรคทาง ขวางสมาธิ สะเทือนกวนจิต คิดพูดทำร้าย ปัญญานำมา พาธรรมแก้ไข เชื่อมั่นขวนขวาย ให้สติดี สมาธิดี มีจิตคลุกคลี ร่วมกายชีวี มีคุณมากมาย ตื่นรู้เบิกบาน การงานลื่นไหล ทำดีบุญได้ ให้ร้ายบาปกรรม ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • เดินจงกรมดี
    มีกำลังกาย
    สติก็ได้
    ให้สมาธิ

    จะนั่งก็ได้
    ให้รู้ทันจิต
    เป็นสมาธิ
    สติตั้งมั่น

    กิเลสระงับ
    ดับทุกข์เสกสรรค์
    เจริญทุกวัน
    ปัญญาธรรมได้

    สวดมนต์ก็ดี
    มีสติใช้
    จดจ่อมนต์ได้
    ให้สมาธิ

    สมาธิดี
    มีหลักแนบชิด
    บุญดีจริต
    จิตตั้งมั่นพร้อม

    สมาธิฐาน
    การงานห้อมล้อม
    มีหลักเตรียมพร้อม
    น้อมปัญญาทำ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    เดินจงกรมดี มีกำลังกาย สติก็ได้ ให้สมาธิ จะนั่งก็ได้ ให้รู้ทันจิต เป็นสมาธิ สติตั้งมั่น กิเลสระงับ ดับทุกข์เสกสรรค์ เจริญทุกวัน ปัญญาธรรมได้ สวดมนต์ก็ดี มีสติใช้ จดจ่อมนต์ได้ ให้สมาธิ สมาธิดี มีหลักแนบชิด บุญดีจริต จิตตั้งมั่นพร้อม สมาธิฐาน การงานห้อมล้อม มีหลักเตรียมพร้อม น้อมปัญญาทำ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • เสือไม่กัดกับหมา แม้ชนะมา ก็มิน่า...ภาคภูมิใจ ศิลปะประเมินคู่ขัดแย้ง ปัญญาชน หรือปัญญาอ่อน? รู้จักหลักคิดจาก "เสือกับหมาบ้า" เลือกสู้ให้เป็น เพื่อชีวิตที่สงบสุขกว่าเดิม 🐅🐶

    เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง อย่างผู้มีปัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ที่ไม่จำเป็น ✨

    เจาะลึกบทเรียนจาก "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง เพื่อใช้ชีวิตด้วยสติ เลือกศึกอย่างชาญฉลาด และรักษาพลังชีวิตไว้ เพื่อเป้าหมายที่แท้จริง 🌟

    โลกแห่งความขัดแย้ง และบทเรียนที่เราต้องเลือกสู้ให้เป็น 🎯 ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเอาชนะ และความตึงเครียดสะสม 🌀 หลายคนถูกปลุกเร้า ให้ตอบโต้ทุกความขัดแย้งที่พบเจอ โดยลืมไปว่า "ไม่ใช่ทุกศึกที่ควรลงแรง"

    บทเรียนจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวที่เรียบง่าย แต่สอดแทรกหลักคิดลึกซึ้ง ไว้ชัดเจนว่า...

    "ไม่ใช่ทุกการต่อสู้ จะคุ้มค่ากับเวลาและพลังงานที่เราจะเสียไป"

    แล้วทำไมเราต้องรู้จักเลือกสู้? แล้วอะไรคือศิลปะของการประเมินคู่ขัดแย้ง? มาค้นหาคำตอบด้วยกัน ✨

    "เสือกับหมาบ้า" นิทานสั้นที่สอนบทเรียนยิ่งใหญ่ 🐅🐕 เสือตัวหนึ่งเดินอยู่ในป่า 🍃 เห็นหมาบ้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา เสือเลือกที่จะเบี่ยงทางเลี่ยง โดยไม่สู้ ทั้ง ๆ ที่เสือสามารถกำราบหมาบ้า ได้อย่างง่ายดาย

    ลูกเสือที่เห็นเหตุการณ์เกิดความสงสัย จึงถามพ่อเสือว่า... "เจอสัตว์ใหญ่ พ่อยังกล้าสู้ได้ แต่ทำไมเจอแค่หมาบ้าตัวเดียว ถึงต้องหลีกเลี่ยง? น่าอายจริง ๆ!"

    พ่อเสือยิ้มอย่างอารมณ์ดี และตอบว่า...

    "ลูกเอ๋ย... การเอาชนะหมาบ้า มันมีเกียรตินักหรือ? หากพลาดพลั้งโดนกัด อาจติดเชื้อจนเสียชีวิต เสียแรงโดยใช่เหตุ"

    ลูกเสือพยักหน้าด้วยความเข้าใจ 🙏

    ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง การหลีกเลี่ยงศึกที่ไม่จำเป็น คือการปกป้องตัวเองอย่างฉลาด

    การควบคุมอารมณ์ และประเมินสถานการณ์ คือสัญลักษณ์ของผู้มีปัญญา

    "ผู้มีปัญญา" จะไม่สู้กับ "คนที่หัวใจเต็มไปด้วยขยะ" 🧠🚫 สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด 🔥 ความเครียดสะสมในจิตใจมนุษย์ ถูกเปรียบได้กับ "ขยะทางอารมณ์" ที่รอวันระเบิด

    หลายคนเลือกปล่อยขยะเหล่านี้ ใส่คนรอบข้างในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชดประชัน พูดจาทำร้ายจิตใจ หรือแม้แต่การหาเรื่องทะเลาะ

    หากเราไปตอบโต้ ก็เท่ากับเรา... รับเอาขยะของเขาเข้ามาในตัวเอง ลดค่าศักดิ์ศรีของตนเอง เสียเวลาและพลังงานโดยไม่จำเป็น

    ผู้มีปัญญาจึงเลือก... ยิ้มให้แล้วเดินจากไป 😌 โฟกัสเป้าหมายชีวิต ไม่เสียเวลากับการพิสูจน์ตัวเอง กับคนที่ไม่คู่ควร

    ✨"อย่าปล่อยให้ความโกรธชั่ววูบ ทำลายอนาคตที่คุณสร้างมา"✨

    ศิลปะแห่งการประเมินคู่ขัดแย้ง 🎨⚖️ หลักการประเมินคู่ขัดแย้ง ก่อนที่เราจะตอบโต้ใคร ลองถามตัวเอง ด้วยคำถามเหล่านี้...

    คู่กรณีของเรา "มีสติปัญญา" หรือ "ขาดสติ"?

    การทะเลาะครั้งนี้ "ให้ประโยชน์อะไร" กับชีวิตเราบ้าง?

    ถ้าชนะ จะได้อะไร? ถ้าแพ้ จะเสียอะไร?

    พลังงานที่ต้องเสียไป "คุ้มค่า" หรือไม่?

    เรา "อยากลดตัว" ลงไปสู้กับเขาจริงหรือ?

    ถ้าคำตอบส่วนใหญ่คือ "ไม่" แสดงว่า "ไม่สู้" คือคำตอบที่ฉลาดกว่า 🎯

    วิธีหลีกเลี่ยงการรับขยะทางอารมณ์จากผู้อื่น 🛡️🧘‍♂️

    รักษาสติให้มั่นคงก่อนตอบสนองต่อคำพูด หรือการกระทำแย่ ๆ ให้หยุดคิดเสี้ยววินาที 🌬️ แล้วถามตัวเองว่า "จำเป็นต้องโต้ตอบไหม?"

    อย่าเอาขยะคนอื่นมาใส่หัวตัวเอง นึกไว้เสมอว่า "คำพูดลบ" เปรียบเสมือนขยะ อย่าเก็บมาแบกไว้

    ใช้รอยยิ้มเป็นโล่กำบัง ยิ้มอย่างจริงใจ เป็นอาวุธที่มีพลังที่สุด ในการดับเพลิงแห่งความโกรธ 😄

    เดินจากไปอย่างสง่างาม ไม่มีอะไรน่าอาย ในการหลีกเลี่ยงการโต้เถียงที่ไร้สาระ 🚶‍♀️

    โฟกัสเป้าหมายในชีวิต เมื่อมีเป้าหมายที่ใหญ่พอ เรื่องเล็กน้อยจะดูไร้ความหมายในทันที 🎯

    ชีวิตเรามีพลังงานจำกัด เลือกใช้ให้คุ้มค่า 🔥 พลังงานชีวิตของเรามีจำกัดในแต่ละวัน 🌞 จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเก็บพลังงานนั้น ไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เช่น...

    ความฝัน เป้าหมายชีวิต คนที่เรารัก การพัฒนาตัวเอง การสร้างคุณค่าให้สังคม

    อย่าเสียเวลาทะเลาะกับคนที่ "ไม่ได้มีบทบาทอะไร ในชีวิตระยะยาวของเราเลย"

    ป็นเสือ ไม่ต้องกัดกับหมา 🐯🚫🐕 "เสือ" เลือกศึกอย่างมีสติ ไม่หลงไปกับการพิสูจน์ศักดิ์ศรีกับหมาบ้า

    ชีวิตจริงก็เช่นกัน การเลือกไม่สู้ในศึกที่ไม่คู่ควร ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่มันคือเครื่องหมายของ "ผู้มีปัญญา" และ "ผู้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่"

    พร้อมหรือยัง ที่จะเลือกชีวิตอย่างมีสติ? จงจำไว้ว่า... "ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง" เลือกศึกให้เป็น แล้วใช้พลังชีวิตกับสิ่งที่คู่ควรเถอะนะ ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 261545 เม.ย. 2568

    #เสือกับหมาบ้า #ชีวิตอย่างมีสติ #ศิลปะการประเมินคู่ขัดแย้ง #บทเรียนชีวิต #ไม่ทะเลาะไม่ใช่อ่อนแอ #เลือกศึกให้เป็น #พลังงานชีวิต #การควบคุมอารมณ์ #นิทานสอนใจ #พัฒนาตนเอง
    เสือไม่กัดกับหมา แม้ชนะมา ก็มิน่า...ภาคภูมิใจ ศิลปะประเมินคู่ขัดแย้ง ปัญญาชน หรือปัญญาอ่อน? รู้จักหลักคิดจาก "เสือกับหมาบ้า" เลือกสู้ให้เป็น เพื่อชีวิตที่สงบสุขกว่าเดิม 🐅🐶 เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง อย่างผู้มีปัญญา เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ที่ไม่จำเป็น ✨ เจาะลึกบทเรียนจาก "เสือกับหมาบ้า" พร้อมเทคนิคการประเมินคู่ขัดแย้ง เพื่อใช้ชีวิตด้วยสติ เลือกศึกอย่างชาญฉลาด และรักษาพลังชีวิตไว้ เพื่อเป้าหมายที่แท้จริง 🌟 โลกแห่งความขัดแย้ง และบทเรียนที่เราต้องเลือกสู้ให้เป็น 🎯 ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การเอาชนะ และความตึงเครียดสะสม 🌀 หลายคนถูกปลุกเร้า ให้ตอบโต้ทุกความขัดแย้งที่พบเจอ โดยลืมไปว่า "ไม่ใช่ทุกศึกที่ควรลงแรง" บทเรียนจากนิทาน "เสือกับหมาบ้า" ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวที่เรียบง่าย แต่สอดแทรกหลักคิดลึกซึ้ง ไว้ชัดเจนว่า... "ไม่ใช่ทุกการต่อสู้ จะคุ้มค่ากับเวลาและพลังงานที่เราจะเสียไป" แล้วทำไมเราต้องรู้จักเลือกสู้? แล้วอะไรคือศิลปะของการประเมินคู่ขัดแย้ง? มาค้นหาคำตอบด้วยกัน ✨ "เสือกับหมาบ้า" นิทานสั้นที่สอนบทเรียนยิ่งใหญ่ 🐅🐕 เสือตัวหนึ่งเดินอยู่ในป่า 🍃 เห็นหมาบ้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามา เสือเลือกที่จะเบี่ยงทางเลี่ยง โดยไม่สู้ ทั้ง ๆ ที่เสือสามารถกำราบหมาบ้า ได้อย่างง่ายดาย ลูกเสือที่เห็นเหตุการณ์เกิดความสงสัย จึงถามพ่อเสือว่า... "เจอสัตว์ใหญ่ พ่อยังกล้าสู้ได้ แต่ทำไมเจอแค่หมาบ้าตัวเดียว ถึงต้องหลีกเลี่ยง? น่าอายจริง ๆ!" พ่อเสือยิ้มอย่างอารมณ์ดี และตอบว่า... "ลูกเอ๋ย... การเอาชนะหมาบ้า มันมีเกียรตินักหรือ? หากพลาดพลั้งโดนกัด อาจติดเชื้อจนเสียชีวิต เสียแรงโดยใช่เหตุ" ลูกเสือพยักหน้าด้วยความเข้าใจ 🙏 ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง การหลีกเลี่ยงศึกที่ไม่จำเป็น คือการปกป้องตัวเองอย่างฉลาด การควบคุมอารมณ์ และประเมินสถานการณ์ คือสัญลักษณ์ของผู้มีปัญญา "ผู้มีปัญญา" จะไม่สู้กับ "คนที่หัวใจเต็มไปด้วยขยะ" 🧠🚫 สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด 🔥 ความเครียดสะสมในจิตใจมนุษย์ ถูกเปรียบได้กับ "ขยะทางอารมณ์" ที่รอวันระเบิด หลายคนเลือกปล่อยขยะเหล่านี้ ใส่คนรอบข้างในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประชดประชัน พูดจาทำร้ายจิตใจ หรือแม้แต่การหาเรื่องทะเลาะ หากเราไปตอบโต้ ก็เท่ากับเรา... รับเอาขยะของเขาเข้ามาในตัวเอง ลดค่าศักดิ์ศรีของตนเอง เสียเวลาและพลังงานโดยไม่จำเป็น ผู้มีปัญญาจึงเลือก... ยิ้มให้แล้วเดินจากไป 😌 โฟกัสเป้าหมายชีวิต ไม่เสียเวลากับการพิสูจน์ตัวเอง กับคนที่ไม่คู่ควร ✨"อย่าปล่อยให้ความโกรธชั่ววูบ ทำลายอนาคตที่คุณสร้างมา"✨ ศิลปะแห่งการประเมินคู่ขัดแย้ง 🎨⚖️ หลักการประเมินคู่ขัดแย้ง ก่อนที่เราจะตอบโต้ใคร ลองถามตัวเอง ด้วยคำถามเหล่านี้... คู่กรณีของเรา "มีสติปัญญา" หรือ "ขาดสติ"? การทะเลาะครั้งนี้ "ให้ประโยชน์อะไร" กับชีวิตเราบ้าง? ถ้าชนะ จะได้อะไร? ถ้าแพ้ จะเสียอะไร? พลังงานที่ต้องเสียไป "คุ้มค่า" หรือไม่? เรา "อยากลดตัว" ลงไปสู้กับเขาจริงหรือ? ถ้าคำตอบส่วนใหญ่คือ "ไม่" แสดงว่า "ไม่สู้" คือคำตอบที่ฉลาดกว่า 🎯 วิธีหลีกเลี่ยงการรับขยะทางอารมณ์จากผู้อื่น 🛡️🧘‍♂️ รักษาสติให้มั่นคงก่อนตอบสนองต่อคำพูด หรือการกระทำแย่ ๆ ให้หยุดคิดเสี้ยววินาที 🌬️ แล้วถามตัวเองว่า "จำเป็นต้องโต้ตอบไหม?" อย่าเอาขยะคนอื่นมาใส่หัวตัวเอง นึกไว้เสมอว่า "คำพูดลบ" เปรียบเสมือนขยะ อย่าเก็บมาแบกไว้ ใช้รอยยิ้มเป็นโล่กำบัง ยิ้มอย่างจริงใจ เป็นอาวุธที่มีพลังที่สุด ในการดับเพลิงแห่งความโกรธ 😄 เดินจากไปอย่างสง่างาม ไม่มีอะไรน่าอาย ในการหลีกเลี่ยงการโต้เถียงที่ไร้สาระ 🚶‍♀️ โฟกัสเป้าหมายในชีวิต เมื่อมีเป้าหมายที่ใหญ่พอ เรื่องเล็กน้อยจะดูไร้ความหมายในทันที 🎯 ชีวิตเรามีพลังงานจำกัด เลือกใช้ให้คุ้มค่า 🔥 พลังงานชีวิตของเรามีจำกัดในแต่ละวัน 🌞 จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะเก็บพลังงานนั้น ไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เช่น... ความฝัน เป้าหมายชีวิต คนที่เรารัก การพัฒนาตัวเอง การสร้างคุณค่าให้สังคม อย่าเสียเวลาทะเลาะกับคนที่ "ไม่ได้มีบทบาทอะไร ในชีวิตระยะยาวของเราเลย" ป็นเสือ ไม่ต้องกัดกับหมา 🐯🚫🐕 "เสือ" เลือกศึกอย่างมีสติ ไม่หลงไปกับการพิสูจน์ศักดิ์ศรีกับหมาบ้า ชีวิตจริงก็เช่นกัน การเลือกไม่สู้ในศึกที่ไม่คู่ควร ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่มันคือเครื่องหมายของ "ผู้มีปัญญา" และ "ผู้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่" พร้อมหรือยัง ที่จะเลือกชีวิตอย่างมีสติ? จงจำไว้ว่า... "ไม่ใช่ทุกการชนะ คือชัยชนะที่แท้จริง" เลือกศึกให้เป็น แล้วใช้พลังชีวิตกับสิ่งที่คู่ควรเถอะนะ ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 261545 เม.ย. 2568 #เสือกับหมาบ้า #ชีวิตอย่างมีสติ #ศิลปะการประเมินคู่ขัดแย้ง #บทเรียนชีวิต #ไม่ทะเลาะไม่ใช่อ่อนแอ #เลือกศึกให้เป็น #พลังงานชีวิต #การควบคุมอารมณ์ #นิทานสอนใจ #พัฒนาตนเอง
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • คลิปต้นๆช่วงเริ่มๆเล่นthaitimeเราลงไว้ในบ้านuserเราเอง เราทำไมจึงย้อนหลังดูไม่ได้นะ,มีใครทำได้บ้างครับ,หรือแอปthaitimeลบอัตโนมัติเพื่อบริหารพื้นที่นะ,เช่นคลิปในรูปนั้นโพสต์เกิน90วันระบบAIของแอปthaitimeจะลบให้เองอัตโนมัติ,เช่นนั้นสมาชิกในสถานะใดๆเพื่อนๆใครจะไม่สามารถดูคลิป&รูปภาพนั้นๆย้อนหลังได้หรือไม่สามารถค้นคว้าสืบค้นหาข้อความข้อมูลเรียนรู้ข้อเท็จจริงใดๆนั้นๆย้อนหลังเพื่อประมวลผลค.ว.ย.คิดวิเคราะห์แยกแยะใดๆร่วมประกอบข้อมูลรอบด้านในแอปthaitimeที่ใครมันแต่ละบ้านแต่ละคนเสนอใช่มั้ย.,หรือดาต้าสิทธิในลงคลิปลงรูปกำจัดเนื้อที่ก็ว่า,แอปthaitimeบริหารจัดการแบบไหนเราก็มิทราบอีก,แต่แพลตฟอร์มนี้มิใช่แบบสาธารณะ ใครจะมาเห็นง่ายๆก็ใช่ว่าทำได้สะดวก,ต้องล็อคอินเข้าใช้งาน,จึงเสมือนกลุ่มลับ,กลุ่มสิทธิอิสระภาพเสรีเจตจำนงใครมันจะดำเนินการอะไรๆก็ได้ ภายในชุมชนนีั,มิใช่ชุมชนสาธารณะถนนสาธารณะ&ที่สาธารณะใครจะทำเหี้ยอะไรๆก็ได้.,คือบ้านใครบ้านมันนั้นเองภายในบ้านthaitimeเองอีกก็ว่า,นั้นคือห้องส่วนตัวใครมัน จะแบบเปิดประตูให้ใครอ่านเห็นดูก็ได้,จะปิดประตูห้อง ให้เฉพาะเพื่อนๆเข้าออกอ่านเห็นดูใดๆก็ได้ก็ว่า.,จึงเข้าใจว่าแพลตฟอร์มthaitimeคือทางเลือกอิสระเสรีช่องทางข่าวสารเตือนภัยปลุกตื่นรู้เรื่องใดมันช่วยเหลือกระจายองค์รู้ใดๆอิสระเสรีได้หรือสร้างกองทัพภาคมหาประชาชนรู้ความจริงอย่างมีสติเท่าทันบวกส่งเสริมปัญญากันและกันที่พร่องขาดหายไปได้&เติมเต็มในส่วนที่ขาดของแต่ละคนกลุ่มคนใครมันได้,สุดท้ายประโยชน์ทั้งหมดคือประชาชนคนไทยเราเองจะได้รับและประเทศชาติเราด้วยเช่นกัน.
    ..thaitimeถ้าเบื้องต้นทำได้แบบtelegramด้านนำเสนอค่าจริงใดๆอิสระเสรีได้จะดีมากๆ,ลงกระจาย โพสต์กระจายเลย จริงหรือเท็จ คนในชุมชนจะควบคุมกันเอง,ใครนำเสนอไม่จริงก็จะเข้าใจตรงกันหาให้จริงได้,ใครเสนอจริงก็ติดตามค่าจริงอย่างค.ว.ย.อย่างมีสติปัญญาอัพเรเวลเรื่อยได้อีกก็ว่า,กูรูจะมาร่วมนำเสนอตรึมล่ะ.เล่นในthaitimeตรึม.
    คลิปต้นๆช่วงเริ่มๆเล่นthaitimeเราลงไว้ในบ้านuserเราเอง เราทำไมจึงย้อนหลังดูไม่ได้นะ,มีใครทำได้บ้างครับ,หรือแอปthaitimeลบอัตโนมัติเพื่อบริหารพื้นที่นะ,เช่นคลิปในรูปนั้นโพสต์เกิน90วันระบบAIของแอปthaitimeจะลบให้เองอัตโนมัติ,เช่นนั้นสมาชิกในสถานะใดๆเพื่อนๆใครจะไม่สามารถดูคลิป&รูปภาพนั้นๆย้อนหลังได้หรือไม่สามารถค้นคว้าสืบค้นหาข้อความข้อมูลเรียนรู้ข้อเท็จจริงใดๆนั้นๆย้อนหลังเพื่อประมวลผลค.ว.ย.คิดวิเคราะห์แยกแยะใดๆร่วมประกอบข้อมูลรอบด้านในแอปthaitimeที่ใครมันแต่ละบ้านแต่ละคนเสนอใช่มั้ย.,หรือดาต้าสิทธิในลงคลิปลงรูปกำจัดเนื้อที่ก็ว่า,แอปthaitimeบริหารจัดการแบบไหนเราก็มิทราบอีก,แต่แพลตฟอร์มนี้มิใช่แบบสาธารณะ ใครจะมาเห็นง่ายๆก็ใช่ว่าทำได้สะดวก,ต้องล็อคอินเข้าใช้งาน,จึงเสมือนกลุ่มลับ,กลุ่มสิทธิอิสระภาพเสรีเจตจำนงใครมันจะดำเนินการอะไรๆก็ได้ ภายในชุมชนนีั,มิใช่ชุมชนสาธารณะถนนสาธารณะ&ที่สาธารณะใครจะทำเหี้ยอะไรๆก็ได้.,คือบ้านใครบ้านมันนั้นเองภายในบ้านthaitimeเองอีกก็ว่า,นั้นคือห้องส่วนตัวใครมัน จะแบบเปิดประตูให้ใครอ่านเห็นดูก็ได้,จะปิดประตูห้อง ให้เฉพาะเพื่อนๆเข้าออกอ่านเห็นดูใดๆก็ได้ก็ว่า.,จึงเข้าใจว่าแพลตฟอร์มthaitimeคือทางเลือกอิสระเสรีช่องทางข่าวสารเตือนภัยปลุกตื่นรู้เรื่องใดมันช่วยเหลือกระจายองค์รู้ใดๆอิสระเสรีได้หรือสร้างกองทัพภาคมหาประชาชนรู้ความจริงอย่างมีสติเท่าทันบวกส่งเสริมปัญญากันและกันที่พร่องขาดหายไปได้&เติมเต็มในส่วนที่ขาดของแต่ละคนกลุ่มคนใครมันได้,สุดท้ายประโยชน์ทั้งหมดคือประชาชนคนไทยเราเองจะได้รับและประเทศชาติเราด้วยเช่นกัน. ..thaitimeถ้าเบื้องต้นทำได้แบบtelegramด้านนำเสนอค่าจริงใดๆอิสระเสรีได้จะดีมากๆ,ลงกระจาย โพสต์กระจายเลย จริงหรือเท็จ คนในชุมชนจะควบคุมกันเอง,ใครนำเสนอไม่จริงก็จะเข้าใจตรงกันหาให้จริงได้,ใครเสนอจริงก็ติดตามค่าจริงอย่างค.ว.ย.อย่างมีสติปัญญาอัพเรเวลเรื่อยได้อีกก็ว่า,กูรูจะมาร่วมนำเสนอตรึมล่ะ.เล่นในthaitimeตรึม.
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • “ส่วนเกินของความเครียด” ซึ่งเป็นตัวถ่วงสำคัญที่ทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นภูเขา และทำให้ชีวิตหมุนวนในทุกข์โดยไม่จำเป็น

    ---

    1. จุดเริ่มของทุกข์คือ “เครียดก่อนคิด”

    > “ยังไม่ทันแก้ปัญหา แต่ใจด่วนตกอยู่ในความเครียด นี่คือทุกข์ส่วนเกินที่ไม่มีประโยชน์”

    ธรรมะประโยคนี้พาเรารู้ว่า

    เครียดไม่ใช่สิ่งผิดเสมอไป

    แต่ เครียดก่อนคิด = เครียดฟรี และสร้าง “ภาพหลอน” ให้ปัญหาดูหนักกว่าความเป็นจริง

    > ธรรมะสำคัญ:
    “คิดหนึ่ง แต่เครียดเก้า” = ใช้พลังงานจิตไปกับความฟุ้งซ่านแทนการแก้ไข

    ---

    2. ส่วนเกินอยู่ที่ไหน? เริ่มหาจากกายก่อนใจ

    > “ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หัวคิ้ว คือจุดสังเกต ‘กายสะท้อนใจ’ อย่างชัดเจน”

    หลักเจริญสติ:

    สังเกตอาการทางกาย เช่น ขมวดคิ้ว กำมือ เกร็งเท้า

    คือร่องรอยของ อารมณ์ที่ยังไม่รู้ตัว

    > การ “รู้” แล้ว “คลาย” คือการ ตัดตอนพลังลบทางกายและใจ
    เหมือนปลดเบรกมือออกก่อนจะออกรถ

    ---

    3. ฝึกเฝ้าสังเกต = ฝึกใจให้กลับสู่ความสงบ

    วิธีปฏิบัติที่แนะนำ:

    1. สังเกตจุดเครียดประจำกาย เช่น หัวคิ้ว – ฝ่ามือ – ไหล่

    2. รู้ทันและคลายทันที – ไม่ดึงยาว

    3. ดูผลกระทบ ว่าเมื่อคลายกาย ใจเบาขึ้นไหม

    4. ดูต่อว่าใจเบาเพราะหนีปัญหา หรือพร้อมเผชิญด้วยสติ

    > นี่คือสติที่ “ละเอียด” และ “ใช้งานจริง” ได้ในทุกวัน

    ---

    4. ผลลัพธ์: เย็นก่อน จึงเห็นก่อน และจึงแก้ได้จริง

    เมื่อเย็น → จิตไม่ถูกผลักด้วยโทสะ

    เมื่อไม่รีบโกรธ → ใจยังกล้าเผชิญโดยไม่สั่นไหว

    เมื่อใจยังสงบแม้อยู่ในความวุ่นวาย → ชีวิตจะค่อยๆ เป็นระเบียบจากภายใน

    > ธรรมะสั้น:
    “จิตที่สงบในปัญหา = จิตที่ปลอดภัยจากการหลงทาง”

    ---

    5. สรุปใจกลางธรรมะในบทความนี้

    ทุกข์ส่วนเกินมาจาก “ความคิดปนเครียดก่อนมีสติ”

    “กาย” คือกระจกสะท้อนความฟุ้งซ่านที่ไวที่สุด

    การฝึกคลายกาย คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูใจ

    ความสงบไม่ใช่สิ่งไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ “ลืมใช้มานาน”

    ความเย็นคือภาวะพื้นฐานเดิมแท้ของจิตที่ยังไม่ถูกครอบด้วยกิเลส

    ---

    คำคมธรรมะจากบทความ (พร้อมใช้ในโพสต์หรือหนังสือ)

    “เครียดก่อนคิด คือทุกข์ที่เกิดโดยไม่จำเป็น”

    “ขมวดคิ้วแน่นเท่าไร ใจก็มัวเท่านั้น”

    “ปล่อยส่วนเกิน คือคืนพื้นที่ใจให้ปัญญาได้ทำงาน”

    “เมื่อคลายกาย ใจจึงพร้อมจะกล้าเผชิญ”

    “ความเย็นเคยอยู่ในใจคุณ เพียงแต่ไม่ได้ใช้มานาน”
    “ส่วนเกินของความเครียด” ซึ่งเป็นตัวถ่วงสำคัญที่ทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นภูเขา และทำให้ชีวิตหมุนวนในทุกข์โดยไม่จำเป็น --- 1. จุดเริ่มของทุกข์คือ “เครียดก่อนคิด” > “ยังไม่ทันแก้ปัญหา แต่ใจด่วนตกอยู่ในความเครียด นี่คือทุกข์ส่วนเกินที่ไม่มีประโยชน์” ธรรมะประโยคนี้พาเรารู้ว่า เครียดไม่ใช่สิ่งผิดเสมอไป แต่ เครียดก่อนคิด = เครียดฟรี และสร้าง “ภาพหลอน” ให้ปัญหาดูหนักกว่าความเป็นจริง > ธรรมะสำคัญ: “คิดหนึ่ง แต่เครียดเก้า” = ใช้พลังงานจิตไปกับความฟุ้งซ่านแทนการแก้ไข --- 2. ส่วนเกินอยู่ที่ไหน? เริ่มหาจากกายก่อนใจ > “ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หัวคิ้ว คือจุดสังเกต ‘กายสะท้อนใจ’ อย่างชัดเจน” หลักเจริญสติ: สังเกตอาการทางกาย เช่น ขมวดคิ้ว กำมือ เกร็งเท้า คือร่องรอยของ อารมณ์ที่ยังไม่รู้ตัว > การ “รู้” แล้ว “คลาย” คือการ ตัดตอนพลังลบทางกายและใจ เหมือนปลดเบรกมือออกก่อนจะออกรถ --- 3. ฝึกเฝ้าสังเกต = ฝึกใจให้กลับสู่ความสงบ วิธีปฏิบัติที่แนะนำ: 1. สังเกตจุดเครียดประจำกาย เช่น หัวคิ้ว – ฝ่ามือ – ไหล่ 2. รู้ทันและคลายทันที – ไม่ดึงยาว 3. ดูผลกระทบ ว่าเมื่อคลายกาย ใจเบาขึ้นไหม 4. ดูต่อว่าใจเบาเพราะหนีปัญหา หรือพร้อมเผชิญด้วยสติ > นี่คือสติที่ “ละเอียด” และ “ใช้งานจริง” ได้ในทุกวัน --- 4. ผลลัพธ์: เย็นก่อน จึงเห็นก่อน และจึงแก้ได้จริง เมื่อเย็น → จิตไม่ถูกผลักด้วยโทสะ เมื่อไม่รีบโกรธ → ใจยังกล้าเผชิญโดยไม่สั่นไหว เมื่อใจยังสงบแม้อยู่ในความวุ่นวาย → ชีวิตจะค่อยๆ เป็นระเบียบจากภายใน > ธรรมะสั้น: “จิตที่สงบในปัญหา = จิตที่ปลอดภัยจากการหลงทาง” --- 5. สรุปใจกลางธรรมะในบทความนี้ ทุกข์ส่วนเกินมาจาก “ความคิดปนเครียดก่อนมีสติ” “กาย” คือกระจกสะท้อนความฟุ้งซ่านที่ไวที่สุด การฝึกคลายกาย คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูใจ ความสงบไม่ใช่สิ่งไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ “ลืมใช้มานาน” ความเย็นคือภาวะพื้นฐานเดิมแท้ของจิตที่ยังไม่ถูกครอบด้วยกิเลส --- คำคมธรรมะจากบทความ (พร้อมใช้ในโพสต์หรือหนังสือ) “เครียดก่อนคิด คือทุกข์ที่เกิดโดยไม่จำเป็น” “ขมวดคิ้วแน่นเท่าไร ใจก็มัวเท่านั้น” “ปล่อยส่วนเกิน คือคืนพื้นที่ใจให้ปัญญาได้ทำงาน” “เมื่อคลายกาย ใจจึงพร้อมจะกล้าเผชิญ” “ความเย็นเคยอยู่ในใจคุณ เพียงแต่ไม่ได้ใช้มานาน”
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • ป้ากระบะเปิดใจครั้งแรก ชี้หน้าด่า ปาดไปมา หักรถชน ลงมาเอาเรื่องซ้ำ มีสติเปลี่ยนเสื้อทีมลงสมัครสท. นี่คืออาการของคนตกใจกับเหตุการณ์ แต่ไอ้ที่ถามว่า มีปัญญาชดใช้มั้ย อาจเป็นเพราะไอ้พีชเองก็ไม่มีเงิน ถึงขนาดลากใช้ป้ายแดงไม่ไปจดทะเบียน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #น้องลูกพีช
    #ลูกนายกเบี้ยว
    ป้ากระบะเปิดใจครั้งแรก ชี้หน้าด่า ปาดไปมา หักรถชน ลงมาเอาเรื่องซ้ำ มีสติเปลี่ยนเสื้อทีมลงสมัครสท. นี่คืออาการของคนตกใจกับเหตุการณ์ แต่ไอ้ที่ถามว่า มีปัญญาชดใช้มั้ย อาจเป็นเพราะไอ้พีชเองก็ไม่มีเงิน ถึงขนาดลากใช้ป้ายแดงไม่ไปจดทะเบียน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #น้องลูกพีช #ลูกนายกเบี้ยว
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • ป้ากระบะเปิดใจครั้งแรก ชี้หน้าด่า ปาดไปมา หักรถชน ลงมาเอาเรื่องซ้ำ มีสติเปลี่ยนเสื้อทีมลงสมัครสท. นี่คืออาการของคนตกใจกับเหตุการณ์ แต่ไอ้ที่ถามว่า มีปัญญาชดใช้มั้ย อาจเป็นเพราะไอ้พีชเองก็ไม่มีเงิน ถึงขนาดลากใช้ป้ายแดงไม่ไปจดทะเบียน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #น้องลูกพีช
    #ลูกนายกเบี้ยว
    ป้ากระบะเปิดใจครั้งแรก ชี้หน้าด่า ปาดไปมา หักรถชน ลงมาเอาเรื่องซ้ำ มีสติเปลี่ยนเสื้อทีมลงสมัครสท. นี่คืออาการของคนตกใจกับเหตุการณ์ แต่ไอ้ที่ถามว่า มีปัญญาชดใช้มั้ย อาจเป็นเพราะไอ้พีชเองก็ไม่มีเงิน ถึงขนาดลากใช้ป้ายแดงไม่ไปจดทะเบียน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #น้องลูกพีช #ลูกนายกเบี้ยว
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • 16 ปี หลังสนธิรอดตาย แต่ต้องช้ำใจสังคมยังไม่รอดโกง คนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง.ผมขออนุญาตพูดถึงความรู้สึกของผมหน่อย หลายๆ เรื่องที่ผมทำงานมา ปีนี้ 78 แล้ว ถ้าพูดถึงชีวิตการทำงานของผม มันผ่านมาหมดทุกอย่าง อุปสรรค คดีความ คุกตะราง ความเป็นความตาย ถูกลอบยิง หลักๆ แล้วทั้งหมดที่ผมผ่านมา คือคนที่มีอำนาจในแผ่นดิน หรือคนที่มีอำนาจ ใช้เงินใช้ทองซื้ออำนาจมา หรือการประมูลงานที่ต้องใช้เงินใช้ทองมา ประเทศไทยมันมาถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีทางรอดอีกต่อไปแล้ว .เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การป้องกันประเทศ หรือการทำงานในหน่วยงาน องค์กรอิสระ ผมแทบจะหาคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ‘เราต้องหาทางให้คนดีมาบริหารประเทศ และกันคนไม่ดีออกไป’ผมยังจำได้ดีเลย พระองค์ท่านบอกว่า คนเรามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพูดนั้น เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าและทรงใช้เป็นตัวนำมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ท่านใช้ชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" เพราะท่านพูดก็แล้ว ท่านเตือนสติก็แล้ว ก็ไม่ฟังกัน ก็ช่างหัวมันแล้วกัน ท่านก็ส่งสัญญาณด้วยการตั้งชื่อออกมาเพื่อให้เราเก๊ตกับมัน.หลวงตามหาบัว ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์บอกผมสิบกว่าปีแล้วว่า “สนธิ… การโกงกินชาติบ้านเมืองมันกินเข้าไปถึงกระดูกแล้ว มันเน่าเฟะไปหมดทั้งร่างกายของคนไทย” และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าจริง นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกไปสู้กับทักษิณ ชินวัตร ท่านพูดกับผมตลอดว่า “สนธิ อย่าลืมนะ ต้องเอาธรรมนำหน้า ไม่มีใครชนะธรรมได้” นั่นก็คือไม่มีใครชนะความจริงได้ ท่านบอกว่า ธรรม คนมีปัญญา คนมีสติ ถึงจะมองเห็นธรรม แต่ธรรมนั้น คนจำนวนมากจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคนจำนวนมากนั้นยังหมกมุ่นอยู่ในกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเป็น ผบ.ตร. อยากเป็น ผบ.ทบ. อยากเป็นผู้ว่าฯ สตง. อยากเป็น นั่นคือกิเลสส่วนหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็อยากมี ก็ใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมให้กับตัวเอง .ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็น ‘สมมุติ’ …แต่หน้าที่ต้องทำให้จริง ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อประชาชนจริงๆ ขอให้รู้ด้วยว่า ที่คุณรับเงินรับทองใครไปบ้างนั้น ไม่ใช่ว่าประชาชนเขาไม่รู้ หรือไม่ใช่ผมไม่รู้ ผมรู้ ผมดูถูกเหยียดหยามพวกคุณมาก .วันนี้ไอ้คุณมึงคนที่ประชาชนจะพึ่งได้ในยามสิ้นหวัง เช่น ป.ป.ช. หรือ สตง. กลับเป็นคนที่ทำชั่วเสียเอง ในเมื่อกูพึ่งนักการเมืองไม่ได้ กูขอพึ่งมึงได้ไหม ขอพึ่ง ป.ป.ช. ได้ไหม ขอพึ่ง สตง. ได้ไหม มึงกลับทำเหี้ยเสียเอง แล้วไม่ให้ผมช้ำใจได้อย่างไร .วันนี้ครบ 16 ปีที่ผมถูกยิง—17 เมษายน 2552 ตีห้าครึ่งแต่ผมไม่ตาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายคนรักผมบอกว่า”สนธิ มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับสนธิ สนธิอย่าไปขุดคุ้ยเขาได้ไหม สนธิจะเอาอะไร เดี๋ยวเขาให้” ผมขอบคุณ ผมไม่เดือดร้อน ผมไม่มีอะไรกับเขาเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขามีอะไรที่เขาทำแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เขา แล้วทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อน ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้ .แต่วันนี้ ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว ป.ป.ช. ก็หมดหวัง สตง. ยุคคุณหญิงจารุวรรณเคยเป็นความหวัง ตอนนี้ก็ไม่เหลือ ศาลเองก็เริ่มเพี้ยน หัวหน้าศาลบางจังหวัดสนิทกับผู้มีอิทธิพล พาผมไปฟ้องศาลต่างจังหวัด ผมไม่ช้ำใจได้ยังไง?.ผมเลือกทำสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะผมมีความรู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดปัญญา ถ้าผมทำแล้วให้ปัญญาคน ทั้งที่รู้ว่าคนสนใจข่าวซุบซิบนินทาทำไมโตโน่หักหลังณิชาเป็นล้าน แต่มาสนใจข้อมูลข่าวสารที่ผมทำแค่หมื่น ร้อยเท่า ผมยังต้องอดทน เพราะผมอยากให้คนไทยมีปัญญา .เหมือนที่ผมอดทนออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาต่างๆ แล้วผมต้องรอ 17 ปี กว่าเขาจะกลับมา เพื่อจะกลับมาเมืองไทยโดยการสารภาพผิด บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้ข่าวว่าเขากำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อนิรโทษฯ กรรมต่างๆ ที่เขาทำไป.การจะได้ปัญญาสักอย่างหนึ่ง การจะรู้ความจริงสักอย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลา ต้องกล้าเผชิญความจริงใหม่ๆ ผมทำรายการ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ"มาเจ็ดปี ยังต้องเดินขึ้นศาลไม่หยุด เพราะผมยึดถือธรรม วันนี้ช้ำใจที่สุดคือคนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง ผมมาเห็นปัญหา ป.ป.ช. แล้วผมช้ำใจแล้ว นี่ผมมาเห็นปัญหา สตง. ซึ่งมันเป็นมหากาพย์ ที่มันเจ็บใจที่สุดคือคนที่ต้องมีหน้าที่จับทุจริตคนอื่น เสือกมาทำเอง ผมช้ำใจมาก .หลายคนอวยพรผมสงกรานต์ บอกพี่สนธิ / ลุง ต้องอยู่ไปนานๆ นะ เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผมบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากจะตายวันตายคืน จะได้พ้นเวรพ้นกรรม เพราะว่าพอตายแล้ว ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องสมมุติหมด มีแต่ความว่างเปล่า จริงๆ ท่านผู้ชม ผมอยากตายวันตายคืน จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้อีกต่อไป วันนี้ขอแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
    16 ปี หลังสนธิรอดตาย แต่ต้องช้ำใจสังคมยังไม่รอดโกง คนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง.ผมขออนุญาตพูดถึงความรู้สึกของผมหน่อย หลายๆ เรื่องที่ผมทำงานมา ปีนี้ 78 แล้ว ถ้าพูดถึงชีวิตการทำงานของผม มันผ่านมาหมดทุกอย่าง อุปสรรค คดีความ คุกตะราง ความเป็นความตาย ถูกลอบยิง หลักๆ แล้วทั้งหมดที่ผมผ่านมา คือคนที่มีอำนาจในแผ่นดิน หรือคนที่มีอำนาจ ใช้เงินใช้ทองซื้ออำนาจมา หรือการประมูลงานที่ต้องใช้เงินใช้ทองมา ประเทศไทยมันมาถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีทางรอดอีกต่อไปแล้ว .เพราะคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นหลักการ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การป้องกันประเทศ หรือการทำงานในหน่วยงาน องค์กรอิสระ ผมแทบจะหาคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ‘เราต้องหาทางให้คนดีมาบริหารประเทศ และกันคนไม่ดีออกไป’ผมยังจำได้ดีเลย พระองค์ท่านบอกว่า คนเรามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านพูดนั้น เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าและทรงใช้เป็นตัวนำมาตลอดเวลา ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ท่านใช้ชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" เพราะท่านพูดก็แล้ว ท่านเตือนสติก็แล้ว ก็ไม่ฟังกัน ก็ช่างหัวมันแล้วกัน ท่านก็ส่งสัญญาณด้วยการตั้งชื่อออกมาเพื่อให้เราเก๊ตกับมัน.หลวงตามหาบัว ซึ่งก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์บอกผมสิบกว่าปีแล้วว่า “สนธิ… การโกงกินชาติบ้านเมืองมันกินเข้าไปถึงกระดูกแล้ว มันเน่าเฟะไปหมดทั้งร่างกายของคนไทย” และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าจริง นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกไปสู้กับทักษิณ ชินวัตร ท่านพูดกับผมตลอดว่า “สนธิ อย่าลืมนะ ต้องเอาธรรมนำหน้า ไม่มีใครชนะธรรมได้” นั่นก็คือไม่มีใครชนะความจริงได้ ท่านบอกว่า ธรรม คนมีปัญญา คนมีสติ ถึงจะมองเห็นธรรม แต่ธรรมนั้น คนจำนวนมากจะไม่เข้าใจ เพราะว่าคนจำนวนมากนั้นยังหมกมุ่นอยู่ในกิเลส ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเป็น ผบ.ตร. อยากเป็น ผบ.ทบ. อยากเป็นผู้ว่าฯ สตง. อยากเป็น นั่นคือกิเลสส่วนหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็อยากมี ก็ใช้อำนาจนั้นไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรมให้กับตัวเอง .ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็น ‘สมมุติ’ …แต่หน้าที่ต้องทำให้จริง ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบต่อประชาชนจริงๆ ขอให้รู้ด้วยว่า ที่คุณรับเงินรับทองใครไปบ้างนั้น ไม่ใช่ว่าประชาชนเขาไม่รู้ หรือไม่ใช่ผมไม่รู้ ผมรู้ ผมดูถูกเหยียดหยามพวกคุณมาก .วันนี้ไอ้คุณมึงคนที่ประชาชนจะพึ่งได้ในยามสิ้นหวัง เช่น ป.ป.ช. หรือ สตง. กลับเป็นคนที่ทำชั่วเสียเอง ในเมื่อกูพึ่งนักการเมืองไม่ได้ กูขอพึ่งมึงได้ไหม ขอพึ่ง ป.ป.ช. ได้ไหม ขอพึ่ง สตง. ได้ไหม มึงกลับทำเหี้ยเสียเอง แล้วไม่ให้ผมช้ำใจได้อย่างไร .วันนี้ครบ 16 ปีที่ผมถูกยิง—17 เมษายน 2552 ตีห้าครึ่งแต่ผมไม่ตาย ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายคนรักผมบอกว่า”สนธิ มีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับสนธิ สนธิอย่าไปขุดคุ้ยเขาได้ไหม สนธิจะเอาอะไร เดี๋ยวเขาให้” ผมขอบคุณ ผมไม่เดือดร้อน ผมไม่มีอะไรกับเขาเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเขามีอะไรที่เขาทำแล้ว เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เขา แล้วทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อน ผมจำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้ .แต่วันนี้ ผมพึ่งใครไม่ได้แล้ว ป.ป.ช. ก็หมดหวัง สตง. ยุคคุณหญิงจารุวรรณเคยเป็นความหวัง ตอนนี้ก็ไม่เหลือ ศาลเองก็เริ่มเพี้ยน หัวหน้าศาลบางจังหวัดสนิทกับผู้มีอิทธิพล พาผมไปฟ้องศาลต่างจังหวัด ผมไม่ช้ำใจได้ยังไง?.ผมเลือกทำสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพราะผมมีความรู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดปัญญา ถ้าผมทำแล้วให้ปัญญาคน ทั้งที่รู้ว่าคนสนใจข่าวซุบซิบนินทาทำไมโตโน่หักหลังณิชาเป็นล้าน แต่มาสนใจข้อมูลข่าวสารที่ผมทำแค่หมื่น ร้อยเท่า ผมยังต้องอดทน เพราะผมอยากให้คนไทยมีปัญญา .เหมือนที่ผมอดทนออกมาสู้กับทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาต่างๆ แล้วผมต้องรอ 17 ปี กว่าเขาจะกลับมา เพื่อจะกลับมาเมืองไทยโดยการสารภาพผิด บรรจุลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้ข่าวว่าเขากำลังจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อนิรโทษฯ กรรมต่างๆ ที่เขาทำไป.การจะได้ปัญญาสักอย่างหนึ่ง การจะรู้ความจริงสักอย่างหนึ่ง ต้องใช้เวลา ต้องกล้าเผชิญความจริงใหม่ๆ ผมทำรายการ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ"มาเจ็ดปี ยังต้องเดินขึ้นศาลไม่หยุด เพราะผมยึดถือธรรม วันนี้ช้ำใจที่สุดคือคนที่ควรจับโกง กลับโกงเสียเอง ผมมาเห็นปัญหา ป.ป.ช. แล้วผมช้ำใจแล้ว นี่ผมมาเห็นปัญหา สตง. ซึ่งมันเป็นมหากาพย์ ที่มันเจ็บใจที่สุดคือคนที่ต้องมีหน้าที่จับทุจริตคนอื่น เสือกมาทำเอง ผมช้ำใจมาก .หลายคนอวยพรผมสงกรานต์ บอกพี่สนธิ / ลุง ต้องอยู่ไปนานๆ นะ เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ผมบอกว่า เฮ้ย! ฉันอยากจะตายวันตายคืน จะได้พ้นเวรพ้นกรรม เพราะว่าพอตายแล้ว ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องสมมุติหมด มีแต่ความว่างเปล่า จริงๆ ท่านผู้ชม ผมอยากตายวันตายคืน จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้อีกต่อไป วันนี้ขอแค่นี้ แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
    Like
    Love
    2
    0 Comments 1 Shares 413 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน
    .
    การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย
    .
    บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ
    .
    สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง
    .
    การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว
    .
    อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    .
    สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน
    .
    สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย
    .
    ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน
    .
    ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว
    .
    กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้
    (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน
    (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ
    (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม
    (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้
    .
    การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน . การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย . บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ . สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง . การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว . อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว . สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน . สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย . ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน . ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว . กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้ (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้ . การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • ภาพเหตุการณ์ญิงชราชาวรัสเซียวัย 80 ปี จากเมืองเยคาเตรินเบิร์ก (Yekaterinburg) ตกลงมาจากห้องพักชั้นที่ 6 ขณะกำลังทำความสะอาดหน้าต่างห้องพักของเธอ

    ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คุณยายยังมีสติครบถ้วน และสามารถพูดโต้ตอบได้ปกติหลังจากตกลงมาบนหลังคารถเก๋งฮุนได ซึ่งคาดเดาว่าหลังคารถที่บิดเบี้ยวอาจเป็นตัวช่วยรับแรงกระแทกไว้

    เจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการฉุกเฉินมาถึงในที่เกิดเหตุ ตรวจเช็คเบื้อต้นพบว่าคุณยายไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงใดๆ และส่งตัวไปตรวจเช็คอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาล
    ภาพเหตุการณ์ญิงชราชาวรัสเซียวัย 80 ปี จากเมืองเยคาเตรินเบิร์ก (Yekaterinburg) ตกลงมาจากห้องพักชั้นที่ 6 ขณะกำลังทำความสะอาดหน้าต่างห้องพักของเธอ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คุณยายยังมีสติครบถ้วน และสามารถพูดโต้ตอบได้ปกติหลังจากตกลงมาบนหลังคารถเก๋งฮุนได ซึ่งคาดเดาว่าหลังคารถที่บิดเบี้ยวอาจเป็นตัวช่วยรับแรงกระแทกไว้ เจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการฉุกเฉินมาถึงในที่เกิดเหตุ ตรวจเช็คเบื้อต้นพบว่าคุณยายไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงใดๆ และส่งตัวไปตรวจเช็คอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาล
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่
    สัทธรรมลำดับที่ : 964
    ชื่อบทธรรม : -สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=964
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่
    ...
    --[กรณีของปฐมฌาน]
    --โปฏฐปาทะ ! เมื่อภิกษุนั้น
    มองเห็นนิวรณ์ทั้งห้าเหล่านี้ ที่ตนละได้แล้ว อยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด;
    เมื่อปราโมทย์เกิด ปีติย่อมเกิด;
    กายของผู้มีใจปีติ ย่อมสงบรำงับ;
    ผู้มีกายสงบรำงับ ย่อมเสวยสุข;
    จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น.

    +--ภิกษุนั้น เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุ ฌานที่หนึ่ง
    อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/226/?keywords=สจฺจสญฺญา
    สัญญาในกามอันมีในกาลก่อนของเธอนั้น ย่อมดับไป;
    สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
    เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ในสมัยนั้น.
    เพราะการศึกษาอย่างนี้สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป.
    แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

    [กรณีของทุติยฌาน]
    --โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้จึงบรรลุ ฌานที่สอง
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งในภายใน นำให้เกิดสมาธิ มีอารมณ์อันเดียว
    ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่.
    สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้นย่อมดับไป;

    สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
    เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ในสมัยนั้น.
    เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป.
    แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

    [กรณีของตติยฌาน]
    --โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา
    มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย จึงบรรลุ ฌานที่สาม
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า
    “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่.
    สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป;

    สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
    เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ในสมัยนั้น.
    เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป.
    แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

    [กรณีของจตุตถฌาน]
    --โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ภิกษุ เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้,
    เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน,
    จึงบรรลุ ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข
    มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/227/?keywords=สจฺจสญฺญา
    สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป;

    สัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
    เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ในสมัยนั้น.
    เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป,
    แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.
    ...
    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค​#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/254-255/279 - 282.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/254/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๒๖-๒๒๗/๒๗๙ - ๒๘๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/226/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=964
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=964
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82
    ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่ สัทธรรมลำดับที่ : 964 ชื่อบทธรรม : -สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=964 เนื้อความทั้งหมด :- --สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่ ... --[กรณีของปฐมฌาน] --โปฏฐปาทะ ! เมื่อภิกษุนั้น มองเห็นนิวรณ์ทั้งห้าเหล่านี้ ที่ตนละได้แล้ว อยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด; เมื่อปราโมทย์เกิด ปีติย่อมเกิด; กายของผู้มีใจปีติ ย่อมสงบรำงับ; ผู้มีกายสงบรำงับ ย่อมเสวยสุข; จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น. +--ภิกษุนั้น เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุ ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. http://etipitaka.com/read/pali/9/226/?keywords=สจฺจสญฺญา สัญญาในกามอันมีในกาลก่อนของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป. แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. [กรณีของทุติยฌาน] --โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้จึงบรรลุ ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งในภายใน นำให้เกิดสมาธิ มีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่. สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้นย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป. แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. [กรณีของตติยฌาน] --โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย จึงบรรลุ ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่. สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป. แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. [กรณีของจตุตถฌาน] --โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, จึงบรรลุ ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. http://etipitaka.com/read/pali/9/227/?keywords=สจฺจสญฺญา สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป, แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. ... #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค​#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/254-255/279 - 282. http://etipitaka.com/read/thai/9/254/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๒๖-๒๒๗/๒๗๙ - ๒๘๒. http://etipitaka.com/read/pali/9/226/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=964 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=964 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82 ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่
    -สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่ [กรณีของปฐมฌาน] โปฏฐปาทะ ! เมื่อภิกษุนั้นมองเห็นนิวรณ์ทั้งห้าเหล่านี้ ที่ตนละได้แล้ว อยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด; เมื่อปราโมทย์เกิด ปีติย่อมเกิด; กายของผู้มีใจปีติ ย่อมสงบรำงับ; ผู้มีกายสงบรำงับ ย่อมเสวยสุข; จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น. ภิกษุนั้น เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุ ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. สัญญาในกามอันมีในกาลก่อนของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป. แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. [กรณีของทุติยฌาน] โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้จึงบรรลุ ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งในภายใน นำให้เกิดสมาธิ มีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่. สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้นย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป. แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. [กรณีของตติยฌาน] โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย จึงบรรลุ ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่. สัจจสัญญาอันละเอียดในปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป. แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. [กรณีของจตุตถฌาน] โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, จึงบรรลุ ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น, เธอ ย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ในสมัยนั้น. เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป, แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา. (ในกรณีแห่ง อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ และอากิญจัญญายตนะ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน).
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • อริยสาวกพึงศึกษาว่าสามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส
    สัทธรรมลำดับที่ : 593
    ชื่อบทธรรม : -สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส
    ...
    อุปสีวมาณพทูลถามปัญหาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ศากยะ
    ข้าพระองค์ผู้เดียวไม่อาศัยธรรมหรือบุคคลอะไรแล้ว
    ไม่สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลสได้ข้าแต่พระองค์ผู้สมันตจักษุ
    ขอพระองค์จงตรัสบอกที่หน่วงเหนี่ยว อันข้าพระองค์พึงอาศัยข้ามห้วงน้ำคือกิเลสนี้
    แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
    พระผู้มีพระภาค(พ.) ตรัสพยากรณ์ว่า
    อุปสีวะ(อุ.)
    ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญจัญญายตนสมาบัติ อาศัยอารมณ์ว่า ไม่มี
    ดังนี้แล้วข้ามห้วงน้ำคือกิเลสเสียเถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็น
    ผู้เว้นจากความสงสัย เห็นธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาให้แจ่มแจ้ง
    ทั้งกลางวันกลางคืนเถิด ฯ
    อุ. ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติอื่นเสีย อาศัย
    อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์ (คืออากิญจัญญา
    ยตนสมาบัติ ธรรมเปลื้องสัญญา)เป็นอย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว
    พึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแลหรือ ฯ
    พ. ดูกรอุปสีวะ ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติ
    อื่นเสีย อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์เป็น
    อย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหวพึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลก
    นั้น ฯ
    อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักษุ ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว พึงตั้งอยู่ใน
    อากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นสิ้นปีแม้มากไซร้ ผู้นั้นพึงพ้นจากทุกข์
    ต่างๆ ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแหละ พึงเป็นผู้เยือกเย็น
    หรือว่าวิญญาณของผู้เช่นนั้น พึงเกิดเพื่อถือปฏิสนธิอีก ฯ
    พ. ดูกรอุปสีวะ มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมถึงการตั้งอยู่ไม่ได้ไม่ถึงการ
    นับ เปรียบเหมือนเปลวไฟอันถูกกำลังลมพัดไปแล้ว ย่อมถึงการตั้งอยู่
    ไม่ได้ ไม่ถึงการนับ ฉะนั้น ฯ
    อุ. ท่านผู้นั้นถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ท่านผู้นั้นไม่มีหรือว่าท่านผู้นั้นเป็นผู้ไม่มีโรค
    ด้วยความเป็นผู้เที่ยง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอพระองค์จงตรัส
    พยากรณ์ความข้อนั้นให้สำเร็จประโยชน์แก่ข้าพระองค์เถิด เพราะว่า
    ธรรมนั้นพระองค์ทรงรู้แจ้งแล้วด้วยประการนั้น ฯ
    พ. ดูกรอุปสีวะ ท่านผู้ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่มีประมาณ ชนทั้งหลายจะ
    พึงกล่าวท่านผู้นั้นด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้นใด กิเลสมีราคะเป็นต้นนั้น
    ของท่านไม่มี เมื่อธรรม (มีขันธ์เป็นต้น)ทั้งปวง ท่านเพิกถอนขึ้นได้
    แล้ว แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งหมดก็เป็นอันท่านเพิกถอนขึ้นได้แล้ว ฯ
    http://etipitaka.com/read/pali/25/539/?keywords=อุปสีวมาณวกปญฺหา
    ...
    ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด)
    ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน,
    ท่านผู้เป็นเช่นนั้น เป็นคนที่ไม่มีเหตุหรือคุณลักษณะอะไรๆ ที่ใครๆ
    จะกล่าวว่าท่านเป็นอะไร ได้อีกต่อไป.
    เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิกถอนความยึดถือเสียแล้ว
    วาทบถ คือ คลองแห่งถ้อยคำสำหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด
    ก็พลอยถูกเพิกถอน คือไร้ความหมายไปด้วยทั้งสิ้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. 25/402/430.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/402/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๓​๘/๔๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/538/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40&id=593
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40
    ลำดับสาธยายธรรม : 40​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_40.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาว่าสามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส สัทธรรมลำดับที่ : 593 ชื่อบทธรรม : -สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593 เนื้อความทั้งหมด :- --สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลส ... อุปสีวมาณพทูลถามปัญหาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ศากยะ ข้าพระองค์ผู้เดียวไม่อาศัยธรรมหรือบุคคลอะไรแล้ว ไม่สามารถจะข้ามห้วงน้ำใหญ่คือกิเลสได้ข้าแต่พระองค์ผู้สมันตจักษุ ขอพระองค์จงตรัสบอกที่หน่วงเหนี่ยว อันข้าพระองค์พึงอาศัยข้ามห้วงน้ำคือกิเลสนี้ แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พระผู้มีพระภาค(พ.) ตรัสพยากรณ์ว่า อุปสีวะ(อุ.) ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญจัญญายตนสมาบัติ อาศัยอารมณ์ว่า ไม่มี ดังนี้แล้วข้ามห้วงน้ำคือกิเลสเสียเถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็น ผู้เว้นจากความสงสัย เห็นธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหาให้แจ่มแจ้ง ทั้งกลางวันกลางคืนเถิด ฯ อุ. ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติอื่นเสีย อาศัย อากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์ (คืออากิญจัญญา ยตนสมาบัติ ธรรมเปลื้องสัญญา)เป็นอย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว พึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแลหรือ ฯ พ. ดูกรอุปสีวะ ผู้ใดปราศจากความกำหนัดยินดีในกามทั้งปวงละสมาบัติ อื่นเสีย อาศัยอากิญจัญญายตนสมาบัติ น้อมใจลงในสัญญาวิโมกข์เป็น อย่างยิ่ง ผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหวพึงตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนพรหมโลก นั้น ฯ อุ. ข้าแต่พระองค์ผู้มีสมันตจักษุ ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ไม่หวั่นไหว พึงตั้งอยู่ใน อากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นสิ้นปีแม้มากไซร้ ผู้นั้นพึงพ้นจากทุกข์ ต่างๆ ในอากิญจัญญายตนพรหมโลกนั้นแหละ พึงเป็นผู้เยือกเย็น หรือว่าวิญญาณของผู้เช่นนั้น พึงเกิดเพื่อถือปฏิสนธิอีก ฯ พ. ดูกรอุปสีวะ มุนีพ้นแล้วจากนามกาย ย่อมถึงการตั้งอยู่ไม่ได้ไม่ถึงการ นับ เปรียบเหมือนเปลวไฟอันถูกกำลังลมพัดไปแล้ว ย่อมถึงการตั้งอยู่ ไม่ได้ ไม่ถึงการนับ ฉะนั้น ฯ อุ. ท่านผู้นั้นถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ท่านผู้นั้นไม่มีหรือว่าท่านผู้นั้นเป็นผู้ไม่มีโรค ด้วยความเป็นผู้เที่ยง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอพระองค์จงตรัส พยากรณ์ความข้อนั้นให้สำเร็จประโยชน์แก่ข้าพระองค์เถิด เพราะว่า ธรรมนั้นพระองค์ทรงรู้แจ้งแล้วด้วยประการนั้น ฯ พ. ดูกรอุปสีวะ ท่านผู้ถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่มีประมาณ ชนทั้งหลายจะ พึงกล่าวท่านผู้นั้นด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้นใด กิเลสมีราคะเป็นต้นนั้น ของท่านไม่มี เมื่อธรรม (มีขันธ์เป็นต้น)ทั้งปวง ท่านเพิกถอนขึ้นได้ แล้ว แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งหมดก็เป็นอันท่านเพิกถอนขึ้นได้แล้ว ฯ http://etipitaka.com/read/pali/25/539/?keywords=อุปสีวมาณวกปญฺหา ... ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด) ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน, ท่านผู้เป็นเช่นนั้น เป็นคนที่ไม่มีเหตุหรือคุณลักษณะอะไรๆ ที่ใครๆ จะกล่าวว่าท่านเป็นอะไร ได้อีกต่อไป. เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิกถอนความยึดถือเสียแล้ว วาทบถ คือ คลองแห่งถ้อยคำสำหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด ก็พลอยถูกเพิกถอน คือไร้ความหมายไปด้วยทั้งสิ้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. 25/402/430. http://etipitaka.com/read/thai/25/402/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๓​๘/๔๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/538/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=593 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40&id=593 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=40 ลำดับสาธยายธรรม : 40​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_40.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด) ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน
    -ประมาณเครื่องกำหนด (คือเกณฑ์ที่ใช้วัดสอบทุกชนิด) ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ แก่บุคคลผู้ถึงซึ่งความดับแห่งการยึดถือตัวตน, ท่านผู้เช่นนั้น เป็นคนที่ไม่มีเหตุหรือคุณลักษณะอะไรๆ ที่ใครๆ จะกล่าวว่าท่านเป็นอะไร ได้อีกต่อไป. เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิกถอนความยึดถือเสียแล้ว วาทบถ คือ คลองแห่งถ้อยคำสำหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด ก็พลอยถูกเพิกถอน คือไร้ความหมายไปด้วยทั้งสิ้น.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • ขันติที่แท้จริง – ไม่ใช่แค่การอดพูด แต่คือการรู้ทันใจ

    ---

    1. อารมณ์ “อดพูดไม่ได้” คืออะไร?

    เป็นอาการของ ใจเปราะบาง

    เกิดจากแรงกระตุ้นภายในที่ไม่สามารถระงับคำพูดไม่เหมาะสมได้

    ---

    2. คนที่อดกลั้นไม่พูดเรื่องไม่ควรพูดได้

    กำลังเปลี่ยน จุดอ่อนทางใจ ให้กลายเป็น ความเข้มแข็งที่ลึกซึ้ง

    ไม่ใช่แค่ระงับปาก แต่คือการพัฒนาจิตใจให้มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

    ---

    3. ความเข้มแข็งที่แท้จริงคืออะไร?

    ไม่ใช่การเก็บกดอารมณ์ หรืออึดอัดฝืนทน

    แต่คือ จิตที่สงบ ปลอดโปร่ง เย็น สบาย

    ใจที่ไม่ระเบิด เพราะไม่สะสมแรงอัด

    ---

    4. เป้าหมายของการฝึก “ขันติบารมี”

    > ไม่ใช่แค่ สกัดคำพูด แต่ต้อง รู้เท่าทันอารมณ์ข้างในด้วย

    สังเกตลมหายใจ:

    อึดอัดมากหรือน้อย?

    ลมหายใจต่อไปคลายลงหรือไม่?

    เมื่อเห็นว่าอารมณ์อึดอัด “ไม่เที่ยง”
    จิตจะเริ่มคลาย และไม่ต้อง “ฝืน” อีกต่อไป

    ---

    5. นิยามใหม่ของขันติบารมีแบบมีปัญญา:

    > คือ “สะกดใจได้” + “มีสติรู้ความไม่เที่ยง”
    นำไปสู่ใจที่วางเฉยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ฝืนกล้ำกลืน

    ---

    Essence สั้นๆ:

    ขันติบารมี ไม่ใช่แค่ฝืนเงียบ
    แต่คือการรู้เท่าทันอารมณ์ จนใจวางเฉยอย่างมีอิสรภาพ
    ขันติที่แท้จริง – ไม่ใช่แค่การอดพูด แต่คือการรู้ทันใจ --- 1. อารมณ์ “อดพูดไม่ได้” คืออะไร? เป็นอาการของ ใจเปราะบาง เกิดจากแรงกระตุ้นภายในที่ไม่สามารถระงับคำพูดไม่เหมาะสมได้ --- 2. คนที่อดกลั้นไม่พูดเรื่องไม่ควรพูดได้ กำลังเปลี่ยน จุดอ่อนทางใจ ให้กลายเป็น ความเข้มแข็งที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ระงับปาก แต่คือการพัฒนาจิตใจให้มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ --- 3. ความเข้มแข็งที่แท้จริงคืออะไร? ไม่ใช่การเก็บกดอารมณ์ หรืออึดอัดฝืนทน แต่คือ จิตที่สงบ ปลอดโปร่ง เย็น สบาย ใจที่ไม่ระเบิด เพราะไม่สะสมแรงอัด --- 4. เป้าหมายของการฝึก “ขันติบารมี” > ไม่ใช่แค่ สกัดคำพูด แต่ต้อง รู้เท่าทันอารมณ์ข้างในด้วย สังเกตลมหายใจ: อึดอัดมากหรือน้อย? ลมหายใจต่อไปคลายลงหรือไม่? เมื่อเห็นว่าอารมณ์อึดอัด “ไม่เที่ยง” จิตจะเริ่มคลาย และไม่ต้อง “ฝืน” อีกต่อไป --- 5. นิยามใหม่ของขันติบารมีแบบมีปัญญา: > คือ “สะกดใจได้” + “มีสติรู้ความไม่เที่ยง” นำไปสู่ใจที่วางเฉยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ฝืนกล้ำกลืน --- Essence สั้นๆ: ขันติบารมี ไม่ใช่แค่ฝืนเงียบ แต่คือการรู้เท่าทันอารมณ์ จนใจวางเฉยอย่างมีอิสรภาพ
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษากายนครที่ปลอดภัย
    สัทธรรมลำดับที่ : 589
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=589
    ชื่อบทธรรม :- กายนครที่ปลอดภัย
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กายนครที่ปลอดภัย
    --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการ
    และเป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก
    ซึ่งฌานทั้งสี่ อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม,
    ในกาลใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้เรียกได้ว่า เป็นผู้ที่มารอันมีบาปกระทำอะไรไม่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีเสาระเนียดอันมีรากลึก ฝังไว้ดี ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน
    สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มีสัทธา เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคตว่า
    “แม้เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น.... ฯลฯ .... เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม”
    ดังนี้,
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มี ๑.สัทธา เป็นเสาระเนียด
    ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษเจริญกรรมอันไม่มีโทษ
    บริหารตนให้หมดจดอยู่. ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่หนึ่ง.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/110/?keywords=สทฺโธ+ตถาคต

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีคูรอบทั้งลึกและกว้าง สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มี ๒.หิริ
    ละอายต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
    ละอายต่อการถึงพร้อมด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย,
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีหิริเป็นคูล้อมรอบ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล
    ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรม อันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่,
    ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สอง.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/110/?keywords=หิริ

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเชิงเทินเดินรอบ
    ทั้งสูงและกว้าง สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มี ๓.โอตตัปปะ
    สะดุ้งกลัวต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
    สะดุ้งกลัวต่อความถึงพร้อมด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย.
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีโอตตัปปะเป็นเชิงเทินเดินรอบ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล
    ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สาม.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/110/?keywords=โอตฺตปฺ

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีอาวุธอันสั่งสมไว้เป็นอันมาก
    ทั้งชนิดที่ใช้ประหารใกล้ตัวและประหารไกลตัว
    สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มี ๔.สุตะ
    อันตนสดับแล้วมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ,
    ธรรมเหล่าใดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
    ที่เป็นการประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
    พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะ,
    ธรรมมีรูปเห็นปานนั้น อันเขาสดับแล้วมาก
    ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ.
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีสุตะเป็นอาวุธ
    ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ
    เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นี้ชื่อว่า ผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สี่.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/111/?keywords=สุตา+พหุสฺสุโต

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีกองพลประจำอยู่เป็นอันมาก
    คือกองช้าง กองม้า กองรถ กองธนู กองจัดธงประจำกอง กองเสนาธิการ กองพลาธิการ กองอุคคโยธี กองราชบุตร กองจู่โจมกองมหานาค กองคนกล้า กองโล้ไม้ กองเกราะโล้หนัง กองทาสกบุตร สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +-ภิกษุ ท. ! อริยสาวกมี ๕.ความเพียร(วิริยะ)​อันปรารภแล้ว
    เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อยังกุศลธรรมทั้งหลายให้ถึงพร้อม
    มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดทิ้งธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย,
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีวิริยะเป็นพลกาย
    ย่อมละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ
    เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่. ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่ห้า.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/111/?keywords=วิริยพลกาโย

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีนายทวาร
    ที่เป็นบัณฑิต เฉลียวฉลาด มีปัญญา
    ห้ามเข้าแก่คนที่ไม่รู้จัก ให้เข้าแก่คนที่รู้จัก
    เพื่อคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเป็นผู้มี ๖.สติ
    ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาอย่างยิ่ง
    ระลึกถึงตามระลึกถึงซึ่งกิจที่กระทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้,
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มี​สติเป็นนายทวาร ย่อมละอกุศล เจริญกุศล
    ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน
    : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่หก.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/112/?keywords=สติโทวาริโก

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีกำแพงทั้งสูงและกว้าง
    สมบูรณ์ด้วยการก่อและการฉาบ เพื่อคุ้มภัยในและป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเป็นผู้มี ๗.ปัญญา
    ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องถึงธรรมสัจจะแห่งการตั้งขึ้นและการตั้งอยู่ไม่ได้
    อันเป็นอริยะ เป็นเครื่องชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ,
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีปัญญาเป็นความสมบูรณ์ด้วยการก่อและการฉาบ
    ย่อมละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ
    เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่,
    ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่เจ็ด.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/112/?keywords=ปญฺญาย

    --อริยสาวก เป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยสัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้แล.
    --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก
    ซึ่งฌานทั้งสี่(๔) อันประกอบในจิตอันยิ่ง
    เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เป็นอย่างไรเล่า ?
    ๑--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีหญ้า ไม้ และน้ำ สั่งสมไว้เป็นอันมาก
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวก
    สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน
    อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตนเพื่อก้าวลงสู่นิพพาน,
    ฉันนั้นเหมือนกัน.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/112/?keywords=นิพฺพานสฺส

    ๒--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีข้าวสาลีและข้าวยวะสะสมไว้เป็นอันมาก
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวก
    เพราะความเข้าไปสงบระงับแห่งวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน,
    ฉันนั้นเหมือนกัน.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/113/?keywords=นิพฺพานสฺส

    ๓--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีอปรัณณชาติ คืองา ถั่วเขียว ถั่วราชมาส เป็นต้น สั่งสมไว้เป็นอันมาก
    เพื่อความยินดีไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวก
    เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปปชัญญะ
    และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย อันชนิดที่พระอริยเจ้ากล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า
    เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข ดังนี้ เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน,
    ฉันนั้นเหมือนกัน.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/113/?keywords=นิพฺพานสฺส

    ๔--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา
    มีเภสัชสั่งสมไว้เป็นอันมาก คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก,
    นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก
    เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้
    เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึงจตุตถฌาน
    ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่
    เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน,
    ฉันนั้นเหมือนกัน.
    -http://etipitaka.com/read/pali/23/113/?keywords=นิพฺพานสฺส

    --อริยสาวก เป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก
    ซึ่งฌานทั้งสี่อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม
    เหล่านี้แล.
    --ภิกษุ ท. ! อริยสาวกประกอบพร้อมด้วยสัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้
    และเป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก
    ซึ่งฌานทั้งสี่(๔)อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม
    เหล่านี้ด้วย, ในกาลใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้
    เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มารอันมีบาป กระทำอะไรไม่ได้.-
    (กายนี้ ได้ชื่อว่า กายนคร เพราะมีอะไร ๆ ที่ต้องจัดการรักษาป้องกันเหมือนกับนคร.
    กายนครนี้มีมารคอยรังควาญอยู่ตลอดเวลา ;
    เมื่ออริยสาวกประกอบอยู่ด้วยสัทธรรมทั้งเจ็ด และ
    มีฌานทั้งสี่เป็นเครื่องอยู่อย่างผาสุกแล้ว มารก็ทำอะไรไม่ได้
    จัดเป็นกายนครที่ปลอดภัยด้วยข้อความเป็นอุปมาอุปไมยอย่างไพเราะมาก
    แห่งพระบาลีนี้).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/87-93/64.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/87/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐๗-๑๑๓/๖๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/107/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=589
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39&id=589
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39
    ลำดับสาธยายธรรม : 39 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_39.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษากายนครที่ปลอดภัย สัทธรรมลำดับที่ : 589 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=589 ชื่อบทธรรม :- กายนครที่ปลอดภัย เนื้อความทั้งหมด :- --กายนครที่ปลอดภัย --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการ และเป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่ อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม, ในกาลใด ; --ภิกษุ ท. ! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้เรียกได้ว่า เป็นผู้ที่มารอันมีบาปกระทำอะไรไม่ได้. --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเสาระเนียดอันมีรากลึก ฝังไว้ดี ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มีสัทธา เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคตว่า “แม้เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น.... ฯลฯ .... เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม” ดังนี้, +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มี ๑.สัทธา เป็นเสาระเนียด ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษเจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่. ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่หนึ่ง. -http://etipitaka.com/read/pali/23/110/?keywords=สทฺโธ+ตถาคต --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีคูรอบทั้งลึกและกว้าง สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มี ๒.หิริ ละอายต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ละอายต่อการถึงพร้อมด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย, +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีหิริเป็นคูล้อมรอบ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรม อันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สอง. http://etipitaka.com/read/pali/23/110/?keywords=หิริ --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเชิงเทินเดินรอบ ทั้งสูงและกว้าง สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มี ๓.โอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต สะดุ้งกลัวต่อความถึงพร้อมด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย. +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีโอตตัปปะเป็นเชิงเทินเดินรอบ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สาม. http://etipitaka.com/read/pali/23/110/?keywords=โอตฺตปฺ --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีอาวุธอันสั่งสมไว้เป็นอันมาก ทั้งชนิดที่ใช้ประหารใกล้ตัวและประหารไกลตัว สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มี ๔.สุตะ อันตนสดับแล้วมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ, ธรรมเหล่าใดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ที่เป็นการประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะ, ธรรมมีรูปเห็นปานนั้น อันเขาสดับแล้วมาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ. +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีสุตะเป็นอาวุธ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่า ผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สี่. -http://etipitaka.com/read/pali/23/111/?keywords=สุตา+พหุสฺสุโต --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีกองพลประจำอยู่เป็นอันมาก คือกองช้าง กองม้า กองรถ กองธนู กองจัดธงประจำกอง กองเสนาธิการ กองพลาธิการ กองอุคคโยธี กองราชบุตร กองจู่โจมกองมหานาค กองคนกล้า กองโล้ไม้ กองเกราะโล้หนัง กองทาสกบุตร สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +-ภิกษุ ท. ! อริยสาวกมี ๕.ความเพียร(วิริยะ)​อันปรารภแล้ว เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อยังกุศลธรรมทั้งหลายให้ถึงพร้อม มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดทิ้งธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย, +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีวิริยะเป็นพลกาย ย่อมละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่. ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่ห้า. -http://etipitaka.com/read/pali/23/111/?keywords=วิริยพลกาโย --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีนายทวาร ที่เป็นบัณฑิต เฉลียวฉลาด มีปัญญา ห้ามเข้าแก่คนที่ไม่รู้จัก ให้เข้าแก่คนที่รู้จัก เพื่อคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเป็นผู้มี ๖.สติ ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาอย่างยิ่ง ระลึกถึงตามระลึกถึงซึ่งกิจที่กระทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้, +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มี​สติเป็นนายทวาร ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่หก. http://etipitaka.com/read/pali/23/112/?keywords=สติโทวาริโก --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีกำแพงทั้งสูงและกว้าง สมบูรณ์ด้วยการก่อและการฉาบ เพื่อคุ้มภัยในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเป็นผู้มี ๗.ปัญญา ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องถึงธรรมสัจจะแห่งการตั้งขึ้นและการตั้งอยู่ไม่ได้ อันเป็นอริยะ เป็นเครื่องชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ, +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีปัญญาเป็นความสมบูรณ์ด้วยการก่อและการฉาบ ย่อมละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่เจ็ด. http://etipitaka.com/read/pali/23/112/?keywords=ปญฺญาย --อริยสาวก เป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยสัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่(๔) อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เป็นอย่างไรเล่า ? ๑--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีหญ้า ไม้ และน้ำ สั่งสมไว้เป็นอันมาก เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวก สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตนเพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. -http://etipitaka.com/read/pali/23/112/?keywords=นิพฺพานสฺส ๒--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีข้าวสาลีและข้าวยวะสะสมไว้เป็นอันมาก เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เพราะความเข้าไปสงบระงับแห่งวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. -http://etipitaka.com/read/pali/23/113/?keywords=นิพฺพานสฺส ๓--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีอปรัณณชาติ คืองา ถั่วเขียว ถั่วราชมาส เป็นต้น สั่งสมไว้เป็นอันมาก เพื่อความยินดีไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย อันชนิดที่พระอริยเจ้ากล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข ดังนี้ เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. -http://etipitaka.com/read/pali/23/113/?keywords=นิพฺพานสฺส ๔--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเภสัชสั่งสมไว้เป็นอันมาก คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. -http://etipitaka.com/read/pali/23/113/?keywords=นิพฺพานสฺส --อริยสาวก เป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! อริยสาวกประกอบพร้อมด้วยสัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้ และเป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่(๔)อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เหล่านี้ด้วย, ในกาลใด ; --ภิกษุ ท. ! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มารอันมีบาป กระทำอะไรไม่ได้.- (กายนี้ ได้ชื่อว่า กายนคร เพราะมีอะไร ๆ ที่ต้องจัดการรักษาป้องกันเหมือนกับนคร. กายนครนี้มีมารคอยรังควาญอยู่ตลอดเวลา ; เมื่ออริยสาวกประกอบอยู่ด้วยสัทธรรมทั้งเจ็ด และ มีฌานทั้งสี่เป็นเครื่องอยู่อย่างผาสุกแล้ว มารก็ทำอะไรไม่ได้ จัดเป็นกายนครที่ปลอดภัยด้วยข้อความเป็นอุปมาอุปไมยอย่างไพเราะมาก แห่งพระบาลีนี้). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/87-93/64. http://etipitaka.com/read/thai/23/87/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐๗-๑๑๓/๖๔. http://etipitaka.com/read/pali/23/107/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=589 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39&id=589 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39 ลำดับสาธยายธรรม : 39 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_39.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กายนครที่ปลอดภัย
    -กายนครที่ปลอดภัย ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการ และเป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา โดยไม่ยาก ได้โดยไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่ อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม, ในกาลใด ; ภิกษุ ท. ! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้เรียกได้ว่า เป็นผู้ที่มารอันมีบาปกระทำอะไรไม่ได้. ภิกษุ ท. ! อริยสาวก ประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเสาระเนียดอันมีรากลึก ฝังไว้ดี ไม่หวั่นไหว ไม่คลอนแคลน สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มีสัทธา เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคตว่า “แม้เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น.... ฯลฯ .... เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม” ดังนี้, ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีสัทธาเป็นเสาระเนียด ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษเจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่. ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่หนึ่ง. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีคูรอบทั้งลึกและกว้าง สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มีหิริ ละอายต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ละอายต่อการถึงพร้อมด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย, ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีหิริเป็นคูล้อมรอบ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรม อันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สอง. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเชิงเทินเดินรอบ ทั้งสูงและกว้าง สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มีโอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต สะดุ้งกลัวต่อความถึงพร้อมด้วยอกุศลธรรมอันลามกทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีโอตตัปปะเป็นเชิงเทินเดินรอบ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สาม. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีอาวุธอันสั่งสมไว้เป็นอันมาก ทั้งชนิดที่ใช้ประหารใกล้ตัวและประหารไกลตัว สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกก็มีสุตะ อันตนสดับแล้วมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ, ธรรมเหล่าใดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ที่เป็นการประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะ, ธรรมมีรูปเห็นปานนั้น อันเขาสดับแล้วมาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ. ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีสุตะเป็นอาวุธ ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่า ผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่สี่. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีกองพลประจำอยู่เป็นอันมาก คือกองช้าง กองม้า กองรถ กองธนู กองจัดธงประจำกอง กองเสนาธิการ กองพลาธิการ กองอุคคโยธี กองราชบุตร กองจู่โจมกองมหานาค กองคนกล้า กองโล้ไม้ กองเกราะโล้หนัง กองทาสกบุตร สำหรับคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกมีความเพียรอันปรารภแล้ว เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อยังกุศลธรรมทั้งหลายให้ถึงพร้อม มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดทิ้งธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย, ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีวิริยะเป็นพลกาย ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่. ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่ห้า. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีนายทวาร ที่เป็นบัณฑิต เฉลียวฉลาด มีปัญญา ห้ามเข้าแก่คนที่ไม่รู้จัก ให้เข้าแก่คนที่รู้จัก เพื่อคุ้มภัยในภายในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาอย่างยิ่ง ระลึกถึง ตามระลึกถึงซึ่งกิจที่กระทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้, ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ มีสติเป็นนายทวาร ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่หก. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีกำแพงทั้งสูงและกว้าง สมบูรณ์ด้วยการก่อและการฉาบ เพื่อคุ้มภัยในและป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวกเป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญาเป็นเครื่องถึงธรรมสัจจะแห่งการตั้งขึ้นและการตั้งอยู่ไม่ได้ อันเป็นอริยะ เป็นเครื่องชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ, ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีปัญญาเป็นความสมบูรณ์ด้วยการก่อและการฉาบ ย่อมละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมอันมีโทษ เจริญกรรมอันไม่มีโทษ บริหารตนให้หมดจดอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อว่าผู้ประกอบด้วย สัทธรรมประการที่เจ็ด. อริยสาวก เป็นผู้ประกอบพร้อมด้วยสัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่ อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีหญ้า ไม้ และน้ำ สั่งสมไว้เป็นอันมาก เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวก สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตนเพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีข้าวสาลีและข้าวยวะสะสมไว้เป็นอันมาก เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เพราะความเข้าไปสงบระงับแห่งวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีอปรัณณชาติ คืองา ถั่วเขียว ถั่วราชมาส เป็นต้น สั่งสมไว้เป็นอันมาก เพื่อความยินดีไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย อันชนิดที่พระอริยเจ้า กล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข ดังนี้ เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา มีเภสัชสั่งสมไว้เป็นอันมาก คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือเพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก ในภายใน เพื่อป้องกันในภายนอก, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อริยสาวก เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ เพื่อความยินดี ไม่สะดุ้งกลัว อยู่เป็นผาสุก แห่งตน เพื่อก้าวลงสู่นิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. อริยสาวก เป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบากซึ่งฌานทั้งสี่อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! อริยสาวกประกอบพร้อมด้วยสัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้และเป็นผู้มีปกติได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ซึ่งฌานทั้งสี่อันประกอบในจิตอันยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม เหล่านี้ด้วย, ในกาลใด ; ภิกษุ ท. ! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มารอันมีบาป กระทำอะไรไม่ได้.
    0 Comments 0 Shares 324 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 956
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956
    ชื่อบทธรรม :- ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ (การรักษาโรคด้วยอำนาจสมาธิ)
    --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่เธอแล้ว
    ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว
    อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ.
    สัญญา ๑๐ ประการนั้นคือ
    อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา
    อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา วิราคสัญญา นิโรธสัญญา
    สัพพโลเกอนภิรตสัญญา สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา
    อานาปานสติ.
    --อานนท์ ! อนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้
    ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ ว่า
    “รูป ไม่เที่ยง; เวทนา ไม่เที่ยง;
    สัญญา ไม่เที่ยง; สังขาร ไม่เที่ยง;
    วิญญาณ ไม่เที่ยง”
    ดังนี้
    เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยง ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้
    อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนิจจสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=อนิจฺจสญฺญา

    --อานนท์ ! อนัตตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า
    “ตา เป็นอนัตตา รูป เป็นอนัตตา;
    หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา;
    จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา;
    ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา;
    กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา;
    ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา”
    ดังนี้
    เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งภายในและภายนอกหก เหล่านี้
    อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนัตตสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/116/?keywords=อนตฺตสญฺญา

    --อานนท์ ! อสุภสัญญา เป็นอย่างไรเล่า?
    +--อานนท์! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นโดยประจักษ์ซึ่งกายนี้นี่แหละ แต่พื้นเท้าขึ้นไปถึงเบื้องบน แต่ปลายผมลงมาถึงเบื้องล่าง ว่ามีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยของอสุจิมีประการต่างๆ; คือกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร;
    เป็นผู้ตามเห็นความไม่งาม ในกายนี้ อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อสุภสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อสุภสญฺญา

    --อานนท์ ! อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า
    “กายนี้มีทุกข์มาก มีโทษมาก; คือในกายนี้มีอาพาธต่างๆ เกิดขึ้น,
    กล่าวคือ โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคที่ศีรษะ โรคที่หู โรคที่ปาก โรคที่ฟัน โรคไอ โรคหืด
    ไข้หวัด ไข้มีพิษร้อน ไข้เซื่องซึม
    โรคกระเพาะ โรคลมสลบ ลงแดง จุกเสียด เจ็บเสียว
    โรคเรื้อรัง โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน คุดทะราด โรคละออง โรคโลหิต โรคดีซ่าน เบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง ริดสีดวงทวาร
    อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฎฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน
    ไข้สันนิบาต ไข้เพราะฤดูแปรปรวน ไข้เพราะบริหารกายไม่สม่ำเสมอ ไข้เพราะออกกำลังเกิน ไข้เพราะวิบากกรรม
    ความไม่สบายเพราะความหนาว ความร้อน ความหิว ความระหาย
    การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ”
    ดังนี้;
    เป็นผู้ตามเห็นโทษในกายนี้อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อาทีนวสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อาทีนวสญฺญา

    --อานนท์ ! ปหานสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป;
    ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป;
    ไม่ยอมรับไว้ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา
    กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป;
    ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว
    ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป : นี้เรียกว่า #ปหานสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=ปหานสญฺญา

    --อานนท์ ! วิราคสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง
    พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อ ย่างนี้ว่า
    “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ
    ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับเย็น”
    ดังนี้ : นี้เรียกว่า วิราคสัญญา.
    --อานนท์ ! นิโรธสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง
    พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า
    “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต
    : กล่าวคือ
    ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง
    เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา
    เป็นความดับ เป็นความดับเย็น”
    ดังนี้
    : นี้เรียกว่า #นิโรธสัญญา.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=นิโรธสญฺญา

    --อานนท์ ! สัพพโลเกอนภิรตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ อนุสัย (ความเคยชิน)
    ในการตั้งทับในการฝังตัวเข้าไปยึดมั่นแห่งจิตด้วยตัณหาอุปาทาน ใดๆ ในโลก มีอยู่,
    เธอละอยู่ซึ่งอนุสัยนั้นๆ
    งดเว้นไม่เข้าไปยึดถืออยู่
    : นี้เรียกว่า #สัพพโลเกอนภิรตสัญญา (ความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าเป็นสิ่งไม่น่ายินดี).
    http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญา

    --อานนท์ ! สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมอึดอัด ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง ต่อสังขารทั้งหลายทั้งปวง
    : นี้เรียกว่า #สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา (ความสำคัญว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง).
    -http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจสญฺญา

    (สัญญาข้อที่เก้านี้ ควรจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ควรจะมีชื่อว่าสัพพสังขาเรสุทุกขสัญญา จึงจะสมกับเนื้อความตามที่กล่าวอยู่,
    และสัญญาข้อที่แปดข้างบนแห่งข้อนี้ ที่มีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญานั้น น่าจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนุปาทานสัญญามากกว่า จึงจะมีความสมชื่อ, ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน).

    --อานนท์ ! อานาปานสติ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง ก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก.
    1. เมื่อ หายใจเข้า ยาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว ,
    เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ;
    2. เมื่อ หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น ,
    เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    3. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    4. ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า,
    ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก.
    ทำการศึกษาว่า เรา
    5. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    6. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    7. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    8. ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก.
    ทำการศึกษาว่า เรา
    9. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า,
    รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    10. ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    11. ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    12. ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า,
    ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก.
    ทำการศึกษาว่า เรา
    13. ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจเข้า,
    ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    14. ตามเห็นความจางคลาย หายใจเข้า,
    ตามเห็นความจางคลาย หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    15. ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจเข้า,
    ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจออก;
    ทำการศึกษาว่า เรา
    16. ตามเห็นความสลัดคืน หายใจเข้า,
    ตามเห็นความสลัดคืน หายใจออก.
    : นี้เรียกว่า #อานาปานสติ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/119/?keywords=อานาปานสติ

    --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์
    แล้วกล่าวสัญญาสิบประการเหล่านี้ แก่เธอแล้ว
    ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว
    อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ.
    +--ลำดับนั้นแล ท่านอานนท์จำเอาสัญญาสิบประการเหล่านี้
    ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า
    แล้วเข้าไปหาท่านคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการแก่ท่าน
    เมื่อท่านพระคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธก็ระงับไปโดยฐานะอันควร.
    ท่านคิริมานนท์หาย แล้วจากอาพาธ และอาพาธก็เป็นเสมือนละไปแล้วด้วย
    แล.-

    (บาลีพระสูตรนี้ ได้ทำให้เกิดประเพณีสวดคิริมานนทสูตร
    ให้คนเจ็บฟัง เพื่อจะได้หายเจ็บไข้ เช่นเดียวกับโพชฌงคสูตร.
    บางคนอาจจะสงสัยว่า มิเป็นการผิดหลักกรรมหรือเหตุปัจจัยไป
    หรือ ที่ความทุกข์ดับไปโดยไม่มีการดับเหตุแห่งทุกข์ ตามหลักแห่งจตุราริยสัจ.
    ข้อนี้ขอให้เข้าใจว่า การฟังธรรมของพระคิริมานนท์ ทำให้มีธรรมปีติอย่างแรงกล้า
    อำนาจของธรรมปีตินั้นสามารถระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนา ทุกขเวทนาจึงระงับไป
    ดุจดังว่าหายจากอาพาธ;
    กล่าวได้ว่ามีปัจจัยเพื่อการดับแห่งทุกข์อริยสัจ;
    ไม่ผิดไปจากกฎเกณฑ์แห่งกรรมหรือกฎเกณฑ์แห่งเหตุปัจจัยเลย;
    เป็นการดับทุกข์ได้วิธีหนึ่ง จึงนำข้อความนี้ มาใส่ไว้ในหมวดนี้
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/99 - 104/60.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/99/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๑๕ - ๑๒๐/๖๐
    http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=956
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81
    ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน....
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ สัทธรรมลำดับที่ : 956 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956 ชื่อบทธรรม :- ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ เนื้อความทั้งหมด :- --ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ (การรักษาโรคด้วยอำนาจสมาธิ) --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. สัญญา ๑๐ ประการนั้นคือ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา วิราคสัญญา นิโรธสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญา สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา อานาปานสติ. --อานนท์ ! อนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ ว่า “รูป ไม่เที่ยง; เวทนา ไม่เที่ยง; สัญญา ไม่เที่ยง; สังขาร ไม่เที่ยง; วิญญาณ ไม่เที่ยง” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยง ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนิจจสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=อนิจฺจสญฺญา --อานนท์ ! อนัตตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ตา เป็นอนัตตา รูป เป็นอนัตตา; หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา; จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา; ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา; กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา; ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งภายในและภายนอกหก เหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อนัตตสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/116/?keywords=อนตฺตสญฺญา --อานนท์ ! อสุภสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? +--อานนท์! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นโดยประจักษ์ซึ่งกายนี้นี่แหละ แต่พื้นเท้าขึ้นไปถึงเบื้องบน แต่ปลายผมลงมาถึงเบื้องล่าง ว่ามีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยของอสุจิมีประการต่างๆ; คือกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร; เป็นผู้ตามเห็นความไม่งาม ในกายนี้ อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อสุภสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อสุภสญฺญา --อานนท์ ! อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “กายนี้มีทุกข์มาก มีโทษมาก; คือในกายนี้มีอาพาธต่างๆ เกิดขึ้น, กล่าวคือ โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคที่ศีรษะ โรคที่หู โรคที่ปาก โรคที่ฟัน โรคไอ โรคหืด ไข้หวัด ไข้มีพิษร้อน ไข้เซื่องซึม โรคกระเพาะ โรคลมสลบ ลงแดง จุกเสียด เจ็บเสียว โรคเรื้อรัง โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน คุดทะราด โรคละออง โรคโลหิต โรคดีซ่าน เบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง ริดสีดวงทวาร อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฎฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน ไข้สันนิบาต ไข้เพราะฤดูแปรปรวน ไข้เพราะบริหารกายไม่สม่ำเสมอ ไข้เพราะออกกำลังเกิน ไข้เพราะวิบากกรรม ความไม่สบายเพราะความหนาว ความร้อน ความหิว ความระหาย การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ” ดังนี้; เป็นผู้ตามเห็นโทษในกายนี้อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า #อาทีนวสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/117/?keywords=อาทีนวสญฺญา --อานนท์ ! ปหานสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป : นี้เรียกว่า #ปหานสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=ปหานสญฺญา --อานนท์ ! วิราคสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อ ย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า วิราคสัญญา. --อานนท์ ! นิโรธสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความดับ เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า #นิโรธสัญญา. http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=นิโรธสญฺญา --อานนท์ ! สัพพโลเกอนภิรตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ อนุสัย (ความเคยชิน) ในการตั้งทับในการฝังตัวเข้าไปยึดมั่นแห่งจิตด้วยตัณหาอุปาทาน ใดๆ ในโลก มีอยู่, เธอละอยู่ซึ่งอนุสัยนั้นๆ งดเว้นไม่เข้าไปยึดถืออยู่ : นี้เรียกว่า #สัพพโลเกอนภิรตสัญญา (ความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าเป็นสิ่งไม่น่ายินดี). http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญา --อานนท์ ! สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมอึดอัด ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง ต่อสังขารทั้งหลายทั้งปวง : นี้เรียกว่า #สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา (ความสำคัญว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง). -http://etipitaka.com/read/pali/24/118/?keywords=สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจสญฺญา (สัญญาข้อที่เก้านี้ ควรจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ควรจะมีชื่อว่าสัพพสังขาเรสุทุกขสัญญา จึงจะสมกับเนื้อความตามที่กล่าวอยู่, และสัญญาข้อที่แปดข้างบนแห่งข้อนี้ ที่มีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญานั้น น่าจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนุปาทานสัญญามากกว่า จึงจะมีความสมชื่อ, ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน). --อานนท์ ! อานาปานสติ เป็นอย่างไรเล่า ? +--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง ก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก. 1. เมื่อ หายใจเข้า ยาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว , เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ; 2. เมื่อ หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น , เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น; ทำการศึกษาว่า เรา 3. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 4. ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา 5. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 6. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 7. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 8. ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา 9. รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 10. ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 11. ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 12. ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา 13. ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจเข้า, ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 14. ตามเห็นความจางคลาย หายใจเข้า, ตามเห็นความจางคลาย หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 15. ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจเข้า, ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา 16. ตามเห็นความสลัดคืน หายใจเข้า, ตามเห็นความสลัดคืน หายใจออก. : นี้เรียกว่า #อานาปานสติ. http://etipitaka.com/read/pali/24/119/?keywords=อานาปานสติ --อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการเหล่านี้ แก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. +--ลำดับนั้นแล ท่านอานนท์จำเอาสัญญาสิบประการเหล่านี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วเข้าไปหาท่านคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการแก่ท่าน เมื่อท่านพระคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธก็ระงับไปโดยฐานะอันควร. ท่านคิริมานนท์หาย แล้วจากอาพาธ และอาพาธก็เป็นเสมือนละไปแล้วด้วย แล.- (บาลีพระสูตรนี้ ได้ทำให้เกิดประเพณีสวดคิริมานนทสูตร ให้คนเจ็บฟัง เพื่อจะได้หายเจ็บไข้ เช่นเดียวกับโพชฌงคสูตร. บางคนอาจจะสงสัยว่า มิเป็นการผิดหลักกรรมหรือเหตุปัจจัยไป หรือ ที่ความทุกข์ดับไปโดยไม่มีการดับเหตุแห่งทุกข์ ตามหลักแห่งจตุราริยสัจ. ข้อนี้ขอให้เข้าใจว่า การฟังธรรมของพระคิริมานนท์ ทำให้มีธรรมปีติอย่างแรงกล้า อำนาจของธรรมปีตินั้นสามารถระงับเสียได้ซึ่งทุกขเวทนา ทุกขเวทนาจึงระงับไป ดุจดังว่าหายจากอาพาธ; กล่าวได้ว่ามีปัจจัยเพื่อการดับแห่งทุกข์อริยสัจ; ไม่ผิดไปจากกฎเกณฑ์แห่งกรรมหรือกฎเกณฑ์แห่งเหตุปัจจัยเลย; เป็นการดับทุกข์ได้วิธีหนึ่ง จึงนำข้อความนี้ มาใส่ไว้ในหมวดนี้ ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/99 - 104/60. http://etipitaka.com/read/thai/24/99/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๑๑๕ - ๑๒๐/๖๐ http://etipitaka.com/read/pali/24/115/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=956 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=956 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81 ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน.... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ
    -ธรรมสัญญาในฐานะแห่งธรรมโอสถโดยธรรมปีติ (การรักษาโรคด้วยอำนาจสมาธิ) อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. สัญญา ๑๐ ประการนั้นคือ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา อสุภสัญญา อาทีนวสัญญา ปหานสัญญา วิราคสัญญา นิโรธสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญาสัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา อานาปานสติ. อานนท์ ! อนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ ว่า “รูป ไม่เที่ยง; เวทนา ไม่เที่ยง; สัญญา ไม่เที่ยง; สังขาร ไม่เที่ยง; วิญญาณ ไม่เที่ยง” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยง ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อนิจจสัญญา. อานนท์ ! อนัตตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ตา เป็นอนัตตา รูป เป็นอนัตตา; หูเป็นอนัตตา เสียงเป็นอนัตตา; จมูกเป็นอนัตตา กลิ่นเป็นอนัตตา; ลิ้นเป็นอนัตตา รสเป็นอนัตตา; กายเป็นอนัตตา โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา; ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา” ดังนี้ เป็นผู้ตามเห็นซึ่งความเป็นอนัตตา ในอายตนะทั้งภายในและภายนอกหก เหล่านี้ อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อนัตตสัญญา. อานนท์ ! อสุภสัญญา เป็นอย่างไรเล่า? อานนท์! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นโดยประจักษ์ซึ่งกายนี้นี่แหละ แต่พื้นเท้าขึ้นไปถึงเบื้องบน แต่ปลายผมลงมาถึงเบื้องล่าง ว่ามีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยของอสุจิมีประการต่างๆ; คือกายนี้มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำมูตร; เป็นผู้ตามเห็นความไม่งาม ในกายนี้ อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อสุภสัญญา. อานนท์ ! อาทีนวสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “กายนี้มีทุกข์มาก มีโทษมาก; คือในกายนี้มีอาพาธต่างๆ เกิดขึ้น, กล่าวคือ โรคตา โรคหู โรคจมูก โรคลิ้น โรคกาย โรคที่ศีรษะ โรคที่หู โรคที่ปาก โรคที่ฟัน โรคไอ โรคหืด ไข้หวัด ไข้มีพิษร้อน ไข้เซื่องซึม โรคกระเพาะ โรคลมสลบ ลงแดง จุกเสียด เจ็บเสียว โรคเรื้อรัง โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน คุดทะราด โรคละออง โรคโลหิต โรคดีซ่าน เบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง ริดสีดวงทวาร อาพาธมีดีเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฎฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน ไข้สันนิบาต ไข้เพราะฤดูแปรปรวน ไข้เพราะบริหารกายไม่สม่ำเสมอ ไข้เพราะออกกำลังเกิน ไข้เพราะวิบากกรรม ความไม่สบายเพราะความหนาว ความร้อน ความหิว ความระหาย การถ่ายอุจจาระ การถ่ายปัสสาวะ” ดังนี้; เป็นผู้ตามเห็นโทษในกายนี้อยู่ ด้วยอาการอย่างนี้ : นี้เรียกว่า อาทีนวสัญญา. อานนท์ ! ปหานสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง กามวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง พยาบาทวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่งวิหิงสาวิตก ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป; ไม่ยอมรับไว้ซึ่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย อันลามกที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมละ ย่อมบรรเทา กระทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีอีกต่อไป : นี้เรียกว่า ปหานสัญญา. อานนท์ ! วิราคสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อ ย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า วิราคสัญญา. อานนท์ ! นิโรธสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง พิจารณาอยู่โดยประจักษ์อย่างนี้ว่า “ธรรมชาตินั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต : กล่าวคือ ธรรมชาติอันเป็นที่ระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความดับ เป็นความดับเย็น” ดังนี้ : นี้เรียกว่า นิโรธสัญญา. อานนท์ ! สัพพโลเกอนภิรตสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ อนุสัย (ความเคยชิน) ในการตั้งทับในการฝังตัวเข้าไปยึดมั่นแห่งจิตด้วยตัณหาอุปาทาน ใดๆ ในโลก มีอยู่, เธอละอยู่ซึ่งอนุสัยนั้นๆ งดเว้นไม่เข้าไปยึดถืออยู่ : นี้เรียกว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา (ความสำคัญในโลกทั้งปวงว่าเป็นสิ่งไม่น่ายินดี). อานนท์ ! สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมอึดอัด ย่อมระอา ย่อมเกลียดชัง ต่อสังขารทั้งหลายทั้งปวง : นี้เรียกว่า สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา (ความสำคัญว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง). (สัญญาข้อที่เก้านี้ ควรจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญา หรือมิฉะนั้นก็ควรจะมีชื่อว่าสัพพสังขาเรสุทุกขสัญญา จึงจะสมกับเนื้อความตามที่กล่าวอยู่, และสัญญาข้อที่แปดข้างบนแห่งข้อนี้ ที่มีชื่อว่า สัพพโลเกอนภิรตสัญญานั้น น่าจะมีชื่อว่า สัพพโลเกอนุปาทานสัญญามากกว่า จึงจะมีความสมชื่อ, ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน). อานนท์ ! อานาปานสติ เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ ไปแล้วสู่ป่า สู่โคนไม้ หรือสู่เรือนว่าง ก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก. เมื่อ หายใจเข้า ยาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว , เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ; เมื่อ หายใจเข้าสั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น , เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น; ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เราทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำกายสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เราทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตตสังขารให้ระงับอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า, รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า, ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก. ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจเข้า, ตามเห็นความไม่เที่ยง หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความจางคลาย หายใจเข้า, ตามเห็นความจางคลาย หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจเข้า, ตามเห็นความดับไม่เหลือ หายใจออก; ทำการศึกษาว่า เรา ตามเห็นความสลัดคืน หายใจเข้า, ตามเห็นความสลัดคืน หายใจออก. นี้เรียกว่า อานาปานสติ. อานนท์ ! ถ้าเธอจะเข้าไปหาภิกษุคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการเหล่านี้ แก่เธอแล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือภิกษุคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธอันเป็นทุกข์หนักของเธอก็จะระงับไป โดยควรแก่ฐานะ. ลำดับนั้นแล ท่านอานนท์จำเอาสัญญาสิบประการเหล่านี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วเข้าไปหาท่านคิริมานนท์ แล้วกล่าวสัญญาสิบประการแก่ท่าน เมื่อท่านพระคิริมานนท์ฟังสัญญาสิบประการแล้ว อาพาธก็ระงับไปโดยฐานะอันควร. ท่านคิริมานนท์หาย แล้วจากอาพาธ และอาพาธก็เป็นเสมือนละไปแล้วด้วย แล.
    0 Comments 0 Shares 426 Views 0 Reviews
  • กิเลสครองใจ
    ได้แต่เร่าร้อน
    ดีดดิ้นโคจร
    ชอนไชหาเหยื่อ

    เพียรมีสติ
    จิตไม่หลงเชื่อ
    ไม่ให้เป็นเหยื่อ
    เชื่อมั่นธรรมจริง

    เกิดขึ้นตั้งอยู่
    รู้ทันจึ่งนิ่ง
    สุดท้ายดับจริง
    นิ่งด้วยปัญญา

    ชำนาญเข้าออก
    พอกพูนเมตตา
    อาศัยพึ่งพา
    รักษาจิตได้

    จงเจริญธรรม
    กรรมดีขวนขวาย
    ถึงฝั่งดั่งหมาย
    ไกลทุกข์พ้นภัย

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    กิเลสครองใจ ได้แต่เร่าร้อน ดีดดิ้นโคจร ชอนไชหาเหยื่อ เพียรมีสติ จิตไม่หลงเชื่อ ไม่ให้เป็นเหยื่อ เชื่อมั่นธรรมจริง เกิดขึ้นตั้งอยู่ รู้ทันจึ่งนิ่ง สุดท้ายดับจริง นิ่งด้วยปัญญา ชำนาญเข้าออก พอกพูนเมตตา อาศัยพึ่งพา รักษาจิตได้ จงเจริญธรรม กรรมดีขวนขวาย ถึงฝั่งดั่งหมาย ไกลทุกข์พ้นภัย ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • ชีวีโชคดี
    มีปัจจัยสี่
    อยู่รอดชีวี
    ให้มีสติ

    กินอยู่พอเพียง
    เคียงคู่กายจิต
    งานภาระกิจ
    คิดพูดทำดี

    กิเลสเลวร้าย
    หมายครองชีวี
    ดีดดิ้นย่ำยี
    ศีลธรรมมีอยู่

    กิเลสอัตตา
    มายาข่มขู่
    ทุกข์ครองไม่รู้
    สู่กรรมวิบาก

    สติมีอยู่
    รู้ทันความอยาก
    ดับเหตุทุกข์ยาก
    ถากถางด้วยธรรม

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง
    ชีวีโชคดี มีปัจจัยสี่ อยู่รอดชีวี ให้มีสติ กินอยู่พอเพียง เคียงคู่กายจิต งานภาระกิจ คิดพูดทำดี กิเลสเลวร้าย หมายครองชีวี ดีดดิ้นย่ำยี ศีลธรรมมีอยู่ กิเลสอัตตา มายาข่มขู่ ทุกข์ครองไม่รู้ สู่กรรมวิบาก สติมีอยู่ รู้ทันความอยาก ดับเหตุทุกข์ยาก ถากถางด้วยธรรม ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาอัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา
    สัทธรรมลำดับที่ : 146
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=146
    ชื่อบทธรรม :- อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา
    --ภิกษุ ท. ! อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
    ย่อมบรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ,
    เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
    ย่อมบรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่,
    ในสมัยนั้น เธอย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง,
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น,
    และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย.
    ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย.
    +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย
    ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
    --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ,
    เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌานที่สอง
    อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ
    ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด, ภิกษุ,
    เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน
    นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ,
    ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่,
    ในสมัยนั้นเธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง,
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น,
    และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย.
    ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย.
    +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย
    ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
    --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ,
    เพราะความจางคลายไปแห่งปีติเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ
    เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า
    “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข”
    ดังนี้ แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ,
    เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ
    เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า
    “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข”
    ดังนี้ แล้วแลอยู่.
    ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง,
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น,
    และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย.
    ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย.
    +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย
    ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง.
    --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ,
    เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้,
    เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน,
    ย่อมบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข
    มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา
    แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ,
    เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้,
    เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน,
    ย่อมบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข
    มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา
    แล้วแลอยู่.
    ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง,
    ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น,
    และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย.
    ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย.
    +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย
    -http://etipitaka.com/read/pali/12/177/?keywords=จตุตฺถํ+อสฺสาท
    ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่งแล.-

    #ทุกข์#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/121/205.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/121/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๗๖/๒๐๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/176/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%95
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=146
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11&id=146
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11
    ลำดับสาธยายธรรม : 11 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_11.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาอัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา สัทธรรมลำดับที่ : 146 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=146 ชื่อบทธรรม :- อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา เนื้อความทั้งหมด :- --อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา --ภิกษุ ท. ! อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมบรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมบรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่, ในสมัยนั้น เธอย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด, ภิกษุ, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ, ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่, ในสมัยนั้นเธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะความจางคลายไปแห่งปีติเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง. --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, ย่อมบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, ย่อมบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย -http://etipitaka.com/read/pali/12/177/?keywords=จตุตฺถํ+อสฺสาท ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่งแล.- #ทุกข์​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/121/205. http://etipitaka.com/read/thai/12/121/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๗๖/๒๐๕. http://etipitaka.com/read/pali/12/176/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%95 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=146 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11&id=146 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=11 ลำดับสาธยายธรรม : 11 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_11.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา
    -อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา ภิกษุ ท. ! อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมบรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะสงัดจากกามและสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมบรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่, ในสมัยนั้น เธอย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด, ภิกษุ, เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ ย่อมบรรลุฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวแห่งใจ ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่, ในสมัยนั้นเธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะความจางคลายไปแห่งปีติเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมบรรลุฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอย่อมเสวยเวทนา อันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่ง. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก, ภิกษุ, เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละ ทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, ย่อมบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! ในสมัยใด ภิกษุ, เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, ย่อมบรรลุฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง, ย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น, และย่อมไม่คิดแม้ในทางที่จะให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่าย. ในสมัยนั้น เธอ ย่อมเสวยเวทนาอันไม่ทำความเดือดร้อนแต่อย่างใดเลย. ภิกษุ ท. ! เรากล่าว อัสสาทะ (รสอร่อย) ของเวทนาทั้งหลาย ว่า มีการไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใดเป็นอย่างยิ่งแล.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 952
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=952
    ชื่อบทธรรม : -ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์
    --“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นทิพย์
    ซึ่งในบัดนี้ พระโคดมผู้เจริญได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบาก
    นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?”
    --พราหมณ์ ! ในกรณีนี้
    เราเข้าอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ เวลาเช้าครองจีวร
    เที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมนั้น.
    ครั้นเวลาหลังอาหารกลับจากบิณฑบาตแล้ว เที่ยวไปตามแนวป่า.
    เรานั้น,
    วัตถุใดมีอยู่ในที่นั้นๆ จะเป็นหญ้าหรือใบไม้ก็ตาม,
    คร่ามาแล้ว (ทำเป็นที่รองนั่ง) นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า,
    เรานั้นสงัดจากกามและอกุศธรรมทั้งหลาย
    ย่อมเข้าถึง ฌานที่๑ ....*--๑
    ฌานที่ ๒ ....
    ฌานที่ ๓ ....
    ฌานที่ ๔ ....
    อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข...
    มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่,

    (นั่งคู่บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้าเราสงัดจากกาม
    สงัดจากอกุศลธรรม เข้า &​ปฐมฌาน(ฌานที่๑)​;
    มีวิตก วิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เข้า &ทุติยฌาน(ฌานที่ ๒)​
    มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจาร สงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย;
    เพราะปีติสิ้นไป เข้า &​ตติยฌาน(ฌานที่ ๓)​
    ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข;
    เข้า &​จตุตถฌาน(ฌานที่ ๔)​ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
    เพราะละสุขละทุกข์(อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข)​ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้
    มีแต่สติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
    )​
    *--๑. ที่ละไว้ด้วยจุด ดูคำเต็มเรื่องรูปฌานทั้งสี่ เช่นในหัวข้อว่า “อาการที่อยู่ในฌาน เรียกว่า #ตถาคตไสยา” .

    --พราหมณ์ ! เราขณะเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าเดินอยู่,
    ในสมัยนั้น สถานที่ตรงนั้น ก็ชื่อว่า ที่เดินอันเป็นทิพย์,
    ถ้ายืนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า ที่ยืนอันเป็นทิพย์,
    ถ้านั่งอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า อาสนะทิพย์,
    ถ้าสำเร็จการนอนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า ที่นอนอันเป็นทิพย์.
    --พราหมณ์ ! นี้แล #ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นทิพย์
    http://etipitaka.com/read/pali/20/234/?keywords=พฺราหฺมณ+ทิพฺ
    ซึ่งใน บัดนี้ เราได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบากเลย.-

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/234/503.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/175/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๒๓๔/๕๐๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/231/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=952
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=952
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81
    ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์ สัทธรรมลำดับที่ : 952 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=952 ชื่อบทธรรม : -ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์ เนื้อความทั้งหมด :- --ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์ --“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นทิพย์ ซึ่งในบัดนี้ พระโคดมผู้เจริญได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?” --พราหมณ์ ! ในกรณีนี้ เราเข้าอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ เวลาเช้าครองจีวร เที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมนั้น. ครั้นเวลาหลังอาหารกลับจากบิณฑบาตแล้ว เที่ยวไปตามแนวป่า. เรานั้น, วัตถุใดมีอยู่ในที่นั้นๆ จะเป็นหญ้าหรือใบไม้ก็ตาม, คร่ามาแล้ว (ทำเป็นที่รองนั่ง) นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า, เรานั้นสงัดจากกามและอกุศธรรมทั้งหลาย ย่อมเข้าถึง ฌานที่๑ ....*--๑ ฌานที่ ๒ .... ฌานที่ ๓ .... ฌานที่ ๔ .... อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข... มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่, (นั่งคู่บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้าเราสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้า &​ปฐมฌาน(ฌานที่๑)​; มีวิตก วิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เข้า &ทุติยฌาน(ฌานที่ ๒)​ มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจาร สงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย; เพราะปีติสิ้นไป เข้า &​ตติยฌาน(ฌานที่ ๓)​ ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข; เข้า &​จตุตถฌาน(ฌานที่ ๔)​ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์(อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข)​ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีแต่สติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. )​ *--๑. ที่ละไว้ด้วยจุด ดูคำเต็มเรื่องรูปฌานทั้งสี่ เช่นในหัวข้อว่า “อาการที่อยู่ในฌาน เรียกว่า #ตถาคตไสยา” . --พราหมณ์ ! เราขณะเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าเดินอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่ตรงนั้น ก็ชื่อว่า ที่เดินอันเป็นทิพย์, ถ้ายืนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า ที่ยืนอันเป็นทิพย์, ถ้านั่งอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า อาสนะทิพย์, ถ้าสำเร็จการนอนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า ที่นอนอันเป็นทิพย์. --พราหมณ์ ! นี้แล #ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นทิพย์ http://etipitaka.com/read/pali/20/234/?keywords=พฺราหฺมณ+ทิพฺ ซึ่งใน บัดนี้ เราได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบากเลย.- #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/234/503. http://etipitaka.com/read/thai/20/175/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๒๓๔/๕๐๓. http://etipitaka.com/read/pali/20/231/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=952 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=952 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81 ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์
    -ที่นั่ง - นอน - ยืน - เดิน อันเป็นทิพย์ “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นทิพย์ ซึ่งในบัดนี้ พระโคดมผู้เจริญได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?” พราหมณ์ ! ในกรณีนี้ เราเข้าอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ เวลาเช้าครองจีวร เที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมนั้น. ครั้นเวลาหลังอาหารกลับจากบิณฑบาตแล้ว เที่ยวไปตามแนวป่า. เรานั้น, วัตถุใดมีอยู่ในที่นั้นๆ จะเป็นหญ้าหรือใบไม้ก็ตาม, คร่ามาแล้ว (ทำเป็นที่รองนั่ง) นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า, เรานั้นสงัดจากกามและอกุศธรรมทั้งหลาย ย่อมเข้าถึง ฌานที่๑ ....๑ ที่ ๒ .... ที่ ๓ .... ที่ ๔ อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่, พราหมณ์ ! เราขณะเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าเดินอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่ตรงนั้น ก็ชื่อว่า ที่เดินอันเป็นทิพย์, ถ้ายืนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า ที่ยืนอันเป็นทิพย์, ถ้านั่งอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า อาสนะทิพย์, ถ้าสำเร็จการนอนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่า ที่นอนอันเป็นทิพย์. พราหมณ์ ! นี้แล ที่นั่งนอน ๑. ที่ละไว้ด้วยจุด ดูคำเต็มเรื่องรูปฌานทั้งสี่ เช่นในหัวข้อว่า “อาการที่อยู่ในฌาน เรียกว่าตถาคตไสยา” ที่หน้า ๑๓๐๙ แห่งหนังสือเล่มนี้. สูงใหญ่อันเป็นทิพย์ ซึ่งใน บัดนี้ เราได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบากเลย.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้เราสามารถมาประยุกต์เป็นข้อคิดและป้องกันสำหรับคนไทยได้ครับ

    Microsoft เตือนว่าแคมเปญหลอกลวงช่วงวันภาษีในสหรัฐฯ เป็นอันตรายที่มุ่งหวังข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้เทคนิคเชิงจิตวิทยาเพื่อสร้างความเร่งด่วนและส่งมัลแวร์ผ่านฟิชชิ่งอีเมล การเรียนรู้วิธีรับมือและปฏิเสธการคลิกไฟล์แนบหรือลิงก์ที่น่าสงสัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคที่ภัยไซเบอร์ขยายวงกว้าง

    == ภัยคุกคามที่ต้องระวัง==
    ✅ การใช้เทคนิคโซเชียลวิศวกรรม (Social Engineering)
    - ผู้โจมตีใช้ QR Codes, URL Shorteners และไฟล์แนบที่เป็นอันตราย เพื่อส่งมัลแวร์ เช่น Latrodectus, BruteRatel C4 (BRc4), AHKBot และ Remote Access Trojans (RATs)
    - ฟิชชิ่งอีเมลมักมาพร้อมหัวข้อเช่น “Important Action Required: IRS Audit” หรือ “Notice: IRS Has Flagged Issues with Your Tax Filing” เพื่อสร้างความเร่งด่วน

    ✅ เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
    - ผู้โจมตีบางกลุ่มใช้ อีเมลสร้างความไว้ใจ ก่อนส่งอีเมลรอบสองที่มาพร้อมไฟล์ PDF อันตราย ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและอัตราการหลงเชื่อ

    ✅ มัลแวร์ที่ถูกใช้ในแคมเปญโจมตี
    - ตัวอย่างมัลแวร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ GuLoader ซึ่งเป็น malware downloader แบบหลบหลีกสูง ใช้เทคนิค Process Injection และ Cloud-based Hosting ในการปล่อยมัลแวร์

    ✅ ผลกระทบที่ตามมา
    - เหยื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกเปิดบัญชีเครดิตใหม่ในชื่อของตนเอง รวมถึงการสูญเสียเงินในบัญชี

    == คำแนะนำเพื่อการป้องกัน ==
    ✅ การเรียนรู้และการมีสติเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
    - Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับ ลักษณะของฟิชชิ่งอีเมล และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อความก่อนดำเนินการใด ๆ
    - หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่ไม่คุ้นเคย

    ✅ เลือกใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์
    - ใช้ Antivirus Software และ Malware Removal Tools ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยตรวจจับและลบมัลแวร์

    https://www.techradar.com/pro/security/look-out-for-tax-themed-scams-this-month-microsoft-warns
    เรื่องนี้เราสามารถมาประยุกต์เป็นข้อคิดและป้องกันสำหรับคนไทยได้ครับ Microsoft เตือนว่าแคมเปญหลอกลวงช่วงวันภาษีในสหรัฐฯ เป็นอันตรายที่มุ่งหวังข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้เทคนิคเชิงจิตวิทยาเพื่อสร้างความเร่งด่วนและส่งมัลแวร์ผ่านฟิชชิ่งอีเมล การเรียนรู้วิธีรับมือและปฏิเสธการคลิกไฟล์แนบหรือลิงก์ที่น่าสงสัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยุคที่ภัยไซเบอร์ขยายวงกว้าง == ภัยคุกคามที่ต้องระวัง== ✅ การใช้เทคนิคโซเชียลวิศวกรรม (Social Engineering) - ผู้โจมตีใช้ QR Codes, URL Shorteners และไฟล์แนบที่เป็นอันตราย เพื่อส่งมัลแวร์ เช่น Latrodectus, BruteRatel C4 (BRc4), AHKBot และ Remote Access Trojans (RATs) - ฟิชชิ่งอีเมลมักมาพร้อมหัวข้อเช่น “Important Action Required: IRS Audit” หรือ “Notice: IRS Has Flagged Issues with Your Tax Filing” เพื่อสร้างความเร่งด่วน ✅ เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น - ผู้โจมตีบางกลุ่มใช้ อีเมลสร้างความไว้ใจ ก่อนส่งอีเมลรอบสองที่มาพร้อมไฟล์ PDF อันตราย ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือและอัตราการหลงเชื่อ ✅ มัลแวร์ที่ถูกใช้ในแคมเปญโจมตี - ตัวอย่างมัลแวร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ GuLoader ซึ่งเป็น malware downloader แบบหลบหลีกสูง ใช้เทคนิค Process Injection และ Cloud-based Hosting ในการปล่อยมัลแวร์ ✅ ผลกระทบที่ตามมา - เหยื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกเปิดบัญชีเครดิตใหม่ในชื่อของตนเอง รวมถึงการสูญเสียเงินในบัญชี == คำแนะนำเพื่อการป้องกัน == ✅ การเรียนรู้และการมีสติเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด - Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับ ลักษณะของฟิชชิ่งอีเมล และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อความก่อนดำเนินการใด ๆ - หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่ไม่คุ้นเคย ✅ เลือกใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์ - ใช้ Antivirus Software และ Malware Removal Tools ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยตรวจจับและลบมัลแวร์ https://www.techradar.com/pro/security/look-out-for-tax-themed-scams-this-month-microsoft-warns
    WWW.TECHRADAR.COM
    Look out for tax-themed scams this month, Microsoft warns
    Criminals are taking advantage as US tax day approaches
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย
    สัทธรรมลำดับที่ : 951
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=951
    ชื่อบทธรรม :- เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย
    ...
    --อานนท์ ! สมัยใด ตถาคต #เข้าถึงเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต
    http://etipitaka.com/read/pali/10/118/?keywords=อนิมิตฺตํ+เจโตสมาธึ
    เพราะไม่กระทำในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง และเพราะดับเสียซึ่งเวทนาบางพวก แล้วแลอยู่;
    สมัยนั้น กายของตถาคต ก็เป็นกายที่ผาสุกกว่า.
    --อานนท์ ! เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลาย
    จงมีตนป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ
    มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ
    อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย.

    (ต่อไปนี้ได้ตรัส การปฏิบัติสติปัฏฐานสี่
    ในฐานะเป็นการมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ,
    "ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ย่อมพิจารณาเห็นกาย ในกายอยู่
    พิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาอยู่
    พิจารณาเห็นจิต ในจิตอยู่
    พิจารณาเห็นธรรม ในธรรมอยู่
    เป็นผู้มีเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
    พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก อย่างนี้แล"
    แล้วตรัสว่า:-
    )
    --อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ตาม ในกาลที่ล่วงไปแล้วแห่งเราก็ตาม
    ภิกษุใด
    มีตนเป็นที่พึ่งมีตนเป็นสรณะ
    มีธรรมเป็นที่พึ่งมีธรรมเป็นสรณะ
    -http://etipitaka.com/read/pali/10/119/?keywords=อตฺตสรณา+ธมฺมสรณา
    ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ แล้ว,
    ภิกษุนั้น #ชื่อว่าเป็นผู้เลิศที่สุดแห่งภิกษุผู้ใคร่ในสิกขา.-
    ...
    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหา.ที. 10/86/93.
    http://etipitaka.com/read/thai/10/86/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหา.ที. ๑๐/๑๑๘/๙๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/10/118/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=951
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=951
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81
    ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย สัทธรรมลำดับที่ : 951 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=951 ชื่อบทธรรม :- เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย เนื้อความทั้งหมด :- --เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย ... --อานนท์ ! สมัยใด ตถาคต #เข้าถึงเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต http://etipitaka.com/read/pali/10/118/?keywords=อนิมิตฺตํ+เจโตสมาธึ เพราะไม่กระทำในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง และเพราะดับเสียซึ่งเวทนาบางพวก แล้วแลอยู่; สมัยนั้น กายของตถาคต ก็เป็นกายที่ผาสุกกว่า. --อานนท์ ! เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลาย จงมีตนป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย. (ต่อไปนี้ได้ตรัส การปฏิบัติสติปัฏฐานสี่ ในฐานะเป็นการมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ, "ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกาย ในกายอยู่ พิจารณาเห็นเวทนา ในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิต ในจิตอยู่ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรมอยู่ เป็นผู้มีเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลก อย่างนี้แล" แล้วตรัสว่า:- ) --อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ตาม ในกาลที่ล่วงไปแล้วแห่งเราก็ตาม ภิกษุใด มีตนเป็นที่พึ่งมีตนเป็นสรณะ มีธรรมเป็นที่พึ่งมีธรรมเป็นสรณะ -http://etipitaka.com/read/pali/10/119/?keywords=อตฺตสรณา+ธมฺมสรณา ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ แล้ว, ภิกษุนั้น #ชื่อว่าเป็นผู้เลิศที่สุดแห่งภิกษุผู้ใคร่ในสิกขา.- ... #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหา.ที. 10/86/93. http://etipitaka.com/read/thai/10/86/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหา.ที. ๑๐/๑๑๘/๙๓. http://etipitaka.com/read/pali/10/118/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=951 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=951 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81 ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย
    -เจโตสมาธิที่สามารถเพิ่มผาสุกทางกาย อานนท์ ! สมัยใด ตถาคต เข้าถึงเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต เพราะไม่กระทำในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง และเพราะดับเสียซึ่งเวทนาบางพวก แล้วแลอยู่; สมัยนั้น กายของตถาคต ก็เป็นกายที่ผาสุกกว่า. อานนท์ ! เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลาย จงมีตนป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย. (ต่อไปนี้ได้ตรัส การปฏิบัติสติปัฏฐานสี่ ในฐานะเป็นการมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ, แล้วตรัสว่า:- ) อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ตาม ในกาลที่ล่วงไปแล้วแห่งเราก็ตาม ภิกษุใด มีตนเป็นที่พึ่งมีตนเป็นสรณะ มีธรรมเป็นที่พึ่งมีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ แล้ว, ภิกษุนั้น ชื่อว่าเป็นผู้เลิศที่สุด แห่งภิกษุผู้ใคร่ในสิกขา.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • 04-04-68/03 : หมี CNN / มรึงนี่แหละ..ตัวดี! อีฮาว๊าย ต้องการ $9000 ล้านไปทำอาไยเหยอ? แหม..ออกมาต่อต้านนักเรียนยิวเชียวน่ะ จัดฉากไม่เนียน เคาะกะลาเรียกเรตติ้งไม่เลิก กูจะบอกความจริงให้ มหา'ลัย TOP10 อเมริกา เจ้าของเป็นยิวทั้งนั้น ไอ้สัส! ดังนั้น วิชาการไม่ต้องถาม เรียนไปเหอะ บูชายิวเป็นพระเจ้า กลุ่มเหี้ย ELITE ก็มาจากสมาคมศิษย์เก่าไอ้พวกนี้แหละ ก่อตั้งกันเป็นชมรมแดร๊กเนื้อมนุษย์ไงล่ะ เหมือนในหนังเปีะเด๊ะ DRAMA อียิวในมหา'ลัย ของมรึงเอง มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ใครจะยอมให้เกิด ใช่! อียิว มันชอบเล่นหนังแขก โปรดเมตตา สงสารยิวเหอะ วันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินใครตกถึงท้องเลย ดีออก? หลัง WWII ทั่วโลกแห่ประณามเหี้ยนาซี ปลอบประโลมอียิว นี่มันหนังน้ำเน่าดาวพระศุกร์บ้านกูชัดๆ พ่วงบ้านทรายทองเข้าไปด้วย แต่ใครจะรู้ นีโอนาซีใหม่ อียิวเป็นคนสร้างขึ้นมา เพื่อทำลายชาวบาวาเรี่ยนไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก เหี้ยของจริง ไม่พูดเยอะ การเอาคืนที่เจ็บแสบ แถมทั้งแผ่นดินอินทรีเหล็ก ระดับหอคอย ยิวมันซื้อไว้หมดแล้ว นักการเมือง ศาล ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันเหมาหมด ทุกวันนี้ ภาษีชาวอินทรีเหล็ก มีเพื่อไว้ปกป้องยิวไงล่ะ ลูกหลานบาวาเรี่ยนกลายเป็นทาสอียิวที่มรึงเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะงั้น ละครการเมืองโลก มีไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในมหา'ลัย ผู้นำประเทศมาจากไหน ก็ไอ้มหา'ลัยอียิวเหี้ยเนี่ยแหละ แล้วมรึงคิดว่ามันจะรักษาผลประโยชน์แผ่นดินหรือของอียิวมากกว่ากันล่ะ? จนอีทรัมปป์โผล่มาเนี่ยแหละ เพราะโดนก่อน จึงเอาคืน กูไม่ตาย มรึงก็ม้วย แลกกันไปเลย แต่สุดท้าย หากต้านไม่ไหว มรึงก็จะถูกกลืนกินไปเหมือนกับผีปธน.รุ่นพี่ ไงล่ะ? DEEP STATE มันเกาะกินอเมริกามาเป็น 100 ปี ไม่ใช่ใครจะล้มมันง่ายดาย มรึงเห็นมั้ยล่ะ อีลอน มัคก์ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง อีทรัมปป์มันทนมานานแล้ว พอได้ขึ้นแท่น เอาลูกมาเล่นในห้องรูปไข่ แยกซีนกูซะงั้น จบงานก็เชือดทิ้ง ถามว่าใครโง่? หุ้นเทสล่าร่วงไปเท่าไหร่ กระแสต่อต้าน อีลอน มัคก์ กระจายไปทั่วโลก นี่ไง สิ่งที่มรึงต้องจ่าย หากหวังจะเล่นการเมือง ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม จากเคยดีดี เล่นการเมือง กลายร่างหมด เพราะอำนาจ ไม่เคยให้คุณใครทั้งนั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา มรึงจะแพ้ภัยตัวเอง

    White House to review billions in Harvard funding สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard

    รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและสัญญาที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย

    การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้วิธีการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดการการประท้วงของนักเรียนที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อการโจมตีจากอิสราเอลในกาซ่าในปีที่แล้ว

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาสัญญา 255 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและรัฐบาลสหรัฐเพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น เงินทุนจำนวน 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะให้กับมหาวิทยาลัยและผู้ที่เป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยจะได้รับการตรวจสอบ

    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่หลายด้านซึ่งให้ความสำคัญกับการต่อต้านอิสราเอลพร้อมความสำคัญอันดับแรกที่มีการต่อต้านในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาจะประสานงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลและ “กำจัด” พฤติกรรมที่ต่อต้านอิสราเอลในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

    เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มดังกล่าวตัดเงินในกองทุนมหาลัย Columbia 400 ล้านดอลลาร์และขู่ที่จะไม่ให้เงินหลายพันล้านหากไม่รวบรวมรายการคำร้องจากรัฐบาลสหรัฐ

    ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโคลัมเบียตกลงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่มีการเสนอซึ่งได้รับคำชมจากองค์กรชาวยิว ขณะที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดที่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นการเอาชนะของรัฐบาล

    อเลน การ์เบอร์ประธานมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดยอมรับว่า การต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาลัยแคมบริดจ์ แต่ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินมาตรการเพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

    การกวาดล้างเกิดขึ้นหลังการประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพร้อมนักเรียนที่เรียกร้องให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอิสราเอลต่อสงครามในกาซ่า

    อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซ่าหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 ชาวปาเลสไตน์กว่า 50,000 เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงในสหรัฐรวมถึงมหาลัย ยูซี เบิร์กเลย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาลัยนอร์ทเวสเทิร์น

    https://www.rt.com/news/615095-harvard-funding-review-trump/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    04-04-68/03 : หมี CNN / มรึงนี่แหละ..ตัวดี! อีฮาว๊าย ต้องการ $9000 ล้านไปทำอาไยเหยอ? แหม..ออกมาต่อต้านนักเรียนยิวเชียวน่ะ จัดฉากไม่เนียน เคาะกะลาเรียกเรตติ้งไม่เลิก กูจะบอกความจริงให้ มหา'ลัย TOP10 อเมริกา เจ้าของเป็นยิวทั้งนั้น ไอ้สัส! ดังนั้น วิชาการไม่ต้องถาม เรียนไปเหอะ บูชายิวเป็นพระเจ้า กลุ่มเหี้ย ELITE ก็มาจากสมาคมศิษย์เก่าไอ้พวกนี้แหละ ก่อตั้งกันเป็นชมรมแดร๊กเนื้อมนุษย์ไงล่ะ เหมือนในหนังเปีะเด๊ะ DRAMA อียิวในมหา'ลัย ของมรึงเอง มรึงคิดว่า อยู่ดีดี ใครจะยอมให้เกิด ใช่! อียิว มันชอบเล่นหนังแขก โปรดเมตตา สงสารยิวเหอะ วันนี้ ยังไม่มีแผ่นดินใครตกถึงท้องเลย ดีออก? หลัง WWII ทั่วโลกแห่ประณามเหี้ยนาซี ปลอบประโลมอียิว นี่มันหนังน้ำเน่าดาวพระศุกร์บ้านกูชัดๆ พ่วงบ้านทรายทองเข้าไปด้วย แต่ใครจะรู้ นีโอนาซีใหม่ อียิวเป็นคนสร้างขึ้นมา เพื่อทำลายชาวบาวาเรี่ยนไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก เหี้ยของจริง ไม่พูดเยอะ การเอาคืนที่เจ็บแสบ แถมทั้งแผ่นดินอินทรีเหล็ก ระดับหอคอย ยิวมันซื้อไว้หมดแล้ว นักการเมือง ศาล ขบวนการยุติธรรมต้นน้ำ มันเหมาหมด ทุกวันนี้ ภาษีชาวอินทรีเหล็ก มีเพื่อไว้ปกป้องยิวไงล่ะ ลูกหลานบาวาเรี่ยนกลายเป็นทาสอียิวที่มรึงเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะงั้น ละครการเมืองโลก มีไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในมหา'ลัย ผู้นำประเทศมาจากไหน ก็ไอ้มหา'ลัยอียิวเหี้ยเนี่ยแหละ แล้วมรึงคิดว่ามันจะรักษาผลประโยชน์แผ่นดินหรือของอียิวมากกว่ากันล่ะ? จนอีทรัมปป์โผล่มาเนี่ยแหละ เพราะโดนก่อน จึงเอาคืน กูไม่ตาย มรึงก็ม้วย แลกกันไปเลย แต่สุดท้าย หากต้านไม่ไหว มรึงก็จะถูกกลืนกินไปเหมือนกับผีปธน.รุ่นพี่ ไงล่ะ? DEEP STATE มันเกาะกินอเมริกามาเป็น 100 ปี ไม่ใช่ใครจะล้มมันง่ายดาย มรึงเห็นมั้ยล่ะ อีลอน มัคก์ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง อีทรัมปป์มันทนมานานแล้ว พอได้ขึ้นแท่น เอาลูกมาเล่นในห้องรูปไข่ แยกซีนกูซะงั้น จบงานก็เชือดทิ้ง ถามว่าใครโง่? หุ้นเทสล่าร่วงไปเท่าไหร่ กระแสต่อต้าน อีลอน มัคก์ กระจายไปทั่วโลก นี่ไง สิ่งที่มรึงต้องจ่าย หากหวังจะเล่นการเมือง ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม จากเคยดีดี เล่นการเมือง กลายร่างหมด เพราะอำนาจ ไม่เคยให้คุณใครทั้งนั้น ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา มรึงจะแพ้ภัยตัวเอง White House to review billions in Harvard funding สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : สหรัฐจะพิจารณาเงินหลายพันล้านในกองทุน Harvard รัฐบาลสหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ในเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและสัญญาที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งกล่าวหาว่า มหาวิทยาลัยไม่สามารถแก้ปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้วิธีการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จัดการการประท้วงของนักเรียนที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ต่อการโจมตีจากอิสราเอลในกาซ่าในปีที่แล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาสัญญา 255 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและรัฐบาลสหรัฐเพื่อทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิพลเมือง นอกจากนั้น เงินทุนจำนวน 8.7 พันล้านดอลลาร์ที่จะให้กับมหาวิทยาลัยและผู้ที่เป็นสมาชิกของมหาวิทยาลัยจะได้รับการตรวจสอบ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมก่อตั้งกองกำลังที่ทำหน้าที่หลายด้านซึ่งให้ความสำคัญกับการต่อต้านอิสราเอลพร้อมความสำคัญอันดับแรกที่มีการต่อต้านในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ระบุว่า พวกเขาจะประสานงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายรัฐบาลและ “กำจัด” พฤติกรรมที่ต่อต้านอิสราเอลในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มดังกล่าวตัดเงินในกองทุนมหาลัย Columbia 400 ล้านดอลลาร์และขู่ที่จะไม่ให้เงินหลายพันล้านหากไม่รวบรวมรายการคำร้องจากรัฐบาลสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยโคลัมเบียตกลงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่มีการเสนอซึ่งได้รับคำชมจากองค์กรชาวยิว ขณะที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดที่มองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นการเอาชนะของรัฐบาล อเลน การ์เบอร์ประธานมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดยอมรับว่า การต่อต้านชาวยิวที่เกิดขึ้นในมหาลัยแคมบริดจ์ แต่ระบุว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดำเนินมาตรการเพื่อรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว การกวาดล้างเกิดขึ้นหลังการประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐพร้อมนักเรียนที่เรียกร้องให้สหรัฐหยุดสนับสนุนอิสราเอลต่อสงครามในกาซ่า อิสราเอลเริ่มโจมตีกาซ่าหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 ชาวปาเลสไตน์กว่า 50,000 เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเป็นจุดศูนย์กลางของการประท้วงในสหรัฐรวมถึงมหาลัย ยูซี เบิร์กเลย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยเยล มหาวิทยาลัยมิชิแกน และมหาลัยนอร์ทเวสเทิร์น https://www.rt.com/news/615095-harvard-funding-review-trump/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    White House to review billions in Harvard funding
    The White House has accused the university of failing to adequately address anti-Semitism on its campus
    0 Comments 0 Shares 623 Views 0 Reviews
  • "อุบายคลายความเครียดก่อนนอน – วิธีแก้การนอนไม่หลับที่ต้นเหตุ"

    ---

    1. อุบายรูปธรรม: กำลูกเหล็กหรือวัตถุในมือแน่นๆ

    เป็นการ ย้ายจุดยึดในใจมาไว้ที่มือ

    ความฝืนและแน่นที่มือ ทำให้จิตรู้สึกถึง “การจับยึด” แบบเป็นรูปธรรม

    เมื่อกำไปนานๆ จะเห็นว่า ไม่มีสาระอะไรในการยึด และ ใจคลาย ได้เอง

    ---

    2. อุบายระดับสติปัญญา: รู้ทันอาการยึดมั่น

    พิจารณาให้เห็นว่า

    จิตต่างหากที่เป็นคนยึด

    ความเหนียวแน่นเหมือนยางติดใจ คือ ผลของการสะสมขยะทางใจทั้งวัน

    ไม่ใช่แค่อยากวางแล้วจะวางได้ ต้อง “รู้ให้ทันก่อน” ว่ากำลังยึด

    ---

    3. ผลของการพิจารณาก่อนนอน

    กลายเป็นการติด สัญญาณเตือนภายในใจ สำหรับวันใหม่

    พอจิตเริ่มเครียดหรือจมปัญหา จะ เกิดสติเตือนตัวเองว่า "เอาอีกแล้วนะ!"

    ทำให้จิต ไม่ถลำลึกไปสู่ความเครียดสะสมจนถึงขั้นนอนไม่หลับ

    ---

    4. แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แค่ปลายเหตุ

    ไม่ต้องรอแก้ปัญหาภายนอกให้จบ

    แต่ลด “การยึดโดยไร้สติ” ได้ก่อน

    เพียงเท่านี้ ก็ช่วยให้ใจผ่อนคลาย หลับง่ายขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

    ---

    Essence สั้นๆ

    “จิตไม่ได้ทุกข์เพราะปัญหา แต่ทุกข์เพราะไปยึดปัญหาโดยไม่มีสติ”
    “กำมือแน่นหนึ่งครั้ง เพื่อเข้าใจการยึดเหนี่ยว และคลายใจด้วยปัญญา”
    "อุบายคลายความเครียดก่อนนอน – วิธีแก้การนอนไม่หลับที่ต้นเหตุ" --- 1. อุบายรูปธรรม: กำลูกเหล็กหรือวัตถุในมือแน่นๆ เป็นการ ย้ายจุดยึดในใจมาไว้ที่มือ ความฝืนและแน่นที่มือ ทำให้จิตรู้สึกถึง “การจับยึด” แบบเป็นรูปธรรม เมื่อกำไปนานๆ จะเห็นว่า ไม่มีสาระอะไรในการยึด และ ใจคลาย ได้เอง --- 2. อุบายระดับสติปัญญา: รู้ทันอาการยึดมั่น พิจารณาให้เห็นว่า จิตต่างหากที่เป็นคนยึด ความเหนียวแน่นเหมือนยางติดใจ คือ ผลของการสะสมขยะทางใจทั้งวัน ไม่ใช่แค่อยากวางแล้วจะวางได้ ต้อง “รู้ให้ทันก่อน” ว่ากำลังยึด --- 3. ผลของการพิจารณาก่อนนอน กลายเป็นการติด สัญญาณเตือนภายในใจ สำหรับวันใหม่ พอจิตเริ่มเครียดหรือจมปัญหา จะ เกิดสติเตือนตัวเองว่า "เอาอีกแล้วนะ!" ทำให้จิต ไม่ถลำลึกไปสู่ความเครียดสะสมจนถึงขั้นนอนไม่หลับ --- 4. แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แค่ปลายเหตุ ไม่ต้องรอแก้ปัญหาภายนอกให้จบ แต่ลด “การยึดโดยไร้สติ” ได้ก่อน เพียงเท่านี้ ก็ช่วยให้ใจผ่อนคลาย หลับง่ายขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ --- Essence สั้นๆ “จิตไม่ได้ทุกข์เพราะปัญหา แต่ทุกข์เพราะไปยึดปัญหาโดยไม่มีสติ” “กำมือแน่นหนึ่งครั้ง เพื่อเข้าใจการยึดเหนี่ยว และคลายใจด้วยปัญญา”
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคาย
    สัทธรรมลำดับที่ : 950
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=950
    ชื่อบทธรรม :- แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้
    (ในตอนต้นแห่งพระบาลีสูตรนี้
    ตรัสเล่าถึงช้างจ่าโขลงรำคาญอยู่ด้วยการรบกวนของช้างพลาย ช้างพัง ช้างรุ่น
    และลูกช้าง ที่ติดตามห้อมล้อม โดยกินหญ้าอ่อนเสียก่อนบ้าง
    กินยอดไม้ที่หักลงมาได้เสียก่อนบ้าง ลงไปทำน้ำให้ขุ่นเสียก่อนบ้าง
    ถูกเดินเบียดเสียดเมื่อขึ้นมาจากน้ำบ้าง
    จึงตัดสินใจหลีกไปอยู่ผู้เดียว ไม่ต้องทนความรำคาญอีกต่อไป
    หักกิ่งไม้ฟาดตัวระงับความคันทั่วตัวอยู่อย่างสบาย เป็นอุปมาดังนี้แล้ว
    ได้ตรัสถึงภิกษุในกรณีนี้ ดังต่อไปนี้ :-
    )
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น
    : ในสมัยใด ภิกษุ*--๑ เป็นผู้เกลื่อนกล่นอยู่ด้วย
    ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ราชา มหาอำมาตย์ของราชา เดียรถีย์
    และสาวกของเดียรถีย์ทั้งหลาย;
    --ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น ภิกษุนั้นได้มีความคิดว่า
    “เดี๋ยวนี้เราเกลื่อนกล่นอยู่ด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
    ราชา มหาอำมาตย์ของราชา เดียรถีร์ และสาวกของเดียรถีย์ทั้งหลาย.
    ถ้าไฉน, เราพึง หลีกออกจากหมู่คณะ ไปอยู่ผู้เดียวเถิด”
    ดังนี้.
    --ภิกษุนั้น เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าละเมาะ โคนไม้
    ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง.
    เธอนั้น ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม
    นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า,
    เธอ
    ๑--ละอภิชฌา ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา ชำระจิตจากอภิชฌาอยู่;
    ๒--ละพยาบาท อันเป็นเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณามีจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งปวง ชำระจิตจากพยาบาทอันเป็นเครื่องประทุษร้าย อยู่;
    ๓--ละถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถีนมิทธะ มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ชำระจิตจากถีนมิทธะ อยู่;
    ๔--ละอุทธัจจะกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน ชำระจิตจากอุทธัจจะกุกกุจจะ อยู่;
    ๕--ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า “นี่อะไร นี่อย่างไร” ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ชำระจิตจากวิจิกิจฉา อยู่.
    --ภิกษุนั้น ละนิวรณ์ทั้งห้าอย่าง
    อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิตทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ ได้แล้ว
    สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม #เข้าถึงปฐมฌาน
    http://etipitaka.com/read/pali/23/453/?keywords=ปฐมชฺฌานํ
    อันมีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
    ภิกษุนั้น #บำบัดกิเลสเป็นเครื่องระคายใจได้ อย่างเป็นที่พอใจของตน.

    *--๑. คำว่า “ภิกษุ” ในที่นี้ มีความหมายกว้าง
    รวมทั้งพระองค์เอง และผู้ปฏิบัติธรรมะอยู่เพราะความเห็นภัยในวัฏฏสงสารทุกท่าน,
    ในที่นี้แปลตามบาลี ซึ่งมีอยู่แต่เพียงคำว่า ภิกษุคำเดียว.

    (ในกรณีแห่งการบรรลุ
    &ทุติยฌาน...
    &ตติยฌาน...
    &จตุตถฌาน...
    &อากาสานัญจายตนะ... กระทั่งถึง
    &เนวสัญญานาสัญญายตนะ...
    ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งการบรรลุปฐมฌานข้างบนนี้
    ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อฌาน.
    ส่วนในกรณีแห่งการบรรลุ
    สัญญาเวทยิตนิโรธ...นั้น
    ตรัสว่า :-
    )
    --ภิกษุนั้น เพราะก้าวล่วง ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ เสียได้โดยประการทั้งปวง
    จึง เข้าถึง &​สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่.
    เพราะเห็นด้วยปัญญาอาสวะของเธอนั้น ก็สูญสิ้นไป.
    เธอนั้น บำบัดกิเลสเป็นเครื่องระคายใจได้ อย่างเป็นที่พอใจของตน
    แล.

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก.อํ. 23/351 - 354/244.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/351/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก.อํ. ๒๓/๔๕๓ - ๔๕๖/๒๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/453/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=579
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=950
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81
    ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคาย สัทธรรมลำดับที่ : 950 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=950 ชื่อบทธรรม :- แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้ เนื้อความทั้งหมด :- --แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้ (ในตอนต้นแห่งพระบาลีสูตรนี้ ตรัสเล่าถึงช้างจ่าโขลงรำคาญอยู่ด้วยการรบกวนของช้างพลาย ช้างพัง ช้างรุ่น และลูกช้าง ที่ติดตามห้อมล้อม โดยกินหญ้าอ่อนเสียก่อนบ้าง กินยอดไม้ที่หักลงมาได้เสียก่อนบ้าง ลงไปทำน้ำให้ขุ่นเสียก่อนบ้าง ถูกเดินเบียดเสียดเมื่อขึ้นมาจากน้ำบ้าง จึงตัดสินใจหลีกไปอยู่ผู้เดียว ไม่ต้องทนความรำคาญอีกต่อไป หักกิ่งไม้ฟาดตัวระงับความคันทั่วตัวอยู่อย่างสบาย เป็นอุปมาดังนี้แล้ว ได้ตรัสถึงภิกษุในกรณีนี้ ดังต่อไปนี้ :- ) --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : ในสมัยใด ภิกษุ*--๑ เป็นผู้เกลื่อนกล่นอยู่ด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ราชา มหาอำมาตย์ของราชา เดียรถีย์ และสาวกของเดียรถีย์ทั้งหลาย; --ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น ภิกษุนั้นได้มีความคิดว่า “เดี๋ยวนี้เราเกลื่อนกล่นอยู่ด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ราชา มหาอำมาตย์ของราชา เดียรถีร์ และสาวกของเดียรถีย์ทั้งหลาย. ถ้าไฉน, เราพึง หลีกออกจากหมู่คณะ ไปอยู่ผู้เดียวเถิด” ดังนี้. --ภิกษุนั้น เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าละเมาะ โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง. เธอนั้น ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า, เธอ ๑--ละอภิชฌา ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา ชำระจิตจากอภิชฌาอยู่; ๒--ละพยาบาท อันเป็นเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณามีจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งปวง ชำระจิตจากพยาบาทอันเป็นเครื่องประทุษร้าย อยู่; ๓--ละถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถีนมิทธะ มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ชำระจิตจากถีนมิทธะ อยู่; ๔--ละอุทธัจจะกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน ชำระจิตจากอุทธัจจะกุกกุจจะ อยู่; ๕--ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า “นี่อะไร นี่อย่างไร” ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ชำระจิตจากวิจิกิจฉา อยู่. --ภิกษุนั้น ละนิวรณ์ทั้งห้าอย่าง อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิตทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ ได้แล้ว สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม #เข้าถึงปฐมฌาน http://etipitaka.com/read/pali/23/453/?keywords=ปฐมชฺฌานํ อันมีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. ภิกษุนั้น #บำบัดกิเลสเป็นเครื่องระคายใจได้ อย่างเป็นที่พอใจของตน. *--๑. คำว่า “ภิกษุ” ในที่นี้ มีความหมายกว้าง รวมทั้งพระองค์เอง และผู้ปฏิบัติธรรมะอยู่เพราะความเห็นภัยในวัฏฏสงสารทุกท่าน, ในที่นี้แปลตามบาลี ซึ่งมีอยู่แต่เพียงคำว่า ภิกษุคำเดียว. (ในกรณีแห่งการบรรลุ &ทุติยฌาน... &ตติยฌาน... &จตุตถฌาน... &อากาสานัญจายตนะ... กระทั่งถึง &เนวสัญญานาสัญญายตนะ... ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งการบรรลุปฐมฌานข้างบนนี้ ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อฌาน. ส่วนในกรณีแห่งการบรรลุ สัญญาเวทยิตนิโรธ...นั้น ตรัสว่า :- ) --ภิกษุนั้น เพราะก้าวล่วง ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ เสียได้โดยประการทั้งปวง จึง เข้าถึง &​สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่. เพราะเห็นด้วยปัญญาอาสวะของเธอนั้น ก็สูญสิ้นไป. เธอนั้น บำบัดกิเลสเป็นเครื่องระคายใจได้ อย่างเป็นที่พอใจของตน แล. #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก.อํ. 23/351 - 354/244. http://etipitaka.com/read/thai/23/351/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก.อํ. ๒๓/๔๕๓ - ๔๕๖/๒๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/23/453/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=579 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81&id=950 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=81 ลำดับสาธยายธรรม : 81 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_81.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า เมื่อจิตอยู่ในปฐมฌาน, เพียงเท่านั้นจิตก็จะพ้นจากการรบกวนทำร้ายของมาร คือนิวรณ์ กิเลส และความรู้สึกอันเป็นทุกข์อื่นๆ เพราะอำนาจของปฐมฌานมีมากพอที่จะระงับความรู้สึกอันเป็นทุกข์นั้นเสียได้ แม้ไม่ตลอดไปก็ต้องได้ในระยะหนึ่งๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ได้ปฏิบัติสูงขึ้นไป จนถึงที่สุด. ดังนั้น เราควรฝึกฝนอย่างน้อยที่สุดในปฐมฌาน สำหรับ เป็นที่หลบภัยจากมารเมื่อไรก็ได้ ดังกล่าวแล้ว).
    -(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า เมื่อจิตอยู่ในปฐมฌาน, เพียงเท่านั้นจิตก็จะพ้นจากการรบกวนทำร้ายของมาร คือนิวรณ์ กิเลส และความรู้สึกอันเป็นทุกข์อื่นๆ เพราะอำนาจของปฐมฌานมีมากพอที่จะระงับความรู้สึกอันเป็นทุกข์นั้นเสียได้ แม้ไม่ตลอดไปก็ต้องได้ในระยะหนึ่งๆ เพื่อเป็นโอกาสให้ได้ปฏิบัติสูงขึ้นไป จนถึงที่สุด. ดังนั้น เราควรฝึกฝนอย่างน้อยที่สุดในปฐมฌาน สำหรับ เป็นที่หลบภัยจากมารเมื่อไรก็ได้ ดังกล่าวแล้ว). แม้เพียงปฐมฌาน ก็บำบัดกิเลสอันเป็นเครื่องระคายใจได้ (ในตอนต้นแห่งพระบาลีสูตรนี้ ตรัสเล่าถึงช้างจ่าโขลงรำคาญอยู่ด้วยการรบกวนของช้างพลาย ช้างพัง ช้างรุ่น และลูกช้าง ที่ติดตามห้อมล้อม โดยกินหญ้าอ่อนเสียก่อนบ้าง กินยอดไม้ที่หักลงมาได้เสียก่อนบ้าง ลงไปทำน้ำให้ขุ่นเสียก่อนบ้าง ถูกเดินเบียดเสียดเมื่อขึ้นมา จากน้ำบ้าง จึงตัดสินใจหลีกไปอยู่ผู้เดียว ไม่ต้องทนความรำคาญอีกต่อไป หักกิ่งไม้ฟาดตัวระงับความคันทั่วตัวอยู่อย่างสบาย เป็นอุปมาดังนี้แล้ว ได้ตรัสถึงภิกษุในกรณีนี้ ดังต่อไปนี้ :- ) ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : ในสมัยใด ภิกษุ๑ เป็นผู้เกลื่อนกล่นอยู่ด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ราชา มหาอำมาตย์ของราชา เดียรถีย์ และสาวกของเดียรถีย์ทั้งหลาย; ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น ภิกษุนั้นได้มีความคิดว่า “เดี๋ยวนี้เราเกลื่อนกล่นอยู่ด้วยภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ราชา มหาอำมาตย์ของราชา เดียรถีร์ และสาวกของเดียรถีย์ทั้งหลาย. ถ้าไฉน, เราพึง หลีกออกจากหมู่คณะ ไปอยู่ผู้เดียวเถิด” ดังนี้. ภิกษุนั้น เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าละเมาะ โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง. เธอนั้น ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า, เธอ ละอภิชฌา ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา ชำระจิตจากอภิชฌาอยู่; ละพยาบาท อันเป็นเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณามีจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งปวง ชำระจิตจากพยาบาทอันเป็นเครื่องประทุษร้าย อยู่; ละถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถีนมิทธะ มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ชำระจิตจากถีนมิทธะ อยู่; ละอุทธัจจะกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน ชำระจิตจากอุทธัจจะกุกกุจจะ อยู่; ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า “นี่อะไร นี่อย่างไร” ในกุศลธรรม ทั้งหลาย ชำระจิตจากวิจิกิจฉา อยู่. ๑. คำว่า “ภิกษุ” ในที่นี้ มีความหมายกว้าง รวมทั้งพระองค์เอง และผู้ปฏิบัติธรรมะอยู่เพราะความเห็นภัยในวัฏฏสงสารทุกท่าน, ในที่นี้แปลตามบาลี ซึ่งมีอยู่แต่เพียงคำว่า ภิกษุคำเดียว. ภิกษุนั้น ละนิวรณ์ทั้งห้าอย่าง อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิตทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ ได้แล้ว สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง ปฐมฌานอันมีวิตกมีวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. ภิกษุนั้น บำบัดกิเลสเป็นเครื่องระคายใจได้ อย่างเป็นที่พอใจของตน. (ในกรณีแห่งการบรรลุ ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนะ กระทั่งถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็ได้ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งการบรรลุปฐมฌานข้างบนนี้ ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อฌาน. ส่วนในกรณีแห่งการบรรลุ สัญญาเวทยิตนิโรธ นั้น ตรัสว่า :- ) ภิกษุนั้น เพราะก้าวล่วง ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ เสียได้โดยประการทั้งปวง จึงเข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่. เพราะเห็นด้วยปัญญาอาสวะของเธอนั้น ก็สูญสิ้นไป. เธอนั้น บำบัดกิเลสเป็นเครื่องระคายใจได้ อย่างเป็นที่พอใจของตน แล.
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่
    วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ

    ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ

    แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง
    และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง
    ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ
    ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร?

    ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง
    แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน
    ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง )
    จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน)
    ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน?

    เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร
    บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise)
    บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ

    ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅)

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪
    ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ)
    ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้
    ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้)

    จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า
    มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว
    ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้
    เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้
    แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น

    ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย
    และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน

    We shall pass this together.🌈💕

    #earthquake
    #savethailand
    #togetherwewin
    #simplytally
    #simplyugo



    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่ วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร? ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง ) จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน) ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน? เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise) บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪 ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ) ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้ ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้) จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้ แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน We shall pass this together.🌈💕 #earthquake #savethailand #togetherwewin #simplytally #simplyugo
    0 Comments 0 Shares 552 Views 0 Reviews
More Results