• “NVIDIA เตรียมเปิดศักราชใหม่ของ GPU ด้วย Boot42 บนไดรเวอร์ Nova รองรับสถาปัตยกรรม Rubin”

    NVIDIA กำลังวางรากฐานสำหรับ GPU รุ่นถัดไปแล้วนะ! ล่าสุดพวกเขาเริ่มเปลี่ยนระบบระบุสถาปัตยกรรมจาก Boot0 ไปเป็น Boot42 บนไดรเวอร์ Nova ซึ่งเป็นไดรเวอร์โอเพ่นซอร์สที่เขียนด้วยภาษา Rust

    ก่อนหน้านี้ NVIDIA ใช้ register ที่ชื่อว่า NV_PMC_BOOT_0 เพื่อบอกว่า GPU ตัวนั้นใช้สถาปัตยกรรมอะไร เช่น Turing, Ampere หรือ Blackwell แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะเลิกใช้ Boot0 แล้วหันมาใช้ NV_PMC_BOOT_42 แทน ซึ่งจะช่วยให้โค้ดสะอาดขึ้นและรองรับ GPU รุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้ชี้ชัดว่า NVIDIA กำลังเตรียมตัวสำหรับสถาปัตยกรรมใหม่ที่ชื่อว่า “Rubin” ซึ่งจะมาแทน Blackwell และเน้นกลุ่มเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก โดยมีแผนเริ่มผลิตจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2026

    ที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนมาใช้ Boot42 ทำให้โค้ดในไดรเวอร์ลดลงถึง 33 บรรทัด และยังช่วยให้ Nova รองรับ GPU ตั้งแต่รุ่นเก่าอย่าง NV04 ไปจนถึงรุ่นใหม่ในอนาคตได้โดยไม่ต้องแก้โค้ดเพิ่มอีก

    NVIDIA เปลี่ยนระบบระบุสถาปัตยกรรมจาก Boot0 ไปเป็น Boot42
    ใช้ในไดรเวอร์ Nova ที่เขียนด้วยภาษา Rust
    NV_PMC_BOOT_0 จะถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย NV_PMC_BOOT_42
    ช่วยให้โค้ดสะอาดขึ้นและรองรับ GPU รุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับ GPU สถาปัตยกรรม Rubin
    Rubin เป็นสถาปัตยกรรมถัดจาก Blackwell
    เน้นกลุ่มเซิร์ฟเวอร์และ AI
    มีกำหนดเริ่มผลิตจำนวนมากในครึ่งหลังของปี 2026

    ผลลัพธ์จากการเปลี่ยนมาใช้ Boot42
    ลดโค้ดในไดรเวอร์ลง 33 บรรทัด
    Nova จะสามารถรองรับ GPU ตั้งแต่ NV04 ถึงรุ่นอนาคตได้โดยไม่ต้องแก้โค้ด
    เป็นก้าวสำคัญของ NVIDIA ในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์สบน Linux

    https://wccftech.com/nvidia-prepares-for-next-gen-gpus-begins-nova-driver-transition-from-boot0-to-boot42/
    ⚙️ “NVIDIA เตรียมเปิดศักราชใหม่ของ GPU ด้วย Boot42 บนไดรเวอร์ Nova รองรับสถาปัตยกรรม Rubin” NVIDIA กำลังวางรากฐานสำหรับ GPU รุ่นถัดไปแล้วนะ! ล่าสุดพวกเขาเริ่มเปลี่ยนระบบระบุสถาปัตยกรรมจาก Boot0 ไปเป็น Boot42 บนไดรเวอร์ Nova ซึ่งเป็นไดรเวอร์โอเพ่นซอร์สที่เขียนด้วยภาษา Rust ก่อนหน้านี้ NVIDIA ใช้ register ที่ชื่อว่า NV_PMC_BOOT_0 เพื่อบอกว่า GPU ตัวนั้นใช้สถาปัตยกรรมอะไร เช่น Turing, Ampere หรือ Blackwell แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะเลิกใช้ Boot0 แล้วหันมาใช้ NV_PMC_BOOT_42 แทน ซึ่งจะช่วยให้โค้ดสะอาดขึ้นและรองรับ GPU รุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ชี้ชัดว่า NVIDIA กำลังเตรียมตัวสำหรับสถาปัตยกรรมใหม่ที่ชื่อว่า “Rubin” ซึ่งจะมาแทน Blackwell และเน้นกลุ่มเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก โดยมีแผนเริ่มผลิตจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนมาใช้ Boot42 ทำให้โค้ดในไดรเวอร์ลดลงถึง 33 บรรทัด และยังช่วยให้ Nova รองรับ GPU ตั้งแต่รุ่นเก่าอย่าง NV04 ไปจนถึงรุ่นใหม่ในอนาคตได้โดยไม่ต้องแก้โค้ดเพิ่มอีก ✅ NVIDIA เปลี่ยนระบบระบุสถาปัตยกรรมจาก Boot0 ไปเป็น Boot42 ➡️ ใช้ในไดรเวอร์ Nova ที่เขียนด้วยภาษา Rust ➡️ NV_PMC_BOOT_0 จะถูกยกเลิกและแทนที่ด้วย NV_PMC_BOOT_42 ➡️ ช่วยให้โค้ดสะอาดขึ้นและรองรับ GPU รุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับ GPU สถาปัตยกรรม Rubin ➡️ Rubin เป็นสถาปัตยกรรมถัดจาก Blackwell ➡️ เน้นกลุ่มเซิร์ฟเวอร์และ AI ➡️ มีกำหนดเริ่มผลิตจำนวนมากในครึ่งหลังของปี 2026 ✅ ผลลัพธ์จากการเปลี่ยนมาใช้ Boot42 ➡️ ลดโค้ดในไดรเวอร์ลง 33 บรรทัด ➡️ Nova จะสามารถรองรับ GPU ตั้งแต่ NV04 ถึงรุ่นอนาคตได้โดยไม่ต้องแก้โค้ด ➡️ เป็นก้าวสำคัญของ NVIDIA ในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์สบน Linux https://wccftech.com/nvidia-prepares-for-next-gen-gpus-begins-nova-driver-transition-from-boot0-to-boot42/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Prepares For Next-Gen GPUs; Begins Nova Driver Transition From Boot0 To Boot42
    NVIDIA has reportedly started preparing for "next-gen" GPUs as confirmed from its transition of Nova Driver to Boot42.
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.144 : ‘ยัยตัวร้าย’ ปราบ Scambodia
    .
    รัฐบาลกัมพูชา กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากกรณีที่มีนักศึกษาเกาหลีใต้คนหนึ่งที่ถูกหลอกลวงไปให้ทำงานกับขบวนการสแกมเมอร์เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ทางการเกาหลีใต้ก็เลยส่งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปยังกัมพูชา เพื่อตรวจสอบขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และยังขึ้นบัญชีดำ กัมพูชาเป็นแดนอันตราย ห้ามชาวเกาหลีใต้เดินทางไปอีกด้วย
    .
    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลต่างชาติส่งเจ้าหน้าที่ไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อกดดันให้ปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ โดยก่อนหน้านี้ จีน และญี่ปุ่น ก็เคยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปยังกัมพูชา เพื่อรับตัวพลเมืองของตัวเอง ทั้งที่ถูกหลอกลวง และสมัครใจเข้าร่วมกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ปฏิบัติการของเกาหลีใต้ครั้งนี้ถูกพูดถึงกันมากว่ารวดเร็วแ ละเด็ดขาด เหมือนกับในซีรีย์เกาหลีที่เราดูกันเลย ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=U-UIB9Eyv_M
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #กัมพูชา #scambodia #เกาหลีใต้ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    บูรพาไม่แพ้ Ep.144 : ‘ยัยตัวร้าย’ ปราบ Scambodia . รัฐบาลกัมพูชา กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากกรณีที่มีนักศึกษาเกาหลีใต้คนหนึ่งที่ถูกหลอกลวงไปให้ทำงานกับขบวนการสแกมเมอร์เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ทางการเกาหลีใต้ก็เลยส่งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปยังกัมพูชา เพื่อตรวจสอบขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และยังขึ้นบัญชีดำ กัมพูชาเป็นแดนอันตราย ห้ามชาวเกาหลีใต้เดินทางไปอีกด้วย . นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลต่างชาติส่งเจ้าหน้าที่ไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อกดดันให้ปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ โดยก่อนหน้านี้ จีน และญี่ปุ่น ก็เคยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปยังกัมพูชา เพื่อรับตัวพลเมืองของตัวเอง ทั้งที่ถูกหลอกลวง และสมัครใจเข้าร่วมกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ปฏิบัติการของเกาหลีใต้ครั้งนี้ถูกพูดถึงกันมากว่ารวดเร็วแ ละเด็ดขาด เหมือนกับในซีรีย์เกาหลีที่เราดูกันเลย ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=U-UIB9Eyv_M . #บูรพาไม่แพ้ #กัมพูชา #scambodia #เกาหลีใต้ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS

    มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7

    แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน
    ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS
    เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน
    อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7

    ผลกระทบต่อจีน
    อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS
    อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน
    ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้
    มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน
    อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต
    การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    🇺🇸 สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7 แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ✅ แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน ➡️ ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS ➡️ เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7 ✅ ผลกระทบต่อจีน ➡️ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS ➡️ อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน ➡️ ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้ ➡️ มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน ⛔ อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ⛔ การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ⛔ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • Medusa Ransomware โจมตี Comcast: ข้อมูล 834 GB ถูกเปิดเผยหลังไม่จ่ายค่าไถ่ $1.2 ล้าน

    กลุ่มแฮกเกอร์ Medusa Ransomware ได้เปิดเผยข้อมูลขนาดมหึมา 834 GB ที่อ้างว่าเป็นของ Comcast บริษัทสื่อและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่าไถ่จำนวน $1.2 ล้านตามที่กลุ่มเรียกร้อง โดยข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมานั้นเป็นไฟล์บีบอัดขนาด 186 GB ซึ่งเมื่อแตกไฟล์แล้วจะมีขนาดรวมถึง 834 GB ตามคำกล่าวอ้างของกลุ่มแฮกเกอร์.

    ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยอัตโนมัติ เช่น “Esur_rerating_verification.xlsx” และ “Claim Data Specifications.xlsm” ซึ่งบ่งชี้ว่ามีข้อมูลลูกค้าและการดำเนินงานภายในที่ละเอียดอ่อนถูกเปิดเผย

    Comcast ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แม้ Hackread จะพยายามติดต่อเพื่อขอคำชี้แจงก็ตาม

    สรุปประเด็นสำคัญจากเหตุการณ์

    1️⃣ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
    ข้อมูลที่ Medusa อ้างว่าได้จาก Comcast
    ขนาดรวม 834 GB (บีบอัดเหลือ 186 GB)
    ประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL
    เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยและข้อมูลลูกค้า

    คำเตือน
    ข้อมูลที่รั่วไหลอาจมีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าจำนวนมาก
    อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ phishing หรือการขโมยข้อมูลทางการเงิน

    2️⃣ พฤติกรรมของกลุ่ม Medusa Ransomware
    ประวัติการโจมตีที่ผ่านมา
    เคยโจมตี NASCAR ด้วยค่าไถ่ $4 ล้านในเดือนเมษายน 2025
    ใช้ช่องโหว่ GoAnywhere MFT (CVE-2025-10035) เพื่อเจาะระบบ
    มีประวัติการปล่อยข้อมูลเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากเหยื่อ

    คำเตือน
    กลุ่มนี้มีแนวโน้มปล่อยข้อมูลทันทีเมื่อการเจรจาล้มเหลว
    องค์กรที่ใช้ GoAnywhere MFT ควรตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน

    3️⃣ ความเคลื่อนไหวของ Comcast
    เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
    ในปี 2023 แบรนด์ Xfinity ของ Comcast เคยถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Citrix
    ส่งผลกระทบต่อบัญชีผู้ใช้กว่า 35.9 ล้านราย

    คำเตือน
    การโจมตีซ้ำแสดงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    การไม่ตอบสนองต่อสื่อหรือผู้เชี่ยวชาญอาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้า

    https://hackread.com/medusa-ransomware-comcast-data-leak/
    🧨 Medusa Ransomware โจมตี Comcast: ข้อมูล 834 GB ถูกเปิดเผยหลังไม่จ่ายค่าไถ่ $1.2 ล้าน กลุ่มแฮกเกอร์ Medusa Ransomware ได้เปิดเผยข้อมูลขนาดมหึมา 834 GB ที่อ้างว่าเป็นของ Comcast บริษัทสื่อและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่าไถ่จำนวน $1.2 ล้านตามที่กลุ่มเรียกร้อง โดยข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมานั้นเป็นไฟล์บีบอัดขนาด 186 GB ซึ่งเมื่อแตกไฟล์แล้วจะมีขนาดรวมถึง 834 GB ตามคำกล่าวอ้างของกลุ่มแฮกเกอร์. ข้อมูลที่รั่วไหลประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยอัตโนมัติ เช่น “Esur_rerating_verification.xlsx” และ “Claim Data Specifications.xlsm” ซึ่งบ่งชี้ว่ามีข้อมูลลูกค้าและการดำเนินงานภายในที่ละเอียดอ่อนถูกเปิดเผย Comcast ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเหตุการณ์นี้อย่างเป็นทางการ แม้ Hackread จะพยายามติดต่อเพื่อขอคำชี้แจงก็ตาม 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากเหตุการณ์ 1️⃣ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ✅ ข้อมูลที่ Medusa อ้างว่าได้จาก Comcast ➡️ ขนาดรวม 834 GB (บีบอัดเหลือ 186 GB) ➡️ ประกอบด้วยไฟล์ Excel และสคริปต์ Python/SQL ➡️ เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เบี้ยประกันภัยและข้อมูลลูกค้า ‼️ คำเตือน ⛔ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจมีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าจำนวนมาก ⛔ อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ phishing หรือการขโมยข้อมูลทางการเงิน 2️⃣ พฤติกรรมของกลุ่ม Medusa Ransomware ✅ ประวัติการโจมตีที่ผ่านมา ➡️ เคยโจมตี NASCAR ด้วยค่าไถ่ $4 ล้านในเดือนเมษายน 2025 ➡️ ใช้ช่องโหว่ GoAnywhere MFT (CVE-2025-10035) เพื่อเจาะระบบ ➡️ มีประวัติการปล่อยข้อมูลเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากเหยื่อ ‼️ คำเตือน ⛔ กลุ่มนี้มีแนวโน้มปล่อยข้อมูลทันทีเมื่อการเจรจาล้มเหลว ⛔ องค์กรที่ใช้ GoAnywhere MFT ควรตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน 3️⃣ ความเคลื่อนไหวของ Comcast ✅ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ➡️ ในปี 2023 แบรนด์ Xfinity ของ Comcast เคยถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ของ Citrix ➡️ ส่งผลกระทบต่อบัญชีผู้ใช้กว่า 35.9 ล้านราย ‼️ คำเตือน ⛔ การโจมตีซ้ำแสดงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ⛔ การไม่ตอบสนองต่อสื่อหรือผู้เชี่ยวชาญอาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้า https://hackread.com/medusa-ransomware-comcast-data-leak/
    HACKREAD.COM
    Medusa Ransomware Leaks 834 GB of Comcast Data After $1.2M Demand
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • Reddit ฟ้อง Perplexity และบริษัท Data Broker ฐานขูดข้อมูลระดับอุตสาหกรรมเพื่อป้อน AI

    Reddit จุดชนวนสงครามข้อมูลกับบริษัท AI โดยยื่นฟ้อง Perplexity และบริษัท data broker อีก 3 ราย ได้แก่ Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานละเมิดข้อตกลงการใช้งานและขูดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Reddit เพื่อนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต

    Reddit ระบุว่า Perplexity เป็น “ลูกค้าผู้เต็มใจ” ในระบบเศรษฐกิจแบบ “ฟอกข้อมูล” ที่กำลังเฟื่องฟูในยุค AI โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงข้อจำกัดของเว็บไซต์ เช่น การละเมิด robots.txt และการปลอมตัวเป็นผู้ใช้ทั่วไป เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ควรถูกป้องกันไว้

    ที่น่าสนใจคือ Reddit ได้วางกับดักโดยสร้างโพสต์ลับที่มีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับพบว่าเนื้อหานั้นปรากฏในคำตอบของ Perplexity ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ Reddit ใช้ในการฟ้องร้อง

    Perplexity ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าไม่ได้ใช้ข้อมูล Reddit ในการฝึกโมเดล AI แต่เพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะเท่านั้น พร้อมกล่าวหาว่า Reddit ใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงด้านข้อมูลกับ Google และ OpenAI

    คดีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Reddit ฟ้องบริษัท AI ก่อนหน้านี้ก็เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างแพลตฟอร์มเนื้อหากับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลมนุษย์คุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล

    รายละเอียดคดีฟ้องร้อง
    Reddit ฟ้อง Perplexity, Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานขูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    กล่าวหาว่า Perplexity ใช้ข้อมูล Reddit เพื่อฝึกโมเดล AI โดยไม่ทำข้อตกลงลิขสิทธิ์
    บริษัท scraping ใช้ proxy และเทคนิคหลบเลี่ยงเพื่อเข้าถึงข้อมูล

    หลักฐานสำคัญ
    Reddit สร้างโพสต์ลับที่มีเฉพาะ Google เข้าถึงได้
    พบว่า Perplexity ใช้เนื้อหานั้นในคำตอบของ AI ภายในไม่กี่ชั่วโมง
    ชี้ว่า Perplexity ขูดข้อมูลจาก Google SERPs ที่มีเนื้อหา Reddit

    การตอบโต้จาก Perplexity
    ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝึกโมเดลด้วยข้อมูล Reddit
    ระบุว่าเพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะ
    กล่าวหาว่า Redditใช้คดีนี้เพื่อกดดัน Google และ OpenAI

    ความเคลื่อนไหวของ Reddit
    เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน
    มีข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Google และ OpenAI
    เน้นว่าข้อมูลจาก Reddit เป็น “เนื้อหามนุษย์คุณภาพสูง” ที่มีมูลค่าสูงในยุค AI

    https://securityonline.info/reddit-sues-perplexity-and-data-brokers-for-industrial-scale-scraping/
    🧠 Reddit ฟ้อง Perplexity และบริษัท Data Broker ฐานขูดข้อมูลระดับอุตสาหกรรมเพื่อป้อน AI Reddit จุดชนวนสงครามข้อมูลกับบริษัท AI โดยยื่นฟ้อง Perplexity และบริษัท data broker อีก 3 ราย ได้แก่ Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานละเมิดข้อตกลงการใช้งานและขูดข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Reddit เพื่อนำไปใช้ในการฝึกโมเดล AI โดยไม่ได้รับอนุญาต Reddit ระบุว่า Perplexity เป็น “ลูกค้าผู้เต็มใจ” ในระบบเศรษฐกิจแบบ “ฟอกข้อมูล” ที่กำลังเฟื่องฟูในยุค AI โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เทคนิคหลบเลี่ยงข้อจำกัดของเว็บไซต์ เช่น การละเมิด robots.txt และการปลอมตัวเป็นผู้ใช้ทั่วไป เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ควรถูกป้องกันไว้ ที่น่าสนใจคือ Reddit ได้วางกับดักโดยสร้างโพสต์ลับที่มีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับพบว่าเนื้อหานั้นปรากฏในคำตอบของ Perplexity ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ Reddit ใช้ในการฟ้องร้อง Perplexity ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่าไม่ได้ใช้ข้อมูล Reddit ในการฝึกโมเดล AI แต่เพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะเท่านั้น พร้อมกล่าวหาว่า Reddit ใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงด้านข้อมูลกับ Google และ OpenAI คดีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Reddit ฟ้องบริษัท AI ก่อนหน้านี้ก็เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างแพลตฟอร์มเนื้อหากับบริษัท AI ที่ต้องการข้อมูลมนุษย์คุณภาพสูงเพื่อฝึกโมเดล ✅ รายละเอียดคดีฟ้องร้อง ➡️ Reddit ฟ้อง Perplexity, Oxylabs, SerpApi และ AWMProxy ฐานขูดข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ กล่าวหาว่า Perplexity ใช้ข้อมูล Reddit เพื่อฝึกโมเดล AI โดยไม่ทำข้อตกลงลิขสิทธิ์ ➡️ บริษัท scraping ใช้ proxy และเทคนิคหลบเลี่ยงเพื่อเข้าถึงข้อมูล ✅ หลักฐานสำคัญ ➡️ Reddit สร้างโพสต์ลับที่มีเฉพาะ Google เข้าถึงได้ ➡️ พบว่า Perplexity ใช้เนื้อหานั้นในคำตอบของ AI ภายในไม่กี่ชั่วโมง ➡️ ชี้ว่า Perplexity ขูดข้อมูลจาก Google SERPs ที่มีเนื้อหา Reddit ✅ การตอบโต้จาก Perplexity ➡️ ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝึกโมเดลด้วยข้อมูล Reddit ➡️ ระบุว่าเพียงสรุปและอ้างอิงเนื้อหาสาธารณะ ➡️ กล่าวหาว่า Redditใช้คดีนี้เพื่อกดดัน Google และ OpenAI ✅ ความเคลื่อนไหวของ Reddit ➡️ เคยฟ้อง Anthropic ด้วยเหตุผลคล้ายกัน ➡️ มีข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Google และ OpenAI ➡️ เน้นว่าข้อมูลจาก Reddit เป็น “เนื้อหามนุษย์คุณภาพสูง” ที่มีมูลค่าสูงในยุค AI https://securityonline.info/reddit-sues-perplexity-and-data-brokers-for-industrial-scale-scraping/
    SECURITYONLINE.INFO
    Reddit Sues Perplexity and Data Brokers for 'Industrial-Scale' Scraping
    Reddit has filed a lawsuit against Perplexity and three data brokers, accusing them of unauthorized, "industrial-scale" scraping of its content for AI training.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • เรื่อง เสือกซ้ำซาก
    “เสือกซ้ำซาก”

    วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….”

    ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “

    ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน

    แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา

    นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia

    คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย

    แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ

    5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ
    แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ

    นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน

    อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย

    ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก

    เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?”
    http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html

    ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี

    เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ

    วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration !

    ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้!
    ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ

    นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน …

    กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม..,

    เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม..

    เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร

    – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด

    – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน

    – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน
    ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ

    – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ
    เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย

    สวัสดีครับ
    ลุงนิทาน
    27 มกราคม 2558

    U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014
    https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    เรื่อง เสือกซ้ำซาก “เสือกซ้ำซาก” วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….” ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “ ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ 5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?” http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration ! ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้! ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน … กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม.., เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม.. เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย สวัสดีครับ ลุงนิทาน 27 มกราคม 2558 U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014 https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • “Exynos 2600 ยังไม่พร้อมใช้กับ Galaxy S26 ทุกรุ่น – ผลิตได้แค่ 15,000 แผ่น wafer เท่านั้น!”

    Samsung เริ่มผลิตชิป Exynos 2600 ด้วยเทคโนโลยี 2nm GAA (Gate-All-Around) สำหรับใช้ใน Galaxy S26 แต่ดูเหมือนว่าการผลิตยังไม่พร้อมเต็มที่ เพราะมีรายงานว่าผลิตได้เพียง 15,000 wafer เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด

    แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า Exynos 2600 มีประสิทธิภาพสูงกว่า Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ A19 Pro ในการทดสอบภายใน แต่ปัญหาหลักคือ อัตราผลิตที่ได้ (yield) ยังอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น ทำให้ชิปที่ผลิตได้จริงมีจำนวนจำกัด

    ผลคือ Galaxy S26 จะมีเพียง 30% ของเครื่องทั้งหมด ที่ใช้ Exynos 2600 ส่วนที่เหลือจะใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 แทน แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า S26 Ultra จะใช้ Exynos ด้วย แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าอาจไม่เป็นจริง

    แหล่งข่าวยังระบุว่า Exynos 2600 ถูกมองว่า “premature” หรือยังไม่พร้อมใช้งานในระดับ mass production และ Samsung ยังต้องปรับปรุง yield ให้สูงขึ้นก่อนจะใช้กับรุ่นเรือธงทั้งหมด

    นอกจากนี้ Samsung ยังมีแผนใช้เทคโนโลยี 2nm GAA เดียวกันในการผลิตชิป AI6 ของ Tesla ซึ่งอยู่ในช่วง pilot production โดยตั้งเป้าเพิ่ม yield ให้ถึง 50% ภายในรอบการผลิตถัดไป

    สถานะการผลิตของ Exynos 2600
    ผลิตได้เพียง 15,000 wafer เท่านั้น
    Yield อยู่ที่ประมาณ 50%
    ใช้เทคโนโลยี 2nm GAA ที่ยังไม่เสถียร
    ถูกมองว่ายัง “premature” สำหรับการใช้งานใน Galaxy S26 ทุกรุ่น

    ผลกระทบต่อ Galaxy S26
    มีเพียง 30% ของเครื่องที่ใช้ Exynos 2600
    ส่วนใหญ่จะใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 แทน
    S26 Ultra อาจไม่ได้ใช้ Exynos ตามที่เคยคาดไว้
    ประสิทธิภาพของ Exynos 2600 ยังสูงกว่าในการทดสอบภายใน

    แผนของ Samsung ในอนาคต
    ตั้งเป้าเพิ่ม yield เป็น 70%
    ใช้เทคโนโลยีเดียวกันผลิตชิป AI6 ให้ Tesla
    หวังดึงลูกค้าใหม่ เช่น Qualcomm หาก yield ดีขึ้น
    แข่งกับ TSMC ในตลาด 2nm GAA

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    Yield ต่ำทำให้ต้นทุนต่อชิปสูงและจำนวนผลิตจำกัด
    การใช้ชิปที่ยังไม่เสถียรอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Galaxy S26
    หากไม่สามารถเพิ่ม yield ได้ อาจเสียเปรียบ TSMC ในระยะยาว
    การพึ่งพา Snapdragon มากเกินไปอาจลดความเป็นอิสระของ Samsung
    การผลิต AI6 บนเทคโนโลยีเดียวกันอาจเจอปัญหา yield ซ้ำซ้อน

    https://wccftech.com/exynos-2600-initial-production-volume-15000-wafers-considered-premature-for-all-galaxy-s26-models/
    📱 “Exynos 2600 ยังไม่พร้อมใช้กับ Galaxy S26 ทุกรุ่น – ผลิตได้แค่ 15,000 แผ่น wafer เท่านั้น!” Samsung เริ่มผลิตชิป Exynos 2600 ด้วยเทคโนโลยี 2nm GAA (Gate-All-Around) สำหรับใช้ใน Galaxy S26 แต่ดูเหมือนว่าการผลิตยังไม่พร้อมเต็มที่ เพราะมีรายงานว่าผลิตได้เพียง 15,000 wafer เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า Exynos 2600 มีประสิทธิภาพสูงกว่า Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ A19 Pro ในการทดสอบภายใน แต่ปัญหาหลักคือ อัตราผลิตที่ได้ (yield) ยังอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น ทำให้ชิปที่ผลิตได้จริงมีจำนวนจำกัด ผลคือ Galaxy S26 จะมีเพียง 30% ของเครื่องทั้งหมด ที่ใช้ Exynos 2600 ส่วนที่เหลือจะใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 แทน แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวว่า S26 Ultra จะใช้ Exynos ด้วย แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าอาจไม่เป็นจริง แหล่งข่าวยังระบุว่า Exynos 2600 ถูกมองว่า “premature” หรือยังไม่พร้อมใช้งานในระดับ mass production และ Samsung ยังต้องปรับปรุง yield ให้สูงขึ้นก่อนจะใช้กับรุ่นเรือธงทั้งหมด นอกจากนี้ Samsung ยังมีแผนใช้เทคโนโลยี 2nm GAA เดียวกันในการผลิตชิป AI6 ของ Tesla ซึ่งอยู่ในช่วง pilot production โดยตั้งเป้าเพิ่ม yield ให้ถึง 50% ภายในรอบการผลิตถัดไป ✅ สถานะการผลิตของ Exynos 2600 ➡️ ผลิตได้เพียง 15,000 wafer เท่านั้น ➡️ Yield อยู่ที่ประมาณ 50% ➡️ ใช้เทคโนโลยี 2nm GAA ที่ยังไม่เสถียร ➡️ ถูกมองว่ายัง “premature” สำหรับการใช้งานใน Galaxy S26 ทุกรุ่น ✅ ผลกระทบต่อ Galaxy S26 ➡️ มีเพียง 30% ของเครื่องที่ใช้ Exynos 2600 ➡️ ส่วนใหญ่จะใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 แทน ➡️ S26 Ultra อาจไม่ได้ใช้ Exynos ตามที่เคยคาดไว้ ➡️ ประสิทธิภาพของ Exynos 2600 ยังสูงกว่าในการทดสอบภายใน ✅ แผนของ Samsung ในอนาคต ➡️ ตั้งเป้าเพิ่ม yield เป็น 70% ➡️ ใช้เทคโนโลยีเดียวกันผลิตชิป AI6 ให้ Tesla ➡️ หวังดึงลูกค้าใหม่ เช่น Qualcomm หาก yield ดีขึ้น ➡️ แข่งกับ TSMC ในตลาด 2nm GAA ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ Yield ต่ำทำให้ต้นทุนต่อชิปสูงและจำนวนผลิตจำกัด ⛔ การใช้ชิปที่ยังไม่เสถียรอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Galaxy S26 ⛔ หากไม่สามารถเพิ่ม yield ได้ อาจเสียเปรียบ TSMC ในระยะยาว ⛔ การพึ่งพา Snapdragon มากเกินไปอาจลดความเป็นอิสระของ Samsung ⛔ การผลิต AI6 บนเทคโนโลยีเดียวกันอาจเจอปัญหา yield ซ้ำซ้อน https://wccftech.com/exynos-2600-initial-production-volume-15000-wafers-considered-premature-for-all-galaxy-s26-models/
    WCCFTECH.COM
    Exynos 2600 Is Considered ‘Premature’ To Be Used In All Galaxy S26 Models; Initial Production Volume Is Only 15,000 Wafers, Possibly Due To Poor Yields
    A report says that the initial production volume of the Exynos 2600 is 15,000 units and may not be available in larger quantities to be used in all Galaxy S26 versions
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • “Intel Nova Lake เตรียมใช้ NPU รุ่นที่ 6 – หลุดจาก patch Linux เผยพลัง AI ที่เหนือกว่าเดิม!”

    Intel กำลังเตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Nova Lake ที่จะมาพร้อมกับ NPU รุ่นที่ 6 (NPU6) ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล AI ที่ล้ำหน้ากว่ารุ่นก่อนหน้า โดยข้อมูลนี้หลุดออกมาจาก patch ล่าสุดของ Linux kernel ที่เพิ่มการรองรับอุปกรณ์ใหม่ของ Intel

    ใน patch ดังกล่าวมีการเพิ่ม PCI Device ID สำหรับ NPU6 และ firmware ใหม่ชื่อว่า pu_60xx_v1.bin ซึ่งบ่งบอกว่า Intel กำลังเตรียมเปิดตัวชิปที่มีความสามารถด้าน AI สูงขึ้นอย่างชัดเจน

    ก่อนหน้านี้ Lunar Lake ใช้ NPU4 ส่วน Panther Lake ที่จะเปิดตัวก่อน Nova Lake จะใช้ NPU5 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึง 50 AI TOPS ดังนั้น Nova Lake ที่ใช้ NPU6 น่าจะมีพลัง AI ที่สูงกว่านี้อีก และอาจรองรับมาตรฐาน Copilot+ PC ได้แบบเต็มตัว

    แม้ว่า adoption rate ของ AI PC ยังไม่สูงมาก แต่ Intel ก็ยังเดินหน้าพัฒนา NPU รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใช้ NPU รุ่นเดิมซ้ำในหลายเจนเรชัน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันความสามารถด้าน AI ให้เป็นจุดขายหลักของซีพียูรุ่นใหม่

    การเปลี่ยนแปลงใน Nova Lake
    ใช้ NPU6 แทน NPU5 ที่ใช้ใน Panther Lake
    หลุดจาก patch Linux kernel ที่เพิ่ม PCI Device ID ใหม่
    มี firmware ใหม่ชื่อ pu_60xx_v1.bin
    ใช้ code path เดิมของ NPU5 แต่รองรับ hardware ใหม่

    ความสามารถด้าน AI ที่เพิ่มขึ้น
    NPU5 มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 AI TOPS
    NPU6 คาดว่าจะสูงกว่านี้เพื่อรองรับ Copilot+ PC
    Intel ไม่ใช้ NPU รุ่นเดิมซ้ำในหลายเจนเรชัน
    Nova Lake น่าจะมีความสามารถ AI ที่เหนือกว่า Lunar Lake และ Panther Lake

    ความเคลื่อนไหวของ Intel
    เพิ่มราคาชิป Raptor Lake เพราะความต้องการสูง
    แม้ AI PC ยังไม่แพร่หลาย แต่ Intel ยังลงทุนต่อเนื่อง
    Patch Linux บ่งชี้ว่า Nova Lake จะเปิดตัวในปีหน้า
    การพัฒนา NPU เป็นกลยุทธ์หลักของ Intel ในยุค AI

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    ยังไม่มีข้อมูลทางการจาก Intel เกี่ยวกับสเปกของ NPU6
    การใช้ code path เดิมอาจทำให้ firmware ยังไม่สมบูรณ์
    หาก adoption rate ของ AI PC ไม่เพิ่ม อาจกระทบยอดขาย
    การเปลี่ยน NPU ทุกเจนเรชันอาจเพิ่มต้นทุนและความซับซ้อน
    ต้องรอการทดสอบจริงเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของ NPU6


    https://wccftech.com/intel-nova-lake-to-boast-6th-gen-npu-as-per-early-linux-kernel-patch/
    🧠 “Intel Nova Lake เตรียมใช้ NPU รุ่นที่ 6 – หลุดจาก patch Linux เผยพลัง AI ที่เหนือกว่าเดิม!” Intel กำลังเตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Nova Lake ที่จะมาพร้อมกับ NPU รุ่นที่ 6 (NPU6) ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล AI ที่ล้ำหน้ากว่ารุ่นก่อนหน้า โดยข้อมูลนี้หลุดออกมาจาก patch ล่าสุดของ Linux kernel ที่เพิ่มการรองรับอุปกรณ์ใหม่ของ Intel ใน patch ดังกล่าวมีการเพิ่ม PCI Device ID สำหรับ NPU6 และ firmware ใหม่ชื่อว่า pu_60xx_v1.bin ซึ่งบ่งบอกว่า Intel กำลังเตรียมเปิดตัวชิปที่มีความสามารถด้าน AI สูงขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ Lunar Lake ใช้ NPU4 ส่วน Panther Lake ที่จะเปิดตัวก่อน Nova Lake จะใช้ NPU5 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึง 50 AI TOPS ดังนั้น Nova Lake ที่ใช้ NPU6 น่าจะมีพลัง AI ที่สูงกว่านี้อีก และอาจรองรับมาตรฐาน Copilot+ PC ได้แบบเต็มตัว แม้ว่า adoption rate ของ AI PC ยังไม่สูงมาก แต่ Intel ก็ยังเดินหน้าพัฒนา NPU รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใช้ NPU รุ่นเดิมซ้ำในหลายเจนเรชัน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันความสามารถด้าน AI ให้เป็นจุดขายหลักของซีพียูรุ่นใหม่ ✅ การเปลี่ยนแปลงใน Nova Lake ➡️ ใช้ NPU6 แทน NPU5 ที่ใช้ใน Panther Lake ➡️ หลุดจาก patch Linux kernel ที่เพิ่ม PCI Device ID ใหม่ ➡️ มี firmware ใหม่ชื่อ pu_60xx_v1.bin ➡️ ใช้ code path เดิมของ NPU5 แต่รองรับ hardware ใหม่ ✅ ความสามารถด้าน AI ที่เพิ่มขึ้น ➡️ NPU5 มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 AI TOPS ➡️ NPU6 คาดว่าจะสูงกว่านี้เพื่อรองรับ Copilot+ PC ➡️ Intel ไม่ใช้ NPU รุ่นเดิมซ้ำในหลายเจนเรชัน ➡️ Nova Lake น่าจะมีความสามารถ AI ที่เหนือกว่า Lunar Lake และ Panther Lake ✅ ความเคลื่อนไหวของ Intel ➡️ เพิ่มราคาชิป Raptor Lake เพราะความต้องการสูง ➡️ แม้ AI PC ยังไม่แพร่หลาย แต่ Intel ยังลงทุนต่อเนื่อง ➡️ Patch Linux บ่งชี้ว่า Nova Lake จะเปิดตัวในปีหน้า ➡️ การพัฒนา NPU เป็นกลยุทธ์หลักของ Intel ในยุค AI ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ ยังไม่มีข้อมูลทางการจาก Intel เกี่ยวกับสเปกของ NPU6 ⛔ การใช้ code path เดิมอาจทำให้ firmware ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ หาก adoption rate ของ AI PC ไม่เพิ่ม อาจกระทบยอดขาย ⛔ การเปลี่ยน NPU ทุกเจนเรชันอาจเพิ่มต้นทุนและความซับซ้อน ⛔ ต้องรอการทดสอบจริงเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของ NPU6 https://wccftech.com/intel-nova-lake-to-boast-6th-gen-npu-as-per-early-linux-kernel-patch/
    WCCFTECH.COM
    Intel Nova Lake To Boast 6th Gen NPU As Per Early Linux Kernel Patch
    The latest Linux Kernel Patch revealed that Intel will be using NPU6 on Nova Lake processors and won't retain NPU5 from Panther Lake.
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • “Airbus–Thales–Leonardo รวมพลังสร้างแชมป์ดาวเทียมยุโรป – แม้ประกาศล่าช้า แต่ดีลยังเดินหน้าเต็มสูบ”

    ยุโรปกำลังรวมพลังเพื่อท้าชน Starlink ของ Elon Musk ด้วยการควบรวมกิจการด้านการผลิตดาวเทียมระหว่างสามยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอวกาศ ได้แก่ Airbus, Thales, และ Leonardo โดยมีชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo

    แม้การประกาศอย่างเป็นทางการจะล่าช้าไป 1–2 วัน เพราะทีมกฎหมายยังตรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ แต่แหล่งข่าวยืนยันว่า แผนควบรวมยังคงอยู่ครบ และไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ

    เป้าหมายของดีลนี้คือการรวมสินทรัพย์ด้านดาวเทียมของทั้งสามบริษัทเข้าไว้ในบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายจะถือหุ้นประมาณหนึ่งในสาม หลังจากมีการปรับสมดุลด้วยการชำระเงินระหว่างกัน ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้จะใช้เวลาราว สองปี กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ยุโรปกลายเป็นผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึงหนึ่งในสาม — แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตลาด geostationary กำลังหดตัว เพราะการเติบโตของดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เช่น Starlink

    แม้จะมีความขัดแย้งเล็กน้อยเรื่องการแต่งตั้ง CEO, CFO และประธานบริษัท ซึ่งเคยเป็นปัญหาในดีลยุโรปก่อนหน้านี้ แต่แหล่งข่าวระบุว่าทั้งสามฝ่ายมีความตั้งใจร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพราะต่างก็เผชิญกับ การขาดทุนและส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง

    รายละเอียดของการควบรวม
    Airbus, Thales และ Leonardo รวมกิจการด้านดาวเทียม
    ใช้ชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo
    สร้างบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายถือหุ้นประมาณ 1/3
    ใช้เวลาราว 2 ปีในการจัดโครงสร้างและขออนุมัติ

    เป้าหมายของดีล
    สร้างผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุด
    ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1/3
    แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin
    เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ Starlink และ SpaceX

    ความท้าทายและความล่าช้า
    การประกาศดีลล่าช้าเพราะตรวจรายละเอียดทางกฎหมาย
    ยังไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ
    ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารยังต้องตกลงกัน
    เคยมีดีลล้มเพราะติด EU antitrust มาก่อน

    สภาพตลาดดาวเทียม
    ตลาด geostationary กำลังหดตัว
    ดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เติบโตเร็ว
    Starlink เป็นผู้นำในตลาด LEO broadband
    ผู้เล่นยุโรปต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/europe-satellite-merger-intact-as-announcement-slips-sources-say
    🛰️ “Airbus–Thales–Leonardo รวมพลังสร้างแชมป์ดาวเทียมยุโรป – แม้ประกาศล่าช้า แต่ดีลยังเดินหน้าเต็มสูบ” ยุโรปกำลังรวมพลังเพื่อท้าชน Starlink ของ Elon Musk ด้วยการควบรวมกิจการด้านการผลิตดาวเทียมระหว่างสามยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอวกาศ ได้แก่ Airbus, Thales, และ Leonardo โดยมีชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo แม้การประกาศอย่างเป็นทางการจะล่าช้าไป 1–2 วัน เพราะทีมกฎหมายยังตรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ แต่แหล่งข่าวยืนยันว่า แผนควบรวมยังคงอยู่ครบ และไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ เป้าหมายของดีลนี้คือการรวมสินทรัพย์ด้านดาวเทียมของทั้งสามบริษัทเข้าไว้ในบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายจะถือหุ้นประมาณหนึ่งในสาม หลังจากมีการปรับสมดุลด้วยการชำระเงินระหว่างกัน ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้จะใช้เวลาราว สองปี กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ยุโรปกลายเป็นผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึงหนึ่งในสาม — แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตลาด geostationary กำลังหดตัว เพราะการเติบโตของดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เช่น Starlink แม้จะมีความขัดแย้งเล็กน้อยเรื่องการแต่งตั้ง CEO, CFO และประธานบริษัท ซึ่งเคยเป็นปัญหาในดีลยุโรปก่อนหน้านี้ แต่แหล่งข่าวระบุว่าทั้งสามฝ่ายมีความตั้งใจร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพราะต่างก็เผชิญกับ การขาดทุนและส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง ✅ รายละเอียดของการควบรวม ➡️ Airbus, Thales และ Leonardo รวมกิจการด้านดาวเทียม ➡️ ใช้ชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo ➡️ สร้างบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายถือหุ้นประมาณ 1/3 ➡️ ใช้เวลาราว 2 ปีในการจัดโครงสร้างและขออนุมัติ ✅ เป้าหมายของดีล ➡️ สร้างผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุด ➡️ ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1/3 ➡️ แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin ➡️ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ Starlink และ SpaceX ✅ ความท้าทายและความล่าช้า ➡️ การประกาศดีลล่าช้าเพราะตรวจรายละเอียดทางกฎหมาย ➡️ ยังไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ ➡️ ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารยังต้องตกลงกัน ➡️ เคยมีดีลล้มเพราะติด EU antitrust มาก่อน ✅ สภาพตลาดดาวเทียม ➡️ ตลาด geostationary กำลังหดตัว ➡️ ดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เติบโตเร็ว ➡️ Starlink เป็นผู้นำในตลาด LEO broadband ➡️ ผู้เล่นยุโรปต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/europe-satellite-merger-intact-as-announcement-slips-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Europe satellite merger intact as announcement slips, sources say
    PARIS/ROME (Reuters) -Europe's aerospace giants kept investors waiting an extra day for details of a new space champion on Wednesday as lawyers and advisers pored over the smallprint, but merger plans remained intact, people familiar with the talks said.
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • “Xbox รุ่นใหม่จะเป็น ‘ประสบการณ์พรีเมียม’ – Microsoft อาจกำลังเปลี่ยนคอนโซลให้กลายเป็นพีซีเต็มตัว!”

    Sarah Bond ประธาน Xbox ให้สัมภาษณ์กับ Mashable ว่าเครื่อง Xbox รุ่นถัดไปจะเป็น “ประสบการณ์ที่คัดสรรมาอย่างดี ระดับพรีเมียมและไฮเอนด์” ซึ่งเป็นคำพูดที่จุดกระแสข่าวลือว่า Microsoft อาจกำลังพัฒนา Xbox รุ่นใหม่ให้กลายเป็นลูกผสมระหว่างคอนโซลกับพีซี

    คำใบ้สำคัญคือ ROG Xbox Ally ซึ่งเป็นเครื่องเกมพกพาที่รัน Windows ได้เต็มรูปแบบ แม้จะผลิตโดย ASUS แต่ Sarah ยืนยันว่า “นี่คือ Xbox เครื่องแรกแบบ handheld” และเป็นตัวอย่างของทิศทางในอนาคตของ Xbox ที่จะเปิดกว้างมากขึ้น

    Sarah ยังเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า “Windows คือแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของเกม” ซึ่งหาก Xbox รุ่นใหม่รัน Windows จริง ก็อาจหมายถึงการเข้าถึงร้านค้าเกมอย่าง Steam, Epic Games Store หรือแม้แต่ Battle.net ได้โดยตรง

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft อาจกำลังเปลี่ยนแนวทางจากคอนโซลราคาประหยัดอย่าง Xbox Series S ไปสู่เครื่องที่มีราคาสูงระดับพีซีระดับกลาง (ประมาณ $1000) เพื่อดึงดูดผู้เล่นสายพีซีที่ต้องการประสบการณ์ที่ “เรียบง่ายแต่ทรงพลัง” แบบคอนโซล

    อย่างไรก็ตาม ทิศทางใหม่นี้อาจทำให้แฟน Xbox ดั้งเดิมรู้สึกถูกทอดทิ้ง เพราะไม่มีรุ่นราคาประหยัดให้เลือกอีกต่อไป ขณะเดียวกัน Microsoft ก็เพิ่งขึ้นราคาทั้ง Game Pass และ dev kits ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ Xbox ในช่วงหลังดูไม่ค่อยสดใสนัก

    ทิศทางใหม่ของ Xbox
    Sarah Bond ยืนยันว่า Xbox รุ่นถัดไปจะเป็น “พรีเมียมและไฮเอนด์”
    อาจรัน Windows เต็มรูปแบบเพื่อเข้าถึงหลาย storefronts
    ROG Xbox Ally ถูกมองว่าเป็นต้นแบบของ Xbox ยุคใหม่
    Microsoft ต้องการให้ Xbox เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น
    อาจเปลี่ยนจากคอนโซลเป็นอุปกรณ์ลูกผสม PC-console

    ผลกระทบต่อผู้เล่น
    ผู้เล่นสายพีซีอาจสนใจ Xbox มากขึ้น
    การเข้าถึง Steam และร้านค้าอื่น ๆ จะเพิ่มความยืดหยุ่น
    ประสบการณ์แบบ “curated” อาจหมายถึง UI ใหม่ที่เรียบง่าย
    ราคาของเครื่องอาจสูงขึ้นใกล้เคียงพีซีระดับกลาง
    Xbox อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับทั้งเกมเมอร์ทั่วไปและสายเทคนิค

    https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/next-gen-xbox-will-be-very-premium-high-end-experience-says-xbox-president-stoking-pc-console-hybrid-speculation
    🎮 “Xbox รุ่นใหม่จะเป็น ‘ประสบการณ์พรีเมียม’ – Microsoft อาจกำลังเปลี่ยนคอนโซลให้กลายเป็นพีซีเต็มตัว!” Sarah Bond ประธาน Xbox ให้สัมภาษณ์กับ Mashable ว่าเครื่อง Xbox รุ่นถัดไปจะเป็น “ประสบการณ์ที่คัดสรรมาอย่างดี ระดับพรีเมียมและไฮเอนด์” ซึ่งเป็นคำพูดที่จุดกระแสข่าวลือว่า Microsoft อาจกำลังพัฒนา Xbox รุ่นใหม่ให้กลายเป็นลูกผสมระหว่างคอนโซลกับพีซี คำใบ้สำคัญคือ ROG Xbox Ally ซึ่งเป็นเครื่องเกมพกพาที่รัน Windows ได้เต็มรูปแบบ แม้จะผลิตโดย ASUS แต่ Sarah ยืนยันว่า “นี่คือ Xbox เครื่องแรกแบบ handheld” และเป็นตัวอย่างของทิศทางในอนาคตของ Xbox ที่จะเปิดกว้างมากขึ้น Sarah ยังเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า “Windows คือแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของเกม” ซึ่งหาก Xbox รุ่นใหม่รัน Windows จริง ก็อาจหมายถึงการเข้าถึงร้านค้าเกมอย่าง Steam, Epic Games Store หรือแม้แต่ Battle.net ได้โดยตรง สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft อาจกำลังเปลี่ยนแนวทางจากคอนโซลราคาประหยัดอย่าง Xbox Series S ไปสู่เครื่องที่มีราคาสูงระดับพีซีระดับกลาง (ประมาณ $1000) เพื่อดึงดูดผู้เล่นสายพีซีที่ต้องการประสบการณ์ที่ “เรียบง่ายแต่ทรงพลัง” แบบคอนโซล อย่างไรก็ตาม ทิศทางใหม่นี้อาจทำให้แฟน Xbox ดั้งเดิมรู้สึกถูกทอดทิ้ง เพราะไม่มีรุ่นราคาประหยัดให้เลือกอีกต่อไป ขณะเดียวกัน Microsoft ก็เพิ่งขึ้นราคาทั้ง Game Pass และ dev kits ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ Xbox ในช่วงหลังดูไม่ค่อยสดใสนัก ✅ ทิศทางใหม่ของ Xbox ➡️ Sarah Bond ยืนยันว่า Xbox รุ่นถัดไปจะเป็น “พรีเมียมและไฮเอนด์” ➡️ อาจรัน Windows เต็มรูปแบบเพื่อเข้าถึงหลาย storefronts ➡️ ROG Xbox Ally ถูกมองว่าเป็นต้นแบบของ Xbox ยุคใหม่ ➡️ Microsoft ต้องการให้ Xbox เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น ➡️ อาจเปลี่ยนจากคอนโซลเป็นอุปกรณ์ลูกผสม PC-console ✅ ผลกระทบต่อผู้เล่น ➡️ ผู้เล่นสายพีซีอาจสนใจ Xbox มากขึ้น ➡️ การเข้าถึง Steam และร้านค้าอื่น ๆ จะเพิ่มความยืดหยุ่น ➡️ ประสบการณ์แบบ “curated” อาจหมายถึง UI ใหม่ที่เรียบง่าย ➡️ ราคาของเครื่องอาจสูงขึ้นใกล้เคียงพีซีระดับกลาง ➡️ Xbox อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับทั้งเกมเมอร์ทั่วไปและสายเทคนิค https://www.tomshardware.com/video-games/xbox/next-gen-xbox-will-be-very-premium-high-end-experience-says-xbox-president-stoking-pc-console-hybrid-speculation
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • “Tiny Corp ปลดล็อก Nvidia GPU บน MacBook ARM ผ่าน USB4 – เปิดทางใหม่ให้สาย AI บน macOS!”

    ใครที่ใช้ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M-series อาจเคยรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถใช้การ์ดจอแยกจาก Nvidia ได้ เพราะ macOS บน ARM ไม่มีไดรเวอร์รองรับแบบเป็นทางการ แต่ล่าสุด Tiny Corp สตาร์ทอัพสาย AI ได้สร้างความฮือฮา ด้วยการพัฒนาไดรเวอร์ที่ทำให้ MacBook ARM สามารถใช้งาน Nvidia GPU ได้ผ่าน USB4 หรือ Thunderbolt 4 โดยใช้ eGPU docking station!

    ก่อนหน้านี้ Tiny Corp เคยทำให้ AMD GPU ทำงานบน MacBook ARM ผ่าน USB3 ได้สำเร็จมาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกในโลก และครั้งนี้พวกเขาได้ต่อยอดไปยัง Nvidia โดยรองรับการ์ด RTX รุ่น 30, 40 และ 50 series ส่วน RTX 20 series อาจใช้ได้ แต่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม ส่วน GTX series ไม่รองรับ เพราะไม่มี GPU system processor

    การใช้งาน Nvidia GPU บน MacBook นี้ไม่ได้เพื่อการแสดงผลกราฟิก แต่เน้นสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่น การรันโมเดล LLM หรืองาน inference ที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูง ซึ่งการ์ดจอของ Apple ยังไม่สามารถเทียบได้ในด้านนี้

    Tiny Corp ได้โชว์ตัวอย่างการใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม X โดยใช้ MacBook Pro M3 Max เชื่อมต่อกับ RTX GPU ผ่าน dock รุ่น ADT-UT3G และรัน Tinygrad ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับนักพัฒนา AI ที่ใช้ macOS

    ความสำเร็จของ Tiny Corp
    พัฒนาไดรเวอร์ให้ MacBook ARM ใช้งาน Nvidia GPU ผ่าน USB4/Thunderbolt 4
    รองรับ RTX 30, 40, 50 series สำหรับงาน AI
    RTX 20 series อาจใช้ได้ แต่ต้องปรับแต่งเอง
    GTX series ไม่รองรับ เพราะไม่มี GPU system processor
    ใช้ dock รุ่น ADT-UT3G เชื่อมต่อผ่าน USB4
    รัน Tinygrad บน MacBook Pro M3 Max ได้สำเร็จ
    ไม่รองรับการแสดงผลกราฟิก แต่เน้นงาน AI เช่น LLM และ inference

    ความเป็นมาของเทคโนโลยี
    ก่อนหน้านี้เคยทำให้ AMD GPU ทำงานบน MacBook ARM ผ่าน USB3
    USB4/Thunderbolt 4 รองรับ PCIe โดยตรง ทำให้เชื่อมต่อ eGPU ได้ง่ายขึ้น
    Apple ไม่เคยรองรับ Nvidia GPU บน macOS ARM อย่างเป็นทางการ
    นักพัฒนาต้องสร้างไดรเวอร์เองเพื่อใช้งาน eGPU บน MacBook

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    ใช้งานได้เฉพาะสำหรับงาน AI ไม่รองรับการแสดงผลหน้าจอ
    ต้องใช้การ์ดที่มี GPU system processor เท่านั้น
    RTX 20 series ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม ไม่ใช่ plug-and-play
    GTX series ไม่สามารถใช้งานได้เลย
    การติดตั้งไดรเวอร์ต้องใช้ความเข้าใจเชิงเทคนิคพอสมควร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/tiny-corp-successfully-runs-an-nvidia-gpu-on-arm-macbook-through-usb4-using-an-external-gpu-docking-station
    🔌 “Tiny Corp ปลดล็อก Nvidia GPU บน MacBook ARM ผ่าน USB4 – เปิดทางใหม่ให้สาย AI บน macOS!” ใครที่ใช้ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M-series อาจเคยรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถใช้การ์ดจอแยกจาก Nvidia ได้ เพราะ macOS บน ARM ไม่มีไดรเวอร์รองรับแบบเป็นทางการ แต่ล่าสุด Tiny Corp สตาร์ทอัพสาย AI ได้สร้างความฮือฮา ด้วยการพัฒนาไดรเวอร์ที่ทำให้ MacBook ARM สามารถใช้งาน Nvidia GPU ได้ผ่าน USB4 หรือ Thunderbolt 4 โดยใช้ eGPU docking station! ก่อนหน้านี้ Tiny Corp เคยทำให้ AMD GPU ทำงานบน MacBook ARM ผ่าน USB3 ได้สำเร็จมาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกในโลก และครั้งนี้พวกเขาได้ต่อยอดไปยัง Nvidia โดยรองรับการ์ด RTX รุ่น 30, 40 และ 50 series ส่วน RTX 20 series อาจใช้ได้ แต่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม ส่วน GTX series ไม่รองรับ เพราะไม่มี GPU system processor การใช้งาน Nvidia GPU บน MacBook นี้ไม่ได้เพื่อการแสดงผลกราฟิก แต่เน้นสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่น การรันโมเดล LLM หรืองาน inference ที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูง ซึ่งการ์ดจอของ Apple ยังไม่สามารถเทียบได้ในด้านนี้ Tiny Corp ได้โชว์ตัวอย่างการใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม X โดยใช้ MacBook Pro M3 Max เชื่อมต่อกับ RTX GPU ผ่าน dock รุ่น ADT-UT3G และรัน Tinygrad ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับนักพัฒนา AI ที่ใช้ macOS ✅ ความสำเร็จของ Tiny Corp ➡️ พัฒนาไดรเวอร์ให้ MacBook ARM ใช้งาน Nvidia GPU ผ่าน USB4/Thunderbolt 4 ➡️ รองรับ RTX 30, 40, 50 series สำหรับงาน AI ➡️ RTX 20 series อาจใช้ได้ แต่ต้องปรับแต่งเอง ➡️ GTX series ไม่รองรับ เพราะไม่มี GPU system processor ➡️ ใช้ dock รุ่น ADT-UT3G เชื่อมต่อผ่าน USB4 ➡️ รัน Tinygrad บน MacBook Pro M3 Max ได้สำเร็จ ➡️ ไม่รองรับการแสดงผลกราฟิก แต่เน้นงาน AI เช่น LLM และ inference ✅ ความเป็นมาของเทคโนโลยี ➡️ ก่อนหน้านี้เคยทำให้ AMD GPU ทำงานบน MacBook ARM ผ่าน USB3 ➡️ USB4/Thunderbolt 4 รองรับ PCIe โดยตรง ทำให้เชื่อมต่อ eGPU ได้ง่ายขึ้น ➡️ Apple ไม่เคยรองรับ Nvidia GPU บน macOS ARM อย่างเป็นทางการ ➡️ นักพัฒนาต้องสร้างไดรเวอร์เองเพื่อใช้งาน eGPU บน MacBook ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ ใช้งานได้เฉพาะสำหรับงาน AI ไม่รองรับการแสดงผลหน้าจอ ⛔ ต้องใช้การ์ดที่มี GPU system processor เท่านั้น ⛔ RTX 20 series ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม ไม่ใช่ plug-and-play ⛔ GTX series ไม่สามารถใช้งานได้เลย ⛔ การติดตั้งไดรเวอร์ต้องใช้ความเข้าใจเชิงเทคนิคพอสมควร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/tiny-corp-successfully-runs-an-nvidia-gpu-on-arm-macbook-through-usb4-using-an-external-gpu-docking-station
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • เขมรปั้นหน้าเล่นบทเหยื่อ ประณามไทยกลาง IPU : [NEWS UPDATE]
    นาย อุช โบฤทธิ์ รองประธานวุฒิสภา ในฐานะผู้แทนรัฐสภากัมพูชา กล่าวในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา(IPU) ที่สวิตเซอร์แลนด์ จากก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏตัวในห้องประชุมต่างๆ ตลอด 2 วัน โดยกล่าวถึงปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา อ้างถูกละเมิดมนุษยธรรมรุนแรง กัมพูชาไม่คิดเป็นศัตรูกับใคร ขอประเทศไทยทราบเรื่องนี้ มี MOU 2543 เรื่องเขตแดน แต่ชาวบ้านกัมพูชาถูกปิดล้อม ถูกดดันให้ออกจากพื้นที่ ทหารกัมพูชา 18 คน ยังถูกคุมตัว ปฏิบัติการจิตวิทยาปล่อยเสียงแหลมดังเวลากลางคืน ทำให้ชาวกัมพูชาหวาดกลัว ย้ำ กัมพูชาเคารพข้อตกลงหยุดยิง กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาทุกฉบับ ทั้งนี้ รองประธานวุฒิสภากัมพูชาพูดเกินเวลามาก ทั้งที่มีแสงไฟเตือนถี่ๆ หลายรอบ ประธานการประชุมเตือนหลายครั้ง แต่ไม่สนใจพูดจนจบเนื้อหาที่เตรียมมา จนสมาชิกชาติอื่นส่งเสียงไม่พอใจ ประธานควบคุมเวทีตำหนิไม่เคารพเวลากระทบชาติอื่น


    จับมือสหรัฐฯปราบสแกมเมอร์

    รื้อโกดัง"กำนันลี"

    เร่งเบิกจ่ายงบ 4.37 ล้านล้าน
    เขมรปั้นหน้าเล่นบทเหยื่อ ประณามไทยกลาง IPU : [NEWS UPDATE] นาย อุช โบฤทธิ์ รองประธานวุฒิสภา ในฐานะผู้แทนรัฐสภากัมพูชา กล่าวในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา(IPU) ที่สวิตเซอร์แลนด์ จากก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏตัวในห้องประชุมต่างๆ ตลอด 2 วัน โดยกล่าวถึงปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชา อ้างถูกละเมิดมนุษยธรรมรุนแรง กัมพูชาไม่คิดเป็นศัตรูกับใคร ขอประเทศไทยทราบเรื่องนี้ มี MOU 2543 เรื่องเขตแดน แต่ชาวบ้านกัมพูชาถูกปิดล้อม ถูกดดันให้ออกจากพื้นที่ ทหารกัมพูชา 18 คน ยังถูกคุมตัว ปฏิบัติการจิตวิทยาปล่อยเสียงแหลมดังเวลากลางคืน ทำให้ชาวกัมพูชาหวาดกลัว ย้ำ กัมพูชาเคารพข้อตกลงหยุดยิง กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาทุกฉบับ ทั้งนี้ รองประธานวุฒิสภากัมพูชาพูดเกินเวลามาก ทั้งที่มีแสงไฟเตือนถี่ๆ หลายรอบ ประธานการประชุมเตือนหลายครั้ง แต่ไม่สนใจพูดจนจบเนื้อหาที่เตรียมมา จนสมาชิกชาติอื่นส่งเสียงไม่พอใจ ประธานควบคุมเวทีตำหนิไม่เคารพเวลากระทบชาติอื่น จับมือสหรัฐฯปราบสแกมเมอร์ รื้อโกดัง"กำนันลี" เร่งเบิกจ่ายงบ 4.37 ล้านล้าน
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 0 Reviews
  • "ไทยก้าวใหม่" ลงพื้นที่ต้นน้ำน่าน ชี้ปัญหาตลิ่งพัง-น้ำท่วมซ้ำซาก ประกาศจุดยืนชัดเจน ขอโอกาสประชาชน แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-น้ำทะเลหนุน
    https://www.thai-tai.tv/news/21985/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ต้นน้ำน่าน #ฝายแกนดินซีเมนต์ #ปัญหาน้ำท่วม #ไทยก้าวใหม่ #วิศวกรรมแก้ปัญหา

    "ไทยก้าวใหม่" ลงพื้นที่ต้นน้ำน่าน ชี้ปัญหาตลิ่งพัง-น้ำท่วมซ้ำซาก ประกาศจุดยืนชัดเจน ขอโอกาสประชาชน แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-น้ำทะเลหนุน https://www.thai-tai.tv/news/21985/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ต้นน้ำน่าน #ฝายแกนดินซีเมนต์ #ปัญหาน้ำท่วม #ไทยก้าวใหม่ #วิศวกรรมแก้ปัญหา
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • “ผู้ใช้ Reddit เจอ GTX 2080 Ti รุ่นต้นแบบใน PC มือสองราคา $500 — มี 12GB VRAM และแบนด์วิดธ์สูงกว่ารุ่นขายจริง” — เมื่อการซื้อของมือสองกลายเป็นการค้นพบฮาร์ดแวร์ลับของ Nvidia

    เล่าเรื่องให้ฟัง: ผู้ใช้ Reddit ชื่อ u/RunRepulsive9867 โพสต์ภาพและข้อมูลของ GPU ที่เขาได้มาจากการซื้อ PC มือสองผ่าน Facebook Marketplace ในราคาเพียง $500 ซึ่งภายในเครื่องมีการ์ดจอรุ่นต้นแบบของ Nvidia ที่ดูคล้ายกับ RTX 2080 Ti Founders Edition แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างอย่างชัดเจน

    แม้ตัวการ์ดจะติดป้ายว่า “GeForce GTX” แทน “RTX” แต่เมื่อตรวจสอบด้วย GPU-Z พบว่าเป็น RTX 2080 Ti จริง ๆ — พร้อมสเปกที่เหนือกว่ารุ่นขายปลีก:

    VRAM ขนาด 12GB GDDR6 (รุ่นขายจริงมี 11GB)
    Memory bus กว้างขึ้นเป็น 384-bit
    Bandwidth สูงถึง 672 GB/s
    จำนวน ROPs และ TMUs มากขึ้น
    ไม่มีการระบุว่ามี RT cores สำหรับ ray tracing

    การ์ดนี้น่าจะเป็น “engineering sample” ที่ Nvidia ใช้ทดสอบภายในก่อนเปิดตัว RTX 2080 Ti อย่างเป็นทางการ โดยอาจเป็นต้นแบบของ Titan หรือรุ่น workstation ที่ไม่เคยวางขาย

    ก่อนหน้านี้มีผู้ใช้ Reddit อีกคนชื่อ u/Substantial-Mark-959 เคยได้การ์ดรุ่นเดียวกันแต่เสีย และสามารถซ่อมได้ด้วย BIOS ของ Founders Edition และไดรเวอร์ที่ปรับแต่ง

    การ์ดต้นแบบแบบนี้มักถูกเก็บเป็นความลับภายใต้ NDA และไม่ควรหลุดออกสู่ตลาดทั่วไป ทำให้การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นเรื่องหายากและน่าสนใจสำหรับนักสะสมและผู้หลงใหลในฮาร์ดแวร์

    ผู้ใช้ Reddit พบ GPU รุ่นต้นแบบใน PC มือสองราคา $500
    เป็นการ์ดที่คล้าย RTX 2080 Ti แต่ติดป้าย “GTX”

    ตรวจสอบด้วย GPU-Z พบว่าเป็น RTX 2080 Ti จริง
    พร้อม VRAM 12GB และ memory bus 384-bit

    Bandwidth สูงถึง 672 GB/s และมี ROPs/TMUs มากกว่ารุ่นขายจริง
    แต่ไม่มีข้อมูลเรื่อง RT cores

    การ์ดน่าจะเป็น engineering sample สำหรับการทดสอบภายใน
    อาจเป็นต้นแบบของ Titan หรือ workstation

    เคยมีผู้ใช้ Reddit อีกคนได้การ์ดรุ่นเดียวกันแต่เสีย
    ซ่อมได้ด้วย BIOS และไดรเวอร์ที่ปรับแต่ง


    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/lucky-facebook-marketplace-shopper-finds-souped-up-prototype-gtx-2080-ti-inside-a-usd500-pc-mythical-nvidia-project-features-12gb-of-vram-and-higher-memory-bandwidth
    🎮 “ผู้ใช้ Reddit เจอ GTX 2080 Ti รุ่นต้นแบบใน PC มือสองราคา $500 — มี 12GB VRAM และแบนด์วิดธ์สูงกว่ารุ่นขายจริง” — เมื่อการซื้อของมือสองกลายเป็นการค้นพบฮาร์ดแวร์ลับของ Nvidia เล่าเรื่องให้ฟัง: ผู้ใช้ Reddit ชื่อ u/RunRepulsive9867 โพสต์ภาพและข้อมูลของ GPU ที่เขาได้มาจากการซื้อ PC มือสองผ่าน Facebook Marketplace ในราคาเพียง $500 ซึ่งภายในเครื่องมีการ์ดจอรุ่นต้นแบบของ Nvidia ที่ดูคล้ายกับ RTX 2080 Ti Founders Edition แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างอย่างชัดเจน แม้ตัวการ์ดจะติดป้ายว่า “GeForce GTX” แทน “RTX” แต่เมื่อตรวจสอบด้วย GPU-Z พบว่าเป็น RTX 2080 Ti จริง ๆ — พร้อมสเปกที่เหนือกว่ารุ่นขายปลีก: 🎗️ VRAM ขนาด 12GB GDDR6 (รุ่นขายจริงมี 11GB) 🎗️ Memory bus กว้างขึ้นเป็น 384-bit 🎗️ Bandwidth สูงถึง 672 GB/s 🎗️ จำนวน ROPs และ TMUs มากขึ้น 🎗️ ไม่มีการระบุว่ามี RT cores สำหรับ ray tracing การ์ดนี้น่าจะเป็น “engineering sample” ที่ Nvidia ใช้ทดสอบภายในก่อนเปิดตัว RTX 2080 Ti อย่างเป็นทางการ โดยอาจเป็นต้นแบบของ Titan หรือรุ่น workstation ที่ไม่เคยวางขาย ก่อนหน้านี้มีผู้ใช้ Reddit อีกคนชื่อ u/Substantial-Mark-959 เคยได้การ์ดรุ่นเดียวกันแต่เสีย และสามารถซ่อมได้ด้วย BIOS ของ Founders Edition และไดรเวอร์ที่ปรับแต่ง การ์ดต้นแบบแบบนี้มักถูกเก็บเป็นความลับภายใต้ NDA และไม่ควรหลุดออกสู่ตลาดทั่วไป ทำให้การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นเรื่องหายากและน่าสนใจสำหรับนักสะสมและผู้หลงใหลในฮาร์ดแวร์ ✅ ผู้ใช้ Reddit พบ GPU รุ่นต้นแบบใน PC มือสองราคา $500 ➡️ เป็นการ์ดที่คล้าย RTX 2080 Ti แต่ติดป้าย “GTX” ✅ ตรวจสอบด้วย GPU-Z พบว่าเป็น RTX 2080 Ti จริง ➡️ พร้อม VRAM 12GB และ memory bus 384-bit ✅ Bandwidth สูงถึง 672 GB/s และมี ROPs/TMUs มากกว่ารุ่นขายจริง ➡️ แต่ไม่มีข้อมูลเรื่อง RT cores ✅ การ์ดน่าจะเป็น engineering sample สำหรับการทดสอบภายใน ➡️ อาจเป็นต้นแบบของ Titan หรือ workstation ✅ เคยมีผู้ใช้ Reddit อีกคนได้การ์ดรุ่นเดียวกันแต่เสีย ➡️ ซ่อมได้ด้วย BIOS และไดรเวอร์ที่ปรับแต่ง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/lucky-facebook-marketplace-shopper-finds-souped-up-prototype-gtx-2080-ti-inside-a-usd500-pc-mythical-nvidia-project-features-12gb-of-vram-and-higher-memory-bandwidth
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • “ISS แนะนักลงทุนปฏิเสธดีล CoreWeave ซื้อ Core Scientific มูลค่า 9 พันล้านเหรียญ” — เมื่อบริษัท AI และโครงสร้างพื้นฐานคอมพิวเตอร์ต้องเผชิญแรงต้านจากผู้ถือหุ้น

    Institutional Shareholder Services (ISS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำแนะนำด้านการลงคะแนนเสียงสำหรับนักลงทุน ได้ออกคำแนะนำให้ผู้ถือหุ้นของ Core Scientific ปฏิเสธข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการโดย CoreWeave ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการคลาวด์ด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia

    ดีลนี้เป็นการซื้อแบบ all-stock ที่มีมูลค่าโดยประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ โดยเสนอราคาหุ้นที่ 20.40 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่ราคาหุ้นของ CoreWeave ลดลงหลังจากนั้น ทำให้มูลค่าดีลลดลงตามไปด้วย

    ISS ให้เหตุผลว่า Core Scientific มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ และการเข้าซื้ออาจไม่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาโครงสร้างดีลที่ใช้ “fixed exchange ratio” ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นของ Core Scientific เสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหุ้น CoreWeave

    ก่อนหน้านี้ Two Seas Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ก็ออกมาคัดค้านดีลนี้ โดยชี้ว่ากระบวนการขายไม่โปร่งใส และโครงสร้างดีลไม่เป็นธรรม

    หลังจากข่าวคำแนะนำของ ISS หุ้นของ Core Scientific พุ่งขึ้นกว่า 5% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด สะท้อนว่าตลาดอาจเห็นด้วยกับการให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปโดยไม่ควบรวม

    การลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นจะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2025 ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของดีลนี้

    CoreWeave เสนอซื้อ Core Scientific ด้วยดีลมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์
    เป็นการซื้อแบบ all-stock โดยเสนอราคาหุ้นที่ $20.40

    ISS แนะนำให้ผู้ถือหุ้นปฏิเสธดีลนี้
    เหตุผลคือ Core Scientific มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ

    โครงสร้างดีลใช้ fixed exchange ratio
    ทำให้ผู้ถือหุ้น Core Scientific เสี่ยงต่อราคาหุ้น CoreWeave ที่ผันผวน

    Two Seas Capital คัดค้านดีลก่อนหน้านี้
    ชี้ว่ากระบวนการขายไม่โปร่งใสและโครงสร้างไม่เป็นธรรม

    หุ้น Core Scientific พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังข่าวคำแนะนำของ ISS
    สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อการดำเนินธุรกิจแบบอิสระ

    การลงคะแนนเสียงจะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2025
    เป็นตัวตัดสินว่าดีลจะเดินหน้าหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/21/iss-recommends-investors-reject-coreweave-deal-for-core-scientific
    💼 “ISS แนะนักลงทุนปฏิเสธดีล CoreWeave ซื้อ Core Scientific มูลค่า 9 พันล้านเหรียญ” — เมื่อบริษัท AI และโครงสร้างพื้นฐานคอมพิวเตอร์ต้องเผชิญแรงต้านจากผู้ถือหุ้น Institutional Shareholder Services (ISS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำแนะนำด้านการลงคะแนนเสียงสำหรับนักลงทุน ได้ออกคำแนะนำให้ผู้ถือหุ้นของ Core Scientific ปฏิเสธข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการโดย CoreWeave ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการคลาวด์ด้าน AI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia ดีลนี้เป็นการซื้อแบบ all-stock ที่มีมูลค่าโดยประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ โดยเสนอราคาหุ้นที่ 20.40 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 แต่ราคาหุ้นของ CoreWeave ลดลงหลังจากนั้น ทำให้มูลค่าดีลลดลงตามไปด้วย ISS ให้เหตุผลว่า Core Scientific มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ และการเข้าซื้ออาจไม่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาโครงสร้างดีลที่ใช้ “fixed exchange ratio” ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นของ Core Scientific เสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหุ้น CoreWeave ก่อนหน้านี้ Two Seas Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ก็ออกมาคัดค้านดีลนี้ โดยชี้ว่ากระบวนการขายไม่โปร่งใส และโครงสร้างดีลไม่เป็นธรรม หลังจากข่าวคำแนะนำของ ISS หุ้นของ Core Scientific พุ่งขึ้นกว่า 5% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด สะท้อนว่าตลาดอาจเห็นด้วยกับการให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปโดยไม่ควบรวม การลงคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นจะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2025 ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของดีลนี้ ✅ CoreWeave เสนอซื้อ Core Scientific ด้วยดีลมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ ➡️ เป็นการซื้อแบบ all-stock โดยเสนอราคาหุ้นที่ $20.40 ✅ ISS แนะนำให้ผู้ถือหุ้นปฏิเสธดีลนี้ ➡️ เหตุผลคือ Core Scientific มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ ✅ โครงสร้างดีลใช้ fixed exchange ratio ➡️ ทำให้ผู้ถือหุ้น Core Scientific เสี่ยงต่อราคาหุ้น CoreWeave ที่ผันผวน ✅ Two Seas Capital คัดค้านดีลก่อนหน้านี้ ➡️ ชี้ว่ากระบวนการขายไม่โปร่งใสและโครงสร้างไม่เป็นธรรม ✅ หุ้น Core Scientific พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังข่าวคำแนะนำของ ISS ➡️ สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อการดำเนินธุรกิจแบบอิสระ ✅ การลงคะแนนเสียงจะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2025 ➡️ เป็นตัวตัดสินว่าดีลจะเดินหน้าหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/21/iss-recommends-investors-reject-coreweave-deal-for-core-scientific
    WWW.THESTAR.COM.MY
    ISS recommends investors reject CoreWeave deal for Core Scientific
    NEW YORK (Reuters) -Proxy advisory firm Institutional Shareholder Services on Monday recommended investors vote down plans for AI company CoreWeave to buy infrastructure company Core Scientific in what was billed as a $9 billion deal.
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • ขอแก้ปัญหาน้ำให้คนน่าน!! 'ดร.เอ้ ไทยก้าวใหม่' ลุยแม่น้ำน่าน ชี้วิกฤติน้ำท่วม-น้ำแล้งซ้ำซาก ต้องแก้ด้วยหลักวิศวกรรม
    https://www.thai-tai.tv/news/21975/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #แม่น้ำน่าน #น้ำท่วมน่าน #วิศวกรรมแก้ปัญหา #ไทยก้าวใหม่

    ขอแก้ปัญหาน้ำให้คนน่าน!! 'ดร.เอ้ ไทยก้าวใหม่' ลุยแม่น้ำน่าน ชี้วิกฤติน้ำท่วม-น้ำแล้งซ้ำซาก ต้องแก้ด้วยหลักวิศวกรรม https://www.thai-tai.tv/news/21975/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #แม่น้ำน่าน #น้ำท่วมน่าน #วิศวกรรมแก้ปัญหา #ไทยก้าวใหม่
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • “NebiOS: ดิสโทรใหม่จากตุรกีที่สร้าง Desktop Environment สำหรับ Wayland ขึ้นมาเอง” — เมื่อความหลงใหลกลายเป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบ

    บทความจาก It’s FOSS News พาไปสำรวจ NebiOS — ดิสโทร Linux ใหม่จากตุรกีที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Ubuntu โดยมีจุดเด่นคือการสร้าง Desktop Environment (DE) ของตัวเองชื่อว่า NebiDE ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานกับ Wayland โดยเฉพาะ

    ผู้พัฒนา Sarp Mateson เริ่มต้นโครงการนี้ในปี 2023 ภายใต้ชื่อ NebiSoft โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ NebiOS X “Cappadocia” ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐาน และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025

    ก่อนหน้านี้ NebiOS เคยใช้ชื่อว่า Spez Linux ซึ่งเริ่มต้นจากการทดลองใน SUSE Studio ตั้งแต่ปี 2014

    จุดเด่นของ NebiOS
    ใช้ Linux kernel 6.14 พร้อมรองรับ NTSYNC
    มีตัวบ่งชี้ความเป็นส่วนตัวและสถานะแบตเตอรี่ Bluetooth บนแถบด้านบน
    ใช้ Calamares เป็นตัวติดตั้งระบบ — ติดตั้งง่ายและคุ้นเคย
    มีตัวเลือก session เช่น Wayfire และโหมด debug บนหน้าจอล็อกอิน
    อินเทอร์เฟซคล้าย Windows 7 Aero พร้อม dock และ launcher
    มี widgets เช่น music player, clock, RSS reader และ sticky notes
    รองรับ workspace แบบ “Expo” สำหรับการจัดการหลายเดสก์ท็อป
    แอปพื้นฐานครบ เช่น LibreOffice, Firefox, terminal

    ข้อสังเกตจากการทดลองใช้งาน
    การทดสอบบน VM มีอาการ lag และ glitch — แนะนำให้ติดตั้งบนเครื่องจริง
    ปุ่มปิดหน้าต่างอยู่ด้านซ้าย — อาจต้องปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    การเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอยังยุ่งยาก ต้องพิมพ์ค่าด้วยตัวเอง
    ขนาดไอคอนใน launcher ใหญ่เกินไป — ต้องปรับสเกล

    NebiOS เป็นตัวอย่างของดิสโทรที่เกิดจากความหลงใหลและความตั้งใจของนักพัฒนาเดี่ยว ซึ่งอาจไม่ใช่คู่แข่งของ Ubuntu หรือ Fedora แต่เป็นพื้นที่ทดลองที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux ที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ

    https://news.itsfoss.com/nebios/
    🖥️ “NebiOS: ดิสโทรใหม่จากตุรกีที่สร้าง Desktop Environment สำหรับ Wayland ขึ้นมาเอง” — เมื่อความหลงใหลกลายเป็นระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบ บทความจาก It’s FOSS News พาไปสำรวจ NebiOS — ดิสโทร Linux ใหม่จากตุรกีที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Ubuntu โดยมีจุดเด่นคือการสร้าง Desktop Environment (DE) ของตัวเองชื่อว่า NebiDE ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานกับ Wayland โดยเฉพาะ ผู้พัฒนา Sarp Mateson เริ่มต้นโครงการนี้ในปี 2023 ภายใต้ชื่อ NebiSoft โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ NebiOS X “Cappadocia” ซึ่งจะใช้ Ubuntu 24.04 LTS เป็นฐาน และมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ก่อนหน้านี้ NebiOS เคยใช้ชื่อว่า Spez Linux ซึ่งเริ่มต้นจากการทดลองใน SUSE Studio ตั้งแต่ปี 2014 ✅ จุดเด่นของ NebiOS 📍 ใช้ Linux kernel 6.14 พร้อมรองรับ NTSYNC 📍 มีตัวบ่งชี้ความเป็นส่วนตัวและสถานะแบตเตอรี่ Bluetooth บนแถบด้านบน 📍 ใช้ Calamares เป็นตัวติดตั้งระบบ — ติดตั้งง่ายและคุ้นเคย 📍 มีตัวเลือก session เช่น Wayfire และโหมด debug บนหน้าจอล็อกอิน 📍 อินเทอร์เฟซคล้าย Windows 7 Aero พร้อม dock และ launcher 📍 มี widgets เช่น music player, clock, RSS reader และ sticky notes 📍 รองรับ workspace แบบ “Expo” สำหรับการจัดการหลายเดสก์ท็อป 📍 แอปพื้นฐานครบ เช่น LibreOffice, Firefox, terminal ‼️ ข้อสังเกตจากการทดลองใช้งาน ❕ การทดสอบบน VM มีอาการ lag และ glitch — แนะนำให้ติดตั้งบนเครื่องจริง ❕ ปุ่มปิดหน้าต่างอยู่ด้านซ้าย — อาจต้องปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ❕ การเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอยังยุ่งยาก ต้องพิมพ์ค่าด้วยตัวเอง ❕ ขนาดไอคอนใน launcher ใหญ่เกินไป — ต้องปรับสเกล NebiOS เป็นตัวอย่างของดิสโทรที่เกิดจากความหลงใหลและความตั้งใจของนักพัฒนาเดี่ยว ซึ่งอาจไม่ใช่คู่แข่งของ Ubuntu หรือ Fedora แต่เป็นพื้นที่ทดลองที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux ที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ https://news.itsfoss.com/nebios/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    NebiOS is an Ubuntu-based Distro With a Brand New DE Written for Wayland from Ground Up
    Exploring a new Ubuntu-based distro. By the way, it's been some time since we had a new distro based on Ubuntu.
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • “ดร.เอ้” หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ นำคณะลุยตลาดคนเดินเมืองน่าน รับฟังปัญหาพร้อมเสนอวิธีนำสินค้าพื้นเมืองน่านสู่ตลาดโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/21970/
    .
    #ไทยไท #ดรเอ้ #ไทยก้าวใหม่ #น้ำท่วมน่าน #รถไฟ #เศรษฐกิจพื้นเมือง
    “ดร.เอ้” หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ นำคณะลุยตลาดคนเดินเมืองน่าน รับฟังปัญหาพร้อมเสนอวิธีนำสินค้าพื้นเมืองน่านสู่ตลาดโลก https://www.thai-tai.tv/news/21970/ . #ไทยไท #ดรเอ้ #ไทยก้าวใหม่ #น้ำท่วมน่าน #รถไฟ #เศรษฐกิจพื้นเมือง
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • “Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux และเพิ่มความยืดหยุ่นในการค้นหา”

    Calibre 8.13 คือเวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์จัดการ e-book แบบโอเพ่นซอร์สที่รองรับทั้ง Linux, macOS และ Windows โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงสำคัญหลายจุด โดยเฉพาะการส่งออกคลังหนังสือ (library export) บนระบบ Linux ที่ก่อนหน้านี้อาจมีปัญหาเมื่อระบบไฟล์ /tmp ถูก mount ไว้ใน RAM

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์ “virtual libraries” โดยเพิ่มกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด (multi-line edit box) สำหรับการเขียน expression เพื่อกรองหนังสือ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการคลังหนังสือเสมือนได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

    Calibre 8.13 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น:

    ปรับปรุงปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books
    แก้ไขตัวแปรสภาพแวดล้อม CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิดพลาด
    แก้ไขปัญหาการเปิด e-book จากผลลัพธ์ Full-Text Search ขณะยังค้นหาไม่เสร็จ

    สำหรับผู้ใช้ Windows มีการเปลี่ยนวิธีเรียกโปรแกรมภายนอกให้ใช้ Windows API โดยตรง เพื่อแยกการทำงานออกจากสภาพแวดล้อมของ Calibre ได้ดีขึ้น

    Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux
    ไม่ใช้ /tmp อีกต่อไปหากระบบ mount ไว้ใน RAM

    ปรับปรุง virtual libraries ด้วยกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด
    เขียน expression ได้สะดวกและแม่นยำขึ้น

    แก้ไขปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books
    ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

    แก้ไขตัวแปร CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิด
    ช่วยให้การกำหนดฐานข้อมูลทำได้ถูกต้อง

    แก้ไขบั๊กจากเวอร์ชัน 8.11 ที่เปิด e-book จากผลลัพธ์ FTS ไม่ได้
    ป้องกันข้อผิดพลาดขณะค้นหา

    บน Windows ใช้ Windows API เรียกโปรแกรมภายนอก
    แยกการทำงานจาก Calibre ได้ดีขึ้น

    https://9to5linux.com/calibre-8-13-open-source-e-book-manager-improves-library-export-on-linux
    📚 “Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux และเพิ่มความยืดหยุ่นในการค้นหา” Calibre 8.13 คือเวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์จัดการ e-book แบบโอเพ่นซอร์สที่รองรับทั้ง Linux, macOS และ Windows โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงสำคัญหลายจุด โดยเฉพาะการส่งออกคลังหนังสือ (library export) บนระบบ Linux ที่ก่อนหน้านี้อาจมีปัญหาเมื่อระบบไฟล์ /tmp ถูก mount ไว้ใน RAM นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์ “virtual libraries” โดยเพิ่มกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด (multi-line edit box) สำหรับการเขียน expression เพื่อกรองหนังสือ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการคลังหนังสือเสมือนได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น Calibre 8.13 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น: 📚 ปรับปรุงปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books 📚 แก้ไขตัวแปรสภาพแวดล้อม CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิดพลาด 📚 แก้ไขปัญหาการเปิด e-book จากผลลัพธ์ Full-Text Search ขณะยังค้นหาไม่เสร็จ สำหรับผู้ใช้ Windows มีการเปลี่ยนวิธีเรียกโปรแกรมภายนอกให้ใช้ Windows API โดยตรง เพื่อแยกการทำงานออกจากสภาพแวดล้อมของ Calibre ได้ดีขึ้น ✅ Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux ➡️ ไม่ใช้ /tmp อีกต่อไปหากระบบ mount ไว้ใน RAM ✅ ปรับปรุง virtual libraries ด้วยกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด ➡️ เขียน expression ได้สะดวกและแม่นยำขึ้น ✅ แก้ไขปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books ➡️ ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ✅ แก้ไขตัวแปร CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิด ➡️ ช่วยให้การกำหนดฐานข้อมูลทำได้ถูกต้อง ✅ แก้ไขบั๊กจากเวอร์ชัน 8.11 ที่เปิด e-book จากผลลัพธ์ FTS ไม่ได้ ➡️ ป้องกันข้อผิดพลาดขณะค้นหา ✅ บน Windows ใช้ Windows API เรียกโปรแกรมภายนอก ➡️ แยกการทำงานจาก Calibre ได้ดีขึ้น https://9to5linux.com/calibre-8-13-open-source-e-book-manager-improves-library-export-on-linux
    9TO5LINUX.COM
    Calibre 8.13 Open-Source E-Book Manager Improves Library Export on Linux - 9to5Linux
    Calibre 8.13 open-source e-book manager is now available for download with improved library export on Linux distros that mount /tmp in RAM.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • “Amazon สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ 960 เมกะวัตต์ในวอชิงตัน” — เพื่อรองรับพลังงาน AI และคลาวด์ในอนาคต

    Amazon ประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ (SMR) แห่งใหม่ชื่อว่า “Cascade Advanced Energy Facility” ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้กับโรงไฟฟ้า Columbia Generating Station โดยร่วมมือกับบริษัทพลังงานท้องถิ่น Energy Northwest และใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถขยายกำลังการผลิตได้ตามต้องการ

    ในเฟสแรกจะติดตั้งเตาปฏิกรณ์ 4 ชุด รวมกำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 12 ชุด รวม 960 เมกะวัตต์ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AWS และคลัสเตอร์ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    แม้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาเบื้องต้น และยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากคณะกรรมการกำกับนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แต่ Amazon ถือเป็นบริษัท hyperscaler รายแรกที่ประกาศลงทุนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่อย่างเป็นทางการ

    ก่อนหน้านี้ Amazon เคยลงทุนใน X-energy ผ่าน Climate Pledge Fund และซื้อศูนย์ข้อมูลที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเพนซิลเวเนีย แต่โครงการ Cascade ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ของตนเอง

    Amazon ประกาศสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ชื่อ Cascade
    ตั้งอยู่ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้ Columbia Generating Station

    ใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy
    เตาปฏิกรณ์ขนาด 80 เมกะวัตต์ต่อหน่วย

    เฟสแรกติดตั้ง 4 เตา รวม 320 เมกะวัตต์
    ขยายได้สูงสุด 12 เตา รวม 960 เมกะวัตต์

    ร่วมมือกับ Energy Northwest และ X-energy
    อยู่ระหว่างขออนุมัติจาก U.S. Nuclear Regulatory Commission

    Amazon เคยลงทุนใน X-energy และซื้อศูนย์ข้อมูลติดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ด้วยตนเอง

    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ อาจเพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030
    คาดว่าจะใช้ถึง 9% ของไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2035

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-unveils-plans-for-modular-nuclear-plant-in-washington
    ⚛️ “Amazon สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ 960 เมกะวัตต์ในวอชิงตัน” — เพื่อรองรับพลังงาน AI และคลาวด์ในอนาคต Amazon ประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ (SMR) แห่งใหม่ชื่อว่า “Cascade Advanced Energy Facility” ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้กับโรงไฟฟ้า Columbia Generating Station โดยร่วมมือกับบริษัทพลังงานท้องถิ่น Energy Northwest และใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กที่สามารถขยายกำลังการผลิตได้ตามต้องการ ในเฟสแรกจะติดตั้งเตาปฏิกรณ์ 4 ชุด รวมกำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 12 ชุด รวม 960 เมกะวัตต์ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AWS และคลัสเตอร์ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาเบื้องต้น และยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากคณะกรรมการกำกับนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แต่ Amazon ถือเป็นบริษัท hyperscaler รายแรกที่ประกาศลงทุนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่อย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ Amazon เคยลงทุนใน X-energy ผ่าน Climate Pledge Fund และซื้อศูนย์ข้อมูลที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเพนซิลเวเนีย แต่โครงการ Cascade ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ของตนเอง ✅ Amazon ประกาศสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โมดูลาร์ชื่อ Cascade ➡️ ตั้งอยู่ที่เมืองริชแลนด์ รัฐวอชิงตัน ใกล้ Columbia Generating Station ✅ ใช้เทคโนโลยี Xe-100 จาก X-energy ➡️ เตาปฏิกรณ์ขนาด 80 เมกะวัตต์ต่อหน่วย ✅ เฟสแรกติดตั้ง 4 เตา รวม 320 เมกะวัตต์ ➡️ ขยายได้สูงสุด 12 เตา รวม 960 เมกะวัตต์ ✅ ร่วมมือกับ Energy Northwest และ X-energy ➡️ อยู่ระหว่างขออนุมัติจาก U.S. Nuclear Regulatory Commission ✅ Amazon เคยลงทุนใน X-energy และซื้อศูนย์ข้อมูลติดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ➡️ โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ด้วยตนเอง ✅ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ อาจเพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030 ➡️ คาดว่าจะใช้ถึง 9% ของไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2035 https://www.tomshardware.com/tech-industry/amazon-unveils-plans-for-modular-nuclear-plant-in-washington
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Amazon reveals 960 megawatt nuclear power plans to cope with AI demand — Richland, Washington site tapped for deployment of Xe-100 small modular reactors
    The Cascade Advanced Energy Facility would use next-gen Xe-100 reactors to deliver 960 megawatts of carbon-free power — but it’s years from becoming reality.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • ดร.เอ้ นำทีม "เหลืองเลมอนสัญจร" บุกน่าน 18 ต.ค. 68 เชิญชวนชาวเหนือ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
    https://www.thai-tai.tv/news/21946/
    .
    #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #มืออาชีพ #ฟังเสียงประชาชน #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #ดรเอ้ #ทีมเหลืองเลมอนสัญจร #น่าน

    ดร.เอ้ นำทีม "เหลืองเลมอนสัญจร" บุกน่าน 18 ต.ค. 68 เชิญชวนชาวเหนือ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น https://www.thai-tai.tv/news/21946/ . #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #มืออาชีพ #ฟังเสียงประชาชน #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #ดรเอ้ #ทีมเหลืองเลมอนสัญจร #น่าน
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 3

    ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2014 สถาบัน European Leadership Network (ELN) ได้ออกรายงานยาวประมาณ 20 หน้า ชื่อ Dangerous Brinkmanship: Close Military Encounters Between Russia and the West in 2014 บรรยายอย่างละเอียดถึงความประพฤติของรัสเซีย ซึ่งถ้าเปรียบกับนักเรียน ก็เป็นประเภทนักเรียนเกเร ที่ถูกครูใหญ่ดุประจาน ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ตอนเคารพธงชาติน่ะครับ

    ครูอี (ELN) บอกว่า ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการผนวกไครเมียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มจำนวน และเพิ่มความน่าระทึกใจขึ้นทุกที ครูอี นี่ท่าทางเข้มงวด แต่ขวัญอ่อนนะ ครูอีบอกว่า ผ่านมาแค่ 8 เดือน รัสเซียก่อเหตุ ประมาณ 40 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แยกการก่อเหตุ เป็น 3 ประเภท คือ

    – กึ่งปฏิบัติการประจำ (near routine)
    – ปฏิบัติการยั่วยุ (provacative nature)
    – ปฏิบัติการสร้างความเสียว (serious with evident risk of escalation)

    ปฏิบัติการสร้างความเสียวมี 3 ครั้ง ( น้อยจังคุณพี่ พวกขวัญอ่อนนี่ น่าจะให้เสียวมากกว่านี้หน่อยนะ เป็นการฝึกหัดให้อดทน)

    ครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มีนาคม 2014 รายการบินเฉี่ยวหัวครั้งแรก ผู้ถูกเฉี่ยวคือ เครื่อง SAS ขวัญใจคุณพี่ปูติน สงสัยจะแอบชอบแอร์สาวชาวสแกน (ฮา) บินขึ้นจาก กรุงโคเปนฮาเกน ก็เกือบจ้ะเอ๋กับเครื่องลาดตระเวนของรัสเซีย ที่ไม่เปิดเรดาร์ แหมเวลาแอบดูสาว ใครเขาเปิดไฟกันบ้างเนอะ

    ครั้งที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2014 นาย Eston Kohver เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเอสโทเนียอยู่ดีๆ ก็ ถูกสายลับรัสเซียดอดเข้ามาอุ้มตัวไปมอสโคว์ เหตุเกิดที่หน่วยปฏิบัติการ ประจำเขตแดนเอสโทเนียนั่นเอง ซึ่ง ครูอี ถือว่าเป็นเขตแดนของนาโต้

    นาย Kohver ถูกรัสเซียกล่าวหาว่ากำลังทำการจารกรรม เหตุการณ์นี้ทำให้ระบบการติดต่อขัดข้องไปหมด ก็คือล่มนั่นแหละ (communication jamming) และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ นายโอบามา ไปเยี่ยมบริเวณดังกล่าว และให้ความยืนยันซ้ำถึงความปลอดภัยของบรรดารัฐ ที่อยู่ในบริเวณทะเลบอลติก เช่น เอสโทเนีย

    แปลว่าการอุ้มเกิดขึ้น หลังจากนายโอบามาเพิ่งลุกกลับไป กลิ่นยังไม่ทันจางเลย ฮาจริง ครูอี นี่ก็พาซื่อ เล่าหมด

    นี่มันรายงานเรื่องสำคัญ หรือบทตลกกันแน่ ผมชักงงว่า หยิบเอกสารผิดหรือเปล่า
    ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2014 มีการตามล่าหาเรือดำน้ำ บริเวณเกาะเล็กเกาะน้อย ในน่านน้ำสวีเดน หน้ากรุงสต๊อกโฮมนั่นเอง สวีเดนยัวะจัด บอกพร้อมที่จะใช้อาวุธจัดการกับเรือดำน้ำ… ถ้าหาเจอ ….แต่ปรากฎว่าหาไม่เจอ แต่แน่ใจว่าเป็นเรือดำน้ำรัสเซีย เอะ ไม่เจอแล้วแน่ใจได้ยังไง แน่นอน เมื่อหาไม่เจอ จับไม่ได้คามือ รัสเซียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ใครจะไปรับกันง่ายๆ

    สวีเดนบอกว่า ปฏิบัติการล่าเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงที่สุดของสวีเดน นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวนะ

    เอ! สงสัยมันเป็นรายงานคนขวัญอ่อนจริงๆ แหละ ผมอ่านตอนแรกๆก็นึกว่า มีเรื่องน่าระทึกใจ นี่ขนาด 3 รายการรุนแรง มันยังอ่อนยวบอย่างนี้ ไอ้ที่เหลืออีก 30 กว่ารายการ ผมไม่บรรยายดีกว่านะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง เครืองบินรบของรัสเซีย บินเฉี่ยวไปโฉบมาไปทั่ว แถบบริเวณทะเลเหนือ ทะเลดำ ทะเลบอลติก ก็บ้านเขาอยู่ตรงนั้น ไม่บินแถวนั้นก็ประหลาดอยู่ ซึ่งพวกกินปลาดิบดองน้ำมันแถวนั้นคงขัดใจ ไม่ชอบให้เฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู ผ้าเช็ด ตากยังไม่ทันแห้ง เฉี่ยวหัว ต้องเช็ดกันอีกแล้ว

    แล้วรัสเซียทำอย่างนี้ทำไม ชอบถูกด่าหน้าเสาธงนักหรือ

    ครูอี บอกว่า ด้านการทหารวิเคราะห์ว่า รัสเซียกำลังทดสอบสมรรถนะของนาโต้ ดูความพร้อม ระยะเวลาของปฏิกิริยา และอาวุธของกองกำลังนาโต้

    เอ ครูอีครับ แต่สวีเดน กับฟินแลนด์ไม่ได้อยู่ในนาโต้นะครับ

    ครูอีไม่ตอบ แต่แจงเพิ่มว่า น่าสังเกตว่า การยั่วยุของรัสเซียจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการแวะมาเยี่ยมของพวกลูกพี่เสมอเช่น เมื่อนายโอบามาแวะมาเยี่ยมยุโรปกลาง รัสเซียก็เฉียวหัวให้ดู พอนายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนไปเยี่ยมแคนาดา คุณพี่ปูตินก็ส่งเครื่องโฉบผ่านหัวที่แคนาดา ไปสวัสดีช๊อกโกแลต ส่วนกรณีเรือดำน้ำ ที่แวะไปประทับตราวีซ่าขาเข้าให้ตัวเองแถวสก๊อตแลนด์ ที่ชาวเกาะใหญ่เรียกระดมพล ก็เป็นช่วงประชุมสุดยอดของนาโต้ที่ Wales ผมว่า คุณพี่ปูติน เขาก็เลือกจังหวะทักทายได้เหมาะสม ตามมารยาทดีนี่นะ

    แต่ครูอีไม่เห็นด้วย บอกว่า ถ้ารัสเซียทำตัวท้าทายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหตุการณ์มันจะพัฒนาไปถึงจุดที่ เป็นการยากสำหรับแต่ละฝ่ายที่จะหยุด หรือควบคุม

    ฮั่นแน่ ครูอี ขู่เป็นเหมือนกัน แต่เป็นการขูฝ้อเล็กๆ น่าเอ็นดู

    แต่สุ้มเสียงของสวีเดนเอง ดูเหมือนจะคนละรสกับครูอี นาย Johan Wiktorin เจ้าหน้าที่ประจำ Swedish Royal Acadamy of War Science วิเคราะห์ว่า เรือดำน้ำรัสเซียน่า เข้ามา เพื่อมาสำรวจ และทำแผนที่บริเวณน่านน้ำแถวนั้น และเป็นไปได้ว่ารัสเซียเข้ามาติดตั้งเครื่องจารกรรมใว้ใต้ท้องน้ำด้วย และเป็นการทดสอบระบบการป้องกันความมั่นคงของสวีเดนด้วย เป็นการวิเคราะห์ที่ดูเหมือนสวีเดนกำลังคิด (หรือ รู้ ) ว่า รัสเซียน่าจะกำลังมีแผน คิดทำการใหญ่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 3 ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2014 สถาบัน European Leadership Network (ELN) ได้ออกรายงานยาวประมาณ 20 หน้า ชื่อ Dangerous Brinkmanship: Close Military Encounters Between Russia and the West in 2014 บรรยายอย่างละเอียดถึงความประพฤติของรัสเซีย ซึ่งถ้าเปรียบกับนักเรียน ก็เป็นประเภทนักเรียนเกเร ที่ถูกครูใหญ่ดุประจาน ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ตอนเคารพธงชาติน่ะครับ ครูอี (ELN) บอกว่า ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการผนวกไครเมียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มจำนวน และเพิ่มความน่าระทึกใจขึ้นทุกที ครูอี นี่ท่าทางเข้มงวด แต่ขวัญอ่อนนะ ครูอีบอกว่า ผ่านมาแค่ 8 เดือน รัสเซียก่อเหตุ ประมาณ 40 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แยกการก่อเหตุ เป็น 3 ประเภท คือ – กึ่งปฏิบัติการประจำ (near routine) – ปฏิบัติการยั่วยุ (provacative nature) – ปฏิบัติการสร้างความเสียว (serious with evident risk of escalation) ปฏิบัติการสร้างความเสียวมี 3 ครั้ง ( น้อยจังคุณพี่ พวกขวัญอ่อนนี่ น่าจะให้เสียวมากกว่านี้หน่อยนะ เป็นการฝึกหัดให้อดทน) ครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มีนาคม 2014 รายการบินเฉี่ยวหัวครั้งแรก ผู้ถูกเฉี่ยวคือ เครื่อง SAS ขวัญใจคุณพี่ปูติน สงสัยจะแอบชอบแอร์สาวชาวสแกน (ฮา) บินขึ้นจาก กรุงโคเปนฮาเกน ก็เกือบจ้ะเอ๋กับเครื่องลาดตระเวนของรัสเซีย ที่ไม่เปิดเรดาร์ แหมเวลาแอบดูสาว ใครเขาเปิดไฟกันบ้างเนอะ ครั้งที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2014 นาย Eston Kohver เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเอสโทเนียอยู่ดีๆ ก็ ถูกสายลับรัสเซียดอดเข้ามาอุ้มตัวไปมอสโคว์ เหตุเกิดที่หน่วยปฏิบัติการ ประจำเขตแดนเอสโทเนียนั่นเอง ซึ่ง ครูอี ถือว่าเป็นเขตแดนของนาโต้ นาย Kohver ถูกรัสเซียกล่าวหาว่ากำลังทำการจารกรรม เหตุการณ์นี้ทำให้ระบบการติดต่อขัดข้องไปหมด ก็คือล่มนั่นแหละ (communication jamming) และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ นายโอบามา ไปเยี่ยมบริเวณดังกล่าว และให้ความยืนยันซ้ำถึงความปลอดภัยของบรรดารัฐ ที่อยู่ในบริเวณทะเลบอลติก เช่น เอสโทเนีย แปลว่าการอุ้มเกิดขึ้น หลังจากนายโอบามาเพิ่งลุกกลับไป กลิ่นยังไม่ทันจางเลย ฮาจริง ครูอี นี่ก็พาซื่อ เล่าหมด นี่มันรายงานเรื่องสำคัญ หรือบทตลกกันแน่ ผมชักงงว่า หยิบเอกสารผิดหรือเปล่า ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2014 มีการตามล่าหาเรือดำน้ำ บริเวณเกาะเล็กเกาะน้อย ในน่านน้ำสวีเดน หน้ากรุงสต๊อกโฮมนั่นเอง สวีเดนยัวะจัด บอกพร้อมที่จะใช้อาวุธจัดการกับเรือดำน้ำ… ถ้าหาเจอ ….แต่ปรากฎว่าหาไม่เจอ แต่แน่ใจว่าเป็นเรือดำน้ำรัสเซีย เอะ ไม่เจอแล้วแน่ใจได้ยังไง แน่นอน เมื่อหาไม่เจอ จับไม่ได้คามือ รัสเซียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ใครจะไปรับกันง่ายๆ สวีเดนบอกว่า ปฏิบัติการล่าเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงที่สุดของสวีเดน นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวนะ เอ! สงสัยมันเป็นรายงานคนขวัญอ่อนจริงๆ แหละ ผมอ่านตอนแรกๆก็นึกว่า มีเรื่องน่าระทึกใจ นี่ขนาด 3 รายการรุนแรง มันยังอ่อนยวบอย่างนี้ ไอ้ที่เหลืออีก 30 กว่ารายการ ผมไม่บรรยายดีกว่านะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง เครืองบินรบของรัสเซีย บินเฉี่ยวไปโฉบมาไปทั่ว แถบบริเวณทะเลเหนือ ทะเลดำ ทะเลบอลติก ก็บ้านเขาอยู่ตรงนั้น ไม่บินแถวนั้นก็ประหลาดอยู่ ซึ่งพวกกินปลาดิบดองน้ำมันแถวนั้นคงขัดใจ ไม่ชอบให้เฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู ผ้าเช็ด ตากยังไม่ทันแห้ง เฉี่ยวหัว ต้องเช็ดกันอีกแล้ว แล้วรัสเซียทำอย่างนี้ทำไม ชอบถูกด่าหน้าเสาธงนักหรือ ครูอี บอกว่า ด้านการทหารวิเคราะห์ว่า รัสเซียกำลังทดสอบสมรรถนะของนาโต้ ดูความพร้อม ระยะเวลาของปฏิกิริยา และอาวุธของกองกำลังนาโต้ เอ ครูอีครับ แต่สวีเดน กับฟินแลนด์ไม่ได้อยู่ในนาโต้นะครับ ครูอีไม่ตอบ แต่แจงเพิ่มว่า น่าสังเกตว่า การยั่วยุของรัสเซียจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการแวะมาเยี่ยมของพวกลูกพี่เสมอเช่น เมื่อนายโอบามาแวะมาเยี่ยมยุโรปกลาง รัสเซียก็เฉียวหัวให้ดู พอนายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนไปเยี่ยมแคนาดา คุณพี่ปูตินก็ส่งเครื่องโฉบผ่านหัวที่แคนาดา ไปสวัสดีช๊อกโกแลต ส่วนกรณีเรือดำน้ำ ที่แวะไปประทับตราวีซ่าขาเข้าให้ตัวเองแถวสก๊อตแลนด์ ที่ชาวเกาะใหญ่เรียกระดมพล ก็เป็นช่วงประชุมสุดยอดของนาโต้ที่ Wales ผมว่า คุณพี่ปูติน เขาก็เลือกจังหวะทักทายได้เหมาะสม ตามมารยาทดีนี่นะ แต่ครูอีไม่เห็นด้วย บอกว่า ถ้ารัสเซียทำตัวท้าทายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหตุการณ์มันจะพัฒนาไปถึงจุดที่ เป็นการยากสำหรับแต่ละฝ่ายที่จะหยุด หรือควบคุม ฮั่นแน่ ครูอี ขู่เป็นเหมือนกัน แต่เป็นการขูฝ้อเล็กๆ น่าเอ็นดู แต่สุ้มเสียงของสวีเดนเอง ดูเหมือนจะคนละรสกับครูอี นาย Johan Wiktorin เจ้าหน้าที่ประจำ Swedish Royal Acadamy of War Science วิเคราะห์ว่า เรือดำน้ำรัสเซียน่า เข้ามา เพื่อมาสำรวจ และทำแผนที่บริเวณน่านน้ำแถวนั้น และเป็นไปได้ว่ารัสเซียเข้ามาติดตั้งเครื่องจารกรรมใว้ใต้ท้องน้ำด้วย และเป็นการทดสอบระบบการป้องกันความมั่นคงของสวีเดนด้วย เป็นการวิเคราะห์ที่ดูเหมือนสวีเดนกำลังคิด (หรือ รู้ ) ว่า รัสเซียน่าจะกำลังมีแผน คิดทำการใหญ่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 318 Views 0 Reviews
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 2

    ก่อนหน้ารายการ บินเฉี่ยวหัว ไม่กี่วัน แถวๆเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็มีเหตุการณ์ตื่นตูมกัน

    The Telegraph สื่อเสียงดังของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ออกข่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2014 สรุปว่า เครื่องบินลาดตระเวนจากฝรั่งเศส อเมริกา และแคนาดา ถูกเรียกให้มาร่วมด้วยช่วยกัน กับราชนาวีของชาวเกาะ ที่เคยโม้ไว้ว่าใหญ่คับฟ้า แต่คราวนี้โม้ไม่ออก ต้องส่งเสียงเรียกพวกให้มาช่วยกันตามล่า วัตถุที่ต้องสงสัยกันว่า เป็นเรือดำน้ำ แต่ดันไปโผล่พ้นน้ำ โชว์อยู่แถวตะวันตกของสก๊อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

    เครืองบินลาดตะเวน ที่ถูกชาวเกาะจีบปากเรียกให้มา ใช้เวลาบินตรวจแถว Lossiemouth ของสก๊อตแลนด์อยู่หลายวัน ไม่พบอะไร แม้แต่ล๊อคเนส พญานาคสัญชาติสก๊อต ก็ไม่แวบมาให้ชม ข่าวบอกว่า วัตถุต้องสงสัยว่าเป็นเรือดำน้ำนั้น น่าจะเป็นของรัสเซีย ที่เพิ่งไปแวะเยี่ยมน่านน้ำสวีเดน ( ฮั่นแน่ เรื่องนี้เอง ) เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งสวีเดนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแอะออกมา เพราะกลัวเสียหน้า ไม่เสียยังไง เขาว่า เรือดำน้ำโผล่หัวขึ้นมาสวัสดี ที่ทะเลหน้ากรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงเลยนะ นี่มันไม่ใช่แค่เฉี่ยวหัว แต่มันเปียกเต็มหน้า แล้วก็จับไม่ได้คาหนัง แบบนี้จะไม่ให้แค้นค้างบัญชีได้ยังไง

    ที่เสียหน้าไม่แพ้กัน ก็ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนั่นแหละคุยดีนั กว่า กองทัพเรืออังกฤษ ใหญ่เป็นที่หนึ่งของโลก ปี 2010 ชาวเกาะถังแตก ไม่ต่างกับ นักล่าใบตองแห้ง ต้องตัตงบด้านความมั่นคง เอาอย่างกัน เลยต้องแบกหน้าอันยิ่งใหญ่ เรียกให้ลูกสมุนมาด่วน มาช่วยกันค้นหา ไอ้ตัวที่กำลังดำน้ำมาล้วงคอพวกเรา

    Nimrod เป็นเครื่องบินจารกรรมที่ชาวเกาะภาคภูมืใจมาก ใช้มาตั้งแต่สมัย 1960 กว่า มีเครื่องดักจับเรือดำน้ำ อย่างไม่มีหลุด กองทัพเรือมีแผนพัฒนาให้จับให้ แม่น ให้อยู่หมัดมากขึ้น เสียดาย การพัฒนาใช้เวลานานเกินไป 9 ปี งบบานเกินไป ประมาณ 1.25 พันล้านปอนด์ การพัฒนาก็เลยค้าง เป็นโอกาสให้ฝ่ายคุณพี่ปูตินขอ ทดลองดูว่า ไม่มี Nimrod มาคอยจับแล้ว เรือดำน้ำเราจะรอดไหม ก็รอดจริงๆ เพราะเอาเด็กๆ มาช่วยตระเวนหา มันยังละอ่อนทั้งนั้น แล้วเวลาทำสงครามจะทำไงนี่ แค่เรือดำน้ำลำเดียว ขนกันมา 4 ประเทศ ยังหาไม่เจอเลย ไหนว่าเทคโนโลยีฝั่งนักล่าเจ๋งกว่าไง
    เรื่องเรือดำน้ำหายตัวได้นี่ ปิดกันเงียบ เพราะมันเสียหน้ากันทั่ว นาย Matthew Barzen ทูตอเมริกัน ประจำอังกฤษ ถึงกับขอร้องอังกฤษว่า อย่าเพิ่งตัดงบด้านความมั่นคงตอนนี้ได้ไหม เพราะเรา 2 ประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จะให้อเมริกาแบกน้ำหนักข้างเดียวเหรอ ข้างตูก็ถูกตัดนะเว้ย แบบนี้ ฝ่ายโน้นมันก็เห็นฟันหรอของเราหมดสิ

    จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จับวัตถูต้องสงสัยคล้ายเรือดำน้ำ ในท้องทะเลของชาวเกาะได้หรือไม่อย่างไร ข่าวแจงเพิ่มว่า ฝ่ายอังกฤษ ใช้เรือรบหลายลำ รวมทั้งขนเอาเรือสำหรับลากเรือดำน้ำ พร้อมเครื่องตรวจจับไปด้วย เรียกว่าขนกันเต็มยศเต็มอัตรามา เลย ส่วนเครื่องบิน ของลูกสมุนที่มาช่วยกันล่า อเมริกาส่ง P-3 Orions 2 ลำ แคนาดา ส่ง CP-140 Aurora ส่วนฝรั่งเศส ส่ง Atlantique 2 รวมทั้งเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษเองด้วย

    ขณะที่ ด้านนี้กำลังตามล่าเรือดำน้ำ กองทัพเรือของชาวเกาะ ก็ตรวจพบร่องรอย ของเรือรบรัสเซียอีก 4 ลำ แล่นผ่านทะเลเหนือและช่องแคบ …ในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ อือหือ คุณพี่ปูตินเล่นเขาแรงนะ

    เมื่อโดนฉีกหน้ามากๆ ว่าต้องขอแรงลูกสมุนมาช่วย ชาวเกาะชักหน้าแเดงเป็นลูกมะอึก ให้โฆษกกลาโหมออกมาแถลงสั้นๆว่า ” สมาชิกนาโต้ได้ส่ง เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วยราชนาวีของเรา ที่ Lossiemouth เป็นเวลาจำกัดระยะหนึ่ง เราขอไม่ลงในรายละเอียดของการปฏิบัติการ ”

    สงสัยเครื่องลาดตระเวน ที่มาช่วยตามล่า มันห่วยมากหรือไงครับ ถึงแถลงกันแบบไม่มีใยบัวกันเลย ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า เครื่องล่ามันไม่เอาไหน หรือเรือดำน้ำของรัสเซียเขาเหนือกว่า

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 2 ก่อนหน้ารายการ บินเฉี่ยวหัว ไม่กี่วัน แถวๆเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็มีเหตุการณ์ตื่นตูมกัน The Telegraph สื่อเสียงดังของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ออกข่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2014 สรุปว่า เครื่องบินลาดตระเวนจากฝรั่งเศส อเมริกา และแคนาดา ถูกเรียกให้มาร่วมด้วยช่วยกัน กับราชนาวีของชาวเกาะ ที่เคยโม้ไว้ว่าใหญ่คับฟ้า แต่คราวนี้โม้ไม่ออก ต้องส่งเสียงเรียกพวกให้มาช่วยกันตามล่า วัตถุที่ต้องสงสัยกันว่า เป็นเรือดำน้ำ แต่ดันไปโผล่พ้นน้ำ โชว์อยู่แถวตะวันตกของสก๊อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เครืองบินลาดตะเวน ที่ถูกชาวเกาะจีบปากเรียกให้มา ใช้เวลาบินตรวจแถว Lossiemouth ของสก๊อตแลนด์อยู่หลายวัน ไม่พบอะไร แม้แต่ล๊อคเนส พญานาคสัญชาติสก๊อต ก็ไม่แวบมาให้ชม ข่าวบอกว่า วัตถุต้องสงสัยว่าเป็นเรือดำน้ำนั้น น่าจะเป็นของรัสเซีย ที่เพิ่งไปแวะเยี่ยมน่านน้ำสวีเดน ( ฮั่นแน่ เรื่องนี้เอง ) เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งสวีเดนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแอะออกมา เพราะกลัวเสียหน้า ไม่เสียยังไง เขาว่า เรือดำน้ำโผล่หัวขึ้นมาสวัสดี ที่ทะเลหน้ากรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงเลยนะ นี่มันไม่ใช่แค่เฉี่ยวหัว แต่มันเปียกเต็มหน้า แล้วก็จับไม่ได้คาหนัง แบบนี้จะไม่ให้แค้นค้างบัญชีได้ยังไง ที่เสียหน้าไม่แพ้กัน ก็ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนั่นแหละคุยดีนั กว่า กองทัพเรืออังกฤษ ใหญ่เป็นที่หนึ่งของโลก ปี 2010 ชาวเกาะถังแตก ไม่ต่างกับ นักล่าใบตองแห้ง ต้องตัตงบด้านความมั่นคง เอาอย่างกัน เลยต้องแบกหน้าอันยิ่งใหญ่ เรียกให้ลูกสมุนมาด่วน มาช่วยกันค้นหา ไอ้ตัวที่กำลังดำน้ำมาล้วงคอพวกเรา Nimrod เป็นเครื่องบินจารกรรมที่ชาวเกาะภาคภูมืใจมาก ใช้มาตั้งแต่สมัย 1960 กว่า มีเครื่องดักจับเรือดำน้ำ อย่างไม่มีหลุด กองทัพเรือมีแผนพัฒนาให้จับให้ แม่น ให้อยู่หมัดมากขึ้น เสียดาย การพัฒนาใช้เวลานานเกินไป 9 ปี งบบานเกินไป ประมาณ 1.25 พันล้านปอนด์ การพัฒนาก็เลยค้าง เป็นโอกาสให้ฝ่ายคุณพี่ปูตินขอ ทดลองดูว่า ไม่มี Nimrod มาคอยจับแล้ว เรือดำน้ำเราจะรอดไหม ก็รอดจริงๆ เพราะเอาเด็กๆ มาช่วยตระเวนหา มันยังละอ่อนทั้งนั้น แล้วเวลาทำสงครามจะทำไงนี่ แค่เรือดำน้ำลำเดียว ขนกันมา 4 ประเทศ ยังหาไม่เจอเลย ไหนว่าเทคโนโลยีฝั่งนักล่าเจ๋งกว่าไง เรื่องเรือดำน้ำหายตัวได้นี่ ปิดกันเงียบ เพราะมันเสียหน้ากันทั่ว นาย Matthew Barzen ทูตอเมริกัน ประจำอังกฤษ ถึงกับขอร้องอังกฤษว่า อย่าเพิ่งตัดงบด้านความมั่นคงตอนนี้ได้ไหม เพราะเรา 2 ประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จะให้อเมริกาแบกน้ำหนักข้างเดียวเหรอ ข้างตูก็ถูกตัดนะเว้ย แบบนี้ ฝ่ายโน้นมันก็เห็นฟันหรอของเราหมดสิ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จับวัตถูต้องสงสัยคล้ายเรือดำน้ำ ในท้องทะเลของชาวเกาะได้หรือไม่อย่างไร ข่าวแจงเพิ่มว่า ฝ่ายอังกฤษ ใช้เรือรบหลายลำ รวมทั้งขนเอาเรือสำหรับลากเรือดำน้ำ พร้อมเครื่องตรวจจับไปด้วย เรียกว่าขนกันเต็มยศเต็มอัตรามา เลย ส่วนเครื่องบิน ของลูกสมุนที่มาช่วยกันล่า อเมริกาส่ง P-3 Orions 2 ลำ แคนาดา ส่ง CP-140 Aurora ส่วนฝรั่งเศส ส่ง Atlantique 2 รวมทั้งเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษเองด้วย ขณะที่ ด้านนี้กำลังตามล่าเรือดำน้ำ กองทัพเรือของชาวเกาะ ก็ตรวจพบร่องรอย ของเรือรบรัสเซียอีก 4 ลำ แล่นผ่านทะเลเหนือและช่องแคบ …ในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ อือหือ คุณพี่ปูตินเล่นเขาแรงนะ เมื่อโดนฉีกหน้ามากๆ ว่าต้องขอแรงลูกสมุนมาช่วย ชาวเกาะชักหน้าแเดงเป็นลูกมะอึก ให้โฆษกกลาโหมออกมาแถลงสั้นๆว่า ” สมาชิกนาโต้ได้ส่ง เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วยราชนาวีของเรา ที่ Lossiemouth เป็นเวลาจำกัดระยะหนึ่ง เราขอไม่ลงในรายละเอียดของการปฏิบัติการ ” สงสัยเครื่องลาดตระเวน ที่มาช่วยตามล่า มันห่วยมากหรือไงครับ ถึงแถลงกันแบบไม่มีใยบัวกันเลย ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า เครื่องล่ามันไม่เอาไหน หรือเรือดำน้ำของรัสเซียเขาเหนือกว่า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • “จีนหนุน Apple เต็มที่” — Tim Cook ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลจีนให้เดินหน้าลงทุนและดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ

    ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียด Apple ต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนการผลิตในอเมริกาและการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานในจีน ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ

    Cook เดินทางไปจีนเพื่อเจรจาเรื่องการเปิดตัว iPhone 17 Air ที่ใช้ eSIM เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ติดปัญหาด้านกฎระเบียบ แต่หลังจากพบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เขาได้รับการยืนยันว่า Apple จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่

    นอกจากนี้ Apple ยังประกาศเพิ่มการลงทุนในจีน และ COO Sabih Khan ได้เยี่ยมชมโรงงานของ Lens Precision ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของกล้อง iPhone 18 ที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมในห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย

    แม้ Apple จะพยายามลดการพึ่งพาจีนโดยย้ายการผลิตบางส่วนไปอินเดีย แต่ยังคงต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026 เพราะอินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ

    ในฝั่งสหรัฐฯ Apple ถูกบังคับให้เพิ่มการลงทุนจาก 500 เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างห่วงโซ่ซิลิคอนในประเทศ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดียด้วย ทำให้ Apple ต้องวางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ เช่น HomePod และกล้องรักษาความปลอดภัยในเวียดนาม เพื่อกระจายความเสี่ยง

    ข้อมูลในข่าว
    Tim Cook ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อ
    พบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เพื่อเจรจาเรื่อง iPhone 17 Air
    Apple เพิ่มการลงทุนในจีน และเยี่ยมชมโรงงาน Lens Precision
    iPhone 18 มีระบบกล้องใหม่ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย
    Apple ยังต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026
    อินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ
    Apple เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 600 พันล้านดอลลาร์
    ทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดีย ทำให้ Apple ต้องปรับแผน
    Apple วางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ในเวียดนาม เช่น HomePod และกล้อง AI
    ใช้โรงงานของ BYD ในเวียดนามเพื่อผลิตอุปกรณ์ใหม่
    Apple พยายามกระจายความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

    https://wccftech.com/chinas-government-just-gave-apple-its-strong-support-for-continuing-operations-in-the-country/
    🍎 “จีนหนุน Apple เต็มที่” — Tim Cook ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลจีนให้เดินหน้าลงทุนและดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนตึงเครียด Apple ต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนการผลิตในอเมริกาและการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานในจีน ล่าสุด Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อในประเทศ Cook เดินทางไปจีนเพื่อเจรจาเรื่องการเปิดตัว iPhone 17 Air ที่ใช้ eSIM เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ติดปัญหาด้านกฎระเบียบ แต่หลังจากพบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เขาได้รับการยืนยันว่า Apple จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ Apple ยังประกาศเพิ่มการลงทุนในจีน และ COO Sabih Khan ได้เยี่ยมชมโรงงานของ Lens Precision ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของกล้อง iPhone 18 ที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมในห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย แม้ Apple จะพยายามลดการพึ่งพาจีนโดยย้ายการผลิตบางส่วนไปอินเดีย แต่ยังคงต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026 เพราะอินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ ในฝั่งสหรัฐฯ Apple ถูกบังคับให้เพิ่มการลงทุนจาก 500 เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างห่วงโซ่ซิลิคอนในประเทศ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดียด้วย ทำให้ Apple ต้องวางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ เช่น HomePod และกล้องรักษาความปลอดภัยในเวียดนาม เพื่อกระจายความเสี่ยง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Tim Cook ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในการดำเนินธุรกิจต่อ ➡️ พบกับรัฐมนตรีอุตสาหกรรม Li Lecheng เพื่อเจรจาเรื่อง iPhone 17 Air ➡️ Apple เพิ่มการลงทุนในจีน และเยี่ยมชมโรงงาน Lens Precision ➡️ iPhone 18 มีระบบกล้องใหม่ที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วเอเชีย ➡️ Apple ยังต้องส่ง iPhone จากจีนไปสหรัฐฯ กว่า 9 ล้านเครื่องในปี 2026 ➡️ อินเดียยังไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ ➡️ Apple เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ทรัมป์ขึ้นภาษีอินเดีย ทำให้ Apple ต้องปรับแผน ➡️ Apple วางแผนผลิตอุปกรณ์ใหม่ในเวียดนาม เช่น HomePod และกล้อง AI ➡️ ใช้โรงงานของ BYD ในเวียดนามเพื่อผลิตอุปกรณ์ใหม่ ➡️ Apple พยายามกระจายความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ https://wccftech.com/chinas-government-just-gave-apple-its-strong-support-for-continuing-operations-in-the-country/
    WCCFTECH.COM
    China's Government Just Gave Apple Its Strong Support For Continuing Operations In The Country
    According to Global Times' interpretation, China just gave a strong nod to Apple's domestic operations in the country.
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • “DDR5 ทะลุ 13,000 MT/s ครั้งแรก!” — Corsair Vengeance และ GIGABYTE Z890 สร้างสถิติใหม่ในโลกการโอเวอร์คล็อก

    ในโลกของการโอเวอร์คล็อก หนึ่งในเป้าหมายที่นักเล่นระดับสูงไล่ล่ามานานคือการทำให้ DDR5 ทะลุความเร็ว 13,000 MT/s และล่าสุดก็มีคนทำสำเร็จแล้ว! นักโอเวอร์คล็อกชาวเยอรมันชื่อ “sergmann” ได้สร้างสถิติใหม่ด้วย Corsair Vengeance DDR5 บนเมนบอร์ด GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE โดยจับคู่กับซีพียู Intel Core Ultra 9 285K และใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน

    ก่อนหน้านี้ “saltycroissant” เคยทำสถิติไว้ที่ 12,920 MT/s และเกือบจะทะลุ 13,000 MT/s แต่ sergmann แซงหน้าไปด้วยความเร็ว 13,010 MT/s ซึ่งได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z

    แม้ความเร็วจะสูงมาก แต่ latency ก็สูงเช่นกัน (CL68-127-127-127-2) ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่ถือเป็นชัยชนะเชิงเทคนิคที่แสดงถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ โดยเฉพาะเมนบอร์ด Z890 และหน่วยความจำ DDR5 รุ่นล่าสุด

    ข้อมูลในข่าว
    DDR5 ถูกโอเวอร์คล็อกทะลุ 13,000 MT/s เป็นครั้งแรก
    นักโอเวอร์คล็อก “sergmann” ใช้ Corsair Vengeance DDR5 และ GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE
    ซีพียูที่ใช้คือ Intel Core Ultra 9 285K
    ใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน
    ความเร็วที่ทำได้คือ 13,010 MT/s (6504 MHz)
    ได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z
    ค่า latency อยู่ที่ CL68-127-127-127-2
    IMC to Memory Clock ratio อยู่ที่ 3:190
    ความเร็วระดับนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่เป็นการโชว์ศักยภาพ
    เมนบอร์ด Z890 และซีพียู Ultra 200S มี memory controller ที่รองรับความเร็วสูง
    Corsair, Gigabyte, Seasonic และ ThermalGrizzly มีส่วนสนับสนุนการทดสอบ

    https://wccftech.com/ddr5-memory-officially-pushed-over-13000-mt-s-for-the-first-time/
    🚀 “DDR5 ทะลุ 13,000 MT/s ครั้งแรก!” — Corsair Vengeance และ GIGABYTE Z890 สร้างสถิติใหม่ในโลกการโอเวอร์คล็อก ในโลกของการโอเวอร์คล็อก หนึ่งในเป้าหมายที่นักเล่นระดับสูงไล่ล่ามานานคือการทำให้ DDR5 ทะลุความเร็ว 13,000 MT/s และล่าสุดก็มีคนทำสำเร็จแล้ว! นักโอเวอร์คล็อกชาวเยอรมันชื่อ “sergmann” ได้สร้างสถิติใหม่ด้วย Corsair Vengeance DDR5 บนเมนบอร์ด GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE โดยจับคู่กับซีพียู Intel Core Ultra 9 285K และใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน ก่อนหน้านี้ “saltycroissant” เคยทำสถิติไว้ที่ 12,920 MT/s และเกือบจะทะลุ 13,000 MT/s แต่ sergmann แซงหน้าไปด้วยความเร็ว 13,010 MT/s ซึ่งได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z แม้ความเร็วจะสูงมาก แต่ latency ก็สูงเช่นกัน (CL68-127-127-127-2) ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่ถือเป็นชัยชนะเชิงเทคนิคที่แสดงถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ โดยเฉพาะเมนบอร์ด Z890 และหน่วยความจำ DDR5 รุ่นล่าสุด ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ DDR5 ถูกโอเวอร์คล็อกทะลุ 13,000 MT/s เป็นครั้งแรก ➡️ นักโอเวอร์คล็อก “sergmann” ใช้ Corsair Vengeance DDR5 และ GIGABYTE Z890 Aorus Tachyon ICE ➡️ ซีพียูที่ใช้คือ Intel Core Ultra 9 285K ➡️ ใช้ไนโตรเจนเหลวในการระบายความร้อน ➡️ ความเร็วที่ทำได้คือ 13,010 MT/s (6504 MHz) ➡️ ได้รับการยืนยันจาก HWBot และ CPU-Z ➡️ ค่า latency อยู่ที่ CL68-127-127-127-2 ➡️ IMC to Memory Clock ratio อยู่ที่ 3:190 ➡️ ความเร็วระดับนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่เป็นการโชว์ศักยภาพ ➡️ เมนบอร์ด Z890 และซีพียู Ultra 200S มี memory controller ที่รองรับความเร็วสูง ➡️ Corsair, Gigabyte, Seasonic และ ThermalGrizzly มีส่วนสนับสนุนการทดสอบ https://wccftech.com/ddr5-memory-officially-pushed-over-13000-mt-s-for-the-first-time/
    WCCFTECH.COM
    It's Official: DDR5 Speed Pushed Over 13000 MT/s For The First Time With Corsair Vengeance Memory
    For the first time ever, an overclocker has broke the 13010 MT/s barrier on DDR5 memory, making a new world record.
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
More Results