• กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน

    อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์"

    อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ

    แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell)

    ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส

    ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย

    #Newskit
    กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์" อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell) ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครม. ไฟเขียวซื้อ "กริพเพน 4 ลำ"! ทอ.ได้เครื่องบินขับไล่ใหม่...เสริมเขี้ยวเล็บปกป้องน่านฟ้าไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20763/
    .
    #กริพเพน #กองทัพอากาศ #เครื่องบินขับไล่ #ความมั่นคง #ครม #ไทยไท
    ครม. ไฟเขียวซื้อ "กริพเพน 4 ลำ"! ทอ.ได้เครื่องบินขับไล่ใหม่...เสริมเขี้ยวเล็บปกป้องน่านฟ้าไทย https://www.thai-tai.tv/news/20763/ . #กริพเพน #กองทัพอากาศ #เครื่องบินขับไล่ #ความมั่นคง #ครม #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้องเพลงรอรถไฟ ETS ไปยะโฮร์ ระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณยังไม่เสร็จ

    ความหวังที่อยากจะนั่งรถไฟ ETS แบบสบายๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ อาจจะเป็นไปได้ยากในปีนี้ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ (The Star) ไปสำรวจโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร พบว่าการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะช่วงระหว่างสถานีกลวง (Kluang) ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทางราว 100 กิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2568 ว่าบริการรถไฟ ETS จากสถานีเกมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบิลัน ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จะพร้อมให้บริการในเดือน ส.ค.2568 แต่หลังจากเปิดให้บริการช่วงสั้นๆ ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมทั้งระบบจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้าของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) พบว่ายังไม่มีการจำหน่ายตั๋วรถไฟ ETS ขาล่องไปยังเมืองทางตอนใต้ใดๆ อีกทั้ง KTMB ยังประกาศระงับการจำหน่ายตั๋วรถไฟหลังเดือน ธ.ค. 2568 จากปกติสามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน

    นายยูสลิซาร์ ดาวูด (Yuslizar Daud) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรถไฟของมาเลเซีย กล่าวว่า กระบวนการในการติดตั้งและทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวอย่างสมบูรณ์อาจใช้เวลานาน ทั้งการร้อยสายอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OHLE) การดึงสาย การปรับราง การจ่ายไฟ การทดสอบก่อนการใช้งาน และการทดสอบเสมือนจริง (Test & Commissioning) จะใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นตรวจสอบขั้นสุดท้ายโดยสํานักงานคณะกรรมการขนส่งทางบกแห่งชาติมาเลเซีย (APAD) ก่อนที่จะได้รับอนุญาต แต่จากภาพที่ผู้สื่อข่าว The Star นำมาแสดงไม่เห็นว่าจะมีความพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2568

    เข้าใจว่า KTM Berhad กำลังพยายามเร่งเปิดให้บริการจากสถานีเซกามัต ไปยังสถานีกลวง ระยะทาง 90 กิโลเมตรภายในไตรมาสนี้ แม้ดูเหมือนว่า KTM Berhad จะยังไม่ยื่นคำขออนุญาตไปยัง APAD ก็ตาม ขณะเดียวกันยังต้องทดสอบขบวนรถไฟ ETS ชุดใหม่ (ETS 3) ที่นำเข้าจากประเทศจีน ต้องผ่านการทดสอบเดินรถโดยปราศจากข้อบกพร่อง (FFR) อย่างน้อย 8,000 กิโลเมตร ก่อนนำไปให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าหาก APAD อนุมัติให้เปิดการเดินรถถึงสถานีกลวง อาจต้องใช้รถไฟ ETS ชุดเก่าไปพลางก่อน ถึงกระนั้นยังต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจาก KTM Berhad และกระทรวงคมนาคมมาเลเซียอีกครั้ง

    #Newskit
    ร้องเพลงรอรถไฟ ETS ไปยะโฮร์ ระบบไฟฟ้า-อาณัติสัญญาณยังไม่เสร็จ ความหวังที่อยากจะนั่งรถไฟ ETS แบบสบายๆ จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ อาจจะเป็นไปได้ยากในปีนี้ เมื่อหนังสือพิมพ์เดอะสตาร์ (The Star) ไปสำรวจโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร พบว่าการก่อสร้างระบบไฟฟ้าและระบบอาณัติสัญญาณยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะช่วงระหว่างสถานีกลวง (Kluang) ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) ระยะทางราว 100 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2568 ว่าบริการรถไฟ ETS จากสถานีเกมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบิลัน ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จะพร้อมให้บริการในเดือน ส.ค.2568 แต่หลังจากเปิดให้บริการช่วงสั้นๆ ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ รวมทั้งระบบจำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้าของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) พบว่ายังไม่มีการจำหน่ายตั๋วรถไฟ ETS ขาล่องไปยังเมืองทางตอนใต้ใดๆ อีกทั้ง KTMB ยังประกาศระงับการจำหน่ายตั๋วรถไฟหลังเดือน ธ.ค. 2568 จากปกติสามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน นายยูสลิซาร์ ดาวูด (Yuslizar Daud) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรถไฟของมาเลเซีย กล่าวว่า กระบวนการในการติดตั้งและทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าเหนือหัวอย่างสมบูรณ์อาจใช้เวลานาน ทั้งการร้อยสายอุปกรณ์สายส่งไฟฟ้าเหนือหัว (OHLE) การดึงสาย การปรับราง การจ่ายไฟ การทดสอบก่อนการใช้งาน และการทดสอบเสมือนจริง (Test & Commissioning) จะใช้เวลานานพอสมควร จากนั้นตรวจสอบขั้นสุดท้ายโดยสํานักงานคณะกรรมการขนส่งทางบกแห่งชาติมาเลเซีย (APAD) ก่อนที่จะได้รับอนุญาต แต่จากภาพที่ผู้สื่อข่าว The Star นำมาแสดงไม่เห็นว่าจะมีความพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2568 เข้าใจว่า KTM Berhad กำลังพยายามเร่งเปิดให้บริการจากสถานีเซกามัต ไปยังสถานีกลวง ระยะทาง 90 กิโลเมตรภายในไตรมาสนี้ แม้ดูเหมือนว่า KTM Berhad จะยังไม่ยื่นคำขออนุญาตไปยัง APAD ก็ตาม ขณะเดียวกันยังต้องทดสอบขบวนรถไฟ ETS ชุดใหม่ (ETS 3) ที่นำเข้าจากประเทศจีน ต้องผ่านการทดสอบเดินรถโดยปราศจากข้อบกพร่อง (FFR) อย่างน้อย 8,000 กิโลเมตร ก่อนนำไปให้บริการเชิงพาณิชย์ คาดว่าหาก APAD อนุมัติให้เปิดการเดินรถถึงสถานีกลวง อาจต้องใช้รถไฟ ETS ชุดเก่าไปพลางก่อน ถึงกระนั้นยังต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจาก KTM Berhad และกระทรวงคมนาคมมาเลเซียอีกครั้ง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ส.ค.68
    ด่วน!
    สื่อเขมรถูกผลักดันออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ตาอม #ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ. อุบลราชธานี หลังจากพยายามเข้ามาทำข่าวอย่างเช่นทุกวัน เพื่อสร้างโฆษณาชวนเชื่อให้กับชาวเขมร และยั่วยุคนไทย

    แต่วันนี้ทางกองทัพไทยสั่งให้ล้อมรั้ว 100% ห้ามสื่อทุกสำนักเข้าไปทำข่าวภายในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย เนื่องจากบริเวณนี้ตกเป็นของไทยแล้วโดยสมบูรณ์

    นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงออกว่า ไม่ใช่ตามที่สื่อเขมรเคยเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ว่าดินแดนบริเวณนี้เป็นของเขมร จากการที่พาทูตทหารต่างชาติเข้าไปสังเกตการณ์เมื่อหลายวันก่อนได้
    4 ส.ค.68 ด่วน! สื่อเขมรถูกผลักดันออกจากบริเวณอนุสาวรีย์ตาอม #ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ. อุบลราชธานี หลังจากพยายามเข้ามาทำข่าวอย่างเช่นทุกวัน เพื่อสร้างโฆษณาชวนเชื่อให้กับชาวเขมร และยั่วยุคนไทย แต่วันนี้ทางกองทัพไทยสั่งให้ล้อมรั้ว 100% ห้ามสื่อทุกสำนักเข้าไปทำข่าวภายในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย เนื่องจากบริเวณนี้ตกเป็นของไทยแล้วโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงออกว่า ไม่ใช่ตามที่สื่อเขมรเคยเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ว่าดินแดนบริเวณนี้เป็นของเขมร จากการที่พาทูตทหารต่างชาติเข้าไปสังเกตการณ์เมื่อหลายวันก่อนได้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ซงยองกยู นักแสดงดังในเกาหลีใต้ ถูกพบเสียชีวิตในรถ จากไปสุดเศร้า ในวัย 55 ปี หลังก่อนหน้านี้เผชิญคดีเมาแล้วขับ จนถูกถอนตัวจากซีรีส์
    ซงยองกยู นักแสดงดังในเกาหลีใต้ ถูกพบเสียชีวิตในรถ จากไปสุดเศร้า ในวัย 55 ปี หลังก่อนหน้านี้เผชิญคดีเมาแล้วขับ จนถูกถอนตัวจากซีรีส์
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หลวงพ่อทวดหลังเตารีด วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ ปี2506
    หลวงพ่อทวดหลังเตารีด พิมพ์หน้าหนุ่ม ( พิมพ์นิยม ) เนื้อทองเหลือง วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ ปี2506 //พระดีพิธีใหญ่ พระมีประสบการณ์มากมาย พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ร่วมปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** หลวงพ่อทวดหลังเตารีด วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ ปี2506 พระดีพิธีใหญ่ พระมีประสบการณ์มากมาย พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ร่วมปลุกเสก พุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระจากวัดช้างให้ในยุคเดียวกัน พุทธาภิเษก ทางวัดได้จัดงานเฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืน มีเกจิอาจารย์ ยุคนั้นเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก นับว่ารวมสุดยอดเกจิอาจารย์มาร่วมกันปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ได้เข้มขลังน่านับถือศรัทธายิ่งนัก >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวดหลังเตารีด วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ ปี2506 หลวงพ่อทวดหลังเตารีด พิมพ์หน้าหนุ่ม ( พิมพ์นิยม ) เนื้อทองเหลือง วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ ปี2506 //พระดีพิธีใหญ่ พระมีประสบการณ์มากมาย พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ร่วมปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** หลวงพ่อทวดหลังเตารีด วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ ปี2506 พระดีพิธีใหญ่ พระมีประสบการณ์มากมาย พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ร่วมปลุกเสก พุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระจากวัดช้างให้ในยุคเดียวกัน พุทธาภิเษก ทางวัดได้จัดงานเฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืน มีเกจิอาจารย์ ยุคนั้นเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก นับว่ารวมสุดยอดเกจิอาจารย์มาร่วมกันปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ได้เข้มขลังน่านับถือศรัทธายิ่งนัก >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: กราฟีนที่เคยแข็งแกร่ง กลับยืดหยุ่นได้ด้วยลอนคลื่นระดับอะตอม

    นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัย Vienna และ Vienna University of Technology ได้ค้นพบวิธีทำให้กราฟีน—วัสดุที่บางเพียงหนึ่งอะตอมและแข็งแกร่งที่สุด—สามารถยืดหยุ่นได้มากขึ้น โดยใช้เทคนิคการสร้าง “ข้อบกพร่อง” (defects) ด้วยการยิงไอออนอาร์กอนพลังงานต่ำเข้าไปในโครงสร้างอะตอมของกราฟีน ทำให้เกิด “vacancies” หรือช่องว่างจากอะตอมที่หายไป

    ผลลัพธ์คือเกิดลอนคลื่นคล้ายหีบเพลงในโครงสร้างของกราฟีน ซึ่งช่วยให้วัสดุสามารถยืดออกได้ง่ายขึ้นมาก โดยไม่ต้องใช้แรงมากเหมือนการยืดวัสดุเรียบ ๆ แบบเดิม

    การทดลองนี้เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สะอาดไร้ฝุ่นและอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมมารบกวนพื้นผิวของกราฟีน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากมีสิ่งสกปรกอยู่บนพื้นผิว จะทำให้กราฟีนกลับมาแข็งขึ้นแทนที่จะอ่อนลง

    กราฟีนถูกทำให้ยืดหยุ่นขึ้นด้วยการสร้างลอนคลื่นคล้ายหีบเพลง (accordion effect)
    ใช้การยิงไอออนอาร์กอนพลังงานต่ำเพื่อสร้างช่องว่างอะตอม
    ลอนคลื่นช่วยลดแรงที่ต้องใช้ในการยืดวัสดุ

    การทดลองเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สะอาดไร้ฝุ่นและอากาศ
    ป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมรบกวนพื้นผิวกราฟีน
    ทำให้ผลการทดลองแม่นยำและเสถียร

    ค่าความยืดหยุ่นของกราฟีนลดลงจาก 286 N/m เหลือ 158 N/m หลังสร้าง defects
    เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าที่ทฤษฎีเคยคาดไว้
    อธิบายความขัดแย้งในผลการทดลองก่อนหน้านี้

    การสร้าง defects แบบควบคุมได้ช่วยให้วัสดุมีคุณสมบัติใหม่
    เปิดทางสู่การใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบยืดหยุ่น
    เหมาะกับเทคโนโลยีสวมใส่และอุปกรณ์พับได้

    การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ยืนยันว่า defects แบบหลายอะตอมมีผลมากกว่าการลบอะตอมเดี่ยว
    ลอนคลื่นเกิดจากแรงดึงรอบจุดที่มีหลายอะตอมหายไป
    การลบอะตอมเดี่ยวไม่ส่งผลต่อความยืดหยุ่นมากนัก

    https://www.neowin.net/news/the-miracle-material-has-been-bent-like-never-before/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: กราฟีนที่เคยแข็งแกร่ง กลับยืดหยุ่นได้ด้วยลอนคลื่นระดับอะตอม นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัย Vienna และ Vienna University of Technology ได้ค้นพบวิธีทำให้กราฟีน—วัสดุที่บางเพียงหนึ่งอะตอมและแข็งแกร่งที่สุด—สามารถยืดหยุ่นได้มากขึ้น โดยใช้เทคนิคการสร้าง “ข้อบกพร่อง” (defects) ด้วยการยิงไอออนอาร์กอนพลังงานต่ำเข้าไปในโครงสร้างอะตอมของกราฟีน ทำให้เกิด “vacancies” หรือช่องว่างจากอะตอมที่หายไป ผลลัพธ์คือเกิดลอนคลื่นคล้ายหีบเพลงในโครงสร้างของกราฟีน ซึ่งช่วยให้วัสดุสามารถยืดออกได้ง่ายขึ้นมาก โดยไม่ต้องใช้แรงมากเหมือนการยืดวัสดุเรียบ ๆ แบบเดิม การทดลองนี้เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สะอาดไร้ฝุ่นและอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมมารบกวนพื้นผิวของกราฟีน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากมีสิ่งสกปรกอยู่บนพื้นผิว จะทำให้กราฟีนกลับมาแข็งขึ้นแทนที่จะอ่อนลง ✅ กราฟีนถูกทำให้ยืดหยุ่นขึ้นด้วยการสร้างลอนคลื่นคล้ายหีบเพลง (accordion effect) ➡️ ใช้การยิงไอออนอาร์กอนพลังงานต่ำเพื่อสร้างช่องว่างอะตอม ➡️ ลอนคลื่นช่วยลดแรงที่ต้องใช้ในการยืดวัสดุ ✅ การทดลองเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สะอาดไร้ฝุ่นและอากาศ ➡️ ป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมรบกวนพื้นผิวกราฟีน ➡️ ทำให้ผลการทดลองแม่นยำและเสถียร ✅ ค่าความยืดหยุ่นของกราฟีนลดลงจาก 286 N/m เหลือ 158 N/m หลังสร้าง defects ➡️ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าที่ทฤษฎีเคยคาดไว้ ➡️ อธิบายความขัดแย้งในผลการทดลองก่อนหน้านี้ ✅ การสร้าง defects แบบควบคุมได้ช่วยให้วัสดุมีคุณสมบัติใหม่ ➡️ เปิดทางสู่การใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบยืดหยุ่น ➡️ เหมาะกับเทคโนโลยีสวมใส่และอุปกรณ์พับได้ ✅ การจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ยืนยันว่า defects แบบหลายอะตอมมีผลมากกว่าการลบอะตอมเดี่ยว ➡️ ลอนคลื่นเกิดจากแรงดึงรอบจุดที่มีหลายอะตอมหายไป ➡️ การลบอะตอมเดี่ยวไม่ส่งผลต่อความยืดหยุ่นมากนัก https://www.neowin.net/news/the-miracle-material-has-been-bent-like-never-before/
    WWW.NEOWIN.NET
    The "miracle material" has been bent like never before
    Physicists discover a counterintuitive method that makes "miracle material" dramatically more stretchable, challenging long-held assumptions about its mechanical limits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัสดุควอนตัมเปลี่ยนโลก—จากซิลิคอนสู่ยุคแห่งแสงและความเร็วระดับเทระเฮิรตซ์

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Northeastern ได้ค้นพบวิธีควบคุมพฤติกรรมของวัสดุควอนตัมชื่อว่า 1T-TaS₂ ซึ่งเป็นคริสตัลประเภท transition metal dichalcogenide โดยใช้เทคนิค “thermal quenching” หรือการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำผ่านการให้ความร้อนและทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว

    เดิมทีวัสดุนี้จะแสดงสถานะโลหะพิเศษเฉพาะเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่เย็นจัดเท่านั้น แต่ทีมวิจัยสามารถทำให้สถานะนี้คงอยู่ได้ที่อุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง และยังคงเสถียรได้นานหลายเดือน ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้สถานะนี้จะอยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที

    สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ พวกเขาใช้ “แสง” เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงของวัสดุ—ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่ฟิสิกส์อนุญาตให้เกิดขึ้นได้ การควบคุมนี้คล้ายกับการทำงานของทรานซิสเตอร์ แต่ไม่ต้องใช้วัสดุหลายชนิดหรืออินเทอร์เฟซซับซ้อนอีกต่อไป

    ผลลัพธ์คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานได้เร็วขึ้นถึงระดับ “เทระเฮิรตซ์” แทนที่จะเป็น “กิกะเฮิรตซ์” แบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน และยังใช้พื้นที่น้อยลงอย่างมหาศาล ซึ่งเหมาะกับยุคที่ชิปต้องถูกซ้อนกันในแนวตั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    วัสดุควอนตัม 1T-TaS₂ สามารถเปลี่ยนสถานะจากฉนวนเป็นตัวนำไฟฟ้าได้ตามอุณหภูมิ
    ใช้เทคนิค thermal quenching เพื่อควบคุมสถานะ
    สถานะโลหะที่เคยเกิดเฉพาะในอุณหภูมิต่ำมาก ตอนนี้เกิดได้ใกล้ระดับห้อง

    สถานะโลหะที่ซ่อนอยู่ (hidden metallic state) สามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน
    ก่อนหน้านี้อยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที
    ทำให้มีโอกาสนำไปใช้ในอุปกรณ์จริงได้

    การควบคุมวัสดุด้วยแสงเป็นวิธีที่เร็วที่สุดตามหลักฟิสิกส์
    ไม่ต้องใช้หลายวัสดุหรืออินเทอร์เฟซซับซ้อน
    ลดขนาดและความซับซ้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    สามารถเพิ่มความเร็วของโปรเซสเซอร์จากระดับกิกะเฮิรตซ์เป็นเทระเฮิรตซ์
    เร็วขึ้นถึง 1000 เท่า
    เหมาะกับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล

    การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของวัสดุทำให้เกิดการขยายเซลล์ผลึกในบางทิศทาง
    ใช้เทคนิค X-ray mapping และ scanning tunneling spectroscopy
    พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสมมาตรของ mirror symmetry ภายในวัสดุ

    วัสดุนี้สามารถใช้แทนซิลิคอนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้
    เหมาะกับการออกแบบชิปแบบ 3D ที่มีพื้นที่จำกัด
    เป็นทางเลือกใหม่ในยุคที่ซิลิคอนเริ่มถึงขีดจำกัด

    เทคนิค thermal quenching ต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
    หากเร็วเกินไป อาจทำให้สถานะควอนตัมล่มสลาย
    ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

    สถานะโลหะที่ซ่อนอยู่ยังไม่สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์ทั่วไปได้ทันที
    ต้องผ่านการทดลองเพิ่มเติมเพื่อความเสถียรในสภาพใช้งานจริง
    ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตในระดับอุตสาหกรรม

    การเปลี่ยนจากซิลิคอนไปสู่วัสดุควอนตัมต้องเปลี่ยนแนวคิดการออกแบบชิปทั้งหมด
    วิศวกรต้องเรียนรู้การควบคุมวัสดุใหม่
    ต้องมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างมาก

    วัสดุ 1T-TaS₂ มีโครงสร้างแบบ van der Waals ที่เหมาะกับการสร้างชิปแบบบางเฉียบ
    สามารถซ้อนกันได้โดยไม่เสียคุณสมบัติ
    เหมาะกับการออกแบบอุปกรณ์พกพาและ IoT

    สถานะ CDW (charge density wave) มีหลายรูปแบบและสามารถควบคุมได้ด้วยแสงและอุณหภูมิ
    มีทั้งแบบ commensurate และ hidden metallic
    การควบคุม CDW เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนสถานะของวัสดุ

    การใช้วัสดุควอนตัมเป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากการพัฒนา quantum computing
    ไม่ต้องใช้ qubit แต่ยังได้ความเร็วระดับควอนตัม
    เหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความเร็วสูง

    https://www.neowin.net/news/the-fastest-thing-known-to-man-is-all-set-to-make-your-pcs--phones-1000-times-faster/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อวัสดุควอนตัมเปลี่ยนโลก—จากซิลิคอนสู่ยุคแห่งแสงและความเร็วระดับเทระเฮิรตซ์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Northeastern ได้ค้นพบวิธีควบคุมพฤติกรรมของวัสดุควอนตัมชื่อว่า 1T-TaS₂ ซึ่งเป็นคริสตัลประเภท transition metal dichalcogenide โดยใช้เทคนิค “thermal quenching” หรือการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำผ่านการให้ความร้อนและทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว เดิมทีวัสดุนี้จะแสดงสถานะโลหะพิเศษเฉพาะเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่เย็นจัดเท่านั้น แต่ทีมวิจัยสามารถทำให้สถานะนี้คงอยู่ได้ที่อุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง และยังคงเสถียรได้นานหลายเดือน ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้สถานะนี้จะอยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ พวกเขาใช้ “แสง” เพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงของวัสดุ—ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่ฟิสิกส์อนุญาตให้เกิดขึ้นได้ การควบคุมนี้คล้ายกับการทำงานของทรานซิสเตอร์ แต่ไม่ต้องใช้วัสดุหลายชนิดหรืออินเทอร์เฟซซับซ้อนอีกต่อไป ผลลัพธ์คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานได้เร็วขึ้นถึงระดับ “เทระเฮิรตซ์” แทนที่จะเป็น “กิกะเฮิรตซ์” แบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน และยังใช้พื้นที่น้อยลงอย่างมหาศาล ซึ่งเหมาะกับยุคที่ชิปต้องถูกซ้อนกันในแนวตั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ วัสดุควอนตัม 1T-TaS₂ สามารถเปลี่ยนสถานะจากฉนวนเป็นตัวนำไฟฟ้าได้ตามอุณหภูมิ ➡️ ใช้เทคนิค thermal quenching เพื่อควบคุมสถานะ ➡️ สถานะโลหะที่เคยเกิดเฉพาะในอุณหภูมิต่ำมาก ตอนนี้เกิดได้ใกล้ระดับห้อง ✅ สถานะโลหะที่ซ่อนอยู่ (hidden metallic state) สามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน ➡️ ก่อนหน้านี้อยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที ➡️ ทำให้มีโอกาสนำไปใช้ในอุปกรณ์จริงได้ ✅ การควบคุมวัสดุด้วยแสงเป็นวิธีที่เร็วที่สุดตามหลักฟิสิกส์ ➡️ ไม่ต้องใช้หลายวัสดุหรืออินเทอร์เฟซซับซ้อน ➡️ ลดขนาดและความซับซ้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ✅ สามารถเพิ่มความเร็วของโปรเซสเซอร์จากระดับกิกะเฮิรตซ์เป็นเทระเฮิรตซ์ ➡️ เร็วขึ้นถึง 1000 เท่า ➡️ เหมาะกับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ✅ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของวัสดุทำให้เกิดการขยายเซลล์ผลึกในบางทิศทาง ➡️ ใช้เทคนิค X-ray mapping และ scanning tunneling spectroscopy ➡️ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสมมาตรของ mirror symmetry ภายในวัสดุ ✅ วัสดุนี้สามารถใช้แทนซิลิคอนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ ➡️ เหมาะกับการออกแบบชิปแบบ 3D ที่มีพื้นที่จำกัด ➡️ เป็นทางเลือกใหม่ในยุคที่ซิลิคอนเริ่มถึงขีดจำกัด ‼️ เทคนิค thermal quenching ต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ⛔ หากเร็วเกินไป อาจทำให้สถานะควอนตัมล่มสลาย ⛔ ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ‼️ สถานะโลหะที่ซ่อนอยู่ยังไม่สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์ทั่วไปได้ทันที ⛔ ต้องผ่านการทดลองเพิ่มเติมเพื่อความเสถียรในสภาพใช้งานจริง ⛔ ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ‼️ การเปลี่ยนจากซิลิคอนไปสู่วัสดุควอนตัมต้องเปลี่ยนแนวคิดการออกแบบชิปทั้งหมด ⛔ วิศวกรต้องเรียนรู้การควบคุมวัสดุใหม่ ⛔ ต้องมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างมาก ✅ วัสดุ 1T-TaS₂ มีโครงสร้างแบบ van der Waals ที่เหมาะกับการสร้างชิปแบบบางเฉียบ ➡️ สามารถซ้อนกันได้โดยไม่เสียคุณสมบัติ ➡️ เหมาะกับการออกแบบอุปกรณ์พกพาและ IoT ✅ สถานะ CDW (charge density wave) มีหลายรูปแบบและสามารถควบคุมได้ด้วยแสงและอุณหภูมิ ➡️ มีทั้งแบบ commensurate และ hidden metallic ➡️ การควบคุม CDW เป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนสถานะของวัสดุ ✅ การใช้วัสดุควอนตัมเป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากการพัฒนา quantum computing ➡️ ไม่ต้องใช้ qubit แต่ยังได้ความเร็วระดับควอนตัม ➡️ เหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความเร็วสูง https://www.neowin.net/news/the-fastest-thing-known-to-man-is-all-set-to-make-your-pcs--phones-1000-times-faster/
    WWW.NEOWIN.NET
    The fastest thing known to man is all set to make your PCs & phones "1000 times faster"
    Researchers unveil a quantum switch activated by the fastest thing known to man, potentially revolutionizing computing as it promises to be "1000 times faster."
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ

    1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี

    แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก

    ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ

    #Newskit
    ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ 1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: “H20 ของ Nvidia” กลายเป็นจุดชนวนใหม่ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐ

    หลังจากสหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกชิป H20 ของ Nvidia ไปยังจีนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยถูกแบนในเดือนเมษายนเนื่องจากข้อกังวลด้านความมั่นคง ล่าสุด Cyberspace Administration of China (CAC) ได้เรียกตัว Nvidia เข้าพบเพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย” ของชิป H20 ที่กำลังจะกลับมาวางขายในจีน

    CAC อ้างว่าได้รับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ของสหรัฐฯ ว่าชิป H20 อาจมีฟีเจอร์ “ติดตามตำแหน่ง” และ “ปิดการทำงานจากระยะไกล” ซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ชาวจีน และละเมิดกฎหมายความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ

    ด้าน Nvidia ยืนยันว่า “ไม่มี backdoor” ในชิปของตน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไซเบอร์อย่างสูงสุด พร้อมเตรียมส่งเอกสารชี้แจงตามคำขอของ CAC

    ขณะเดียวกัน นักการเมืองสหรัฐฯ ก็เคยเสนอให้มีการติดตั้งระบบติดตามในชิปที่ส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อป้องกันการลักลอบนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะในจีน ซึ่งอาจนำไปใช้พัฒนา AI ทางทหารหรือระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบประชาชน

    จีนเรียกตัว Nvidia เข้าพบเพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของชิป H20
    CAC ต้องการเอกสารสนับสนุนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้าน backdoor และการติดตาม
    อ้างอิงจากรายงานของผู้เชี่ยวชาญ AI สหรัฐฯ

    ชิป H20 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าชิป H100
    ถูกแบนในเดือนเมษายน 2025 และกลับมาขายได้ในเดือนกรกฎาคม
    Nvidia สั่งผลิตเพิ่มอีก 300,000 ตัวจาก TSMC เพื่อรองรับความต้องการในจีน

    Nvidia ยืนยันว่าไม่มี backdoor ในชิปของตน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไซเบอร์
    “ไม่มีช่องทางลับในการควบคุมหรือเข้าถึงจากระยะไกล”
    พร้อมส่งเอกสารชี้แจงตามคำขอของ CAC

    นักการเมืองสหรัฐฯ เสนอให้มีการติดตั้งระบบติดตามในชิปที่ส่งออกไปต่างประเทศ
    เช่น Chip Security Act ที่เสนอให้มีระบบตรวจสอบตำแหน่งและการใช้งาน
    ยังไม่มีการผ่านเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ

    จีนยังคงต้องพึ่งพาชิปของ Nvidia สำหรับงานวิจัยและการพัฒนา AI ภายในประเทศ
    แม้จะมีการผลักดันชิปภายในประเทศ เช่น Huawei 910C
    แต่ยังไม่สามารถทดแทน Nvidia ได้ในหลายด้าน

    https://www.techspot.com/news/108886-china-summons-nvidia-over-potential-security-concerns-h20.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: “H20 ของ Nvidia” กลายเป็นจุดชนวนใหม่ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐ หลังจากสหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกชิป H20 ของ Nvidia ไปยังจีนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยถูกแบนในเดือนเมษายนเนื่องจากข้อกังวลด้านความมั่นคง ล่าสุด Cyberspace Administration of China (CAC) ได้เรียกตัว Nvidia เข้าพบเพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย” ของชิป H20 ที่กำลังจะกลับมาวางขายในจีน CAC อ้างว่าได้รับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ของสหรัฐฯ ว่าชิป H20 อาจมีฟีเจอร์ “ติดตามตำแหน่ง” และ “ปิดการทำงานจากระยะไกล” ซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ชาวจีน และละเมิดกฎหมายความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ ด้าน Nvidia ยืนยันว่า “ไม่มี backdoor” ในชิปของตน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไซเบอร์อย่างสูงสุด พร้อมเตรียมส่งเอกสารชี้แจงตามคำขอของ CAC ขณะเดียวกัน นักการเมืองสหรัฐฯ ก็เคยเสนอให้มีการติดตั้งระบบติดตามในชิปที่ส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อป้องกันการลักลอบนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะในจีน ซึ่งอาจนำไปใช้พัฒนา AI ทางทหารหรือระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบประชาชน ✅ จีนเรียกตัว Nvidia เข้าพบเพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของชิป H20 ➡️ CAC ต้องการเอกสารสนับสนุนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้าน backdoor และการติดตาม ➡️ อ้างอิงจากรายงานของผู้เชี่ยวชาญ AI สหรัฐฯ ✅ ชิป H20 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ โดยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าชิป H100 ➡️ ถูกแบนในเดือนเมษายน 2025 และกลับมาขายได้ในเดือนกรกฎาคม ➡️ Nvidia สั่งผลิตเพิ่มอีก 300,000 ตัวจาก TSMC เพื่อรองรับความต้องการในจีน ✅ Nvidia ยืนยันว่าไม่มี backdoor ในชิปของตน และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไซเบอร์ ➡️ “ไม่มีช่องทางลับในการควบคุมหรือเข้าถึงจากระยะไกล” ➡️ พร้อมส่งเอกสารชี้แจงตามคำขอของ CAC ✅ นักการเมืองสหรัฐฯ เสนอให้มีการติดตั้งระบบติดตามในชิปที่ส่งออกไปต่างประเทศ ➡️ เช่น Chip Security Act ที่เสนอให้มีระบบตรวจสอบตำแหน่งและการใช้งาน ➡️ ยังไม่มีการผ่านเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ ✅ จีนยังคงต้องพึ่งพาชิปของ Nvidia สำหรับงานวิจัยและการพัฒนา AI ภายในประเทศ ➡️ แม้จะมีการผลักดันชิปภายในประเทศ เช่น Huawei 910C ➡️ แต่ยังไม่สามารถทดแทน Nvidia ได้ในหลายด้าน https://www.techspot.com/news/108886-china-summons-nvidia-over-potential-security-concerns-h20.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China summons Nvidia over potential security concerns in H20 chips
    The Cyberspace Administration of China (CAC) said that Nvidia was asked to "clarify and submit relevant supporting documentation regarding security risks, including potential vulnerabilities and backdoors, associated...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน

    เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽

    🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง

    ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน

    ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน
    อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์)
    กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ
    สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ

    ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf

    ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e20770

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    🛳 ทัวร์ล่องเรือสำราญ Star Voyager, Cruise Only By StarCruises 4 วัน 2 คืน 📍 เส้นทาง : ฮ่องกง - น่านน้ำสากล - ฮ่องกง พร้อมเมนูพิเศษ บุฟเฟ่ต์ชาบูชาบู 🍽 🗓 วันที่ 28 - 31 ส.ค. 2568 ---> คณะยืนยันออกเดินทาง ราคาปกติ 16,998 ลดเหลือเพียง 14,900 บาท/ท่าน ✅ ที่พักบนเรือสำราญ 106 คืน ✅ อาหาร 5 มื้อต่อวัน (ไม่รวมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์) ✅ กิจกรรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันบนเรือ ✅ สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย คาราโอเกะ ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : STCT-HX-4D2N-HKG-HKG-2508281 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e89faf ดูเรือ Star Cruise ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e20770 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือStarCruise #StarVoyager #StarCruise #Hongkong #TsimShaTsui #ทัวร์เรือ #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต'

    3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่

    1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ

    2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก

    3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน

    ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

    ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป

    แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง

    อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น

    #Newskit
    เบรกสัมพันธ์สื่อกัมพูชา ส่อรับใช้ 'ฮุน มาเน็ต' 3 องค์กรวิชาชืพสื่อ ได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (TJA) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย (NUJT) ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists หรือ CCJ) ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อจัดการปัญหาข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย ให้ตรวจสอบจริยธรรมสื่อกัมพูชาอย่างเข้มแข็ง ปราศจากการครอบงำ 2. ให้ CCJ มุ่งมั่นจัดการปัญหาข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือน ที่มีต้นทางแพร่กระจายในโลกออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก 3. ยืนยันว่าสื่อมวลชนไทยมีระบบกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรม ยึดมั่นและเคารพในสิทธิเสรีภาพ ยืนยันเจตนารมณ์รายงานข่าวตามหลักจริยธรรม เป็นกลาง ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ยุยงให้เกลียดชัง ต้องการให้เกิดสันติภาพแท้จริงและยั่งยืน ในตอนท้ายระบุว่า เนื่องจากการออกแถลงการณ์ของ CCJ หมิ่นเหม่ต่อการเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลกัมพูชา (นายฮุน มาเน็ต) มากกว่าการทำหน้าที่สื่อ ดังนั้นสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องระงับความสัมพันธ์กับ CCJ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ ก่อนหน้านี้ CCJ ออกแถลงการณ์ทำทีเรียกร้องให้สื่อมวลชนไทย ปฎิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบแหล่งข้อมูลรอบคอบและรายงานอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งขอให้มีบทบาทลดความตึงเครียด ด้วยการนำเสนอข่าวที่ไม่ยุยงปลุกปั่นชาตินิยมหรือเชื้อชาติ หันมาเน้นส่งเสริมบทสนทนาและความร่วมมือในทางที่สร้างสรรค์ระหว่างสองประเทศ โดยกล่าวหาว่าสื่อมวลชนไทย 2 สำนักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ระบุชื่อข่าวสด สื่อในเครือมติชน และ The Nation Thailand สื่อออนไลน์ภาษาอังกฤษของเนชั่นกรุ๊ป แถลงการณ์นี้มีนัยยะโจมตีและดิสเครดิตสื่อมวลชนที่มีผู้ติดตามเป็นอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะสื่อภาคภาษาอังกฤษที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของโลก ขณะที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ไทยโดยเฉพาะเว็บไซต์ The Nation Thailand และ Bangkok Post ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากกว่า 250 ล้านครั้ง อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์โต้กลับของ 3 สมาคมสื่อไทยระบุว่าที่ผ่านมาสื่อกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจำนวนมาก อาทิ อ้างว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา, กล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิด MK ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงใส่บ้านเรือนประชาชนชาวกัมพูชา, ปล่อยข่าวว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเข้ารหัส: เมื่อ Apple ถูกบังคับให้เปิดประตูหลัง แต่ Google ยังปลอดภัย

    ต้นปี 2025 รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ออกคำสั่งลับที่เรียกว่า “Technical Capability Notice” (TCN) ภายใต้กฎหมาย Investigatory Powers Act ปี 2016 เพื่อให้ Apple สร้างช่องทางให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสใน iCloud โดยเฉพาะฟีเจอร์ Advanced Data Protection (ADP) ที่แม้แต่ Apple เองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้

    Apple ตัดสินใจยกเลิก ADP สำหรับผู้ใช้ใหม่ในสหราชอาณาจักร และให้ผู้ใช้เดิมปิดฟีเจอร์นี้เองภายในช่วงเวลาผ่อนผัน พร้อมยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลพิเศษด้านการสอดแนม (Investigatory Powers Tribunal)

    ในขณะเดียวกัน Google ซึ่งให้บริการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในหลายผลิตภัณฑ์ เช่น Android backups กลับออกมายืนยันว่า “ไม่เคยได้รับคำสั่ง TCN” และ “ไม่เคยสร้างช่องโหว่หรือ backdoor ใด ๆ” แม้ก่อนหน้านี้จะปฏิเสธตอบคำถามจากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ Ron Wyden

    การที่ Google ไม่ถูกแตะต้อง ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า คำสั่งของ UK อาจไม่ได้ครอบคลุมทุกบริษัท หรืออาจมีการเลือกเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง

    Apple ถูกสั่งให้สร้าง backdoor ในระบบเข้ารหัสของ iCloud
    คำสั่งออกโดย UK Home Office ผ่าน Technical Capability Notice (TCN)
    ส่งผลให้ Apple ยกเลิกฟีเจอร์ Advanced Data Protection (ADP) ใน UK

    Google ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำสั่ง TCN จากรัฐบาล UK
    Karl Ryan โฆษกของ Google ระบุว่า “เราไม่เคยสร้างช่องโหว่ใด ๆ”
    “ถ้าเราบอกว่าระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็หมายความว่าไม่มีใครเข้าถึงได้ แม้แต่เราเอง”

    ภายใต้กฎหมาย UK บริษัทที่ได้รับคำสั่ง TCN ห้ามเปิดเผยว่าตนได้รับคำสั่งนั้น
    ทำให้เกิดความคลุมเครือว่าบริษัทใดถูกสั่งจริง
    Meta เป็นอีกบริษัทที่ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำสั่ง TCN

    Apple ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลพิเศษ และได้รับการสนับสนุนจาก WhatsApp
    คดีนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการปกป้องความเป็นส่วนตัว
    มีองค์กรกว่า 200 แห่งร่วมลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาล UK ยกเลิกคำสั่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ กดดันให้ UK ยุติคำสั่ง TCN ต่อ Apple
    รองประธานาธิบดี JD Vance และวุฒิสมาชิก Wyden แสดงความกังวล
    อ้างว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญา Cloud Act ระหว่างสหรัฐฯ กับ UK

    การสร้าง backdoor ในระบบเข้ารหัสอาจเปิดช่องให้เกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัวทั่วโลก
    ผู้ใช้ทั่วโลกอาจถูกเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ช่องโหว่ที่สร้างโดยรัฐอาจถูกแฮกเกอร์ใช้ในอนาคต

    กฎหมาย TCN ห้ามบริษัทเปิดเผยว่าตนได้รับคำสั่ง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ว่าข้อมูลตนถูกเข้าถึงหรือไม่
    ขาดความโปร่งใสในการคุ้มครองข้อมูล
    ผู้ใช้ไม่สามารถตรวจสอบหรือป้องกันตัวเองได้

    การยกเลิก ADP ใน UK ทำให้ผู้ใช้สูญเสียการปกป้องข้อมูลขั้นสูง
    แม้จะใช้ VPN ก็ไม่สามารถทดแทนการเข้ารหัสแบบ end-to-end ได้
    เสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงข้อมูลโดยหน่วยงานรัฐหรือบุคคลที่สาม

    การเลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจงอาจสะท้อนถึงการเมืองเบื้องหลังคำสั่ง TCN
    Google อาจรอดเพราะเหตุผลทางการค้า การเมือง หรือการเจรจา
    สร้างความไม่เท่าเทียมในการคุ้มครองผู้ใช้ระหว่างบริษัทต่าง ๆ

    https://www.techspot.com/news/108870-google-never-received-uk-demand-encryption-backdoor-unlike.html
    🧠 เรื่องเล่าจากโลกเข้ารหัส: เมื่อ Apple ถูกบังคับให้เปิดประตูหลัง แต่ Google ยังปลอดภัย ต้นปี 2025 รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ออกคำสั่งลับที่เรียกว่า “Technical Capability Notice” (TCN) ภายใต้กฎหมาย Investigatory Powers Act ปี 2016 เพื่อให้ Apple สร้างช่องทางให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสใน iCloud โดยเฉพาะฟีเจอร์ Advanced Data Protection (ADP) ที่แม้แต่ Apple เองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ Apple ตัดสินใจยกเลิก ADP สำหรับผู้ใช้ใหม่ในสหราชอาณาจักร และให้ผู้ใช้เดิมปิดฟีเจอร์นี้เองภายในช่วงเวลาผ่อนผัน พร้อมยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลพิเศษด้านการสอดแนม (Investigatory Powers Tribunal) ในขณะเดียวกัน Google ซึ่งให้บริการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในหลายผลิตภัณฑ์ เช่น Android backups กลับออกมายืนยันว่า “ไม่เคยได้รับคำสั่ง TCN” และ “ไม่เคยสร้างช่องโหว่หรือ backdoor ใด ๆ” แม้ก่อนหน้านี้จะปฏิเสธตอบคำถามจากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ Ron Wyden การที่ Google ไม่ถูกแตะต้อง ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า คำสั่งของ UK อาจไม่ได้ครอบคลุมทุกบริษัท หรืออาจมีการเลือกเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง ✅ Apple ถูกสั่งให้สร้าง backdoor ในระบบเข้ารหัสของ iCloud ➡️ คำสั่งออกโดย UK Home Office ผ่าน Technical Capability Notice (TCN) ➡️ ส่งผลให้ Apple ยกเลิกฟีเจอร์ Advanced Data Protection (ADP) ใน UK ✅ Google ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำสั่ง TCN จากรัฐบาล UK ➡️ Karl Ryan โฆษกของ Google ระบุว่า “เราไม่เคยสร้างช่องโหว่ใด ๆ” ➡️ “ถ้าเราบอกว่าระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end ก็หมายความว่าไม่มีใครเข้าถึงได้ แม้แต่เราเอง” ✅ ภายใต้กฎหมาย UK บริษัทที่ได้รับคำสั่ง TCN ห้ามเปิดเผยว่าตนได้รับคำสั่งนั้น ➡️ ทำให้เกิดความคลุมเครือว่าบริษัทใดถูกสั่งจริง ➡️ Meta เป็นอีกบริษัทที่ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำสั่ง TCN ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลพิเศษ และได้รับการสนับสนุนจาก WhatsApp ➡️ คดีนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการปกป้องความเป็นส่วนตัว ➡️ มีองค์กรกว่า 200 แห่งร่วมลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาล UK ยกเลิกคำสั่ง ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ กดดันให้ UK ยุติคำสั่ง TCN ต่อ Apple ➡️ รองประธานาธิบดี JD Vance และวุฒิสมาชิก Wyden แสดงความกังวล ➡️ อ้างว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญา Cloud Act ระหว่างสหรัฐฯ กับ UK ‼️ การสร้าง backdoor ในระบบเข้ารหัสอาจเปิดช่องให้เกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัวทั่วโลก ⛔ ผู้ใช้ทั่วโลกอาจถูกเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ ช่องโหว่ที่สร้างโดยรัฐอาจถูกแฮกเกอร์ใช้ในอนาคต ‼️ กฎหมาย TCN ห้ามบริษัทเปิดเผยว่าตนได้รับคำสั่ง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ว่าข้อมูลตนถูกเข้าถึงหรือไม่ ⛔ ขาดความโปร่งใสในการคุ้มครองข้อมูล ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถตรวจสอบหรือป้องกันตัวเองได้ ‼️ การยกเลิก ADP ใน UK ทำให้ผู้ใช้สูญเสียการปกป้องข้อมูลขั้นสูง ⛔ แม้จะใช้ VPN ก็ไม่สามารถทดแทนการเข้ารหัสแบบ end-to-end ได้ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงข้อมูลโดยหน่วยงานรัฐหรือบุคคลที่สาม ‼️ การเลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจงอาจสะท้อนถึงการเมืองเบื้องหลังคำสั่ง TCN ⛔ Google อาจรอดเพราะเหตุผลทางการค้า การเมือง หรือการเจรจา ⛔ สร้างความไม่เท่าเทียมในการคุ้มครองผู้ใช้ระหว่างบริษัทต่าง ๆ https://www.techspot.com/news/108870-google-never-received-uk-demand-encryption-backdoor-unlike.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google says it never received a UK demand for encryption backdoor, unlike Apple
    In a letter to the Director of National Intelligence, Tulsi Gabbard, Senator Ron Wyden, who serves on the Senate Intelligence Committee, wrote about the UK's "reported secret...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพัฒนาอินเทอร์เน็ต: จากสายทองแดงสู่ใยแก้ว และไปไกลถึงอวกาศ

    ในยุคปัจจุบันที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำงาน การเรียนรู้ หรือการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกมิติ แต่การเดินทางของเทคโนโลยีนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากความล้ำสมัย หากแต่เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานอย่างสายทองแดง ก่อนจะพัฒนาไปสู่ใยแก้วนำแสง และก้าวข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์ด้วยอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตย้อนกลับไปในปี 1969 เมื่อกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาโครงการ ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายแรกที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์จากหลายสถาบันเข้าด้วยกัน โดยใช้สายโทรศัพท์ทองแดงเป็นโครงข่ายหลัก ความก้าวหน้านี้ได้ปูทางสู่การพัฒนาระบบการสื่อสารผ่านแนวคิดการสลับแพ็กเก็ต ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ข้อมูลสามารถเดินทางผ่านเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สายทองแดงเองก็มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งในเรื่องของระยะทาง ความเร็ว และความไวต่อสัญญาณรบกวน

    ในช่วงทศวรรษที่ 1990 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Dial-up ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยอาศัยสายโทรศัพท์ทองแดงร่วมกับโมเด็ม ซึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก และในทางกลับกัน แม้ว่าจะเป็นการเปิดประตูให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสกับโลกออนไลน์ แต่ Dial-up ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่ต่ำ การผูกขาดสายโทรศัพท์ระหว่างการใช้งาน หรือการหลุดสัญญาณอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี DSL (Digital Subscriber Line) ซึ่งสามารถใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกันบนสายทองแดงเส้นเดียวกัน และให้ความเร็วสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังอยู่บนโครงข่ายเดิม DSL ก็ช่วยยืดอายุของโครงสร้างพื้นฐานสายทองแดงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง

    อย่างไรก็ดี พลังของสายทองแดงมีขีดจำกัดทั้งในเชิงฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ ปริมาณข้อมูลที่สามารถรับส่งได้ต่อวินาทีนั้นมีข้อจำกัดจากระยะทาง ความต้านทาน และความถี่ของสัญญาณ การพยายามเพิ่มความเร็วผ่านสายทองแดงจึงต้องเผชิญกับปัญหาการลดทอนของสัญญาณ และความเสี่ยงต่อการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารอบข้างมากขึ้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณของโลกในยุคดิจิทัล

    การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจึงเกิดขึ้น ด้วยการหันมาใช้ใยแก้วนำแสงเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล ใยแก้วนำแสงใช้พลังงานแสงแทนกระแสไฟฟ้า จึงสามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมาก มีแบนด์วิดท์กว้าง และไม่ไวต่อคลื่นรบกวนภายนอก หลักการทำงานของใยแก้วนำแสงอาศัยปรากฏการณ์สะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection) ที่ทำให้แสงสามารถวิ่งผ่านเส้นใยแก้วได้ในระยะไกลโดยไม่สูญเสียพลังงานมากนัก ใยแก้วนำแสงไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ แต่ยังเพิ่มความปลอดภัย และลดต้นทุนในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ

    ประโยชน์ของใยแก้วนำแสงเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง การประชุมทางไกล การเรียนรู้ออนไลน์ หรือแม้แต่การเล่นเกมผ่านคลาวด์ ความเร็วที่สูงและความเสถียรของเครือข่ายช่วยให้บริการเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและบริการที่อาศัยการรับส่งข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์

    แม้ว่าใยแก้วนำแสงจะเป็นโซลูชันที่ดูจะ “พร้อมสำหรับอนาคต” แต่ในทางปฏิบัติ การติดตั้งโครงข่ายนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะปัญหาในช่วง Last Mile หรือการเชื่อมโยงใยแก้วนำแสงจากสายหลักเข้าสู่บ้านและธุรกิจแต่ละหลัง ซึ่งมักมีต้นทุนสูง ใช้แรงงานผู้เชี่ยวชาญ และต้องอาศัยการวางแผนโครงข่ายอย่างรอบคอบ ความซับซ้อนนี้ทำให้ชุมชนชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลถูกมองข้าม จนนำไปสู่ “ช่องว่างทางดิจิทัล” ที่ยังคงปรากฏอยู่ในหลายภูมิภาค

    เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) อย่าง Starlink ที่ให้เวลาแฝงต่ำและความเร็วสูงกว่าเทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นก่อน แม้จะมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความไวต่อสภาพอากาศ แต่การเข้าถึงที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของดาวเทียมได้สร้างความหวังใหม่สำหรับประชากรที่เคยอยู่นอกขอบเขตของโครงสร้างพื้นฐานแบบมีสาย

    อนาคตของการเชื่อมต่อไม่ได้หยุดอยู่แค่ใยแก้วนำแสงหรือดาวเทียม ปัจจุบันมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น Wavelength Division Multiplexing (WDM) ที่ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลหลายชุดพร้อมกันในเส้นใยเส้นเดียว หรือ Hollow Core Fiber ที่นำแสงวิ่งผ่านอากาศแทนแกนแก้ว เพิ่มความเร็วและลดเวลาแฝง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดอินเทอร์เน็ตควอนตัม (Quantum Internet) ที่ใช้หลักกลศาสตร์ควอนตัมในการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

    สรุปได้ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นและเชื่อถือได้มากขึ้น หมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นเช่นกัน การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับอนาคตที่เชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🌐 การพัฒนาอินเทอร์เน็ต: จากสายทองแดงสู่ใยแก้ว และไปไกลถึงอวกาศ 🌏 ในยุคปัจจุบันที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำงาน การเรียนรู้ หรือการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกมิติ แต่การเดินทางของเทคโนโลยีนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากความล้ำสมัย หากแต่เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานอย่างสายทองแดง ก่อนจะพัฒนาไปสู่ใยแก้วนำแสง และก้าวข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์ด้วยอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 📞 จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตย้อนกลับไปในปี 1969 เมื่อกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาโครงการ ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายแรกที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์จากหลายสถาบันเข้าด้วยกัน โดยใช้สายโทรศัพท์ทองแดงเป็นโครงข่ายหลัก ความก้าวหน้านี้ได้ปูทางสู่การพัฒนาระบบการสื่อสารผ่านแนวคิดการสลับแพ็กเก็ต ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ข้อมูลสามารถเดินทางผ่านเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สายทองแดงเองก็มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งในเรื่องของระยะทาง ความเร็ว และความไวต่อสัญญาณรบกวน 🧭 ในช่วงทศวรรษที่ 1990 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Dial-up ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยอาศัยสายโทรศัพท์ทองแดงร่วมกับโมเด็ม ซึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก และในทางกลับกัน แม้ว่าจะเป็นการเปิดประตูให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสกับโลกออนไลน์ แต่ Dial-up ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่ต่ำ การผูกขาดสายโทรศัพท์ระหว่างการใช้งาน หรือการหลุดสัญญาณอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี DSL (Digital Subscriber Line) ซึ่งสามารถใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกันบนสายทองแดงเส้นเดียวกัน และให้ความเร็วสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังอยู่บนโครงข่ายเดิม DSL ก็ช่วยยืดอายุของโครงสร้างพื้นฐานสายทองแดงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง ⚠️ อย่างไรก็ดี พลังของสายทองแดงมีขีดจำกัดทั้งในเชิงฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ ปริมาณข้อมูลที่สามารถรับส่งได้ต่อวินาทีนั้นมีข้อจำกัดจากระยะทาง ความต้านทาน และความถี่ของสัญญาณ การพยายามเพิ่มความเร็วผ่านสายทองแดงจึงต้องเผชิญกับปัญหาการลดทอนของสัญญาณ และความเสี่ยงต่อการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารอบข้างมากขึ้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณของโลกในยุคดิจิทัล 💡 การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจึงเกิดขึ้น ด้วยการหันมาใช้ใยแก้วนำแสงเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล ใยแก้วนำแสงใช้พลังงานแสงแทนกระแสไฟฟ้า จึงสามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมาก มีแบนด์วิดท์กว้าง และไม่ไวต่อคลื่นรบกวนภายนอก หลักการทำงานของใยแก้วนำแสงอาศัยปรากฏการณ์สะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection) ที่ทำให้แสงสามารถวิ่งผ่านเส้นใยแก้วได้ในระยะไกลโดยไม่สูญเสียพลังงานมากนัก ใยแก้วนำแสงไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ แต่ยังเพิ่มความปลอดภัย และลดต้นทุนในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ 📺 ประโยชน์ของใยแก้วนำแสงเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง การประชุมทางไกล การเรียนรู้ออนไลน์ หรือแม้แต่การเล่นเกมผ่านคลาวด์ ความเร็วที่สูงและความเสถียรของเครือข่ายช่วยให้บริการเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและบริการที่อาศัยการรับส่งข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์ 🚧 แม้ว่าใยแก้วนำแสงจะเป็นโซลูชันที่ดูจะ “พร้อมสำหรับอนาคต” แต่ในทางปฏิบัติ การติดตั้งโครงข่ายนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะปัญหาในช่วง Last Mile หรือการเชื่อมโยงใยแก้วนำแสงจากสายหลักเข้าสู่บ้านและธุรกิจแต่ละหลัง ซึ่งมักมีต้นทุนสูง ใช้แรงงานผู้เชี่ยวชาญ และต้องอาศัยการวางแผนโครงข่ายอย่างรอบคอบ ความซับซ้อนนี้ทำให้ชุมชนชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลถูกมองข้าม จนนำไปสู่ “ช่องว่างทางดิจิทัล” ที่ยังคงปรากฏอยู่ในหลายภูมิภาค 🛰️ เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) อย่าง Starlink ที่ให้เวลาแฝงต่ำและความเร็วสูงกว่าเทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นก่อน แม้จะมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความไวต่อสภาพอากาศ แต่การเข้าถึงที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของดาวเทียมได้สร้างความหวังใหม่สำหรับประชากรที่เคยอยู่นอกขอบเขตของโครงสร้างพื้นฐานแบบมีสาย 🔭 อนาคตของการเชื่อมต่อไม่ได้หยุดอยู่แค่ใยแก้วนำแสงหรือดาวเทียม ปัจจุบันมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น Wavelength Division Multiplexing (WDM) ที่ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลหลายชุดพร้อมกันในเส้นใยเส้นเดียว หรือ Hollow Core Fiber ที่นำแสงวิ่งผ่านอากาศแทนแกนแก้ว เพิ่มความเร็วและลดเวลาแฝง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดอินเทอร์เน็ตควอนตัม (Quantum Internet) ที่ใช้หลักกลศาสตร์ควอนตัมในการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด 📌 สรุปได้ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นและเชื่อถือได้มากขึ้น หมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นเช่นกัน การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับอนาคตที่เชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมรภูมิตาควาย ยอมตายดีกว่าเป็นทาส

    หลังผลการเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า จะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. ช่วงเวลาราว 6 ชั่วโมงที่เหลือของวันที่ 28 ก.ค. กลายเป็นช่วงเวลาบีบหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะทหารทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อทิ้งทวน พร้อมกับยีดคืนดินแดนที่ทหารกัมพูชาบุกรุกก่อนหน้านี้ จุดที่คนไทยลุ้นมากที่สุดคือบริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่พบว่าฝ่ายกัมพูชาเติมกำลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

    ฝ่ายกัมพูชาส่งหน่วยรบพิเศษ BHQ (Bodyguard Headquarters) องครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน 4 กองร้อย มีเป้าหมายยึดปราสาทตาควายให้ได้ก่อนเที่ยงคืน ขณะที่ฝ่ายไทยมีทั้งกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) ที่เป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) พร้อมด้วยกรมรบพิเศษที่ 2 (รพศ.2) กรมรบพิเศษที่ 3 (รพศ.3) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมทหารราบที่ 19 (ร.19) และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ส่วนกองทัพอากาศจัดฝูงบิน F-16 ตัดเส้นทางสนับสนุนจุดตั้งปืนใหญ่กัมพูชา

    ช่วงเวลาวัดใจ 5 นาทีสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง ร.31 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (King's Guard) ที่มาพร้อมคำขวัญ “ยอมตาย ดีกว่าเป็นทาส” ออกจากบังเกอร์ประจันหน้ากับศัตรู พร้อมส่งเสียงตะโกน "กู ร.31 ขอแลก" นำกำลังพลสู้ตายแบบถวายชีวิต เข้ายึดพื้นที่ปราสาทตาควายจากทหารกัมพูชา กระทั่งหลังเที่ยงคืน การสู้รบสงบลง แม้จะมีกำลังพลบาดเจ็บ 126 นาย แต่คว้าชัยชนะเหนือปราสาทตาควาย และรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ได้

    กองทัพไทยยึดคืนพื้นที่สำคัญ 11 แห่งในสมรภูมิรบอย่างสมบูรณ์ ได้แก่ 1. ภูมะเขือ 2. ช่องอานม้า 3. ปราสาทตาเมือนธม 4. ปราสาทตาควาย 5. ช่องบก 6. โดนตวล 7. สัตตะโสม 8. ช่องจอม 9. ช่องสายตะกู 10. พระวิหาร และ 11. พลาญยาว ขณะที่การหารือเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นชอบร่วมกันหยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง ระหว่างรอประชุม GBC วันที่ 4 ส.ค. ขณะที่กำลังพลกองทัพบกไทย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 24-28 ก.ค. รวม 15 นาย

    การปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังระหว่างกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพราน เพื่อปกป้องอธิปไตยจากกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลง MOU43 มากถึง 651 ครั้ง เมื่อพบการวางกับระเบิด ทำให้ทหารบาดเจ็บถึงขั้นพิการ 2 ครั้ง นำมาสู่แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิด 2 ปราสาท 4 ด่านชายแดน กัมพูชาเปิดฉากยิงจรวด BM-21 และปะทะกันนานถึง 5 วัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 15 ราย

    #Newskit
    สมรภูมิตาควาย ยอมตายดีกว่าเป็นทาส หลังผลการเจรจาที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างไทย-กัมพูชาว่า จะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. ช่วงเวลาราว 6 ชั่วโมงที่เหลือของวันที่ 28 ก.ค. กลายเป็นช่วงเวลาบีบหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะทหารทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อทิ้งทวน พร้อมกับยีดคืนดินแดนที่ทหารกัมพูชาบุกรุกก่อนหน้านี้ จุดที่คนไทยลุ้นมากที่สุดคือบริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่พบว่าฝ่ายกัมพูชาเติมกำลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายกัมพูชาส่งหน่วยรบพิเศษ BHQ (Bodyguard Headquarters) องครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน 4 กองร้อย มีเป้าหมายยึดปราสาทตาควายให้ได้ก่อนเที่ยงคืน ขณะที่ฝ่ายไทยมีทั้งกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31) ที่เป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) พร้อมด้วยกรมรบพิเศษที่ 2 (รพศ.2) กรมรบพิเศษที่ 3 (รพศ.3) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมทหารราบที่ 19 (ร.19) และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ส่วนกองทัพอากาศจัดฝูงบิน F-16 ตัดเส้นทางสนับสนุนจุดตั้งปืนใหญ่กัมพูชา ช่วงเวลาวัดใจ 5 นาทีสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง ร.31 ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (King's Guard) ที่มาพร้อมคำขวัญ “ยอมตาย ดีกว่าเป็นทาส” ออกจากบังเกอร์ประจันหน้ากับศัตรู พร้อมส่งเสียงตะโกน "กู ร.31 ขอแลก" นำกำลังพลสู้ตายแบบถวายชีวิต เข้ายึดพื้นที่ปราสาทตาควายจากทหารกัมพูชา กระทั่งหลังเที่ยงคืน การสู้รบสงบลง แม้จะมีกำลังพลบาดเจ็บ 126 นาย แต่คว้าชัยชนะเหนือปราสาทตาควาย และรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ได้ กองทัพไทยยึดคืนพื้นที่สำคัญ 11 แห่งในสมรภูมิรบอย่างสมบูรณ์ ได้แก่ 1. ภูมะเขือ 2. ช่องอานม้า 3. ปราสาทตาเมือนธม 4. ปราสาทตาควาย 5. ช่องบก 6. โดนตวล 7. สัตตะโสม 8. ช่องจอม 9. ช่องสายตะกู 10. พระวิหาร และ 11. พลาญยาว ขณะที่การหารือเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เห็นชอบร่วมกันหยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง ระหว่างรอประชุม GBC วันที่ 4 ส.ค. ขณะที่กำลังพลกองทัพบกไทย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 24-28 ก.ค. รวม 15 นาย การปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังระหว่างกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพราน เพื่อปกป้องอธิปไตยจากกัมพูชาที่ละเมิดข้อตกลง MOU43 มากถึง 651 ครั้ง เมื่อพบการวางกับระเบิด ทำให้ทหารบาดเจ็บถึงขั้นพิการ 2 ครั้ง นำมาสู่แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งปิด 2 ปราสาท 4 ด่านชายแดน กัมพูชาเปิดฉากยิงจรวด BM-21 และปะทะกันนานถึง 5 วัน ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 15 ราย #Newskit
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สดุดีทหารกล้า" รายที่ 15
    สิบโทต่อพงศ์ พันธ์ดวง สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา จ. ยโสธร

    หลังสู้รบปะทะกับทหารกัมพูชาในภารกิจเข้าตีที่ "ช่องอานม้า" อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    ก่อนหน้านี้ 4 วัน สิบโท ต่อพงศ์ โพสต์ข้อความว่า
    “ข้าพเจ้าขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะยอมตาย เพื่ออิสระภาพ เเละความสงบสุขเเห่งประเทศชาติ และประชาชน”
    "สดุดีทหารกล้า" รายที่ 15 สิบโทต่อพงศ์ พันธ์ดวง สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา จ. ยโสธร หลังสู้รบปะทะกับทหารกัมพูชาในภารกิจเข้าตีที่ "ช่องอานม้า" อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนหน้านี้ 4 วัน สิบโท ต่อพงศ์ โพสต์ข้อความว่า “ข้าพเจ้าขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะยอมตาย เพื่ออิสระภาพ เเละความสงบสุขเเห่งประเทศชาติ และประชาชน”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อุ๊งอิ๊ง" ลงพื้นที่น่านให้กำลังใจชาวบ้านหลังน้ำลด-ตรวจความเสียหายวัดภูมินทร์ สะอึก..เจอชาวบ้านต้องการพูดคุยสอบถามอยู่แบบนี้สบายใจมั้ย!? กลับโดน จนท.กันจนชุลมุนกันกลางลานวัด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071294

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อุ๊งอิ๊ง" ลงพื้นที่น่านให้กำลังใจชาวบ้านหลังน้ำลด-ตรวจความเสียหายวัดภูมินทร์ สะอึก..เจอชาวบ้านต้องการพูดคุยสอบถามอยู่แบบนี้สบายใจมั้ย!? กลับโดน จนท.กันจนชุลมุนกันกลางลานวัด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071294 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญจตุคามรามเทพ กรมหลวงชุมพร รุ่นมงคลบารมีศรีชุมพร วัดชลธีพฤกษาราม จ.ชุมพร ปี2550
    เหรียญจตุคามรามเทพ กรมหลวงชุมพร รุ่นมงคลบารมีศรีชุมพร วัดชลธีพฤกษาราม จ.ชุมพร ปี2550 //พระดีพิธีใหญ่ พิธีจตุคามรามเทพ พุทธาพิเษก 9 วาระ 9 พิธี //พระสถาพผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >>

    ** เหรียญจตุคามรามเทพ กรมหลวงชุมพร รุ่นมงคลบารมีศรีชุมพร วัดชลธีพฤกษาราม จ.ชุมพร ปี2550 พิธีมหาเทวาภิเษก และ พิธีมหาพุทธาพิเษก 9 วาระ 9 พิธี
    ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2549 บวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช และบวงสรวง ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
    ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ ณ กลางทะเลอันดามัน จังหวัดพังงา
    ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ ณ ศาลพ่อตาหินช้าง จังหวัดชุมพร
    ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงเสด็จพ่อ กรมหลวงชุมพรฯ ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ ปากน้ำตะโก จังหวัดชุมพร
    ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2550 พิธีกดพิมพ์ปฐมฤกษ์ ณ อุโบสถวัดชลธีพฤกษาราม จังหวัดชุมพร
    ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ จ้าวสมุทรท้องฟ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สะดือทะเลน่านน้ำทะเลอ่าวไทย จังหวัดชุมพร
    ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2550 ประกอบพิธีมหาเทวาภิเษก และมหาพุทธาภิเษก ณ ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร โดยมีหลวงหนุ่ย วัดคอหงษ์ เป็นเจ้าพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
    ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ประกอบพิธีจักรพรรดิเทวาภิเษก ณ มณฑลพิธีศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช
    ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2550 ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ มณฑลพิธีวัดพฤกษาราม ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร >>

    ** พระสถาพผิวหิ้ง หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญจตุคามรามเทพ กรมหลวงชุมพร รุ่นมงคลบารมีศรีชุมพร วัดชลธีพฤกษาราม จ.ชุมพร ปี2550 เหรียญจตุคามรามเทพ กรมหลวงชุมพร รุ่นมงคลบารมีศรีชุมพร วัดชลธีพฤกษาราม จ.ชุมพร ปี2550 //พระดีพิธีใหญ่ พิธีจตุคามรามเทพ พุทธาพิเษก 9 วาระ 9 พิธี //พระสถาพผิวหิ้ง หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย >> ** เหรียญจตุคามรามเทพ กรมหลวงชุมพร รุ่นมงคลบารมีศรีชุมพร วัดชลธีพฤกษาราม จ.ชุมพร ปี2550 พิธีมหาเทวาภิเษก และ พิธีมหาพุทธาพิเษก 9 วาระ 9 พิธี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2549 บวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช และบวงสรวง ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ ณ กลางทะเลอันดามัน จังหวัดพังงา ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงองค์จตุคามรามเทพ ณ ศาลพ่อตาหินช้าง จังหวัดชุมพร ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงเสด็จพ่อ กรมหลวงชุมพรฯ ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ ปากน้ำตะโก จังหวัดชุมพร ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2550 พิธีกดพิมพ์ปฐมฤกษ์ ณ อุโบสถวัดชลธีพฤกษาราม จังหวัดชุมพร ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2550 พิธีบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ จ้าวสมุทรท้องฟ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สะดือทะเลน่านน้ำทะเลอ่าวไทย จังหวัดชุมพร ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2550 ประกอบพิธีมหาเทวาภิเษก และมหาพุทธาภิเษก ณ ศาลหลักเมืองจังหวัดชุมพร โดยมีหลวงหนุ่ย วัดคอหงษ์ เป็นเจ้าพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ประกอบพิธีจักรพรรดิเทวาภิเษก ณ มณฑลพิธีศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2550 ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ มณฑลพิธีวัดพฤกษาราม ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร >> ** พระสถาพผิวหิ้ง หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอาทิตย์(27ก.ค.) เชื่อว่าทั้งไทยและกัมพูชา ต่างต้องการคลี่คลายความเห็นต่าง หลังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งระหว่างนั้นเขาขู่ว่าจะไม่ปิดดีลข้อตกลงการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ จนกว่าจะหยุดสู้รบ

    "ผมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 และผมคิดว่าพวกเขาต้องการคลี่คลายความขัดแย้งแล้วในตอนนี้" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ในช่วงต้นของการพบปะหารือทางการค้ากับ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ในวันอาทิตย์(27ก.ค.)

    ทรัมป์ ยังเชื่อด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชา มีกำหนดพบปะกันเร็วๆ นี้

    ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชา ในวันอาทิตย์(27ก.ค.) ส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ชาติ พร้อมเจรจายุติข้อพิพาทนองเลือดด้านชายแดน ตามหลังมีความพยายามเป็นคนกลางโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เวลานี้การสู้รบที่เข้าสู่วันที่ 4 สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 34 รายและประชาชนต้องโยกย้ายถิ่นฐานกว่า 168,000 คน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000071049

    #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันอาทิตย์(27ก.ค.) เชื่อว่าทั้งไทยและกัมพูชา ต่างต้องการคลี่คลายความเห็นต่าง หลังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งระหว่างนั้นเขาขู่ว่าจะไม่ปิดดีลข้อตกลงการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ จนกว่าจะหยุดสู้รบ • "ผมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 และผมคิดว่าพวกเขาต้องการคลี่คลายความขัดแย้งแล้วในตอนนี้" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ในช่วงต้นของการพบปะหารือทางการค้ากับ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ในวันอาทิตย์(27ก.ค.) • ทรัมป์ ยังเชื่อด้วยว่าพวกเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชา มีกำหนดพบปะกันเร็วๆ นี้ • ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชา ในวันอาทิตย์(27ก.ค.) ส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ชาติ พร้อมเจรจายุติข้อพิพาทนองเลือดด้านชายแดน ตามหลังมีความพยายามเป็นคนกลางโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เวลานี้การสู้รบที่เข้าสู่วันที่ 4 สังหารผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 34 รายและประชาชนต้องโยกย้ายถิ่นฐานกว่า 168,000 คน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000071049 • #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! กัมพูชาสั่งปิดน่านฟ้าเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย
    .
    สำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (Cambodian Civil Aviation Authority) ประกาศปิดน่านฟ้า ห้ามทำการบินเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย พร้อมแจ้งให้สายการบินต่างๆ หลีกเลี่ยงเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็กำหนดเพดานบินขั้นต่ำสำหรับเส้นทางที่อาจมีความเสี่ยงสูง
    .
    Sin Chansereyvutha โฆษกสำนักงานเลขาธิการของสำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (SSCA) ให้สัมภาษณ์กับสื่อพนมเปญโพสต์เช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ว่าการตัดสินใจปิดน่านฟ้าเหนือพื้นที่ขัดแย้งนั้นมีพื้นฐานจากการที่ไทยใช้อาวุธหนักที่ขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเที่ยวบินพาณิชย์

    เขาระบุด้วยว่า มาตรการนี้มีที่มาจากการศึกษาบทเรียนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
    .
    โฆษกผู้นี้ย้ำว่า หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศยังห้ามไม่ให้อากาศยานทุกประเภททำการบินในระดับต่ำกว่า 1,200 เมตร ในพื้นที่ระหว่างท่าอากาศยานเก่าเสียมเรียบไปจนถึงจังหวัดไพลิน
    .
    “สืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไปมากในพื้นที่ขัดแย้งเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เราได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินที่อาจมีความเสี่ยง เราไม่อนุญาตให้ทำการบินผ่านพื้นที่ดังกล่าว ทุกเที่ยวบินที่โดยปกติแล้วจะต้องผ่านโซนเหล่านั้นได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทาง” เขากล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ปฏิบัติการของสายการบินต่างๆ ที่ผ่านน่านฟ้ากัมพูชาไม่ได้ถูกยกเลิกหรือลดจำนวนลง แค่เพียงเปลี่ยนเส้นทางเท่านั้น”
    .
    โฆษกเขมรอธิบายเพิ่มเติมว่า เส้นทางบินที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ เที่ยวบินจากภูมิภาคกลาง-ตะวันออกไปยังฟิลิปปินส์, ไทยไปฟิลิปปินส์, ไทยไปญี่ปุ่น, จีนไปลาว, จีนไปเวียดนาม, จีนไปมาเลเซีย และจีนไปอินโดนีเซีย เป็นต้น
    .
    เขายังเตือนด้วยว่า กัมพูชาอาจออกข้อจำกัดเพิ่มเติมหากกองทัพไทยยังคงขยายปฏิบัติการก้าวร้าวต่อไป และขอย้ำอีกครั้งว่า มาตรการนี้ของกัมพูชามีจุดประสงค์เพื่อรับรองว่าการสัญจรทางอากาศจะมีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
    .
    ที่มา: Phnom Penh Post
    ด่วน! กัมพูชาสั่งปิดน่านฟ้าเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย . สำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (Cambodian Civil Aviation Authority) ประกาศปิดน่านฟ้า ห้ามทำการบินเหนือบริเวณที่มีการสู้รบกับไทย พร้อมแจ้งให้สายการบินต่างๆ หลีกเลี่ยงเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็กำหนดเพดานบินขั้นต่ำสำหรับเส้นทางที่อาจมีความเสี่ยงสูง . Sin Chansereyvutha โฆษกสำนักงานเลขาธิการของสำนักงานการบินพลเรือนกัมพูชา (SSCA) ให้สัมภาษณ์กับสื่อพนมเปญโพสต์เช้าวันนี้ (26 ก.ค.) ว่าการตัดสินใจปิดน่านฟ้าเหนือพื้นที่ขัดแย้งนั้นมีพื้นฐานจากการที่ไทยใช้อาวุธหนักที่ขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเที่ยวบินพาณิชย์ เขาระบุด้วยว่า มาตรการนี้มีที่มาจากการศึกษาบทเรียนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ . โฆษกผู้นี้ย้ำว่า หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศยังห้ามไม่ให้อากาศยานทุกประเภททำการบินในระดับต่ำกว่า 1,200 เมตร ในพื้นที่ระหว่างท่าอากาศยานเก่าเสียมเรียบไปจนถึงจังหวัดไพลิน . “สืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไปมากในพื้นที่ขัดแย้งเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เราได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินที่อาจมีความเสี่ยง เราไม่อนุญาตให้ทำการบินผ่านพื้นที่ดังกล่าว ทุกเที่ยวบินที่โดยปกติแล้วจะต้องผ่านโซนเหล่านั้นได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทาง” เขากล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ปฏิบัติการของสายการบินต่างๆ ที่ผ่านน่านฟ้ากัมพูชาไม่ได้ถูกยกเลิกหรือลดจำนวนลง แค่เพียงเปลี่ยนเส้นทางเท่านั้น” . โฆษกเขมรอธิบายเพิ่มเติมว่า เส้นทางบินที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ เที่ยวบินจากภูมิภาคกลาง-ตะวันออกไปยังฟิลิปปินส์, ไทยไปฟิลิปปินส์, ไทยไปญี่ปุ่น, จีนไปลาว, จีนไปเวียดนาม, จีนไปมาเลเซีย และจีนไปอินโดนีเซีย เป็นต้น . เขายังเตือนด้วยว่า กัมพูชาอาจออกข้อจำกัดเพิ่มเติมหากกองทัพไทยยังคงขยายปฏิบัติการก้าวร้าวต่อไป และขอย้ำอีกครั้งว่า มาตรการนี้ของกัมพูชามีจุดประสงค์เพื่อรับรองว่าการสัญจรทางอากาศจะมีความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ . ที่มา: Phnom Penh Post
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากใต้ดิน: เมื่อ Microsoft ใช้มูลสัตว์แทนเครื่องดูดคาร์บอน

    Microsoft ได้ลงทุนมหาศาลกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการกำจัดของเสียอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์และสิ่งปฏิกูลมนุษย์ โดยร่วมมือกับบริษัท Vaulted Deep เพื่อฝังของเสียเหล่านี้ลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเน่าเสียของอินทรีย์วัตถุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดคาร์บอนจากการใช้ AI และศูนย์ข้อมูลของ Microsoft

    ในยุคที่ AI และศูนย์ข้อมูลกินพลังงานมหาศาล Microsoft กำลังหาวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีล้ำยุคหรือป่าไม้ แต่หันมาใช้ “ของเสีย” ที่เรามักมองข้าม

    บริษัท Vaulted Deep มีวิธีจัดการของเสียอินทรีย์โดย:
    - เปลี่ยนสิ่งปฏิกูลและมูลสัตว์ให้เป็น “slurry” หรือของเหลวหนืด
    - ฝังลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อหยุดกระบวนการเน่าเสีย
    - ป้องกันการปล่อย CO₂ และมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่รุนแรง

    Microsoft ลงนามในสัญญาหลายปีเพื่อกำจัดของเสียกว่า 4.9 ล้านตัน ภายใน 12 ปี โดยราคาต่อการกำจัดคาร์บอนอยู่ที่ประมาณ $350 ต่อตัน (แม้ CEO ของ Vaulted Deep จะบอกว่า Microsoft จ่ายจริงต่ำกว่านี้)

    แนวทางนี้ช่วยลดผลกระทบจากการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลและ AI workloads ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ Microsoft ก็เคยร่วมมือกับ AtmosClear เพื่อกักเก็บ CO₂ กว่า 6.75 ล้านตัน

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-just-spent-usd1-billion-on-sh-t-thats-going-to-be-buried-and-thats-for-a-very-good-reason
    🎙️ เรื่องเล่าจากใต้ดิน: เมื่อ Microsoft ใช้มูลสัตว์แทนเครื่องดูดคาร์บอน Microsoft ได้ลงทุนมหาศาลกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการกำจัดของเสียอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์และสิ่งปฏิกูลมนุษย์ โดยร่วมมือกับบริษัท Vaulted Deep เพื่อฝังของเสียเหล่านี้ลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเน่าเสียของอินทรีย์วัตถุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดคาร์บอนจากการใช้ AI และศูนย์ข้อมูลของ Microsoft 🌍💩 ในยุคที่ AI และศูนย์ข้อมูลกินพลังงานมหาศาล Microsoft กำลังหาวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยีล้ำยุคหรือป่าไม้ แต่หันมาใช้ “ของเสีย” ที่เรามักมองข้าม บริษัท Vaulted Deep มีวิธีจัดการของเสียอินทรีย์โดย: - เปลี่ยนสิ่งปฏิกูลและมูลสัตว์ให้เป็น “slurry” หรือของเหลวหนืด - ฝังลงใต้ดินลึกกว่า 5,000 ฟุต เพื่อหยุดกระบวนการเน่าเสีย - ป้องกันการปล่อย CO₂ และมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่รุนแรง Microsoft ลงนามในสัญญาหลายปีเพื่อกำจัดของเสียกว่า 4.9 ล้านตัน ภายใน 12 ปี โดยราคาต่อการกำจัดคาร์บอนอยู่ที่ประมาณ $350 ต่อตัน (แม้ CEO ของ Vaulted Deep จะบอกว่า Microsoft จ่ายจริงต่ำกว่านี้) แนวทางนี้ช่วยลดผลกระทบจากการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลและ AI workloads ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ Microsoft ก็เคยร่วมมือกับ AtmosClear เพื่อกักเก็บ CO₂ กว่า 6.75 ล้านตัน https://www.techradar.com/pro/microsoft-just-spent-usd1-billion-on-sh-t-thats-going-to-be-buried-and-thats-for-a-very-good-reason
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซนตอบโต้ทักษิณอีกครั้ง หลังจากทักษิณโพสต์ข้อความบน "X" เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา

    .

    ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงที่พร้อมทำสงครามเพื่อสั่งสอนบทเรียนแก่ฮุนเซน คำพูดของทักษิณยิ่งตอกย้ำถึงการกระทำของทหารไทยที่เปิดฉากรุกรานกัมพูชา

    ผมไม่แปลกใจกับทัศนคติของทักษิณที่มีต่อผม เพราะเขาทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทยและสมาชิกพรรคของเขาเอง สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวไทยมุสลิมหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี พ.ศ. 2547 บัดนี้ ภายใต้ข้ออ้างที่อยากแก้แค้นฮุนเซน เขาได้เริ่มสงครามขึ้นแล้ว ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือความทุกข์ทรมานของประชาชน
    ฮุนเซนตอบโต้ทักษิณอีกครั้ง หลังจากทักษิณโพสต์ข้อความบน "X" เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา . ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงที่พร้อมทำสงครามเพื่อสั่งสอนบทเรียนแก่ฮุนเซน คำพูดของทักษิณยิ่งตอกย้ำถึงการกระทำของทหารไทยที่เปิดฉากรุกรานกัมพูชา ผมไม่แปลกใจกับทัศนคติของทักษิณที่มีต่อผม เพราะเขาทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทยและสมาชิกพรรคของเขาเอง สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวไทยมุสลิมหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี พ.ศ. 2547 บัดนี้ ภายใต้ข้ออ้างที่อยากแก้แค้นฮุนเซน เขาได้เริ่มสงครามขึ้นแล้ว ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือความทุกข์ทรมานของประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันวาร์แจกเงิน 100 ริงกิต ประชานิยมสกัดม็อบ

    นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประกาศมาตรการช่วยเหลือชาวมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบครั้งเดียว 100 ริงกิต (ประมาณ 760 บาท) ผ่านบัตรประชาชน (MyKAD) เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านค้าและห้างค้าปลีกกว่า 4,100 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ถึง 31 ธ.ค. คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ 22 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านริงกิต

    พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมัน RON95 สำหรับภาคการขนส่งในมาเลเซียอีก 0.06 ริงกิต ตามแผนอุดหนุนราคาน้ำมัน จากเดิม 2.05 ริงกิต เหลือ 1.99 ริงกิตต่อลิตร การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า การระงับขึ้นค่าผ่านทางบนทางด่วน 10 เส้นทาง ที่มีกำหนดปรับขึ้นในปีนี้ การเพิ่มวันจันทร์ที่ 15 ก.ย. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติม เพื่อให้หยุดยาว 4 วันในวันมาเลเซียปีนี้ 13-16 ก.ย. เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ

    การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ Himpunan Turun Anwar ซึ่งจัดโดยกลุ่มเยาวชนพรรคพาส (PAS) ในวันเสาร์นี้ (26 ก.ค.) ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก ด้วยข้อกล่าวหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมืองและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมราว 10,000-15,000 คน โดยจัดกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยและควบคุมฝูงชนราว 2,000 นาย

    นายฟัดห์ลี ชาอารี (Fadhli Shaari) สส.เขตปาร์เซมัส หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศของพรรคพาส กล่าวว่า การประกาศแจกเงิน 100 ริงกิตน่าสนใจที่สุด ส่วนมาตรการอื่นเป็นเพียงนโยบายทั่วไปที่ประกาศได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรับลดราคาน้ำมัน RON95 ลง 6 เซน ไม่สมกับที่นายกฯ ต้องประกาศเอง ถึงกระนั้นการแจกเงินไม่มีความหมาย เมื่อเทียบกับรายได้ที่รัฐบาลได้รับจากการลดเงินอุดหนุนน้ำมันดีเซลสูงถึง 7,500 ล้านริงกิต โดยไม่มีมาตรการใดที่ส่งผลในระยะยาวอย่างแท้จริง เป็นเพียงการลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมเท่านั้น

    ก่อนหน้านี้อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด กล่าวปราศรัยที่เมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก เพราะขาดความสามารถในการบริหารประเทศ และแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการความมั่งคั่งของชาติที่ผิดพลาด ยกเลิกการอุดหนุนต่างๆ ทำให้ประชาชนยากลำบาก ชาวมาเลเซียจำนวนมากเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร บางคนเจอแรงกดดันจนเสียสติและจบชีวิตตัวเองหรือใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเกิดขึ้นจากความยากจน

    #Newskit
    อันวาร์แจกเงิน 100 ริงกิต ประชานิยมสกัดม็อบ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประกาศมาตรการช่วยเหลือชาวมาเลเซียเพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยชาวมาเลเซียที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือแบบครั้งเดียว 100 ริงกิต (ประมาณ 760 บาท) ผ่านบัตรประชาชน (MyKAD) เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านค้าและห้างค้าปลีกกว่า 4,100 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ถึง 31 ธ.ค. คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ 22 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านริงกิต พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมัน RON95 สำหรับภาคการขนส่งในมาเลเซียอีก 0.06 ริงกิต ตามแผนอุดหนุนราคาน้ำมัน จากเดิม 2.05 ริงกิต เหลือ 1.99 ริงกิตต่อลิตร การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า การระงับขึ้นค่าผ่านทางบนทางด่วน 10 เส้นทาง ที่มีกำหนดปรับขึ้นในปีนี้ การเพิ่มวันจันทร์ที่ 15 ก.ย. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติม เพื่อให้หยุดยาว 4 วันในวันมาเลเซียปีนี้ 13-16 ก.ย. เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ Himpunan Turun Anwar ซึ่งจัดโดยกลุ่มเยาวชนพรรคพาส (PAS) ในวันเสาร์นี้ (26 ก.ค.) ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก ด้วยข้อกล่าวหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมืองและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมราว 10,000-15,000 คน โดยจัดกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยและควบคุมฝูงชนราว 2,000 นาย นายฟัดห์ลี ชาอารี (Fadhli Shaari) สส.เขตปาร์เซมัส หัวหน้าฝ่ายสารสนเทศของพรรคพาส กล่าวว่า การประกาศแจกเงิน 100 ริงกิตน่าสนใจที่สุด ส่วนมาตรการอื่นเป็นเพียงนโยบายทั่วไปที่ประกาศได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรับลดราคาน้ำมัน RON95 ลง 6 เซน ไม่สมกับที่นายกฯ ต้องประกาศเอง ถึงกระนั้นการแจกเงินไม่มีความหมาย เมื่อเทียบกับรายได้ที่รัฐบาลได้รับจากการลดเงินอุดหนุนน้ำมันดีเซลสูงถึง 7,500 ล้านริงกิต โดยไม่มีมาตรการใดที่ส่งผลในระยะยาวอย่างแท้จริง เป็นเพียงการลดกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่จะออกมาชุมนุมเท่านั้น ก่อนหน้านี้อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด กล่าวปราศรัยที่เมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออก เพราะขาดความสามารถในการบริหารประเทศ และแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งการบริหารจัดการความมั่งคั่งของชาติที่ผิดพลาด ยกเลิกการอุดหนุนต่างๆ ทำให้ประชาชนยากลำบาก ชาวมาเลเซียจำนวนมากเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหาร บางคนเจอแรงกดดันจนเสียสติและจบชีวิตตัวเองหรือใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเกิดขึ้นจากความยากจน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุการณ์ช่วงเช้าของวันนี้ เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรืออิหร่านแจ้งเตือนเรือพิฆาตฟิตซ์เจอรัลด์ (Fitzgerald) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่พยายามเข้าสู่น่านน้ำของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซียให้เปลี่ยนเส้นทาง
    เหตุการณ์ช่วงเช้าของวันนี้ เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรืออิหร่านแจ้งเตือนเรือพิฆาตฟิตซ์เจอรัลด์ (Fitzgerald) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่พยายามเข้าสู่น่านน้ำของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซียให้เปลี่ยนเส้นทาง
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หมดเวลาเกรงใจกัมพูชา

    ผ่านไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว ทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เหยียบกับระเบิด เสียเลือดเสียเนื้อ สูญเสียอวัยวะอีกครั้ง เมื่อวันที่ 23 ก.ค. กำลังพลของกองทัพบกจาก ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 (พัน.ร.14) ประสบกับทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นแนวพื้นที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 5 นาย หนึ่งในนั้นคือ จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญโคราช ขาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิด

    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งออกมาตราการตอบโต้ทันที คือ ปิดปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อีกทั้งยังปิดด่านพรมแดน 4 ด่าน คือ ด่านช่องจอม ด่านช่องสายตะกู ด่านช่องอานม้า และด่านช่องสะงำ พร้อมกันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้กำลังกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกำลังส่วนต่างๆ เตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” เมื่อสั่งต่อไป และเตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์

    สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนาถ เป็นแผนที่กองทัพไทยนำมาใช้เมื่อปี 2554 ในเหตุการณ์ปะทะบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาต้องถอยร่น สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับฝ่ายตรงข้าม เกิดความสงบในพื้นที่ชายแดนนานกว่า 10 ปี

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. กำลังพลจากหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 6021 (ร้อย ร.6021) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด ปัจจุบันเข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น และเลื่อนยศเป็นสิบเอก พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม

    ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พิจารณาลดระดับทางการทูต เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยคืนกลับไป และจะพิจารณาลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติม พร้อมสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ยื่นหนังสือประท้วงไปแล้ว

    ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพไทยถูกวิจารณ์จากสังคมว่า ไม่เอาจริงเอาจังต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มัวแต่ท่องคาถาสันติวิธี เสมือนเกรงใจกัมพูชา จนถูกสังคมด่าว่านักรบห้องแอร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร กำลังถูกสังคมตราหน้าว่าขายชาติ จากคลิปเสียงของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อีกทั้งเก้าอี้ รมว.กลาโหมยังว่าง จึงเกิดคำถามว่าจะต้องให้ทหารไทยขาขาดไปอีกกี่นายถึงจะเอาจริง?

    #Newskit
    หมดเวลาเกรงใจกัมพูชา ผ่านไปเพียงแค่สัปดาห์เดียว ทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เหยียบกับระเบิด เสียเลือดเสียเนื้อ สูญเสียอวัยวะอีกครั้ง เมื่อวันที่ 23 ก.ค. กำลังพลของกองทัพบกจาก ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 (พัน.ร.14) ประสบกับทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นแนวพื้นที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 5 นาย หนึ่งในนั้นคือ จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญโคราช ขาขวาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งออกมาตราการตอบโต้ทันที คือ ปิดปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อีกทั้งยังปิดด่านพรมแดน 4 ด่าน คือ ด่านช่องจอม ด่านช่องสายตะกู ด่านช่องอานม้า และด่านช่องสะงำ พร้อมกันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการให้กำลังกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกำลังส่วนต่างๆ เตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผน “จักรพงษ์ภูวนาถ” เมื่อสั่งต่อไป และเตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนาถ เป็นแผนที่กองทัพไทยนำมาใช้เมื่อปี 2554 ในเหตุการณ์ปะทะบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาต้องถอยร่น สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับฝ่ายตรงข้าม เกิดความสงบในพื้นที่ชายแดนนานกว่า 10 ปี ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. กำลังพลจากหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 6021 (ร้อย ร.6021) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนจากฐานปฏิบัติการมรกต ไปยังเนิน 481 ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด ปัจจุบันเข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น และเลื่อนยศเป็นสิบเอก พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พิจารณาลดระดับทางการทูต เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยคืนกลับไป และจะพิจารณาลดระดับความสัมพันธ์เพิ่มเติม พร้อมสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ยื่นหนังสือประท้วงไปแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพไทยถูกวิจารณ์จากสังคมว่า ไม่เอาจริงเอาจังต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มัวแต่ท่องคาถาสันติวิธี เสมือนเกรงใจกัมพูชา จนถูกสังคมด่าว่านักรบห้องแอร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร กำลังถูกสังคมตราหน้าว่าขายชาติ จากคลิปเสียงของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อีกทั้งเก้าอี้ รมว.กลาโหมยังว่าง จึงเกิดคำถามว่าจะต้องให้ทหารไทยขาขาดไปอีกกี่นายถึงจะเอาจริง? #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts