• รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน
    .
    คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
    .
    เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ
    .
    คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน
    .
    ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา
    .
    ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน
    .
    ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง
    .
    ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้
    .
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ"
    .
    "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ"
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน . คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า . เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน . ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา . ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน . ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง . ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้ . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ" . "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ" . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ มองไม่เห็นประโยชน์ของการหยุดยิงในฉนวนกาซาของอิสราเอล

    นักข่าว : "เมื่อคืนนี้ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 52 ราย และในวันก่อนหน้านั้นด้วย ...เหตุการณ์นี้ควรยุติลงหรือไม่"

    มิลเลอร์: "เราสนับสนุนการหยุดยิงโดยการเจรจา"

    นักข่าว: "พวกเขาควรหยุดทิ้งระเบิดจากท้องฟ้าก่อนมั้ย เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวที่มีกองทัพอากาศที่ยังคงทิ้งระเบิดใส่ประชาชน"

    มิลเลอร์: "การเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการใช้ยุทธวิธีทางทหารใดๆก็ตาม มันไม่น่าเกิดประโยชน์ใดๆ สิ่งที่เหมาะสมคือพยายามบรรลุการหยุดยิง"
    แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ มองไม่เห็นประโยชน์ของการหยุดยิงในฉนวนกาซาของอิสราเอล นักข่าว : "เมื่อคืนนี้ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 52 ราย และในวันก่อนหน้านั้นด้วย ...เหตุการณ์นี้ควรยุติลงหรือไม่" มิลเลอร์: "เราสนับสนุนการหยุดยิงโดยการเจรจา" นักข่าว: "พวกเขาควรหยุดทิ้งระเบิดจากท้องฟ้าก่อนมั้ย เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวที่มีกองทัพอากาศที่ยังคงทิ้งระเบิดใส่ประชาชน" มิลเลอร์: "การเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการใช้ยุทธวิธีทางทหารใดๆก็ตาม มันไม่น่าเกิดประโยชน์ใดๆ สิ่งที่เหมาะสมคือพยายามบรรลุการหยุดยิง"
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • อเมริกาเป็นดินแดนประชาธิปไตยที่มีแต่ "คนดีย์100%"

    แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐไม่เกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพรัสเซีย หลังจากยูเครนออกมาอ้างความรับผิดชอบ

    "ผมสามารถบอกรายละเอียดกับพวกคุณได้ เพราะสหรัฐไม่ทราบเรื่อง และไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารนายพลอิกอร์ คิริลลอฟ(Igor Kirillov) ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมี ของกองทัพรัสเซีย
    อเมริกาเป็นดินแดนประชาธิปไตยที่มีแต่ "คนดีย์100%" แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐไม่เกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพรัสเซีย หลังจากยูเครนออกมาอ้างความรับผิดชอบ "ผมสามารถบอกรายละเอียดกับพวกคุณได้ เพราะสหรัฐไม่ทราบเรื่อง และไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารนายพลอิกอร์ คิริลลอฟ(Igor Kirillov) ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมี ของกองทัพรัสเซีย
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯระบุไม่เกี่ยวข้องในเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงรายหนึ่งของรัสเซีย ในปฏิบัติการที่ยูเครนกล่าวอ้างความรับผิดชอบ แต่ประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนของนายพลรายนี้
    .
    "ผมสามารถบอกกับพวกคุณได้ว่า สหรัฐฯ ไม่ทราบเรื่องล่วงหน้าและไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารอิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้าหน่วยอาวุธเคมีของกองทัพรัสเซีย
    .
    แต่ มิลเลอร์ ชี้ถึงคำประเมินของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ที่ว่า คิริลลอฟ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่สุดของรัสเซียที่ถูกลอบสังหารนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน เป็นคนออกคำสั่งให้ใช้สารควบคุมจลาจลในสมรภูมิรบ ซึ่งละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธเคมี "เขาเป็นนายพลที่เกี่ยวข้องกับความโหดร้ายป่าเถื่อนต่างๆ เขาเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธเคมีกับกองทัพยูเครน"
    .
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาพันธมิตรตะวันตกของยูเครน เป็นผู้สมคบคิดในเหตุลอบสังหารอย่างเลือดเย็นในกรุงมองโก ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าอเมริกา "ไม่ทราบปฏิบัติการนี้ล่วงหน้า และเราไม่สนับสนุนหรือให้สิทธิความเคลื่อนไหวลักษณะนี้"
    .
    เหตุลอบสังหารเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างความสำเร็จของทหารรัสเซียในยูเครน หลังจากปฏิบัติการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ที่ฝักใฝ่ตะวันตก ลากยาวมาใกล้ครบ 3 ปีแล้ว
    .
    คิริลลอฟ วัย 54 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายอาวุธเคมี ชีวภาพและรังสีวิทยาของกองทัพรัสเซีย และเมื่อเร็วๆ นี้ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร ต่อคำกล่าวหาใช้อาวุธเคมีในยูเครน
    .
    แหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคงยูเครน (SBU) บอกกับเอเอฟพี ว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดลอบสังหาร ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษ" พร้อมเรียก คาริลลอฟ ว่าเป็น "อาชญากรสงคราม"
    .
    คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ระบุว่า "วัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนในรถสกูตเตอร์คันหนึ่งที่จอดใกล้ทางเข้าของอาคารที่พักอาศัย ถูกจุดชนวนขึ้นในตอนเช้าวันที่ 17 ธันวาคม บนถนนรยาซานสกี ในมอสโก"
    .
    แรงระเบิดทำให้บานกระจกหน้าต่างของอาคารแตกกระจัดกระจาย และประตูหน้าได้รับความเสียหายรุนแรง ตามรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ
    .
    เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่า พวกเขากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุโจมตีก่อการร้าย แต่แหล่งข่าวของ SBU ตอบโต้ว่า "คาริลลอฟ เป็นอาชญากรและเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม เนื่องจากเขาเป็นคนออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับกองทัพยูเครน มันคือจุดสิ้นสุดการรอคอยของชาวยูเครนที่ถูกฆ่าอย่างไร้เกียรติ การลงโทษอาชญากรรมสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" แหล่งข่าวระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121240
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯระบุไม่เกี่ยวข้องในเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงรายหนึ่งของรัสเซีย ในปฏิบัติการที่ยูเครนกล่าวอ้างความรับผิดชอบ แต่ประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนของนายพลรายนี้ . "ผมสามารถบอกกับพวกคุณได้ว่า สหรัฐฯ ไม่ทราบเรื่องล่วงหน้าและไม่เกี่ยวข้อง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึงเหตุลอบสังหารอิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้าหน่วยอาวุธเคมีของกองทัพรัสเซีย . แต่ มิลเลอร์ ชี้ถึงคำประเมินของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ที่ว่า คิริลลอฟ เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่สุดของรัสเซียที่ถูกลอบสังหารนับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน เป็นคนออกคำสั่งให้ใช้สารควบคุมจลาจลในสมรภูมิรบ ซึ่งละเมิดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธเคมี "เขาเป็นนายพลที่เกี่ยวข้องกับความโหดร้ายป่าเถื่อนต่างๆ เขาเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธเคมีกับกองทัพยูเครน" . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวหาพันธมิตรตะวันตกของยูเครน เป็นผู้สมคบคิดในเหตุลอบสังหารอย่างเลือดเย็นในกรุงมองโก ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าอเมริกา "ไม่ทราบปฏิบัติการนี้ล่วงหน้า และเราไม่สนับสนุนหรือให้สิทธิความเคลื่อนไหวลักษณะนี้" . เหตุลอบสังหารเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างความสำเร็จของทหารรัสเซียในยูเครน หลังจากปฏิบัติการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ที่ฝักใฝ่ตะวันตก ลากยาวมาใกล้ครบ 3 ปีแล้ว . คิริลลอฟ วัย 54 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายอาวุธเคมี ชีวภาพและรังสีวิทยาของกองทัพรัสเซีย และเมื่อเร็วๆ นี้ถูกสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร ต่อคำกล่าวหาใช้อาวุธเคมีในยูเครน . แหล่งข่าวในหน่วยงานด้านความมั่นคงยูเครน (SBU) บอกกับเอเอฟพี ว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดลอบสังหาร ในสิ่งที่เรียกว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษ" พร้อมเรียก คาริลลอฟ ว่าเป็น "อาชญากรสงคราม" . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ระบุว่า "วัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนในรถสกูตเตอร์คันหนึ่งที่จอดใกล้ทางเข้าของอาคารที่พักอาศัย ถูกจุดชนวนขึ้นในตอนเช้าวันที่ 17 ธันวาคม บนถนนรยาซานสกี ในมอสโก" . แรงระเบิดทำให้บานกระจกหน้าต่างของอาคารแตกกระจัดกระจาย และประตูหน้าได้รับความเสียหายรุนแรง ตามรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่อยู่ ณ จุดเกิดเหตุ . เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่า พวกเขากำลังดำเนินการสืบสวนเหตุโจมตีก่อการร้าย แต่แหล่งข่าวของ SBU ตอบโต้ว่า "คาริลลอฟ เป็นอาชญากรและเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรม เนื่องจากเขาเป็นคนออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับกองทัพยูเครน มันคือจุดสิ้นสุดการรอคอยของชาวยูเครนที่ถูกฆ่าอย่างไร้เกียรติ การลงโทษอาชญากรรมสงครามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" แหล่งข่าวระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121240 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว
    .
    พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย
    .
    เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น
    .
    สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว
    .
    ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น
    .
    สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน
    .
    ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ
    .
    ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน
    .
    การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ
    .
    ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม
    .
    บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236
    ..............
    Sondhi X
    นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว . พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย . เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น . สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว . ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น . สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน . ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ . ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน . การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ . ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม . บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด.ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง.ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด.ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล.คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้.ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ.รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม.มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด.ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง.ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด.ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล.คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้.ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ.รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม.มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ในซีเนียมี "ผู้เล่น" ที่อาจะเป็นตัวเชื่อมโยงสถานการณ์ในตะวันออกกลางกับจีน คือ กลุ่ม Turkistan Islamic Party in Syria (TIP) นักรบกลุ่มนี้นำโดยชาวอุยกูร์และมีแนวร่วมชนชาติอื่นๆ ด้วย อาจมีสมาชิกมากที่สุดถึง 4,000 คน โดยเป็นสายหนึ่งของอัลกออิดะฮ์แต่เดิมกลุ่มนี้มีฐานอยู่ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน แต่ในเวลาต่อมาจีนร่วมมือกับปากีสถาน (ซึ่งติดกับซินเจียง) บีบให้ TIP ออกไปจากพื้นที่ กลุ่มนี้จึงมารบในซีเรียมาตั้งแต่ปี 2015 และล่าสุดช่วยกลุ่ม HTS ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดจนชนะในที่สุด พอชนะแล้วก็ทำคลิปประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือ "จีน" TIP ออกคลิปเรียกร้องให้ชาวอุยกูร์ที่อยู่นอกจีนให้กลับไปยังบ้านเกิดของตนและร่วมทำสงครามญิฮาดต่อต้านจีน โดยบอกว่า “พ่อแม่ของคุณที่อยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายของจีนกำลังรอคุณอยู่” (อ้างอิง 1)คำว่า Turkistan (เตอร์กิสถาน) หมายถึงหมายซินเจียงใช้ควบคู่กับคำว่า East Turkestan (เตอร์กิสถานตะวันออก) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอุยกูร์ชาตินิยมใช้เรียกดินแดนของตนเอง ไม่ใช่คำว่า Xinjiang โดยคำว่า East Turkestan หมายถึงแผ่นดินเติร์กตะวันออก หรือจะหมายถึงตุรกีตะวันออกก็ได้ เพราะชาวอุยกกูร์นั้นเป็นญาติกับชาวเติร์ก/ตุรกีแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกเลยก็ตาม แต่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตุรกีชาตินิยมสนับสนุนกลุ่มแบกแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกและรับเอาคนอุยกูร์มาอยู่เป็นจำนวนมากในตุรกีทั้งนี้ กลุ่มเตอร์กิสถานตะวันออกมีขบวนการทางการเมืองชื่อ East Turkestan Islamic Movement (ETIM) และ TIP เป็นสายติดอาวุธของกลุ่มนี้ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุนกลุ่ม TIP เช่นเดียวกับสนับสนุนอาวุธให้ HTS และกลุ่มติดอาวุธใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอัสซาดตุรกีนั้นสนับสนุนการต่อสู้ของอุยกูร์อย่างออกนอกหน้ามาตลอด แต่บางครั้งเพื่อคบหากับจีนเพื่อถ่วงดุลกับตะวันตกก็จะทำเฉยๆ บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยเลิกสนับสนุนอุยกูร์ชาตินิยม (อัยที่่จริงคือชาตินิยมเติร์ก-นีโอ ออตโตมัน)เช่น เรเจป ทายิป เออร์โดกัน ปรระธานาธิบดีตุรกีเคยกล่าวไว้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลว่า “เตอร์กิสถานตะวันออกไม่เพียงแต่เป็นบ้านของชาวเติร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมเติร์กอีกด้วย หากลืมเรื่องนี้ไป เราจะไม่รู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมของเราเอง เหล่าผู้พลีชีพของเตอร์กิสถานตะวันออกก็คือผู้พลีชีพของเราเอง […] ในปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเตอร์กิสถานตะวันออกกำลังถูกทำให้เป็นจีนอย่างเป็นระบบ” (อ้างอิง 2)เออร์โดกันนั้นบางทีก็หนุนอุยกูร์เวลาทะเลาะกับจีน แต่จะเงียบปากไปบ้างเวลาพยายามจะใช้จีนถ่วงดุลตะวันตกท่าทีแบบไม่อยู่ฝ่ายไหนจริงจังของตุรกีแสดงออกชัดเจนขึ้นในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดและการสนับสนุนอุยกูร์ และย้ำวา่ตุรกีมีวาระของตัวเองที่พร้อมๆ จะ "ดุล" กับตะวันตกก็ได้หรือจีนกับรัสเซียก็ได้ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวเออร์โดกันมักจะแสดงท่าทีแบบ "ชาตินิยมเติร์ก" ซึ่งปรารถนาจะรวมชาติเติร์กเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงเอเชียกลางและซินเจียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่ "จักรวรรดิออตโตมัน" เดิมก็พอ นั่นคือควบคุมตะวันออกกลางทั้งหมดดังนั้น นักวิเคราะห์ชาวจีนเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกีกำลังใช้ "นักรบญิฮาด" ชาวอุยกูร์เพื่อทำสงครามตัวแทนกับจีนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานของเขาในการสร้าง "โลกตุรกีตั้งแต่ทะเลเอเดรียติกไปจนถึงกำแพงเมืองจีน" (อ้างอิง 2)หลังจากที่ตุรกีหนุนกลุ่มต่างๆ กำจัดอัสซาดไปได้ ก็กลับมาชักธง (ในสถานทูตในดามัสกัส) อีกครั้งในรอบ 12 ปี นี่มีนัยสำคัญแน่นอน และพร้อมกันนั้น กลุ่ม TIP ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ก็เริ่ม "กวนจีน"การที่ TIP ท้าทายจีนแบบนี้ และมีตุรกีให้ท้ายแบบนี้ เราอาจจะเห็นจีนแสดงท่าทีอะไรบางอย่างต่อตุรกี หรือไม่จีนอาจะไม่ขยับทำอะไรก็ได้ เพราะ TIP อาจเป็นหมากที่ลวงให้จีนเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายในตะวันออกกลางจนถึงเวลานี้ ในบรรดาผู้เล่นระดับมหาอำนาจ มีแต่จีนที่สงวนท่าทีที่สุด แต่ตะวันตกดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะดึงจีนมาร่วมวง "สงครามโลก" อย่างยิ่งพูดถึงการเดินเกมของตะวันตก มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาให้ดีของสหรัฐฯ เช่น มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอดชื่อกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ หลังจากที่ HTS ล้มรัฐบาลอัสซาดลงได้ (อ้างอิง 1)นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ รบกับ "กลุ่มญิฮาด" แล้วก็ญาติดีกับ "กลุ่มญิฮาด" หลังจากผลประโยชน์ตรงกัน เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐอเมริกาได้ถอด ETIM ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้าย (โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา 2020) นับเป็นการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจมาก นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า TIP ไม่เคยอยู่ในรายชื่อดังกล่าวอีกด้วย (อ้างอิง 2)อับบาส ชาริฟา (Abbas Sharifa) นักวิจัยกลุ่มซีเรีย กล่าวกับ Al-Monitor โดยตั้งสมมติฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องการใช้ ETIM เพื่อกดดันจีน แต่ในจำนวนนี้ข้อที่ 2 ดูเหมือนจะคล้องจองกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด คือ "แนวทางนี้ (การยกเลิกสถานะก่อการร้ายของพวกอุยกูร์ในซีเรีย) จะช่วยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ และเปิดทางให้สหรัฐฯ และตุรกี ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หลังการล้มรัฐบาลอัสซาดลงแล้ว ดูเหมือนว่าที่กำลังแบ่งเค้กในซีเรียก็มีแต่สหรัฐฯ กับตุรกีนี่เองอ้างอิง1. Bill Roggio. "Turkistan Islamic Party uses video from Syria to encourage jihad in China". Long War Journal. December 14, 2024 2. Przemysław Mazur. "Uyghurs of Syria: Significance for the Syrian Conflict and International Implications". Athenaeum Polskie Studia Politologiczne. 79/2023. :Kornkit Disthan
    สถานการณ์ในซีเนียมี "ผู้เล่น" ที่อาจะเป็นตัวเชื่อมโยงสถานการณ์ในตะวันออกกลางกับจีน คือ กลุ่ม Turkistan Islamic Party in Syria (TIP) นักรบกลุ่มนี้นำโดยชาวอุยกูร์และมีแนวร่วมชนชาติอื่นๆ ด้วย อาจมีสมาชิกมากที่สุดถึง 4,000 คน โดยเป็นสายหนึ่งของอัลกออิดะฮ์แต่เดิมกลุ่มนี้มีฐานอยู่ในปากีสถานและอัฟกานิสถาน แต่ในเวลาต่อมาจีนร่วมมือกับปากีสถาน (ซึ่งติดกับซินเจียง) บีบให้ TIP ออกไปจากพื้นที่ กลุ่มนี้จึงมารบในซีเรียมาตั้งแต่ปี 2015 และล่าสุดช่วยกลุ่ม HTS ต่อต้านรัฐบาลอัสซาดจนชนะในที่สุด พอชนะแล้วก็ทำคลิปประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือ "จีน" TIP ออกคลิปเรียกร้องให้ชาวอุยกูร์ที่อยู่นอกจีนให้กลับไปยังบ้านเกิดของตนและร่วมทำสงครามญิฮาดต่อต้านจีน โดยบอกว่า “พ่อแม่ของคุณที่อยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงอันโหดร้ายของจีนกำลังรอคุณอยู่” (อ้างอิง 1)คำว่า Turkistan (เตอร์กิสถาน) หมายถึงหมายซินเจียงใช้ควบคู่กับคำว่า East Turkestan (เตอร์กิสถานตะวันออก) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอุยกูร์ชาตินิยมใช้เรียกดินแดนของตนเอง ไม่ใช่คำว่า Xinjiang โดยคำว่า East Turkestan หมายถึงแผ่นดินเติร์กตะวันออก หรือจะหมายถึงตุรกีตะวันออกก็ได้ เพราะชาวอุยกกูร์นั้นเป็นญาติกับชาวเติร์ก/ตุรกีแม้จะอยู่กันคนละซีกโลกเลยก็ตาม แต่นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ตุรกีชาตินิยมสนับสนุนกลุ่มแบกแยกดินแดนเตอร์กิสถานตะวันออกและรับเอาคนอุยกูร์มาอยู่เป็นจำนวนมากในตุรกีทั้งนี้ กลุ่มเตอร์กิสถานตะวันออกมีขบวนการทางการเมืองชื่อ East Turkestan Islamic Movement (ETIM) และ TIP เป็นสายติดอาวุธของกลุ่มนี้ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุนกลุ่ม TIP เช่นเดียวกับสนับสนุนอาวุธให้ HTS และกลุ่มติดอาวุธใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอัสซาดตุรกีนั้นสนับสนุนการต่อสู้ของอุยกูร์อย่างออกนอกหน้ามาตลอด แต่บางครั้งเพื่อคบหากับจีนเพื่อถ่วงดุลกับตะวันตกก็จะทำเฉยๆ บ้าง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่เคยเลิกสนับสนุนอุยกูร์ชาตินิยม (อัยที่่จริงคือชาตินิยมเติร์ก-นีโอ ออตโตมัน)เช่น เรเจป ทายิป เออร์โดกัน ปรระธานาธิบดีตุรกีเคยกล่าวไว้ตอนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูลว่า “เตอร์กิสถานตะวันออกไม่เพียงแต่เป็นบ้านของชาวเติร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดของประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมเติร์กอีกด้วย หากลืมเรื่องนี้ไป เราจะไม่รู้ประวัติศาสตร์ อารยธรรม และวัฒนธรรมของเราเอง เหล่าผู้พลีชีพของเตอร์กิสถานตะวันออกก็คือผู้พลีชีพของเราเอง […] ในปัจจุบัน วัฒนธรรมของชาวเตอร์กิสถานตะวันออกกำลังถูกทำให้เป็นจีนอย่างเป็นระบบ” (อ้างอิง 2)เออร์โดกันนั้นบางทีก็หนุนอุยกูร์เวลาทะเลาะกับจีน แต่จะเงียบปากไปบ้างเวลาพยายามจะใช้จีนถ่วงดุลตะวันตกท่าทีแบบไม่อยู่ฝ่ายไหนจริงจังของตุรกีแสดงออกชัดเจนขึ้นในการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดและการสนับสนุนอุยกูร์ และย้ำวา่ตุรกีมีวาระของตัวเองที่พร้อมๆ จะ "ดุล" กับตะวันตกก็ได้หรือจีนกับรัสเซียก็ได้ ถ้าผลประโยชน์ลงตัวเออร์โดกันมักจะแสดงท่าทีแบบ "ชาตินิยมเติร์ก" ซึ่งปรารถนาจะรวมชาติเติร์กเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ตั้งแต่ตุรกีไปจนถึงเอเชียกลางและซินเจียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่ "จักรวรรดิออตโตมัน" เดิมก็พอ นั่นคือควบคุมตะวันออกกลางทั้งหมดดังนั้น นักวิเคราะห์ชาวจีนเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกีกำลังใช้ "นักรบญิฮาด" ชาวอุยกูร์เพื่อทำสงครามตัวแทนกับจีนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานของเขาในการสร้าง "โลกตุรกีตั้งแต่ทะเลเอเดรียติกไปจนถึงกำแพงเมืองจีน" (อ้างอิง 2)หลังจากที่ตุรกีหนุนกลุ่มต่างๆ กำจัดอัสซาดไปได้ ก็กลับมาชักธง (ในสถานทูตในดามัสกัส) อีกครั้งในรอบ 12 ปี นี่มีนัยสำคัญแน่นอน และพร้อมกันนั้น กลุ่ม TIP ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ก็เริ่ม "กวนจีน"การที่ TIP ท้าทายจีนแบบนี้ และมีตุรกีให้ท้ายแบบนี้ เราอาจจะเห็นจีนแสดงท่าทีอะไรบางอย่างต่อตุรกี หรือไม่จีนอาจะไม่ขยับทำอะไรก็ได้ เพราะ TIP อาจเป็นหมากที่ลวงให้จีนเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายในตะวันออกกลางจนถึงเวลานี้ ในบรรดาผู้เล่นระดับมหาอำนาจ มีแต่จีนที่สงวนท่าทีที่สุด แต่ตะวันตกดูเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรือที่จะดึงจีนมาร่วมวง "สงครามโลก" อย่างยิ่งพูดถึงการเดินเกมของตะวันตก มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาให้ดีของสหรัฐฯ เช่น มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอดชื่อกลุ่ม HTS ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ หลังจากที่ HTS ล้มรัฐบาลอัสซาดลงได้ (อ้างอิง 1)นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ รบกับ "กลุ่มญิฮาด" แล้วก็ญาติดีกับ "กลุ่มญิฮาด" หลังจากผลประโยชน์ตรงกัน เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2020 สหรัฐอเมริกาได้ถอด ETIM ออกจากรายชื่อองค์กรก่อการร้าย (โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา 2020) นับเป็นการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจมาก นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า TIP ไม่เคยอยู่ในรายชื่อดังกล่าวอีกด้วย (อ้างอิง 2)อับบาส ชาริฟา (Abbas Sharifa) นักวิจัยกลุ่มซีเรีย กล่าวกับ Al-Monitor โดยตั้งสมมติฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกคือต้องการใช้ ETIM เพื่อกดดันจีน แต่ในจำนวนนี้ข้อที่ 2 ดูเหมือนจะคล้องจองกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด คือ "แนวทางนี้ (การยกเลิกสถานะก่อการร้ายของพวกอุยกูร์ในซีเรีย) จะช่วยยุติการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในซีเรียตะวันตกเฉียงเหนือ และเปิดทางให้สหรัฐฯ และตุรกี ประสานงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ หลังการล้มรัฐบาลอัสซาดลงแล้ว ดูเหมือนว่าที่กำลังแบ่งเค้กในซีเรียก็มีแต่สหรัฐฯ กับตุรกีนี่เองอ้างอิง1. Bill Roggio. "Turkistan Islamic Party uses video from Syria to encourage jihad in China". Long War Journal. December 14, 2024 2. Przemysław Mazur. "Uyghurs of Syria: Significance for the Syrian Conflict and International Implications". Athenaeum Polskie Studia Politologiczne. 79/2023. :Kornkit Disthan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด
    .
    ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง
    .
    ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด
    .
    ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล
    .
    คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้
    .
    ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ
    .
    รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม
    .
    มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    หยุดสารตั้งต้นให้เขมรลากเส้นตามใจชอบ อ้างเจรจาเรื่องเกาะกูด . ผมจะพูดกรณีที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์เมินเปิดเวทีสาธารณะ เรื่อง MOU 44 แล้วที่สำคัญคือ ที่อ้างกันนักกันหนา ไม่ว่าจะจากคุณภูมิธรรม เวชยชัย และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ว่า เกาะกูดยังเป็นของไทยจริงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ทราบนั้น ฮุน มาแณต พูดออกมาแล้วว่าเกาะกูดเป็นของเขมร เหตุผลที่อ้างว่าเกาะกูดเป็นของเขมรได้ ก็เพราะว่า MOU 2544 นั่นเอง . ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณภูมิธรรมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า การที่ผมเสนอให้เปิดเวทีสาธารณะนั้น ไม่ได้เปิดเพื่อผม เปิดเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบความจริง เพราะพวกคุณหมกเม็ดไว้หลายเรื่อง จนวันนี้คุณภูมิธรรม แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ ท่านอธิบดีกรมสนธิสัญญา ก็ยังไม่ยอมพูดถึงพระบรมราชโองการในปี 2516 ไม่เคยพูดถึงเลย หรือ ไม่กล้าพูด . ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ถ้าคุณยังรักษา MOU 2544 โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ 2516 ประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนให้กับเขมร ถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปสู่ศาลโลกแล้ว ไทยจะแพ้อย่างแน่นอน เหมือนกับคุณนพดล ปัทมะ เคยพูดเรื่องเขาพระวิหาร แล้วเราก็แพ้คดีที่ศาลโลก เราเสียพื้นที่เขาพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเสียพื้นที่ทางทะเล . คุณลืมไปแล้วหรือว่า ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นี่คือธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คุณหลีกเลี่ยงความจริงไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดน นอกจากผมจะลงถนนไปประท้วงคุณแล้ว พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งค์ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ คุณต้องรับผิดชอบ และผมจะตามล้างตามเช็ดคุณ ให้คุณรับผิดชอบ เพราะ MOU 2544 นั้นคือสารตั้งต้นของการที่ทำให้เขมรนั้นลากเส้นตามใจชอบได้ . ส่วนทักษิณ ชินวัตร ก็บอกว่า ชี้แจงได้ เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณจะพูดทั้งที คุณอธิบายเรื่องพระบรมราชโองการ 2516 หน่อยได้ไหม คุณไม่ควรจะละเลยพระบรมราชโองการ 2516 เพราะว่า 2566 คุณก็ยอมรับพระบรมราชโองการในการลดโทษให้คุณไม่ใช่หรือ ถ้าคุณยอมรับพระบรมราชโองการอันนี้ แล้วทำไม 2516 คุณถึงไม่ยอมรับ . รัฐบาลชุดนี้โกหกพกลมไปวันๆ ภูมิธรรมบอกเกาะกูดเป็นของไทย เขมรก็ยอมรับ อุ๊งอิ๊งค์ก็บอกว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่วันนี้ฮุน มาแฌต บอกว่าไม่ใช่ เป็นของมัน ส่วนนายฮุน เซน ทะลึ่ง พูดบอกว่ารัฐบาลสองประเทศกำลังเจรจากันอย่างสันติเกี่ยวกับปัญหาเกาะกูด แสดงว่าเขมรไม่ยอมใช่ไหม . มีใครเชื่อถือคุณได้บ้างเนี่ย คุณสะกดคำว่า รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เป็นเลยใช่ไหม คุณนึกว่าสนุกเหรอที่ผมจะต้องลงถนนในที่สุด แต่ผมยอมไม่ได้ ไม่ได้คลั่งชาติ ก็ในเมื่อมันเป็นของคนไทย พื้นที่อาณาเขตทะเลไทยรอบเกาะกูดก็เป็นของคนไทย แล้วจะมายกให้เขมรได้อย่างไร
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐเผยติดต่อกับ HTS ก่อนโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด
    แอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่า สหรัฐติดต่อโดยตรงกับกลุ่มก่อการร้าย HTS แม้ว่ายังอยู่ในบัญชีกลุ่มผู้ก่อการร้ายของรัฐบาลสหรัฐก็ตาม

    บลิงเคน แถลงที่จอร์แดน หลังร่วมประชุมกับผู้แทนจากโลกอาหรับ และตุรกี รวมทั้งผู้แทนจากยุโรป เพื่อหารือถึงอนาคตของซีเรีย โดยไม่ให้รัสเซียและอิหร่านเข้าร่วมประชุม

    บลิงเคน ระบุด้วยว่าที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะกำหนดหลักการฟื้นฟูในแนวทางที่นานาชาติต้องการเห็นในกระบวนการส่งผ่านอำนาจที่รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาล
    สหรัฐเผยติดต่อกับ HTS ก่อนโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด แอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่า สหรัฐติดต่อโดยตรงกับกลุ่มก่อการร้าย HTS แม้ว่ายังอยู่ในบัญชีกลุ่มผู้ก่อการร้ายของรัฐบาลสหรัฐก็ตาม บลิงเคน แถลงที่จอร์แดน หลังร่วมประชุมกับผู้แทนจากโลกอาหรับ และตุรกี รวมทั้งผู้แทนจากยุโรป เพื่อหารือถึงอนาคตของซีเรีย โดยไม่ให้รัสเซียและอิหร่านเข้าร่วมประชุม บลิงเคน ระบุด้วยว่าที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะกำหนดหลักการฟื้นฟูในแนวทางที่นานาชาติต้องการเห็นในกระบวนการส่งผ่านอำนาจที่รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาล
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยกเลิก #MOU2544 #JC2544 เร็วที่สุด
    ถ้าโดน #กฎหมายปิดปาก แบบเดิม #ไทย ก็ #เสียดินแดน เสีย #พื้นที่ #ทะเล เสีย #ทรัพยากร ทางทะเลทั้งหมด ทั้ง #อาหารทะเล #น้ำมัน #แร่ธาตุ #พืชน้ำสัตว์น้ำ ฯลฯ

    #ประเทศไทย เคยเสีย #ดินแดน #อาณาเขต #อธิปไตย #เขาพระวิหาร เพราะ กฎหมายปิดปาก คือ การ #เงียบเฉย #ปล่อย และ #ไม่ปฏิเสธ #เส้นแบ่งเขต #พื้นที่ของไทย ที่ #เพื่อนบ้าน #รุกล้ำ เข้ามา #ศาลโลก ตัดสินว่า นั่นคือการ #ยอมรับ แล้ว ทำให้พื้นที่ที่โดนรุกตกเป็นของเพื่อนบ้านไปเลย … ในครั้งนี้ #เขมร กำลังทำแบบเดิม

    ขอถาม #ประชาชน #คนไทย #ทหาร #กองทัพ #กระทรวงการต่างประเทศ จะยังเฉย ยังปล่อย ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว ไม่สนใจ เอาตัวรอด ก้มหน้าทำมาหากินแต่ตัวเอง แบบเดิมๆ อีกไหม?
    #ยกเลิก #MOU2544 #JC2544 เร็วที่สุด ถ้าโดน #กฎหมายปิดปาก แบบเดิม #ไทย ก็ #เสียดินแดน เสีย #พื้นที่ #ทะเล เสีย #ทรัพยากร ทางทะเลทั้งหมด ทั้ง #อาหารทะเล #น้ำมัน #แร่ธาตุ #พืชน้ำสัตว์น้ำ ฯลฯ #ประเทศไทย เคยเสีย #ดินแดน #อาณาเขต #อธิปไตย #เขาพระวิหาร เพราะ กฎหมายปิดปาก คือ การ #เงียบเฉย #ปล่อย และ #ไม่ปฏิเสธ #เส้นแบ่งเขต #พื้นที่ของไทย ที่ #เพื่อนบ้าน #รุกล้ำ เข้ามา #ศาลโลก ตัดสินว่า นั่นคือการ #ยอมรับ แล้ว ทำให้พื้นที่ที่โดนรุกตกเป็นของเพื่อนบ้านไปเลย … ในครั้งนี้ #เขมร กำลังทำแบบเดิม ขอถาม #ประชาชน #คนไทย #ทหาร #กองทัพ #กระทรวงการต่างประเทศ จะยังเฉย ยังปล่อย ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว ไม่สนใจ เอาตัวรอด ก้มหน้าทำมาหากินแต่ตัวเอง แบบเดิมๆ อีกไหม?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่ากองทัพรัสเซียได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของยูเครนอย่างหนัก เพื่อตอบโต้ยูเครนจากการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โจมตีสนามบินทหารใกล้เมืองตากันรอกของรัสเซียเมื่อวันก่อน

    กระทรวงกลาโหมยืนยันว่าการโจมตีตอบโต้ครั้งนี้สามารถโจมตีเป้าหมายได้สำเร็จ

    ทางด้าน Andrii Sybiha รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน เรียกร้องพันธมิตรขออาวุธเพิ่มเป็นการด่วน เพื่อตอบโต้รัสเซียจากการโจมตีด้านพลังงานของยูเครน
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่ากองทัพรัสเซียได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของยูเครนอย่างหนัก เพื่อตอบโต้ยูเครนจากการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โจมตีสนามบินทหารใกล้เมืองตากันรอกของรัสเซียเมื่อวันก่อน กระทรวงกลาโหมยืนยันว่าการโจมตีตอบโต้ครั้งนี้สามารถโจมตีเป้าหมายได้สำเร็จ ทางด้าน Andrii Sybiha รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครน เรียกร้องพันธมิตรขออาวุธเพิ่มเป็นการด่วน เพื่อตอบโต้รัสเซียจากการโจมตีด้านพลังงานของยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน
    ประกอบไปด้วย:

    กระสุนสำหรับ HIMARS
    กระสุนปืนใหญ่ 155 มม. และ 105 มม.
    ขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ความเร็วสูง (HARM)
    โดรนโจมตี
    ยานเกราะต่อต้านทุ่นระเบิด
    ขีปนาวุธต่อสู้รถถัง Javelin และ AT-4
    ขีปนาวุธ TOW
    กระสุนสำหรับอาวุธขนาดเล็ก
    ระเบิดและอุปกรณ์การฝึกอบรม อุปกรณ์และกระสุนสำหรับปฏิบัติการระเบิด อะไหล่ อุปกรณ์เสริม บริการ การฝึกอบรม และยานพาหนะ
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ประกอบไปด้วย: กระสุนสำหรับ HIMARS กระสุนปืนใหญ่ 155 มม. และ 105 มม. ขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ความเร็วสูง (HARM) โดรนโจมตี ยานเกราะต่อต้านทุ่นระเบิด ขีปนาวุธต่อสู้รถถัง Javelin และ AT-4 ขีปนาวุธ TOW กระสุนสำหรับอาวุธขนาดเล็ก ระเบิดและอุปกรณ์การฝึกอบรม อุปกรณ์และกระสุนสำหรับปฏิบัติการระเบิด อะไหล่ อุปกรณ์เสริม บริการ การฝึกอบรม และยานพาหนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เดี๋ยวๆๆ ผู้นำซีเรียตอนนี้คือผู้ก่อการร้ายที่สหรัฐเป็นฝ่ายประกาศเองเลยนะ"
    “เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ซีเรียมีโอกาสมีรัฐบาลที่ไม่ใช่ถูกครอบงำโดยเผด็จการ กลุ่มศาสนา กลุ่มชาติพันธุ์ หรืออำนาจภายนอก เราพร้อมตั้งใจที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรเพื่อชาวซีเรีย”

    — บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
    "เดี๋ยวๆๆ ผู้นำซีเรียตอนนี้คือผู้ก่อการร้ายที่สหรัฐเป็นฝ่ายประกาศเองเลยนะ" “เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ซีเรียมีโอกาสมีรัฐบาลที่ไม่ใช่ถูกครอบงำโดยเผด็จการ กลุ่มศาสนา กลุ่มชาติพันธุ์ หรืออำนาจภายนอก เราพร้อมตั้งใจที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรเพื่อชาวซีเรีย” — บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทเปกล่าวหาจีนขยายการซ้อมรบรอบไต้หวันในเวลานี้ เพื่อขีด “เส้นแดง” ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นการต้อนรับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกา พร้อมตราหน้าปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา” ขณะที่จีนฟาดกลับ บอก “คนนอก” และ “พวกแบ่งแยกดินแดน” กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพช่องแคบไต้หวัน ย้ำพร้อมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
    .
    ไต้หวันกำลังเร่งออกมากล่าวหาว่า จีนกำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีการจำลองสถานการณ์ทั้งการโจมตีเรือต่างชาติเพื่อไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาแทรกแซง และการปิดเส้นทางเดินเรือรอบเกาะไต้หวัน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงเมื่อวันพุธ (11 ธ.ค.)ว่า การที่จีนเพิ่มกิจกรรมทางทหารรอบเกาะไต้หวันเช่นนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา”
    .
    ส่วนเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งของไต้หวันกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ เช่นกันว่า จีนเริ่มวางแผนการซ้อมรบนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อโชว์ว่า จีนสามารถปิดล้อมไต้หวันและ “ขีดเส้นแดง” ห้ามชาติภายนอกเข้ามาล่วงล้ำแทรกแซง ก่อนหน้าที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า
    .
    เจ้าหน้าที่อาวุโสไต้หวันผู้นี้อธิบายว่า ในการซ้อมรบคราวนี้ เรือของกองทัพจีนได้ฝึกซ้อมจำลองการโจมตีเรือต่างชาติที่จะรุกล้ำเข้ามา ขณะที่เรือหน่วยยามฝั่งฝึกการสกัดเรือสินค้า และขัดขวางและปิดกั้นเส้นทางเดินเรือ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้นี้สำทับว่า จีนยังได้ร่วมซ้อมรบกับรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    ไทเประบุว่า การซ้อมรบทางทะเลครั้งนี้ใหญ่กว่าเมื่อปี 2022 ที่ปักกิ่งตอบโต้การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบใหญ่ที่สุดของจีนรอบเกาะไต้หวัน
    .
    ด้าน ชู เสี่ยวหวง นักวิเคราะห์ทางการทหารในไทเป ชี้ว่า การซ้อมรบของจีนเป็นการประกาศความพร้อมในการสู้รบอย่างแท้จริง โดยในทะเลจีนตะวันออกนั้น ดูเหมือนจีนกำลังเตรียมปฏิบัติการทางอากาศขนาดใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเรืออเมริกา ขณะที่การเคลื่อนกองเรือขนาดใหญ่เข้ามาทางตะวันออกของไต้หวัน บ่งชี้ยุทธศาสตร์การปิดล้อมเกาะ ตัดขาดชีพจรทางเศรษฐกิจและทรัพยากรสำคัญ
    .
    กระนั้น เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งของอเมริกา กล่าวว่า เวลานี้จีนเพิ่มการเคลื่อนพลเข้ามาในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้จริงๆ แต่ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการซ้อมรบใหญ่หลายครั้งที่ผ่านมา
    .
    เห็นกันว่าการเยือนประเทศในแถบแปซิฟิกของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันก่อนหน้านี้ ที่มีการแวะที่ฮาวายและเกาะกวมของสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องที่สร้างความเดือดดาลให้ปักกิ่งที่อ้ากรรมสิทธิ์เหนือไต้หวัน
    .
    อย่างไรก็ดี สำหรับฝ่ายปักกิ่งเองนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศจากกองทัพจีนหรือสื่อของทางการปักกิ่ง เกี่ยวกับการเพิ่มกิจกรรมทางทหารอย่างคึกคัก ทั้งในทะเลจีนตะวันออก ช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ หรือมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกคราวนี้
    .
    ปกติแล้วจีนมักประกาศแจ้งล่วงหน้าเรื่องการซ้อมรบ แต่เจ้าหน้าที่ไต้หวันอธิบายว่า การที่ปักกิ่งนิ่งเงียบในครั้งนี้อาจเนื่องมาจากไม่ต้องการบดบังความสำคัญของการประชุมทบทวนผลงานทางเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งเป็นการประชุมแบบปิดลับของพวกผู้นำจีนที่กำหนดจัดขึ้นในวันพุธ (11 )
    .
    สำหรับปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการของปักกิ่งนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธว่า การก่อกวนสันติภาพและเสถียรภาพช่องแคบไต้หวันเป็นงานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ
    .
    เมื่อถูกถามว่า การซ้อมรบเป็นการขีดเส้นแดงก่อนที่ทรัมป์จะกลับสู่ทำเนียบขาวหรือไม่ เหมาตอบว่า ประเด็นไต้หวันถือเป็นเส้นตายในความสัมพันธ์ปักกิ่ง-วอชิงตันที่ไม่ควรก้าวล่วงอยู่แล้ว และเป็นจุดยืนอันถาวรของจีน
    .
    วันเดียวกันนั้น ทางด้าน จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นในระยะนี้ ได้กล่าวตอบว่า จีนจะดำเนินมาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ และสำทับว่า รัฐบาลจีนเพิ่มการเฝ้าระวังแนวโน้มที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันกำลังสมคบคิดกับต่างชาติ
    .
    ไต้หวันระบุว่า จีนเวลานี้กำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยมีการระดมเรือจากองทัพเรือจำนวน 60 ลำและเรือของหน่วยยามฝั่งอีก 30 ลำ เคลื่อนเข้ามาใกล้แนว “ห่วงโซ่เกาะชั้นที่หนึ่ง” ตั้งแต่หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ลงมาจนถึงทะเลจีนใต้
    .
    ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า ในวันพุธได้ตรวจพบเครื่องบินจีนรอบเกาะไต้หวัน 53 ลำ เพิ่มขึ้นจาก 47 ลำเมื่อวันอังคาร
    .
    คาเรน กัว โฆษกสำนักงานประธานาธิบดีไต้หวัน แถลงว่า กิจกรรมทางทหารของจีนเป็นอุปสรรคต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างโจ่งแจ้ง และปักกิ่งควรยุติการยั่วยุทั้งหมดทันที พร้อมย้ำว่า การเดินทางไปต่างประเทศของประธานาธิบดีไต้หวันเป็นธรรมเนียมปกติ และจีนไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างในการยั่วยุ
    .
    วันเดียวกันนั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากฐานทัพอเมริกันในญี่ปุ่นว่า อเมริกากำลังจับตากิจกรรมล่าสุดของจีน และรับประกันว่า จะไม่มีใครทำอะไรที่ทำให้สถานะดั้งเดิมในช่องแคบไต้หวันเปลี่ยนแปลง รวมทั้งจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้ไต้หวันสามารถป้องกันตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119170
    ..............
    Sondhi X
    ไทเปกล่าวหาจีนขยายการซ้อมรบรอบไต้หวันในเวลานี้ เพื่อขีด “เส้นแดง” ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นการต้อนรับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของอเมริกา พร้อมตราหน้าปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา” ขณะที่จีนฟาดกลับ บอก “คนนอก” และ “พวกแบ่งแยกดินแดน” กำลังบ่อนทำลายเสถียรภาพช่องแคบไต้หวัน ย้ำพร้อมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ . ไต้หวันกำลังเร่งออกมากล่าวหาว่า จีนกำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยมีการจำลองสถานการณ์ทั้งการโจมตีเรือต่างชาติเพื่อไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาแทรกแซง และการปิดเส้นทางเดินเรือรอบเกาะไต้หวัน . กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงเมื่อวันพุธ (11 ธ.ค.)ว่า การที่จีนเพิ่มกิจกรรมทางทหารรอบเกาะไต้หวันเช่นนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ปักกิ่งเป็น “ตัวก่อปัญหา” . ส่วนเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งของไต้หวันกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ เช่นกันว่า จีนเริ่มวางแผนการซ้อมรบนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อโชว์ว่า จีนสามารถปิดล้อมไต้หวันและ “ขีดเส้นแดง” ห้ามชาติภายนอกเข้ามาล่วงล้ำแทรกแซง ก่อนหน้าที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้นปีหน้า . เจ้าหน้าที่อาวุโสไต้หวันผู้นี้อธิบายว่า ในการซ้อมรบคราวนี้ เรือของกองทัพจีนได้ฝึกซ้อมจำลองการโจมตีเรือต่างชาติที่จะรุกล้ำเข้ามา ขณะที่เรือหน่วยยามฝั่งฝึกการสกัดเรือสินค้า และขัดขวางและปิดกั้นเส้นทางเดินเรือ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้นี้สำทับว่า จีนยังได้ร่วมซ้อมรบกับรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว . ไทเประบุว่า การซ้อมรบทางทะเลครั้งนี้ใหญ่กว่าเมื่อปี 2022 ที่ปักกิ่งตอบโต้การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้น ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบใหญ่ที่สุดของจีนรอบเกาะไต้หวัน . ด้าน ชู เสี่ยวหวง นักวิเคราะห์ทางการทหารในไทเป ชี้ว่า การซ้อมรบของจีนเป็นการประกาศความพร้อมในการสู้รบอย่างแท้จริง โดยในทะเลจีนตะวันออกนั้น ดูเหมือนจีนกำลังเตรียมปฏิบัติการทางอากาศขนาดใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพเรืออเมริกา ขณะที่การเคลื่อนกองเรือขนาดใหญ่เข้ามาทางตะวันออกของไต้หวัน บ่งชี้ยุทธศาสตร์การปิดล้อมเกาะ ตัดขาดชีพจรทางเศรษฐกิจและทรัพยากรสำคัญ . กระนั้น เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งของอเมริกา กล่าวว่า เวลานี้จีนเพิ่มการเคลื่อนพลเข้ามาในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้จริงๆ แต่ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการซ้อมรบใหญ่หลายครั้งที่ผ่านมา . เห็นกันว่าการเยือนประเทศในแถบแปซิฟิกของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันก่อนหน้านี้ ที่มีการแวะที่ฮาวายและเกาะกวมของสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องที่สร้างความเดือดดาลให้ปักกิ่งที่อ้ากรรมสิทธิ์เหนือไต้หวัน . อย่างไรก็ดี สำหรับฝ่ายปักกิ่งเองนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศจากกองทัพจีนหรือสื่อของทางการปักกิ่ง เกี่ยวกับการเพิ่มกิจกรรมทางทหารอย่างคึกคัก ทั้งในทะเลจีนตะวันออก ช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ หรือมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกคราวนี้ . ปกติแล้วจีนมักประกาศแจ้งล่วงหน้าเรื่องการซ้อมรบ แต่เจ้าหน้าที่ไต้หวันอธิบายว่า การที่ปักกิ่งนิ่งเงียบในครั้งนี้อาจเนื่องมาจากไม่ต้องการบดบังความสำคัญของการประชุมทบทวนผลงานทางเศรษฐกิจประจำปี ซึ่งเป็นการประชุมแบบปิดลับของพวกผู้นำจีนที่กำหนดจัดขึ้นในวันพุธ (11 ) . สำหรับปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการของปักกิ่งนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธว่า การก่อกวนสันติภาพและเสถียรภาพช่องแคบไต้หวันเป็นงานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ . เมื่อถูกถามว่า การซ้อมรบเป็นการขีดเส้นแดงก่อนที่ทรัมป์จะกลับสู่ทำเนียบขาวหรือไม่ เหมาตอบว่า ประเด็นไต้หวันถือเป็นเส้นตายในความสัมพันธ์ปักกิ่ง-วอชิงตันที่ไม่ควรก้าวล่วงอยู่แล้ว และเป็นจุดยืนอันถาวรของจีน . วันเดียวกันนั้น ทางด้าน จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารที่เพิ่มขึ้นในระยะนี้ ได้กล่าวตอบว่า จีนจะดำเนินมาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ และสำทับว่า รัฐบาลจีนเพิ่มการเฝ้าระวังแนวโน้มที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันกำลังสมคบคิดกับต่างชาติ . ไต้หวันระบุว่า จีนเวลานี้กำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี โดยมีการระดมเรือจากองทัพเรือจำนวน 60 ลำและเรือของหน่วยยามฝั่งอีก 30 ลำ เคลื่อนเข้ามาใกล้แนว “ห่วงโซ่เกาะชั้นที่หนึ่ง” ตั้งแต่หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ลงมาจนถึงทะเลจีนใต้ . ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า ในวันพุธได้ตรวจพบเครื่องบินจีนรอบเกาะไต้หวัน 53 ลำ เพิ่มขึ้นจาก 47 ลำเมื่อวันอังคาร . คาเรน กัว โฆษกสำนักงานประธานาธิบดีไต้หวัน แถลงว่า กิจกรรมทางทหารของจีนเป็นอุปสรรคต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างโจ่งแจ้ง และปักกิ่งควรยุติการยั่วยุทั้งหมดทันที พร้อมย้ำว่า การเดินทางไปต่างประเทศของประธานาธิบดีไต้หวันเป็นธรรมเนียมปกติ และจีนไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างในการยั่วยุ . วันเดียวกันนั้น ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากฐานทัพอเมริกันในญี่ปุ่นว่า อเมริกากำลังจับตากิจกรรมล่าสุดของจีน และรับประกันว่า จะไม่มีใครทำอะไรที่ทำให้สถานะดั้งเดิมในช่องแคบไต้หวันเปลี่ยนแปลง รวมทั้งจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้ไต้หวันสามารถป้องกันตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000119170 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 673 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨ข้อมูลที่อันตรายและน่าเป็นห่วงสำหรับมุสลิม แต่เพื่อความสัตย์จริงและประวัติศาสตร์ ผมต้องเผยแพร่มันเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของอัล-โจลานี เพราะเขาเป็น #ยิว และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนิติศาสตร์อิสลามใน #เทลอาวีฟ! ● ฉากทัศน์เวอร์ชันใหม่ของไซออนิสต์ สำหรับ โจลานี Mohammad al-Jolani ซึ่งปัจจุบันในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย HTS ( Tahrir al-Sham ) ในซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสื่อในเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดกิจกรรมของเขาในกลุ่มก่อการร้าย เขาสามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของระบอบไซออนิสต์ในตะวันออกกลางตามความต้องการของประเทศตะวันตกอย่างดีเยี่ยมปัจจุบันเขาปรากฏอยู่ในสื่อไซออนิสต์ด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยม ร่วมสนทนา และมีอารยธรรม เป็นคนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤษภาคม 2013 และสี่ปีต่อมาตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมของเขาเขามีชื่อเล่นว่า Al-Jolani มาจากชื่อของที่ราบสูงโกลัน ซึ่งระบอบไซออนิสต์ยึดครองและผนวกเข้ากับอาณาเขตของตนในสงครามปี 1967เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2014 โจลานีอ้างว่าเขาจะต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เขาถอนตัวออกจากจุดยืนดังกล่าวและประกาศในการให้สัมภาษณ์ว่า ตาห์รีร์ อัล-ชาม #ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา และได้เรียกร้องรัฐบาลอเมริกา เพื่อลบกลุ่มนี้ออกจากบัญชีรายการผู้ก่อการร้าย● โจลานี และมรดกของอเมริกาสำหรับภูมิภาคนี้ในปี 2033 โจลานีเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักภายใต้การนำของอาบู มัซอับ อัล-ซาร์กาวี เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตำแหน่งอัลกออิดะห์ในอิรัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดของ Abu Musab al-Zarqawi ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรนี้ในขณะนั้นการปรากฏตัวของโจลานีในองค์กรอัลกออิดะห์ในฐานะมรดกของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เชื่อมโยงโจลานีกับนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์แม้ว่าอเมริกาจะเผชิญหน้ากับอัลกออิดะห์อย่างชัดเจน แต่ความสัมพันธ์เบื้องหลังผู้นำหลักของอัลกออิดะห์กับหน่วยข่าวกรองอเมริกันยังคงมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลา และเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ ควรกล่าวได้ว่าการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและรุนแรงของอัลกออิดะห์ มีมากกว่าการโจมตีชาติตะวันตก เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตะวันตก และได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรณรงค์ของอเมริกาและพันธมิตรในตะวันออกกลางโดยอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย● การบริการที่ดีเยี่ยมของ โจลานี ให้กับอเมริกาในขบวนการ ISISหลังจากการก่อตั้งอัลกออิดะห์ การสร้าง ISIS ก็ถูกจัดให้อยู่ในวาระนโยบายของอเมริกา ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า เราสร้าง ISIS ด้วยตัวเราเองอย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ISIS เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับการบริการและการรับใช้ที่ดีของ โจลานีต่อนโยบายของอเมริกา เขาจึงเปิดสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้ชื่อ Jabhat al-Nusra และรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้การนำของ Abu Bakr al-Baghdadi และ al-Baghdadi ได้ช่วยเหลือ โจลานี ด้วยการจัดหานักรบ อาวุธ และเงิน ในเดือนมกราคม 2012 อัล-โจลานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแนวร่วมอัล-นุสรา● ญับฮะตุล อัล-นุสเราะห์ จะเป็นที่รู้จักในนาม ญับฮะตุล ตาห์รีร์ อัลชามในปี 2016 โจลานีประกาศว่าต่อจากนี้ไป Jabhat al-Nusra จะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jabhat Tahrir al-Shamการเปลี่ยนชื่อองค์กรที่โจลานีเป็นหัวหน้ายังคงเป็นการสานต่อนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์ และเป็นปฐมบทจนกระทั่งในที่สุด กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีซีเรียด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ เช่น โดรนพิฆาต เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ การหยุดยิงระหว่างระบอบไซออนิสต์กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ทำให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับความร่วมมือขององค์กรก่อการร้ายเหล่านี้กับระบอบไซออนิสต์● โจลานี เปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่โซฮาอิล คาริมี ผู้สร้างสารคดีแนวต่อต้านกล่าวในการสนทนากับ “ดานา” ว่า “โจลานีได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายแห่งกาลเวลาตั้งแต่เริ่มกิจกรรมก่อการร้ายในทุกแง่มุม และเขาได้เปลี่ยนสีและใบหน้าของเขาเพื่อให้สนองตามข้อเรียกร้องของอเมริกา-ไซออนิสต์" เขากล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น บิน ลาเดน มีความคิดบางอย่าง และเขาได้เริ่มต้นชีวิตนักรบญิฮาดตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด แต่คนอย่างโจลานีเปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ๆตลอดเวลาคาริมี กล่าวเสริมโดยชี้ให้เห็นว่า โจลานี มีความสอดคล้องกับความคิดของขบวนการภราดรภาพ ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากซัดดัมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านขบวนการต่อสู้ กลุ่มภราดรภาพจึงเริ่มก่อกบฏในซีเรีย และต่อมา โจลานีก็เข้าร่วมความคิดเหล่านี้และเติบโตไปพร้อมกับมุมมองของลัทธิซาลาฟีตักฟีรีย์ เขากล่าวเสริมว่า : เมื่อบุคคล เช่น Abu Musab al-Zarqawi เริ่มกิจกรรมการก่อการร้ายของเขา โจลานีก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับอัลกออิดะห์ และขัดแย้งกับ Abu Bakr al-Baghdadi จึงหันมาสร้างกลุ่ม Jabhat al-Nusra ขึ้นมา ซึ่งมันคือกลุ่ม Tahrir al-Sham ในเวลาต่อเวลา คาริมี ชี้ให้เห็นว่า โจลานีไม่เคยเป็นบุคคลที่เป็นอิสระในชีวิตการต่อสู้ของเขา และนำนโยบายตะวันตกในภูมิภาคนี้มาปฏิบัติเสมอมาในฐานะเสาหลักไซออนิสต์-อเมริกา คาริมีกล่าวเสริมว่า: วันหนึ่งเขาใช้ชีวิตตามคำสั่งและสถานการณ์ของเจ้านายของเขา และวันหนึ่งเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยมือที่ถือดอกกุหลาบแต่ตอนนี้เราต้องรอดูชะตากรรมที่นโยบายไซออนิสต์-อเมริกา ว่าจะกำหนดให้กับโมฮัมหมัด อัล-โจลานี อย่างไรแต่อาจจะเป็นชะตากรรมที่วันหนึ่งอเมริกากำหนดไว้สำหรับบิน ลาเดน, อาบู บักร์ อัล-แบกดาดี, อัล-ซาร์กาวี, ซัดดัม ฮุสเซน, มูฮัมหมัด มอร์ซี, กัดดาฟี และหุ่นเชิดอื่นๆ อีกมากมายในภูมิภาคนี้#โจลานีเป็นตัวแทนไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งพี่น้องจะเห็นบทบาทของเขาในฐานะหุ่นเชิดของไซออนิสต์ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
    🚨ข้อมูลที่อันตรายและน่าเป็นห่วงสำหรับมุสลิม แต่เพื่อความสัตย์จริงและประวัติศาสตร์ ผมต้องเผยแพร่มันเกี่ยวกับสัญชาติที่แท้จริงของอัล-โจลานี เพราะเขาเป็น #ยิว และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนิติศาสตร์อิสลามใน #เทลอาวีฟ! ● ฉากทัศน์เวอร์ชันใหม่ของไซออนิสต์ สำหรับ โจลานี Mohammad al-Jolani ซึ่งปัจจุบันในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ก่อการร้าย HTS ( Tahrir al-Sham ) ในซีเรียได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสื่อในเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งตลอดกิจกรรมของเขาในกลุ่มก่อการร้าย เขาสามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของระบอบไซออนิสต์ในตะวันออกกลางตามความต้องการของประเทศตะวันตกอย่างดีเยี่ยมปัจจุบันเขาปรากฏอยู่ในสื่อไซออนิสต์ด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยม ร่วมสนทนา และมีอารยธรรม เป็นคนที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายในเดือนพฤษภาคม 2013 และสี่ปีต่อมาตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์สำหรับบุคคลที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมของเขาเขามีชื่อเล่นว่า Al-Jolani มาจากชื่อของที่ราบสูงโกลัน ซึ่งระบอบไซออนิสต์ยึดครองและผนวกเข้ากับอาณาเขตของตนในสงครามปี 1967เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2014 โจลานีอ้างว่าเขาจะต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เขาถอนตัวออกจากจุดยืนดังกล่าวและประกาศในการให้สัมภาษณ์ว่า ตาห์รีร์ อัล-ชาม #ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา และได้เรียกร้องรัฐบาลอเมริกา เพื่อลบกลุ่มนี้ออกจากบัญชีรายการผู้ก่อการร้าย● โจลานี และมรดกของอเมริกาสำหรับภูมิภาคนี้ในปี 2033 โจลานีเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักภายใต้การนำของอาบู มัซอับ อัล-ซาร์กาวี เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตำแหน่งอัลกออิดะห์ในอิรัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดของ Abu Musab al-Zarqawi ซึ่งเป็นผู้นำขององค์กรนี้ในขณะนั้นการปรากฏตัวของโจลานีในองค์กรอัลกออิดะห์ในฐานะมรดกของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เชื่อมโยงโจลานีกับนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์แม้ว่าอเมริกาจะเผชิญหน้ากับอัลกออิดะห์อย่างชัดเจน แต่ความสัมพันธ์เบื้องหลังผู้นำหลักของอัลกออิดะห์กับหน่วยข่าวกรองอเมริกันยังคงมีการติดต่ออยู่ตลอดเวลา และเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ ควรกล่าวได้ว่าการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและรุนแรงของอัลกออิดะห์ มีมากกว่าการโจมตีชาติตะวันตก เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติตะวันตก และได้เตรียมพื้นที่สำหรับการรณรงค์ของอเมริกาและพันธมิตรในตะวันออกกลางโดยอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย● การบริการที่ดีเยี่ยมของ โจลานี ให้กับอเมริกาในขบวนการ ISISหลังจากการก่อตั้งอัลกออิดะห์ การสร้าง ISIS ก็ถูกจัดให้อยู่ในวาระนโยบายของอเมริกา ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า เราสร้าง ISIS ด้วยตัวเราเองอย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ ISIS เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับการบริการและการรับใช้ที่ดีของ โจลานีต่อนโยบายของอเมริกา เขาจึงเปิดสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้ชื่อ Jabhat al-Nusra และรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็นสาขาของ ISIS ในซีเรียภายใต้การนำของ Abu Bakr al-Baghdadi และ al-Baghdadi ได้ช่วยเหลือ โจลานี ด้วยการจัดหานักรบ อาวุธ และเงิน ในเดือนมกราคม 2012 อัล-โจลานีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแนวร่วมอัล-นุสรา● ญับฮะตุล อัล-นุสเราะห์ จะเป็นที่รู้จักในนาม ญับฮะตุล ตาห์รีร์ อัลชามในปี 2016 โจลานีประกาศว่าต่อจากนี้ไป Jabhat al-Nusra จะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jabhat Tahrir al-Shamการเปลี่ยนชื่อองค์กรที่โจลานีเป็นหัวหน้ายังคงเป็นการสานต่อนโยบายอเมริกัน-ไซออนิสต์ และเป็นปฐมบทจนกระทั่งในที่สุด กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้โจมตีซีเรียด้วยอุปกรณ์ชนิดใหม่ เช่น โดรนพิฆาต เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศ การหยุดยิงระหว่างระบอบไซออนิสต์กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ทำให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับความร่วมมือขององค์กรก่อการร้ายเหล่านี้กับระบอบไซออนิสต์● โจลานี เปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่โซฮาอิล คาริมี ผู้สร้างสารคดีแนวต่อต้านกล่าวในการสนทนากับ “ดานา” ว่า “โจลานีได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นบุตรชายแห่งกาลเวลาตั้งแต่เริ่มกิจกรรมก่อการร้ายในทุกแง่มุม และเขาได้เปลี่ยนสีและใบหน้าของเขาเพื่อให้สนองตามข้อเรียกร้องของอเมริกา-ไซออนิสต์" เขากล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายเช่น บิน ลาเดน มีความคิดบางอย่าง และเขาได้เริ่มต้นชีวิตนักรบญิฮาดตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด แต่คนอย่างโจลานีเปลี่ยนสีทุกวันและปรากฏตัวพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ๆตลอดเวลาคาริมี กล่าวเสริมโดยชี้ให้เห็นว่า โจลานี มีความสอดคล้องกับความคิดของขบวนการภราดรภาพ ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากซัดดัมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆ ที่ต่อต้านขบวนการต่อสู้ กลุ่มภราดรภาพจึงเริ่มก่อกบฏในซีเรีย และต่อมา โจลานีก็เข้าร่วมความคิดเหล่านี้และเติบโตไปพร้อมกับมุมมองของลัทธิซาลาฟีตักฟีรีย์ เขากล่าวเสริมว่า : เมื่อบุคคล เช่น Abu Musab al-Zarqawi เริ่มกิจกรรมการก่อการร้ายของเขา โจลานีก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับอัลกออิดะห์ และขัดแย้งกับ Abu Bakr al-Baghdadi จึงหันมาสร้างกลุ่ม Jabhat al-Nusra ขึ้นมา ซึ่งมันคือกลุ่ม Tahrir al-Sham ในเวลาต่อเวลา คาริมี ชี้ให้เห็นว่า โจลานีไม่เคยเป็นบุคคลที่เป็นอิสระในชีวิตการต่อสู้ของเขา และนำนโยบายตะวันตกในภูมิภาคนี้มาปฏิบัติเสมอมาในฐานะเสาหลักไซออนิสต์-อเมริกา คาริมีกล่าวเสริมว่า: วันหนึ่งเขาใช้ชีวิตตามคำสั่งและสถานการณ์ของเจ้านายของเขา และวันหนึ่งเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยมือที่ถือดอกกุหลาบแต่ตอนนี้เราต้องรอดูชะตากรรมที่นโยบายไซออนิสต์-อเมริกา ว่าจะกำหนดให้กับโมฮัมหมัด อัล-โจลานี อย่างไรแต่อาจจะเป็นชะตากรรมที่วันหนึ่งอเมริกากำหนดไว้สำหรับบิน ลาเดน, อาบู บักร์ อัล-แบกดาดี, อัล-ซาร์กาวี, ซัดดัม ฮุสเซน, มูฮัมหมัด มอร์ซี, กัดดาฟี และหุ่นเชิดอื่นๆ อีกมากมายในภูมิภาคนี้#โจลานีเป็นตัวแทนไซออนิสต์ในภูมิภาค ซึ่งพี่น้องจะเห็นบทบาทของเขาในฐานะหุ่นเชิดของไซออนิสต์ในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ส่งเสียงเตือนไปยังสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกระพือสงครามการค้ารอบใหม่ ระบุจะ "ไม่มีผู้ชนะ" แม้ในขณะเดียวกันผู้นำรายนี้ประกาศกร้าวจะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
    .
    ประธานธิบดีสี แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ระหว่างพบปะกับเหล่าผู้นำสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงเวิลด์แบงก์ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หนึ่งวันหลังจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของจีน แถลงสืบสวนบริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ฐานต้องสงสัยละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    .
    การตรวจสอบดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญในการต่อสู้ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อครองความเป็นเจ้าปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเชื่อว่ามีความสำคัญยิ่งสำหรับปกป้องความมั่นคงของชาติ แม้กระทั่งก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวก็ตาม
    .
    "สงครามรีดภาษี สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีล้วนแต่สวนทางกับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์และกฎหมายทางเศรษฐกิจ และจะไม่มีผู้ชนะ" สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี สื่อมวลชนหแงรัฐของจีน รายงานโดยอ้างคำกล่าวของสี
    .
    สี บอกต่อว่า "การปิดกั้นลานบ้านเล็กๆ ด้วยกำแพงสูงลิ่ว การแยกและทำลายห่วงโซ่อุปทาน จะสร้างความเจ็บปวดแก่คนอื่นๆ และไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง จีนเชื่อเสมอว่าถ้าจีนดีโลกก็ดีด้วย และเมื่อโลกดี จีนก็ดียิ่งขึ้นไปอีก" เขากล่าว
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เคยใช้คำพูดเกี่ยวกับ "ลานบ้านเล็กๆ และกำแพงสูง" จำกัดความยุทธศาสตร์หนึ่งที่จะเปิดทางให้การค้าส่วนใหญ่กับจีนดำเนินไปตามปกติ แต่จะกำหนดข้อจำกัดกับสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ อย่างเช่นเซมิคอนดัคเตอร์ ที่เชื่อว่าอาจถูกนำไปใช้งานด้านการทหาร
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไบเดน แถลงมาตรการควบคุมการส่งออกรอบที่ 3 ในรอบหลายปี จำกัดปักกิ่งจากการเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายสิบรุ่นและชิปความจำล้ำสมัย เช่นเดียวกับกำหนดมาตรการควบคุมบริษัทจีนมากกว่า 100 แห่ง
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า จีนจะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอีก 10% เพิ่มเติมจากระดับภาษีใดๆ ในปัจจุบัน จนกว่าปักกิ่งจะสกัดไม่ให้กระแสยาผิดกฎหมายไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซี ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ทรัมป์ บอกว่าเขาและสี "ได้พูดคุยสื่อสารกัน" ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ขณะที่โฆษกระทรวงการต่างประเทศจีน ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธใดๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการสนทนาระหว่าง 2 ฝ่าย
    .
    จึง พึ่งพิงการส่งออก โดยเฉพาะกับคู่ค้ารายใหญ่อย่างเช่นสหรัฐฯ เป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในระหว่างที่อุปสงค์ภายในประเทศดำดิ่ง สืบเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยข้อมูลของทางการที่เผยแพร่ออกมาในวันอังคาร (10 ธ.ค.) พบว่าการส่งออกลดลงอย่างมาก ส่วนการนำเข้าก็หดตัวอย่างไม่คาดคิดเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118740
    ..............
    Sondhi X
    สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ส่งเสียงเตือนไปยังสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกระพือสงครามการค้ารอบใหม่ ระบุจะ "ไม่มีผู้ชนะ" แม้ในขณะเดียวกันผู้นำรายนี้ประกาศกร้าวจะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ . ประธานธิบดีสี แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร (10 ธ.ค.) ระหว่างพบปะกับเหล่าผู้นำสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง ในนั้นรวมถึงเวิลด์แบงก์ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หนึ่งวันหลังจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของจีน แถลงสืบสวนบริษัทเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ฐานต้องสงสัยละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด . การตรวจสอบดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญในการต่อสู้ที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อครองความเป็นเจ้าปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งทั้งวอชิงตันและปักกิ่งเชื่อว่ามีความสำคัญยิ่งสำหรับปกป้องความมั่นคงของชาติ แม้กระทั่งก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวก็ตาม . "สงครามรีดภาษี สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีล้วนแต่สวนทางกับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์และกฎหมายทางเศรษฐกิจ และจะไม่มีผู้ชนะ" สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี สื่อมวลชนหแงรัฐของจีน รายงานโดยอ้างคำกล่าวของสี . สี บอกต่อว่า "การปิดกั้นลานบ้านเล็กๆ ด้วยกำแพงสูงลิ่ว การแยกและทำลายห่วงโซ่อุปทาน จะสร้างความเจ็บปวดแก่คนอื่นๆ และไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง จีนเชื่อเสมอว่าถ้าจีนดีโลกก็ดีด้วย และเมื่อโลกดี จีนก็ดียิ่งขึ้นไปอีก" เขากล่าว . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เคยใช้คำพูดเกี่ยวกับ "ลานบ้านเล็กๆ และกำแพงสูง" จำกัดความยุทธศาสตร์หนึ่งที่จะเปิดทางให้การค้าส่วนใหญ่กับจีนดำเนินไปตามปกติ แต่จะกำหนดข้อจำกัดกับสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ อย่างเช่นเซมิคอนดัคเตอร์ ที่เชื่อว่าอาจถูกนำไปใช้งานด้านการทหาร . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไบเดน แถลงมาตรการควบคุมการส่งออกรอบที่ 3 ในรอบหลายปี จำกัดปักกิ่งจากการเข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายสิบรุ่นและชิปความจำล้ำสมัย เช่นเดียวกับกำหนดมาตรการควบคุมบริษัทจีนมากกว่า 100 แห่ง . ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า จีนจะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอีก 10% เพิ่มเติมจากระดับภาษีใดๆ ในปัจจุบัน จนกว่าปักกิ่งจะสกัดไม่ให้กระแสยาผิดกฎหมายไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซี ที่ออกอากาศในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ทรัมป์ บอกว่าเขาและสี "ได้พูดคุยสื่อสารกัน" ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ขณะที่โฆษกระทรวงการต่างประเทศจีน ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธใดๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการสนทนาระหว่าง 2 ฝ่าย . จึง พึ่งพิงการส่งออก โดยเฉพาะกับคู่ค้ารายใหญ่อย่างเช่นสหรัฐฯ เป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในระหว่างที่อุปสงค์ภายในประเทศดำดิ่ง สืบเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยข้อมูลของทางการที่เผยแพร่ออกมาในวันอังคาร (10 ธ.ค.) พบว่าการส่งออกลดลงอย่างมาก ส่วนการนำเข้าก็หดตัวอย่างไม่คาดคิดเมื่อเดือนที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118740 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 623 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ สื่อมวลชนรัสเซีย รายงาน สหรัฐฯ กางปีกปกป้องปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่รุกรานเข้าสู่ซีเรีย โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ถึงขั้นเน้นย้ำว่ามันเป็นปฏิบัติการปกป้องตนเอง และอ้างด้วยว่าการรุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลันนั้น ก็เพื่อสกัดการจู่โจมของพวกนักรบที่มีแหล่งกบดานในซีเรีย
    .
    อาร์ทีนิวส์รายงานว่าระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (9 ธ.ค.) แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างว่าที่กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (ไอดีเอฟ) รุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลัน ในทางฝั่งของซีเรียนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักรบที่มีแหล่งกบดานในซีเรียเข้าควบคุมดินแดนต่างๆ ตามแนวชายแดนและเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่อิสราเอลในอนาคต
    .
    คำแก้ต่างของมิลเลอร์ มีขึ้นหลังจากกองกำลังอิสราเอลอาศัยภาวะสุญญากาศทางอำนาจในซีเรีย เคลื่อนพลเข้าสู่เขตกันชนในดินแดนยึดครองที่ราบสูงโกลันเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) หลังจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียบุกยึดกรุงดามัสกัสและบีบให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด หลบหนีออกนอกประเทศ
    .
    จากนั้นในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) กองกำลังอิสราเอลเดินหน้ารุกรานเพิ่มเติมเลยเขตกันชน และเข้าสู่เขตแดนของซีเรีย ในขณะที่ อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล อ้างว่าพวกเขามีเจตนาเพียงสร้าง "พื้นที่ความมั่นคงใหม่" ที่จะปราศจาก "อาวุธทางยุทธศาสตร์หนักและโครงสร้างพื้นฐานของพวกก่อการร้าย"
    .
    มิลเลอร์ อ้างว่าด้วยที่กองทัพซีเรียละทิ้งฐานที่มั่นในพื้นที่รอบๆ เขตกันชน "จึงมีความเป็นไปได้ว่ามันจะก่อสุญญากาศ ที่อาจเปิดทางให้พวกองค์กรก่อการร้ายต่างๆ ฉวยโอกาสเข้ามาเติมเต็ม"
    .
    "มันจะเป็นภัยคุกคามต่อรัฐอิสราเอลและจะคุกคามพลเรือนภายในอิสราเอล ทุกประเทศมีสิทธิดำเนินการกับองค์กรก่อการร้ายทั้งหลาย" มิลเลอร์เน้นย้ำ พร้อมระบุว่า "ที่สุดแล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีความมั่นคงตามแนวชายแดน และกองทัพอิสราเอลสามารถรับประกันได้แล้วในตอนนี้"
    .
    อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ เน้นว่าวอชิงตันคาดหมายว่าการรุกรานของอิสราเอลจะเป็นเพียงชั่วคราว "นี่เป็นปฏิบัติการเพียงชั่วคราวที่ดำเนินการตอบสนองความเคลื่อนไหวของกองทัพซีเรียที่ถอนกำลังออกไปจากพื้นที่"
    .
    "เราต้องการเห็นข้อตกลงถอนทัพปี 1974 ได้รับการยึดถือ และในนั้นรวมถึงเงื่อนไขของเขตกันชน ซึ่งรวมถึงการที่อิสราเอลถอนกำลังกลับไปยังฐานที่มั่นก่อนหน้านี้" เขากล่าวอ้างถึงข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับซีเรียปี 1974 ที่จัดตั้งเขตปลอดทหารในที่ราบสูงโกลัน
    .
    อาร์ทีนิวส์ ระบุว่าคำพูดของ มิลเลอร์ ดูเหมือนจะสวนทางกับคำกล่าวก่อนหน้านี้ของ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดยแม้อิสราเอลจะบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าการรุกรานเข้าสู่ซีเรีย เป็น "มาตรการที่จำกัดและเพียงชั่วคราว" แต่ระหว่างการแถลงข่าวในค่ำคืนวันจันทร์ (9 ธ.ค.) เนทันยาฮู ประกาศกร้าวว่า "ที่ราบสูงโกลันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของรัฐอิสราเอลไปตลอดกาล"
    .
    ก่อนหน้านี้ เขาอ้างว่าข้อตกลงจัดตั้งเขตปลอดทหารระหว่างอิสราเอลกับซีเรียนั้น เท่ากับ "พังครืนลงแล้ว" เนื่องจากทหารซีเรียละทิ้งฐานที่มั่นของตนเองในเขตกันชน
    .
    สหประชาชาติวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลต่อการรุกรานครั้งนี้ บอกว่ามันละเมิดข้อตกลงถอนกำลัง และเน้นย้ำว่า "ไม่ควรมีกำลังทหารและความเคลื่อนไหวใดในพื้นที่ดินแดนแยกแห่งนี้" นอกจากนี้ บรรดาชาติตะวันออกกลางหลายประเทศ ก็ประณามการรุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลันของอิสราเอลเช่นกัน กล่าวหาอิสราเอลจัดฉากยึดดินแดนอย่างผิดกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118737
    ..............
    Sondhi X
    สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ สื่อมวลชนรัสเซีย รายงาน สหรัฐฯ กางปีกปกป้องปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่รุกรานเข้าสู่ซีเรีย โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ถึงขั้นเน้นย้ำว่ามันเป็นปฏิบัติการปกป้องตนเอง และอ้างด้วยว่าการรุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลันนั้น ก็เพื่อสกัดการจู่โจมของพวกนักรบที่มีแหล่งกบดานในซีเรีย . อาร์ทีนิวส์รายงานว่าระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (9 ธ.ค.) แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างว่าที่กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (ไอดีเอฟ) รุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลัน ในทางฝั่งของซีเรียนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักรบที่มีแหล่งกบดานในซีเรียเข้าควบคุมดินแดนต่างๆ ตามแนวชายแดนและเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่อิสราเอลในอนาคต . คำแก้ต่างของมิลเลอร์ มีขึ้นหลังจากกองกำลังอิสราเอลอาศัยภาวะสุญญากาศทางอำนาจในซีเรีย เคลื่อนพลเข้าสู่เขตกันชนในดินแดนยึดครองที่ราบสูงโกลันเมื่อวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) หลังจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียบุกยึดกรุงดามัสกัสและบีบให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด หลบหนีออกนอกประเทศ . จากนั้นในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) กองกำลังอิสราเอลเดินหน้ารุกรานเพิ่มเติมเลยเขตกันชน และเข้าสู่เขตแดนของซีเรีย ในขณะที่ อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล อ้างว่าพวกเขามีเจตนาเพียงสร้าง "พื้นที่ความมั่นคงใหม่" ที่จะปราศจาก "อาวุธทางยุทธศาสตร์หนักและโครงสร้างพื้นฐานของพวกก่อการร้าย" . มิลเลอร์ อ้างว่าด้วยที่กองทัพซีเรียละทิ้งฐานที่มั่นในพื้นที่รอบๆ เขตกันชน "จึงมีความเป็นไปได้ว่ามันจะก่อสุญญากาศ ที่อาจเปิดทางให้พวกองค์กรก่อการร้ายต่างๆ ฉวยโอกาสเข้ามาเติมเต็ม" . "มันจะเป็นภัยคุกคามต่อรัฐอิสราเอลและจะคุกคามพลเรือนภายในอิสราเอล ทุกประเทศมีสิทธิดำเนินการกับองค์กรก่อการร้ายทั้งหลาย" มิลเลอร์เน้นย้ำ พร้อมระบุว่า "ที่สุดแล้ว มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีความมั่นคงตามแนวชายแดน และกองทัพอิสราเอลสามารถรับประกันได้แล้วในตอนนี้" . อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ เน้นว่าวอชิงตันคาดหมายว่าการรุกรานของอิสราเอลจะเป็นเพียงชั่วคราว "นี่เป็นปฏิบัติการเพียงชั่วคราวที่ดำเนินการตอบสนองความเคลื่อนไหวของกองทัพซีเรียที่ถอนกำลังออกไปจากพื้นที่" . "เราต้องการเห็นข้อตกลงถอนทัพปี 1974 ได้รับการยึดถือ และในนั้นรวมถึงเงื่อนไขของเขตกันชน ซึ่งรวมถึงการที่อิสราเอลถอนกำลังกลับไปยังฐานที่มั่นก่อนหน้านี้" เขากล่าวอ้างถึงข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับซีเรียปี 1974 ที่จัดตั้งเขตปลอดทหารในที่ราบสูงโกลัน . อาร์ทีนิวส์ ระบุว่าคำพูดของ มิลเลอร์ ดูเหมือนจะสวนทางกับคำกล่าวก่อนหน้านี้ของ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โดยแม้อิสราเอลจะบอกกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าการรุกรานเข้าสู่ซีเรีย เป็น "มาตรการที่จำกัดและเพียงชั่วคราว" แต่ระหว่างการแถลงข่าวในค่ำคืนวันจันทร์ (9 ธ.ค.) เนทันยาฮู ประกาศกร้าวว่า "ที่ราบสูงโกลันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของรัฐอิสราเอลไปตลอดกาล" . ก่อนหน้านี้ เขาอ้างว่าข้อตกลงจัดตั้งเขตปลอดทหารระหว่างอิสราเอลกับซีเรียนั้น เท่ากับ "พังครืนลงแล้ว" เนื่องจากทหารซีเรียละทิ้งฐานที่มั่นของตนเองในเขตกันชน . สหประชาชาติวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลต่อการรุกรานครั้งนี้ บอกว่ามันละเมิดข้อตกลงถอนกำลัง และเน้นย้ำว่า "ไม่ควรมีกำลังทหารและความเคลื่อนไหวใดในพื้นที่ดินแดนแยกแห่งนี้" นอกจากนี้ บรรดาชาติตะวันออกกลางหลายประเทศ ก็ประณามการรุกคืบเข้าสู่ที่ราบสูงโกลันของอิสราเอลเช่นกัน กล่าวหาอิสราเอลจัดฉากยึดดินแดนอย่างผิดกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118737 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวัน ยกระดับเตือนภัย หลังจีนประกาศพื้นที่สงวนทางอากาศ รวมถึงประจำการเรือกองทัพเรือและยามชายฝั่ง ในสิ่งที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเรียกว่าเป็นการซ้อมรบทางทหารครั้งแรก ที่ครอบคลุมทั่วน่านน้ำอันกว้างขวางในภูมิภาคแถบนี้
    .
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของไต้หวัน บอกว่าจีนมีเรือของกองทัพเรือและเรือยามชายฝั่งเกือบ 90 ลำ อยู่ใกล้กับไต้หวัน หมู่เกาะต่างๆทางใต้ของญี่ปุ่น ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งราวๆ 2 ใน 3 เป็นเรือของกองทัพเรือ
    .
    กระทรวงกลาโหมของปักกิ่งยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความคาดหมายว่า จีน ที่กล่าวอ้างว่า ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จะทำการซ้อมรบอีกรอบ ตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ เดินทางเยือนแปซิฟิก ในนั้นรวมถึงหยุดพักในฮาวายและกวม ดินแดนของสหรัฐฯ รอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวด้านความมั่นคง
    .
    จีน กำหนดพื้นที่สงวนทางอากาศชั่วคราวจนถึงวันพุธ(11ธ.ค.) ครอบคลุมมณฑลต่างๆทางตะวันออกอย่างเช่นฟูเจี้ยนและเจ้อเจียง กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในถ้อยแถลง
    .
    ปกติแล้วพื้นที่ลักษณะดังกล่าวเป็นการจัดสรรไว้สำหรับใช้งานอย่างเจาะจงในช่วงเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ แต่เครื่องบินอื่นๆก็อาจสามารถบินผ่านไปได้หากได้รับอนุญาต ภายใต้กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
    .
    ประกาศแจ้งภารกิจทางอากาศที่ออกโดยจีน ได้ให้พิกัด 7 พื้นที่ ซึ่งใน 2 ในนั้น อยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ที่หันหน้าเข้าให้ไต้หวัน แต่มันอยู่ใกล้กับชายฝั่งของจีน ส่วนที่เหลืออยู่ตามแนวชายฝั่งของมณฑลเจ้อเจียงและนอกชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ ในทะเลจีนตะวันออก
    .
    อย่างไรก็ตาม จีน ไม่แถลงอย่างเจาะจงเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธใดๆหรือขอบเขตปฏิบัติการทางทหาร หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2022 พวกเขารัวยิงขีปนาวุธเป็นชุดลงสู่น่านน้ำรอบๆไต้หวัน ระหว่างการซ้อมรบ เพื่อประท้วงกรณีที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น เดินทางเยือนกรุงไทเป
    .
    ในความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯบอกว่าพวกเขากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อความเคลื่อนไหวทางทหารของจีนใกล้ไต้หวัน
    .
    "เรายังคงเรียกร้องสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ดำเนินการด้วยความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆที่อาจบ่อนทำลายสนติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคในวงกว้าง การแวะพักตามปกติของประธานาธิบดีไล่ ไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับแรงกดดันทางทหาร" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันระบุ
    .
    เจ้าหน้าที่ไต้หวัน ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าการประจำการเรือครั้งนี้ของจีน ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่มากกว่าการซ้อมรบใหญ่รอบๆไต้หวัน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ในปีนี้
    .
    "เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเล็งเป้าหมายแนวสายโซ่หมู่เกาะทั้งหมด" แหล่งข่าวระบุ อ้างถึงพื้นที่ที่ทอดยาวจากญี่ปุ่นไปจนถึงไต้หวัน ฟิลิปปินส์และเกาะบอร์เนียว ปิดล้อมทะเลต่างๆที่อยู่รอบชายฝั่งของจีน "มันมีเจตนาโดยรวมเพื่อบรรลุเป้าหมายข่มขู่ทางทหาร ด้วยการจัดวางกำลังเพื่อควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสายโซ่หมู่เกาะ"
    .
    "พฤติกรรมยั่วยุแต่เพียงฝ่ายเดียวและไม่มีเหตุผล อาจก่อความเสียหายร้ายแรงแก่สันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิก และไม่เป็นที่ยินดีของประชาคมนานาชาติ" กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุ
    .
    ปักกิ่ง เคยตราหน้า "ไล่" ว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน และปฏิเสธเสียงเรียกร้องของเขาซ้ำๆที่ขอให้มีการเจรจา ส่วนทางไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างด้านอธิปไตยของปักกิ่งเช่นกัน บอกว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของตนเอง
    .
    การสำแดงสรรพกำลังของจีนรอบๆไต้หวันและในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ได้โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้ง
    .
    ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯบอกกับทหารเรืออเมริกาในญี่ปุ่น ว่าจีนเป็นเพียงประเทศที่มีเจตนาและมีแสนยานุภาพเพิ่มมากขึ้น ที่จะท้าทายระเบียบระหว่างประเทศที่มีกฎกติกาเป็นรากฐาน "ดังนั้น เราจึงต้องการเห็นภูมิภาคแถบนี้ พื้นที่นี้ ยังคงเปิดกว้างสำหรับเสรีภาพในการล่องเรือ และสามารถบินเหนือบนท้องฟ้าและน่านฟ้าสากลตามที่เราต้องการ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118435
    ..............
    Sondhi X
    ไต้หวัน ยกระดับเตือนภัย หลังจีนประกาศพื้นที่สงวนทางอากาศ รวมถึงประจำการเรือกองทัพเรือและยามชายฝั่ง ในสิ่งที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเรียกว่าเป็นการซ้อมรบทางทหารครั้งแรก ที่ครอบคลุมทั่วน่านน้ำอันกว้างขวางในภูมิภาคแถบนี้ . เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของไต้หวัน บอกว่าจีนมีเรือของกองทัพเรือและเรือยามชายฝั่งเกือบ 90 ลำ อยู่ใกล้กับไต้หวัน หมู่เกาะต่างๆทางใต้ของญี่ปุ่น ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งราวๆ 2 ใน 3 เป็นเรือของกองทัพเรือ . กระทรวงกลาโหมของปักกิ่งยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความคาดหมายว่า จีน ที่กล่าวอ้างว่า ไต้หวัน ซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน จะทำการซ้อมรบอีกรอบ ตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ เดินทางเยือนแปซิฟิก ในนั้นรวมถึงหยุดพักในฮาวายและกวม ดินแดนของสหรัฐฯ รอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวด้านความมั่นคง . จีน กำหนดพื้นที่สงวนทางอากาศชั่วคราวจนถึงวันพุธ(11ธ.ค.) ครอบคลุมมณฑลต่างๆทางตะวันออกอย่างเช่นฟูเจี้ยนและเจ้อเจียง กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในถ้อยแถลง . ปกติแล้วพื้นที่ลักษณะดังกล่าวเป็นการจัดสรรไว้สำหรับใช้งานอย่างเจาะจงในช่วงเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้ แต่เครื่องบินอื่นๆก็อาจสามารถบินผ่านไปได้หากได้รับอนุญาต ภายใต้กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ . ประกาศแจ้งภารกิจทางอากาศที่ออกโดยจีน ได้ให้พิกัด 7 พื้นที่ ซึ่งใน 2 ในนั้น อยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ที่หันหน้าเข้าให้ไต้หวัน แต่มันอยู่ใกล้กับชายฝั่งของจีน ส่วนที่เหลืออยู่ตามแนวชายฝั่งของมณฑลเจ้อเจียงและนอกชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ ในทะเลจีนตะวันออก . อย่างไรก็ตาม จีน ไม่แถลงอย่างเจาะจงเกี่ยวกับการทดสอบอาวุธใดๆหรือขอบเขตปฏิบัติการทางทหาร หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2022 พวกเขารัวยิงขีปนาวุธเป็นชุดลงสู่น่านน้ำรอบๆไต้หวัน ระหว่างการซ้อมรบ เพื่อประท้วงกรณีที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น เดินทางเยือนกรุงไทเป . ในความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯบอกว่าพวกเขากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ต่อความเคลื่อนไหวทางทหารของจีนใกล้ไต้หวัน . "เรายังคงเรียกร้องสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ดำเนินการด้วยความอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆที่อาจบ่อนทำลายสนติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคในวงกว้าง การแวะพักตามปกติของประธานาธิบดีไล่ ไม่ควรถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับแรงกดดันทางทหาร" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันระบุ . เจ้าหน้าที่ไต้หวัน ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าการประจำการเรือครั้งนี้ของจีน ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่มากกว่าการซ้อมรบใหญ่รอบๆไต้หวัน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ในปีนี้ . "เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเล็งเป้าหมายแนวสายโซ่หมู่เกาะทั้งหมด" แหล่งข่าวระบุ อ้างถึงพื้นที่ที่ทอดยาวจากญี่ปุ่นไปจนถึงไต้หวัน ฟิลิปปินส์และเกาะบอร์เนียว ปิดล้อมทะเลต่างๆที่อยู่รอบชายฝั่งของจีน "มันมีเจตนาโดยรวมเพื่อบรรลุเป้าหมายข่มขู่ทางทหาร ด้วยการจัดวางกำลังเพื่อควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสายโซ่หมู่เกาะ" . "พฤติกรรมยั่วยุแต่เพียงฝ่ายเดียวและไม่มีเหตุผล อาจก่อความเสียหายร้ายแรงแก่สันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิก และไม่เป็นที่ยินดีของประชาคมนานาชาติ" กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุ . ปักกิ่ง เคยตราหน้า "ไล่" ว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน และปฏิเสธเสียงเรียกร้องของเขาซ้ำๆที่ขอให้มีการเจรจา ส่วนทางไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างด้านอธิปไตยของปักกิ่งเช่นกัน บอกว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของตนเอง . การสำแดงสรรพกำลังของจีนรอบๆไต้หวันและในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ได้โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้ง . ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯบอกกับทหารเรืออเมริกาในญี่ปุ่น ว่าจีนเป็นเพียงประเทศที่มีเจตนาและมีแสนยานุภาพเพิ่มมากขึ้น ที่จะท้าทายระเบียบระหว่างประเทศที่มีกฎกติกาเป็นรากฐาน "ดังนั้น เราจึงต้องการเห็นภูมิภาคแถบนี้ พื้นที่นี้ ยังคงเปิดกว้างสำหรับเสรีภาพในการล่องเรือ และสามารถบินเหนือบนท้องฟ้าและน่านฟ้าสากลตามที่เราต้องการ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118435 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราสู้กับรัฐบาลโจร ต้องสู้ถึงที่สุดและต้องชนะ .เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทำงานด้วยความรอบคอบ ทำไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้เพราะเราร้องเรียนแล้ววางไว้ด้วยว่า ถ้าคุณไม่ทำ จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แล้วเราจะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฏร ท่านวันมูหะหมัดนอร์ มะทา และสส.ทุกคนรวมทั้ง สว.ด้วย .ผมชี้แจงให้ฟังว่าถ้าท่านไม่ยกเลิก MOU2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ เท่ากับว่าเราได้ใส่กุญแจมือพวก สส.ที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ อนาคตข้างหน้า แผ่นดินเปลี่ยนไป ผู้มีอำนาจชุดใหม่เข้ามา ก็สามารถใช้ประเด็นนี้เล่นงานพวก สส.และสว.ตลอดจนคณะรัฐมนตรีในข้อหาขายชาติ รวมถึงการที่ไปร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ข้าราชการทุกคนได้สำเหนียก รู้ว่าความจริงที่มีหนึ่งเดียวนั้น พระบรมราชโองการ 2516 นั้น จำเป็นต้องยึดถือให้มั่น .ผมอายุมากแล้ว นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรงวดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง สู้ครั้งนี้ ถ้าจะสู้ถึงที่สุดแล้วต้องชนะลูกเดียว .พ่อแม่พี่น้องครับ พวกแกนนำเก่าๆพากันพูดว่า ไม่มีมวลชนแล้วพวกเรา วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดม ทุกคนมาด้วยใจใช่ไหม ถ้าถึงเวลาที่ต้องลงกัน จะมามากกว่านี้พันเท่าหมื่นเท่า
    เราสู้กับรัฐบาลโจร ต้องสู้ถึงที่สุดและต้องชนะ .เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทำงานด้วยความรอบคอบ ทำไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้เพราะเราร้องเรียนแล้ววางไว้ด้วยว่า ถ้าคุณไม่ทำ จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แล้วเราจะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฏร ท่านวันมูหะหมัดนอร์ มะทา และสส.ทุกคนรวมทั้ง สว.ด้วย .ผมชี้แจงให้ฟังว่าถ้าท่านไม่ยกเลิก MOU2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ เท่ากับว่าเราได้ใส่กุญแจมือพวก สส.ที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ อนาคตข้างหน้า แผ่นดินเปลี่ยนไป ผู้มีอำนาจชุดใหม่เข้ามา ก็สามารถใช้ประเด็นนี้เล่นงานพวก สส.และสว.ตลอดจนคณะรัฐมนตรีในข้อหาขายชาติ รวมถึงการที่ไปร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ข้าราชการทุกคนได้สำเหนียก รู้ว่าความจริงที่มีหนึ่งเดียวนั้น พระบรมราชโองการ 2516 นั้น จำเป็นต้องยึดถือให้มั่น .ผมอายุมากแล้ว นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรงวดนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง สู้ครั้งนี้ ถ้าจะสู้ถึงที่สุดแล้วต้องชนะลูกเดียว .พ่อแม่พี่น้องครับ พวกแกนนำเก่าๆพากันพูดว่า ไม่มีมวลชนแล้วพวกเรา วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดม ทุกคนมาด้วยใจใช่ไหม ถ้าถึงเวลาที่ต้องลงกัน จะมามากกว่านี้พันเท่าหมื่นเท่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9/12/67

    เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 (ฉบับย่อ)

    เนื่องด้วยหนังสือของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันนี้ (9 ธันวาคม 2567) มีความยาวถึง 14 หน้าและยังมีสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวนมาก อันจะทำให้สื่อมวลชนอาจไม่สามารถนำเสนอข่าวตามเนื้อหาทั้งหมดได้ครบถ้วน จึงได้จัดทำสรุปเป็นฉบับย่อลงประมาณครึ่งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนดังนี้

    วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะบุคคลได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น รวมทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ด้วยเหตุผลดังนี้

    ข้อ 1 ประเทศไทยได้ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุว่า “เกาะกูด” เป็นของสยาม

    ข้อ 2 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตประเทศไทยมีระยะ ”12 ไมล์ทะเล“ โดยวัดจากเส้นฐานที่ใช้สำหรับวัดความกว้างของทะเลอาณาเขต เป็นการประกาศ “อำนาจอธิปไตย” ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำภายในจนถึงแนวทะเลประชิดชายฝั่ง ซึ่งเรียกว่า“ทะเลอาณาเขต” รวมตลอดถึงห้วงอากาศเหนือทะเลอาณาเขต พื้นท้องทะเล และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขต ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้

    ข้อ 3 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2512 โดยมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2511 ส่งผลการยืนยันประกาศพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต”ว่าเป็น “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศไทยตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958

    อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังได้กำหนด “เขตต่อเนื่อง” ขยายไปอีก 12 ไมล์ทะเลต่อจากทะเลอาณาเขต สำหรับเป็นพื้นที่ป้องกันการละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับศุลกากร รัษฎากร การเข้าเมือง หรือการอนามัย ภายในอาณาเขตหรือทะเลอาณาเขตของประเทศไทยอีกด้วย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังกำหนดด้วยว่าหากไม่มีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น รัฐทั้งสองอยู่ตรงข้ามหรือประชิดกันให้ใช้ “เส้นมัธยะ” คือ จุดทุกจุดบนเส้นนั้นมีระยะห่างเท่ากันจากจุดที่ใกล้ที่สุดของเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตของแต่ละรัฐ

    ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2513 ได้มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย โดยมีเส้นที่ลากเส้นจาก “หลักเขตที่ 73” ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดไปยังปลายแหลมด้านใต้สุดของ “เกาะกูด” นั้นเป็น “เส้นฐานตรง” โดยพื้นที่เหนือเส้นฐานตรงบริเวณนี้เป็น “น่านน้ำภายใน” ของราชอาณาจักรไทย มีอำนาจอธิปไตยเหมือนแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยทุกประการ

    เมื่อ “เกาะกูด”เป็นของประเทศไทยตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ดังนั้น พื้นที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทย และน่านน้ำภายในของราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเขตแดนทางทะเลที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้

    ดังนั้นพื้นที่เหนือของเส้นฐานตรงที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ถึงปลายแหลมสุดทิศด้านใต้ของเกาะกูดของราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ใน“อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเส้นฐานของเกาะกูดก็เป็นเขตที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกัน อันเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ซึ่งผู้ใดหรือชาติใดจะละเมิดมิได้

    ข้อ 4 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2516 เพื่อประกาศสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของประเทศไทยกับเกาะกงของกัมพูชา เป็น “เส้นมัธยะ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิอธิปไตยจากประเทศอื่น ไม่มีการแบ่งปันการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นใด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “เส้นมัธยะ” ของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ค.ศ. 1958 พระบรมราชโองการประกาศฉบับนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขวิธีการเจรจาตกลงกระหว่างประเทศใกล้เคียงในอนาคตด้วยว่าต้องเป็นไปตามมูลฐานกฎหมายทะเลสากลเท่านั้นไม่ใช่การเจรจาตกลงกันตามอำเภอใจ

    ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยได้ยึดถือและปกป้องอำนาจอธิปไตยน่านน้ำทะเลภายในและทะเลอาณาเขต ตลอดจนรักษาสิทธิอธิปไตยตามเส้นเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการทุกฉบับ โดยได้ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 มาโดยตลอด และต่อมาประเทศไทยได้มีการลงนามและยึดถือมูลฐานตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ที่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ด้วย

    ข้อ 5 อย่างไรก็ตาม MOU 2544 ได้แนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ “รับรู้” โดย “ไม่ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 ก่อให้เกิดการอ้างสิทธิในพื้นที่ไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง โดยไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาเกินกว่าหลักมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958

    การอ้างสิทธิดังกล่าวจึงส่งผลทำให้เป็นการเปลี่ยนแปลง “หลักการ” สำคัญของอำนาจอธิปไตย และสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย คือ เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยบริเวณพื้นที่ “น่านน้ำภายใน”เหนือเส้นฐานตรงด้านทิศตะวันออกของเกาะกูด และการละเมิดอำนาจอธิปไตยทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด และไม่ยึดหลักเส้น “มัธยะ” เพียงอย่างเดียวที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 แต่กลับไปยึดถือ “เขตแดนแนวทางอื่น” ในการเจรจาตกลงกันเองระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา รวมพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาเป็นหลัก

    ดังนั้นการดำเนินการตาม MOU 2544 ที่ถูกรับรองโดย JC 2544 จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดทะเลอาณาเขต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2509 และพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ซึ่งได้ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958

    ข้อ 6 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งลงนามใน MOU 2544 ได้เคยเขียนบทความเมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” ในขณะที่ นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เขียนบทความ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 แนะนำว่า ฝ่ายไทยจะต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล

    ทั้งนี้การที่ประเทศไทยได้ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่ที่มีการอ้างสิทธิเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตาม MOU 2544 อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบซ้ำรอยการถูกตัดสินโดย “หลักกฎหมายปิดปาก” ที่ประเทศไทยเคย “รับรู้”และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่แนบท้ายหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เป็นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว

    ข้อ 7 เมื่อพิจารณาตาม MOU 2544 แล้ว จะพบว่าประเทศไทยมีแต่จะเสียประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทยก็จะต้องสูญเสียสิทธิอธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยฝ่ายเดียวให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไปใต้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ หรือถึงขั้นสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลไปมากกว่านี้ได้ด้วย

    ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงย่อมส่งผลกระทบในทางเสียหายต่อสิทธิอธิปไตยมากกว่าวิธีการเจรจาด้วย “เส้นมัธยะ” ตามมูลฐานที่บัญญัติเอาไว้ภายใต้อนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อ MOU 2544 ซึ่งได้รับรองโดย JC 2544 มีผลทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตอำนาจแห่งรัฐทางทะเลที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรณีจึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตั้งแต่แรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนั้น MOU 2544 ที่รับรองโดย JC 2544 ยังทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจึงย่อมเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน

    จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    1)ให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการที่ประกาศตามมูลฐานแห่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตามบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 52 ของหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

    2) ให้ท่านเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ตั้งแต่แรก และขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ รวมทั้งขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยหรือไม่ อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อน

    3) หากดำเนินการตาม ๒) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที

    4) หากดำเนินการตาม 2) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 แล้วนำผลของการเจรจาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้เจรจาเสร็จสิ้น ก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเป็นพระราชโองการ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 1 และมาตรา 178 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป

    5) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU 2544 และ JC 2544ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง

    6) ให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชนในเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ทั้งนี้ขอให้ท่านเสนอหนังสือฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งข้าพเจ้าได้ทราบ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหนังสือฉบับนี้

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1110891340404565/?
    9/12/67 เปิด 7 ข้อเท็จจริง 6 ข้อเรียกร้อง หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้หยุดดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 (ฉบับย่อ) เนื่องด้วยหนังสือของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะยื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันนี้ (9 ธันวาคม 2567) มีความยาวถึง 14 หน้าและยังมีสิ่งที่ส่งมาด้วยอีกจำนวนมาก อันจะทำให้สื่อมวลชนอาจไม่สามารถนำเสนอข่าวตามเนื้อหาทั้งหมดได้ครบถ้วน จึงได้จัดทำสรุปเป็นฉบับย่อลงประมาณครึ่งหนึ่ง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนดังนี้ วันนี้ (9 มีนาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคณะบุคคลได้ยื่นหนังสือถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่น รวมทั้งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ด้วยเหตุผลดังนี้ ข้อ 1 ประเทศไทยได้ลงนามในหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุว่า “เกาะกูด” เป็นของสยาม ข้อ 2 ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตประเทศไทยมีระยะ ”12 ไมล์ทะเล“ โดยวัดจากเส้นฐานที่ใช้สำหรับวัดความกว้างของทะเลอาณาเขต เป็นการประกาศ “อำนาจอธิปไตย” ออกไปจากอาณาเขตพื้นดินและน่านน้ำภายในจนถึงแนวทะเลประชิดชายฝั่ง ซึ่งเรียกว่า“ทะเลอาณาเขต” รวมตลอดถึงห้วงอากาศเหนือทะเลอาณาเขต พื้นท้องทะเล และแผ่นดินใต้พื้นท้องทะเลของทะเลอาณาเขต ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้ ข้อ 3 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2512 โดยมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2511 ส่งผลการยืนยันประกาศพื้นที่ของประเทศไทยทั้ง “น่านน้ำภายใน” และ “ทะเลอาณาเขต”ว่าเป็น “อำนาจอธิปไตย” ของประเทศไทยตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังได้กำหนด “เขตต่อเนื่อง” ขยายไปอีก 12 ไมล์ทะเลต่อจากทะเลอาณาเขต สำหรับเป็นพื้นที่ป้องกันการละเมิดข้อบังคับเกี่ยวกับศุลกากร รัษฎากร การเข้าเมือง หรือการอนามัย ภายในอาณาเขตหรือทะเลอาณาเขตของประเทศไทยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ยังกำหนดด้วยว่าหากไม่มีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น รัฐทั้งสองอยู่ตรงข้ามหรือประชิดกันให้ใช้ “เส้นมัธยะ” คือ จุดทุกจุดบนเส้นนั้นมีระยะห่างเท่ากันจากจุดที่ใกล้ที่สุดของเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตของแต่ละรัฐ ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2513 ได้มีประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องเส้นฐานตรงและน่านน้ำภายในของประเทศไทย โดยมีเส้นที่ลากเส้นจาก “หลักเขตที่ 73” ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหาดเล็ก ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดไปยังปลายแหลมด้านใต้สุดของ “เกาะกูด” นั้นเป็น “เส้นฐานตรง” โดยพื้นที่เหนือเส้นฐานตรงบริเวณนี้เป็น “น่านน้ำภายใน” ของราชอาณาจักรไทย มีอำนาจอธิปไตยเหมือนแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยทุกประการ เมื่อ “เกาะกูด”เป็นของประเทศไทยตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ดังนั้น พื้นที่รอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทย และน่านน้ำภายในของราชอาณาจักรไทย จึงเป็นเขตแดนทางทะเลที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย ผู้ใดและชาติใดจะละเมิดมิได้ ดังนั้นพื้นที่เหนือของเส้นฐานตรงที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ถึงปลายแหลมสุดทิศด้านใต้ของเกาะกูดของราชอาณาจักรไทย จึงอยู่ใน“อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทย รวมทั้งทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเส้นฐานของเกาะกูดก็เป็นเขตที่อยู่ใน “อำนาจอธิปไตย” ของราชอาณาจักรไทยเช่นเดียวกัน อันเป็นไปตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ซึ่งผู้ใดหรือชาติใดจะละเมิดมิได้ ข้อ 4 ต่อมาได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2516 เพื่อประกาศสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย โดยได้แนบแผนที่ซึ่งลากเส้นเขตไหล่ทวีปจากหลักเขตที่ 73 แบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดของประเทศไทยกับเกาะกงของกัมพูชา เป็น “เส้นมัธยะ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่มีพื้นที่อ้างสิทธิอธิปไตยจากประเทศอื่น ไม่มีการแบ่งปันการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรในอ่าวไทยให้กับประเทศอื่นใด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “เส้นมัธยะ” ของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเลอาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ค.ศ. 1958 พระบรมราชโองการประกาศฉบับนี้ ยังกำหนดเงื่อนไขวิธีการเจรจาตกลงกระหว่างประเทศใกล้เคียงในอนาคตด้วยว่าต้องเป็นไปตามมูลฐานกฎหมายทะเลสากลเท่านั้นไม่ใช่การเจรจาตกลงกันตามอำเภอใจ ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยได้ยึดถือและปกป้องอำนาจอธิปไตยน่านน้ำทะเลภายในและทะเลอาณาเขต ตลอดจนรักษาสิทธิอธิปไตยตามเส้นเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการทุกฉบับ โดยได้ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 มาโดยตลอด และต่อมาประเทศไทยได้มีการลงนามและยึดถือมูลฐานตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ที่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 ด้วย ข้อ 5 อย่างไรก็ตาม MOU 2544 ได้แนบแผนที่ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ “รับรู้” โดย “ไม่ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตามพระราชกฤษฎีกาประกาศเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อปี 2515 ก่อให้เกิดการอ้างสิทธิในพื้นที่ไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่เกินจริง โดยไม่ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาเกินกว่าหลักมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 การอ้างสิทธิดังกล่าวจึงส่งผลทำให้เป็นการเปลี่ยนแปลง “หลักการ” สำคัญของอำนาจอธิปไตย และสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย คือ เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยบริเวณพื้นที่ “น่านน้ำภายใน”เหนือเส้นฐานตรงด้านทิศตะวันออกของเกาะกูด และการละเมิดอำนาจอธิปไตยทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะกูด และไม่ยึดหลักเส้น “มัธยะ” เพียงอย่างเดียวที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 ตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 แต่กลับไปยึดถือ “เขตแดนแนวทางอื่น” ในการเจรจาตกลงกันเองระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่อ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา รวมพื้นที่ประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชาเป็นหลัก ดังนั้นการดำเนินการตาม MOU 2544 ที่ถูกรับรองโดย JC 2544 จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดทะเลอาณาเขต เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2509 และพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ซึ่งได้ยึดหลัก “เส้นมัธยะ” แห่งมูลฐานตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ข้อ 6 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ซึ่งลงนามใน MOU 2544 ได้เคยเขียนบทความเมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” ในขณะที่ นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยที่ประสบความสำเร็จในการเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซียได้เขียนบทความ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554 แนะนำว่า ฝ่ายไทยจะต้องรีบบอกเลิก MOU 2544 โดยเร็ว มิฉะนั้นแล้วฝ่ายไทยจะเสียเปรียบหากเป็นคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล ทั้งนี้การที่ประเทศไทยได้ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่ที่มีการอ้างสิทธิเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาตาม MOU 2544 อาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบซ้ำรอยการถูกตัดสินโดย “หลักกฎหมายปิดปาก” ที่ประเทศไทยเคย “รับรู้”และ “ไม่ปฏิเสธ” แผนที่แนบท้ายหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 เป็นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว ข้อ 7 เมื่อพิจารณาตาม MOU 2544 แล้ว จะพบว่าประเทศไทยมีแต่จะเสียประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่ว่าผลการเจรจาจะเป็นประการใด ประเทศไทยก็จะต้องสูญเสียสิทธิอธิปไตยในพื้นที่ในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทยฝ่ายเดียวให้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาซึ่งมีพื้นที่อย่างน้อย 16,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นไปใต้พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีประหว่างไทยกับกัมพูชาใต้ละติจูด 11 องศาเหนือ หรือถึงขั้นสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลไปมากกว่านี้ได้ด้วย ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงย่อมส่งผลกระทบในทางเสียหายต่อสิทธิอธิปไตยมากกว่าวิธีการเจรจาด้วย “เส้นมัธยะ” ตามมูลฐานที่บัญญัติเอาไว้ภายใต้อนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 เมื่อ MOU 2544 ซึ่งได้รับรองโดย JC 2544 มีผลทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตหรือเขตอำนาจแห่งรัฐทางทะเลที่ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภากรณีจึงขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตั้งแต่แรกและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น MOU 2544 ที่รับรองโดย JC 2544 ยังทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดหรือบางส่วน เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจึงย่อมเป็นการขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ด้วยเช่นเดียวกัน จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ 1)ให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปตามพระบรมราชโองการที่ประกาศตามมูลฐานแห่งอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตามบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 52 ของหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 2) ให้ท่านเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ตั้งแต่แรก และขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือไม่ รวมทั้งขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยหรือไม่ อันเป็นการดำเนินการตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้ได้ข้อยุติในข้อสงสัยนี้เสียก่อน 3) หากดำเนินการตาม ๒) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที 4) หากดำเนินการตาม 2) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 แล้วนำผลของการเจรจาเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้เจรจาเสร็จสิ้น ก่อนนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อพระมหากษัตริย์เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศเป็นพระราชโองการ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของมาตรา 1 และมาตรา 178 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อไป 5) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU 2544 และ JC 2544ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง 6) ให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชนในเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้ขอให้ท่านเสนอหนังสือฉบับนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และหากคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งข้าพเจ้าได้ทราบ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาหนังสือฉบับนี้ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1110891340404565/?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในทันทีและขอให้มีการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เพื่อยุติ "เรื่องบ้าๆ" ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้ทั้งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนและวังเครมลิน ต่างลิสต์บัญชีเงื่อนไขความต้องการของฝ่ายตนเอง
    .
    เสียงเรียกร้องของทรัมป์ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังพบปะกับ เซเลนสกี ในกรุงปารีส ซึ่งถือเป็นการพูดคุยแบบเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนก่อนที่ผ่านมา ทรัมป์ ประกาศมาตลอดว่าจะนำมาซึ่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยให้รายละเอียดใดๆ
    .
    "เซเลนสกีและยูเครนอยากทำข้อตกลงและหยุดเรื่องบ้าๆ" ทรัมป์ เขียนบนทรัตช์ โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขา พร้อมระบุเคียฟสูญเสียกำลังพลไปแล้วราว 400,000 นาย "ควรมีข้อตกลงหยุดยิงในทันที และการเจรจาควรเริ่มต้นขึ้น ผมรู้จัก วลาดิมีร์ ดี นี่คือเวลาที่เขาต้องลงมือ จีนสามารถช่วยได้ โลกกำลังรออยู่" ทรัมป์ ระบุอ้างถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
    .
    ทรัมป์ เดินทางไปยังกรุงปารีส ร่วมพิธีเปิดรอบใหม่มหาวิหารนอร์เทรอดาม ตามหลังการบูรณะครั้งใหญ่ โดยเขานั่งคุยกับ เซเลนสกี เป็นเวลาราว 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ (7 ธ.ค.) ร่วมด้วยเจ้าภาพอย่าง เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
    .
    ในภาพข่าวพบเห็น ทรัมป์ และเซเลนสกี จับมือและยิ้มให้กัน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการสนทนาระหว่างทั้งคู่เป็นไปในทิศทางไหน อ้างอิงข้อมูลจากทั้งฝ่ายฝรั่งเศสและยูเครน พวกเขาบอกเพียงว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดีและผลิดอกออกผล
    .
    เซเลนสกี ขานรับสารจากทรัมป์ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ว่าสันติภาพไม่ใช่แค่เศษกระดาษ แต่จำเป็นต้องรับประกันความมั่นคง "ตอนที่เราพูดเกี่ยวกับสันติภาพที่มีประสิทธิผลกับรัสเซีย สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่เราต้องพูดถึงคือการรับประกันสันติภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ยูเครนต้องการสันติภาพมากกว่าใครๆ" เขาโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    "สงครามไม่อาจจบลงง่ายๆ ด้วยเศษกระดาษและการลงนามอีกนิดหน่อย การหยุดยิงโดยปราศจากคำรับประกัน อาจโหมกระพือขึ้นรอบใหม่ได้ทุกเวลา แบบเดียวกับที่ ปูติน เคยทำมาก่อน เพื่อรับประกันว่าชาวยูเครนจะไม่ประสบความสูญเสียอีกต่อไป เราต้องรับประกันความน่าเชื่อถือของสันติภาพและไม่หลับตาให้พวกผู้รุกราน" เซเลนสกีกล่าว
    .
    รอยเตอร์เชื่อว่าตัวเลขของทรัมป์ เกี่ยวกับความสูญเสียด้านกำลังพลกว่า 400,000 นายของยูเครนในสงคราม น่าจะนับรวมทั้งทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เซเลนสกี อ้างว่ามีทหารยูคเรนเสียชีวิตเพียง 43,000 นาย และที่ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 370,000 นาย
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ นัดแถลงข่าวทางไกลกับบรรดาผู้สื่อข่าว ในเรื่องเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อสารของทรัมป์ โดยเขาบอกว่ารัสเซียเปิดกว้างสำหรับการเจรจา แต่มันต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อตกลงต่างๆ ที่เห็นพ้องกันในอิสตันบูลใน 2022 และข้อเท็จจริงในปัจจุบันของสนามรบ บริเวณที่กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่วันแรกๆของสงครามในปี 2022
    .
    ปูติน เน้นย้ำว่าข้อตกลงในเบื้องต้นดังกล่าวที่บรรลุความเห็นพ้องต้องกันโดยคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียและยูเครน ในสัปดาห์แรกๆของสงคราม ณ โต๊ะเจรจาในอิสตันบูล แต่ไม่เคยถูกบังคับใช้ ควรถูกใช้เป็นพื้นฐานของการเจรจาใดๆ ในอนาคต
    .
    "จุดยืนของเราในเรื่องยูเครนเป็นที่รู้กันดี" เปสคอฟกล่าว "เงื่อนไขต่างๆ สำหรับการหยุดความเป็นปรปักษ์ในทันที ถูกวางไว้โดยประธานาธิบดีปูติน ครั้งที่ท่านกล่าวปราศรัยที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในเดือนมิถุนายนปีนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเท้าความว่า ยูเครน เป็นฝ่ายปฏิเสธและยังคงปฏิเสธการเจรจา" เขากล่าว
    .
    ปูติน กล่าวในตอนนั้นว่า ยูเครน ต้องไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกพันธมิตรทหารนาโต และรัสเซียควรถูกปล่อยให้ยึดครอง 4 แคว้นของยูเครน ที่ทหารของเขาควบคุมอยู่บางส่วน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ
    .
    เปสคอฟ เน้นว่า เซเลนสกี สั่งแบนการติดต่อกับผู้นำรัสเซียผ่ายกฤษฎีกาฉบับหนึ่ง ซึ่ง เปสคอฟ บอกว่า เซเลนสกี จำเป็นต้องถอนคำสั่งดังกล่าวก่อน เพื่อให้การเจรจาเดินหน้าไปได้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118049
    ..................
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในทันทีและขอให้มีการเจรจาระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เพื่อยุติ "เรื่องบ้าๆ" ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้ทั้งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนและวังเครมลิน ต่างลิสต์บัญชีเงื่อนไขความต้องการของฝ่ายตนเอง . เสียงเรียกร้องของทรัมป์ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังพบปะกับ เซเลนสกี ในกรุงปารีส ซึ่งถือเป็นการพูดคุยแบบเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนก่อนที่ผ่านมา ทรัมป์ ประกาศมาตลอดว่าจะนำมาซึ่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยให้รายละเอียดใดๆ . "เซเลนสกีและยูเครนอยากทำข้อตกลงและหยุดเรื่องบ้าๆ" ทรัมป์ เขียนบนทรัตช์ โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขา พร้อมระบุเคียฟสูญเสียกำลังพลไปแล้วราว 400,000 นาย "ควรมีข้อตกลงหยุดยิงในทันที และการเจรจาควรเริ่มต้นขึ้น ผมรู้จัก วลาดิมีร์ ดี นี่คือเวลาที่เขาต้องลงมือ จีนสามารถช่วยได้ โลกกำลังรออยู่" ทรัมป์ ระบุอ้างถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย . ทรัมป์ เดินทางไปยังกรุงปารีส ร่วมพิธีเปิดรอบใหม่มหาวิหารนอร์เทรอดาม ตามหลังการบูรณะครั้งใหญ่ โดยเขานั่งคุยกับ เซเลนสกี เป็นเวลาราว 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ (7 ธ.ค.) ร่วมด้วยเจ้าภาพอย่าง เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส . ในภาพข่าวพบเห็น ทรัมป์ และเซเลนสกี จับมือและยิ้มให้กัน แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการสนทนาระหว่างทั้งคู่เป็นไปในทิศทางไหน อ้างอิงข้อมูลจากทั้งฝ่ายฝรั่งเศสและยูเครน พวกเขาบอกเพียงว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดีและผลิดอกออกผล . เซเลนสกี ขานรับสารจากทรัมป์ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ว่าสันติภาพไม่ใช่แค่เศษกระดาษ แต่จำเป็นต้องรับประกันความมั่นคง "ตอนที่เราพูดเกี่ยวกับสันติภาพที่มีประสิทธิผลกับรัสเซีย สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่เราต้องพูดถึงคือการรับประกันสันติภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ยูเครนต้องการสันติภาพมากกว่าใครๆ" เขาโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . "สงครามไม่อาจจบลงง่ายๆ ด้วยเศษกระดาษและการลงนามอีกนิดหน่อย การหยุดยิงโดยปราศจากคำรับประกัน อาจโหมกระพือขึ้นรอบใหม่ได้ทุกเวลา แบบเดียวกับที่ ปูติน เคยทำมาก่อน เพื่อรับประกันว่าชาวยูเครนจะไม่ประสบความสูญเสียอีกต่อไป เราต้องรับประกันความน่าเชื่อถือของสันติภาพและไม่หลับตาให้พวกผู้รุกราน" เซเลนสกีกล่าว . รอยเตอร์เชื่อว่าตัวเลขของทรัมป์ เกี่ยวกับความสูญเสียด้านกำลังพลกว่า 400,000 นายของยูเครนในสงคราม น่าจะนับรวมทั้งทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เซเลนสกี อ้างว่ามีทหารยูคเรนเสียชีวิตเพียง 43,000 นาย และที่ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 370,000 นาย . ดมิทรี เปสคอฟ นัดแถลงข่าวทางไกลกับบรรดาผู้สื่อข่าว ในเรื่องเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อสารของทรัมป์ โดยเขาบอกว่ารัสเซียเปิดกว้างสำหรับการเจรจา แต่มันต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อตกลงต่างๆ ที่เห็นพ้องกันในอิสตันบูลใน 2022 และข้อเท็จจริงในปัจจุบันของสนามรบ บริเวณที่กองกำลังรัสเซียกำลังรุกคืบในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่วันแรกๆของสงครามในปี 2022 . ปูติน เน้นย้ำว่าข้อตกลงในเบื้องต้นดังกล่าวที่บรรลุความเห็นพ้องต้องกันโดยคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียและยูเครน ในสัปดาห์แรกๆของสงคราม ณ โต๊ะเจรจาในอิสตันบูล แต่ไม่เคยถูกบังคับใช้ ควรถูกใช้เป็นพื้นฐานของการเจรจาใดๆ ในอนาคต . "จุดยืนของเราในเรื่องยูเครนเป็นที่รู้กันดี" เปสคอฟกล่าว "เงื่อนไขต่างๆ สำหรับการหยุดความเป็นปรปักษ์ในทันที ถูกวางไว้โดยประธานาธิบดีปูติน ครั้งที่ท่านกล่าวปราศรัยที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในเดือนมิถุนายนปีนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเท้าความว่า ยูเครน เป็นฝ่ายปฏิเสธและยังคงปฏิเสธการเจรจา" เขากล่าว . ปูติน กล่าวในตอนนั้นว่า ยูเครน ต้องไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกพันธมิตรทหารนาโต และรัสเซียควรถูกปล่อยให้ยึดครอง 4 แคว้นของยูเครน ที่ทหารของเขาควบคุมอยู่บางส่วน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ . เปสคอฟ เน้นว่า เซเลนสกี สั่งแบนการติดต่อกับผู้นำรัสเซียผ่ายกฤษฎีกาฉบับหนึ่ง ซึ่ง เปสคอฟ บอกว่า เซเลนสกี จำเป็นต้องถอนคำสั่งดังกล่าวก่อน เพื่อให้การเจรจาเดินหน้าไปได้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118049 .................. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 635 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มประเทศที่ส่งผู้เล่นเข้ามาในดินแดนซีเรียแห่งนี้ ภายใต้การปกครองใหม่ของกลุ่ม HTS (Hay'at Tahrir al-Sham)

    HTS (Hay'at Tahrir al-Sham)
    กลุ่ม HTS แยกตัวออกมาจากอัลกออิดะห์ในปี 2016 ต่อมาในปี 2018 HTS ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายต่างประเทศโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

    กลุ่ม HTS เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ เมืองอาเลปโปและฮามา ผู้บัญชาการของกลุ่ม HTS คือ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" ซึ่งถูกสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านเหรียญ ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนุสราฟรอนต์(Nusra Front) หรือ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียมาก่อน ต่อมาอัลโจลานีอ้างว่าตัวเขาเองที่ขอแยกตัวออกจากอัลกออิดะห์

    ผลลัพธ์หลังจากนี้:
    - หาก HTS ได้ปกครองซีเรียจริงๆ มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์อย่างเคร่งครัด ลองนึกภาพการบังคับใช้กฎหมายท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ว่าจะส่งผลร้ายแรงขนาดไหน ซึ่งก่อนหน้านั้นกลุ่ม HTS มีประวัติที่ไม่ดีนักในเรื่องการปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาส่วนน้อย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน
    - คาดว่าจะมีผู้ลี้ภัย ชาวคริสต์ซีเรีย ชาวเคิร์ด และกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยอื่นๆ จะพยายามอพยพออกไป โดยส่วนใหญ่จะไปที่เลบานอน ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา

    สำหรับตุรกี การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - ตุรกีจะขยายอำนาจและอิทธิพลในซีเรียอย่างมากโดยผ่านตัวแทนในซีเรีย (SNA และ HTS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมันตั้งแต่ปี 1516 จนถึงปี 1918
    - หากรัสเซียต้องถอนตัวออกจากซีเรีย "เออร์โดกันชนะ ปูตินแพ้"
    - ทำให้กองกำลังเคิร์ดในซีเรียอ่อนแอลง
    - เมื่อซีเรียสงบลงและถูกปกครองโดย HTS ประธานาธิบดีเออร์โดกันจะสามารถส่งผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายล้านคนจากตุรกีกลับไปยังซีเรีย พรรค AKP ของเขาจะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นทันที

    สำหรับรัสเซีย การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - ไม่มีพันธมิตรในดามัสกัสอีกต่อไป สิ้นสุดอิทธิพลทางการเมืองในซีเรีย
    - ถูกตุรกีเอาชนะ
    - ไม่มีกำลังทหารในซีเรียอีกต่อไปหรือถ้ามี ก็จะเป็นจำนวนจำกัดมาก
    - ฐานทัพเรือทาร์ทัสซึ่งมีความสำคัญยิ่งยวดอาจล่มสลายลงได้ หลังจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1971 ในสมัยสหภาพโซเวียต ปูตินจะยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้มั้ย!?!

    สำหรับอิสราเอล การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - อิหร่านจะไม่สามารถขนส่งอาวุธทางบกจากอิหร่านโดยผ่านอิรักและซีเรียไปยังกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนได้ เนื่องจากสนามบินเบรุตและท่าเรือในเลบานอนอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเรือและกองทัพอากาศของอิสราเอลโดยพฤตินัย กลุ่มฮิซบอลเลาะห์จึงไม่สามารถติดอาวุธได้ นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของอิสราเอล
    - ในช่วงแรกของการปกครองซีเรีย: ซีเรียจะยังไม่มั่นคงและอ่อนแอเนื่องจากความขัดแย้งทางทหารและศาสนาภายในที่ไม่มีวันจบสิ้น นั่ทำให้อิสราเอลปลอดภัยจากภัยคุกคามภายนอก
    - แต่ในระยะยาว: เนื่องจากกลุ่มญิฮาดมักจะควบคุมไม่ได้ อิสราเอลต้องหวังพึ่งตุรกีให้สามารถมีอิทธิพลเหนือซีเรียได้ตลอดไป

    สำหรับอิหร่าน การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - อิหร่านสูญเสียพันธมิตรหลักในภูมิภาค นับเป็นหายนะสำหรับเตหะรานอย่างสิ้นเชิง
    - อิหร่านไม่สามารถส่งกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ที่เป็นตัวแทนในเลบานอนได้อีกต่อไป เนื่องจากเส้นทางจากอิหร่านไปเลบานอนถูกปิด
    - ตุรกีซึ่งเป็นคู่แข่งในภูมิภาค ได้โอกาสขยายอำนาจอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผลประโยชน์ของอิหร่านในซีเรีย เลบานอน และแม้แต่ในอิรักอ่อนแอลง

    สำหรับสหรัฐฯ การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - สหรัฐจะชนะ หากรัสเซียออกจากซีเรีย
    - จุดจบของอัสซาดซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของรัสเซีย ส่งผลดีต่อสหรัฐ
    - ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนถูกโดดเดี่ยว อ่อนแอลง สหรัฐคลายความกังวลใจจากสถานการณ์ของอิสราเอลลงไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็อีกหลายปี
    - พูดอีกอย่างก็คือ สหรัฐกำลังมีความสุขเพราะศัตรูของเขาทั้งหมดต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง (จนกว่าจะถึงวันที่ HTS ขาดการควบคุมและ/หรือ IS กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง)

    สำหรับเลบานอน การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - กลายเป็นประเทศเล็กๆที่ถูกคั่นอยู่ระหว่างเพื่อนบ้านมหาอำนาจใหม่ในภูมิภาคคืออิสราเอลและซีเรีย
    - เนื่องจากฮิซบอลเลาะห์ไม่สามารถติดอาวุธใหม่ได้และอ่อนแอลง อาจนำไปสู่กลุ่มใหม่พยายามเข้ามามีบทบาทแทน ซึ่งจะสร้างความตึงเครียดทางศาสนาและความขัดแย้งทางการเมืองในเลบานอน
    - มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มญิฮาดจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งและก่อการร้ายภายในเลบานอนด้วยการสนับสนุนจาก HTS ในซีเรีย

    สำหรับอิรัก การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้:
    - ชัยชนะของ HTS ในซีเรียอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มที่คล้ายคลึงกันในอิรักเพื่อนบ้านลุกฮือกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ซุนนี
    - การฟื้นคืนชีพของรัฐอิสลามในซีเรียตะวันออกอาจลามข้ามชายแดนไปยังอิรัก (ตะวันตก) ได้อย่างง่ายดาย การที่กลุ่มรัฐอิสลามกลับเข้าสู่อิรักเช่นนี้จะมาพร้อมกับการก่อการร้ายและสงครามกลางเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้
    หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มประเทศที่ส่งผู้เล่นเข้ามาในดินแดนซีเรียแห่งนี้ ภายใต้การปกครองใหม่ของกลุ่ม HTS (Hay'at Tahrir al-Sham) HTS (Hay'at Tahrir al-Sham) กลุ่ม HTS แยกตัวออกมาจากอัลกออิดะห์ในปี 2016 ต่อมาในปี 2018 HTS ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายต่างประเทศโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กลุ่ม HTS เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ เมืองอาเลปโปและฮามา ผู้บัญชาการของกลุ่ม HTS คือ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" ซึ่งถูกสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านเหรียญ ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนุสราฟรอนต์(Nusra Front) หรือ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียมาก่อน ต่อมาอัลโจลานีอ้างว่าตัวเขาเองที่ขอแยกตัวออกจากอัลกออิดะห์ ผลลัพธ์หลังจากนี้: - หาก HTS ได้ปกครองซีเรียจริงๆ มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์อย่างเคร่งครัด ลองนึกภาพการบังคับใช้กฎหมายท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ว่าจะส่งผลร้ายแรงขนาดไหน ซึ่งก่อนหน้านั้นกลุ่ม HTS มีประวัติที่ไม่ดีนักในเรื่องการปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาส่วนน้อย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน - คาดว่าจะมีผู้ลี้ภัย ชาวคริสต์ซีเรีย ชาวเคิร์ด และกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อยอื่นๆ จะพยายามอพยพออกไป โดยส่วนใหญ่จะไปที่เลบานอน ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา สำหรับตุรกี การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - ตุรกีจะขยายอำนาจและอิทธิพลในซีเรียอย่างมากโดยผ่านตัวแทนในซีเรีย (SNA และ HTS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมันตั้งแต่ปี 1516 จนถึงปี 1918 - หากรัสเซียต้องถอนตัวออกจากซีเรีย "เออร์โดกันชนะ ปูตินแพ้" - ทำให้กองกำลังเคิร์ดในซีเรียอ่อนแอลง - เมื่อซีเรียสงบลงและถูกปกครองโดย HTS ประธานาธิบดีเออร์โดกันจะสามารถส่งผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายล้านคนจากตุรกีกลับไปยังซีเรีย พรรค AKP ของเขาจะได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นทันที สำหรับรัสเซีย การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - ไม่มีพันธมิตรในดามัสกัสอีกต่อไป สิ้นสุดอิทธิพลทางการเมืองในซีเรีย - ถูกตุรกีเอาชนะ - ไม่มีกำลังทหารในซีเรียอีกต่อไปหรือถ้ามี ก็จะเป็นจำนวนจำกัดมาก - ฐานทัพเรือทาร์ทัสซึ่งมีความสำคัญยิ่งยวดอาจล่มสลายลงได้ หลังจากก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1971 ในสมัยสหภาพโซเวียต ปูตินจะยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้มั้ย!?! สำหรับอิสราเอล การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - อิหร่านจะไม่สามารถขนส่งอาวุธทางบกจากอิหร่านโดยผ่านอิรักและซีเรียไปยังกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนได้ เนื่องจากสนามบินเบรุตและท่าเรือในเลบานอนอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเรือและกองทัพอากาศของอิสราเอลโดยพฤตินัย กลุ่มฮิซบอลเลาะห์จึงไม่สามารถติดอาวุธได้ นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของอิสราเอล - ในช่วงแรกของการปกครองซีเรีย: ซีเรียจะยังไม่มั่นคงและอ่อนแอเนื่องจากความขัดแย้งทางทหารและศาสนาภายในที่ไม่มีวันจบสิ้น นั่ทำให้อิสราเอลปลอดภัยจากภัยคุกคามภายนอก - แต่ในระยะยาว: เนื่องจากกลุ่มญิฮาดมักจะควบคุมไม่ได้ อิสราเอลต้องหวังพึ่งตุรกีให้สามารถมีอิทธิพลเหนือซีเรียได้ตลอดไป สำหรับอิหร่าน การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - อิหร่านสูญเสียพันธมิตรหลักในภูมิภาค นับเป็นหายนะสำหรับเตหะรานอย่างสิ้นเชิง - อิหร่านไม่สามารถส่งกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ที่เป็นตัวแทนในเลบานอนได้อีกต่อไป เนื่องจากเส้นทางจากอิหร่านไปเลบานอนถูกปิด - ตุรกีซึ่งเป็นคู่แข่งในภูมิภาค ได้โอกาสขยายอำนาจอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผลประโยชน์ของอิหร่านในซีเรีย เลบานอน และแม้แต่ในอิรักอ่อนแอลง สำหรับสหรัฐฯ การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - สหรัฐจะชนะ หากรัสเซียออกจากซีเรีย - จุดจบของอัสซาดซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของรัสเซีย ส่งผลดีต่อสหรัฐ - ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนถูกโดดเดี่ยว อ่อนแอลง สหรัฐคลายความกังวลใจจากสถานการณ์ของอิสราเอลลงไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็อีกหลายปี - พูดอีกอย่างก็คือ สหรัฐกำลังมีความสุขเพราะศัตรูของเขาทั้งหมดต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง (จนกว่าจะถึงวันที่ HTS ขาดการควบคุมและ/หรือ IS กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง) สำหรับเลบานอน การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - กลายเป็นประเทศเล็กๆที่ถูกคั่นอยู่ระหว่างเพื่อนบ้านมหาอำนาจใหม่ในภูมิภาคคืออิสราเอลและซีเรีย - เนื่องจากฮิซบอลเลาะห์ไม่สามารถติดอาวุธใหม่ได้และอ่อนแอลง อาจนำไปสู่กลุ่มใหม่พยายามเข้ามามีบทบาทแทน ซึ่งจะสร้างความตึงเครียดทางศาสนาและความขัดแย้งทางการเมืองในเลบานอน - มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มญิฮาดจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งและก่อการร้ายภายในเลบานอนด้วยการสนับสนุนจาก HTS ในซีเรีย สำหรับอิรัก การล่มสลายของอัสซาดอาจหมายถึงสิ่งต่อไปนี้: - ชัยชนะของ HTS ในซีเรียอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มที่คล้ายคลึงกันในอิรักเพื่อนบ้านลุกฮือกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ซุนนี - การฟื้นคืนชีพของรัฐอิสลามในซีเรียตะวันออกอาจลามข้ามชายแดนไปยังอิรัก (ตะวันตก) ได้อย่างง่ายดาย การที่กลุ่มรัฐอิสลามกลับเข้าสู่อิรักเช่นนี้จะมาพร้อมกับการก่อการร้ายและสงครามกลางเมืองที่อาจเกิดขึ้นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศการคว่ำบาตรบริษัททหารของสหรัฐฯ จำนวน 13 แห่ง เพื่อเป็นการตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายอธิปไตยของตนอย่างรุนแรง โดยการคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนคัดค้านอย่างหนักต่อการที่สหรัฐฯ อนุมัติการขายชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนเครื่องบิน F-16 และเรดาร์ให้กับไต้หวัน มูลค่ากว่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Teledyne Brown Engineering, Brinc Drones, Shield AI การคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในฐานะไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบในการผลิตได้ อาทิ Rapid Flight, Red Six Solutions, Synexxus, Firestorm Labs, Kratos Unmanned Aerial Systems, HavocAI, Neros Technologies, Cyberlux Corporation, Domo Tactical Communications และ Group Wนอกจากนี้ จีนยังได้อายัดทรัพย์สินของผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัท รวมทั้ง Raytheon, BAE Systems และ United Technologies ที่ดำเนินธุรกิจในจีน และห้ามไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าประเทศจีน พร้อมทั้งห้ามองค์กรและบุคคลในจีนทำธุรกิจกับพวกเขาด้วยที่มา: https://www.reuters.com/world/china-slaps-sanctions-13-us-military-firms-over-taiwan-arms-sale-2024-12-05/
    กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศการคว่ำบาตรบริษัททหารของสหรัฐฯ จำนวน 13 แห่ง เพื่อเป็นการตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายอธิปไตยของตนอย่างรุนแรง โดยการคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนคัดค้านอย่างหนักต่อการที่สหรัฐฯ อนุมัติการขายชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนเครื่องบิน F-16 และเรดาร์ให้กับไต้หวัน มูลค่ากว่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Teledyne Brown Engineering, Brinc Drones, Shield AI การคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในฐานะไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบในการผลิตได้ อาทิ Rapid Flight, Red Six Solutions, Synexxus, Firestorm Labs, Kratos Unmanned Aerial Systems, HavocAI, Neros Technologies, Cyberlux Corporation, Domo Tactical Communications และ Group Wนอกจากนี้ จีนยังได้อายัดทรัพย์สินของผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัท รวมทั้ง Raytheon, BAE Systems และ United Technologies ที่ดำเนินธุรกิจในจีน และห้ามไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าประเทศจีน พร้อมทั้งห้ามองค์กรและบุคคลในจีนทำธุรกิจกับพวกเขาด้วยที่มา: https://www.reuters.com/world/china-slaps-sanctions-13-us-military-firms-over-taiwan-arms-sale-2024-12-05/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สหรัฐต้องการให้อิหร่านเลิกยุ่งกับซีเรีย"
    เวดันต์ ปาเทล รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวในระหว่างการบรรยายสรุปประจำวันว่า "สหรัฐต้องการให้อิหร่านยุติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงภายในซีเรียและในภูมิภาคโดยรวม และเราคิดว่าอิหร่านคือกุญแจสำคัญในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ในบริบทของซีเรียขณนี้"
    "สหรัฐต้องการให้อิหร่านเลิกยุ่งกับซีเรีย" เวดันต์ ปาเทล รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวในระหว่างการบรรยายสรุปประจำวันว่า "สหรัฐต้องการให้อิหร่านยุติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงภายในซีเรียและในภูมิภาคโดยรวม และเราคิดว่าอิหร่านคือกุญแจสำคัญในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ในบริบทของซีเรียขณนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลาดิมีร์ ปูติน ยอมรับข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศในการลงนามสนธิสัญญาระหว่างรัสเซียและเบลารุส เกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัยภายในรัฐสหภาพ:
    .
    Vladimir Putin accepted the Foreign Ministry’s proposal to sign a treaty between Russia and Belarus on guarantees of security within the Union State:
    https://tass.com/politics/1882645
    .
    7:38 PM · Dec 5, 2024 · 3,507 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1864650523237847539
    วลาดิมีร์ ปูติน ยอมรับข้อเสนอของกระทรวงการต่างประเทศในการลงนามสนธิสัญญาระหว่างรัสเซียและเบลารุส เกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัยภายในรัฐสหภาพ: . Vladimir Putin accepted the Foreign Ministry’s proposal to sign a treaty between Russia and Belarus on guarantees of security within the Union State: https://tass.com/politics/1882645 . 7:38 PM · Dec 5, 2024 · 3,507 Views https://x.com/tassagency_en/status/1864650523237847539
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts