• "แทรกแซง!?!"

    การชุมนุมต่อต้านผลการเลือกตั้งในจอร์เจีย มีคณะผู้แทนจากต่างชาติทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส โปแลนด์ เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลัตเวีย สวีเดน และฟินแลนด์เข้าร่วมด้วย

    (รูปภาพที่1) เหตุการณ์กำลังซ้ำรอยกับยูเครนในช่วงปี 2014 กลุ่มตัวแทนต่างชาติขึ้นเวทีเพื่อกล่าวยั่วยุให้สถานการณ์เลวร้ายลง และให้ประชาชนชาวยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งกับรัฐบาลครั้งใหญ่ในช่วงเวลานั้น
    "แทรกแซง!?!" การชุมนุมต่อต้านผลการเลือกตั้งในจอร์เจีย มีคณะผู้แทนจากต่างชาติทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส โปแลนด์ เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลัตเวีย สวีเดน และฟินแลนด์เข้าร่วมด้วย (รูปภาพที่1) เหตุการณ์กำลังซ้ำรอยกับยูเครนในช่วงปี 2014 กลุ่มตัวแทนต่างชาติขึ้นเวทีเพื่อกล่าวยั่วยุให้สถานการณ์เลวร้ายลง และให้ประชาชนชาวยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งกับรัฐบาลครั้งใหญ่ในช่วงเวลานั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน
    .
    หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5)
    .
    วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้
    .
    ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ
    .
    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้
    .
    อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
    .
    เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
    .
    “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ
    .
    เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา”
    .
    ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์
    .
    ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร
    .
    ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ
    .
    นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ
    .
    ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน
    .
    ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์
    .
    ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของวอชิงตันโพสต์ที่ว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันแล้วระหว่างปูติน กับ ทรัมป์ โดยว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม ทั้งนี้แดนหมีขาวบอกว่านี่เป็นข่าวเท็จ ปูตินไม่มีแผนคุยกับทรัมป์ อีกทั้งบอกด้วยว่าไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงว่า ฝ่ายตะวันตกพร้อมแล้วสำหรับการพูดจากัน . หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวงในหลายคนว่า ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากรีสอร์ตส่วนตัวของเขาที่มาร์-อะลา-โก รัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) หรือหนึ่งวันหลังสื่อใหญ่ทุกสำนักประกาศว่า ทรัมป์ชนะรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ในศึกชิงทำเนียบขาวที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (5) . วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เรียกร้องปูตินอย่าทำให้สงครามในยูเครนลุกลาม และเตือนว่า อเมริกากองทหารขนาดใหญ่ประจำการอยู่ในยุโรป รวมทั้งยังแสดงความสนใจหารือกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตยูเครนเร็วๆ นี้ . นอกจากวอชิงตันโพสต์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (10) ว่า ทรัมป์ได้พูดคุยกับปูตินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทว่า ในวันจันทร์ (11) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินออกมาแถลงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการกุเรื่องขึ้น และยืนยันว่า ปูตินไม่มีแผนการเฉพาะเจาะจงในการพูดคุยกับทรัมป์ในขณะนี้ . ขณะที่ สตีเฟน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ระบุในคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับผู้นำโลกคนอื่นๆ . ส่วนกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเรื่องการหารือระหว่างทรัมป์กับปูติน จึงไม่อาจยืนยันหรือปฏิเสธได้ . อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (10) ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานด้วยกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป . เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ไม่มีการตระเตรียมใดๆ สำหรับที่ปูตินจะพูดจาหารือกับชอลซ์ และเขาเห็นว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าจุดยืนของยุโรปในเรื่องยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว . “เรามองเห็นความหงุดหงิดว้าวุ่นอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความหวาดกลัวต่างๆ ในหมู่ชาวยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งมิสเตอร์ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เปสคอฟ บอก พร้อมกับย้ำว่า ปูตินได้พูดอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้วว่าเปิดกว้างสำหรับการพูดจากันทุกอย่าง ทว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้มีการตระเตรียมใดๆ รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ . เขากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ “พวกผู้นำยุโรปยังคงกำลังพยายามที่จะบรรลุถึงการทำให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แต่มอสโกจะ “ดำเนินปฏิบัติการพิเศษของเราต่อไปจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมายทั้งหมดของเรา” . ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลต่อการสู้รบขัดแย้งในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี เนื่องจากว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้หาเสียงโดยยืนกรานมาตลอดว่า การสู้รบจะต้องยุติลงโดยเร็ว รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงกับการที่อเมริกาให้การสนับสนุนเคียฟมูลค่าเป็นหมื่นล้านแสนล้านดอลลาร์ . ทางฝ่ายประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ได้หารือกับทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) โดยมีอีลอน มัสก์ ร่วมหารือด้วย มหาเศรษฐีที่ให้การสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขันผู้นี้ เคยพูดระบุว่าเคียฟต้องยอมรับความเป็นจริงเรื่องจะต้องเสียดินแดนให้รัสเซีย . ในอีกด้านหนึ่ง เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า เพื่อให้เคียฟมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ . ซัลลิแวนเสริมว่า ไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า อเมริกาไม่อาจทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติลงโดยเร็วก่อนที่ตนเองจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้บอกว่า จะทำอย่างไร . ทรัมป์และพันธมิตรต่างคัดค้านการที่อเมริกาให้เงินช่วยเหลือยูเครน และเปรยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการอัดฉีดเงินให้บริษัทอุตสาหกรรมการทหารที่ฉ้อฉลและสนับสนุนสงคราม รวมทั้งพวกสายเหยี่ยวด้านนโยบายการต่างประเทศ . นอกจากนั้น ยังคาดกันว่า การทำข้อตกลงกันให้ได้โดยเร็ว ย่อมหมายถึงเคียฟต้องยอมเสียดินแดนที่ถูกกองทัพรัสเซียเข้ายึดครองทางด้านใต้และตะวันออกของประเทศ . ไบรอัน แลนซา ที่ปรึกษาสำคัญคนหนึ่งของทรัมป์ให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันเสาร์ (9 ) โดยยกตัวอย่างว่า ยูเครนต้องเลิกคิดว่าจะได้ไครเมียที่รัสเซียเข้าผนวกเมื่อปี 2014 คืน . ทว่า เคียฟยืนกรานว่า จะไม่ยอมยกดินแดนหรือยอมตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ของรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ปูตินได้ใจและยั่วยุก้าวร้าวขึ้น ขณะที่รู้กันว่า พันธมิตรในยุโรปอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสรู้สึกกังวลกับการดำเนินการฝ่ายเดียวของทรัมป์ . ช่วงหลายเดือนมานี้ทั้งมอสโกและเคียฟต่างพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบในการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในท้ายที่สุด โดยยูเครนได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วขึ้นในยูเครน . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการโจมตีกันด้วยโดรนหนักที่สุด โดยเซเลนสกีเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำโจมตียูเครนเมื่อคืนวันเสาร์ และมอสโกระบุว่า สอยโดรนยูเครน 34 ลำที่มุ่งโจมตีมอสโกในวันอาทิตย์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108683 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุตสาหกรรมและรัฐบาลของเยอรมนีกำลังล่มสลาย นำโดยคนหัวรั้น(ล้าน)

    ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับความแตกแยกทางสังคม, อาชญากรรม, และเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่นำโดยตัวตลกที่ไม่เป็นที่นิยมอย่างมาก

    ขณะเดียวกัน, ผู้นำ NATO ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง, และถูกชาวดัตช์ปฏิเสธ กล่าวว่ายุโรปจำเป็นต้องใช้จ่ายด้านสงครามมากขึ้น
    .
    German industry and its Governemt is collapsing. Led by a half wit.

    France is wracked by social division, crime, and faces a recession led by a deeply unpopular clown.

    Meanwhile, the unelected NATO chief, rejected by the Dutch people says Europe needs to spend more on War.
    .
    12:46 AM · Nov 12, 2024 · 101.2K Views
    https://x.com/BowesChay/status/1856030848295788700
    อุตสาหกรรมและรัฐบาลของเยอรมนีกำลังล่มสลาย นำโดยคนหัวรั้น(ล้าน) ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับความแตกแยกทางสังคม, อาชญากรรม, และเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่นำโดยตัวตลกที่ไม่เป็นที่นิยมอย่างมาก ขณะเดียวกัน, ผู้นำ NATO ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง, และถูกชาวดัตช์ปฏิเสธ กล่าวว่ายุโรปจำเป็นต้องใช้จ่ายด้านสงครามมากขึ้น . German industry and its Governemt is collapsing. Led by a half wit. France is wracked by social division, crime, and faces a recession led by a deeply unpopular clown. Meanwhile, the unelected NATO chief, rejected by the Dutch people says Europe needs to spend more on War. . 12:46 AM · Nov 12, 2024 · 101.2K Views https://x.com/BowesChay/status/1856030848295788700
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • รัฐบาลของเนทันยาฮู ออกคำเตือนแฟนบอลชาวอิสราเอลให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชมการแข่งขันยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ระหว่างทีมฝรั่งเศสกับทีมอิสราเอล ซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2024 ที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส
    รัฐบาลของเนทันยาฮู ออกคำเตือนแฟนบอลชาวอิสราเอลให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชมการแข่งขันยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ระหว่างทีมฝรั่งเศสกับทีมอิสราเอล ซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2024 ที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จบข่าว!!

    ค้นจนเจอหลักฐาน
    ภาพการส่งคืน #เกาะกูด ที่ #ประเทศไทย และ #ฝรั่งเศส ถ่ายร่วมกัน
    #จบข่าว!! ค้นจนเจอหลักฐาน ภาพการส่งคืน #เกาะกูด ที่ #ประเทศไทย และ #ฝรั่งเศส ถ่ายร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จบข่าว!!

    ค้นจนเจอหลักฐาน
    ภาพการส่งคืน #เกาะกูด ที่ #ประเทศไทย และ #ฝรั่งเศส ถ่ายร่วมกัน
    #จบข่าว!! ค้นจนเจอหลักฐาน ภาพการส่งคืน #เกาะกูด ที่ #ประเทศไทย และ #ฝรั่งเศส ถ่ายร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสประกาศว่าจะส่งขีปนาวุธ SCALP ชุดใหม่จำนวน 10 ลูก ให้กับยูเครน เพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    นอกจากนี้ยังประกาศด้วยว่าจะส่งระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานมิสทรัล (Mistral anti-aircraft missile system) สำหรับป้องกันภัยทางอากาศอีกด้วย
    ฝรั่งเศสประกาศว่าจะส่งขีปนาวุธ SCALP ชุดใหม่จำนวน 10 ลูก ให้กับยูเครน เพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย นอกจากนี้ยังประกาศด้วยว่าจะส่งระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานมิสทรัล (Mistral anti-aircraft missile system) สำหรับป้องกันภัยทางอากาศอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวในกรุงเคียฟ ให้สัญญาสนับสนุนยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีนับแต่นี้ของสหรัฐฯ คำยืนยันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    .
    ชัยชนะของตัวแทนจากรีพับลิกันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อความกังวลปกคลุมยูเครนและยุโรป ต่อกรณีที่ว่า ทรัมป์ อาจหยุดการสนับสนุนของวอชิงตันที่มอบแก่เคียฟ ในการทำศึกสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย
    .
    "จุดประสงค์ที่ชัดเจนของการเดินทางเยือนครั้งนี้ก็คือ แสดงจุดยืนของสหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครน และแรงสนับสนุนนี้จะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" บอร์เรลกล่าว ในขณะที่เขามีกำหนดพ้นจากตำแหน่งในเดือนหน้า "แน่นอนว่าแรงสนับสนุนนี้มีความจำเป็นสำหรับพวกคุณอย่างยิ่ง ในการเดินหน้าปกป้องตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย"
    .
    ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ก่อความสงสัยต่อการคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนทางทหารและทางการเงินอันมหาศาลที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน และบอกว่าจะหาทางบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็วเพื่อยุติทำสงคราม
    .
    "ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ารัฐบาลใหม่กำลังทำอะไร" บอร์เรลระบุ พร้อมชี้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังเหลือเวลาอยู่ในอำนาจอีก 2 เดือน สำหรับทำการตัดสินใจต่างๆ "เราจำเป็นต้องทำให้มากกว่าเดิมและรวดเร็วขึ้น สนับสนุนทางทหารมากขึ้น เพิ่มปริมาณการฝึกฝน เพิ่มเงิน จัดหาอาวุธยุทธโปกรณ์รวดเร็วกว่าเดิม และเช่นกัน เราจำเป็นต้องอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ของศัตรูที่อยู่ในดินแดนของพวกเขา"
    .
    บอร์เรลกล่าวต่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "ไม่ต้องการเจรจาและจะไม่เจรจาจนกว่าเขาจะถูกบีบให้ทำเช่นนั้น"
    .
    รวมกันแล้ว ยุโรปใช้จ่ายเงินไปแล้วราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในปี 2022 ขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบแรงสนับสนนแก่เคียฟ ไปแล้วมากกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์
    .
    การคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ถูกมองว่ามีความสำคัญที่สุดในการรับประกันว่าเคียฟจะสามารถเดินหน้าสู้รบกับรัสเซียได้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในบรรดามหาอำนาจยุโรปทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี และฝรั่งเศส
    .
    ในสมรภูมิรบ ทหารที่เหนื่อยอ่อนของยูเครน กำลังดิ้นรนสกัดการรุกคืบของรัสเซีย ในขณะที่การสู้รบเต็มรูปแบบลากยาวใกล้เข้าครบ 3 ปีแล้ว
    .
    คำยืนยันของบอร์เรล มีขึ้นในขณะที่เหล่าประเทศสมาชิกหลายชาติ ในนั้นรวมถึงฮังการี ซึ่งคัดค้านการมอบแรงสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน มีความฮึกเหิมมากขึ้นในจุดยืนดังกล่าว ตามหลัง ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ซึ่งมันยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่อียูจะมีความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในวิกฤตความขัดแย้งยูเครน
    .
    อันดรีย์ ชีบีกา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เน้นย้ำเสียงคัดค้านของเคียฟ โดยบอกว่าพวกเขาไม่ควรถูกบีบบังคับให้ยอมอ่อนข้อแก่รัสเซีย "ทุกๆ คนจำเป็นต้องตระหนักว่าการเอาใจพวกผู้รุกรานนั้นไม่ได้ผล" เขากล่าว "เราต้องการสันติภาพที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาใจที่จะนำมาซึ่งสงครามเพิ่มเติม"
    .
    นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน บอกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ "มักเป็นตัวแทนแห่งความหวังและโอกาสเสมอ โอกาสที่จะเร่งเข้าสู่สันติภาพ"
    .
    เขาบอกว่าได้มีการติดต่อกับทีมงานของทรัมป์ หลังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โทรศัพท์แสดงความยินดีกับตัวแทนพรรครีพับลิกัน และเวลานี้อยู่ระหว่างการทำงานในความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมพูดคุยรอบใหม่ระหว่างผู้นำทั้ง 2
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108072
    ..............
    Sondhi X
    โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวในกรุงเคียฟ ให้สัญญาสนับสนุนยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีนับแต่นี้ของสหรัฐฯ คำยืนยันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา . ชัยชนะของตัวแทนจากรีพับลิกันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อความกังวลปกคลุมยูเครนและยุโรป ต่อกรณีที่ว่า ทรัมป์ อาจหยุดการสนับสนุนของวอชิงตันที่มอบแก่เคียฟ ในการทำศึกสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย . "จุดประสงค์ที่ชัดเจนของการเดินทางเยือนครั้งนี้ก็คือ แสดงจุดยืนของสหภาพยุโรปในการสนับสนุนยูเครน และแรงสนับสนุนนี้จะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" บอร์เรลกล่าว ในขณะที่เขามีกำหนดพ้นจากตำแหน่งในเดือนหน้า "แน่นอนว่าแรงสนับสนุนนี้มีความจำเป็นสำหรับพวกคุณอย่างยิ่ง ในการเดินหน้าปกป้องตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย" . ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ก่อความสงสัยต่อการคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนทางทหารและทางการเงินอันมหาศาลที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน และบอกว่าจะหาทางบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็วเพื่อยุติทำสงคราม . "ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ารัฐบาลใหม่กำลังทำอะไร" บอร์เรลระบุ พร้อมชี้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังเหลือเวลาอยู่ในอำนาจอีก 2 เดือน สำหรับทำการตัดสินใจต่างๆ "เราจำเป็นต้องทำให้มากกว่าเดิมและรวดเร็วขึ้น สนับสนุนทางทหารมากขึ้น เพิ่มปริมาณการฝึกฝน เพิ่มเงิน จัดหาอาวุธยุทธโปกรณ์รวดเร็วกว่าเดิม และเช่นกัน เราจำเป็นต้องอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ของศัตรูที่อยู่ในดินแดนของพวกเขา" . บอร์เรลกล่าวต่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "ไม่ต้องการเจรจาและจะไม่เจรจาจนกว่าเขาจะถูกบีบให้ทำเช่นนั้น" . รวมกันแล้ว ยุโรปใช้จ่ายเงินไปแล้วราว 125,000 ล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนยูเครน นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในปี 2022 ขณะที่สหรัฐฯ เพียงชาติเดียวมอบแรงสนับสนนแก่เคียฟ ไปแล้วมากกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์ . การคงไว้ซึ่งแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ถูกมองว่ามีความสำคัญที่สุดในการรับประกันว่าเคียฟจะสามารถเดินหน้าสู้รบกับรัสเซียได้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในบรรดามหาอำนาจยุโรปทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี และฝรั่งเศส . ในสมรภูมิรบ ทหารที่เหนื่อยอ่อนของยูเครน กำลังดิ้นรนสกัดการรุกคืบของรัสเซีย ในขณะที่การสู้รบเต็มรูปแบบลากยาวใกล้เข้าครบ 3 ปีแล้ว . คำยืนยันของบอร์เรล มีขึ้นในขณะที่เหล่าประเทศสมาชิกหลายชาติ ในนั้นรวมถึงฮังการี ซึ่งคัดค้านการมอบแรงสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน มีความฮึกเหิมมากขึ้นในจุดยืนดังกล่าว ตามหลัง ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ซึ่งมันยิ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่อียูจะมีความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในวิกฤตความขัดแย้งยูเครน . อันดรีย์ ชีบีกา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เน้นย้ำเสียงคัดค้านของเคียฟ โดยบอกว่าพวกเขาไม่ควรถูกบีบบังคับให้ยอมอ่อนข้อแก่รัสเซีย "ทุกๆ คนจำเป็นต้องตระหนักว่าการเอาใจพวกผู้รุกรานนั้นไม่ได้ผล" เขากล่าว "เราต้องการสันติภาพที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาใจที่จะนำมาซึ่งสงครามเพิ่มเติม" . นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน บอกว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ "มักเป็นตัวแทนแห่งความหวังและโอกาสเสมอ โอกาสที่จะเร่งเข้าสู่สันติภาพ" . เขาบอกว่าได้มีการติดต่อกับทีมงานของทรัมป์ หลังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โทรศัพท์แสดงความยินดีกับตัวแทนพรรครีพับลิกัน และเวลานี้อยู่ระหว่างการทำงานในความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมพูดคุยรอบใหม่ระหว่างผู้นำทั้ง 2 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108072 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารยูเครน "ทำเท่" เลียนแบบท่าทางของนักฟุตบอลชื่อดัง "โรนัลโด" ขณะยิงปืนใหญ่อัตตาจรซีซาร์ (CAESAR) ของฝรั่งเศส
    ทหารยูเครน "ทำเท่" เลียนแบบท่าทางของนักฟุตบอลชื่อดัง "โรนัลโด" ขณะยิงปืนใหญ่อัตตาจรซีซาร์ (CAESAR) ของฝรั่งเศส
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย
    “กฤษฎีกากัมพูชา 1972”
    รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย !
    ________
    .
    ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด…
    .
    กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ
    .
    และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !
    .
    “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”
    .
    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972
    .
    จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี
    .
    สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น
    .
    วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย
    .
    (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958
    .
    (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ…
    .
    (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง…
    .
    (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000
    .
    กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง
    .
    โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”
    .
    โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้
    .
    จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง
    .
    จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย
    .
    มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง
    .
    เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้
    .
    แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร
    .
    การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต
    .
    ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล
    .
    ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น…
    .
    คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง !
    .
    ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !!
    .
    แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ?
    .
    แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !!
    .
    ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้
    .
    ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี
    .
    ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง
    .
    แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ
    .
    เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ?
    .
    เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก !
    .
    ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!!
    .
    ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส
    .
    แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้
    .
    “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“
    .
    แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย
    .
    โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง
    .
    หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73
    .
    การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง
    .
    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ
    .
    การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่
    .
    มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย
    .
    พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    .
    คำนูณ สิทธิสมาน
    4 พฤศจิกายน 2567

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย “กฤษฎีกากัมพูชา 1972” รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย ! ________ . ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด… . กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ . และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ ! . “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972” . วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 . จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี . สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น . วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย . (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 . (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ… . (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง… . (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000 . กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง . โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P” . โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้ . จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง . จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย . มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง . เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้ . แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร . การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต . ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล . ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น… . คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง ! . ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !! . แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ? . แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !! . ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้ . ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี . ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง . แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ . เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ? . เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก ! . ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!! . ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส . แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้ . “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“ . แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย . โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง . หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73 . การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง . ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ . การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่ . มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย . พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้ . ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้ . . คำนูณ สิทธิสมาน 4 พฤศจิกายน 2567 ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blue Suede Shoes
    เพลงนี้ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกโดยผู้แต่งที่ไม่เต็มใจนักคือนักร้องคันทรี คาร์ล เพอร์กินส์.
    ..เป็นเพลงแรกด้านหนึ่งของอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของเอลวิส เพรสลีย์ในปี 1956 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว คนรักดนตรีหลายคนจึงสันนิษฐานว่า“Blue Suede Shoes” เป็นผลงานของเอลวิส แต่เพลงนี้เป็นผลงานของนักบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนและมีอารมณ์ขันอย่างประหลาด
    “Blue Suede Shoes” ถูกเขียนขึ้นอย่างไม่เต็มใจโดยนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเทนเนสซีคาร์ล เพอร์กินส์ เดิมทีเขาเป็นนักร้องแนวคันทรี แต่การผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและดนตรีพื้นบ้านแบบฮิลบิลลี่ของเทือกเขาแอปพาเลเชียนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งร็อกกาบิลลี่ในไม่ช้า
    เพอร์กินส์เซ็นสัญญากับค่ายเพลงซันเรคคอร์ดในปี 1954 และในปีถัดมา ก็ได้เล่นดนตรีร่วมกับเพรสลีย์และจอห์นนี่ แคชในอาร์คันซอหลายครั้ง ขณะอยู่หลังเวทีการแสดงในเมืองพาร์กินส์ แคชได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่เขาพบในเยอรมนีระหว่างที่รับราชการทหารให้เพอร์กินส์ฟัง
    แคชเล่าถึงจ่าสิบเอกผิวสีชื่อซีวี ไวท์ ซึ่งอ้างว่าอักษรย่อของเขาหมายถึง “กำมะหยี่แชมเปญ” ในคืนนอกเวลางานในมิวนิก ไวท์มักจะจินตนาการว่ารองเท้าทหารสีดำตามระเบียบของเขาเป็นรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงินที่ดูเก๋ไก๋ และเตือนทุกคนที่มาเยี่ยมชมไม่ให้เหยียบรองเท้าเหล่านี้
    “คุณควรเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” แคชเสนอให้เพอร์กินส์
    “แต่ฉันไม่รู้เรื่องรองเท้าเลย!” เพอร์กินส์ประท้วง
    แคชได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพอร์กินส์ได้ยินเสียงดังขึ้นขณะกำลังเต้นรำในวิทยาลัย "เฮ้ อย่าเหยียบรองเท้าหนังกลับของฉัน!" และเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตำหนิคู่เดตของเขาที่ทำรองเท้าของเขาถลอก เขาเริ่มเขียน "รองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน" ในคืนนั้น โดยใช้กระสอบใส่มันฝรั่งสีน้ำตาลที่สะดวก
    เพอร์กินส์เริ่มต้นด้วยกลอนเด็กของสหรัฐอเมริกา: “หนึ่งเพื่อเงิน สองเพื่อการแสดง!” ก่อนที่จะแสดงรายการชะตากรรมที่เขาอยากอดทนมากกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบรองเท้าของเขา: “คุณสามารถล้มฉันลงได้ เหยียบหน้าฉัน…” ความไม่เหมาะสมที่ตลกขบขันเหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลง: “คุณสามารถเผาบ้านของฉัน ขโมยรถของฉัน ดื่มเหล้าของฉันจากโถผลไม้เก่า!”
    “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงที่สนุกสนานและได้รับความนิยมอย่างมาก ออกจำหน่ายในวันปีใหม่ปี 1956 ขึ้นชาร์ตทั้งเพลงคันทรีและเพลง แนวริธึมแอนด์บลูส์ และขึ้นอันดับสองในชาร์ตเพลงป๊อปหลักของ Billboard ในเดือนมีนาคมปีนั้น แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับ Carl Perkins
    ขณะที่เพอร์กินส์กำลังเดินทางไปแสดงเพลง “Blue Suede Shoes” ในรายการโทรทัศน์ของเพอร์รี โคโม เพอร์กินส์ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่ร้ายแรง คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เพอร์กินส์นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถโปรโมตซิงเกิลของเขาได้ เพลงดังกล่าวก็ถูกแซงหน้าโดยเพลง “Heartbreak Hotel” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเอลวิสในสังกัดค่ายเพลงใหญ่
    เพรสลีย์คัฟเวอร์เพลง "Blue Suede Shoes" ในอัลบั้มของเขาในเดือนเดียวกันนั้น และค่ายเพลงของเขาต้องการที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิล ในตอนแรกเขาไม่อยากแข่งขันกับเพื่อนเรื่องยอดขาย แต่เขาก็ยอมแพ้เมื่อตระหนักว่าค่าลิขสิทธิ์การแต่งเพลงจะช่วยสนับสนุนเพอร์กินส์ในขณะที่เขากำลังพักฟื้น เวอร์ชันที่คล้ายกันมากของเอลวิสก็ขึ้นอันดับ 20

    ปกอัลบั้มอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ The Beatles เป็นแฟนตัวยงของ Perkins; Paul McCartney ยืนยันว่า "ถ้าไม่มี Carl Perkins ก็คงไม่มี Beatles" John Lennon เล่นเพลง "Blue Suede Shoes" ในวงสกิฟเฟิลก่อนจะโด่งดังของเขาอย่าง The Quarrymen; และในวง The Beatles; ในฐานะศิลปินเดี่ยว; และกับ Yoko Ono ในวง Plastic Ono เลนนอนยังรับหน้าที่ร้องนำในเวอร์ชันแจมเซสชั่น ของเพลงนี้ในช่วง Let It Be ของ The Beatles ตามที่แสดงในสารคดีของปีเตอร์ แจ็กสันในปี 2021
    The Dave Clark Five เล่นเปียโนได้อย่างสนุกสนาน Uriah Heep ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยดนตรีแนวพร็อก-ร็อกสุดมันส์ Motörhead ร้องได้อย่างเต็มที่ โดยนักร้องนำ Lemmy ดูเหมือนจะกลั้วคอด้วยเสียงเพลงกรวด Black Sabbath เร่งจังหวะจากความมึนงงตามปกติ และกระตุ้นจินตนาการอันน่ายินดีของนักร้องนำ Ozzy Osbourne ที่สวมรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน
    Ry Cooder เล่นเพลง “Blue Suede Shoes” จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานการเล่นกีตาร์สไลด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ดาราฝรั่งเศสจอห์นนี่ ฮัลลีเดย์ ร้องเพลงกอลและร้องคาราโอเกะของเอลวิสไปทั่ว และในปี 2014 สาวกเอลวิสคนแรกของอังกฤษCliff Richard ร้องเพลงคู่กับ Presley จากเพลงฮิตปี 1956 ของเขาอย่างภาคภูมิใจ
    “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงแรกของนักร้องคันทรี่ที่มียอดขายกว่าล้านชุดและได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เพลงนี้ยังคงเชื่อมโยงกับเอลวิส เพรสลีย์ตลอดไป เพอร์กินส์ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเอลวิสมีเสน่ห์ดึงดูดใจและมีคุณสมบัติ "X" ซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนพื้นเพธรรมดาๆ ก็ตาม
    “เอลวิสมีทุกอย่าง” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ “เขาทั้งหน้าตา ท่าทาง ผู้จัดการ และพรสวรรค์ เอลวิสไว้เคราข้างแก้ม ท่าเต้นที่ฉูดฉาด และไม่มีแหวนบนนิ้วของเขา ฉันมีลูกสามคน!”
    อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรองเท้า.
    Blue Suede Shoes เพลงนี้ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกโดยผู้แต่งที่ไม่เต็มใจนักคือนักร้องคันทรี คาร์ล เพอร์กินส์. ..เป็นเพลงแรกด้านหนึ่งของอัลบั้มเปิดตัวชื่อเดียวกันของเอลวิส เพรสลีย์ในปี 1956 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธรรมชาติแล้ว คนรักดนตรีหลายคนจึงสันนิษฐานว่า“Blue Suede Shoes” เป็นผลงานของเอลวิส แต่เพลงนี้เป็นผลงานของนักบุกเบิกดนตรีร็อกแอนด์โรลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีต้นกำเนิดที่ซับซ้อนและมีอารมณ์ขันอย่างประหลาด “Blue Suede Shoes” ถูกเขียนขึ้นอย่างไม่เต็มใจโดยนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเทนเนสซีคาร์ล เพอร์กินส์ เดิมทีเขาเป็นนักร้องแนวคันทรี แต่การผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและดนตรีพื้นบ้านแบบฮิลบิลลี่ของเทือกเขาแอปพาเลเชียนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาทำให้เขาได้รับฉายาว่าราชาแห่งร็อกกาบิลลี่ในไม่ช้า เพอร์กินส์เซ็นสัญญากับค่ายเพลงซันเรคคอร์ดในปี 1954 และในปีถัดมา ก็ได้เล่นดนตรีร่วมกับเพรสลีย์และจอห์นนี่ แคชในอาร์คันซอหลายครั้ง ขณะอยู่หลังเวทีการแสดงในเมืองพาร์กินส์ แคชได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลประหลาดที่เขาพบในเยอรมนีระหว่างที่รับราชการทหารให้เพอร์กินส์ฟัง แคชเล่าถึงจ่าสิบเอกผิวสีชื่อซีวี ไวท์ ซึ่งอ้างว่าอักษรย่อของเขาหมายถึง “กำมะหยี่แชมเปญ” ในคืนนอกเวลางานในมิวนิก ไวท์มักจะจินตนาการว่ารองเท้าทหารสีดำตามระเบียบของเขาเป็นรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงินที่ดูเก๋ไก๋ และเตือนทุกคนที่มาเยี่ยมชมไม่ให้เหยียบรองเท้าเหล่านี้ “คุณควรเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” แคชเสนอให้เพอร์กินส์ “แต่ฉันไม่รู้เรื่องรองเท้าเลย!” เพอร์กินส์ประท้วง แคชได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้แล้ว ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เพอร์กินส์ได้ยินเสียงดังขึ้นขณะกำลังเต้นรำในวิทยาลัย "เฮ้ อย่าเหยียบรองเท้าหนังกลับของฉัน!" และเห็นนักเรียนคนหนึ่งกำลังตำหนิคู่เดตของเขาที่ทำรองเท้าของเขาถลอก เขาเริ่มเขียน "รองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน" ในคืนนั้น โดยใช้กระสอบใส่มันฝรั่งสีน้ำตาลที่สะดวก เพอร์กินส์เริ่มต้นด้วยกลอนเด็กของสหรัฐอเมริกา: “หนึ่งเพื่อเงิน สองเพื่อการแสดง!” ก่อนที่จะแสดงรายการชะตากรรมที่เขาอยากอดทนมากกว่าที่จะให้ใครมาเหยียบรองเท้าของเขา: “คุณสามารถล้มฉันลงได้ เหยียบหน้าฉัน…” ความไม่เหมาะสมที่ตลกขบขันเหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลง: “คุณสามารถเผาบ้านของฉัน ขโมยรถของฉัน ดื่มเหล้าของฉันจากโถผลไม้เก่า!” “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงที่สนุกสนานและได้รับความนิยมอย่างมาก ออกจำหน่ายในวันปีใหม่ปี 1956 ขึ้นชาร์ตทั้งเพลงคันทรีและเพลง แนวริธึมแอนด์บลูส์ และขึ้นอันดับสองในชาร์ตเพลงป๊อปหลักของ Billboard ในเดือนมีนาคมปีนั้น แต่แล้วโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับ Carl Perkins ขณะที่เพอร์กินส์กำลังเดินทางไปแสดงเพลง “Blue Suede Shoes” ในรายการโทรทัศน์ของเพอร์รี โคโม เพอร์กินส์ประสบอุบัติเหตุทางถนนที่ร้ายแรง คนขับรถบรรทุกเสียชีวิต และนักร้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เพอร์กินส์นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถโปรโมตซิงเกิลของเขาได้ เพลงดังกล่าวก็ถูกแซงหน้าโดยเพลง “Heartbreak Hotel” ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวของเอลวิสในสังกัดค่ายเพลงใหญ่ เพรสลีย์คัฟเวอร์เพลง "Blue Suede Shoes" ในอัลบั้มของเขาในเดือนเดียวกันนั้น และค่ายเพลงของเขาต้องการที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิล ในตอนแรกเขาไม่อยากแข่งขันกับเพื่อนเรื่องยอดขาย แต่เขาก็ยอมแพ้เมื่อตระหนักว่าค่าลิขสิทธิ์การแต่งเพลงจะช่วยสนับสนุนเพอร์กินส์ในขณะที่เขากำลังพักฟื้น เวอร์ชันที่คล้ายกันมากของเอลวิสก็ขึ้นอันดับ 20 ปกอัลบั้มอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ The Beatles เป็นแฟนตัวยงของ Perkins; Paul McCartney ยืนยันว่า "ถ้าไม่มี Carl Perkins ก็คงไม่มี Beatles" John Lennon เล่นเพลง "Blue Suede Shoes" ในวงสกิฟเฟิลก่อนจะโด่งดังของเขาอย่าง The Quarrymen; และในวง The Beatles; ในฐานะศิลปินเดี่ยว; และกับ Yoko Ono ในวง Plastic Ono เลนนอนยังรับหน้าที่ร้องนำในเวอร์ชันแจมเซสชั่น ของเพลงนี้ในช่วง Let It Be ของ The Beatles ตามที่แสดงในสารคดีของปีเตอร์ แจ็กสันในปี 2021 The Dave Clark Five เล่นเปียโนได้อย่างสนุกสนาน Uriah Heep ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยดนตรีแนวพร็อก-ร็อกสุดมันส์ Motörhead ร้องได้อย่างเต็มที่ โดยนักร้องนำ Lemmy ดูเหมือนจะกลั้วคอด้วยเสียงเพลงกรวด Black Sabbath เร่งจังหวะจากความมึนงงตามปกติ และกระตุ้นจินตนาการอันน่ายินดีของนักร้องนำ Ozzy Osbourne ที่สวมรองเท้าหนังกลับสีน้ำเงิน Ry Cooder เล่นเพลง “Blue Suede Shoes” จนกลายเป็นหนึ่งในผลงานการเล่นกีตาร์สไลด์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ดาราฝรั่งเศสจอห์นนี่ ฮัลลีเดย์ ร้องเพลงกอลและร้องคาราโอเกะของเอลวิสไปทั่ว และในปี 2014 สาวกเอลวิสคนแรกของอังกฤษCliff Richard ร้องเพลงคู่กับ Presley จากเพลงฮิตปี 1956 ของเขาอย่างภาคภูมิใจ “Blue Suede Shoes” เป็นเพลงแรกของนักร้องคันทรี่ที่มียอดขายกว่าล้านชุดและได้รับความนิยมในกระแสหลัก แต่เพลงนี้ยังคงเชื่อมโยงกับเอลวิส เพรสลีย์ตลอดไป เพอร์กินส์ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่าเอลวิสมีเสน่ห์ดึงดูดใจและมีคุณสมบัติ "X" ซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนพื้นเพธรรมดาๆ ก็ตาม “เอลวิสมีทุกอย่าง” เขากล่าวในบทสัมภาษณ์ “เขาทั้งหน้าตา ท่าทาง ผู้จัดการ และพรสวรรค์ เอลวิสไว้เคราข้างแก้ม ท่าเต้นที่ฉูดฉาด และไม่มีแหวนบนนิ้วของเขา ฉันมีลูกสามคน!” อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรองเท้า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 98 0 รีวิว
  • แฟนบอลทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ของฝรั่งเศส โชว์แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่พบกับทีมแอตเลติโก มาดริด จากสเปน เมื่อคืนที่ผ่านมา

    ผลการแข่งขันคู่นี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แพ้ แอตเลติโก มาดริด 1-2
    แฟนบอลทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ของฝรั่งเศส โชว์แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่พบกับทีมแอตเลติโก มาดริด จากสเปน เมื่อคืนที่ผ่านมา ผลการแข่งขันคู่นี้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แพ้ แอตเลติโก มาดริด 1-2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู อ้าง “วิกฤตความไว้ใจ” สั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว โยอาฟ กัลแลนต์ ออกจากตำแหน่ง พร้อมโยกอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ รับหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการดำเนินสงครามกาซาและเลบานอนแทน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลฝักใฝ่การเมืองมากกว่าความมั่นคงของประเทศ ขณะที่อิหร่านจ่อตอบโต้เอาคืนการโจมตีของอิสราเอลเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
    .
    หลังจากกัลแลนต์ถูกปลดเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) มีผู้ประท้วงออกไปรวมตัวปิดทางหลวงหลายสายและก่อกองไฟบนถนน รวมทั้งตะโกนต่อต้านเนทันยาฮู และเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือตัวประกันในกาซา
    .
    ทั้งนี้ เนทันยาฮูและกัลแลนต์ที่ต่างเป็นสมาชิกของพรรคลิคุด ซึ่งเป็นพรรคการเมืองปีกขวา ทว่ามีความขัดแย้งกันมานานหลายเดือนเรื่องวัตถุประสงค์ของสงครามในกาซา กระนั้น จังหวะเวลาในการปลดกัลแลนต์ ก็สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่อเมริกาที่เป็นพันธมิตรสำคัญ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี
    .
    นอกจากนั้น ปฏิบัติการในกาซาและเลบานอนกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ภายหลังการสามารถสังหารผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
    .
    เนทันยาฮูระบุว่า กัลแลนต์ออกมาแถลงสิ่งที่ขัดแย้งกับการตัดสินใจของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีอยู่หลายครั้ง
    .
    ทว่า กัลแลนต์ตอบโต้ว่า ความมั่นคงของประเทศเป็นและจะยังคงเป็นภารกิจของตัวเขาตลอดชีวิต พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวประกันกลับบ้านขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และยืนยันว่า ผู้ชายอิสราเอลทุกคนที่อยู่ในช่วงอายุที่กำหนดจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
    .
    ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่า เนทันยาฮูซึ่งถูกพันธมิตรแนวร่วมปีกขวาจัดกดดันหนัก กำลังพิจารณาปลดกัลแลนต์
    .
    กายิล ทัลชีร์ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองอิสราเอลของมหาวิทยาลัยฮีบรูในนครเยรูซาเลม เชื่อว่า ฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเนทันยาฮูคือกรณีที่เมื่อไม่กี่วันมานี้กัลแลนต์ออกประกาศ 7,000 ฉบับเรียกเกณฑ์ชาวยิวที่นับถือศาสนายิวนิกายอัลตราออโธด็อกซ์ เข้ารับราชการทหารทั้งที่ได้รับการยกเว้นมาโดยตลอด สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อสมาชิกปีกขวาจัดในรัฐบาล
    .
    ทางด้านแคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ให้คำมั่นจะนำตัวประกันอิสราเอลกลับจากกาซา รวมทั้งทำลายล้างฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
    .
    ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แคตซ์สร้างชื่อฉาวให้ตัวเองด้วยการประกาศห้ามอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าประเทศ ด้วยข้อหาว่ากูเตอร์เรสล้มเหลวไม่ได้ประณามการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล รวมทั้งมีการดำเนินการต่อต้านอิสราเอล นอกจากนั้นเมื่อเดือนกันยายน เขายังปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 21 วันของอเมริกาและฝรั่งเศส
    .
    ด้าน อิตามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายขวาจัดในรัฐบาล ยกย่องการตัดสินใจของเนทันยาฮู และวิจารณ์ว่า กัลแลนต์ติดกับดักความคิดที่ว่า การได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
    .
    โจนาธาน รินโฮลด์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาร์-อิลาน มองว่า เนทันยาฮูรู้สึกฮึกเหิม เพราะคาดว่าการปลดกัลแลนต์จะทำให้คะแนนนิยมของตนเองดีขึ้น นอกจากนั้นเขายังฉวยจังหวะที่ทุกคนกำลังสนใจกับการเลือกตั้งในอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตาม ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การปลดกัลแลนต์ในระหว่างการทำสงครามเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง
    .
    ที่กรุงวอชิงตัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ยกย่องกัลแลนต์ว่า เป็นหุ้นส่วนสำคัญ แต่ก็เสริมว่า อเมริกาจะร่วมมือกับแคตซ์ต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107147
    ..............
    Sondhi X
    เบนจามิน เนทันยาฮู อ้าง “วิกฤตความไว้ใจ” สั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหมสายเหยี่ยว โยอาฟ กัลแลนต์ ออกจากตำแหน่ง พร้อมโยกอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ รับหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการดำเนินสงครามกาซาและเลบานอนแทน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอลฝักใฝ่การเมืองมากกว่าความมั่นคงของประเทศ ขณะที่อิหร่านจ่อตอบโต้เอาคืนการโจมตีของอิสราเอลเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา . หลังจากกัลแลนต์ถูกปลดเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) มีผู้ประท้วงออกไปรวมตัวปิดทางหลวงหลายสายและก่อกองไฟบนถนน รวมทั้งตะโกนต่อต้านเนทันยาฮู และเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือตัวประกันในกาซา . ทั้งนี้ เนทันยาฮูและกัลแลนต์ที่ต่างเป็นสมาชิกของพรรคลิคุด ซึ่งเป็นพรรคการเมืองปีกขวา ทว่ามีความขัดแย้งกันมานานหลายเดือนเรื่องวัตถุประสงค์ของสงครามในกาซา กระนั้น จังหวะเวลาในการปลดกัลแลนต์ ก็สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่อเมริกาที่เป็นพันธมิตรสำคัญ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี . นอกจากนั้น ปฏิบัติการในกาซาและเลบานอนกำลังเข้าสู่เฟสใหม่ภายหลังการสามารถสังหารผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ . เนทันยาฮูระบุว่า กัลแลนต์ออกมาแถลงสิ่งที่ขัดแย้งกับการตัดสินใจของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีอยู่หลายครั้ง . ทว่า กัลแลนต์ตอบโต้ว่า ความมั่นคงของประเทศเป็นและจะยังคงเป็นภารกิจของตัวเขาตลอดชีวิต พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลนำตัวประกันกลับบ้านขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และยืนยันว่า ผู้ชายอิสราเอลทุกคนที่อยู่ในช่วงอายุที่กำหนดจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร . ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่า เนทันยาฮูซึ่งถูกพันธมิตรแนวร่วมปีกขวาจัดกดดันหนัก กำลังพิจารณาปลดกัลแลนต์ . กายิล ทัลชีร์ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองอิสราเอลของมหาวิทยาลัยฮีบรูในนครเยรูซาเลม เชื่อว่า ฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเนทันยาฮูคือกรณีที่เมื่อไม่กี่วันมานี้กัลแลนต์ออกประกาศ 7,000 ฉบับเรียกเกณฑ์ชาวยิวที่นับถือศาสนายิวนิกายอัลตราออโธด็อกซ์ เข้ารับราชการทหารทั้งที่ได้รับการยกเว้นมาโดยตลอด สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อสมาชิกปีกขวาจัดในรัฐบาล . ทางด้านแคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ให้คำมั่นจะนำตัวประกันอิสราเอลกลับจากกาซา รวมทั้งทำลายล้างฮามาสและฮิซบอลเลาะห์ . ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แคตซ์สร้างชื่อฉาวให้ตัวเองด้วยการประกาศห้ามอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าประเทศ ด้วยข้อหาว่ากูเตอร์เรสล้มเหลวไม่ได้ประณามการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล รวมทั้งมีการดำเนินการต่อต้านอิสราเอล นอกจากนั้นเมื่อเดือนกันยายน เขายังปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 21 วันของอเมริกาและฝรั่งเศส . ด้าน อิตามาร์ เบน-กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายขวาจัดในรัฐบาล ยกย่องการตัดสินใจของเนทันยาฮู และวิจารณ์ว่า กัลแลนต์ติดกับดักความคิดที่ว่า การได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ . โจนาธาน รินโฮลด์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาร์-อิลาน มองว่า เนทันยาฮูรู้สึกฮึกเหิม เพราะคาดว่าการปลดกัลแลนต์จะทำให้คะแนนนิยมของตนเองดีขึ้น นอกจากนั้นเขายังฉวยจังหวะที่ทุกคนกำลังสนใจกับการเลือกตั้งในอเมริกา . อย่างไรก็ตาม ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การปลดกัลแลนต์ในระหว่างการทำสงครามเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง . ที่กรุงวอชิงตัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ยกย่องกัลแลนต์ว่า เป็นหุ้นส่วนสำคัญ แต่ก็เสริมว่า อเมริกาจะร่วมมือกับแคตซ์ต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107147 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1139 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7/11/67

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109

    เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน

    1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส

    2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น

    3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย

    4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    7/11/67 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wtGwGxxx2yADXfGPcg1g2ssRuANArQV8YknfinwEfUuXxb7caxLMttmeKn9Pn3pjl&id=100050478820109 เห็นหน้านายกแถลงจริงจัง เรื่องเกาะกูดเป็นของไทย MOU 44 เลิกไม่ได้ หากเลิกจะถูกฟ้องและ ต้องเดินหน้าเจรจาต่อ แล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่าเธอจบรัฐศาสตร์จุฬาจริงหรือ ใครสอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือเธอไม่ตั้งใจเรียน 1. เกาะกูดน่ะ อย่างไรก็เป็นของไทย ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเมื่อปี 2450 ที่ไทยยอมแลก พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ เพื่อเอาจันทบุรี และตราดคืนมา โดยแบ่งพื้นที่ว่า เกาะกูดนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ส่วนเกาะกง หรือเมืองประจันต์คีรีเขต ที่เป็นเมืองหน้าด่านทางทะเลทางตะวันออก คู่กับ ประจวบคีรีขันธ์ทางทิศตะวันตก นั้นเป็นของฝรั่งเศส 2. MOU ก็แค่ Memorandum Of Understanding บันทึกความเข้าใจต่อกัน ไม่ใช่สนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลบังคับที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย สนธิสัญญานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด อีกฝ่ายสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลระหว่างประเทศได้ แต่ MOU นั้นเป็นแค่บันทึกความเข้าใจ นำไปฟ้องร้องใด ๆ ไม่ได้ และหากอยากจะยกเลิก ก็ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ คือ ผ่าน ครม. และผ่านสภา จากนั้นก็แจ้งฝ่ายตรงข้ามว่า ฉันขอยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เท่านั้น 3. รัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อตาม MOU อันนี้ไม่ผิดอะไร แต่คุณเธอไม่พูดให้ชัดสักคำว่า การเดินหน้าเจรจาจะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนควบคู่ไปกับการเจรจาแบ่งปันประโยชน์ ไม่ใช่แบบอีตาอ้วนที่บอกว่า ขอเจรจาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เขตแดนคุยไปก็ไม่จบ เสียเวลาคุย ราวกับหากช้าเดี๋ยวของที่อยู่ใต้ทะเลจะเน่าเสีย 4. วันนึงเพื่อนบ้านคุณ ขีดเส้นมาผ่ากลางบ้านคุณ แล้วบอกว่า เป็นแค่เส้นสมมติ อย่าไปใส่ใจ เรามาขุดหาสมบัติใต้พื้นดินตรงนั้นกันดีกว่า ขุดได้แล้วหารสองแบ่งกันคนละครึ่ง หากคุณยอม ไม่โง่ ก็บ้า ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106962

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106962 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2337 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้
    .
    เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(6 พ.ย)ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฎตัวบนเวทีประกาศชัยชนะพร้อมสมาชิกครอบครัวและว่าที่คู่ชิง เจดี แวนซ์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา
    .
    เสียงปรบมือกระหึ่มเมื่อเขาเดินเข้าไปและอยู่บนเวที ตัวแทนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะเกิดขึ้นในขณะที่เขาได้คะแนนคณะเลือกตั้งสหรัฐฯ (electoral vote) ที่ 266 คะแนน และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ไป 195 คะแนนอ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ
    .
    ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะนำยุคทองกลับมายังสหรัฐอเมริกาและจะซ่อมแซมทุกสิ่ง
    .
    “และเหตุผลที่พวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ในคืนนี้ และเหตุผลคือพวกเราได้ฝ่าขวากหนามที่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ และเวลานี้เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ”
    .
    และอดีตผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวชมเชยไปถึงเจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์ม X ที่ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้สามารถเอาชนะรัฐเพนซิลเวเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตท
    .
    “เขามีบุคลิก เขาเป็นคนพิเศษ เขามันซุปเปอร์จีเนียส” ทรัมป์ประกาศ พร้อมเสริมว่า “พวกเราต้องปกป้องพวกคนอัจฉริยะเหล่านี้ของพวกเราไว้ เราไม่ได้มีมากเท่าใด พวกเราต้องปกป้องบรรดาซุปเปอร์จีเนียส”
    .
    พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังประกาศอีกครั้งว่า จะกวาดล้างพวกผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหลาย
    ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ กล่าวว่า “พวกเราเป็นประจักษ์พยานการกลับมาทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของสหรัฐฯ”
    .
    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน
    .
    และตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงความบิยดีต่อทรัมป์ด้วยการทวีตภาพ เนทันยาฮูและภรรยา ซารา (Sara) ที่ถ่ายภาพร่วมทรัมป์
    .
    เอบีซีของสหรัฐฯรายงานว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะไม่ขึ้นปรากฎตัวคืนเลือกตั้งเพื่อกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุน แต่จะเลื่อนไปตอนเช้าวันพุธ(6)แทน
    โดยทีมหาเสียงชี้ว่า ต้องการรอระหว่างผลคะแนนยังคงกำลังนับและอีกทั้งในวันเลือกตั้งนี้ยังไม่มีการสรุปชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ
    .
    ภาพแสดงให้เห็นบรรดาผู้สนับสนุนแฮร์ริสรวมตัวที่มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University)นั้นอยู่ในอาการที่เศร้าเนื่องมาจากผลคะแนนที่ไล่ตามคู่แข่งได้เดินออกไปจากสถานที่จัดงานปาร์ตี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106994
    .........
    Sondhi X
    ตัวแทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา แถลงสร้างประวัติศาสตร์ จะเอายุครุ่งเรืองสหรัฐฯกลับคืนมา กล่าวชื่นชมมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ เป็นซุปเปอร์จีเนียสช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ส่งสารแสดงความยินดีต่อทรัมป์ ส่วนคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส ไม่ปรากฎตัวบนเวทีหลังคะแนนไม่ขึ้นรอลุ้นต่อถึงพรุ่งนี้ . เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(6 พ.ย)ว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปรากฎตัวบนเวทีประกาศชัยชนะพร้อมสมาชิกครอบครัวและว่าที่คู่ชิง เจดี แวนซ์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา . เสียงปรบมือกระหึ่มเมื่อเขาเดินเข้าไปและอยู่บนเวที ตัวแทนพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะเกิดขึ้นในขณะที่เขาได้คะแนนคณะเลือกตั้งสหรัฐฯ (electoral vote) ที่ 266 คะแนน และกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตได้ไป 195 คะแนนอ้างอิงจาก CNN ของสหรัฐฯ . ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะนำยุคทองกลับมายังสหรัฐอเมริกาและจะซ่อมแซมทุกสิ่ง . “และเหตุผลที่พวกเราได้สร้างประวัติศาสตร์ในคืนนี้ และเหตุผลคือพวกเราได้ฝ่าขวากหนามที่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ และเวลานี้เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ประสบความสำเร็จทางการเมืองสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ” . และอดีตผู้นำสหรัฐฯยังกล่าวชมเชยไปถึงเจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์ม X ที่ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้สามารถเอาชนะรัฐเพนซิลเวเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตท . “เขามีบุคลิก เขาเป็นคนพิเศษ เขามันซุปเปอร์จีเนียส” ทรัมป์ประกาศ พร้อมเสริมว่า “พวกเราต้องปกป้องพวกคนอัจฉริยะเหล่านี้ของพวกเราไว้ เราไม่ได้มีมากเท่าใด พวกเราต้องปกป้องบรรดาซุปเปอร์จีเนียส” . พร้อมกันนี้ทรัมป์ยังประกาศอีกครั้งว่า จะกวาดล้างพวกผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้งหลาย ขณะเดียวกัน คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ กล่าวว่า “พวกเราเป็นประจักษ์พยานการกลับมาทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาตร์ของสหรัฐฯ” . ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง แสดงความยินดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน . และตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้แสดงความบิยดีต่อทรัมป์ด้วยการทวีตภาพ เนทันยาฮูและภรรยา ซารา (Sara) ที่ถ่ายภาพร่วมทรัมป์ . เอบีซีของสหรัฐฯรายงานว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะไม่ขึ้นปรากฎตัวคืนเลือกตั้งเพื่อกล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุน แต่จะเลื่อนไปตอนเช้าวันพุธ(6)แทน โดยทีมหาเสียงชี้ว่า ต้องการรอระหว่างผลคะแนนยังคงกำลังนับและอีกทั้งในวันเลือกตั้งนี้ยังไม่มีการสรุปชัดเจนว่าใครเป็นผู้ชนะ . ภาพแสดงให้เห็นบรรดาผู้สนับสนุนแฮร์ริสรวมตัวที่มหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University)นั้นอยู่ในอาการที่เศร้าเนื่องมาจากผลคะแนนที่ไล่ตามคู่แข่งได้เดินออกไปจากสถานที่จัดงานปาร์ตี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106994 ......... Sondhi X
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1227 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล

    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า

    “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย

    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Yay
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนางสุพรรณวษา โชติก็ญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน (OCA) ระหว่างไทย – กัมพูชา

    4 พฤศจิกายน 2567- รายงานข่าว NBT CONNEXT เปิดเผยว่า อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กต. กล่าวว่า ไทยได้ประกาศเขตไหล่ทวีปในปี 2516 เนื่องจากเห็นว่าการประเทศของกัมพูชาในปี 2515 เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเส้นผ่านเข้าไปในเกาะกูด จึงประกาศเขตไหล่ทวีปของไทย เป็นพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2516 ระบุว่าสิทธิอธิปไตยซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่ได้ตกลงกัน

    ดังนั้นในการประกาศของกัมพูชาและไทย มีพื้นที่ทับซ้อนกัน 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ หรือกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับกรณีพื้นที่ทับซ้อนของไทยกับมาเลเซีย โดยเป็นเส้นที่ครอบคลุมทะเลอาณาเขต EEZ และไหล่ทวีป
    อย่างไรก็ตาม ไทย-กัมพูชา เริ่มเจรจาเรื่องพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2513 แต่เกิดปัญหาว่ากัมพูชาต้องการคุยเพียงการพัฒนาร่วมในเรื่องของทรัพยากร ขณะที่ไทยเห็นว่าเขตทางทะเลมีความสำคัญ รวมถึงความมั่นคง และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยยืนยันว่าต้องคุยประเด็นเหล่านี้ด้วย ซึ่งไทยได้ประกาศเส้นด้านใต้ลงมาระหว่างเกาะกูดกับเกาะกง แสดงออกว่าไทยไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กัมพูชาประกาศ

    หลักสากลเมื่อเกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องเจรจากันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ สำหรับ MOU 2544 แบ่งเป็นพื้นที่เหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาแบ่งเขตทางทะเล และพื้นที่อยู่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน สิ่งที่ดำเนินการประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับในข้อตกลง และผลการเจรจาต้องผ่านความเห็นชอบโดยรัฐสภา และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    “ ยืนยันว่า MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด เพราะสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ส.1907 ระบุชัดเจน เกาะกูด เป็นของไทย เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือตัวเกาะ และยังใช้อำนาจอธิปไตยเกาะกูด 100% ประเด็นยกเลิก MOU 44 เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในปี 2552 ซึ่งเสนอให้ยกเลิก เพราะขณะนั้นไม่มีความคืบหน้า และ ครม.รับในหลักการ แต่ขอให้พิจารณาให้รอบคอบและได้หารือกับที่ปรึกษาทีมต่างชาติ และประชุมคณะกรรมการพิเศษที่เป็นภาคี และหน่วยงานด้านความมั่นคง สมช. กระทรวงพลังงาน รวมทั้งกฤษฎีกา โดยปี 2557 ได้ข้อสรุปว่า MOU 44 ยังมีประโยชนที่จะนำไปสู่การเจรจา จึงเสนอ ครม.ให้ทบทวนมติ ครม.ปี 2552 ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ MOU 44 ต่อทุกครั้งที่มีรัฐบาลใหม่ยังขอให้กรอบ MOU 44 เป็นพื้นฐานในการเจรจาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เป็นกลไกที่เหมาะสมที่สุด และรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ซึ่งทุกรัฐบาลก็ยอมรับและหลักการยังเหมือนเดิม” อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

    ที่มา NBT CONNEXT

    #Thaitimes
    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนางสุพรรณวษา โชติก็ญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน (OCA) ระหว่างไทย – กัมพูชา 4 พฤศจิกายน 2567- รายงานข่าว NBT CONNEXT เปิดเผยว่า อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กต. กล่าวว่า ไทยได้ประกาศเขตไหล่ทวีปในปี 2516 เนื่องจากเห็นว่าการประเทศของกัมพูชาในปี 2515 เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเส้นผ่านเข้าไปในเกาะกูด จึงประกาศเขตไหล่ทวีปของไทย เป็นพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2516 ระบุว่าสิทธิอธิปไตยซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตของประเทศใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้น จะเป็นไปตามที่ได้ตกลงกัน ดังนั้นในการประกาศของกัมพูชาและไทย มีพื้นที่ทับซ้อนกัน 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ หรือกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับกรณีพื้นที่ทับซ้อนของไทยกับมาเลเซีย โดยเป็นเส้นที่ครอบคลุมทะเลอาณาเขต EEZ และไหล่ทวีป อย่างไรก็ตาม ไทย-กัมพูชา เริ่มเจรจาเรื่องพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2513 แต่เกิดปัญหาว่ากัมพูชาต้องการคุยเพียงการพัฒนาร่วมในเรื่องของทรัพยากร ขณะที่ไทยเห็นว่าเขตทางทะเลมีความสำคัญ รวมถึงความมั่นคง และความเป็นอยู่ของประชาชน โดยยืนยันว่าต้องคุยประเด็นเหล่านี้ด้วย ซึ่งไทยได้ประกาศเส้นด้านใต้ลงมาระหว่างเกาะกูดกับเกาะกง แสดงออกว่าไทยไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กัมพูชาประกาศ หลักสากลเมื่อเกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องเจรจากันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ สำหรับ MOU 2544 แบ่งเป็นพื้นที่เหนือเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาแบ่งเขตทางทะเล และพื้นที่อยู่ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เป็นการเจรจาพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน สิ่งที่ดำเนินการประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับในข้อตกลง และผลการเจรจาต้องผ่านความเห็นชอบโดยรัฐสภา และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง “ ยืนยันว่า MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด เพราะสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ส.1907 ระบุชัดเจน เกาะกูด เป็นของไทย เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือตัวเกาะ และยังใช้อำนาจอธิปไตยเกาะกูด 100% ประเด็นยกเลิก MOU 44 เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในปี 2552 ซึ่งเสนอให้ยกเลิก เพราะขณะนั้นไม่มีความคืบหน้า และ ครม.รับในหลักการ แต่ขอให้พิจารณาให้รอบคอบและได้หารือกับที่ปรึกษาทีมต่างชาติ และประชุมคณะกรรมการพิเศษที่เป็นภาคี และหน่วยงานด้านความมั่นคง สมช. กระทรวงพลังงาน รวมทั้งกฤษฎีกา โดยปี 2557 ได้ข้อสรุปว่า MOU 44 ยังมีประโยชนที่จะนำไปสู่การเจรจา จึงเสนอ ครม.ให้ทบทวนมติ ครม.ปี 2552 ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ MOU 44 ต่อทุกครั้งที่มีรัฐบาลใหม่ยังขอให้กรอบ MOU 44 เป็นพื้นฐานในการเจรจาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เป็นกลไกที่เหมาะสมที่สุด และรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ซึ่งทุกรัฐบาลก็ยอมรับและหลักการยังเหมือนเดิม” อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าว ที่มา NBT CONNEXT #Thaitimes
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ธีระชัย” เปิดหลักฐาน กัมพูชาลากเส้นในทะเล ผิดทั้งสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ระบุถึงการเล็งยอดเขาบนเกาะกูดสำหรับแบ่งเขตบนแผ่นดินเท่านั้น และผิดอนุสัญญาเจนีวา 1958 ที่ห้ามมิให้อ้างเหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์ในการประกาศเขตไหล่ทวีป MOU2544 จึงส่อผิดกฎหมายไปด้วย

    4 พฤศจิกายน 2567-นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในหัวข้อด่วน! กัมพูชาไม่อาจอ้างสนธิสัญญาฯ มีรายละเอียดดังนี้

    อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ อดีตอัยการและอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กรุณาส่งข้อมูลแจ้งผม ทำให้ผมเห็นว่ากัมพูชาไม่อาจอ้างสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907

    อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วย “ไหล่ทวีป” 1958 ไม่มีการรับรองสิทธิทางประวัติศาสตร์ รับรองไว้เฉพาะกรณีของ “ทะเลอาณาเขต”

    เว็บไซต์ของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ระบุว่า
    [“ทะเลอาณาเขต” (territorial sea) มีความกว้างไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเส้นฐานออกไป
    รัฐชายฝั่งมีอำนาจอธิปไตย (sovereignty) เหนือทะเลอาณาเขต

    “ไหล่ทวีป” (continental shelf) หมายถึง พื้นดินท้องทะเลและดินใต้ผิวดินของบริเวณใต้ทะเล ซึ่งขยายเลยทะเลอาณาเขตออกไปตามธรรมชาติของดินแดนจนถึงริมนอกของขอบทวีป หรือจนถึงระยะ 200 ไมล์ทะเลจากเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขต…

    ในบริเวณไหล่ทวีป รัฐชายฝั่งสามารถใช้สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติบน ไหล่ทวีป]

    ดังนั้น พื้นที่ในอ่าวไทย บริเวณที่ระบุอ้างกันว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ดังปรากฏใน MOU44 นั้น จึงไม่ใช่พื้นที่ “ทะเลอาณาเขต” ที่ครอบคลุมความกว้างเพียง 12 ไมล์ทะเล

    แต่เป็นพื้นที่ “ไหล่ทวีป” ที่ครอบคลุมความกว้างถึง 200 ไมล์ทะเล และเป็นอาณาเขตสำหรับพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียม

    รูป 1-4 ในประกาศ เรื่อง ใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งมีพระบรมราชโองการโดยล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 รับสนองฯ โดย จอมพล ถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2512 ในหัวข้อ ทะเลอาณาเขต ข้อ 12 ข้อย่อย 1 อนุญาตให้ยกเว้นได้สำหรับ “เหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์”

    รูป 5-6 กฤษฎีกาของรัฐบาลกัมพูชา ที่ลากเส้น “ไหล่ทวีป” พาดผ่านเกาะกูดนั้น ระบุชัดเจนว่า เป็นการประกาศพื้นที่ Plateau Continental ซึ่งแปลว่า ไหล่ทวีป และมิใช่อ้างอิงอนุสัญญากรุงเจนีวา 1958 อย่างเดียว แต่อ้างอิงสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ค.ศ. 1907 ประกอบด้วย

    “ สาเหตุที่กัมพูชาอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เพื่อลากเส้นผ่านเกาะกูดนั้น เป็นเพราะสนธิสัญญาฯ มีเอกสารแนบที่ระบุข้อความ “ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามจากยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นหลัก” จึงได้ลากเส้นจากชายทะเลผ่านยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดไปทางทิศตะวันตกกินแดนเข้ามาในอ่าวไทย

    ** ผิดกฎหมายกระทงที่หนึ่ง
    การกระทำดังกล่าวผิดกฏหมายกระทงที่หนึ่ง เพราะเนื้อความในสนธิสัญญาฯ บรรยายถึงการแบ่งเขตแดนบนแผ่นดิน มิได้เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตแดนในทะเล จึงเป็นการอ้างอิงสนธิสัญญาฯ ที่บิดเบือน

    อีกทั้งเกาะกูดอยู่ห่างชายฝั่ง 44 ไมล์ทะเล จึงอยู่นอก “ทะเลอาณาเขต” อยู่แล้วด้วย

    ** ผิดกฎหมายกระทงที่สอง
    การกำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปพาดผ่านเกาะกูดโดยอ้างสนธิสัญญาฯ เป็น “เหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์” นั้น ก็เป็นการบิดเบือน เอาข้อยกเว้นในเรื่องของ “ทะเลอาณาเขต” มาใช้กับเรื่องของ “ไหล่ทวีป”

    สรุปแล้ว กฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชา ขัดกับอนุสัญญากรุงเจนีวา 1958 โดยสิ้นเชิง

    เป็นการอ้างผิดมาตราอย่างจัง!

    และการที่รัฐบาลไทยในสมัยของอดีตนายกทักษิณ ไปทำ MOU44 โดยไม่ได้คำนึงถึงประเด็นนี้ ผมมีความเห็นว่า อาจเป็นการผิดกฎหมาย

    กัมพูชาจะลากเส้นที่ไม่ตรงกับอนุสัญญากรุงเจนีวา อย่างไรก็ได้ ถ้าไทยไม่รับ ข้ออ้างดังกล่าวก็จะค้างอยู่ในอากาศ แต่การที่รัฐบาลไทยไปรับรู้เส้นที่ไม่ตรงกับอนุสัญญากรุงเจนีวา เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

    จึงขอขอบคุณอาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กรุณาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชน”

    ที่มา News1
    https://news1live.com/detail/9670000106288?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2E5ivC8YLJ80XZFnfxkqNzQw-E48lM3Ly7iYy_GAtAVxhcMf3h4UJzl_o_aem_oBxuft0VBnaCm-WW-Z_8rw

    #Thaitimes
    “ธีระชัย” เปิดหลักฐาน กัมพูชาลากเส้นในทะเล ผิดทั้งสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ระบุถึงการเล็งยอดเขาบนเกาะกูดสำหรับแบ่งเขตบนแผ่นดินเท่านั้น และผิดอนุสัญญาเจนีวา 1958 ที่ห้ามมิให้อ้างเหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์ในการประกาศเขตไหล่ทวีป MOU2544 จึงส่อผิดกฎหมายไปด้วย 4 พฤศจิกายน 2567-นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ในหัวข้อด่วน! กัมพูชาไม่อาจอ้างสนธิสัญญาฯ มีรายละเอียดดังนี้ อาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ อดีตอัยการและอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กรุณาส่งข้อมูลแจ้งผม ทำให้ผมเห็นว่ากัมพูชาไม่อาจอ้างสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วย “ไหล่ทวีป” 1958 ไม่มีการรับรองสิทธิทางประวัติศาสตร์ รับรองไว้เฉพาะกรณีของ “ทะเลอาณาเขต” เว็บไซต์ของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ระบุว่า [“ทะเลอาณาเขต” (territorial sea) มีความกว้างไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเส้นฐานออกไป รัฐชายฝั่งมีอำนาจอธิปไตย (sovereignty) เหนือทะเลอาณาเขต “ไหล่ทวีป” (continental shelf) หมายถึง พื้นดินท้องทะเลและดินใต้ผิวดินของบริเวณใต้ทะเล ซึ่งขยายเลยทะเลอาณาเขตออกไปตามธรรมชาติของดินแดนจนถึงริมนอกของขอบทวีป หรือจนถึงระยะ 200 ไมล์ทะเลจากเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขต… ในบริเวณไหล่ทวีป รัฐชายฝั่งสามารถใช้สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติบน ไหล่ทวีป] ดังนั้น พื้นที่ในอ่าวไทย บริเวณที่ระบุอ้างกันว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ดังปรากฏใน MOU44 นั้น จึงไม่ใช่พื้นที่ “ทะเลอาณาเขต” ที่ครอบคลุมความกว้างเพียง 12 ไมล์ทะเล แต่เป็นพื้นที่ “ไหล่ทวีป” ที่ครอบคลุมความกว้างถึง 200 ไมล์ทะเล และเป็นอาณาเขตสำหรับพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียม รูป 1-4 ในประกาศ เรื่อง ใช้อนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งมีพระบรมราชโองการโดยล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 รับสนองฯ โดย จอมพล ถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2512 ในหัวข้อ ทะเลอาณาเขต ข้อ 12 ข้อย่อย 1 อนุญาตให้ยกเว้นได้สำหรับ “เหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์” รูป 5-6 กฤษฎีกาของรัฐบาลกัมพูชา ที่ลากเส้น “ไหล่ทวีป” พาดผ่านเกาะกูดนั้น ระบุชัดเจนว่า เป็นการประกาศพื้นที่ Plateau Continental ซึ่งแปลว่า ไหล่ทวีป และมิใช่อ้างอิงอนุสัญญากรุงเจนีวา 1958 อย่างเดียว แต่อ้างอิงสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ค.ศ. 1907 ประกอบด้วย “ สาเหตุที่กัมพูชาอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เพื่อลากเส้นผ่านเกาะกูดนั้น เป็นเพราะสนธิสัญญาฯ มีเอกสารแนบที่ระบุข้อความ “ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามจากยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นหลัก” จึงได้ลากเส้นจากชายทะเลผ่านยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดไปทางทิศตะวันตกกินแดนเข้ามาในอ่าวไทย ** ผิดกฎหมายกระทงที่หนึ่ง การกระทำดังกล่าวผิดกฏหมายกระทงที่หนึ่ง เพราะเนื้อความในสนธิสัญญาฯ บรรยายถึงการแบ่งเขตแดนบนแผ่นดิน มิได้เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตแดนในทะเล จึงเป็นการอ้างอิงสนธิสัญญาฯ ที่บิดเบือน อีกทั้งเกาะกูดอยู่ห่างชายฝั่ง 44 ไมล์ทะเล จึงอยู่นอก “ทะเลอาณาเขต” อยู่แล้วด้วย ** ผิดกฎหมายกระทงที่สอง การกำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปพาดผ่านเกาะกูดโดยอ้างสนธิสัญญาฯ เป็น “เหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์” นั้น ก็เป็นการบิดเบือน เอาข้อยกเว้นในเรื่องของ “ทะเลอาณาเขต” มาใช้กับเรื่องของ “ไหล่ทวีป” สรุปแล้ว กฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชา ขัดกับอนุสัญญากรุงเจนีวา 1958 โดยสิ้นเชิง เป็นการอ้างผิดมาตราอย่างจัง! และการที่รัฐบาลไทยในสมัยของอดีตนายกทักษิณ ไปทำ MOU44 โดยไม่ได้คำนึงถึงประเด็นนี้ ผมมีความเห็นว่า อาจเป็นการผิดกฎหมาย กัมพูชาจะลากเส้นที่ไม่ตรงกับอนุสัญญากรุงเจนีวา อย่างไรก็ได้ ถ้าไทยไม่รับ ข้ออ้างดังกล่าวก็จะค้างอยู่ในอากาศ แต่การที่รัฐบาลไทยไปรับรู้เส้นที่ไม่ตรงกับอนุสัญญากรุงเจนีวา เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จึงขอขอบคุณอาจารย์พนัส ทัศนียานนท์ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กรุณาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชน” ที่มา News1 https://news1live.com/detail/9670000106288?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR2E5ivC8YLJ80XZFnfxkqNzQw-E48lM3Ly7iYy_GAtAVxhcMf3h4UJzl_o_aem_oBxuft0VBnaCm-WW-Z_8rw #Thaitimes
    NEWS1LIVE.COM
    “ธีระชัย” เปิดข้อมูล กัมพูชาลากเส้นในทะเลผิดหลักสากล 2 เด้ง MOU44 ส่อผิดไปด้วย
    “ธีระชัย” เปิดหลักฐาน กัมพูชาลากเส้นในทะเล ผิดทั้งสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ระบุถึงการเล็งยอดเขาบนเกาะกูดสำหรับแบ่งเขตบนแผ่นดินเท่านั้น และผิดอนุสัญญาเจนีวา 1958 ที่ห้ามมิให้อ้างเหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์ในการประกาศเขตไหล่ทวีป
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ธีระชัย” เปิดหลักฐาน กัมพูชาลากเส้นในทะเล ผิดทั้งสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ระบุถึงการเล็งยอดเขาบนเกาะกูดสำหรับแบ่งเขตบนแผ่นดินเท่านั้น และผิดอนุสัญญาเจนีวา 1958 ที่ห้ามมิให้อ้างเหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์ในการประกาศเขตไหล่ทวีป MOU2544 จึงส่อผิดกฎหมายไปด้วย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106288

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ธีระชัย” เปิดหลักฐาน กัมพูชาลากเส้นในทะเล ผิดทั้งสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ระบุถึงการเล็งยอดเขาบนเกาะกูดสำหรับแบ่งเขตบนแผ่นดินเท่านั้น และผิดอนุสัญญาเจนีวา 1958 ที่ห้ามมิให้อ้างเหตุแห่งสิทธิทางประวัติศาสตร์ในการประกาศเขตไหล่ทวีป MOU2544 จึงส่อผิดกฎหมายไปด้วย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000106288 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    25
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2124 มุมมอง 1 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยืนยัน MOU 2544 เป็นเพียงกรอบการเจรจา และไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชา
    .
    วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2567) กระทรวงการต่างประเทศเชิญสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปข้อมูลภูมิหลัง รวมทั้งสถานะล่าสุดเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญนางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เข้าร่วมให้ข้อมูล
    .
    อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ได้อธิบายถึงเขตทางทะเล และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 รวมทั้งชี้แจงที่มาของพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีขนาดประมาณ 26,000 ตร.กม. ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของทั้งไทยและกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 หรือที่เรียกกันว่า MOU 2544
    .
    MOU 2544 เป็นความตกลงที่กำหนดกรอบและกลไกการเจรจาระหว่างกัน โดยไม่ได้เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิทางทะเลของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป
    .
    แนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นสอดคล้องกันทั้งในระดับนโยบายและระดับเทคนิค คือ (1) ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องยอมรับข้อตกลงได้ (2) จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาของทั้งสองประเทศพิจารณาให้ความเห็นชอบ และ (3) ข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    .
    ต่อกรณีที่มีการเชื่อมโยงเรื่อง “เกาะกูด” จ. ตราด เข้าไปพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้แจงว่า เกาะกูดเป็นดินแดนของประเทศไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และปัจจุบันไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด 100%
    .
    อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ยืนยันว่า MOU 2544 เป็นเพียง “กรอบการเจรจา” (Agreement to Negotiate) ประเทศไทยและกัมพูชาไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนที่แต่ละฝ่ายกำหนดขึ้นเอง และใน MOU ก็ระบุชัดเจนว่า การเจรจาจะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของประเทศคู่เจรจา
    .
    ในเรื่องของการยกเลิก MOU 2544 ซึ่งคณะรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีมติให้ยกเลิกเมื่อปี 2552 นั้น กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชามีปัญหา ทั้งในเรื่องปราสาทพระวิหาร และการปะทะกันที่ชายแดน ทำให้ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่หลังจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ปรึกษากับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว เห็นว่า MOU ยังมีความจำเป็น จึงได้เสนอให้รัฐบาลในชุดต่อๆ มาทบทวนมติ ครม. ปี 2552 และทุกรัฐบาลต่อมาก็มีมติให้ใช้ MOU 2544 ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้.
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ยืนยัน MOU 2544 เป็นเพียงกรอบการเจรจา และไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชา . วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2567) กระทรวงการต่างประเทศเชิญสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปข้อมูลภูมิหลัง รวมทั้งสถานะล่าสุดเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญนางสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เข้าร่วมให้ข้อมูล . อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ได้อธิบายถึงเขตทางทะเล และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 รวมทั้งชี้แจงที่มาของพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีขนาดประมาณ 26,000 ตร.กม. ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของทั้งไทยและกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 หรือที่เรียกกันว่า MOU 2544 . MOU 2544 เป็นความตกลงที่กำหนดกรอบและกลไกการเจรจาระหว่างกัน โดยไม่ได้เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิทางทะเลของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป . แนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นสอดคล้องกันทั้งในระดับนโยบายและระดับเทคนิค คือ (1) ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องยอมรับข้อตกลงได้ (2) จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาของทั้งสองประเทศพิจารณาให้ความเห็นชอบ และ (3) ข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง . ต่อกรณีที่มีการเชื่อมโยงเรื่อง “เกาะกูด” จ. ตราด เข้าไปพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้แจงว่า เกาะกูดเป็นดินแดนของประเทศไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และปัจจุบันไทยใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูด 100% . อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ยืนยันว่า MOU 2544 เป็นเพียง “กรอบการเจรจา” (Agreement to Negotiate) ประเทศไทยและกัมพูชาไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนที่แต่ละฝ่ายกำหนดขึ้นเอง และใน MOU ก็ระบุชัดเจนว่า การเจรจาจะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของประเทศคู่เจรจา . ในเรื่องของการยกเลิก MOU 2544 ซึ่งคณะรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีมติให้ยกเลิกเมื่อปี 2552 นั้น กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชามีปัญหา ทั้งในเรื่องปราสาทพระวิหาร และการปะทะกันที่ชายแดน ทำให้ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่หลังจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ปรึกษากับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว เห็นว่า MOU ยังมีความจำเป็น จึงได้เสนอให้รัฐบาลในชุดต่อๆ มาทบทวนมติ ครม. ปี 2552 และทุกรัฐบาลต่อมาก็มีมติให้ใช้ MOU 2544 ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้. .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 661 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP20 ตอน NEW BORN AFGHANISTAN 2024 "พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน เปลี่ยนชะตากรรม" ปลดแอกเหี้ยแค่ 3 ปีเศษ อัฟกานิสถานไปไกลมว๊าก หลังจีนเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมต่อโลจิสติค จนวันนี้ ตาลีบัน ไม่ต้องรบกับใครอีกแล้ว ร่วมเผ่าพันธุ์ย่อย จับมาค้าขายเชื่อมโลกแม่งซะเลย เจริญจนผิดหูผิดตา แค่ทิ้งเหี้ย ชีวิตเปลี่ยนทันที ความปลอดภัยสูงขึ้นมาก เพราะไม่รู้จะก่อการร้ายไปเพื่อใคร? เหี้ยถูกไล่เก็บจนเกือบหมดแล้ว ใครที่มีปัญหา จีนเป็นตัวเชื่อมกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยจนได้คำตอบง่ายดายว่า "แบ่งกันกิน" รัฐบาลตาลีบัน แข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะ ทั้งในฝ่ายการเมือง เวทีโลก เศรษฐกิจ การค้า มันชัวร์อยู่แล้ว เพราะ "อัฟกานิสถาน คือ 1 ในเส้นทางสายไหมของจีนนั่นเอง" เค้าวางตัวมาเป็นชาติแล้ว หลังเหี้ยมะกันออกไปจนหมดเกลี้ยง ก็ฟื้นฟู แล้วปรับโครงสร้างใหม่หมด เชื่อมทุกอย่างเข้าเป็นระบบเดียวกับสากล สูตรเดียวกับที่จีนใช้ในแอฟริกานั่นแหละ รถไฟเข้าถึง ความเจริญก็เข้าตาม น้ำ ไฟ เน็ต ตามมาทันที หมดยุคกินกรวด หิน ดิน ทรายแล้ว อัฟกานิสถานยุคใหม่ เดินหน้าไม่หยุด เพราะไม่มีเหี้ยมาคอยสกัดแล้ว ทุกอย่างรัฐบาลอำนาจเดี่ยว เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สั่งปุ๊บ ทำปั๊บ มันถึงได้เร็วฟ้าผ่าเยี่ยงนี้ โมเดลนี้ ทำให้หลายชาติในโลกถึงได้ปลดแอกเหี้ยกันหมด อยู่กับเหี้ยมีแต่ฉิบหาย อยู่กับจีน รัสเซีย รวยไม่รู้ตัว? ที่สำคัญ ไม่ต้องไปปล้นเค้าแดร๊กเหมือนที่ผ่านมา? เมื่ออัฟกานิสถานแข็งแรง ชาติเพื่อนบ้านก็ตามสิจ๊ะ เส้นทางสายไหมใครไม่อยากได้ รถไฟมา ไฟ น้ำ ตาม การค้าเข้าถึง สินค้าจากทั่วโลกแห่เข้ามาถึงตัว ใครไม่อยากจะได้ จีนจ้องอัฟกานิสถานมานานแล้ว เพราะคือด่านหน้าเข้าตะวันออกกลาง แอฟริกา ตามสูตรเชื่อมโลกไงล่ะ ล่าสุด อีเหี้ยมะกันโชว์โง่ขน B-52 มาใกล้อิหร่าน ควายกว่านี้มีอีกมั้ย? อิหร่านมีอะไร? มรึงรู้จัก S-400 มั้ย ไอ้สัส? จะรอดมั้ยล่ะ? ขู่เค้าแต่ตัวเองไม่มีปัญญาสกัดขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอิหร่านได้เลย แม้แต่ลูกเดียว เอาของเก่ามาอวด นี่มันปี 2024 แล้วน่ะ ดีออก? อีวอชิงตันไม่ตายคาตรีน คงไม่หายเสี้ยน รอมันฆ่ากันเองก่อน แล้วกูค่อยเข้าไปกระทืบซ้ำ อยากแตกแผ่นดินกันมากชิมิ? ล่าสุด สเปนเพิ่งจะตื่นรู้ รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ ตายโหง! ระดมพล ทุกหน่วยงาน เพื่อนบ้านข้างเมือง ช่วยฟื้นบาเลนเซีย ยุโรปง่อยแดร๊ก พายุฝนกระหน่ำ น้ำท่วม ต้อนรับก่อนหิมะจะถล่มตามมา ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้วมรึงเอ๋ย? ภัยธรรมชาติมาก่อนมินิคุ๊กกี้รสชาเขียว ปูตินบอก กูไม่ต้องเหนื่อยเลย? อี NATO ยังเสี้ยนจะก่อสงครามต่อมุย? จะแดร๊กยังไม่มี? รับใช้อียิวมานานนับศตวรรษ กูว่ามรึงประกาศเป็นเมืองขึ้นเยรูซาเล็มไปเลยดีมุย? ควายยุโรปมันโง่ของจริง EGO อยู่เหนือเหตุผลและปากท้อง แม้แต่ชีวิตมรึงเองก็ยังแพ้ EGO ตัวมรึงเอง? เผ่าพันธุ์สวรรค์เหรอจ๊ะ ดีออก? พากันไปเยอะห่าแบบนี้ อียิวชอบ กูจะได้บ้านใหม่เร็วขึ้น! ข้ามวิกแป๊บ! หย่ายนักเหรอ ไอ้สัส! อีเหลี่ยมหน้าซีด เกมส์ชงเปิดหน้า อัยการ ปปช. ปปง. ศาล ตบเท้าเรียงคิว หลังธีรยุทธแจงหลักฐานชัด ฟ้องทุกเม็ด เก็บทุกดอก มาหมดทุกคดีเหี้ย อีเหลี่ยมถูกเรียกตัวแก้ต่าง ยื้อเวลา บิดไปมาไม่เลิก ธงเค้ามีไว้นานแล้ว แค่มาทำให้มันจบลงไปซะ จ่ายเฮอะ แล้วไสหัวไปซะ ทั้งวงศ์ตระกูล อีลูกสาวโดนแน่ 3 ดอก 3 เด้ง สุดท้ายเผ่นคือทางรอด ทรัพย์สินไม่ห่วง เรียกคืนได้หมด แค่ฟ้าเปลี่ยนสี และโลกเปลี่ยนมือ ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรทันที เพราะแสง เงิน 10000 อย่าคิดว่ารอด? รอสะเด็ดน้ำ เอาให้สุดซอย เรียงคิวตายคาสภา ยกพรรค ยกครม. ทันที 500 ตัว จะเหลือกี่ตัวกันหนอ? สว.สายเจ้าคึกคักพิเศษ เตรียมชี้เป้า โดนกันอีกเยอะ? อย่าหงุดหงิด เพราะสิ่งที่ทำ เพื่อไม่ให้มีใครตายเพิ่ม? วังไม่ใช่มรึง ฆ่าแกงมันง่าย แล้วมันจะต่างอะไรกับที่อีเหลี่ยมมันทำในตากใบล่ะ? แผนใหม่คือเล่นตัวบทกฎหมายที่โทษหนักกว่า เพื่อบีบให้เผ่นออกนอกทั้งโคตรขายชาติ วิญญานตากใบ ไม่มีวันสงบสุข หากเรื่องไม่เดินไปจนสุดทาง ตากใบยังมีประเด็นร้อนอีกเยอะ รอขุดเพิ่ม เรียงลำดับคิวอยู่ อย่าแซงคิว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริง เค้ารู้อยู่ว่าทำอะไร? ให้เค้าทำหน้าที่ต่อไป มรึงรู้มั้ยว่า อะไรน่ากลัวกว่าความตาย? "การรอคอยความตายไงล่ะ" นี่คือโมเม้นต์ที่อีเหลี่ยมเหี้ยชาติชั่วและวงศ์ตระกูลมันกำลังลิ้มรสอยู่ มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า คลังไทย สมบัติชาติ จะให้ไอ้อี ใครมาดูแลก็ได้ หากไม่มีความเห็นชอบจากวัง! ที่ผ่านมา ไทยรอดมาได้เพราะคลังเนี่ยแหละ ตั้งแต่ยุคร.3 เป็นต้นมา เรารู้ตัวว่า โลกกำลังจะล่าอาณานิคม สยามประเทศคือเหยื่อ 1 ในนั้นด้วย ที่ผ่านมาวังดูแลคลังหลวงมาโดยตลอด แม้แต่ปัจจุบัน คลังไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติฝ่ายการเมือง ผู้ว่าเป็นอิสระ แล้วไอ้อีขายชาติ มรึงเป็นใครจะเข้ามายึด? คำสั่งอีวอชิงตันเช่นเคย เพราะถังแตก อเมริกาหมดตูด ต้องไปปล้นเอาจากคลังชาวบ้าน หมายังรู้? ฝันเปียกอีกตามเคย ไม่ได้แดร๊กดอกน่ะ ไอ้ควาย! พ่อกูยังอยู่! อย่าฝันกลางวัน มาดูคืนหมาหอนในอเมริกากันน่ะ : อีทรัมปป์ โดนทุกทิศ สกัดดาวรุ่ง อียิวคลั่ง ขี้ข้ากูใครก็ได้ แต่ไม่เอาอีทรัมปป์ เพราะมันหักดิบเกิน คิดการใหญ่ จนกูควบคุมไม่ได้เต็มที่ โกงมาเต็มตรีน ปั่นยังไง คนก็ไม่เอาสงคราม คิดว่าอเมริกันควายไม่รู้รึไง? อีลามา WWIII มาแน่ สู้กับรัสเซีย จีน โสมแดง อิหร่าน คืออเมริกาตายโหงชัวร์ กระดูกคนละเบอร์ แต่หากฆ่ากันเอง ยังมีโอกาสรอด อเมริกันควายถึงได้เลือก CIVIL WAR ดีกว่า ฆ่ากันเองมันส์กว่าเยอะ สู้กับขั้วใหม่ คือตาย ไม่มีปราณี และตายห่ายกเมืองด้วยสิ? เหี้ย CIA และเหี้ยอีตาเพน เตรียมร่วมมือสกัดอีทรัมปป์จนออกนอกหน้า กูบอกเลยว่า หากอีทรัมปป์เข้ามาได้ พวกมรึงเสร็จแน่ โดนชำระแค้นไม่มีเหลือ? หั่นงบจนเหลือแต่แดร๊กกระดูกชัวร์ เพราะอีทรัมปป์ไม่เน้นรบ เน้นการค้า หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง กับสร้างอาณาจักร TRUMP LAND พวกสายสุดโต่ง HARDCORE ชอบ คลั่งอเมริกันพันธุ์แท้ ลูกผสม ผู้อพยพ ต่างด้าว เตรียมตัวถูกไล่ที่ได้เลย? ต้องผิวขาวพันธุ์แท้เท่านั้น นอกนั้น ส่วนเกิน! อเมริกาหมดสภาพ บรรดาเศรษฐี ขาใหญ่ ไฮโซ กลุ่ม ELITE ขนเงินออกนอกหมด แยกย้ายถิ่นฐาน อเมริกามันบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว โรงงานปิด แรงงานล้น ไร้บ้าน สวัสดิการหดหาย ใครมันจะอยากอยู่ต่อ ที่อื่นสบายกว่านี้ ไม่ต้องจ่ายภาษีแพงเพื่ออุ้มคนจน กับเอาไปก่อสงครามสนองตัณหาให้อียิว คนรวยไม่ได้โง่ดอกน่ะ? อเมริกาไม่แตกก็เหมือนแตก เพราะไม่มีรายได้ มีแต่จ่าย พิมพ์แบงค์เพื่อจ่ายหนี้ มรึงจะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ? โลกเค้ารู้หมดแล้ว

    ปล.WWIII ไม่มา หากนุ๊กไม่มี แผนขั้วใหม่เริ่ด เชิด หยิ่ง บีบเศรษฐกิจ การค้า เวทีโลก แสนยานุภาพ ทำให้เหี้ยต้องแตกกำลัง สะเปะสะปะ ช่วยไม่สุด กลัวหลังบ้านพรุน อียิวว่าแน่ ยังเละเป็นโจ๊ก อเมริกาตายเพราะตัวมันเอง เลือกตั้งแค่หน้าฉาก อเมริกาไม่มีทางรอดจากการล่มสลาย เพราะหนี้มรึงเยอะเกินความสามารถจ่ายได้จริง แตกอเมริกาก็ใช่ว่าจะรอด โลกไม่ยอม ฉีกชิ้นเนื้อแบ่งขายตามสูตร โลกไม่ค้าขายกับมรึง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรแดร๊กล่ะ อียุโรปก็ย้ายขั้วไปเยอะแล้ว ฝั่งตะวันออกไปหมดเกลี้ยง แม้แต่อีแอบมานาน ยังต้องถอย BRICS เปลี่ยนโลกได้จริง เมื่อ 5 ปีก่อน ไม่มีใครคิดว่าดอลล่าร์จะล่มสลาย วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ ตลาดโลกไม่รับดอลล่าร์ซื้อน้ำมัน ทองคำ แก็ส แร่หายากอีกต่อไป เพราะเจ้ามือเปลี่ยนไงล่ะ? เกมส์ตะวันออกกลางจะไม่ลามไปมากกว่านี้ ปล่อยโลกอาหรับลงแขกอียิวก็เหลือแหล่ มันถึงพยายามดึงรัสเซีย จีน เข้ามาในเกมส์นี้ แต่ทำไม่ได้ เพราะเค้าอ่านมรึงขาดกระจุย? บีบให้เหี้ยลงมือเอง ตรายางมัดตราสังข์รอไว้พร้อม UN WC หนีอียิวหมดแล้ว อาหรับ แอฟริกายึดสภาสหประชาชาติ มรึงยังจะเหลือเสียงที่ไหนมาหนุนได้อีก? ยกยังไงขั้วใหม่ก็ชนะขาด อีอูฐ วัวสันหลังหวะ ที่ไปไม่สุด เพราะยังมีการค้ากับเหี้ย แต่ก็ไม่อยากให้อี UAE แซงหน้า เพราะมันย้ายข้างชัดเจนก่อนแล้ว MBS ต้องชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะกรณีเยเมน แค่เปิดทางให้เยเมนเข้าพื้นที่ ประสาน 3 ฮอ ทุกอย่างจบเร็วทันที อียิวใช้น่านฟ้าอิรัก โจมตีอิหร่าน แต่แห้วแดร๊ก เพราะเค้ารู้ทัน ถามจริงเหอะ มรึงจะเที่ยวไปโวยวายหาพ่องทำไม อ้างโสมแดงช่วยรัสเซีย อ้างจีนช่วยรัสเซีย เค้าทำสัญญาทวิภาคีทั้งการค้า และการทหารกัน เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมระหว่างประเทศ มรึงไปเสือกเหี้ยอะไร? แล้วอีชาติหมานาโต้ 40 ชาติ ที่ไปช่วยยูเครนรบรัสเซีย มรึงแหกกฎหมายสากลไปแล้วเท่าไหร่ หมายังอาย? ตุ๊ด แต๋วแตกนี่หว่า? โลกเห็นเต็มตา ใครของจริง ใครของปลอม? กระจอกเสือกไม่เจียมกะลาหัว รัสเซีย ดาหน้าปูพรมอียูเครนจนไส้แตกทะลักแล้ว อีโปลชิงกราบตรีนสีจิ้นผิงให้ช่วย คำเดียวสั้นๆ หากอยากรอด แค่เปิดทางปูพรมแดงให้กองทัพ Z เดินฉลุยผ่านก็พอ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องบูชายันต์เท่านั้น ไม่ต้องถามอีเบียร์ อีเศษฝรั่ง นกรู้ทั้งคู่ ใครจะโง่สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เพื่ออียิวกันล่ะ? อีมาครงจบไม่สวยแน่ ถูกกาหัวหมาไว้นานแล้ว แม้ช่วงหลังจะพยายามทำผลงานชะเลียขั้วใหม่ก็ตามที เหี้ยอย่างมรึงต้อง "คาตรีน" เท่านั้น ทหารฝรั่งเศสตายห่าในยูเครนไปกี่พันแล้วล่ะ รัสเซียรู้หมด! ด้านอาเซียนยิ่งชัด ไปกันหมดทั้งกะปิ BRICS จ๋า ใครหมาล่ะ? อีลอดช่อง อีปินส์ นั่งมองตาปริบๆ ไม่รอดดอก อาเซียนไปเกือบหมด ยกเว้นขี้ข้าเหี้ยไงล่ะ? อีกไม่นานมรึงอาจจะช็อค เมื่อขี้ข้ายิวกลายร่าง เอาตัวรอด! จำไว้ว่า ในชาติอาเซียน นอกจากอีขะแมร์ที่ไว้ใจไม่ได้แล้ว อีเพื่อนบ้านตัวอิจฉาอย่างอีเสือเหลือง ยังมีอีลอดช่อง ที่อันตรายที่สุด อีตัวขโมย อีลอบกัด ไทยเราไม่เคยไว้ใจมันเลย เพราะมันล่อไทยตีเนียนหลายครั้งแล้ว งวดนี้ ฟ้าเปลี่ยนสี ถึงเวลาล่ออีนี่กลับบ้าง เกาะเล็กเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย จะยึดเมื่อไหร่ก็ได้ ไทยเป็นฮับอาเซียน อีลอดช่องตายห่าก่อนใครเพื่อน เพราะโลจิสติค ไม่ต้องผ่านมรึงอีกต่อไป แล้วมรึงจะเหลืออะไรอีก? อย่ามาซ่าส์กับศรีธนญชัยน่ะมรึง กูพริ้ว!

    หมี CNN(ไม่มีอะไรในโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลง มันคือสัจธรรม อย่าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้ เหี้ยแค่ไหนก็กลับใจได้ หากแสงทำงาน กูเห็นมาเยอะแล้ว มรึงดูขี้ข้าอีแดงหลายตัวสิ แต่ก่อนหัวหมู่ทะลวงฟัน สู้กับเหลืองแทบตาย มาวันนี้ หันปากกระบอกปืนใส่นายใหญ่ซะงั้น อิทธิพลของแสง ใครไม่เรียนรู้ จะไม่มีวันเข้าใจ เหี้ยยังไง ก็กลัวตาย เอาตัวรอด คือสันดานขี้ข้า เอาชาติรอด คือนักสู้อโยธยา เลือดบางระจันมันเลือกอยู่กับคนที่ใช่เท่านั้น แผ่นดินคัดสรรผู้สมควรอยู่ต่อไว้นานแล้ว)
    04 พฤศจิกายน 67
    10.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    04-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะนอย" EP20 ตอน NEW BORN AFGHANISTAN 2024 "พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน เปลี่ยนชะตากรรม" ปลดแอกเหี้ยแค่ 3 ปีเศษ อัฟกานิสถานไปไกลมว๊าก หลังจีนเข้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมต่อโลจิสติค จนวันนี้ ตาลีบัน ไม่ต้องรบกับใครอีกแล้ว ร่วมเผ่าพันธุ์ย่อย จับมาค้าขายเชื่อมโลกแม่งซะเลย เจริญจนผิดหูผิดตา แค่ทิ้งเหี้ย ชีวิตเปลี่ยนทันที ความปลอดภัยสูงขึ้นมาก เพราะไม่รู้จะก่อการร้ายไปเพื่อใคร? เหี้ยถูกไล่เก็บจนเกือบหมดแล้ว ใครที่มีปัญหา จีนเป็นตัวเชื่อมกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยจนได้คำตอบง่ายดายว่า "แบ่งกันกิน" รัฐบาลตาลีบัน แข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะ ทั้งในฝ่ายการเมือง เวทีโลก เศรษฐกิจ การค้า มันชัวร์อยู่แล้ว เพราะ "อัฟกานิสถาน คือ 1 ในเส้นทางสายไหมของจีนนั่นเอง" เค้าวางตัวมาเป็นชาติแล้ว หลังเหี้ยมะกันออกไปจนหมดเกลี้ยง ก็ฟื้นฟู แล้วปรับโครงสร้างใหม่หมด เชื่อมทุกอย่างเข้าเป็นระบบเดียวกับสากล สูตรเดียวกับที่จีนใช้ในแอฟริกานั่นแหละ รถไฟเข้าถึง ความเจริญก็เข้าตาม น้ำ ไฟ เน็ต ตามมาทันที หมดยุคกินกรวด หิน ดิน ทรายแล้ว อัฟกานิสถานยุคใหม่ เดินหน้าไม่หยุด เพราะไม่มีเหี้ยมาคอยสกัดแล้ว ทุกอย่างรัฐบาลอำนาจเดี่ยว เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สั่งปุ๊บ ทำปั๊บ มันถึงได้เร็วฟ้าผ่าเยี่ยงนี้ โมเดลนี้ ทำให้หลายชาติในโลกถึงได้ปลดแอกเหี้ยกันหมด อยู่กับเหี้ยมีแต่ฉิบหาย อยู่กับจีน รัสเซีย รวยไม่รู้ตัว? ที่สำคัญ ไม่ต้องไปปล้นเค้าแดร๊กเหมือนที่ผ่านมา? เมื่ออัฟกานิสถานแข็งแรง ชาติเพื่อนบ้านก็ตามสิจ๊ะ เส้นทางสายไหมใครไม่อยากได้ รถไฟมา ไฟ น้ำ ตาม การค้าเข้าถึง สินค้าจากทั่วโลกแห่เข้ามาถึงตัว ใครไม่อยากจะได้ จีนจ้องอัฟกานิสถานมานานแล้ว เพราะคือด่านหน้าเข้าตะวันออกกลาง แอฟริกา ตามสูตรเชื่อมโลกไงล่ะ ล่าสุด อีเหี้ยมะกันโชว์โง่ขน B-52 มาใกล้อิหร่าน ควายกว่านี้มีอีกมั้ย? อิหร่านมีอะไร? มรึงรู้จัก S-400 มั้ย ไอ้สัส? จะรอดมั้ยล่ะ? ขู่เค้าแต่ตัวเองไม่มีปัญญาสกัดขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอิหร่านได้เลย แม้แต่ลูกเดียว เอาของเก่ามาอวด นี่มันปี 2024 แล้วน่ะ ดีออก? อีวอชิงตันไม่ตายคาตรีน คงไม่หายเสี้ยน รอมันฆ่ากันเองก่อน แล้วกูค่อยเข้าไปกระทืบซ้ำ อยากแตกแผ่นดินกันมากชิมิ? ล่าสุด สเปนเพิ่งจะตื่นรู้ รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่ ตายโหง! ระดมพล ทุกหน่วยงาน เพื่อนบ้านข้างเมือง ช่วยฟื้นบาเลนเซีย ยุโรปง่อยแดร๊ก พายุฝนกระหน่ำ น้ำท่วม ต้อนรับก่อนหิมะจะถล่มตามมา ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้วมรึงเอ๋ย? ภัยธรรมชาติมาก่อนมินิคุ๊กกี้รสชาเขียว ปูตินบอก กูไม่ต้องเหนื่อยเลย? อี NATO ยังเสี้ยนจะก่อสงครามต่อมุย? จะแดร๊กยังไม่มี? รับใช้อียิวมานานนับศตวรรษ กูว่ามรึงประกาศเป็นเมืองขึ้นเยรูซาเล็มไปเลยดีมุย? ควายยุโรปมันโง่ของจริง EGO อยู่เหนือเหตุผลและปากท้อง แม้แต่ชีวิตมรึงเองก็ยังแพ้ EGO ตัวมรึงเอง? เผ่าพันธุ์สวรรค์เหรอจ๊ะ ดีออก? พากันไปเยอะห่าแบบนี้ อียิวชอบ กูจะได้บ้านใหม่เร็วขึ้น! ข้ามวิกแป๊บ! หย่ายนักเหรอ ไอ้สัส! อีเหลี่ยมหน้าซีด เกมส์ชงเปิดหน้า อัยการ ปปช. ปปง. ศาล ตบเท้าเรียงคิว หลังธีรยุทธแจงหลักฐานชัด ฟ้องทุกเม็ด เก็บทุกดอก มาหมดทุกคดีเหี้ย อีเหลี่ยมถูกเรียกตัวแก้ต่าง ยื้อเวลา บิดไปมาไม่เลิก ธงเค้ามีไว้นานแล้ว แค่มาทำให้มันจบลงไปซะ จ่ายเฮอะ แล้วไสหัวไปซะ ทั้งวงศ์ตระกูล อีลูกสาวโดนแน่ 3 ดอก 3 เด้ง สุดท้ายเผ่นคือทางรอด ทรัพย์สินไม่ห่วง เรียกคืนได้หมด แค่ฟ้าเปลี่ยนสี และโลกเปลี่ยนมือ ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรทันที เพราะแสง เงิน 10000 อย่าคิดว่ารอด? รอสะเด็ดน้ำ เอาให้สุดซอย เรียงคิวตายคาสภา ยกพรรค ยกครม. ทันที 500 ตัว จะเหลือกี่ตัวกันหนอ? สว.สายเจ้าคึกคักพิเศษ เตรียมชี้เป้า โดนกันอีกเยอะ? อย่าหงุดหงิด เพราะสิ่งที่ทำ เพื่อไม่ให้มีใครตายเพิ่ม? วังไม่ใช่มรึง ฆ่าแกงมันง่าย แล้วมันจะต่างอะไรกับที่อีเหลี่ยมมันทำในตากใบล่ะ? แผนใหม่คือเล่นตัวบทกฎหมายที่โทษหนักกว่า เพื่อบีบให้เผ่นออกนอกทั้งโคตรขายชาติ วิญญานตากใบ ไม่มีวันสงบสุข หากเรื่องไม่เดินไปจนสุดทาง ตากใบยังมีประเด็นร้อนอีกเยอะ รอขุดเพิ่ม เรียงลำดับคิวอยู่ อย่าแซงคิว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริง เค้ารู้อยู่ว่าทำอะไร? ให้เค้าทำหน้าที่ต่อไป มรึงรู้มั้ยว่า อะไรน่ากลัวกว่าความตาย? "การรอคอยความตายไงล่ะ" นี่คือโมเม้นต์ที่อีเหลี่ยมเหี้ยชาติชั่วและวงศ์ตระกูลมันกำลังลิ้มรสอยู่ มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า คลังไทย สมบัติชาติ จะให้ไอ้อี ใครมาดูแลก็ได้ หากไม่มีความเห็นชอบจากวัง! ที่ผ่านมา ไทยรอดมาได้เพราะคลังเนี่ยแหละ ตั้งแต่ยุคร.3 เป็นต้นมา เรารู้ตัวว่า โลกกำลังจะล่าอาณานิคม สยามประเทศคือเหยื่อ 1 ในนั้นด้วย ที่ผ่านมาวังดูแลคลังหลวงมาโดยตลอด แม้แต่ปัจจุบัน คลังไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติฝ่ายการเมือง ผู้ว่าเป็นอิสระ แล้วไอ้อีขายชาติ มรึงเป็นใครจะเข้ามายึด? คำสั่งอีวอชิงตันเช่นเคย เพราะถังแตก อเมริกาหมดตูด ต้องไปปล้นเอาจากคลังชาวบ้าน หมายังรู้? ฝันเปียกอีกตามเคย ไม่ได้แดร๊กดอกน่ะ ไอ้ควาย! พ่อกูยังอยู่! อย่าฝันกลางวัน มาดูคืนหมาหอนในอเมริกากันน่ะ : อีทรัมปป์ โดนทุกทิศ สกัดดาวรุ่ง อียิวคลั่ง ขี้ข้ากูใครก็ได้ แต่ไม่เอาอีทรัมปป์ เพราะมันหักดิบเกิน คิดการใหญ่ จนกูควบคุมไม่ได้เต็มที่ โกงมาเต็มตรีน ปั่นยังไง คนก็ไม่เอาสงคราม คิดว่าอเมริกันควายไม่รู้รึไง? อีลามา WWIII มาแน่ สู้กับรัสเซีย จีน โสมแดง อิหร่าน คืออเมริกาตายโหงชัวร์ กระดูกคนละเบอร์ แต่หากฆ่ากันเอง ยังมีโอกาสรอด อเมริกันควายถึงได้เลือก CIVIL WAR ดีกว่า ฆ่ากันเองมันส์กว่าเยอะ สู้กับขั้วใหม่ คือตาย ไม่มีปราณี และตายห่ายกเมืองด้วยสิ? เหี้ย CIA และเหี้ยอีตาเพน เตรียมร่วมมือสกัดอีทรัมปป์จนออกนอกหน้า กูบอกเลยว่า หากอีทรัมปป์เข้ามาได้ พวกมรึงเสร็จแน่ โดนชำระแค้นไม่มีเหลือ? หั่นงบจนเหลือแต่แดร๊กกระดูกชัวร์ เพราะอีทรัมปป์ไม่เน้นรบ เน้นการค้า หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง กับสร้างอาณาจักร TRUMP LAND พวกสายสุดโต่ง HARDCORE ชอบ คลั่งอเมริกันพันธุ์แท้ ลูกผสม ผู้อพยพ ต่างด้าว เตรียมตัวถูกไล่ที่ได้เลย? ต้องผิวขาวพันธุ์แท้เท่านั้น นอกนั้น ส่วนเกิน! อเมริกาหมดสภาพ บรรดาเศรษฐี ขาใหญ่ ไฮโซ กลุ่ม ELITE ขนเงินออกนอกหมด แยกย้ายถิ่นฐาน อเมริกามันบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว โรงงานปิด แรงงานล้น ไร้บ้าน สวัสดิการหดหาย ใครมันจะอยากอยู่ต่อ ที่อื่นสบายกว่านี้ ไม่ต้องจ่ายภาษีแพงเพื่ออุ้มคนจน กับเอาไปก่อสงครามสนองตัณหาให้อียิว คนรวยไม่ได้โง่ดอกน่ะ? อเมริกาไม่แตกก็เหมือนแตก เพราะไม่มีรายได้ มีแต่จ่าย พิมพ์แบงค์เพื่อจ่ายหนี้ มรึงจะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ? โลกเค้ารู้หมดแล้ว ปล.WWIII ไม่มา หากนุ๊กไม่มี แผนขั้วใหม่เริ่ด เชิด หยิ่ง บีบเศรษฐกิจ การค้า เวทีโลก แสนยานุภาพ ทำให้เหี้ยต้องแตกกำลัง สะเปะสะปะ ช่วยไม่สุด กลัวหลังบ้านพรุน อียิวว่าแน่ ยังเละเป็นโจ๊ก อเมริกาตายเพราะตัวมันเอง เลือกตั้งแค่หน้าฉาก อเมริกาไม่มีทางรอดจากการล่มสลาย เพราะหนี้มรึงเยอะเกินความสามารถจ่ายได้จริง แตกอเมริกาก็ใช่ว่าจะรอด โลกไม่ยอม ฉีกชิ้นเนื้อแบ่งขายตามสูตร โลกไม่ค้าขายกับมรึง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรแดร๊กล่ะ อียุโรปก็ย้ายขั้วไปเยอะแล้ว ฝั่งตะวันออกไปหมดเกลี้ยง แม้แต่อีแอบมานาน ยังต้องถอย BRICS เปลี่ยนโลกได้จริง เมื่อ 5 ปีก่อน ไม่มีใครคิดว่าดอลล่าร์จะล่มสลาย วันนี้ เป็นที่ประจักษ์ ตลาดโลกไม่รับดอลล่าร์ซื้อน้ำมัน ทองคำ แก็ส แร่หายากอีกต่อไป เพราะเจ้ามือเปลี่ยนไงล่ะ? เกมส์ตะวันออกกลางจะไม่ลามไปมากกว่านี้ ปล่อยโลกอาหรับลงแขกอียิวก็เหลือแหล่ มันถึงพยายามดึงรัสเซีย จีน เข้ามาในเกมส์นี้ แต่ทำไม่ได้ เพราะเค้าอ่านมรึงขาดกระจุย? บีบให้เหี้ยลงมือเอง ตรายางมัดตราสังข์รอไว้พร้อม UN WC หนีอียิวหมดแล้ว อาหรับ แอฟริกายึดสภาสหประชาชาติ มรึงยังจะเหลือเสียงที่ไหนมาหนุนได้อีก? ยกยังไงขั้วใหม่ก็ชนะขาด อีอูฐ วัวสันหลังหวะ ที่ไปไม่สุด เพราะยังมีการค้ากับเหี้ย แต่ก็ไม่อยากให้อี UAE แซงหน้า เพราะมันย้ายข้างชัดเจนก่อนแล้ว MBS ต้องชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะกรณีเยเมน แค่เปิดทางให้เยเมนเข้าพื้นที่ ประสาน 3 ฮอ ทุกอย่างจบเร็วทันที อียิวใช้น่านฟ้าอิรัก โจมตีอิหร่าน แต่แห้วแดร๊ก เพราะเค้ารู้ทัน ถามจริงเหอะ มรึงจะเที่ยวไปโวยวายหาพ่องทำไม อ้างโสมแดงช่วยรัสเซีย อ้างจีนช่วยรัสเซีย เค้าทำสัญญาทวิภาคีทั้งการค้า และการทหารกัน เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมระหว่างประเทศ มรึงไปเสือกเหี้ยอะไร? แล้วอีชาติหมานาโต้ 40 ชาติ ที่ไปช่วยยูเครนรบรัสเซีย มรึงแหกกฎหมายสากลไปแล้วเท่าไหร่ หมายังอาย? ตุ๊ด แต๋วแตกนี่หว่า? โลกเห็นเต็มตา ใครของจริง ใครของปลอม? กระจอกเสือกไม่เจียมกะลาหัว รัสเซีย ดาหน้าปูพรมอียูเครนจนไส้แตกทะลักแล้ว อีโปลชิงกราบตรีนสีจิ้นผิงให้ช่วย คำเดียวสั้นๆ หากอยากรอด แค่เปิดทางปูพรมแดงให้กองทัพ Z เดินฉลุยผ่านก็พอ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องบูชายันต์เท่านั้น ไม่ต้องถามอีเบียร์ อีเศษฝรั่ง นกรู้ทั้งคู่ ใครจะโง่สิ้นชาติ สูญพันธุ์ เพื่ออียิวกันล่ะ? อีมาครงจบไม่สวยแน่ ถูกกาหัวหมาไว้นานแล้ว แม้ช่วงหลังจะพยายามทำผลงานชะเลียขั้วใหม่ก็ตามที เหี้ยอย่างมรึงต้อง "คาตรีน" เท่านั้น ทหารฝรั่งเศสตายห่าในยูเครนไปกี่พันแล้วล่ะ รัสเซียรู้หมด! ด้านอาเซียนยิ่งชัด ไปกันหมดทั้งกะปิ BRICS จ๋า ใครหมาล่ะ? อีลอดช่อง อีปินส์ นั่งมองตาปริบๆ ไม่รอดดอก อาเซียนไปเกือบหมด ยกเว้นขี้ข้าเหี้ยไงล่ะ? อีกไม่นานมรึงอาจจะช็อค เมื่อขี้ข้ายิวกลายร่าง เอาตัวรอด! จำไว้ว่า ในชาติอาเซียน นอกจากอีขะแมร์ที่ไว้ใจไม่ได้แล้ว อีเพื่อนบ้านตัวอิจฉาอย่างอีเสือเหลือง ยังมีอีลอดช่อง ที่อันตรายที่สุด อีตัวขโมย อีลอบกัด ไทยเราไม่เคยไว้ใจมันเลย เพราะมันล่อไทยตีเนียนหลายครั้งแล้ว งวดนี้ ฟ้าเปลี่ยนสี ถึงเวลาล่ออีนี่กลับบ้าง เกาะเล็กเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย จะยึดเมื่อไหร่ก็ได้ ไทยเป็นฮับอาเซียน อีลอดช่องตายห่าก่อนใครเพื่อน เพราะโลจิสติค ไม่ต้องผ่านมรึงอีกต่อไป แล้วมรึงจะเหลืออะไรอีก? อย่ามาซ่าส์กับศรีธนญชัยน่ะมรึง กูพริ้ว! หมี CNN(ไม่มีอะไรในโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลง มันคือสัจธรรม อย่าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ได้ เหี้ยแค่ไหนก็กลับใจได้ หากแสงทำงาน กูเห็นมาเยอะแล้ว มรึงดูขี้ข้าอีแดงหลายตัวสิ แต่ก่อนหัวหมู่ทะลวงฟัน สู้กับเหลืองแทบตาย มาวันนี้ หันปากกระบอกปืนใส่นายใหญ่ซะงั้น อิทธิพลของแสง ใครไม่เรียนรู้ จะไม่มีวันเข้าใจ เหี้ยยังไง ก็กลัวตาย เอาตัวรอด คือสันดานขี้ข้า เอาชาติรอด คือนักสู้อโยธยา เลือดบางระจันมันเลือกอยู่กับคนที่ใช่เท่านั้น แผ่นดินคัดสรรผู้สมควรอยู่ต่อไว้นานแล้ว) 04 พฤศจิกายน 67 10.53 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิญญา BRICS นับหนึ่งระเบียบโลกหลายขั้ว
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพ กลุ่ม BRICS กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นอีกระบบหนึ่งที่มีขั้วอำนาจหลายขั้ว ที่นำโดย 5 ประเทศก่อตั้ง คือ จีน รัสเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และ อินเดีย กับสมาชิกถาวรอีก 4 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เอธิโอเปีย ได้จับมือรวมกลุ่มกับประเทศซีกโลกใต้ ที่เขาเรียกว่า Global South ที่เป็นประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนอีก 13 ประเทศ มีแอลจีเรีย เบราลุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกินสถาน เวียดนาม และ ประเทศไทย
    .
    ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล ทอดด์ ได้เรียกการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 นี้ว่าเป็นชัยชนะของรัสเซีย และเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของตะวันตก ซึ่งขณะนี้ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของประเทศที่แสดงความปรารถนาจะใกล้ชิดกับรัสเซีย
    .
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดถึงระเบียบโลกใหม่ที่BRICS สร้างเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มความร่วมมือที่หลากหลายในหลายมิติ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์หรือบูรณาการเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ ให้ความสำคัญ Global South โลกใต้ที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน,BRICS Peaceใช้กลไกสันติภาพยุติสงครามความขัดแย้ง,นวัตกรรมของBRICS Innovationเพื่ออนาคตเปิดพรมแดนใหม่ๆเพื่อมนุษยชาติ,Green BRICS ซึ่งจีนเป็นเจ้าโลกเทคโนโลยีสีเขียวและรถไฟฟ้าตอบโจทย์แก้โลกร้อน Climate Change และประเด็น Justices&Humanity BRICSที่ผู้นำจีนเสนอควรต้องให้แต้มต่อประเทศยากจนถึงจะเป็นธรรม
    .
    การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ปิดฉากลงด้วยการรับรองปฏิญญาคาซาน 2024 ซึ่งเป็นคำประกาศแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก BRICS โดยมีแผนที่จะยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสหประชาชาติด้วย เนื้อหาระบุไว้4หัวข้อหลัก
    .
    หนึ่ง-ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลกเช่นองค์การการค้าโลก คัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวที่เลือกปฏิบัติและการคุ้มครองทางการค้า รวมทั้งเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้เป็นตัวแทนประเทศทั่วโลกมากขึ้น
    .
    สอง-โครงการของ BRICS ริเริ่มใหม่ (BRICS Initiative) ด้านศักยภาพเทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัลและเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB)ของBRICS แทนธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่ล้มเหลวต่อการพัฒนาประเทศ Global South รวมถึงการทำแพลตฟอร์มใหม่ๆพัฒนาเศรษฐกิจ ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ BRICS ClearแทนระบบSWIFTของตะวันตก และร่วมมือการพัฒนายารักษาโรครวมทั้งวัคซีนและโครงการ เวชศาสตร์นิวเคลียร์
    .
    สาม-การขยายความร่วมมือของ BRICS โดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่นประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS+ และพันธมิตรทางการค้า ดำเนินยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
    .
    สี่-วิกฤตการณ์โลกที่ BRICS ต่อต้าน ประณามการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติ คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธ รวมถึงปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติและข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจาเท่านั้น
    .
    ทั้งหมดนี้ จีน รัสเซีย ในฐานะแกนนำมหาอำนาจขั้วโลกใหม่ จะเป็นผู้นำวางกฎระเบียบโลกใหม่ และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์เชิงภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงสภาพการขับเคี่ยวกันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจกลุ่ม Global North และ Global South สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่กำลังจะสั่นสะเทือนอนาคตของระเบียบโลกเก่า
    ปฏิญญา BRICS นับหนึ่งระเบียบโลกหลายขั้ว . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ขึ้น โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเจ้าภาพ กลุ่ม BRICS กำลังสร้างระเบียบโลกใหม่ขึ้นอีกระบบหนึ่งที่มีขั้วอำนาจหลายขั้ว ที่นำโดย 5 ประเทศก่อตั้ง คือ จีน รัสเซีย แอฟริกาใต้ บราซิล และ อินเดีย กับสมาชิกถาวรอีก 4 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ เอธิโอเปีย ได้จับมือรวมกลุ่มกับประเทศซีกโลกใต้ ที่เขาเรียกว่า Global South ที่เป็นประเทศพันธมิตรหุ้นส่วนอีก 13 ประเทศ มีแอลจีเรีย เบราลุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกินสถาน เวียดนาม และ ประเทศไทย . ด้วยเหตุนี้ นักประวัติศาสตร์และสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล ทอดด์ ได้เรียกการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 16 นี้ว่าเป็นชัยชนะของรัสเซีย และเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับของตะวันตก ซึ่งขณะนี้ก็ยังดื้อด้าน ไม่ยอมรับ และแสดงอำนาจบาตรใหญ่ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของประเทศที่แสดงความปรารถนาจะใกล้ชิดกับรัสเซีย . ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พูดถึงระเบียบโลกใหม่ที่BRICS สร้างเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มความร่วมมือที่หลากหลายในหลายมิติ ไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์หรือบูรณาการเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ ให้ความสำคัญ Global South โลกใต้ที่เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน,BRICS Peaceใช้กลไกสันติภาพยุติสงครามความขัดแย้ง,นวัตกรรมของBRICS Innovationเพื่ออนาคตเปิดพรมแดนใหม่ๆเพื่อมนุษยชาติ,Green BRICS ซึ่งจีนเป็นเจ้าโลกเทคโนโลยีสีเขียวและรถไฟฟ้าตอบโจทย์แก้โลกร้อน Climate Change และประเด็น Justices&Humanity BRICSที่ผู้นำจีนเสนอควรต้องให้แต้มต่อประเทศยากจนถึงจะเป็นธรรม . การประชุมสุดยอดของผู้นำ BRICS ปิดฉากลงด้วยการรับรองปฏิญญาคาซาน 2024 ซึ่งเป็นคำประกาศแถลงการณ์ร่วมของสมาชิก BRICS โดยมีแผนที่จะยื่นเอกสารดังกล่าวต่อสหประชาชาติด้วย เนื้อหาระบุไว้4หัวข้อหลัก . หนึ่ง-ความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันระดับโลกเช่นองค์การการค้าโลก คัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวที่เลือกปฏิบัติและการคุ้มครองทางการค้า รวมทั้งเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้เป็นตัวแทนประเทศทั่วโลกมากขึ้น . สอง-โครงการของ BRICS ริเริ่มใหม่ (BRICS Initiative) ด้านศักยภาพเทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัลและเปลี่ยนแปลงเพิ่มบทบาทธนาคารพัฒนาแห่งใหม่ (NDB)ของBRICS แทนธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟที่ล้มเหลวต่อการพัฒนาประเทศ Global South รวมถึงการทำแพลตฟอร์มใหม่ๆพัฒนาเศรษฐกิจ ระบบชำระเงินระหว่างประเทศ BRICS ClearแทนระบบSWIFTของตะวันตก และร่วมมือการพัฒนายารักษาโรครวมทั้งวัคซีนและโครงการ เวชศาสตร์นิวเคลียร์ . สาม-การขยายความร่วมมือของ BRICS โดยการใช้สกุลเงินท้องถิ่นประจำชาติในการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิก BRICS+ และพันธมิตรทางการค้า ดำเนินยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ . สี่-วิกฤตการณ์โลกที่ BRICS ต่อต้าน ประณามการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เลือกปฏิบัติ คัดค้านการนำอาวุธไปใช้ในอวกาศ และสนับสนุนการเสริมสร้างระบอบการไม่แพร่ขยายอาวุธ รวมถึงปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของปาเลสไตน์ในสหประชาชาติและข้อเสนอในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้งโดยผ่านการเจรจาเท่านั้น . ทั้งหมดนี้ จีน รัสเซีย ในฐานะแกนนำมหาอำนาจขั้วโลกใหม่ จะเป็นผู้นำวางกฎระเบียบโลกใหม่ และได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์เชิงภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงสภาพการขับเคี่ยวกันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่จะทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจกลุ่ม Global North และ Global South สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่กำลังจะสั่นสะเทือนอนาคตของระเบียบโลกเก่า
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน
    .
    วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
    .
    "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย
    .
    หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ
    .
    แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน"
    .
    คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ
    .
    นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ
    .
    พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน
    .
    คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน . วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด . "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย . หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ . แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน" . คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ . นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ . พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน . คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 636 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม

    มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง

    แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน

    ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544

    แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น

    #Newskit #เกาะกูด
    ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544 แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น #Newskit #เกาะกูด
    Like
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts