นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้
1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)
2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
3. มาตรการเชิงรุก
โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government
ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)
การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)
มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต
4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ
ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)
มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International
5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน
โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ
การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต
การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ
ผลลัพธ์และความท้าทาย
แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)
2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
3. มาตรการเชิงรุก
โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government
ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)
การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)
มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต
4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ
ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)
มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International
5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน
โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ
การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต
การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ
ผลลัพธ์และความท้าทาย
แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้
1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)
2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
3. มาตรการเชิงรุก
โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government
ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)
การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)
มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต
4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ
ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)
มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International
5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน
โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ
การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต
การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ
ผลลัพธ์และความท้าทาย
แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
