• ทรัมป์ลงนามคว่ำบาตร ICC อย่างเป็นทางการ!

    โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยข้อกล่าวหาว่า ICC "กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่ออเมริกาและอิสราเอล ในการออกหมายจับเนทันยาฮู พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเรา"

    คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าว จะกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและวีซ่าเข้าประเทศสำหรับบุคคลและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของ ICC ต่อพลเมืองอเมริกันและพันธมิตร
    ทรัมป์ลงนามคว่ำบาตร ICC อย่างเป็นทางการ! โดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยข้อกล่าวหาว่า ICC "กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่ออเมริกาและอิสราเอล ในการออกหมายจับเนทันยาฮู พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเรา" คำสั่งคว่ำบาตรดังกล่าว จะกำหนดข้อจำกัดทางการเงินและวีซ่าเข้าประเทศสำหรับบุคคลและครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนของ ICC ต่อพลเมืองอเมริกันและพันธมิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกมายอมรับว่าใช้ระเบิดมากถึง 80 ตัน ในการลอบสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำฮิซบอลเลาะห์ โดยไม่สนใจว่าแรงระเบิดจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย
    โยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกมายอมรับว่าใช้ระเบิดมากถึง 80 ตัน ในการลอบสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำฮิซบอลเลาะห์ โดยไม่สนใจว่าแรงระเบิดจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • "ไม่อ่านไลน์กลุ่มเลย ทรัมป์เริ่มถอยแล้ว"

    อิสราเอล คัทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศสนับสนุนแผนของทรัมป์ในการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา

    “ผมได้สั่งให้กองกำลังอิสราเอลเตรียมแผนในการช่วยอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาทุกคนออกไปยังประเทศใดก็ได้ที่ยินดีรับพวกเขา

    แผนดังกล่าวจะรวมถึงทางเลือกในการออกนอกประเทศโดยผ่านทางบก ทางทะเล รวมทั้งทางอากาศด้วย

    ประเทศต่างๆ เช่น สเปน ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และประเทศอื่นๆ ที่กล่าวหาอิสราเอลอย่างไร้หลักฐานเกี่ยวกับการกระทำในฉนวนกาซา พวกเขาสมควรต้อนรับชาวฉนวนกาซาเข้าให้ไปในดินแดนของพวกเขาซะ ความหน้าไหว้หลังหลอกของพวกเขาจะถูกเปิดเผยหากพวกเขาปฏิเสธ”
    "ไม่อ่านไลน์กลุ่มเลย ทรัมป์เริ่มถอยแล้ว" อิสราเอล คัทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศสนับสนุนแผนของทรัมป์ในการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา “ผมได้สั่งให้กองกำลังอิสราเอลเตรียมแผนในการช่วยอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาทุกคนออกไปยังประเทศใดก็ได้ที่ยินดีรับพวกเขา แผนดังกล่าวจะรวมถึงทางเลือกในการออกนอกประเทศโดยผ่านทางบก ทางทะเล รวมทั้งทางอากาศด้วย ประเทศต่างๆ เช่น สเปน ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และประเทศอื่นๆ ที่กล่าวหาอิสราเอลอย่างไร้หลักฐานเกี่ยวกับการกระทำในฉนวนกาซา พวกเขาสมควรต้อนรับชาวฉนวนกาซาเข้าให้ไปในดินแดนของพวกเขาซะ ความหน้าไหว้หลังหลอกของพวกเขาจะถูกเปิดเผยหากพวกเขาปฏิเสธ”
    Like
    Sad
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศ อิสราเอลจะยกฉนวนกาซาให้สหรัฐฯ เมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง
    ทรัมป์ประกาศ อิสราเอลจะยกฉนวนกาซาให้สหรัฐฯ เมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง วิเคราะห์ : จุดจบของอำนาจครอบงำของอเมริกา !!

    Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างขั้วเดียวไปเป็นโครงสร้างหลายขั้ว และผู้มีบทบาทต่างๆ เช่น อิหร่านและรัสเซียจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้

    Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชื่อดังชาวรัสเซีย ได้วิเคราะห์ถึงการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลก การกลับมามีอำนาจของทรัมป์ ตำแหน่งของอิหร่านและรัสเซียในระเบียบโลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Sahab Broadcasting Network ของรัสเซีย

    ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Alexander Dugin วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของอเมริกาและเชื่อว่ายุคที่วอชิงตันสร้างอำนาจเหนือบนพื้นฐานของอุดมการณ์เสรีนิยมและโลกาภิวัตน์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว โมเดลนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม การบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐเอกราช และการออกแบบการปฏิวัติสี ปัจจุบันได้หลีกทางให้กับลัทธิชาตินิยมจักรวรรดินิยม ซึ่งอเมริกาพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ในฐานะผู้นำโลก แต่เป็นจักรวรรดิที่เป็นอิสระ

    Alexander Dugin เน้นย้ำว่า ทรัมป์พยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละทิ้งนโยบายโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการลดการพึ่งพาพันธมิตรแบบดั้งเดิมและมุ่งเน้นไปที่การฉายอำนาจโดยตรงของอเมริกาในภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะเดียวกัน รัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นสองมหาอำนาจอิสระที่ได้รับผลกระทบจากรูปแบบเดิมของการครอบงำของชาติตะวันตก สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้

    ในส่วนอื่นของการสัมภาษณ์ เขากล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ต่ออิหร่าน ตามที่ Alexander Dugin กล่าว แม้ว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินนโยบายต่อต้านอิหร่านต่อไป แต่แนวทางที่เขามีต่อเตหะรานก็จะแตกต่างจากของไบเดน ต่างจากฝ่ายบริหารพรรคเดโมแครตซึ่งใช้ยุทธศาสตร์ "การกัดเซาะอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ทรัมป์จะพยายามสร้างแรงกดดันโดยตรงและรวดเร็ว

    Alexander Dugin ยังอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล โดยอธิบายว่าทรัมป์จะทำให้อิสราเอลเป็นนโยบายต่างประเทศลำดับแรกของเขา นั่นหมายความว่าแรงกดดันของวอชิงตันต่อแกนต่อต้านและอิหร่านจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในกระแสฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย

    เขาชี้ถึงความสำคัญของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย และถือว่าข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านการทหารและเศรษฐกิจ

    Alexander Dugin เสนอว่าอิหร่านควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้การควบคุมทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย และในทางกลับกัน รัสเซียควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียใต้ เขาเห็นพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากชาติตะวันตกได้อีกด้วย

    เขาชี้ถึงสงครามฉนวนกาซาและการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปาเลสไตน์ โดยเน้นย้ำว่าความขัดแย้งครั้งนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของอิสราเอลในความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ตามที่เขากล่าว อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสร้างภาพตัวเองให้เป็นประเทศเหยื่อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซาและการสังหารพลเรือนได้ท้าทายเรื่องเล่านี้และปลุกระดมความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกให้ต่อต้านระบอบการปกครอง

    เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของโลกเกี่ยวกับอิสราเอลคือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังทำให้การสนับสนุนแบบเดิมของอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อีกด้วย

    Alexander Dugin ได้นำเสนอภาพที่ชัดเจนของอนาคตของระเบียบโลก ซึ่งในความเชื่อของเขา ยุคแห่งการครอบงำโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว และประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดีย จะมีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมด้วย ซึ่งจะรวมถึงการฟื้นคืนค่านิยมดั้งเดิม การเผชิญหน้ากับเสรีนิยมโลก และการก่อตั้งขั้วอำนาจอิสระ

    Alexander Dugin เน้นย้ำว่า อิหร่านและรัสเซียควรคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์นี้และเสริมสร้างพันธมิตรของพวกเขา เขาถือว่าความร่วมมือนี้อยู่เหนือข้อตกลงทางการทูตและถือเป็นรากฐานสำหรับการสร้างระเบียบโลกใหม่ คำสั่งที่ฝ่ายตะวันตกจะไม่เป็นผู้มีบทบาทครอบงำแต่ผู้เดียวอีกต่อไป
    📌นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง วิเคราะห์ : จุดจบของอำนาจครอบงำของอเมริกา !! Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างขั้วเดียวไปเป็นโครงสร้างหลายขั้ว และผู้มีบทบาทต่างๆ เช่น อิหร่านและรัสเซียจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชื่อดังชาวรัสเซีย ได้วิเคราะห์ถึงการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลก การกลับมามีอำนาจของทรัมป์ ตำแหน่งของอิหร่านและรัสเซียในระเบียบโลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Sahab Broadcasting Network ของรัสเซีย ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Alexander Dugin วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของอเมริกาและเชื่อว่ายุคที่วอชิงตันสร้างอำนาจเหนือบนพื้นฐานของอุดมการณ์เสรีนิยมและโลกาภิวัตน์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว โมเดลนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม การบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐเอกราช และการออกแบบการปฏิวัติสี ปัจจุบันได้หลีกทางให้กับลัทธิชาตินิยมจักรวรรดินิยม ซึ่งอเมริกาพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ในฐานะผู้นำโลก แต่เป็นจักรวรรดิที่เป็นอิสระ Alexander Dugin เน้นย้ำว่า ทรัมป์พยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละทิ้งนโยบายโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการลดการพึ่งพาพันธมิตรแบบดั้งเดิมและมุ่งเน้นไปที่การฉายอำนาจโดยตรงของอเมริกาในภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะเดียวกัน รัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นสองมหาอำนาจอิสระที่ได้รับผลกระทบจากรูปแบบเดิมของการครอบงำของชาติตะวันตก สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ในส่วนอื่นของการสัมภาษณ์ เขากล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ต่ออิหร่าน ตามที่ Alexander Dugin กล่าว แม้ว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินนโยบายต่อต้านอิหร่านต่อไป แต่แนวทางที่เขามีต่อเตหะรานก็จะแตกต่างจากของไบเดน ต่างจากฝ่ายบริหารพรรคเดโมแครตซึ่งใช้ยุทธศาสตร์ "การกัดเซาะอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ทรัมป์จะพยายามสร้างแรงกดดันโดยตรงและรวดเร็ว Alexander Dugin ยังอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล โดยอธิบายว่าทรัมป์จะทำให้อิสราเอลเป็นนโยบายต่างประเทศลำดับแรกของเขา นั่นหมายความว่าแรงกดดันของวอชิงตันต่อแกนต่อต้านและอิหร่านจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในกระแสฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย เขาชี้ถึงความสำคัญของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย และถือว่าข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านการทหารและเศรษฐกิจ Alexander Dugin เสนอว่าอิหร่านควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้การควบคุมทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย และในทางกลับกัน รัสเซียควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียใต้ เขาเห็นพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากชาติตะวันตกได้อีกด้วย เขาชี้ถึงสงครามฉนวนกาซาและการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปาเลสไตน์ โดยเน้นย้ำว่าความขัดแย้งครั้งนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของอิสราเอลในความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ตามที่เขากล่าว อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสร้างภาพตัวเองให้เป็นประเทศเหยื่อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซาและการสังหารพลเรือนได้ท้าทายเรื่องเล่านี้และปลุกระดมความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกให้ต่อต้านระบอบการปกครอง เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของโลกเกี่ยวกับอิสราเอลคือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังทำให้การสนับสนุนแบบเดิมของอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อีกด้วย Alexander Dugin ได้นำเสนอภาพที่ชัดเจนของอนาคตของระเบียบโลก ซึ่งในความเชื่อของเขา ยุคแห่งการครอบงำโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว และประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดีย จะมีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมด้วย ซึ่งจะรวมถึงการฟื้นคืนค่านิยมดั้งเดิม การเผชิญหน้ากับเสรีนิยมโลก และการก่อตั้งขั้วอำนาจอิสระ Alexander Dugin เน้นย้ำว่า อิหร่านและรัสเซียควรคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์นี้และเสริมสร้างพันธมิตรของพวกเขา เขาถือว่าความร่วมมือนี้อยู่เหนือข้อตกลงทางการทูตและถือเป็นรากฐานสำหรับการสร้างระเบียบโลกใหม่ คำสั่งที่ฝ่ายตะวันตกจะไม่เป็นผู้มีบทบาทครอบงำแต่ผู้เดียวอีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาเร็ด​ คุชเนอร์ (Jared Kushner) สามีของอิวังก้า ทรัมป์ ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสื่อมวลชนเปิดโปงว่าคือผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดให้สหรัฐเข้ายึดครองกาซา และขับไล่ชาวปาเลสไตน์เกือบสองล้านคนออกไปจากถิ่นกำเนิดพวกเขา เพื่อสร้างกาซาขึ้นใหม่

    เนื่องจากแผนการของทรัมป์ คือสิ่งที่ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขา เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ว่าอิสราเอลควรขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาและพัฒนาพื้นที่ริมทะเลแห่งนี้ขึ้นใหม่ โดยเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า “มีค่ามหาศาล” (very valuable)

    นายจาเร็ด คุชเนอร์ ชาวยิวที่มีบรรพบุรุษมาจากเบลารุส ปู่และย่าของเขารอดชีวิตจากค่ายกักกันที่นาซีเยอรมนีดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างยึดครองเบลารุสอยู่ และอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2492 ต่อมา "ชาร์ล คุชเนอร์" พ่อของจาเร็ดก่อตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ จนประสบความสำเร็จมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมาก

    ทรัมป์สมัยแรก แต่งตั้งให้ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยคนโปรดเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับอาวุโสในทำเนียบขาว โดยให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อทรัมป์โดยตรง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็น "มือขวา" ของทรัมป์ในสมัยนั้น

    เขาเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน และเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ New York Observer

    ต่อมาในทรัมป์สมัยที่สอง ได้สร้างความฮือฮาด้วยการแต่งตั้ง ชาร์ลส์ คุชเนอร์ วัย 70 ปี พ่อของจาเร็ด เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฝรั่งเศส ทั้งที่เคยถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีเมื่อปี 2548 หลังจากรับสารภาพในความผิด 18 กระทงในคดีบริจาคเงินหาเสียงอย่างผิดกฎหมาย เลี่ยงภาษี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นทนายความในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และเพนซิลเวเนีย แต่ได้รับการอภัยโทษทั้งหมดจากทรัมป์ในปี 2563 เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก





    จาเร็ด​ คุชเนอร์ (Jared Kushner) สามีของอิวังก้า ทรัมป์ ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกสื่อมวลชนเปิดโปงว่าคือผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดให้สหรัฐเข้ายึดครองกาซา และขับไล่ชาวปาเลสไตน์เกือบสองล้านคนออกไปจากถิ่นกำเนิดพวกเขา เพื่อสร้างกาซาขึ้นใหม่ เนื่องจากแผนการของทรัมป์ คือสิ่งที่ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขา เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ว่าอิสราเอลควรขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาและพัฒนาพื้นที่ริมทะเลแห่งนี้ขึ้นใหม่ โดยเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า “มีค่ามหาศาล” (very valuable) นายจาเร็ด คุชเนอร์ ชาวยิวที่มีบรรพบุรุษมาจากเบลารุส ปู่และย่าของเขารอดชีวิตจากค่ายกักกันที่นาซีเยอรมนีดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างยึดครองเบลารุสอยู่ และอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2492 ต่อมา "ชาร์ล คุชเนอร์" พ่อของจาเร็ดก่อตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ จนประสบความสำเร็จมั่งคั่งร่ำรวยอย่างมาก ทรัมป์สมัยแรก แต่งตั้งให้ จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยคนโปรดเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับอาวุโสในทำเนียบขาว โดยให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อทรัมป์โดยตรง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็น "มือขวา" ของทรัมป์ในสมัยนั้น เขาเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน และเจ้าของธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ New York Observer ต่อมาในทรัมป์สมัยที่สอง ได้สร้างความฮือฮาด้วยการแต่งตั้ง ชาร์ลส์ คุชเนอร์ วัย 70 ปี พ่อของจาเร็ด เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฝรั่งเศส ทั้งที่เคยถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีเมื่อปี 2548 หลังจากรับสารภาพในความผิด 18 กระทงในคดีบริจาคเงินหาเสียงอย่างผิดกฎหมาย เลี่ยงภาษี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นทนายความในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และเพนซิลเวเนีย แต่ได้รับการอภัยโทษทั้งหมดจากทรัมป์ในปี 2563 เมื่อครั้งที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย

    ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน

    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง"

    แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น

    สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง" แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google abandons 'do no harm' AI stance, opens door to military weapons
    This change, first noticed by Bloomberg, marks a shift from the company's earlier stance on responsible AI development.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • Paragon Solutions บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าของพวกเขา โดยประธานบริหารของ Paragon กล่าวว่า พวกเขาให้บริการเทคโนโลยีนี้กับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก โดยหลัก ๆ คือ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของพวกเขา

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก WhatsApp เปิดเผยว่า Paragon ได้พยายามติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของนักข่าวและสมาชิกในสังคมสูงสุดถึง 90 คน ผ่านการโจมตีแบบไม่ต้องคลิก Paragon อ้างว่าพวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามการโจมตีนักข่าวและผู้คนในสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างเต็มที่

    ในข่าวนี้ยังพูดถึงกรณีของนักข่าวชาวอิตาลี Francesco Cancellato และนักเคลื่อนไหวชาวลิเบีย Husam El Gomati ที่ได้ถูก Paragon ติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของพวกเขา Francesco เคยเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับการกล่าวทำนองเหยียดเชื้อชาติและสรรเสริญนาซีของกลุ่มเยาวชนในพรรคการเมืองของอิตาลี ในขณะที่ Husam ได้วิจารณ์ความพยายามในการหยุดยั้งผู้อพยพจากลิเบียเข้าสู่ยุโรป

    เรื่องราวนี้เป็นการย้ำถึงความซับซ้อนและความอันตรายของการใช้เทคโนโลยีสปายแวร์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกใช้ไปในทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้คน

    https://www.techradar.com/pro/security/israeli-spyware-company-confirms-us-government-and-friends-are-customers
    Paragon Solutions บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าของพวกเขา โดยประธานบริหารของ Paragon กล่าวว่า พวกเขาให้บริการเทคโนโลยีนี้กับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก โดยหลัก ๆ คือ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก WhatsApp เปิดเผยว่า Paragon ได้พยายามติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของนักข่าวและสมาชิกในสังคมสูงสุดถึง 90 คน ผ่านการโจมตีแบบไม่ต้องคลิก Paragon อ้างว่าพวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามการโจมตีนักข่าวและผู้คนในสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างเต็มที่ ในข่าวนี้ยังพูดถึงกรณีของนักข่าวชาวอิตาลี Francesco Cancellato และนักเคลื่อนไหวชาวลิเบีย Husam El Gomati ที่ได้ถูก Paragon ติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของพวกเขา Francesco เคยเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับการกล่าวทำนองเหยียดเชื้อชาติและสรรเสริญนาซีของกลุ่มเยาวชนในพรรคการเมืองของอิตาลี ในขณะที่ Husam ได้วิจารณ์ความพยายามในการหยุดยั้งผู้อพยพจากลิเบียเข้าสู่ยุโรป เรื่องราวนี้เป็นการย้ำถึงความซับซ้อนและความอันตรายของการใช้เทคโนโลยีสปายแวร์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกใช้ไปในทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้คน https://www.techradar.com/pro/security/israeli-spyware-company-confirms-us-government-and-friends-are-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์
    .
    หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล
    .
    ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน"
    .
    รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู
    .
    ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว"
    .
    คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์"
    .
    ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย"
    .
    เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์
    .
    สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ
    .
    ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา"
    .
    อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้
    .
    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา
    .
    ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน
    .
    ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา
    .
    สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์ . หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้ . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล . ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน" . รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู . ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว" . คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์" . ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย" . เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์ . สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว . เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ . ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา" . อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้ . ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา . ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน . ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน . อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา . สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1062 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา หลังโดนทั้งโลกไม่เห็นด้วยและประณามแนวคิดนี้ และยังผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

    ทำเนียบขาวรีบดับไฟ 'ถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา' ท่ามกลางเสียงค้านทั่วโลก ชี้เป็นแค่แผนย้ายถิ่นชั่วคราว
    ทำเนียบขาวถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา ย้ำไม่ส่งทหาร-ไม่จ่ายเงินฟื้นฟู

    หลังแถลงการณ์ของทรัมป์สร้างความร้อนแรงด้วยแผน "เข้ายึดครอง" และ "เป็นเจ้าของ" ฉนวนกาซา
    โดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงเป็นเพียงการ "ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว" ไม่ใช่ตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรในประเทศอาหรับ พร้อมย้ำไม่ส่งทหารและไม่ใช้งบประมาณฟื้นฟู

    ด้านมาร์โก รูบิโอ รมต.ต่างประเทศ หนุนเป็น "การเคลื่อนไหวที่ใจกว้าง" เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำโลก โดยเฉพาะซามี อาบู ซูห์รี แกนนำฮามาส เตือนอาจนำไปสู่ "ความวุ่นวาย"

    ขณะที่วุฒิสมาชิกไบรอัน ชาทซ์ และเฮลี โซเฟอร์ จาก JDCA วิจารณ์แผนสุดโต่งนี้ พร้อมย้ำจุดยืนแนวทางสองรัฐ ด้านสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม คัดค้านแข็งขัน เตือนอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิง "ระยะที่สอง" ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่กาตาร์


    https://www.imctnews.com/news_details-news-6570.html
    อเมริกาถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา หลังโดนทั้งโลกไม่เห็นด้วยและประณามแนวคิดนี้ และยังผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทำเนียบขาวรีบดับไฟ 'ถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา' ท่ามกลางเสียงค้านทั่วโลก ชี้เป็นแค่แผนย้ายถิ่นชั่วคราว ทำเนียบขาวถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา ย้ำไม่ส่งทหาร-ไม่จ่ายเงินฟื้นฟู หลังแถลงการณ์ของทรัมป์สร้างความร้อนแรงด้วยแผน "เข้ายึดครอง" และ "เป็นเจ้าของ" ฉนวนกาซา โดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงเป็นเพียงการ "ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว" ไม่ใช่ตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรในประเทศอาหรับ พร้อมย้ำไม่ส่งทหารและไม่ใช้งบประมาณฟื้นฟู ด้านมาร์โก รูบิโอ รมต.ต่างประเทศ หนุนเป็น "การเคลื่อนไหวที่ใจกว้าง" เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำโลก โดยเฉพาะซามี อาบู ซูห์รี แกนนำฮามาส เตือนอาจนำไปสู่ "ความวุ่นวาย" ขณะที่วุฒิสมาชิกไบรอัน ชาทซ์ และเฮลี โซเฟอร์ จาก JDCA วิจารณ์แผนสุดโต่งนี้ พร้อมย้ำจุดยืนแนวทางสองรัฐ ด้านสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม คัดค้านแข็งขัน เตือนอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิง "ระยะที่สอง" ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่กาตาร์ https://www.imctnews.com/news_details-news-6570.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปี 2022 เงินช่วยเหลือต่างประเทศจำแนกตามประเทศมีตั้งแต่ 262 ล้าน ไปจนถึง 11,200 ล้านดอลลาร์ โดยแพ็คเกจความช่วยเหลือเฉลี่ยอยู่ที่ 55.9 ล้านดอลลาร์ และมีมากถึง 172 ประเทศจาก 196 ประเทศที่ได้รับการรับการสนับสนุนเงินเหล่านี้จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

    โดยที่ยูเครนได้มากถึง 11,200 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคืออิสราเอล 3,300 ล้านดอลลาร์ และอัฟกานิสถาน 1,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 24% ของจำนวนเงินรายจ่ายช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา

    สำหรับในปีงบ 2023 สหรัฐใช้จ่ายไปเกือบ 44,000 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูลช่วงที่เก็บบันทึก) โดย 16,000 ล้านดอลลาร์จ่ายให้กับยูเครน
    ในปี 2022 เงินช่วยเหลือต่างประเทศจำแนกตามประเทศมีตั้งแต่ 262 ล้าน ไปจนถึง 11,200 ล้านดอลลาร์ โดยแพ็คเกจความช่วยเหลือเฉลี่ยอยู่ที่ 55.9 ล้านดอลลาร์ และมีมากถึง 172 ประเทศจาก 196 ประเทศที่ได้รับการรับการสนับสนุนเงินเหล่านี้จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยที่ยูเครนได้มากถึง 11,200 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคืออิสราเอล 3,300 ล้านดอลลาร์ และอัฟกานิสถาน 1,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 24% ของจำนวนเงินรายจ่ายช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา สำหรับในปีงบ 2023 สหรัฐใช้จ่ายไปเกือบ 44,000 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูลช่วงที่เก็บบันทึก) โดย 16,000 ล้านดอลลาร์จ่ายให้กับยูเครน
    Like
    Sad
    5
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพและความรักระหว่างชาวอเมริกันและชาวอิสราเอลคงอยู่มาหลายชั่วอายุคน และไม่มีทางแตกหักได้อย่างแน่นอน”

    – ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์
    “สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพและความรักระหว่างชาวอเมริกันและชาวอิสราเอลคงอยู่มาหลายชั่วอายุคน และไม่มีทางแตกหักได้อย่างแน่นอน” – ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา ถึงกับทำให้เนทันยาฮู ยกย่องทรัมป์ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่อิสราเอลเคยมีในทำเนียบขาว
    การผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา ถึงกับทำให้เนทันยาฮู ยกย่องทรัมป์ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่อิสราเอลเคยมีในทำเนียบขาว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งแต่ปี 1974 ผ่านมา 50 ปีแล้ว...
    .
    อิสราเอล และ อเมริกา ไม่เคย ยอมรับให้มี ประเทศปาเลสไตน์ เกิดขึ้น และ คิดที่จะลบ ปาเลสไตน์ ออกจาแผนที่โลก มาตลอด...!!!
    .
    ทั้งๆที่ อเมริกา และ อังกฤษ ฉีกทึ้งแผ่นดิน ปาเลสไตน์ เพื่อจัดตั้ง รัฐอิสราเอล ขึ้นมาตรงนั้น...
    .
    วันนี้ก็ชัดเจนแล้ว มิใช่หรือ...???
    ตั้งแต่ปี 1974 ผ่านมา 50 ปีแล้ว... . อิสราเอล และ อเมริกา ไม่เคย ยอมรับให้มี ประเทศปาเลสไตน์ เกิดขึ้น และ คิดที่จะลบ ปาเลสไตน์ ออกจาแผนที่โลก มาตลอด...!!! . ทั้งๆที่ อเมริกา และ อังกฤษ ฉีกทึ้งแผ่นดิน ปาเลสไตน์ เพื่อจัดตั้ง รัฐอิสราเอล ขึ้นมาตรงนั้น... . วันนี้ก็ชัดเจนแล้ว มิใช่หรือ...???
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที หลังการแถลงข่าวระหว่างทรัมป์และเนทันยาฮู

    ในแถลงการณ์ระบุชัดเจน จะยังไม่ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอลหากยังไม่จัดตั้งรัฐปาเลสไตน์
    กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที หลังการแถลงข่าวระหว่างทรัมป์และเนทันยาฮู ในแถลงการณ์ระบุชัดเจน จะยังไม่ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอลหากยังไม่จัดตั้งรัฐปาเลสไตน์
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทุกคนที่ผมคุยด้วยชอบแนวคิดที่สหรัฐเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้น"

    ทรัมป์กำลังวางแผนยึดครองดินแดนฉนวนกาซาร่วมกับอิสราเอล!!
    “สหรัฐจะเข้ายึดครองฉนวนกาซา เราจะเป็นเจ้าของและรับผิดชอบในการรื้อระเบิดที่ยังไม่ระเบิดและอาวุธอื่นๆทั้งหมดในพื้นที่ รวมไปถึงการปรับปรุง และการกําจัดอาคารที่ถูกทําลายด้วย”

    ทรัมป์กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ที่อยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐฯ​

    ทรัมป์ประกาศด้วยว่าชาวปาเลสไตน์ควรออกไปจากพื้นที่ พวกเขาอยู่ไปก็มีแต่จะรอความตาย

    ในขณะที่ผู้สื่อข่าวถามกลับว่า แล้วใครจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่นี้แทน ทรัมป์ตอบว่า มันจะกลายเป็นบ้านของ "ประชากรโลก" (World's People) ซึ่งพลเมืองอิสราเอลและสหรัฐก็เป็นประชากรโลกเช่นกัน
    "ทุกคนที่ผมคุยด้วยชอบแนวคิดที่สหรัฐเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้น" ทรัมป์กำลังวางแผนยึดครองดินแดนฉนวนกาซาร่วมกับอิสราเอล!! “สหรัฐจะเข้ายึดครองฉนวนกาซา เราจะเป็นเจ้าของและรับผิดชอบในการรื้อระเบิดที่ยังไม่ระเบิดและอาวุธอื่นๆทั้งหมดในพื้นที่ รวมไปถึงการปรับปรุง และการกําจัดอาคารที่ถูกทําลายด้วย” ทรัมป์กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ที่อยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐฯ​ ทรัมป์ประกาศด้วยว่าชาวปาเลสไตน์ควรออกไปจากพื้นที่ พวกเขาอยู่ไปก็มีแต่จะรอความตาย ในขณะที่ผู้สื่อข่าวถามกลับว่า แล้วใครจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่นี้แทน ทรัมป์ตอบว่า มันจะกลายเป็นบ้านของ "ประชากรโลก" (World's People) ซึ่งพลเมืองอิสราเอลและสหรัฐก็เป็นประชากรโลกเช่นกัน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงอีกครั้งด้วยการประกาศว่าต้องการ “เทกโอเวอร์” ดินแดนกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากส่งชาวปาเลสไตน์ “ออกไปอยู่อื่น” ในความเคลื่อนไหวซึ่งจะถือเป็นการทำลายจุดยืนที่สหรัฐฯ มีต่อปัญหายิว-ปาเลสไตน์มานานหลายสิบปี
    .
    ทรัมป์ แถลงแผนการสุดเซอร์ไพรส์นี้ระหว่างเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร
    .
    ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปตั้งถิ่นฐานใหม่แบบถาวรในประเทศข้างเคียง โดยระบุว่าดินแดนกาซาในปัจจุบันมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ทุบทำลาย (demolition site)
    .
    “สหรัฐฯ จะเทกโอเวอร์ฉนวนกาซา และเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าว “เราจะเป็นเจ้าของมัน และจะรับผิดชอบเรื่องการทำลายระเบิดที่ยังไม่ทำงาน และอาวุธต่างๆ ที่อยู่ในนั้น”
    .
    “หากมีความจำเป็น เราก็จะทำ เราจะเทกโอเวอร์ดินแดนตรงนั้น เราจะเข้าไปพัฒนามัน สร้างงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่ง และมันจะเป็นสิ่งที่ตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคและทั่วโลกต้องภูมิใจ” ทรัมป์ กล่าว
    .
    เมื่อถามว่าแล้วใครจะเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนตรงนั้น ทรัมป์ ตอบแบบกว้างๆ ว่ามันจะเป็น “บ้านสำหรับชาวโลก”
    .
    ด้าน เนทันยาฮู ก็กล่าวรับลูกทันควันว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ “กล้าคิดนอกกรอบด้วยไอเดียใหม่ๆ” และ “แสดงความตั้งใจจริงที่จะแทงทะลุกรอบความคิดเดิมๆ”
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า สหรัฐฯ จะเอาอำนาจอะไรไปเทกโอเวอร์ดินแดนกาซา และยึดครองมันในระยะยาว
    .
    ทรัมป์ ยังย้ำข้อเรียกร้องให้จอร์แดน อียิปต์ และรัฐอาหรับอื่นๆ รับชาวกาซาไปอยู่อาศัย โดยชี้ว่าชาวปาเลสไตน์ "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากละทิ้งดินแดนผืนแคบๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ไปเสีย เนื่องจากกาซาจำเป็นต้องได้รับการบูรณะฟื้นฟูขนานใหญ่หลังเสียหายย่อยยับจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าเขาสนับสนุนการย้ายชาวกาซาแบบ "ถาวร" ซึ่งเป็นเรื่องหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าข้อเสนอเดิมซึ่งบรรดารัฐอาหรับก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว
    .
    เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ทรัมป์ ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำยิวเพื่อหารือข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในกาซา ยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่าน รวมไปถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นแผนผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบีย
    .
    "มันเป็นพื้นที่ทุบทำลายชัดๆ" ทรัมป์ เอ่ยถึงกาซาก่อนที่จะพบ เนทันยาฮู ไม่นานนัก
    .
    "ถ้าเราสามารถหาที่ดินสักผืนที่ใช่ หรืออาจจะหลายๆ ผืน และสร้างสถานที่ที่ดีและมีเม็ดเงินมหาศาลให้พวกเขา แน่นอน... ผมคิดว่ามันจะดีกว่าการกลับเข้าไปอยู่ในกาซา" ทรัมป์ กล่าว
    .
    "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม (ชาวปาเลสไตน์) ถึงยังอยากอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ให้คำตอบ หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำชาติอาหรับเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา
    .
    ระหว่างพบ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ ได้ย้ำข้อเสนอเดิม โดยคราวนี้บอกว่าชาวปาเลสไตน์ควรย้ายออกจากกาซาไปเลยแบบถาวร "ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดี ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกยิง ไม่ต้องถูกสังหาร"
    .
    "พวกเขาจะไม่อยากกลับไปอยู่กาซาอีก"
    .
    ทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากระบวนการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จะกระทำอย่างไร แต่ข้อเสนอนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอล และขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จากกาซา
    .
    นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาวิจารณ์ข้อเสนอ ทรัมป์ ว่าไม่ต่างอะไรกับการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ เองด้วย
    .
    ซามี อบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ออกมาประณามแผนของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ "ขับไล่ชาวกาซาออกจากดินแดนของพวกเขาเอง"
    .
    "เรามองว่านี่คือสูตรสำเร็จที่จะสร้างความวุ่นวายและความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค เพราะชาวกาซาจะไม่มีวันยอมให้แผนการเช่นนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว
    .
    การที่ ทรัมป์ เลือกให้ เนทันยาฮู เป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่ได้มาพบเขาที่ทำเนียบขาวหลังสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ถูกมองว่าเป็นความพยายามโชว์ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตนกับผู้นำยิว ตามหลังช่วงเวลาอันระหองระแหงระหว่าง เนทันยาฮู กับ ไบเดน สืบเนื่องจากสงครามในกาซา
    .
    อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็อาจจะเป็นฝ่ายถูก ทรัมป์ กดดันเข้าบ้างในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายเชิงนโยบายตะวันออกกลางในภาพรวมของผู้นำอเมริกันที่คาดเดาได้ยากรายนี้บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับผลประโยชน์ภายในประเทศและผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์สำหรับ เนทันยาฮู เสมอไป
    .
    ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ เคยหยิบยื่นชัยชนะให้แก่ เนทันยาฮู หลายครั้ง ตั้งแต่การย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เรื่อยไปจนถึงการทำข้อตกลงอบราฮัมที่ช่วยให้รัฐอาหรับหลายชาติยอมสถาปนาความสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011557
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงอีกครั้งด้วยการประกาศว่าต้องการ “เทกโอเวอร์” ดินแดนกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากส่งชาวปาเลสไตน์ “ออกไปอยู่อื่น” ในความเคลื่อนไหวซึ่งจะถือเป็นการทำลายจุดยืนที่สหรัฐฯ มีต่อปัญหายิว-ปาเลสไตน์มานานหลายสิบปี . ทรัมป์ แถลงแผนการสุดเซอร์ไพรส์นี้ระหว่างเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร . ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปตั้งถิ่นฐานใหม่แบบถาวรในประเทศข้างเคียง โดยระบุว่าดินแดนกาซาในปัจจุบันมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ทุบทำลาย (demolition site) . “สหรัฐฯ จะเทกโอเวอร์ฉนวนกาซา และเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าว “เราจะเป็นเจ้าของมัน และจะรับผิดชอบเรื่องการทำลายระเบิดที่ยังไม่ทำงาน และอาวุธต่างๆ ที่อยู่ในนั้น” . “หากมีความจำเป็น เราก็จะทำ เราจะเทกโอเวอร์ดินแดนตรงนั้น เราจะเข้าไปพัฒนามัน สร้างงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่ง และมันจะเป็นสิ่งที่ตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคและทั่วโลกต้องภูมิใจ” ทรัมป์ กล่าว . เมื่อถามว่าแล้วใครจะเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนตรงนั้น ทรัมป์ ตอบแบบกว้างๆ ว่ามันจะเป็น “บ้านสำหรับชาวโลก” . ด้าน เนทันยาฮู ก็กล่าวรับลูกทันควันว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ “กล้าคิดนอกกรอบด้วยไอเดียใหม่ๆ” และ “แสดงความตั้งใจจริงที่จะแทงทะลุกรอบความคิดเดิมๆ” . อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า สหรัฐฯ จะเอาอำนาจอะไรไปเทกโอเวอร์ดินแดนกาซา และยึดครองมันในระยะยาว . ทรัมป์ ยังย้ำข้อเรียกร้องให้จอร์แดน อียิปต์ และรัฐอาหรับอื่นๆ รับชาวกาซาไปอยู่อาศัย โดยชี้ว่าชาวปาเลสไตน์ "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากละทิ้งดินแดนผืนแคบๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ไปเสีย เนื่องจากกาซาจำเป็นต้องได้รับการบูรณะฟื้นฟูขนานใหญ่หลังเสียหายย่อยยับจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา . อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าเขาสนับสนุนการย้ายชาวกาซาแบบ "ถาวร" ซึ่งเป็นเรื่องหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าข้อเสนอเดิมซึ่งบรรดารัฐอาหรับก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว . เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ทรัมป์ ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำยิวเพื่อหารือข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในกาซา ยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่าน รวมไปถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นแผนผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบีย . "มันเป็นพื้นที่ทุบทำลายชัดๆ" ทรัมป์ เอ่ยถึงกาซาก่อนที่จะพบ เนทันยาฮู ไม่นานนัก . "ถ้าเราสามารถหาที่ดินสักผืนที่ใช่ หรืออาจจะหลายๆ ผืน และสร้างสถานที่ที่ดีและมีเม็ดเงินมหาศาลให้พวกเขา แน่นอน... ผมคิดว่ามันจะดีกว่าการกลับเข้าไปอยู่ในกาซา" ทรัมป์ กล่าว . "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม (ชาวปาเลสไตน์) ถึงยังอยากอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ให้คำตอบ หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำชาติอาหรับเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา . ระหว่างพบ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ ได้ย้ำข้อเสนอเดิม โดยคราวนี้บอกว่าชาวปาเลสไตน์ควรย้ายออกจากกาซาไปเลยแบบถาวร "ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดี ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกยิง ไม่ต้องถูกสังหาร" . "พวกเขาจะไม่อยากกลับไปอยู่กาซาอีก" . ทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากระบวนการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จะกระทำอย่างไร แต่ข้อเสนอนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอล และขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จากกาซา . นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาวิจารณ์ข้อเสนอ ทรัมป์ ว่าไม่ต่างอะไรกับการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ เองด้วย . ซามี อบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ออกมาประณามแผนของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ "ขับไล่ชาวกาซาออกจากดินแดนของพวกเขาเอง" . "เรามองว่านี่คือสูตรสำเร็จที่จะสร้างความวุ่นวายและความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค เพราะชาวกาซาจะไม่มีวันยอมให้แผนการเช่นนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว . การที่ ทรัมป์ เลือกให้ เนทันยาฮู เป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่ได้มาพบเขาที่ทำเนียบขาวหลังสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ถูกมองว่าเป็นความพยายามโชว์ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตนกับผู้นำยิว ตามหลังช่วงเวลาอันระหองระแหงระหว่าง เนทันยาฮู กับ ไบเดน สืบเนื่องจากสงครามในกาซา . อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็อาจจะเป็นฝ่ายถูก ทรัมป์ กดดันเข้าบ้างในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายเชิงนโยบายตะวันออกกลางในภาพรวมของผู้นำอเมริกันที่คาดเดาได้ยากรายนี้บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับผลประโยชน์ภายในประเทศและผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์สำหรับ เนทันยาฮู เสมอไป . ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ เคยหยิบยื่นชัยชนะให้แก่ เนทันยาฮู หลายครั้ง ตั้งแต่การย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เรื่อยไปจนถึงการทำข้อตกลงอบราฮัมที่ช่วยให้รัฐอาหรับหลายชาติยอมสถาปนาความสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011557 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์กำลังเขย่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางครั้งใหญ่ เมื่อประกาศการตัดสินใจต่อหน้าเนทันยาฮู ในการยกดินแดนกาซาให้อิสราเอล

    นักข่าวถามทรัมป์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอียิปต์และจอร์แดนปฏิเสธข้อเสนอของคุณที่จะย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา

    โดนัลด์ ทรัมป์: “พวกเขาจะไม่ปฏิเสธผม ผมต้องการย้ายชาวกาซาทั้งหมดออกไป” “มันจะต้องเกิดขึ้น” [Jerusalem Post]

    ทรัมป์พูดถึงการอพยพของชาวปาเลสไตน์: “ผมหวังว่าเราจะทำอะไรบางอย่างได้เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่อยากกลับมา” [Israeli Radio]

    รูปภาพ1 - รูปประกอบแนวทางอนาคตของชาวปาเลสไตน์ในกาซา ดินแดนกาซาจะหายไป และกลายเป็นของอิสราเอล ชาวกาซาจะถูกผลักดันออกไปอยู่แนวเขตอียิปต์ ซึ่งเป็นทะเลทรายไซนาย (Sinai) เป็นเขตปกครอไซนายเหนือ (North Sinai Governorate) ของอียิปต์

    ถ้าหากอิสราเอลผนวกดินแดนกาซา โดยการสนับสนุนของสหรัฐ:
    - จีนจะอ้างสิทธิผนวกไต้หวัน
    - รัสเซียจะอ้างสิทธิผนวกยูเครน
    - แล้วโคโซโวล่ะ?
    ทรัมป์กำลังเขย่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางครั้งใหญ่ เมื่อประกาศการตัดสินใจต่อหน้าเนทันยาฮู ในการยกดินแดนกาซาให้อิสราเอล นักข่าวถามทรัมป์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอียิปต์และจอร์แดนปฏิเสธข้อเสนอของคุณที่จะย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดนัลด์ ทรัมป์: “พวกเขาจะไม่ปฏิเสธผม ผมต้องการย้ายชาวกาซาทั้งหมดออกไป” “มันจะต้องเกิดขึ้น” [Jerusalem Post] ทรัมป์พูดถึงการอพยพของชาวปาเลสไตน์: “ผมหวังว่าเราจะทำอะไรบางอย่างได้เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่อยากกลับมา” [Israeli Radio] รูปภาพ1 - รูปประกอบแนวทางอนาคตของชาวปาเลสไตน์ในกาซา ดินแดนกาซาจะหายไป และกลายเป็นของอิสราเอล ชาวกาซาจะถูกผลักดันออกไปอยู่แนวเขตอียิปต์ ซึ่งเป็นทะเลทรายไซนาย (Sinai) เป็นเขตปกครอไซนายเหนือ (North Sinai Governorate) ของอียิปต์ ถ้าหากอิสราเอลผนวกดินแดนกาซา โดยการสนับสนุนของสหรัฐ: - จีนจะอ้างสิทธิผนวกไต้หวัน - รัสเซียจะอ้างสิทธิผนวกยูเครน - แล้วโคโซโวล่ะ?
    Like
    Love
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เรียกร้องชาวปาเลสไตน์ให้อพยพออกจากกาซา เพื่อไปยังประเทศอาหรับอื่นๆ อย่างถาวร
    พร้อมขู่ว่าจะดำเนินการกับจอร์แดนและอียิปต์ หากพวกเขาไม่ยอมรับข้อเสนอรับชาวปาเลสไตน์
    ทรัมป์พูดเรื่องนี้ขณะเนทันยาฮูแห่งอิสราเอลมาเยือนทำเนียบขาวเมื่อวานนี้
    ทรัมป์เรียกร้องชาวปาเลสไตน์ให้อพยพออกจากกาซา เพื่อไปยังประเทศอาหรับอื่นๆ อย่างถาวร พร้อมขู่ว่าจะดำเนินการกับจอร์แดนและอียิปต์ หากพวกเขาไม่ยอมรับข้อเสนอรับชาวปาเลสไตน์ ทรัมป์พูดเรื่องนี้ขณะเนทันยาฮูแห่งอิสราเอลมาเยือนทำเนียบขาวเมื่อวานนี้
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระหว่างการเยือนสหรัฐของเนทันยาฮู ทรัมป์ประกาศส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอล

    ซึ่งรวมถึงระเบิด GBU-8 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์เกือบ 5,000 ลูก (คนละส่วนกับระเบิด MK-84 รอบก่อน)

    ระเบิด GBU-8 เป็นระเบิดนำวิถีแม่นยำสูงที่พัฒนาขึ้นสำหรับทำลายบังเกอร์และโจมตีด้วยแรงกระแทกสูง ซึ่งทำให้อิสราเอลต้องการระเบิดชนิดนี้มาก
    ระหว่างการเยือนสหรัฐของเนทันยาฮู ทรัมป์ประกาศส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอล ซึ่งรวมถึงระเบิด GBU-8 น้ำหนัก 2,000 ปอนด์เกือบ 5,000 ลูก (คนละส่วนกับระเบิด MK-84 รอบก่อน) ระเบิด GBU-8 เป็นระเบิดนำวิถีแม่นยำสูงที่พัฒนาขึ้นสำหรับทำลายบังเกอร์และโจมตีด้วยแรงกระแทกสูง ซึ่งทำให้อิสราเอลต้องการระเบิดชนิดนี้มาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่คือสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ต้อง "อดทน" อยู่กับความกดดันที่พวกเขาต้องเจอทุกวัน และเมื่อวันหนึ่งที่พวกเขาลุกขึ้นสู้ ชาวโลกกลุ่มหนึ่งกลับมองเห็นพวกเขาใช้ความรุนแรง และมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย!

    ภาพรถบรรทุกของกองกำลังอิสราเอลพุ่งเข้าชนแผงขายอาหารของชาวปาเลสไตน์ในตูลคาเรม(Tulkarm) ในเขต West Bank "เพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น"

    "แม้ว่ามันจะมองดูเป็นเรื่องเล็กน้อย หากใครต้องเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ทุกวัน พวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจอย่างไร"
    นี่คือสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ต้อง "อดทน" อยู่กับความกดดันที่พวกเขาต้องเจอทุกวัน และเมื่อวันหนึ่งที่พวกเขาลุกขึ้นสู้ ชาวโลกกลุ่มหนึ่งกลับมองเห็นพวกเขาใช้ความรุนแรง และมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย! ภาพรถบรรทุกของกองกำลังอิสราเอลพุ่งเข้าชนแผงขายอาหารของชาวปาเลสไตน์ในตูลคาเรม(Tulkarm) ในเขต West Bank "เพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น" "แม้ว่ามันจะมองดูเป็นเรื่องเล็กน้อย หากใครต้องเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ทุกวัน พวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจอย่างไร"
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวฐานทัพใต้ดินแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งตามแนวชายฝั่้งทางใต้ของประเทศ ฐานทัพใหม่นี้ได้รับฉายาว่า "เมืองขีปนาวุธ" เป็นแหล่งซ่อนตัวของรถบรรทุกหลายสิบคนที่ใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธ อ้างอิงภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพอิหร่านเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.)
    .
    ในวิดีโอความยาว 2 นาที พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการ IRGC และพลเรือตรีอาลิเรซา ทังซิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กำลังตรวจตราเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน บริเวณที่แท่นยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ประจำการอยู่
    .
    ทังซีรี ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของขีปนาวุธร่อน Qadr-380 ของอิหร่าน ซึ่งสามารถประจำการและยิงโจมตีได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ขีปนาวุธนี้มีพิสัยทำการกว่า 1,000 กิโลเมตรและติดตั้งระบบต่อต้านสัญญาณรบกวน เพื่อตอบโต้การทำสงครามอิเล็กทรอนิก ตามรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ
    .
    ฐานทัพแห่งใหม่ที่อวดโฉมในวันเสาร์(1ก.พ.) ถือเป็นฐานทัพใต้ดินแห่งที่ 3 แล้วในอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ทางกองทัพเรือแห่ง IRGC เพิ่้งเปิดตัวฐานทัพใต้ดินอีกแห่ง สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันทางกองทัพอากาศของ IRGC ก็เคยเปิดเผยเกี่ยวกับฐานทัพแบบเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจน
    .
    อิหร่าน บอกว่าโครงการขีปนาวุธของพวกเขามีไว้เพื่อป้องปรามบรรดาอริศัตรูอย่างสหรัฐฯและอิสราเอล และระหว่างการตรวจตราเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) ซาลามี เน้นย้ำว่าการเปิดตัวฐานทัพใต้ดินครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูของเตหะราน คำนวณผิดพลาดจนนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง
    .
    ในช่วงต้นเดือนมกราคม อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ยกย่องโครงการขีปนาวุธของประเทศ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามจากต่างชาติ "ผมเคยบอกมาหลายครั้งแล้ว และเชื่อย่างหนักแน่นว่า ถ้าเราไม่มีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธ ก็คงไม่มีใครเจรจากับเรา"
    .
    อารากชี อ้างว่าสหรัฐฯและพันธมิตรมีแต่จะตอบสนองอย่างแข็งกร้าว แต่แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะบีบให้พวกเขาหันหน้ามาใช้หนทางด้านการทูต แทนการเลือกใช้กำลัง ความเห็นของเขามีขค้นตามหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010796
    ..................
    Sondhi X
    กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวฐานทัพใต้ดินแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งตามแนวชายฝั่้งทางใต้ของประเทศ ฐานทัพใหม่นี้ได้รับฉายาว่า "เมืองขีปนาวุธ" เป็นแหล่งซ่อนตัวของรถบรรทุกหลายสิบคนที่ใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธ อ้างอิงภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพอิหร่านเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) . ในวิดีโอความยาว 2 นาที พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการ IRGC และพลเรือตรีอาลิเรซา ทังซิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กำลังตรวจตราเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน บริเวณที่แท่นยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ประจำการอยู่ . ทังซีรี ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของขีปนาวุธร่อน Qadr-380 ของอิหร่าน ซึ่งสามารถประจำการและยิงโจมตีได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ขีปนาวุธนี้มีพิสัยทำการกว่า 1,000 กิโลเมตรและติดตั้งระบบต่อต้านสัญญาณรบกวน เพื่อตอบโต้การทำสงครามอิเล็กทรอนิก ตามรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ . ฐานทัพแห่งใหม่ที่อวดโฉมในวันเสาร์(1ก.พ.) ถือเป็นฐานทัพใต้ดินแห่งที่ 3 แล้วในอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ทางกองทัพเรือแห่ง IRGC เพิ่้งเปิดตัวฐานทัพใต้ดินอีกแห่ง สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันทางกองทัพอากาศของ IRGC ก็เคยเปิดเผยเกี่ยวกับฐานทัพแบบเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจน . อิหร่าน บอกว่าโครงการขีปนาวุธของพวกเขามีไว้เพื่อป้องปรามบรรดาอริศัตรูอย่างสหรัฐฯและอิสราเอล และระหว่างการตรวจตราเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) ซาลามี เน้นย้ำว่าการเปิดตัวฐานทัพใต้ดินครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูของเตหะราน คำนวณผิดพลาดจนนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง . ในช่วงต้นเดือนมกราคม อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ยกย่องโครงการขีปนาวุธของประเทศ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามจากต่างชาติ "ผมเคยบอกมาหลายครั้งแล้ว และเชื่อย่างหนักแน่นว่า ถ้าเราไม่มีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธ ก็คงไม่มีใครเจรจากับเรา" . อารากชี อ้างว่าสหรัฐฯและพันธมิตรมีแต่จะตอบสนองอย่างแข็งกร้าว แต่แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะบีบให้พวกเขาหันหน้ามาใช้หนทางด้านการทูต แทนการเลือกใช้กำลัง ความเห็นของเขามีขค้นตามหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010796 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    18
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานสื่อของรัฐบาลปาเลสไตน์ในฉนวนกาซารายงานภาพรวมของการโจมตีจากอิสราเอล:

    ➤ ประชาชนมากกว่า 61,000 คน ตกเป็นเหยื่อของสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในฉนวนกาซา

    ➤ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลทำให้ชาวปาเลสไตน์มากกว่าสองล้านคนต้องพลัดถิ่นฐานจากบ้านเรือนของตน

    ➤ ที่อยู่อาศัยมากกว่า 150,000 ยูนิต ได้รับความเสียหายในฉนวนกาซาจากการโจมตีทำลายของอิสราเอล

    ➤ กองกำลังอิสราเอลก่อเหตุสังหารหมู่ยกครอบครัวไปมากถึง 9,268 คตรอบครัว ในระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา

    ➤ กองกำลังอิสราเอลสังหารบุคลากรทางการแพทย์ไป 1,155 ราย นักข่าว 205 ราย และเจ้าหน้าที่บริการสาธารธภัยพลเรือน 194 ราย

    ➤ กองกำลังอิสราเอลทำลายโรงพยาบาลประมาณ 34 แห่งในฉนวนกาซา
    สำนักงานสื่อของรัฐบาลปาเลสไตน์ในฉนวนกาซารายงานภาพรวมของการโจมตีจากอิสราเอล: ➤ ประชาชนมากกว่า 61,000 คน ตกเป็นเหยื่อของสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในฉนวนกาซา ➤ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลทำให้ชาวปาเลสไตน์มากกว่าสองล้านคนต้องพลัดถิ่นฐานจากบ้านเรือนของตน ➤ ที่อยู่อาศัยมากกว่า 150,000 ยูนิต ได้รับความเสียหายในฉนวนกาซาจากการโจมตีทำลายของอิสราเอล ➤ กองกำลังอิสราเอลก่อเหตุสังหารหมู่ยกครอบครัวไปมากถึง 9,268 คตรอบครัว ในระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา ➤ กองกำลังอิสราเอลสังหารบุคลากรทางการแพทย์ไป 1,155 ราย นักข่าว 205 ราย และเจ้าหน้าที่บริการสาธารธภัยพลเรือน 194 ราย ➤ กองกำลังอิสราเอลทำลายโรงพยาบาลประมาณ 34 แห่งในฉนวนกาซา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • ด่วน! อิสราเอลเพิ่งโจมตีทำลายค่ายผู้ลี้ภัยเจนิน (Jenin) ในเวสต์แบงก์ ในขณะที่เนทันยาฮูเพิ่งออกเดินทางไปสหรัฐเพื่อเข้าพบทรัมป์
    ด่วน! อิสราเอลเพิ่งโจมตีทำลายค่ายผู้ลี้ภัยเจนิน (Jenin) ในเวสต์แบงก์ ในขณะที่เนทันยาฮูเพิ่งออกเดินทางไปสหรัฐเพื่อเข้าพบทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูกำลังออกเดินทางไปวอชิงตัน โดยกล่าวว่าการประชุมกับทรัมป์เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับความมั่นคงของอิสราเอลและตะวันออกกลาง

    การหารือจะเน้นที่การเอาชนะฮามาส การปล่อยตัวตัวประกัน และการต่อต้านอิหร่าน
    เนทันยาฮูกำลังออกเดินทางไปวอชิงตัน โดยกล่าวว่าการประชุมกับทรัมป์เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับความมั่นคงของอิสราเอลและตะวันออกกลาง การหารือจะเน้นที่การเอาชนะฮามาส การปล่อยตัวตัวประกัน และการต่อต้านอิหร่าน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 14 0 รีวิว
Pages Boosts