• **กล่องกลไกหลู่ปัน**

    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง แต่นางเอกปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้ด้วยการแก้ปริศนาเรียงภาพบนฝากล่องและในซีรีส์เรียกกล่องดังกล่าวว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องนี้

    ดังที่ Storyฯ เคยเกริ่นไว้ กล่องดังกล่าวมีองค์ประกอบสองส่วนด้วยกัน คือ (1) ปริศนาภาพที่แทนตัวเลขเก้าช่องชุดพิเศษ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ซึ่งเราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ (2) กล่องที่มีกลไกในการล็อก

    จริงๆ แล้วกล่องที่มีกลไกในตัวนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า ‘กล่องหลู่ปัน’ (魯班盒/หลู่ปันเหอ) ซึ่งการปลดล็อกอาจใช้ภาพปริศนาอย่างจิ่วกงถูหรือไม่ก็ได้ และกล่องหลู่ปันมีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ล็อกหลู่ปัน’ หรือ ‘หลู่ปันสั่ว’ (魯班锁)

    ล็อกหลู่ปันนี้ จะเรียกว่า ‘ล็อก’ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นงานไม้ประดิษฐ์หลากรูปทรงซึ่งทำขึ้นจากการเอาชิ้นไม้มาประกอบและยึดเข้าด้วยกัน โดยชิ้นไม้ต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีร่องหรือเขี้ยวเพื่อเกี่ยวเข้ากัน (ดูตัวอย่างในรูปประกอบ 1) และบางตำนานกล่าวว่าขงเบ้งก็เคยทำของเล่นแบบนี้แจกให้ทหารเล่นฆ่าเวลา เป็นที่มาว่าบางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า ‘ล็อกข่งหมิง’ (孔明锁)

    การถอดล็อกหลู่ปันจริงแล้วไม่ยากนัก เพราะจะมีไม้ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกในการยึดไม้ชิ้นอื่นให้เข้าที่เพื่อคงรูปทรง เมื่อปลดตัวล็อกนี้ออกได้ ไม้ทุกชิ้นก็จะคลายตัวออกหรือถูกปลดออกจากกันได้โดยง่าย ความยากคือการหากุญแจนั้นให้พบ แต่... การเอามันเรียงประกอบเข้ากันใหม่นั้นยิ่งยากกว่าหลายเท่า

    ว่ากันว่าของเล่นดังกล่าวถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันให้ลูกชายเล่นฆ่าเวลาเพื่อเป็นการฝึกสมอง (!!!) บ้างก็ว่าเขาทำขึ้นเพื่อทดสอบความฉลาดของลูก ในตำนานไม่ได้บอกว่าลูกชายตอนนั้นอายุกี่ขวบ บอกแต่ว่าเด็กชายใช้เวลาหนึ่งคืนจึงแกะมันสำเร็จ

    หลู่ปันผู้นี้เป็นนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อดังจากแคว้นหลู่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยชุนชิว (ปี 507-444 ก่อนคริสตกาล) ชื่อจริงคือ ‘กงซูปัน’ ถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งงานช่างไม้ มีผลงานมากมาย ทั้งที่คิดค้นขึ้นใหม่เองและที่พัฒนาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (เช่น โม่หิน เครื่องขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้) เครื่องมือช่วยงานก่อสร้าง (เช่น ไม้บรรทัดและไม้ฉาก เลื่อยแบบมีโครง วงเวียนเชือก พลั่ว กบไสไม้) หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหาร (เช่น บันไดพับได้ที่มีฐานสี่ล้อ เหล็กตะขอ)

    และกล่องหลู่ปันก็คือกล่องที่มีกลไกล็อก มีหลักการปลดล็อกคล้ายกุญแจหลู่ปัน กล่าวคือเมื่อปลดไม้ชิ้นสำคัญออกได้ ก็จะปลดผนึกกล่องได้ มีหลากหลายรูปแบบและหลากดีกรีความยาก (ดูตัวอย่างรูปประกอบ 2 ตัวปลดล็อกคือที่วงสีเขียวไว้) ต่อมาพัฒนาเป็นกลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกล่องเก็บของแล้ว ยังนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ลิ้นชักโต๊ะ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ยังคงมีใช้งานในปัจจุบันแม้กาลเวลาจะผ่านไปสามพันปี

    และล็อกหลู่ปันยังมีใช้ในปัจจุบันเช่นกัน มันถูกพัฒนาเพิ่มดีกรีความยากด้วยจำนวนชิ้นไม้มากขึ้นและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบชิ้นทึบหรือแบบเป็นโครงโปร่ง กลายเป็นของเล่นแนวปริศนาเพื่อพัฒนาทักษะเด็กที่ถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความจิ่วกงถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1303627145098908

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g64763291/the-prisoner-of-beauty/
    https://chinesepuzzles.org/zh/interlocking-burr-puzzles/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/33419316
    https://keryi.com/2021/01/13/鲁班盒机关盒子3d数模图纸-solidworks设计-附stl/
    https://ezone.hk/article/1832550/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://thechinaproject.com/2020/10/19/lu-ban-chinas-inventor-of-everything/
    https://baike.baidu.com/item/鲁班/346165
    https://www.sohu.com/a/478024200_121065463

    #ปรปักษ์จำนน #หลู่ปัน#หลู่ปันสั่ว #ข่งหมิงสั่ว #กล่องหลู่ปัน #สาระจีน
    **กล่องกลไกหลู่ปัน** สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง แต่นางเอกปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้ด้วยการแก้ปริศนาเรียงภาพบนฝากล่องและในซีรีส์เรียกกล่องดังกล่าวว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องนี้ ดังที่ Storyฯ เคยเกริ่นไว้ กล่องดังกล่าวมีองค์ประกอบสองส่วนด้วยกัน คือ (1) ปริศนาภาพที่แทนตัวเลขเก้าช่องชุดพิเศษ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ซึ่งเราคุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และ (2) กล่องที่มีกลไกในการล็อก จริงๆ แล้วกล่องที่มีกลไกในตัวนั้นมีชื่อเรียกรวมว่า ‘กล่องหลู่ปัน’ (魯班盒/หลู่ปันเหอ) ซึ่งการปลดล็อกอาจใช้ภาพปริศนาอย่างจิ่วกงถูหรือไม่ก็ได้ และกล่องหลู่ปันมีรากฐานมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ล็อกหลู่ปัน’ หรือ ‘หลู่ปันสั่ว’ (魯班锁) ล็อกหลู่ปันนี้ จะเรียกว่า ‘ล็อก’ ก็อาจไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะมันไม่ใช่กุญแจ แต่เป็นงานไม้ประดิษฐ์หลากรูปทรงซึ่งทำขึ้นจากการเอาชิ้นไม้มาประกอบและยึดเข้าด้วยกัน โดยชิ้นไม้ต่างๆ ถูกออกแบบมาให้มีร่องหรือเขี้ยวเพื่อเกี่ยวเข้ากัน (ดูตัวอย่างในรูปประกอบ 1) และบางตำนานกล่าวว่าขงเบ้งก็เคยทำของเล่นแบบนี้แจกให้ทหารเล่นฆ่าเวลา เป็นที่มาว่าบางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า ‘ล็อกข่งหมิง’ (孔明锁) การถอดล็อกหลู่ปันจริงแล้วไม่ยากนัก เพราะจะมีไม้ชิ้นหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกในการยึดไม้ชิ้นอื่นให้เข้าที่เพื่อคงรูปทรง เมื่อปลดตัวล็อกนี้ออกได้ ไม้ทุกชิ้นก็จะคลายตัวออกหรือถูกปลดออกจากกันได้โดยง่าย ความยากคือการหากุญแจนั้นให้พบ แต่... การเอามันเรียงประกอบเข้ากันใหม่นั้นยิ่งยากกว่าหลายเท่า ว่ากันว่าของเล่นดังกล่าวถูกคิดค้นขึ้นโดยหลู่ปันให้ลูกชายเล่นฆ่าเวลาเพื่อเป็นการฝึกสมอง (!!!) บ้างก็ว่าเขาทำขึ้นเพื่อทดสอบความฉลาดของลูก ในตำนานไม่ได้บอกว่าลูกชายตอนนั้นอายุกี่ขวบ บอกแต่ว่าเด็กชายใช้เวลาหนึ่งคืนจึงแกะมันสำเร็จ หลู่ปันผู้นี้เป็นนักประดิษฐ์และวิศวกรชื่อดังจากแคว้นหลู่ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยชุนชิว (ปี 507-444 ก่อนคริสตกาล) ชื่อจริงคือ ‘กงซูปัน’ ถูกยกย่องเป็นบิดาแห่งงานช่างไม้ มีผลงานมากมาย ทั้งที่คิดค้นขึ้นใหม่เองและที่พัฒนาปรับปรุงของเดิมให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (เช่น โม่หิน เครื่องขุดเจาะเอาน้ำบาดาลมาใช้) เครื่องมือช่วยงานก่อสร้าง (เช่น ไม้บรรทัดและไม้ฉาก เลื่อยแบบมีโครง วงเวียนเชือก พลั่ว กบไสไม้) หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหาร (เช่น บันไดพับได้ที่มีฐานสี่ล้อ เหล็กตะขอ) และกล่องหลู่ปันก็คือกล่องที่มีกลไกล็อก มีหลักการปลดล็อกคล้ายกุญแจหลู่ปัน กล่าวคือเมื่อปลดไม้ชิ้นสำคัญออกได้ ก็จะปลดผนึกกล่องได้ มีหลากหลายรูปแบบและหลากดีกรีความยาก (ดูตัวอย่างรูปประกอบ 2 ตัวปลดล็อกคือที่วงสีเขียวไว้) ต่อมาพัฒนาเป็นกลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากจะใช้กับกล่องเก็บของแล้ว ยังนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ ลิ้นชักโต๊ะ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ยังคงมีใช้งานในปัจจุบันแม้กาลเวลาจะผ่านไปสามพันปี และล็อกหลู่ปันยังมีใช้ในปัจจุบันเช่นกัน มันถูกพัฒนาเพิ่มดีกรีความยากด้วยจำนวนชิ้นไม้มากขึ้นและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบชิ้นทึบหรือแบบเป็นโครงโปร่ง กลายเป็นของเล่นแนวปริศนาเพื่อพัฒนาทักษะเด็กที่ถูกนำไปใช้แพร่หลายทั่วโลก (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความจิ่วกงถู: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1303627145098908 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g64763291/the-prisoner-of-beauty/ https://chinesepuzzles.org/zh/interlocking-burr-puzzles/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/33419316 https://keryi.com/2021/01/13/鲁班盒机关盒子3d数模图纸-solidworks设计-附stl/ https://ezone.hk/article/1832550/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://thechinaproject.com/2020/10/19/lu-ban-chinas-inventor-of-everything/ https://baike.baidu.com/item/鲁班/346165 https://www.sohu.com/a/478024200_121065463 #ปรปักษ์จำนน #หลู่ปัน#หลู่ปันสั่ว #ข่งหมิงสั่ว #กล่องหลู่ปัน #สาระจีน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** เลขปริศนาจาก <ปรปักษ์จำนน>**

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง และในซีรีส์นางเอกแสดงการปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้อย่างรวดเร็ว มือทำไปปากก็อธิบายไปว่าล็อก ‘จิ่วกง’ หรือ ‘จิ่วกงสั่ว’ นี้ประกอบด้วยชิ้นต่างๆ ที่แทนตัวเลข มีใจกลางเป็นเลข 5 ไม่ว่าจะบวกเลขในทิศทางใดก็จะได้ผลลัพท์เท่ากับ 15 พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก็ต้องทำได้

    บวกเลขขั้นพื้นฐาน ใครๆ ก็ทำได้ แต่เชื่อว่าพวกเรานึกภาพไม่ออกว่าคือภาพเลขอะไร วันนี้มาเฉลยค่ะ

    เขียนไปก็อ่านลำบาก ดูรูปประกอบ 2 เลยค่ะว่ามันคือภาพเลขอะไร ... เลขชุดนี้มีความพิเศษอย่างที่นางเอกว่า คือตรงกลางเป็นเลข 5 และเมื่อเอาเลขสามตัวมาบวกกันตามแนวต่างๆ จะได้ค่า 15 นั่นเอง และเลขชุดพิเศษตามภาพนี้เรียกว่า ‘จิ่วกงเก๋อ’ (九宫格) หรือ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นปริศนากระดานเลขให้เด็กเล่นเพื่อฝึกปรือทักษะการคำนวณและมีการพัฒนาความยากขึ้นไปอีกหลายขั้นจนเกิน 3x3 ช่องตามโบราณ

    เลขชุดเก้าช่องตามที่แสดงในรูปประกอบนี้พัฒนามาจากภาพวาดสองรูปในสมัยบรรพกาลคือ ‘เหอถู’ (河图) และ ‘ลั่วซู’ (洛书) (ดูรูปประกอบ 3) ที่มาของมันยังคงเป็นปริศนา แต่ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งต้าอวี่ช่วยโลกจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เสร็จแล้วนั้น มีเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองหลังเต่าสลักลายจุดไว้ ถูกจำลองขึ้นมาเป็นภาพวาด ต่อมาเรียกรวมกันว่าเหอถูและลั่วซู บ้างก็ว่าทั้งสองภาพนี้เป็นการบันทึกการเรียงตัวของดาวโดยชนรุ่นบรรพกาล

    แต่ไม่ว่าเหอถูและลั่วซูจะมีที่มาอย่างไร สองภาพนี้ถูกศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอดทุกยุคทุกสมัยจนแตกแขนงเป็นหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ฯลฯ จนมีคำกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนอยู่ในสองภาพนี้ และมีการเอ่ยพาดพิงถึงสองภาพนี้ในหลายเอกสารโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาอัลกอริทึม (algorithm) ตามหลักการของเลขชุดจิ่วกงถูนี้ แต่จนใจที่เนื้อหานั้นยากเกินกว่าที่ Storyฯ จะเข้าใจและเอามาอธิบายต่อให้เพื่อนเพจฟังได้

    มีคนไปวิเคราะห์ความน่าทึ่งของตัวเลขจิ่วกงถูนี้เพิ่มเติม (ดูรูปประกอบ 4) จะเห็นว่าหากนับวนไปเรื่อยๆ มันจะมีค่าเท่ากันทุกแถว เพื่อนเพจที่ชอบการคำนวณลองไปทำต่อเพิ่มเติมว่าวนไปอีกหลายๆ หลักจะยังได้ผลลัพธ์เท่ากันเหมือนกันหมดหรือไม่ ทำแล้วมาบอกกล่าวกันหน่อยนะคะ

    และในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> นี้ กล่องดังกล่าวมีตัวล็อกที่จะปลดได้ด้วยการแก้ปริศนาบนฝากล่องซึ่งมีเก้าช่องเหมือนกระดานเกมปัจจุบัน ล็อกดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) นั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/86397
    http://www.yrcc.gov.cn/hhwh/wxyc/202503/t20250320_440769.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/河图/7525
    http://www.360doc.com/content/21/0223/10/49937858_963504002.shtml

    #ปรปักษ์จำนน #จิ่วกงสั่ว #เลขปริศนา #จิ่วกงเก๋อ #เหอถู #ลั่วซู #สาระจีน
    ** เลขปริศนาจาก <ปรปักษ์จำนน>** สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง และในซีรีส์นางเอกแสดงการปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้อย่างรวดเร็ว มือทำไปปากก็อธิบายไปว่าล็อก ‘จิ่วกง’ หรือ ‘จิ่วกงสั่ว’ นี้ประกอบด้วยชิ้นต่างๆ ที่แทนตัวเลข มีใจกลางเป็นเลข 5 ไม่ว่าจะบวกเลขในทิศทางใดก็จะได้ผลลัพท์เท่ากับ 15 พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก็ต้องทำได้ บวกเลขขั้นพื้นฐาน ใครๆ ก็ทำได้ แต่เชื่อว่าพวกเรานึกภาพไม่ออกว่าคือภาพเลขอะไร วันนี้มาเฉลยค่ะ เขียนไปก็อ่านลำบาก ดูรูปประกอบ 2 เลยค่ะว่ามันคือภาพเลขอะไร ... เลขชุดนี้มีความพิเศษอย่างที่นางเอกว่า คือตรงกลางเป็นเลข 5 และเมื่อเอาเลขสามตัวมาบวกกันตามแนวต่างๆ จะได้ค่า 15 นั่นเอง และเลขชุดพิเศษตามภาพนี้เรียกว่า ‘จิ่วกงเก๋อ’ (九宫格) หรือ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นปริศนากระดานเลขให้เด็กเล่นเพื่อฝึกปรือทักษะการคำนวณและมีการพัฒนาความยากขึ้นไปอีกหลายขั้นจนเกิน 3x3 ช่องตามโบราณ เลขชุดเก้าช่องตามที่แสดงในรูปประกอบนี้พัฒนามาจากภาพวาดสองรูปในสมัยบรรพกาลคือ ‘เหอถู’ (河图) และ ‘ลั่วซู’ (洛书) (ดูรูปประกอบ 3) ที่มาของมันยังคงเป็นปริศนา แต่ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งต้าอวี่ช่วยโลกจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เสร็จแล้วนั้น มีเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองหลังเต่าสลักลายจุดไว้ ถูกจำลองขึ้นมาเป็นภาพวาด ต่อมาเรียกรวมกันว่าเหอถูและลั่วซู บ้างก็ว่าทั้งสองภาพนี้เป็นการบันทึกการเรียงตัวของดาวโดยชนรุ่นบรรพกาล แต่ไม่ว่าเหอถูและลั่วซูจะมีที่มาอย่างไร สองภาพนี้ถูกศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอดทุกยุคทุกสมัยจนแตกแขนงเป็นหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ฯลฯ จนมีคำกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนอยู่ในสองภาพนี้ และมีการเอ่ยพาดพิงถึงสองภาพนี้ในหลายเอกสารโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาอัลกอริทึม (algorithm) ตามหลักการของเลขชุดจิ่วกงถูนี้ แต่จนใจที่เนื้อหานั้นยากเกินกว่าที่ Storyฯ จะเข้าใจและเอามาอธิบายต่อให้เพื่อนเพจฟังได้ มีคนไปวิเคราะห์ความน่าทึ่งของตัวเลขจิ่วกงถูนี้เพิ่มเติม (ดูรูปประกอบ 4) จะเห็นว่าหากนับวนไปเรื่อยๆ มันจะมีค่าเท่ากันทุกแถว เพื่อนเพจที่ชอบการคำนวณลองไปทำต่อเพิ่มเติมว่าวนไปอีกหลายๆ หลักจะยังได้ผลลัพธ์เท่ากันเหมือนกันหมดหรือไม่ ทำแล้วมาบอกกล่าวกันหน่อยนะคะ และในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> นี้ กล่องดังกล่าวมีตัวล็อกที่จะปลดได้ด้วยการแก้ปริศนาบนฝากล่องซึ่งมีเก้าช่องเหมือนกระดานเกมปัจจุบัน ล็อกดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) นั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/86397 http://www.yrcc.gov.cn/hhwh/wxyc/202503/t20250320_440769.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/河图/7525 http://www.360doc.com/content/21/0223/10/49937858_963504002.shtml #ปรปักษ์จำนน #จิ่วกงสั่ว #เลขปริศนา #จิ่วกงเก๋อ #เหอถู #ลั่วซู #สาระจีน
    WWW.MARIECLAIRE.COM.TW
    《折腰》5大幕後真相曝光:劉宇寧帶傷上陣,宋祖兒獲封「天選小喬」,女主首選竟是趙露思
    劉宇寧、宋祖兒《折腰》曾榮登「網友最期待古裝劇」冠軍,開播後果然不負眾望,收視與口碑雙雙飆高。劉宇寧成功擺脫古裝醜男標籤,獲讚「天選魏劭」;這兩年深陷逃稅風波的宋祖兒,也以聰慧絕美「小喬」華麗回歸,再掀話題熱潮。
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • **<ปรปักษ์จำนน> กับพิธีแต่งงานสมัยฮั่น**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงสินสอดในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> วันนี้เลยมาคุยต่อถึงพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวนั่งกินอาหารด้วยกันกลางโถง ซึ่งเป็นพิธีการที่เราไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในซีรีส์ โดยขั้นตอนตามที่เห็นในซีรีส์คือ “...ชำระมือและหน้า ... รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน ... ข้าวชามเดียวกัน ... ดื่มน้ำแกง ... จิ้มน้ำจิ้ม ... ดื่มสุราจากภาชนะน้ำเต้าอันเดียวกัน” (หมายเหตุ อิงตามซับไทย)

    ดูแล้วนึกว่ามันคือพิธีการเดียว แต่จริงๆ แล้วมันประกอบด้วยพิธีการสามส่วนค่ะ และเป็นพิธีการแต่งงานจากในสมัยฮั่น

    ส่วนแรกเรียกว่าพิธี ‘เฟิ่งอี๋ว่อก้วน’ (奉匜沃盥) ซึ่งก็คือการล้างมือก่อนการทำพิธีสักการะบูชาหรือก่อนเข้าร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงสำคัญ ปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกพิธีการหลี่จี้และ คัมภีร์ชุนชิวฉบับจั่วจ้วน (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงคัมภีร์ชุนชิวแล้ว ย้อนอ่านดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) โดยเป็นลักษณะใช้เหยือกเทน้ำรดมือให้น้ำไหลทิ้งลงบนอ่างที่มีคนถือรองไว้

    ส่วนที่สองเรียกว่าพิธี ‘ถงเหลา’ (同牢) คือบ่าวสาวนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งเป็นพิธีการเชิงสัญลักษณ์ว่าสองคนสามีภรรยารวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าปกติในสมัยนั้นสตรีและบุรุษจะนั่งแยกโต๊ะกัน

    ในส่วนของพิธีถงเหลานี้ ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้คือบ่าวสาวจะกินเนื้อสัตว์ที่ตักจากชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวกัน (นึกภาพว่าปกติเสิร์ฟเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือทั้งตัวแล้วแล่แต่พอคำ เพราะ ‘เหลา’ ในที่นี้หมายถึงสัตว์สี่เท้าที่ในสมัยนั้นนิยมใช้เซ่นไหว้ เช่น วัว หมู หรือแกะ) นอกจากนี้ ในเอกสารอื่นระบุว่าบ่าวสาวจะร่วมกินอาหารสามครั้งหรือ ‘ซานฟ่าน’ (三饭) กล่าวคือ กินข้าว กินน้ำแกงต้มจากเนื้อ และใช้นิ้วจิ้มน้ำจิ้มกิน (เช่น เต้าเจี้ยว) แต่จนใจ Storyฯ หาไม่พบว่าสามรายการนี้แฝงความหมายอะไรไว้หรือไม่ แน่นอนว่ากินกันเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น

    ส่วนที่สามเรียกว่าพิธี ‘เหอจิ่น’ (合卺) แปลตรงตัวว่านำมาประกบกัน ซึ่งก็คือการร่วมดื่มสุรามงคล ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้นั้น จะใช้ภาชนะทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งใส่เหล้าดื่ม เป็นการ ‘ล้างปาก’ หลังจากร่วมกินอาหารเสร็จ แต่ในเอกสารโบราณที่กล่าวถึงการกินอาหารสามครั้งก็ระบุว่าให้ดื่มเหล้าสามครั้งเช่นกัน โดยสองครั้งแรกใช้จอกเหล้า ครั้งที่สามคือใช้น้ำเต้าผ่าครึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นที่มาของการแลกกันดื่มหรือ ‘เจียวเปย’ (交杯) ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพเกี่ยวแขนดื่มสุรามงคลที่เราเห็นในหลายซีรีส์

    และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของพิธีการแต่งงานสมัยฮั่นซึ่งไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดินหรือโค้งคารวะพ่อแม่แบบที่เราเห็นในยุคสมัยหลังจากนั้น

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่า:
    คัมภีร์ชุนชิว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1248905993904357
    ผูกปมผม: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/368606858600946
    สีชุดเจ้าสาว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/116299537122708

    Credit รูปภาพจาก: https://tidenews.com.cn/news.html?id=3130023
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.sohu.com/a/800556927_120808812
    https://www.sxgp.gov.cn/zjgp/gpgs_427/202101/t20210120_1341716.shtml
    https://k.sina.cn/article_7142104121_1a9b3dc3900100jj2k.html
    https://liji.5000yan.com/hunyi/348.html
    https://www.jiemian.com/article/1057773.html

    #ปรปักษ์จำนน #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #สุรามงคล #บันทึกพิธีการหลี่จี้ #สาระจีน
    **<ปรปักษ์จำนน> กับพิธีแต่งงานสมัยฮั่น** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงสินสอดในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> วันนี้เลยมาคุยต่อถึงพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวนั่งกินอาหารด้วยกันกลางโถง ซึ่งเป็นพิธีการที่เราไม่ค่อยเห็นกันบ่อยในซีรีส์ โดยขั้นตอนตามที่เห็นในซีรีส์คือ “...ชำระมือและหน้า ... รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน ... ข้าวชามเดียวกัน ... ดื่มน้ำแกง ... จิ้มน้ำจิ้ม ... ดื่มสุราจากภาชนะน้ำเต้าอันเดียวกัน” (หมายเหตุ อิงตามซับไทย) ดูแล้วนึกว่ามันคือพิธีการเดียว แต่จริงๆ แล้วมันประกอบด้วยพิธีการสามส่วนค่ะ และเป็นพิธีการแต่งงานจากในสมัยฮั่น ส่วนแรกเรียกว่าพิธี ‘เฟิ่งอี๋ว่อก้วน’ (奉匜沃盥) ซึ่งก็คือการล้างมือก่อนการทำพิธีสักการะบูชาหรือก่อนเข้าร่วมงานพิธีการหรืองานเลี้ยงสำคัญ ปรากฏอยู่ในหนังสือบันทึกพิธีการหลี่จี้และ คัมภีร์ชุนชิวฉบับจั่วจ้วน (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงคัมภีร์ชุนชิวแล้ว ย้อนอ่านดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) โดยเป็นลักษณะใช้เหยือกเทน้ำรดมือให้น้ำไหลทิ้งลงบนอ่างที่มีคนถือรองไว้ ส่วนที่สองเรียกว่าพิธี ‘ถงเหลา’ (同牢) คือบ่าวสาวนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน ซึ่งเป็นพิธีการเชิงสัญลักษณ์ว่าสองคนสามีภรรยารวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ทั้งนี้ เพราะว่าปกติในสมัยนั้นสตรีและบุรุษจะนั่งแยกโต๊ะกัน ในส่วนของพิธีถงเหลานี้ ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้คือบ่าวสาวจะกินเนื้อสัตว์ที่ตักจากชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวกัน (นึกภาพว่าปกติเสิร์ฟเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นเดียวหรือทั้งตัวแล้วแล่แต่พอคำ เพราะ ‘เหลา’ ในที่นี้หมายถึงสัตว์สี่เท้าที่ในสมัยนั้นนิยมใช้เซ่นไหว้ เช่น วัว หมู หรือแกะ) นอกจากนี้ ในเอกสารอื่นระบุว่าบ่าวสาวจะร่วมกินอาหารสามครั้งหรือ ‘ซานฟ่าน’ (三饭) กล่าวคือ กินข้าว กินน้ำแกงต้มจากเนื้อ และใช้นิ้วจิ้มน้ำจิ้มกิน (เช่น เต้าเจี้ยว) แต่จนใจ Storyฯ หาไม่พบว่าสามรายการนี้แฝงความหมายอะไรไว้หรือไม่ แน่นอนว่ากินกันเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนที่สามเรียกว่าพิธี ‘เหอจิ่น’ (合卺) แปลตรงตัวว่านำมาประกบกัน ซึ่งก็คือการร่วมดื่มสุรามงคล ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกพิธีการหลี่จี้นั้น จะใช้ภาชนะทำจากน้ำเต้าผ่าครึ่งใส่เหล้าดื่ม เป็นการ ‘ล้างปาก’ หลังจากร่วมกินอาหารเสร็จ แต่ในเอกสารโบราณที่กล่าวถึงการกินอาหารสามครั้งก็ระบุว่าให้ดื่มเหล้าสามครั้งเช่นกัน โดยสองครั้งแรกใช้จอกเหล้า ครั้งที่สามคือใช้น้ำเต้าผ่าครึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นที่มาของการแลกกันดื่มหรือ ‘เจียวเปย’ (交杯) ซึ่งต่อมากลายเป็นภาพเกี่ยวแขนดื่มสุรามงคลที่เราเห็นในหลายซีรีส์ และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของพิธีการแต่งงานสมัยฮั่นซึ่งไม่มีการกราบไหว้ฟ้าดินหรือโค้งคารวะพ่อแม่แบบที่เราเห็นในยุคสมัยหลังจากนั้น (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่า: คัมภีร์ชุนชิว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1248905993904357 ผูกปมผม: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/368606858600946 สีชุดเจ้าสาว: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/116299537122708 Credit รูปภาพจาก: https://tidenews.com.cn/news.html?id=3130023 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.sohu.com/a/800556927_120808812 https://www.sxgp.gov.cn/zjgp/gpgs_427/202101/t20210120_1341716.shtml https://k.sina.cn/article_7142104121_1a9b3dc3900100jj2k.html https://liji.5000yan.com/hunyi/348.html https://www.jiemian.com/article/1057773.html #ปรปักษ์จำนน #พิธีแต่งงานจีนโบราณ #สุรามงคล #บันทึกพิธีการหลี่จี้ #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • **แมวป่าเซอลี่ สินสอดที่มอบให้เสี่ยวเฉียว**

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซี่รีส์เรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีการกล่าวถึงสินสอดที่หลิวเหยี่ยนนำมามอบให้นางเอกว่าใช้เพียงพอนมาแทนแมวป่า และเชื่อว่าหลายท่านอาจเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ว่าจริงๆ แล้วมันมีความหมายอย่างไร

    จริงๆ แล้วรายการสินสอดผันแปรไปตามยุคสมัย นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ในบางยุคสมัยยังมีกฎหมายกำหนด เช่นในสมัยถังเริ่มมีบทกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นสูงสุดของสินสอดสำหรับชาวบ้านทั่วไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดพฤติกรรมการซื้อสะใภ้หรือขายลูกสาว

    <ปรปักษ์จำนน> เป็นยุคสมัยในจินตนาการแต่ดูองค์ประกอบคล้ายคลึงตอนปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (แถวๆ ช่วงปีค.ศ. 180-220) ซึ่งพิธีการและธรรมเนียมส่วนใหญ่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อนๆ

    หากเราดูตามบันทึกพิธีการหลี่จี้จะพบว่าสินสอดสำหรับขุนนางในสมัยก่อนราชวงศ์ฮั่นนั้น ประกอบด้วยผ้าสีดำแดงห้าพับและหนังกวางเต็มตัวสองผืน ฟังดูไม่มากแต่ล้วนสะท้อนความนัย โดยสีดำแดงสะท้อนหยินหยางและฟ้าดินคู่กัน ผ้าผืนห้าพับจับปลายชนกันแสดงถึงห้าธาตุห้าวง และหนังกวางเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาย ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติชาวบ้านทั่วไปอาจใช้ห่านป่ามาทดแทนหนังกวางที่หายากและแพง

    ต่อมาในสมัยฮั่น รายการสินสอดถูกเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบรายการโดยให้ความสำคัญกับทองคำ ทั้งนี้ รายการอื่นประกอบด้วยสัตว์ (ซึ่งอาจแตกออกมาเป็นสัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้า) ผ้าไหมหรือผ้าผืน สุรา และธัญพืชหลากชนิด ซึ่งอาจไม่ได้มีมูลค่าสูงนักแต่เน้นที่ความหมายมงคลและความตั้งใจในการคัดสรร

    แมวป่าที่พูดถึงใน ซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> นี้คือสัตว์สี่เท้าที่ถูกนำมาใช้เป็น ‘สัตว์หมั้นหมาย’ ((聘兽/พิ่นโซ่ว) ซึ่งในบริบทของสินสอดมันเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์หรือความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของฝ่ายชายนั่นเอง (อนึ่ง หากใช้สัตว์สี่เท้าชนิดอื่นก็อาจมีความหมายอื่น)

    แมวป่าดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘เซอลี่’ (หรือ Lynx ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าชนิดหนึ่งในตระกูลแมว มีขนาดเล็กกว่าเสือแต่ใหญ่กว่าแมว ลายจุดหางสั้น ลำตัวยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยมีเอกลักษณ์คือหูที่เรียวและมีขนสีดำยาวงอนขึ้น (ดูรูปประกอบ) ปัจจุบันมีอยู่สี่สายพันธ์ด้วยกันโดยที่พบเห็นในจีนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eurasian Lynx และเป็นหนึ่งในสัตว์สงวน

    เท่าที่ Storyฯ ทำการบ้านมา ยังไม่เห็นความหมายเชิงมงคลเป็นพิเศษของแมวป่าเซอลี่ แต่มันถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งภูเขาด้วยความว่องไวของมันทั้งบนพื้นและบนต้นไม้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘โบยบินเหนือหญ้า’ (草上飞/เฉ่าซ่างเฟย) และคนที่มีฐานะอันจะกินในสมัยโบราณนิยมใช้เซอลี่เป็นตัวช่วยในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะในสมัยถัง จัดเป็นสัตว์ที่มีค่าหายากชนิดหนึ่ง

    และด้วยความที่แมวป่าเซอลี่เป็นสัตว์ที่ว่องไวล่าได้ยาก มันจึงถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> เป็นสัตว์หมั้นหมายที่แสดงถึงความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของฝ่ายชาย โดยพระเอกตั้งใจออกไปล่ามาด้วยตนเองเพื่อใช้เป็นสินสอด ในขณะที่หลิวเหยี่ยนใช้เพียงพอนมาเป็นตัวแทน นอกจากนี้ รายการสินสอดอื่นที่หลิวเหยี่ยนมอบให้นางเอกนั้นยังตกๆ หล่นๆ ไม่ว่าจะจำนวนรายการที่ไม่มากและผ้าผืนที่มีเพียงผ้าสีดำ (ไม่ใช่สีดำแดงตามพิธีการโบราณ) สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของหลิวเหยี่ยนซึ่งนางเอกก็รู้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=230176 https://www.sohu.com/a/571225018_121392910
    https://www.toutiao.com/article/7327926416916775465/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10502786
    https://www.163.com/dy/article/HTQM9DMC0552XHZR.html
    https://culture.ycwb.com/2020-05/02/content_796281.htm
    https://www.napaidd.com/news/c6036/d93278

    #ปรปักษ์จำนน #สินสอดจีนโบราณ #แมวป่า #เซอลี่ #สาระจีน
    **แมวป่าเซอลี่ สินสอดที่มอบให้เสี่ยวเฉียว** สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซี่รีส์เรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีการกล่าวถึงสินสอดที่หลิวเหยี่ยนนำมามอบให้นางเอกว่าใช้เพียงพอนมาแทนแมวป่า และเชื่อว่าหลายท่านอาจเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ว่าจริงๆ แล้วมันมีความหมายอย่างไร จริงๆ แล้วรายการสินสอดผันแปรไปตามยุคสมัย นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ในบางยุคสมัยยังมีกฎหมายกำหนด เช่นในสมัยถังเริ่มมีบทกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นสูงสุดของสินสอดสำหรับชาวบ้านทั่วไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดพฤติกรรมการซื้อสะใภ้หรือขายลูกสาว <ปรปักษ์จำนน> เป็นยุคสมัยในจินตนาการแต่ดูองค์ประกอบคล้ายคลึงตอนปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (แถวๆ ช่วงปีค.ศ. 180-220) ซึ่งพิธีการและธรรมเนียมส่วนใหญ่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อนๆ หากเราดูตามบันทึกพิธีการหลี่จี้จะพบว่าสินสอดสำหรับขุนนางในสมัยก่อนราชวงศ์ฮั่นนั้น ประกอบด้วยผ้าสีดำแดงห้าพับและหนังกวางเต็มตัวสองผืน ฟังดูไม่มากแต่ล้วนสะท้อนความนัย โดยสีดำแดงสะท้อนหยินหยางและฟ้าดินคู่กัน ผ้าผืนห้าพับจับปลายชนกันแสดงถึงห้าธาตุห้าวง และหนังกวางเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาย ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติชาวบ้านทั่วไปอาจใช้ห่านป่ามาทดแทนหนังกวางที่หายากและแพง ต่อมาในสมัยฮั่น รายการสินสอดถูกเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบรายการโดยให้ความสำคัญกับทองคำ ทั้งนี้ รายการอื่นประกอบด้วยสัตว์ (ซึ่งอาจแตกออกมาเป็นสัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้า) ผ้าไหมหรือผ้าผืน สุรา และธัญพืชหลากชนิด ซึ่งอาจไม่ได้มีมูลค่าสูงนักแต่เน้นที่ความหมายมงคลและความตั้งใจในการคัดสรร แมวป่าที่พูดถึงใน ซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> นี้คือสัตว์สี่เท้าที่ถูกนำมาใช้เป็น ‘สัตว์หมั้นหมาย’ ((聘兽/พิ่นโซ่ว) ซึ่งในบริบทของสินสอดมันเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์หรือความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของฝ่ายชายนั่นเอง (อนึ่ง หากใช้สัตว์สี่เท้าชนิดอื่นก็อาจมีความหมายอื่น) แมวป่าดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘เซอลี่’ (หรือ Lynx ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าชนิดหนึ่งในตระกูลแมว มีขนาดเล็กกว่าเสือแต่ใหญ่กว่าแมว ลายจุดหางสั้น ลำตัวยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยมีเอกลักษณ์คือหูที่เรียวและมีขนสีดำยาวงอนขึ้น (ดูรูปประกอบ) ปัจจุบันมีอยู่สี่สายพันธ์ด้วยกันโดยที่พบเห็นในจีนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eurasian Lynx และเป็นหนึ่งในสัตว์สงวน เท่าที่ Storyฯ ทำการบ้านมา ยังไม่เห็นความหมายเชิงมงคลเป็นพิเศษของแมวป่าเซอลี่ แต่มันถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งภูเขาด้วยความว่องไวของมันทั้งบนพื้นและบนต้นไม้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘โบยบินเหนือหญ้า’ (草上飞/เฉ่าซ่างเฟย) และคนที่มีฐานะอันจะกินในสมัยโบราณนิยมใช้เซอลี่เป็นตัวช่วยในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะในสมัยถัง จัดเป็นสัตว์ที่มีค่าหายากชนิดหนึ่ง และด้วยความที่แมวป่าเซอลี่เป็นสัตว์ที่ว่องไวล่าได้ยาก มันจึงถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> เป็นสัตว์หมั้นหมายที่แสดงถึงความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของฝ่ายชาย โดยพระเอกตั้งใจออกไปล่ามาด้วยตนเองเพื่อใช้เป็นสินสอด ในขณะที่หลิวเหยี่ยนใช้เพียงพอนมาเป็นตัวแทน นอกจากนี้ รายการสินสอดอื่นที่หลิวเหยี่ยนมอบให้นางเอกนั้นยังตกๆ หล่นๆ ไม่ว่าจะจำนวนรายการที่ไม่มากและผ้าผืนที่มีเพียงผ้าสีดำ (ไม่ใช่สีดำแดงตามพิธีการโบราณ) สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของหลิวเหยี่ยนซึ่งนางเอกก็รู้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=230176 https://www.sohu.com/a/571225018_121392910 https://www.toutiao.com/article/7327926416916775465/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10502786 https://www.163.com/dy/article/HTQM9DMC0552XHZR.html https://culture.ycwb.com/2020-05/02/content_796281.htm https://www.napaidd.com/news/c6036/d93278 #ปรปักษ์จำนน #สินสอดจีนโบราณ #แมวป่า #เซอลี่ #สาระจีน
    WWW.UPMEDIA.MG
    劉宇寧、宋祖兒新劇《折腰》首播熱度奪冠 來自台灣的「他」與她上演祖孫訣別逼哭全網--上報
    (以下內容涉及劇透,請斟酌閱讀)陸劇女星宋祖兒因逃稅慘遭冷藏2年,近期順利解禁,她主演的多部新劇傳出......
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ชื่อเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> กับวลีจีนโบราณ**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเรื่องชื่อนิยายและซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> ที่ Storyฯ รู้สึกว่าชื่อไทยแปลได้อรรถรสของชื่อจีนดีมาก

    ชื่อจีนของเรื่องนี้คือ ‘เจ๋อเยา’ (折腰) แปลตรงตัวว่าหักเอว ซึ่งมาจากการโค้งคำนับต่ำมากเพื่อแสดงถึงความเคารพอย่างยิ่งยวด แต่คำว่า ‘เจ๋อเยา’ ไม่ได้เป็นชื่อเรียกท่าโค้งคำนับ หากแต่มีความหมายว่ายอมจำนนหรือยอมสยบต่ออำนาจหรืออิทธิพลที่เหนือกว่า และมันมีที่มาจากวลีจีนโบราณ ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’

    วลีนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์จิ้น (晋书) ส่วนที่บันทึกเรื่องราวบุคคลสำคัญในบรรพที่ชื่อว่า ‘เถาเฉียนจ้วน’ (陶潜传 / ตำนานเถาเฉียน) และเจ้าของวลีคือเถายวนหมิง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เถาเฉียน เขาเป็นกวีและนักประพันธ์ชื่อดังในสมัยจิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420) มีผลงานเลื่องชื่อมากมาย เช่น วรรณกรรมเรื่อง ‘บันทึกดินแดนดอกท้อ’ เกี่ยวกับดินแดนดอกท้ออันเป็นตัวแทนของดินแดนหรือสังคมในอุดมคติหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Utopia ที่มนุษย์แสวงหา (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ย้อนอ่านได้ที่ลิ้งค์ใต้บทความ)

    เถายวนหมิงมีพื้นเพมาจากตระกูลขุนนางเก่าซึ่งมีฐานะค่อนข้างดี ปู่ทวดเป็นมหาเสนาบดีกลาโหม ปู่เป็นผู้ว่าราชการมณฑล เขาจึงได้รับการศึกษาอย่างดีมาแต่เด็ก ต่อมาฐานะครอบครัวตกต่ำลงจนถึงขั้นยากจนหลังจากบิดาเสียชีวิตไปเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ แต่เขาก็ยังหมั่นเพียรขยันศึกษาจนต่อมาได้รับอิทธิพลทางความคิดจากลัทธิเต๋า

    ในช่วงอายุ 29 – 40 ปี เถายวนหมิงเคยเข้ารับราชการเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่ก็ต้องลาออกเพราะไม่ชอบการพินอบพิเทาเจ้านายและไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีทางการเมือง แต่แล้วก็เข้ารับราชการใหม่ เป็นเช่นนี้หลายครั้งครา ทั้งนี้เพราะเขามีใจใฝ่ความสงบของธรรมชาติ รักมัธยัสถ์ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี ต่อมาจึงตัดสินใจลาออกจากราชการอย่างถาวรและหันไปทำไร่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ก็สุขใจสามารถร่ำสุราแต่งกลอนตามใจอยากและได้สร้างผลงานวรรณกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยผลงานของเขาล้วนแฝงด้วยจิตวิญญาณของธรรมชาติ ความเรียบง่าย และพลังแห่งชีวิต และต่อมาเถายวนหมิงได้ถูกยกย่องเป็นต้นแบบของการละทิ้งลาภยศชื่อเสียงและการใช้ชีวิตอย่างสมถะตามหลักปรัชญาแห่งเต๋า

    วลี ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’ นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเถายวนหมิงอายุสี่สิบปี เข้ารับราชการในตำแหน่งผู้ว่าการเขตเผิงเจ๋อ (ตั้งอยู่ทางเหนือของมณฑลเจียงซี) อยู่มาวันหนึ่งมีผู้ตรวจการมาตรวจงาน เสมียนหลวงบอกเขาว่าควรแต่งตัวให้เรียบร้อยอย่างเป็นทางการไปต้อนรับผู้ตรวจการ เขาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายและกล่าววลีนี้ออกมา และเมื่อกล่าวเสร็จเขาก็ยื่นใบลาออกหลังจากรับราชการมาได้เพียงแปดสิบเอ็ดวัน และหลังจากนั้นก็ไม่เข้ารับราชการอีกเลย

    แล้วทำไมต้อง ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ ?

    ประเด็นนี้มีการตีความกันหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่จะตีความว่า ข้าวสารห้าโต่วคือค่าจ้างของขุนนางระดับผู้ว่าการเขตในสมัยนั้น (หนึ่งโต่วในสมัยนั้นคือประมาณเจ็ดลิตร) ซึ่งฟังดูน้อยนิดเมื่อคำนวณเทียบกับบันทึกโบราณว่าด้วยเงินเดือนข้าราชการ บ้างก็ว่าเป็นเงินเดือนแต่ยังไม่รวมค่าตอบแทนอื่น เช่นผ้าไหม บ้างก็ว่าคิดได้เป็นค่าจ้างรายวันเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นปริมาณข้าวสารที่พอเพียงสำหรับหนึ่งคนในหนึ่งเดือน

    แต่ไม่ว่า ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ จะมีความหมายที่แท้จริงอย่างไร เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้และกล่าวถึงอย่างยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการละทิ้งยศศักดิ์ และวลีนี้ได้กลายมาเป็นสำนวนจีนที่ถูกใช้ผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัยเพื่อแปลว่า ไม่ยอมละทิ้งจิตวิญญาณของตนเพื่อยอมสยบให้กับอำนาจหรืออิทธิพล

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่า:
    ดินแดนดอกท้อ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/525898876205076

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.yangtse.com/news/wy/202506/t20250603_215987.html
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_2197713
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/陶渊明/53944
    https://baike.baidu.com/item/陶潜传/75756
    https://k.sina.cn/article_5044281310_12ca99fde020004fcq.html

    #ปรปักษ์จำนน #เจ๋อเยา #เถาเฉียน #เถายวนหมิง #สาระจีน
    **ชื่อเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> กับวลีจีนโบราณ** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเรื่องชื่อนิยายและซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> ที่ Storyฯ รู้สึกว่าชื่อไทยแปลได้อรรถรสของชื่อจีนดีมาก ชื่อจีนของเรื่องนี้คือ ‘เจ๋อเยา’ (折腰) แปลตรงตัวว่าหักเอว ซึ่งมาจากการโค้งคำนับต่ำมากเพื่อแสดงถึงความเคารพอย่างยิ่งยวด แต่คำว่า ‘เจ๋อเยา’ ไม่ได้เป็นชื่อเรียกท่าโค้งคำนับ หากแต่มีความหมายว่ายอมจำนนหรือยอมสยบต่ออำนาจหรืออิทธิพลที่เหนือกว่า และมันมีที่มาจากวลีจีนโบราณ ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’ วลีนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์จิ้น (晋书) ส่วนที่บันทึกเรื่องราวบุคคลสำคัญในบรรพที่ชื่อว่า ‘เถาเฉียนจ้วน’ (陶潜传 / ตำนานเถาเฉียน) และเจ้าของวลีคือเถายวนหมิง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เถาเฉียน เขาเป็นกวีและนักประพันธ์ชื่อดังในสมัยจิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420) มีผลงานเลื่องชื่อมากมาย เช่น วรรณกรรมเรื่อง ‘บันทึกดินแดนดอกท้อ’ เกี่ยวกับดินแดนดอกท้ออันเป็นตัวแทนของดินแดนหรือสังคมในอุดมคติหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Utopia ที่มนุษย์แสวงหา (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ย้อนอ่านได้ที่ลิ้งค์ใต้บทความ) เถายวนหมิงมีพื้นเพมาจากตระกูลขุนนางเก่าซึ่งมีฐานะค่อนข้างดี ปู่ทวดเป็นมหาเสนาบดีกลาโหม ปู่เป็นผู้ว่าราชการมณฑล เขาจึงได้รับการศึกษาอย่างดีมาแต่เด็ก ต่อมาฐานะครอบครัวตกต่ำลงจนถึงขั้นยากจนหลังจากบิดาเสียชีวิตไปเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ แต่เขาก็ยังหมั่นเพียรขยันศึกษาจนต่อมาได้รับอิทธิพลทางความคิดจากลัทธิเต๋า ในช่วงอายุ 29 – 40 ปี เถายวนหมิงเคยเข้ารับราชการเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่ก็ต้องลาออกเพราะไม่ชอบการพินอบพิเทาเจ้านายและไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีทางการเมือง แต่แล้วก็เข้ารับราชการใหม่ เป็นเช่นนี้หลายครั้งครา ทั้งนี้เพราะเขามีใจใฝ่ความสงบของธรรมชาติ รักมัธยัสถ์ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี ต่อมาจึงตัดสินใจลาออกจากราชการอย่างถาวรและหันไปทำไร่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ก็สุขใจสามารถร่ำสุราแต่งกลอนตามใจอยากและได้สร้างผลงานวรรณกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยผลงานของเขาล้วนแฝงด้วยจิตวิญญาณของธรรมชาติ ความเรียบง่าย และพลังแห่งชีวิต และต่อมาเถายวนหมิงได้ถูกยกย่องเป็นต้นแบบของการละทิ้งลาภยศชื่อเสียงและการใช้ชีวิตอย่างสมถะตามหลักปรัชญาแห่งเต๋า วลี ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’ นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเถายวนหมิงอายุสี่สิบปี เข้ารับราชการในตำแหน่งผู้ว่าการเขตเผิงเจ๋อ (ตั้งอยู่ทางเหนือของมณฑลเจียงซี) อยู่มาวันหนึ่งมีผู้ตรวจการมาตรวจงาน เสมียนหลวงบอกเขาว่าควรแต่งตัวให้เรียบร้อยอย่างเป็นทางการไปต้อนรับผู้ตรวจการ เขาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายและกล่าววลีนี้ออกมา และเมื่อกล่าวเสร็จเขาก็ยื่นใบลาออกหลังจากรับราชการมาได้เพียงแปดสิบเอ็ดวัน และหลังจากนั้นก็ไม่เข้ารับราชการอีกเลย แล้วทำไมต้อง ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ ? ประเด็นนี้มีการตีความกันหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่จะตีความว่า ข้าวสารห้าโต่วคือค่าจ้างของขุนนางระดับผู้ว่าการเขตในสมัยนั้น (หนึ่งโต่วในสมัยนั้นคือประมาณเจ็ดลิตร) ซึ่งฟังดูน้อยนิดเมื่อคำนวณเทียบกับบันทึกโบราณว่าด้วยเงินเดือนข้าราชการ บ้างก็ว่าเป็นเงินเดือนแต่ยังไม่รวมค่าตอบแทนอื่น เช่นผ้าไหม บ้างก็ว่าคิดได้เป็นค่าจ้างรายวันเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นปริมาณข้าวสารที่พอเพียงสำหรับหนึ่งคนในหนึ่งเดือน แต่ไม่ว่า ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ จะมีความหมายที่แท้จริงอย่างไร เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้และกล่าวถึงอย่างยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการละทิ้งยศศักดิ์ และวลีนี้ได้กลายมาเป็นสำนวนจีนที่ถูกใช้ผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัยเพื่อแปลว่า ไม่ยอมละทิ้งจิตวิญญาณของตนเพื่อยอมสยบให้กับอำนาจหรืออิทธิพล (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่า: ดินแดนดอกท้อ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/525898876205076 Credit รูปภาพจาก: https://www.yangtse.com/news/wy/202506/t20250603_215987.html https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_2197713 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/陶渊明/53944 https://baike.baidu.com/item/陶潜传/75756 https://k.sina.cn/article_5044281310_12ca99fde020004fcq.html #ปรปักษ์จำนน #เจ๋อเยา #เถาเฉียน #เถายวนหมิง #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว