• 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง

    โอ้..คุณพระ!

    #TomorrowandTomorrowandTomorrow
    นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม

    สนพ.แซลมอน
    แกเบรียล เซวิน เขียน
    สุวิชชา จันทร แปล
    พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566
    หนา 400 หน้า 495 บาท

    หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง

    เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ

    ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้

    💻

    แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก

    💻

    เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป

    💻

    เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง

    วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย

    💻

    ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย

    💻

    แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้

    💻

    เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย

    💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ

    (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ)

    1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ

    ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี

    .

    2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป

    ..

    3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว

    ...

    4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก

    ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด

    ....

    5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

    .....

    6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน

    7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง

    พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้.

    แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง

    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #วิดีโอเกม
    #นิยายแปล
    #การสร้างเกม
    เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง โอ้..คุณพระ! #TomorrowandTomorrowandTomorrow นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม สนพ.แซลมอน แกเบรียล เซวิน เขียน สุวิชชา จันทร แปล พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566 หนา 400 หน้า 495 บาท หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้ 💻 แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก 💻 เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป 💻 เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย 💻 ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย 💻 แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ 💻 เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย 💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ) 1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี . 2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป .. 3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว ... 4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด .... 5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ..... 6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน 7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้. แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #วิดีโอเกม #นิยายแปล #การสร้างเกม
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗
    https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI สร้างภาพได้แค่พิมพ์ แต่การสร้างแต่ละครั้งอาจเปลี่ยนแปลง Character ไปด้วยหรือไม่ กว่าจะจบเรื่อง จบตอน ตัวละครเปลี่ยนไม่รู้กี่ตัว จุดอ่อนน่าจะเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง ต้องสร้างเป็นตัวละครAI ที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ จึงจะตอบโจทย์การนำไปใช้ประโยชน์ที่มากขึ้นจริงๆ

    เรียกว่าเฟสนี้เป็นเฟสของฟรีบ้างเก็บเงินทางตรงทางอ้อมบ้าง เป็นการประชาสัมพันธ์ เรียกลูกค้า และนักลงทุน เพื่อปรับเปลี่ยนไปยังเฟสต่อไป

    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes
    🤩
    AI สร้างภาพได้แค่พิมพ์ แต่การสร้างแต่ละครั้งอาจเปลี่ยนแปลง Character ไปด้วยหรือไม่ กว่าจะจบเรื่อง จบตอน ตัวละครเปลี่ยนไม่รู้กี่ตัว จุดอ่อนน่าจะเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง ต้องสร้างเป็นตัวละครAI ที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ จึงจะตอบโจทย์การนำไปใช้ประโยชน์ที่มากขึ้นจริงๆ เรียกว่าเฟสนี้เป็นเฟสของฟรีบ้างเก็บเงินทางตรงทางอ้อมบ้าง เป็นการประชาสัมพันธ์ เรียกลูกค้า และนักลงทุน เพื่อปรับเปลี่ยนไปยังเฟสต่อไป #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes 🤩
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกระบบเลือกตั้งที่มี สส.&สว.บวก ครม.บวกนายก.จริงๆ,บวก หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทางตรงสมควรยุบทิ้งด้วย ไม่มีประโยชน์ในการปกป้องคนไทยเลย,บวก อบต.&อบจ.ด้วย เต่ามาก ไร้ราคาค่าคุยใดๆด้อยคุณภาพในการป้องกันชีวิตทางตรงต่อประชาชน นี้คือภัยร้ายแรงชัดเจน แต่ไม่มีความกระตือรือร้นส่งสารแจ้งบอกเหตุถึงภัย ตามคุณหมอธีแยกย่อยให้ชัดเจนเนื้อๆให้ดู,ควรประชุมทุกๆหมู่บ้านกว่า80,000หมู่บ้านโน้น ถ้าเกิดกรณีนี้ อธิปไตยการตัดสินใจปกป้องตนเองของคนไทยจบเลยนะ,ผู้ว่า&นายอำเภอก็ด้วยทำอะไรอยู่ตกข่าวได้อย่างไร,ทหาร&ตำรวจยิ่งเหี้ยงานข่าวทำซากอะไร เข้าถึงประชาชนถึงภัยนี้สิ คอมมิวนิสต์ยังทะลุทั้งทางแจ้งทางลับใต้ดิน การข่าวล้ำเลิศ มาตกม้าตายใช้ไม่ได้,ยุบกรมประชาสัมพันธ์ไทยเราทิ้งด้วย สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน สรุปเหี้ยและบัดสบทุกๆฝ่าย ทุกๆด้าน เสียดายตำแหน่งอำนาจยศหน้าที่และเงินแผ่นดินที่จ่ายเลี้ยงดูข้าราชการไทยทั้งระบบแบบนี้จริงๆ,ภัยมหันใกล้ตัวใกล้ตนใกล้ตีนเสือกโง่ไม่รับรู้ห่าอะไร,ไม่แปลกที่สมควรตายจากการฉีดวัคซีนจนก่อโรคสาระพัดกว่า1,291โรคเลย,เรียนจบสูงๆตำแหน่งบ้านเมืองใหญ่โตแต่โคตรควายโคตรวัว พวกสะพานบรมสะพานควายบรมโคตรสะพานวัวโดยแท้.เสียดายอำนาจที่เหยียบไว้จริงๆหาก่อคุณประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนและชาติไทยห่าอะไร,เขาจะยิงกระสุนใส่ตนเองยังโง่ไม่รู้อีก แค่เปลี่ยนเป็นสงครามเข็มเท่านั้น ผู้ปกครอง&ผู้นำผู้มีอำนาจที่กาก&กระจอกปกครองแผ่นดิน มันเลยสาระพัดเหี้ยเลวระยำบัดสบไปหมด.
    ประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกระบบเลือกตั้งที่มี สส.&สว.บวก ครม.บวกนายก.จริงๆ,บวก หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทางตรงสมควรยุบทิ้งด้วย ไม่มีประโยชน์ในการปกป้องคนไทยเลย,บวก อบต.&อบจ.ด้วย เต่ามาก ไร้ราคาค่าคุยใดๆด้อยคุณภาพในการป้องกันชีวิตทางตรงต่อประชาชน นี้คือภัยร้ายแรงชัดเจน แต่ไม่มีความกระตือรือร้นส่งสารแจ้งบอกเหตุถึงภัย ตามคุณหมอธีแยกย่อยให้ชัดเจนเนื้อๆให้ดู,ควรประชุมทุกๆหมู่บ้านกว่า80,000หมู่บ้านโน้น ถ้าเกิดกรณีนี้ อธิปไตยการตัดสินใจปกป้องตนเองของคนไทยจบเลยนะ,ผู้ว่า&นายอำเภอก็ด้วยทำอะไรอยู่ตกข่าวได้อย่างไร,ทหาร&ตำรวจยิ่งเหี้ยงานข่าวทำซากอะไร เข้าถึงประชาชนถึงภัยนี้สิ คอมมิวนิสต์ยังทะลุทั้งทางแจ้งทางลับใต้ดิน การข่าวล้ำเลิศ มาตกม้าตายใช้ไม่ได้,ยุบกรมประชาสัมพันธ์ไทยเราทิ้งด้วย สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน สรุปเหี้ยและบัดสบทุกๆฝ่าย ทุกๆด้าน เสียดายตำแหน่งอำนาจยศหน้าที่และเงินแผ่นดินที่จ่ายเลี้ยงดูข้าราชการไทยทั้งระบบแบบนี้จริงๆ,ภัยมหันใกล้ตัวใกล้ตนใกล้ตีนเสือกโง่ไม่รับรู้ห่าอะไร,ไม่แปลกที่สมควรตายจากการฉีดวัคซีนจนก่อโรคสาระพัดกว่า1,291โรคเลย,เรียนจบสูงๆตำแหน่งบ้านเมืองใหญ่โตแต่โคตรควายโคตรวัว พวกสะพานบรมสะพานควายบรมโคตรสะพานวัวโดยแท้.เสียดายอำนาจที่เหยียบไว้จริงๆหาก่อคุณประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนและชาติไทยห่าอะไร,เขาจะยิงกระสุนใส่ตนเองยังโง่ไม่รู้อีก แค่เปลี่ยนเป็นสงครามเข็มเท่านั้น ผู้ปกครอง&ผู้นำผู้มีอำนาจที่กาก&กระจอกปกครองแผ่นดิน มันเลยสาระพัดเหี้ยเลวระยำบัดสบไปหมด.
    ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก
    เรื่องใหญ่มากๆ

    ถ้าอยู่ภายใต้
    จะเกิดหลายเรื่องเช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักลำหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองทัพโซล ความเคลื่อนไหวตอบโต้เกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    การซ้อมรบมีขึ้น 3 วันหลังจากเปียงยาง ทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็งล้ำสมัย หนึ่งในขีปนาวุธที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดของพวกเขา ที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เลยทีเดียว
    .
    กองทัพโซลเปิดเผยว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการระดมพลเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ของสหรัฐฯ ฝูงบิน F-15K และ KF-16 ของเกาหลีใต้ รวมไปถึงฝูงบิน F-2 ของญี่ปุ่น
    .
    ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ผยแพร่โดยเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า "การซ้อมรบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการบูรณาการการป้องปรามอย่างครอบคลุม ตอบโต้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ"
    .
    ระหว่างการซ้อมรบทางอากาศ ฝูงบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เข้าอารักขาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไปยังจุดแห่งหนึ่งที่กำหนดไว้บริเวณทางใต้คาบสมุทรเกาหลี "เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพอย่างท่วมท้นในการโจมตีเป้าหมายจำลองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    B-1B แลนเซอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักซูเปอร์โซนิก ที่รู้จักกันดีในด้านมีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถบรรทุกกระสุนหนักถึง 34,000 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง
    .
    มันเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ถูกส่งเข้าไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลี จากการเปิดผยของกองทัพเกาหลีใต้ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการซ้อมรบทางอากาศร่วมไตรภาคี ตอบโต้ภัยคุกคามทางทหารจากเปียงยาง
    .
    ว่ากันว่าการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหนล่าสุดของเกาหลีเหนือ พุ่งสูงกว่าเดิมและพุ่งไปไกลกว่าขีปนาวุธลูกก่อนๆ จากคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามการยิงทดสอบแบบเรียลไทม์
    .
    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ยกย่องขีปนาวุธนี้ว่าเป็นขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ คิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการยิงทดสอบดังกล่าว "เกาหลีเหนือจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเส้นทางการยกระดับขุมกำลังทางนิวเคลียร์ของตนเอง" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุ
    .
    ปฏิบัติการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังจับตาอย่างเข้มข้น ต่อคำกล่าวหาที่ว่าเปียงยางส่งทหารหลายพันนายเข้าประจำการในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามในยูเครน โหมกระพือความกังวลว่าทหารเกาหลีเหนือในชุดเครื่องแบบรัสเซียอาจเข้าร่วมในการสู้รบในเร็ววัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105982
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักลำหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองทัพโซล ความเคลื่อนไหวตอบโต้เกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . การซ้อมรบมีขึ้น 3 วันหลังจากเปียงยาง ทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็งล้ำสมัย หนึ่งในขีปนาวุธที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดของพวกเขา ที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เลยทีเดียว . กองทัพโซลเปิดเผยว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการระดมพลเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ของสหรัฐฯ ฝูงบิน F-15K และ KF-16 ของเกาหลีใต้ รวมไปถึงฝูงบิน F-2 ของญี่ปุ่น . ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ผยแพร่โดยเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า "การซ้อมรบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการบูรณาการการป้องปรามอย่างครอบคลุม ตอบโต้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ" . ระหว่างการซ้อมรบทางอากาศ ฝูงบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เข้าอารักขาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไปยังจุดแห่งหนึ่งที่กำหนดไว้บริเวณทางใต้คาบสมุทรเกาหลี "เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพอย่างท่วมท้นในการโจมตีเป้าหมายจำลองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ" ถ้อยแถลงระบุ . B-1B แลนเซอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักซูเปอร์โซนิก ที่รู้จักกันดีในด้านมีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถบรรทุกกระสุนหนักถึง 34,000 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง . มันเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ถูกส่งเข้าไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลี จากการเปิดผยของกองทัพเกาหลีใต้ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการซ้อมรบทางอากาศร่วมไตรภาคี ตอบโต้ภัยคุกคามทางทหารจากเปียงยาง . ว่ากันว่าการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหนล่าสุดของเกาหลีเหนือ พุ่งสูงกว่าเดิมและพุ่งไปไกลกว่าขีปนาวุธลูกก่อนๆ จากคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามการยิงทดสอบแบบเรียลไทม์ . สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ยกย่องขีปนาวุธนี้ว่าเป็นขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ คิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการยิงทดสอบดังกล่าว "เกาหลีเหนือจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเส้นทางการยกระดับขุมกำลังทางนิวเคลียร์ของตนเอง" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุ . ปฏิบัติการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังจับตาอย่างเข้มข้น ต่อคำกล่าวหาที่ว่าเปียงยางส่งทหารหลายพันนายเข้าประจำการในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามในยูเครน โหมกระพือความกังวลว่าทหารเกาหลีเหนือในชุดเครื่องแบบรัสเซียอาจเข้าร่วมในการสู้รบในเร็ววัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105982 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า?
    ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้
    เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล”
    “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น
    ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย
    ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น
    นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล"
    ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา
    เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา
    แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ?
    ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน
    ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก
    ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง
    ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น
    การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989
    ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์
    แต่ยังมีอีก...
    เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน
    ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า
    เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ
    ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร
    เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย
    จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ
    แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง?
    การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง
    ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้!
    บทสรุป
    ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน
    มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม"
    ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้
    https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3...
    ผู้เขียน : Ty Bollinger
    ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี
    🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี)
    🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia
    🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น)
    🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai)
    🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana)
    🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์
    🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero)
    🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste)
    🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน)
    🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี)
    🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz
    🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า
    🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ)
    🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living
    🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ
    🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste)
    🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956
    🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ)
    🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม
    🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile)
    🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒
    🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช
    🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN)
    🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม
    ขอเพิ่มเติม
    🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent)
    🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax)
    🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate)
    🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์
    🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา)
    🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ
    🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์
    (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม)
    เป็นต้น
    https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny
    ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    คุณถูกหลอกมาตลอดเกี่ยวกับฟลูออไรด์หรือเปล่า? ไม่มีอะไรเทียบได้กับน้ำใสๆ เย็นๆ สักแก้วดับกระหายของคุณ แต่คราวหน้าที่คุณเปิดก๊อกน้ำ คุณอาจต้องการตั้งคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำนั้นเป็นพิษเกินกว่าจะดื่มได้ ถ้าน้ำของคุณมีฟลูออไรด์ผสมอยู่ คำตอบน่าจะเป็น "จริง" แม้ว่า "เจ้าหน้าที่" ด้านสุขภาพออกมาประกาศว่า "ปลอดภัย" และ "เป็นธรรมชาติ" ก็ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าความจริงได้ เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เราได้รับคำโกหก คำโกหกที่นำไปสู่การเสียชีวิตของชาวอเมริกันหลายแสนคน และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกหลายสิบล้านคน การโกหกนี้เรียกว่า "การผสมฟลูออไรด์" กระบวนการที่เราเชื่อว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องฟันจากฟันผุ อันที่จริงแล้วเป็นการฉ้อโกง ในคำพูดของ Dr. Robert Carton อดีตนักวิทยาศาสตร์ของ EPA “ฟลูออไรด์เป็นกรณีที่ใหญ่ที่สุดของการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ของศตวรรษนี้ หรือไม่ก็ตลอดกาล” “กระบวนการปั่น” เริ่มต้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1920 การผลิตอะลูมิเนียมซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมกระป๋องที่กำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตขยะฟลูออไรด์ที่เป็นพิษรายใหญ่ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ใหญ่ที่สุดคือค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียอันตรายอย่างปลอดภัยซึ่งแพงมาก อุตสาหกรรมนี้จึงได้ทำการตลาดและขายของเสียที่เป็นพิษ (โซเดียมฟลูออไรด์) เพื่อใช้ผลิตเป็นยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหนู แต่ทว่าพวกเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านั้น... มนุษย์ไง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีอุปสรรคอยู่เล็กน้อย ในวารสารสมาคมทันตกรรมอเมริกันวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1944 ADA เตือนว่า “โอกาสที่จะเกิดอันตราย (จากฟลูออไรด์) มีมากกว่าประโยชน์ในทางที่ดี” แต่ในปี 1947 Oscar R. Ewing (ซึ่งเป็นทนายความของ ALCOA มาเป็นเวลานาน) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เขารับผิดชอบด้านบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา และแล้วภายใต้การนำของเขา แคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ระดับชาติจึงเริ่มต้นขึ้น นักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์สำหรับแคมเปญ "น้ำผสมฟลูออไรด์" ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Edwin L. Bernays หลานชายของ Sigmund Freud หรือที่รู้จักในชื่อ "เจ้าพ่อแห่งการปั่น" Bernays เป็นผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Freud มาใช้กับการโฆษณาและ "ความจริงครึ่งเดียวของรัฐบาล" ในหนังสือ "โฆษณาชวนเชื่อ" ของเขา Bernays ได้อ้างว่าความคิดเห็นสาธารณะซึ่งใช้วิทยาศาสตร์บงการเป็นกุญแจสำคัญ เขากล่าวว่า "คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งมีอิทธิพลควบคุมจิตใจของสาธารณชน" แคมเปญฟลูออไรด์ของรัฐบาลเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยั่งยืนที่สุดของเขา เทคนิคของเบอร์เนย์นั้นเรียบง่าย แสร้งทำเป็นว่ามีงานวิจัยที่น่าพอใจโดยใช้วลีเช่น "การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็น ... " หรือ "การวิจัยพิสูจน์แล้ว ... " หรือ "ผู้วิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พบ ... " (แต่ไม่เคยพูดอ้างอิงถึงสิ่งใดเลย) พูดให้นานพอและดังพอ แล้วในที่สุดผู้คนจะเชื่อมัน หากใครสงสัยหรือซักไซ้เรื่องโกหกนี้ ก็โจมตีหน้าที่การงานและ/หรือสติปัญญาของพวกเขา แล้ว "งานศึกษา" ล่ะ? ไม่มี "งานศึกษาทางวิทยาศาสตร์" ที่พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์ปลอดภัยเลยหรือ? ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า ผู้คนจะมีสุขภาพฟันโดยรวมที่ดีขึ้น (โดยส่วนใหญ่เป็นฟันผุน้อยกว่า) หากพวกเขาอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีฟลูออรีนในระดับที่สูงขึ้นตามธรรมชาติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ได้เกิดคำถามเรื่อง “การศึกษาวิจัย” และมีความกังวลอย่างมากว่าข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความผูกพันกับบริษัทที่มีส่วนได้เสียในการขายฟลูออไรด์ การปั้นแต่งข้อมูลในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์จากสุขภาพที่ย่ำแย่ของสาธารณชน ตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ ฟลูออไรด์กลับไม่ได้หยุดฟันผุเลย จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าฟลูออไรด์เป็นพิษต่อระบบประสาทและทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด และโรคกระดูกพรุน ฟลูออไรด์ยังทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจ รวมถึงตับไตและสมอง และอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางการเรียนรู้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความบกพร่องในการอ่าน สมาธิสั้น และออทิสติก ในปี 2012 นักวิจัยของฮาร์วาร์ดรายงานว่าการศึกษา 26 จาก 27 ชิ้นที่พวกเขาทบทวนพบว่าไอคิวในวัยเด็กลดลงเมื่อความเข้มข้นของฟลูออไรด์เพิ่มขึ้น รายงานปี 2006 จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ทบทวนการศึกษาหลายร้อยชิ้นที่เชื่อมโยงน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับความเสียหายทางระบบประสาท ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ และ … ใช่แล้ว …. โรคมะเร็ง ในปี 1955 วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์เพิ่มขึ้น 400% ในช่วงหลายปีหลังจากที่น้ำในซานฟรานซิสโกเริ่มได้รับการผสมฟลูออไรด์ ต่อมาในปี 1977 สภาคองเกรสได้สั่งให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาดำเนินการศึกษาในสัตว์เพื่อพิจารณาว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์ผลการศึกษาในหนูแล้ว พบว่าหนูที่ดื่มน้ำฟลูออไรด์มีเนื้องอกและมะเร็งเพิ่มขึ้นในเซลล์สความัสในช่องปาก ก่อตัวเป็นรูปแบบที่พบได้ยากของมะเร็งกระดูกที่เรียกว่า osteosarcoma และพบว่ามีเนื้องอกในเซลล์ต่อมไทรอยด์ฟอลลิคูลาร์เพิ่มขึ้น การค้นพบที่สำคัญที่สุดคือการเกิดขึ้นของมะเร็งตับรูปแบบที่หายากมาก มะเร็งตับในหนูเพศผู้และเพศเมียที่ได้รับฟลูออไรด์ นอกจากนี้ในปี 1977 ยังแสดงให้เห็นว่าฟลูออไรด์ทำให้เกิดการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 10,000 รายในการศึกษาทางระบาดวิทยาโดย Dr. Dean Burk อดีตหัวหน้าแผนกไซโตเคมี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ Dr. John Yiamouyiannis แม้จะมีการค้นพบในปี 1977 แต่ก็ไม่ได้เต็มใจที่จะเปิดเผยจนกระทั่งปี 1989 ในปี 2006 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นักวิจัยระบุถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟลูออไรด์กับ osteosarcoma การศึกษานี้นำโดย Dr. Elise Bassin และตีพิมพ์ออนไลน์ใน Cancer Causes and Control (วารสารทางการของศูนย์ป้องกันมะเร็งฮาร์วาร์ด) พบว่ามีความเชื่อมโยงอย่างมากระหว่างน้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์กับ osteocarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกที่หายากและมักเสียชีวิตในเด็กชาย การศึกษายืนยันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และแผนกสุขภาพของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งพบอัตราการเกิดมะเร็งกระดูกที่เพิ่มขึ้นในเด็กผู้ชายที่ดื่มน้ำประปาที่มีฟลูออไรด์ ผลการวิจัยยืนยันผลการศึกษาของรัฐบาลก่อนหน้าในปี 1990 ที่เกี่ยวข้องกับหนูที่ได้รับฟลูออไรด์ แต่ยังมีอีก... เมื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ ฟลูออไรด์จะทำลายเอนไซม์ของคุณด้วยการเปลี่ยนรูปร่าง ร่างกายของคุณต้องอาศัยเอ็นไซม์หลายพันชนิดเพื่อทำปฏิกิริยาของเซลล์จำนวนมาก ถ้าไม่มีเอ็นไซม์ เราทุกคนคงตายกันหมด เอ็นไซม์เป็นเหมือนกุญแจที่เข้ากับระบบล็อคภายในเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม เมื่อฟลูออไรด์ทำลายรูปร่างของ "กุญแจ" มันจะไม่เข้ากับตัวล็อคอีกต่อไป และร่างกายของคุณไม่รู้จักเอ็นไซม์อีกต่อไป เอนไซม์ที่เสียหายเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสลายคอลลาเจน ความเสียหายของดีเอ็นเอ ความเสียหายของเนื้อเยื่อ และการกดภูมิคุ้มกัน ในช่วงต้นปี 2010 มีเรื่องราวสองเรื่องในอินเดียเปิดเผยว่าเด็ก ๆ ตาบอดและพิการบางส่วน อันเป็นผลมาจากการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มของพวกเขา และในหมู่บ้าน Gaudiyan ของอินเดีย ประชากรมากกว่าครึ่งมีความผิดปกติของกระดูก ทำให้มีความพิการทางร่างกาย เด็กเกิดมาปกติดี แต่หลังจากที่พวกเขาเริ่มดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ พวกเขาก็เริ่มมีความพิการที่มือและเท้า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010 นิตยสาร Time ระบุว่าฟลูออไรด์เป็นหนึ่งใน "สารพิษในครัวเรือน 10 อันดับแรก" และอธิบายว่าฟลูออไรด์ "เป็นพิษต่อระบบประสาทและอาจเกิดเนื้องอกได้หากกลืนเข้าไป" มีการบอกความจริงนี้ในเกือบทุกประเทศในโลก (รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย) มันผิดกฎหมายที่จะ "ให้ยาขนานใหญ่" กับประชากรทั้งหมดด้วยสารที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นพิษ ด้วยความจริงที่ว่าฟลูออไรด์สามารถสะสมในร่างกายได้ จึงเป็นเหตุให้กฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้กรมการแพทย์ทหารตั้งค่า "ระดับสารปนเปื้อนสูงสุด" (MCL) สำหรับปริมาณฟลูออไรด์ในแหล่งน้ำสาธารณะตามที่ EPA กำหนด มันทำให้ผมสับสนจากการที่ทันตแพทย์ที่ถูกล้างสมองหลายพันคนประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าฟลูออไรด์เป็น "สารอาหารมหัศจรรย์" ที่ป้องกันฟันผุและส่งเสริมสุขภาพฟันและเหงือก ผมขอตั้งคำถามหน่อยนะ สารพิษสะสมและผลิตภัณฑ์จากขยะพิษจะเรียกว่า “สารอาหาร” ได้อย่างไร เป็นความโชคร้าย หากคุณต้องใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแคนาดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในระดับสูง (มีความเป็นไปได้มากที่การผสมฟลูออไรด์ในน้ำจะเป็นเรื่องปกติ) หมายความว่ามีการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้เลย จากเกือบ 320 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 72% บริโภคน้ำที่มีฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอ และจากข้อมูลของ CDC รัฐทั้งหมด 50 รัฐ ได้ผสมฟลูออไรด์ลงในแหล่งน้ำ แล้วคุณจะทำอะไรได้บ้าง? การกรองแบบ Reverse Osmosis ถือว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดฟลูออไรด์ออกจากน้ำ เกลือฟลูออไรด์จะเข้าไปแทนที่ไอโอดีนซึ่งต่อมไทรอยด์จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน การเสริมไอโอดีนในอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเสริมด้วยอัตราส่วนแมกนีเซียมต่อแคลเซียมสูงจะให้แร่ธาตุที่ช่วยขจัดฟลูออไรด์ นอกจากนี้ วิตามิน K2 ที่สกัดจากเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่น ยังช่วยป้องกันการกลายเป็นหินปูนฟลูออไรด์ในอวัยวะที่มีเนื้อเยื่ออ่อน เช่น หลอดเลือดแดงและสมอง ใช่แล้ว... อีกอย่างที่คุณทำได้คือหยุดใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ คุณเคยอ่านฉลากหรือไม่? ผมแนะนำให้คุณอ่านซะ ในปี 1997 องค์การอาหารและยาได้สั่งให้ผู้ผลิตยาสีฟันเพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับพิษจากยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ คำเตือนดังกล่าวระบุว่าควรเก็บให้ห่างจากเด็ก ผมสงสัยว่าเพราะเหตุใดกัน อาจเป็นเพราะถ้าเด็กเล็กกินยาสีฟันทั้งหลอด ปริมาณเท่านี้อาจทำให้ถึงตายได้! บทสรุป ในช่วงต้นปี 2010 มีภูเขาไฟระเบิดขนาดใหญ่ในประเทศไอซ์แลนด์ สัตว์ในไอซ์แลนด์ตอนใต้มีความเสี่ยงที่จะเป็นพิษจากฟลูออไรด์ หากพวกมันสูดดมหรือกลืนกินเถ้าจากการปะทุ พิษจากฟลูออไรด์สามารถนำไปสู่การมีเลือดออกภายใน ความเสียหายของกระดูกในระยะยาว และการสูญเสียฟัน ตามข่าวบีบีซี (19 เมษายน 2010): "ฟลูออไรด์ในเถ้าสร้างกรดในกระเพาะของสัตว์ กัดกร่อนลำไส้และทำให้เลือดออก นอกจากนี้ยังจับกับแคลเซียมในกระแสเลือดและหลังจากได้รับสารหนักในช่วงเวลาหลายวันทำให้กระดูกเปราะบางแม้กระทั่งทำให้ฟันผุ" คนส่วนใหญ่ไม่เคย "เชื่อมโยงจุดต่างๆ" ระหว่างพิษอันน่าสลดใจของสัตว์เหล่านี้อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ กับพิษของมนุษย์จากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในแต่ละวัน มีงานศึกษาซึ่งทบทวนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 500 ชิ้นที่บันทึกถึงผลข้างเคียงของฟลูออไรด์ตั้งแต่มะเร็งไปจนถึงความเสียหายต่อสมอง แต่ถึงกระนั้น เขตเทศบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาก็ซื้อผลิตภัณฑ์นี้จริงๆ แล้วหยดลงในแหล่งน้ำสาธารณะ Dr. Charles G. Heyd อดีตประธานของ AMA กล่าวว่า "ผมรู้สึกตกใจที่ได้เห็นการใช้น้ำเป็นพาหนะส่งยา ฟลูออไรด์เป็นสารพิษกัดกร่อนซึ่งจะส่งผลร้ายแรงในระยะยาว ความพยายามใดๆ ที่จะใช้น้ำในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่น่าประณาม" ระบบมันเสียหายไปแล้ว ระบบการดูแลสุขภาพของเรา อุตสาหกรรมยา รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล สื่อของเรา และแม้แต่ภาคเทคโนโลยีล้วนได้รับความเสียหาย เรากำลังอยู่ในระหว่างสงครามข้อมูล โดยมีการปกปิดและการเซ็นเซอร์ในระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชมตัวอย่างสารคดีชุดใหม่ของเรา: PROPAGANDA EXPOSED! ค้นพบความจริงที่ Big Pharma และ Mainstream Media ไม่ต้องการให้คุณเห็น ดูฟรี 100%… และอาจช่วยชีวิตคุณได้ https://go.propaganda-exposed.com/?a_bid=f9f117e3... ผู้เขียน : Ty Bollinger ‼ รวมลิสต์รายชื่อยี่ห้อยาสีฟันที่ไม่มี ❌สารฟลูaaไรด์❌ โดยโค๊ชนาตาลี 🦷 1. ยาสีฟัน Doctor V (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี) 🦷 2. ยาสีฟัน Grants Of Australia 🦷 3. ยาสีฟัน Sparkle White (ทุกรุ่น) 🦷 4. ยาสีฟันเอมไทย (AimThai) 🦷 5. ยาสีฟันน้ำมันมะพร้าว (Tropicana) 🦷 6. ยาสีฟันสมุนไพรโครงการหลวง เฮอร์เบิลทูธเพสท์ 🦷 7. ยาสีฟัน Curaprox (Enzycal Zero) 🦷 8. ยาสีฟัน ยาสีฟันโคโค่เมท (Cocomate toothpaste) 🦷 9. ยาสีฟันก๊กเลี้ยง (แก้ไข ยี่ห้อนี้มี สังเกตฝากล่องด้านใน) 🦷 10. ยาสีเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 11. ยาสีฟันดอกบัวคู่ (แก้ไข สูตรดั้งเดิม,สูตรเซนซิที,สูตรเกลือสมุนไพร,สูตรเฟรชแอนด์คูล = ไม่มี สูตรเอเวอร์เฟรชและสูตรฟ้าทลายโจร = มี) 🦷 12. ยาสีฟันสมุนไพรวาซ Wazz 🦷 13. ยาสีฟันใจฟ้า 🦷 14. ยาสีฟัน Dentiste (แค่บางรุ่น ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ) 🦷 15. ยาสีฟัน Thieves Young Living 🦷 16. ยาสีฟัน Mama's Choice สูตรธรรมชาติ 🦷 17. ยาสีฟันเพียวรีน (Pureen Maternity Toothpaste) 🦷 18. ยาสีฟันเด็กเพียวรีน Pureen kids (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 19. ยาสีฟันเด็กเอมไทย กรีน คิดส์ ออร์แกนิค (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 20. ยาสีฟันเด็ก Mama's Choice (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 21. ยาสีฟันเด็ก ดอกบัวคู่คิด (ของเด็ก) 👧🧒 🦷 22. ยาสีฟันเจสัน Jason Since 1956 🦷 23. ยาสีฟันซองวิเศษนิยม (มีในร้านสะดวกซื้อ) 🦷 24. ยาสีฟันสมุนไพรทิพย์นิยม 🦷 25. ยาสีฟันวันเดอร์สไมล์ (Wonder Smile) 🦷 26. ยาสีฟันเด็กฟันคินดี้ ออรัล เจล ออร์แกนิค (Kindee Oral Gel Organic ของเด็ก) 👧🧒 🦷 27. ยาสีฟันเทโซโร่ เฟรช 🦷 28. ยาสีฟันไอวิศน์ (IVISN) 🦷 29. ยาสีฟันนกไทย 5 ดาว 4A สูตรดั้งเดิม ขอเพิ่มเติม 🦷 30.ยาสีฟันคอลบาเด้นท์ (Kolbadent) 🦷 31. ยาสีฟันพาโรดอนแทกซ์ (Parodontax) 🦷 32. ยาสีฟันเดนตาเมท (Denta mate) 🦷 33. เกลือสีฟันทรีออร์คิดส์ 🦷 34. ยาสีฟัน Sante ของอ.สันติ มาะดี(หมอนอกกะลา) 🦷 35. ยาสีฟันรุ่งอรุณ 🦷 36. ยาสีฟันไบโอมิเนอรัลส์ (ยี่ห้อนี้ต้องขอขอบคุณครับดร.(ผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง) ที่มาช่วยกิจกรรมกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวช่วยคนไทยในการจัดกิจกรรม แอดไลน์ด้วย QR Code ในภาพเมื่อท่านแจ้งแอดมินตอนสั่งซื้อว่ามาจากกลุ่ม คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ กำไรจะถูกหักเข้ากองทุนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม) เป็นต้น https://youtube.com/shorts/cj_brYDAlBM?si=waEMU4F2I0-CWcny ขอบคุณเจ้าของบทความต่างๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถาม chatGPT Search ให้สรุปเกี่ยวกับเราเอง นี่คือผลที่ได้ครับ

    วศิน ภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปี พ.ศ. 2545 และปริญญาโทวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2548 (MGR Online)

    ในด้านอาชีพ วศินเริ่มต้นด้วยการก่อตั้งบริษัท ไอยรา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท อีเลิร์นนิ่ง กูรู จำกัด) ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยมีความเชี่ยวชาญด้าน E-Learning และเทคโนโลยีมีเดีย (MGR Online)

    ในปี พ.ศ. 2556 วศินได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะผู้สมัครอิสระ หมายเลข 13 โดยมีนโยบายที่เน้นการพัฒนากรุงเทพฯ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (MGR Online)

    ปัจจุบัน วศินดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศ ที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมีบทบาทในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการสัญจร เช่น การอบรมการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ให้กับโรงเรียนวัดปริยัติธรรม วัดธรรมมงคล (ปทุมธานีอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยี)

    นอกจากนี้ วศินยังเคยปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ “ไปไหนไปกัน” เมื่ออายุ 27 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาในด้านต่างๆ (YouTube)

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวศิน ภิรมย์ สามารถรับชมวิดีโอด้านล่างนี้:

    วศิน ภิรมย์ ออกรายการไปไหนไปกัน ตอนอายุ 27 ปี
    ถาม chatGPT Search ให้สรุปเกี่ยวกับเราเอง นี่คือผลที่ได้ครับ วศิน ภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปี พ.ศ. 2545 และปริญญาโทวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2548 (MGR Online) ในด้านอาชีพ วศินเริ่มต้นด้วยการก่อตั้งบริษัท ไอยรา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท อีเลิร์นนิ่ง กูรู จำกัด) ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยมีความเชี่ยวชาญด้าน E-Learning และเทคโนโลยีมีเดีย (MGR Online) ในปี พ.ศ. 2556 วศินได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะผู้สมัครอิสระ หมายเลข 13 โดยมีนโยบายที่เน้นการพัฒนากรุงเทพฯ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (MGR Online) ปัจจุบัน วศินดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศ ที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมีบทบาทในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการสัญจร เช่น การอบรมการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ให้กับโรงเรียนวัดปริยัติธรรม วัดธรรมมงคล (ปทุมธานีอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยี) นอกจากนี้ วศินยังเคยปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ “ไปไหนไปกัน” เมื่ออายุ 27 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาในด้านต่างๆ (YouTube) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวศิน ภิรมย์ สามารถรับชมวิดีโอด้านล่างนี้: วศิน ภิรมย์ ออกรายการไปไหนไปกัน ตอนอายุ 27 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์แก่ไต้หวัน อ้างอิงข้อมูลจากเพนตากอน ขณะที่การจัดซื้ออาวุธอเมริกาโดยไทเป จำเป็นต้องมีบุคลากรของสหรัฐฯ เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนทหารท้องถิ่น
    .
    แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อความเดือดดาลแก่จีนเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งซึ่งมองเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน มองความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขา
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน วอชิงตันได้ทำการส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือ Harpoon Block II ล็อตแรกจำนวนหลายร้อยลูกให้แก่ไทเป ภายใต้ข้อตกลงหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติในปี 2020
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (25 ต.ค.) สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหม (DSCA: Defense Security Cooperation Agency) สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่าพวกเขาได้รับความเห็นชอบสำหรับความเป็นไปได้ในการ "การขายอาวุธให้ต่างประเทศ" แก่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในสหรัฐฯ ซึ่งคือระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์
    .
    ในเอกสารระบุว่าไต้หวันขอซื้อระบบนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเรย์เธียน 3 ชุด และขีปนาวุธที่ใช้กับระบบดังกล่าว 123 ลูก
    .
    ถ้อยแถลงเน้นว่าเพื่อทำตามข้อเสนอขายนี้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 26 คน และตัวแทนจากบริษัทสัญญาจ้าง 34 ราย ให้เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนแก่บุคลากรทางทหารท้องถิ่น
    .
    ทั้งนี้ ในข่าวประชาสัมพันธ์อีกฉบับที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน ยังเผยด้วยว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไฟเขียวความเป็นไปได้ในการขายระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าราว 828 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมแก่ไต้หวันอีก 567 ล้านดอลลาร์
    .
    ระหว่างพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทาง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกร้องวอชิงตันให้หยุดขายอาวุธแก่ไต้หวัน
    .
    ขณะเดียวกัน ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เตือนว่า ปักกิ่งไม่เคยผูกมัดตนเองในการตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังกับไต้หวัน และสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นจริงขึ้นมาหากว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ประกาศเอกราช
    .
    คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากจีน ทำการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ใกล้เกาะไต้หวัน
    .
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดการซ้อมรบเป็นเวลา 1 วัน ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ดาบประสาน 2024 บี” (Joint Sword-2024B Exercise) ในพื้นที่รอบๆ และใกล้เกาะไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม โดยจุดที่มีการเน้นหนักแข็งขันคือการฝึกเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103353
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นชอบความเป็นไปได้ในการขายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์แก่ไต้หวัน อ้างอิงข้อมูลจากเพนตากอน ขณะที่การจัดซื้ออาวุธอเมริกาโดยไทเป จำเป็นต้องมีบุคลากรของสหรัฐฯ เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เพื่อสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนทหารท้องถิ่น . แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะก่อความเดือดดาลแก่จีนเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา ปักกิ่งซึ่งมองเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน มองความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นการละเมิดอธิปไตยของพวกเขา . ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน วอชิงตันได้ทำการส่งมอบขีปนาวุธต่อต้านเรือ Harpoon Block II ล็อตแรกจำนวนหลายร้อยลูกให้แก่ไทเป ภายใต้ข้อตกลงหนึ่งที่ได้รับการอนุมัติในปี 2020 . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (25 ต.ค.) สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหม (DSCA: Defense Security Cooperation Agency) สังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่าพวกเขาได้รับความเห็นชอบสำหรับความเป็นไปได้ในการ "การขายอาวุธให้ต่างประเทศ" แก่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในสหรัฐฯ ซึ่งคือระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขั้นสูง NASAMS และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าประมาณ 1,160 ล้านดอลลาร์ . ในเอกสารระบุว่าไต้หวันขอซื้อระบบนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเรย์เธียน 3 ชุด และขีปนาวุธที่ใช้กับระบบดังกล่าว 123 ลูก . ถ้อยแถลงเน้นว่าเพื่อทำตามข้อเสนอขายนี้ จำเป็นต้องมอบหมายหน้าที่แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 26 คน และตัวแทนจากบริษัทสัญญาจ้าง 34 ราย ให้เดินทางไปประจำการในไต้หวัน เป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้การสนับสนุนทางเทคนิคและฝึกฝนแก่บุคลากรทางทหารท้องถิ่น . ทั้งนี้ ในข่าวประชาสัมพันธ์อีกฉบับที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน ยังเผยด้วยว่าทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไฟเขียวความเป็นไปได้ในการขายระบบเรดาร์ AN/TPS-77 และ AN/TPS-78 รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่าราว 828 ล้านดอลลาร์ แก่ไต้หวัน . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติมอบความช่วยเหลือด้านการทหารเพิ่มเติมแก่ไต้หวันอีก 567 ล้านดอลลาร์ . ระหว่างพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทาง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกร้องวอชิงตันให้หยุดขายอาวุธแก่ไต้หวัน . ขณะเดียวกัน ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เตือนว่า ปักกิ่งไม่เคยผูกมัดตนเองในการตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังกับไต้หวัน และสถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นจริงขึ้นมาหากว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ประกาศเอกราช . คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากจีน ทำการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ใกล้เกาะไต้หวัน . กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดการซ้อมรบเป็นเวลา 1 วัน ที่ใช้ชื่อรหัสว่า “ดาบประสาน 2024 บี” (Joint Sword-2024B Exercise) ในพื้นที่รอบๆ และใกล้เกาะไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม โดยจุดที่มีการเน้นหนักแข็งขันคือการฝึกเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบใดๆ ขึ้นในช่องแคบไต้หวัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103353 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1325 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีใครสนใจฟังธรรมะและมีเวลามากพอจะพิมพ์เอกสารส่งไหมคะ
    ทาง Pagoda ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพุทธศาสนาจากวัดสวนโมกข์และอื่นๆ รับสมัครอาสาถอดเสียงธรรมอยู่ค่ะ
    .
    มีงานหลายงาน แต่คนอาสาไม่มาก ทางนี้เลยช่วยประชาสัมพันธ์ให้
    .
    ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่
    https://docs.google.com/spreadsheets/d/14A7C8FKCtnlHp2CKG5PTkXowT3fuckZHDhSoqXCfe90/edit?gid=1231328801#gid=1231328801
    .
    อนุโมทนานะคะ
    มีใครสนใจฟังธรรมะและมีเวลามากพอจะพิมพ์เอกสารส่งไหมคะ ทาง Pagoda ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพุทธศาสนาจากวัดสวนโมกข์และอื่นๆ รับสมัครอาสาถอดเสียงธรรมอยู่ค่ะ . มีงานหลายงาน แต่คนอาสาไม่มาก ทางนี้เลยช่วยประชาสัมพันธ์ให้ . ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ https://docs.google.com/spreadsheets/d/14A7C8FKCtnlHp2CKG5PTkXowT3fuckZHDhSoqXCfe90/edit?gid=1231328801#gid=1231328801 . อนุโมทนานะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร ว่าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังมีอาสาสมัครบางส่วนเดินทางมาช่วยหาเสียงให้กมลา แฮร์ริส
    .
    แคมป์หาเสียงของผู้สมัครจากรีพับลิกัน ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางในวอชิงตัน เรียกร้องให้ทำการสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างผิดกฎหมายจากพรรคเลเบอร์ที่มอบแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส
    .
    รอยเตอร์อ้างว่าเป็นเวลานานแล้วที่บรรดาอาสาสมัครทางการเมืองสหราชอาณาจักร จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยที่พวกนักเคลื่อนไหวจากพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลาง ปกติแล้วมักให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ ยอมรับว่าที่ปรึกษาระดับสูงบางส่วนของพรรคเลเบอร์ เดินทางไปพบกับเหล่านักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกรกฎาคม
    .
    นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับทรัมป์ หากว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้คว้าชัยชนะอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเลเบอร์สมัครใจช่วยแฮร์ริส หาเสียงนอกเวลางาน
    .
    "พวกเขาทำมันในเวลาว่าง พวกเขาทำมันโดยสมัครใจ ผมคิดว่าพวกเขาคงอยู่ที่นั่น พร้อมกับอาสมัครคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก"
    .
    เกรก สเวนสัน ประธาน Republicans Overseas UK องค์กรการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกาที่โหวตเลือกรีพับลิกัน ที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร บอกว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับสตาร์เมอร์
    .
    "ทรัมป์มักทำเรื่องต่างๆ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้เป็นประเด็นพิพาทส่วนตัวส่งผลกระทบกับเขา" สเวนสันกล่าวกับรอยเตอร์ "แต่ผมคิดว่าทรัมป์จะมองข้ามเรื่องนี้ เรื่องนี้อาจก่อรอยแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะไม่ก่อบาดแผลใดๆ เลยก็ได้"
    .
    อ้างอิงกฎระเบียบในสหรัฐฯ ชาวต่างชาติสามารถสมัครใจเข้าร่วมรณรงค์หาเสียง แต่ไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนทางการเงิน
    .
    คำร้องเรียนจากทีมหาเสียงของทรัมปื อ้างรายงานข่าวของสื่อมวลชนและข้อความหนึ่งบน LinkedIn ที่โพสต์โดย โซเฟีย พาเทล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเลเบอร์สหราชอาณาจักร ที่เขียนว่ามีเจ้าหน้าที่พรรคเลเบอร์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกตั้ง
    .
    ในคำร้องเรียนเขียนว่า "ข้าพเจ้าในนามของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนในทันทีต่อการแทรกแซงโดยต่างชาติอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือตั้งประธานาธิบดี 2024 ในรูปแบบที่เหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายโดยต่างประเทศ"
    .
    "การค้นหาว่ามีต่างชาติแทรกแซงศึกเลือกตั้งของเราหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมองไม่ไกลนอกเหนือจากโพสต์บน LinkedIn เลย มองด้วยสายตาเปล่าก็รู้ว่าการแทรกแซงกำลังเกิดขึ้น"
    .
    ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ใช้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรกำลังมา" ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายซ้าย" เป็นแรงบันดาลใจในนโยบายเสรีนิยมและวาทกรรมที่เป็นอันตรายของกมลา แฮร์ริส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102310
    ..............
    Sondhi X
    ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพรรคเลเบอร์ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร ว่าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังมีอาสาสมัครบางส่วนเดินทางมาช่วยหาเสียงให้กมลา แฮร์ริส . แคมป์หาเสียงของผู้สมัครจากรีพับลิกัน ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางในวอชิงตัน เรียกร้องให้ทำการสืบสวนในสิ่งที่พวกเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความช่วยเหลืออย่างผิดกฎหมายจากพรรคเลเบอร์ที่มอบแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส . รอยเตอร์อ้างว่าเป็นเวลานานแล้วที่บรรดาอาสาสมัครทางการเมืองสหราชอาณาจักร จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง โดยที่พวกนักเคลื่อนไหวจากพรรคเลเบอร์ พรรคซ้ายกลาง ปกติแล้วมักให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่วนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จะให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกัน . พวกเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ ยอมรับว่าที่ปรึกษาระดับสูงบางส่วนของพรรคเลเบอร์ เดินทางไปพบกับเหล่านักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในศึกเลือกตั้งสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกรกฎาคม . นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ ปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ว่าเสียงคร่ำครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับทรัมป์ หากว่าอดีตประธานาธิบดีรายนี้คว้าชัยชนะอีกครั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอ้างว่าบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเลเบอร์สมัครใจช่วยแฮร์ริส หาเสียงนอกเวลางาน . "พวกเขาทำมันในเวลาว่าง พวกเขาทำมันโดยสมัครใจ ผมคิดว่าพวกเขาคงอยู่ที่นั่น พร้อมกับอาสมัครคนอื่นๆ มันเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก" . เกรก สเวนสัน ประธาน Republicans Overseas UK องค์กรการเมืองที่เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกาที่โหวตเลือกรีพับลิกัน ที่พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร บอกว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ยากจะคาดเดา แต่ถ้าเขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะก่อความเสียหายในความสัมพันธ์กับสตาร์เมอร์ . "ทรัมป์มักทำเรื่องต่างๆ ให้เป็นเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้เป็นประเด็นพิพาทส่วนตัวส่งผลกระทบกับเขา" สเวนสันกล่าวกับรอยเตอร์ "แต่ผมคิดว่าทรัมป์จะมองข้ามเรื่องนี้ เรื่องนี้อาจก่อรอยแผลเป็นเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะไม่ก่อบาดแผลใดๆ เลยก็ได้" . อ้างอิงกฎระเบียบในสหรัฐฯ ชาวต่างชาติสามารถสมัครใจเข้าร่วมรณรงค์หาเสียง แต่ไม่มีสิทธิให้การสนับสนุนทางการเงิน . คำร้องเรียนจากทีมหาเสียงของทรัมปื อ้างรายงานข่าวของสื่อมวลชนและข้อความหนึ่งบน LinkedIn ที่โพสต์โดย โซเฟีย พาเทล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเลเบอร์สหราชอาณาจักร ที่เขียนว่ามีเจ้าหน้าที่พรรคเลเบอร์ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อช่วยให้ แฮร์ริส รองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้รับเลือกตั้ง . ในคำร้องเรียนเขียนว่า "ข้าพเจ้าในนามของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนในทันทีต่อการแทรกแซงโดยต่างชาติอย่างโจ่งแจ้งในศึกเลือตั้งประธานาธิบดี 2024 ในรูปแบบที่เหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างผิดกฎหมายโดยต่างประเทศ" . "การค้นหาว่ามีต่างชาติแทรกแซงศึกเลือกตั้งของเราหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมองไม่ไกลนอกเหนือจากโพสต์บน LinkedIn เลย มองด้วยสายตาเปล่าก็รู้ว่าการแทรกแซงกำลังเกิดขึ้น" . ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ใช้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรกำลังมา" ทีมหาเสียงของทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า "พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายซ้าย" เป็นแรงบันดาลใจในนโยบายเสรีนิยมและวาทกรรมที่เป็นอันตรายของกมลา แฮร์ริส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102310 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1776 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงแม้อิสราเอลไม่เคยประกาศเป็นโยบายอย่างเป็นทางการของตน แต่พวกนักวิเคราะห์กำลังชี้ว่า ข้อเสนอของอดีตนายพลกองทัพยิวกลุ่มหนึ่งที่ให้ปิดล้อมพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซาอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อจะได้กวาดล้างพวกนักรบฮามาส กำลังเป็นที่ยอมรับของอิสราเอลมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำสมาชิกบางคนในรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันของรัฐยิว ยังเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้คนอิสราเอลกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในฉนวนกาซาอีกคำรบหนึ่ง ทั้งนี้ กาซาเคยถูกอิสราเอลยึดครองเอาไว้ในปี 1967 และยังคงมีทหารประจำการอยู่ที่นั่น ตลอดจนนำพลเมืองชาวยิวไปตั้งถิ่นฐาน จวบจนกระทั่งถึงปี 2005 นั่นแหละจึงได้ยอมถอนตัวออกมา
    .
    ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่พยายามหนีออกจากตอนเหนือของกาซาในเวลานี้ บอกว่า รู้สึกสิ้นหวังและไม่สามารถหนีไปไหนได้ หลังจากติดอยู่ในบริเวณที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักหน่วงของอิสราเอล ก่อนได้รับคำสั่งให้อพยพ แต่แล้วก็กลับถูกต้อนและไล่จับโดยทหารยิว
    .
    ไซดา วัย 46 ปี เล่าว่า หนีจากโรงเรียนของสหประชาชาติ ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ที่ถูกแปลงเป็นที่หลบภัย พร้อมกับแม่และลูกอีก 4 คน แต่ทหารอิสราเอลสั่งให้เธอรอ 3 ชั่วโมงที่จุดตรวจ แถมบังคับให้ลูกชายวัย 15 ปีของเธอถอดเสื้อผ้า และเค้นถามว่า รู้จักพวกนักรบฮามาสหรือไม่
    .
    เนวิน อัล-ดาวาซาห์ นักฉุกเฉินการแพทย์ เล่าคล้ายกันว่า ติดอยู่ 16 วันในค่ายจาบาเลีย ที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพอิสราเอลนับจากต้นเดือนตุลาคม กระทั่งในที่สุดโดรนของกองทัพยิวที่ติดตั้งลำโพงประกาศให้อพยพ แต่เมื่อเธอและคนอื่นๆ กำลังออกจากที่หลบภัย อยู่ๆ ก็มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย
    .
    ดาวาซาห์เสริมว่า รู้สึกว่าต้องถ่ายวิดีโอผู้ได้รับบาดเจ็บเก็บไว้ เนื่องจากนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของกาซาที่เสียหายหนักอยู่แล้วจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเองในช่วงเวลากว่า 1 ปีของสงครามที่ปะทุขึ้นจากการที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.
    .
    หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซารายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 400 คนจากการโจมตีไม่หยุดหย่อนของอิสราเอลที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา ซึ่งทางกองทัพยิวอ้างว่า มุ่งโจมตีนักรบฮามาสที่ไปซ่องสุมกำลังใหม่ในบริเวณดังกล่าว
    .
    ดาวาซาห์เล่าต่อว่า เมื่อออกจากค่ายจาบาเลีย จะต้องผ่านจุดตรวจของอิสราเอลที่จะแยกผู้หญิงกับผู้ชายคนละฝั่งและค้นตัว และตลอดถนนสายหลักมีการตั้งจุดตรวจหลายแห่ง ซึ่งมักล้อมด้วยรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะ กองทัพอิสราเอลยังติดตั้งกล้องและอาวุธอัตโนมัติไว้ตามหอสังเกตการณ์อีกด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม อิสมาอิล ทาวับเตห์ โฆษกรัฐบาลฮามาส ยืนยันว่า ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ทางตอนเหนือของกาซา ไม่ได้พากันหนีออกมาอย่างที่เป็นข่าว และสำทับว่า อิสราเอลสังหารผู้ชายปาเลสไตน์จำนวนมาก รวมทั้งจับกุมด้วยวิธีการที่ทำให้คนเหล่านั้นอับอาย
    .
    หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของยูเอ็น (UNRWA) ประเมินว่า ยังมีชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซา ซึ่งรวมถึงกาซาซิตี้ อยู่ราว 400,000 คน
    .
    หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลฮามาสเรียกร้องให้นานาชาติหยุดยั้งอาชญากรรมการบังคับย้ายถิ่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการสังหารหมู่ในตอนเหนือของกาซา
    .
    การระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องและถนนที่เสียหายทำให้หน่วยฉุกเฉินและรถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
    .
    ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า โรงพยาบาลตอนเหนือของกาซาที่ยังเปิดให้บริการได้เหลือเพียงแห่งเดียว แต่ไม่มีทั้งยาและอุปกรณ์การแพทย์
    .
    คามัล อัดวาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮอสซัม อาบู ซาเฟียบอกว่า คนมากมายถูกเข่นฆ่า แต่ทางโรงพยาบาลช่วยอะไรไม่ได้ ต้องทิ้งศพเกลื่อนกลาดบนถนน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102304
    ..............
    Sondhi X
    ถึงแม้อิสราเอลไม่เคยประกาศเป็นโยบายอย่างเป็นทางการของตน แต่พวกนักวิเคราะห์กำลังชี้ว่า ข้อเสนอของอดีตนายพลกองทัพยิวกลุ่มหนึ่งที่ให้ปิดล้อมพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซาอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อจะได้กวาดล้างพวกนักรบฮามาส กำลังเป็นที่ยอมรับของอิสราเอลมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำสมาชิกบางคนในรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันของรัฐยิว ยังเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้คนอิสราเอลกลับเข้าไปตั้งถิ่นฐานในฉนวนกาซาอีกคำรบหนึ่ง ทั้งนี้ กาซาเคยถูกอิสราเอลยึดครองเอาไว้ในปี 1967 และยังคงมีทหารประจำการอยู่ที่นั่น ตลอดจนนำพลเมืองชาวยิวไปตั้งถิ่นฐาน จวบจนกระทั่งถึงปี 2005 นั่นแหละจึงได้ยอมถอนตัวออกมา . ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากที่พยายามหนีออกจากตอนเหนือของกาซาในเวลานี้ บอกว่า รู้สึกสิ้นหวังและไม่สามารถหนีไปไหนได้ หลังจากติดอยู่ในบริเวณที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างหนักหน่วงของอิสราเอล ก่อนได้รับคำสั่งให้อพยพ แต่แล้วก็กลับถูกต้อนและไล่จับโดยทหารยิว . ไซดา วัย 46 ปี เล่าว่า หนีจากโรงเรียนของสหประชาชาติ ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ที่ถูกแปลงเป็นที่หลบภัย พร้อมกับแม่และลูกอีก 4 คน แต่ทหารอิสราเอลสั่งให้เธอรอ 3 ชั่วโมงที่จุดตรวจ แถมบังคับให้ลูกชายวัย 15 ปีของเธอถอดเสื้อผ้า และเค้นถามว่า รู้จักพวกนักรบฮามาสหรือไม่ . เนวิน อัล-ดาวาซาห์ นักฉุกเฉินการแพทย์ เล่าคล้ายกันว่า ติดอยู่ 16 วันในค่ายจาบาเลีย ที่เป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างรุนแรงของกองทัพอิสราเอลนับจากต้นเดือนตุลาคม กระทั่งในที่สุดโดรนของกองทัพยิวที่ติดตั้งลำโพงประกาศให้อพยพ แต่เมื่อเธอและคนอื่นๆ กำลังออกจากที่หลบภัย อยู่ๆ ก็มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย . ดาวาซาห์เสริมว่า รู้สึกว่าต้องถ่ายวิดีโอผู้ได้รับบาดเจ็บเก็บไว้ เนื่องจากนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของกาซาที่เสียหายหนักอยู่แล้วจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเองในช่วงเวลากว่า 1 ปีของสงครามที่ปะทุขึ้นจากการที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. . หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซารายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 400 คนจากการโจมตีไม่หยุดหย่อนของอิสราเอลที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 6 ที่ผ่านมา ซึ่งทางกองทัพยิวอ้างว่า มุ่งโจมตีนักรบฮามาสที่ไปซ่องสุมกำลังใหม่ในบริเวณดังกล่าว . ดาวาซาห์เล่าต่อว่า เมื่อออกจากค่ายจาบาเลีย จะต้องผ่านจุดตรวจของอิสราเอลที่จะแยกผู้หญิงกับผู้ชายคนละฝั่งและค้นตัว และตลอดถนนสายหลักมีการตั้งจุดตรวจหลายแห่ง ซึ่งมักล้อมด้วยรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะ กองทัพอิสราเอลยังติดตั้งกล้องและอาวุธอัตโนมัติไว้ตามหอสังเกตการณ์อีกด้วย . อย่างไรก็ตาม อิสมาอิล ทาวับเตห์ โฆษกรัฐบาลฮามาส ยืนยันว่า ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ทางตอนเหนือของกาซา ไม่ได้พากันหนีออกมาอย่างที่เป็นข่าว และสำทับว่า อิสราเอลสังหารผู้ชายปาเลสไตน์จำนวนมาก รวมทั้งจับกุมด้วยวิธีการที่ทำให้คนเหล่านั้นอับอาย . หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของยูเอ็น (UNRWA) ประเมินว่า ยังมีชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซา ซึ่งรวมถึงกาซาซิตี้ อยู่ราว 400,000 คน . หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลฮามาสเรียกร้องให้นานาชาติหยุดยั้งอาชญากรรมการบังคับย้ายถิ่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการสังหารหมู่ในตอนเหนือของกาซา . การระดมโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างต่อเนื่องและถนนที่เสียหายทำให้หน่วยฉุกเฉินและรถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต . ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า โรงพยาบาลตอนเหนือของกาซาที่ยังเปิดให้บริการได้เหลือเพียงแห่งเดียว แต่ไม่มีทั้งยาและอุปกรณ์การแพทย์ . คามัล อัดวาน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮอสซัม อาบู ซาเฟียบอกว่า คนมากมายถูกเข่นฆ่า แต่ทางโรงพยาบาลช่วยอะไรไม่ได้ ต้องทิ้งศพเกลื่อนกลาดบนถนน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102304 .............. Sondhi X
    Angry
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1736 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคมรดกชาติไทย-มรดกของโลก
    .
    เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567
    .
    ทั้งนี้ เป็นพระราชพิธีสำคัญที่คนไทยทั้งประเทศต่างรอคอยชมความงดงามของริ้วขบวนเรือพระราชพิธี ดังจะเห็นได้จากในช่วงการซ้อมใหญ่ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนจับจองพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ขบวนเรือเคลื่อนผ่านเป็นจำนวนมาก
    .
    สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนให้ความสนใจกับขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เป็นอย่างมากนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นโบราณราชประเพณีที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก แต่จะมีขึ้นเฉพาะในห้วงเวลาที่ประเทศไทยมีโอกาสสำคัญเท่านั้น อย่างล่าสุดที่คนไทยได้เห็นขบวนพยุหยาตราทางชลมารค คือ การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อปีพ.ศ.2562
    .
    พระราชพิธีขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะในมิติของการเป็นพิธีการหนึ่งของรัฐเท่านั้น แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของคนไทยที่ผูกพันกับสายน้ำอีกด้วย โดยสารคดีเฉลิมพระเกียรติ มรดกศิลป์ แผ่นดินไทย ตอนที่ 1 เรือไทยคู่สายน้ำ และ ตอนที่ 2 ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งเป็นข้อมูลที่จัดทำโดยคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้อธิบายถึงความสำคัญของขบวนพยุหยาตราทางชลมารคไว้อย่างน่าสนใจตอนหนึ่งดังนี้
    .
    "นับแต่อดีตชาวไทยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับสายน้ำ เปรียบเสมือนสายชีวิตที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้คนในสมัยโบราณ นิยมสร้างบ้านเรือนใกล้ริมน้ำกันเป็นส่วนมาก ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ดังนั้น เรือ จึงเป็นพาหนะ สำคัญที่ใช้ในการสัญจรทางน้ำ การต่อเรือแต่ละลำ จึงคำนึงถึงความเหมาะสมของการใช้งาน ...และยิ่งเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ด้วยแล้ว จะมีการจัดริ้วขบวนเรืออย่างสมพระเกียรติ ริ้วขบวนเรือนี้ เรียกว่า ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค"
    .
    สำหรับการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการจัดขบวนทัพเรือในยามที่ว่างศึก เพื่อเป็นการฝึกซ้อมเรียกระดมพล โดยที่กองเรือเหล่านี้จะตกแต่งอย่างสวยงาม มีการประโคมดนตรีไปในขบวน เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน และพลพายเกิดความฮึกเหิมเป็นการแสดงออก ถึงความเป็นเอกลักษณ์ ทางด้านวัฒนธรรมประเพณีอย่างหนึ่งของชาติแสดงถึงพระบารมีแผ่ไพศาลของพระมหากษัตริย์อันเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ และเป็นที่พึ่งแด่พสกนิกรทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
    .
    โดยประเพณีเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคนั้น ได้รับการฟื้นฟูตั้งแต่ปี 2500 หลังจากว่างเว้นมานานถึง 50 ปี นับตั้งแต่การสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี ซึ่งการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2500 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ โดยได้จัดให้มีขบวนเรือพระราชพิธี อัญเชิญพระพุทธรูป ไตรปิฏก และพระสงฆ์ เคลื่อนไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
    .
    นับตั้งแต่ พ.ศ.2500 จนถึง พ.ศ.2555 ได้มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จำนวน 15 ครั้ง และจัดขบวนเรือพระราชพิธี จำนวน 2 ครั้ง โดยสิ่งที่เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความงดงามและยิ่งใหญ่ของพระราชพิธีทางน้ำของประเทศไทย คือ การที่องค์การเรือโลก (World Ship Trust) แห่งสหราชอาณาจักรได้มอบรางวัล “มรดกเรือโลก” แก่เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เมื่อปี 2535
    .
    ดังนั้น พระราชพิธีที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม จึงเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
    ..............
    Sondhi X
    ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคมรดกชาติไทย-มรดกของโลก . เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร ในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 . ทั้งนี้ เป็นพระราชพิธีสำคัญที่คนไทยทั้งประเทศต่างรอคอยชมความงดงามของริ้วขบวนเรือพระราชพิธี ดังจะเห็นได้จากในช่วงการซ้อมใหญ่ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนจับจองพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ขบวนเรือเคลื่อนผ่านเป็นจำนวนมาก . สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนให้ความสนใจกับขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เป็นอย่างมากนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นโบราณราชประเพณีที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก แต่จะมีขึ้นเฉพาะในห้วงเวลาที่ประเทศไทยมีโอกาสสำคัญเท่านั้น อย่างล่าสุดที่คนไทยได้เห็นขบวนพยุหยาตราทางชลมารค คือ การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อปีพ.ศ.2562 . พระราชพิธีขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะในมิติของการเป็นพิธีการหนึ่งของรัฐเท่านั้น แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของคนไทยที่ผูกพันกับสายน้ำอีกด้วย โดยสารคดีเฉลิมพระเกียรติ มรดกศิลป์ แผ่นดินไทย ตอนที่ 1 เรือไทยคู่สายน้ำ และ ตอนที่ 2 ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งเป็นข้อมูลที่จัดทำโดยคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้อธิบายถึงความสำคัญของขบวนพยุหยาตราทางชลมารคไว้อย่างน่าสนใจตอนหนึ่งดังนี้ . "นับแต่อดีตชาวไทยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับสายน้ำ เปรียบเสมือนสายชีวิตที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้คนในสมัยโบราณ นิยมสร้างบ้านเรือนใกล้ริมน้ำกันเป็นส่วนมาก ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ดังนั้น เรือ จึงเป็นพาหนะ สำคัญที่ใช้ในการสัญจรทางน้ำ การต่อเรือแต่ละลำ จึงคำนึงถึงความเหมาะสมของการใช้งาน ...และยิ่งเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ด้วยแล้ว จะมีการจัดริ้วขบวนเรืออย่างสมพระเกียรติ ริ้วขบวนเรือนี้ เรียกว่า ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค" . สำหรับการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคนี้ มีวิวัฒนาการมาจากการจัดขบวนทัพเรือในยามที่ว่างศึก เพื่อเป็นการฝึกซ้อมเรียกระดมพล โดยที่กองเรือเหล่านี้จะตกแต่งอย่างสวยงาม มีการประโคมดนตรีไปในขบวน เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน และพลพายเกิดความฮึกเหิมเป็นการแสดงออก ถึงความเป็นเอกลักษณ์ ทางด้านวัฒนธรรมประเพณีอย่างหนึ่งของชาติแสดงถึงพระบารมีแผ่ไพศาลของพระมหากษัตริย์อันเป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ และเป็นที่พึ่งแด่พสกนิกรทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร . โดยประเพณีเสด็จพระราชดาเนินถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคนั้น ได้รับการฟื้นฟูตั้งแต่ปี 2500 หลังจากว่างเว้นมานานถึง 50 ปี นับตั้งแต่การสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี ซึ่งการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2500 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ โดยได้จัดให้มีขบวนเรือพระราชพิธี อัญเชิญพระพุทธรูป ไตรปิฏก และพระสงฆ์ เคลื่อนไปตามลำน้ำเจ้าพระยา . นับตั้งแต่ พ.ศ.2500 จนถึง พ.ศ.2555 ได้มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จำนวน 15 ครั้ง และจัดขบวนเรือพระราชพิธี จำนวน 2 ครั้ง โดยสิ่งที่เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความงดงามและยิ่งใหญ่ของพระราชพิธีทางน้ำของประเทศไทย คือ การที่องค์การเรือโลก (World Ship Trust) แห่งสหราชอาณาจักรได้มอบรางวัล “มรดกเรือโลก” แก่เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เมื่อปี 2535 . ดังนั้น พระราชพิธีที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม จึงเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 708 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 08.45 นาฬิกา ณ ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    วันนี้ (15 ต.ค.67) เวลา 08.45 น. ที่ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล ให้ข้อแสนอแนะในด้านต่างๆ นำไปสู่การ "ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ" ต่อการขับเคลื่อน การปฏิบัติงานแบบบูรณาการให้มีความประสานสอดคล้อง และสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงาน อันจะทำให้ การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเพื่อสร้างความรู้จักและความสัมพันธ์ที่ดีใน ระดับผู้บริหาร โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมในการประชุม มีประเด็นที่สำคัญ อาทิ การแก้ไข ปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำทั้งในสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้ง การพัฒนามวลชน เป็นต้น เพื่อให้ทุก หน่วยงานได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติงาน ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนในการ แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง ตรงตามนโยบายของรัฐบาล เอื้อต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยปัจจัยแห่ง ความสำเร็จ คือ การปฏิบัติงานอย่างบูรณาการร่วมกันของฝ่ายปกครอง พลเรือน ตำรวจ ทหาร รวมทั้งสร้าง การรับรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ความร่วมมือ สนับสนุน และตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ยั่งยืนสืบไป
    กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นหน่วยขึ้นตรงของ กองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักร มีอำนาจหน้าที่ ภายใต้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ประกอบด้วย 1) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ภัยคุกคาม ด้านความมั่นคง 2) เสนอแผนและแนวทางในการปฏิบัติงาน 3) อำนวยการ ประสานงาน และเสริมการปฏิบัติ ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ 4) เสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
    ทั้งนี้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้ขอความร่วมมือในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป อาทิ การป้องกันและแก้ปัญหาความมั่นคงภายในใช้กลไกของจังหวัด, ให้ประชาสัมพันธ์สายด่วน ความมั่นคง 1374 ในการรับเรื่องร้องเรียน, การขับเคลื่อนโครงการจิตอาสาพระราชทาน, จังหวัดที่มีที่ตั้งติดแนวชายแดน ให้ประสานการปฏิบัติกับกองกำลังป้องกันชายแดน เพื่อประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน, ขอให้ฝ่าย ตำรวจและผู้รับผิดชอบด้านกฎหมาย สอบสวน ขยายผล เร่งรัดการดำเนินคดี มุ่งเน้นต่อกลุ่มขบวนการ และผู้มี อิทธิพล, ด้านการพัฒนาเสริมความมั่นคงในระดับพื้นที่ ขอให้ผ่านกลไกของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ, การประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง
    ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 โทร.0 4424 3985
    การประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ในวันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2567 เวลา 08.45 นาฬิกา ณ ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา วันนี้ (15 ต.ค.67) เวลา 08.45 น. ที่ห้องศรีพัชรินทร สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล ให้ข้อแสนอแนะในด้านต่างๆ นำไปสู่การ "ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ" ต่อการขับเคลื่อน การปฏิบัติงานแบบบูรณาการให้มีความประสานสอดคล้อง และสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงาน อันจะทำให้ การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งเพื่อสร้างความรู้จักและความสัมพันธ์ที่ดีใน ระดับผู้บริหาร โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมในการประชุม มีประเด็นที่สำคัญ อาทิ การแก้ไข ปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำทั้งในสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้ง การพัฒนามวลชน เป็นต้น เพื่อให้ทุก หน่วยงานได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติงาน ตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนในการ แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง ตรงตามนโยบายของรัฐบาล เอื้อต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยปัจจัยแห่ง ความสำเร็จ คือ การปฏิบัติงานอย่างบูรณาการร่วมกันของฝ่ายปกครอง พลเรือน ตำรวจ ทหาร รวมทั้งสร้าง การรับรู้แก่ประชาชน เพื่อให้ความร่วมมือ สนับสนุน และตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ยั่งยืนสืบไป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 เป็นหน่วยขึ้นตรงของ กองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักร มีอำนาจหน้าที่ ภายใต้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ประกอบด้วย 1) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ภัยคุกคาม ด้านความมั่นคง 2) เสนอแผนและแนวทางในการปฏิบัติงาน 3) อำนวยการ ประสานงาน และเสริมการปฏิบัติ ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ 4) เสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้ขอความร่วมมือในการปฏิบัติงานในห้วงต่อไป อาทิ การป้องกันและแก้ปัญหาความมั่นคงภายในใช้กลไกของจังหวัด, ให้ประชาสัมพันธ์สายด่วน ความมั่นคง 1374 ในการรับเรื่องร้องเรียน, การขับเคลื่อนโครงการจิตอาสาพระราชทาน, จังหวัดที่มีที่ตั้งติดแนวชายแดน ให้ประสานการปฏิบัติกับกองกำลังป้องกันชายแดน เพื่อประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน, ขอให้ฝ่าย ตำรวจและผู้รับผิดชอบด้านกฎหมาย สอบสวน ขยายผล เร่งรัดการดำเนินคดี มุ่งเน้นต่อกลุ่มขบวนการ และผู้มี อิทธิพล, ด้านการพัฒนาเสริมความมั่นคงในระดับพื้นที่ ขอให้ผ่านกลไกของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ, การประชาสัมพันธ์โดยใช้สื่อต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 โทร.0 4424 3985
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาไฟไหม้รถบัส ต้นตอจากนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน
    .
    หากจะมีประเด็นให้พูดถึงอยู่บ้างสำหรับกรณีรถบัสเพลิงไหม้ที่คร่าครูและเด็กนักเรียนไปมากกว่า 20 ชีวิต นอกเหนือไปจากเรื่องคดีความแล้วนั้นน่าจะเป็นมาตรกระบวนการล้อมคอกของหน่วยงานภาครัฐ ที่เวลาดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้เป็นปรากฎการณ์ไฟไหม้ฟางมากขึ้นไปทุกที
    .
    โดยจากที่เคยขึงขังประกาศโรดแมปจัดระเบียบรถโดยสารขับเคลื่อนพลังก๊าซของ 'สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปรากฎว่าความขึงขังที่เคยมีนั้นกำลังมีแนวโน้มไปสู่การหย่อนยานมากขึ้นตามลำดับ
    .
    อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ความประมาทของเจ้าของรถบัสต้นเหตุแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายของภาครัฐในภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รถโดยสารใช้ก๊าซ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาไม่ต่างกัน โดยในเรื่องนี้มีการแสดงความคิดเห็นและให้แง่มุมมาจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    .
    โดยนักวิชาการด้านพลังงานรายนี้ เป็นคนแรกๆที่ออกมาฉายภาพของปัญหาผ่านเฟซบุ๊กตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เนื่องจากรัฐมุ่งโปรโมตขายก๊าซ NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสาร จนชะล่าใจ วางมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถังอันตรายมาก ดังนั้นการโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่า หลายประเทศในทวีปยุโรป นั้นใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนประเทศไทย ได้มีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และเมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที
    .
    มาตรฐานการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น ได้ปรากฏเป็นประกาศกรมขนส่งทางบก ลงประกาศราชกิจจานุเบกษามีมาตั้งแต่ วันที่ 17 ธันวาคม 2551 กำหนดให้รถที่ติดก๊าซ LPG ใช้ “ลิ้นปิดเปิดอัตโนมัติ” ที่หัวถัง หากก๊าซรั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย หากสลับใช้น้ำมัน และหากดับเครื่องยนต์ วาล์วโซลินอยด์จะปิดอัตโนมัติทันที แต่การติดก๊าซ NGV ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด
    .
    เพราะได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่ายุโรป และต่ำกว่าก๊าซ LPG ด้วย คือ กำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในยานยนต์เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหนก็คือ จะเป็น “วาล์วแบบอัตโนมัติ” ก็ได้ หรือจะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด” ก็ได้
    .
    "เมื่อกำหนดให้เลือกได้ว่าจะให้มีมาตรฐานความปลอดภัยปิดเปิดแก๊สอัตโนมัติตามแบบยุโรปก็ได้ หรือจะเป็นวาล์วที่ใช้มือปิดเปิดก็ได้ ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในเมืองไทย ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ถูกกว่า-ประหยัดกว่า และภาครัฐอนุญาตให้ทำอย่างนั้น" ประเด็นสำคัญที่หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ชี้ให้เห็น
    .
    ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังได้มาซึ่งความอู้ฟู่อของปตท.อีกด้วยภายใต้แผนการขยายการใช้ NGV เพื่อเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงในภาคขนส่งในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น โดยเป็นสารตั้งต้นที่นำมาซึ่งการส่งเสริมการใช้ก๊าซNGVครั้งใหญ่
    .
    โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ อธิบายในประเด็นนี้ว่า สามารถทำให้รัฐบาลมีมาตรการสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึงมาตรการบังคับ ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด คือ แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส, รถเก็บขยะใน กทม., รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ ปตท. และรัฐบาลถึงขนาดประชาสัมพันธ์ว่า ก๊าซ NGV ทนความร้อนได้สูงกว่า ก๊าซลอยตัวขึ้นสูงจึงปลอดภัยกว่า ทำให้คนหลงเชื่อผิด ๆ และอยากติดก๊าซ NGV มากขึ้น
    .
    ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อคิดเห็นของหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ซึ่งมีความน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานั้นจะไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ในยามที่เรื่องนี้กำลังจะเลือนหายไปจากสังคม หรือบางทีอาจจะไปถึงโต๊ะของรัฐมนตรี แต่ก็ถูกโยนทิ้งเพราะมองว่าเป็นข้อเสนอจากคนของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งในทางการเมืองเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ปัญหาไฟไหม้รถบัส ต้นตอจากนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน . หากจะมีประเด็นให้พูดถึงอยู่บ้างสำหรับกรณีรถบัสเพลิงไหม้ที่คร่าครูและเด็กนักเรียนไปมากกว่า 20 ชีวิต นอกเหนือไปจากเรื่องคดีความแล้วนั้นน่าจะเป็นมาตรกระบวนการล้อมคอกของหน่วยงานภาครัฐ ที่เวลาดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้เป็นปรากฎการณ์ไฟไหม้ฟางมากขึ้นไปทุกที . โดยจากที่เคยขึงขังประกาศโรดแมปจัดระเบียบรถโดยสารขับเคลื่อนพลังก๊าซของ 'สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปรากฎว่าความขึงขังที่เคยมีนั้นกำลังมีแนวโน้มไปสู่การหย่อนยานมากขึ้นตามลำดับ . อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ความประมาทของเจ้าของรถบัสต้นเหตุแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายของภาครัฐในภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รถโดยสารใช้ก๊าซ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาไม่ต่างกัน โดยในเรื่องนี้มีการแสดงความคิดเห็นและให้แง่มุมมาจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ . โดยนักวิชาการด้านพลังงานรายนี้ เป็นคนแรกๆที่ออกมาฉายภาพของปัญหาผ่านเฟซบุ๊กตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เนื่องจากรัฐมุ่งโปรโมตขายก๊าซ NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสาร จนชะล่าใจ วางมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถังอันตรายมาก ดังนั้นการโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่า หลายประเทศในทวีปยุโรป นั้นใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนประเทศไทย ได้มีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และเมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที . มาตรฐานการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น ได้ปรากฏเป็นประกาศกรมขนส่งทางบก ลงประกาศราชกิจจานุเบกษามีมาตั้งแต่ วันที่ 17 ธันวาคม 2551 กำหนดให้รถที่ติดก๊าซ LPG ใช้ “ลิ้นปิดเปิดอัตโนมัติ” ที่หัวถัง หากก๊าซรั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย หากสลับใช้น้ำมัน และหากดับเครื่องยนต์ วาล์วโซลินอยด์จะปิดอัตโนมัติทันที แต่การติดก๊าซ NGV ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด . เพราะได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่ายุโรป และต่ำกว่าก๊าซ LPG ด้วย คือ กำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในยานยนต์เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหนก็คือ จะเป็น “วาล์วแบบอัตโนมัติ” ก็ได้ หรือจะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด” ก็ได้ . "เมื่อกำหนดให้เลือกได้ว่าจะให้มีมาตรฐานความปลอดภัยปิดเปิดแก๊สอัตโนมัติตามแบบยุโรปก็ได้ หรือจะเป็นวาล์วที่ใช้มือปิดเปิดก็ได้ ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในเมืองไทย ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ถูกกว่า-ประหยัดกว่า และภาครัฐอนุญาตให้ทำอย่างนั้น" ประเด็นสำคัญที่หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ชี้ให้เห็น . ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังได้มาซึ่งความอู้ฟู่อของปตท.อีกด้วยภายใต้แผนการขยายการใช้ NGV เพื่อเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงในภาคขนส่งในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น โดยเป็นสารตั้งต้นที่นำมาซึ่งการส่งเสริมการใช้ก๊าซNGVครั้งใหญ่ . โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ อธิบายในประเด็นนี้ว่า สามารถทำให้รัฐบาลมีมาตรการสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึงมาตรการบังคับ ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด คือ แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส, รถเก็บขยะใน กทม., รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ ปตท. และรัฐบาลถึงขนาดประชาสัมพันธ์ว่า ก๊าซ NGV ทนความร้อนได้สูงกว่า ก๊าซลอยตัวขึ้นสูงจึงปลอดภัยกว่า ทำให้คนหลงเชื่อผิด ๆ และอยากติดก๊าซ NGV มากขึ้น . ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อคิดเห็นของหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ซึ่งมีความน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานั้นจะไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ในยามที่เรื่องนี้กำลังจะเลือนหายไปจากสังคม หรือบางทีอาจจะไปถึงโต๊ะของรัฐมนตรี แต่ก็ถูกโยนทิ้งเพราะมองว่าเป็นข้อเสนอจากคนของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งในทางการเมืองเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 662 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย
    จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์
    ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด
    ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่

    🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว
    เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้
    มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน
    สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน
    ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด
    นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ
    เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ"
    และ ความหวังในการรวยเร็ว

    🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง
    เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้
    ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่
    และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง
    เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

    🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
    ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย
    ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
    และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้
    พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ

    🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ
    และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
    ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย
    อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน
    ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ
    มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน
    เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย
    เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
    ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน
    เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ

    🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน
    ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง
    ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
    ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง
    และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ
    ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย
    และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ
    ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี
    อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา
    กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้

    🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ
    การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง
    การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี
    ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา
    ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์ ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่ 🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ" และ ความหวังในการรวยเร็ว 🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้ ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่ และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ 🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้ พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ 🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ 🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้ 🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 93 0 รีวิว
  • 🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย
    จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้
    ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์
    ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด
    ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่

    🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว
    เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้
    มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน
    สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน
    ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด
    นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ
    เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ"
    และ ความหวังในการรวยเร็ว

    🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง
    เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้
    ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่
    และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง
    เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

    🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
    ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย
    ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
    และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้
    พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ

    🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ
    และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
    ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย
    อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน
    ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ
    มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน
    เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย
    เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
    ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน
    เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ

    🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน
    ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง
    ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว
    ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง
    และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ
    ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย
    และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ
    ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี
    อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา
    กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้

    🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่
    ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ
    การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง
    การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี
    ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา
    ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน
    #thaitimes
    🔥🔥วันนี้แอดมินเพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปกี่ปีๆ กี่ปี ก็จะเกิดเหตุการณ์ ลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้นที่เมืองไทยเราอยู่ตลอด ซึ่งมี 5 เหตุผลสำคัญในปัจจุบัน ได้แก่ 🔥1. ความโลภ และ ความหวังในการรวยเร็ว เหตุผลข้อนี้ คือ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ มิจฉาชีพ หรือ ผู้ที่มาหลอกลวงลงทุน สามารถโน้มน้าวชักชวน ชักจูงผู้คน ให้เข้าร่วม หรือ หลงเชื่อได้ง่ายที่สุด นั่นคือ การเล่นกับสิ่งที่เปราะบาง และ เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "ความโลภ" และ ความหวังในการรวยเร็ว 🔥2. การขาดความรู้ในเรื่องการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้อง เหตุผลข้อนี้คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราขาดความตระหนักรู้ ก่อนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คือ เราไม่สามารถแยกได้ว่า ธุรกิจไหน เป็นแชร์ลูกโซ่ และ เป็นการลงทุนที่ถูกต้อง ดังนั้นความรู้ในเรื่อง เกี่ยวกับการเงิน และการลงทุนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ 🔥3. การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย ต้องยอมรับว่า การเติบโตของเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย ในแพตฟอร์มต่างๆ มีส่วนสำคัญในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และชักชวน ชักจูงผู้คน ให้มาติดกับดัก ในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ได้ง่ายที่สุด ดังนั้น การรับสื่อต่างๆ เราต้องมีความตระหนักรู้ พิจารณา ไตร่ตรอง ให้รอบครอบ ก่อนหลงเชื่อในสิ่งต่างๆ 🔥4. การขาดการยกระดับในการควบคุม ตรวจสอบ และ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ต้องยอมรับความจริงว่า ระบบการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวด รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบ จากหน่วยงาน ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง ยังเป็นการทำงานเชิงรับ มีการดำเนินการ ตรวจสอบข้อร้องเรียนของภาคประชาชน เป็นไปด้วยความล่าช้า ต้องรอให้เกิดความเสียหาย เกิดขึ้นก่อน ถึงจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นต้องยกระดับมาตรฐาน มาตรการในการทำงาน เชิงรุก โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ 🔥5. การสร้างเครือข่าย และ การชักชวนผู้คน ปัจจุบัน พบว่า ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มักจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ ต่างๆ เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชน หรือ ผู้ที่ชื่นชอบดารา คนมีชื่อเสียง และ อินฟูเอนเซอร์ดังกล่าว หลงเข้าไปลงทุน จากการ ชักชวน ชักจูงได้ง่าย ดังนั้น มาตรการณ์ทางกฎหมาย และ จรรยาบรรณ ของดารา นักแสดง อินฟูเอนเซอร์ต่างๆ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม รู้ความผิดชอบชั่วดี อย่าหลงเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เพราะชื่อเสียงที่สะสมมา กับผลประโยชน์ด้วยเงินเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันเทียบกันไม่ได้ 🔥นี่ก็เป็นเพียง 5 สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น การควบคุมความโลภ การศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน ที่ถูกต้อง รวมทั้ง การวิเคราะห์ พิจารณาธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดี ให้รอบด้าน ก่อนเข้าไปลงทุนทุกครั้ง ก็จะสามารถช่วยให้เรา ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กันต์ กันตถาวร” ยันเป็นผู้รับจ้างเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สินค้าทุกสินค้าของดิไอคอนฯ ได้รับรายได้เป็นรายเดือนไม่ใช่เปอร์เซ็นต์จากการขาย ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีอำนาจออกนโยบาย ถูกเรียกว่าบอสเพื่อให้เกียรติ ข้อมูลในการทำสื่อ มีสคริปต์ - ไม่ได้คิดขึ้นเอง ยกเลิกสัญญา 5 ปีไปแล้ว แจง “บอสพอล” เปย์รถหรู เป็นของขวัญ เชื่อเป็นเพราะทำงานด้วยหัวใจ ไลฟ์บอกเป็นผู้บริหาร เพราะทำงานเต็มที่ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว รออีกฝ่ายออกมาชี้แจง แต่ไม่เกิดขึ้น แนะนำเมียให้ทำอาชีพเสริมเพราะเชื่อว่าดี ทนายไม่สบายใจออกสื่อจะถูกออกหมายจับใน 48 ชม. ต้องเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097770

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “กันต์ กันตถาวร” ยันเป็นผู้รับจ้างเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สินค้าทุกสินค้าของดิไอคอนฯ ได้รับรายได้เป็นรายเดือนไม่ใช่เปอร์เซ็นต์จากการขาย ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ไม่มีหุ้นส่วน ไม่มีอำนาจออกนโยบาย ถูกเรียกว่าบอสเพื่อให้เกียรติ ข้อมูลในการทำสื่อ มีสคริปต์ - ไม่ได้คิดขึ้นเอง ยกเลิกสัญญา 5 ปีไปแล้ว แจง “บอสพอล” เปย์รถหรู เป็นของขวัญ เชื่อเป็นเพราะทำงานด้วยหัวใจ ไลฟ์บอกเป็นผู้บริหาร เพราะทำงานเต็มที่ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว รออีกฝ่ายออกมาชี้แจง แต่ไม่เกิดขึ้น แนะนำเมียให้ทำอาชีพเสริมเพราะเชื่อว่าดี ทนายไม่สบายใจออกสื่อจะถูกออกหมายจับใน 48 ชม. ต้องเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097770 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    Wow
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2052 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวNBT Connext ของกรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร ออกมาระบุว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่ช่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่โรงพยาบาลตำรวจ โดยที่ไม่ต้องเข้าเรือนจำ คือ นายวิษณุ ว่า ตนเองยังไม่เห็นข้อความที่นายสนธิโพสต์ ซึ่งเรื่องที่นายสนธิระบุไม่เป็นความจริง และนายสนธิจะมีหลักฐานอย่างไร หรือมีเหตุผลอะไรก็เรื่องของเขา ไม่อยากแก้ข่าวใด ๆ ไม่ขอพูด แต่ขอปฏิเสธว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง

    นายวิษณุ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ขณะนั้นว่า ขณะนั้นอยู่บ้าน และมีเจ้าที่ที่หน้าจากกรมราชทัณฑ์โทรศัพท์มาแจ้งว่า นายทักษิณป่วยหนัก จะต้องนำส่งโรงพยาบาลตำรวจ และนายทักษิณก็ไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วด้วย ซึ่งเวลาที่โทรมาก็เป็นเวลาดึกแล้ว ประมาณ 00.00 น. จึงได้แจ้งกลับว่า ก็แล้วแต่ ขอให้ดูตามอาการก็แล้วกัน ซึ่งคิดว่านายทักษิณน่าจะอยู่รักษาอาการประมาณ 2-3 วัน เพราะไม่รู้ว่า นายทักษิณป่วยหนักขนาดไหน และป่วยเป็นอะไร จากนั้นตนเองก็พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

    นายวิษณุ ยังระบุว่า เรื่องนี้จะไม่ฟ้องกลับนายสนธิ หรือพูดคุยเจรจา ที่ผ่านมาไม่เคยพูดคุยกับนายสนธิ ขอให้เป็นเรื่องของเขา

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Mwy6Ccg2asAdku7j/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    11 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวNBT Connext ของกรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตร ออกมาระบุว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่ช่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่โรงพยาบาลตำรวจ โดยที่ไม่ต้องเข้าเรือนจำ คือ นายวิษณุ ว่า ตนเองยังไม่เห็นข้อความที่นายสนธิโพสต์ ซึ่งเรื่องที่นายสนธิระบุไม่เป็นความจริง และนายสนธิจะมีหลักฐานอย่างไร หรือมีเหตุผลอะไรก็เรื่องของเขา ไม่อยากแก้ข่าวใด ๆ ไม่ขอพูด แต่ขอปฏิเสธว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นายวิษณุ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ขณะนั้นว่า ขณะนั้นอยู่บ้าน และมีเจ้าที่ที่หน้าจากกรมราชทัณฑ์โทรศัพท์มาแจ้งว่า นายทักษิณป่วยหนัก จะต้องนำส่งโรงพยาบาลตำรวจ และนายทักษิณก็ไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วด้วย ซึ่งเวลาที่โทรมาก็เป็นเวลาดึกแล้ว ประมาณ 00.00 น. จึงได้แจ้งกลับว่า ก็แล้วแต่ ขอให้ดูตามอาการก็แล้วกัน ซึ่งคิดว่านายทักษิณน่าจะอยู่รักษาอาการประมาณ 2-3 วัน เพราะไม่รู้ว่า นายทักษิณป่วยหนักขนาดไหน และป่วยเป็นอะไร จากนั้นตนเองก็พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ ยังระบุว่า เรื่องนี้จะไม่ฟ้องกลับนายสนธิ หรือพูดคุยเจรจา ที่ผ่านมาไม่เคยพูดคุยกับนายสนธิ ขอให้เป็นเรื่องของเขา ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Mwy6Ccg2asAdku7j/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 877 มุมมอง 0 รีวิว

  • ‘ดีเอสไอ’ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บุกทลายเหมืองขุด ‘บิทคอยน์’ พบเครื่องขุดกว่า 300 เครื่อง ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวง เสียหายปีละ100ล้านบาท

    9 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวสำนักข่าวอิศราระบุว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยนายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ,เจ้าหน้าที่ DSI และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่ตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 13 จุด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท

    กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ว่า พบการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์อย่างผิดกฎหมาย โดยขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบทำการสืบสวน

    ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายผู้ลักลอบกระทำความผิด รวมตัวเช่าบ้านและอาคารพาณิชย์กว่า 13 แห่ง กระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีการนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศ และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากและกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล จำนวน 300 เครื่อง และควบคุมตัวนายกฤษดา (สงวนนามสกุล) ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของและผู้แล (แอดมิน) ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    นายธนะ กล่าวว่า การขุดเหมืองบิทคอยน์ดังกล่าว จะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการระบุตัวเลขจากมิเตอร์ไฟฟ้าให้มีจำนวนตัวเลขน้อยกว่าความเป็นจริง และจากการตรวจสอบประวัติการชำระค่าไฟฟ้าบ้านเป้าหมายแรก มีเครื่องขุดเงินดิจิทัล 12 เครื่อง กำลังเครื่องละ 3.6 กิโลวัตต์

    แต่กลับพบว่าเครือข่ายดังกล่าว จ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 100-400 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทั้งๆที่ค่าไฟจริงเมื่อคำนวณตามกำลังของอุปกรณ์จะอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องสูญเสียรายได้จำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้ต่อรัฐ จึงได้ประสานขอความร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว

    พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การกระทำผิดในเรื่องนี้ นอกจากเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคไฟฟ้ารายอื่นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้แผ่นดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นำส่งรายได้แผ่นดินเพื่อจะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และมาตรา 335 (1) และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด ซึ่งหากพบความผิดที่เข้าข่ายความผิด ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เพิ่มเติม ก็จะรับเป็นคดีพิเศษต่อไป

    ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ต่างๆ ช่วยกันสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบสถานที่น่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และสำหรับกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเกี่ยวข้อง กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อรักษาความปลอดภัยทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

    https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132463-DSI-Bitcoin-Mining-news.html

    #Thaitime
    ‘ดีเอสไอ’ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บุกทลายเหมืองขุด ‘บิทคอยน์’ พบเครื่องขุดกว่า 300 เครื่อง ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวง เสียหายปีละ100ล้านบาท 9 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวสำนักข่าวอิศราระบุว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยนายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ,เจ้าหน้าที่ DSI และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่ตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 13 จุด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ว่า พบการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์อย่างผิดกฎหมาย โดยขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบทำการสืบสวน ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายผู้ลักลอบกระทำความผิด รวมตัวเช่าบ้านและอาคารพาณิชย์กว่า 13 แห่ง กระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีการนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศ และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากและกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล จำนวน 300 เครื่อง และควบคุมตัวนายกฤษดา (สงวนนามสกุล) ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของและผู้แล (แอดมิน) ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายธนะ กล่าวว่า การขุดเหมืองบิทคอยน์ดังกล่าว จะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการระบุตัวเลขจากมิเตอร์ไฟฟ้าให้มีจำนวนตัวเลขน้อยกว่าความเป็นจริง และจากการตรวจสอบประวัติการชำระค่าไฟฟ้าบ้านเป้าหมายแรก มีเครื่องขุดเงินดิจิทัล 12 เครื่อง กำลังเครื่องละ 3.6 กิโลวัตต์ แต่กลับพบว่าเครือข่ายดังกล่าว จ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 100-400 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทั้งๆที่ค่าไฟจริงเมื่อคำนวณตามกำลังของอุปกรณ์จะอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องสูญเสียรายได้จำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้ต่อรัฐ จึงได้ประสานขอความร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การกระทำผิดในเรื่องนี้ นอกจากเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคไฟฟ้ารายอื่นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้แผ่นดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นำส่งรายได้แผ่นดินเพื่อจะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และมาตรา 335 (1) และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด ซึ่งหากพบความผิดที่เข้าข่ายความผิด ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เพิ่มเติม ก็จะรับเป็นคดีพิเศษต่อไป ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ต่างๆ ช่วยกันสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบสถานที่น่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และสำหรับกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเกี่ยวข้อง กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อรักษาความปลอดภัยทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132463-DSI-Bitcoin-Mining-news.html #Thaitime
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ‘ดีเอสไอ’บุกทลายเหมืองขุด‘บิทคอยน์’ ลักลอบใช้ไฟหลวง-เสียหายปีละกว่า 100 ล้าน
    ‘ดีเอสไอ’ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บุกทลายเหมืองขุด ‘บิทคอยน์’ พบเครื่องขุดกว่า 300 เครื่อง ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวง เสียหายปีละกว่า 100 ล้านบาท
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงอาทิตย์ (Sun) ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌞✨

    ดวงอาทิตย์ ถือเป็นจุดศูนย์กลางและพลังงานหลักในแผนที่ดวงชะตา ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ดวงบุคคลหรือดวงธุรกิจ ดวงอาทิตย์แสดงถึงพลังแห่งการเป็นผู้นำ ทิศทาง และศักยภาพของธุรกิจในการเติบโตและเจริญรุ่งเรือง 💼🌟

    ดวงอาทิตย์ในโหราศาสตร์ธุรกิจมีความหมายอย่างไร? 🔍

    ดวงอาทิตย์ในดวงชะตาธุรกิจสามารถบ่งบอกได้ถึง ภาพลักษณ์หลักของธุรกิจ และ จุดเด่นของแบรนด์ ที่ทำให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงวิธีการที่บริษัทนำเสนอความเป็นตัวเองต่อลูกค้าและสังคม 🌐✨

    การมีดวงอาทิตย์ที่เด่นชัดในดวงชะตาธุรกิจ แปลว่าธุรกิจนั้นจะมีความมั่นใจ มีความโดดเด่น และสามารถเป็นผู้นำในสายงานได้อย่างดีเยี่ยม 🚀💪

    วิธีการใช้ดวงอาทิตย์ในการวางกลยุทธ์ธุรกิจ 📊

    1️⃣ การสร้างแบรนด์: ธุรกิจที่มีดวงอาทิตย์เด่น มักมีศักยภาพในการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจนและมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ✨ เหมาะกับการลงทุนในด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เพื่อทำให้แบรนด์ของคุณเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน 💡

    2️⃣ การเป็นผู้นำในตลาด: การมองหาช่องทางการขยายตัวหรือการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม การวางตำแหน่งแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่ง ควรใช้ดวงอาทิตย์ในการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดตัวแคมเปญ หรือกิจกรรมที่ต้องการให้ธุรกิจได้รับการยอมรับจากสังคม 🎯

    3️⃣ การบริหารและการจัดการ: ดวงอาทิตย์ยังบ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารและการตัดสินใจในธุรกิจได้ดี 🌟 หากดวงอาทิตย์ของธุรกิจอยู่ในราศีที่เป็นธาตุไฟ เช่น ราศีเมษ ราศีสิงห์ หรือราศีธนู อาจหมายถึงการบริหารงานอย่างมั่นใจ กล้าหาญ และมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ 🔥

    สรุป: พลังของดวงอาทิตย์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌞

    ดวงอาทิตย์ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของการเป็นผู้นำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงตัวตนของธุรกิจ แรงบันดาลใจ และความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องการสร้างธุรกิจที่มีความโดดเด่น และต้องการดึงดูดลูกค้า ดวงอาทิตย์ในดวงชะตาธุรกิจของคุณสามารถช่วยบอกได้ว่า คุณควรเน้นการนำเสนอจุดแข็งอะไรบ้าง และควรวางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของคุณเปล่งประกายที่สุด! ✨💼

    #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #ดวงอาทิตย์ #การวางแผนธุรกิจ #ธุรกิจเติบโต #การสร้างแบรนด์ #ความสำเร็จ #ดวงชะตาธุรกิจ #การบริหารธุรกิจ
    ดวงอาทิตย์ (Sun) ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌞✨ ดวงอาทิตย์ ถือเป็นจุดศูนย์กลางและพลังงานหลักในแผนที่ดวงชะตา ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ดวงบุคคลหรือดวงธุรกิจ ดวงอาทิตย์แสดงถึงพลังแห่งการเป็นผู้นำ ทิศทาง และศักยภาพของธุรกิจในการเติบโตและเจริญรุ่งเรือง 💼🌟 ดวงอาทิตย์ในโหราศาสตร์ธุรกิจมีความหมายอย่างไร? 🔍 ดวงอาทิตย์ในดวงชะตาธุรกิจสามารถบ่งบอกได้ถึง ภาพลักษณ์หลักของธุรกิจ และ จุดเด่นของแบรนด์ ที่ทำให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงวิธีการที่บริษัทนำเสนอความเป็นตัวเองต่อลูกค้าและสังคม 🌐✨ การมีดวงอาทิตย์ที่เด่นชัดในดวงชะตาธุรกิจ แปลว่าธุรกิจนั้นจะมีความมั่นใจ มีความโดดเด่น และสามารถเป็นผู้นำในสายงานได้อย่างดีเยี่ยม 🚀💪 วิธีการใช้ดวงอาทิตย์ในการวางกลยุทธ์ธุรกิจ 📊 1️⃣ การสร้างแบรนด์: ธุรกิจที่มีดวงอาทิตย์เด่น มักมีศักยภาพในการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจนและมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง ✨ เหมาะกับการลงทุนในด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เพื่อทำให้แบรนด์ของคุณเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน 💡 2️⃣ การเป็นผู้นำในตลาด: การมองหาช่องทางการขยายตัวหรือการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม การวางตำแหน่งแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่ง ควรใช้ดวงอาทิตย์ในการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดตัวแคมเปญ หรือกิจกรรมที่ต้องการให้ธุรกิจได้รับการยอมรับจากสังคม 🎯 3️⃣ การบริหารและการจัดการ: ดวงอาทิตย์ยังบ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารและการตัดสินใจในธุรกิจได้ดี 🌟 หากดวงอาทิตย์ของธุรกิจอยู่ในราศีที่เป็นธาตุไฟ เช่น ราศีเมษ ราศีสิงห์ หรือราศีธนู อาจหมายถึงการบริหารงานอย่างมั่นใจ กล้าหาญ และมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ 🔥 สรุป: พลังของดวงอาทิตย์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌞 ดวงอาทิตย์ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของการเป็นผู้นำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงตัวตนของธุรกิจ แรงบันดาลใจ และความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องการสร้างธุรกิจที่มีความโดดเด่น และต้องการดึงดูดลูกค้า ดวงอาทิตย์ในดวงชะตาธุรกิจของคุณสามารถช่วยบอกได้ว่า คุณควรเน้นการนำเสนอจุดแข็งอะไรบ้าง และควรวางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของคุณเปล่งประกายที่สุด! ✨💼 #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #ดวงอาทิตย์ #การวางแผนธุรกิจ #ธุรกิจเติบโต #การสร้างแบรนด์ #ความสำเร็จ #ดวงชะตาธุรกิจ #การบริหารธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจของเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 มีประเด็นที่มาของการแพ้คดีที่สมาคมฟุตบอลฯยุคพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงฟ้องบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาตัดสินให้สมาคมฯต้องจ่าย450ล้านบาท เนื้อหาระบุว่า

    “มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ โอดครวญว่า เธอต้องเข้ามาเป็นนายกสมาคม แบบ "ติดลบ" เพราะมีหนี้สิน ถูกทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ เป็นจำนวนมหาศาล

    หนี้ที่เธอกล่าวถึง คือ ค่าชดเชยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ สั่งให้สมาคม ต้องจ่ายให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นจำนวน 450 ล้านบาท

    คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมสมาคมถึงแพ้ เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรกนะครับ

    ย้อนกลับไป ในปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และเขาประกาศจุดยืนไว้ว่า "ผมจะเข้ามาเก็บกวาดบ้าน ผมจะเข้ามาจับโจร"

    สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้ความสำคัญอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการเดินหน้าฟ้องร้อง ผู้ที่มีข้อพิพาทกับสมาคม จำนวนทั้งสิ้น 3 คดี

    2 คดีแรก เกี่ยวกับวรวีร์ มะกูดี เรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่หนองจอก และ เรื่องยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีที่ 3 เกี่ยวข้องกับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน)

    ก่อนที่เราจะไปเล่าคดี สมยศ vs สยามสปอร์ต เราจำเป็นต้องปูพื้นแบ็กกราวน์ของเรื่องก่อน เพื่อความเข้าใจในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น

    ฟุตบอลไทยลีก ก่อตั้งในปี 2539 ณ เวลานั้น คนดูในสนามแทบไม่มี ความนิยมตกต่ำมาก

    ในช่วง 5 ปีแรก (2539-2544) สมาคมยุควิจิตร เกตุแก้ว พยายามจัดการด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ขาดทุนยับ

    นั่นทำให้ สุชาติ มุฑุกัณฑ์ ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลขณะนั้น มาขอร้องให้ บริษัท สยามสปอร์ต ช่วยเป็นออร์กาไนเซอร์ จัดการแข่งขันลีกอาชีพขึ้นมา พร้อมทั้งช่วงประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพราะสยามสปอร์ตเป็นสื่อใหญ่ที่มีทรัพยากรในมือ น่าจะช่วยสร้างความนิยมให้ไทยลีกได้

    สิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยน ก็คือ ให้สยามสปอร์ตเป็น "ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของไทยลีก"

    สำหรับส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละปีนั้น มีรายงานว่า

    - ถ้าได้กำไร สยามสปอร์ตจะได้ ส่วนแบ่งกำไร 95% สมาคมได้ 5%
    - ถ้าขาดทุน สยามสปอร์ตต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด

    ถ้าดูตัวเลขนี้ (95% - 5%) ดูเหมือนสยามสปอร์ตจะได้ส่วนแบ่งเยอะก็จริง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่มีมูลค่า ถ้าสมาคมเอาไปทำเอง อย่าว่าแต่กำไร 5% เลย มีแต่จะเข้าเนื้อก็เท่านั้น

    และต่อให้สยามสปอร์ตจะเอาไปทำ ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายอะไร สุดท้ายสัญญาก็เลยออกมาในรูปแบบนั้น

    ดีลระหว่างสยามสปอร์ต กับ สมาคมในยุควิจิตร เกตุแก้ว ก็เลยเกิดขึ้น โดยสยามสปอร์ตมีหน้าที่ ต้องจัดการแข่งขันและโปรโมท ไทยลีก, ลีกรอง และ ลีกภูมิภาคทั้งหมด

    ระวิ โหลทอง ผู้บริหารสูงสุดของสยามสปอร์ตกล่าวไว้ว่า "ถ้าผมทำฟุตบอลนอกอย่างเดียว ผมก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่เมื่อผมมาทำไทยลีก ก็ไม่อยากให้มีปัญหาต่อกัน ผมลงทุนทำทีมฟุตบอลเพื่อให้วงการสนุก ส่วนตัวแล้วเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาสำหรับผม คนอาจจะมองว่าสยามสปอร์ตได้กำไร แต่มันไม่ใช่ หุ้นบริษัทก็ไม่เคยกระดิก"

    นับจากปี 2544 สยามสปอร์ตเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของไทยลีกมาเรื่อยๆ

    ซึ่งระหว่างนี้ นายกสมาคม เปลี่ยนคนจากวิจิตร เกตุแก้ว เป็นวรวีร์ มะกูดี แต่ก็ยังเซ็นสัญญากันต่อเนื่องกันไป ไม่มีปัญหาอะไร

    รายงานจาก Thaipublica เปิดเผยว่าสยามสปอร์ตในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ ได้กำไรน้อยมาก โดยเนื้อหาระบุว่า "แม้เม็ดเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ จะไหลผ่านสยามสปอร์ตปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกที่ได้จากทรูวิชั่นส์ ต้องเอาไปแบ่งให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสด ที่มีข้อบังคับว่า ต้องถ่ายทอดสดปีละไม่ต่ำกว่า 500 แมตช์ คำนวณแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรเท่าไหร่"

    ผู้บริหารระดับสูงของสยามสปอร์ตรายหนึ่งอธิบายว่า "สิ่งที่บริษัทได้รับ ไม่ใช่กำไรจากการเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์โดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เพราะยิ่งวงการฟุตบอลไทยเติบโตเท่าไหร่ ยอดขายสื่อในเครือ และเงินค่าโฆษณาก็ยิ่งเติบโตขึ้น"

    ในปี 2556 สมาคมฟุตบอลยุควรวีร์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับสยามสปอร์ต ให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก อีก 10 ปี (2556-2565)

    โดยจุดนี้ มีรายงานไม่ตรงกัน บางแหล่งบอกว่า ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 95% - 5% ตามเดิม แต่บางแหล่งข่าวบอกว่า ถูกปรับเป็น 50% - 50% แล้ว

    ตอนนั้นแม้จะต่อสัญญากันระยะยาว แต่ดราม่าไม่มี เพราะไทยลีกยังไม่บูม หลายคนมองว่าไทยลีก เป็นเผือกร้อนด้วยซ้ำ ที่โอกาสขาดทุน มากกว่ากำไร

    อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันสำคัญก็เกิดขึ้น ในปี 2557 เมื่อเกิดปรากฏการณ์ "บอลไทยฟีเวอร์"

    เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง รับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ แล้วพาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ AFF เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งทำผลงานมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จนทีมไทย เข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี

    ทีมชาติชุดใหญ่ มีสตาร์ขึ้นมาประดับวงการพร้อมกันหลายคน เช่น ชนาธิป สรงกระสินธิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ ในช่วง AFF จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยผู้เล่นซีเนียร์ ทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน คือไม่ใช่แค่ชุดใหญ่เท่านั้น แต่บอลเยาวชน ไทยฟอร์มดีมาก คว้าชัยชนะได้ทุกรุ่น

    ทุกอย่างมันส่งเสริมกัน ทำให้ทีมชาติไทย บูมขึ้นแบบพุ่งทะยาน อานิสงส์ก็กลับมาหาไทยลีก ที่มีคนเข้ามาดูอย่างคับคั่ง ทั้งขาจร-ขาประจำ ขณะที่ เรตติ้งถ่ายทอดสดพุ่งสูงมาก

    นักกีฬากลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ละคนได้รับงานโฆษณา เป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากค่าจ้างในการเล่นฟุตบอลด้วย

    ความนิยมของไทยลีก ทำให้ทรูวิชั่นส์ จ่ายเงินค่าถ่ายทอดสด สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ สัญญา 4 ปี 4,200 ล้านบาท (เฉลี่ยฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท)

    ไม่ใช่แค่ไทยลีก แต่ลิขสิทธิ์ของทีมชาติชุดใหญ่ ก็ขายได้ราคาดีมาก ในช่วงบอลไทยฟีเวอร์ สามารถขายลิขสิทธิ์ทีมชาติ กับทางไทยรัฐทีวี ได้เงินนัดละ 750,000 บาท

    จากที่สยามสปอร์ต เคยเข้าเนื้อมาหลายๆ ปีติดต่อกัน ในที่สุด เมื่อบอลไทยบูมพร้อมกัน ทั้งสโมสรและทีมชาติ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเก็บเกี่ยวกำไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว

    แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสมาคมมีการเลือกตั้งนายกครั้งใหม่ และพล.ต.อ.สมยศ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ล้างบางขั้วเก่าจนราบคาบ

    สิ่งที่ยังกั๊กๆ กันอยู่ คือพล.ต.อ.สมยศเป็นนายกก็จริง แต่คนดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก จนถึงปี 2565 ดันเป็นสยามสปอร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขั้วอำนาจเก่าของวรวีร์

    ในมุมของพล.ต.อ.สมยศ จึงเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเองเป็นนายกสมาคมแท้ๆ แต่ผลกำไรของบอลไทย กลับไปตกอยู่ในมือของอีกขั้วหนึ่ง

    นอกจากนั้น ในมุมของสมาคม มั่นใจว่าถ้าหาผู้ดูแลเจ้าอื่น สมาคมน่าจะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้

    หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ ชนะเลือกตั้งเพียงแค่เดือนเดียว มีนาคม 2559 เขาตัดสินใจประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับสยามสปอร์ต ในช่วง 7 ปีที่เหลือ (2559-2565)

    พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ว่า "เราพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นสัญญาผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ ส่งผลให้สมาคม ไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินการได้ด้วยตัวเอง"

    อธิบายคือ สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นกัน สยามสปอร์ตจะเป็นฝ่ายแจ้งเองว่าปีนี้ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วจะแบ่งจัดสรรให้สมาคมเอง แต่ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย

    วิธีการนี้ ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่าย "ขั้นต่ำ" เท่าไหร่ คือไม่มีตัวเลขระบุ ฝั่งสมาคมเอง ก็มองว่า แบบนี้จะตกแต่งเลขอย่างไรก็ได้น่ะสิ

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งกับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ผมเข้ามาทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ สมาคม และอาสาเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็อยากทำให้ถูกต้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาคมฯ และประชาชนชาวไทย"

    หลังจากยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต 1 เดือนเท่านั้น เมษายน 2559 สมาคมเซ็นสัญญากับ แพลนบี มีเดีย เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์รายใหม่แทน

    เซ็นฉบับแรก (4 ปี) ในปี 2559-2563 และเซ็นในฉบับที่สอง (8 ปี) ในช่วงปี 2564-2571

    และคดีความที่เป็นข่าวใหญ่ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้

    เพราะฝั่งสยามสปอร์ตยอมไม่ได้ ที่โดนฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ถึง 7 ปีทิ้งลงดื้อๆ

    คือในมุมของสยามสปอร์ตนั้น สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ จะคิดว่าสัญญาไม่เป็นธรรม หรือ ได้ส่วนแบ่งน้อย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อมันมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้องแล้ว มาโดนฉีกทิ้งแบบนี้ เขาก็เสียหายทางธุรกิจเช่นกัน แล้วแผนงานที่เตรียมไว้หลายปีต่อจากนี้ ใครจะรับผิดชอบ

    ที่ผ่านมา เขาลงทุนกับบอลไทยมาตั้งเยอะ แล้วพอวันที่มีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มาโดนฉีกสัญญาทิ้ง มันยุติธรรมกับเขาหรือไม่?

    นั่นทำให้ สยามสปอร์ตจึงฟ้องสมาคมฟุตบอล ในคดีแพ่ง ข้อหาผิดสัญญา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,400 ล้านบาท

    ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ รับฟ้องคดีนี้ โดยสยามสปอร์ตเป็นโจทก์ สมาคมฟุตบอลเป็นจำเลย

    ในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ศาลชั้นต้นตัดสินให้สยามสปอร์ตชนะคดี สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านบาท โทษฐานบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ

    อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจนักกับผลการตัดสิน โดยฝ่ายกฎหมายของสยามสปอร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับเรา อย่างไรก็ตามสยามสปอร์ต จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในประเด็นเงินค่าเสียหาย ซึ่งทางเรามองว่า มีความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท"

    แต่ฝั่งสมาคมฯ เองก็ไม่ยอมเช่นกัน โดยพล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า "ผมให้ความเคารพคำสั่งศาล แต่นี่เป็นเพียงศาลชั้นต้น สมาคมจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอย่างแน่นอน"

    การต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ดำเนินการมาถึง 2 ปี และในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลข 50 ล้านที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สมาคม ชดใช้ มันน้อยเกินไป

    และมีคำพิพากษาแก้ ให้สมาคมฯ จ่ายเงินให้สยามสปอร์ตเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

    จากศาลชั้นต้น 50 ล้านบาท สุดท้ายมาที่ศาลอุทธรณ์ ตัวเงินเด้งขึ้นไปที่ 450 ล้านบาท

    คำวินิจฉัยจากศาล ระบุว่า

    "แม้การบอกเลิกสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ จะทำเพื่อการพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีความชัดเจนด้านค่าตอบแทน จำนวนค่าตอบแทน รวมถึง คู่สัญญาที่ฝ่ายจำเลย อาจมองว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่าก็ตาม ทั้งหมด ก็มิได้เป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์"

    เมื่อจบศาลอุทธรณ์ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่ แต่ฝั่งพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ยอม และตัดสินใจยื่นไปที่ฎีกาเป็นศาลสุดท้าย

    ตอนนี้การพิจารณาฎีกายังไม่ออกมา แต่สมาคมแพ้มา 2 ศาลแล้ว คงยากมาก ที่จะพลิกสถานการณ์ เอาตัวรอด ไม่เสียเงินในศาลสุดท้าย เพียงแต่จะจบแค่กี่บาทเท่านั้น

    คือฝั่ง พล.ต.อ.สมยศ มีสิทธิ์คิดอย่างไรก็ได้

    - คุณไม่พอใจได้ ที่ยุควรวีร์เซ็นสัญญายาวถึง 10 ปี กับสยามสปอร์ต

    - คุณไม่พอใจได้ ที่มองว่าส่วนแบ่งน้อยเกินไปแค่ 5%

    แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่การหักดิบ โดยฉีกสัญญาทิ้ง ทางที่ดีกว่านั้นคือการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่พอคุณไปยกเลิกดื้อๆ แบบนั้น เขาก็ไปสู้ด้วยกฎหมายสิ

    และในมุมของศาล ก็ต้องตัดสินตามหลักฐานที่มันเป็นจริง แค่นั้นเอง

    ------------------------

    นั่นคือเหตุผลที่มาดามแป้ง ให้สัมภาษณ์ในวันก่อนว่า "แป้งไม่ได้มาตั้งต้นทางการเงินที่ศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ติดลบ ติดลบ มันไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทำ เพราะสมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นมา 109 ปี ก็ต้องอยู่ต่อไป"

    เธอออกสตาร์ตมา ยังไม่ทันทำงานทำการ ก็มีหนี้สิ้น 450 ล้านบาท รออยู่ ถือว่าเป็นนายกสมาคมที่เหนื่อยสาหัส ตั้งแต่วันแรกที่รับงานทีเดียว

    เอาจริงๆ ก็เห็นใจมาดามแป้งอยู่ เธอเพิ่งมารับงานได้ไม่ถึงปี แต่เจอสารพัดปัญหาให้ต้องแก้ ทั้งเรื่องมูลค่าบอลไทยตกต่ำ รวมถึงเรื่อง สมาคมติดหนี้ติดสิน คงได้แต่เป็นกำลังใจให้เธอ ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้

    กับคำถามคือ จะเอาเงิน 450 ล้านจากไหนมาจ่ายสยามสปอร์ต? หรือว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการบาร์เตอร์ ทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อไป

    พูดกันตรงๆ ว่า ถ้าคนที่มีหัวด้านธุรกิจ และ ทำงานด้านฟุตบอลมาหลายปี อย่างมาดามแป้ง ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีใครในประเทศไทย มาจัดการเรื่องนี้ได้อีก

    สำหรับกรณีเรื่อง สมาคม vs สยามสปอร์ตครั้งนี้ บทเรียนสำคัญคือ ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง

    แต่เมื่อมันมีสัญญาผูกพันกันไว้ การไปฉีกสัญญาทิ้งดื้อๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง

    สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้เขาลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป้าหมายการจับโจร ที่เขาตั้งใจไว้วันแรก ก็ไม่รู้ว่าสำเร็จไหม จับใครได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้สมาคมโดนฟ้องร้องจนเป็นหนี้เป็นสิน เป็นภาระให้คนที่มาสานงานต่ออย่างมาก

    เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า การเป็นนายกสมาคมฟุตบอล เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย แค่บู๊อย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องฉลาดรอบรู้อีกด้วย

    ถ้าทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด องค์กรก็จะต้องเจอสถานการณ์ลำบาก เป็นภาระให้คนรับงานต่อ เหมือนอย่างที่สมาคมฟุตบอลต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้”
    ที่มา : https://www.facebook.com/share/ZvKUvXwxRkMKfBci/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    บทความน่าสนใจของเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 มีประเด็นที่มาของการแพ้คดีที่สมาคมฟุตบอลฯยุคพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงฟ้องบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาตัดสินให้สมาคมฯต้องจ่าย450ล้านบาท เนื้อหาระบุว่า “มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ โอดครวญว่า เธอต้องเข้ามาเป็นนายกสมาคม แบบ "ติดลบ" เพราะมีหนี้สิน ถูกทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ เป็นจำนวนมหาศาล หนี้ที่เธอกล่าวถึง คือ ค่าชดเชยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ สั่งให้สมาคม ต้องจ่ายให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นจำนวน 450 ล้านบาท คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมสมาคมถึงแพ้ เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรกนะครับ ย้อนกลับไป ในปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และเขาประกาศจุดยืนไว้ว่า "ผมจะเข้ามาเก็บกวาดบ้าน ผมจะเข้ามาจับโจร" สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้ความสำคัญอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการเดินหน้าฟ้องร้อง ผู้ที่มีข้อพิพาทกับสมาคม จำนวนทั้งสิ้น 3 คดี 2 คดีแรก เกี่ยวกับวรวีร์ มะกูดี เรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่หนองจอก และ เรื่องยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีที่ 3 เกี่ยวข้องกับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ก่อนที่เราจะไปเล่าคดี สมยศ vs สยามสปอร์ต เราจำเป็นต้องปูพื้นแบ็กกราวน์ของเรื่องก่อน เพื่อความเข้าใจในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น ฟุตบอลไทยลีก ก่อตั้งในปี 2539 ณ เวลานั้น คนดูในสนามแทบไม่มี ความนิยมตกต่ำมาก ในช่วง 5 ปีแรก (2539-2544) สมาคมยุควิจิตร เกตุแก้ว พยายามจัดการด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ขาดทุนยับ นั่นทำให้ สุชาติ มุฑุกัณฑ์ ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลขณะนั้น มาขอร้องให้ บริษัท สยามสปอร์ต ช่วยเป็นออร์กาไนเซอร์ จัดการแข่งขันลีกอาชีพขึ้นมา พร้อมทั้งช่วงประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพราะสยามสปอร์ตเป็นสื่อใหญ่ที่มีทรัพยากรในมือ น่าจะช่วยสร้างความนิยมให้ไทยลีกได้ สิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยน ก็คือ ให้สยามสปอร์ตเป็น "ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของไทยลีก" สำหรับส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละปีนั้น มีรายงานว่า - ถ้าได้กำไร สยามสปอร์ตจะได้ ส่วนแบ่งกำไร 95% สมาคมได้ 5% - ถ้าขาดทุน สยามสปอร์ตต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด ถ้าดูตัวเลขนี้ (95% - 5%) ดูเหมือนสยามสปอร์ตจะได้ส่วนแบ่งเยอะก็จริง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่มีมูลค่า ถ้าสมาคมเอาไปทำเอง อย่าว่าแต่กำไร 5% เลย มีแต่จะเข้าเนื้อก็เท่านั้น และต่อให้สยามสปอร์ตจะเอาไปทำ ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายอะไร สุดท้ายสัญญาก็เลยออกมาในรูปแบบนั้น ดีลระหว่างสยามสปอร์ต กับ สมาคมในยุควิจิตร เกตุแก้ว ก็เลยเกิดขึ้น โดยสยามสปอร์ตมีหน้าที่ ต้องจัดการแข่งขันและโปรโมท ไทยลีก, ลีกรอง และ ลีกภูมิภาคทั้งหมด ระวิ โหลทอง ผู้บริหารสูงสุดของสยามสปอร์ตกล่าวไว้ว่า "ถ้าผมทำฟุตบอลนอกอย่างเดียว ผมก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่เมื่อผมมาทำไทยลีก ก็ไม่อยากให้มีปัญหาต่อกัน ผมลงทุนทำทีมฟุตบอลเพื่อให้วงการสนุก ส่วนตัวแล้วเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาสำหรับผม คนอาจจะมองว่าสยามสปอร์ตได้กำไร แต่มันไม่ใช่ หุ้นบริษัทก็ไม่เคยกระดิก" นับจากปี 2544 สยามสปอร์ตเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของไทยลีกมาเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างนี้ นายกสมาคม เปลี่ยนคนจากวิจิตร เกตุแก้ว เป็นวรวีร์ มะกูดี แต่ก็ยังเซ็นสัญญากันต่อเนื่องกันไป ไม่มีปัญหาอะไร รายงานจาก Thaipublica เปิดเผยว่าสยามสปอร์ตในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ ได้กำไรน้อยมาก โดยเนื้อหาระบุว่า "แม้เม็ดเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ จะไหลผ่านสยามสปอร์ตปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกที่ได้จากทรูวิชั่นส์ ต้องเอาไปแบ่งให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสด ที่มีข้อบังคับว่า ต้องถ่ายทอดสดปีละไม่ต่ำกว่า 500 แมตช์ คำนวณแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรเท่าไหร่" ผู้บริหารระดับสูงของสยามสปอร์ตรายหนึ่งอธิบายว่า "สิ่งที่บริษัทได้รับ ไม่ใช่กำไรจากการเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์โดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เพราะยิ่งวงการฟุตบอลไทยเติบโตเท่าไหร่ ยอดขายสื่อในเครือ และเงินค่าโฆษณาก็ยิ่งเติบโตขึ้น" ในปี 2556 สมาคมฟุตบอลยุควรวีร์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับสยามสปอร์ต ให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก อีก 10 ปี (2556-2565) โดยจุดนี้ มีรายงานไม่ตรงกัน บางแหล่งบอกว่า ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 95% - 5% ตามเดิม แต่บางแหล่งข่าวบอกว่า ถูกปรับเป็น 50% - 50% แล้ว ตอนนั้นแม้จะต่อสัญญากันระยะยาว แต่ดราม่าไม่มี เพราะไทยลีกยังไม่บูม หลายคนมองว่าไทยลีก เป็นเผือกร้อนด้วยซ้ำ ที่โอกาสขาดทุน มากกว่ากำไร อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันสำคัญก็เกิดขึ้น ในปี 2557 เมื่อเกิดปรากฏการณ์ "บอลไทยฟีเวอร์" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง รับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ แล้วพาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ AFF เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งทำผลงานมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จนทีมไทย เข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ทีมชาติชุดใหญ่ มีสตาร์ขึ้นมาประดับวงการพร้อมกันหลายคน เช่น ชนาธิป สรงกระสินธิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ ในช่วง AFF จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยผู้เล่นซีเนียร์ ทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน คือไม่ใช่แค่ชุดใหญ่เท่านั้น แต่บอลเยาวชน ไทยฟอร์มดีมาก คว้าชัยชนะได้ทุกรุ่น ทุกอย่างมันส่งเสริมกัน ทำให้ทีมชาติไทย บูมขึ้นแบบพุ่งทะยาน อานิสงส์ก็กลับมาหาไทยลีก ที่มีคนเข้ามาดูอย่างคับคั่ง ทั้งขาจร-ขาประจำ ขณะที่ เรตติ้งถ่ายทอดสดพุ่งสูงมาก นักกีฬากลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ละคนได้รับงานโฆษณา เป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากค่าจ้างในการเล่นฟุตบอลด้วย ความนิยมของไทยลีก ทำให้ทรูวิชั่นส์ จ่ายเงินค่าถ่ายทอดสด สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ สัญญา 4 ปี 4,200 ล้านบาท (เฉลี่ยฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท) ไม่ใช่แค่ไทยลีก แต่ลิขสิทธิ์ของทีมชาติชุดใหญ่ ก็ขายได้ราคาดีมาก ในช่วงบอลไทยฟีเวอร์ สามารถขายลิขสิทธิ์ทีมชาติ กับทางไทยรัฐทีวี ได้เงินนัดละ 750,000 บาท จากที่สยามสปอร์ต เคยเข้าเนื้อมาหลายๆ ปีติดต่อกัน ในที่สุด เมื่อบอลไทยบูมพร้อมกัน ทั้งสโมสรและทีมชาติ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเก็บเกี่ยวกำไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสมาคมมีการเลือกตั้งนายกครั้งใหม่ และพล.ต.อ.สมยศ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ล้างบางขั้วเก่าจนราบคาบ สิ่งที่ยังกั๊กๆ กันอยู่ คือพล.ต.อ.สมยศเป็นนายกก็จริง แต่คนดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก จนถึงปี 2565 ดันเป็นสยามสปอร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขั้วอำนาจเก่าของวรวีร์ ในมุมของพล.ต.อ.สมยศ จึงเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเองเป็นนายกสมาคมแท้ๆ แต่ผลกำไรของบอลไทย กลับไปตกอยู่ในมือของอีกขั้วหนึ่ง นอกจากนั้น ในมุมของสมาคม มั่นใจว่าถ้าหาผู้ดูแลเจ้าอื่น สมาคมน่าจะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้ หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ ชนะเลือกตั้งเพียงแค่เดือนเดียว มีนาคม 2559 เขาตัดสินใจประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับสยามสปอร์ต ในช่วง 7 ปีที่เหลือ (2559-2565) พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ว่า "เราพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นสัญญาผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ ส่งผลให้สมาคม ไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินการได้ด้วยตัวเอง" อธิบายคือ สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นกัน สยามสปอร์ตจะเป็นฝ่ายแจ้งเองว่าปีนี้ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วจะแบ่งจัดสรรให้สมาคมเอง แต่ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย วิธีการนี้ ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่าย "ขั้นต่ำ" เท่าไหร่ คือไม่มีตัวเลขระบุ ฝั่งสมาคมเอง ก็มองว่า แบบนี้จะตกแต่งเลขอย่างไรก็ได้น่ะสิ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งกับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ผมเข้ามาทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ สมาคม และอาสาเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็อยากทำให้ถูกต้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาคมฯ และประชาชนชาวไทย" หลังจากยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต 1 เดือนเท่านั้น เมษายน 2559 สมาคมเซ็นสัญญากับ แพลนบี มีเดีย เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์รายใหม่แทน เซ็นฉบับแรก (4 ปี) ในปี 2559-2563 และเซ็นในฉบับที่สอง (8 ปี) ในช่วงปี 2564-2571 และคดีความที่เป็นข่าวใหญ่ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้ เพราะฝั่งสยามสปอร์ตยอมไม่ได้ ที่โดนฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ถึง 7 ปีทิ้งลงดื้อๆ คือในมุมของสยามสปอร์ตนั้น สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ จะคิดว่าสัญญาไม่เป็นธรรม หรือ ได้ส่วนแบ่งน้อย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อมันมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้องแล้ว มาโดนฉีกทิ้งแบบนี้ เขาก็เสียหายทางธุรกิจเช่นกัน แล้วแผนงานที่เตรียมไว้หลายปีต่อจากนี้ ใครจะรับผิดชอบ ที่ผ่านมา เขาลงทุนกับบอลไทยมาตั้งเยอะ แล้วพอวันที่มีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มาโดนฉีกสัญญาทิ้ง มันยุติธรรมกับเขาหรือไม่? นั่นทำให้ สยามสปอร์ตจึงฟ้องสมาคมฟุตบอล ในคดีแพ่ง ข้อหาผิดสัญญา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,400 ล้านบาท ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ รับฟ้องคดีนี้ โดยสยามสปอร์ตเป็นโจทก์ สมาคมฟุตบอลเป็นจำเลย ในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ศาลชั้นต้นตัดสินให้สยามสปอร์ตชนะคดี สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านบาท โทษฐานบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจนักกับผลการตัดสิน โดยฝ่ายกฎหมายของสยามสปอร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับเรา อย่างไรก็ตามสยามสปอร์ต จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในประเด็นเงินค่าเสียหาย ซึ่งทางเรามองว่า มีความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท" แต่ฝั่งสมาคมฯ เองก็ไม่ยอมเช่นกัน โดยพล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า "ผมให้ความเคารพคำสั่งศาล แต่นี่เป็นเพียงศาลชั้นต้น สมาคมจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอย่างแน่นอน" การต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ดำเนินการมาถึง 2 ปี และในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลข 50 ล้านที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สมาคม ชดใช้ มันน้อยเกินไป และมีคำพิพากษาแก้ ให้สมาคมฯ จ่ายเงินให้สยามสปอร์ตเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี จากศาลชั้นต้น 50 ล้านบาท สุดท้ายมาที่ศาลอุทธรณ์ ตัวเงินเด้งขึ้นไปที่ 450 ล้านบาท คำวินิจฉัยจากศาล ระบุว่า "แม้การบอกเลิกสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ จะทำเพื่อการพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีความชัดเจนด้านค่าตอบแทน จำนวนค่าตอบแทน รวมถึง คู่สัญญาที่ฝ่ายจำเลย อาจมองว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่าก็ตาม ทั้งหมด ก็มิได้เป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์" เมื่อจบศาลอุทธรณ์ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่ แต่ฝั่งพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ยอม และตัดสินใจยื่นไปที่ฎีกาเป็นศาลสุดท้าย ตอนนี้การพิจารณาฎีกายังไม่ออกมา แต่สมาคมแพ้มา 2 ศาลแล้ว คงยากมาก ที่จะพลิกสถานการณ์ เอาตัวรอด ไม่เสียเงินในศาลสุดท้าย เพียงแต่จะจบแค่กี่บาทเท่านั้น คือฝั่ง พล.ต.อ.สมยศ มีสิทธิ์คิดอย่างไรก็ได้ - คุณไม่พอใจได้ ที่ยุควรวีร์เซ็นสัญญายาวถึง 10 ปี กับสยามสปอร์ต - คุณไม่พอใจได้ ที่มองว่าส่วนแบ่งน้อยเกินไปแค่ 5% แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่การหักดิบ โดยฉีกสัญญาทิ้ง ทางที่ดีกว่านั้นคือการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่พอคุณไปยกเลิกดื้อๆ แบบนั้น เขาก็ไปสู้ด้วยกฎหมายสิ และในมุมของศาล ก็ต้องตัดสินตามหลักฐานที่มันเป็นจริง แค่นั้นเอง ------------------------ นั่นคือเหตุผลที่มาดามแป้ง ให้สัมภาษณ์ในวันก่อนว่า "แป้งไม่ได้มาตั้งต้นทางการเงินที่ศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ติดลบ ติดลบ มันไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทำ เพราะสมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นมา 109 ปี ก็ต้องอยู่ต่อไป" เธอออกสตาร์ตมา ยังไม่ทันทำงานทำการ ก็มีหนี้สิ้น 450 ล้านบาท รออยู่ ถือว่าเป็นนายกสมาคมที่เหนื่อยสาหัส ตั้งแต่วันแรกที่รับงานทีเดียว เอาจริงๆ ก็เห็นใจมาดามแป้งอยู่ เธอเพิ่งมารับงานได้ไม่ถึงปี แต่เจอสารพัดปัญหาให้ต้องแก้ ทั้งเรื่องมูลค่าบอลไทยตกต่ำ รวมถึงเรื่อง สมาคมติดหนี้ติดสิน คงได้แต่เป็นกำลังใจให้เธอ ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้ กับคำถามคือ จะเอาเงิน 450 ล้านจากไหนมาจ่ายสยามสปอร์ต? หรือว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการบาร์เตอร์ ทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อไป พูดกันตรงๆ ว่า ถ้าคนที่มีหัวด้านธุรกิจ และ ทำงานด้านฟุตบอลมาหลายปี อย่างมาดามแป้ง ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีใครในประเทศไทย มาจัดการเรื่องนี้ได้อีก สำหรับกรณีเรื่อง สมาคม vs สยามสปอร์ตครั้งนี้ บทเรียนสำคัญคือ ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมันมีสัญญาผูกพันกันไว้ การไปฉีกสัญญาทิ้งดื้อๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้เขาลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป้าหมายการจับโจร ที่เขาตั้งใจไว้วันแรก ก็ไม่รู้ว่าสำเร็จไหม จับใครได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้สมาคมโดนฟ้องร้องจนเป็นหนี้เป็นสิน เป็นภาระให้คนที่มาสานงานต่ออย่างมาก เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า การเป็นนายกสมาคมฟุตบอล เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย แค่บู๊อย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องฉลาดรอบรู้อีกด้วย ถ้าทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด องค์กรก็จะต้องเจอสถานการณ์ลำบาก เป็นภาระให้คนรับงานต่อ เหมือนอย่างที่สมาคมฟุตบอลต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้” ที่มา : https://www.facebook.com/share/ZvKUvXwxRkMKfBci/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีศึกษาโรงแรมแชงกรีล่าเชียงใหม่รอดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ตลอด 17 ปีเพราะมีวิสัยทัศน์และสติปัญญา บริหารระบบจัดการระบายน้ำและติดตั้ง Flood Gate ป้องกันน้ำท่วมที่ภาครัฐต้องมาเรียนรู้นำไปใช้แก้วิกฤติให้ประชาชน

    ท่ามกลางวิกฤติน้ำท่วมหนักรอบร้อยปีของจังหวัดเชียงใหม่ ทีมวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ โดยที่สถานีP1 แก้วนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีระดับน้ำสูงสุดเป็นประวัติศาตร์วัดได้ที่ 5.30 เมตรเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมานั้น แต่ปรากฏว่ามีโรงแรม 5 ดาว ชื่อว่า โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลับรอด ไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมแต่อย่างใด และเป็นพื้นที่แห้งเพียงหนึ่งเดียวบนถนนช้างคลานที่เต็มไปด้วยมวลน้ำระดับสูงเกือบ 1 เมตร

    ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด และประชาสัมพันธ์ โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่ กล่าวยอมรับว่า ตั้งแต่ที่โรงแรมเปิดกิจการเมื่อปี 2550 ได้มีการวางระบบในการป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากถนนช้างคลานเป็นพื้นที่ที่เคยประสบกับปัญหาน้ำท่วม โดยได้นำเอานวัตกรรมระบบป้องกันน้ำท่วม Flood Gate ซึ่งเป็นประตูกั้นน้ำที่ทำจากเหล็กพ่นกันสนิมอีพ็อกซี่ ส่วนตัวเสาเป็นอลูมิเนียม โดยมีการติดตั้งทั้งหมด 3 จุด ด้วยกันคือ
    จุดแรก คือบริเวณประตูด้านหน้าทางเข้าโรงแรม
    จุดที่ 2 ประตูทางลงบริเวณลานจอดรถ
    จุดที่ 3 บริเวณลานจอดรถชั้นล่าง

    พร้อมทั้งมีการวางระบบท่อน้ำโดยรอบโรงแรม เพื่อระบายน้ำที่เข้ามาให้ลงไปสู่บ่อเก็บน้ำของโรงแรม อีกทั้งยังมีเครื่องสูบน้ำ จำนวนสามเครื่องในการสูบน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำ รวมถึงการใช้ประตูปิดเปิดน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากโรงแรม ในขณะเดียวกันหากเกิดกรณีน้ำท่วม ประตูนี้จะถูกปิดเพื่อกันน้ำด้านนอกเข้าสู่บริเวณโรงแรม ทำให้ตลอดเวลากว่า 17 ปี โรงแรมไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด

    นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังให้ความสำคัญในการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุในทุกสถานการณ์ เช่น น้ำท่วม, ไฟไหม้ และการประท้วง เป็นประจำทุก 1- 2 เดือน และมีทีมดูแลความปลอดภัยที่จะทำหน้าที่ในการประเมินสถานการณ์ อย่างเช่น กรณีที่เกิดอุทกภัย ทีมจะมีการประเมินสถานการณ์น้ำทุกชั่วโมง และเกาะติดการแจ้งเตือนจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะมีการส่งในไลน์กลุ่มที่ตั้งขึ้นมา และพร้อมที่จะทำการติดตั้ง Flood Gate ได้ภายใน 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนที่มวลน้ำจะทะลักเข้ามาในย่านถนนช้างคลาน

    "ตั้งแต่เปิดบริการ จังหวัดเชียงใหม่ประสบกับอุทกภัยเมื่อปี 2554, 2565, 2566 และ 2567 และน้ำทะลักเข้ามาในพื้นที่ถนนช้างคลาน แต่ไม่เคยเกิดเหตุน้ำท่วมเข้ามาในโรงแรมแต่อย่างใด และในระหว่างที่ภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ประสบกับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมนั้น ธุรกิจของเรายังคงเปิดให้บริการตามปกติ จำนวน 277 ห้อง และลูกค้าก็ใช้บริการภายในโรงแรมกันตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ ใช้บริการสปา และรับประทานอาหาร ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการเข้าพักต่างมีความพอใจในการบริหารจัดการการป้องกันน้ำท่วมของโรงแรม และต้องขอขอบคุณที่มีการชื่นชมการรับมือกับภัยพิบัติของโรงแรม ซึ่งก็พร้อมที่จะให้หน่วยงานที่สนใจเข้ามาศึกษาดูระบบของโรงแรมได้"

    ที่มา : ข่าวคมชัดลึก

    #Thaitimes
    กรณีศึกษาโรงแรมแชงกรีล่าเชียงใหม่รอดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ตลอด 17 ปีเพราะมีวิสัยทัศน์และสติปัญญา บริหารระบบจัดการระบายน้ำและติดตั้ง Flood Gate ป้องกันน้ำท่วมที่ภาครัฐต้องมาเรียนรู้นำไปใช้แก้วิกฤติให้ประชาชน ท่ามกลางวิกฤติน้ำท่วมหนักรอบร้อยปีของจังหวัดเชียงใหม่ ทีมวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ โดยที่สถานีP1 แก้วนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีระดับน้ำสูงสุดเป็นประวัติศาตร์วัดได้ที่ 5.30 เมตรเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมานั้น แต่ปรากฏว่ามีโรงแรม 5 ดาว ชื่อว่า โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลับรอด ไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมแต่อย่างใด และเป็นพื้นที่แห้งเพียงหนึ่งเดียวบนถนนช้างคลานที่เต็มไปด้วยมวลน้ำระดับสูงเกือบ 1 เมตร ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด และประชาสัมพันธ์ โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่ กล่าวยอมรับว่า ตั้งแต่ที่โรงแรมเปิดกิจการเมื่อปี 2550 ได้มีการวางระบบในการป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากถนนช้างคลานเป็นพื้นที่ที่เคยประสบกับปัญหาน้ำท่วม โดยได้นำเอานวัตกรรมระบบป้องกันน้ำท่วม Flood Gate ซึ่งเป็นประตูกั้นน้ำที่ทำจากเหล็กพ่นกันสนิมอีพ็อกซี่ ส่วนตัวเสาเป็นอลูมิเนียม โดยมีการติดตั้งทั้งหมด 3 จุด ด้วยกันคือ จุดแรก คือบริเวณประตูด้านหน้าทางเข้าโรงแรม จุดที่ 2 ประตูทางลงบริเวณลานจอดรถ จุดที่ 3 บริเวณลานจอดรถชั้นล่าง พร้อมทั้งมีการวางระบบท่อน้ำโดยรอบโรงแรม เพื่อระบายน้ำที่เข้ามาให้ลงไปสู่บ่อเก็บน้ำของโรงแรม อีกทั้งยังมีเครื่องสูบน้ำ จำนวนสามเครื่องในการสูบน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำ รวมถึงการใช้ประตูปิดเปิดน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากโรงแรม ในขณะเดียวกันหากเกิดกรณีน้ำท่วม ประตูนี้จะถูกปิดเพื่อกันน้ำด้านนอกเข้าสู่บริเวณโรงแรม ทำให้ตลอดเวลากว่า 17 ปี โรงแรมไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังให้ความสำคัญในการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุในทุกสถานการณ์ เช่น น้ำท่วม, ไฟไหม้ และการประท้วง เป็นประจำทุก 1- 2 เดือน และมีทีมดูแลความปลอดภัยที่จะทำหน้าที่ในการประเมินสถานการณ์ อย่างเช่น กรณีที่เกิดอุทกภัย ทีมจะมีการประเมินสถานการณ์น้ำทุกชั่วโมง และเกาะติดการแจ้งเตือนจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะมีการส่งในไลน์กลุ่มที่ตั้งขึ้นมา และพร้อมที่จะทำการติดตั้ง Flood Gate ได้ภายใน 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนที่มวลน้ำจะทะลักเข้ามาในย่านถนนช้างคลาน "ตั้งแต่เปิดบริการ จังหวัดเชียงใหม่ประสบกับอุทกภัยเมื่อปี 2554, 2565, 2566 และ 2567 และน้ำทะลักเข้ามาในพื้นที่ถนนช้างคลาน แต่ไม่เคยเกิดเหตุน้ำท่วมเข้ามาในโรงแรมแต่อย่างใด และในระหว่างที่ภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ประสบกับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมนั้น ธุรกิจของเรายังคงเปิดให้บริการตามปกติ จำนวน 277 ห้อง และลูกค้าก็ใช้บริการภายในโรงแรมกันตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ ใช้บริการสปา และรับประทานอาหาร ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการเข้าพักต่างมีความพอใจในการบริหารจัดการการป้องกันน้ำท่วมของโรงแรม และต้องขอขอบคุณที่มีการชื่นชมการรับมือกับภัยพิบัติของโรงแรม ซึ่งก็พร้อมที่จะให้หน่วยงานที่สนใจเข้ามาศึกษาดูระบบของโรงแรมได้" ที่มา : ข่าวคมชัดลึก #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลถล่มหนักทั้งเลบานอนและกาซา ขณะกองทัพประกาศเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งเตรียมพร้อมเอาคืนการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า กองทัพเตรียมพร้อมและได้ระดมกำลังเพิ่มก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ฮามาสยังจับตัวประกันราว 250 คนไปคุมขังในกาซา และผ่านมาหนึ่งปี สงครามการแก้แค้นของอิสราเอลในกาซายังคงดำเนินอยู่ และอิสราเอลยังขยายเป้าหมายไปโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    กองทัพอิสราเอลระบุว่า สังหารนักรบฮิซบอลเลาะห์ราว 440 คนจากปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศนับจากวันจันทร์ที่แล้ว (29 ก.ย.) ที่กองทัพเริ่มบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เลบานอน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำชาวอิสราเอลกลับคืนถิ่นฐานบริเวณชายแดนด้านเหนือติดกับเลบานอนอย่างปลอดภัย หลังจากต้องทิ้งไปเกือบปีเนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกฮิซบอลเลาะห์ระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างต่อเนื่อง
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล ประกาศว่า อิหร่านเป็น “ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง” หลังจากเตหะรานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วตะวันออกกลาง ยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่แล้ว (30 ก.ย.) เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงหลายคนของฮิซบอลเลาะห์และฮามาส
    .
    การโจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เสียชีวิต 1 คน และฐานทัพอากาศอิสราเอลแห่งหนึ่งเสียหาย
    .
    เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลคนหนึ่งเผยว่า กองทัพกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่าน
    .
    ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ระบุว่าอิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอล 2 ครั้งด้วยขีปนาวุธหลายร้อยลูกนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อิสราเอลจึงมีหน้าที่และมีสิทธิในการปกป้องตนเองและตอบโต้การโจมตีเหล่านั้น
    .
    ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ทางกลุ่มไม่สามารถติดต่อฮาเชม ซาฟิดดีน ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ หลังจากอิสราเอลโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.)
    .
    ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้นำใหม่แทนฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วจากการโจมตีครั้งใหญ่ในเบรุต
    .
    กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ปะทะกับกองทัพอิสราเอลบริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอน และอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารอิสราเอลออกจากหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังยิงจรวดโจมตีขณะกองกำลังอิสราเอลอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งส่งโดรนโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล
    .
    อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเบรุตถูกโจมตีกว่า 30 ระลอก โดยปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและคลังจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกแห่งถูกโจมตีด้วย
    .
    ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือน
    .
    ข้อมูลจากทางการเลบานอนระบุว่า การโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คนทั่วเลบานอนนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.
    .
    นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน เรียกร้องนานาชาติกดดันอิสราเอลให้หยุดยิง
    .
    ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิฤตร้ายแรง และเตือนว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้ประชาชนนับแสนต้องยากจนขัดสนหรือทิ้งถิ่นฐาน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งปิดทำการ
    .
    นอกจากนั้น กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในเลบานอนยังเผยว่า ได้ปฏิเสธการร้องขอของกองทัพอิสราเอลให้ย้ายที่ตั้งบางแห่งออกจากตอนใต้ของเลบานอน
    .
    อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องอีกครั้งให้หยุดยิงทั้งในกาซาและเลบานอน พร้อมขู่อิสราเอลจะถูกตอบโต้รุนแรงขึ้นหากโจมตีอิหร่าน
    .
    ที่กาซา สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลได้โจมตีมัสยิดและโรงเรียนแห่งหนึ่งในเดียร์ อัล-บาลาห์ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บ 93 คน
    .
    ขณะที่อิสราเอลยืนยันว่า ได้โจมตีอย่างแม่นยำต่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในศูนย์บัญชาการในโรงเรียนและมัสยิดดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ยังเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนทางตอนเหนือของกาซานับจากคืนวันเสาร์ หลังจากอิสราเอลเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกไปก่อนส่งรถถังเข้าโจมตี ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาแถลงว่า ช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน และที่หลบภัย 27 แห่งทั่วกาซา
    .
    นอกจากนั้นในวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลยังออกคำสั่งอพยพครั้งใหม่ในพื้นที่หลายส่วนในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา รวมทั้งนำรถถังบุกเข้าสู่เบตลาฮิยา และจาบาเลียทางเหนือของกาซาเมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมส่งเครื่องบินโจมตีบ้านหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน
    .
    ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ปิดล้อมจาบาเลียหลังได้รับข่าวกรองว่า ฮามาสกำลังพยายามซ่องสุมกำลังขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,780 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095167
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลถล่มหนักทั้งเลบานอนและกาซา ขณะกองทัพประกาศเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว รวมทั้งเตรียมพร้อมเอาคืนการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ . พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวเมื่อวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่า กองทัพเตรียมพร้อมและได้ระดมกำลังเพิ่มก่อนถึงวันครบรอบ 1 ปีการบุกโจมตีของฮามาสในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนั้น ฮามาสยังจับตัวประกันราว 250 คนไปคุมขังในกาซา และผ่านมาหนึ่งปี สงครามการแก้แค้นของอิสราเอลในกาซายังคงดำเนินอยู่ และอิสราเอลยังขยายเป้าหมายไปโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . กองทัพอิสราเอลระบุว่า สังหารนักรบฮิซบอลเลาะห์ราว 440 คนจากปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศนับจากวันจันทร์ที่แล้ว (29 ก.ย.) ที่กองทัพเริ่มบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เลบานอน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำชาวอิสราเอลกลับคืนถิ่นฐานบริเวณชายแดนด้านเหนือติดกับเลบานอนอย่างปลอดภัย หลังจากต้องทิ้งไปเกือบปีเนื่องจากบริเวณดังกล่าวถูกฮิซบอลเลาะห์ระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างต่อเนื่อง . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซ็อก ของอิสราเอล ประกาศว่า อิหร่านเป็น “ภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง” หลังจากเตหะรานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทั่วตะวันออกกลาง ยิงขีปนาวุธราว 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่แล้ว (30 ก.ย.) เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลสังหารผู้นำระดับสูงหลายคนของฮิซบอลเลาะห์และฮามาส . การโจมตีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์เสียชีวิต 1 คน และฐานทัพอากาศอิสราเอลแห่งหนึ่งเสียหาย . เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลคนหนึ่งเผยว่า กองทัพกำลังเตรียมการตอบโต้อิหร่าน . ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ระบุว่าอิหร่านโจมตีดินแดนอิสราเอล 2 ครั้งด้วยขีปนาวุธหลายร้อยลูกนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อิสราเอลจึงมีหน้าที่และมีสิทธิในการปกป้องตนเองและตอบโต้การโจมตีเหล่านั้น . ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวอาวุโสของฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ทางกลุ่มไม่สามารถติดต่อฮาเชม ซาฟิดดีน ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ หลังจากอิสราเอลโจมตีใกล้สนามบินนานาชาติในกรุงเบรุตของเลบานอนเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) . ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้นำใหม่แทนฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วจากการโจมตีครั้งใหญ่ในเบรุต . กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังเผยว่า นักรบของกลุ่มได้ปะทะกับกองทัพอิสราเอลบริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอน และอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารอิสราเอลออกจากหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ นอกจากนั้น ยังยิงจรวดโจมตีขณะกองกำลังอิสราเอลอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งส่งโดรนโจมตีฐานทัพแห่งหนึ่งของอิสราเอล . อย่างไรก็ดี สำนักข่าวแห่งชาติของรัฐบาลเลบานอนรายงานว่า ที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเบรุตถูกโจมตีกว่า 30 ระลอก โดยปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งและคลังจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกแห่งถูกโจมตีด้วย . ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ โดยพยายามลดความเสี่ยงต่อพลเรือน . ข้อมูลจากทางการเลบานอนระบุว่า การโจมตีฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,110 คนทั่วเลบานอนนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. . นายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน เรียกร้องนานาชาติกดดันอิสราเอลให้หยุดยิง . ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า เลบานอนกำลังเผชิญวิฤตร้ายแรง และเตือนว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลส่งผลให้ประชาชนนับแสนต้องยากจนขัดสนหรือทิ้งถิ่นฐาน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งปิดทำการ . นอกจากนั้น กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในเลบานอนยังเผยว่า ได้ปฏิเสธการร้องขอของกองทัพอิสราเอลให้ย้ายที่ตั้งบางแห่งออกจากตอนใต้ของเลบานอน . อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องอีกครั้งให้หยุดยิงทั้งในกาซาและเลบานอน พร้อมขู่อิสราเอลจะถูกตอบโต้รุนแรงขึ้นหากโจมตีอิหร่าน . ที่กาซา สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลได้โจมตีมัสยิดและโรงเรียนแห่งหนึ่งในเดียร์ อัล-บาลาห์ตอนกลางของกาซา ซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บ 93 คน . ขณะที่อิสราเอลยืนยันว่า ได้โจมตีอย่างแม่นยำต่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในศูนย์บัญชาการในโรงเรียนและมัสยิดดังกล่าว . เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ยังเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนทางตอนเหนือของกาซานับจากคืนวันเสาร์ หลังจากอิสราเอลเตือนให้ชาวบ้านอพยพออกไปก่อนส่งรถถังเข้าโจมตี ขณะที่สำนักงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกาซาแถลงว่า ช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีบ้านเรือน โรงเรียน และที่หลบภัย 27 แห่งทั่วกาซา . นอกจากนั้นในวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลยังออกคำสั่งอพยพครั้งใหม่ในพื้นที่หลายส่วนในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตตอนกลางของกาซา รวมทั้งนำรถถังบุกเข้าสู่เบตลาฮิยา และจาบาเลียทางเหนือของกาซาเมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมส่งเครื่องบินโจมตีบ้านหลายหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน . ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพอิสราเอลเผยว่า ได้ปิดล้อมจาบาเลียหลังได้รับข่าวกรองว่า ฮามาสกำลังพยายามซ่องสุมกำลังขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว . ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41,780 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095167 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    Love
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอเชิญประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแข่งขันการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรไทย-จีน
    ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ลงแข่งขันในนามทีมชาติไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทั้งสองประเทศมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกันมาอย่างยาวนาน

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB: สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
    ขอเชิญประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแข่งขันการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรไทย-จีน ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ลงแข่งขันในนามทีมชาติไทย ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทั้งสองประเทศมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกันมาอย่างยาวนาน #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB: สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์
    Love
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts