• เคลียร์ประเด็นร้อน ก่อสร้างศาลมีนบุรี ไม่มีแรงงานผิดกฎหมาย
    .
    ช่วงนี้ประเด็นข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานของส่วนราชการ กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมพอสมควร ภายหลังเกิดกรณีการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยเพจ CSILA ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า "สายข่าวแจ้งว่า ไซต์งานศาลมีนบุรีแคมป์คนงานในไซต์ก่อสร้างศาลเต็มไปด้วยแรงงานจีนที่ใช้วีซ่านักศึกษาเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย ทั้งไซต์งานแทบไม่มีคนไทยเลย ผู้รับเหมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนที่ ไชน่าเรลเวย์ หามาเองครบทุกตำแหน่ง"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037520

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เคลียร์ประเด็นร้อน ก่อสร้างศาลมีนบุรี ไม่มีแรงงานผิดกฎหมาย . ช่วงนี้ประเด็นข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานของส่วนราชการ กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมพอสมควร ภายหลังเกิดกรณีการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยเพจ CSILA ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า "สายข่าวแจ้งว่า ไซต์งานศาลมีนบุรีแคมป์คนงานในไซต์ก่อสร้างศาลเต็มไปด้วยแรงงานจีนที่ใช้วีซ่านักศึกษาเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย ทั้งไซต์งานแทบไม่มีคนไทยเลย ผู้รับเหมาส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีนที่ ไชน่าเรลเวย์ หามาเองครบทุกตำแหน่ง" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037520 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบ แคมเปญฟิชชิงที่ซับซ้อน ซึ่งใช้บริการของ Google เพื่อส่งอีเมลหลอกลวงจาก no-reply@google.com โดยแฮกเกอร์ใช้ OAuth apps และ sites.google.com เพื่อสร้างอีเมลที่ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจาก Google ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อและให้ข้อมูลรับรองบัญชีของตน

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ OAuth apps เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจาก Google
    - อีเมลปลอมแจ้งว่ามีหมายเรียกจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบัญชี Google ของผู้ใช้
    - ข้อความในอีเมลถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจริงจาก Google

    ✅ อีเมลฟิชชิงถูกส่งจาก no-reply@google.com และผ่านการตรวจสอบ DKIM
    - DKIM (DomainKeys Identified Mail) เป็นระบบตรวจสอบความถูกต้องของอีเมล
    - เนื่องจากอีเมลถูกสร้างโดย Google ระบบ DKIM จึงรับรองว่าเป็นอีเมลที่ถูกต้อง

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ sites.google.com เพื่อสร้างหน้าเว็บหลอกลวง
    - หน้าเว็บนี้ถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลรับรองบัญชีของผู้ใช้
    - sites.google.com เป็นบริการสร้างเว็บไซต์ฟรีของ Google ซึ่งมักถูกใช้ในแคมเปญฟิชชิง

    ✅ การโจมตีนี้เรียกว่า "DKIM replay phishing attack"
    - ใช้ช่องโหว่ในระบบตรวจสอบ DKIM ของ Google เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/beware-hackers-can-apparently-now-send-phishing-emails-from-no-reply-google-com
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบ แคมเปญฟิชชิงที่ซับซ้อน ซึ่งใช้บริการของ Google เพื่อส่งอีเมลหลอกลวงจาก no-reply@google.com โดยแฮกเกอร์ใช้ OAuth apps และ sites.google.com เพื่อสร้างอีเมลที่ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจาก Google ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อและให้ข้อมูลรับรองบัญชีของตน ✅ แฮกเกอร์ใช้ OAuth apps เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจาก Google - อีเมลปลอมแจ้งว่ามีหมายเรียกจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบัญชี Google ของผู้ใช้ - ข้อความในอีเมลถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจริงจาก Google ✅ อีเมลฟิชชิงถูกส่งจาก no-reply@google.com และผ่านการตรวจสอบ DKIM - DKIM (DomainKeys Identified Mail) เป็นระบบตรวจสอบความถูกต้องของอีเมล - เนื่องจากอีเมลถูกสร้างโดย Google ระบบ DKIM จึงรับรองว่าเป็นอีเมลที่ถูกต้อง ✅ แฮกเกอร์ใช้ sites.google.com เพื่อสร้างหน้าเว็บหลอกลวง - หน้าเว็บนี้ถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลรับรองบัญชีของผู้ใช้ - sites.google.com เป็นบริการสร้างเว็บไซต์ฟรีของ Google ซึ่งมักถูกใช้ในแคมเปญฟิชชิง ✅ การโจมตีนี้เรียกว่า "DKIM replay phishing attack" - ใช้ช่องโหว่ในระบบตรวจสอบ DKIM ของ Google เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/beware-hackers-can-apparently-now-send-phishing-emails-from-no-reply-google-com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสู้รบกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังช่วงเวลาหยุดยิงชั่วคราวของรัสเซียจบลง และยืนยันยังคงเปิดกว้างเรื่องการเจรจาสันติภาพกับยูเครน

    ปธน.ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ว่าการสู้ได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังสิ้นสุดการหยุดยิงในช่วงวันอีสเตอร์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง แม้ว่ายูเครนจะละเมิดการหยุดยิงของรัสเซียโดยการโจมตีหลายครั้ง

    "แม้จะมีการละเมิดการหยุดยิงเกือบ 5,000 ครั้ง รวมถึงการโจมตีด้วยโดรน 90 ครั้งและการโจมตีด้วยปืนใหญ่ 400 ครั้ง แต่รัสเซียก็สังเกตเห็นว่ากิจกรรมการสู้รบของยูเครนลดลงโดยทั่วไป"

    อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวเสริมว่า รัสเซียมีทัศนคติเชิงบวกต่อความพยายามสันติภาพใดๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเสนอแผนสันติภาพในวันอีสเตอร์ด้วย

    "เราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด เรามีทัศนคติในแง่บวกต่อความคิดริเริ่มสันติภาพใดๆ เราหวังว่าพวกผู้แทนของรัฐบาลเคียฟจะรู้สึกแบบเดียวกัน" ปูตินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
    การสู้รบกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังช่วงเวลาหยุดยิงชั่วคราวของรัสเซียจบลง และยืนยันยังคงเปิดกว้างเรื่องการเจรจาสันติภาพกับยูเครน ปธน.ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ ว่าการสู้ได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังสิ้นสุดการหยุดยิงในช่วงวันอีสเตอร์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง แม้ว่ายูเครนจะละเมิดการหยุดยิงของรัสเซียโดยการโจมตีหลายครั้ง "แม้จะมีการละเมิดการหยุดยิงเกือบ 5,000 ครั้ง รวมถึงการโจมตีด้วยโดรน 90 ครั้งและการโจมตีด้วยปืนใหญ่ 400 ครั้ง แต่รัสเซียก็สังเกตเห็นว่ากิจกรรมการสู้รบของยูเครนลดลงโดยทั่วไป" อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวเสริมว่า รัสเซียมีทัศนคติเชิงบวกต่อความพยายามสันติภาพใดๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเสนอแผนสันติภาพในวันอีสเตอร์ด้วย "เราพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด เรามีทัศนคติในแง่บวกต่อความคิดริเริ่มสันติภาพใดๆ เราหวังว่าพวกผู้แทนของรัฐบาลเคียฟจะรู้สึกแบบเดียวกัน" ปูตินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • รัฐสภา หาเรื่องใช้เงิน เปิดใช้งานไม่เต็มที่ แต่ของบสร้างห้องเพิ่ม
    .
    เมื่อไม่นานมานี้มีการพยายามเสนอไอเดียปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารรัฐสภา โดยเฉพาะสระมรกตและห้องสมุดโดยใช้งบประมาณราว 150 ล้านบาท ซึ่งงานบางส่วนสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เดินหน้าในแง่ของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการใช้งบประมาณดังกล่าวขึ้นมาทันที
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037521

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รัฐสภา หาเรื่องใช้เงิน เปิดใช้งานไม่เต็มที่ แต่ของบสร้างห้องเพิ่ม . เมื่อไม่นานมานี้มีการพยายามเสนอไอเดียปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารรัฐสภา โดยเฉพาะสระมรกตและห้องสมุดโดยใช้งบประมาณราว 150 ล้านบาท ซึ่งงานบางส่วนสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เดินหน้าในแง่ของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการใช้งบประมาณดังกล่าวขึ้นมาทันที . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037521 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA และ AMD กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างอิทธิพลในตลาด AI ของญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองบริษัทส่งซีอีโอไปเยือนประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในญี่ปุ่น

    ✅ ญี่ปุ่นต้องการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI ระดับโลก
    - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังผลักดันให้ประเทศเป็น "ประเทศที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและใช้ AI"
    - มีการลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดโลก

    ✅ ซีอีโอของ NVIDIA และ AMD พบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
    - Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรม AI
    - Lisa Su ซีอีโอของ AMD ก็เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีและพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่น

    ✅ NVIDIA มอบ DGX Spark AI Supercomputer ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น
    - เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่าง NVIDIA และญี่ปุ่นในการพัฒนา AI

    ✅ AMD กำลังขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้าน AI
    - รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ AMD

    https://wccftech.com/nvidia-and-amd-ceos-pay-a-visit-to-japan-in-quick-succession/
    NVIDIA และ AMD กำลังแข่งขันกันเพื่อสร้างอิทธิพลในตลาด AI ของญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองบริษัทส่งซีอีโอไปเยือนประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในญี่ปุ่น ✅ ญี่ปุ่นต้องการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI ระดับโลก - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังผลักดันให้ประเทศเป็น "ประเทศที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาและใช้ AI" - มีการลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดโลก ✅ ซีอีโอของ NVIDIA และ AMD พบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น - Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรม AI - Lisa Su ซีอีโอของ AMD ก็เดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีและพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่น ✅ NVIDIA มอบ DGX Spark AI Supercomputer ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น - เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่าง NVIDIA และญี่ปุ่นในการพัฒนา AI ✅ AMD กำลังขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้าน AI - รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ AMD https://wccftech.com/nvidia-and-amd-ceos-pay-a-visit-to-japan-in-quick-succession/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA and AMD CEOs Pay a Visit To Japan In Quick Succession, Meet with PM Ishiba to Capitalize on the Nation's AI Ambitions
    The CEOs of NVIDIA and AMD have reportedly visited Japan in quick succession, as both firms are eager to capitalize on a growing AI market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุขในแบบของเรา
    สุขในแบบของเรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • Thailand Pavilion โปร่งใสทุกขั้นตอน งานโชว์เปลี่ยนทุกเดือน
    .
    หนึ่งในประเด็นดราม่าที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันขณะนี้ คือ การมีหลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงการจัดทำนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 Osaka, Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ไม่สมศักดิ์ศรีกับงบประมาณที่ใช้เกือบ 900 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการเปิดประเด็นถึงกระบวนการใช้จ่ายงบประมาณด้วย ส่งผลให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบในการจัดทำนิทรรศการต้องออกมาอธิบายเพื่อให้สังคมเข้าใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037523

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Thailand Pavilion โปร่งใสทุกขั้นตอน งานโชว์เปลี่ยนทุกเดือน . หนึ่งในประเด็นดราม่าที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันขณะนี้ คือ การมีหลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงการจัดทำนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 Osaka, Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ไม่สมศักดิ์ศรีกับงบประมาณที่ใช้เกือบ 900 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการเปิดประเด็นถึงกระบวนการใช้จ่ายงบประมาณด้วย ส่งผลให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบในการจัดทำนิทรรศการต้องออกมาอธิบายเพื่อให้สังคมเข้าใจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037523 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินยอมรับว่าการโจมตีในภูมิภาคซูมี เพื่อตอบโต้การบุกดินแดนเคิร์สของรัสเซีย

    เราโจมตีอาคารที่ตั้งภายในซูมี แม้ว่าจะเป็นสถานที่พลเรือน แต่กองทัพยูเครนกลับใช้เป็นที่พักของกองกำลังยูเครนที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในเคิร์สก์

    "กองทัพยูเครนจัดงานชุมนุมในร้านอาหาร เฉลิมฉลอง ดื่มวอดก้า ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของพลเรือนเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร จัดการประชุม ทดสอบระบบขีปนาวุธ นั่นจึงตกเป็นเป้าหมายที่กองทัพของเราโจมตี" ปูติน กล่าว

    หรือแม้แต่สถานที่ในโอเดสซา อาคารสถานที่หากใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการทหารยูเครน มันจะตกเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมของรัสเซียเช่นกัน
    ปูตินยอมรับว่าการโจมตีในภูมิภาคซูมี เพื่อตอบโต้การบุกดินแดนเคิร์สของรัสเซีย เราโจมตีอาคารที่ตั้งภายในซูมี แม้ว่าจะเป็นสถานที่พลเรือน แต่กองทัพยูเครนกลับใช้เป็นที่พักของกองกำลังยูเครนที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในเคิร์สก์ "กองทัพยูเครนจัดงานชุมนุมในร้านอาหาร เฉลิมฉลอง ดื่มวอดก้า ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของพลเรือนเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร จัดการประชุม ทดสอบระบบขีปนาวุธ นั่นจึงตกเป็นเป้าหมายที่กองทัพของเราโจมตี" ปูติน กล่าว หรือแม้แต่สถานที่ในโอเดสซา อาคารสถานที่หากใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการทหารยูเครน มันจะตกเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมของรัสเซียเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • https://youtu.be/DbNfBYOXtps?si=1PtV_AgLKTuqy22L
    https://youtu.be/DbNfBYOXtps?si=1PtV_AgLKTuqy22L
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE]

    นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน

    -ใช้คนงานเป็นนอมินี

    -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1

    -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี

    -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE] นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน -ใช้คนงานเป็นนอมินี -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1 -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • The cutest fence
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The cutest fence #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • The cutest fence
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    The cutest fence #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ่ายเพื่อทำ CGI ในซีรีส์ จอมใจอโยธยา
    ถ่ายเพื่อทำ CGI ในซีรีส์ จอมใจอโยธยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 22 เมษายน 2568 -รายงานประกาศของราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ฉบับแรก เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(7) (ภู) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 47(พ.ศ. 2541)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่เมษายน พ.ศ.2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว สำหรับผู้ซื้อออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกินเจ็ดล้านบาทเป็นพิเศษโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวบ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569ฉบับที่สอง เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 1(7) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน ท.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำนองห้องชุดสำหรับผู้ชื่อห้องชุดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนห้องชุดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย ว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อท้องชุดซึ่งเป็นบุคคธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
    22 เมษายน 2568 -รายงานประกาศของราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ฉบับแรก เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินกรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร ที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 2(7) (ภู) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 47(พ.ศ. 2541)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่เมษายน พ.ศ.2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว สำหรับผู้ซื้อออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกินเจ็ดล้านบาทเป็นพิเศษโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวบ้านแฝด และบ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าว ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569ฉบับที่สอง เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดกรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยที่เป็นการสมควรบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนซึ่งต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอาศัยอำนาจตามความในข้อ 1(7) (ช) แห่งกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 เมษายน ท.ศ. 2568 กำหนดหลักเกณฑ์ให้ลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดในการโอนและการจำนองห้องชุดสำหรับผู้ชื่อห้องชุดราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเป็นพิเศษ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ข้อ 1 ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนห้องชุดและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุดอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนห้องชุดดังกล่าวในคราวเดียวกัน ร้อยละ 0.01% สำหรับกรณีการโอนกรรมสิทธิ์และการจำนองห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย ว่าด้วยอาคารชุด ซึ่งมีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนอง ไม่เกิน 7 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ซื้อท้องชุดซึ่งเป็นบุคคธรรมดาที่มีสัญชาติไทยข้อ 2. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/live/dgk6GeRO0Kc?si=sgglnpiIlYthPsC-
    https://www.youtube.com/live/dgk6GeRO0Kc?si=sgglnpiIlYthPsC-
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการชุมนุมครั้งใหญ่ของชาวยิวหลายหมื่นคนใจกลางกรุงเทลอาวีฟ เพื่อเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออก และให้มีข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันกับฮามาสต่อไป

    ภาพเหล่านี้จะไม่มีให้เห็นในสื่อหลักของอเมิรกาอย่างแน่นอน
    ภาพการชุมนุมครั้งใหญ่ของชาวยิวหลายหมื่นคนใจกลางกรุงเทลอาวีฟ เพื่อเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออก และให้มีข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันกับฮามาสต่อไป ภาพเหล่านี้จะไม่มีให้เห็นในสื่อหลักของอเมิรกาอย่างแน่นอน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • "ถนนนี้ หัวใจข้าจอง" 🥰

    ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
    "ถนนนี้ หัวใจข้าจอง" 🥰 ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ภาพการชุมนุมครั้งใหญ่ของชาวยิวหลายหมื่นคนใจกลางกรุงเทลอาวีฟ เพื่อเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออก และให้มีข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันกับฮามาสต่อไป

    ภาพเหล่านี้จะไม่มีให้เห็นในสื่อหลักของอเมิรกาอย่างแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • "วิโรจน์" ชี้ปมตึก สตง. ถล่ม โยง "มหาลัยศูนย์เหรียญ" ปล่อยวีซ่าวิศวกรจีนทำงานมิชอบ
    https://www.thai-tai.tv/news/18274/
    "วิโรจน์" ชี้ปมตึก สตง. ถล่ม โยง "มหาลัยศูนย์เหรียญ" ปล่อยวีซ่าวิศวกรจีนทำงานมิชอบ https://www.thai-tai.tv/news/18274/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาวไส้กันเอง ไอ้ชาญวิตถาร มีเงินเปย์หนุ่มเอนฯ แต่ไม่จ่ายค่าจ้างทำบัญชีแม่เพนกวิน ไอ้หมูเปรี้ยวจึงต้องทวงข้ามทวีป ชูสามนิ้ว นิ้วละพัน จ่ายแม่กูด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    สาวไส้กันเอง ไอ้ชาญวิตถาร มีเงินเปย์หนุ่มเอนฯ แต่ไม่จ่ายค่าจ้างทำบัญชีแม่เพนกวิน ไอ้หมูเปรี้ยวจึงต้องทวงข้ามทวีป ชูสามนิ้ว นิ้วละพัน จ่ายแม่กูด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • บาทละ 60,000 คงไม่ไกลเกินจริง !!!
    #TongAroundTheWorld #ตองตะลอนทัวร์ #ตองอะราวด์เดอะเวิล์ด #ราคาทอง #NewHigh
    บาทละ 60,000 คงไม่ไกลเกินจริง !!! #TongAroundTheWorld #ตองตะลอนทัวร์ #ตองอะราวด์เดอะเวิล์ด #ราคาทอง #NewHigh
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ลุ้นระทึก! ‘ศาลฎีกา’ จ่อชี้ขาดคดีสรรพากรแจ้ง ‘ทักษิณ’ จ่ายภาษีขายหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/18275/
    ลุ้นระทึก! ‘ศาลฎีกา’ จ่อชี้ขาดคดีสรรพากรแจ้ง ‘ทักษิณ’ จ่ายภาษีขายหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน https://www.thai-tai.tv/news/18275/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายไทยแจ้งเกิดเป็น ทนายเดรัฐฉานอีกคน หลังรับเงินนายทุนจีนสายเทา มาเล่นบทเสี้ยมให้จีนขัดแย้งกับไทย เอานักลงทุนจีนมาขู่ ทั้งที่ไทยไม่ได้มีปัญหากับทุนจีน แต่ไทยเราต้องจัดการนายทุนทุกชาติที่เข้ามาทำผิดกฎหมายทำร้ายคนไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ทนายไทยแจ้งเกิดเป็น ทนายเดรัฐฉานอีกคน หลังรับเงินนายทุนจีนสายเทา มาเล่นบทเสี้ยมให้จีนขัดแย้งกับไทย เอานักลงทุนจีนมาขู่ ทั้งที่ไทยไม่ได้มีปัญหากับทุนจีน แต่ไทยเราต้องจัดการนายทุนทุกชาติที่เข้ามาทำผิดกฎหมายทำร้ายคนไทย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว