• สตง.แถลงการณ์ยืนยันทำตามขั้นตอน !?! “สตง. ชี้แจงการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ ทำตามขั้นตอนกม.และระเบียบราชการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกเอกสารชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) หลังมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 สตง. ชี้แจงว่า ในการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ สตง. ได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ คือ กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด และ ผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) มีผู้รับจ้างควบคุมงาน คือ กิจการร่วมค้า PKW บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จำกัด ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทำให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง. จึงทำตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ดังนี้ 1.ผู้รับจ้างก่อสร้างมีหน้าที่โดยตรงตามสัญญาที่ต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญารวมทั้งเอกสารแนบท้ายสัญญา (แบบรูปและรายการละเอียด ฯลฯ) โดยผู้รับจ้างก่อสร้างรับรองว่า ได้ตรวจสอบและทำความเข้าใจแบบรูปและรายการละเอียด ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับงานสถาปัตยกรรมภายใน จึงได้สอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างควบคุมงาน 2.ผู้รับจ้างควบคุมงานในฐานะตัวแทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีหนังสือ (Request For Information: RFI) เพื่อสอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างออกแบบ ซึ่งทั้งผู้รับจ้างออกแบบและผู้รับจ้าง ควบคุมงานเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามสัญญาจ้าง 3.ผู้รับจ้างออกแบบให้ความเห็นตามหนังสือ (RFI) โดยกำหนดรายละเอียดการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ จากความหนา 0.30 เมตร เป็น 0.25 เมตร บริเวณด้านทางเดินและเพิ่มปริมาณเหล็กเสริมให้มั่นคงแข็งแรงตามหลักการทางวิศวกรรม พร้อมจัดทำรายการคำนวณและลงนามรับรอง เพื่อให้ความกว้างช่องทางเดินถูกต้องตามกฎหมายกำหนด (กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522) และสอดคล้องกับรูปแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน แล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน 4.ผู้รับจ้างควบคุมงานแจ้งรายละเอียดการปรับแก้ของผู้รับจ้างออกแบบเพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างดำเนินการจัดทำแบบขยายสำหรับการก่อสร้างตามความเห็นของผู้รับจ้างออกแบบ โดยผู้รับจ้างควบคุมงานได้ตรวจสอบความถูกต้องและส่งให้ผู้รับจ้างออกแบบพิจารณาและรับรองความถูกต้องของแบบที่จัดทำแล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน ทั้งนี้ ผู้รับจ้างควบคุมงานโดยวุฒิวิศวกรได้ตรวจสอบและลงนามรับรองอีกครั้ง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 วรรคสอง ซึ่งผู้รับจ้างก่อสร้างได้เสนอราคารายการงานที่เปลี่ยนแปลงโดยมีราคาลดลงเป็นจำนวนเงิน 515,195.36 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสนอขอแก้ไขวงเงินในสัญญาจ้างตามจำนวนเงินดังกล่าว โดยผู้รับจ้างควบคุมงานตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ผู้รับจ้างก่อสร้างเสนอ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 5.ผู้รับจ้างควบคุมงานรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดข้างต้นเสนอมายังคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเพื่อพิจารณาให้ความเห็น 6.คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเสนอความเห็นต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในฐานะผู้ว่าจ้างเพื่อพิจารณาอนุมัติการแก้ไขสัญญา ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 97 และมาตรา 100 ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 7.ผู้ว่า สตง. เสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการโดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพัน ตามระเบียบ สตง. ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2564 ข้อ 20 (1) 8.คู่สัญญาลงนามการแก้ไขสัญญาจ้างก่อสร้าง โดยนำแบบรูปและรายการละเอียดที่แก้ไขเพื่อเป็นเอกสารอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
    สตง.แถลงการณ์ยืนยันทำตามขั้นตอน !?! “สตง. ชี้แจงการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ ทำตามขั้นตอนกม.และระเบียบราชการ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกเอกสารชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) หลังมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 สตง. ชี้แจงว่า ในการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานแห่งใหม่ สตง. ได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ คือ กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด และ ผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) มีผู้รับจ้างควบคุมงาน คือ กิจการร่วมค้า PKW บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จำกัด ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทำให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง. จึงทำตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ดังนี้ 1.ผู้รับจ้างก่อสร้างมีหน้าที่โดยตรงตามสัญญาที่ต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญารวมทั้งเอกสารแนบท้ายสัญญา (แบบรูปและรายการละเอียด ฯลฯ) โดยผู้รับจ้างก่อสร้างรับรองว่า ได้ตรวจสอบและทำความเข้าใจแบบรูปและรายการละเอียด ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับงานสถาปัตยกรรมภายใน จึงได้สอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างควบคุมงาน 2.ผู้รับจ้างควบคุมงานในฐานะตัวแทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีหนังสือ (Request For Information: RFI) เพื่อสอบถาม/ขอความเห็นไปยังผู้รับจ้างออกแบบ ซึ่งทั้งผู้รับจ้างออกแบบและผู้รับจ้าง ควบคุมงานเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมตามสัญญาจ้าง 3.ผู้รับจ้างออกแบบให้ความเห็นตามหนังสือ (RFI) โดยกำหนดรายละเอียดการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ จากความหนา 0.30 เมตร เป็น 0.25 เมตร บริเวณด้านทางเดินและเพิ่มปริมาณเหล็กเสริมให้มั่นคงแข็งแรงตามหลักการทางวิศวกรรม พร้อมจัดทำรายการคำนวณและลงนามรับรอง เพื่อให้ความกว้างช่องทางเดินถูกต้องตามกฎหมายกำหนด (กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522) และสอดคล้องกับรูปแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน แล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน 4.ผู้รับจ้างควบคุมงานแจ้งรายละเอียดการปรับแก้ของผู้รับจ้างออกแบบเพื่อให้ผู้รับจ้างก่อสร้างดำเนินการจัดทำแบบขยายสำหรับการก่อสร้างตามความเห็นของผู้รับจ้างออกแบบ โดยผู้รับจ้างควบคุมงานได้ตรวจสอบความถูกต้องและส่งให้ผู้รับจ้างออกแบบพิจารณาและรับรองความถูกต้องของแบบที่จัดทำแล้วส่งกลับมายังผู้รับจ้างควบคุมงาน ทั้งนี้ ผู้รับจ้างควบคุมงานโดยวุฒิวิศวกรได้ตรวจสอบและลงนามรับรองอีกครั้ง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 วรรคสอง ซึ่งผู้รับจ้างก่อสร้างได้เสนอราคารายการงานที่เปลี่ยนแปลงโดยมีราคาลดลงเป็นจำนวนเงิน 515,195.36 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสนอขอแก้ไขวงเงินในสัญญาจ้างตามจำนวนเงินดังกล่าว โดยผู้รับจ้างควบคุมงานตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ผู้รับจ้างก่อสร้างเสนอ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างตามสัญญา 5.ผู้รับจ้างควบคุมงานรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดข้างต้นเสนอมายังคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเพื่อพิจารณาให้ความเห็น 6.คณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างเสนอความเห็นต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในฐานะผู้ว่าจ้างเพื่อพิจารณาอนุมัติการแก้ไขสัญญา ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 97 และมาตรา 100 ประกอบระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 165 7.ผู้ว่า สตง. เสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการโดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพัน ตามระเบียบ สตง. ว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2564 ข้อ 20 (1) 8.คู่สัญญาลงนามการแก้ไขสัญญาจ้างก่อสร้าง โดยนำแบบรูปและรายการละเอียดที่แก้ไขเพื่อเป็นเอกสารอันเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
    Sad
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • สตง.ออกเอกสารชี้แจงกรณีปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ตึกใหม่ เพราะแบบโครงสร้างเดิม บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ผู้ออกแบบจึงเสนอลดความหนาลงจาก 30 ซม.เป็น 25 ซม. โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน

    วันนี้ (24 เม.ย.) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) มีรายละเอียดดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ของอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทําให้อาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอเรียนชี้แจงว่า ในการดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ สตง.ได้ทําสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ (กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอรัม อาร์คิเทค จํากัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด) ผู้รับจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) และผู้รับจ้างควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จํากัด) ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดําเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทําให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง.จึงได้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000038403

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ปรับแก้ #ผนังปล่องลิฟต์ #ตึกใหม่
    สตง.ออกเอกสารชี้แจงกรณีปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ตึกใหม่ เพราะแบบโครงสร้างเดิม บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ผู้ออกแบบจึงเสนอลดความหนาลงจาก 30 ซม.เป็น 25 ซม. โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน • วันนี้ (24 เม.ย.) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) มีรายละเอียดดังนี้ • ตามที่ปรากฏข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ของอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทําให้อาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอเรียนชี้แจงว่า ในการดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ สตง.ได้ทําสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ (กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอรัม อาร์คิเทค จํากัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด) ผู้รับจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) และผู้รับจ้างควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จํากัด) ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดําเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทําให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง.จึงได้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000038403 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ปรับแก้ #ผนังปล่องลิฟต์ #ตึกใหม่
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 111 Views 0 Reviews
  • สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ชี้แจงกรณีกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด จาก 0.30 เมตร เหลือ 0.25 เมตร และการแก้ไขสัญญา ดำเนินการโดยชอบแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038395

    สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ชี้แจงกรณีกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด จาก 0.30 เมตร เหลือ 0.25 เมตร และการแก้ไขสัญญา ดำเนินการโดยชอบแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038395
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 Comments 1 Shares 291 Views 0 Reviews
  • สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ชี้แจงกรณีกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด จาก 0.30 เมตร เหลือ 0.25 เมตร และการแก้ไขสัญญา ดำเนินการโดยชอบแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038395

    #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ชี้แจงกรณีกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด จาก 0.30 เมตร เหลือ 0.25 เมตร และการแก้ไขสัญญา ดำเนินการโดยชอบแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038395 #SondhiX #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • สตง. ร่อนเอกสารชี้แจงสัญญาว่าจ้าง ปรับแก้ปล่องลิฟต์ ความหนาลดลง 5 ซม. ถูกต้องตามกฎหมาย พรบ.ควบคุมอาคาร
    https://www.thai-tai.tv/news/18318/
    สตง. ร่อนเอกสารชี้แจงสัญญาว่าจ้าง ปรับแก้ปล่องลิฟต์ ความหนาลดลง 5 ซม. ถูกต้องตามกฎหมาย พรบ.ควบคุมอาคาร https://www.thai-tai.tv/news/18318/
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลคือปล่องลิฟต์ ซึ่งปกติผนังปล่องลิฟต์ของประเทศจีนจะมีความหนา 60 เซนติเมตร แต่ของ สตง. ออกแบบความหนาเพียง 30 เซนติเมตร ก่อนถูกปรับแก้แบบเหลือ 25 เซนติเมตร ในส่วนของแบบแปลนก่อสร้างทางการจีนบอกว่า ดำเนินการก่อสร้างตามแบบของ สตง. ที่มีผู้ออกแบบเป็นคนไทย แต่ไม่ว่าใครจะให้การอย่างไร ก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันทางการไทยได้ตั้งคณะวิศวกรรม และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ รวมทั้งจะต้องนำแบบจริงมาตรวจสอบด้วย

    -แนะอุทธรณ์เงินเยียวยา
    -ปัดนายใหญ่สั่งเบรกคดี
    -เด้งรับเขี่ยรมว.พาณิชย์
    -เอเชียเผชิญความยากจน
    พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยความคืบหน้าการดำเนินคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลคือปล่องลิฟต์ ซึ่งปกติผนังปล่องลิฟต์ของประเทศจีนจะมีความหนา 60 เซนติเมตร แต่ของ สตง. ออกแบบความหนาเพียง 30 เซนติเมตร ก่อนถูกปรับแก้แบบเหลือ 25 เซนติเมตร ในส่วนของแบบแปลนก่อสร้างทางการจีนบอกว่า ดำเนินการก่อสร้างตามแบบของ สตง. ที่มีผู้ออกแบบเป็นคนไทย แต่ไม่ว่าใครจะให้การอย่างไร ก็ต้องพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันทางการไทยได้ตั้งคณะวิศวกรรม และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ รวมทั้งจะต้องนำแบบจริงมาตรวจสอบด้วย -แนะอุทธรณ์เงินเยียวยา -ปัดนายใหญ่สั่งเบรกคดี -เด้งรับเขี่ยรมว.พาณิชย์ -เอเชียเผชิญความยากจน
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 437 Views 23 0 Reviews
  • ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย,

    ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด.
    ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ,
    ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย.
    https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    ..เอาจริงๆนะ ยุบสภามันดีจริงแต่ไม่สุด.,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งตรงโดยประชาชนกาเลือกตรงๆเองทั่วประเทศ,และสามารถกาประเมินผลงานทั่วประเทศได้เช่นกันในทุกๆปี ตกประเมินไม่ผ่าน,ต้องออกไปด้วย,เลือกตั้งใหม่ทันที ไม่ใช่ส่งไม้ต่อแบบระยำๆในปัจจุบัน ซึ่งคณะเขียนกฎหมายการเลือกตั้งที่ใช้กาเลือกในปัจจุบัน เขียนออกมากากมาก,ผิดวัตถุประสงค์ตรงการเลือกตั้งชัดเจน,ไม่เลือกตรงจากประชาชน ผีบ้าให้พรรคอวดอวยเสนอเฉยๆ,สรุปเป็นวิธีการที่แย่มากของคณะเขียนทั้งหมดน่าจะปูทางกากๆมาจากรัฐบาลทหารนี้ล่ะอยากคงอำนาจตนไว้ก็ว่า สุดท้ายก็แพ้จนพรรคก้าวไกลได้เป็นแต่ถูกถีบออกจึงตกมันส์มาถึงพรรคเพื่อไทย, ..กลไกบริหารชาติเราก็กากด้วย ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญแต่ไม่ฉีกกฎหมายทาสฝรั่งอื่นๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยด้วย จะเป็นกฎหมายลูกต่างๆก็ว่ามิใช่แม่แบบๆกฎหมายหลักของชาติ เช่นกฎกระทรวง ทบวง กรมของการตีตราเป็นทาสขึ้น เมื่อฉีกแม่บททิ้ง พวกนี้ต้องโมฆะด้วยอัตโนมัติ นั้นคือต้องเขียนใหม่ได้หมดหรือเก็บมาใช้ทั้งฉบับได้ตามคนยึดอำนาจเห็นดีเห็นงาม,เห็นว่าเป็นเบี้ยล่างขี้ข้าทาสเขาซึ่งกฎหมายกระทรวงผีบ้าไปรับรองออกบังคับใช้ไปแล้ว ในบริบทการยึดอำนาจสามารถโมฆะอัตโนมัติแล้ว,ไม่มีผลบังคับซึ่งในกฎกระทรวงทั่วราชอาณาจักร ของจริงคือคนยึดอำนาจล้างไพ่ละลายทุกๆข้อกฎหมายและเขียนให้ยุติธรรมหรือปรับแก้ไขใหม่ได้ทั่วราชอาณาจักรทั้งหมดได้,แต่ทหารที่ยึดอำนาจไร้ฝีมือ มือไม่ถึง หรือขี้ข้าทายาทกบฎคณะ2475จึงปกป้องผลประโยชน์ทุนต่างชาติที่บรรพบุรุษกบฎ2475ตนดำรงรักษาไว้ ให้มั่นคงดำรงอยู่ให้ชาติไทยต้องมีสถานะสิ้นอธิปไตยตนทางนัยยะลับลึกต่อไป เช่น ผีบ้าปฏิบัติไม่ยึดคืนบ่อน้ำมันตนทั้งหมดคืนสู่แผ่นดินไทยเพราะยึดอำนาจแล้ว กฎหมายทุกกระทรวงย่อมล้างไพ่หมดโมฆะทุกๆข้อกฎหมาย จึงสามารถใช้โอกาสนี้โมฆะสัมปทานทาสที่ลงนามทั้งหมดได้ทันทีของทุกๆmouที่ราชอาณาจักรเสียเปรียบหรือถูกปล้นชิงแย่งชิงไปในมุกบุญคุณมุกmouทาสต่างๆได้หมด. ..บ้านเมืองไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ทั้งหมดจริงๆ,หน้าซื่อใจสรรพสัตว์ชั่วร้ายมีมากเกินไปในวงการชนชั้นปกครองในปัจจุบัน จนเสียอธิปไตยอย่างเจตนาจงใจสมคบคิดแบบไร้สำนึกดีต่อประชาชนตนและผืนแผ่นดินไทยตน ตย.ง่ายๆคือสุมหัวออกกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปีหรือถือสิทธิ์&ครอบครอง&ซื้อที่ดินไร่ละ40ล้านบาทตามที่เป็นข่าวในอดีตที่ผ่านๆมา ทำได้อย่างสบายใจเลยนะดูสิ,นี้คนปกครองประเทศนะ คนเขียนคนยกมือตีตราออกกฎหมายนะ, ..ต่างชาติมาเที่ยวคือมาเที่ยว แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวในผืนแผ่นดินไทย,มาลงทุนย้ายบ้านย้ายฐานๆจริงๆก็ไม่สมควร,คนไทยสมควรสร้างโรงงาน สร้างฐานบนแผ่นดินตนเอง100%จึงจะถูกควร,จ้างงานก็ต้องจ้างคนไทยก่อน,จนคนไทยทุกๆคนมีงานทำ มีรายได้ มีเวลางาน มีเวลาพัก พึ่งพาตนเองเต็มสูบครบคน,ขาดไม่พอจึงเอาคนอื่นมาช่วย,เราสามารถปูพื้นฐานสิ่งดีๆได้หมดจริงนะ,ยุคนีัยุคล้ำๆอีก เชิญคนต่างชาติมาตอนไหนได้หมดแต่มิใช่มายึดครองแทนคนไทยตน.,นี้คือวิถีปกครองที่กาก ประชาชนยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มเสือกไม่แก้ไข,ร่ำรวยผูกขาดเป็นโคตรๆเหง้าๆไม่กี่ชาติเชื้อโคตรวงศ์ตระกูลไม่กี่ตัว.,นี้คือการปกครองที่ล้มเหลวแม้วัตถุธาตุล้ำๆสะดวกสบาย,แต่คนไทยโดยมากทั่วประเทศกลับเสียดุล ถูกปล้นชิงด้านเงินตราจากวิถีปกครองที่ล้มเหลวแบบระยำๆบัดสบผ่านกฎหมายทาสที่ไม่เคยฉีกทิ้งทัังฉบับใดๆแบบฉีกรัฐธรรมนูญเลย. https://youtube.com/watch?v=_SmZTWbMhLA&si=rsuxJw6GHFQ2_dPV
    0 Comments 0 Shares 401 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่นเตรียมปรับแก้กฎหมายเพื่อยกระดับสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ถูกกฎหมาย การปรับเปลี่ยนนี้รวมถึงการห้ามการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน สะท้อนถึงความตั้งใจของประเทศในการเพิ่มความโปร่งใสและสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดคริปโต

    การควบคุมการซื้อขายภายใน (Insider Trading):
    - การปรับแก้กฎหมายครั้งนี้จะรวมถึงการกำหนดข้อห้ามในการซื้อขายที่ใช้ข้อมูลภายในที่ไม่เปิดเผย ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของญี่ปุ่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ที่โปร่งใสในตลาดคริปโต.

    กำหนดเวลาเสนอร่างกฎหมาย:
    - FSA มีแผนเสนอร่างกฎหมายแก้ไขต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในปี 2026 เพื่อให้กฎหมายนี้สามารถถูกพิจารณาและบังคับใช้ได้ในอนาคต.

    บทบาทของญี่ปุ่นในตลาดโลก:
    - ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ยอมรับและพยายามกำกับดูแลตลาดคริปโตอย่างชัดเจน ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/30/japan-to-give-crypto-assets-legal-status-as-financial-products-nikkei-says
    ญี่ปุ่นเตรียมปรับแก้กฎหมายเพื่อยกระดับสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ถูกกฎหมาย การปรับเปลี่ยนนี้รวมถึงการห้ามการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน สะท้อนถึงความตั้งใจของประเทศในการเพิ่มความโปร่งใสและสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดคริปโต การควบคุมการซื้อขายภายใน (Insider Trading): - การปรับแก้กฎหมายครั้งนี้จะรวมถึงการกำหนดข้อห้ามในการซื้อขายที่ใช้ข้อมูลภายในที่ไม่เปิดเผย ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของญี่ปุ่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ที่โปร่งใสในตลาดคริปโต. กำหนดเวลาเสนอร่างกฎหมาย: - FSA มีแผนเสนอร่างกฎหมายแก้ไขต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในปี 2026 เพื่อให้กฎหมายนี้สามารถถูกพิจารณาและบังคับใช้ได้ในอนาคต. บทบาทของญี่ปุ่นในตลาดโลก: - ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ยอมรับและพยายามกำกับดูแลตลาดคริปโตอย่างชัดเจน ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/30/japan-to-give-crypto-assets-legal-status-as-financial-products-nikkei-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan to give crypto assets legal status as financial products, Nikkei says
    TOKYO (Reuters) -Japan's Financial Services Agency (FSA) plans to revise the Financial Instruments and Exchange Act to give crypto assets a legal status as financial products, the Nikkei business daily said on Sunday, without citing sources.
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • Ubuntu พบช่องโหว่ในระบบ Namespace ที่เปิดโอกาสให้นักโจมตีสามารถเลี่ยงการป้องกันในฟีเจอร์ AppArmor ได้ แม้จะยังไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ดูแลระบบที่จะอัปเดตแพตช์และปรับการตั้งค่าความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยง ฟีเจอร์ใหม่นี้ถูกตั้งใจออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่กลับแสดงข้อจำกัดที่ต้องได้รับการแก้ไขในอนาคต

    ธรรมชาติของช่องโหว่:
    - ช่องโหว่เหล่านี้สามารถถูกใช้เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดใน AppArmor โดยนักโจมตีสามารถใช้เครื่องมือที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Ubuntu เช่น aa-exec หรือ busybox shell เพื่อสร้าง Namespace พร้อมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ.

    การจัดการจาก Ubuntu:
    - ทาง Ubuntu ระบุว่าไม่ถือว่าช่องโหว่นี้เป็นปัญหาด้านความปลอดภัย เนื่องจากสิทธิ์การเข้าถึงถูกควบคุมอยู่ตามการตั้งค่าดั้งเดิม แต่ก็ยอมรับถึงข้อจำกัดของการป้องกันนี้ และกำลังทำการปรับปรุงเพื่อแก้ไขปัญหาในเวอร์ชันอนาคต.

    คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ:
    - ควรอัปเดตระบบให้ทันสมัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานตัวเลือก kernel ที่จำกัดการเปลี่ยนแปลงโปรไฟล์ AppArmor รวมถึงการปรับแก้ไข AppArmor Profiles ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น.

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:
    - แม้ช่องโหว่ดังกล่าวยังไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากเกิดการโจมตีที่ผสมกับช่องโหว่อื่น อาจนำมาซึ่งความเสียหายรุนแรงได้.

    https://www.networkworld.com/article/3856463/ubuntu-namespace-vulnerability-should-be-addressed-quickly-expert.html
    Ubuntu พบช่องโหว่ในระบบ Namespace ที่เปิดโอกาสให้นักโจมตีสามารถเลี่ยงการป้องกันในฟีเจอร์ AppArmor ได้ แม้จะยังไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ดูแลระบบที่จะอัปเดตแพตช์และปรับการตั้งค่าความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยง ฟีเจอร์ใหม่นี้ถูกตั้งใจออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่กลับแสดงข้อจำกัดที่ต้องได้รับการแก้ไขในอนาคต ธรรมชาติของช่องโหว่: - ช่องโหว่เหล่านี้สามารถถูกใช้เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดใน AppArmor โดยนักโจมตีสามารถใช้เครื่องมือที่ติดตั้งมาพร้อมกับ Ubuntu เช่น aa-exec หรือ busybox shell เพื่อสร้าง Namespace พร้อมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ. การจัดการจาก Ubuntu: - ทาง Ubuntu ระบุว่าไม่ถือว่าช่องโหว่นี้เป็นปัญหาด้านความปลอดภัย เนื่องจากสิทธิ์การเข้าถึงถูกควบคุมอยู่ตามการตั้งค่าดั้งเดิม แต่ก็ยอมรับถึงข้อจำกัดของการป้องกันนี้ และกำลังทำการปรับปรุงเพื่อแก้ไขปัญหาในเวอร์ชันอนาคต. คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ: - ควรอัปเดตระบบให้ทันสมัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานตัวเลือก kernel ที่จำกัดการเปลี่ยนแปลงโปรไฟล์ AppArmor รวมถึงการปรับแก้ไข AppArmor Profiles ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: - แม้ช่องโหว่ดังกล่าวยังไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากเกิดการโจมตีที่ผสมกับช่องโหว่อื่น อาจนำมาซึ่งความเสียหายรุนแรงได้. https://www.networkworld.com/article/3856463/ubuntu-namespace-vulnerability-should-be-addressed-quickly-expert.html
    WWW.NETWORKWORLD.COM
    Ubuntu namespace vulnerability should be addressed quickly: Expert
    A feature that was supposed to harden the OS can by bypassed, say researchers.
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้

    การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่

    ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี

    นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม

    สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี

    ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45%

    #Newskit
    ข้าราชการ-มนุษย์เงินเดือน เปิดทางซื้อหวยเกษียณได้ การออกสลากขูดดิจิทัลของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ "หวยเกษียณ" ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และเพิ่มแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ยังไม่มีการออมให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ ก่อนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุด นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่รวมโครงการหวยเกษียณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว โดยมีกระทรวงการคลังและ กอช. ร่วมพิจารณา โดยจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ภายในเดือน มี.ค. ถือเป็นนวัตกรรมการออมมิติใหม่ของรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย ทุกบาทกลายเป็นเงินออมยามเกษียณ ถูกรางวัลได้เงินเลย ซื้อมากได้ลุ้นมาก มีเงินออมมากมีเงินล้านยามแก่ ทั้งนี้ มีการปรับแก้เงื่อนไขใหม่ จากเดิมกลุ่มเป้าหมายคือสมาชิก กอช.อายุ 15-60 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 40 (1) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ แต่เงื่อนไขใหม่คือ บุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อหวยเกษียณได้ทุกคน ไม่จำกัดอายุสูงสุด แต่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ถือครองเงินออมที่ซื้อสลากได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ซื้อหวยเกษียณตอนอายุ 63 ปี เงินที่ซื้อทั้งหมดจะได้รับคืนเมื่ออายุ 68 ปี นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ลาออกจากงานประจำแล้วส่งต่อเพื่อสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ สามารถซื้อได้ รวมทั้งข้าราชการหรือสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ก็ซื้อได้ และถือครองเงินออมไว้ถึงอายุ 60 ปี แต่จะได้คืนเฉพาะเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุนของ กอช.เท่านั้น ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาลในแต่ละปีที่ออม สำหรับหวยเกษียณ จะเปิดขายงวดละ 50 ล้านใบ ใช้งบประมาณปีละ 760 ล้านบาท เฉลี่ยสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท ออกรางวัลทุกวันศุกร์ 17.00 น. รวม 52 สัปดาห์ โดยมีรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล ซึ่งปีแรกจะของบประมาณทำระบบเทคโนโลยี 20 ล้านบาท ระบบสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม 30 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงเงินออมเข้า กอช. ได้ 13,000 ล้านบาทต่อปี ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 กอช.มีสมาชิกรวม 2,711,765 คน มูลค่าสินทรัพย์ 14,547.85 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากที่สุด 41.59% รองลงมาคือเงินสด เงินฝากธนาคาร 24.20% และตราสารหนี้ 14.45% #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 827 Views 0 Reviews
  • ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ
    .
    “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน
    .
    เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ
    .
    ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง
    .
    นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ)
    .
    “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม
    .
    นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม
    .
    “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว
    .
    นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ
    .
    “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย
    .
    ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”.
    ............
    Sondhi X
    ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ . “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน . เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ . ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง . นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) . “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว . อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม . นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม . “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว . นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ . “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย . ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้ . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”. ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    15
    0 Comments 0 Shares 2498 Views 0 Reviews
  • ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย
    .
    จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว
    .
    "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว
    .
    "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.)
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก
    .
    ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้
    .
    ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด
    .
    "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
    .
    ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์
    .
    ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ
    .
    ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา
    .
    นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่
    .
    ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา
    .
    รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย . จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว . "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว . คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว . "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก . ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้ . ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด . "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี . ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์ . ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ . ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา . นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่ . ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา . รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 Comments 1 Shares 2579 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน

    📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

    ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ
    การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม

    กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม
    🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ
    🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน
    🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ
    🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที

    กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่
    🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ
    🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ

    🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย!

    แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

    มาตรการเร่งด่วน
    ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา
    ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ
    ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง

    มาตรการระยะยาว
    🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด
    📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต
    📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ

    👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา
    อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา

    แนวทางการช่วยเหลือ
    ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ
    ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม
    ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ

    🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้!

    คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น
    ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง

    มาตรการเร่งด่วน
    🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น
    🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
    🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า

    มาตรการให้ความรู้เยาวชน
    📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน
    📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง

    🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า!

    เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ

    ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม
    ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
    ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
    ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด

    🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568

    📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    รัฐบาลรุกคืบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัดไม่ปล่อย “ไม่จบ ไม่เลิก” เร่งแก้ราคาสินค้าเกษตร-ประมง คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน 📅 มติประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องราคาสินค้าเกษตร การเยียวยาอุตสาหกรรมประมง และการคุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน โดยเน้นนโยบาย "กัดไม่ปล่อย ไม่จบ ไม่เลิก" เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ “ไม่จบ ไม่เลิก” สองกระทรวงหลักร่วมรับผิดชอบ การระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างหนัก รัฐบาลจึงดำเนินมาตรการเข้มข้น โดยมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปราม กระทรวงกลาโหม ปิดช่องทางข้ามแดน ตัดเส้นทางเครือข่ายอาชญากรรม 🔹 Seal ชายแดน 14 จังหวัด เพื่อสกัดเส้นทางลำเลียงอาชญากรข้ามชาติ 🔹 กวาดล้างคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ การค้ามนุษย์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่บริเวณชายแดน 🔹 ดำเนินมาตรการ "ตัดไฟ ตัดทางน้ำมัน" เพื่อทำลายโครงสร้างสนับสนุน ของเครือข่ายมิจฉาชีพ 🔹 ประสานงานกับประเทศปลายทาง เช่น จีนและเมียนมา เพื่อนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 🔹 คุมเข้มเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง หากพบการทุจริต ดำเนินการลงโทษทันที กระทรวงดิจิทัลฯ ปิดช่องทางสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 🔸 รื้อถอนเสาสัญญาณใกล้ชายแดน โดยปรับลดความสูง ความแรงของสัญญาณ และควบคุมทิศทางของคลื่นความถี่ 🔸 ตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์ที่ผิดกฎหมาย เพื่อลดการโทรศัพท์หลอกลวงจากต่างประเทศ 🔸 คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย (Cleansing System) ปิดกั้นหมายเลข ที่มีแนวโน้มใช้ในทางมิชอบ 🛡️ เป้าหมายคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐาน ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย! แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร เศรษฐกิจภาคเกษตร เป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทย แต่ราคาพืชผลยังคงผันผวน รัฐบาลจึงเร่งดำเนินมาตรการระยะสั้น และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการเร่งด่วน ✔️ ตรึงราคาข้าวเปลือก, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ✔️ อุดหนุนเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากราคาตกต่ำ ✔️ ควบคุมต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และค่าแรง มาตรการระยะยาว 🌱 พัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ และความต้องการของตลาด 📡 นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) มาช่วยเพิ่มผลผลิต 📊 เชื่อมโยงข้อมูลตลาดล่วงหน้า (Agri-Market Intelligence) เพื่อลดความเสี่ยงจากราคาตกต่ำ 👩‍🌾 เกษตรกรไทยต้องมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! แก้ปัญหาวิกฤติอุตสาหกรรมประมง เร่งจ่ายเงินเยียวยา อุตสาหกรรมประมงของไทย ได้รับผลกระทบหนักจากนโยบาย "นำเรือออกนอกระบบ" เพื่อลดปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทำให้เจ้าของเรือจำนวนมาก ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา แนวทางการช่วยเหลือ ✅ กรมประมง และกระทรวงเกษตรฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ให้เจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบ ✅ เสนอที่ประชุม ครม. เพื่ออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ✅ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมประมง ให้สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล โดยไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ 🎣 รัฐบาลยืนยันว่า ประมงไทยจะต้องอยู่รอด และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้! คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ปรับกฎหมายให้รัดกุมขึ้น ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า กำลังระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างหนัก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ และการเสพติดในระยะยาว รัฐบาลจึงเร่งหามาตรการควบคุมอย่างจริงจัง มาตรการเร่งด่วน 🚫 ปรับแก้ข้อกฎหมาย เพื่อให้การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายชัดเจนยิ่งขึ้น 🚫 เพิ่มโทษสำหรับการนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต 🚫 คุมเข้มโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า มาตรการให้ความรู้เยาวชน 📢 จัดแคมเปญให้ความรู้ เรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน 📢 สร้างระบบแจ้งเบาะแส เพื่อให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง 🚭 รัฐบาลมุ่งมั่นปกป้องสุขภาพเยาวชนไทย จากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า! เดินหน้าปฏิบัติการ กัดไม่ปล่อย! การประชุม ครม. ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงาน ที่จริงจังของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ✅ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำลายเครือข่ายอาชญากรรม ✅ ตรึงราคาสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ✅ ฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมง ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ✅ คุมเข้มบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน ป้องกันภัยสุขภาพและการเสพติด 🏛️ รัฐบาลยืนยัน! จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นผล! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 262122 ก.พ. 2568 📌 #รัฐบาลไทย #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ราคาสินค้าเกษตร #ปัญหาประมง #บุหรี่ไฟฟ้า #ปกป้องเยาวชน #นโยบายรัฐ #ครม2568 #เกษตรกรไทย #หยุดแก๊งมิจฉาชีพ
    0 Comments 0 Shares 1103 Views 0 Reviews
  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ
    .
    ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง
    .
    "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ"
    .
    ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน
    .
    ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม"
    .
    ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ
    .
    ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน
    .
    "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต
    .
    ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง
    .
    ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล
    .
    "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396
    ..............
    Sondhi X
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขานรับญัตติหนึ่งที่ร่างโดยสหรัฐฯ ในวาระครบรอบ 3 ปี รัสเซียรุกรานยูเครน ที่ขอให้ใช้จุดยืนเป็นกลางในความขัดแย้งดังกล่าว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางเป็นคนกลางสร้างสันติภาพ . ที่ผ่านมา สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน สืบเนื่องจากรัสเซียมีอำนาจวีโต้ ในขณะที่ญัตติล่าสุดที่เสนอโดยสหรัฐฯ นั้น ได้รับเสียงสนับสนุน 10 เสียง ส่วนฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ และสโลวีเนีย งดออกเสียง . "ญัตตินี้นำพาเราไปสู่เส้นทางแห่งสันติภาพ มันเป็นก้าวย่างแรก แต่เป็นก้าวย่างที่สำคัญ เป็นหนึ่งในก้าวย่างที่เราทุกคนควรภูมิใจ" โดโรธีย์ เชีย ผู้แทนทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ "ตอนนี้ เราต้องใช้มันสร้างอนาคตแห่งสันติเพื่อยูเครน รัสเซียและประชาคมนานาชาติ" . ในญัตติสั้นๆ ที่ไว้อาลัยผู้สูญเสียชีวิตในความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ได้เน้นย้ำถึงเจตจำนงของสหประชาชาติในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหาทางออกในข้อพิพาทต่างๆ อย่างสันติ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งอย่างรวดเร็วและแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืน . ความพยายามเป็นคนกลางของทรัมป์ ก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปและยูเครน ที่วิตกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญแต่กับรัสเซียและกีดกันพวกเขาออกจากการเจรจาสันติภาพ . บาร์บารา วู้ดวาร์ด ผู้แทนทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ บอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า เงื่อนไขสำหรับสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ส่งสารผิดๆ ไปถึงผู้รุกราน "นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อาจมีความเท่าเทียมได้ระหว่างรัสเซียและยูเครน ในแนวทางที่คณะมนตรีกล่าวอ้างถึงสงครามนี้ ถ้าเราจะพบเส้นทางสันติภาพที่ยั่งยืน คณะมนตรีต้องพูดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่มาที่ไปของสงคราม" . ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาติ 193 ประเทศ ปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ขอให้ลดสุ้มเสียงแข็งกร้าวขององค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ ที่มีจุดยืนมาช้านานในการหนุนหลังอธิปไตย เอกราช ความเป็นหนึ่งเดียวกันและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องสันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมตามกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นตราสารสถาปนาองค์การแห่งนี้อย่างเป็นทางการ . ขณะเดียวกัน สมัชชาแห่งสหประชาติได้ขานรับญัตติ 2 ญัตติ หนึ่งในนั้นร่างโดยยูเครนและยุโรป ส่วนอีกหนึ่งร่างโดยสหรัฐฯ ที่ผ่านการปรับแก้โดยที่ประชุมสมัชชาแล้ว ในนั้นรวมถึงภาษาที่สนับสนุนยูเครน ทั้งนี้ผลโหวตดังกล่าวถือเป็นชัยชนะทางการทูตของยูเครนและยุโรป เหนือวอชิงตัน . "สงครามนี้ไม่เคยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉพาะยูเครนเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับสิทธิพื้นฐานของประเทศไหนในการอยู่รอด ในการเลือกเส้นทางของตนเองและในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการรุกราน" มาเรียนา เบตซา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน บอกกับที่ประชุมก่อนการโหวต . ญัตติที่ร่างโดยสหรัฐฯ ฉบับผ่านการปรับแก้แล้ว ได้รับเสียงสนับสนุนจากที่ประชุม 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียงและมี 8 เสียงที่โหวตคัดค้าน ขณะที่รัสเซียเองก็ล้มเหลวในการปรับแก้ร่างของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงกรณีถูกพาดพิงเป็น "สาเหตุรากเหง้า" ของความขัดแย้ง . ส่วนญัตติที่ร่างโดยยูเครนและบรรดาชาติยุโรป ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 93 เสียง งดออกเสียง 65 เสียง และโหวตคัดค้าน 18 เสียง โดยนอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว บางประเทศที่โหวตโน ได้แก่รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิสราเอล . "วันนี้ สหายอเมริกาของเรา มองตัวเองว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพในยูเครน แต่มันจะไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย และมีอยู่หลายชาติที่พยายามเตะถ่วงการมาของสันติภาพให้ยืดเยื้อนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งเราได้" วาสซิลีย์ เนเบนเซีย ผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติบอกกับที่ประชุม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018396 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 Comments 0 Shares 2595 Views 0 Reviews
  • พลาดได้ปรับแก้ไขด้วยใจดี
    พลาดได้ปรับแก้ไขด้วยใจดี
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 0 Reviews
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    วิสัยทัศน์

    "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"

    เป้าหมายหลัก

    1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล


    2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่


    4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม




    ---

    มาตรการหลัก

    1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling)

    ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร

    สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม


    2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม

    ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

    ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง

    ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน

    ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น

    ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม

    จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่


    4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

    ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work

    กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers

    ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์



    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้
    ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
    ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ
    ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ


    ---

    "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิสัยทัศน์ "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" เป้าหมายหลัก 1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล 2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่ 4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม --- มาตรการหลัก 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling) ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม 2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่ 4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ --- "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 786 Views 0 Reviews
  • ครูวาฬ สอนเปียโน​ กีตาร์​ ​ตามบ้าน และออนไลน์
    สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2555

    สาขาวิชาที่รับสอน :
    1. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Piano สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม
    2. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Guitar สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม
    3. ทฤษฎีดนตรีตะวันตก Western Music Theory
    4. การฝึกโสตและการอ่านโน้ต Ear Training And Sight-Singing
    5. ลักษณะของจังหวะ ควบคู่กับเครื่องกำกับจังหวะ Rhythm Concept With Metronome

    รูปแบบการสอน และสถานที่รับสอน :
    1. Private Teaching บริเวณที่พักอาศัยของผู้เรียน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนนทบุรี
    2. Online Teaching หรือ Learn From Home ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ Web and Video Conferencing Application ต่างๆ เช่น Google Meets, Cisco Webex, Zoom, Line ฯลฯ ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และต่างประเทศ

    วัตถุประสงค์ของการสอน :
    1. ให้ผู้เรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาดนตรี ระดับเตรียมอุดมฯ และระดับปริญญาตรี, การสอบตามเกณฑ์ในระดับต่างๆ และการสอบเทียบทางด้านดนตรี
    2. ให้ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ การสังสรรค์ และงานอดิเรก
    3. ให้ผู้เรียนสามารถประกอบอาชีพดนตรีในอนาคต
    4. ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และความรู้ ที่เพียงพอในศาสตร์ด้านดนตรี

    * หัวข้อหลักในการเรียน การสอน​ :
    1. เทคนิคพื้นฐาน Basic ต่างๆ ตั้งแต่ท่าทาง, การจัดระเบียบ, รูปลักษณ์, ลักษณะที่ดี และถูกต้อง
    2. วิธีการเล่นดนตรี การซ้อมดนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ ถูกวิธี และเป็นระบบ เช่น ความสบาย, การ Save พลัง และการป้องกันการบาดเจ็บได้ดี
    3. Mindset ระบบความคิด, Attitude ทัศนคติ, การวางแผน Plan, วิธีคิด, ความสัมพันธ์ และการคิดล่วงหน้า
    4. เทคนิคในการอ่านโน้ตดนตรี
    5. การให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง มิติเสียงที่ควรจะเป็น และทิศทางประโยคของบทเพลง
    6. เทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี การควบคุมเสียง และความต่อเนื่องในการเล่นอย่างมั่นใจ ไม่สะดุดและติดขัด
    7. ความเที่ยงตรงของจังหวะ, ความเร็วของจังหวะ Tempo มีความคงที่ และระดับเสียงที่ถูกต้อง
    8. การเล่นดนตรี ร่วมกับผู้อื่น เพื่อพัฒนาโสตประสาท การรักษาจังหวะ และอารมณ์เพลง ให้มีประสิทธิภาพ
    9. การบริหารการจัดการ และการก้าวข้ามผ่านอุปสรรค
    และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปูพื้นฐานทักษะเหล่านี้ ให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ไปจนถึงสามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงในโลก ที่มีโน้ตเพลงอยู่ข้างหน้าเรา อย่างมีประสิทธิภาพ

    ประสบการณ์การทำงานและการสอน :
    1. เข้าร่วมคณะนักร้องเสียงประสาน Mahidol Symphonic Choir เมื่อปีพ.ศ. 2551 - 2552 ผ่านการแสดงร้องเสียงประสานในบทเพลง
    - Ludwig van Beethoven, "An die Freude" (Ode to Joy) from Symphony No.9, Op.125 "Choral" (1882) และ​ Carl Orff's Carmina Burana​ ร่วมกับวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Philharmonic Orchestra
    - Johannes Brahms's Ein Deutshes Requiem
    - Puccini's Messa di Gloria
    2. ผู้ช่วยคณะกรรมการคุมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมดนตรี และระดับปริญญาตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เ​​มื่อปีพ.ศ. 2552
    3. รับสอนตามสถาบันสอนดนตรี, โรงเรียนสอนดนตรี, ที่พักอาศัยของผู้เรียน และที่พักอาศัยของครูผู้สอน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ถึงปัจจุบัน

    ประวัติการฝึกอบรม :
    1. เข้าร่วมอบรมโครงการ "การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม" วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2553
    2. เข้าร่วมอบรมหลักสูตร "พัฒนาผู้นำองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล MU Leadership Program" รุ่นที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2553
    3. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โควิด19 และระบาดวิทยา" โดยศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2564
    4. ผ่านการอบรมออนไลน์ "ชีวิตวิถีใหม่และความฉลาดทางดิจิทัล New Normal Life and Digital Quotient" โดยรองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2564
    5. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางไซเบอร์" สำหรับบุคคลทั่วไป "หลักสูตรเสริมสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Build a Strong Security Awareness Program" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ในปีพ.ศ. 2564
    6. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ "Thailand National Cyber Week 2021 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในปีพ.ศ. 2564

    คุณลักษณะ :
    ใจเย็น ใส่ใจในรายละเอียด สามารถปรับแก้ไขเนื้อหา เรื่องราวต่างๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล รวมถึงการฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นต่อตนเองและผู้อื่น ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ทั้งแนวทางการดูแล การจัดการ การปฏิบัติ การป้องกัน ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ให้ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด

    คุณสมบัติของผู้เรียน :
    มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยมัธยมต้น​ อายุ​ 12​ ปี​, วัยมัธยมปลาย, วัยมหาวิทยาลัย, วัยผู้ใหญ่, วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ​ อายุ​ 60​ ปีขึ้นไป

    สนใจสมัครเรียน :
    ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-483-5190
    ถ้าไม่มีสัญญานตอบรับ หรือไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น สามารถไปที่เว็บไซต์ https://bestkru.com/39158 ได้เช่นกัน และรอการติดต่อกลับ จากครูวาฬได้ ทั้ง 2 ช่องทางครับ

    ขอบคุณครับ
    ครูวาฬ สอนเปียโน​ กีตาร์​ ​ตามบ้าน และออนไลน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2555 สาขาวิชาที่รับสอน : 1. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Piano สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม 2. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Guitar สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม 3. ทฤษฎีดนตรีตะวันตก Western Music Theory 4. การฝึกโสตและการอ่านโน้ต Ear Training And Sight-Singing 5. ลักษณะของจังหวะ ควบคู่กับเครื่องกำกับจังหวะ Rhythm Concept With Metronome รูปแบบการสอน และสถานที่รับสอน : 1. Private Teaching บริเวณที่พักอาศัยของผู้เรียน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนนทบุรี 2. Online Teaching หรือ Learn From Home ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ Web and Video Conferencing Application ต่างๆ เช่น Google Meets, Cisco Webex, Zoom, Line ฯลฯ ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และต่างประเทศ วัตถุประสงค์ของการสอน : 1. ให้ผู้เรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาดนตรี ระดับเตรียมอุดมฯ และระดับปริญญาตรี, การสอบตามเกณฑ์ในระดับต่างๆ และการสอบเทียบทางด้านดนตรี 2. ให้ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ การสังสรรค์ และงานอดิเรก 3. ให้ผู้เรียนสามารถประกอบอาชีพดนตรีในอนาคต 4. ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และความรู้ ที่เพียงพอในศาสตร์ด้านดนตรี * หัวข้อหลักในการเรียน การสอน​ : 1. เทคนิคพื้นฐาน Basic ต่างๆ ตั้งแต่ท่าทาง, การจัดระเบียบ, รูปลักษณ์, ลักษณะที่ดี และถูกต้อง 2. วิธีการเล่นดนตรี การซ้อมดนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ ถูกวิธี และเป็นระบบ เช่น ความสบาย, การ Save พลัง และการป้องกันการบาดเจ็บได้ดี 3. Mindset ระบบความคิด, Attitude ทัศนคติ, การวางแผน Plan, วิธีคิด, ความสัมพันธ์ และการคิดล่วงหน้า 4. เทคนิคในการอ่านโน้ตดนตรี 5. การให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง มิติเสียงที่ควรจะเป็น และทิศทางประโยคของบทเพลง 6. เทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี การควบคุมเสียง และความต่อเนื่องในการเล่นอย่างมั่นใจ ไม่สะดุดและติดขัด 7. ความเที่ยงตรงของจังหวะ, ความเร็วของจังหวะ Tempo มีความคงที่ และระดับเสียงที่ถูกต้อง 8. การเล่นดนตรี ร่วมกับผู้อื่น เพื่อพัฒนาโสตประสาท การรักษาจังหวะ และอารมณ์เพลง ให้มีประสิทธิภาพ 9. การบริหารการจัดการ และการก้าวข้ามผ่านอุปสรรค และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปูพื้นฐานทักษะเหล่านี้ ให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ไปจนถึงสามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงในโลก ที่มีโน้ตเพลงอยู่ข้างหน้าเรา อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบการณ์การทำงานและการสอน : 1. เข้าร่วมคณะนักร้องเสียงประสาน Mahidol Symphonic Choir เมื่อปีพ.ศ. 2551 - 2552 ผ่านการแสดงร้องเสียงประสานในบทเพลง - Ludwig van Beethoven, "An die Freude" (Ode to Joy) from Symphony No.9, Op.125 "Choral" (1882) และ​ Carl Orff's Carmina Burana​ ร่วมกับวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Philharmonic Orchestra - Johannes Brahms's Ein Deutshes Requiem - Puccini's Messa di Gloria 2. ผู้ช่วยคณะกรรมการคุมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมดนตรี และระดับปริญญาตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เ​​มื่อปีพ.ศ. 2552 3. รับสอนตามสถาบันสอนดนตรี, โรงเรียนสอนดนตรี, ที่พักอาศัยของผู้เรียน และที่พักอาศัยของครูผู้สอน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ถึงปัจจุบัน ประวัติการฝึกอบรม : 1. เข้าร่วมอบรมโครงการ "การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม" วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2553 2. เข้าร่วมอบรมหลักสูตร "พัฒนาผู้นำองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล MU Leadership Program" รุ่นที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2553 3. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โควิด19 และระบาดวิทยา" โดยศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2564 4. ผ่านการอบรมออนไลน์ "ชีวิตวิถีใหม่และความฉลาดทางดิจิทัล New Normal Life and Digital Quotient" โดยรองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2564 5. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางไซเบอร์" สำหรับบุคคลทั่วไป "หลักสูตรเสริมสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Build a Strong Security Awareness Program" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ในปีพ.ศ. 2564 6. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ "Thailand National Cyber Week 2021 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในปีพ.ศ. 2564 คุณลักษณะ : ใจเย็น ใส่ใจในรายละเอียด สามารถปรับแก้ไขเนื้อหา เรื่องราวต่างๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล รวมถึงการฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นต่อตนเองและผู้อื่น ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ทั้งแนวทางการดูแล การจัดการ การปฏิบัติ การป้องกัน ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ให้ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณสมบัติของผู้เรียน : มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยมัธยมต้น​ อายุ​ 12​ ปี​, วัยมัธยมปลาย, วัยมหาวิทยาลัย, วัยผู้ใหญ่, วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ​ อายุ​ 60​ ปีขึ้นไป สนใจสมัครเรียน : ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-483-5190 ถ้าไม่มีสัญญานตอบรับ หรือไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น สามารถไปที่เว็บไซต์ https://bestkru.com/39158 ได้เช่นกัน และรอการติดต่อกลับ จากครูวาฬได้ ทั้ง 2 ช่องทางครับ ขอบคุณครับ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 992 Views 0 Reviews
  • ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ และข้อควรระวัง

    1. ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ (เมื่อรู้ด้วยวิชชาแท้จริง)

    เป็นวิชชาแรกที่ช่วยชำแรกอวิชชา
    การระลึกชาติได้จริง (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) เป็นหนึ่งในวิชชาสามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นว่า "การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง" และมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเกิดในแต่ละภพภูมิ

    ช่วยให้เข้าใจเหตุของปัจจุบัน
    บางคนสงสัยว่าทำไมตนเองเกิดมาในครอบครัวนี้ หรือมีชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น การระลึกชาติได้เองโดยการฝึกสมาธิถึงระดับลึก จะช่วยให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่เกิดจากกรรมเก่า และสามารถแก้ไขปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง

    ลดความหลงในตัวตน
    เมื่อเห็นว่าตัวเองเคยเกิดมาในหลายรูปแบบ ทั้งยากดีมีจน ชายหญิง หลากหลายชาติพันธุ์ ก็จะคลายความยึดติดว่าชีวิตชาตินี้เป็น "ตัวกู ของกู" ไปเอง

    2. ข้อควรระวังของการอยากรู้อดีตชาติ

    หากเป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็น อาจพอกพูนอุปาทาน
    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "การไปนึกถึงอดีตชาติโดยไม่เข้าใจเหตุและผล จะทำให้ยึดติดและเสริมอัตตาทิฏฐิ" เช่น ถ้ารู้ว่าเคยเป็นกษัตริย์ อาจเกิดทิฏฐิว่าตัวเองสูงส่ง หรือหากเคยเป็นคนจน อาจเศร้าหมองติดอยู่กับความรู้สึกต่ำต้อย

    หากไปรับฟังจากผู้อื่น อาจถูกชี้นำผิดพลาด
    บางคนไปให้หมอดู หรือนักจิตสัมผัสบอกอดีตชาติ อาจได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง และอาจทำให้เกิดการคิดมาก ฟุ้งซ่าน หรือยึดติดกับอดีตจนละเลยปัจจุบัน

    อาจเป็นเหตุให้หมกมุ่น จนหลงลืมปัจจุบัน
    การใช้ชีวิตที่ดีอยู่ที่ปัจจุบัน ถ้าหมกมุ่นกับอดีตมากเกินไป อาจทำให้พลาดโอกาสในการปรับปรุงตนเองในชาตินี้

    3. วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากอดีตชาติ

    แทนที่จะพยายามไปรู้อดีตชาติ ให้สังเกต "ปัจจุบันกรรม" เพราะปัจจุบันคือผลของอดีต และสิ่งที่เราทำในปัจจุบันก็คือการสร้างอนาคต

    เจริญสติ รู้กายใจตามความเป็นจริง โดยไม่ยึดติดกับอดีต จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้เร็วกว่าการระลึกชาติ

    ถ้าระลึกอดีตชาติได้จริง (ผ่านสมาธิระดับสูง) ให้ใช้เพื่อการเข้าใจกรรม ไม่ใช่เพื่อสร้างอัตตาทิฏฐิ

    สรุป:
    ถ้าการรู้อดีตชาติช่วยให้เข้าใจกรรม และนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็เป็นประโยชน์
    แต่ถ้าหมกมุ่นกับอดีตโดยไม่มีสติ อาจเป็นอุปสรรคต่อการพ้นทุกข์
    ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราปรับแก้ได้ และเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า
    ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ และข้อควรระวัง 1. ประโยชน์ของการรู้อดีตชาติ (เมื่อรู้ด้วยวิชชาแท้จริง) เป็นวิชชาแรกที่ช่วยชำแรกอวิชชา การระลึกชาติได้จริง (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) เป็นหนึ่งในวิชชาสามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นว่า "การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง" และมีเหตุปัจจัยที่ทำให้ต้องเกิดในแต่ละภพภูมิ ช่วยให้เข้าใจเหตุของปัจจุบัน บางคนสงสัยว่าทำไมตนเองเกิดมาในครอบครัวนี้ หรือมีชีวิตที่แตกต่างจากผู้อื่น การระลึกชาติได้เองโดยการฝึกสมาธิถึงระดับลึก จะช่วยให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่เกิดจากกรรมเก่า และสามารถแก้ไขปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง ลดความหลงในตัวตน เมื่อเห็นว่าตัวเองเคยเกิดมาในหลายรูปแบบ ทั้งยากดีมีจน ชายหญิง หลากหลายชาติพันธุ์ ก็จะคลายความยึดติดว่าชีวิตชาตินี้เป็น "ตัวกู ของกู" ไปเอง 2. ข้อควรระวังของการอยากรู้อดีตชาติ หากเป็นแค่ความอยากรู้อยากเห็น อาจพอกพูนอุปาทาน พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "การไปนึกถึงอดีตชาติโดยไม่เข้าใจเหตุและผล จะทำให้ยึดติดและเสริมอัตตาทิฏฐิ" เช่น ถ้ารู้ว่าเคยเป็นกษัตริย์ อาจเกิดทิฏฐิว่าตัวเองสูงส่ง หรือหากเคยเป็นคนจน อาจเศร้าหมองติดอยู่กับความรู้สึกต่ำต้อย หากไปรับฟังจากผู้อื่น อาจถูกชี้นำผิดพลาด บางคนไปให้หมอดู หรือนักจิตสัมผัสบอกอดีตชาติ อาจได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง และอาจทำให้เกิดการคิดมาก ฟุ้งซ่าน หรือยึดติดกับอดีตจนละเลยปัจจุบัน อาจเป็นเหตุให้หมกมุ่น จนหลงลืมปัจจุบัน การใช้ชีวิตที่ดีอยู่ที่ปัจจุบัน ถ้าหมกมุ่นกับอดีตมากเกินไป อาจทำให้พลาดโอกาสในการปรับปรุงตนเองในชาตินี้ 3. วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากอดีตชาติ แทนที่จะพยายามไปรู้อดีตชาติ ให้สังเกต "ปัจจุบันกรรม" เพราะปัจจุบันคือผลของอดีต และสิ่งที่เราทำในปัจจุบันก็คือการสร้างอนาคต เจริญสติ รู้กายใจตามความเป็นจริง โดยไม่ยึดติดกับอดีต จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้เร็วกว่าการระลึกชาติ ถ้าระลึกอดีตชาติได้จริง (ผ่านสมาธิระดับสูง) ให้ใช้เพื่อการเข้าใจกรรม ไม่ใช่เพื่อสร้างอัตตาทิฏฐิ สรุป: ถ้าการรู้อดีตชาติช่วยให้เข้าใจกรรม และนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็เป็นประโยชน์ แต่ถ้าหมกมุ่นกับอดีตโดยไม่มีสติ อาจเป็นอุปสรรคต่อการพ้นทุกข์ ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราปรับแก้ได้ และเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า
    0 Comments 0 Shares 458 Views 0 Reviews
  • พิลึก! ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 มีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว
    สกสค.ถูกฟ้องกีดกัน-ล็อกสเปก
    .
    ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯกว่า 1 พันล้านบ.ของ “องค์การของ สกสค.” ส่อล่ม หลังมีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว คาดต้องยกเลิกประกวดราคา ”พัฒนะ“ ยังมั่นใจเสร็จทันเปิดเทอม เผยมีคดีโดนฟ้องที่ศาล ปค.ฐานกีดกัน-ล็อกสเปก
    .
    รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) มีการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
    .
    โดย นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยถึงการจัดพิมพ์แบบเรียนในปีการศึกษา 2568 ว่า กระบวนการสรรหาบริษัทที่จะเข้ามารับจ้างงานพิมพ์แบบเรียนปี 2568
    เปิดกว้างทุกสำนักพิมพ์ที่มีความพร้อม โดยในปีนี้ค้าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e–bidding ซึ่งทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
    .
    “คาดว่ากระบวนการสรรหาผู้รับจ้างพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการพิมพ์แบบเรียนทันที และจัดส่งแบบเรียนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.หรือประมาณต้นเดือน พ.ค.” นายพัฒนะ ระบุ
    .
    นายพัฒนะ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 นี้ จะสามารถจัดส่งแบบเรียนให้ถึงโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 แม้ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ จะ
    มีแนวทางที่จะขยับการเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ จากเดิมเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.จะขยับเป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็น และการประชุมร่วมกับสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมีการขยับเปิดและปิดภาคเรียนตามหรือไม่ องค์การค้าของ สกสค.ขอยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องกระบวนการจัดพิมพ์แบบเรียนและการจัดส่งแบบเรียนอย่างแน่นอน
    .
    “การขยับการเปิดภาคเรียนใหม่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ฉบับที่จะต้องปรับแก้ เพราะเกี่ยวข้องกับการนับอายุเด็กตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่เด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับได้ต้องมีอายุครบ 3 ปีในวันที่ 16 พ.ค. รวมถึงเกณฑ์การเบิกจ่ายรายหัว ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ข้อดีก็คือจะสะดวกต่อการบริหารงบประมาณและอัตรากำลังงานด้านบุคคลได้ลงตัว ทั้งนี้จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง” นายพัฒนะ กล่าว
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค. โดย กรมบัญชีกลาง ได้สรุปข้อมูลการเสนอราคาเบื้องต้น ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุว่า หากมีผู้ยื่นเสนอราคารายเดียว และคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานโดยไม่ต้องพิจารณาในเสนอราคาและเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น หรือหากคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรดำเนินการต่อ ก็ต้องลงลายมือชื่อกำกับในเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทเอกชนยื่นฟ้องคณะกรรมการ สกสค.และพวก ต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค.ว่า อาจเข้าข่ายกีดกัน และล็อกสเปก เป็นคดีดำที่ 27/2568 โดยเบื้องต้นศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งทุเลาโครงการตามที่เอกชนยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวไป.
    ............
    Sondhi X
    พิลึก! ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 มีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว สกสค.ถูกฟ้องกีดกัน-ล็อกสเปก . ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯกว่า 1 พันล้านบ.ของ “องค์การของ สกสค.” ส่อล่ม หลังมีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว คาดต้องยกเลิกประกวดราคา ”พัฒนะ“ ยังมั่นใจเสร็จทันเปิดเทอม เผยมีคดีโดนฟ้องที่ศาล ปค.ฐานกีดกัน-ล็อกสเปก . รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) มีการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) . โดย นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยถึงการจัดพิมพ์แบบเรียนในปีการศึกษา 2568 ว่า กระบวนการสรรหาบริษัทที่จะเข้ามารับจ้างงานพิมพ์แบบเรียนปี 2568 เปิดกว้างทุกสำนักพิมพ์ที่มีความพร้อม โดยในปีนี้ค้าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e–bidding ซึ่งทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ . “คาดว่ากระบวนการสรรหาผู้รับจ้างพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการพิมพ์แบบเรียนทันที และจัดส่งแบบเรียนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.หรือประมาณต้นเดือน พ.ค.” นายพัฒนะ ระบุ . นายพัฒนะ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 นี้ จะสามารถจัดส่งแบบเรียนให้ถึงโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 แม้ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ จะ มีแนวทางที่จะขยับการเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ จากเดิมเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.จะขยับเป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็น และการประชุมร่วมกับสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมีการขยับเปิดและปิดภาคเรียนตามหรือไม่ องค์การค้าของ สกสค.ขอยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องกระบวนการจัดพิมพ์แบบเรียนและการจัดส่งแบบเรียนอย่างแน่นอน . “การขยับการเปิดภาคเรียนใหม่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ฉบับที่จะต้องปรับแก้ เพราะเกี่ยวข้องกับการนับอายุเด็กตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่เด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับได้ต้องมีอายุครบ 3 ปีในวันที่ 16 พ.ค. รวมถึงเกณฑ์การเบิกจ่ายรายหัว ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ข้อดีก็คือจะสะดวกต่อการบริหารงบประมาณและอัตรากำลังงานด้านบุคคลได้ลงตัว ทั้งนี้จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง” นายพัฒนะ กล่าว . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค. โดย กรมบัญชีกลาง ได้สรุปข้อมูลการเสนอราคาเบื้องต้น ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุว่า หากมีผู้ยื่นเสนอราคารายเดียว และคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานโดยไม่ต้องพิจารณาในเสนอราคาและเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น หรือหากคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรดำเนินการต่อ ก็ต้องลงลายมือชื่อกำกับในเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น . ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทเอกชนยื่นฟ้องคณะกรรมการ สกสค.และพวก ต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค.ว่า อาจเข้าข่ายกีดกัน และล็อกสเปก เป็นคดีดำที่ 27/2568 โดยเบื้องต้นศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งทุเลาโครงการตามที่เอกชนยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวไป. ............ Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    Love
    14
    2 Comments 0 Shares 1820 Views 0 Reviews
  • โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม
    .
    "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู
    .
    นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว
    .
    ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง
    .
    หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก)
    .
    ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313
    ..............
    Sondhi X
    โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย เปิดเผยว่ามีแผนปรับแก้รัฐธรรมนูญของประเทศ สำหรับยอมรับอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เพศ ได้แก่ "ชายและหญิง" พร้อมให้คำจำกัดความแนวคิดนี้ว่าเป็นการกลับคืนสู่สามัญสำนึกที่เหมาะสม . "ผมมาพร้อมกับความคิดริเริ่มที่จะรวมบทบัญญัติหนึ่งเข้าไปในรัฐธรรมนูญ ที่เน้นย้ำว่าสโลวาเกียให้คำนิยามเพียง 2 เพศ ประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิง" ฟิโกกล่าว . นายกรัฐมนตรีรายนี้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ รับรองเพียง 2 เพศ โยงมันกับบทบัญญัติต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิเช่นคำนิยามของการสมรส เขาอ้างว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีความสำคัญสำหรับสโลวาเกีย เพื่อปกป้องอธิปไตยทางจริยธรรมและค่านิยมของประเทศ โดยเฉพะอย่างยิ่งในกรณีที่อาจเกิดความเห็นต่างกันภายในอียู . นอกจากนี้แล้ว ฟิโก ยังเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นต้องทำให้ระบบการศึกษาของสโลวาเกียสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ "ถ้ารัฐธรรมนูญเน้นย้ำว่า การแต่งงานเป็นพันธะพิเศษระหว่างชายกับหญิง เมื่อนั้นก็ไม่ควรสอนอย่างอื่นภายในโรงเรียน" เขากล่าว . ความเห็นของ ฟิโก มีขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายคล้ายกัน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม โดยเขาประกาศว่าอเมริกาจะรับรองอย่างเป็นทางการเพียง 2 เพศ ได้แก่เพศชายและเพศหญิง . หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหาร 2 ฉบับ ลดทอนสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศและยกเลิกโครงการด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ที่กำหนดขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน . หนึ่งในคำสั่งมีชื่อว่า "Defending Women from Gender Ideology Extremism and Restoring Biological Truth to the Federal Government" เน้นย้ำ "มีเพียงแค่ 2 เพศ ผู้ชายและผู้หญิง" และ ทรัมป์ ออกคำสั่งถึงหน่วยงานต่างให้ปรับแก้เอกสารอย่างเป็นทางการต่างๆ อย่างเช่นพาสปอร์ตและวีซ่า ตามชีววิทยาเท่านั้น (ยกเลิกตัวเลือก "X" สำหรับเพศทางเลือก) . ฟิโก ยกย่องจุดยืนของทรัมป์ ว่าใช้นโยบายที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติและสมเหตุสมผล และแนะนำให้อียูควรทำตามอย่างผู้นำสหรัฐฯ "นี่คือการกลับคืนสู่สามัญสำนึก" นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียระบุ อ้างถึงข้อเสนอของเขาและนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้กรอบเวลาเกี่ยวกับการปรับแก้รัฐธรรมนูญ แต่ส่งสัญญาณว่าแนวคิดดังกล่าวจะได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008313 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1663 Views 0 Reviews
  • 23 มกราคม 2568 จุดเริ่มต้นใหม่ของสมรสเท่าเทียม ในประเทศไทย มีสิทธิ์รับมรดก และฟ้องชู้ เปิดประตูยอมรับ สิทธิความหลากหลายทางเพศ

    วันที่ 23 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทย เปิดรับจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเปลี่ยนแปลงนิยามของการสมรส ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้บุคคล ไม่ว่ามีเพศใด สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้

    กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลง วิธีการมองสิทธิในความรัก และครอบครัว แต่ยังปรับปรุงบทบัญญัติต่างๆ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ

    นิยามใหม่ของ "การสมรส"
    ก่อนการแก้ไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การสมรส เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ชายและหญิง" เท่านั้น แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ปรับเปลี่ยนนิยามนี้ โดยใช้คำว่า "บุคคลสองฝ่าย" แทน ซึ่งช่วยยืนยันว่าการสมรส ไม่จำกัดเฉพาะเพศอีกต่อไป

    นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขคำเรียก "สามี-ภริยา" ในเอกสารทางกฎหมาย ให้เป็นคำว่า "คู่สมรส" เพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียม ในความสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุง บทบัญญัติอื่นๆ เช่น
    - อายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส จากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ เพิ่มเป็น 18 ปีบริบูรณ์
    - ข้อกำหนดเรื่องความยินยอม ยังคงกำหนดว่าการสมรส ต้องแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียนอย่างเปิดเผย
    - ข้อห้ามเกี่ยวกับการสมรส ยังคงข้อห้าม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสืบสายโลหิต หรือการสมรสกับบุคคลวิกลจริต

    สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส
    1. สิทธิทางกฎหมาย
    กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ขยายสิทธิและหน้าที่ ตามกฎหมายของคู่สมรส ให้ครอบคลุมทุกเพศ เช่น
    - สิทธิในการรับมรดก
    - สิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการ กรณีคู่สมรสเสียชีวิต
    - สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
    - สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีคู่สมรส

    2. การจัดการทรัพย์สิน
    ทรัพย์สินของคู่สมรส ยังคงแบ่งออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส โดยสินสมรสจะเป็นทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส ซึ่งการจัดการสินสมรส เช่น การขายทรัพย์สิน จะต้องได้รับความยินยอม จากคู่สมรสอีกฝ่าย

    ข้อกังวลและความท้าทาย
    แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเปิดทางสู่ความเท่าเทียม แต่ก็ยังมีข้อกังวลในแง่ของกฎหมายอื่น ที่ยังใช้คำว่า "สามี-ภริยา" และอาจต้องใช้เวลาในการปรับแก้ เช่น
    - กฎหมายบางฉบับ ที่ระบุสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับคู่ชาย-หญิง
    - การปรับปรุงระบบราชการ ให้รองรับกับนิยามคู่สมรสใหม่

    ข้อดีของกฎหมายสมรสเท่าเทียม
    สร้างความเท่าเทียมในสังคม
    การรับรองสิทธิการสมรสสำหรับทุกเพศ ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียม และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม

    เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมาย
    การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ในเอกสารทางกฎหมาย ช่วยลดความกำกวม และทำให้ทุกคน สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย ได้อย่างเท่าเทียม

    สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถจดทะเบียนสมรส กับชาวต่างชาติในประเทศไทยได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างสังคม ที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียม กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ให้สิทธิและหน้าที่ ที่เท่าเทียมกันแก่คู่สมรสทุกเพศ แต่ยังสะท้อนถึง ความก้าวหน้าในเชิงกฎหมาย และสังคมของประเทศไทย

    🌈✨ "เพราะความรักคือสิทธิที่ทุกคน ควรได้รับอย่างเท่าเทียม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2300559 ม.ค. 2568

    #สมรสเท่าเทียม #สิทธิมนุษยชน #ความเท่าเทียมทางเพศ #กฎหมายใหม่ #ประเทศไทย #LGBTQ+ #เสรีภาพและความเท่าเทียม #ความรักไม่มีเงื่อนไข #สมรสในไทย #สังคมแห่งความเท่าเทียม

    23 มกราคม 2568 จุดเริ่มต้นใหม่ของสมรสเท่าเทียม ในประเทศไทย มีสิทธิ์รับมรดก และฟ้องชู้ เปิดประตูยอมรับ สิทธิความหลากหลายทางเพศ วันที่ 23 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทย เปิดรับจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเปลี่ยนแปลงนิยามของการสมรส ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้บุคคล ไม่ว่ามีเพศใด สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลง วิธีการมองสิทธิในความรัก และครอบครัว แต่ยังปรับปรุงบทบัญญัติต่างๆ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ นิยามใหม่ของ "การสมรส" ก่อนการแก้ไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การสมรส เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ชายและหญิง" เท่านั้น แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ปรับเปลี่ยนนิยามนี้ โดยใช้คำว่า "บุคคลสองฝ่าย" แทน ซึ่งช่วยยืนยันว่าการสมรส ไม่จำกัดเฉพาะเพศอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขคำเรียก "สามี-ภริยา" ในเอกสารทางกฎหมาย ให้เป็นคำว่า "คู่สมรส" เพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียม ในความสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุง บทบัญญัติอื่นๆ เช่น - อายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส จากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ เพิ่มเป็น 18 ปีบริบูรณ์ - ข้อกำหนดเรื่องความยินยอม ยังคงกำหนดว่าการสมรส ต้องแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียนอย่างเปิดเผย - ข้อห้ามเกี่ยวกับการสมรส ยังคงข้อห้าม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสืบสายโลหิต หรือการสมรสกับบุคคลวิกลจริต สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส 1. สิทธิทางกฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ขยายสิทธิและหน้าที่ ตามกฎหมายของคู่สมรส ให้ครอบคลุมทุกเพศ เช่น - สิทธิในการรับมรดก - สิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการ กรณีคู่สมรสเสียชีวิต - สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน - สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีคู่สมรส 2. การจัดการทรัพย์สิน ทรัพย์สินของคู่สมรส ยังคงแบ่งออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส โดยสินสมรสจะเป็นทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส ซึ่งการจัดการสินสมรส เช่น การขายทรัพย์สิน จะต้องได้รับความยินยอม จากคู่สมรสอีกฝ่าย ข้อกังวลและความท้าทาย แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเปิดทางสู่ความเท่าเทียม แต่ก็ยังมีข้อกังวลในแง่ของกฎหมายอื่น ที่ยังใช้คำว่า "สามี-ภริยา" และอาจต้องใช้เวลาในการปรับแก้ เช่น - กฎหมายบางฉบับ ที่ระบุสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับคู่ชาย-หญิง - การปรับปรุงระบบราชการ ให้รองรับกับนิยามคู่สมรสใหม่ ข้อดีของกฎหมายสมรสเท่าเทียม สร้างความเท่าเทียมในสังคม การรับรองสิทธิการสมรสสำหรับทุกเพศ ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียม และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ในเอกสารทางกฎหมาย ช่วยลดความกำกวม และทำให้ทุกคน สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย ได้อย่างเท่าเทียม สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถจดทะเบียนสมรส กับชาวต่างชาติในประเทศไทยได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างสังคม ที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียม กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ให้สิทธิและหน้าที่ ที่เท่าเทียมกันแก่คู่สมรสทุกเพศ แต่ยังสะท้อนถึง ความก้าวหน้าในเชิงกฎหมาย และสังคมของประเทศไทย 🌈✨ "เพราะความรักคือสิทธิที่ทุกคน ควรได้รับอย่างเท่าเทียม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2300559 ม.ค. 2568 #สมรสเท่าเทียม #สิทธิมนุษยชน #ความเท่าเทียมทางเพศ #กฎหมายใหม่ #ประเทศไทย #LGBTQ+ #เสรีภาพและความเท่าเทียม #ความรักไม่มีเงื่อนไข #สมรสในไทย #สังคมแห่งความเท่าเทียม
    0 Comments 0 Shares 822 Views 0 Reviews
  • ปรับแก้ไขยามยังมีลมเข้าเน้อ
    ปรับแก้ไขยามยังมีลมเข้าเน้อ
    0 Comments 0 Shares 316 Views 2 0 Reviews
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีความกังวลว่าอิหร่านที่อ่อนแอลง อาจเลือกสร้างอาวุธนิวเคลียร์ จากความเห็นของเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาทำเนียบขาว พร้อมระบุเขาจะบรรยายสรุปแก่คณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อความเสี่ยงดังกล่าว
    .
    อิหร่านประสบความเสื่อมถอยทางอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลโจมตีเล่นงานพันธมิตรทั้งหลายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นนักรบปาเลสไตน์ฮามาส และพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เช่นเดียวกับการล่มสลายของพันธมิตรของเตหะราน อย่างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย
    .
    ซัลลิแวน ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงโรงงานขีปนาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศ ได้ลดศักยภาพทางทหารตามแบบของเตหะราน "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาจมีสุ้มเสียง (ในอิหร่าน) พูดออกมาว่า เฮ้ บางทีเราอาจจำเป็นต้องเดินหน้าสำหรับอาวุธนิวเคลียร์แล้วในตอนนี้ บางทีเราอาจจำเป็นต้องปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของเรา"
    .
    อิหร่านเน้นย้ำว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาเป็นโครงการเพื่อสันติ แต่พวกเขาได้ยกระดับเสริมสมรรถนะยูเรเนียม นับตั้งแต่ ทรัมป์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2017-2021 ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างเตหะรานกับเหล่าชาติมหาอำนาจ ที่กำหนดข้อจำกัดด้านกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะราน แลกกับการปลดมาตรการคว่ำบาตร
    .
    ซัลลิแวน บอกว่ามีความเสี่ยงที่อิหร่านอาจละทิ้งคำสัญญาไม่สร้างอาวุธนิวเคลียร์ "มันเป็นความเสี่ยงที่เราพยายามระแวดระวังอยู่ในตอนนี้ มันเป็นความเสี่ยงที่ผมบรรยายสรุปให้คณะทำงานที่กำลังเข้ามาทำหน้าที่ได้รับฟังด้วยตนเอง" เขากล่าวพร้อมบอกว่าเขาได้หยิบยกเรื่องนี้ปรึกษาหารือกันอิสราเอล พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่นกัน
    .
    ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม อาจหวนคืนสู่การใช้จุดยืนแข็งกร้าวในนโยบายกับอิหร่าน ด้วยการยกระดับคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเตหะราน
    .
    ซัลลิแวน มองว่า ทรัมป์ จะมีโอกาสสำหรับเสาะหาหนทางด้านการทูตกับเตหะราน เนื่องจากสภาวะที่อ่อนแอลงของรัฐอิหร่าน "บางทีเขาอาจทำสำเร็จในรอบนี้ และได้ข้อตกลงนิวเคลียร์จริงๆ จังๆ ที่สามารถควบคุมความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของอิหร่านในระยะยาว เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อิหร่านกำลังเผชิญ" ซัลลิแวน กล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122778
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีความกังวลว่าอิหร่านที่อ่อนแอลง อาจเลือกสร้างอาวุธนิวเคลียร์ จากความเห็นของเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาทำเนียบขาว พร้อมระบุเขาจะบรรยายสรุปแก่คณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อความเสี่ยงดังกล่าว . อิหร่านประสบความเสื่อมถอยทางอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลโจมตีเล่นงานพันธมิตรทั้งหลายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นนักรบปาเลสไตน์ฮามาส และพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เช่นเดียวกับการล่มสลายของพันธมิตรของเตหะราน อย่างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย . ซัลลิแวน ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่าปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลที่เล่นงานที่ตั้งต่างๆ ของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงโรงงานขีปนาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศ ได้ลดศักยภาพทางทหารตามแบบของเตหะราน "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาจมีสุ้มเสียง (ในอิหร่าน) พูดออกมาว่า เฮ้ บางทีเราอาจจำเป็นต้องเดินหน้าสำหรับอาวุธนิวเคลียร์แล้วในตอนนี้ บางทีเราอาจจำเป็นต้องปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของเรา" . อิหร่านเน้นย้ำว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาเป็นโครงการเพื่อสันติ แต่พวกเขาได้ยกระดับเสริมสมรรถนะยูเรเนียม นับตั้งแต่ ทรัมป์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2017-2021 ได้ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างเตหะรานกับเหล่าชาติมหาอำนาจ ที่กำหนดข้อจำกัดด้านกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะราน แลกกับการปลดมาตรการคว่ำบาตร . ซัลลิแวน บอกว่ามีความเสี่ยงที่อิหร่านอาจละทิ้งคำสัญญาไม่สร้างอาวุธนิวเคลียร์ "มันเป็นความเสี่ยงที่เราพยายามระแวดระวังอยู่ในตอนนี้ มันเป็นความเสี่ยงที่ผมบรรยายสรุปให้คณะทำงานที่กำลังเข้ามาทำหน้าที่ได้รับฟังด้วยตนเอง" เขากล่าวพร้อมบอกว่าเขาได้หยิบยกเรื่องนี้ปรึกษาหารือกันอิสราเอล พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่นกัน . ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม อาจหวนคืนสู่การใช้จุดยืนแข็งกร้าวในนโยบายกับอิหร่าน ด้วยการยกระดับคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเตหะราน . ซัลลิแวน มองว่า ทรัมป์ จะมีโอกาสสำหรับเสาะหาหนทางด้านการทูตกับเตหะราน เนื่องจากสภาวะที่อ่อนแอลงของรัฐอิหร่าน "บางทีเขาอาจทำสำเร็จในรอบนี้ และได้ข้อตกลงนิวเคลียร์จริงๆ จังๆ ที่สามารถควบคุมความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของอิหร่านในระยะยาว เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อิหร่านกำลังเผชิญ" ซัลลิแวน กล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122778 .............. Sondhi X
    Like
    6
    2 Comments 0 Shares 822 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังพิจาณาส่งอาวุธนิวเคลียร์กลับเข้าไปยังยูเครน หลังจากเคียฟยอมละทิ้งอาวุธทำลายล้างชนิดนี้หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จากคำยืนยันของ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว
    .
    ซัลลิแวน แสดงความคิดเห็นดังกล่าว หลังถูกถามเกี่ยวกับรายงานข่าวหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งอ้างเจ้าหน้าที่ตะวันตกที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามบางส่วนบ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจติดอาวุธนิวเคลียร์แก่ยูเครนก่อนลงจากตำแหน่ง
    .
    "ไม่ มันไม่ได้อยู่ภายใต้การพิจารณา สิ่งที่เราจำคือการยกระดับแสนยานุภาพโดยทั่วไปที่หลากหลายแก่ยูเครน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสู้รบกับรัสเซีย ไม่ใช่การมอบแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์" เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียออกมาประณามรายงานข่าวดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็นความคิดที่บ้าโดยสิ้นเชิง พร้อมอ้างว่าการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีหนึ่งๆ เช่นนี้ คือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมรัสเซยต้องส่งทหารบุกเข้าไปยังยูเครน
    .
    เคียฟ สืบทอดมรดกอาวุธนิวเคลียร์ทมาจากสหภาพโซเวียต ตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 แต่พวกเขายอมละทิ้งอาวุธทำลายล้างนี้ภายใต้ข้อตกลงฉบับหนึ่งปี 1994 ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์ แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากรัสเซีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
    .
    ราวๆ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส อ้างว่า ไบเดน "อาจอนุญาตให้ยูเครนมีอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง แบบเดียวกับเมื่อครั้งก่อนหน้าการล่มสลายของสหภาพโซเวียต" อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม
    .
    สื่อมวลชนแห่งนี้ให้คำจำกัดความแนวโน้มการติดอาวุธนิวเคลียร์ให้ยูเครน ว่าเป็นการป้องปรามรัสเซียแบบร้ายกาจและทันทีทันใด แต่เน้นว่าก้าวย่างเช่นนี้อาจยุ่งยากซับซ้อนและก่อผลกระทบร้ายแรง
    .
    ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เตือนว่า "การส่งมอบอาวุธดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการโจมตีเล่นงานประเทศของเรา ซึ่งสอดคล้องกับหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ ที่เพิ่งมีการปรับแก้เมื่อเร็วๆ นี้"
    .
    หลักการนิวเคลียร์ของรัสเซีย อนุญาตให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในกรณีที่ถูกโจมตีทางนิวเคลียร์ก่อน เล่นงานดินแดนหรือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือในกรณีอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซียถูกคุกคามถึงตายจากอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทั่วไป
    .
    ในการแก้ไขปรับปรุงหลักการนิวเคลียร์เมื่อเร็วๆ นี้ ยังอนุมัติให้รัสเซียปฏิบัติการกับการถูกโจมตีโดยรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์ เทียบเท่ากับเป็นการรุกรานทางนิวเคลียร์โดยตรง
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ปฏิเสธรายงานข่าว ระบุว่า "มันเป็นเจตนาที่ไร้ความผิดชอบโดยสิ้นเชิงของคนที่ขาดความรู้ความเข้าใจในความเป็นจริง และของคนที่ไม่รู้สึกต้องแบกรับความรับผิดชอบ สำหรับผลลัพธ์ของข้อเสนอของพวกเขา"
    .
    ยูเครนทิ้งหัวรบนิวเคลียร์ไปราว 1,700 หัวรบ ตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต โดยหากยังมีสต๊อกนิวเคลียร์ดังกล่าว มันจะทำให้เคียฟเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เคยแสดงความเสียใจกรณีที่ประเทศของเขายอมสละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ โดยประกาศในปี 2022 ว่าเคียฟมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการกลับลำตัดสินใจ และย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม เขาบอกว่ามีเพียง 2 ทางเลือกสำหรับการรับประกันความมั่นคง นั่นคือเข้าร่วมนาโตหรือไม่ก็ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ในเวลาต่อมา เขาชี้แจงว่าตนเองมีตัวเลือกเดียว คือการเป็นสมาชิกนาโต
    .
    เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน สถาบันวิจัยทางทหารแห่งหนึ่งของยูเครน เรียกร้อง เซเลนสกี เร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า หากสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนความช่วยเหลือทางทหาร
    .
    สถาบันวิจัย Centre for Army, Conversion and Disarmament Studies (CACDS) แนะนำว่ายูเครนอาจจำเป็นต้องสร้างระเบิดนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทำลายล้างที่ไม่อาจพรรณนาได้ จัดการรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เคยใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปี 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115650
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังพิจาณาส่งอาวุธนิวเคลียร์กลับเข้าไปยังยูเครน หลังจากเคียฟยอมละทิ้งอาวุธทำลายล้างชนิดนี้หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จากคำยืนยันของ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว . ซัลลิแวน แสดงความคิดเห็นดังกล่าว หลังถูกถามเกี่ยวกับรายงานข่าวหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งอ้างเจ้าหน้าที่ตะวันตกที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามบางส่วนบ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจติดอาวุธนิวเคลียร์แก่ยูเครนก่อนลงจากตำแหน่ง . "ไม่ มันไม่ได้อยู่ภายใต้การพิจารณา สิ่งที่เราจำคือการยกระดับแสนยานุภาพโดยทั่วไปที่หลากหลายแก่ยูเครน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสู้รบกับรัสเซีย ไม่ใช่การมอบแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์" เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียออกมาประณามรายงานข่าวดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็นความคิดที่บ้าโดยสิ้นเชิง พร้อมอ้างว่าการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีหนึ่งๆ เช่นนี้ คือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมรัสเซยต้องส่งทหารบุกเข้าไปยังยูเครน . เคียฟ สืบทอดมรดกอาวุธนิวเคลียร์ทมาจากสหภาพโซเวียต ตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 แต่พวกเขายอมละทิ้งอาวุธทำลายล้างนี้ภายใต้ข้อตกลงฉบับหนึ่งปี 1994 ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์ แลกกับคำรับประกันด้านความมั่นคงจากรัสเซีย สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร . ราวๆ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส อ้างว่า ไบเดน "อาจอนุญาตให้ยูเครนมีอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง แบบเดียวกับเมื่อครั้งก่อนหน้าการล่มสลายของสหภาพโซเวียต" อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม . สื่อมวลชนแห่งนี้ให้คำจำกัดความแนวโน้มการติดอาวุธนิวเคลียร์ให้ยูเครน ว่าเป็นการป้องปรามรัสเซียแบบร้ายกาจและทันทีทันใด แต่เน้นว่าก้าวย่างเช่นนี้อาจยุ่งยากซับซ้อนและก่อผลกระทบร้ายแรง . ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เตือนว่า "การส่งมอบอาวุธดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการโจมตีเล่นงานประเทศของเรา ซึ่งสอดคล้องกับหลักการนิวเคลียร์ของประเทศ ที่เพิ่งมีการปรับแก้เมื่อเร็วๆ นี้" . หลักการนิวเคลียร์ของรัสเซีย อนุญาตให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในกรณีที่ถูกโจมตีทางนิวเคลียร์ก่อน เล่นงานดินแดนหรือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือในกรณีอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งดินแดนของรัสเซียถูกคุกคามถึงตายจากอาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทั่วไป . ในการแก้ไขปรับปรุงหลักการนิวเคลียร์เมื่อเร็วๆ นี้ ยังอนุมัติให้รัสเซียปฏิบัติการกับการถูกโจมตีโดยรัฐที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของมหาอำนาจนิวเคลียร์ เทียบเท่ากับเป็นการรุกรานทางนิวเคลียร์โดยตรง . ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ปฏิเสธรายงานข่าว ระบุว่า "มันเป็นเจตนาที่ไร้ความผิดชอบโดยสิ้นเชิงของคนที่ขาดความรู้ความเข้าใจในความเป็นจริง และของคนที่ไม่รู้สึกต้องแบกรับความรับผิดชอบ สำหรับผลลัพธ์ของข้อเสนอของพวกเขา" . ยูเครนทิ้งหัวรบนิวเคลียร์ไปราว 1,700 หัวรบ ตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต โดยหากยังมีสต๊อกนิวเคลียร์ดังกล่าว มันจะทำให้เคียฟเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เคยแสดงความเสียใจกรณีที่ประเทศของเขายอมสละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์ โดยประกาศในปี 2022 ว่าเคียฟมีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการกลับลำตัดสินใจ และย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม เขาบอกว่ามีเพียง 2 ทางเลือกสำหรับการรับประกันความมั่นคง นั่นคือเข้าร่วมนาโตหรือไม่ก็ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ในเวลาต่อมา เขาชี้แจงว่าตนเองมีตัวเลือกเดียว คือการเป็นสมาชิกนาโต . เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน สถาบันวิจัยทางทหารแห่งหนึ่งของยูเครน เรียกร้อง เซเลนสกี เร่งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า หากสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนความช่วยเหลือทางทหาร . สถาบันวิจัย Centre for Army, Conversion and Disarmament Studies (CACDS) แนะนำว่ายูเครนอาจจำเป็นต้องสร้างระเบิดนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทำลายล้างที่ไม่อาจพรรณนาได้ จัดการรัสเซีย โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เคยใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่ถูกหย่อนลงถล่มเมืองนางาซากิของญี่ปุ่น ปี 1945 ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000115650 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 952 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯจะปรับยุทธศาสตร์ป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเอง เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่างๆนานาจากรัสเซียและจีน อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอน
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(21พ.ย.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯะบุว่า "พวกศัตรูที่ทัดเทียมทางนิวเคลียร์หลายชาติ ท้าทายความมั่นคงของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู" พร้อมระบุประเทศเหล่านี้กำลังยกระดับคลังแสงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆและกำลังปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
    .
    ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม ชี้เป้าที่ไปรัสเซียและจีน พร้อมเน้นว่าบางทีสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องปรับแก้ Nuclear Posture Review ปี 2022 เพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปรามทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาเน้นว่าความพยายามปรับปรุงทางนิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น อาจจะไม่เพียงพอ
    .
    จอห์นสัน กล่าวถึงความกังวลเหล่านี้ โดยชี้ว่า "เพนตากอนได้ใช้ก้าวย่างต่างๆนานา ในการยกระดับความสามารถในภาคสนามในการเสริมการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางนิวเคลียร์" ซึ่งองค์ประกอบหลักของมาตรการนี้ก็คือ การประจำการระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 เพิ่มความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์และยกระดับแสนยานุภาพของกองเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ
    .
    ก่อนหน้านี้เพนตากอนแถลงประจำการระเบิด B61 รุ่นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และบอกว่ามันจะเข้ามาแทนที่เวอร์ชันเก่าบางรุ่น และมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่สหรัฐฯในการจัดการกับเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ขนาดใหญ่และยากลำบากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามวอชิงตันเน้นย้ำว่าการประจำการ B61-13 ไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ใดๆในปัจจุบัน และจะไม่เป็นการเพิ่มสต๊อกนิวเคลียร์ในภาพรวม
    .
    เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ คือองค์ประกอบหลักของ "สามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad)" ของสหรัฐฯ และออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับป้องปรามทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ สามารถติดขีปนาวุธไทรแดนท์ ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร
    .
    ความเห็นของ จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เอกสารที่มีการปรับแก้นั้นกำหนดให้ "การรุกรานเล่นงานสหพันธรัฐรัสเซียและ/หรือชาติพันธมิตร โดยรัฐหนึ่งที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจากประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกมองในฐานะเป็นการโจมตีร่วม"
    .
    ปูติน อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรตะวันตกหลายชาติของอเมริกา ไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้ โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย แม้มอสโกเคยเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และผลก็คือเป็นการลากนาโตเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง
    .
    ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน รัสเซียปฏิบัติการโจมตียูเครน ด้วยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางล่าสุด Oreshnik พร้อมระบุมันเป็นการตอบโต้การโจมตีข้ามชายแดนของเคียฟ ที่ใช้ระบบ ATACMS และ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่นเดียวกับขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113055
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯจะปรับยุทธศาสตร์ป้องปรามทางนิวเคลียร์ของตนเอง เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของภัยคุกคามต่างๆนานาจากรัสเซียและจีน อ้างอิงรายงานฉบับหนึ่งของเพนตากอน . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(21พ.ย.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯะบุว่า "พวกศัตรูที่ทัดเทียมทางนิวเคลียร์หลายชาติ ท้าทายความมั่นคงของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู" พร้อมระบุประเทศเหล่านี้กำลังยกระดับคลังแสงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆและกำลังปรับปรุงให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น . ริชาร์ด จอห์นสัน รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหม ชี้เป้าที่ไปรัสเซียและจีน พร้อมเน้นว่าบางทีสหรัฐฯอาจจำเป็นต้องปรับแก้ Nuclear Posture Review ปี 2022 เพื่อธำรงไว้ซึ่งการป้องปรามทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาเน้นว่าความพยายามปรับปรุงทางนิวเคลียร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น อาจจะไม่เพียงพอ . จอห์นสัน กล่าวถึงความกังวลเหล่านี้ โดยชี้ว่า "เพนตากอนได้ใช้ก้าวย่างต่างๆนานา ในการยกระดับความสามารถในภาคสนามในการเสริมการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางนิวเคลียร์" ซึ่งองค์ประกอบหลักของมาตรการนี้ก็คือ การประจำการระเบิดแรงโน้มถ่วง B61-13 เพิ่มความพร้อมของอาวุธนิวเคลียร์และยกระดับแสนยานุภาพของกองเรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ . ก่อนหน้านี้เพนตากอนแถลงประจำการระเบิด B61 รุ่นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และบอกว่ามันจะเข้ามาแทนที่เวอร์ชันเก่าบางรุ่น และมอบทางเลือกต่างๆเพิ่มเติมแก่สหรัฐฯในการจัดการกับเป้าหมายทางทหารในพื้นที่ขนาดใหญ่และยากลำบากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามวอชิงตันเน้นย้ำว่าการประจำการ B61-13 ไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ใดๆในปัจจุบัน และจะไม่เป็นการเพิ่มสต๊อกนิวเคลียร์ในภาพรวม . เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ คือองค์ประกอบหลักของ "สามเหล่านิวเคลียร์(nuclear triad)" ของสหรัฐฯ และออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับป้องปรามทางนิวเคลียร์ ทั้งนี้เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ สามารถติดขีปนาวุธไทรแดนท์ ที่มีพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร . ความเห็นของ จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้ปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ของประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เอกสารที่มีการปรับแก้นั้นกำหนดให้ "การรุกรานเล่นงานสหพันธรัฐรัสเซียและ/หรือชาติพันธมิตร โดยรัฐหนึ่งที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แต่ดำเนินการภายใต้การมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนจากประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกมองในฐานะเป็นการโจมตีร่วม" . ปูติน อนุมัติการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรตะวันตกหลายชาติของอเมริกา ไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้ โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย แม้มอสโกเคยเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย และผลก็คือเป็นการลากนาโตเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง . ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน รัสเซียปฏิบัติการโจมตียูเครน ด้วยการใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางล่าสุด Oreshnik พร้อมระบุมันเป็นการตอบโต้การโจมตีข้ามชายแดนของเคียฟ ที่ใช้ระบบ ATACMS และ HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่นเดียวกับขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ ที่ผลิตโดยสหราชอาณาจักร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113055 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    8
    0 Comments 0 Shares 1335 Views 0 Reviews
More Results