• NVIDIA หันหลังให้จีน ส่งชิป AI สู่ UAE — Microsoft ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมลงทุนกว่า $7.9 พันล้านดอลลาร์

    บทความจาก Wccftech เผยว่า Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่หลังจากความตึงเครียดกับจีน โดย Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ.

    หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด NVIDIA จึงมองหาตลาดใหม่ และ UAE กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดย Microsoft กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกชิปเหล่านี้ พร้อมแผนลงทุนในภูมิภาคสูงถึง $7.9 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2026–2029

    การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump เดินทางเยือนกลุ่มประเทศอ่าว และมีการลงนามข้อตกลงระหว่าง NVIDIA กับองค์กรรัฐในภูมิภาค เช่น G42 และ HUMAIN AI ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรม AI กำลังขยายตัวสู่ตะวันออกกลางอย่างจริงจัง

    Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยัง UAE
    ผ่านการตรวจสอบด้าน cybersecurity และ physical security จากรัฐบาลสหรัฐฯ

    Microsoft เตรียมลงทุน $7.9 พันล้านดอลลาร์ใน UAE
    ระหว่างปี 2026–2029 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI

    NVIDIA เซ็นสัญญากับองค์กรรัฐในอ่าว เช่น G42 และ HUMAIN AI
    หลังการเยือนของประธานาธิบดี Trump

    ตลาดตะวันออกกลางกลายเป็นโอกาสใหม่ของ NVIDIA
    หลังจากเผชิญข้อจำกัดในการส่งออกไปจีน

    UAE อาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเทคโนโลยี AI
    ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

    ความสัมพันธ์กับจีนยังคงตึงเครียด
    การส่งออกชิป AI ไปจีนยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

    การลงทุนในภูมิภาคใหม่ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
    ต้องจับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายในตะวันออกกลาง

    https://wccftech.com/forget-china-nvidia-ai-chips-are-now-going-to-the-uae/
    🇦🇪 NVIDIA หันหลังให้จีน ส่งชิป AI สู่ UAE — Microsoft ได้ไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมลงทุนกว่า $7.9 พันล้านดอลลาร์ บทความจาก Wccftech เผยว่า Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่หลังจากความตึงเครียดกับจีน โดย Brad Smith ประธาน Microsoft ระบุว่าการอนุมัตินี้เกิดขึ้นหลังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ. หลังจากที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนอย่างเข้มงวด NVIDIA จึงมองหาตลาดใหม่ และ UAE กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ โดย Microsoft กลายเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกชิปเหล่านี้ พร้อมแผนลงทุนในภูมิภาคสูงถึง $7.9 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2026–2029 การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี Donald Trump เดินทางเยือนกลุ่มประเทศอ่าว และมีการลงนามข้อตกลงระหว่าง NVIDIA กับองค์กรรัฐในภูมิภาค เช่น G42 และ HUMAIN AI ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรม AI กำลังขยายตัวสู่ตะวันออกกลางอย่างจริงจัง ✅ Microsoft ได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป AI ของ NVIDIA ไปยัง UAE ➡️ ผ่านการตรวจสอบด้าน cybersecurity และ physical security จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ Microsoft เตรียมลงทุน $7.9 พันล้านดอลลาร์ใน UAE ➡️ ระหว่างปี 2026–2029 เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ✅ NVIDIA เซ็นสัญญากับองค์กรรัฐในอ่าว เช่น G42 และ HUMAIN AI ➡️ หลังการเยือนของประธานาธิบดี Trump ✅ ตลาดตะวันออกกลางกลายเป็นโอกาสใหม่ของ NVIDIA ➡️ หลังจากเผชิญข้อจำกัดในการส่งออกไปจีน ✅ UAE อาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของเทคโนโลยี AI ➡️ ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ‼️ ความสัมพันธ์กับจีนยังคงตึงเครียด ⛔ การส่งออกชิป AI ไปจีนยังถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ‼️ การลงทุนในภูมิภาคใหม่ต้องเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ⛔ ต้องจับตาความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายในตะวันออกกลาง https://wccftech.com/forget-china-nvidia-ai-chips-are-now-going-to-the-uae/
    WCCFTECH.COM
    Forget China — NVIDIA’s AI Chips Are Now Heading to the UAE as Microsoft Receives ‘Pivotal’ Approval from the Trump Administration
    NVIDIA's AI chips are now heading to the UAE, as, according to a new report, Microsoft has received the required export license.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ทองคำ จะลงเพราะ จีน ยกเลิกสิทธิพิเศษ ภาษีทองคำ...??? ##
    ..
    ..
    นโยบายนี้ อาจทำให้เพิ่มต้นทุน ราคาทองคำใน จีน ขึ้นได้ประมาณ 4-13% สำหรับผู้ซื้อในจีน (หากต้นทุนถูกส่งผ่านเต็มที่)
    .
    และ ผลต่อ อุปสงค์โลก อาจลดลงประมาณ 3% ในระยะกลาง
    .
    ซึ่งถ้าผลลัพธ์นี้เกิดขึ้น ราคาทองโลกอาจถูกกดดันหรือขึ้นช้าลง แต่ไม่ถึงกับทำให้เทรนด์ขาขึ้นหาย เพราะแรงซื้ออื่นยังอยู่
    .
    เหตุผลที่ นโยบายนี้ มีผลกระทบไม่มากจนเกินไป
    .
    เพราะตลาดทองคำโลก ไม่ได้ขึ้นหรือลงจาก จีน เพียงลำพังประเทศเดียว
    .
    ยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อยทั่วโลก ปัจจัยทางเฝด้านภูมิรัฐศาสตร์ อัตราดอกเบี้ย และ เงินเฟ้อ อีกด้วย
    .
    แม้จีนเป็นผู้บริโภคทองคำที่ใหญ่มาก แต่การบริโภคทองแตกต่างกัน (เครื่องประดับ vs แท่ง/เหรียญ) และ การซื้อเพื่อเก็บรักษามูลค่า (investment) มีความยืดหยุ่นกว่า
    .
    ผู้ผลิต/ผู้ค้าทองอาจปรับกลยุทธ์ เช่น ลดกำไรเล็กน้อยเพื่อรักษายอดขาย ลดต้นทุนอื่น หรือ ชะลอการส่งออก เข้าไทย ฮ่องกง สิงคโปร์แทน เพื่อรักษา margin
    ....
    ....
    สรุป อย่างสั้นที่สุด คือ มีผลกระทบอยู่ แต่ไม่มากมายอะไรนัก...
    ## ทองคำ จะลงเพราะ จีน ยกเลิกสิทธิพิเศษ ภาษีทองคำ...??? ## .. .. นโยบายนี้ อาจทำให้เพิ่มต้นทุน ราคาทองคำใน จีน ขึ้นได้ประมาณ 4-13% สำหรับผู้ซื้อในจีน (หากต้นทุนถูกส่งผ่านเต็มที่) . และ ผลต่อ อุปสงค์โลก อาจลดลงประมาณ 3% ในระยะกลาง . ซึ่งถ้าผลลัพธ์นี้เกิดขึ้น ราคาทองโลกอาจถูกกดดันหรือขึ้นช้าลง แต่ไม่ถึงกับทำให้เทรนด์ขาขึ้นหาย เพราะแรงซื้ออื่นยังอยู่ . เหตุผลที่ นโยบายนี้ มีผลกระทบไม่มากจนเกินไป . เพราะตลาดทองคำโลก ไม่ได้ขึ้นหรือลงจาก จีน เพียงลำพังประเทศเดียว . ยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อยทั่วโลก ปัจจัยทางเฝด้านภูมิรัฐศาสตร์ อัตราดอกเบี้ย และ เงินเฟ้อ อีกด้วย . แม้จีนเป็นผู้บริโภคทองคำที่ใหญ่มาก แต่การบริโภคทองแตกต่างกัน (เครื่องประดับ vs แท่ง/เหรียญ) และ การซื้อเพื่อเก็บรักษามูลค่า (investment) มีความยืดหยุ่นกว่า . ผู้ผลิต/ผู้ค้าทองอาจปรับกลยุทธ์ เช่น ลดกำไรเล็กน้อยเพื่อรักษายอดขาย ลดต้นทุนอื่น หรือ ชะลอการส่งออก เข้าไทย ฮ่องกง สิงคโปร์แทน เพื่อรักษา margin .... .... สรุป อย่างสั้นที่สุด คือ มีผลกระทบอยู่ แต่ไม่มากมายอะไรนัก...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดราม่าชิปโลกสะเทือน: Nexperia ได้ไฟเขียวส่งออกจากจีน หลังผู้นำสองชาติจับมือเจรจา

    เรื่องนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับเนเธอร์แลนด์ ที่ลุกลามไปถึงสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก เมื่อจีนประกาศแบนการส่งออกชิปจากบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปยานยนต์รายใหญ่ที่ถือครองตลาดถึง 40% โดยเฉพาะในรถยนต์ที่ใช้ชิปกว่า 1,500 ตัวต่อคัน การหยุดส่งออกจึงเท่ากับหยุดสายการผลิตรถยนต์ในหลายประเทศ

    แต่หลังจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเวที APEC ที่ปูซาน จีนก็เปิดช่องให้บริษัทต่างชาติสามารถขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง โดยต้องผ่านการพิจารณาแบบกรณีต่อกรณีจากกระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM)

    อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่จบ เพราะสำนักงานใหญ่ของ Nexperia ในเนเธอร์แลนด์ยังคงหยุดส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานในจีน ทำให้แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก แต่การผลิตก็ยังติดขัดอยู่ดี

    นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเรื่องกฎใหม่ของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อ Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ที่ถูกขึ้นบัญชีดำไปแล้ว

    จีนเปิดให้บริษัทต่างชาติขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง
    ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์จีนแบบกรณีต่อกรณี
    เป็นผลจากการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในเวที APEC

    Nexperia ถือครองตลาดชิปยานยนต์ถึง 40%
    รถยนต์หนึ่งคันใช้ชิปเฉลี่ย 1,500 ตัว
    การหยุดส่งออกส่งผลให้สายการผลิตทั่วโลกหยุดชะงัก

    สหรัฐฯ ออกกฎใหม่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ
    Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ถูกขึ้นบัญชีดำ
    ส่งผลให้ Nexperia เสี่ยงสูญเสียการเข้าถึงเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ

    โรงงาน Nexperia ในจีนผลิตชิปถึง 70% ของกำลังการผลิตทั่วโลก
    แต่ยังขาดวัตถุดิบจากสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์
    ทำให้การผลิตยังไม่สามารถกลับมาเต็มรูปแบบได้

    ความขัดแย้งระหว่างจีน-เนเธอร์แลนด์ยังไม่คลี่คลาย
    สำนักงานใหญ่ของ Nexperia ยังไม่ส่งวัตถุดิบไปจีน
    อาจทำให้การผลิตชิปยังติดขัด แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก

    กฎใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก
    บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทในบัญชีดำต้องปรับโครงสร้าง
    อาจต้องหาซัพพลายเชนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด

    เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ชิป” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง


    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/nexperia-allowed-to-resume-exports-from-china-following-trump-xi-talks-companies-may-seek-exemptions-from-the-ministry-of-commerce-to-restart-international-deliveries
    🧩 ดราม่าชิปโลกสะเทือน: Nexperia ได้ไฟเขียวส่งออกจากจีน หลังผู้นำสองชาติจับมือเจรจา เรื่องนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับเนเธอร์แลนด์ ที่ลุกลามไปถึงสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก เมื่อจีนประกาศแบนการส่งออกชิปจากบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปยานยนต์รายใหญ่ที่ถือครองตลาดถึง 40% โดยเฉพาะในรถยนต์ที่ใช้ชิปกว่า 1,500 ตัวต่อคัน การหยุดส่งออกจึงเท่ากับหยุดสายการผลิตรถยนต์ในหลายประเทศ แต่หลังจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเวที APEC ที่ปูซาน จีนก็เปิดช่องให้บริษัทต่างชาติสามารถขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง โดยต้องผ่านการพิจารณาแบบกรณีต่อกรณีจากกระทรวงพาณิชย์จีน (MOFCOM) อย่างไรก็ตาม ปัญหายังไม่จบ เพราะสำนักงานใหญ่ของ Nexperia ในเนเธอร์แลนด์ยังคงหยุดส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานในจีน ทำให้แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก แต่การผลิตก็ยังติดขัดอยู่ดี นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเรื่องกฎใหม่ของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อ Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ที่ถูกขึ้นบัญชีดำไปแล้ว ✅ จีนเปิดให้บริษัทต่างชาติขออนุญาตส่งออกชิปจาก Nexperia ได้อีกครั้ง ➡️ ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์จีนแบบกรณีต่อกรณี ➡️ เป็นผลจากการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในเวที APEC ✅ Nexperia ถือครองตลาดชิปยานยนต์ถึง 40% ➡️ รถยนต์หนึ่งคันใช้ชิปเฉลี่ย 1,500 ตัว ➡️ การหยุดส่งออกส่งผลให้สายการผลิตทั่วโลกหยุดชะงัก ✅ สหรัฐฯ ออกกฎใหม่ห้ามบริษัทที่ถือหุ้นโดยบริษัทในบัญชีดำเกิน 50% ทำธุรกรรมกับสหรัฐฯ ➡️ Wingtech บริษัทแม่ของ Nexperia ถูกขึ้นบัญชีดำ ➡️ ส่งผลให้ Nexperia เสี่ยงสูญเสียการเข้าถึงเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ✅ โรงงาน Nexperia ในจีนผลิตชิปถึง 70% ของกำลังการผลิตทั่วโลก ➡️ แต่ยังขาดวัตถุดิบจากสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ➡️ ทำให้การผลิตยังไม่สามารถกลับมาเต็มรูปแบบได้ ‼️ ความขัดแย้งระหว่างจีน-เนเธอร์แลนด์ยังไม่คลี่คลาย ⛔ สำนักงานใหญ่ของ Nexperia ยังไม่ส่งวัตถุดิบไปจีน ⛔ อาจทำให้การผลิตชิปยังติดขัด แม้จะมีใบอนุญาตส่งออก ‼️ กฎใหม่ของสหรัฐฯ อาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ⛔ บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทในบัญชีดำต้องปรับโครงสร้าง ⛔ อาจต้องหาซัพพลายเชนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ชิป” ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างลึกซึ้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/nexperia-allowed-to-resume-exports-from-china-following-trump-xi-talks-companies-may-seek-exemptions-from-the-ministry-of-commerce-to-restart-international-deliveries
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nexperia หยุดส่งออกชิปไปจีน! อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันชะงัก ผลกระทบลามทั่วโลก

    ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเนเธอร์แลนด์และจีนเรื่องการควบคุมบริษัท Nexperia ส่งผลให้การส่งออกชิปไปจีนถูกระงับทันที ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันอย่าง VW, BMW และ Mercedes ต้องลดกำลังการผลิต ขณะที่ญี่ปุ่นและยุโรปเตรียมรับมือกับวิกฤตชิปครั้งใหม่

    Nexperia ซึ่งเคยเป็นบริษัทลูกของจีน ถูกรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยึดกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 หลังพบว่าอดีต CEO พยายามใช้เงินบริษัทไปสนับสนุนโรงงานชิปส่วนตัวในจีน โดยมีแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้จำกัดอิทธิพลจีนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุโรป

    หลังจากการยึดกิจการ Nexperia ได้หยุดส่งเวเฟอร์ไปยังโรงงานในเมืองตงกวน ประเทศจีน โดยอ้างว่า “ฝ่ายบริหารท้องถิ่นไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการชำระเงินตามสัญญา” ส่งผลให้สายการผลิตในจีนหยุดชะงักทันที

    ผลกระทบลามไปถึงเยอรมนี เมื่อบริษัท ZF Friedrichshafen AG ซึ่งผลิตระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กับ VW, BMW, Ford และ Mercedes ต้องลดกะการผลิตลง เพราะขาดชิปจาก Nexperia

    ญี่ปุ่นเองก็เริ่มเตรียมรับมือ โดย Nissan ระบุว่ามีสต็อกชิปพอใช้ถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ขณะที่ Toyota และผู้ผลิตรายอื่นกำลังพิจารณาการใช้ชิปมาตรฐานเดียวกันเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

    เหตุการณ์หลักจากข่าว
    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยึดกิจการ Nexperia จากบริษัทแม่จีน
    สหรัฐฯ มีบทบาทในการกดดันให้จำกัดอิทธิพลจีน
    Nexperia หยุดส่งเวเฟอร์ไปยังโรงงานในจีน
    อ้างว่าฝ่ายบริหารจีนไม่ชำระเงินตามสัญญา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์
    ZF Friedrichshafen AG ลดกำลังผลิตในเยอรมนี
    กระทบ VW, BMW, Ford, Mercedes
    Nissan มีชิปพอใช้ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน
    ญี่ปุ่นพิจารณาการใช้ชิปมาตรฐานเดียวกัน

    ความสำคัญของ Nexperia
    ผลิตชิปรุ่นเก่าแต่จำเป็นต่อระบบรถยนต์
    แม้ไม่ใช่ชิปล้ำสมัยแบบ TSMC แต่ขาดไม่ได้ในสายการผลิต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/nexperia-conflict-spills-overseas-as-it-halts-exports-to-china-german-automotive-manufacturers-slow-production-due-to-semiconductor-shortages-from-dutch-chipmaker
    🚗💥 Nexperia หยุดส่งออกชิปไปจีน! อุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมันชะงัก ผลกระทบลามทั่วโลก ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเนเธอร์แลนด์และจีนเรื่องการควบคุมบริษัท Nexperia ส่งผลให้การส่งออกชิปไปจีนถูกระงับทันที ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันอย่าง VW, BMW และ Mercedes ต้องลดกำลังการผลิต ขณะที่ญี่ปุ่นและยุโรปเตรียมรับมือกับวิกฤตชิปครั้งใหม่ Nexperia ซึ่งเคยเป็นบริษัทลูกของจีน ถูกรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยึดกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 หลังพบว่าอดีต CEO พยายามใช้เงินบริษัทไปสนับสนุนโรงงานชิปส่วนตัวในจีน โดยมีแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้จำกัดอิทธิพลจีนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยุโรป หลังจากการยึดกิจการ Nexperia ได้หยุดส่งเวเฟอร์ไปยังโรงงานในเมืองตงกวน ประเทศจีน โดยอ้างว่า “ฝ่ายบริหารท้องถิ่นไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการชำระเงินตามสัญญา” ส่งผลให้สายการผลิตในจีนหยุดชะงักทันที ผลกระทบลามไปถึงเยอรมนี เมื่อบริษัท ZF Friedrichshafen AG ซึ่งผลิตระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กับ VW, BMW, Ford และ Mercedes ต้องลดกะการผลิตลง เพราะขาดชิปจาก Nexperia ญี่ปุ่นเองก็เริ่มเตรียมรับมือ โดย Nissan ระบุว่ามีสต็อกชิปพอใช้ถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น ขณะที่ Toyota และผู้ผลิตรายอื่นกำลังพิจารณาการใช้ชิปมาตรฐานเดียวกันเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ✅ เหตุการณ์หลักจากข่าว ➡️ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยึดกิจการ Nexperia จากบริษัทแม่จีน ➡️ สหรัฐฯ มีบทบาทในการกดดันให้จำกัดอิทธิพลจีน ➡️ Nexperia หยุดส่งเวเฟอร์ไปยังโรงงานในจีน ➡️ อ้างว่าฝ่ายบริหารจีนไม่ชำระเงินตามสัญญา ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ➡️ ZF Friedrichshafen AG ลดกำลังผลิตในเยอรมนี ➡️ กระทบ VW, BMW, Ford, Mercedes ➡️ Nissan มีชิปพอใช้ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ➡️ ญี่ปุ่นพิจารณาการใช้ชิปมาตรฐานเดียวกัน ✅ ความสำคัญของ Nexperia ➡️ ผลิตชิปรุ่นเก่าแต่จำเป็นต่อระบบรถยนต์ ➡️ แม้ไม่ใช่ชิปล้ำสมัยแบบ TSMC แต่ขาดไม่ได้ในสายการผลิต https://www.tomshardware.com/tech-industry/nexperia-conflict-spills-overseas-as-it-halts-exports-to-china-german-automotive-manufacturers-slow-production-due-to-semiconductor-shortages-from-dutch-chipmaker
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต CEO Intel ยกย่อง Nvidia ผลิตชิป Blackwell บนดินสหรัฐฯ แม้ Intel พลาดดีลใหญ่

    Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ออกโรงชื่นชมการผลิตชิป Blackwell ของ Nvidia ร่วมกับ TSMC บนดินสหรัฐฯ ว่าเป็น “ก้าวสำคัญของห่วงโซ่อุปทานระดับชาติ” แม้ Intel จะพลาดโอกาสเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia

    Pat Gelsinger ซึ่งเคยเป็น CEO ของ Intel ระหว่างปี 2021–2024 ได้โพสต์ข้อความบน X (Twitter) แสดงความยินดีกับ Nvidia ที่สามารถผลิตชิป Blackwell รุ่นล่าสุดในโรงงานที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับ TSMC ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศ

    แม้ว่าในช่วงที่ Gelsinger ยังดำรงตำแหน่ง เขาเคยผลักดันอย่างหนักให้ Intel Foundry Services ได้รับสัญญาผลิตชิปจาก Nvidia แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม

    Nvidia เองก็ใช้โอกาสนี้ในการแสดงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ โดย CEO Jensen Huang กล่าวในงาน GTC DC ว่า “การจำกัดการส่งออกของ Nvidia จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ” พร้อมชูจุดแข็งว่าชิป Blackwell ผลิตในสหรัฐฯ และไต้หวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีน

    Gelsingerยังกล่าวว่า “การมีห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ” และชื่นชมความร่วมมือระหว่าง Nvidia และ TSMC แม้ Intel จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดีลนี้

    Nvidia ผลิตชิป Blackwell ในโรงงานรัฐแอริโซนา ร่วมกับ TSMC
    ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ
    ช่วยลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน

    Pat Gelsinger อดีต CEO Intel แสดงความยินดีผ่าน X
    ยอมรับว่า Intel พลาดโอกาสในการเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia
    ชื่นชมความสำเร็จของ Nvidia และ TSMC

    Nvidia ใช้โอกาสนี้ชูบทบาทเชิงยุทธศาสตร์
    Jensen Huang เตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบสหรัฐฯ
    ชิป Blackwell ผลิตทั้งในสหรัฐฯ และไต้หวัน

    Intel ภายใต้ Gelsinger เคยผลักดันโรงงานในเยอรมนี
    แต่ถูกยกเลิกโดยผู้บริหารคนใหม่
    โรงงานในแอริโซนาที่เขาผลักดันเพิ่งเปิดใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-pat-gelsinger-praises-cutting-edge-nvidia-chip-production-with-tsmc-on-us-soil-despite-intel-missing-out-hails-manufacturing-milestone-of-us-based-supply-chain
    🇺🇸🔧 อดีต CEO Intel ยกย่อง Nvidia ผลิตชิป Blackwell บนดินสหรัฐฯ แม้ Intel พลาดดีลใหญ่ Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ออกโรงชื่นชมการผลิตชิป Blackwell ของ Nvidia ร่วมกับ TSMC บนดินสหรัฐฯ ว่าเป็น “ก้าวสำคัญของห่วงโซ่อุปทานระดับชาติ” แม้ Intel จะพลาดโอกาสเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia Pat Gelsinger ซึ่งเคยเป็น CEO ของ Intel ระหว่างปี 2021–2024 ได้โพสต์ข้อความบน X (Twitter) แสดงความยินดีกับ Nvidia ที่สามารถผลิตชิป Blackwell รุ่นล่าสุดในโรงงานที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา โดยร่วมมือกับ TSMC ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศ แม้ว่าในช่วงที่ Gelsinger ยังดำรงตำแหน่ง เขาเคยผลักดันอย่างหนักให้ Intel Foundry Services ได้รับสัญญาผลิตชิปจาก Nvidia แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม Nvidia เองก็ใช้โอกาสนี้ในการแสดงบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ โดย CEO Jensen Huang กล่าวในงาน GTC DC ว่า “การจำกัดการส่งออกของ Nvidia จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ” พร้อมชูจุดแข็งว่าชิป Blackwell ผลิตในสหรัฐฯ และไต้หวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีน Gelsingerยังกล่าวว่า “การมีห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ” และชื่นชมความร่วมมือระหว่าง Nvidia และ TSMC แม้ Intel จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดีลนี้ ✅ Nvidia ผลิตชิป Blackwell ในโรงงานรัฐแอริโซนา ร่วมกับ TSMC ➡️ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ➡️ ช่วยลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ✅ Pat Gelsinger อดีต CEO Intel แสดงความยินดีผ่าน X ➡️ ยอมรับว่า Intel พลาดโอกาสในการเป็นผู้ผลิตให้ Nvidia ➡️ ชื่นชมความสำเร็จของ Nvidia และ TSMC ✅ Nvidia ใช้โอกาสนี้ชูบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ Jensen Huang เตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบสหรัฐฯ ➡️ ชิป Blackwell ผลิตทั้งในสหรัฐฯ และไต้หวัน ✅ Intel ภายใต้ Gelsinger เคยผลักดันโรงงานในเยอรมนี ➡️ แต่ถูกยกเลิกโดยผู้บริหารคนใหม่ ➡️ โรงงานในแอริโซนาที่เขาผลักดันเพิ่งเปิดใช้งาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ex-intel-ceo-pat-gelsinger-praises-cutting-edge-nvidia-chip-production-with-tsmc-on-us-soil-despite-intel-missing-out-hails-manufacturing-milestone-of-us-based-supply-chain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนจับแก๊งปลอมชิป! อาจกระทบฮาร์ดแวร์ PC ทั่วโลก

    ตำรวจเซินเจิ้นจับขบวนการปลอมแปลงชิปที่นำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เก่ามารีแบรนด์เป็นชิปนำเข้าระดับพรีเมียมจาก Infineon และ Texas Instruments ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในกราฟิกการ์ด เมนบอร์ด และ PSU โดยไม่รู้ตัว

    ตำรวจในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้รื้อถอนขบวนการปลอมแปลงชิปที่ใช้วิธีนำชิปเก่าที่ถูกทิ้งมาขัดลบรหัสเดิมด้วยเลเซอร์ แล้วติดฉลากใหม่ให้ดูเหมือนชิปนำเข้าจากบริษัทชั้นนำอย่าง Infineon และ Texas Instruments ก่อนส่งต่อผ่านบริษัทหน้าฉากที่แอบอ้างเป็นตัวแทนต่างประเทศ

    ชิปปลอมเหล่านี้ไม่ได้ถูกขายให้ผู้บริโภคโดยตรง แต่ถูกส่งต่อแบบ B2B ไปยังผู้ผลิตอุปกรณ์ downstream เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และระบบควบคุมอุตสาหกรรม ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอาจเผลอใช้ชิปปลอมในผลิตภัณฑ์ของตนโดยไม่รู้ตัว

    ปัญหาคือชิปปลอมมักไม่แสดงอาการผิดปกติทันที แต่จะเริ่มแสดงอาการเมื่ออุปกรณ์อยู่ภายใต้ความร้อนหรือแรงดันไฟฟ้าสูง เช่น รีบูตแบบสุ่มเมื่อ GPU boost ทำงาน หรือเสียงพัดลมผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากใช้งานไปหลายสัปดาห์

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการส่งออกชิประหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อในจีนบางรายหันไปใช้ชิปปลอมเพราะหาอะไหล่แท้ได้ยากขึ้น และราคาชิปแท้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ

    ตำรวจเซินเจิ้นจับขบวนการปลอมแปลงชิปอิเล็กทรอนิกส์
    ใช้ชิปเก่าขัดลบรหัสแล้วติดฉลากใหม่เป็นแบรนด์ดัง
    ส่งต่อผ่านบริษัทหน้าฉากที่แอบอ้างเป็นตัวแทนต่างประเทศ

    แบรนด์ที่ถูกปลอมแปลง
    Infineon: power MOSFETs และ driver ICs
    Texas Instruments: power controllers และ op-amps

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม downstream
    อาจถูกนำไปใช้ในกราฟิกการ์ด เมนบอร์ด และ PSU
    ปัญหาอาจไม่แสดงทันที แต่เกิดเมื่ออุปกรณ์อยู่ภายใต้ความเครียด

    การตอบสนองของทางการ
    มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อยหนึ่งราย
    ประสานงานกับผู้ผลิตต่างประเทศเพื่อตรวจสอบล็อตที่ได้รับผลกระทบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/police-bust-chip-relabeling-ring-in-shenzen
    🔍💻 จีนจับแก๊งปลอมชิป! อาจกระทบฮาร์ดแวร์ PC ทั่วโลก ตำรวจเซินเจิ้นจับขบวนการปลอมแปลงชิปที่นำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เก่ามารีแบรนด์เป็นชิปนำเข้าระดับพรีเมียมจาก Infineon และ Texas Instruments ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในกราฟิกการ์ด เมนบอร์ด และ PSU โดยไม่รู้ตัว ตำรวจในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้รื้อถอนขบวนการปลอมแปลงชิปที่ใช้วิธีนำชิปเก่าที่ถูกทิ้งมาขัดลบรหัสเดิมด้วยเลเซอร์ แล้วติดฉลากใหม่ให้ดูเหมือนชิปนำเข้าจากบริษัทชั้นนำอย่าง Infineon และ Texas Instruments ก่อนส่งต่อผ่านบริษัทหน้าฉากที่แอบอ้างเป็นตัวแทนต่างประเทศ ชิปปลอมเหล่านี้ไม่ได้ถูกขายให้ผู้บริโภคโดยตรง แต่ถูกส่งต่อแบบ B2B ไปยังผู้ผลิตอุปกรณ์ downstream เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และระบบควบคุมอุตสาหกรรม ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอาจเผลอใช้ชิปปลอมในผลิตภัณฑ์ของตนโดยไม่รู้ตัว ปัญหาคือชิปปลอมมักไม่แสดงอาการผิดปกติทันที แต่จะเริ่มแสดงอาการเมื่ออุปกรณ์อยู่ภายใต้ความร้อนหรือแรงดันไฟฟ้าสูง เช่น รีบูตแบบสุ่มเมื่อ GPU boost ทำงาน หรือเสียงพัดลมผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากใช้งานไปหลายสัปดาห์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการส่งออกชิประหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อในจีนบางรายหันไปใช้ชิปปลอมเพราะหาอะไหล่แท้ได้ยากขึ้น และราคาชิปแท้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ✅ ตำรวจเซินเจิ้นจับขบวนการปลอมแปลงชิปอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ใช้ชิปเก่าขัดลบรหัสแล้วติดฉลากใหม่เป็นแบรนด์ดัง ➡️ ส่งต่อผ่านบริษัทหน้าฉากที่แอบอ้างเป็นตัวแทนต่างประเทศ ✅ แบรนด์ที่ถูกปลอมแปลง ➡️ Infineon: power MOSFETs และ driver ICs ➡️ Texas Instruments: power controllers และ op-amps ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม downstream ➡️ อาจถูกนำไปใช้ในกราฟิกการ์ด เมนบอร์ด และ PSU ➡️ ปัญหาอาจไม่แสดงทันที แต่เกิดเมื่ออุปกรณ์อยู่ภายใต้ความเครียด ✅ การตอบสนองของทางการ ➡️ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อยหนึ่งราย ➡️ ประสานงานกับผู้ผลิตต่างประเทศเพื่อตรวจสอบล็อตที่ได้รับผลกระทบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/police-bust-chip-relabeling-ring-in-shenzen
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ–จีนตกลงพักศึกภาษี 1 ปี พร้อมคลี่คลายปมแร่หายากและชิป AI แต่อนาคต Nvidia ยังไม่ชัดเจน

    ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี พร้อมข้อตกลงด้านแร่หายากที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการขายชิป AI ของ Nvidia ให้จีน

    การพบกันของผู้นำสหรัฐฯ และจีนที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นำไปสู่ข้อตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี โดยทรัมป์ประกาศลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจากเดิม 20% และจีนตกลงระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์

    แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ประเด็นเรื่องชิป AI ยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ โดยเฉพาะชิป Blackwell ของ Nvidia ที่ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง” ในการเจรจา แม้ก่อนหน้านี้จะเคยกล่าวว่าจะหารือเรื่องนี้

    สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน ทำให้บริษัทอย่าง AMD และ Nvidia ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก ขณะที่ฝั่งจีนไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์เลยในการสรุปผลการประชุม

    นักลงทุนอาจพอใจในระยะสั้นจากการคลี่คลายปัญหาแร่หายาก แต่ความไม่แน่นอนเรื่องชิป AI และการควบคุมเทคโนโลยียังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา

    สหรัฐฯ–จีนตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี
    ทรัมป์ลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจาก 20%
    จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก

    ความสำคัญของแร่หายาก
    ใช้ในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์
    การควบคุมส่งออกส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก

    ประเด็นชิป AI ยังไม่ชัดเจน
    สหรัฐฯ จำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน
    Nvidia และ AMD ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนด
    ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง Blackwell” ในการเจรจา

    ปฏิกิริยาจากจีน
    รายงานสรุปของจีนไม่กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์
    ท่าทีของจีนยังคงระมัดระวังและไม่เปิดเผยรายละเอียด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/u-s-and-china-agree-on-one-year-tariff-truce-including-semiconductor-and-rare-earth-breakthroughs-the-future-of-nvidia-ai-chip-sales-to-the-nation-remains-murky
    🌏🤝 สหรัฐฯ–จีนตกลงพักศึกภาษี 1 ปี พร้อมคลี่คลายปมแร่หายากและชิป AI แต่อนาคต Nvidia ยังไม่ชัดเจน ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี พร้อมข้อตกลงด้านแร่หายากที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการขายชิป AI ของ Nvidia ให้จีน การพบกันของผู้นำสหรัฐฯ และจีนที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นำไปสู่ข้อตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี โดยทรัมป์ประกาศลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจากเดิม 20% และจีนตกลงระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์ แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ประเด็นเรื่องชิป AI ยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ โดยเฉพาะชิป Blackwell ของ Nvidia ที่ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง” ในการเจรจา แม้ก่อนหน้านี้จะเคยกล่าวว่าจะหารือเรื่องนี้ สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน ทำให้บริษัทอย่าง AMD และ Nvidia ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก ขณะที่ฝั่งจีนไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์เลยในการสรุปผลการประชุม นักลงทุนอาจพอใจในระยะสั้นจากการคลี่คลายปัญหาแร่หายาก แต่ความไม่แน่นอนเรื่องชิป AI และการควบคุมเทคโนโลยียังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา ✅ สหรัฐฯ–จีนตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี ➡️ ทรัมป์ลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจาก 20% ➡️ จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ✅ ความสำคัญของแร่หายาก ➡️ ใช้ในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ การควบคุมส่งออกส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก ✅ ประเด็นชิป AI ยังไม่ชัดเจน ➡️ สหรัฐฯ จำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน ➡️ Nvidia และ AMD ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนด ➡️ ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง Blackwell” ในการเจรจา ✅ ปฏิกิริยาจากจีน ➡️ รายงานสรุปของจีนไม่กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ ท่าทีของจีนยังคงระมัดระวังและไม่เปิดเผยรายละเอียด https://www.tomshardware.com/tech-industry/u-s-and-china-agree-on-one-year-tariff-truce-including-semiconductor-and-rare-earth-breakthroughs-the-future-of-nvidia-ai-chip-sales-to-the-nation-remains-murky
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตชิปใกล้ระเบิดอีกครั้ง! ข้อพิพาทจีน–เนเธอร์แลนด์อาจทำให้การผลิตรถยนต์ทั่วโลกหยุดชะงัก

    บทความจาก SlashGear เผยว่าอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหม่จากการขาดแคลนชิป หลังรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุมบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่มีเจ้าของเป็นบริษัทจีน ส่งผลให้จีนตอบโต้ด้วยการออกคำสั่งควบคุมการส่งออก — และชิปที่ถูกแบนคือส่วนสำคัญในระบบควบคุมรถยนต์

    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุม Nexperia เพื่อปกป้องเทคโนโลยีของยุโรป
    Nexperia เป็นบริษัทผลิตชิปในเนเธอร์แลนด์ที่มีเจ้าของเป็นบริษัทจีนชื่อ Wingtech
    เนเธอร์แลนด์ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ แต่จีนไม่พอใจ

    จีนตอบโต้ด้วยการห้ามส่งออกชิ้นส่วนจาก Nexperia China
    กระทรวงพาณิชย์จีนออกประกาศควบคุมการส่งออกชิ้นส่วนสำเร็จรูปจากจีน
    รวมถึงชิปที่ใช้ในระบบควบคุมรถยนต์ (ECU)

    องค์กรอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกออกมาเตือนถึงผลกระทบ
    Alliance for Automotive Innovation (สหรัฐฯ) ระบุว่า “จะกระทบการผลิตรถยนต์ในหลายประเทศ”
    Japan Automobile Manufacturers Association เตือนว่า “จะส่งผลร้ายแรงต่อการผลิตทั่วโลก”
    สมาคม VDA ของเยอรมนีถึงขั้นระบุว่า “อาจหยุดการผลิตได้”

    Nexperia กำลังหาทางแก้ไขทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ
    พยายามหาช่องทางทางกฎหมายเพื่อให้สามารถส่งออกได้ต่อ
    แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแน่ชัด

    การขาดแคลนชิปอาจเริ่มกระทบการผลิตตั้งแต่พฤศจิกายน 2025
    ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเริ่มเตรียมแผนรับมือ
    อาจเกิดการเลื่อนส่งมอบรถยนต์หรือหยุดสายการผลิตชั่วคราว

    ความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น
    ชิปไม่ได้ใช้แค่ในรถยนต์ แต่ยังอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
    หากข้อพิพาทไม่คลี่คลาย อาจเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่

    https://www.slashgear.com/2009471/2025-chip-shortage-automaker-impact/
    🚗💥 วิกฤตชิปใกล้ระเบิดอีกครั้ง! ข้อพิพาทจีน–เนเธอร์แลนด์อาจทำให้การผลิตรถยนต์ทั่วโลกหยุดชะงัก บทความจาก SlashGear เผยว่าอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหม่จากการขาดแคลนชิป หลังรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุมบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปที่มีเจ้าของเป็นบริษัทจีน ส่งผลให้จีนตอบโต้ด้วยการออกคำสั่งควบคุมการส่งออก — และชิปที่ถูกแบนคือส่วนสำคัญในระบบควบคุมรถยนต์ ✅ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุม Nexperia เพื่อปกป้องเทคโนโลยีของยุโรป ➡️ Nexperia เป็นบริษัทผลิตชิปในเนเธอร์แลนด์ที่มีเจ้าของเป็นบริษัทจีนชื่อ Wingtech ➡️ เนเธอร์แลนด์ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำตามแรงกดดันจากสหรัฐฯ แต่จีนไม่พอใจ ✅ จีนตอบโต้ด้วยการห้ามส่งออกชิ้นส่วนจาก Nexperia China ➡️ กระทรวงพาณิชย์จีนออกประกาศควบคุมการส่งออกชิ้นส่วนสำเร็จรูปจากจีน ➡️ รวมถึงชิปที่ใช้ในระบบควบคุมรถยนต์ (ECU) ✅ องค์กรอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกออกมาเตือนถึงผลกระทบ ➡️ Alliance for Automotive Innovation (สหรัฐฯ) ระบุว่า “จะกระทบการผลิตรถยนต์ในหลายประเทศ” ➡️ Japan Automobile Manufacturers Association เตือนว่า “จะส่งผลร้ายแรงต่อการผลิตทั่วโลก” ➡️ สมาคม VDA ของเยอรมนีถึงขั้นระบุว่า “อาจหยุดการผลิตได้” ✅ Nexperia กำลังหาทางแก้ไขทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ ➡️ พยายามหาช่องทางทางกฎหมายเพื่อให้สามารถส่งออกได้ต่อ ➡️ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแน่ชัด ‼️ การขาดแคลนชิปอาจเริ่มกระทบการผลิตตั้งแต่พฤศจิกายน 2025 ⛔ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเริ่มเตรียมแผนรับมือ ⛔ อาจเกิดการเลื่อนส่งมอบรถยนต์หรือหยุดสายการผลิตชั่วคราว ‼️ ความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ⛔ ชิปไม่ได้ใช้แค่ในรถยนต์ แต่ยังอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ⛔ หากข้อพิพาทไม่คลี่คลาย อาจเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ https://www.slashgear.com/2009471/2025-chip-shortage-automaker-impact/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Another Chip Shortage Is Coming, And It Could Seriously Mess With Automakers - SlashGear
    Chipmaker Nexperia, which supplies many of the world's automakers, is under export restrictions amidst a tug-of-war between the Dutch and Chinese governments.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่งออกไทยรุ่ง พุ่งแรงสุดรอบ 42 เดือน : [Biz Talk]
    แกร่งเกินคาด ส่งออกไทย ก.ย.68 ขยายตัว 19 % ด้วยมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ สูงสุดในรอบ 42 เดือน ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีสหรัฐ ผ่อนคลายลง ส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกฟื้น มีลุ้นยอดทั้งปีโตเกินเป้า แตะ 10 % ทำมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 10 ล้านล้านบาท
    ส่งออกไทยรุ่ง พุ่งแรงสุดรอบ 42 เดือน : [Biz Talk] แกร่งเกินคาด ส่งออกไทย ก.ย.68 ขยายตัว 19 % ด้วยมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ สูงสุดในรอบ 42 เดือน ได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีสหรัฐ ผ่อนคลายลง ส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกฟื้น มีลุ้นยอดทั้งปีโตเกินเป้า แตะ 10 % ทำมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 10 ล้านล้านบาท
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จีนยังใช้ชิป Nvidia H100 ในโดรนทหารอัตโนมัติ แม้ถูกสหรัฐฯ แบน — DeepSeek ถูกสงสัยว่าเทรนด้วยเทคโนโลยีอเมริกัน

    บทความจาก Tom’s Hardware เผยว่าโดรนทหารอัตโนมัติรุ่น P60 ของ Norinco ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐจีน ใช้ระบบ AI ที่ชื่อว่า DeepSeek ในการควบคุมการเคลื่อนที่และสนับสนุนการรบ โดยมีหลักฐานว่าระบบนี้อาจถูกเทรนด้วยชิป Nvidia H100 ที่ถูกสหรัฐฯ แบนการส่งออกไปยังจีนตั้งแต่ปี 2022

    แม้สหรัฐฯ จะจำกัดการส่งออกชิป AI ระดับสูง เช่น Nvidia H100 และ A100 ไปยังจีน แต่การสืบสวนของ Reuters พบว่าหน่วยงานวิจัยของกองทัพจีน เช่น National University of Defense Technology (NUDT) ยังมีการใช้ชิปเหล่านี้ในงานวิจัย โดยมีการกล่าวถึงในสิทธิบัตรกว่า 35 ฉบับ

    หนึ่งในสิทธิบัตรถูกยื่นในเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งอาจหมายถึงการใช้งานหลังจากมีการควบคุมการส่งออกแล้ว แม้จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าชิปถูกนำเข้าอย่างถูกกฎหมายหรือผ่านตลาดมือสอง

    DeepSeek ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ใช้ในโดรน P60 ถูกสงสัยว่าเทรนด้วยชิป Nvidia แต่รุ่นล่าสุดของมันสามารถทำงานร่วมกับชิป Huawei Ascend และซอฟต์แวร์ CANN ของจีนได้แล้ว

    Nvidia ระบุว่า “การรีไซเคิลชิปเก่าไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามใหม่” และ “การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกจำกัดในงานทหารจะไม่สามารถทำงานได้โดยไม่มีซอฟต์แวร์และการสนับสนุน”

    โดรน P60 ของจีนใช้ระบบ AI DeepSeek
    พัฒนาโดย Norinco บริษัทของรัฐ
    เคลื่อนที่ได้ 50 กม./ชม. และมีความสามารถสนับสนุนการรบอัตโนมัติ

    การใช้ชิป Nvidia H100 แม้ถูกแบน
    พบในสิทธิบัตรของ NUDT และสถาบันวิจัยอื่น ๆ
    มีสิทธิบัตรล่าสุดในปี 2025 ที่กล่าวถึง A100
    อาจได้มาจากตลาดมือสองหรือก่อนการควบคุม

    ความพยายามของจีนในการพึ่งพาชิปในประเทศ
    ใช้ Huawei Ascend และซอฟต์แวร์ CANN
    DeepSeek รุ่นใหม่รองรับชิปจีนโดยตรง

    มุมมองจาก Nvidia
    การใช้ชิปเก่าไม่ก่อให้เกิดภัยใหม่
    ไม่มีซอฟต์แวร์หรือการสนับสนุนสำหรับงานทหาร

    คำเตือนด้านความมั่นคง
    การใช้ชิป AI ในงานทหารอาจนำไปสู่การพัฒนาอาวุธอัตโนมัติ
    การควบคุมการส่งออกอาจไม่สามารถหยุดการใช้งานได้จริง
    การพึ่งพาตลาดมือสองเปิดช่องให้เกิดการละเมิดนโยบาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-autonomous-military-combat-drone-powered-by-deepseek-highlights-nvidia-reliance-investigation-reveals-peoples-liberation-army-supporting-institutions-continue-to-use-restricted-h100-chips
    🇨🇳 จีนยังใช้ชิป Nvidia H100 ในโดรนทหารอัตโนมัติ แม้ถูกสหรัฐฯ แบน — DeepSeek ถูกสงสัยว่าเทรนด้วยเทคโนโลยีอเมริกัน บทความจาก Tom’s Hardware เผยว่าโดรนทหารอัตโนมัติรุ่น P60 ของ Norinco ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐจีน ใช้ระบบ AI ที่ชื่อว่า DeepSeek ในการควบคุมการเคลื่อนที่และสนับสนุนการรบ โดยมีหลักฐานว่าระบบนี้อาจถูกเทรนด้วยชิป Nvidia H100 ที่ถูกสหรัฐฯ แบนการส่งออกไปยังจีนตั้งแต่ปี 2022 แม้สหรัฐฯ จะจำกัดการส่งออกชิป AI ระดับสูง เช่น Nvidia H100 และ A100 ไปยังจีน แต่การสืบสวนของ Reuters พบว่าหน่วยงานวิจัยของกองทัพจีน เช่น National University of Defense Technology (NUDT) ยังมีการใช้ชิปเหล่านี้ในงานวิจัย โดยมีการกล่าวถึงในสิทธิบัตรกว่า 35 ฉบับ หนึ่งในสิทธิบัตรถูกยื่นในเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งอาจหมายถึงการใช้งานหลังจากมีการควบคุมการส่งออกแล้ว แม้จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าชิปถูกนำเข้าอย่างถูกกฎหมายหรือผ่านตลาดมือสอง DeepSeek ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ใช้ในโดรน P60 ถูกสงสัยว่าเทรนด้วยชิป Nvidia แต่รุ่นล่าสุดของมันสามารถทำงานร่วมกับชิป Huawei Ascend และซอฟต์แวร์ CANN ของจีนได้แล้ว Nvidia ระบุว่า “การรีไซเคิลชิปเก่าไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามใหม่” และ “การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกจำกัดในงานทหารจะไม่สามารถทำงานได้โดยไม่มีซอฟต์แวร์และการสนับสนุน” ✅ โดรน P60 ของจีนใช้ระบบ AI DeepSeek ➡️ พัฒนาโดย Norinco บริษัทของรัฐ ➡️ เคลื่อนที่ได้ 50 กม./ชม. และมีความสามารถสนับสนุนการรบอัตโนมัติ ✅ การใช้ชิป Nvidia H100 แม้ถูกแบน ➡️ พบในสิทธิบัตรของ NUDT และสถาบันวิจัยอื่น ๆ ➡️ มีสิทธิบัตรล่าสุดในปี 2025 ที่กล่าวถึง A100 ➡️ อาจได้มาจากตลาดมือสองหรือก่อนการควบคุม ✅ ความพยายามของจีนในการพึ่งพาชิปในประเทศ ➡️ ใช้ Huawei Ascend และซอฟต์แวร์ CANN ➡️ DeepSeek รุ่นใหม่รองรับชิปจีนโดยตรง ✅ มุมมองจาก Nvidia ➡️ การใช้ชิปเก่าไม่ก่อให้เกิดภัยใหม่ ➡️ ไม่มีซอฟต์แวร์หรือการสนับสนุนสำหรับงานทหาร ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคง ⛔ การใช้ชิป AI ในงานทหารอาจนำไปสู่การพัฒนาอาวุธอัตโนมัติ ⛔ การควบคุมการส่งออกอาจไม่สามารถหยุดการใช้งานได้จริง ⛔ การพึ่งพาตลาดมือสองเปิดช่องให้เกิดการละเมิดนโยบาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-autonomous-military-combat-drone-powered-by-deepseek-highlights-nvidia-reliance-investigation-reveals-peoples-liberation-army-supporting-institutions-continue-to-use-restricted-h100-chips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ–จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า – อาจหลีกเลี่ยงภาษี 100% และควบคุมแร่หายาก

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะซื้อพัดลม CPU หรือเมนบอร์ดจากจีน แล้วจู่ๆ ราคาพุ่งขึ้น 100% เพราะภาษีนำเข้า – นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีตามแผนเดิม แต่ตอนนี้มีข่าวดีว่าอาจไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นแล้ว

    สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจากจีน เช่น เคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ที่ยังผลิตโดยจีนเป็นหลัก แม้ว่า GPU และ CPU จะเริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นแล้ว

    อีกประเด็นสำคัญคือ “แร่หายาก” เช่น นีโอไดเมียม, เซอเรียม, แลนทานัม และดิสโพรเซียม ที่ใช้ในพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ซึ่งจีนควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ไม่ใช่แค่แร่ดิบ

    ข้อตกลงใหม่นี้อาจช่วยให้จีน “ผ่อนปรน” การควบคุมแร่หายากชั่วคราว และลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ปลายปี

    อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมระดับสูงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

    ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน
    อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการอนุมัติ
    อาจช่วยหลีกเลี่ยงภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน
    รวมถึงเคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น

    การควบคุมแร่หายากของจีน
    ขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก
    ส่งผลต่อพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา
    จีนอาจผ่อนปรนการควบคุมชั่วคราวตามข้อตกลง

    ความสำคัญของแร่หายาก
    ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น พัดลม CPU, HDD, PSU
    จีนครองตลาดการแปรรูปแร่หายากกว่า 80%
    ไม่มีทางเลือกอื่นในระยะสั้นสำหรับผู้ผลิตทั่วโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-china-trade-framework-could-avoid-tariffs-and-rare-earth-curbs
    🌐 สหรัฐฯ–จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า – อาจหลีกเลี่ยงภาษี 100% และควบคุมแร่หายาก ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะซื้อพัดลม CPU หรือเมนบอร์ดจากจีน แล้วจู่ๆ ราคาพุ่งขึ้น 100% เพราะภาษีนำเข้า – นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีตามแผนเดิม แต่ตอนนี้มีข่าวดีว่าอาจไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นแล้ว สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจากจีน เช่น เคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ที่ยังผลิตโดยจีนเป็นหลัก แม้ว่า GPU และ CPU จะเริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นแล้ว อีกประเด็นสำคัญคือ “แร่หายาก” เช่น นีโอไดเมียม, เซอเรียม, แลนทานัม และดิสโพรเซียม ที่ใช้ในพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ซึ่งจีนควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ไม่ใช่แค่แร่ดิบ ข้อตกลงใหม่นี้อาจช่วยให้จีน “ผ่อนปรน” การควบคุมแร่หายากชั่วคราว และลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ปลายปี อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมระดับสูงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ✅ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ➡️ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการอนุมัติ ➡️ อาจช่วยหลีกเลี่ยงภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน ➡️ รวมถึงเคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ✅ การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ ขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ➡️ ส่งผลต่อพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ➡️ จีนอาจผ่อนปรนการควบคุมชั่วคราวตามข้อตกลง ✅ ความสำคัญของแร่หายาก ➡️ ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น พัดลม CPU, HDD, PSU ➡️ จีนครองตลาดการแปรรูปแร่หายากกว่า 80% ➡️ ไม่มีทางเลือกอื่นในระยะสั้นสำหรับผู้ผลิตทั่วโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-china-trade-framework-could-avoid-tariffs-and-rare-earth-curbs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    US–China reach trade framework that could avert 100% tariffs and pause rare-earth curbs — development comes as Trump and Xi prepare to meet this week
    US and Chinese trade negotiators say they’ve reached a framework agreement that, if approved by both governments this week, would roll back proposed 100% tariffs on Chinese imports and pause Beijing’s escalating export restrictions on rare-earth materials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei – จีนใกล้ปลดล็อกคอขวดชิป AI

    จีนกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของชิป AI ที่ใช้ในการประมวลผลขนาดใหญ่ เช่นในระบบปัญญาประดิษฐ์และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง

    ที่ผ่านมา Huawei และบริษัทอื่นๆ ต้องพึ่งพาสต็อก HBM ที่มีอยู่ก่อนการควบคุมการส่งออกจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ CXMT ได้พัฒนาตัวอย่าง HBM3 ได้สำเร็จ และส่งให้ Huawei ทดสอบแล้ว ซึ่งถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการผลิตในประเทศ

    แม้ CXMT ยังล้าหลังบริษัทระดับโลกอย่าง SK hynix อยู่ประมาณ 3–4 ปี แต่ก็มีความสามารถในการผลิต DRAM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะผลิตได้ถึง 280,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปีนี้

    นอกจากนี้ CXMT ยังเริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป และเตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกของปี 2026 เพื่อระดมทุนขยายกำลังการผลิต

    CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei
    เป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาคอขวดด้านชิป AI
    อาจนำไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายในปีนี้

    ความสามารถในการผลิตของ CXMT
    มีสายการผลิต DRAM ที่กำลังขยายตัว
    คาดว่าจะผลิตได้ 230,000–280,000 เวเฟอร์ต่อเดือน
    เริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไปแล้ว

    ความเคลื่อนไหวของบริษัทหน่วยความจำจีน
    YMTC เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ DRAM เพื่อช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ
    CXMT เตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกปี 2026

    ความล้าหลังด้านเทคโนโลยี
    CXMT ยังตามหลัง SK hynix ประมาณ 3–4 ปี
    HBM3E จะเข้าสู่จีนในปี 2027 ขณะที่ HBM4 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่

    https://wccftech.com/china-cxmt-ships-out-pivotal-hbm3-samples-to-huawei/
    🇨🇳 CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei – จีนใกล้ปลดล็อกคอขวดชิป AI จีนกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของชิป AI ที่ใช้ในการประมวลผลขนาดใหญ่ เช่นในระบบปัญญาประดิษฐ์และเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง ที่ผ่านมา Huawei และบริษัทอื่นๆ ต้องพึ่งพาสต็อก HBM ที่มีอยู่ก่อนการควบคุมการส่งออกจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ CXMT ได้พัฒนาตัวอย่าง HBM3 ได้สำเร็จ และส่งให้ Huawei ทดสอบแล้ว ซึ่งถือเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการผลิตในประเทศ แม้ CXMT ยังล้าหลังบริษัทระดับโลกอย่าง SK hynix อยู่ประมาณ 3–4 ปี แต่ก็มีความสามารถในการผลิต DRAM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะผลิตได้ถึง 280,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปีนี้ นอกจากนี้ CXMT ยังเริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไป และเตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกของปี 2026 เพื่อระดมทุนขยายกำลังการผลิต ✅ CXMT ส่งตัวอย่าง HBM3 ให้ Huawei ➡️ เป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาคอขวดด้านชิป AI ➡️ อาจนำไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมภายในปีนี้ ✅ ความสามารถในการผลิตของ CXMT ➡️ มีสายการผลิต DRAM ที่กำลังขยายตัว ➡️ คาดว่าจะผลิตได้ 230,000–280,000 เวเฟอร์ต่อเดือน ➡️ เริ่มผลิต DDR5 สำหรับผู้บริโภคทั่วไปแล้ว ✅ ความเคลื่อนไหวของบริษัทหน่วยความจำจีน ➡️ YMTC เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ DRAM เพื่อช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ ➡️ CXMT เตรียมเปิด IPO ในไตรมาสแรกปี 2026 ‼️ ความล้าหลังด้านเทคโนโลยี ⛔ CXMT ยังตามหลัง SK hynix ประมาณ 3–4 ปี ⛔ HBM3E จะเข้าสู่จีนในปี 2027 ขณะที่ HBM4 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ https://wccftech.com/china-cxmt-ships-out-pivotal-hbm3-samples-to-huawei/
    WCCFTECH.COM
    China's CXMT Ships Out HBM3 Samples to Huawei, Potentially Sorting Out a Massive Bottleneck in the Domestic AI Supply Chain
    China's CXMT has reportedly achieved a significant breakthrough by shipping HBM3 samples to domestic AI giants.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯลงนามเป็นชุดๆในข้อตกลงการค้าและแร่หายากกับ 4 ชาติพันธมิตรอาเซียน ในนั้นรวมถึงไทย เมื่อวันอาทิตย์(26ต.ค.) ในความพยายามจัดการกับภาวะไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของจีนที่คุมเข้มการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่ข้อมูลอย่างคร่าวๆในรายละเอียดของข้อตกลงเหล่านั้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102316

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯลงนามเป็นชุดๆในข้อตกลงการค้าและแร่หายากกับ 4 ชาติพันธมิตรอาเซียน ในนั้นรวมถึงไทย เมื่อวันอาทิตย์(26ต.ค.) ในความพยายามจัดการกับภาวะไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของจีนที่คุมเข้มการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่ข้อมูลอย่างคร่าวๆในรายละเอียดของข้อตกลงเหล่านั้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102316 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงการค้าและแร่ธาตุสำคัญกับ 4 ชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันอาทิตย์ (26) ในความพยายามท่ีจะแก้ปัญหาความไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากที่เข้มงวดขึ้นของจีน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102309

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงการค้าและแร่ธาตุสำคัญกับ 4 ชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันอาทิตย์ (26) ในความพยายามท่ีจะแก้ปัญหาความไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากที่เข้มงวดขึ้นของจีน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102309 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Typst 0.14 เปิดศักราชใหม่ของเอกสารดิจิทัล: เข้าถึงได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น และสวยงามกว่าเดิม”

    รู้ไหมว่า Typst ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดหน้าเอกสารที่หลายคนใช้แทน LaTeX ตอนนี้ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว—Typst 0.14! รอบนี้เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะอัปเดตครั้งนี้เน้นเรื่อง “การเข้าถึง” หรือ accessibility เป็นหลักเลยล่ะ

    ลองนึกภาพว่าเราทำเอกสาร PDF แล้วคนที่ใช้ screen reader ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เหมือนกับคนที่มองเห็นปกติ—Typst ทำให้สิ่งนี้เป็นจริง เพราะตอนนี้มันสามารถใส่ tag ที่ช่วยให้โปรแกรมช่วยอ่านเข้าใจโครงสร้างของเอกสารได้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีตัวเลือกให้ตรวจสอบว่าเอกสารของเราผ่านมาตรฐานสากลอย่าง PDF/UA-1 หรือเปล่าด้วยนะ

    นอกจากนี้ยังมีของใหม่อีกเพียบ เช่น การรองรับ PDF เป็นภาพโดยตรง (เหมาะมากกับคนที่มีกราฟิกซับซ้อน), การจัดย่อหน้าแบบละเอียดถึงระดับตัวอักษร (character-level justification), และการส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้นเยอะ

    ที่น่าสนใจคือ Typst ยังใช้ไลบรารี PDF ใหม่ที่ชื่อว่า “hayro” ซึ่งเขียนด้วยภาษา Rust ทั้งหมด ทำให้การประมวลผล PDF เร็วและเสถียรมากขึ้นอีกด้วย

    การเข้าถึง (Accessibility) เป็นค่าเริ่มต้นใน Typst 0.14
    เอกสาร PDF ที่สร้างจาก Typst จะมี tag สำหรับ screen reader โดยอัตโนมัติ
    รองรับการใส่คำอธิบายภาพ (alt text) สำหรับรูปภาพและแผนภาพ
    มีโหมดตรวจสอบความเข้ากันได้กับมาตรฐาน PDF/UA-1 เพื่อให้เอกสารเข้าถึงได้จริง

    รองรับ PDF เป็นภาพ (PDFs as images)
    สามารถแทรกไฟล์ PDF เป็นภาพในเอกสารได้โดยตรง
    รองรับการแสดงผลในทุกฟอร์แมต เช่น PDF, HTML, SVG, PNG
    ใช้ไลบรารี “hayro” ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อประมวลผล PDF

    การจัดย่อหน้าแบบละเอียด (Character-level justification)
    ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ย่อหน้าดูสมดุล
    เป็นฟีเจอร์ที่ LaTeX ยังไม่มีในตอนนี้
    ช่วยให้การจัดหน้าเอกสารดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

    การส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้น (Richer HTML export)
    รองรับ element เพิ่มเติม เช่น footnotes, citations, outlines
    มีระบบ typed HTML interface สำหรับเขียน HTML ด้วย Typst ได้ง่ายขึ้น
    เตรียมเปิดให้ใช้งานในเว็บแอปเร็ว ๆ นี้

    การอัปเกรดที่ราบรื่น (Migration & Compatibility)
    มีระบบช่วยตรวจสอบความเข้ากันได้ของเอกสารเก่ากับเวอร์ชันใหม่
    แจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ และให้เลือกอัปเกรดได้ในเว็บแอป

    https://typst.app/blog/2025/typst-0.14/
    “Typst 0.14 เปิดศักราชใหม่ของเอกสารดิจิทัล: เข้าถึงได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น และสวยงามกว่าเดิม” รู้ไหมว่า Typst ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดหน้าเอกสารที่หลายคนใช้แทน LaTeX ตอนนี้ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว—Typst 0.14! รอบนี้เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะอัปเดตครั้งนี้เน้นเรื่อง “การเข้าถึง” หรือ accessibility เป็นหลักเลยล่ะ ลองนึกภาพว่าเราทำเอกสาร PDF แล้วคนที่ใช้ screen reader ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เหมือนกับคนที่มองเห็นปกติ—Typst ทำให้สิ่งนี้เป็นจริง เพราะตอนนี้มันสามารถใส่ tag ที่ช่วยให้โปรแกรมช่วยอ่านเข้าใจโครงสร้างของเอกสารได้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีตัวเลือกให้ตรวจสอบว่าเอกสารของเราผ่านมาตรฐานสากลอย่าง PDF/UA-1 หรือเปล่าด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีของใหม่อีกเพียบ เช่น การรองรับ PDF เป็นภาพโดยตรง (เหมาะมากกับคนที่มีกราฟิกซับซ้อน), การจัดย่อหน้าแบบละเอียดถึงระดับตัวอักษร (character-level justification), และการส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้นเยอะ ที่น่าสนใจคือ Typst ยังใช้ไลบรารี PDF ใหม่ที่ชื่อว่า “hayro” ซึ่งเขียนด้วยภาษา Rust ทั้งหมด ทำให้การประมวลผล PDF เร็วและเสถียรมากขึ้นอีกด้วย ✅ การเข้าถึง (Accessibility) เป็นค่าเริ่มต้นใน Typst 0.14 ➡️ เอกสาร PDF ที่สร้างจาก Typst จะมี tag สำหรับ screen reader โดยอัตโนมัติ ➡️ รองรับการใส่คำอธิบายภาพ (alt text) สำหรับรูปภาพและแผนภาพ ➡️ มีโหมดตรวจสอบความเข้ากันได้กับมาตรฐาน PDF/UA-1 เพื่อให้เอกสารเข้าถึงได้จริง ✅ รองรับ PDF เป็นภาพ (PDFs as images) ➡️ สามารถแทรกไฟล์ PDF เป็นภาพในเอกสารได้โดยตรง ➡️ รองรับการแสดงผลในทุกฟอร์แมต เช่น PDF, HTML, SVG, PNG ➡️ ใช้ไลบรารี “hayro” ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อประมวลผล PDF ✅ การจัดย่อหน้าแบบละเอียด (Character-level justification) ➡️ ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ย่อหน้าดูสมดุล ➡️ เป็นฟีเจอร์ที่ LaTeX ยังไม่มีในตอนนี้ ➡️ ช่วยให้การจัดหน้าเอกสารดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ✅ การส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้น (Richer HTML export) ➡️ รองรับ element เพิ่มเติม เช่น footnotes, citations, outlines ➡️ มีระบบ typed HTML interface สำหรับเขียน HTML ด้วย Typst ได้ง่ายขึ้น ➡️ เตรียมเปิดให้ใช้งานในเว็บแอปเร็ว ๆ นี้ ✅ การอัปเกรดที่ราบรื่น (Migration & Compatibility) ➡️ มีระบบช่วยตรวจสอบความเข้ากันได้ของเอกสารเก่ากับเวอร์ชันใหม่ ➡️ แจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ และให้เลือกอัปเกรดได้ในเว็บแอป https://typst.app/blog/2025/typst-0.14/
    TYPST.APP
    Typst: Typst 0.14: Now accessible – Typst Blog
    Typst 0.14 is out now. With accessibility by default, PDFs as images, character-level justification, and more, it has everything you need to move from draft to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย

    TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง

    จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์

    แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา

    สถานการณ์ของ TSMC
    มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี
    ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน
    ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว

    บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก
    ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก
    ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024
    ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025
    ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก

    ทางเลือกจากประเทศอื่น
    ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง
    แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต
    มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    🌏 TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์ แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา ✅ สถานการณ์ของ TSMC ➡️ มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี ➡️ ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน ➡️ ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว ✅ บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก ➡️ ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก ➡️ ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024 ➡️ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ➡️ ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก ✅ ทางเลือกจากประเทศอื่น ➡️ ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง ➡️ แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต ➡️ มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude AI เปิดตัวฟีเจอร์ Memory สำหรับผู้ใช้ Pro – เชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Gemini ได้อย่างลื่นไหล

    Anthropic ผู้พัฒนา Claude AI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Memory” สำหรับผู้ใช้แบบ Pro และ Max โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ Claude ฉลาดขึ้นและเข้าใจผู้ใช้มากขึ้นในระยะยาว ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ และปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

    ผู้ใช้สามารถควบคุม Memory ได้อย่างละเอียด เช่น เปิด/ปิดการจดจำ ลบความจำเฉพาะจุด หรือใช้โหมด Incognito เพื่อเริ่มต้นใหม่แบบไม่มีบริบทเก่า นอกจากนี้ยังสามารถนำเข้าความจำจาก AI ตัวอื่น เช่น ChatGPT และ Gemini ได้ด้วย ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น

    Claude ยังสามารถสร้าง “พื้นที่ความจำเฉพาะ” สำหรับแต่ละโปรเจกต์ เช่น แยกงานเขียนออกจากงานวางแผนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่องในแต่ละบริบท

    ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ของ Anthropic ที่ต้องการให้ Claude เป็น “คู่คิดระยะยาว” ที่สามารถเข้าใจบริบทการทำงานของผู้ใช้และปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง

    การเปิดตัวฟีเจอร์ Memory ใน Claude AI
    รองรับผู้ใช้แบบ Pro ($20/เดือน) และ Max ($100/เดือน)
    Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ ได้
    ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้
    ผู้ใช้สามารถควบคุมความจำได้อย่างละเอียด

    ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ AI อื่น
    สามารถนำเข้าความจำจาก ChatGPT และ Gemini ได้
    ช่วยให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น
    รองรับการส่งออกความจำไปยังแพลตฟอร์มอื่น

    การจัดการความจำแบบแยกโปรเจกต์
    Claude สามารถสร้างพื้นที่ความจำเฉพาะสำหรับแต่ละโปรเจกต์
    ช่วยให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่อง
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานหลายด้าน เช่น เขียนบทความและวางแผนผลิตภัณฑ์

    เป้าหมายของ Anthropic
    ต้องการให้ Claude เป็นคู่คิดระยะยาวที่เข้าใจผู้ใช้
    สร้างระบบ AI ที่มีความต่อเนื่องและปรับตัวได้
    เพิ่มความโปร่งใสในการจัดการข้อมูลความจำ

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ฟีเจอร์ Memory ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงิน
    การนำเข้าความจำจาก AI อื่นอาจมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้
    ผู้ใช้ต้องเข้าใจวิธีจัดการความจำเพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
    หากไม่จัดการพื้นที่ความจำอย่างเหมาะสม อาจเกิดความสับสนในบริบท

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude-ai-is-catching-up-fast-with-memory-for-pro-users-and-it-plays-nicely-with-chatgpt-and-gemini
    🧠 Claude AI เปิดตัวฟีเจอร์ Memory สำหรับผู้ใช้ Pro – เชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Gemini ได้อย่างลื่นไหล Anthropic ผู้พัฒนา Claude AI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Memory” สำหรับผู้ใช้แบบ Pro และ Max โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ Claude ฉลาดขึ้นและเข้าใจผู้ใช้มากขึ้นในระยะยาว ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ และปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ ผู้ใช้สามารถควบคุม Memory ได้อย่างละเอียด เช่น เปิด/ปิดการจดจำ ลบความจำเฉพาะจุด หรือใช้โหมด Incognito เพื่อเริ่มต้นใหม่แบบไม่มีบริบทเก่า นอกจากนี้ยังสามารถนำเข้าความจำจาก AI ตัวอื่น เช่น ChatGPT และ Gemini ได้ด้วย ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น Claude ยังสามารถสร้าง “พื้นที่ความจำเฉพาะ” สำหรับแต่ละโปรเจกต์ เช่น แยกงานเขียนออกจากงานวางแผนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่องในแต่ละบริบท ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ของ Anthropic ที่ต้องการให้ Claude เป็น “คู่คิดระยะยาว” ที่สามารถเข้าใจบริบทการทำงานของผู้ใช้และปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง ✅ การเปิดตัวฟีเจอร์ Memory ใน Claude AI ➡️ รองรับผู้ใช้แบบ Pro ($20/เดือน) และ Max ($100/เดือน) ➡️ Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ ได้ ➡️ ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้สามารถควบคุมความจำได้อย่างละเอียด ✅ ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ AI อื่น ➡️ สามารถนำเข้าความจำจาก ChatGPT และ Gemini ได้ ➡️ ช่วยให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น ➡️ รองรับการส่งออกความจำไปยังแพลตฟอร์มอื่น ✅ การจัดการความจำแบบแยกโปรเจกต์ ➡️ Claude สามารถสร้างพื้นที่ความจำเฉพาะสำหรับแต่ละโปรเจกต์ ➡️ ช่วยให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่อง ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานหลายด้าน เช่น เขียนบทความและวางแผนผลิตภัณฑ์ ✅ เป้าหมายของ Anthropic ➡️ ต้องการให้ Claude เป็นคู่คิดระยะยาวที่เข้าใจผู้ใช้ ➡️ สร้างระบบ AI ที่มีความต่อเนื่องและปรับตัวได้ ➡️ เพิ่มความโปร่งใสในการจัดการข้อมูลความจำ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ฟีเจอร์ Memory ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงิน ⛔ การนำเข้าความจำจาก AI อื่นอาจมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจวิธีจัดการความจำเพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ⛔ หากไม่จัดการพื้นที่ความจำอย่างเหมาะสม อาจเกิดความสับสนในบริบท https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude-ai-is-catching-up-fast-with-memory-for-pro-users-and-it-plays-nicely-with-chatgpt-and-gemini
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประกาศแผน 5 ปีใหม่ มุ่งพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ

    จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวฉบับใหม่ (ปี 2026–2030) โดยเน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคใหม่ แผนนี้ถูกผลักดันโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    จีนต้องการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนผ่านการปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

    ในด้านเทคโนโลยี รัฐบาลจะสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การบิน การขนส่ง และอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมั่นคง

    แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่ของจีน (2026–2030)
    เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ AI
    ผลักดัน “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่
    รับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ

    การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
    ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเคยสูงสุดในปี 2024
    กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังต่ำกว่า 40% ของ GDP
    ปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์
    เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค

    ผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี
    บริษัทเทคโนโลยีจีนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
    ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่าย
    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในจะช่วยลดการพึ่งพาตะวันตก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจต้องใช้เวลาและอาจกระทบการเติบโตระยะสั้น
    การพัฒนาเทคโนโลยีภายในอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ
    ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    การกระตุ้นการใช้จ่ายอาจไม่สำเร็จหากประชาชนยังขาดความมั่นใจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-seeks-semiconductor-and-ai-self-reliance-in-ambitious-new-5-year-plan-beijing-also-wants-to-increase-domestic-spending-and-reduce-reliance-on-exports
    🇨🇳 จีนประกาศแผน 5 ปีใหม่ มุ่งพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ จีนกำลังวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวฉบับใหม่ (ปี 2026–2030) โดยเน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคใหม่ แผนนี้ถูกผลักดันโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน และมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จีนต้องการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการส่งออก มาเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนผ่านการปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ในด้านเทคโนโลยี รัฐบาลจะสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และ AI ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแผนนี้ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การบิน การขนส่ง และอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้าง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ที่จะผลักดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างมั่นคง ✅ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่ของจีน (2026–2030) ➡️ เน้นการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์และ AI ➡️ ผลักดัน “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ ➡️ รับมือกับความเสี่ยงจากการพึ่งพาการส่งออกและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ✅ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ➡️ ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเคยสูงสุดในปี 2024 ➡️ กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังต่ำกว่า 40% ของ GDP ➡️ ปรับปรุงระบบประกันสังคมและสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ➡️ เพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค ✅ ผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยี ➡️ บริษัทเทคโนโลยีจีนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ➡️ ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นการใช้จ่าย ➡️ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในจะช่วยลดการพึ่งพาตะวันตก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจต้องใช้เวลาและอาจกระทบการเติบโตระยะสั้น ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีภายในอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ ⛔ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ⛔ การกระตุ้นการใช้จ่ายอาจไม่สำเร็จหากประชาชนยังขาดความมั่นใจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-seeks-semiconductor-and-ai-self-reliance-in-ambitious-new-5-year-plan-beijing-also-wants-to-increase-domestic-spending-and-reduce-reliance-on-exports
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS

    มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7

    แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน
    ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS
    เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน
    อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7

    ผลกระทบต่อจีน
    อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS
    อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน
    ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้
    มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน
    อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต
    การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    🇺🇸 สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7 แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ✅ แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน ➡️ ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS ➡️ เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7 ✅ ผลกระทบต่อจีน ➡️ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS ➡️ อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน ➡️ ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้ ➡️ มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน ⛔ อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ⛔ การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ⛔ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนพยายามถอดรหัสเครื่อง DUV ของ ASML – สุดท้ายพังเอง ต้องเรียกทีมดัตช์มาซ่อม!”

    ในความพยายามของจีนที่จะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตชิประดับโลก ล่าสุดมีรายงานว่า วิศวกรจีนได้พยายาม “reverse engineer” เครื่อง DUV (Deep Ultraviolet Lithography) ของ ASML ซึ่งเป็นบริษัทจากเนเธอร์แลนด์ที่ครองตลาดเครื่องผลิตชิปขั้นสูงมายาวนาน

    เรื่องราวเริ่มจากการที่จีนไม่สามารถเข้าถึงเครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet) ของ ASML ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ ทำให้ต้องพึ่งเครื่อง DUV รุ่นเก่าที่มีอยู่ และพยายามถอดรหัสเพื่อสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง แต่ระหว่างการถอดประกอบเครื่องกลับเกิดความเสียหายขึ้น จนต้องเรียกทีมเทคนิคของ ASML เข้ามาซ่อมให้

    เมื่อทีม ASML เดินทางไปจีน ก็พบว่าเครื่องไม่ได้เสียจากการใช้งานทั่วไป แต่เสียเพราะถูกถอดประกอบโดยไม่มีความเข้าใจเชิงลึกในระบบที่ซับซ้อนของเครื่อง DUV ซึ่งประกอบด้วยระบบออปติกส์ที่ละเอียดอ่อน ระบบสุญญากาศ และการควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมาก

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความยากลำบากของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี lithography ด้วยตัวเอง แม้จะมีความพยายามอย่างมากในการสร้างเครื่องผลิตชิปภายในประเทศ แต่ก็ยังห่างจากมาตรฐานของ ASML อยู่หลายปี

    เหตุการณ์การ reverse engineer เครื่อง DUV
    วิศวกรจีนพยายามถอดรหัสเครื่อง DUV ของ ASML
    เครื่องเกิดความเสียหายระหว่างการถอดประกอบ
    ต้องเรียกทีมเทคนิคจาก ASML มาซ่อมให้
    ทีม ASML พบว่าเครื่องเสียเพราะถูกแกะโดยไม่มีความเข้าใจระบบ
    เครื่อง DUV มีระบบออปติกส์และสุญญากาศที่ซับซ้อน
    การควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ต้องใช้ความแม่นยำสูง
    สะท้อนความท้าทายของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี lithography

    บริบททางเทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์
    จีนไม่สามารถเข้าถึงเครื่อง EUV ของ ASML ได้
    ต้องพึ่งเครื่อง DUV รุ่นเก่าในการผลิตชิป
    ความพยายามสร้างเทคโนโลยีภายในประเทศยังไม่เทียบเท่า ASML
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ
    ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง lithography ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก

    https://wccftech.com/chinese-engineers-tried-to-reverse-engineer-asml-duv-machines-only-to-break-them/
    🔧 “จีนพยายามถอดรหัสเครื่อง DUV ของ ASML – สุดท้ายพังเอง ต้องเรียกทีมดัตช์มาซ่อม!” ในความพยายามของจีนที่จะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตชิประดับโลก ล่าสุดมีรายงานว่า วิศวกรจีนได้พยายาม “reverse engineer” เครื่อง DUV (Deep Ultraviolet Lithography) ของ ASML ซึ่งเป็นบริษัทจากเนเธอร์แลนด์ที่ครองตลาดเครื่องผลิตชิปขั้นสูงมายาวนาน เรื่องราวเริ่มจากการที่จีนไม่สามารถเข้าถึงเครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet) ของ ASML ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ ทำให้ต้องพึ่งเครื่อง DUV รุ่นเก่าที่มีอยู่ และพยายามถอดรหัสเพื่อสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง แต่ระหว่างการถอดประกอบเครื่องกลับเกิดความเสียหายขึ้น จนต้องเรียกทีมเทคนิคของ ASML เข้ามาซ่อมให้ เมื่อทีม ASML เดินทางไปจีน ก็พบว่าเครื่องไม่ได้เสียจากการใช้งานทั่วไป แต่เสียเพราะถูกถอดประกอบโดยไม่มีความเข้าใจเชิงลึกในระบบที่ซับซ้อนของเครื่อง DUV ซึ่งประกอบด้วยระบบออปติกส์ที่ละเอียดอ่อน ระบบสุญญากาศ และการควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมาก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความยากลำบากของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี lithography ด้วยตัวเอง แม้จะมีความพยายามอย่างมากในการสร้างเครื่องผลิตชิปภายในประเทศ แต่ก็ยังห่างจากมาตรฐานของ ASML อยู่หลายปี ✅ เหตุการณ์การ reverse engineer เครื่อง DUV ➡️ วิศวกรจีนพยายามถอดรหัสเครื่อง DUV ของ ASML ➡️ เครื่องเกิดความเสียหายระหว่างการถอดประกอบ ➡️ ต้องเรียกทีมเทคนิคจาก ASML มาซ่อมให้ ➡️ ทีม ASML พบว่าเครื่องเสียเพราะถูกแกะโดยไม่มีความเข้าใจระบบ ➡️ เครื่อง DUV มีระบบออปติกส์และสุญญากาศที่ซับซ้อน ➡️ การควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ต้องใช้ความแม่นยำสูง ➡️ สะท้อนความท้าทายของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี lithography ✅ บริบททางเทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์ ➡️ จีนไม่สามารถเข้าถึงเครื่อง EUV ของ ASML ได้ ➡️ ต้องพึ่งเครื่อง DUV รุ่นเก่าในการผลิตชิป ➡️ ความพยายามสร้างเทคโนโลยีภายในประเทศยังไม่เทียบเท่า ASML ➡️ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ ➡️ ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง lithography ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก https://wccftech.com/chinese-engineers-tried-to-reverse-engineer-asml-duv-machines-only-to-break-them/
    WCCFTECH.COM
    Chinese Technicians Boldly Tried to Reverse Engineer ASML’s DUV Machines; Only to Break Them & Call the Dutch Firm For Help
    Chinese engineers did manage to 'break' ASML's DUV equipment, and actually called out the Dutch firm to sort out the problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nexperia โต้กลับอดีต CEO จีน — ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องไม่จ่ายเงินและการแยกตัวในจีน” — เมื่อสงครามเทคโนโลยีระหว่างยุโรป-จีนลุกลามถึงระดับผู้บริหาร

    บริษัทผลิตชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์ Nexperia ออกแถลงการณ์ตอบโต้ Zhang Xuezheng อดีต CEO ฝั่งจีนที่เพิ่งถูกปลด โดยระบุว่าข้อกล่าวหาที่ว่า “บริษัทไม่จ่ายเงินเดือนให้พนักงานในจีน” และ “หน่วยงานในจีนสามารถดำเนินงานอย่างอิสระ” เป็นข้อมูลเท็จและทำให้เข้าใจผิด

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุมกิจการของ Nexperia เพื่อป้องกันการส่งออกเทคโนโลยีสำคัญไปยังจีน โดยมีแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่กังวลว่า Zhang ใช้ทรัพยากรของ Nexperia สนับสนุนบริษัทผลิตชิปส่วนตัวของตนเอง

    หลังจากนั้น จีนได้สั่งห้ามโรงงานของ Nexperia ในจีนส่งออกสินค้า และ Zhang ก็ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน WeChat อ้างว่าหน่วยงานในจีนสามารถดำเนินงานได้เองโดยไม่ต้องพึ่งการจัดการจากเนเธอร์แลนด์

    Nexperia ยืนยันว่าโรงงานทุกแห่งยังดำเนินงานตามปกติ และข้อกล่าวหาเรื่องไม่จ่ายเงินเดือนนั้น “ไม่เป็นความจริง” โดยระบุว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูลเพื่อสร้างความสับสน

    รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ Vincent Karremans ซึ่งมีอำนาจอนุมัติการตัดสินใจของบริษัทในช่วงที่รัฐบาลเข้าควบคุม กำลังเตรียมพบกับเจ้าหน้าที่จีนและคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อหาทางออก

    เขาให้สัมภาษณ์ว่า “หากไม่ดำเนินการใด ๆ ยุโรปจะต้องพึ่งพาต่างชาติ 100% ในด้านความรู้และกำลังการผลิตชิป” ซึ่งสะท้อนความกังวลด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี

    Nexperia ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากอดีต CEO Zhang Xuezheng
    ระบุว่าเรื่องไม่จ่ายเงินเดือนและการแยกตัวในจีนเป็นข้อมูลเท็จ

    Zhang ถูกปลดหลังถูกกล่าวหาว่าใช้ทรัพยากรบริษัทสนับสนุนกิจการส่วนตัว
    เป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุมกิจการ

    จีนสั่งห้ามโรงงาน Nexperia ส่งออกสินค้า
    เป็นการตอบโต้การควบคุมจากฝั่งยุโรป

    ข้อกล่าวหาถูกเผยแพร่ผ่าน WeChat ของ Nexperia China
    อ้างว่าหน่วยงานจีนสามารถดำเนินงานได้เอง

    รัฐมนตรี Vincent Karremans เตรียมหารือกับจีนและ EU
    เพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง

    Nexperia เป็นผู้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ และยานยนต์
    แม้ไม่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/embattled-dutch-chipmaker-nexperia-blasts-ousted-ceo-over-false-accusations-claims-of-unpaid-salaries-and-independent-operation-in-china-are-falsehoods-say-company
    🇳🇱 “Nexperia โต้กลับอดีต CEO จีน — ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องไม่จ่ายเงินและการแยกตัวในจีน” — เมื่อสงครามเทคโนโลยีระหว่างยุโรป-จีนลุกลามถึงระดับผู้บริหาร บริษัทผลิตชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์ Nexperia ออกแถลงการณ์ตอบโต้ Zhang Xuezheng อดีต CEO ฝั่งจีนที่เพิ่งถูกปลด โดยระบุว่าข้อกล่าวหาที่ว่า “บริษัทไม่จ่ายเงินเดือนให้พนักงานในจีน” และ “หน่วยงานในจีนสามารถดำเนินงานอย่างอิสระ” เป็นข้อมูลเท็จและทำให้เข้าใจผิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุมกิจการของ Nexperia เพื่อป้องกันการส่งออกเทคโนโลยีสำคัญไปยังจีน โดยมีแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่กังวลว่า Zhang ใช้ทรัพยากรของ Nexperia สนับสนุนบริษัทผลิตชิปส่วนตัวของตนเอง หลังจากนั้น จีนได้สั่งห้ามโรงงานของ Nexperia ในจีนส่งออกสินค้า และ Zhang ก็ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน WeChat อ้างว่าหน่วยงานในจีนสามารถดำเนินงานได้เองโดยไม่ต้องพึ่งการจัดการจากเนเธอร์แลนด์ Nexperia ยืนยันว่าโรงงานทุกแห่งยังดำเนินงานตามปกติ และข้อกล่าวหาเรื่องไม่จ่ายเงินเดือนนั้น “ไม่เป็นความจริง” โดยระบุว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูลเพื่อสร้างความสับสน รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ Vincent Karremans ซึ่งมีอำนาจอนุมัติการตัดสินใจของบริษัทในช่วงที่รัฐบาลเข้าควบคุม กำลังเตรียมพบกับเจ้าหน้าที่จีนและคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อหาทางออก เขาให้สัมภาษณ์ว่า “หากไม่ดำเนินการใด ๆ ยุโรปจะต้องพึ่งพาต่างชาติ 100% ในด้านความรู้และกำลังการผลิตชิป” ซึ่งสะท้อนความกังวลด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี ✅ Nexperia ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากอดีต CEO Zhang Xuezheng ➡️ ระบุว่าเรื่องไม่จ่ายเงินเดือนและการแยกตัวในจีนเป็นข้อมูลเท็จ ✅ Zhang ถูกปลดหลังถูกกล่าวหาว่าใช้ทรัพยากรบริษัทสนับสนุนกิจการส่วนตัว ➡️ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์เข้าควบคุมกิจการ ✅ จีนสั่งห้ามโรงงาน Nexperia ส่งออกสินค้า ➡️ เป็นการตอบโต้การควบคุมจากฝั่งยุโรป ✅ ข้อกล่าวหาถูกเผยแพร่ผ่าน WeChat ของ Nexperia China ➡️ อ้างว่าหน่วยงานจีนสามารถดำเนินงานได้เอง ✅ รัฐมนตรี Vincent Karremans เตรียมหารือกับจีนและ EU ➡️ เพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง ✅ Nexperia เป็นผู้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ และยานยนต์ ➡️ แม้ไม่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/embattled-dutch-chipmaker-nexperia-blasts-ousted-ceo-over-false-accusations-claims-of-unpaid-salaries-and-independent-operation-in-china-are-falsehoods-say-company
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย-ลาว มิตรภาพแน่นแฟ้น

    แม้รัฐบาลจะมีอายุการทำงานเพียงแค่ 4 เดือน และสถานการณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชายังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แต่การเดินทางไปเยือนประเทศลาว ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและคณะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ในวาระครอบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ครบ 75 ปี ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่าลาวยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่วางใจได้ ธงชาติไทยสลับกับธงชาติลาวบริเวณประตูไช แลนด์มาร์คสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นภาพที่คนไทยและชาวลาวต่างรู้สึกเป็นบวก เพราะเป็นชาติที่คนไทยแทบไม่ต้องแปลภาษาก็สื่อสารกันง่าย เปรียบดังมองตาก็รู้ใจ

    การเดินทางมาเยือนลาวในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอนุทินลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและลาว 1 ฉบับ ได้แก่ เอ็มโอยูระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และธนาคารส่งเสริมกสิกรรมแห่ง สปป.ลาว รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงิน 10 ล้านบาท สำหรับโครงการความร่วมมือสกัดกั้นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด ไทย-ลาว การส่งมอบเซรุ่มแก้พิษงู มูลค่า 875,000 บาท อุปกรณ์พัฒนาและฝึกอาชีพแรงงาน มูลค่า 1.49 ล้านบาท ความช่วยเหลือทางวิชาการ สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาระบบประปาระยะที่ 2 มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท

    นอกจากนี้ ยังยกระดับความร่วมมือกับลาวในด้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแลนด์ล็อกเป็นแลนด์ลิงก์ เชื่อมโยงด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ และความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมช้ามชาติ ยาเสพติด ฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ โดยการตั้งศูนย์ Contact point และศูนย์ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงโดยใช้เทคโนโลยี ตามยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) ยืนยันการจัดประชุม COOP ครั้งที่ 8 ส่งเสริมการค้าชายแดน เอสเอ็มอี ตั้งเป้าหมายการค้าที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570 สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และแผนยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ไทย-ลาวอย่างครบวงจร ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ระหว่างทั้งสองประเทศ

    อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยและ สปป.ลาว เตรียมร่วมกันเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) จังหวัดบึงกาฬ ในช่วงปลายปี 2568 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับลาวและภูมิภาคอินโดจีน ไปยังท่าเรือน้ำลึกในประเทศเวียดนาม เช่น ท่าเรือสากลลาว-เวียด หรือท่าเรือหวุงอ๋าง จังหวัดฮาติงห์ ถือเป็นทางออกสู่ทะเลที่ใกล้ที่สุดของลาว และเชื่อมต่อทางตอนใต้ของประเทศจีน

    #Newskit
    ไทย-ลาว มิตรภาพแน่นแฟ้น แม้รัฐบาลจะมีอายุการทำงานเพียงแค่ 4 เดือน และสถานการณ์ความขัดแย้งกับกัมพูชายังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง แต่การเดินทางไปเยือนประเทศลาว ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและคณะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ในวาระครอบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ครบ 75 ปี ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่าลาวยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่วางใจได้ ธงชาติไทยสลับกับธงชาติลาวบริเวณประตูไช แลนด์มาร์คสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นภาพที่คนไทยและชาวลาวต่างรู้สึกเป็นบวก เพราะเป็นชาติที่คนไทยแทบไม่ต้องแปลภาษาก็สื่อสารกันง่าย เปรียบดังมองตาก็รู้ใจ การเดินทางมาเยือนลาวในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอนุทินลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและลาว 1 ฉบับ ได้แก่ เอ็มโอยูระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และธนาคารส่งเสริมกสิกรรมแห่ง สปป.ลาว รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงิน 10 ล้านบาท สำหรับโครงการความร่วมมือสกัดกั้นสารตั้งต้นของการผลิตยาเสพติด ไทย-ลาว การส่งมอบเซรุ่มแก้พิษงู มูลค่า 875,000 บาท อุปกรณ์พัฒนาและฝึกอาชีพแรงงาน มูลค่า 1.49 ล้านบาท ความช่วยเหลือทางวิชาการ สำหรับงานออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาระบบประปาระยะที่ 2 มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังยกระดับความร่วมมือกับลาวในด้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแลนด์ล็อกเป็นแลนด์ลิงก์ เชื่อมโยงด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ และความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมช้ามชาติ ยาเสพติด ฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ โดยการตั้งศูนย์ Contact point และศูนย์ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงโดยใช้เทคโนโลยี ตามยุทธศาสตร์ฟ้าใส (CLEAR Sky Strategy) ยืนยันการจัดประชุม COOP ครั้งที่ 8 ส่งเสริมการค้าชายแดน เอสเอ็มอี ตั้งเป้าหมายการค้าที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570 สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ และแผนยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ไทย-ลาวอย่างครบวงจร ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ระหว่างทั้งสองประเทศ อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยและ สปป.ลาว เตรียมร่วมกันเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) จังหวัดบึงกาฬ ในช่วงปลายปี 2568 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับลาวและภูมิภาคอินโดจีน ไปยังท่าเรือน้ำลึกในประเทศเวียดนาม เช่น ท่าเรือสากลลาว-เวียด หรือท่าเรือหวุงอ๋าง จังหวัดฮาติงห์ ถือเป็นทางออกสู่ทะเลที่ใกล้ที่สุดของลาว และเชื่อมต่อทางตอนใต้ของประเทศจีน #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NVIDIA สูญตลาดจีน 100% — Jensen Huang เผย ‘จาก 95% เหลือ 0%’”

    Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA กล่าวในงาน Citadel Securities Future Of Global Markets 2025 ว่าบริษัทของเขา “ไม่มีส่วนแบ่งตลาดในจีนอีกต่อไป” โดยระบุว่า NVIDIA เคยครองตลาด AI ของจีนถึง 95% แต่ตอนนี้เหลือ 0% และ “ในทุกการคาดการณ์ของเรา เราตั้งค่าจีนเป็นศูนย์”

    เหตุผลหลักคือจีนกำลังเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเองภายในประเทศ โดยไม่พึ่งพา NVIDIA อีกต่อไป ซึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ไม่อนุญาตให้ขายชิป AI ระดับสูงให้กับจีน โดยเฉพาะรุ่นใหม่อย่าง Blackwell B100 หรือ B200

    แม้ NVIDIA จะพยายามเสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper หรือ Blackwell B40 แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีจีนได้ โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่าง Huawei และ Cambricon กำลังเร่งพัฒนา AI chip ของตัวเองอย่างจริงจัง

    Jensen ยอมรับว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นในจีน ก็ถือเป็นโบนัส” และมองว่าการกลับเข้าสู่ตลาดจีนจะเป็นเรื่องยากมากในอนาคต เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

    Jensen Huang ระบุว่า NVIDIA สูญเสียตลาดจีนทั้งหมด
    จาก 95% เหลือ 0% ในการคาดการณ์ของบริษัท

    เหตุผลหลักคือจีนหันไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเอง
    เช่น Huawei และ Cambricon ที่มี roadmap ชิป AI ของตัวเอง

    สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีน
    เช่น Blackwell B100/B200 ไม่สามารถขายให้ได้

    NVIDIA เสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper และ B40
    แต่ยังไม่ตอบโจทย์การแข่งขันในจีน

    การกลับเข้าสู่ตลาดจีนต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ
    และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรง

    https://wccftech.com/our-market-share-dropped-from-95-to-0-in-china-says-nvidia-ceo/
    🇨🇳 “NVIDIA สูญตลาดจีน 100% — Jensen Huang เผย ‘จาก 95% เหลือ 0%’” Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA กล่าวในงาน Citadel Securities Future Of Global Markets 2025 ว่าบริษัทของเขา “ไม่มีส่วนแบ่งตลาดในจีนอีกต่อไป” โดยระบุว่า NVIDIA เคยครองตลาด AI ของจีนถึง 95% แต่ตอนนี้เหลือ 0% และ “ในทุกการคาดการณ์ของเรา เราตั้งค่าจีนเป็นศูนย์” เหตุผลหลักคือจีนกำลังเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเองภายในประเทศ โดยไม่พึ่งพา NVIDIA อีกต่อไป ซึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ไม่อนุญาตให้ขายชิป AI ระดับสูงให้กับจีน โดยเฉพาะรุ่นใหม่อย่าง Blackwell B100 หรือ B200 แม้ NVIDIA จะพยายามเสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper หรือ Blackwell B40 แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีจีนได้ โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่าง Huawei และ Cambricon กำลังเร่งพัฒนา AI chip ของตัวเองอย่างจริงจัง Jensen ยอมรับว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นในจีน ก็ถือเป็นโบนัส” และมองว่าการกลับเข้าสู่ตลาดจีนจะเป็นเรื่องยากมากในอนาคต เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ✅ Jensen Huang ระบุว่า NVIDIA สูญเสียตลาดจีนทั้งหมด ➡️ จาก 95% เหลือ 0% ในการคาดการณ์ของบริษัท ✅ เหตุผลหลักคือจีนหันไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเอง ➡️ เช่น Huawei และ Cambricon ที่มี roadmap ชิป AI ของตัวเอง ✅ สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีน ➡️ เช่น Blackwell B100/B200 ไม่สามารถขายให้ได้ ✅ NVIDIA เสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper และ B40 ➡️ แต่ยังไม่ตอบโจทย์การแข่งขันในจีน ✅ การกลับเข้าสู่ตลาดจีนต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ ➡️ และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรง https://wccftech.com/our-market-share-dropped-from-95-to-0-in-china-says-nvidia-ceo/
    WCCFTECH.COM
    “Our Market Share Dropped From 95% to 0%,” Says NVIDIA CEO Jensen Huang in a ‘Temporary Goodbye’ to China’s AI Market
    NVIDIA's CEO has once again commented on the firm's 'desperate' position in China, claiming that its market share has now plunged to 0%.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux และเพิ่มความยืดหยุ่นในการค้นหา”

    Calibre 8.13 คือเวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์จัดการ e-book แบบโอเพ่นซอร์สที่รองรับทั้ง Linux, macOS และ Windows โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงสำคัญหลายจุด โดยเฉพาะการส่งออกคลังหนังสือ (library export) บนระบบ Linux ที่ก่อนหน้านี้อาจมีปัญหาเมื่อระบบไฟล์ /tmp ถูก mount ไว้ใน RAM

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์ “virtual libraries” โดยเพิ่มกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด (multi-line edit box) สำหรับการเขียน expression เพื่อกรองหนังสือ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการคลังหนังสือเสมือนได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

    Calibre 8.13 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น:

    ปรับปรุงปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books
    แก้ไขตัวแปรสภาพแวดล้อม CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิดพลาด
    แก้ไขปัญหาการเปิด e-book จากผลลัพธ์ Full-Text Search ขณะยังค้นหาไม่เสร็จ

    สำหรับผู้ใช้ Windows มีการเปลี่ยนวิธีเรียกโปรแกรมภายนอกให้ใช้ Windows API โดยตรง เพื่อแยกการทำงานออกจากสภาพแวดล้อมของ Calibre ได้ดีขึ้น

    Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux
    ไม่ใช้ /tmp อีกต่อไปหากระบบ mount ไว้ใน RAM

    ปรับปรุง virtual libraries ด้วยกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด
    เขียน expression ได้สะดวกและแม่นยำขึ้น

    แก้ไขปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books
    ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

    แก้ไขตัวแปร CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิด
    ช่วยให้การกำหนดฐานข้อมูลทำได้ถูกต้อง

    แก้ไขบั๊กจากเวอร์ชัน 8.11 ที่เปิด e-book จากผลลัพธ์ FTS ไม่ได้
    ป้องกันข้อผิดพลาดขณะค้นหา

    บน Windows ใช้ Windows API เรียกโปรแกรมภายนอก
    แยกการทำงานจาก Calibre ได้ดีขึ้น

    https://9to5linux.com/calibre-8-13-open-source-e-book-manager-improves-library-export-on-linux
    📚 “Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux และเพิ่มความยืดหยุ่นในการค้นหา” Calibre 8.13 คือเวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์จัดการ e-book แบบโอเพ่นซอร์สที่รองรับทั้ง Linux, macOS และ Windows โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับปรุงสำคัญหลายจุด โดยเฉพาะการส่งออกคลังหนังสือ (library export) บนระบบ Linux ที่ก่อนหน้านี้อาจมีปัญหาเมื่อระบบไฟล์ /tmp ถูก mount ไว้ใน RAM นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์ “virtual libraries” โดยเพิ่มกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด (multi-line edit box) สำหรับการเขียน expression เพื่อกรองหนังสือ ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการคลังหนังสือเสมือนได้สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น Calibre 8.13 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น: 📚 ปรับปรุงปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books 📚 แก้ไขตัวแปรสภาพแวดล้อม CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิดพลาด 📚 แก้ไขปัญหาการเปิด e-book จากผลลัพธ์ Full-Text Search ขณะยังค้นหาไม่เสร็จ สำหรับผู้ใช้ Windows มีการเปลี่ยนวิธีเรียกโปรแกรมภายนอกให้ใช้ Windows API โดยตรง เพื่อแยกการทำงานออกจากสภาพแวดล้อมของ Calibre ได้ดีขึ้น ✅ Calibre 8.13 ปรับปรุงการส่งออกคลังหนังสือบน Linux ➡️ ไม่ใช้ /tmp อีกต่อไปหากระบบ mount ไว้ใน RAM ✅ ปรับปรุง virtual libraries ด้วยกล่องแก้ไขแบบหลายบรรทัด ➡️ เขียน expression ได้สะดวกและแม่นยำขึ้น ✅ แก้ไขปลั๊กอิน ebooks.com ในฟีเจอร์ Get Books ➡️ ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ✅ แก้ไขตัวแปร CALIBRE_OVERRIDE_DATABASE_PATH ที่เคยทำงานผิด ➡️ ช่วยให้การกำหนดฐานข้อมูลทำได้ถูกต้อง ✅ แก้ไขบั๊กจากเวอร์ชัน 8.11 ที่เปิด e-book จากผลลัพธ์ FTS ไม่ได้ ➡️ ป้องกันข้อผิดพลาดขณะค้นหา ✅ บน Windows ใช้ Windows API เรียกโปรแกรมภายนอก ➡️ แยกการทำงานจาก Calibre ได้ดีขึ้น https://9to5linux.com/calibre-8-13-open-source-e-book-manager-improves-library-export-on-linux
    9TO5LINUX.COM
    Calibre 8.13 Open-Source E-Book Manager Improves Library Export on Linux - 9to5Linux
    Calibre 8.13 open-source e-book manager is now available for download with improved library export on Linux distros that mount /tmp in RAM.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 1
    “รุกฆาต หรือ รุกคืบ”
    ตอนที่ 1

    เพิ่งเขียนเรื่อง สงครามชิงโลกส่งกลิ่นฉุนโชยเสร็จไปไม่กี่วัน ยังกับอเมริกาเอาดาวเทียมมาแอบส่องอ่านตอนลุงนิทานกำลังนั่งเขียน สงสัยจะไปจี้ถูกจุด ถูกนินทาว่ากำลังออกอ่าว ตีกรรเชียงว่อนไปวนมา นักล่าใบตองแห้งเลยต้องรีบจัดการแสดง เล่นบทตีกลองส่งสัญญานโชว์แก่ประชาคมโลกบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรับสัญญาน จากฝ่ายรัสเซียและพวกมาหลายรอบ เล่นเอา สื่อใหญ่ สื่อน้อย ต่างโหมประโคมข่าววิเคราะห์กันไปในท้วงทำนองเดียวกัน ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังเริ่มบรรเลงแล้ว America is on a “Hot War Footing” , “World War III: US House Passes Resolution 758 Against Russia” แผนทำสงครามโลกที่ Pentagon วาดไว้บนกระดานมากว่า 10 ปี กำลังมาถึงบทปฏิบัติการทางทหารกับรัสเซียแล้ว มีไฟมาลนเพิ่ม โลกเริ่มร้อนขึ้นแล้ว แหม ลุงนิทาน ไม่ตกเทรนด์ แถมนำเล็กๆ ฮา

    สภาล่างของอเมริกา มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2014 ด้วยคะแนนเสียง 411 เสียง ต่อ 10 เสียง ให้ทำการประณามอย่างรุนแรง ต่อการกระทำของรัสเซีย ภายใต้การกุมบังเหียนของพณฯท่านคุณพี่ปูติน ว่าเป็นการดำเนินนโยบาย ที่แสดงความก้าวร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหวังผลที่จะมีอำนาจในการควบคุมทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยบรรยายการกระทำของรัสเซีย ยาวประมาณ 36 ย่อหน้า เป็นการเขียนด่าประณามรัสเซียที่ยอดเยี่ยมมาก เหมือนอมริกากำลังส่องกระจกมองตัวเอง แล้วก็ด่าไป แค่เปลี่ยนชื่อคนในกระจก จากนายโอบามาเป็นคุณพี่ปูตินเท่านั้นเอง !

    สำหรับมติ ในส่วนที่สภาล่างให้ดำเนินการ มีประมาณ 22 หัวข้อ ซึ่งสรุปคร่าวๆ ว่า ให้รัสเซียถอนการผนวกแหลม Crimea ที่ไม่ถูกกฏหมายเสียเป็นการด่วน และจงถอยทัพออกไปจากอาณาเขตของ Ukraine, Georgia และ Maldova พร้อมทั้งหยุดให้การสนับสนุน ด้านการเมือง การทหาร และ เศรษฐกิจ แก่กองกำลังแบ่งแยกดินแดน ฯลฯ ซึ่งผมชอบมากทุกข้อเลย ถือเป็นการลงมติระดับเซียนสร้างเรื่องทีเดียว

    ลองดูตัวอย่าง ที่น่าประทับใจหน่อยนะครับ

    หัวข้อที่ 1 มติให้อเมริกา ให้การสนับสนุน ประธานาธิบดี และชาว Ukraine ในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในประเทศของตน…….. ซึ่งรวมถึงการมีนโยบายที่จะลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะใช้การส่งออก และการค้าพลังงาน เป็นอาวุธเพื่อกดดันเศรษฐกิจและการเมือง และยุติการก้าวก่ายของรัสเซียในกิจการภายในของ Ukraine

    มติแบบนี้ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็ได้แต่พูด ให้เกียรติเราเกินไปแล้ว เรามิบังอาจกล่าวอ้างเช่นนั้น ฮ่า ฮ่า
    หัวข้อที่ 10 มติเรียกร้องประธานาธิบดี จัดหาอาวุธ การบริการ รวมทั้งการฝึกอบรมที่จำเป็นแก่ Ukraine ในการปกป้องอาณาเขต และอธิปไตยของตนเอง

    แบบนี้ อเมริกาทำได้นะครับ อยากจะอุ้มชูใคร ให้อาวุธใคร หรือกระทืบใคร ทำได้ทั้งนั้นครับ ก็ยอมเขาเองนี่ครับ

    หัวข้อที่ 11 มติเรียกร้องให้อเมริกา จัดหาข่าวกรอง และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ให้ Ukraine เพื่อใช้ในการป้องกันอาณาเขตและอธิปไตยของประเทศตน

    แบบนี้ อเมริกาก็ไม่ผิดนะครับ เสือกกันได้ ทำแบบนี้มาเกือบทั้งโลกแล้ว แถม Ukraine ไปอีกประเทศ เป็นไรไป ไม่ทำให้เลวไปกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกน่า

    หัวข้อที่ 13 มติยืนยันคำมั่นของอเมริกาต่อพันธะภายใต้กฏบัตร North Atlantic Treaty โดยเฉเพาะข้อ 5 รวมทั้งเรียกร้องถึงสมาชิกทั้งปวงด้วย เพื่อให้ความร่วมมือกันในการจัดส่งกองกำลังของตนเพื่อรักษาความมั่นคงเมื่อ มีจำเป็น

    มตินี้แปลว่า ลูกพี่อยากรบเมื่อไหร่ ส่งสัญญานไป ลูกหาบต้องมาครบ เข้าใจไหม

    หัวข้อที่ 17 มติให้ Ukraine, EU และประเทศในยุโรป สนับสนุนการ ริเริ่มใช้พลังงานหลากหลาย เพื่อลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะนำการส่งพลังงานของตนมาเป็นเครื่องมือกดดันทางการเมืองและเศรษฐกืจต่อ ประเทศอื่นๆ…

    อีกละ มติแบบนี้ คุณพี่ปูตินก็ได้แต่อมยิ้ม ทำหน้าหล่อไปเท่านั้น ขอโทษไม่ตั้งใจเลย มันหล่อเอง ฮา

    ส่วน หัวข้อที่ 21 มติเรียกร้องให้รัสเซีย แสวงหาหนทาง สร้างสัมพันธ์กับอเมริกา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานของการเคารพในอิสรภาพ และอธิปไตยของประเทศอื่น สิทธืในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศเหล่านั้น รวมทั้งการมีสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่น

    ข้อนี้ผมหมดปัญญา ไม่รู้จะสรรเสริญอย่างไร ให้สมกับการแสดงความใหญ่ล้นโลกของเจ้าของมติ

    แต่ยังไงก็สู้หัวข้อที่ 22 ไม่ได้ น่ารัก น่าชัง เหมือนโฆษณาของบริษัทจัดคู่นัด ที่ระบุให้มีการร่วมมือกันระหว่างชาวอเมริกาและชาวรัสเซีย เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิด อืม อืย..เพื่อแสวงหา ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพระหว่างชาติด้วยกัน

    ยกตัวอย่างแค่นี้น่าจะพอ ขอโทษเถอะนะ ผมอ่านแล้ว ดูไม่สมราคารายการศึกท้าชิงแชมป์ เลย เหมือนจะหนักแน่น ก็แน่นจริงหรอก ตั้ง 36 ย่อหน้าการประณาม แน่นเต็มหน้ากระดาษ แต่ไม่หนักนะ แถมเบาจนลอยฟุ้ง จะขึ้นไปติดลมบนเอาด้วย ส่วนเรื่องความร้อนแรง ก็คงต้องโหมไฟกว่านี้อีกหลายท่อนฟืน

    เหมือน ฉากยังสร้างไม่เสร็จ สีที่ทาก็ยังไม่แห้ง แต่ไปรีบยกเอาเก้าอี้มาตั้งกลางโรง นั่งตีกลองโชว์ชาวบ้าน ตกลงอเมริกากำลังส่งสัญญาณอะไรกันแน่ !?

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 ธค. 2557
    รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 1 “รุกฆาต หรือ รุกคืบ” ตอนที่ 1 เพิ่งเขียนเรื่อง สงครามชิงโลกส่งกลิ่นฉุนโชยเสร็จไปไม่กี่วัน ยังกับอเมริกาเอาดาวเทียมมาแอบส่องอ่านตอนลุงนิทานกำลังนั่งเขียน สงสัยจะไปจี้ถูกจุด ถูกนินทาว่ากำลังออกอ่าว ตีกรรเชียงว่อนไปวนมา นักล่าใบตองแห้งเลยต้องรีบจัดการแสดง เล่นบทตีกลองส่งสัญญานโชว์แก่ประชาคมโลกบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรับสัญญาน จากฝ่ายรัสเซียและพวกมาหลายรอบ เล่นเอา สื่อใหญ่ สื่อน้อย ต่างโหมประโคมข่าววิเคราะห์กันไปในท้วงทำนองเดียวกัน ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังเริ่มบรรเลงแล้ว America is on a “Hot War Footing” , “World War III: US House Passes Resolution 758 Against Russia” แผนทำสงครามโลกที่ Pentagon วาดไว้บนกระดานมากว่า 10 ปี กำลังมาถึงบทปฏิบัติการทางทหารกับรัสเซียแล้ว มีไฟมาลนเพิ่ม โลกเริ่มร้อนขึ้นแล้ว แหม ลุงนิทาน ไม่ตกเทรนด์ แถมนำเล็กๆ ฮา สภาล่างของอเมริกา มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2014 ด้วยคะแนนเสียง 411 เสียง ต่อ 10 เสียง ให้ทำการประณามอย่างรุนแรง ต่อการกระทำของรัสเซีย ภายใต้การกุมบังเหียนของพณฯท่านคุณพี่ปูติน ว่าเป็นการดำเนินนโยบาย ที่แสดงความก้าวร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหวังผลที่จะมีอำนาจในการควบคุมทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยบรรยายการกระทำของรัสเซีย ยาวประมาณ 36 ย่อหน้า เป็นการเขียนด่าประณามรัสเซียที่ยอดเยี่ยมมาก เหมือนอมริกากำลังส่องกระจกมองตัวเอง แล้วก็ด่าไป แค่เปลี่ยนชื่อคนในกระจก จากนายโอบามาเป็นคุณพี่ปูตินเท่านั้นเอง ! สำหรับมติ ในส่วนที่สภาล่างให้ดำเนินการ มีประมาณ 22 หัวข้อ ซึ่งสรุปคร่าวๆ ว่า ให้รัสเซียถอนการผนวกแหลม Crimea ที่ไม่ถูกกฏหมายเสียเป็นการด่วน และจงถอยทัพออกไปจากอาณาเขตของ Ukraine, Georgia และ Maldova พร้อมทั้งหยุดให้การสนับสนุน ด้านการเมือง การทหาร และ เศรษฐกิจ แก่กองกำลังแบ่งแยกดินแดน ฯลฯ ซึ่งผมชอบมากทุกข้อเลย ถือเป็นการลงมติระดับเซียนสร้างเรื่องทีเดียว ลองดูตัวอย่าง ที่น่าประทับใจหน่อยนะครับ หัวข้อที่ 1 มติให้อเมริกา ให้การสนับสนุน ประธานาธิบดี และชาว Ukraine ในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในประเทศของตน…….. ซึ่งรวมถึงการมีนโยบายที่จะลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะใช้การส่งออก และการค้าพลังงาน เป็นอาวุธเพื่อกดดันเศรษฐกิจและการเมือง และยุติการก้าวก่ายของรัสเซียในกิจการภายในของ Ukraine มติแบบนี้ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็ได้แต่พูด ให้เกียรติเราเกินไปแล้ว เรามิบังอาจกล่าวอ้างเช่นนั้น ฮ่า ฮ่า หัวข้อที่ 10 มติเรียกร้องประธานาธิบดี จัดหาอาวุธ การบริการ รวมทั้งการฝึกอบรมที่จำเป็นแก่ Ukraine ในการปกป้องอาณาเขต และอธิปไตยของตนเอง แบบนี้ อเมริกาทำได้นะครับ อยากจะอุ้มชูใคร ให้อาวุธใคร หรือกระทืบใคร ทำได้ทั้งนั้นครับ ก็ยอมเขาเองนี่ครับ หัวข้อที่ 11 มติเรียกร้องให้อเมริกา จัดหาข่าวกรอง และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ให้ Ukraine เพื่อใช้ในการป้องกันอาณาเขตและอธิปไตยของประเทศตน แบบนี้ อเมริกาก็ไม่ผิดนะครับ เสือกกันได้ ทำแบบนี้มาเกือบทั้งโลกแล้ว แถม Ukraine ไปอีกประเทศ เป็นไรไป ไม่ทำให้เลวไปกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกน่า หัวข้อที่ 13 มติยืนยันคำมั่นของอเมริกาต่อพันธะภายใต้กฏบัตร North Atlantic Treaty โดยเฉเพาะข้อ 5 รวมทั้งเรียกร้องถึงสมาชิกทั้งปวงด้วย เพื่อให้ความร่วมมือกันในการจัดส่งกองกำลังของตนเพื่อรักษาความมั่นคงเมื่อ มีจำเป็น มตินี้แปลว่า ลูกพี่อยากรบเมื่อไหร่ ส่งสัญญานไป ลูกหาบต้องมาครบ เข้าใจไหม หัวข้อที่ 17 มติให้ Ukraine, EU และประเทศในยุโรป สนับสนุนการ ริเริ่มใช้พลังงานหลากหลาย เพื่อลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะนำการส่งพลังงานของตนมาเป็นเครื่องมือกดดันทางการเมืองและเศรษฐกืจต่อ ประเทศอื่นๆ… อีกละ มติแบบนี้ คุณพี่ปูตินก็ได้แต่อมยิ้ม ทำหน้าหล่อไปเท่านั้น ขอโทษไม่ตั้งใจเลย มันหล่อเอง ฮา ส่วน หัวข้อที่ 21 มติเรียกร้องให้รัสเซีย แสวงหาหนทาง สร้างสัมพันธ์กับอเมริกา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานของการเคารพในอิสรภาพ และอธิปไตยของประเทศอื่น สิทธืในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศเหล่านั้น รวมทั้งการมีสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่น ข้อนี้ผมหมดปัญญา ไม่รู้จะสรรเสริญอย่างไร ให้สมกับการแสดงความใหญ่ล้นโลกของเจ้าของมติ แต่ยังไงก็สู้หัวข้อที่ 22 ไม่ได้ น่ารัก น่าชัง เหมือนโฆษณาของบริษัทจัดคู่นัด ที่ระบุให้มีการร่วมมือกันระหว่างชาวอเมริกาและชาวรัสเซีย เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิด อืม อืย..เพื่อแสวงหา ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพระหว่างชาติด้วยกัน ยกตัวอย่างแค่นี้น่าจะพอ ขอโทษเถอะนะ ผมอ่านแล้ว ดูไม่สมราคารายการศึกท้าชิงแชมป์ เลย เหมือนจะหนักแน่น ก็แน่นจริงหรอก ตั้ง 36 ย่อหน้าการประณาม แน่นเต็มหน้ากระดาษ แต่ไม่หนักนะ แถมเบาจนลอยฟุ้ง จะขึ้นไปติดลมบนเอาด้วย ส่วนเรื่องความร้อนแรง ก็คงต้องโหมไฟกว่านี้อีกหลายท่อนฟืน เหมือน ฉากยังสร้างไม่เสร็จ สีที่ทาก็ยังไม่แห้ง แต่ไปรีบยกเอาเก้าอี้มาตั้งกลางโรง นั่งตีกลองโชว์ชาวบ้าน ตกลงอเมริกากำลังส่งสัญญาณอะไรกันแน่ !? สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts