• “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมภรรยา ย่องรับทราบข้อกล่าวหา หลัง ปปง.แจ้งเอาผิดคดีฟอกเงิน
    .
    https://shorturl.asia/UsEcX
    “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมภรรยา ย่องรับทราบข้อกล่าวหา หลัง ปปง.แจ้งเอาผิดคดีฟอกเงิน . https://shorturl.asia/UsEcX
    WWW.PPTVHD36.COM
    “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมภรรยา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา คดีฟอกเงินโยงเว็บพนัน
    “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมภรรยา ย่องรับทราบข้อกล่าวหา หลัง ปปง.แจ้งเอาผิดคดีฟอกเงิน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา-ขอยื่นคำให้การภายใน 30 วัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไตรรงค์ นำตร.ไซเบอร์ ปราบคอนเทนต์ขยะ ดับซ่า แอล โอรส
    .
    การตายสุดดราม่าของ “แบงค์ เลสเตอร์” ที่ตกเป็นเหยื่อของ “คอนเทนต์ขยะ” จนต้องสังเวยชีวิต
    ไปๆ มาๆ บานปลาย มีคนที่ต้องโดนคดีต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
    .
    ไม่ใช่แค่แก๊งอินฟลูฯ เจ้าของคอนเทนต์ขยะเท่านั้น แต่ลามไปถึงคนที่เข้ามาล้างแค้นให้ แบงค์ เลสเตอร์ ด้วย
    .
    คนๆ นั้น ก็คือ นักเลงดังนาม “แอล โอรส” เจ้าของฉายา “รถถังฝั่งธน” ซึ่งปรากฏตัวที่วัดออเงิน ในงานศพวันแรกของแบงค์ เลสเตอร์ พร้อมกับชาวแก๊งตัวลายพร้อย
    แอล โอรส ประกาศจองกฐิน “เบิร์ด วันว่างๆ” กลางวัด โทษฐานที่เบิร์ดเป็นตัวพ่อของคอนเทนต์ขยะ ชอบเอาแบงค์ เลสเตอร์ เป็นตัวชูโรง
    .
    แม้ “เบิร์ด วันว่างๆ” จะนกรู้ไม่ยอมย่างกรายไปวัด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอดอยู่ดี โดนชาวแก๊ง ตามไปยำตีน ถ่ายคลิปเอามาแพร่
    .
    พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ เลยต้องออกโรง ใช้กฎหมายดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
    ไล่ตั้งแต่พวกทำคอนเทนต์ขยะ อย่าง “เบิร์ด วันว่างๆ” หรือนายธีระวัฒน์ ศรีรอง โดนข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะอันลามก
    .
    เพราะตำรวจเจอหลักฐาน เบิร์ดโพสต์ภาพแบงค์ เลสเตอร์ โดนกลั่นแกล้งให้เปลือยกายล่อนจ้อน
    และ บก.ปคม. ก็จะจัดการ “เบิร์ด วันว่างๆ” ข้อหาค้ามนุษย์ด้วย เนื่องจากเห็นว่าได้รับประโยชน์โดยมิชอบ จากการแพร่ภาพเปลือยของแบงค์ เลสเตอร์
    .
    ส่วน “เอ็ม เอกชาติ” หรือนายเอกชาติ มีพร้อม ที่จ้างแบงค์ เลสเตอร์ กินเหล้า จนเสียชีวิต โดนข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
    พ่วงด้วยข้อหาโฆษณาเว็บพนัน เพราะมีพฤติกรรมแปะลิงค์เชิญชวนเล่นพนัน บนคอนเทนต์ขยะของตัว
    .
    ทั้งนี้ ประวัติของเอ็ม เอกชาติ เป็นคนสีเทาชัดเจน เคยถูก ป.ป.ง. ยึดทรัพย์รถซุเปอร์คาร์และอื่นๆ รวม 45 ล้านบาท
    จากพฤติกรรมเป็นเครือข่ายให้เว็บพนันของ “อั้ม” นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ สามีของนางเอก “แยม” ธมลพรรณ ซึ่งตอนนี้ สองผัวเมียก็ยังติดคุกคดีเว็บพนันอยู่
    .
    ตำรวจไซเบอร์ ยังตามไปจัดการนักเลงอย่างแอล โอรส หรือนายศราวุธ ศรีกำเนิด เอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการปล่อยคลิปยำตีนเบิร์ด วันว่างๆ
    .
    ส่วนตำรวจนครบาลก็มุ่งขยายผล เอาผิดข้อหาทำร้ายร่างกายเบิร์ด วันว่างๆ เบื้องต้น เหยื่อตีนอ้างว่า จำได้ มีใครบ้างที่ทำร้ายเขา
    .
    นี่คือบทบาทที่น่าชื่นชมของ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ผู้มาใหม่ อย่าง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ที่รีบใช้กฎหมายออกมาปรามอย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้เหล่าคนสีเทา แสดงตัวครองเมือง จัดการกันเอง
    จนเป็น “คอนเทนต์ขยะ” ซ้อน “คอนเทนต์ขยะ” แบบว่า มึงรังแกคนอ่อนแอก่อนเหรอ กูก็จะมารังแกมึงมั่ง ถ่ายคลิปมั่ง ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
    .
    ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ถือเป็นหน้าตาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กล้าในการนำทีมบุกค้นบ้านของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งชื่อชั้นใหญ่กว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ อย่างเทียบกันไม่ได้
    .
    งานแบบนี้ ไม่กล้าหาญจริง ทำไม่ได้ และหากพยานหลักฐานไม่แน่นหนาเพียงพอจะมัดบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ก็มีสิทธิ์ถูกเอาคืนถึงหมดอนาคต
    .
    แต่รู้ทั้งรู้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ก็กล้าเดินเข้าบ้านบิ๊กโจ๊ก และเก็บหลักฐานสำคัญในคดีฟอกเงินและรับส่วยเว็บพนัน กลับออกมาเพียบ
    .
    ทั้งนี้ การตายของแบงค์ เลสเตอร์ อย่างน้อยก็มีคุณูปการต่อสังคมไทย ไม่ใช่การตายที่สูญเปล่า
