• พล.ท.หญิงมาลีก็มา งานเกษียณข้าราชการ เล่นใหญ่ทำถึง กลายเป็นไวรัล (23/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #พลทหญิงมาลี
    #เกษียณอายุราชการ
    #ไวรัล
    พล.ท.หญิงมาลีก็มา งานเกษียณข้าราชการ เล่นใหญ่ทำถึง กลายเป็นไวรัล (23/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #พลทหญิงมาลี #เกษียณอายุราชการ #ไวรัล
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 0 Reviews
  • ที่ประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหารนัดสุดท้ายก่อน ผบ.เหล่าทัพบางส่วนเกษียณอายุราชการ ผบ.เหล่าทัพเห็นชอบปิดด่านไทย-กัมพูชา จนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป พร้อมเดินหน้าจัดทำรั้วชายแดน พร้อมเสนอ รมว.กลาโหมพิจารณาแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089825

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ที่ประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหารนัดสุดท้ายก่อน ผบ.เหล่าทัพบางส่วนเกษียณอายุราชการ ผบ.เหล่าทัพเห็นชอบปิดด่านไทย-กัมพูชา จนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป พร้อมเดินหน้าจัดทำรั้วชายแดน พร้อมเสนอ รมว.กลาโหมพิจารณาแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089825 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • ครม.หนู 1 ขยับอีกครั้ง หลังมีรายงาน “พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (ตุลาคม 2566 – 30 กันยายน 2567 เกษียณอายุราชการพอดี) นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม สัดส่วนคนนอก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61  “อนุทิน” 

    สื่อรายงานว่า พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ หรือ บิ๊กดุลย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มีความเชี่ยวชาญในงานพื้นที่ โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีข้อพิพาท เพื่อแบ่งเบาภาระพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

    สำหรับชีวิตราชการก่อนเกษียณของ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผ่านสนามชายแดนมาโชกโชน ลุยมาแล้วทุกสมรภูมิ ถือเป็นนายทหารนักรบที่เติบโตในเส้นทางการรับราชการ ของสายคุมกำลังมาโดยตลอด เคยประจำการอยู่พื้นที่พิพาททั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ปัตตานี 24 และพื้นที่ชายแดนกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตย ในพื้นที่ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ประสาทตาควาย เมื่อปี 2564
    ครม.หนู 1 ขยับอีกครั้ง หลังมีรายงาน “พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ” อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 (ตุลาคม 2566 – 30 กันยายน 2567 เกษียณอายุราชการพอดี) นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม สัดส่วนคนนอก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.61  “อนุทิน”  สื่อรายงานว่า พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ หรือ บิ๊กดุลย์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มีความเชี่ยวชาญในงานพื้นที่ โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีข้อพิพาท เพื่อแบ่งเบาภาระพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ว่าที่ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  สำหรับชีวิตราชการก่อนเกษียณของ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผ่านสนามชายแดนมาโชกโชน ลุยมาแล้วทุกสมรภูมิ ถือเป็นนายทหารนักรบที่เติบโตในเส้นทางการรับราชการ ของสายคุมกำลังมาโดยตลอด เคยประจำการอยู่พื้นที่พิพาททั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ปัตตานี 24 และพื้นที่ชายแดนกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตย ในพื้นที่ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ประสาทตาควาย เมื่อปี 2564
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ หรือ "แม่ทัพกุ้ง"

    ท่านเกิดที่หนองคาย แล้วมาเติบโตที่จังหวัดอุดรธานี

    บิดาของท่านเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยยศสิบตำรวจเอก (ส.ต.อ.)มีลูก ๕ คน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านไม่เคยพอใช้

    แม่ของท่านจึงหารายได้จุนเจือครอบครัวด้วยการเป็นแม่ค้าขายผักในตลาด

    พี่ชายของท่าน ๓ คนเป็นตำรวจตระเวนชายแดน

    ตอนแรกเด็กชายบุญสินไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปอยู่ร้านซ่อมรถ

    แต่ดันไปใส่โซ่ผิดด้าน ทำให้โซ่ขาด ก็เลยตัดสินใจไปเรียนวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี แผนกเครื่องยนต์

    ต่อมาเด็กชายบุญสินคิดอยากจะไปสอบเตรียมทหารด้วยวุฒิการศึกษาป.ว.ช. (ไม่ใช่สายสามัญเหมือนนักเรียนเตรียมทหารส่วนใหญ่ทั่วไปที่มักมาจากเด็กเรียน)

    เด็กชายบุญสินเรียนจบสายอาชีพ แต่ไปสอบแข่งกับนักเรียนหัวกะทิจากทั่วประเทศในปีแรกนั้น

    สอบผ่านข้อเขียน แต่สอบตกรอบสอบสัมภาษณ์และการทดสอบความสามารถทางร่างกาย

    จึงต้องกลับมาเตรียมตัวใหม่ ด้วยความพากเพียรอันไม่ลดละ

    ในปีต่อมาท่านแม่ทัพกุ้งได้กลับไปสมัครสอบเตรียมทหารอีกครั้ง

    ตอนนั้นฐานะทางบ้านลำบากมาก แม่ของท่านไม่มีเงินซื้อกระเป๋าให้

    ท่านจึงเอาของใส่ลงใน "ย่ามพระ" แทนกระเป๋า!

    และก็มีแต่ท่านคนเดียวที่มีย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าตอนไปสอบเตรียมทหารในปีนั้น

    ปรากฏว่าคราวนี้สอบติด!

    ด้วยเหตุที่ท่านมีอายุมากกว่านักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกันนี้เอง

    แม่ทัพกุ้งจึงเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.จะยังอยู่ต่อไปได้อีก ๒ ปี

    ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (น.ต.ท.) จำต้องมีการเลือกเหล่าว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศหรือตำรวจ

    ท่านเองตอนนั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นทหารหรือเป็นตำรวจ

    วันหนึ่งมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพักปักกลดใกล้ๆบ้าน

    แม่ของท่านซึ่งแม้จะเป็นภรรยาตำรวจชั้นผู้น้อยและยากจน แต่ก็มีความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่มั่นคง

    แม่ของท่านได้พาลูกชายไปถวายภัตตาหารพระธุดงค์รูปนั้นกับตนด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อจนบัดนี้

    แม่ของท่านได้กราบเรียนถามพระธุดงค์รูปนั้นว่าลูกชายของตนจะเป็นทหารหรือตำรวจดี

    พระธุดงค์ลึกลับได้เพ่งไปในขันน้ำมนต์แล้วก็พูดออกมาว่า

    "ไอ้หนูคนนี้ต้องเป็นทหารเท่านั้น และต้องเป็นทหารบก เขาใส่ชุดทหารมาตั้งแต่เกิด"

    คำพูดของพระธุดงค์รูปนั้น เสมือนชะตาชีวิตจะถูกลิขิตว่าเขาจะต้องได้มีภารกิจสำคัญบางอย่างในวันข้างหน้า

    เขาเองไม่รู้ว่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานนั้นไปทางไหน แต่โรงเรียนนายร้อยจ.ป.ร.ที่ถนนราชดำเนินนอกนั้นยังพอจะหาทางไปถูก

    ชีวิตของนนร.บุญสิน พาดกลาง จึงเหมือนมีอะไรกำหนดไว้แล้วบนเส้นทาง

    ที่น่าแปลกก็คือพระธุดงค์รูปนั้นไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน..จนทุกวันนี้

    แต่จากการที่ได้ค้นคว้าอย่างสุดความสามารถแล้ว พอจะสรุปได้ว่า

    พระธุดงค์ลึกลับรูปนั้นน่าจะเป็น "หลวงปู่เทพโลกอุดร!"

    แม่ทัพกุ้งท่านเคยเป็นผู้การกรมทหารพรานที่ภาคใต้

    ก่อนจะค่อยๆไต่เต้ามาเป็นแม่ทัพภาค ๒ ที่ประชาชนคนไทยต่างยกย่องและนับถือในความเป็นชายเชื้อชาติทหารอย่างแท้จริง

    ท่านได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้กับกองทัพไทยอย่างงดงาม

    จากชีวิตเด็กบ้านนอก พ่อเป็นตำรวจเงินเดือนน้อยนิด แม่ต้องหาบผักไปนั่งขายในตลาด

    ไม่ได้เรียนสายสามัญโก้ๆเหมือนใครเขา เรียนจบเทคนิคช่างยนต์ แต่หาญกล้าไปสอบเตรียมทหาร

    วันไปสอบก็มีแต่ค่ารถ เดินทางเข้ากรุงเทพฯคนเดียว

    กระเป๋าใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีเหมือนคนอื่น

    แม่ของท่านต้องเอาย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าและมีแต่ฝ้ายผูกแขนอวยพรให้ลูกชาย

    สุดท้ายลูกชายก็สอบเตรียมทหารได้ เป็นนักเรียนนายร้อย และกลายเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร

    นับว่าท่านเกิดมาเพื่อมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่

    ดุจดวงดาวที่ส่องแสงในคืนเดือนมืด

    เกิดมาเพื่อกู้ศักดิ์ศรีและอธิปไตยของไทยโดยแท้

    ขอบคุณในความเสียสละ อดทน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ในหน้าที่อย่างไม่มีความลังเล

    เป็นหลักให้กับพวกเราทุกคนในยามที่ดวงชะตาของประเทศชาติกำลังอ่อนแอ

    ดุจขุนพลแม่ทัพทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวรที่ช่วยพระองค์ท่านกอบกู้เอกราชชาติไทยเมื่อครั้งอดีตกาล...

    เครดิต:พระโลกธาตุหยกขาว
    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ หรือ "แม่ทัพกุ้ง" ท่านเกิดที่หนองคาย แล้วมาเติบโตที่จังหวัดอุดรธานี บิดาของท่านเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยยศสิบตำรวจเอก (ส.ต.อ.)มีลูก ๕ คน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านไม่เคยพอใช้ แม่ของท่านจึงหารายได้จุนเจือครอบครัวด้วยการเป็นแม่ค้าขายผักในตลาด พี่ชายของท่าน ๓ คนเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ตอนแรกเด็กชายบุญสินไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปอยู่ร้านซ่อมรถ แต่ดันไปใส่โซ่ผิดด้าน ทำให้โซ่ขาด ก็เลยตัดสินใจไปเรียนวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี แผนกเครื่องยนต์ ต่อมาเด็กชายบุญสินคิดอยากจะไปสอบเตรียมทหารด้วยวุฒิการศึกษาป.ว.ช. (ไม่ใช่สายสามัญเหมือนนักเรียนเตรียมทหารส่วนใหญ่ทั่วไปที่มักมาจากเด็กเรียน) เด็กชายบุญสินเรียนจบสายอาชีพ แต่ไปสอบแข่งกับนักเรียนหัวกะทิจากทั่วประเทศในปีแรกนั้น สอบผ่านข้อเขียน แต่สอบตกรอบสอบสัมภาษณ์และการทดสอบความสามารถทางร่างกาย จึงต้องกลับมาเตรียมตัวใหม่ ด้วยความพากเพียรอันไม่ลดละ ในปีต่อมาท่านแม่ทัพกุ้งได้กลับไปสมัครสอบเตรียมทหารอีกครั้ง ตอนนั้นฐานะทางบ้านลำบากมาก แม่ของท่านไม่มีเงินซื้อกระเป๋าให้ ท่านจึงเอาของใส่ลงใน "ย่ามพระ" แทนกระเป๋า! และก็มีแต่ท่านคนเดียวที่มีย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าตอนไปสอบเตรียมทหารในปีนั้น ปรากฏว่าคราวนี้สอบติด! ด้วยเหตุที่ท่านมีอายุมากกว่านักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกันนี้เอง แม่ทัพกุ้งจึงเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.จะยังอยู่ต่อไปได้อีก ๒ ปี ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (น.ต.ท.) จำต้องมีการเลือกเหล่าว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศหรือตำรวจ ท่านเองตอนนั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นทหารหรือเป็นตำรวจ วันหนึ่งมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพักปักกลดใกล้ๆบ้าน แม่ของท่านซึ่งแม้จะเป็นภรรยาตำรวจชั้นผู้น้อยและยากจน แต่ก็มีความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่มั่นคง แม่ของท่านได้พาลูกชายไปถวายภัตตาหารพระธุดงค์รูปนั้นกับตนด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อจนบัดนี้ แม่ของท่านได้กราบเรียนถามพระธุดงค์รูปนั้นว่าลูกชายของตนจะเป็นทหารหรือตำรวจดี พระธุดงค์ลึกลับได้เพ่งไปในขันน้ำมนต์แล้วก็พูดออกมาว่า "ไอ้หนูคนนี้ต้องเป็นทหารเท่านั้น และต้องเป็นทหารบก เขาใส่ชุดทหารมาตั้งแต่เกิด" คำพูดของพระธุดงค์รูปนั้น เสมือนชะตาชีวิตจะถูกลิขิตว่าเขาจะต้องได้มีภารกิจสำคัญบางอย่างในวันข้างหน้า เขาเองไม่รู้ว่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานนั้นไปทางไหน แต่โรงเรียนนายร้อยจ.ป.ร.ที่ถนนราชดำเนินนอกนั้นยังพอจะหาทางไปถูก ชีวิตของนนร.บุญสิน พาดกลาง จึงเหมือนมีอะไรกำหนดไว้แล้วบนเส้นทาง ที่น่าแปลกก็คือพระธุดงค์รูปนั้นไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน..จนทุกวันนี้ แต่จากการที่ได้ค้นคว้าอย่างสุดความสามารถแล้ว พอจะสรุปได้ว่า พระธุดงค์ลึกลับรูปนั้นน่าจะเป็น "หลวงปู่เทพโลกอุดร!" แม่ทัพกุ้งท่านเคยเป็นผู้การกรมทหารพรานที่ภาคใต้ ก่อนจะค่อยๆไต่เต้ามาเป็นแม่ทัพภาค ๒ ที่ประชาชนคนไทยต่างยกย่องและนับถือในความเป็นชายเชื้อชาติทหารอย่างแท้จริง ท่านได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้กับกองทัพไทยอย่างงดงาม จากชีวิตเด็กบ้านนอก พ่อเป็นตำรวจเงินเดือนน้อยนิด แม่ต้องหาบผักไปนั่งขายในตลาด ไม่ได้เรียนสายสามัญโก้ๆเหมือนใครเขา เรียนจบเทคนิคช่างยนต์ แต่หาญกล้าไปสอบเตรียมทหาร วันไปสอบก็มีแต่ค่ารถ เดินทางเข้ากรุงเทพฯคนเดียว กระเป๋าใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีเหมือนคนอื่น แม่ของท่านต้องเอาย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าและมีแต่ฝ้ายผูกแขนอวยพรให้ลูกชาย สุดท้ายลูกชายก็สอบเตรียมทหารได้ เป็นนักเรียนนายร้อย และกลายเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร นับว่าท่านเกิดมาเพื่อมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ดุจดวงดาวที่ส่องแสงในคืนเดือนมืด เกิดมาเพื่อกู้ศักดิ์ศรีและอธิปไตยของไทยโดยแท้ ขอบคุณในความเสียสละ อดทน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ในหน้าที่อย่างไม่มีความลังเล เป็นหลักให้กับพวกเราทุกคนในยามที่ดวงชะตาของประเทศชาติกำลังอ่อนแอ ดุจขุนพลแม่ทัพทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวรที่ช่วยพระองค์ท่านกอบกู้เอกราชชาติไทยเมื่อครั้งอดีตกาล... เครดิต:พระโลกธาตุหยกขาว
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 11-8-68
    .
    วันนี้วันจันทร์วันหยุดของใครหลายคน แต่รายการสนธิเล่าเรื่องไม่หยุด เช้านี้หลังจากรับประทาน และประชุมกับทีมงานแล้ว คุณสนธิเลยจะมาพูดคุยถึงหลาย ๆ เรื่องทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์คุณสนธิหลังจากออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา, ท่านแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ในอีกประมาณ 50 วันข้างหน้า ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างไทยกับเขมร ก็ยังไม่สงบลง รวมถึงจะวิเคราะห์ถึงท่าทีของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายภูมิธรรม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ด้วย ก่อนการประชุม GBC ครั้งที่ 2 ในเดือนหน้า นอกจากนี้คุณสนธิจะมาบอกด้วยว่า "คุณสมบัติที่สำคัญยิ่ง" ของผู้นำคนถัดไปของบ้านเรานั้นควรจะเป็นยังไง?
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=H4-DqAeBUEU
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ไทยเขมร #แม่ทัพภาคที่2 #GBC
    สนธิเล่าเรื่อง 11-8-68 . วันนี้วันจันทร์วันหยุดของใครหลายคน แต่รายการสนธิเล่าเรื่องไม่หยุด เช้านี้หลังจากรับประทาน และประชุมกับทีมงานแล้ว คุณสนธิเลยจะมาพูดคุยถึงหลาย ๆ เรื่องทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์คุณสนธิหลังจากออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา, ท่านแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ในอีกประมาณ 50 วันข้างหน้า ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างไทยกับเขมร ก็ยังไม่สงบลง รวมถึงจะวิเคราะห์ถึงท่าทีของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายภูมิธรรม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ด้วย ก่อนการประชุม GBC ครั้งที่ 2 ในเดือนหน้า นอกจากนี้คุณสนธิจะมาบอกด้วยว่า "คุณสมบัติที่สำคัญยิ่ง" ของผู้นำคนถัดไปของบ้านเรานั้นควรจะเป็นยังไง? . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=H4-DqAeBUEU . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ไทยเขมร #แม่ทัพภาคที่2 #GBC
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน…

    ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน

    วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก”

    “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย

    ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต

    อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก"

    ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 Comments 0 Shares 1799 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    0 Comments 0 Shares 1405 Views 0 Reviews
  • ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร”
    .
    งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด
    .
    โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน
    .
    สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน
    .
    โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568
    .
    สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต
    .
    ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น
    .
    โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
    .
    โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย
    .
    ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด
    .
    ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน
    .
    การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ
    .
    โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า”
    .
    โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
    .
    รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
    .
    และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
    .
    ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277
    .
    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร” . งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด . โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน . สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน . โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568 . สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต . ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น . โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ . โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย . ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด . ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน . การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ . โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า” . โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด . รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง . และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย . ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง. . อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277 . #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1594 Views 0 Reviews
  • เขย่าเพนตากอน!

    ทรัมป์มีคำสั่งปลด พลอากาศเอกซีคิว บราวน์ (General CQ Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับบัญชาการทหารสูงที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ

    คำสั่งดังกล่าวประกาศออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ

    พลอากาศเอกบราวน์ คือนายทหารผิวดำคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อ 16 เดือนก่อนในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากการเกษียณอายุราชการของพลเอกไมค์ ไมลีย์

    นอกจากนี้ทรัมป์ยังแต่งตั้งพลโท แดน "เรซิน" แคน (Lieutenant General Dan “Razin” Caine) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมแทน บราวน์ อีกด้วย

    สำหรับ พล.ท. แคน นั้นเป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทหารของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA)

    ทรัมป์ ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนตัว บราวน์ และไม่ได้พูดถึงการอนุญาตให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่จะผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาหรือไม่

    นอกจากนี้ กลาโหมสหรัฐโดย พีท เฮกเซธ ยังประกาศปลดพลเรือเอกหญิง ลิซา ฟร็องเช็ตติ (Chief Adm. Lisa Franchetti) ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงพลอากาศเอกจิม สไลฟ์ (Jim Slife) รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพอากาศออกด้วย



    เขย่าเพนตากอน! ทรัมป์มีคำสั่งปลด พลอากาศเอกซีคิว บราวน์ (General CQ Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับบัญชาการทหารสูงที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ คำสั่งดังกล่าวประกาศออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ พลอากาศเอกบราวน์ คือนายทหารผิวดำคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อ 16 เดือนก่อนในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากการเกษียณอายุราชการของพลเอกไมค์ ไมลีย์ นอกจากนี้ทรัมป์ยังแต่งตั้งพลโท แดน "เรซิน" แคน (Lieutenant General Dan “Razin” Caine) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมแทน บราวน์ อีกด้วย สำหรับ พล.ท. แคน นั้นเป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทหารของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ทรัมป์ ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนตัว บราวน์ และไม่ได้พูดถึงการอนุญาตให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่จะผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาหรือไม่ นอกจากนี้ กลาโหมสหรัฐโดย พีท เฮกเซธ ยังประกาศปลดพลเรือเอกหญิง ลิซา ฟร็องเช็ตติ (Chief Adm. Lisa Franchetti) ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงพลอากาศเอกจิม สไลฟ์ (Jim Slife) รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพอากาศออกด้วย
    0 Comments 0 Shares 831 Views 0 Reviews
  • เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว
    ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ

    _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____
    .
    มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย
    #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย

    #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
    พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ
    ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**
    และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก

    Inside the Russian biological weapons conspiracy theory
    https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY
    ++++++++++++++++++++++++

    พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่

    สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor
    • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี
    • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ
    • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้
    .
    พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร

    เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า :
    ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด
    ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ
    ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย
    ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ
    ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง
    ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___

    https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o
    . . . . . . . . . . . . . . .
    รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น
    แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย
    เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี.
    และบุคคลทางการเมืองสำคัญ
    ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้
    นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ
    ++++++++++++++++++++++++

    จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน
    เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน
    ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร
    ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย
    มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด
    อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ
    ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State
    ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
    กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ
    ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต
    _ _ _ _ _ _
    ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้
    อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
    Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน
    ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย
    _ _ _ _ _ _
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน
    จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน
    "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR)
    ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย
    ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา
    ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ
    กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน
    หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง...
    +===+===+===+
    หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?บางจำพวก ว่า :
    ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย
    ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา
    ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา
    ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา
    ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้
    ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด
    .
    คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้

    **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ


    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁 ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____ . มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย 🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย 🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱 และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก Inside the Russian biological weapons conspiracy theory https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY ++++++++++++++++++++++++ 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่ 🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้ . 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร 🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า : ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀 ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰 https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o . . . . . . . . . . . . . . . รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. และบุคคลทางการเมืองสำคัญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้ นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ ++++++++++++++++++++++++ จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต _ _ _ _ _ _ ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย _ _ _ _ _ _ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR) ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง... +===+===+===+ หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า : ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้ ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด . 🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂 📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ Noraseth Tuntasiri
    0 Comments 0 Shares 1219 Views 0 Reviews
  • สมุดปกขาว 'กลาโหม' เริ่มต้นปฏิรูปกองทัพ ลดนายพลตบยุง 50%
    .
    ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงความล่าช้าในการเริ่มต้นการปฏิรูปกองทัพภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ปรากฎว่าในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้เริ่มต้นก้าวแรกอย่างมีนัยสำคัญให้เห็นแล้ว ภายหลังที่ประชุมสภากลาโหมเห็นชอบยุทธศาสตร์พัฒนากองทัพ พ.ศ. 2569 ถึง 2580 หรือ white paper เพื่อเป็น กรอบแนวทางในการพัฒนาทั้งด้านการเตรียมกำลังและการใช้กำลังกองทัพให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันนำไปสู่การจัดทำแผนและโครงการรองรับที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและเข้าใจถึงบทบาทรวมทั้งเหตุผลความจำเป็นในการพัฒนากองทัพ
    .
    ทั้งนี้ เป็นการแบ่งการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ที่เน้นหนักไปที่การปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยและอัตรากำลังพลและการปรับลดจำนวนการข้าราชการทหาร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทยอยปรับลดกำลังพลแล้ว แต่ในภาพรวมทั้งนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวนรวมถึงพลอาสาสมัครจะลดลงร้อยละ5 ภายในปีงบประมาณ 2570 รวมทั้งมีเป้าหมายปรับลดนายทหารชั้นนายพลในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษรวมถึงนายทหารปฏิบัติการร้อยละ 50 ไปภายในปีงบประมาณพ.ศ. 2571 และการจัดทำโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในระยะต่อไป จากนั้น จัดทำแผนควบคุมยอดการผลิตกำลังพลจากสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหมและการปรับลดจำนวนความต้องการทหารกองประจำการให้มีความเหมาะสมกับภารกิจและภัยคุกคาม
    .
    ขณะเดียวกัน กองทัพจะเน้นการพัฒนาปรับปรุงด้านเทคโนโลยี สื่อสารไซเบอร์และกิจการอวกาศ การพัฒนาระบบการจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมเป็นแบบรวมศูนย์ โดยเน้นเหตุผลความจำเป็นความเร่งด่วน การบริหารงบประมาณในระยะยาวและขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศการวิจัยพัฒนาแลนโยบายoffset policy
    .
    นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการจัดทำโครงการดาวเทียมแห่งชาติเพื่อให้มีช่องทางการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่มีความปลอดภัย นอกจากนั้นจะต้องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเอกชนพยายามหารูปแบบจัดตั้งฐานส่งวัตถุอวกาศในประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพในการพึ่งพาตนเองด้านอวกาศ
    ..............
    Sondhi X
    สมุดปกขาว 'กลาโหม' เริ่มต้นปฏิรูปกองทัพ ลดนายพลตบยุง 50% . ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงความล่าช้าในการเริ่มต้นการปฏิรูปกองทัพภายใต้การนำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ปรากฎว่าในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้เริ่มต้นก้าวแรกอย่างมีนัยสำคัญให้เห็นแล้ว ภายหลังที่ประชุมสภากลาโหมเห็นชอบยุทธศาสตร์พัฒนากองทัพ พ.ศ. 2569 ถึง 2580 หรือ white paper เพื่อเป็น กรอบแนวทางในการพัฒนาทั้งด้านการเตรียมกำลังและการใช้กำลังกองทัพให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันนำไปสู่การจัดทำแผนและโครงการรองรับที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบและเข้าใจถึงบทบาทรวมทั้งเหตุผลความจำเป็นในการพัฒนากองทัพ . ทั้งนี้ เป็นการแบ่งการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ที่เน้นหนักไปที่การปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยและอัตรากำลังพลและการปรับลดจำนวนการข้าราชการทหาร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทยอยปรับลดกำลังพลแล้ว แต่ในภาพรวมทั้งนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวนรวมถึงพลอาสาสมัครจะลดลงร้อยละ5 ภายในปีงบประมาณ 2570 รวมทั้งมีเป้าหมายปรับลดนายทหารชั้นนายพลในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษรวมถึงนายทหารปฏิบัติการร้อยละ 50 ไปภายในปีงบประมาณพ.ศ. 2571 และการจัดทำโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในระยะต่อไป จากนั้น จัดทำแผนควบคุมยอดการผลิตกำลังพลจากสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหมและการปรับลดจำนวนความต้องการทหารกองประจำการให้มีความเหมาะสมกับภารกิจและภัยคุกคาม . ขณะเดียวกัน กองทัพจะเน้นการพัฒนาปรับปรุงด้านเทคโนโลยี สื่อสารไซเบอร์และกิจการอวกาศ การพัฒนาระบบการจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมเป็นแบบรวมศูนย์ โดยเน้นเหตุผลความจำเป็นความเร่งด่วน การบริหารงบประมาณในระยะยาวและขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศการวิจัยพัฒนาแลนโยบายoffset policy . นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการจัดทำโครงการดาวเทียมแห่งชาติเพื่อให้มีช่องทางการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่มีความปลอดภัย นอกจากนั้นจะต้องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเอกชนพยายามหารูปแบบจัดตั้งฐานส่งวัตถุอวกาศในประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพในการพึ่งพาตนเองด้านอวกาศ .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 1139 Views 0 Reviews
  • สั่งฟัน! วินัย-อาญา 7 ตำรวจจราจร เล็งเข้าข่าย พ.ร.บ. อุ้มหาย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานส่ง ป.ป.ช. รรท.ผบช.น.สั่ง บก.จร.งดตั้งจุดตรวจทั้งหมดไปก่อน

    จากกรณี 7 ตำรวจจราจร สังกัดกองกำกับ 1 บก.จร. ก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายคนขับรถมาสด้าสีแดง นายธนานพ อายุ 33 ปี ลูกชาย พ.ต.ท.ธนชัย อายุ 61 ปี อดีต สว.กก.2 บก.ปทส. เกษียณอายุราชการ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเดือน ก.ย. 2567 บริเวณใกล้ด่านตรวจบริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ 21 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. โดยเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดว่า นายธนานพ เป็นคนขับรถมาสด้า สีแดง แหกด่านตรวจ แต่ปรากฏว่า เป็นการจับกุมผิดตัวนั้น

    วันนี้ (12 ธ.ค.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างละเอียดไปยังผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ว่า มีการตั้งด่านถูกต้อง หรือมีส่วนสั่งการในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000119414

    #MGROnline #ตำรวจจราจร #ด่านตรวจ #ซอยประเสริฐมนูกิจ21
    สั่งฟัน! วินัย-อาญา 7 ตำรวจจราจร เล็งเข้าข่าย พ.ร.บ. อุ้มหาย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานส่ง ป.ป.ช. รรท.ผบช.น.สั่ง บก.จร.งดตั้งจุดตรวจทั้งหมดไปก่อน • จากกรณี 7 ตำรวจจราจร สังกัดกองกำกับ 1 บก.จร. ก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายคนขับรถมาสด้าสีแดง นายธนานพ อายุ 33 ปี ลูกชาย พ.ต.ท.ธนชัย อายุ 61 ปี อดีต สว.กก.2 บก.ปทส. เกษียณอายุราชการ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเดือน ก.ย. 2567 บริเวณใกล้ด่านตรวจบริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ 21 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. โดยเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดว่า นายธนานพ เป็นคนขับรถมาสด้า สีแดง แหกด่านตรวจ แต่ปรากฏว่า เป็นการจับกุมผิดตัวนั้น • วันนี้ (12 ธ.ค.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างละเอียดไปยังผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ว่า มีการตั้งด่านถูกต้อง หรือมีส่วนสั่งการในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000119414 • #MGROnline #ตำรวจจราจร #ด่านตรวจ #ซอยประเสริฐมนูกิจ21
    0 Comments 0 Shares 715 Views 0 Reviews
  • แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม
    สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
    อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ
    จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1516 Views 0 Reviews
  • นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล โอเมอร์ บาร์ตอฟ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโลก และศาสตราจารย์ด้านการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฮอโลคอสต์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือ

    “นี่คือแผนที่ร่างขึ้นโดยนายพลเกษียณอายุราชการ Giora Eiland ซึ่งสื่อของอิสราเอลได้พูดถึงเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลเรือนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้แรงกดดันทางทหารและความอดอยาก … นี่เป็นก้าวแรกสู่การผนวกดินแดนทางตอนเหนือของ Netzarim Corridor ซึ่งจะทำให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซาบ โดยบีบให้พลเรือนต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่หดตัวลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะบังคับให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซาบ หรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวโดยสรุป นี่คือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

    เขาเชื่อว่าปฏิบัติการปัจจุบันในฉนวนกาซาตอนเหนือเพียงอย่างเดียวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: "เป็นไปได้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมองว่าปฏิบัติการนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะขัดขวางสงครามในฉนวนกาซาโดยรวมก็ตาม"

    ที่มาhttps://www.theguardian.com/commentisfree/2024/nov/06/we-are-witnessing-the-final-stage-of-genocide-in-gaza

    #Thaitimes
    นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล โอเมอร์ บาร์ตอฟ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโลก และศาสตราจารย์ด้านการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฮอโลคอสต์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือ “นี่คือแผนที่ร่างขึ้นโดยนายพลเกษียณอายุราชการ Giora Eiland ซึ่งสื่อของอิสราเอลได้พูดถึงเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลเรือนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้แรงกดดันทางทหารและความอดอยาก … นี่เป็นก้าวแรกสู่การผนวกดินแดนทางตอนเหนือของ Netzarim Corridor ซึ่งจะทำให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซาบ โดยบีบให้พลเรือนต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่หดตัวลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะบังคับให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซาบ หรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวโดยสรุป นี่คือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เขาเชื่อว่าปฏิบัติการปัจจุบันในฉนวนกาซาตอนเหนือเพียงอย่างเดียวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: "เป็นไปได้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมองว่าปฏิบัติการนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะขัดขวางสงครามในฉนวนกาซาโดยรวมก็ตาม" ที่มาhttps://www.theguardian.com/commentisfree/2024/nov/06/we-are-witnessing-the-final-stage-of-genocide-in-gaza #Thaitimes
    WWW.THEGUARDIAN.COM
    We are witnessing the final stage of genocide in Gaza | Arwa Mahdawi
    Omer Bartov is an Israeli-American professor of Holocaust and genocide studies. He has issued a grim warning on Gaza
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 1222 Views 0 Reviews
  • เจาะลึกการเดินทางอันลึกลับของทหารผ่านศึกเกษียณอายุราชการของกองทัพสหรัฐฯ ที่เข้ารับการรักษาทางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและล้ำสมัยในฐานทัพลับ ซึ่งเผยให้เห็นความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพ เทคโนโลยี

    https://amg-news.com/breaking-jps-shocking-med-beds-medical-treatment-heres-what-happened-the-intriguing-experience-of-a-retired-us-army-veteran-in-a-secret-base-an-unveiling-of-med-beds/
    เจาะลึกการเดินทางอันลึกลับของทหารผ่านศึกเกษียณอายุราชการของกองทัพสหรัฐฯ ที่เข้ารับการรักษาทางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและล้ำสมัยในฐานทัพลับ ซึ่งเผยให้เห็นความก้าวหน้าด้านการดูแลสุขภาพ เทคโนโลยี https://amg-news.com/breaking-jps-shocking-med-beds-medical-treatment-heres-what-happened-the-intriguing-experience-of-a-retired-us-army-veteran-in-a-secret-base-an-unveiling-of-med-beds/
    AMG-NEWS.COM
    BREAKING: JP's Shocking Med Beds Medical Treatment Here's What Happened - The Intriguing Experience of a Retired US Army Veteran in a Secret Base: An Unveiling of Med Beds - amg-news.com - American Media Group
    BREAKING: JP's Shocking Med Beds Medical Treatment Here's What Happened - The Intriguing Experience of a Retired US Army Veteran in a Secret Base: An Unveiling of Med Beds
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ เลือก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15
    .
    วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วาระพิเศษพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
    .
    โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3
    .
    ขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่อนการพิจารณาวาระ เสนอชื่อ ผบ.ตร. จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร. ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.
    .
    ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมมีเพียง 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ และ10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท.รอง ผบ.ตร
    เวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2508 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง และค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 6และ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก้าวติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนโยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับขึ้นรองจเรตำรวจ (สบ7) ก่อนโยกเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล จากนั้นขยับติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกเป็น ผบช.ภ.8 จากนั้นขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับติดยศพล.ต.อ.ครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานบริหาร ควบตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    .
    ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.)
    .
    นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สมัยดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังขึ้นมารักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ล่าสุดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. หลังจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผล 1 ต.ค.นี้
    .
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ใต้บังคับบัญชา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังก้าวขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สามารถทำงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการปราบปรามยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงออนไลน์ จนได้รับคำชมจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
    ..............
    Sondhi X
    ที่ประชุม ก.ตร. มีมติเอกฉันท์ เลือก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" เป็น ผบ.ตร.คนที่ 15 . วันนี้ (7 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) วาระพิเศษพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) . โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) อาวุโสลำดับ 1 ขึ้นเป็น ผบ.ตร. จากผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโส ลำดับ 1 ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3 . ขั้นตอนการเสนอชื่อคัดเลือกผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยก่อนการพิจารณาวาระ เสนอชื่อ ผบ.ตร. จะมีการแสดงผลงานของ รองผบ.ตร. ทุกท่านที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. . ก่อนเชิญ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ และ พล.ต.อ.ธนา ออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้เสีย องค์ประชุมมีเพียง 1.น.ส.แพทองธาร ประธาน 2.น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. 3.นายปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง 4.พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก 5.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ 6. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 7. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ 8.รองศาสตราจารย์ประทิต สันติประภพ 9.ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ และ10. พล.ต ท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร รรท.รอง ผบ.ตร เวลาประมาณ 15.30 น. ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 15 . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ชื่อเล่น "ต่าย" เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2508 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 รุ่นเดียวกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สภ.อ.เมืองระยอง และค่อยๆ เติบโตในหน้าที่การงาน โดยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 6และ8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ผู้กำกับการ 3 ตำรวจท่องเที่ยว ก่อนขยับเป็นรองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ก้าวติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนโยกเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับขึ้นรองจเรตำรวจ (สบ7) ก่อนโยกเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล จากนั้นขยับติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ก่อนโยกเป็น ผบช.ภ.8 จากนั้นขยับขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. และขยับติดยศพล.ต.อ.ครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานบริหาร ควบตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ . ปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ควบตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) . นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ สมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และเป็นหัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สมัยดำรงตำแหน่งผบ.ตร. นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังขึ้นมารักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี หลังพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ล่าสุดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. หลังจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผล 1 ต.ค.นี้ . พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ใต้บังคับบัญชา เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังก้าวขึ้นมารักษาราชการแทนผบ.ตร. สามารถทำงานตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการปราบปรามยาเสพติด พนันออนไลน์ รวมทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงออนไลน์ จนได้รับคำชมจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1633 Views 0 Reviews
  • นโยบายของฝรั่งเศส "สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯอย่างสมบูรณ์" - นักวิเคราะห์

    เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่ปารีสช่วยเหลืออิสราเอลในการต่อสู้กับอิหร่านและสนับสนุนเลบานอนในเวลาเดียวกัน, พันเอกเกษียณอายุราชการของกองทัพฝรั่งเศส, อแลง คอร์เวซ, กล่าวกับสปุตนิกว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็น "สถานการณ์ที่เลวร้าย" เนื่องจาก "ไม่มีการทูตแบบปกติ" ในฝรั่งเศส

    ฝรั่งเศสไม่ได้ดำเนินนโยบายอธิปไตย, แต่เน้นที่การสนับสนุนนโยบายของสหรัฐฯและอิสราเอลแทน, เขากล่าวเสริม ตามคำกล่าวของคอร์เวซ, นโยบายของฝรั่งเศส "ตอนนี้สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯอย่างสมบูรณ์แล้ว"

    ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสกล่าวว่าปารีสประณามการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านต่ออิสราเอล, และฝรั่งเศสใช้ "กำลังทหารในตะวันออกกลางเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากอิหร่าน" ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่มาครงแสดงความปรารถนาให้ฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเลบานอนโดยปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ ๑๗๐๑ อย่างเคร่งครัด
    .
    FRANCE’S POLICY ‘COMPLETELY ALIGNED WITH THE US’ - ANALYST

    Commenting on Paris helping Israel against Iran and supporting Lebanon at the same time, retired French army colonel, Alain Corvez, told Sputnik that it’s a “terrible” situation as there is “no normal diplomacy” in France.

    France doesn’t pursue a sovereign policy, focusing instead on supporting the policy of the US and Israel, he added. According to Corvez, the policy of France is “now completely aligned with American policy.”

    The French foreign ministry earlier said that Paris condemns Iran's missile attack on Israel, and that France used “its military means in the Middle East to counter the Iranian threat.” This came as Macron expressed desire for Lebanon's sovereignty and territorial integrity to be restored in strict compliance with UN Security Council Resolution 1701.
    .
    3:50 PM · Oct 3, 2024 · 3,819 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1841762822276980780
    🗣️นโยบายของฝรั่งเศส "สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯอย่างสมบูรณ์" - นักวิเคราะห์ เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่ปารีสช่วยเหลืออิสราเอลในการต่อสู้กับอิหร่านและสนับสนุนเลบานอนในเวลาเดียวกัน, พันเอกเกษียณอายุราชการของกองทัพฝรั่งเศส, อแลง คอร์เวซ, กล่าวกับสปุตนิกว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็น "สถานการณ์ที่เลวร้าย" เนื่องจาก "ไม่มีการทูตแบบปกติ" ในฝรั่งเศส ฝรั่งเศสไม่ได้ดำเนินนโยบายอธิปไตย, แต่เน้นที่การสนับสนุนนโยบายของสหรัฐฯและอิสราเอลแทน, เขากล่าวเสริม ตามคำกล่าวของคอร์เวซ, นโยบายของฝรั่งเศส "ตอนนี้สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯอย่างสมบูรณ์แล้ว" ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสกล่าวว่าปารีสประณามการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านต่ออิสราเอล, และฝรั่งเศสใช้ "กำลังทหารในตะวันออกกลางเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากอิหร่าน" 🤣ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่มาครงแสดงความปรารถนาให้ฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเลบานอนโดยปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ ๑๗๐๑ อย่างเคร่งครัด🤣 . 🗣️FRANCE’S POLICY ‘COMPLETELY ALIGNED WITH THE US’ - ANALYST Commenting on Paris helping Israel against Iran and supporting Lebanon at the same time, retired French army colonel, Alain Corvez, told Sputnik that it’s a “terrible” situation as there is “no normal diplomacy” in France. France doesn’t pursue a sovereign policy, focusing instead on supporting the policy of the US and Israel, he added. According to Corvez, the policy of France is “now completely aligned with American policy.” The French foreign ministry earlier said that Paris condemns Iran's missile attack on Israel, and that France used “its military means in the Middle East to counter the Iranian threat.” This came as Macron expressed desire for Lebanon's sovereignty and territorial integrity to be restored in strict compliance with UN Security Council Resolution 1701. . 3:50 PM · Oct 3, 2024 · 3,819 Views https://x.com/SputnikInt/status/1841762822276980780
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 416 Views 61 0 Reviews
  • ในวันที่ 30 กันยายน ของทุกปี เป็นวันสุดท้ายของการทำงานรับราชการของท่านที่อายุครบ 60 ปี “สนธิ” มีอะไรอยากฝากถึงผู้ที่ต้องเกษียณอายุราชการ

    ฟังเต็มๆได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=jBxOj_CT8Pc&t=63s&ab_channel=sondhitalk
    ในวันที่ 30 กันยายน ของทุกปี เป็นวันสุดท้ายของการทำงานรับราชการของท่านที่อายุครบ 60 ปี “สนธิ” มีอะไรอยากฝากถึงผู้ที่ต้องเกษียณอายุราชการ ฟังเต็มๆได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=jBxOj_CT8Pc&t=63s&ab_channel=sondhitalk
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    109
    3 Comments 6 Shares 6163 Views 3751 1 Reviews
  • โผมหาดไทยป่วน ส่อเลื่อน! 7 ต.ค. ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ เก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังอึมครึม
    .
    ย่างเข้าเดือนตุลาคม หลายหน่วยงานภาครัฐ เริ่มทยอยแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดสุญญากาศ ซึ่งปีนี้ ต้องถือว่า การทำโผแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ ล่าช้ากว่าทุกปี จากเหตุเรื่องการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กว่าจะเสร็จสิ้น เข้าทำงานได้ ก็ปาเข้าไปเกือบกลางกันยายน แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานก็เร่งแล้ว
    .
    อย่างในส่วนของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ก็เคาะออกมาแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง ได้นัดประชุมก.ตร. ในวันจันทร์ที่ 7ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกของแพทองธาร และนัดแรกก็สำคัญเลย เพราะจะต้องเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ให้ก.ตร.เห็นชอบ ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15
    .
    ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเต็งหนึ่ง หากดูจากลำดับอาวุโส ก็คือ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2569 โดยมีคู่ชิงอีกสองคน คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ส่วนจะเป็นใครเข้าวิน และจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่ ก็รอติดตาม
    .
    ขณะที่ในส่วนของ”กระทรวงมหาดไทย”หลังมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กับอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ที่จะเข้าเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเอาโผ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กคลองหลอดร่วมสามสิบกว่าตำแหน่งตั้งแต่ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผวจ.ทั่วประเทศ เข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้ 1 ต.ค. แต่ล่าสุดลือกันว่า
    “โผไม่ลงตัว”
    .
    เลยเลื่อนเอาเข้าครม.ไปเป็น 8 ต.ค.สัปดาห์หน้าโน่นเลย เพราะมีการปรับเปลี่ยนทำโผจากของเดิม ยุคปลัดเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ บางตำแหน่งโดยเฉพาะผวจ.หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่อนุทิน ลงมาไล่เช็คประวัติการทำงานด้วยตัวเอง เลยทำให้ ต้องขยับออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์
    .
    เว้นแต่เคลียร์ลงตัวตอนค่ำและเช้าวันที่ 1 ต.ค.ถ้าเรียบร้อยดีก็อาจนำเข้า แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าน่าจะเลื่อน แล้วไปรอลุ้น 8 ต.ค.สำหรับสิงห์มหาดไทยทั่วประเทศ
    .
    ท่ามกลางข่าวลือว่าโผมีการปรับบางตำแหน่งเช่น จากเดิมที่จะให้ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แล้วโยก “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์”ผวจ.บุรีรัมย์สายตรง เนวิน ชิดชอบ มาเป็นอธิบดีปภ.นั้น
    ล่าสุดข่าวว่า โผพลิก โดยคนที่จะมาเป็นอธิบดีปภ.คนใหม่ ลือกันว่า เป็น ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯปทุมธานี
    .
    แล้วเอา นฤชา ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแทน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี จะโดนแขวนเป็น รองปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น
    .
    ทั้งหมด ทำให้โผเลยไม่ลงตัว จึงต้องเลื่อนเอาโผเข้าครม.ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน
    .
    ขณะเดียวกัน เก้าอี้”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ”คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ถึงตอนนี้ ข่าวว่ายังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยและทำเนียบรัฐบาล จะรอให้แต่งตั้งบิ๊กตำรวจให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้น ค่อยมาพิจารณาเรื่องเลขาธิการสมช.
    .
    กระแสข่าวว่า รอบนี้ เลขาธิการสมช. มีสองสูตร คือเป็นลูกหม้อสมช. กับอีกสูตรคืออาจเป็นบิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมา ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นการเอาบิ๊กทหาร มาเป็นเลขาธิการสมช.อย่างที่มีข่าวลือตอนแรกว่าจะมาจากกระทรวงกลาโหม เว้นแต่ถ้าโผสีกากีลงตัว ก็อาจพลิกมาเป็นสองสูตรคือ คนในกับบิ๊กกองทัพ แต่ชั่วโมงนี้ข่าวว่า สีกากี ยังแรงอยู่
    .
    เรื่องนี้ทำให้ “อดีตเลขาธิการสมช.”อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ที่เคยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ออกมาระบุล่าสุด วันนี้ 30 ก.ย.ว่า
    “มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่า…การแต่งตั้งทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจไม่ลงตัว หรือ มันอาจลงตัวตามระบบของมันแล้ว แต่คนกำกับอาจยังไม่พอใจ และอาจมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ สตช บางคนมาที่ สมช อีก ..เหมือนที่เคยดัน พล ต อ รอย อิงคไพโรจน์ มาเป็นเลขา สมช เมื่อปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง เลขา สมช เป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบงานสำคัญของชาติ ไม่ใช่ ตำแหน่งสำรอง หรือใช้ รองรับคนที่อกหัก ผิดหวัง จากที่ใด ที่หนึ่ง
    .
    การแต่งตั้ง แบบข้ามห้วย อย่างนี้ มันสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรม และความระส่ำระสายในราชการมาตลอด และมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรอกครับ นอกจากเพื่อประโยชน์ตน พวก พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางราชการ อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว .. เพราะคนใน ทำงาน สะสมประสบการณ์ เครือข่ายมากว่า 30 กว่าปี กลับไม่แต่งตั้ง แต่กลับไปตั้งคนของตน หรือ ถ้าไม่ใช่ ก็เพื่อสับหลีกให้กับคนของตนที่อื่น ..
    .
    . ตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น ..,นั้นไม่ใช่บริษัท หรือกิจการส่วนตัวของใครๆ ที่จะบงการ หรือ แต่งตั้งกันตามอำเภอใจ .. ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจเหตุผล และไม่ทำอะไรผิดซ้ำไปซ้ำมาอีก”
    .
    ทั้งหมดคือภาพรวม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในสามองค์กรสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย-สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่บอกได้เลยว่า ทุกตำแหน่งสำคัญ ยังไง ต้องให้ จันทร์ส่องหล้า เห็นชอบก่อน!!!
    ..............
    Sondhi X
    โผมหาดไทยป่วน ส่อเลื่อน! 7 ต.ค. ได้ ผบ.ตร.คนใหม่ เก้าอี้เลขาฯ สมช.ยังอึมครึม . ย่างเข้าเดือนตุลาคม หลายหน่วยงานภาครัฐ เริ่มทยอยแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดสุญญากาศ ซึ่งปีนี้ ต้องถือว่า การทำโผแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ ล่าช้ากว่าทุกปี จากเหตุเรื่องการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กว่าจะเสร็จสิ้น เข้าทำงานได้ ก็ปาเข้าไปเกือบกลางกันยายน แต่ตอนนี้หลายหน่วยงานก็เร่งแล้ว . อย่างในส่วนของ”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ก็เคาะออกมาแล้วว่า แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานก.ตร.โดยตำแหน่ง และต้องเป็นคนเสนอชื่อผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ตร. ด้วยตัวเอง ได้นัดประชุมก.ตร. ในวันจันทร์ที่ 7ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งแรกของแพทองธาร และนัดแรกก็สำคัญเลย เพราะจะต้องเสนอชื่อผบ.ตร.คนใหม่ให้ก.ตร.เห็นชอบ ที่จะเป็นผบ.ตร.คนที่ 15 . ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเต็งหนึ่ง หากดูจากลำดับอาวุโส ก็คือ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เกษียณอายุราชการปี 2569 โดยมีคู่ชิงอีกสองคน คือ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ส่วนจะเป็นใครเข้าวิน และจะมีอะไรพลิกโผหรือไม่ ก็รอติดตาม . ขณะที่ในส่วนของ”กระทรวงมหาดไทย”หลังมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กับอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ที่จะเข้าเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเอาโผ แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กคลองหลอดร่วมสามสิบกว่าตำแหน่งตั้งแต่ รองปลัดกระทรวง-อธิบดี-ผวจ.ทั่วประเทศ เข้าที่ประชุมครม.อังคารนี้ 1 ต.ค. แต่ล่าสุดลือกันว่า “โผไม่ลงตัว” . เลยเลื่อนเอาเข้าครม.ไปเป็น 8 ต.ค.สัปดาห์หน้าโน่นเลย เพราะมีการปรับเปลี่ยนทำโผจากของเดิม ยุคปลัดเก่ง สุทธิพงษ์ จุลเจริญ บางตำแหน่งโดยเฉพาะผวจ.หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่อนุทิน ลงมาไล่เช็คประวัติการทำงานด้วยตัวเอง เลยทำให้ ต้องขยับออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์ . เว้นแต่เคลียร์ลงตัวตอนค่ำและเช้าวันที่ 1 ต.ค.ถ้าเรียบร้อยดีก็อาจนำเข้า แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าน่าจะเลื่อน แล้วไปรอลุ้น 8 ต.ค.สำหรับสิงห์มหาดไทยทั่วประเทศ . ท่ามกลางข่าวลือว่าโผมีการปรับบางตำแหน่งเช่น จากเดิมที่จะให้ ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นอธิบดีกรมการปกครอง แล้วโยก “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์”ผวจ.บุรีรัมย์สายตรง เนวิน ชิดชอบ มาเป็นอธิบดีปภ.นั้น ล่าสุดข่าวว่า โผพลิก โดยคนที่จะมาเป็นอธิบดีปภ.คนใหม่ ลือกันว่า เป็น ภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าฯปทุมธานี . แล้วเอา นฤชา ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแทน ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่เหลืออายุราชการอีกหนึ่งปี จะโดนแขวนเป็น รองปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยเป็นต้น . ทั้งหมด ทำให้โผเลยไม่ลงตัว จึงต้องเลื่อนเอาโผเข้าครม.ไปเป็นสัปดาห์หน้าแทน . ขณะเดียวกัน เก้าอี้”เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ”คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ถึงตอนนี้ ข่าวว่ายังไม่นิ่ง เพราะฝ่ายการเมืองในเพื่อไทยและทำเนียบรัฐบาล จะรอให้แต่งตั้งบิ๊กตำรวจให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จากนั้น ค่อยมาพิจารณาเรื่องเลขาธิการสมช. . กระแสข่าวว่า รอบนี้ เลขาธิการสมช. มีสองสูตร คือเป็นลูกหม้อสมช. กับอีกสูตรคืออาจเป็นบิ๊กสีกากี ข้ามห้วยมา ปีนี้ ไม่น่าจะเป็นการเอาบิ๊กทหาร มาเป็นเลขาธิการสมช.อย่างที่มีข่าวลือตอนแรกว่าจะมาจากกระทรวงกลาโหม เว้นแต่ถ้าโผสีกากีลงตัว ก็อาจพลิกมาเป็นสองสูตรคือ คนในกับบิ๊กกองทัพ แต่ชั่วโมงนี้ข่าวว่า สีกากี ยังแรงอยู่ . เรื่องนี้ทำให้ “อดีตเลขาธิการสมช.”อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ที่เคยทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเก้าอี้นายกฯมาแล้ว ในคดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ออกมาระบุล่าสุด วันนี้ 30 ก.ย.ว่า “มีข่าวออกมาอีกแล้ว ว่า…การแต่งตั้งทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจไม่ลงตัว หรือ มันอาจลงตัวตามระบบของมันแล้ว แต่คนกำกับอาจยังไม่พอใจ และอาจมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบ สตช บางคนมาที่ สมช อีก ..เหมือนที่เคยดัน พล ต อ รอย อิงคไพโรจน์ มาเป็นเลขา สมช เมื่อปีที่ผ่านมา ตำแหน่ง เลขา สมช เป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบงานสำคัญของชาติ ไม่ใช่ ตำแหน่งสำรอง หรือใช้ รองรับคนที่อกหัก ผิดหวัง จากที่ใด ที่หนึ่ง . การแต่งตั้ง แบบข้ามห้วย อย่างนี้ มันสร้างปัญหาความไม่เป็นธรรม และความระส่ำระสายในราชการมาตลอด และมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หรอกครับ นอกจากเพื่อประโยชน์ตน พวก พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางราชการ อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว .. เพราะคนใน ทำงาน สะสมประสบการณ์ เครือข่ายมากว่า 30 กว่าปี กลับไม่แต่งตั้ง แต่กลับไปตั้งคนของตน หรือ ถ้าไม่ใช่ ก็เพื่อสับหลีกให้กับคนของตนที่อื่น .. . . ตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น ..,นั้นไม่ใช่บริษัท หรือกิจการส่วนตัวของใครๆ ที่จะบงการ หรือ แต่งตั้งกันตามอำเภอใจ .. ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจเหตุผล และไม่ทำอะไรผิดซ้ำไปซ้ำมาอีก” . ทั้งหมดคือภาพรวม การแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กในสามองค์กรสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กระทรวงมหาดไทย-สภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่บอกได้เลยว่า ทุกตำแหน่งสำคัญ ยังไง ต้องให้ จันทร์ส่องหล้า เห็นชอบก่อน!!! .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    Sad
    13
    0 Comments 2 Shares 2224 Views 0 Reviews
  • เกษียณไม่สวย มท.1 สั่งสอบผู้ว่าฯเชียงราย พบระดับรองทิ้งพื้นที่ด้วย
    .
    กรณีเกียร์ว่างของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย น่าจะทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงมหาดไทย สุดจะทนจริงๆ ถึงกับต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ทั้งๆที่นายพุฒิพงศ์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน อยู่แล้ว
    .
    นายอนุทิน เปิดเผยถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการดังกล่าวว่า ที่ผ่านมามีพฤติกรรมเดิมๆ คือ การออกนอกพื้นที่โดยไม่มีความจำเป็นเร่ง ทั้งๆที่ตอนนี้ชาวเชียงราย เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ทั้งน้ำท่วม ดินถล่ม ถือว่าสาหัสมากๆ เช่นนี้เท่ากับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทิ้งงานแล้วให้นายกรัฐมนตรีมาทำแทนใช่หรือไม่ และถ้าหากนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่เข้ามาช่วยในพื้นที่ ก็จะไม่สามารถจัดการปัญหาแบบเร่งด่วนได้เลย
    .
    “การจะมาอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการคงไม่ได้ เพราะคนมหาดไทยลมหายใจคือประชาชน และตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ผมจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ถึงความจำเป็นเร่งด่วน เพราะถือเป็นพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ไม่ปฏิบัติงาน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่โดยตรง และทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย จึงถือเป็นการกระทำที่อัปยศ อดสู ของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่จะต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างสุดความสามารถ” นายอนุทินกล่าว
    .
    นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า เวลารัฐมนตรีลงพื้นที่ต้องมีข้าราชการมารอต้อนรับนั้น อยากบอกว่า เวลานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีลงมา ให้ความช่วยเหลือ เร่งด่วน ผู้ว่าฯ ควรจะต้องมา เพราะเป็นการมาทำงานร่วมกัน ซึ่งกรณีจังหวัดเชียงราย มีเพียงรองผู้ว่าฯ 4 คนปรากฏว่า มาเพียงคนเดียวคือ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ส่วนรองผู้ว่าฯ อีก 1 คน ก็จะเกษียณอายุราชการ ขณะที่รองผู้ว่าฯ อีก 2 คน ไปรายงานตัวเรียน หลักสูตร วปอ. ซึ่งมันไม่ใช่เวลาที่จะไปด้วยซ้ำ ประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้แล้วนายกรัฐมนตรีก็ลงมา มันไม่ใช่เวลา แม้จะต้องสละสิทธิ์ เรียน วปอ. ก็ต้องสละสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่ ตัวผู้ว่าฯ เชียงราย มาร่วมพิธีเกษียณใน กทม.แล้วปล่อยให้ประชาชนอยู่กันด้วยความยากลำบาก ทิ้งให้ท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่ ถือว่าไม่ถูกต้อง
    .
    “ผมขอกราบขอโทษพี่น้องชาวเชียงราย ขอให้มั่นใจว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป การทำงานในกระทรวงมหาดไทย จะเป็นไปในทิศทางที่เป็นปึกแผ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ให้คำนึงถึงเรื่องภัยจากน้ำท่วม เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด” นายอนุทินกล่าว
    ............
    Sondhi X
    เกษียณไม่สวย มท.1 สั่งสอบผู้ว่าฯเชียงราย พบระดับรองทิ้งพื้นที่ด้วย . กรณีเกียร์ว่างของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย น่าจะทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงมหาดไทย สุดจะทนจริงๆ ถึงกับต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ทั้งๆที่นายพุฒิพงศ์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน อยู่แล้ว . นายอนุทิน เปิดเผยถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการดังกล่าวว่า ที่ผ่านมามีพฤติกรรมเดิมๆ คือ การออกนอกพื้นที่โดยไม่มีความจำเป็นเร่ง ทั้งๆที่ตอนนี้ชาวเชียงราย เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ทั้งน้ำท่วม ดินถล่ม ถือว่าสาหัสมากๆ เช่นนี้เท่ากับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทิ้งงานแล้วให้นายกรัฐมนตรีมาทำแทนใช่หรือไม่ และถ้าหากนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่เข้ามาช่วยในพื้นที่ ก็จะไม่สามารถจัดการปัญหาแบบเร่งด่วนได้เลย . “การจะมาอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการคงไม่ได้ เพราะคนมหาดไทยลมหายใจคือประชาชน และตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ผมจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ถึงความจำเป็นเร่งด่วน เพราะถือเป็นพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ไม่ปฏิบัติงาน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่โดยตรง และทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย จึงถือเป็นการกระทำที่อัปยศ อดสู ของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่จะต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างสุดความสามารถ” นายอนุทินกล่าว . นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า เวลารัฐมนตรีลงพื้นที่ต้องมีข้าราชการมารอต้อนรับนั้น อยากบอกว่า เวลานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีลงมา ให้ความช่วยเหลือ เร่งด่วน ผู้ว่าฯ ควรจะต้องมา เพราะเป็นการมาทำงานร่วมกัน ซึ่งกรณีจังหวัดเชียงราย มีเพียงรองผู้ว่าฯ 4 คนปรากฏว่า มาเพียงคนเดียวคือ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ส่วนรองผู้ว่าฯ อีก 1 คน ก็จะเกษียณอายุราชการ ขณะที่รองผู้ว่าฯ อีก 2 คน ไปรายงานตัวเรียน หลักสูตร วปอ. ซึ่งมันไม่ใช่เวลาที่จะไปด้วยซ้ำ ประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้แล้วนายกรัฐมนตรีก็ลงมา มันไม่ใช่เวลา แม้จะต้องสละสิทธิ์ เรียน วปอ. ก็ต้องสละสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่ ตัวผู้ว่าฯ เชียงราย มาร่วมพิธีเกษียณใน กทม.แล้วปล่อยให้ประชาชนอยู่กันด้วยความยากลำบาก ทิ้งให้ท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่ ถือว่าไม่ถูกต้อง . “ผมขอกราบขอโทษพี่น้องชาวเชียงราย ขอให้มั่นใจว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป การทำงานในกระทรวงมหาดไทย จะเป็นไปในทิศทางที่เป็นปึกแผ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ให้คำนึงถึงเรื่องภัยจากน้ำท่วม เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด” นายอนุทินกล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    12
    0 Comments 0 Shares 1461 Views 0 Reviews
  • รับมอบของที่ระลึกวันเกษียณอายุราชการที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
    รับมอบของที่ระลึกวันเกษียณอายุราชการที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews