• อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 311
    ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม
    --ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น
    ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ,
    ศิลปะแห่งการคำนวณ,
    ศิลปะแห่งการพยากรณ์,
    การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม,
    ศิลปะแห่งศัสตราวุธ,
    และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ;
    เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน
    เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย
    ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา.
    --ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้,
    โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา,
    เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า
    “ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ,
    ความพยายามของเราไร้ผลหนอ”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้,
    โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส
    เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า
    “พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป,
    โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป,
    ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น,
    น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ;
    ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป”
    ดังนี้.
    เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้
    พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
    โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม,
    ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
    น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม,
    หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม,
    เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า
    “ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
    เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    :พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง,
    กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง,
    พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง,
    คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง,
    มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
    บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง,
    บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง,
    บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง,
    พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
    พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง,
    พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง,
    สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ;
    คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง,
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง,
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง,
    ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ.
    เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ
    พุ่งเข้าทำสงครามกัน.
    เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
    คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
    ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่,
    คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง,
    ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง.
    ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง,
    ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว

    : คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว
    คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น.
    พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน
    เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง,
    ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง,
    ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง.
    ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง,
    ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง,
    ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง,
    ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง,
    ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง,
    ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
    เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
    เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ
    เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว
    : คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ.
    ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว,
    เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย
    เพราะการแตกสลายแห่งกาย.
    --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
    เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ
    +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,.
    ดังนี้แล.-

    ! --
    ©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต.
    -๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.-
    -๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.-
    -๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.-
    -๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ-
    -๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.-
    -๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย-
    -๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้-
    -๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.-
    -๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.-
    -๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.-
    -๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.-
    -๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.-
    -๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.-
    -๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก.
    ---!

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม..
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21
    ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าทุกข์โทษที่เกิดจากกาม สัทธรรมลำดับที่ : 311 ชื่อบทธรรม :- ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม --ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่น ศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ, ศิลปะแห่งการคำนวณ, ศิลปะแห่งการพยากรณ์, การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม, ศิลปะแห่งศัสตราวุธ, และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ; เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา. --ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า “ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ, ความพยายามของเราไร้ผลหนอ” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัส เพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า “พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป, โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป, ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น, น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ; ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป” ดังนี้. เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า “ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว :พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง, กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง, พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง, คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง, มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง, บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง, บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง, บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง, พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ; คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ. เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ พุ่งเข้าทำสงครามกัน. เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง. ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น. พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง, ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง, ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม-๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ปากราหู-๓ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ-๔ บ้าง. ย่อมทำโทษ โดยวิธี คบมือ-๕ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย-๖ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้-๗ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง-๘ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด-๙ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์-๑๐ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ-๑๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน-๑๒ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง, ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง, ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง-๑๔ บ้าง, ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง, ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ. ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว, เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการแตกสลายแห่งกาย. --ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ +--เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว,. ดังนี้แล.- ! -- ©หมายเหตุ ตามนัยอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต. -๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.- -๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.- -๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.- -๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ- -๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.- -๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย- -๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้- -๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย.- -๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.- -๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.- -๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก.- -๑๒. กางเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน.- -๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.- -๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก. ---! #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/116/198. http://etipitaka.com/read/thai/12/116/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘. http://etipitaka.com/read/pali/12/169/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม.. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=311 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21&id=311 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=21 ลำดับสาธยายธรรม : 21 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_21.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (เรื่องนี้ควรจะอยู่ในหมวดนิโรธ แต่นำมาใส่ไว้ต่อท้ายเรื่องนี้ซึ่งเป็นหมวดสมุทัยก็เพื่อความสะดวกแก่การศึกษา คือศึกษาพร้อมกัน อันจะเป็นการง่าย ได้ผลดีกว่าที่จะแยกกัน.
    -(เรื่องนี้ควรจะอยู่ในหมวดนิโรธ แต่นำมาใส่ไว้ต่อท้ายเรื่องนี้ซึ่งเป็นหมวดสมุทัยก็เพื่อความสะดวกแก่การศึกษา คือศึกษาพร้อมกัน อันจะเป็นการง่าย ได้ผลดีกว่าที่จะแยกกัน. แต่ยังมีลักษณะแห่งจิตของผู้ที่เรียกว่าอยู่คนเดียวที่ลึกซึ้งกว่า ประณีตกว่าเรื่องนี้ในหมวดนิโรธ หรือภาค ๓ ขอให้ดูจากที่นั้น ที่หน้า ๖๙๕ โดยหัวข้อว่า “ผู้อยู่คนเดียวคือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง”). ทุกข์โทษที่เกิดจากกาม ภิกษุ ท. ! โทษของกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพศิลปะใด ๆ เช่นศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ, ศิลปะแห่งการคำนวณ, ศิลปะแห่งการพยากรณ์, การทำกสิกรรม พาณิชยกรรม และโครักขกรรม, ศิลปะแห่งศัสตราวุธ, และการทำราชการ และศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ; เพราะการประกอบอาชีพนั้น ๆ เขาต้องเผชิญหน้าต่อความหนาว ความร้อน เผชิญหน้าด้วย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัมผัสด้วยสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ซูบผอมอยู่ หิวระหายอยู่ เพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา. ภิกษุ ท. ! นี้ เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายามอยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอก ร่ำไห้ ถึงความมืดมัวอยู่ ว่า “ความขยันของเรา เป็นหมันหนอ, ความพยายามของเราไร้ผลหนอ” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! เมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียร ขวนขวาย พยายาม อยู่อย่างนี้, โภคทรัพย์ ก็สำเร็จแก่เขาด้วย เขา ก็จะต้องเสวยทุกข์ โทมนัสเพราะการอารักขาโภคทรัพย์เหล่านั้นเป็นต้นเหตุ ด้วยหวังอยู่ ว่า “พระราชาจะไม่ริบทรัพย์เหล่านั้นไป, โจร จะไม่ปล้นทรัพย์เหล่านั้นไป, ไฟ จะไม่ไหม้ทรัพย์เหล่านั้น, น้ำ จะไม่ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้น ; ทายาทที่ไม่พอใจ จะไม่ยื้อแย่งทรัพย์เหล่านั้นไป” ดังนี้. เมื่อกุลบุตรนั้น ทำการอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชา ริบเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, โจร ปล้นเอาทรัพย์เหล่านั้นไปเสียก็ตาม, ไฟ ไหม้ทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, น้ำ ท่วมทำลายทรัพย์เหล่านั้นเสียก็ตาม, หรือทายาทที่ไม่พอใจ ยื้อแย่งเอาทรัพย์เหล่านั้นไปได้ก็ตาม, เขา ย่อมโศกเศร้า ระทมใจ คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ถึงความมืดมัวรำพันอยู่ ว่า “ ทรัพย์ใดได้มีแล้วแก่เรา ทรัพย์นั้นไม่มีเสียแล้ว” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : พระราชา ย่อมวิวาทกับพระราชาบ้าง, กษัตริย์ย่อมวิวาทกับกษัตริย์บ้าง, พราหมณ์ย่อมวิวาทกับพราหมณ์บ้าง, คฤหบดีย่อมวิวาทกับคฤหบดีบ้าง, มารดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง, บุตรย่อมวิวาทกับมารดาบ้าง, บิดาย่อมวิวาทกับบุตรบ้าง. บุตรย่อมวิวาทกับบิดาบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, พี่น้องชายย่อมวิวาทกับพี่น้องหญิงบ้าง, พี่น้องหญิงย่อมวิวาทกับพี่น้องชายบ้าง, สหายย่อมวิวาทกับสหายบ้าง ; คนเหล่านั้น ทำการทะเลาะ วิวาท บาดหมางกันแล้ว ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยมือบ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยก้อนดินบ้าง ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยท่อนไม้บ้าง, ย่อมต่อสู้กันและกันด้วยศัสตราบ้าง, อยู่ในที่นั้นๆ. เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุ เพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร แบ่งกันเป็นสองกองทัพ พุ่งเข้าทำสงครามกัน. เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษ ของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ถือดาบและโล่ ผูกสอดธนูและแล่งศร วิ่งขึ้นปีนเชิงเทิน (เพื่อปล้นเอาเมือง), เมื่อลูกศรถูกปล่อยไป, เมื่อหอกถูกซัดไป, เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งอยู่, คนเหล่านั้น ยิงกันด้วยลูกศรบ้าง, แทงกันด้วยหอกบ้าง, ราดกันด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง. ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง, ตัดศีรษะกันด้วยดาบบ้าง, ในสงครามนั้น ๆ, เขาเหล่านั้นย่อมถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น. พระราชา จับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้ลงกรรมกรณ์หลายวิธีด้วยกัน เช่นเฆี่ยนด้วยหวายบ้าง, หวดด้วยเชือกหนังบ้าง, ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง, ตัดมือเสียบ้าง, ตัดเท้าเสียบ้าง, ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง, ตัดหูบ้าง, ตัดจมูกบ้าง, ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง, ยอมทำโทษโดยวิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ขอดสังข์๒ บ้าง. ย่อมทำโทษ ๑. หม้อเคี่ยวน้ำส้ม คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไปให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้น เหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ. ๒. ขอดสังข์ คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุ ยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกระโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์. โดยวิธี ปากราหู๓ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี มาลัยไฟ๔ บ้าง. ย่อมทำโทษ โดยวิธีคบมือ๕ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ริ้วส่าย๖ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี นุ่งเปลือกไม้๗ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ยืนกวาง๘ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธีเกี่ยวเหยื่อเบ็ด๙ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี เหรียญกษปณ์๑๐ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ทาเกลือบ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี แปรงแสบ๑๑ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี กางเกวียน๑๒ บ้าง, ย่อมทำโทษโดยวิธี ตั่งฟาง๑๓ บ้าง, ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง, ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง๑๔ บ้าง, ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง, ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. เขาเหล่านั้น ย่อม ๓. ปากราหู คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู. ๔. มาลัยไฟ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ ๕. คบมือ คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั่วสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ. ๖. ริ้วส่าย คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวล้มลุกคลุกคลานไปกว่าจะตาย ๗. นุ่งเปลือกไม้ คือเชือดหนังเป็นริ้ว ๆ อย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้ ๘. ยืนกวาง คือใช้ห่วงเหล็กรัดศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนไปกว่าจะตาย. ๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด. ๑๐. เหรียญกษาปณ์ คือใช้มีดคมเชือดเนื้อออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย. ๑๑. แปรงแสบ คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้หนังเนื้อเอ็น ขาดหลุดออกมาหมด เหลือแต่กระดูก. ๑๒. างเกวียน คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองยกเดินเวียน. ๑๓. ตั่งฟาง คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนดั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า. ๑๔. ให้สุนัขทึ้ง คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก, -นัยอรรถกถา และพระไตรปิฎกแปลของ ม.อำไพจริต. ถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เอง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : เพราะกามเป็นเหตุ เพราะกามเป็นเครื่องก่อ เพราะกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว : คนทั้งหลาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ. ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว, เขาเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการแตกสลายแห่งกาย. ภิกษุ ท. ! แม้นี้ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นได้เองมีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นเครื่องก่อ มีกามเป็นเครื่องให้กระทำ เป็นเหตุเพราะกามนั่นเทียว, ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ
    สัทธรรมลำดับที่ : 680
    ชื่อบทธรรม :- สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ

    ก. สุขัลลิกานุโยคของมิจฉาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+อนริยา
    --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย
    กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า
    “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค
    (ประกอบตนให้ชุ่มอยู่ด้วยความสุข)”
    ดังนี้.
    --จุนทะ ! เมื่อปริพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นกล่าวอยู่อย่างนี้
    พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า “อาวุโส ! สุขัลลิกานุโยคชนิดไหนกัน ?
    ก็สุขัลลิกานุโยคมีอยู่มาก หลายอย่างหลายประการ”
    ดังนี้.
    --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้
    เป็นการกระทำที่ต่ำทรามเป็นของชาวบ้าน
    เป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
    ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด
    ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ความสงบระงับ
    ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม
    ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานสี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
    +--จุนทะ !
    คนบางคน ในกรณีนี้
    เป็นคนพาล ฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๑.
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    คนบางคนในโลกนี้
    ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เลี้ยงตัวเองให้ป็นสุขให้อิ่มหนำ
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๒.
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    คนบางคนในกรณีนี้
    กล่าวเท็จแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๓.
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    คนบางคนในกรณีนี้
    อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ให้เขาบำเรออยู่ :
    นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๔.

    ข. สุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/pali/11/144/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+สมฺมา
    --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า
    “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านั้น (เป็นแน่)”
    ดังนี้ ;
    พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า หาใช่อย่างนั้นไม่.
    ปริพาชกเหล่านั้น ไม่ได้กล่าวแก่พวกเธอโดยชอบ
    แต่กล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้.
    --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้
    เป็นไปเพื่อความหน่ายความคลายกำหนัด
    เป็นไปเพื่อความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ
    เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว.
    สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?
    +--จุนทะ ! สี่อย่างคือ
    +--ภิกษุในกรณีนี้
    เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรม ท.
    จึง บรรลุฌานที่ ๑ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่หนึ่ง ;
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    +--ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้
    จึง บรรลุณานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
    นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร
    มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สอง ;
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    +--ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา
    มีสติสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย
    บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า
    ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข, แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สาม ;
    +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ภิกษุ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้
    เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัส ท. ในกาลก่อน
    จึง บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข
    มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่
    : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สี่.
    --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้แล
    เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด
    ....ฯลฯ....
    เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว.
    --จุนทะ ! นั่นแหละ คือฐานะที่มีอยู่
    คือฐานะที่ปริพพาชกผู้เป็น ลัทธิอื่น ท. จะกล่าวอย่างนี้ ว่า
    “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างประกอบด้วย สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้”
    ดังนี้.
    พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า อย่างนั้นถูกแล้ว.
    ปริพพาชกเหล่านั้นกล่าวกะพวกเธออยู่อย่างถูกต้อง ;
    จะกล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้ ก็หามิได้.
    #ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/pali/11/145/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+ผลานิ

    --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า
    “อาวุโส ! เมื่อท่านทั้งหลาย ตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ ท่านหวังผลอะไร หวังอานิสงส์อะไร ? ”
    เมื่อพวกเขากล่าวอย่างนี้ เธอพึงกล่าวตอบเขาว่า
    “อาวุโส ! พวกเราตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้
    หวังผล ๔ อย่าง หวังอานิสงส์ ๔ อย่าง.
    สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างในกรณีนี้ คือ
    ๑--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม #เป็นโสดาบัน
    มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า
    : นี้เป็น ผลที่หนึ่ง เป็นอานิสงส์ที่หนึ่ง.
    อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ๒--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม
    และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะเป็นธรรมชาติเบาบาง #เป็นสกทาคามี
    มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    : นี้เป็น ผลที่สอง เป็นอานิสงส์ที่สอง.
    อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ๓--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้งห้าอย่าง #เป็นโอปปาติกะ(อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
    : นี้เป็น ผลที่สาม เป็นอานิสงส์ที่สาม.
    อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก :
    ๔--ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง $เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
    #เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่
    : นี้เป็น ผลที่สี่ เป็นอานิสงส์ที่สี่.
    อาวุโส ! เราทั้งหลายตามประกอบซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง
    เหล่านี้อยู่ เพราะหวังผล ๔ อย่างเหล่านี้”
    ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปา. ที. 11/102-104/114-116
    http://etipitaka.com/read/thai/11/102/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปา. ที. ๑๑/๑๔๓-๑๔๕/๑๑๔-๑๑๖
    http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48&id=680
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48
    ลำดับสาธยายธรรม : 48 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_48.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ สัทธรรมลำดับที่ : 680 ชื่อบทธรรม :- สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680 เนื้อความทั้งหมด :- --สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ ก. สุขัลลิกานุโยคของมิจฉาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+อนริยา --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค (ประกอบตนให้ชุ่มอยู่ด้วยความสุข)” ดังนี้. --จุนทะ ! เมื่อปริพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นกล่าวอยู่อย่างนี้ พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า “อาวุโส ! สุขัลลิกานุโยคชนิดไหนกัน ? ก็สุขัลลิกานุโยคมีอยู่มาก หลายอย่างหลายประการ” ดังนี้. --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นการกระทำที่ต่ำทรามเป็นของชาวบ้าน เป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ความสงบระงับ ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานสี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ +--จุนทะ ! คนบางคน ในกรณีนี้ เป็นคนพาล ฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๑. +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในโลกนี้ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เลี้ยงตัวเองให้ป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๒. +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้ กล่าวเท็จแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๓. +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้ อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ให้เขาบำเรออยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๔. ข. สุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/pali/11/144/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+สมฺมา --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านั้น (เป็นแน่)” ดังนี้ ; พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า หาใช่อย่างนั้นไม่. ปริพาชกเหล่านั้น ไม่ได้กล่าวแก่พวกเธอโดยชอบ แต่กล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้. --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นไปเพื่อความหน่ายความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? +--จุนทะ ! สี่อย่างคือ +--ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรม ท. จึง บรรลุฌานที่ ๑ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่หนึ่ง ; +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : +--ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึง บรรลุณานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สอง ; +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : +--ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข, แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สาม ; +--จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัส ท. ในกาลก่อน จึง บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สี่. --จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้แล เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ....ฯลฯ.... เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. --จุนทะ ! นั่นแหละ คือฐานะที่มีอยู่ คือฐานะที่ปริพพาชกผู้เป็น ลัทธิอื่น ท. จะกล่าวอย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างประกอบด้วย สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้. พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า อย่างนั้นถูกแล้ว. ปริพพาชกเหล่านั้นกล่าวกะพวกเธออยู่อย่างถูกต้อง ; จะกล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้ ก็หามิได้. #ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/pali/11/145/?keywords=สุขลฺลิกานุโย+ผลานิ --จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “อาวุโส ! เมื่อท่านทั้งหลาย ตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ ท่านหวังผลอะไร หวังอานิสงส์อะไร ? ” เมื่อพวกเขากล่าวอย่างนี้ เธอพึงกล่าวตอบเขาว่า “อาวุโส ! พวกเราตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ หวังผล ๔ อย่าง หวังอานิสงส์ ๔ อย่าง. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างในกรณีนี้ คือ ๑--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม #เป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า : นี้เป็น ผลที่หนึ่ง เป็นอานิสงส์ที่หนึ่ง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ๒--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะเป็นธรรมชาติเบาบาง #เป็นสกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ : นี้เป็น ผลที่สอง เป็นอานิสงส์ที่สอง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ๓--ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้งห้าอย่าง #เป็นโอปปาติกะ(อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา : นี้เป็น ผลที่สาม เป็นอานิสงส์ที่สาม. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ๔--ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง $เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ #เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ : นี้เป็น ผลที่สี่ เป็นอานิสงส์ที่สี่. อาวุโส ! เราทั้งหลายตามประกอบซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้อยู่ เพราะหวังผล ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปา. ที. 11/102-104/114-116 http://etipitaka.com/read/thai/11/102/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปา. ที. ๑๑/๑๔๓-๑๔๕/๑๑๔-๑๑๖ http://etipitaka.com/read/pali/11/143/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=680 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48&id=680 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=48 ลำดับสาธยายธรรม : 48 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_48.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ
    -(ความชุ่มอยู่ในกามสุข เรียกว่ากามสุขัลลิกะ, การประกอบตนอยู่ในกามสุขัลลิกะ เรียกว่า กามสุขัลลิกานุโยค ; จัดเป็นอันตะฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นข้าศึกแก่มัชฌิมาปฏิปทา) . สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ ก. สุขัลลิกานุโยคของมิจฉาทิฏฐิ จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค (ประกอบตนให้ชุ่มอยู่ด้วยความสุข)” ดังนี้. จุนทะ ! เมื่อปริพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นกล่าวอยู่อย่างนี้ พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า “อาวุโส ! สุขัลลิกานุโยคชนิดไหนกัน ? ก็สุขัลลิกานุโยคมีอยู่มาก หลายอย่างหลายประการ” ดังนี้. จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นการกระทำที่ต่ำทรามเป็นของชาวบ้าน เป็นของชนชั้นปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความดับ ความสงบระงับ ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานสี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ คนบางคน ในกรณีนี้ เป็นคนพาล ฆ่าสัตว์มีชีวิตแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๑. จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในโลกนี้ ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เลี้ยงตัวเองให้ป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๒. จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้ กล่าวเท็จแล้ว เลี้ยงตัวเองให้เป็นสุขให้อิ่มหนำ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคข้อที่ ๓. จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : คนบางคนในกรณีนี้อิ่มเอิบเพียบพร้อมด้วยกามคุณทั้งห้า ให้เขาบำเรออยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยค ข้อที่ ๔. ข. สุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างตามประกอบด้วยสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านั้น (เป็นแน่)” ดังนี้ ; พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า หาใช่อย่างนั้นไม่. ปริพาชกเหล่านั้น ไม่ได้กล่าวแก่พวกเธอโดยชอบ แต่กล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้. จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้ เป็นไปเพื่อความหน่ายความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ? จุนทะ ! สี่อย่างคือ ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรม ท. จึง บรรลุฌานที่ ๑ อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่หนึ่ง ; จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึง บรรลุณานที่ ๒ เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สอง ; จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ จึงอยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ และย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย บรรลุฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข, แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่สาม ; จุนทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัส ท. ในกาลก่อน จึง บรรลุฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความมีสติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ : นี้เป็นสุขัลลิกานุโยคที่. จุนทะ ! สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้แล เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ....ฯลฯ.... เพื่อนิพพาน, โดยส่วนเดียว. จุนทะ ! นั่นแหละ คือฐานะที่มีอยู่ คือฐานะที่ปริพพาชกผู้เป็น ลัทธิอื่น ท. จะกล่าวอย่างนี้ ว่า “พวกสมณศากยปุตติย์ อยู่กันอย่างประกอบด้วย สุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้. พวกเธอพึงกล่าวกะเขาว่า อย่างนั้นถูกแล้ว. ปริพพาชกเหล่านั้นกล่าวกะพวกเธออยู่อย่างถูกต้อง ; จะกล่าวตู่พวกเธอด้วยคำไม่จริง ไม่แท้ ก็หามิได้. ผลแห่งสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ จุนทะ ! อาจจะมีปริพพาชกผู้เป็นลัทธิอื่นทั้งหลาย กล่าวกะพวกเธออย่างนี้ ว่า “อาวุโส ! เมื่อท่านทั้งหลาย ตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ ท่านหวังผลอะไร หวังอานิสงส์อะไร ? ” เมื่อพวกเขากล่าวอย่างนี้ เธอพึงกล่าวตอบเขาว่า “อาวุโส ! พวกเราตามประกอบอยู่ซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่างเหล่านี้ หวังผล ๔ อย่าง หวังอานิสงส์ ๔ อย่าง. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างในกรณีนี้ คือ ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม เป็น โสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า : นี้เป็น ผลที่หนึ่ง เป็นอานิสงส์ที่หนึ่ง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะเป็นธรรมชาติเบาบาง เป็น สกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ : นี้เป็น ผลที่สอง เป็นอานิสงส์ที่สอง. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ในเบื้องต่ำทั้งห้าอย่าง เป็น โอปปาติกะ (อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา : นี้เป็น ผลที่สาม เป็นอานิสงส์ที่สาม. อาวุโส ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่ : นี้เป็น ผลที่สี่ เป็นอานิสงส์ที่สี่. อาวุโส ! เราทั้งหลายตามประกอบซึ่งสุขัลลิกานุโยค ๔ อย่าง เหล่านี้อยู่ เพราะหวังผล ๔ อย่างเหล่านี้” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1047
    ชื่อบทธรรม :- บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1047
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ
    --ภิกษุ ท. ! บริษัท ๒ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่.
    สองจำพวก อย่างไรเล่า? สองจำพวกคือ
    ๑.บริษัทไม่ประเสริญ (อนริย)
    http://etipitaka.com/read/pali/20/90/?keywords=อนริย+ปริส
    ๒.บริษัทประเสริฐ (อริย).
    http://etipitaka.com/read/pali/20/90/?keywords=อริย+ปริส
    --ภิกษุ ท. ! บริษัทไม่ประเสริฐ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในบริษัทใด ในกรณีนี้ ล้วนแต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า
    “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย,
    นี้ ทุกขนิโรธ,
    นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้ ;
    บริษัทนี้ เรากล่าวว่า #บริษัทไม่ประเสริฐ.

    --ภิกษุ ท. ! บริษัทประเสริฐ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในบริษัทใด ในกรณีนี้ ล้วนแต่รู้ตามเป็นจริงว่า
    “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย,
    นี้ ทุกขนิโรธ,
    นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้;
    บริษัทนี้ เรากล่าวว่า #บริษัทประเสริฐ.
    --ภิกษุ ท. ! บริษัทมี ๒ จำพวกเหล่านี้แล.
    บริษัทที่เลิศในบรรดาบริษัททั้งสองนี้ คือ บริษัทประเสริฐ (อริย ปริส).-

    #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/67/290.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/67/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๙๐/๒๙๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/90/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1047
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1047
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91
    ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ สัทธรรมลำดับที่ : 1047 ชื่อบทธรรม :- บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1047 เนื้อความทั้งหมด :- --บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ --ภิกษุ ท. ! บริษัท ๒ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่. สองจำพวก อย่างไรเล่า? สองจำพวกคือ ๑.บริษัทไม่ประเสริญ (อนริย) http://etipitaka.com/read/pali/20/90/?keywords=อนริย+ปริส ๒.บริษัทประเสริฐ (อริย). http://etipitaka.com/read/pali/20/90/?keywords=อริย+ปริส --ภิกษุ ท. ! บริษัทไม่ประเสริฐ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในบริษัทใด ในกรณีนี้ ล้วนแต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ ทุกขนิโรธ, นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้ ; บริษัทนี้ เรากล่าวว่า #บริษัทไม่ประเสริฐ. --ภิกษุ ท. ! บริษัทประเสริฐ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในบริษัทใด ในกรณีนี้ ล้วนแต่รู้ตามเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ ทุกขนิโรธ, นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้; บริษัทนี้ เรากล่าวว่า #บริษัทประเสริฐ. --ภิกษุ ท. ! บริษัทมี ๒ จำพวกเหล่านี้แล. บริษัทที่เลิศในบรรดาบริษัททั้งสองนี้ คือ บริษัทประเสริฐ (อริย ปริส).- #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. 20/67/290. http://etipitaka.com/read/thai/20/67/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทุก. อํ. ๒๐/๙๐/๒๙๐. http://etipitaka.com/read/pali/20/90/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1047 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1047 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91 ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ
    -(ผู้ศึกษาอาจจะสังเกตเห็นได้เองว่า การศึกษาและปฏิบัติตามหลักอริยสัจสี่ประการนั้น จะไม่เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกาลามสูตรทั้งสิบประการแต่อย่างใด เพราะมีเหตุผลที่แสดงชัดอยู่ในตัวเองว่าทุกข์เป็นอย่างไร เหตุให้เกิดทุกข์เป็นอย่างไร ความดับทุกข์เป็นอย่างไร มรรคอาจจะดับทุกข์ได้แท้จริงอย่างไร โดยไม่ต้อเชื่อคำบอกตามๆ กันมา ไม่ต้องดูการประพฤติตามๆ กันมา หรือเชื่อตามคำเล่าลือ หรืออ้างว่ามีอยู่ในตำรา หรือใช้เหตุผลตามทางตรรก หรือตามทางนัยะคือปรัชญา หรือตรึกตามสามัญสำนึก หรือเพราะเข้ากันได้กับเหตุผลของตน หรือผู้พูดอยู่ในฐานะน่าเชื่อ หรือผู้พูดเป็นครูของตน ซึ่งพระองค์เองก็ได้ตรัสย้ำในข้อนี้อยู่เสมอ. เป็นอัน กล่าวได้ว่า ความรู้และการปฏิบัติในอริยสัจทั้งสี่นี้ ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องงมงาย หรือสีลัพพัตตปรามาส อันขัดต่อหลักกาลามสูตร แต่อย่างใด). บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ ภิกษุ ท. ! บริษัท ๒ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่. สองจำพวก อย่างไรเล่า? สองจำพวกคือ บริษัทไม่ประเสริญ (อนริย) บริษัทประเสริฐ (อริย). ภิกษุ ท. ! บริษัทไม่ประเสริฐ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในบริษัทใด ในกรณีนี้ ล้วนแต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ ทุกขนิโรธ, นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้ ; บริษัทนี้ เรากล่าวว่า บริษัทไม่ประเสริฐ. ภิกษุ ท. ! บริษัทประเสริฐ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในบริษัทใด ในกรณีนี้ ล้วนแต่รู้ตามเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ ทุกขนิโรธ, นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” ดังนี้; บริษัทนี้ เรากล่าวว่า บริษัทประเสริฐ. ภิกษุ ท. ! บริษัทมี ๒ จำพวกเหล่านี้แล. บริษัทที่เลิศในบรรดาบริษัททั้งสองนี้ คือบริษัทประเสริฐ (อริยปริส).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาเกิดปัญหาอะไรในชีวิต...
    Cr.Wiwan Boonya
    เวลาเกิดปัญหาอะไรในชีวิต... Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันพระใหญ่ /วันอาสาฬหบูชา น้อมบูชาพระรัตนตรัย รักษาบุญ ศิล ภาวนาเอาให้ดี เจริญภาวนาให้ดี
    วันพระใหญ่ /วันอาสาฬหบูชา น้อมบูชาพระรัตนตรัย รักษาบุญ ศิล ภาวนาเอาให้ดี เจริญภาวนาให้ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตื่นขึ้นมาเรารักษา กาย วาจา ใจเราไว้ดีรึยัง เข้าพรรษาก็เพียนในความดี บุญกุศลฯ ทำได้ในชาติมนุษย์เท่านั้นนะ
    ตื่นขึ้นมาเรารักษา กาย วาจา ใจเราไว้ดีรึยัง เข้าพรรษาก็เพียนในความดี บุญกุศลฯ ทำได้ในชาติมนุษย์เท่านั้นนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIG Story | นายพันอันตราย

    พลิกแฟ้มคดีสะเทือนขวัญ การลอบสังหาร "ปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์" ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ปมสังหารซ่อนเงื่อนที่โยงไปถึงการจับกุมนายทหารผู้กว้างขวาง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ “ผู้พันตึ๋ง” เบื้องหลังอำนาจมืดและความโหดเหี้ยมที่ช็อกสังคมไทย

    ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: นายพันอันตราย ได้ที่ Thaitimes App

    #BigStory #นายพันอันตราย #ผู้พันตึ๋ง #คดีลอบสังหาร #คดีดัง #อำนาจมืด #ThaiTimes
    BIG Story | นายพันอันตราย พลิกแฟ้มคดีสะเทือนขวัญ การลอบสังหาร "ปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์" ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ปมสังหารซ่อนเงื่อนที่โยงไปถึงการจับกุมนายทหารผู้กว้างขวาง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ “ผู้พันตึ๋ง” เบื้องหลังอำนาจมืดและความโหดเหี้ยมที่ช็อกสังคมไทย 📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: นายพันอันตราย ได้ที่ Thaitimes App #BigStory #นายพันอันตราย #ผู้พันตึ๋ง #คดีลอบสังหาร #คดีดัง #อำนาจมืด #ThaiTimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สลามเมืองไทย EP24 | เมล็ดพันธุ์ของพ่อ วิถีพอเพียง ชุมชนกาแลตาแป จ.นราธิวาส

    ในตอนนี้ อนุชา แฮมเมอร์ จะพาผู้ชมไปร่วมสัมผัสกับเรื่องราวอันแสนอบอุ่นของชุมชนกาแลตาแป จังหวัดนราธิวาส พื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านกึ่งวิถีมุสลิมแห่งแรก ที่นำแนวคิด “เมล็ดพันธุ์ของพ่อ” และ “เศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการสร้างชีวิตใหม่ให้กับผู้คน

    จากอดีตผู้ต้องขัง สู่ผู้มีอาชีพมั่นคง มีคุณค่า และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างสงบสุข ที่นี่ไม่ได้เพียงปลูกพืช แต่ยังปลูกคนให้กลับมาเติบโตอย่างมีศักดิ์ศรี

    ชุมชนกาแลตาแปคือตัวอย่างของการให้โอกาสและการฟื้นฟูสังคมด้วยความรัก ความเข้าใจ และหลักคิดที่ยึดโยงกับคำสอนของทั้งศาสนาและในหลวงรัชกาลที่ 9

    ติดตามการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เพื่อเรียนรู้ว่าการให้อภัยและการให้โอกาส สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนและสังคมได้จริง

    #สลามเมืองไทย #EP24 #เมล็ดพันธุ์ของพ่อ #วิถีพอเพียง #ชุมชนกาแลตาแป #นราธิวาส #บ้านกึ่งวิถีมุสลิม #คืนคนดีสู่สังคม #ThaiMuslimCommunity #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP24 | เมล็ดพันธุ์ของพ่อ วิถีพอเพียง ชุมชนกาแลตาแป จ.นราธิวาส ในตอนนี้ อนุชา แฮมเมอร์ จะพาผู้ชมไปร่วมสัมผัสกับเรื่องราวอันแสนอบอุ่นของชุมชนกาแลตาแป จังหวัดนราธิวาส พื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านกึ่งวิถีมุสลิมแห่งแรก ที่นำแนวคิด “เมล็ดพันธุ์ของพ่อ” และ “เศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักในการสร้างชีวิตใหม่ให้กับผู้คน จากอดีตผู้ต้องขัง สู่ผู้มีอาชีพมั่นคง มีคุณค่า และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างสงบสุข ที่นี่ไม่ได้เพียงปลูกพืช แต่ยังปลูกคนให้กลับมาเติบโตอย่างมีศักดิ์ศรี ชุมชนกาแลตาแปคือตัวอย่างของการให้โอกาสและการฟื้นฟูสังคมด้วยความรัก ความเข้าใจ และหลักคิดที่ยึดโยงกับคำสอนของทั้งศาสนาและในหลวงรัชกาลที่ 9 ติดตามการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เพื่อเรียนรู้ว่าการให้อภัยและการให้โอกาส สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนและสังคมได้จริง #สลามเมืองไทย #EP24 #เมล็ดพันธุ์ของพ่อ #วิถีพอเพียง #ชุมชนกาแลตาแป #นราธิวาส #บ้านกึ่งวิถีมุสลิม #คืนคนดีสู่สังคม #ThaiMuslimCommunity #ThaiTimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดี ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ความว่า

    “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น“พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง

    “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นปฐมเทศนานั้น คือวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางเทคโนโลยีการสื่อสารอันรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ความสงบสุขในโลกกลับถดถอยเสื่อมทรามลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกคนต้องจำทนอยู่ในวังวนแห่งความรู้สึกชิงชัง ก้าวร้าว และตึงเครียด โดยเหตุที่เสพคุ้นกับข้อมูลเท็จ การส่อเสียด คำหยาบคาย และความเพ้อเจ้อ จนกระทบกระเทือนสุขภาพจิต ท่านทั้งหลายจึงควรคิดหันมาศึกษาพิจารณาอริยมรรค แล้วมุ่งมั่นดำเนินจริยาไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้ตนเอง และบรรดาสมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาวาจา” ซึ่งหมายถึง “การเจรจาชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเพิ่มพูนสติยับยั้งการสื่อสารของตนและคนรอบข้าง อย่าพลั้งเผลอหรือสนุกคะนองในการใช้มิจฉาวาจา ขอจงรักษาคำจริงและความจริงไว้ทุกเมื่อ ขอให้สำนึกไว้เสมอว่า เมื่อใดที่บุคคลใดพูดหรือเขียนคำเท็จ คำส่อเสียด คำหยาบคาย และคำเพ้อเจ้อ ไม่ว่าในช่องทางใด หรือวาระโอกาสใด เมื่อนั้นคือการอวดความทรุดโทรมต่ำช้าที่หยั่งรากอยู่ในความสืบเนื่องแห่งอุปนิสัยของบุคคลนั้น อันนับว่าน่าอับอาย มากกว่าที่น่าจะนำมาอวดแสดงกัน

    วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาวาจา” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งมิจฉาวาจา เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากการหลอกลวง การวิวาทบาดหมาง และความตึงเครียด นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตรายได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้มีวาจาชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดี ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ความว่า “ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่สาธุชนจักได้น้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นการเริ่มประกาศพระศาสนา กระทั่งบังเกิดมีพระอริยสงฆ์ ครบถ้วนพร้อมเป็น“พระรัตนตรัย” ซึ่งเป็นสรณะนำทางชีวิตของพุทธบริษัท ให้มุ่งหน้าดำเนินไปสู่หนทางดับเพลิงทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นปฐมเทศนานั้น คือวิถีทางดับทุกข์ด้วยมรรคมีองค์ ๘ หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางเทคโนโลยีการสื่อสารอันรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ความสงบสุขในโลกกลับถดถอยเสื่อมทรามลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทุกคนต้องจำทนอยู่ในวังวนแห่งความรู้สึกชิงชัง ก้าวร้าว และตึงเครียด โดยเหตุที่เสพคุ้นกับข้อมูลเท็จ การส่อเสียด คำหยาบคาย และความเพ้อเจ้อ จนกระทบกระเทือนสุขภาพจิต ท่านทั้งหลายจึงควรคิดหันมาศึกษาพิจารณาอริยมรรค แล้วมุ่งมั่นดำเนินจริยาไปบนหนทางแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุประการหนึ่ง กล่าวคือ การปลูกฝังสั่งสมให้ตนเอง และบรรดาสมาชิกในสังคม มีค่านิยมในการครอง “สัมมาวาจา” ซึ่งหมายถึง “การเจรจาชอบ” ไว้ให้ได้อย่างมั่นคง ขอให้ช่วยกันเพิ่มพูนสติยับยั้งการสื่อสารของตนและคนรอบข้าง อย่าพลั้งเผลอหรือสนุกคะนองในการใช้มิจฉาวาจา ขอจงรักษาคำจริงและความจริงไว้ทุกเมื่อ ขอให้สำนึกไว้เสมอว่า เมื่อใดที่บุคคลใดพูดหรือเขียนคำเท็จ คำส่อเสียด คำหยาบคาย และคำเพ้อเจ้อ ไม่ว่าในช่องทางใด หรือวาระโอกาสใด เมื่อนั้นคือการอวดความทรุดโทรมต่ำช้าที่หยั่งรากอยู่ในความสืบเนื่องแห่งอุปนิสัยของบุคคลนั้น อันนับว่าน่าอับอาย มากกว่าที่น่าจะนำมาอวดแสดงกัน วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเตือนใจให้รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะสูงสุดของพุทธบริษัทแล้ว ยังอาจเตือนใจให้ทุกท่าน ตระหนักแน่วแน่ในอริยมรรคข้อ “สัมมาวาจา” เพราะฉะนั้น หากท่านประสงค์ให้สังคมไทยร่มเย็นเป็นสุข จงหมั่นเพียรศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมะ มีน้ำใจกล้าหาญที่จะละทิ้งมิจฉาวาจา เพื่อให้ทุกครอบครัว และทุกชุมชน เป็นสถานที่ปลอดจากการหลอกลวง การวิวาทบาดหมาง และความตึงเครียด นับเป็นการเกื้อกูลตนเอง และสรรพชีวิตทั่วหน้า ให้สามารถพ้นจากภยันตรายได้สมตามความมุ่งมาดปรารถนาอย่างแท้จริง อนึ่ง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรม จงพลันบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้มีวาจาชอบ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.”
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 วันอาสาฬหบูชา
    วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ[2] ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นกาสี อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์[3]

    การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ 1 ในปัญจวัคคีย์ ประกอบด้วย โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมของพระพุทธเจ้า จนได้ดวงตาเห็นธรรมหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ท่านจึงขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสาวกและภิกษุองค์แรกในโลก และทำให้ในวันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันนี้ถูกเรียกว่า "วันพระธรรม" หรือ วันพระธรรมจักร อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก และ "วันพระสงฆ์" คือวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และจัดว่าเป็น"วันพระรัตนตรัย" อีกด้วย

    เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีการบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาในประเทศพุทธเถรวาทมาก่อน จนมาในปี พ.ศ. 2501 การบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาจึงได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย ตามที่คณะสังฆมนตรี ได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2501 โดยคณะสังฆมนตรีได้มีมติให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธในประเทศไทย
    วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 วันอาสาฬหบูชา วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปี ก่อนพุทธศักราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ[2] ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นกาสี อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์[3] การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ 1 ในปัญจวัคคีย์ ประกอบด้วย โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมของพระพุทธเจ้า จนได้ดวงตาเห็นธรรมหรือบรรลุเป็นพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน ท่านจึงขออุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา พระอัญญาโกณฑัญญะจึงกลายเป็นพระสาวกและภิกษุองค์แรกในโลก และทำให้ในวันนั้นมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันนี้ถูกเรียกว่า "วันพระธรรม" หรือ วันพระธรรมจักร อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก และ "วันพระสงฆ์" คือวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และจัดว่าเป็น"วันพระรัตนตรัย" อีกด้วย เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีการบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาในประเทศพุทธเถรวาทมาก่อน จนมาในปี พ.ศ. 2501 การบูชาในเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาจึงได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย ตามที่คณะสังฆมนตรี ได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2501 โดยคณะสังฆมนตรีได้มีมติให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธในประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถาม-ตอบเรื่องสมาธิ & สติในชีวิตประจำวัน
    (โพสต์นี้เหมาะกับคนภาวนาแต่รู้สึก ‘ยังไม่สงบ’, ‘ยังไม่เข้าใจ’, หรือ ‘ติดขัดแบบอธิบายไม่ถูก’)

    ถาม: สมาธิที่เคยดี ทำไมพอทำอีกครั้งเหมือนทำไม่ได้เลย?
    อาจเพราะจำ "ทางเข้า" ไม่ได้
    ไม่มีขั้นตอนแน่นอน
    หรือปล่อยใจฟุ้งซ่านจนหลุดออกจากเส้นทาง
    ให้ย้อนสำรวจวิธีเดิมที่ได้ผล แล้วค่อยๆ เรียกจังหวะนั้นกลับมา

    ถาม: เวลากำหนดรู้ขาอัตโนมัติตอนเดิน ถือว่าเพ่งเกินไปไหม?
    ถ้าเกิดขึ้นเองอย่าง “อัตโนมัติ”
    ไม่มีคำว่า “เพ่งเกินไป” แน่นอนครับ

    ถาม: หายใจไม่ถึงท้อง เพราะชอบแขม่ว มีวิธีแก้ไหม?
    ใช้มือวางที่หน้าท้องช่วงว่างๆ
    รู้สึกถึงการพอง-ยุบแบบสบายๆ
    ไม่กี่วันจะหายใจเข้าท้องเป็นธรรมชาติ

    ถาม: อะไรคือเครื่องบอกว่าสมาธิเราพัฒนาแล้ว?
    ถ้ามี วิตักกะ (การตรึกถึงสิ่งหนึ่ง)
    และ วิจาระ (แนบแน่นกับสิ่งที่ตรึก)
    = ถือว่าเข้าสู่ขั้นเริ่มพัฒนาแล้วครับ

    ถาม: ต้องพุทโธไปด้วยตอนขับรถ เดิน คิด ฯลฯ หรือแค่รู้เฉยๆ ก็พอ?
    ✔ ถ้าพุทโธแล้ว สติดีขึ้น ฟุ้งซ่านน้อยลง ก็ใช้ได้
    แต่ถ้าแค่รู้ตัวอย่างเดียวแล้วสงบกว่า ก็เลือกแบบนั้น
    ไม่มีสูตรตายตัว อยู่ที่ "อะไรช่วยให้เราตื่นรู้ได้จริง"

    ถาม: เดินจงกรมแต่จิตไม่ตื่น ควรทำไง?
    แนะนำ “สปีดเร็วขึ้น”
    เดินเร็วมาก หรือวิ่งเหยาะ ก็ยังได้
    เพื่อให้จิตตื่นตัว ไม่จม

    ถาม: สมาธิแล้วจิตดิ่ง คิดลบ คิดมาก คิดย้อนอดีตตลอด?
    บ่งบอกว่า "ยังไม่มีที่ตั้งของจิตที่มั่นคง"
    ต้องกลับมาดูว่า เราใช้สิ่งใดเป็นที่เกาะ?
    เกาะแล้วเกิด “วิตักกะ” ไหม? ถ้าไม่ ให้ปรับวิธีภาวนา

    🪷 ภาวนาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเข้าใจให้ถูกจุด
    เมื่อเริ่มเห็นจิต เห็นความเคลื่อนไหวของใจ
    มากกว่าฝืนให้สงบ
    นั่นแหละคือ สมาธิที่แท้จริงจะเริ่มก่อตัวขึ้น

    #ธรรมะใช้ได้จริง
    #เจริญสติแบบเข้าใจ
    #อานาปานสติไม่ใช่แค่หายใจ
    #โพสต์นี้แชร์ให้คนภาวนาอ่าน
    🌿 ถาม-ตอบเรื่องสมาธิ & สติในชีวิตประจำวัน (โพสต์นี้เหมาะกับคนภาวนาแต่รู้สึก ‘ยังไม่สงบ’, ‘ยังไม่เข้าใจ’, หรือ ‘ติดขัดแบบอธิบายไม่ถูก’) ถาม: สมาธิที่เคยดี ทำไมพอทำอีกครั้งเหมือนทำไม่ได้เลย? 🔹 อาจเพราะจำ "ทางเข้า" ไม่ได้ 🔹 ไม่มีขั้นตอนแน่นอน 🔹 หรือปล่อยใจฟุ้งซ่านจนหลุดออกจากเส้นทาง ✅ ให้ย้อนสำรวจวิธีเดิมที่ได้ผล แล้วค่อยๆ เรียกจังหวะนั้นกลับมา ถาม: เวลากำหนดรู้ขาอัตโนมัติตอนเดิน ถือว่าเพ่งเกินไปไหม? 🔑 ถ้าเกิดขึ้นเองอย่าง “อัตโนมัติ” ไม่มีคำว่า “เพ่งเกินไป” แน่นอนครับ ถาม: หายใจไม่ถึงท้อง เพราะชอบแขม่ว มีวิธีแก้ไหม? 👉 ใช้มือวางที่หน้าท้องช่วงว่างๆ รู้สึกถึงการพอง-ยุบแบบสบายๆ 📌 ไม่กี่วันจะหายใจเข้าท้องเป็นธรรมชาติ ถาม: อะไรคือเครื่องบอกว่าสมาธิเราพัฒนาแล้ว? 💡 ถ้ามี วิตักกะ (การตรึกถึงสิ่งหนึ่ง) และ วิจาระ (แนบแน่นกับสิ่งที่ตรึก) = ถือว่าเข้าสู่ขั้นเริ่มพัฒนาแล้วครับ ถาม: ต้องพุทโธไปด้วยตอนขับรถ เดิน คิด ฯลฯ หรือแค่รู้เฉยๆ ก็พอ? ✔ ถ้าพุทโธแล้ว สติดีขึ้น ฟุ้งซ่านน้อยลง ก็ใช้ได้ แต่ถ้าแค่รู้ตัวอย่างเดียวแล้วสงบกว่า ก็เลือกแบบนั้น 🧘‍♂️ ไม่มีสูตรตายตัว อยู่ที่ "อะไรช่วยให้เราตื่นรู้ได้จริง" ถาม: เดินจงกรมแต่จิตไม่ตื่น ควรทำไง? 🏃‍♀️ แนะนำ “สปีดเร็วขึ้น” เดินเร็วมาก หรือวิ่งเหยาะ ก็ยังได้ เพื่อให้จิตตื่นตัว ไม่จม ถาม: สมาธิแล้วจิตดิ่ง คิดลบ คิดมาก คิดย้อนอดีตตลอด? 🌀 บ่งบอกว่า "ยังไม่มีที่ตั้งของจิตที่มั่นคง" ต้องกลับมาดูว่า เราใช้สิ่งใดเป็นที่เกาะ? เกาะแล้วเกิด “วิตักกะ” ไหม? ถ้าไม่ ให้ปรับวิธีภาวนา 🪷 ภาวนาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเข้าใจให้ถูกจุด เมื่อเริ่มเห็นจิต เห็นความเคลื่อนไหวของใจ มากกว่าฝืนให้สงบ นั่นแหละคือ สมาธิที่แท้จริงจะเริ่มก่อตัวขึ้น #ธรรมะใช้ได้จริง #เจริญสติแบบเข้าใจ #อานาปานสติไม่ใช่แค่หายใจ #โพสต์นี้แชร์ให้คนภาวนาอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://mgronline.com/daily/detail/9680000064939
    https://mgronline.com/daily/detail/9680000064939
    MGRONLINE.COM
    เมื่อรัฐมนตรีเอาใครมาเป็นก็ได้
    หลังจากฮุนเซนปล่อยคลิปเสียงออกมาใครก็รู้ว่าความนิยมของพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะแกนนำพรรคเพื่อไทยกำลังตกต่ำ ประจวบกับพรรคภูมิใจไทยถือโอกาสถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล จึงต้องมีการปรับครม. เราก็คิดกันว่าสถานการณ์แบบนี้ทักษิณน่าจะต้องจัดครม.
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีความชั่วมา
    ถ้าพาคบหา
    ตอแยนำพา
    หาดีไม่มี

    เพียรชำระชั่ว
    พัวพันความดี
    เป็นสุขชีวี
    มีทุกข์ดับไป

    ศีลธรรมอาศัย
    ให้สติได้
    ระวังกายใจ
    ให้รู้ความจริง

    มีอนิจจัง
    ทุกขังไม่นิ่ง
    ความจริงพึ่งพิง
    ยิ่งรู้ชำนาญ

    ชำนาญเข้าออก
    ฟอกกรรมการงาน
    มีกรรมรากฐาน
    งานจิตงานกาย

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    มีความชั่วมา ถ้าพาคบหา ตอแยนำพา หาดีไม่มี เพียรชำระชั่ว พัวพันความดี เป็นสุขชีวี มีทุกข์ดับไป ศีลธรรมอาศัย ให้สติได้ ระวังกายใจ ให้รู้ความจริง มีอนิจจัง ทุกขังไม่นิ่ง ความจริงพึ่งพิง ยิ่งรู้ชำนาญ ชำนาญเข้าออก ฟอกกรรมการงาน มีกรรมรากฐาน งานจิตงานกาย ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา 2568
    https://www.thai-tai.tv/news/20167/
    สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา 2568 https://www.thai-tai.tv/news/20167/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันศุกร์ที่ 11 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันศุกร์ที่ 11 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยูเครนกำลังมีการพูดถึงการลักลอบเผาศพทหารยูเครนที่เสียชีวิต เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวทหาร และลดจำนวนตัวเลขของทหารที่เสียชีวิตลง

    วิดีโอที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่ใหม่ครั้งนี้ แหล่งข่าวรายงานว่ามาจากกล้องวงจรปิดภายในเตาเผาศพในภูมิภาคเตอร์โนโปล(Ternopol region) ของยูเครน เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการกำจัดร่างทหารอย่างลับๆ

    ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวความมั่นคงของรัสเซียที่ไม่ระบุชื่อ กล่าวกับสำนักข่าว TASS ของรัสเซียว่า ทางการยูเครนกำลังแอบเผาศพทหารของตนเองที่ถูกส่งกลับคืนมาจจากการแลกเปลี่ยนศพนักโทษจากข้อตกลงที่เกิดขึ้นในอิสตันบูล เจ้าหน้าที่รัสเซียยังกล่าวอีกว่าแรงจูงใจคือเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยการเสียชีวิตให้กับครอบครัวทหาร และลดจำนวนตัวเลขทหารที่เสียชีวิตลง
    ในยูเครนกำลังมีการพูดถึงการลักลอบเผาศพทหารยูเครนที่เสียชีวิต เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวทหาร และลดจำนวนตัวเลขของทหารที่เสียชีวิตลง วิดีโอที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่ใหม่ครั้งนี้ แหล่งข่าวรายงานว่ามาจากกล้องวงจรปิดภายในเตาเผาศพในภูมิภาคเตอร์โนโปล(Ternopol region) ของยูเครน เผยให้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการกำจัดร่างทหารอย่างลับๆ ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวความมั่นคงของรัสเซียที่ไม่ระบุชื่อ กล่าวกับสำนักข่าว TASS ของรัสเซียว่า ทางการยูเครนกำลังแอบเผาศพทหารของตนเองที่ถูกส่งกลับคืนมาจจากการแลกเปลี่ยนศพนักโทษจากข้อตกลงที่เกิดขึ้นในอิสตันบูล เจ้าหน้าที่รัสเซียยังกล่าวอีกว่าแรงจูงใจคือเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยการเสียชีวิตให้กับครอบครัวทหาร และลดจำนวนตัวเลขทหารที่เสียชีวิตลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สมัยก่อน CISO ส่วนใหญ่เติบโตด้วยตัวเอง — ลองผิดลองถูก, เจอบั๊กแล้วเรียนรู้, สื่อสารไม่เก่งก็ฝึกเอาเอง → แต่ตอนนี้เกมเปลี่ยน! Cybersecurity กลายเป็น “ประเด็นในระดับบอร์ด” และจำเป็นต้องมี “ทายาท” ที่ไม่ใช่แค่เทคนิคเทพ แต่ต้อง สื่อสาร–เชื่อมโยงธุรกิจ–วางกลยุทธ์ได้

    Yassir Abousselham (อดีต CISO จาก Okta และ Splunk) บอกว่า → การสร้างผู้นำไซเบอร์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ → เช่น เขาช่วยทีมคนหนึ่งที่ “พูดต่อหน้าคนเยอะไม่ได้” ด้วยการวางแผนฝึกพูดทีละขั้น → สร้างกรอบความคิด → จัดโอกาสให้พูดจริงทีละระดับ

    ขณะที่ CISO บางองค์กรก็สร้าง “โปรแกรมผู้นำแบบจริงจัง” เช่น → PayPal สร้างเส้นทางสำหรับ “ผู้นำหญิงและคนอายุงานกลาง” โดยใช้ทั้งโปรแกรมฝึกภายในและโค้ชเฉพาะด้าน → Brown & Brown คัดคนรุ่นใหม่ที่แสดงแววภาวะผู้นำเข้าร่วมกลุ่มพิเศษ พบซีอีโอรายเดือน + รับโจทย์แก้ปัญหาจริง + เข้าร่วมอีเวนต์ตลอดปี

    CISO สมัยใหม่ยังต้อง "เข้าใจบิท-ไบต์แบบนักวิศวะ" และ "คุยกับบอร์ดผู้บริหารได้" → ต้องปั้นทีมที่มีความสามารถทั้งสองด้าน → และเพื่อไม่ให้เสียคนเก่งเพราะองค์กรไม่เติบโต → ต้องให้เวลา–ความจริงใจ–และระบบสนับสนุนที่ชัดเจน

    CISO สมัยใหม่ต้องสร้างผู้นำรุ่นถัดไป ไม่ใช่แค่สอนเทคนิค  
    • ใช้ทั้งการโค้ชแบบตัวต่อตัว และสร้างโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำเฉพาะด้าน

    Yassir Abousselham เน้นฝึกทักษะที่คนขาด เช่น public speaking → โดยวางเป้าหมายและฝึกอย่างต่อเนื่อง
    • ไม่ยอมรับคำว่า “ฉันทำไม่ได้” หากทักษะนั้นจำเป็นต่อการเติบโต

    PayPal สร้างเส้นทางผู้นำสำหรับกลุ่มผู้หญิงและ mid-career โดยใช้โปรแกรมฝึกผสมผสาน (ภายในและภายนอกองค์กร)

    Brown & Brown สร้าง cohort พิเศษให้คนที่มีแววภาวะผู้นำได้พบ CEO, แก้ปัญหาธุรกิจจริง และรับคำปรึกษาตลอดปี  
    • ใช้เป็นจุดเริ่มการสร้างวัฒนธรรมของผู้นำในองค์กร

    CISO ต้องเข้าใจทั้ง cyber engineering และการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อคุยกับฝ่ายบริหาร

    Ouellette & Associates สร้างโปรแกรม CyberLX (9 เดือน) ฝึกผู้นำไซเบอร์พร้อมโค้ชจาก CISO จริง

    Kath Marston เตือนว่า หากองค์กรไม่ฝึกคนเก่ง → จะเสียคนเหล่านั้นให้กับองค์กรอื่นแน่นอน

    https://www.csoonline.com/article/4015173/how-cisos-are-training-the-next-generation-of-cyber-leaders.html
    สมัยก่อน CISO ส่วนใหญ่เติบโตด้วยตัวเอง — ลองผิดลองถูก, เจอบั๊กแล้วเรียนรู้, สื่อสารไม่เก่งก็ฝึกเอาเอง → แต่ตอนนี้เกมเปลี่ยน! Cybersecurity กลายเป็น “ประเด็นในระดับบอร์ด” และจำเป็นต้องมี “ทายาท” ที่ไม่ใช่แค่เทคนิคเทพ แต่ต้อง สื่อสาร–เชื่อมโยงธุรกิจ–วางกลยุทธ์ได้ Yassir Abousselham (อดีต CISO จาก Okta และ Splunk) บอกว่า → การสร้างผู้นำไซเบอร์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ → เช่น เขาช่วยทีมคนหนึ่งที่ “พูดต่อหน้าคนเยอะไม่ได้” ด้วยการวางแผนฝึกพูดทีละขั้น → สร้างกรอบความคิด → จัดโอกาสให้พูดจริงทีละระดับ ขณะที่ CISO บางองค์กรก็สร้าง “โปรแกรมผู้นำแบบจริงจัง” เช่น → PayPal สร้างเส้นทางสำหรับ “ผู้นำหญิงและคนอายุงานกลาง” โดยใช้ทั้งโปรแกรมฝึกภายในและโค้ชเฉพาะด้าน → Brown & Brown คัดคนรุ่นใหม่ที่แสดงแววภาวะผู้นำเข้าร่วมกลุ่มพิเศษ พบซีอีโอรายเดือน + รับโจทย์แก้ปัญหาจริง + เข้าร่วมอีเวนต์ตลอดปี CISO สมัยใหม่ยังต้อง "เข้าใจบิท-ไบต์แบบนักวิศวะ" และ "คุยกับบอร์ดผู้บริหารได้" → ต้องปั้นทีมที่มีความสามารถทั้งสองด้าน → และเพื่อไม่ให้เสียคนเก่งเพราะองค์กรไม่เติบโต → ต้องให้เวลา–ความจริงใจ–และระบบสนับสนุนที่ชัดเจน ✅ CISO สมัยใหม่ต้องสร้างผู้นำรุ่นถัดไป ไม่ใช่แค่สอนเทคนิค   • ใช้ทั้งการโค้ชแบบตัวต่อตัว และสร้างโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำเฉพาะด้าน ✅ Yassir Abousselham เน้นฝึกทักษะที่คนขาด เช่น public speaking → โดยวางเป้าหมายและฝึกอย่างต่อเนื่อง • ไม่ยอมรับคำว่า “ฉันทำไม่ได้” หากทักษะนั้นจำเป็นต่อการเติบโต ✅ PayPal สร้างเส้นทางผู้นำสำหรับกลุ่มผู้หญิงและ mid-career โดยใช้โปรแกรมฝึกผสมผสาน (ภายในและภายนอกองค์กร) ✅ Brown & Brown สร้าง cohort พิเศษให้คนที่มีแววภาวะผู้นำได้พบ CEO, แก้ปัญหาธุรกิจจริง และรับคำปรึกษาตลอดปี   • ใช้เป็นจุดเริ่มการสร้างวัฒนธรรมของผู้นำในองค์กร ✅ CISO ต้องเข้าใจทั้ง cyber engineering และการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อคุยกับฝ่ายบริหาร ✅ Ouellette & Associates สร้างโปรแกรม CyberLX (9 เดือน) ฝึกผู้นำไซเบอร์พร้อมโค้ชจาก CISO จริง ✅ Kath Marston เตือนว่า หากองค์กรไม่ฝึกคนเก่ง → จะเสียคนเหล่านั้นให้กับองค์กรอื่นแน่นอน https://www.csoonline.com/article/4015173/how-cisos-are-training-the-next-generation-of-cyber-leaders.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How CISOs are training the next generation of cyber leaders
    With cyber risk now a boardroom issue, CISOs are training their teams through personalized coaching for company-wide programs not just to defend, but to become leaders.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates

    Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย

    บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก

    Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต  
    • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”  
    • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้

    บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ

    กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”  
    • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3

    Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่

    ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT  
    • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง

    การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ

    หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก

    ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร

    ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    ในวันที่คนรุ่นใหม่ใช้คริปโตมากกว่าเงินสด และการบินไม่ใช่แค่เรื่องของ “จองผ่านบัตรเครดิต” อีกต่อไป → Emirates เตรียมเปิดรับ “ผู้โดยสารยุค Web3” ผ่านความร่วมมือกับ Crypto.com → โดยให้ใช้บริการ Crypto.com Pay เพื่อจ่ายค่าโดยสารและบริการอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มของ Emirates Adnan Kazim (รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Emirates) บอกว่า → กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าหน้าใหม่ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยี และชอบใช้เงินดิจิทัล” → ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างมากในตลาดตะวันออกกลาง, ยุโรป และเอเชีย บริการนี้จะเริ่มใช้จริง “ในปีหน้า” → โดยรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการจอง–การชำระเงินของ Emirates → ช่วยเปิดประตูสู่เศรษฐกิจแบบไร้พรมแดน และเร่งการยอมรับคริปโตในภาคธุรกิจสายการบินเป็นครั้งแรก ✅ Emirates Airline ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นกับ Crypto.com เพื่อรองรับการจ่ายเงินด้วยคริปโต   • ใช้แพลตฟอร์ม “Crypto.com Pay”   • ชำระค่าโดยสาร, บริการเสริม, หรือสินค้าในเครือ Emirates ได้ ✅ บริการจะเริ่มใช้จริงในปี 2026  • เป็นครั้งแรกที่สายการบินระดับโลกเปิดให้ใช้ crypto payment แบบเป็นทางการ ✅ กลุ่มเป้าหมายคือ “ลูกค้าที่ถนัดเทคโนโลยี–ชอบคริปโต–ต้องการการเดินทางที่ไร้พรมแดน”   • เน้นตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง, กลุ่มคน Gen Z, นักลงทุนสาย Web3 ✅ Emirates เคยมีบทบาทในนวัตกรรมด้าน loyalty program มาก่อน → จึงไม่แปลกที่เลือกนำคริปโตมาเป็นช่องทางใหม่ ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดว่าการชำระจะรองรับสกุลใดบ้าง เช่น BTC, ETH, CRO หรือ stablecoin แบบ USDC/USDT   • ผู้ใช้ควรติดตามข้อมูลจาก Crypto.com ก่อนใช้งานจริง ‼️ การชำระเงินด้วยคริปโตยังมีความผันผวนสูง → อาจต้องใช้ระบบ lock rate, หรือมี conversion fee ในแต่ละประเทศ ‼️ หากกฎหมายของบางประเทศไม่รองรับ crypto → อาจยังใช้งานไม่ได้ทั่วโลก ‼️ ยังไม่แน่ชัดว่าการคืนเงิน (refund) จะดำเนินการผ่านระบบคริปโตหรือ fiat → ส่งผลต่อ UX ของผู้โดยสาร ‼️ ความร่วมมือยังอยู่ในขั้นต้น → ต้องรอติดตามว่าระบบจะ integrate เข้ากับ Emirates ได้ seamless แค่ไหน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/09/dubai039s-emirates-signs-preliminary-deal-to-add-crypto-to-payments
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Dubai's Emirates signs preliminary deal to add crypto to payments
    DUBAI (Reuters) -Emirates has signed a preliminary deal with Crypto.com that will allow its customers to make payments through the crypto trading platform's payment service, the Gulf carrier's parent company said in a statement on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่ AI กลายเป็นแรงงานใหม่ Microsoft ไม่รอช้า → พวกเขานำ AI เข้าไปแทนงานในศูนย์บริการ เช่น customer support, sales, และการพูดคุยกับลูกค้ารายย่อย → มีรายงานว่าแค่ฝั่ง call center ก็ประหยัดต้นทุนได้ เกิน $500 ล้าน ในปีที่ผ่านมา

    และ AI ไม่ได้แค่ตอบลูกค้า — แต่ยังใช้เขียนโค้ดให้โปรแกรมใหม่ถึง 35% ของทั้งหมด → เร่งเวลาสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัว → แถมสร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย “หลายสิบล้านดอลลาร์” แล้ว แม้จะอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น

    ท่ามกลางกระแสนี้ Microsoft กลับ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คน ในเดือนพฤษภาคม และประกาศลดอีกเกือบ 4% ของพนักงานทั้งองค์กร สัปดาห์ก่อน → เพื่อจัดงบไปลงกับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า $80,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตแบบจัดเต็ม

    Microsoft ประหยัดเงินได้เกิน $500M จากการใช้ AI ในงานบริการลูกค้า เช่น Call Center

    AI ช่วยสร้างโค้ดใหม่ถึง 35% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ → เพิ่มความเร็วในการพัฒนาและเปิดตัว

    เริ่มใช้ AI คุยกับลูกค้ารายย่อยโดยตรงแบบไม่ผ่านคน → สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว

    ปลดพนักงานกว่า 6,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2025 และประกาศลดเพิ่มเติมอีก 4% สัปดาห์ก่อน

    ตั้งงบลงทุน $80,000M ในปีงบประมาณนี้ → ส่วนใหญ่ใช้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์รองรับ AI

    มุมมองในอุตสาหกรรมคือ: Big Tech มอง AI เป็นเครื่องจักรทำเงินใหม่ → และหาทางลดต้นทุนในส่วนอื่นอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/microsoft-racks-up-over-500-million-in-ai-savings-while-slashing-jobs-bloomberg-news-reports
    ในยุคที่ AI กลายเป็นแรงงานใหม่ Microsoft ไม่รอช้า → พวกเขานำ AI เข้าไปแทนงานในศูนย์บริการ เช่น customer support, sales, และการพูดคุยกับลูกค้ารายย่อย → มีรายงานว่าแค่ฝั่ง call center ก็ประหยัดต้นทุนได้ เกิน $500 ล้าน ในปีที่ผ่านมา และ AI ไม่ได้แค่ตอบลูกค้า — แต่ยังใช้เขียนโค้ดให้โปรแกรมใหม่ถึง 35% ของทั้งหมด → เร่งเวลาสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่หลายตัว → แถมสร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย “หลายสิบล้านดอลลาร์” แล้ว แม้จะอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น ท่ามกลางกระแสนี้ Microsoft กลับ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คน ในเดือนพฤษภาคม และประกาศลดอีกเกือบ 4% ของพนักงานทั้งองค์กร สัปดาห์ก่อน → เพื่อจัดงบไปลงกับการสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า $80,000 ล้าน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในอนาคตแบบจัดเต็ม ✅ Microsoft ประหยัดเงินได้เกิน $500M จากการใช้ AI ในงานบริการลูกค้า เช่น Call Center ✅ AI ช่วยสร้างโค้ดใหม่ถึง 35% ของผลิตภัณฑ์ใหม่ → เพิ่มความเร็วในการพัฒนาและเปิดตัว ✅ เริ่มใช้ AI คุยกับลูกค้ารายย่อยโดยตรงแบบไม่ผ่านคน → สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว ✅ ปลดพนักงานกว่า 6,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2025 และประกาศลดเพิ่มเติมอีก 4% สัปดาห์ก่อน ✅ ตั้งงบลงทุน $80,000M ในปีงบประมาณนี้ → ส่วนใหญ่ใช้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์รองรับ AI ✅ มุมมองในอุตสาหกรรมคือ: Big Tech มอง AI เป็นเครื่องจักรทำเงินใหม่ → และหาทางลดต้นทุนในส่วนอื่นอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/microsoft-racks-up-over-500-million-in-ai-savings-while-slashing-jobs-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft racks up over $500 million in AI savings while slashing jobs, Bloomberg News reports
    (Reuters) -Microsoft saved more than $500 million in its call centers alone last year by using artificial intelligence, Bloomberg News reported on Wednesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปูซาน มาแล้ว 6,999 ❄
    เที่ยวอิสระ ถูกเวอร์

    🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน
    ✈ BX-แอร์ปูซาน / LJ-จินแอร์ / 7C-เจจูแอร์
    พักโรงแรม

    หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน
    พักย่านชายหาดแฮอุนแด
    ตลาดแฮอุนแด
    เที่ยวอิสระ เต็มวัน

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #ปูซาน มาแล้ว 6,999 ❄ เที่ยวอิสระ ถูกเวอร์ 🔥 🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน ✈ BX-แอร์ปูซาน / LJ-จินแอร์ / 7C-เจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน 📍 พักย่านชายหาดแฮอุนแด 📍 ตลาดแฮอุนแด 📍 เที่ยวอิสระ เต็มวัน รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว