• เลขาธิการ กฤษฎีกา เผย เป็นหน้าที่เลขาฯ ครม. แจงปม ป.ป.ช. ไต่สวน “เศรษฐา-ครม.” โยกงบโยกงบประมาณ 3.5 หมื่นล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/22205/
    .
    #ไทยไท #ปกรณ์นิลประพันธ์ #ปปช. #โยกงบ3.5หมื่นล้าน #ดิจิทัลวอลเล็ต #สลค.

    เลขาธิการ กฤษฎีกา เผย เป็นหน้าที่เลขาฯ ครม. แจงปม ป.ป.ช. ไต่สวน “เศรษฐา-ครม.” โยกงบโยกงบประมาณ 3.5 หมื่นล้าน https://www.thai-tai.tv/news/22205/ . #ไทยไท #ปกรณ์นิลประพันธ์ #ปปช. #โยกงบ3.5หมื่นล้าน #ดิจิทัลวอลเล็ต #สลค.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ธรรมนัส’ ปัดตอบ! ชี้ปมคุณสมบัติ ‘ไผ่ ลิกค์’ อยู่ที่ดุลยพินิจของ ‘สลค.’!
    https://www.thai-tai.tv/news/21405/
    .
    #ไทยไท #รธรรมนัสพรหมเผ่า #ไผ่ลิกค์ #พรรคกล้าธรรม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    ‘ธรรมนัส’ ปัดตอบ! ชี้ปมคุณสมบัติ ‘ไผ่ ลิกค์’ อยู่ที่ดุลยพินิจของ ‘สลค.’! https://www.thai-tai.tv/news/21405/ . #ไทยไท #รธรรมนัสพรหมเผ่า #ไผ่ลิกค์ #พรรคกล้าธรรม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สุริยะ” ทำหน้าที่นายกฯ วันแรก ลงนามแต่งตั้ง “ภูมิธรรม” เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ยันปรึกษากฤษฎีกา - สลค. แล้ว “แพทองธาร” เข้าถวายสัตย์ได้ ชมทุ่มเทตั้งใจทำงานมองคลิปเสียงออกมาเพื่อให้ประเทศสงบสุข

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062252

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “สุริยะ” ทำหน้าที่นายกฯ วันแรก ลงนามแต่งตั้ง “ภูมิธรรม” เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ยันปรึกษากฤษฎีกา - สลค. แล้ว “แพทองธาร” เข้าถวายสัตย์ได้ ชมทุ่มเทตั้งใจทำงานมองคลิปเสียงออกมาเพื่อให้ประเทศสงบสุข อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062252 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุริยะ" ลงนามแต่งตั้ง "ภูมิธรรม" นั่งรักษาการนายกฯ ลำดับที่ 1 ยันปรึกษา "กฤษฎีกา - สลค." แล้ว "แพทองธาร"เข้าถวายสัตย์ได้
    https://www.thai-tai.tv/news/19940/
    .
    #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #รักษาการนายกฯ #แพทองธาร #ถวายสัตย์ #ภูมิธรรมเวชยชัย #คณะรัฐมนตรี #การเมืองไทย #ซื่อสัตย์สุจริต #ไทยกัมพูชา
    "สุริยะ" ลงนามแต่งตั้ง "ภูมิธรรม" นั่งรักษาการนายกฯ ลำดับที่ 1 ยันปรึกษา "กฤษฎีกา - สลค." แล้ว "แพทองธาร"เข้าถวายสัตย์ได้ https://www.thai-tai.tv/news/19940/ . #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #รักษาการนายกฯ #แพทองธาร #ถวายสัตย์ #ภูมิธรรมเวชยชัย #คณะรัฐมนตรี #การเมืองไทย #ซื่อสัตย์สุจริต #ไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นายกฯ" แจ้ง สลค. ลากิจช่วงสายพรุ่งนี้ 11.30น.-13.00 น. หลังเป็นปธ.ปิดการประชุมทูตฯ-กงสุลใหญ่
    https://www.thai-tai.tv/news/19382/
    "นายกฯ" แจ้ง สลค. ลากิจช่วงสายพรุ่งนี้ 11.30น.-13.00 น. หลังเป็นปธ.ปิดการประชุมทูตฯ-กงสุลใหญ่ https://www.thai-tai.tv/news/19382/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน
    plew

    เปลว สีเงิน

    คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ
    สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน”
    บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ

    Anwar Ibrahim
    รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์

    รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน

    การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา

    เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า

    จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย
    ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค

    ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย

    หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน

    ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น
    แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง.

    นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง

    ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร”
    ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.)

    “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว”
    จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘

    โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า
    นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

    ในความรู้สึกผม….
    ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว

    ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์

    แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง

    กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน!

    ถามว่าผิดมั้ย?
    ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ”

    หรือพูดกันชัดๆ…
    นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย!

    เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง….
    หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้

    มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้?
    เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!?

    แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น
    น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”!

    ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้

    แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย

    “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้
    แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้!

    เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล
    “หยุดงาน-ลางาน” ได้

    แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์

    คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น

    อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”…….
    นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน”

    ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก

    ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น
    ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ

    เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง”
    เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ

    ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม”
    “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย

    คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด!
    นี่คือ “สำนึกผู้นำ”

    ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า…..

    จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ?

    โบราณท่านบอก….
    เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ”

    แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง”

    เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน
    คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา

    มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง

    พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง
    จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ

    ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง
    คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย

    หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์”

    อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕
    เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน

    ผมเล่าตามข่าวนะ …..
    “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี
    หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ?
    ลองทายกันดูซิ….

    เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน
    “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี?

    แค่บอกว่า
    “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล

    โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป

    จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท”

    ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก!

    แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร?

    อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ”

    แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย

    ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์
    พบ-พูดคุยกันแล้ว….
    อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย?

    อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร”
    จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ?

    -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย”

    ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ

    อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน”

    และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”!

    “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก”
    แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล?

    เปลว สีเงิน
    ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน plew เปลว สีเงิน คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน” บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ Anwar Ibrahim รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์ รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง. นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.) “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว” จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘ โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ? ในความรู้สึกผม…. ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์ แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน! ถามว่าผิดมั้ย? ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ” หรือพูดกันชัดๆ… นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย! เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง…. หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้ มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้? เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!? แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”! ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้ แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้ แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้! เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล “หยุดงาน-ลางาน” ได้ แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์ คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”……. นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน” ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง” เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม” “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด! นี่คือ “สำนึกผู้นำ” ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า….. จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ? โบราณท่านบอก…. เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ” แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง” เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์” อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน ผมเล่าตามข่าวนะ ….. “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ? ลองทายกันดูซิ…. เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี? แค่บอกว่า “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท” ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก! แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร? อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ” แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์ พบ-พูดคุยกันแล้ว…. อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย? อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร” จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ? -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย” ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน” และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”! “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก” แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล? เปลว สีเงิน ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1658 มุมมอง 0 รีวิว