    เพราะช่วยเปิดโปงให้เห็นถึงเครือข่ายคนสีเทา ที่มีวิธีการปั่นกระแสด้วยชีวิตคน เพื่อโกยเงินจากการพนันออนไลน์
    .
    เปิดโอกาสให้ตำรวจไซเบอร์เข้าไปกวาดล้างคนสีเทาพวกนี้ ไม่ให้ลอยหน้าลอยตา เป็นคนเด่นดัง ทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญกับชีวิตคน และหากินกับความฉิบหายของลูกหลานไทย
    ..............
    Sondhi X
    ไตรรงค์ นำตร.ไซเบอร์ ปราบคอนเทนต์ขยะ ดับซ่า แอล โอรส . การตายสุดดราม่าของ “แบงค์ เลสเตอร์” ที่ตกเป็นเหยื่อของ “คอนเทนต์ขยะ” จนต้องสังเวยชีวิต ไปๆ มาๆ บานปลาย มีคนที่ต้องโดนคดีต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ . ไม่ใช่แค่แก๊งอินฟลูฯ เจ้าของคอนเทนต์ขยะเท่านั้น แต่ลามไปถึงคนที่เข้ามาล้างแค้นให้ แบงค์ เลสเตอร์ ด้วย . คนๆ นั้น ก็คือ นักเลงดังนาม “แอล โอรส” เจ้าของฉายา “รถถังฝั่งธน” ซึ่งปรากฏตัวที่วัดออเงิน ในงานศพวันแรกของแบงค์ เลสเตอร์ พร้อมกับชาวแก๊งตัวลายพร้อย แอล โอรส ประกาศจองกฐิน “เบิร์ด วันว่างๆ” กลางวัด โทษฐานที่เบิร์ดเป็นตัวพ่อของคอนเทนต์ขยะ ชอบเอาแบงค์ เลสเตอร์ เป็นตัวชูโรง . แม้ “เบิร์ด วันว่างๆ” จะนกรู้ไม่ยอมย่างกรายไปวัด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รอดอยู่ดี โดนชาวแก๊ง ตามไปยำตีน ถ่ายคลิปเอามาแพร่ . พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. หรือตำรวจไซเบอร์ เลยต้องออกโรง ใช้กฎหมายดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไล่ตั้งแต่พวกทำคอนเทนต์ขยะ อย่าง “เบิร์ด วันว่างๆ” หรือนายธีระวัฒน์ ศรีรอง โดนข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะอันลามก . เพราะตำรวจเจอหลักฐาน เบิร์ดโพสต์ภาพแบงค์ เลสเตอร์ โดนกลั่นแกล้งให้เปลือยกายล่อนจ้อน และ บก.ปคม. ก็จะจัดการ “เบิร์ด วันว่างๆ” ข้อหาค้ามนุษย์ด้วย เนื่องจากเห็นว่าได้รับประโยชน์โดยมิชอบ จากการแพร่ภาพเปลือยของแบงค์ เลสเตอร์ . ส่วน “เอ็ม เอกชาติ” หรือนายเอกชาติ มีพร้อม ที่จ้างแบงค์ เลสเตอร์ กินเหล้า จนเสียชีวิต โดนข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พ่วงด้วยข้อหาโฆษณาเว็บพนัน เพราะมีพฤติกรรมแปะลิงค์เชิญชวนเล่นพนัน บนคอนเทนต์ขยะของตัว . ทั้งนี้ ประวัติของเอ็ม เอกชาติ เป็นคนสีเทาชัดเจน เคยถูก ป.ป.ง. ยึดทรัพย์รถซุเปอร์คาร์และอื่นๆ รวม 45 ล้านบาท จากพฤติกรรมเป็นเครือข่ายให้เว็บพนันของ “อั้ม” นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ สามีของนางเอก “แยม” ธมลพรรณ ซึ่งตอนนี้ สองผัวเมียก็ยังติดคุกคดีเว็บพนันอยู่ . ตำรวจไซเบอร์ ยังตามไปจัดการนักเลงอย่างแอล โอรส หรือนายศราวุธ ศรีกำเนิด เอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการปล่อยคลิปยำตีนเบิร์ด วันว่างๆ . ส่วนตำรวจนครบาลก็มุ่งขยายผล เอาผิดข้อหาทำร้ายร่างกายเบิร์ด วันว่างๆ เบื้องต้น เหยื่อตีนอ้างว่า จำได้ มีใครบ้างที่ทำร้ายเขา . นี่คือบทบาทที่น่าชื่นชมของ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ผู้มาใหม่ อย่าง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ที่รีบใช้กฎหมายออกมาปรามอย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้เหล่าคนสีเทา แสดงตัวครองเมือง จัดการกันเอง จนเป็น “คอนเทนต์ขยะ” ซ้อน “คอนเทนต์ขยะ” แบบว่า มึงรังแกคนอ่อนแอก่อนเหรอ กูก็จะมารังแกมึงมั่ง ถ่ายคลิปมั่ง ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง . ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ถือเป็นหน้าตาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กล้าในการนำทีมบุกค้นบ้านของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งชื่อชั้นใหญ่กว่า พล.ต.ท.ไตรรงค์ อย่างเทียบกันไม่ได้ . งานแบบนี้ ไม่กล้าหาญจริง ทำไม่ได้ และหากพยานหลักฐานไม่แน่นหนาเพียงพอจะมัดบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ก็มีสิทธิ์ถูกเอาคืนถึงหมดอนาคต . แต่รู้ทั้งรู้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ก็กล้าเดินเข้าบ้านบิ๊กโจ๊ก และเก็บหลักฐานสำคัญในคดีฟอกเงินและรับส่วยเว็บพนัน กลับออกมาเพียบ . ทั้งนี้ การตายของแบงค์ เลสเตอร์ อย่างน้อยก็มีคุณูปการต่อสังคมไทย ไม่ใช่การตายที่สูญเปล่า เพราะช่วยเปิดโปงให้เห็นถึงเครือข่ายคนสีเทา ที่มีวิธีการปั่นกระแสด้วยชีวิตคน เพื่อโกยเงินจากการพนันออนไลน์ . เปิดโอกาสให้ตำรวจไซเบอร์เข้าไปกวาดล้างคนสีเทาพวกนี้ ไม่ให้ลอยหน้าลอยตา เป็นคนเด่นดัง ทั้งที่ก่อกรรมทำเข็ญกับชีวิตคน และหากินกับความฉิบหายของลูกหลานไทย .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1308 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงจะเก่าไป-ใหม่มา แต่คนใน ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังติดหล่ม “บิ๊กโจ๊ก” ก้าวข้ามไม่พ้นเหมือนเดิม

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชษฐ์หักพาล #ปปช
    ถึงจะเก่าไป-ใหม่มา แต่คนใน ป.ป.ช. บางส่วน ก็ยังติดหล่ม “บิ๊กโจ๊ก” ก้าวข้ามไม่พ้นเหมือนเดิม #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชษฐ์หักพาล #ปปช
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 802 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • อวสาน "บิ๊กโจ๊ก" ศาลฯยกคำร้อง ขอทุเลาคำสั่งออกจากราชการ (16/12/67) #news1 #อวสานบิ๊กโจ๊ก
    อวสาน "บิ๊กโจ๊ก" ศาลฯยกคำร้อง ขอทุเลาคำสั่งออกจากราชการ (16/12/67) #news1 #อวสานบิ๊กโจ๊ก
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ

    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง

    วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง

    ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี

    เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข

    ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    .........
    Sondhi X
    “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 700 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งปกครองในคดี "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ชี้คำสั่งให้ออกจากราชการไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120600

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งปกครองในคดี "บิ๊กโจ๊ก" ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ชี้คำสั่งให้ออกจากราชการไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120600 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดชา เจ้าของฉายา ปากม๋าเป็นปกติธุระ
    ทนายเดชา ปกติก็โดนทัวร์ลงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว จากจุดยืนเลือกข้างทนายตั้ม แต่สถานการณ์ล่าสุดกลับเลวร้ายกว่าเดิม ทัวร์ลงเพจทนายคลายทุกข์จนแทบลุกเป็นไฟ เมื่อวันพ่อ 5 ธันวาคม เพราะดันไปหาเรื่องเอง ไปโพสต์ล่อแหลมถึงพ่อ จนคนจํานวนมากไม่พอใจมองว่ามีเจตนาไม่ดีดูยังไงก็เหมือนแซะสถาบัน โดนกระหน่ําด่า จนทนายเดชาต้องลบโพสต์เจ้าปัญหาทิ้ง
    แล้วก็ไลฟ์สดด่าคนที่มาทัวร์ลงด้วยถ้อยคําหยาบคาย อย่างจัญไร ไอ้ควาย ทั้งสาปแช่งให้ตกนรกออกอาการสติแตกออกปากหยาบคายเช่นนี้ ตรงตามที่บิ๊กเต่า พลตํารวจตรีจรุญเกียรติ ปานแก้ว ตอบกลับทนายบางคน โดยนิยามให้เป็นอินฟลูปากหมา แค่คํานี้คําเดียวบิ๊กเต่า ก็สอบผ่านฉลุย เป็นอินฟลูตํารวจตามนโยบาย ผบ ตร ทันที
    ปฏิกิริยาตอบกลับแบบไม่เกรงใจบอกให้รู้ว่า ในสายตาบิ๊กเต่าคนอย่างทนายเดชาไม่มีราคาเอาเสียเลย คํานิยามจากบิ๊กเต่านับว่าเข้ากันเป๊ะกับสถานการณ์ล่าสุดของทนายเดชาที่ดันมาโพสต์แซะพ่อ จนสียศูนย์ ด่ากราดคนอย่างหยาบคาย
    การที่ทนายเดชาแกว่งปากใส่บิ๊กเต่าก่อน โดยเตือนให้ระวังติดคุกเพราะการแถลงข่าวบ่อยถือเป็นคําพูดที่ไม่เข้าท่าเพราะสื่อจะรู้อยู่แล้วตํารวจบิ๊กๆ ในสอบสวนกลางล้วนแต่ให้สัมภาษณ์อย่างระมัดระวังสุดขีดไม่เคยหลุดข้อมูลเชิงลึกให้เสียรูปคดี นักข่าวล่อหลอกถามเท่าไหร่ก็รู้ทันหมดไม่ว่าจะบิ๊กก้องพลตํารวจโท จิรภพ ภูริเดช บิ๊กหมูพลตํารวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม และก็ตัวบิ๊กเต่าเองล้วนแต่รู้วิธีการให้ข่าวว่าแค่ไหนคือพอดี
    คนละแนวกับทนายเดชาต่อให้รู้น้อยก็พูดเหมือนรู้มาก อย่างพูดว่าทนายตั้มจะใช้ทีมทนายของบิ๊กโจ๊กก็ถูกทางทีมทนายของบิ๊กโจ๊กปฏิเสธหน้าแหก เคยบอกว่าตํารวจสอบสวนกลางไม่ออกหมายจับเจ๊พัฒน์คดีตบทรัพย์ เจ๊พัฒน์จะได้ลอยกระทง แต่สุดท้ายตํารวจก็ออกหมายจับเจ๊พัฒน์ในวันลอยกระทง ช่างกล้าพูดว่าสื่อไม่สามารถเจาะข่าวทางลึกของตํารวจได้ทั้งที่สื่อสามารถขุดคุ้ยข้อมูลลึกของทนายตั้มแบบรายวันนําเสนอกันเป็นเดือนแล้ว
    ขณะที่ตํารวจ CIB กําลังเป็นขาขึ้นเป็นขวัญใจประชาชน คนที่กระแสตกสวนทางตํารวจก็มีแต่ทนายเดชานี่แหละยอดไลค์ทุกวันนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับผู้ติดตามเป็นล้านๆคนเลยไหนยังเป็นทนายคนแรกที่ประชาชนไม่เกรงใจคอมเม้นแจก ค กันเป็นร้อยๆ กลายเป็นเจ้าพ่อควายไปเรียบร้อยแล้ว สะท้อนเครดิตความน่าเชื่อถือของทนายเดชาเองว่ากําลังดําดิ่งเจ้าตัวควรจะรู้ตัวได้แล้วไม่ใช่แค่เป็นแชมป์คอควายเท่านั้น
    ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสภาทนายความแห่งประเทศไทยระบุว่าทนายเดชามีคดีถูกร้องเรียนมรรยาททนายความจํานวนมาก ครองแชมป์การถูกร้องเรียนทิ้งห่างคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นถือเป็นทนายเหนือทนายของจริง ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทนายเดชา เจ้าของฉายา ปากม๋าเป็นปกติธุระ ทนายเดชา ปกติก็โดนทัวร์ลงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว จากจุดยืนเลือกข้างทนายตั้ม แต่สถานการณ์ล่าสุดกลับเลวร้ายกว่าเดิม ทัวร์ลงเพจทนายคลายทุกข์จนแทบลุกเป็นไฟ เมื่อวันพ่อ 5 ธันวาคม เพราะดันไปหาเรื่องเอง ไปโพสต์ล่อแหลมถึงพ่อ จนคนจํานวนมากไม่พอใจมองว่ามีเจตนาไม่ดีดูยังไงก็เหมือนแซะสถาบัน โดนกระหน่ําด่า จนทนายเดชาต้องลบโพสต์เจ้าปัญหาทิ้ง แล้วก็ไลฟ์สดด่าคนที่มาทัวร์ลงด้วยถ้อยคําหยาบคาย อย่างจัญไร ไอ้ควาย ทั้งสาปแช่งให้ตกนรกออกอาการสติแตกออกปากหยาบคายเช่นนี้ ตรงตามที่บิ๊กเต่า พลตํารวจตรีจรุญเกียรติ ปานแก้ว ตอบกลับทนายบางคน โดยนิยามให้เป็นอินฟลูปากหมา แค่คํานี้คําเดียวบิ๊กเต่า ก็สอบผ่านฉลุย เป็นอินฟลูตํารวจตามนโยบาย ผบ ตร ทันที ปฏิกิริยาตอบกลับแบบไม่เกรงใจบอกให้รู้ว่า ในสายตาบิ๊กเต่าคนอย่างทนายเดชาไม่มีราคาเอาเสียเลย คํานิยามจากบิ๊กเต่านับว่าเข้ากันเป๊ะกับสถานการณ์ล่าสุดของทนายเดชาที่ดันมาโพสต์แซะพ่อ จนสียศูนย์ ด่ากราดคนอย่างหยาบคาย การที่ทนายเดชาแกว่งปากใส่บิ๊กเต่าก่อน โดยเตือนให้ระวังติดคุกเพราะการแถลงข่าวบ่อยถือเป็นคําพูดที่ไม่เข้าท่าเพราะสื่อจะรู้อยู่แล้วตํารวจบิ๊กๆ ในสอบสวนกลางล้วนแต่ให้สัมภาษณ์อย่างระมัดระวังสุดขีดไม่เคยหลุดข้อมูลเชิงลึกให้เสียรูปคดี นักข่าวล่อหลอกถามเท่าไหร่ก็รู้ทันหมดไม่ว่าจะบิ๊กก้องพลตํารวจโท จิรภพ ภูริเดช บิ๊กหมูพลตํารวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม และก็ตัวบิ๊กเต่าเองล้วนแต่รู้วิธีการให้ข่าวว่าแค่ไหนคือพอดี คนละแนวกับทนายเดชาต่อให้รู้น้อยก็พูดเหมือนรู้มาก อย่างพูดว่าทนายตั้มจะใช้ทีมทนายของบิ๊กโจ๊กก็ถูกทางทีมทนายของบิ๊กโจ๊กปฏิเสธหน้าแหก เคยบอกว่าตํารวจสอบสวนกลางไม่ออกหมายจับเจ๊พัฒน์คดีตบทรัพย์ เจ๊พัฒน์จะได้ลอยกระทง แต่สุดท้ายตํารวจก็ออกหมายจับเจ๊พัฒน์ในวันลอยกระทง ช่างกล้าพูดว่าสื่อไม่สามารถเจาะข่าวทางลึกของตํารวจได้ทั้งที่สื่อสามารถขุดคุ้ยข้อมูลลึกของทนายตั้มแบบรายวันนําเสนอกันเป็นเดือนแล้ว ขณะที่ตํารวจ CIB กําลังเป็นขาขึ้นเป็นขวัญใจประชาชน คนที่กระแสตกสวนทางตํารวจก็มีแต่ทนายเดชานี่แหละยอดไลค์ทุกวันนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับผู้ติดตามเป็นล้านๆคนเลยไหนยังเป็นทนายคนแรกที่ประชาชนไม่เกรงใจคอมเม้นแจก ค กันเป็นร้อยๆ กลายเป็นเจ้าพ่อควายไปเรียบร้อยแล้ว สะท้อนเครดิตความน่าเชื่อถือของทนายเดชาเองว่ากําลังดําดิ่งเจ้าตัวควรจะรู้ตัวได้แล้วไม่ใช่แค่เป็นแชมป์คอควายเท่านั้น ล่าสุดมีรายงานข่าวจากสภาทนายความแห่งประเทศไทยระบุว่าทนายเดชามีคดีถูกร้องเรียนมรรยาททนายความจํานวนมาก ครองแชมป์การถูกร้องเรียนทิ้งห่างคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นถือเป็นทนายเหนือทนายของจริง ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง

    จากกรณี พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ นางสาวอารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” โดยกองบังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น

    ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เตรียมเอกสารเดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประสงค์ให้การเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับเงินจากส่วยร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่ในสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวจาก นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ที่เป็นหัวหน้าคณะซึ่งมี นายสมบัติ ธรธรรม เป็นอนุกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117536

    #MGROnline #บิ๊กโจ๊ก #เก็บส่วย #คาราโอเกะ
    กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง • จากกรณี พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ นางสาวอารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” โดยกองบังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น • ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เตรียมเอกสารเดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประสงค์ให้การเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับเงินจากส่วยร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่ในสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวจาก นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ที่เป็นหัวหน้าคณะซึ่งมี นายสมบัติ ธรธรรม เป็นอนุกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117536 • #MGROnline #บิ๊กโจ๊ก #เก็บส่วย #คาราโอเกะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117536

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117536 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่รู้ลุงเสรีพิรุธผู้หิวตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พกความมั่นใจจากไหน ว่าบิ๊กโจ๊ก จะได้กลับมาเป็นตำรวจอีก ส่วนไอ่ที่อ้างว่าให้ดูคดีเสรีพิรุธเป็นตัวอย่างนั้น ก็แตกต่างกันลิบลับ เพราะเสรีไม่มีพิรุธในคดีฟอกเvิน และเว็บpนัน ผิดกับโจ๊กที่หลักฐานพันรอบตัว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ไม่รู้ลุงเสรีพิรุธผู้หิวตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พกความมั่นใจจากไหน ว่าบิ๊กโจ๊ก จะได้กลับมาเป็นตำรวจอีก ส่วนไอ่ที่อ้างว่าให้ดูคดีเสรีพิรุธเป็นตัวอย่างนั้น ก็แตกต่างกันลิบลับ เพราะเสรีไม่มีพิรุธในคดีฟอกเvิน และเว็บpนัน ผิดกับโจ๊กที่หลักฐานพันรอบตัว #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุด เอกสารลับ คดีส่วยคาราโอเกะ พัน “บิ๊กโจ๊ก” ใน ป.ป.ช. ลุ้น ชง บก.ปปป. รับไม้สอบสวนต่อ อึ้ง คำให้การพยาน โอนเงินให้ทุกเดือน หลักหมื่น-แสน เกิน กม.กำหนด ส่อ พิรุธ อนุฯไต่สวน-กก.ชุดใหญ่ ทำไมตีตกสำนวน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000116374

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    หลุด เอกสารลับ คดีส่วยคาราโอเกะ พัน “บิ๊กโจ๊ก” ใน ป.ป.ช. ลุ้น ชง บก.ปปป. รับไม้สอบสวนต่อ อึ้ง คำให้การพยาน โอนเงินให้ทุกเดือน หลักหมื่น-แสน เกิน กม.กำหนด ส่อ พิรุธ อนุฯไต่สวน-กก.ชุดใหญ่ ทำไมตีตกสำนวน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000116374 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก'
    .
    พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้
    .
    ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น
    .
    เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ
    รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง
    บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ
    .
    ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา
    ..............
    Sondhi X
    ตำรวจชน ป.ป.ช. ร้อง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ ถอนตัวคดี 'บิ๊กโจ๊ก' . พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้เหตุผลดังนี้ . ตามที่ข้าพเจ้า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข้าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงกงานคณะกรรมการป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรรม กับพวก ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น . เนื่องจากข้าพเจ้าทราบว่า นายสมบัติ ธรธรรม ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช. ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึง นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านปัจจุบัน ซึ่งนายสมบัติฯ มีความ รู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.เอก สุรเชษฐ์ หักพาล ให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในการตกแต่ง บัญชีทรัพย์สิน บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดขอบสำนวนคดีที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ฯ ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตรฯ ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระที่ พ.ต.ท.โท คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 แม้ต่อมานายวิสูตร์ฯ จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติฯ จะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช. คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์ฯเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ฯ . ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาไต่สวน และวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ สมดังเจตนารมณ์ของสำนักงาน ป.ป.ช. และไม่เกิดข้อครหาว่าอาจมีการให้ช่วยเหลือคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกกล่าวหา ข้าพเจ้าจึงขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิขจารณา .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 776 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจ๊หนิง” พาหลานชายเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับ คดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114587

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เจ๊หนิง” พาหลานชายเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับ คดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114587 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1265 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจ๊หนิง” พร้อมทนายเดินทางเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง เพื่อรับทราบข้อหา หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จเมีย “บิ๊กโจ๊ก” เผยหลังเป็นคดีความถูกคุกคามมาตลอด รู้สึกไม่ปลอดภัย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113991

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เจ๊หนิง” พร้อมทนายเดินทางเข้าพบตำรวจ สน.พระโขนง เพื่อรับทราบข้อหา หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จเมีย “บิ๊กโจ๊ก” เผยหลังเป็นคดีความถูกคุกคามมาตลอด รู้สึกไม่ปลอดภัย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000113991 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1053 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เจ๊หนิง-สามีตำรวจ-หลานชาย” ยังไม่เดินทางมามอบตัวกับตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก”

    จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา หรือ หนิง อาจารย์สอนพิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษภรรยาของอดีตนายพลตํารวจ คดีลักทรัพย์ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ ภายหลังภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ได้ประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น และแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้โทษรับทางอาญา

    ต่อมามื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับนางสาวธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง และนายภีมพจน์ ซึ่งเป็นสามีตำรวจ และนายพงษ์พัฒน์ ซึ่งเป็นหลานเจ๊หนิง ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นตาทที่เสนอข่าวนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) ที่ สน.พระโขนง เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวมีดารโทรสอบถาม น.ส.ธณัฏฐา เรื่องหมายจับ ได้รับคำตอบว่า น.ส.ธณัฏฐา กับพวกจะเดินทางเข้ามอบตัววันนี้เวลา 09.00 น. แต่ถึงเวลานัดหมายกลับ ไม่พบวี่แววทั้ง 3 คนเข้ามอบตัว นอกจากนี้ผู้สื่อข่าว พยายามโทรติดต่อ น.ส.ธณัฏฐาหลายครั้ง เพื่อสอบถามว่าวันนี้ทั้ง 3 คนจะเดินทางเข้ามามอบตัวที่ สน.พระโขนงหรือไม่ แต่น.ส.ธณัฏฐาไม่รับสาย

    ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อจากเจ๊หนิง ว่า จะเข้ามอบตัววันนี้ ทราบจากสื่อที่เสนอเหมือนกันว่าจะเข้ามอบตัววันนี้ แต่เมื่อมีหมายจับบุคคลทั้ง 3 แล้ว เจ้าหน้าที่จะต้องออกสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    #MGROnline #เจ๊หนิง #สามีตำรวจ #หลานชาย #คดีแจ้งความเท็จ #ภรรยาบิ๊กโจ๊ก
    “เจ๊หนิง-สามีตำรวจ-หลานชาย” ยังไม่เดินทางมามอบตัวกับตำรวจ สน.พระโขนง หลังถูกออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จภรรยา “บิ๊กโจ๊ก” • จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา หรือ หนิง อาจารย์สอนพิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษภรรยาของอดีตนายพลตํารวจ คดีลักทรัพย์ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ ภายหลังภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ได้ประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น และแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ได้โทษรับทางอาญา • ต่อมามื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับนางสาวธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง และนายภีมพจน์ ซึ่งเป็นสามีตำรวจ และนายพงษ์พัฒน์ ซึ่งเป็นหลานเจ๊หนิง ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นตาทที่เสนอข่าวนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.) ที่ สน.พระโขนง เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวมีดารโทรสอบถาม น.ส.ธณัฏฐา เรื่องหมายจับ ได้รับคำตอบว่า น.ส.ธณัฏฐา กับพวกจะเดินทางเข้ามอบตัววันนี้เวลา 09.00 น. แต่ถึงเวลานัดหมายกลับ ไม่พบวี่แววทั้ง 3 คนเข้ามอบตัว นอกจากนี้ผู้สื่อข่าว พยายามโทรติดต่อ น.ส.ธณัฏฐาหลายครั้ง เพื่อสอบถามว่าวันนี้ทั้ง 3 คนจะเดินทางเข้ามามอบตัวที่ สน.พระโขนงหรือไม่ แต่น.ส.ธณัฏฐาไม่รับสาย • ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อจากเจ๊หนิง ว่า จะเข้ามอบตัววันนี้ ทราบจากสื่อที่เสนอเหมือนกันว่าจะเข้ามอบตัววันนี้ แต่เมื่อมีหมายจับบุคคลทั้ง 3 แล้ว เจ้าหน้าที่จะต้องออกสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป • #MGROnline #เจ๊หนิง #สามีตำรวจ #หลานชาย #คดีแจ้งความเท็จ #ภรรยาบิ๊กโจ๊ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง คู่ปรับเมียบิ๊กโจ๊ก-สามี-หลาน' (22/11/67) #news1 #ออกหมายจับเจ๊หนิง #เมียบิ๊กโจ๊ก
    ด่วน! ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง คู่ปรับเมียบิ๊กโจ๊ก-สามี-หลาน' (22/11/67) #news1 #ออกหมายจับเจ๊หนิง #เมียบิ๊กโจ๊ก
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2639 มุมมอง 164 1 รีวิว
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ "เมียบิ๊กโจ๊ก" ลักทรัพย์ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัววันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112500

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ "เมียบิ๊กโจ๊ก" ลักทรัพย์ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัววันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112500 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2397 มุมมอง 1 รีวิว
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" เมียบิ๊กโจ๊ก ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัวพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.

    จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา

    ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลพิจารณาได้อนุมัติออกหมายจับที่ 1118/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง หมายจับที่ 1119/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และหมายจับที่ 1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุมนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก

    พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ณ เวลานี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังไม่ได้ติดต่อมอบตัวเจ้าหน้าที่พบเห็นที่ไหนสามารถจับกุมได้ทันที

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ติดต่อตำรวจมาแล้ว ทั้ง 3 คนจะเข้ามอบตัวตำรวจพรุ่งนี้วันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น.

    #MGROnline #จ๊หนิง #สามี #หลานชาย #เมียบิ๊กโจ๊ก
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" เมียบิ๊กโจ๊ก ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัวพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. • จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา • ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลพิจารณาได้อนุมัติออกหมายจับที่ 1118/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง หมายจับที่ 1119/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และหมายจับที่ 1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุมนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก • พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ณ เวลานี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังไม่ได้ติดต่อมอบตัวเจ้าหน้าที่พบเห็นที่ไหนสามารถจับกุมได้ทันที • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ติดต่อตำรวจมาแล้ว ทั้ง 3 คนจะเข้ามอบตัวตำรวจพรุ่งนี้วันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น. • #MGROnline #จ๊หนิง #สามี #หลานชาย #เมียบิ๊กโจ๊ก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 704 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลปกครอง แจงคดี "บิ๊กโจ๊ก" อยู่ระหว่างพิจารณา ยังไม่มีคำสั่งใด เคลียร์กรณีสื่อเผยชื่อ-ภาพองค์คณะพิจารณาข้อมูลไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111704

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลปกครอง แจงคดี "บิ๊กโจ๊ก" อยู่ระหว่างพิจารณา ยังไม่มีคำสั่งใด เคลียร์กรณีสื่อเผยชื่อ-ภาพองค์คณะพิจารณาข้อมูลไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111704 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1070 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง
    ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม
    อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย
    ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน
    สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน
    เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ
    ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว
    สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 858 มุมมอง 0 รีวิว

  • แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว
    .
    แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม
    .
    เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน
    .
    สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย
    .
    จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย
    .
    ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน”
    .
    พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ
    .
    ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด
    .
    ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี
    .
    อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว
    .
    ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น
    .
    เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร
    .
    นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม
    .
    ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร
    กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น
    .
    อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย
    ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า
    .
    หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง
    .
    โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ
    .
    แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น
    .
    แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์
    .
    โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน
    .
    แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว
    .
    พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก
    พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา
    .
    ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้
    .
    หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร
    .
    ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้
    .
    อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ
    .
    แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ
    ...........
    Sondhi X
    แฉเหลี่ยมกลับลำ ตั้มเดินหมากถอย จะได้ไม่ติดคุกยาว . แม้กำลังจะจนตรอก ไม่เหลือหนทางสู้แล้ว แต่หมากล่าสุดที่ก๊วนทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ขยับเดิน นับว่าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนเดิม . เป็นความเคลื่อนไหวแบบ 2 ประสาน ลงมือพร้อมๆ กัน . สายหนึ่งคือ ทนายปาเกียว นายสายหยุด เพ็งบุญชู จัดการต่อสายถึงทนายความของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ เพื่อเปิดเจรจา จะขอคืนเงินทั้งหมดให้พี่อ้อย . จากเดิมที่ทนายตั้ม เคยโวยใส่ทนายความของพี่อ้อย “กล้าดียังไงมาแจ้งจับผม” ทั้งขู่จะแจ้งความกลับพี่อ้อย โวยว่าทำให้ชื่อเสียงแบรนด์เนมเสียหาย . ตอนนี้ ทนายตั้มกลับลำ จะขอคืนเงินที่โกงมาทุกบาททุกสตางค์ จนถูกแซวเจ็บๆ “กล้าดียังไงจะคืนเงิน” . พอพี่อ้อยรับสารจากทนายปาเกียว ก็แจ้งกลับเบื้องต้นไปว่า งานนี้แล้วแต่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะตัดสินใจ . ถือว่าพี่อ้อยฝากชีวิต และเชื่อมั่นในสื่ออาวุโส ว่าจะตัดสินใจได้ดีที่สุด . ถามว่าพี่อ้อย อยากได้เงินกว่า 100 ล้านบาท ที่ถูกทนายตั้มโกงไปหรือไม่? ใครก็คาดเดาได้ว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นมันแค่เศษเงินของจำนวนทั้งหมดที่พี่อ้อยมี . อีกทั้งกระบวนการทางคดี ก็เดินหน้ามาไกล จนเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว . ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มโลกโซเชียล พี่อ้อยอย่าไปใจอ่อนให้กับคนเนรคุณเด็ดขาด จัดหนัก “สุดซอย” เท่านั้น . เพราะต่างแน่ใจ คนอย่างทนายตั้ม เป็นภัยสังคมร้ายแรง ขืนปล่อยออกจากคุก ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของทนายตั้ม อีกไม่รู้เท่าไร . นอกจากนี้ ทรัพย์สินเงินในธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่ ป.ป.ง. อายัดไว้เรียบร้อยแล้วนับร้อยล้านบาทนั้น เมื่อคดีถึงที่สุด ก็ต้องตกเป็นของพี่อ้อยอยู่ดี พี่อ้อยไม่จำเป็นต้องไปรับการชดใช้ใดๆ จากทนายตั้ม . ในแง่ของจังหวะเวลา ก็ถือว่าสายเกินไป พอรู้ว่าตัวเองจะแพ้แน่นอน จึงจะยอมขอคืนเงิน การแสดงออกแบบนี้ มันไม่น่าสงสาร กมลสันดานของโจรที่มาเป็นทนาย ก็คงไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ การจะขอคืนเงินจึงแค่เป็นหมาก เพื่อหวังดิ้นให้หลุดจากการ “ติดคุกยาว” ก็เท่านั้น . อีกสายของทนายตั้ม ที่เคลื่อนไหวอย่างสอดประสานกัน คือการปรากฏตัวออกสื่อของพี่ชายคนสนิทที่ชื่อ “โอ๋” คนสมุทรสาครบ้านเดียวกัน ที่ย้ายไปตั้งรกรากที่ จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศให้ช่วยกันติดตามค้นหาที่ซ่อนสมบัติของทนายตั้ม ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไป จนตู้เซฟยักษ์เหลือแต่ความว่างเปล่า . หนึ่งในรายชื่อที่สนธิชี้เป้า ก็คือ นายโอ๋ คนนี้เอง . โอ๋เหมือนเตรียมตัวมาอย่างดี ในการพูดกับสื่อ ยอมรับว่าสนิทกันจริงกับทนายตั้ม แต่ไม่รู้เรื่องทรัพย์สินใดๆ . แล้วก็พยายามเคลียร์ให้ทนายตั้ม ดูชั่วช้าสารเลวน้อยลง เช่น อ้างว่าทนายตั้ม ไม่ใช่ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แค่มาร่วมงานกันเท่านั้น . แต่เมื่อมองย้อนพฤติกรรมของทนายตั้ม ไม่ว่าจะสร้างเรื่องใส่ร้ายบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา สมัยเป็น ผบ.ตร. เรื่องจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ . โผล่มาอาละวาดกับบิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือไปตอแยยียวนใส่บิ๊กเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ระหว่างทำคดีบิ๊กโจ๊กฟอกเงิน . แต่ละบิ๊กที่ถูกทนายตั้มตามราวี ล้วนแต่เป็นคู่ปรับของบิ๊กโจ๊กทั้งสิ้น และคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากลีลาของทนายตั้ม ก็มีแต่บิ๊กโจ๊กคนเดียว . พฤติกรรมที่ผ่านมามันชัดเจน ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทนายตั้มเป็นแค่ “ม้าใช้” ของบิ๊กโจ๊ก พี่โอ๋ของน้องตั้ม ยังพยายามเคลียร์ใจสนธิ ลิ้มทองกุล แทนให้ด้วย ถึงขนาดร่ำไห้แบบไม่มีน้ำตาออกมา . ชาวเนตได้เห็นได้ฟังทุกสิ่งที่โอ๋พร่ำพูดออกมา ก็มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าคนๆ นี้ เชื่อถือไม่ได้ . หลายคนวิเคราะห์ว่า โอ๋น่าจะกลัวโดนกองปราบฯ ขุดไปถึงตัวเขาทางใดทางหนึ่ง เพราะเขาเองก็ดูร่ำรวย มีทรงของคนไม่ขาวปลอดสักเท่าไร . ตรรกะง่ายๆ ใครที่จะสนิทสนมซี้ปึ้กกับทนายตั้ม ก็ต้องมีศีลเสมอกัน มิฉะนั้น คงคบกันไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ . อย่างพี่อ้อย ไปสนิทกับทนายตั้ม ความสัมพันธ์ก็พังครืนในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะทนายตั้มไม่ได้นับพี่อ้อยเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นผู้มีพระคุณใดๆ . แต่มองพี่อ้อยเป็นเหยื่อโอชะ วางแผนที่จะฮุบทรัพย์สินมหาศาลของพี่อ้อย อย่างเป็นระบบ ........... Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1582 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม
    สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
    อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ
    จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนา ม้าใช้คู่ใจอย่างทนายตั้ม ที่รับงานก่อกวนป่วนวงการตำรวจมาตลอด ก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุรเชชษฐ์หักพาล #ยกคำร้องบิ๊กโจ๊ก #ทนายต้ม #หมาแก่ #ฟ้ามีตา
    ฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนา ม้าใช้คู่ใจอย่างทนายตั้ม ที่รับงานก่อกวนป่วนวงการตำรวจมาตลอด ก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุรเชชษฐ์หักพาล #ยกคำร้องบิ๊กโจ๊ก #ทนายต้ม #หมาแก่ #ฟ้ามีตา
    Like
    Haha
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1601 มุมมอง 157 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้อง 4 ผู้ต้องหาผิดสมคบฟอกเงินคดีพัวพันเว็บพนัน เครือข่าย ‘มินนี่’ ตามความเห็นแย้ง ผบ.ตร. ส่วนคดีที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และตัว "มินนี่" ตกเป็นผู้ต้องหา สำนวนคดียังอยู่ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้าวันนี้ (13 พ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ส่งสำนวนสอบสวนคดีที่ 724/2566 คดีระหว่าง พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวกรวม 61 คน ผู้ต้องหา ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน มายังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 - 7, 15 - 19, 27, 31 – 32, 38 – 39, 44, 49 – 51, 53, 55 และที่ 59 รวม 21 คน และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ตัวมา รวม 20 คน คือ ผู้ต้องหาที่ 28, 30, 33 – 36, 40 – 43, 45 – 48, 52, 54, 56 – 58, ที่ 60 ตามข้อกล่าวหาและมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 –11 รวม 4 คน (ผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 หลบหนี) ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงินต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 - 11 และส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1อัยการสูงสุด พิจารณาแล้วมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8 และผู้ต้องหาที่ 11 และชี้ขาดควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 9 และผู้ต้องหาที่ 10 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ตามความเห็นแย้งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งแจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 มาดำเนินคดีภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิดผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และที่ 61 รวม 14 คน สำนวนอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้ต้องหาที่ 29 และ 37 อีก 2 คน เป็นเยาวชน ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ ผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และ ที่ 61 รวม 14 คน ซึ่งมี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เเละ น.ส.ธันยนันท์ หรือสุชานันท์ หรือ "มินนี่" รวมอยู่ด้วยนั้นเป็นกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอสำนวนคืนจากอัยการไป ขณะนี้ยังไม่ปรากฎความคืบหน้า
    อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้อง 4 ผู้ต้องหาผิดสมคบฟอกเงินคดีพัวพันเว็บพนัน เครือข่าย ‘มินนี่’ ตามความเห็นแย้ง ผบ.ตร. ส่วนคดีที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และตัว "มินนี่" ตกเป็นผู้ต้องหา สำนวนคดียังอยู่ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้าวันนี้ (13 พ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ส่งสำนวนสอบสวนคดีที่ 724/2566 คดีระหว่าง พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวกรวม 61 คน ผู้ต้องหา ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน มายังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 - 7, 15 - 19, 27, 31 – 32, 38 – 39, 44, 49 – 51, 53, 55 และที่ 59 รวม 21 คน และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ตัวมา รวม 20 คน คือ ผู้ต้องหาที่ 28, 30, 33 – 36, 40 – 43, 45 – 48, 52, 54, 56 – 58, ที่ 60 ตามข้อกล่าวหาและมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 –11 รวม 4 คน (ผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 หลบหนี) ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงินต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 - 11 และส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1อัยการสูงสุด พิจารณาแล้วมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8 และผู้ต้องหาที่ 11 และชี้ขาดควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 9 และผู้ต้องหาที่ 10 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ตามความเห็นแย้งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งแจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 มาดำเนินคดีภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิดผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และที่ 61 รวม 14 คน สำนวนอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้ต้องหาที่ 29 และ 37 อีก 2 คน เป็นเยาวชน ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ ผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และ ที่ 61 รวม 14 คน ซึ่งมี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เเละ น.ส.ธันยนันท์ หรือสุชานันท์ หรือ "มินนี่" รวมอยู่ด้วยนั้นเป็นกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอสำนวนคืนจากอัยการไป ขณะนี้ยังไม่ปรากฎความคืบหน้า
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้อง 4 ผู้ต้องหาผิดสมคบฟอกเงินคดีพัวพันเว็บพนัน เครือข่าย ‘มินนี่’ ตามความเห็นแย้ง ผบ.ตร. ส่วนคดีที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และตัว "มินนี่" ตกเป็นผู้ต้องหา สำนวนคดียังอยู่ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109412

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้อง 4 ผู้ต้องหาผิดสมคบฟอกเงินคดีพัวพันเว็บพนัน เครือข่าย ‘มินนี่’ ตามความเห็นแย้ง ผบ.ตร. ส่วนคดีที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และตัว "มินนี่" ตกเป็นผู้ต้องหา สำนวนคดียังอยู่ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000109412 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    61
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2175 มุมมอง 2 รีวิว
Pages Boosts