• สรุปสถานการณ์ชายแดนเดือด! กัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่เข้าพื้นที่พลเรือน ไทยตอบโต้หนัก ยอดผู้อพยพพุ่งเฉียดแสน "ตราดพิฆาตไพรี 1" ตอบโต้สำเร็จ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20563/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์สู้รบ #กองทัพไทย #ผู้อพยพ #จิตอาสาพระราชทาน #อาชญากรรมสงคราม #ละเมิดมนุษยธรรม #ตราดพิฆาตไพรี1 #ภูมะเขือ #ข่าวสารชายแดน #ไทยไท
    สรุปสถานการณ์ชายแดนเดือด! กัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่เข้าพื้นที่พลเรือน ไทยตอบโต้หนัก ยอดผู้อพยพพุ่งเฉียดแสน "ตราดพิฆาตไพรี 1" ตอบโต้สำเร็จ! https://www.thai-tai.tv/news/20563/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์สู้รบ #กองทัพไทย #ผู้อพยพ #จิตอาสาพระราชทาน #อาชญากรรมสงคราม #ละเมิดมนุษยธรรม #ตราดพิฆาตไพรี1 #ภูมะเขือ #ข่าวสารชายแดน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทภ.2 สรุปสถานการณ์ชายแดนเดือด! กัมพูชาพยายามรุก 6 จุดสำคัญ ยืนยันฝ่ายเราทำลายเป้าหมาย-กัมพูชาเสียชีวิต 100 นาย
    https://www.thai-tai.tv/news/20550/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพภาคที่2 #ศปกทภ2 #สถานการณ์สู้รบ #ผู้อพยพ #ข่าวปลอม #จิตอาสาพระราชทาน #ความมั่นคง #อุบลราชธานี #ศรีสะเกษ #สุรินทร์ #บุรีรัมย์
    ทภ.2 สรุปสถานการณ์ชายแดนเดือด! กัมพูชาพยายามรุก 6 จุดสำคัญ ยืนยันฝ่ายเราทำลายเป้าหมาย-กัมพูชาเสียชีวิต 100 นาย https://www.thai-tai.tv/news/20550/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพภาคที่2 #ศปกทภ2 #สถานการณ์สู้รบ #ผู้อพยพ #ข่าวปลอม #จิตอาสาพระราชทาน #ความมั่นคง #อุบลราชธานี #ศรีสะเกษ #สุรินทร์ #บุรีรัมย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
    .
    สถานการณ์การสู้รบ กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามยังคงพยายามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายเราเพื่อพยายามเข้าโจมตีหลักในพื้นที่ ช่องบก, ซำแต, ภูมะเขือ, ช่องตาเฒ่า, ประสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย โดยมีการยิงด้วยอาวุธยิงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ, พื้นที่ช่องบก มีความพยายามที่จะยึดเนิน 469, พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ การปะทะเบาบางลง, พื้นที่ซำแต ยังคงมีการโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ด้วยรถถัง และปืนใหญ่, พื้นที่สัตตะโสม ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายอย่างหนัก, พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะอย่างต่อเนื่องบริเวณวัดพระแก้ว, พื้นที่ภูมะเขือ มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดพื้นที่สำคัญให้เกิดความได้เปรียบอีกฝ่าย, พื้นที่เนิน 350 ถูกทำลายด้วยอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายเรา, พื้นที่ปราสาท ตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ถูกอาวุธยิงสนับสนุนจากฝ่ายเราไม่สามารถดำเนินการเข้าตีต่อฝ่ายเราได้, พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราสามารถสกัดกั้นการเข้าฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไป สถานะปัจจุบันฝ่ายตรงข้าม : เสียชีวิตที่พื้นที่ภูผีประมาณ 100 นาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070400

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้ . สถานการณ์การสู้รบ กลยุทธ์ฝ่ายตรงข้ามยังคงพยายามใช้กำลังทหารราบเข้าประชิดกำลังฝ่ายเราเพื่อพยายามเข้าโจมตีหลักในพื้นที่ ช่องบก, ซำแต, ภูมะเขือ, ช่องตาเฒ่า, ประสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย โดยมีการยิงด้วยอาวุธยิงสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ, พื้นที่ช่องบก มีความพยายามที่จะยึดเนิน 469, พื้นที่ช่องอานม้า ปรับกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ การปะทะเบาบางลง, พื้นที่ซำแต ยังคงมีการโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ด้วยรถถัง และปืนใหญ่, พื้นที่สัตตะโสม ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายอย่างหนัก, พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะอย่างต่อเนื่องบริเวณวัดพระแก้ว, พื้นที่ภูมะเขือ มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดพื้นที่สำคัญให้เกิดความได้เปรียบอีกฝ่าย, พื้นที่เนิน 350 ถูกทำลายด้วยอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายเรา, พื้นที่ปราสาท ตาควาย (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ถูกอาวุธยิงสนับสนุนจากฝ่ายเราไม่สามารถดำเนินการเข้าตีต่อฝ่ายเราได้, พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์) ฝ่ายเราสามารถสกัดกั้นการเข้าฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไป สถานะปัจจุบันฝ่ายตรงข้าม : เสียชีวิตที่พื้นที่ภูผีประมาณ 100 นาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000070400 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่หวั่นตบโบนัสสอย F-16 ทัพฟ้าส่งบินรบใน 5 นาที : [THE MESSAGE]

    พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เผยกรณีสภากลาโหมเตรียมแผนเผชิญเหตุสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หากเกิดสถานการณ์สู้รบสามารถนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการได้ภายใน 5 นาที ส่วนกรณี พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศจะให้โบนัสทหารกัมพูชาที่ยิงเครื่องบินรบของไทยตก ปฎิบัติการของเราคงไม่ถึงขนาดนั้น หน้าที่ของเราเพื่อปกป้องอธิปไตย ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราไม่ได้รุกรานใคร แต่ต้องเตรียมความพร้อมสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ขอประชาชนมั่นใจในประสิทธิภาพกองทัพ
    ไม่หวั่นตบโบนัสสอย F-16 ทัพฟ้าส่งบินรบใน 5 นาที : [THE MESSAGE] พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เผยกรณีสภากลาโหมเตรียมแผนเผชิญเหตุสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หากเกิดสถานการณ์สู้รบสามารถนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการได้ภายใน 5 นาที ส่วนกรณี พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศจะให้โบนัสทหารกัมพูชาที่ยิงเครื่องบินรบของไทยตก ปฎิบัติการของเราคงไม่ถึงขนาดนั้น หน้าที่ของเราเพื่อปกป้องอธิปไตย ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะเราไม่ได้รุกรานใคร แต่ต้องเตรียมความพร้อมสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ขอประชาชนมั่นใจในประสิทธิภาพกองทัพ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • อะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรีย หลุดจากการควบคุมของฝ่ายรัฐบาลเป็นครั้งแรก ภายหลังจากพวกกบฏอิสลามมิสต์เปิดการรุกใหญ่แบบเซอร์ไพรส์ กลุ่มติดตามสถานการณ์สู้รบกล่าวอ้างในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ขณะที่กองทัพซีเรียยอมรับว่าทหารของฝ่ายตนถูกสังหารไปหลายสิบคน ส่วนรัสเซียแถลงส่งกำลังทางอากาศโจมตีใส่พวกกบฏอย่างดุเดือด สำหรับอิหร่านย้ำอเมริกาและอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการบุกสายฟ้าแลบ ด้านวอชิงตันโต้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะซีเรียมัวแต่พึ่งพิงมอสโกและเตหะราน
    .
    รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้นำกลุ่มซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กลุ่มติดตามสถานการณ์การสู้รบในซีเรียที่มีฐานอยู่ในลอนดอน บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อ้างว่า ขณะนี้กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ในอดีต และพันธมิตรกบฏกลุ่มอื่นๆ ในซีเรีย สามารถควบคุมเมืองอะเลปโปได้แล้ว ยกเว้นย่านที่อยู่อาศัยบางส่วนที่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังเคิร์ด
    .
    เอชทีเอสยังเข้ายึดสนามบินเมืองอะเลปโปและเมืองเล็กๆ ใกล้เคียงอีกหลายสิบเมืองเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.)
    .
    ก่อนที่จะเปิดการรุกครั้งนี้ เอชทีเอส หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ที่นำโดยอดีตอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยสหรัฐฯ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ ก็เป็นผู้ควบคุมดินแดนผืนใหญ่หลายผืนในจังหวัดอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งถือเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ยังอยู่นอกการควบคุมของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรอย่างอิหร่านและรัสเซีย
    .
    ข่าวระบุว่า เอชทีเอส และพวกพันธมิตรที่เป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ได้เปิดฉากบุกฟ้าแลบในอะเลปโปตั้งแต่เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) วันเดียวกับที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเพื่อนบ้านคือเลบานอนมีผลบังคับใช้
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศของตนได้ออกโจมตีใส่พวกกบฏเพื่อสนับสนุนกองทัพซีเรีย โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและลูกระเบิดถล่มใส่เป้าหมายที่เป็นจุดชุมพลของพวกนักรบ ที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชา คลังสัมภาระ และที่ตั้งปืนใหญ่ ทั้งที่อะเลปโป และที่จังหวัดอิดลิบ
    .
    สำหรับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า จะจัดการ “ผู้ก่อการร้าย” ไม่ว่าจะถูกโจมตีหนักแค่ไหนก็ตาม
    .
    กลุ่มออบเซอร์วาทอรีระบุว่า การสู้รบระหว่างสองฝ่ายทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 327 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารและนักรบ และมีพลเรือนราว 44 คน และอ้างว่า เอชทีเอสและพันธมิตรยึดศูนย์กลางเมืองและที่ทำการรัฐบาลส่วนใหญ่ รวมทั้งเรือนจำในเมืองอะเลปโปโดยไม่มีการต้านทานมากนัก และไม่มีการต้านทานเลยในเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญยุทธศาสตร์อีกหลายสิบเมือง
    .
    กลุ่มติดตามการสู้รบกลุ่มนี้กล่าวอีกว่า กองทัพซีเรียถอนออกจากฮามา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 4 และอยู่ห่างจากอะเลปโปทางใต้ราว 140 กม. หลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ
    .
    ทว่า แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียปฏิเสธเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า ทหารของรัฐบาลยังประจำอยู่ในที่มั่นบนเส้นทางที่กลุ่มกบฏเคลื่อนผ่าน
    .
    อย่างไรก็ดี กองทัพซีเรียยอมรับว่า กลุ่มกบฏบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอะเลปโป และทหารหลายสิบนายเสียชีวิตและบาดเจ็บ และสำทับว่า กลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีอะเลปโปและอิดลิบพร้อมกันจากหลายทิศทาง
    .
    รามี ผู้นำกลุ่มออบเซอร์วาทอรี ให้ความเห็นว่า ดูเหมือนตอนนี้ซีเรียถูกพันธมิตรหลักอย่างรัสเซียและอิหร่านทิ้ง และระบุว่า การโจมตีของรัสเซียเป็นการโจมตีทางสัญลักษณ์เท่านั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวหลายรายในกองทัพซีเรียบอกว่า เครื่องบินไอพ่นของรัสเซียและซีเรียได้ระดมโจมตีใส่พวกกบฏ โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งพวกกบฏยึดไว้ในอิดลิบตั้งแต่วันเสาร์ ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพซีเรียอ้างว่าสามารถยึดคืนเมือเล็กๆ หลายแห่งคืนจากฝ่ายกบฏ
    .
    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ รัสเซียได้ร่วมกับอิหร่านออกคำแถลงแสดงความกังวลต่อการสูญเสียของซีเรีย ภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย กับอับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โดยที่รัสเซียยืนยันว่ายังคงให้การสนับสนุนแก่ซีเรียอย่างแข็งแกร่ง
    .
    ทางฝ่ายอารากชีเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะเดินทางไปดามัสกัสเพื่อยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพซีเรีย และย้ำว่า การบุกจู่โจมสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏซีเรียเป็นการวางแผนของอเมริกาและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม กองทัพซีเรียจะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นได้เหมือนที่ผ่านมา
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ เกิดขึ้นจากการที่ซีเรียเอาแต่พึ่งพิงรัสเซียและอิหร่าน รวมทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกระบวนการสันติภาพที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่างขึ้นในปี 2015
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115647
    ..............
    Sondhi X
    อะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรีย หลุดจากการควบคุมของฝ่ายรัฐบาลเป็นครั้งแรก ภายหลังจากพวกกบฏอิสลามมิสต์เปิดการรุกใหญ่แบบเซอร์ไพรส์ กลุ่มติดตามสถานการณ์สู้รบกล่าวอ้างในวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ขณะที่กองทัพซีเรียยอมรับว่าทหารของฝ่ายตนถูกสังหารไปหลายสิบคน ส่วนรัสเซียแถลงส่งกำลังทางอากาศโจมตีใส่พวกกบฏอย่างดุเดือด สำหรับอิหร่านย้ำอเมริกาและอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการบุกสายฟ้าแลบ ด้านวอชิงตันโต้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะซีเรียมัวแต่พึ่งพิงมอสโกและเตหะราน . รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้นำกลุ่มซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กลุ่มติดตามสถานการณ์การสู้รบในซีเรียที่มีฐานอยู่ในลอนดอน บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อ้างว่า ขณะนี้กลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ในอดีต และพันธมิตรกบฏกลุ่มอื่นๆ ในซีเรีย สามารถควบคุมเมืองอะเลปโปได้แล้ว ยกเว้นย่านที่อยู่อาศัยบางส่วนที่อยู่ในการควบคุมของกองกำลังเคิร์ด . เอชทีเอสยังเข้ายึดสนามบินเมืองอะเลปโปและเมืองเล็กๆ ใกล้เคียงอีกหลายสิบเมืองเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) . ก่อนที่จะเปิดการรุกครั้งนี้ เอชทีเอส หรือกลุ่มอัลนุสราฟรอนต์ ที่นำโดยอดีตอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยสหรัฐฯ รัสเซีย ตุรกี และประเทศอื่นๆ ก็เป็นผู้ควบคุมดินแดนผืนใหญ่หลายผืนในจังหวัดอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งถือเป็นพื้นที่สุดท้ายที่ยังอยู่นอกการควบคุมของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตรอย่างอิหร่านและรัสเซีย . ข่าวระบุว่า เอชทีเอส และพวกพันธมิตรที่เป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ได้เปิดฉากบุกฟ้าแลบในอะเลปโปตั้งแต่เมื่อวันพุธ (27 พ.ย.) วันเดียวกับที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเพื่อนบ้านคือเลบานอนมีผลบังคับใช้ . ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศของตนได้ออกโจมตีใส่พวกกบฏเพื่อสนับสนุนกองทัพซีเรีย โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและลูกระเบิดถล่มใส่เป้าหมายที่เป็นจุดชุมพลของพวกนักรบ ที่ตั้งศูนย์บังคับบัญชา คลังสัมภาระ และที่ตั้งปืนใหญ่ ทั้งที่อะเลปโป และที่จังหวัดอิดลิบ . สำหรับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย ยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า จะจัดการ “ผู้ก่อการร้าย” ไม่ว่าจะถูกโจมตีหนักแค่ไหนก็ตาม . กลุ่มออบเซอร์วาทอรีระบุว่า การสู้รบระหว่างสองฝ่ายทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 327 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารและนักรบ และมีพลเรือนราว 44 คน และอ้างว่า เอชทีเอสและพันธมิตรยึดศูนย์กลางเมืองและที่ทำการรัฐบาลส่วนใหญ่ รวมทั้งเรือนจำในเมืองอะเลปโปโดยไม่มีการต้านทานมากนัก และไม่มีการต้านทานเลยในเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญยุทธศาสตร์อีกหลายสิบเมือง . กลุ่มติดตามการสู้รบกลุ่มนี้กล่าวอีกว่า กองทัพซีเรียถอนออกจากฮามา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 4 และอยู่ห่างจากอะเลปโปทางใต้ราว 140 กม. หลังจากเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ . ทว่า แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียปฏิเสธเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า ทหารของรัฐบาลยังประจำอยู่ในที่มั่นบนเส้นทางที่กลุ่มกบฏเคลื่อนผ่าน . อย่างไรก็ดี กองทัพซีเรียยอมรับว่า กลุ่มกบฏบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอะเลปโป และทหารหลายสิบนายเสียชีวิตและบาดเจ็บ และสำทับว่า กลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีอะเลปโปและอิดลิบพร้อมกันจากหลายทิศทาง . รามี ผู้นำกลุ่มออบเซอร์วาทอรี ให้ความเห็นว่า ดูเหมือนตอนนี้ซีเรียถูกพันธมิตรหลักอย่างรัสเซียและอิหร่านทิ้ง และระบุว่า การโจมตีของรัสเซียเป็นการโจมตีทางสัญลักษณ์เท่านั้น . อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวหลายรายในกองทัพซีเรียบอกว่า เครื่องบินไอพ่นของรัสเซียและซีเรียได้ระดมโจมตีใส่พวกกบฏ โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งพวกกบฏยึดไว้ในอิดลิบตั้งแต่วันเสาร์ ต่อมาในวันอาทิตย์ กองทัพซีเรียอ้างว่าสามารถยึดคืนเมือเล็กๆ หลายแห่งคืนจากฝ่ายกบฏ . ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ รัสเซียได้ร่วมกับอิหร่านออกคำแถลงแสดงความกังวลต่อการสูญเสียของซีเรีย ภายหลังการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย กับอับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โดยที่รัสเซียยืนยันว่ายังคงให้การสนับสนุนแก่ซีเรียอย่างแข็งแกร่ง . ทางฝ่ายอารากชีเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะเดินทางไปดามัสกัสเพื่อยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพซีเรีย และย้ำว่า การบุกจู่โจมสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏซีเรียเป็นการวางแผนของอเมริกาและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม กองทัพซีเรียจะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้นได้เหมือนที่ผ่านมา . ในอีกด้านหนึ่ง ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาแถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ เกิดขึ้นจากการที่ซีเรียเอาแต่พึ่งพิงรัสเซียและอิหร่าน รวมทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกระบวนการสันติภาพที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่างขึ้นในปี 2015 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115647 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 975 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.

    เมื่อสงครามจบลงแล้ว

    นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดินของอเมริกาดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเขาเข้าควบคุมยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ และกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก

    ก่อนที่สงครามเกาหลีจะปะทุขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดว่าตนเองจะชนะ แต่เมื่อหลังจากจีนส่งทหารไป สหรัฐฯ ยังคงเพิกเฉย

    แต่สุดท้ายจีนก็เป็นผู้ชนะ

    ดังนั้นจนกระทั่งมีการลงนามข้อตกลง ตัวแทนชาวอเมริกันจึงดูเหมือนยังคงฝันอยู่

    เนื่องจากสหรัฐฯ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำในระหว่างกระบวนการลงนามข้อตกลงสงบศึกทั้งหมด และสถานที่จัดงานก็เงียบสนิท

    หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง จากนั้นก็นำข้อตกลงไปให้กับ เผิงเต๋อะไหว(彭德怀) และนายพลมาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) ชาวอเมริกันเพื่อลงนาม

    หลังจากที่จอมพลเผิงเต๋อะไหวลงนาม เขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจในรายงานฉบับต่อมาว่า:

    “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผู้รุกรานชาวตะวันตกสามารถยึดครองประเทศได้โดยการวางปืนใหญ่เพียงไม่กี่กระบอกบนชายฝั่งทางตะวันออกนั้นได้หายไปตลอดกาล”

    มาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) คร่ำครวญว่า: เขาเป็นผู้บัญชาการคนแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลงนามข้อตกลงสงบศึกโดยไม่ได้รับชัยชนะ

    สงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบยังขยายวงกว้าง สงครามเกาหลีประทับเงาทางจิตวิทยาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งทิ้งไว้ต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงกับเรียกสงครามเกาหลีว่าเป็นหลุมดำในประวัติศาสตร์อเมริกา

    หนังสือพิมพ์อเมริกันระบุว่า:

    “(จีน) ใช้อาวุธจำนวนน้อยจนน่าสมเพชและระบบการจัดหาแบบดั้งเดิมที่น่าหัวเราะ แค่สามารถยับยั้งสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมขั้นสูง และอาวุธล้ำสมัยจำนวนมากลงได้”

    ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้นี้ก่อให้เกิดผลโดยตรงสองประการ ประการแรก ความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานำเอาสาเหตุของความพ่ายแพ้ของสงครามเกาหลี ทั้งหมดนี้โยนให้กับจีน

    ในความเป็นจริงแล้วในสถานการณ์สู้รบจริงพวกเขามีความเกรงกลัวต่อจีน

    เป็นเวลาหลายปีต่อจากนั้น ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนไม่เคยมีความขัดแย้งในสนามรบโดยตรง นี่เป็นเพราะสงครามเกาหลีทำให้สหรัฐฯตระหนักว่า แม้จีนจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่สามารถรังแกได้

    ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่า: ในสงครามเกาหลีครั้งหนึ่งสร้างสันติภาพมาห้าสิบปี!

    นี่ไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่าไร้สาระ แต่เป็นชัยชนะที่คนรุ่นก่อนได้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ

    อิทธิพลผลกระทบที่กว้างขวาง

    นอกจากตัวเอกที่เป็นอเมริกาแล้ว ปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน ในจำนวนประเทศทั้งหมดนี้ที่มีคุณค่ากล่าวขวัญถึง คือ ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่นมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อจีนมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปฏิกิริยาของญี่ปุ่นคือการได้ดูรายการการแสดงดีๆ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับประโยชน์มากมายจากสงครามเกาหลี

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ซบเซา สังคมทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งความพ่ายแพ้สงคราม และประเทศก็ตกอยู่ในสภาวะที่บิดเบี้ยว

    ในเวลาขณะนี้ชาวอเมริกันก็มาถึง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมญี่ปุ่นไว้ได้ และใช้เป็นหุ่นเชิดทิ้งไว้ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นกลับต้องมีความคิดพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา

    ญี่ปุ่นมีจิตวิทยาที่แปลกประหลาด พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสหรัฐอเมริกาแทน

    ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำให้ชาวอเมริกันพอใจ หากสหรัฐฯ ต้องการโจมตีเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นก็จะกระตือรือร้นอย่างมาก

    เนื่องจากปัญหาที่คั่งค้างมาทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นจึงไม่สามารถประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและจีนต่อสาธารณะได้ แต่เบื้องหลังได้ช่วยเหลือสหรัฐฯมากมาย

    ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นรับหน้าที่บำรุงรักษารถบรรทุกทหารมากกว่า 6,000 คันจากสหรัฐอเมริกา และผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหรัฐอเมริกา

    ในขณะเดียวกัน ในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ดักลาส แมกอาเธอร์(Douglas MacArthur道格拉斯·麦克阿瑟) พบว่า ตัวเองขาดกำลังคน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีกำลังทหารเพียงพอ แต่ระยะทางจากอเมริกาไปยังเอเชียนั้นห่างไหลมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นจะเดินทางไปเกาหลีเหนือได้สะดวกกว่ามาก

    ดังนั้นในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ในบรรดาเรือบรรทุกรถถังจำนวน 47 ลำที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งมา จริงๆแล้วมีเรือ 30 ลำที่ขับเคลื่อนโดยคนชาวญี่ปุ่น

    นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วสหรัฐอเมริกายังใช้ฐานทัพอากาศในญี่ปุ่นเพื่อขนส่งวัสดุและบุคลากรตลอดช่วงสงคราม

    ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์นัก ตลอดช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นช่วยสหรัฐฯ ในการขนส่งทหารมากกว่า 3 ล้านคนและเสบียงมากกว่า 700,000 ตัน

    ในช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นกลายเป็นฐานทัพทหารและคลังแสงของสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศหนึ่งเป็นผู้ทำสงครามโดยล้างผลาญใช้ทรัพยากรของประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นไม่รู้สึกละอายกับสิ่งนี้ แต่กลับมีความภาคภูมิใจกับสิ่งนี้

    นอกจากนี้ เศรษฐกิจของพวกเขายังได้รับการฟื้นฟูโดยการทำกำไรจากสงคราม

    ระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึงค.ศ. 1953 ญี่ปุ่นมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา

    เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1953 การส่งออกของญี่ปุ่นประมาณ 60% ถูกกำหนดไว้สำหรับสนามรบของเกาหลี

    นอกจากการส่งออกทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังส่งคนงานจำนวนมากไปยังสนามรบเกาหลีอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือกองทัพสหรัฐฯ ในการสู้รบ

    ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นบางคนในช่วงสงครามรุกรานจีนก็ถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แนะสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะร้องเพลงและเต้นรำจำนวนมากไปยังแนวหน้าเพื่อมอบความบันเทิง และแสดงการปลอบขวัญให้กำลังใจต่อกองทัพสหรัฐฯ

    ญี่ปุ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามเกาหลีได้ขจัดความเศร้าโศกภายหลังความพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น

    หลังจากการลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ระงับความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีกับญี่ปุ่น ในเวลานี้ญี่ปุ่นมีความมั่งคั่งเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับมัน แม้จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ยังอินต่อเหตุการณ์มากกว่าชาวอเมริกันอีกด้วย

    ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลินไปกับร่มเงาโดยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหลัง พวกเขามีชีวิตที่ดีได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องมาจากเหตุการณ์สงครามที่เริ่มต้นขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปแล้ว ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความอยู่รอดของตนเองมากที่สุด

    ดังนั้น ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงสงบศึก ญี่ปุ่นจึงเตรียมการหลายประการและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อปูทางไปสู่ความมั่งคั่งหลังสงคราม

    ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเกิดความกลัวต่อจีนในระดับลึกลงไปถึงที่สุด

    เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ภายในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดมีกระแสความสงสัยในตนเองเกิดขึ้นมามากมาย พวกเขาเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไมจีนถึงกลายเป็นผู้ชนะในเมื่อเทคโนโลยีล้าหลังมากและประเทศก็ยากจนมาก?

    แต่ตอนนี้ จีนไม่เพียงแต่เอาชนะญี่ปุ่นได้เท่านั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังพ่ายแพ้อีกด้วย ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเองมากขึ้น

    ต้องรู้ว่าในเวลานี้ญี่ปุ่นยังไม่สลัดรอดพ้นเงาของประเทศลัทธิรัฐเผด็จการทหาร แม้กระทั้งว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ลัทธิรัฐเผด็จการทหารก็ยังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    ดังนั้นในด้านสุดขั้วของจิตวิทยาของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาได้เลย ในหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงชัยชนะของจีน แต่กลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของสหรัฐฯ

    แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในภาษาเขียนของญี่ปุ่น คำว่า“จวือน่า(支那)”ชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลนนี้ค่อยๆหายไป

    ในความเป็นจริง ในช่วงต้นปึ ค.ศ. 1946 สหรัฐฯ สั่งให้ญี่ปุ่นไม่ให้ใช้ คำว่า“จวือน่า(支那)”และอื่นๆชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นก็ยังคงไปตามทางของตัวเอง

    เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนความดูถูกภายในใจที่มีต่อจีนได้ และถึงกับเชื่ออย่างหยิ่งผยองว่ารัฐบาลจีนใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน จนถึงสงครามเกาหลีทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริง

    สงครามครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อจีน โดยประกาศให้โลกรู้ว่าจีนกำลังผงาดขึ้น

    ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป พวกเขาค่อยๆ ตระหนักว่าจีนไม่ใช่คนป่วยของเอเชียตะวันออกอีกต่อไป

    ในช่วงหลายปีหลังสงครามเกาหลี แม้ว่าโลกยังคงประสบกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ที่จีนเผชิญยังคงยากลำบาก ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเช่นนี้ สถานะระหว่างประเทศของจีนยังคงดีขึ้นทีละขั้น

    ทั้งหมดนี้แยกออกจากรากฐานที่วางไว้โดยการการช่วยเหลือเกาหลีรบต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ดังนั้น ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามเกาหลีจึงสมควรได้รับการจดจำตลอดไปโดยคนรุ่นต่อๆ ไป

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.🤠 😎เมื่อสงครามจบลงแล้ว😎 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดินของอเมริกาดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเขาเข้าควบคุมยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ และกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก ก่อนที่สงครามเกาหลีจะปะทุขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดว่าตนเองจะชนะ แต่เมื่อหลังจากจีนส่งทหารไป สหรัฐฯ ยังคงเพิกเฉย แต่สุดท้ายจีนก็เป็นผู้ชนะ ดังนั้นจนกระทั่งมีการลงนามข้อตกลง ตัวแทนชาวอเมริกันจึงดูเหมือนยังคงฝันอยู่ เนื่องจากสหรัฐฯ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำในระหว่างกระบวนการลงนามข้อตกลงสงบศึกทั้งหมด และสถานที่จัดงานก็เงียบสนิท หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง จากนั้นก็นำข้อตกลงไปให้กับ เผิงเต๋อะไหว(彭德怀) และนายพลมาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) ชาวอเมริกันเพื่อลงนาม หลังจากที่จอมพลเผิงเต๋อะไหวลงนาม เขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจในรายงานฉบับต่อมาว่า: “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผู้รุกรานชาวตะวันตกสามารถยึดครองประเทศได้โดยการวางปืนใหญ่เพียงไม่กี่กระบอกบนชายฝั่งทางตะวันออกนั้นได้หายไปตลอดกาล” มาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) คร่ำครวญว่า: เขาเป็นผู้บัญชาการคนแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลงนามข้อตกลงสงบศึกโดยไม่ได้รับชัยชนะ สงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบยังขยายวงกว้าง สงครามเกาหลีประทับเงาทางจิตวิทยาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งทิ้งไว้ต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงกับเรียกสงครามเกาหลีว่าเป็นหลุมดำในประวัติศาสตร์อเมริกา หนังสือพิมพ์อเมริกันระบุว่า: “(จีน) ใช้อาวุธจำนวนน้อยจนน่าสมเพชและระบบการจัดหาแบบดั้งเดิมที่น่าหัวเราะ แค่สามารถยับยั้งสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมขั้นสูง และอาวุธล้ำสมัยจำนวนมากลงได้” ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้นี้ก่อให้เกิดผลโดยตรงสองประการ ประการแรก ความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานำเอาสาเหตุของความพ่ายแพ้ของสงครามเกาหลี ทั้งหมดนี้โยนให้กับจีน ในความเป็นจริงแล้วในสถานการณ์สู้รบจริงพวกเขามีความเกรงกลัวต่อจีน เป็นเวลาหลายปีต่อจากนั้น ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนไม่เคยมีความขัดแย้งในสนามรบโดยตรง นี่เป็นเพราะสงครามเกาหลีทำให้สหรัฐฯตระหนักว่า แม้จีนจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่สามารถรังแกได้ ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่า: ในสงครามเกาหลีครั้งหนึ่งสร้างสันติภาพมาห้าสิบปี! นี่ไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่าไร้สาระ แต่เป็นชัยชนะที่คนรุ่นก่อนได้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ 😎อิทธิพลผลกระทบที่กว้างขวาง😎 นอกจากตัวเอกที่เป็นอเมริกาแล้ว ปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน ในจำนวนประเทศทั้งหมดนี้ที่มีคุณค่ากล่าวขวัญถึง คือ ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อจีนมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปฏิกิริยาของญี่ปุ่นคือการได้ดูรายการการแสดงดีๆ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับประโยชน์มากมายจากสงครามเกาหลี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ซบเซา สังคมทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งความพ่ายแพ้สงคราม และประเทศก็ตกอยู่ในสภาวะที่บิดเบี้ยว ในเวลาขณะนี้ชาวอเมริกันก็มาถึง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมญี่ปุ่นไว้ได้ และใช้เป็นหุ่นเชิดทิ้งไว้ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นกลับต้องมีความคิดพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นมีจิตวิทยาที่แปลกประหลาด พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสหรัฐอเมริกาแทน ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำให้ชาวอเมริกันพอใจ หากสหรัฐฯ ต้องการโจมตีเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นก็จะกระตือรือร้นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาที่คั่งค้างมาทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นจึงไม่สามารถประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและจีนต่อสาธารณะได้ แต่เบื้องหลังได้ช่วยเหลือสหรัฐฯมากมาย ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นรับหน้าที่บำรุงรักษารถบรรทุกทหารมากกว่า 6,000 คันจากสหรัฐอเมริกา และผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน ในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ดักลาส แมกอาเธอร์(Douglas MacArthur道格拉斯·麦克阿瑟) พบว่า ตัวเองขาดกำลังคน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีกำลังทหารเพียงพอ แต่ระยะทางจากอเมริกาไปยังเอเชียนั้นห่างไหลมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นจะเดินทางไปเกาหลีเหนือได้สะดวกกว่ามาก ดังนั้นในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ในบรรดาเรือบรรทุกรถถังจำนวน 47 ลำที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งมา จริงๆแล้วมีเรือ 30 ลำที่ขับเคลื่อนโดยคนชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วสหรัฐอเมริกายังใช้ฐานทัพอากาศในญี่ปุ่นเพื่อขนส่งวัสดุและบุคลากรตลอดช่วงสงคราม ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์นัก ตลอดช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นช่วยสหรัฐฯ ในการขนส่งทหารมากกว่า 3 ล้านคนและเสบียงมากกว่า 700,000 ตัน ในช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นกลายเป็นฐานทัพทหารและคลังแสงของสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศหนึ่งเป็นผู้ทำสงครามโดยล้างผลาญใช้ทรัพยากรของประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นไม่รู้สึกละอายกับสิ่งนี้ แต่กลับมีความภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของพวกเขายังได้รับการฟื้นฟูโดยการทำกำไรจากสงคราม ระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึงค.ศ. 1953 ญี่ปุ่นมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1953 การส่งออกของญี่ปุ่นประมาณ 60% ถูกกำหนดไว้สำหรับสนามรบของเกาหลี นอกจากการส่งออกทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังส่งคนงานจำนวนมากไปยังสนามรบเกาหลีอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือกองทัพสหรัฐฯ ในการสู้รบ ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นบางคนในช่วงสงครามรุกรานจีนก็ถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แนะสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะร้องเพลงและเต้นรำจำนวนมากไปยังแนวหน้าเพื่อมอบความบันเทิง และแสดงการปลอบขวัญให้กำลังใจต่อกองทัพสหรัฐฯ ญี่ปุ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามเกาหลีได้ขจัดความเศร้าโศกภายหลังความพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น หลังจากการลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ระงับความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีกับญี่ปุ่น ในเวลานี้ญี่ปุ่นมีความมั่งคั่งเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับมัน แม้จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ยังอินต่อเหตุการณ์มากกว่าชาวอเมริกันอีกด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลินไปกับร่มเงาโดยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหลัง พวกเขามีชีวิตที่ดีได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องมาจากเหตุการณ์สงครามที่เริ่มต้นขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปแล้ว ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความอยู่รอดของตนเองมากที่สุด ดังนั้น ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงสงบศึก ญี่ปุ่นจึงเตรียมการหลายประการและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อปูทางไปสู่ความมั่งคั่งหลังสงคราม ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเกิดความกลัวต่อจีนในระดับลึกลงไปถึงที่สุด เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ภายในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดมีกระแสความสงสัยในตนเองเกิดขึ้นมามากมาย พวกเขาเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไมจีนถึงกลายเป็นผู้ชนะในเมื่อเทคโนโลยีล้าหลังมากและประเทศก็ยากจนมาก? แต่ตอนนี้ จีนไม่เพียงแต่เอาชนะญี่ปุ่นได้เท่านั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังพ่ายแพ้อีกด้วย ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเองมากขึ้น ต้องรู้ว่าในเวลานี้ญี่ปุ่นยังไม่สลัดรอดพ้นเงาของประเทศลัทธิรัฐเผด็จการทหาร แม้กระทั้งว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ลัทธิรัฐเผด็จการทหารก็ยังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นในด้านสุดขั้วของจิตวิทยาของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาได้เลย ในหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงชัยชนะของจีน แต่กลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของสหรัฐฯ แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในภาษาเขียนของญี่ปุ่น คำว่า“จวือน่า(支那)”ชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลนนี้ค่อยๆหายไป ในความเป็นจริง ในช่วงต้นปึ ค.ศ. 1946 สหรัฐฯ สั่งให้ญี่ปุ่นไม่ให้ใช้ คำว่า“จวือน่า(支那)”และอื่นๆชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นก็ยังคงไปตามทางของตัวเอง เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนความดูถูกภายในใจที่มีต่อจีนได้ และถึงกับเชื่ออย่างหยิ่งผยองว่ารัฐบาลจีนใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน จนถึงสงครามเกาหลีทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริง สงครามครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อจีน โดยประกาศให้โลกรู้ว่าจีนกำลังผงาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป พวกเขาค่อยๆ ตระหนักว่าจีนไม่ใช่คนป่วยของเอเชียตะวันออกอีกต่อไป ในช่วงหลายปีหลังสงครามเกาหลี แม้ว่าโลกยังคงประสบกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ที่จีนเผชิญยังคงยากลำบาก ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเช่นนี้ สถานะระหว่างประเทศของจีนยังคงดีขึ้นทีละขั้น ทั้งหมดนี้แยกออกจากรากฐานที่วางไว้โดยการการช่วยเหลือเกาหลีรบต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ดังนั้น ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามเกาหลีจึงสมควรได้รับการจดจำตลอดไปโดยคนรุ่นต่อๆ ไป 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1055 มุมมอง 0 รีวิว