• เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม
    “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม”

    (1)

    ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ

    ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา

    Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว

    ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง

    นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว

    เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก

    นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน
    เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร

    ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย

    แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว

    อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว

    หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ

    (2)

    ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน

    ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย

    แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น
    ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น

    เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย

    Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย

    คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน

    แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 เม.ย. 2558
    เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม” (1) ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ (2) ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง
    “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง”

    (1)

    คนรักจากลา ตอนชะตาของพี่ตกต่ำ… เรื่องอย่างนี้ใครไม่เคยเจอ คงไม่รู้ว่ามันชอกช้ำขนาดไหน ผมได้ยินเสียงร้องแบบนี้เป็นภาษาตุรกี หลายเดือนมาแล้ว แต่ไม่นึกว่า ใครจะทิ้งนักไต่ลวด จอมเล่นเกมเสียวของผมได้ลงคอ โดยเฉพาะ ไอ้พวกที่หลอกใช้นักไต่ลวดมากว่า 60 ปีอย่างอเมริกา นึกว่าเขาแค่งอนกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ก็เห็น ตาโอ ยังกอดคอเล่าเรื่องตลกให้ลุงเออ Erdogan ท่านประธานาธิบดี ของตุรกี หัวร่อกันงอหาย อยู่ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนน้ำต้มผักยังหวาน

    แต่เมื่อต้นปี หลังฉลองปีใหม่ไปไม่ถึงเดือน ทางวอชิงตันก็มีการทบทวนความสัมพันธ์ กับนักไต่ลวด ที่นับวันจะแตกต่าง ห่างกันออกไปเรื่อยๆ

    นาย Michael Werz นักวิเคราะห์อาวุโส ของถังขยะความคิด Center for American Progress ให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์ของนักล่ากับนักไต่ลวดว่า

    ” มันก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่กันมานานแล้วน่ะนะ ไม่มีอะไรให้หวือหวา ซู่ซ่า เหมือนเดิม มีแต่เรื่องบ่นใส่กัน ที่แย่คือ เอาเรื่องในที่ลับมาเล่าในที่แจ้ง โพนทะนา ให้คนนอกฟังนั่นแหละ” ฮั่นแน่ แสดงว่ามีเรื่องไม่เอาไหน บ่มิไก๋ ปิดไว้แยะล่ะซีท่า

    อเมริกาไม่พอใจที่ตุรกีไม่เล่นบทผู้นำในการปราบพวก ISIL ไม่พอใจที่ตุรกี ปฏิบัติตัวไม่ได้ตามมาตรฐานของสมาชิกนาโต้ แต่ที่อเมริกาไม่พอใจที่สุด คือ ที่เข้าไปใช้ฐานทัพที่ Incirlik ไม่ได้ตามต้องการ Incirlik เป็นฐานทัพที่อเมริกาอ้างว่าเป็นของตน แต่ฐานทัพนี้อยู่ในตุรกีนะครับ สมันน้อยอ่านแล้ว ก็คิดถึงเรื่อง อู่ตะเภา ตาคลี ฯลฯ เอาไว้บ้าง อยู่ในบ้านเราแท้ๆ หวังว่าเขาไม่คิดว่าเป็นของเขา นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเราก็ดันยอม….

    “ความเชื่อใจที่มีต่อกัน กำลังจางหายลงไปทุกวัน ” ถังความคิดพล่ามต่อ ” เราจึงต้องประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับตุรกีใหม่ แม้ว่าเราจะนับเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้มันต้องแยกเป็นเรื่องๆ แล้ว”

    เป็นการพล่ามที่ได้ผลมาก หลังจากฟังอเมริกา ให้ถังขยะ ด่าลอยลมมาในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ นักไต่ลวดจอมเล่นเกมเสียว ก็เลยเล่นเสียวกลับ
    จำได้ไหมครับ ผมเคยเล่าให้ฟังว่าตุรกี คิดจะมีระบบป้องกันการยิงจรวดวิถี ไกล (long range air and missile defense system) ซึ่งอเมริกาค้านนักหนา ว่าเอามาทำไม นาโต้ก็มีอยู่แล้ว แต่ตุรกีไม่ชอบใช้จมูกคนอื่นหายใจ จึงเปิดให้มีการประมูล ตั้งแต่ปี 2009 ปรากฏว่าระบบของจีนเข้าสเป็คที่สุด กะจะประกาศผลตั้งแต่ ปี 2013 แต่ตุรกี ก็ทั้งชลอ ทั้งเลื่อนการประกาศผล ไปเรื่อยๆ การประกาศจะเลือกระบบของจีน แต่ชลอการประกาศไปเรื่อยๆ นับเป็นความสุดเก๋า ของนักไต่ลวด ที่มีวิธีลองใจแฟน

    ก็ได้ผลอย่างที่อยากลอง ถูกเขาด่า ทั้งใส่หน้า และลอยลมมาตลอดว่า จะไม่เข้ากับระบบของนาโต้ และจะทำให้ความลับของนาโต้รั่วไหลไปถึงจีน (เป็นไปตามแผน แต่ไม่รู้แผนใคร ! )

    ล่าสุด ตุรกีว่าจะประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เงียบไป คงยังตัดใจไม่ได้ ว่าจะเอาไงดีกับแฟน 60 ปี สงสัย เจอถังขยะลอยมาใส่เข้า เลยตัดใจได้

    ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกี Ismet Yilmaz ทำหนังสือแจ้งไปยังสภาว่า ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย(นานแล้ว)คร้าบ ของจีนเหมาะที่สุดคร้าบ

    ข่าวว่า มีคนเอาหน้าไปแจ้ง อาเฮีย อาเฮียได้แต่หัวร่อฮาๆ สั่งเด็กให้ไปซื้อยาล้างตาเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะได้ดูนาโต้แก้ผ้า แถมซื้อเผื่อคุณพี่ปูของผมด้วย เพราะจะได้ดูด้วยกัน ซานุกดีเนอะ

    (2)

    นึกว่านักไต่ลวดจะมีฤทธิ์เพียงเท่านี้หรือ รู้จักนักไต่ลวดน้อยไปซะแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคม คุณลุงเออโดวาน Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ก็แวะไปเยี่ยมกษัตริย์ซาลมาน Salman แห่งซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่ใช่ไปเยี่ยมด้วยความรักใคร่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง เยี่ยมเสร็จ สื่อตีข่าวกันใหญ่ว่า สัมพันธ์ระหว่าง ตุรกี กับ ซาอุดิ กำลังขึ้นหน้าใหม่ Turkey – Saudi relations turn ‘a new page’

    ตุรกีกับซาอุดิ มีเรื่องคาใจค้างกันอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอียิปต์ ตุรกีนั้น หนุนอดีตประธานาธิบดี Morsi ของ Muslim Brotherhood ที่เพิ่งถูกปลด ส่วนซาอุดิหนุน Fattah el-Sisi ที่ขึ้นมาเป็นแทน ซาอุดิไม่ชอบกลุ่ม Muslim Brotherhood แต่ระยะหลังเริ่มเสียงอ่อน

    ประเด็นใหญ่ของการไปเยี่ยม ข่าวบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องอียิปต์ กับ “เรื่องอื่นๆ” ที่ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน

    เรื่องอื่นๆ หมายถึงเรื่องอะไร

    ตะวันออกกลาง ร้อนระอุไม่หยุด และน่าจะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ

    สิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้า กลางเดือนเมษายน การเจรจาเรื่องอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะต้องจบ อิหร่านเป็นหนามตำใจ ซาอุดิที่สุด ซาอุดิกำลังคิดว่า อเมริกาจะกลับไปคืนดีกับอิหร่าน แฟนเก่า และทอดทิ้งซาอุดิให้สู้รบ กับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางอย่างเดียวดาย ( เอะ น่าจะเปลี่ยนชื่อ นิทานตอนนี้ ว่า ชมรมคนถูกแฟนทิ้ง อาจจะเหมาะกว่า )
    ฉะนั้น ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าตอนนี้ ที่ตุรกีนักไต่ลวด ผู้ชอบเล่นเกมเสียว จะไปคุยกับซาอุดิเรื่องอิหร่าน ตุรกีอาจจะไปบี้ให้ซาอุดิให้เจ็บหนักขึ้น หรือจะไปชวนให้ซาอุดิถีบแฟนทิ้ง เหมือนอย่างที่ตุรกีกำลัง (คิด) ทำอยู่

    แค่ตุรกีไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา ไม่ให้อเมริกาไปซ่าอยู่ที่ฐานทัพ Incirlik อเมริกาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ถ้าตุรกีไม่หยุดแค่นั้น ถ้าตุรกีหันมาอยู่ฝ่ายรัสเซีย จีนเต็มตัว อเมริกาจะเป็นอย่างไร!?

    และถ้าสิ้นเดือนนี้ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลว ภายในกลางเดือนเมษายนรัฐสภาอเมริกัน จะต้องลงมติว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านต่อหรือไม่ ถ้าคว่ำกันต่ออีก รับรองได้เห็นอิหร่านยืนเรียงแถวอยู่ฟากเดียวกับรัสเซีย จีน แน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้น ตุรกีตัดใจเลิกเล่นเสียวกับอเมริกาแน่นอน และมายืนจับมือกับอิหร่านแทน

    สัมพันธ์พิเศษระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี เป็นเรื่องที่อเมริกาจับตามองอยู่ตลอดเวลา อเมริกาพยายามทุกอย่าง ที่จะให้ทั้ง 3 ประเทศจับมือกันไม่ติด เพราะถ้าจับกันติดเมื่อไหร่ หมายถึงประตูเข้าไปในตะวันออกกลางของอเมริกา น่าจะถูกปิดตาย

    และถ้าเป็นอย่างนั้น ซาอุดิจะย่อมร้อนระอุ รอเวลาอเมริกา(ไม่) มาอุ้ม หรือ อยากจะเปลี่ยน มาอยู่ทีมไต่ลวดกับเขาบ้าง แหม แค่คิดก็กลุ้มแทน จะเล่นเป็นหรือ พวกเสี่ยน้ำมัน เท้าไม่แตะดิน!

    ท่านผู้อ่านนิทานก็เหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่อ่านอย่างเดียว ตามดูสถานการณ์กันบ้าง ถ้ามันพลิกไปทางที่ผม “ถ้า” เอาไว้ ก็เตรียมตัวกันบ้างแล้วกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 มีค. 2558
    เรื่อง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” (1) คนรักจากลา ตอนชะตาของพี่ตกต่ำ… เรื่องอย่างนี้ใครไม่เคยเจอ คงไม่รู้ว่ามันชอกช้ำขนาดไหน ผมได้ยินเสียงร้องแบบนี้เป็นภาษาตุรกี หลายเดือนมาแล้ว แต่ไม่นึกว่า ใครจะทิ้งนักไต่ลวด จอมเล่นเกมเสียวของผมได้ลงคอ โดยเฉพาะ ไอ้พวกที่หลอกใช้นักไต่ลวดมากว่า 60 ปีอย่างอเมริกา นึกว่าเขาแค่งอนกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ก็เห็น ตาโอ ยังกอดคอเล่าเรื่องตลกให้ลุงเออ Erdogan ท่านประธานาธิบดี ของตุรกี หัวร่อกันงอหาย อยู่ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนน้ำต้มผักยังหวาน แต่เมื่อต้นปี หลังฉลองปีใหม่ไปไม่ถึงเดือน ทางวอชิงตันก็มีการทบทวนความสัมพันธ์ กับนักไต่ลวด ที่นับวันจะแตกต่าง ห่างกันออกไปเรื่อยๆ นาย Michael Werz นักวิเคราะห์อาวุโส ของถังขยะความคิด Center for American Progress ให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์ของนักล่ากับนักไต่ลวดว่า ” มันก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่กันมานานแล้วน่ะนะ ไม่มีอะไรให้หวือหวา ซู่ซ่า เหมือนเดิม มีแต่เรื่องบ่นใส่กัน ที่แย่คือ เอาเรื่องในที่ลับมาเล่าในที่แจ้ง โพนทะนา ให้คนนอกฟังนั่นแหละ” ฮั่นแน่ แสดงว่ามีเรื่องไม่เอาไหน บ่มิไก๋ ปิดไว้แยะล่ะซีท่า อเมริกาไม่พอใจที่ตุรกีไม่เล่นบทผู้นำในการปราบพวก ISIL ไม่พอใจที่ตุรกี ปฏิบัติตัวไม่ได้ตามมาตรฐานของสมาชิกนาโต้ แต่ที่อเมริกาไม่พอใจที่สุด คือ ที่เข้าไปใช้ฐานทัพที่ Incirlik ไม่ได้ตามต้องการ Incirlik เป็นฐานทัพที่อเมริกาอ้างว่าเป็นของตน แต่ฐานทัพนี้อยู่ในตุรกีนะครับ สมันน้อยอ่านแล้ว ก็คิดถึงเรื่อง อู่ตะเภา ตาคลี ฯลฯ เอาไว้บ้าง อยู่ในบ้านเราแท้ๆ หวังว่าเขาไม่คิดว่าเป็นของเขา นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเราก็ดันยอม…. “ความเชื่อใจที่มีต่อกัน กำลังจางหายลงไปทุกวัน ” ถังความคิดพล่ามต่อ ” เราจึงต้องประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับตุรกีใหม่ แม้ว่าเราจะนับเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้มันต้องแยกเป็นเรื่องๆ แล้ว” เป็นการพล่ามที่ได้ผลมาก หลังจากฟังอเมริกา ให้ถังขยะ ด่าลอยลมมาในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ นักไต่ลวดจอมเล่นเกมเสียว ก็เลยเล่นเสียวกลับ จำได้ไหมครับ ผมเคยเล่าให้ฟังว่าตุรกี คิดจะมีระบบป้องกันการยิงจรวดวิถี ไกล (long range air and missile defense system) ซึ่งอเมริกาค้านนักหนา ว่าเอามาทำไม นาโต้ก็มีอยู่แล้ว แต่ตุรกีไม่ชอบใช้จมูกคนอื่นหายใจ จึงเปิดให้มีการประมูล ตั้งแต่ปี 2009 ปรากฏว่าระบบของจีนเข้าสเป็คที่สุด กะจะประกาศผลตั้งแต่ ปี 2013 แต่ตุรกี ก็ทั้งชลอ ทั้งเลื่อนการประกาศผล ไปเรื่อยๆ การประกาศจะเลือกระบบของจีน แต่ชลอการประกาศไปเรื่อยๆ นับเป็นความสุดเก๋า ของนักไต่ลวด ที่มีวิธีลองใจแฟน ก็ได้ผลอย่างที่อยากลอง ถูกเขาด่า ทั้งใส่หน้า และลอยลมมาตลอดว่า จะไม่เข้ากับระบบของนาโต้ และจะทำให้ความลับของนาโต้รั่วไหลไปถึงจีน (เป็นไปตามแผน แต่ไม่รู้แผนใคร ! ) ล่าสุด ตุรกีว่าจะประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เงียบไป คงยังตัดใจไม่ได้ ว่าจะเอาไงดีกับแฟน 60 ปี สงสัย เจอถังขยะลอยมาใส่เข้า เลยตัดใจได้ ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกี Ismet Yilmaz ทำหนังสือแจ้งไปยังสภาว่า ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย(นานแล้ว)คร้าบ ของจีนเหมาะที่สุดคร้าบ ข่าวว่า มีคนเอาหน้าไปแจ้ง อาเฮีย อาเฮียได้แต่หัวร่อฮาๆ สั่งเด็กให้ไปซื้อยาล้างตาเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะได้ดูนาโต้แก้ผ้า แถมซื้อเผื่อคุณพี่ปูของผมด้วย เพราะจะได้ดูด้วยกัน ซานุกดีเนอะ (2) นึกว่านักไต่ลวดจะมีฤทธิ์เพียงเท่านี้หรือ รู้จักนักไต่ลวดน้อยไปซะแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคม คุณลุงเออโดวาน Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ก็แวะไปเยี่ยมกษัตริย์ซาลมาน Salman แห่งซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่ใช่ไปเยี่ยมด้วยความรักใคร่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง เยี่ยมเสร็จ สื่อตีข่าวกันใหญ่ว่า สัมพันธ์ระหว่าง ตุรกี กับ ซาอุดิ กำลังขึ้นหน้าใหม่ Turkey – Saudi relations turn ‘a new page’ ตุรกีกับซาอุดิ มีเรื่องคาใจค้างกันอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอียิปต์ ตุรกีนั้น หนุนอดีตประธานาธิบดี Morsi ของ Muslim Brotherhood ที่เพิ่งถูกปลด ส่วนซาอุดิหนุน Fattah el-Sisi ที่ขึ้นมาเป็นแทน ซาอุดิไม่ชอบกลุ่ม Muslim Brotherhood แต่ระยะหลังเริ่มเสียงอ่อน ประเด็นใหญ่ของการไปเยี่ยม ข่าวบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องอียิปต์ กับ “เรื่องอื่นๆ” ที่ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน เรื่องอื่นๆ หมายถึงเรื่องอะไร ตะวันออกกลาง ร้อนระอุไม่หยุด และน่าจะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ สิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้า กลางเดือนเมษายน การเจรจาเรื่องอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะต้องจบ อิหร่านเป็นหนามตำใจ ซาอุดิที่สุด ซาอุดิกำลังคิดว่า อเมริกาจะกลับไปคืนดีกับอิหร่าน แฟนเก่า และทอดทิ้งซาอุดิให้สู้รบ กับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางอย่างเดียวดาย ( เอะ น่าจะเปลี่ยนชื่อ นิทานตอนนี้ ว่า ชมรมคนถูกแฟนทิ้ง อาจจะเหมาะกว่า ) ฉะนั้น ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าตอนนี้ ที่ตุรกีนักไต่ลวด ผู้ชอบเล่นเกมเสียว จะไปคุยกับซาอุดิเรื่องอิหร่าน ตุรกีอาจจะไปบี้ให้ซาอุดิให้เจ็บหนักขึ้น หรือจะไปชวนให้ซาอุดิถีบแฟนทิ้ง เหมือนอย่างที่ตุรกีกำลัง (คิด) ทำอยู่ แค่ตุรกีไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา ไม่ให้อเมริกาไปซ่าอยู่ที่ฐานทัพ Incirlik อเมริกาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ถ้าตุรกีไม่หยุดแค่นั้น ถ้าตุรกีหันมาอยู่ฝ่ายรัสเซีย จีนเต็มตัว อเมริกาจะเป็นอย่างไร!? และถ้าสิ้นเดือนนี้ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลว ภายในกลางเดือนเมษายนรัฐสภาอเมริกัน จะต้องลงมติว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านต่อหรือไม่ ถ้าคว่ำกันต่ออีก รับรองได้เห็นอิหร่านยืนเรียงแถวอยู่ฟากเดียวกับรัสเซีย จีน แน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้น ตุรกีตัดใจเลิกเล่นเสียวกับอเมริกาแน่นอน และมายืนจับมือกับอิหร่านแทน สัมพันธ์พิเศษระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี เป็นเรื่องที่อเมริกาจับตามองอยู่ตลอดเวลา อเมริกาพยายามทุกอย่าง ที่จะให้ทั้ง 3 ประเทศจับมือกันไม่ติด เพราะถ้าจับกันติดเมื่อไหร่ หมายถึงประตูเข้าไปในตะวันออกกลางของอเมริกา น่าจะถูกปิดตาย และถ้าเป็นอย่างนั้น ซาอุดิจะย่อมร้อนระอุ รอเวลาอเมริกา(ไม่) มาอุ้ม หรือ อยากจะเปลี่ยน มาอยู่ทีมไต่ลวดกับเขาบ้าง แหม แค่คิดก็กลุ้มแทน จะเล่นเป็นหรือ พวกเสี่ยน้ำมัน เท้าไม่แตะดิน! ท่านผู้อ่านนิทานก็เหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่อ่านอย่างเดียว ตามดูสถานการณ์กันบ้าง ถ้ามันพลิกไปทางที่ผม “ถ้า” เอาไว้ ก็เตรียมตัวกันบ้างแล้วกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 มีค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง สันดาน
    “สันดาน”

    (1)

    ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล

    ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้!

    ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน…

    ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ

    แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ

    ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น

    ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”)

    รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ
    เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า

    คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง

    คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู

    (2)

    เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา
    ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง

    คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก

    ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน

    ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง

    เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋

    อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ

    แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ)

    เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ
    เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย)

    คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ:

    “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ”

    ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ

    สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน

    ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ

    แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง

    1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล

    คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ

    2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว
    สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า

    3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย

    ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง

    4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา

    รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง

    5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด

    วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน

    เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 กพ. 2558

    ####################
    เอกสารประกอบ
    FRUS
    https://www.dropbox.com/s/
    เรื่อง สันดาน “สันดาน” (1) ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้! ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน… ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”) รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู (2) เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋ อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ) เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย) คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ: “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ” ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง 1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ 2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า 3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง 4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง 5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 กพ. 2558 #################### เอกสารประกอบ FRUS https://www.dropbox.com/s/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI กับสิ่งแวดล้อม: ใช้พลังงานมหาศาล แต่ก็ช่วยโลกได้ใน 5 วิธี

    แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกวิจารณ์ว่าใช้พลังงานและน้ำมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่รองรับการประมวลผลขั้นสูง แต่บทความจาก The Star ชี้ให้เห็นว่า AI ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายภาคส่วนได้เช่นกัน

    นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเสนอ 5 วิธีที่ AI สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ตั้งแต่การจัดการพลังงานในอาคาร ไปจนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมันและการจราจร

    สรุป 5 วิธีที่ AI ช่วยสิ่งแวดล้อม

    1️⃣ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร
    วิธีการทำงาน
    AI ปรับแสงสว่าง อุณหภูมิ และการระบายอากาศตามสภาพอากาศและการใช้งานจริง
    คาดว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ 10–30%
    ระบบอัตโนมัติช่วยลดการเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์เกินความจำเป็น

    คำเตือน
    หากระบบ AI ขัดข้อง อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิผิดพลาด
    ต้องมีการบำรุงรักษาเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอย่างสม่ำเสมอ

    2️⃣ จัดการการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
    วิธีการทำงาน
    AI กำหนดเวลาชาร์จ EV และสมาร์ตโฟนให้เหมาะกับช่วงที่ไฟฟ้าถูกและสะอาด
    ลดการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

    คำเตือน
    ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบ grid และข้อมูลราคาพลังงานแบบเรียลไทม์
    หากข้อมูลไม่แม่นยำ อาจชาร์จผิดเวลาและเพิ่มค่าไฟ

    3️⃣ ลดมลพิษจากการผลิตน้ำมันและก๊าซ
    วิธีการทำงาน
    AI วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด
    ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ปล่อยก๊าซน้อยลง
    ใช้ machine learning เพื่อคาดการณ์และป้องกันการรั่วไหล

    คำเตือน
    ข้อมูลจากอุตสาหกรรมอาจไม่เปิดเผยทั้งหมด ทำให้ AI วิเคราะห์ไม่ครบ
    การพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์อาจเสี่ยงต่อความผิดพลาด

    4️⃣ ควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน
    วิธีการทำงาน
    AI วิเคราะห์การจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อปรับสัญญาณไฟให้รถติดน้อยลง
    ลดการจอดรอและการเร่งเครื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน
    ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ในเมืองใหญ่

    คำเตือน
    ต้องมีระบบกล้องและเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมทั่วเมือง
    หากระบบล่ม อาจทำให้การจราจรแย่ลงกว่าเดิม

    5️⃣ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบ HVAC และอุปกรณ์อื่นๆ
    วิธีการทำงาน
    AI ตรวจจับความผิดปกติในระบบก่อนเกิดความเสียหาย
    ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ
    ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว

    คำเตือน
    ต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ที่แม่นยำ
    หากไม่ calibrate ระบบอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิด false alarm หรือพลาดการแจ้งเตือนจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/ai-can-help-the-environment-even-though-it-uses-tremendous-energy-here-are-5-ways-how
    🌱 AI กับสิ่งแวดล้อม: ใช้พลังงานมหาศาล แต่ก็ช่วยโลกได้ใน 5 วิธี แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะถูกวิจารณ์ว่าใช้พลังงานและน้ำมหาศาล โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่รองรับการประมวลผลขั้นสูง แต่บทความจาก The Star ชี้ให้เห็นว่า AI ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายภาคส่วนได้เช่นกัน นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเสนอ 5 วิธีที่ AI สามารถช่วยสิ่งแวดล้อมได้ ตั้งแต่การจัดการพลังงานในอาคาร ไปจนถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตน้ำมันและการจราจร 🔍 สรุป 5 วิธีที่ AI ช่วยสิ่งแวดล้อม 1️⃣ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI ปรับแสงสว่าง อุณหภูมิ และการระบายอากาศตามสภาพอากาศและการใช้งานจริง ➡️ คาดว่าช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ 10–30% ➡️ ระบบอัตโนมัติช่วยลดการเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์เกินความจำเป็น ‼️ คำเตือน ⛔ หากระบบ AI ขัดข้อง อาจทำให้การควบคุมอุณหภูมิผิดพลาด ⛔ ต้องมีการบำรุงรักษาเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอย่างสม่ำเสมอ 2️⃣ จัดการการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI กำหนดเวลาชาร์จ EV และสมาร์ตโฟนให้เหมาะกับช่วงที่ไฟฟ้าถูกและสะอาด ➡️ ลดการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการเชื่อมต่อกับระบบ grid และข้อมูลราคาพลังงานแบบเรียลไทม์ ⛔ หากข้อมูลไม่แม่นยำ อาจชาร์จผิดเวลาและเพิ่มค่าไฟ 3️⃣ ลดมลพิษจากการผลิตน้ำมันและก๊าซ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI วิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ➡️ ช่วยปรับปรุงกระบวนการให้ปล่อยก๊าซน้อยลง ➡️ ใช้ machine learning เพื่อคาดการณ์และป้องกันการรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ ข้อมูลจากอุตสาหกรรมอาจไม่เปิดเผยทั้งหมด ทำให้ AI วิเคราะห์ไม่ครบ ⛔ การพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบจากมนุษย์อาจเสี่ยงต่อความผิดพลาด 4️⃣ ควบคุมสัญญาณไฟจราจรเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI วิเคราะห์การจราจรแบบเรียลไทม์เพื่อปรับสัญญาณไฟให้รถติดน้อยลง ➡️ ลดการจอดรอและการเร่งเครื่องที่สิ้นเปลืองพลังงาน ➡️ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ในเมืองใหญ่ ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีระบบกล้องและเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมทั่วเมือง ⛔ หากระบบล่ม อาจทำให้การจราจรแย่ลงกว่าเดิม 5️⃣ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบ HVAC และอุปกรณ์อื่นๆ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ AI ตรวจจับความผิดปกติในระบบก่อนเกิดความเสียหาย ➡️ ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติ ➡️ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระยะยาว ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ที่แม่นยำ ⛔ หากไม่ calibrate ระบบอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิด false alarm หรือพลาดการแจ้งเตือนจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/24/ai-can-help-the-environment-even-though-it-uses-tremendous-energy-here-are-5-ways-how
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI can help the environment, even though it uses tremendous energy. Here are 5 ways how
    Artificial intelligence has caused concern for its tremendous consumptionof water and power. But scientists are also experimenting with ways that AI can help people and businesses use energy more efficiently and pollute less.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • GM ปฏิวัติระบบรถยนต์: ใช้ Gemini แทน CarPlay และ Android Auto ภายในปี 2026

    General Motors (GM) ประกาศแผนการครั้งใหญ่ในการยกเลิกการรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ในรถยนต์ทุกประเภท ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน เพื่อเปิดทางให้กับ Gemini — ระบบผู้ช่วย AI จาก Google ที่จะถูกฝังเข้าไปในรถยนต์ของ GM ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป

    Gemini จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ที่สามารถโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อน และเชื่อมโยงกับข้อมูลของรถแบบเรียลไทม์ เช่น การแจ้งเตือนซ่อมบำรุง การวางแผนเส้นทาง หรือแม้แต่การตอบคำถามเกี่ยวกับสถานที่ที่กำลังขับผ่าน เช่น “สะพานนี้มีประวัติอย่างไร”

    ระบบใหม่นี้จะถูกอัปเดตผ่าน OTA (Over-the-Air) ผ่าน Google Play Store สำหรับรถยนต์ที่มีระบบ OnStar ตั้งแต่รุ่นปี 2015 ขึ้นไป โดย GM ยืนยันว่าจะให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนตัวอย่างเต็มที่ หลังจากเคยถูกวิจารณ์เรื่องการแชร์ข้อมูลกับบริษัทประกันภัย

    Gemini ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผู้ช่วยเสียง แต่เป็นก้าวแรกสู่แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ที่ GM พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งจะรองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคตภายในปี 2028

    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ GM
    ยกเลิกการรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
    แทนที่ด้วย Gemini — ผู้ช่วย AI จาก Google
    เริ่มใช้งานในรถยนต์ทุกประเภทตั้งแต่ปี 2026

    ความสามารถของ Gemini
    โต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ เข้าใจคำสั่งซับซ้อน
    เชื่อมโยงกับข้อมูลรถแบบเรียลไทม์
    ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานที่หรือฟังก์ชันของรถ
    แจ้งเตือนซ่อมบำรุงและช่วยวางแผนเส้นทาง

    การอัปเดตและการรองรับ
    อัปเดตผ่าน OTA ผ่าน Google Play Store
    รองรับรถยนต์ที่มี OnStar ตั้งแต่ปี 2015 ขึ้นไป
    ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้

    แผนระยะยาวของ GM
    พัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ของตนเอง
    เตรียมเปิดตัวระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติภายในปี 2028

    https://securityonline.info/gm-bets-on-ai-gemini-to-replace-carplay-android-auto-in-all-cars-by-2026/
    🚗 GM ปฏิวัติระบบรถยนต์: ใช้ Gemini แทน CarPlay และ Android Auto ภายในปี 2026 General Motors (GM) ประกาศแผนการครั้งใหญ่ในการยกเลิกการรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ในรถยนต์ทุกประเภท ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน เพื่อเปิดทางให้กับ Gemini — ระบบผู้ช่วย AI จาก Google ที่จะถูกฝังเข้าไปในรถยนต์ของ GM ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป Gemini จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ที่สามารถโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อน และเชื่อมโยงกับข้อมูลของรถแบบเรียลไทม์ เช่น การแจ้งเตือนซ่อมบำรุง การวางแผนเส้นทาง หรือแม้แต่การตอบคำถามเกี่ยวกับสถานที่ที่กำลังขับผ่าน เช่น “สะพานนี้มีประวัติอย่างไร” ระบบใหม่นี้จะถูกอัปเดตผ่าน OTA (Over-the-Air) ผ่าน Google Play Store สำหรับรถยนต์ที่มีระบบ OnStar ตั้งแต่รุ่นปี 2015 ขึ้นไป โดย GM ยืนยันว่าจะให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลส่วนตัวอย่างเต็มที่ หลังจากเคยถูกวิจารณ์เรื่องการแชร์ข้อมูลกับบริษัทประกันภัย Gemini ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผู้ช่วยเสียง แต่เป็นก้าวแรกสู่แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ที่ GM พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งจะรองรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคตภายในปี 2028 ✅ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ GM ➡️ ยกเลิกการรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ➡️ แทนที่ด้วย Gemini — ผู้ช่วย AI จาก Google ➡️ เริ่มใช้งานในรถยนต์ทุกประเภทตั้งแต่ปี 2026 ✅ ความสามารถของ Gemini ➡️ โต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ เข้าใจคำสั่งซับซ้อน ➡️ เชื่อมโยงกับข้อมูลรถแบบเรียลไทม์ ➡️ ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานที่หรือฟังก์ชันของรถ ➡️ แจ้งเตือนซ่อมบำรุงและช่วยวางแผนเส้นทาง ✅ การอัปเดตและการรองรับ ➡️ อัปเดตผ่าน OTA ผ่าน Google Play Store ➡️ รองรับรถยนต์ที่มี OnStar ตั้งแต่ปี 2015 ขึ้นไป ➡️ ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้ ✅ แผนระยะยาวของ GM ➡️ พัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ของตนเอง ➡️ เตรียมเปิดตัวระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติภายในปี 2028 https://securityonline.info/gm-bets-on-ai-gemini-to-replace-carplay-android-auto-in-all-cars-by-2026/
    SECURITYONLINE.INFO
    GM Bets on AI: Gemini to Replace CarPlay/Android Auto in All Cars by 2026
    GM is integrating Google Gemini into all vehicles by 2026, creating a natural-language AI assistant and phasing out both Apple CarPlay and Android Auto.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • พฤติกรรมกระทรวงการต่างประเทศไทยและอดีตรัฐบาลที่ผ่านๆมาไม่เคยทวงคืนดินแดนและอธิปไตยไทยตรงจุดนี้อย่างจริงจังเลย.
    ..การเมืองในรูปแบบปกตินี้คือรัฐบาลยุคปัจจุบันถือว่าไร้ฝีมือและศักยภาพทั้งหมด ทำไปทำมาตัวพ่อเหมือนกันที่บัดสบกับเขมรเหี้ยนี้ด้วย,ไปยอมรับ1:200,000ตามเขมรในmou43,44อีก,ไปร่วมเจรจากับอาชญากรสงครามที่จงใจยิงระเบิดฆ่าเด็กๆฆ่าประชาชนคนไทยอีก,ไร้จิตสำนึกจัดการอาชญากรแบบเขมรชัดเจน,มีกลิ่นเน่าเหม็นกับเขมรด้วย,เกาหลีใต้ยังแสดงบทบาทชัดเจน,รัฐบาลชุดนี้ถือว่าเทา ไม่บริสุทธิ์สมควรยุบอำนาจตนไปสะ.,อย่าถ่วงความถูกต้องดีงามและความเจริญของคนไทยเลย,ต้องพักงานภาคการเมืองของนักการเมืองทั้งหมดถือว่าสอบตกทั้งระบบในการดูแลปกครองประเทศไทยตัังแต่ปี2475มาถึงปัจจุบัน,สมบัติชาติเอย ทรัพยากรมีค่ามากมายทั่วประเทศล้วนตกไปในมือของประเทศต่างชาติและเอกชนต่างชาติหมด,เอกชนไทยก็เลวชั่วผูกขาดความมั่งคั่งร่ำรวยไปกับต่างชาติด้วย ตย.ชัดเจนคือบ่อน้ำมันและบ่อทองคำบนแผ่นดินไทย เรา..ประเทศไทยถูกพวกมันยึดครองหมด.,ทหารเลวชั่วไร้จิตสำนึกก็ทำชั่วเลวกับมันด้วย,ไม่แน่คือพวกอำมาตย์คณะกบฎ2475นี้ล่ะ.,ที่สืบทอดความอัปรีย์บัดสบถึงปัจจุบัน,เรา..ประชาชนคนไทยไม่ต้องการระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และก็ไม่ต้องการระบบคอมมิวนิสต์เผด็จการแบบจีนด้วยเช่นกันหรือระบบประชาธิปไตยส่งออกปลอมๆของฝรั่งเหมือนกันดั่งในปัจจุบันนี้,ระบบประชาธิปไตยของนายทุน อำนวยเอื้อนายทุนชัดเจนกว่าเป็นประโยชน์ของประชาชน,เรา..ประเทศไทยต้องออกแบบระบบปกครองเราใหม่จริงๆ,ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะจักรวาลสมควรเป็นต้นแบบของโลกบนแผ่นดินไทยเรานี้,ประชาชนเป็นกษัตริย์ปกครองโลกใบนี้ร่วมกัน มีหัวหน้ากษัตริย์ที่ทรงธรรมนำพาปกครองโลกนี้ ย่อมาคือประเทศไทยเรา,คุณสมบัติ ถ้าวิชาไม่มี บรรลุหยั่งเห็นในธรรม ในวิชาคุณวิเศษทางธรรม อย่าลิมาขึ้นนำพาปกครองประเทศ ตาทิพย์หูทิพย์อ่านจิตอ่านใจประชาชนต้องได้คุณนี้ แสดงว่าดีจริงจึงผ่านคุณวิชานี้ได้,รู้สมควรชอบดีชั่วงามจึงผ่านวิชานี้ได้และได้ครองวิชานี้เบื้องต้น,เพราะเมื่อขึ้นปกครอง จะนำพาประชาชนมีวิชานี้ยิ่งๆขึ้นไปด้วย มีหูทิพย์ตาทิพย์อ่านใจทางทิพย์ มนุษย์เราจะเคารพกันบนพื้นฐานแห่งธรรมทันที ธรรมจะปกครองควบคุมเรากันเองทั่วโลก,โลกจะเต็มด้วยแสงสว่างแห่งธรรม การก้าวล่วงในทางชั่วเลวแก่กันและกันจะไม่มีในหมู่มนุษย์โลกเราใบนี้ทันที,มารเลวชั่วเข้ามาในโลก มวลชาวโลกก็พร้อมสามัคคีพลังจิตพลังใจร่วมต่อสู้ได้สบาย,สันติสุขจะเกิดจริงแก่ทุกๆคน,ปัจจุบันผู้นำผู้ปกครองโลกไม่มีสิ่งนี้เลย ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศนั้นๆทั้งหมดหากหยิบตรงจุดนี้มาพิจารณากันจริงๆ ล้วนขาดคุณสมบัติ การปกครองจึงเลว เป็นผีเป็นครึ่งอสูร ,เรา..ประชาชนต้องสร้างมาตราฐานนี้,การเมืองไทยจึงยิ่งยุบไป มีแต่พวกชั่วเลวละโมบโลภในอำนาจอยากมีอำนาจเพื่อให้ตนและพวกพ้องเลวมีทางหาแดกทางชั่วเลวและสะดวกผ่านระบบกฎหมายที่ตนเขียนขึ้นเองแบบกฎหมายลักษณะต่างๆเช่นผีบ้ากฎหมายปิโตรเลียม ลามไปmou43,44สดๆร้อนๆในแบบปัจจุบันที่ร่วมกันขายชาติขายแผ่นดินในทางชั่วเลวโดยกระทรวงการต่างประเทศไทยล้วนเห็นตำจาลึกทุกๆรายละเอียดหมดล่ะ เสือก1:200,000ก็ชัดเจนว่าเสียดินแดนให้เขมรแน่นอนยังเสือกจะไปเจรจามันอีก,สรุป ยึดทรัพย์สินพวกเกี่ยวข้องกับmou43,44นี้ทั้งหมดก่อน ใครดำเนินการร่วมในเรื่องmouยึดทรัพย์สินเงินทองไว้ก่อนหมด มาแจ้งพิสูจน์ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์นั้นทีหลัง,หากเงินทองทรัพย์สินใดแจ้งที่มาที่ไปไม่ได้ จะถูกยึดและอายัดทันที,พวกจะเปิดด่านเอย ออกมาปกป้องให้ใช้mou43,44ใช้1:200,000ต้องยึดทรัยพ์สินเงินทองก่อนทั้งหมดคือชุดแรกทันที

    https://youtube.com/shorts/9nzZrC1cL2Q?si=XnZf_AE0IMY4_AEk
    พฤติกรรมกระทรวงการต่างประเทศไทยและอดีตรัฐบาลที่ผ่านๆมาไม่เคยทวงคืนดินแดนและอธิปไตยไทยตรงจุดนี้อย่างจริงจังเลย. ..การเมืองในรูปแบบปกตินี้คือรัฐบาลยุคปัจจุบันถือว่าไร้ฝีมือและศักยภาพทั้งหมด ทำไปทำมาตัวพ่อเหมือนกันที่บัดสบกับเขมรเหี้ยนี้ด้วย,ไปยอมรับ1:200,000ตามเขมรในmou43,44อีก,ไปร่วมเจรจากับอาชญากรสงครามที่จงใจยิงระเบิดฆ่าเด็กๆฆ่าประชาชนคนไทยอีก,ไร้จิตสำนึกจัดการอาชญากรแบบเขมรชัดเจน,มีกลิ่นเน่าเหม็นกับเขมรด้วย,เกาหลีใต้ยังแสดงบทบาทชัดเจน,รัฐบาลชุดนี้ถือว่าเทา ไม่บริสุทธิ์สมควรยุบอำนาจตนไปสะ.,อย่าถ่วงความถูกต้องดีงามและความเจริญของคนไทยเลย,ต้องพักงานภาคการเมืองของนักการเมืองทั้งหมดถือว่าสอบตกทั้งระบบในการดูแลปกครองประเทศไทยตัังแต่ปี2475มาถึงปัจจุบัน,สมบัติชาติเอย ทรัพยากรมีค่ามากมายทั่วประเทศล้วนตกไปในมือของประเทศต่างชาติและเอกชนต่างชาติหมด,เอกชนไทยก็เลวชั่วผูกขาดความมั่งคั่งร่ำรวยไปกับต่างชาติด้วย ตย.ชัดเจนคือบ่อน้ำมันและบ่อทองคำบนแผ่นดินไทย เรา..ประเทศไทยถูกพวกมันยึดครองหมด.,ทหารเลวชั่วไร้จิตสำนึกก็ทำชั่วเลวกับมันด้วย,ไม่แน่คือพวกอำมาตย์คณะกบฎ2475นี้ล่ะ.,ที่สืบทอดความอัปรีย์บัดสบถึงปัจจุบัน,เรา..ประชาชนคนไทยไม่ต้องการระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และก็ไม่ต้องการระบบคอมมิวนิสต์เผด็จการแบบจีนด้วยเช่นกันหรือระบบประชาธิปไตยส่งออกปลอมๆของฝรั่งเหมือนกันดั่งในปัจจุบันนี้,ระบบประชาธิปไตยของนายทุน อำนวยเอื้อนายทุนชัดเจนกว่าเป็นประโยชน์ของประชาชน,เรา..ประเทศไทยต้องออกแบบระบบปกครองเราใหม่จริงๆ,ระบบธรรมาธิปไตย ธรรมะจักรวาลสมควรเป็นต้นแบบของโลกบนแผ่นดินไทยเรานี้,ประชาชนเป็นกษัตริย์ปกครองโลกใบนี้ร่วมกัน มีหัวหน้ากษัตริย์ที่ทรงธรรมนำพาปกครองโลกนี้ ย่อมาคือประเทศไทยเรา,คุณสมบัติ ถ้าวิชาไม่มี บรรลุหยั่งเห็นในธรรม ในวิชาคุณวิเศษทางธรรม อย่าลิมาขึ้นนำพาปกครองประเทศ ตาทิพย์หูทิพย์อ่านจิตอ่านใจประชาชนต้องได้คุณนี้ แสดงว่าดีจริงจึงผ่านคุณวิชานี้ได้,รู้สมควรชอบดีชั่วงามจึงผ่านวิชานี้ได้และได้ครองวิชานี้เบื้องต้น,เพราะเมื่อขึ้นปกครอง จะนำพาประชาชนมีวิชานี้ยิ่งๆขึ้นไปด้วย มีหูทิพย์ตาทิพย์อ่านใจทางทิพย์ มนุษย์เราจะเคารพกันบนพื้นฐานแห่งธรรมทันที ธรรมจะปกครองควบคุมเรากันเองทั่วโลก,โลกจะเต็มด้วยแสงสว่างแห่งธรรม การก้าวล่วงในทางชั่วเลวแก่กันและกันจะไม่มีในหมู่มนุษย์โลกเราใบนี้ทันที,มารเลวชั่วเข้ามาในโลก มวลชาวโลกก็พร้อมสามัคคีพลังจิตพลังใจร่วมต่อสู้ได้สบาย,สันติสุขจะเกิดจริงแก่ทุกๆคน,ปัจจุบันผู้นำผู้ปกครองโลกไม่มีสิ่งนี้เลย ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศนั้นๆทั้งหมดหากหยิบตรงจุดนี้มาพิจารณากันจริงๆ ล้วนขาดคุณสมบัติ การปกครองจึงเลว เป็นผีเป็นครึ่งอสูร ,เรา..ประชาชนต้องสร้างมาตราฐานนี้,การเมืองไทยจึงยิ่งยุบไป มีแต่พวกชั่วเลวละโมบโลภในอำนาจอยากมีอำนาจเพื่อให้ตนและพวกพ้องเลวมีทางหาแดกทางชั่วเลวและสะดวกผ่านระบบกฎหมายที่ตนเขียนขึ้นเองแบบกฎหมายลักษณะต่างๆเช่นผีบ้ากฎหมายปิโตรเลียม ลามไปmou43,44สดๆร้อนๆในแบบปัจจุบันที่ร่วมกันขายชาติขายแผ่นดินในทางชั่วเลวโดยกระทรวงการต่างประเทศไทยล้วนเห็นตำจาลึกทุกๆรายละเอียดหมดล่ะ เสือก1:200,000ก็ชัดเจนว่าเสียดินแดนให้เขมรแน่นอนยังเสือกจะไปเจรจามันอีก,สรุป ยึดทรัพย์สินพวกเกี่ยวข้องกับmou43,44นี้ทั้งหมดก่อน ใครดำเนินการร่วมในเรื่องmouยึดทรัพย์สินเงินทองไว้ก่อนหมด มาแจ้งพิสูจน์ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์นั้นทีหลัง,หากเงินทองทรัพย์สินใดแจ้งที่มาที่ไปไม่ได้ จะถูกยึดและอายัดทันที,พวกจะเปิดด่านเอย ออกมาปกป้องให้ใช้mou43,44ใช้1:200,000ต้องยึดทรัยพ์สินเงินทองก่อนทั้งหมดคือชุดแรกทันที https://youtube.com/shorts/9nzZrC1cL2Q?si=XnZf_AE0IMY4_AEk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ถึงเวลาย้ายภาระ! กฎหมายคุกกี้ควรควบคุมเบราว์เซอร์ ไม่ใช่โยนภาระให้เว็บไซต์อีกต่อไป”

    ทุกวันนี้เวลาเราเข้าเว็บไซต์ใหม่ ๆ สิ่งแรกที่เจอไม่ใช่เนื้อหาที่เราต้องการอ่าน แต่คือ “แบนเนอร์คุกกี้” ที่เด้งขึ้นมาทุกครั้ง พร้อมปุ่ม “Accept All” หรือ “Manage Preferences” ที่ซับซ้อนและน่ารำคาญสุด ๆ

    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจาก “อะไร” แต่เกิดจาก “ใคร” คือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น GDPR และ CCPA ที่มีเจตนาดี ต้องการให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ แต่กลับวางภาระไว้ที่ “เว็บไซต์” แทนที่จะเป็น “เบราว์เซอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือกลางที่ทุกคนใช้เข้าถึงเว็บ

    ลองนึกภาพว่า ถ้าเราต้องอนุญาตให้รถยนต์ใช้ล้อหรือน้ำมันทุกครั้งก่อนขับ มันจะน่ารำคาญแค่ไหน? นั่นแหละคือสิ่งที่เราทำอยู่บนอินเทอร์เน็ตทุกวัน

    แนวคิดที่เสนอคือ ให้เบราว์เซอร์เป็นตัวกลางในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น เลือกได้ตั้งแต่ “เฉพาะข้อมูลจำเป็น”, “วิเคราะห์การใช้งาน”, หรือ “โฆษณาแบบเฉพาะบุคคล” แล้วเบราว์เซอร์จะเป็นคนจัดการให้ทุกเว็บไซต์ทำตามโดยอัตโนมัติ

    ข้อดีคือ ผู้ใช้จะได้ประสบการณ์ที่สะอาดขึ้น ไม่ต้องคลิกแบนเนอร์ซ้ำ ๆ ส่วนเว็บไซต์ก็ไม่ต้องเสียเงินจ้างทีมกฎหมายหรือใช้ปลั๊กอินราคาแพงเพื่อให้ comply กับกฎหมาย และที่สำคัญคือ หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบเบราว์เซอร์ไม่กี่ตัวได้ง่ายกว่าการไล่ตรวจเว็บไซต์นับล้าน

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีความพยายามทำ “Do Not Track” มาก่อน แต่ล้มเหลวเพราะเว็บไซต์ไม่ยอมทำตาม แต่ถ้ากฎหมายบังคับให้เบราว์เซอร์ต้องเคารพการตั้งค่าของผู้ใช้จริง ๆ ก็จะเปลี่ยนเกมได้เลย

    ปัญหาของระบบคุกกี้ปัจจุบัน
    ผู้ใช้ต้องคลิกแบนเนอร์คุกกี้ซ้ำ ๆ ทุกเว็บไซต์
    เว็บไซต์ต้องลงทุนในระบบจัดการคุกกี้ที่ซับซ้อน
    การยินยอมกลายเป็นแค่ “พิธีกรรม” ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
    ผู้ใช้มักคลิก “Accept All” เพื่อให้เข้าเว็บได้เร็ว ๆ

    แนวคิดใหม่: ย้ายการควบคุมไปที่เบราว์เซอร์
    ผู้ใช้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวครั้งเดียวในเบราว์เซอร์
    เบราว์เซอร์จะบังคับใช้การตั้งค่านั้นกับทุกเว็บไซต์
    ลดภาระให้เว็บไซต์ ไม่ต้องสร้างแบนเนอร์หรือระบบจัดการคุกกี้
    หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบเบราว์เซอร์ได้ง่ายกว่าเว็บไซต์

    ตัวอย่างการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในเบราว์เซอร์
    “เฉพาะข้อมูลจำเป็น” – ใช้เฉพาะคุกกี้ที่จำเป็นต่อการทำงานของเว็บไซต์
    “วิเคราะห์การใช้งาน” – อนุญาตให้เก็บข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตน
    “โฆษณาแบบเฉพาะบุคคล” – อนุญาตให้ใช้ข้อมูลเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ
    “กำหนดเอง” – ผู้ใช้เลือกได้ละเอียดตามประเภทข้อมูล

    ประโยชน์ของระบบใหม่
    ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต้องเจอแบนเนอร์
    เว็บไซต์ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการ comply
    ระบบมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
    ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเว็บไซต์ใหญ่กับเว็บไซต์เล็ก

    https://nednex.com/en/the-internets-biggest-annoyance-why-cookie-laws-should-target-browsers-not-websites/
    🧩 “ถึงเวลาย้ายภาระ! กฎหมายคุกกี้ควรควบคุมเบราว์เซอร์ ไม่ใช่โยนภาระให้เว็บไซต์อีกต่อไป” ทุกวันนี้เวลาเราเข้าเว็บไซต์ใหม่ ๆ สิ่งแรกที่เจอไม่ใช่เนื้อหาที่เราต้องการอ่าน แต่คือ “แบนเนอร์คุกกี้” ที่เด้งขึ้นมาทุกครั้ง พร้อมปุ่ม “Accept All” หรือ “Manage Preferences” ที่ซับซ้อนและน่ารำคาญสุด ๆ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจาก “อะไร” แต่เกิดจาก “ใคร” คือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น GDPR และ CCPA ที่มีเจตนาดี ต้องการให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ แต่กลับวางภาระไว้ที่ “เว็บไซต์” แทนที่จะเป็น “เบราว์เซอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือกลางที่ทุกคนใช้เข้าถึงเว็บ ลองนึกภาพว่า ถ้าเราต้องอนุญาตให้รถยนต์ใช้ล้อหรือน้ำมันทุกครั้งก่อนขับ มันจะน่ารำคาญแค่ไหน? นั่นแหละคือสิ่งที่เราทำอยู่บนอินเทอร์เน็ตทุกวัน แนวคิดที่เสนอคือ ให้เบราว์เซอร์เป็นตัวกลางในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น เลือกได้ตั้งแต่ “เฉพาะข้อมูลจำเป็น”, “วิเคราะห์การใช้งาน”, หรือ “โฆษณาแบบเฉพาะบุคคล” แล้วเบราว์เซอร์จะเป็นคนจัดการให้ทุกเว็บไซต์ทำตามโดยอัตโนมัติ ข้อดีคือ ผู้ใช้จะได้ประสบการณ์ที่สะอาดขึ้น ไม่ต้องคลิกแบนเนอร์ซ้ำ ๆ ส่วนเว็บไซต์ก็ไม่ต้องเสียเงินจ้างทีมกฎหมายหรือใช้ปลั๊กอินราคาแพงเพื่อให้ comply กับกฎหมาย และที่สำคัญคือ หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบเบราว์เซอร์ไม่กี่ตัวได้ง่ายกว่าการไล่ตรวจเว็บไซต์นับล้าน แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีความพยายามทำ “Do Not Track” มาก่อน แต่ล้มเหลวเพราะเว็บไซต์ไม่ยอมทำตาม แต่ถ้ากฎหมายบังคับให้เบราว์เซอร์ต้องเคารพการตั้งค่าของผู้ใช้จริง ๆ ก็จะเปลี่ยนเกมได้เลย ✅ ปัญหาของระบบคุกกี้ปัจจุบัน ➡️ ผู้ใช้ต้องคลิกแบนเนอร์คุกกี้ซ้ำ ๆ ทุกเว็บไซต์ ➡️ เว็บไซต์ต้องลงทุนในระบบจัดการคุกกี้ที่ซับซ้อน ➡️ การยินยอมกลายเป็นแค่ “พิธีกรรม” ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล ➡️ ผู้ใช้มักคลิก “Accept All” เพื่อให้เข้าเว็บได้เร็ว ๆ ✅ แนวคิดใหม่: ย้ายการควบคุมไปที่เบราว์เซอร์ ➡️ ผู้ใช้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวครั้งเดียวในเบราว์เซอร์ ➡️ เบราว์เซอร์จะบังคับใช้การตั้งค่านั้นกับทุกเว็บไซต์ ➡️ ลดภาระให้เว็บไซต์ ไม่ต้องสร้างแบนเนอร์หรือระบบจัดการคุกกี้ ➡️ หน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบเบราว์เซอร์ได้ง่ายกว่าเว็บไซต์ ✅ ตัวอย่างการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในเบราว์เซอร์ ➡️ “เฉพาะข้อมูลจำเป็น” – ใช้เฉพาะคุกกี้ที่จำเป็นต่อการทำงานของเว็บไซต์ ➡️ “วิเคราะห์การใช้งาน” – อนุญาตให้เก็บข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตน ➡️ “โฆษณาแบบเฉพาะบุคคล” – อนุญาตให้ใช้ข้อมูลเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ ➡️ “กำหนดเอง” – ผู้ใช้เลือกได้ละเอียดตามประเภทข้อมูล ✅ ประโยชน์ของระบบใหม่ ➡️ ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต้องเจอแบนเนอร์ ➡️ เว็บไซต์ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการ comply ➡️ ระบบมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเว็บไซต์ใหญ่กับเว็บไซต์เล็ก https://nednex.com/en/the-internets-biggest-annoyance-why-cookie-laws-should-target-browsers-not-websites/
    NEDNEX.COM
    The Internet's Biggest Annoyance:Why Cookie Laws Should Target Browsers, Not Websites | NEDNEX
    Save and Share: Click. Ugh. Another one. You know the drill. You land on a new website, eager to read an article or check a product price, and before the page even finishes loading, it appears: the dreaded cookie banner. A pop-up, a slide-in, a full-screen overlay demanding you “Accept All,” “Manage Preferences,” or navigate… Continue reading The Internet’s Biggest Annoyance:Why Cookie Laws Should Target Browsers, Not Websites
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีคะคุณอาสนธิ🙏🏾"หนูเห็นข่าวจีนจะมาปรามสแกมเมอร์ที่กัมพูชา จะปรามได้จริงๆเหรอคราวก่อนก็มาบ้านเราไปที่พม่าขนกลับไป5หมื่นคน ต่อมามีศูนย์ใหญ่ที่กัมพูชากับพม่าเหมือนเดิมแบบนี้มันคืออะไรกัน หลับตาข้างหนึ่งหรือเปล่า จริงๆส่งพวกนี้มาบ่อนทำลายความมั่นคงในเอเซียแล้วก็เอาเงินสกปรกมาให้ นกม.หนุนอยู่ข้างหลังไหมเพราะถ้าปรามจริงป่านี้น่าจะหมดไปแล้วนะหนูสงสัยว่าเขากำลังเล่นบทอะไรอยู่ "มังกรกับอีแร้งพวกเดียวกันหรือเปล่า เห็นว่ามังกรปรามทุจริตคอรัปชั่นแต่!!!!"มาเฟียเต็มไปหมด ทั่วทุกวงการ ไทยมามีศึกคราวนี้มองเห็นอะไรๆชัดขึ้นเยอะเลยจริงๆแล้วมีแต่คนต้องการผลประโยชน์จากเรา ไม่มีมิตรจริงๆที่คบได้เลย มังกรไปทำเหมืองที่พม่าก็ปล่อยสารเคมีลงแม่น้ำเรา ทางเหนือใช้น้ำไม่ได้เลยอันตรายปนเปื้อนสัตว์น้ำตายเกลื่อน เขาสร้างเขื่อนเหนือแม่น้ำโขงวันดีคืนดีก็ปล่อยน้ำมาท่วมเรามาช่วงหลังๆทางเหนือน้ำท่วมผิดปกติเวลาแล้งเดินเล่นได้เลยไม่ปล่อยน้ำให้ประเทศท้ายน้ำได้ใช้เลย ตอนนี้ทั้งมังกร&อีแร้งแทรกแซงไทยมาตลอดตั้งแต่รบเขมรส่งอาวุธให้เขมรอีกต่างหากเป็นแบบนี้ไงเราถึงไม่ควรอยู่ข้างใครทั้งสิ้นยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง แต่"นกม มันเอาแต่ผลประโยชน์พวกมันน่ะซิ เขาส่งอาวุธให้เขมรๆมันถึงท้าเรารบตลอดเวลาเพราะมีพี่ใหญ่หนุน ส่วนไอกันก็อยากได้แหล่งน้ำมันแก๊สในอ่าวไทยเรา แล้วคนไทยมันก็ตัดแผ่นดินขายซะด้วยหนูฟังชาวเวียดนามเขาคุยกันถึงสยามประเทศไทยฟังแล้วยัง งง?ส่วนมังกรถ้าไม่ได้เราก็ทำลายทิ้งซะเลยแบบนั้นไหมปล่อยน้ำมาท่วมให้มันไม่ฟื้นเลย มาตอนนี้เห็นคนจีนเขาคุยกันว่าชนชั้นนำจะฆ่าใครก็ได้....มีนายกคนหนึ่งพูดว่าฆ่าคนเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่งเท่านั้นแคร์ทำไม?คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้นำ ""หนูว่าคอมมิวนิสต์ฯนี้ก็ไม่ไหวนะ ใครวิจารณ์ คนอยู่ในความหวาดกลัว"ส่วนอีแร้งก็ไม่แพ้กันเผด็จการสุดขั้วไปเลย แค่โพตส์ด่าปธน.ตำรวจไปยิงตายถึงบ้านเลย ตอนนี้ไม่รู้ประเทศไทยยังไว้ใจใครได้อีกบ้างไหม??
    สวัสดีคะคุณอาสนธิ🙏🏾"หนูเห็นข่าวจีนจะมาปรามสแกมเมอร์ที่กัมพูชา จะปรามได้จริงๆเหรอคราวก่อนก็มาบ้านเราไปที่พม่าขนกลับไป5หมื่นคน ต่อมามีศูนย์ใหญ่ที่กัมพูชากับพม่าเหมือนเดิมแบบนี้มันคืออะไรกัน หลับตาข้างหนึ่งหรือเปล่า จริงๆส่งพวกนี้มาบ่อนทำลายความมั่นคงในเอเซียแล้วก็เอาเงินสกปรกมาให้ นกม.หนุนอยู่ข้างหลังไหมเพราะถ้าปรามจริงป่านี้น่าจะหมดไปแล้วนะหนูสงสัยว่าเขากำลังเล่นบทอะไรอยู่ "มังกรกับอีแร้งพวกเดียวกันหรือเปล่า เห็นว่ามังกรปรามทุจริตคอรัปชั่นแต่!!!!🙄"มาเฟียเต็มไปหมด ทั่วทุกวงการ ไทยมามีศึกคราวนี้มองเห็นอะไรๆชัดขึ้นเยอะเลยจริงๆแล้วมีแต่คนต้องการผลประโยชน์จากเรา ไม่มีมิตรจริงๆที่คบได้เลย มังกรไปทำเหมืองที่พม่าก็ปล่อยสารเคมีลงแม่น้ำเรา ทางเหนือใช้น้ำไม่ได้เลยอันตรายปนเปื้อนสัตว์น้ำตายเกลื่อน เขาสร้างเขื่อนเหนือแม่น้ำโขงวันดีคืนดีก็ปล่อยน้ำมาท่วมเรามาช่วงหลังๆทางเหนือน้ำท่วมผิดปกติเวลาแล้งเดินเล่นได้เลยไม่ปล่อยน้ำให้ประเทศท้ายน้ำได้ใช้เลย ตอนนี้ทั้งมังกร&อีแร้งแทรกแซงไทยมาตลอดตั้งแต่รบเขมรส่งอาวุธให้เขมรอีกต่างหากเป็นแบบนี้ไงเราถึงไม่ควรอยู่ข้างใครทั้งสิ้นยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง แต่"นกม มันเอาแต่ผลประโยชน์พวกมันน่ะซิ เขาส่งอาวุธให้เขมรๆมันถึงท้าเรารบตลอดเวลาเพราะมีพี่ใหญ่หนุน ส่วนไอกันก็อยากได้แหล่งน้ำมันแก๊สในอ่าวไทยเรา แล้วคนไทยมันก็ตัดแผ่นดินขายซะด้วยหนูฟังชาวเวียดนามเขาคุยกันถึงสยามประเทศไทยฟังแล้วยัง งง?ส่วนมังกรถ้าไม่ได้เราก็ทำลายทิ้งซะเลยแบบนั้นไหมปล่อยน้ำมาท่วมให้มันไม่ฟื้นเลย มาตอนนี้เห็นคนจีนเขาคุยกันว่าชนชั้นนำจะฆ่าใครก็ได้....มีนายกคนหนึ่งพูดว่าฆ่าคนเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่งเท่านั้นแคร์ทำไม?😯คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้นำ ""หนูว่าคอมมิวนิสต์ฯนี้ก็ไม่ไหวนะ ใครวิจารณ์💀 คนอยู่ในความหวาดกลัว🤐"ส่วนอีแร้งก็ไม่แพ้กันเผด็จการสุดขั้วไปเลย แค่โพตส์ด่าปธน.ตำรวจไปยิงตายถึงบ้านเลย ตอนนี้ไม่รู้ประเทศไทยยังไว้ใจใครได้อีกบ้างไหม??😔
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศักดิ์สิทธิที่สำคัญของศาสนาอิสลาม

    ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความแตกต่างกันมาก ระหว่างผู้ครองประเทศกับประชาชนทั่วไป แม้จะมีการเพิ่มสวัสดิการต่างๆ แต่ช่องว่างก็ยังห่างกันมาก

    รายงานสรุปได้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ไม่ใช่แต่ทางซาอุดิอารเบียเท่านั้น ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง อเมริกาเอง ก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี จากการเลือกตั้งเช่นกัน และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็กำลังจะมาพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2016 นี้

    รายงานยังระบุอีกว่า ทุกประเทศคงต้องเจอกับการท้าทาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มันมีหลายมุมของอนาคต ที่เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ และเราก็มักต้องใช้วิธีคิด ในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ซาอุดิอารเบียเป็นประเทศที่ทันสมัยแล้วในหลายด้าน และการเมืองภายในประเทศของซาอุดิ ในขณะที่น่าสนใจ ก็มีความไม่แน่นอน แต่นั่นคงจะไม่ใช่เป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในทางนโยบายและบทบาทของซาอุดิอารเบีย ในฐานะพันธมิตรของอเมริกา

    อเมริกาหมายความว่าอะไร อเมริกากำลังสื่ออะไร

    แปลความระหว่างบันทัด อเมริกากำลังบอกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่าง อเมริกากับซาอุดิอารเบีย มันไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนกษัตริย์หรอก แต่มาจากปัจจัยภายนอกตัวอื่น เตียงเราไม่ได้หัก เราไม่ได้โกรธกัน แต่เราอาจจำเป็นต้องใช้อะไรอื่นแทนเตียงของซาอุดิ อย่างนั้นหรือ ?!

    70 ปี ก่อนของซาอุดิอารเบีย กับสภาพปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย ย่อมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งซาอุดิอารเบียในปี 2050 ที่จะมีประชากรถึง จำนวน 40 ล้านคน แต่อาจมีน้ำมันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ถูกใช้อย่างไม่ถนอม อเมริกาคงคิดหนัก อเมริกาคงไม่อยากรับภาระเกินรายได้ มันเป็นเรื่องปรกติตามสันดานของนักล่า ที่ไม่ชอบบัญชีตัวแดง

    อเมริกากำลังคิดเล่นเกม เลือกม้าต้วที่วิ่งเร็วสุด ในราคาถูกที่สุด และกำไรมากที่สุดหรือเปล่า?!

    อเมริกาปฏิบัติการคว่ำบาตรอิหร่าน นานถึงเกือบ 30 ปี ด้วยข้อหาอะไร ด้วยข้อหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
    ผ่านมาเกือบ 30 ปี ถ้าอิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริ ง และน่าจะจริง อิหร่านคงพัฒนาใกล้จะเสร็จ หรือเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีสมาชิกสภาของอเมริกัน กำลังเตรียมเสนอเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาบอกว่า ไม่สมควร เพราะเรากำลังเจรจากับอิหร่านอยู่ ดังนั้นถ้ามีการเสนอเข้าสภามาเมื่อไหร่ เขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีคัดค้าน เป็นสุภาพบุรุษ ผิดนิสัยนักล่า!

    อืม แปลว่า จริงๆแล้ว อเมริกาไม่เดือดร้อนที่อิหร่าน จะมีอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาแค่ต้องการปิดประเทศอิหร่าน ไม่ให้ใครมายุ่งกับแหล่งน้ำมันอิหร่าน จนกว่าจะถึงเวลาที่อเมริกา จะเป็นผู้มาเปิดแหล่งน้ำมันใช้ต่อเอง เมื่อแหล่งอื่นร่อยหรอ หรือไม่คุ้มค่า อย่างนั้นหรือไม่

    ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า อเมริกาปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ แผ่อิทธิพลในตะวันออกกลาง คุมอิรัค ให้ท้ายซีเรีย จับมือกับตุรกี โอบอุ้ม Hezbollah และสนับสนุนให้อิหร่านกลายเป็นพี่ใหญ่ ของตะวันออกกลาง ด้วยความเห็นชอบของอเมริกาและอิหร่านเอง ผลคือ อเมริกาไม่ต้องออกแรงดูแลตะวันออกกลาง ให้เหนื่อยและหนักกระเป๋าตัวเองและเป็นเป้า ให้ประชาชนของตนด่า

    ส่วนในด้านพลังงาน แม้ตัวเลขของ US Energy Information ปัจจุบันจะระบุว่า ซาอุดิอารเบีย มี reserves มากกว่า อิหร่าน (ซาอุดิ 266 พันล้าน บาเรล : อิหร่าน 157 พันล้าน บาเรล) แต่อิหร่านยังมีแหล่งพลังงาน ที่ยังไม่เปิดเผยอีกมากมาย ซ่อนอยู่ และอีกประการที่สำคัญ การใช้พลังงานของทั้ง 2 ประเทศ ก็ต่างกันมาก (ซาอุดิ 2.9 ล้านบาเรลต่อวัน : อิหร่าน 1.75 ล้านบาเรลต่อวัน)

    แต่ประโยชน์ที่อเมริกาจะได้ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าดึงอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากกลุ่มรัสเซียได้ แนวต้านของรัสเซียจีน ในตะวันออกกลางจะโหว่ทันที และนั่นคือ เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกา

    มันเป็นเกมที่อเมริกาไม่มีเสีย มีแต่ได้ หรือเสมอตัวเท่านั้นเอง เปลี่ยน จากใช้หมากซาอุดิอารเบีย เป็น หมากชื่อ อิหร่าน

    ซื้ออิหร่านได้ รัสเซียจีนก็เหนื่อย อาจถึงจบเกม ถ้าอเมริกาซื้อไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซาอุดิไปไหนรอด มีทางเดียวคือ ไปทางตะวันออก จับมือกับจีน เกมนี้ ซาอุดิเล่นทันไหม สงสัยตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไป อเมริกาไม่เคยนึกถึงจิตใจใครจริงๆ เวลาที่อเมริกาจะถีบหัวทิ้งหรอก เพราะสัมพันธ์ของอเมริกา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น อาจจะมียกเว้นกับกลุ่ม Anglo Saxon ด้วยกัน โดยเฉพาะอังกฤษเท่านั้น

    สำหรับเราๆ ก็คอยจับตาดู ถ้าอเมริกาคิดเล่นเกมนี้ และอิหร่านไม่เอาด้วย รับรอง ดอกเห็ดบานเร็วแน่ แต่ถ้าอิหร่านเอาด้วย เราก็คงลงต้องรู และคงไม่โผล่หัวอีกเลย เพรา ถ้าอเมริกาซื้ออิหร่านได้ กระดูกอ่อนๆ อย่างสมันน้อย จะเหลืออะไร

    แต่ถ้าจะให้ดี อิหร่านก็ไม่เอาอเมริกา และซาอุดิอารเบียก็รู้สึกเบื่อกับ marriage for covenience ที่อีกฝ่าย ชักจะเล่นเล่ห์หันเหไปทางอื่นมากกว่า ก็น่าลองมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่ ด้วยการคบเพื่อนใหม่ และถีบเตียงเก่าทิ้งเสียด้วย แต่สงสัยว่า ผมคงฝันดีเกินไป !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 มค. 2558
    ศักดิ์สิทธิที่สำคัญของศาสนาอิสลาม ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความแตกต่างกันมาก ระหว่างผู้ครองประเทศกับประชาชนทั่วไป แม้จะมีการเพิ่มสวัสดิการต่างๆ แต่ช่องว่างก็ยังห่างกันมาก รายงานสรุปได้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ไม่ใช่แต่ทางซาอุดิอารเบียเท่านั้น ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง อเมริกาเอง ก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี จากการเลือกตั้งเช่นกัน และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็กำลังจะมาพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2016 นี้ รายงานยังระบุอีกว่า ทุกประเทศคงต้องเจอกับการท้าทาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มันมีหลายมุมของอนาคต ที่เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ และเราก็มักต้องใช้วิธีคิด ในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ซาอุดิอารเบียเป็นประเทศที่ทันสมัยแล้วในหลายด้าน และการเมืองภายในประเทศของซาอุดิ ในขณะที่น่าสนใจ ก็มีความไม่แน่นอน แต่นั่นคงจะไม่ใช่เป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในทางนโยบายและบทบาทของซาอุดิอารเบีย ในฐานะพันธมิตรของอเมริกา อเมริกาหมายความว่าอะไร อเมริกากำลังสื่ออะไร แปลความระหว่างบันทัด อเมริกากำลังบอกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่าง อเมริกากับซาอุดิอารเบีย มันไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนกษัตริย์หรอก แต่มาจากปัจจัยภายนอกตัวอื่น เตียงเราไม่ได้หัก เราไม่ได้โกรธกัน แต่เราอาจจำเป็นต้องใช้อะไรอื่นแทนเตียงของซาอุดิ อย่างนั้นหรือ ?! 70 ปี ก่อนของซาอุดิอารเบีย กับสภาพปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย ย่อมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งซาอุดิอารเบียในปี 2050 ที่จะมีประชากรถึง จำนวน 40 ล้านคน แต่อาจมีน้ำมันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ถูกใช้อย่างไม่ถนอม อเมริกาคงคิดหนัก อเมริกาคงไม่อยากรับภาระเกินรายได้ มันเป็นเรื่องปรกติตามสันดานของนักล่า ที่ไม่ชอบบัญชีตัวแดง อเมริกากำลังคิดเล่นเกม เลือกม้าต้วที่วิ่งเร็วสุด ในราคาถูกที่สุด และกำไรมากที่สุดหรือเปล่า?! อเมริกาปฏิบัติการคว่ำบาตรอิหร่าน นานถึงเกือบ 30 ปี ด้วยข้อหาอะไร ด้วยข้อหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผ่านมาเกือบ 30 ปี ถ้าอิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริ ง และน่าจะจริง อิหร่านคงพัฒนาใกล้จะเสร็จ หรือเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีสมาชิกสภาของอเมริกัน กำลังเตรียมเสนอเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาบอกว่า ไม่สมควร เพราะเรากำลังเจรจากับอิหร่านอยู่ ดังนั้นถ้ามีการเสนอเข้าสภามาเมื่อไหร่ เขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีคัดค้าน เป็นสุภาพบุรุษ ผิดนิสัยนักล่า! อืม แปลว่า จริงๆแล้ว อเมริกาไม่เดือดร้อนที่อิหร่าน จะมีอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาแค่ต้องการปิดประเทศอิหร่าน ไม่ให้ใครมายุ่งกับแหล่งน้ำมันอิหร่าน จนกว่าจะถึงเวลาที่อเมริกา จะเป็นผู้มาเปิดแหล่งน้ำมันใช้ต่อเอง เมื่อแหล่งอื่นร่อยหรอ หรือไม่คุ้มค่า อย่างนั้นหรือไม่ ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า อเมริกาปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ แผ่อิทธิพลในตะวันออกกลาง คุมอิรัค ให้ท้ายซีเรีย จับมือกับตุรกี โอบอุ้ม Hezbollah และสนับสนุนให้อิหร่านกลายเป็นพี่ใหญ่ ของตะวันออกกลาง ด้วยความเห็นชอบของอเมริกาและอิหร่านเอง ผลคือ อเมริกาไม่ต้องออกแรงดูแลตะวันออกกลาง ให้เหนื่อยและหนักกระเป๋าตัวเองและเป็นเป้า ให้ประชาชนของตนด่า ส่วนในด้านพลังงาน แม้ตัวเลขของ US Energy Information ปัจจุบันจะระบุว่า ซาอุดิอารเบีย มี reserves มากกว่า อิหร่าน (ซาอุดิ 266 พันล้าน บาเรล : อิหร่าน 157 พันล้าน บาเรล) แต่อิหร่านยังมีแหล่งพลังงาน ที่ยังไม่เปิดเผยอีกมากมาย ซ่อนอยู่ และอีกประการที่สำคัญ การใช้พลังงานของทั้ง 2 ประเทศ ก็ต่างกันมาก (ซาอุดิ 2.9 ล้านบาเรลต่อวัน : อิหร่าน 1.75 ล้านบาเรลต่อวัน) แต่ประโยชน์ที่อเมริกาจะได้ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าดึงอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากกลุ่มรัสเซียได้ แนวต้านของรัสเซียจีน ในตะวันออกกลางจะโหว่ทันที และนั่นคือ เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกา มันเป็นเกมที่อเมริกาไม่มีเสีย มีแต่ได้ หรือเสมอตัวเท่านั้นเอง เปลี่ยน จากใช้หมากซาอุดิอารเบีย เป็น หมากชื่อ อิหร่าน ซื้ออิหร่านได้ รัสเซียจีนก็เหนื่อย อาจถึงจบเกม ถ้าอเมริกาซื้อไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซาอุดิไปไหนรอด มีทางเดียวคือ ไปทางตะวันออก จับมือกับจีน เกมนี้ ซาอุดิเล่นทันไหม สงสัยตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไป อเมริกาไม่เคยนึกถึงจิตใจใครจริงๆ เวลาที่อเมริกาจะถีบหัวทิ้งหรอก เพราะสัมพันธ์ของอเมริกา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น อาจจะมียกเว้นกับกลุ่ม Anglo Saxon ด้วยกัน โดยเฉพาะอังกฤษเท่านั้น สำหรับเราๆ ก็คอยจับตาดู ถ้าอเมริกาคิดเล่นเกมนี้ และอิหร่านไม่เอาด้วย รับรอง ดอกเห็ดบานเร็วแน่ แต่ถ้าอิหร่านเอาด้วย เราก็คงลงต้องรู และคงไม่โผล่หัวอีกเลย เพรา ถ้าอเมริกาซื้ออิหร่านได้ กระดูกอ่อนๆ อย่างสมันน้อย จะเหลืออะไร แต่ถ้าจะให้ดี อิหร่านก็ไม่เอาอเมริกา และซาอุดิอารเบียก็รู้สึกเบื่อกับ marriage for covenience ที่อีกฝ่าย ชักจะเล่นเล่ห์หันเหไปทางอื่นมากกว่า ก็น่าลองมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่ ด้วยการคบเพื่อนใหม่ และถีบเตียงเก่าทิ้งเสียด้วย แต่สงสัยว่า ผมคงฝันดีเกินไป ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เตียงหัก
    ” เตียงหัก !”

    (1)

    หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015
    มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง

    เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด

    อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง

    แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า

    ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945

    แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี

    เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป

    ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933
    หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ

    ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ

    แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น

    พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร

    เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม

    หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?!

    (2)
    ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง

    ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน

    คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย

    เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา)

    นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน

    หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ

    อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง

    นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014)
    เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา

    อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น

    นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ

    แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้

    (3)

    ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก

    รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา

    แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย
    เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย

    ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    เรื่อง เตียงหัก ” เตียงหัก !” (1) หลังจากที่กษัตริย์อับดุลลาแห่งซาอุดิอารเบีย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.2015 มงกุฏราชกุมาร เจ้าชายซาลมาน ซึ่งเป็นน้องชายก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ เป็นช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังแดดร้อน ลมพัดแรง จะถึงกับมีพายุทะเลทรายหรือไม่ น่าเป็นห่วง เยเมน ที่อยู่ทางใต้ของซาอุดิ กำลังวุ่นวายเกิดศึกชิงเก้าอี้กัน ทางเหนือหน่อไอซิสยังไม่หยุดงอกทั้งพันธุ์แท้ พันธุ์เทียม และกลายพันธุ์ ทั้งที่อิรัคและที่ซีเรีย ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านชื่ออิสราเอล ก็ยังบูดเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะมองหน้าและยิ้มให้กันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าเพื่อน น่าจะเป็นเรื่องอิหร่าน ซึ่งถึงจะอยู่ห่างกันคนละฟาก แต่ซาอุดิก็เห็นอิหร่านเป็นคู่แข่งรัศมี ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางกันมาตลอด อิหร่านกำลังก้มหน้าก้มตาพัฒนาระบบนิวเคลียร์ ที่อ้างว่าไม่ไช่เป็นอาวุธนะ อย่าเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้น ซาอุดิก็หงุดหงิด ไม่พอใจ จะพอใจได้ยังไง ก็ตัวเองยังไม่มีนิวเคลียร์กับ เขาสักลูก แถมอาวุธที่มีอยู่ ยังต้องกัดฟันซื้อ โดยเฉพาะจากอเมริกา นึกว่าเขาให้ฟรีๆหรือ เปล่าหรอก แค่ลดราคาให้เท่านั้นเอง เค็มชะมัด แบบนี้ไม่หงุดหงิดได้ไง แต่ที่ไม่พอใจมากที่สุด คือไม่พอใจในอากัปกริยา ท่าทีของอเมริกา มากกว่า ซาอุดิอารเบียกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ยาวนาน และแข็งแรงอย่างเป็นทางการมาประมาณ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่ประธานาธิบดี Franklin D Roosevelt กับกษัตริย์ Abd al-Aziz ibn Sa’ud ผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย นั่งจับมือกันบนเรือรบ USS Quincy เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1945 แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะแข็งแรงมากน้อยขนาดไหนไม่มีใครรู้ดี มีนักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ทั้ง 2 ประเทศ อุปมาไว้น่าฟังว่า มันเหมือนการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม a marriage for convenience ไม่ใช่มาจากรักแรกพบ หรือรักแบบดูดดื่มฝังใจ เพาะบ่มรอกันมา 20 ปี เมื่อเป็นการแต่งงาน เพื่อความเหมาะสม จะให้หวือหวา หวานชื่นกันตลอด คงเป็นไปไม่ได้ มันคงจะเป็นประเภท ต่างก็ยี่ต๊อกใส่กันว่า ฉันได้มากกว่าเสีย หรือเธอได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ทำนองนั้น เรื่องอะไรที่ไม่พอใจ ตราบใดที่บัญชีของทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่เป็นตัวแดง ก็ยังคงกล้อมแกล้ม กัดฟันอยู่กันต่อไป ตลอดการอยู่ร่วมกันของคู่แต่งงาน ซาอุดิฉุนจัดครั้งแรก ก็เมื่ออเมริกามีทีท่าว่าจะมีใจให้กับอิสราเอล สาวข้างบ้าน ที่อเมริกาให้การรับรองเมื่อปี ค.ศ.1948 แต่มันเป็นช่วงระหว่างการก่อร่างสร้างเมืองของซาอุดิ กษัตริย์ Abd al-Aziz จึงต้องกัดฟันมองไปทางอื่นแทน ขณะที่รอบข้างกดดันให้ยกเลิกสัมปทาน ที่ซาอุดิให้แก่ Aramco ของอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ.1933 หลังจากนั้น ก็มีเรื่องการสั่งห้ามซื้อขายน้ำมัน Oil Embargo ระหว่างกลุ่มค้าน้ำมันชาติอาหรับ กับกลุ่มตะวันตกในปี ค.ศ.1973-74 ซึ่งเป็นการเล่นกล หลอกต้มทั้งคนขายน้ำมันและคนใช้ น้ำมัน โดยพวกนักการเงินวอลสตรีท ที่จัดฉากโดยนาย Henry Kissinger ตัวแสบ ภายใต้การชักใยของ พวกโคตรรวย Rockefeller แต่เรื่องนี้มันก็ลงความเห็นยากว่า ฝ่ายไหนเสียมากกว่า ดูเหมือนจะเป็นมวยล้มต้มคนดู พวกที่เสียหายจริงๆ น่าจะเป็นพวกซื้อน้ำมัน จนแล้วยังทำซ่า อยากเป็นเสือตัวที่ห้ามากกว่า ไปอ่านรายละเอียดได้ จากนิทานเรื่องมายากลยุทธนะครับ ซาอุดิ เริ่มขัดใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการบุกเข้าไปขยี้อิรัคของอเมริกา ไม่ใช่เพราะซาอุดิใจอ่อนสงสารอิรัคหรอก อย่าเข้าใจผิด แต่ซาอุดิเห็นว่า เป็นการทำให้ดุลยอำนาจในภูมิภาคเอียง ไปเข้าทางอิหร่านมากกว่า เพราะเป็นการเปิดทางให้อิหร่าน เข้าไปสนับสนุนกลุ่ม Nouri al-Maliki ขึ้นมามีอำนาจในอิรัค หลังจากซัดดัมถูกโค่น และทำให้อิรัคกับอิหร่าน ก็ใกล้เคียงกับการเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันตั้งแต่บัดนั้น มันเป็นการเสริมบารมี เสริมกำลัง ให้กับอิหร่านมากขึ้น เกินกว่าที่ซาอุดิ จะไม่สนใจ แต่ที่เป็นหนามตำใจมาตลอด คือเรื่องสาวข้างบ้าน อิสราเอลนั่นแหละ ที่ทำให้ซาอุดิเห็นว่า อเมริกา ตาชั่งเอียงจนน่าเกลียด เรื่องนี้ไม่มีทางแก้แน่นอน ซาอุดิรู้ดีอยู่แก่ใจ มีแต่ทางเดินออก ซาอุดิจะกล้าเดินออกไหมเท่านั้น พอไปรวมกับเรื่องอียิปต์ ซึ่งซาอุดิเห็นว่า ขนาด Hosni Mubarak ผู้ซึ่งเป็นลูกหาบที่ซื่อสัตย์มาให้อเมริกา 30 กว่าปี อเมริกายังโยนทิ้งเฉย ปล่อยให้ Muslim Brotherhood มุสลิมหัวรุนแรงที่ไม่เอาพวกตะวัน ตก ขึ้นมาปกครองอียิปต์แทน แน่นอน ซาอุดิต้องหงุดหงิด กลุ้มใจ จนหน้าคล้ำหนักไปกว่าเดิม แบบนี้แปลว่าอะไร อเมริกาไม่สนใจหรือว่า มันจะยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางมากขึ้น เผลอๆ เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดที่ซาอุดิก็ได้ อเมริกาปล่อยให้เป็นอย่านี้ได้อย่างไร เรื่องอิสราเอลยังแก้ไม่ออก เรื่องอียิปต์ดันมาเกิดขึ้นต่อ บวกกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ยังค้างคา นี่ยังมามีเรื่องซีเรียอีก เรื่องซีเรียที่ซาอุดิก็ไม่รัก เอะ เสี่ยซาอุรักใครมั่งนะ ชักสงสัย สู้กันมา3 ปีกว่าแล้ว เรื่องยังไม่จบเสียที ไอ้เจ้า Assad นี่มันทนทายาด แล้วอเมริกาก็ดันประกาศ (ในปี ค.ศ. 2013) ว่าจะไม่ใช้กองกำลังจัดการเรื่องซีเรีย โอ้ย กลุ้มใจโว้ย ยังถอนใจไม่หายเหนื่อย หน่อไอซิสก็ทะลี่งได้ปุ๋ยดี บานเต็มท้องทุ่งซีเรีย อิรัค นี่ถ้ามันดันชอบอากาศแถวซาอุดิ มางอกต่อแถวนี้ พวกซาอุดิจะเอาอยู่ไหม หงุดหงิดแล้ว ก็เลยพาลน้อยใจต่อ ซาอุดิน้อยใจ คิดหนัก คิดจริงจังคือ เรื่องอิหร่าน (อีกแล้ว) การเจรจา ระหว่างพวกตะวันตกกับอิหร่าน เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซาอุดิมองว่า ถ้าการเจรจาเข้าทางอิหร่าน ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะฝ่ายของซาอุดิจะเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหายเลยทีเดียว ฝ่ายที่มีนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง คือฝ่ายที่มีอำนาจควบคุมอ่าวเปอร์เซีย รวมไปทั้งตะวันออกกลาง ที่สำคัญ ซาอุดิมองว่า การใช้วิธีเจรจากับอิหร่าน ดูเหมือนเป็นการเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่ระหว่างอเมริกากับอิหร่าน อย่าลืมว่าคู่นี้ เขาเคยเป็นคู่รัก คู่แค้นกันมาก่อน หรือถ่านไฟเก่ามันจะคุขึ้นมาใหม่ ?!?! (2) ตกลงอเมริกากำลัง “shifting away” หันเหไปจากสัมพันธ์พิเศษกับซาอุดิหรือ มันดูเหมือนมีอาการของการนอกใจ ที่มองเห็นได้จากทั้งฝ่ายซาอุดิและฝ่ายอเมริกาเอง ทางฝ่ายซาอุดินั้น อดีตหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรอง และอดีตฑูตซาอุดิประจำอเมริกา Prince Bandar bin Sultan พูดตั้งแต่ปลายปี 2013 แล้วว่า ทางซาอุดิอาจจะมีการเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ ระหว่างซาอุดิกับอเมริกา เป็นการประท้วงอเมริกาที่ไม่ขยับอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องการรบในซีเรีย รวมทั้งการที่อเมริกามีท่าที เหมือนจะไปสานสัมพันธ์ใหม่กับอิหร่าน อ้อ เรื่องนี้เอง ที่มันคาใจคนนอนเตียงเดียวกัน คำพูดของ Prince Bandar คนเดียวคงไม่พอ Prince Turki al-Faisal อดีตหัวหน้าสายลับ และฑูตซาอุดิประจำสหประชาชาติ ออกมาทำเสียงเข้มว่า นโยบายเกี่ยวกับซีเรีย ของนายโอบามา ฟังแล้วน่าเศร้าใจ พร้อมกับบอกว่า ข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับอเมริกา เรื่องการห้ามมิให้ Assad ใช้อาวุธเคมี เป็นหลุมพรางล่อให้อเมริกาตกพลั่ก เขวไปจากการใช้กำลังทหารจัดการในซีเรีย เขาต่อว่ากันแรงดีนะครับ ไม่เหมือนสมันน้อย คำน้อยคำ ก็ไม่ค่อยจะกล้าออกมาพาดพิงถึงลูกพี่ เชื่องดีจัง ( ช ช้างสะกดนะครับ ไม่ใช่ ข ไข่ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ฮา) นักจัดรายการทีวีชาวอเมริกัน Fred Kaplan วิจารณ์ว่า คำพูดของฝ่ายซาอุดิในเรื่องนี้ เหมือน “game of high-way chicken” เขาเตือนนายโอบามาว่า ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไก่อาจหลุดมือ วิ่งหายไปได้ หรือโอบามาไม่สนใจ เพราะอเมริกากำลังตื่นเต้นกับการค้นพบพลังงานใหม่ ที่จะไม่ต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจแล้ว หรือปล่อยให้ไก่วิ่งจนเหนื่อยก่อน หลังจากนั้น ขบวนการกดดันอเมริกาโดยกลุ่ม Gulf Cooperation Council (GCC) ลูกน้องคุณพี่ซาอุก็เกิดขึ้น นำโดยอาหรับอามิเรต และกาต้าร์เศรษฐีใหญ่ทั้งคู่ ออกโรงเดินสายคุยกับพวกถังความคิด Think Tank ของอเมริกา พร้อมเอาเงินบริจาคกล่องใหญ่ไปฝาก การลงทุนได้ผล ถังความคิดรีบออกรายงานทันที อเมริกาจะปล่อยให้พรรคพวกในตะวันออกกลาง แก้ไขปัญหาเรื่องซีเรียกับไอซิส โดยลำพังหรือ มันดูเหมือนอเมริกากำลังทิ้งเพื่อนที่มีความสัมพันธ์พิเศษนะ เพราะถ้าพวกเขาจัดการไม่ได้ คนที่จะตกที่นั่งลำบากคืออเมริกา แหม! นึกว่าถังความคิดชั้นนำระดับโลกจะสั่งไม่ได้ มีเงินจ่ายก็ใช้ได้ทั้งนั่นแหละครับ อเมริกา ถึงยังทิ้งกระบองยอดเพชร ที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 70 ปี ไม่ลง นายโอบามา ทำหน้าชื่นไปหากษัตริย์ Abdullah เมื่อประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั่งปรับความไม่เข้าใจกัน การแถลงข่าวภายหลังการปรับคลื่น สรุปว่าทั้ง 2 ฝ่าย มีการหารือกัน เรื่องซีเรีย เรื่องการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ การร่วมกันต่อต้านการก่อการร้าย และสนับสนุนการเจรจา เพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง (จากการแถลงข่าวของ ทำเนียบขาว เมื่อ 28 มีนาคม 2014) เอกสารที่แจกในการแถลงข่าว บอกด้วยว่าซาอุดิอารเบีย เป็นลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ที่ซื้ออาวุธของอเมริกา U S Foreign Military Sales (FMS) คือประมาณ 97 พันล้านเหรียญ และอเมริกา ส่งสินค้าออกไปยังซาอุดิอารเบียในปี 2013 จำนวน 35 พันล้านเหรียญ และขณะนี้มีชาวซาอุดิ ประมาณ 8 หมื่นคน เรียนหนังสืออยู่ในอเมริกา อืม ดูเหมือนจะเป็นรายงาน ที่แปลงความสัมพันธ์เป็นตัวเงิน (รายได้) ของอเมริกา มากกว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้ การรายงานข่าวของสื่อในช่วงนั้น ยังสรุปไปทิศทางเดียวกันว่า แม้จะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับซาอุดิอารเบีย ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก not broken เตียงยังไม่หัก ไม่ชำรุดขาเตียงยังอยู่ครบดี ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือทางการต่อต้านผู้ก่อการร้าย การทหาร การธุรกิจและด้านยุทธศาสตร์ อู้ย พูดกันรู้เรื่องดีคร้าบ แต่ก็คงจะเร็วไป ที่จะสรุปว่าคู่นี่เขาจะยังมั่นคงกันดีตลอดไป เพราะมันก็ยังเห็นรอยร้าวค้างอยู่ และแม้จะยังไม่ถึงกับทำให้ซาอุดิอารเบีย แยกทางกับอเมริกา แต่ซาอุดิอารเบียก็บอกว่า ไม่ปิดทางตัวเองที่จะมองหาหุ้นส่วนรายใหม่เช่นเดียวกัน นโยบายไม่แทงม้าตัวเดียว ไม่ใช่มีแต่อเมริกาเท่านั้นที่เล่นเป็น เอะ แล้วใครนะที่ซาอุดิอารเบีย เริ่มเจรจาต้าอวยไว้ (3) ถังความคิดตัวแสบ CSIS Think Tank ได้ออกรายงานการวิเคราะห์ The True Nature of the Saudi Succession “Crisis” วิกฤติตามธรรมชาติของการสืบสันตติวงศ์ของ Saudi เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2015 นี้ก่อนการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ Abdullah ไม่นานนัก รายงานสรุปว่า กษัตริย์ Abdullah ได้เตรียมการล่วงหน้ามานานแล้วอย่างเรียบร้อยดี ทั้งเรื่องในพระราชวงศ์ เรื่องในประเทศ ทั้งด้านศาสนา และรัฐบาล รวมทั้งเรื่องการต่างประเทศ เท่าที่จะทำได้ แน่นอนหลายปัจจัย ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีตามสภาพ….รายงานแจงค่อนข้างละเอียดว่า เตรียมการอะไร ใครเป็นใคร ตามประสา นิสัยเสือกทุกเรื่องของอเมริกา แต่ที่น่าจะสนใจคือ บางส่วนที่รายงานการวิคราะห์ดังกล่าวระบุถึง ซึ่งไม่ได้เกี่ยว หรือมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครอง แต่เป็นเรื่องที่รายงานการวิเคราะห์ ระบุถึงสภาพสังคมของซาอุดิอารเบีย เป็นส่วนของรายงานที่บอกว่า ปี 2015 ซาอุดิจะมีประชากรประมาณ 27.8 ล้านคน ปี 2025 จะมี 31.9 ล้านคน และปี 2050 จะมีประชากร 40.3 ล้านคน ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียเป็นสังคมที่มีวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในวัยที่ต้องทำงานแต่ไม่ทำงาน โดยอยู่ด้วยสวัสดิการของรัฐ มีตลาดแรงงานประมาณ 8.4 ล้านคน แต่เป็นชาวซาอุดิเพียง 1.7 ล้านคน ที่ผ่านมา ซาอุดิรับมือกับวัยรุ่นจำนวนมากที่ไม่ทำงานได้พอสมควร เพราะที่ผ่านมา ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงกว่าปัจจุบันมากมาย ขณะที่อัตราประชากรเพิ่ม และมีคนไม่ยอมทำงาน แต่รายรับของประเทศ ซึ่งมาจากน้ำมันอย่างเดียว ลดลง ตามราคาน้ำมันโลก (หรือจากการร่วมมือกันกดราคาน้ำมันก็ตาม) ขณะเดียวกัน ซาอุดิก็มีรายจ่ายเกี่ยวกับความ มั่นคงของรัฐ สูงที่สุดในโลก ซาอุดิ มีสตรูมากหน้า ทั้งที่เป็นรัฐ และไม่ใช่รัฐ รวมทั้งมีก่อการร้ายเสมอ จากการที่เป็นผู้ดูแลสถานที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำหน้าที่ ขุดคุ้ย สอดส่อง ฉวยโฉบเอกสาร แต่ถ้าใครคิดว่าแบนี้อิหร่านคงโป๊ไม่เหลือ เรียกว่ายังไม่รู้จักอิหร่านจริง!

    แล้วก็เป็นไปตามคาด การเจรจาไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้ วันสิ้นสุดการเจรจา ต้องมีการต่ออายุไปถึงกลางปี 2015 แสดงว่า อิสราเอลยังทำภาระกิจไม่สำเร็จ ระหว่างนี้หากมีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนพฤติกรรม พวกซุ่มเงียบเปลี่ยนใจเปิดตัว อิสราเอลจะเอาอยู่ไหม น้ำมันในตะวันออกกลาง ยังเป็นของรัก ของหวง ของนักล่าใบตองแห้งและพวก โดยเฉพาะลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่กบไต๋เงียบกริบ และใช้นักล่า ออกหน้าแทน… อย่างเคย

    จะเห็นว่าอิสราเอล กำลังเล่นบทหนัก ในการหนุน หรือ ผลักดัน การขยับหมากของนักล่าใบตองแห้ง นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีเป้าหมาย ลับลึกซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง

    ถ้าสังเกตกัน จะเห็นว่า อิสราเอล พยายามเน้นให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส เป็นเรื่องการรังแกยิว โดยนาย Liberman รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งไปเดินแถวคล้องแขนที่ปารีสด้วย บอกว่า เขาดู CNN แล้ว ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอข่าวในมุมของชาวยิวเลยนะ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Kosher ที่ยิงกัน ก็เป็นของชาวยิว หรือ พวกตัวประกัน ก็เป็นพวกชาวยิว พร้อมพูดว่า
    ” เราควรต้องพูดกันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ต้องอาย และ เอาทุกอย่างวางบนโต๊ะ เพราะที่มาของการฆาตกรรมหมู่ชาวยิว มาจากมุสลิมเคร่งจัดด้านหนึ่ง และการด่าชาวยิวอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง”

    นี่ก็เป็นการให้ข่าวแบบกาฝาก คราวนี้ฝากไปให้ใคร

    ฝรั่งเศส มีชาวยิวอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอิสราเอล และอเมริกา และฝรั่งเศส อีกเช่นเดียวกัน ที่มีคนนับถืออิสลามอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านคน ถึง 7.7 ล้านคน แล้วแต่แหล่งที่มาของข้อมูล

    ยูเครน ที่กำลังเล่นกันจนเละ จะกลายเป็นโรงละครสัตว์อยู่แล้วนั้น อิสราเอลก็แอบสนับสนุนฝ่ายที่ต่อสู้กับคุณพี่ปูตินอย่างเงียบ เชียบ แต่แข็งขัน อย่าลืมว่า คุณนาย Nuland นางเหยี่ยวของอเมริกา เจ้าของวลีเด็ด **** EU เป็นคนเลือกนาย Yatsenyuk ยิวหนุ่ม ไปเป็นนายกรัฐมนตรียูเครน ยูเครนจึง ไม่ได้เป็นเพียงสนามชิงท่อส่งแก๊ส มีหลายฝ่าย แอบหวังที่จะเอายูเครน เป็นบ้านยิวสาขา 2

    ฝรั่งเศสจึงน่าสนใจ ที่จะใช้เป็นสนามทดลอง หรือห้องทดลอง ทฤษฏีต่างๆ ก่อนมีการปฏิบัติการณ์ของจริง เพื่อดูปฏิกริยา การโต้ตอบ และกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่าย

    ในการทำศึกสงคราม แต่ละฝ่าย ต่างมียุทธศาสตร์ และต่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเราอาจจะยังเห็นไม่หมด มองไม่ชัดในตอนนี้ เพราะพวกเขาคงจะยังไม่เปิดฉากแสดงกันที่สถานที่จริง หรือถ้าเปิด มันก็ดูเป็นฉาก ที่ไม่ต่อเนื่องกัน

    เช่นเรื่องยูเครนกับตะวันออกกลาง อาจเกี่ยวโยงกันอย่างที่เรานึกไม่ถึง และเช่นเดียวกับการลงมติ คว่ำบาตรรัสเซีย ที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป กำลังทดสอบความแข็งของข้อกัน และคงจะรู้กันเร็วๆนี้ ว่า ใครกันแน่ ที่ข้อแข็งในสหภาพยุโรป

    ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง กำลังกระเหี้ยน กระหือรือ ที่จะยื่นเรื่องให้รัฐสภา ลงมติเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม ทั้งที่การเจรจาเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ ที่เพิ่งเริ่ม หลังจากมีการต่ออายุใหม่ และมีข่าวว่า นายโอบามาบอกว่า พยายามจะใช้สิทธิวีโต้ เพราะการเจรจากับอิหร่านยังไปได้อยู่

    คงจะไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ถ้าการพยายามคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มนั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยิว ทั้งใน และนอกอเมริกา ถ้าอิหร่านล้มคว่ำตามบาตรในตะวันออกกลาง ที่จะลุกขึ้นตีปีกคืออิสราเอล เพราะถ้าเจอทั้งอิหร่าน และตุรกี พร้อมกัน ในตะวันออกกลาง มันเหนื่อยโว้ย สะกัดไปทีละประเทศ น่าจะดีกว่า ส่วนความฝันเรื่องยูเครน ถ้ารัสเซียหมดแรง ถอบฉากเลิกขวาง อิสราเอลก็หวานคอ เอะ นี่ตกลงเป็นเรื่องของยิวล้วนๆหรือไง แล้วพวกลูกพี่ ทั้งนักล่าใบตองแห้ง และชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่คอยกำกับ ทุกรายการ ยังต้องการให้จัดการเรื่องอะไรอีกครับ ?!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 มค. 2558
    ทำหน้าที่ ขุดคุ้ย สอดส่อง ฉวยโฉบเอกสาร แต่ถ้าใครคิดว่าแบนี้อิหร่านคงโป๊ไม่เหลือ เรียกว่ายังไม่รู้จักอิหร่านจริง! แล้วก็เป็นไปตามคาด การเจรจาไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้ วันสิ้นสุดการเจรจา ต้องมีการต่ออายุไปถึงกลางปี 2015 แสดงว่า อิสราเอลยังทำภาระกิจไม่สำเร็จ ระหว่างนี้หากมีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนพฤติกรรม พวกซุ่มเงียบเปลี่ยนใจเปิดตัว อิสราเอลจะเอาอยู่ไหม น้ำมันในตะวันออกกลาง ยังเป็นของรัก ของหวง ของนักล่าใบตองแห้งและพวก โดยเฉพาะลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่กบไต๋เงียบกริบ และใช้นักล่า ออกหน้าแทน… อย่างเคย จะเห็นว่าอิสราเอล กำลังเล่นบทหนัก ในการหนุน หรือ ผลักดัน การขยับหมากของนักล่าใบตองแห้ง นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีเป้าหมาย ลับลึกซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง ถ้าสังเกตกัน จะเห็นว่า อิสราเอล พยายามเน้นให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส เป็นเรื่องการรังแกยิว โดยนาย Liberman รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งไปเดินแถวคล้องแขนที่ปารีสด้วย บอกว่า เขาดู CNN แล้ว ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอข่าวในมุมของชาวยิวเลยนะ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Kosher ที่ยิงกัน ก็เป็นของชาวยิว หรือ พวกตัวประกัน ก็เป็นพวกชาวยิว พร้อมพูดว่า ” เราควรต้องพูดกันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ต้องอาย และ เอาทุกอย่างวางบนโต๊ะ เพราะที่มาของการฆาตกรรมหมู่ชาวยิว มาจากมุสลิมเคร่งจัดด้านหนึ่ง และการด่าชาวยิวอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง” นี่ก็เป็นการให้ข่าวแบบกาฝาก คราวนี้ฝากไปให้ใคร ฝรั่งเศส มีชาวยิวอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอิสราเอล และอเมริกา และฝรั่งเศส อีกเช่นเดียวกัน ที่มีคนนับถืออิสลามอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านคน ถึง 7.7 ล้านคน แล้วแต่แหล่งที่มาของข้อมูล ยูเครน ที่กำลังเล่นกันจนเละ จะกลายเป็นโรงละครสัตว์อยู่แล้วนั้น อิสราเอลก็แอบสนับสนุนฝ่ายที่ต่อสู้กับคุณพี่ปูตินอย่างเงียบ เชียบ แต่แข็งขัน อย่าลืมว่า คุณนาย Nuland นางเหยี่ยวของอเมริกา เจ้าของวลีเด็ด Fuck EU เป็นคนเลือกนาย Yatsenyuk ยิวหนุ่ม ไปเป็นนายกรัฐมนตรียูเครน ยูเครนจึง ไม่ได้เป็นเพียงสนามชิงท่อส่งแก๊ส มีหลายฝ่าย แอบหวังที่จะเอายูเครน เป็นบ้านยิวสาขา 2 ฝรั่งเศสจึงน่าสนใจ ที่จะใช้เป็นสนามทดลอง หรือห้องทดลอง ทฤษฏีต่างๆ ก่อนมีการปฏิบัติการณ์ของจริง เพื่อดูปฏิกริยา การโต้ตอบ และกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่าย ในการทำศึกสงคราม แต่ละฝ่าย ต่างมียุทธศาสตร์ และต่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเราอาจจะยังเห็นไม่หมด มองไม่ชัดในตอนนี้ เพราะพวกเขาคงจะยังไม่เปิดฉากแสดงกันที่สถานที่จริง หรือถ้าเปิด มันก็ดูเป็นฉาก ที่ไม่ต่อเนื่องกัน เช่นเรื่องยูเครนกับตะวันออกกลาง อาจเกี่ยวโยงกันอย่างที่เรานึกไม่ถึง และเช่นเดียวกับการลงมติ คว่ำบาตรรัสเซีย ที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป กำลังทดสอบความแข็งของข้อกัน และคงจะรู้กันเร็วๆนี้ ว่า ใครกันแน่ ที่ข้อแข็งในสหภาพยุโรป ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง กำลังกระเหี้ยน กระหือรือ ที่จะยื่นเรื่องให้รัฐสภา ลงมติเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม ทั้งที่การเจรจาเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ ที่เพิ่งเริ่ม หลังจากมีการต่ออายุใหม่ และมีข่าวว่า นายโอบามาบอกว่า พยายามจะใช้สิทธิวีโต้ เพราะการเจรจากับอิหร่านยังไปได้อยู่ คงจะไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ถ้าการพยายามคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มนั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยิว ทั้งใน และนอกอเมริกา ถ้าอิหร่านล้มคว่ำตามบาตรในตะวันออกกลาง ที่จะลุกขึ้นตีปีกคืออิสราเอล เพราะถ้าเจอทั้งอิหร่าน และตุรกี พร้อมกัน ในตะวันออกกลาง มันเหนื่อยโว้ย สะกัดไปทีละประเทศ น่าจะดีกว่า ส่วนความฝันเรื่องยูเครน ถ้ารัสเซียหมดแรง ถอบฉากเลิกขวาง อิสราเอลก็หวานคอ เอะ นี่ตกลงเป็นเรื่องของยิวล้วนๆหรือไง แล้วพวกลูกพี่ ทั้งนักล่าใบตองแห้ง และชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่คอยกำกับ ทุกรายการ ยังต้องการให้จัดการเรื่องอะไรอีกครับ ?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ห้องทดลอง
    “ห้องทดลอง”

    (1)

    ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก

    Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า

    ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม”

    “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม

    สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า

    นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า
    เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ”

    คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก
    ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม”

    โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้

    ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร

    วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย

    ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ

    คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น

    เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง

    ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ
    แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย
    เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?!

    ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ

    วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า

    ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล”

    “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา

    ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง

    อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ

    #######
    (2)

    ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส

    ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก

    กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน

    Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย

    เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค

    ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง
    และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร

    นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา

    จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด

    เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก !

    และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้

    ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง

    การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้

    #####
    (3)

    อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ

    อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่

    การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    เรื่อง ห้องทดลอง “ห้องทดลอง” (1) ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม” “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ” คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม” โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้ ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?! ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล” “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ ####### (2) ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก ! และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้ ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้ ##### (3) อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่ การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดมอเตอร์เวย์ M82 มหาชัย-ชลบุรี น้ำมันเต็มถังเลยพี่

    ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค. 2568 ก่อนวันหยุดเนื่องในวันปิยมหาราช กระทรวงคมนาคมเตรียมเปิดทดลองให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์-บางขุนเทียน) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนพระรามที่ 2

    โดยรถที่มาจากภาคใต้ จังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ด่านมหาชัย 1 บริเวณหน้าวัดราษฎร์รังสรรค์ ฝั่งถนนพระรามที่ 2 ผ่านทางลงพันท้ายนรสิงห์ รถจะบังคับให้เข้าไปยังทางพิเศษกาญจนาภิเษก ไปพระประแดง บางนา ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไร้ไม้กั้น (Single Lane Free Flow หรือ SLFF) โดยไม่ต้องรับบัตร IC CARD (Integrated Circuit Card) อีกต่อไป

    เมื่อถึงด่านบางแก้ว ถ้าต้องการไปทางพิเศษบูรพาวิถี มุ่งหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชลบุรี สามารถใช้ด่านบางแก้ว 3 ที่เปิดให้ผ่านตลอด แล้วไปชำระเงินที่ด่านปลายทาง หรือหากต้องการตรงไปยังรามอินทรา บางปะอิน สามารถใช้ด่านบางแก้ว 2 เพื่อชำระเงินตามปกติ แล้วใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี) ไปออกถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานต่อไป

    ส่วนรถที่มาจากด่านบางแก้ว ผ่านสะพานกาญจนาภิเษก ก่อนถึงทางออกด่านบางขุนเทียน 1 จะมีป้ายสีฟ้าระบุว่า "สมุทรสาคร" และ "สมุทรสงคราม" ให้ออกทางซ้ายมือ แล้วชำระเงินค่าผ่านทางที่ด่านบางขุนเทียน 2 ก่อนใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ไปลงที่ด่านมหาชัย 1 บริเวณตลาดสดลีลา มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาครและภาคใต้ต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเส้นทางจากด่านมหาชัย 1 ถึงด่านชลบุรี มีระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ไม่มีสถานีบริการน้ำมันตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นแนะนำให้เติมน้ำมันเต็มถังหรือให้เพียงพอ เช่นเดียวกับจากด่านมหาชัยไปบางปะอิน ระยะทางกว่า 110 กิโลเมตร มีสถานีบริการน้ำมัน 3 แห่ง บริเวณสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง ห่างจากด่านมหาชัย 1 เกือบ 100 กิโลเมตร

    รถที่มาจากถนนพระรามที่ 2 จากทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว ถึงทางแยกต่างระดับมหาชัย มีสถานีบริการน้ำมันบางจาก และ PTT Station (ท่าจีน) และจากทางแยกต่างระดับมหาชัย ถึงด่านมหาชัย 1 มีสถานีบริการน้ำมันพีที 2 แห่ง และ PTT Station (จิฟฟี่)

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ตำรวจทางหลวง โทร. 1193 ซึ่งจะมีสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐมรับผิดชอบช่วงดังกล่าว ส่วนทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษบูรพาวิถี ของการท่างพิเศษแห่งประเทศไทย สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ EXAT Call Center โทร. 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ

    #Newskit
    เปิดมอเตอร์เวย์ M82 มหาชัย-ชลบุรี น้ำมันเต็มถังเลยพี่ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค. 2568 ก่อนวันหยุดเนื่องในวันปิยมหาราช กระทรวงคมนาคมเตรียมเปิดทดลองให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร โดยไม่เก็บค่าผ่านทาง ไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์-บางขุนเทียน) เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนพระรามที่ 2 โดยรถที่มาจากภาคใต้ จังหวัดสมุทรสาคร สามารถใช้ด่านมหาชัย 1 บริเวณหน้าวัดราษฎร์รังสรรค์ ฝั่งถนนพระรามที่ 2 ผ่านทางลงพันท้ายนรสิงห์ รถจะบังคับให้เข้าไปยังทางพิเศษกาญจนาภิเษก ไปพระประแดง บางนา ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไร้ไม้กั้น (Single Lane Free Flow หรือ SLFF) โดยไม่ต้องรับบัตร IC CARD (Integrated Circuit Card) อีกต่อไป เมื่อถึงด่านบางแก้ว ถ้าต้องการไปทางพิเศษบูรพาวิถี มุ่งหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชลบุรี สามารถใช้ด่านบางแก้ว 3 ที่เปิดให้ผ่านตลอด แล้วไปชำระเงินที่ด่านปลายทาง หรือหากต้องการตรงไปยังรามอินทรา บางปะอิน สามารถใช้ด่านบางแก้ว 2 เพื่อชำระเงินตามปกติ แล้วใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี) ไปออกถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานต่อไป ส่วนรถที่มาจากด่านบางแก้ว ผ่านสะพานกาญจนาภิเษก ก่อนถึงทางออกด่านบางขุนเทียน 1 จะมีป้ายสีฟ้าระบุว่า "สมุทรสาคร" และ "สมุทรสงคราม" ให้ออกทางซ้ายมือ แล้วชำระเงินค่าผ่านทางที่ด่านบางขุนเทียน 2 ก่อนใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 82 ไปลงที่ด่านมหาชัย 1 บริเวณตลาดสดลีลา มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาครและภาคใต้ต่อไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเส้นทางจากด่านมหาชัย 1 ถึงด่านชลบุรี มีระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ไม่มีสถานีบริการน้ำมันตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นแนะนำให้เติมน้ำมันเต็มถังหรือให้เพียงพอ เช่นเดียวกับจากด่านมหาชัยไปบางปะอิน ระยะทางกว่า 110 กิโลเมตร มีสถานีบริการน้ำมัน 3 แห่ง บริเวณสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง ห่างจากด่านมหาชัย 1 เกือบ 100 กิโลเมตร รถที่มาจากถนนพระรามที่ 2 จากทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว ถึงทางแยกต่างระดับมหาชัย มีสถานีบริการน้ำมันบางจาก และ PTT Station (ท่าจีน) และจากทางแยกต่างระดับมหาชัย ถึงด่านมหาชัย 1 มีสถานีบริการน้ำมันพีที 2 แห่ง และ PTT Station (จิฟฟี่) หากเกิดเหตุฉุกเฉินบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ตำรวจทางหลวง โทร. 1193 ซึ่งจะมีสถานีตำรวจทางหลวงนครปฐมรับผิดชอบช่วงดังกล่าว ส่วนทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษบูรพาวิถี ของการท่างพิเศษแห่งประเทศไทย สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ EXAT Call Center โทร. 1543 โดยไม่ต้องลงจากรถ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก

    บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000

    เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ

    ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง

    ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง

    แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ

    ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง

    BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน
    จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน

    รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน
    เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี

    Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV
    ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000

    มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน
    ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน

    Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน
    เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda

    ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี
    เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา

    ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี
    รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก

    โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน
    ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

    https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    🚗 “BluSmart ล่มสลายสะท้อนวิกฤต EV มือสอง — เมื่อรถไฟฟ้ากลายเป็นสินทรัพย์เสื่อมราคาเร็วที่สุดในโลก” — จากความหวังสู่ความเสี่ยง: ตลาด EV มือสองกำลังสั่นคลอนทั่วโลก บทความจาก Rest of World เปิดเผยว่า BluSmart บริษัทเรียกรถไฟฟ้าชั้นนำของอินเดียล้มละลายกลางปี 2025 ท่ามกลางข้อกล่าวหาทางการเงิน และทิ้งไว้เบื้องหลังคือรถ EV หลายพันคันที่เคยมีมูลค่ากว่า $12,000 แต่กลับถูกขายทอดตลาดในราคาเพียง $3,000 เหตุการณ์นี้สะท้อนวิกฤตที่ใหญ่กว่าคือ “การเสื่อมราคาของรถ EV มือสอง” ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มรถเช่า, รถโลจิสติกส์ และฟลีทรถบริษัท ที่ต้องคำนวณต้นทุนอย่างแม่นยำ การเสื่อมราคาที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น Hertz บริษัทเช่ารถในสหรัฐฯ ที่เคยซื้อ Tesla 100,000 คันในปี 2021 ต้องขาดทุนกว่า $2.9 พันล้านในปี 2024 และขายรถ EV ที่ซื้อมาในราคาต่ำกว่าครึ่ง ปัญหาหลักคือ “ไม่มีใครรู้ว่ารถ EV มือสองควรมีมูลค่าเท่าไร” เพราะมูลค่าของรถผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานไม่แน่นอน ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมินจากระยะทางและการซ่อมบำรุง แม้ Tesla จะยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng แต่ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดที่ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่และการชาร์จ ในบางประเทศ เช่น จีน, นอร์เวย์ และคอสตาริกา ตลาด EV มือสองยังแข็งแรง เพราะผู้บริโภคเปิดรับเทคโนโลยีใหม่มากกว่า แต่ในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ความสงสัยยังสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องขับรถไกลหรือมีสภาพอากาศสุดขั้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่จากบริษัท Recurrent พบว่าแบตเตอรี่ EV เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี และรถที่ผลิตหลังปี 2016 มีอัตราการเปลี่ยนแบตต่ำมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อมือสอง ✅ BluSmart ล้มละลายกลางปี 2025 และขายรถ EV ในราคาต่ำกว่าทุน ➡️ จาก $12,000 เหลือเพียง $3,000 ต่อคัน ✅ รถ EV มือสองเสื่อมราคามากกว่ารถน้ำมัน ➡️ เช่น Tesla Model Y ปี 2023 เสื่อมถึง 42% ใน 2 ปี ✅ Hertz ขาดทุน $2.9 พันล้านจากการลงทุนในรถ EV ➡️ ขายรถที่ซื้อมา $40,000 ในราคาต่ำกว่า $20,000 ✅ มูลค่ารถ EV ผูกกับแบตเตอรี่ที่มีอายุไม่แน่นอน ➡️ ต่างจากรถน้ำมันที่มีมาตรฐานการประเมิน ✅ Tesla ยังรักษามูลค่าได้ดีกว่าคู่แข่งจีน ➡️ เช่น BYD, Nio, XPeng และ Omoda ✅ ตลาด EV มือสองแข็งแรงในประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยี ➡️ เช่น จีน, นอร์เวย์, คอสตาริกา ✅ ข้อมูลจาก Recurrent ชี้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมแค่ 1–2% ต่อปี ➡️ รถหลังปี 2016 มีอัตราเปลี่ยนแบตต่ำมาก ✅ โมเดล Battery-as-a-Service ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุน ➡️ ให้ผู้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น https://restofworld.org/2025/ev-depreciation-blusmart-collapse/
    RESTOFWORLD.ORG
    EVs are depreciating much faster than gas-powered cars
    Plummeting resale values are threatening to derail the world's transition to electric transportation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • “The Pivot: ปี 2025 จุดเปลี่ยนของอารยธรรมมนุษย์” — เมื่อ Charlie Stross มองโลกปัจจุบันผ่านเลนส์ไซไฟดิสโทเปีย และชี้ว่า ‘นี่คือปีที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน’

    ในบทความ “The Pivot” นักเขียนไซไฟชื่อดัง Charlie Stross สะท้อนภาพโลกในปี 2025 ว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ของอารยธรรมมนุษย์ คล้ายกับปี 1968 ที่เคยเป็นจุดเปลี่ยนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเปรียบเทียบโลกปัจจุบันกับนิยายไซไฟยุค 70s ที่เต็มไปด้วยมหาเศรษฐีผู้แยกตัวไปอวกาศ, สงคราม, ภาวะโลกร้อน และระบบเศรษฐกิจที่ใกล้ล่มสลาย

    Stross ชี้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วง “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน” ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยพลังงานจากฟอสซิลกำลังถูกแทนที่ด้วยพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว — จีนติดตั้งแผงโซลาร์ 198GW ภายใน 5 เดือน, EU มีไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเกิน 50% แล้ว และราคาพลังงานแสงอาทิตย์ถูกลงจน “ถูกเกินกว่าจะเพิกเฉย”

    เขาย้อนประวัติศาสตร์พลังงานจากยุคถ่านหิน → น้ำมัน → พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่ผูกกับเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังพังทลายลงอย่างช้า ๆ และจะกลายเป็น “สินทรัพย์ไร้ค่า” (stranded assets) ภายในไม่กี่ทศวรรษ

    Stross ยังเตือนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนี้:
    ความไม่มั่นคงทางการเมือง
    สงครามทรัพยากร
    การล่มสลายของระบบเกษตรกรรมจากภาวะโลกร้อน
    การสิ้นสุดของกฎ “กฎของมัวร์” (Moore’s Law) ที่เคยขับเคลื่อนเทคโนโลยี
    และการล่มสลายของระบบทุนนิยมแบบเสรีนิยมใหม่ (neoliberalism)

    เขาเรียกระบบเศรษฐกิจปัจจุบันว่า “Crapitalism” — ระบบที่เน้นการรีดกำไรจากผู้ใช้และธุรกิจรายย่อย โดยไม่สนใจความยั่งยืนหรืออนาคตของโลก

    สุดท้าย Stross สรุปว่า “สิ่งนี้จะหยุดลง เพราะมันไม่สามารถดำเนินต่อไปได้” — และปี 2025 คือจุดเริ่มต้นของการหยุดนั้น

    ปี 2025 คือ “จุดเปลี่ยน” ของอารยธรรมมนุษย์
    เปรียบเทียบกับปี 1968 ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงระบบโลก

    การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียนกำลังเกิดขึ้น
    จีนติดตั้งโซลาร์ 198GW ใน 5 เดือน, EU มีไฟฟ้าหมุนเวียนเกิน 50%

    ราคาพลังงานแสงอาทิตย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง
    ถูกกว่าการเผาถ่านหินในหลายกรณี

    ระบบเศรษฐกิจที่ผูกกับน้ำมันกำลังล่มสลาย
    สินทรัพย์น้ำมันจะกลายเป็น “stranded assets” ภายในไม่กี่ทศวรรษ

    ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
    เกิด “too-hot days” ที่พืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้

    Moore’s Law กำลังสิ้นสุด
    ความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ชะลอตัวลง

    ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ (neoliberalism) กำลังล่มสลาย
    ถูกแทนที่ด้วยระบบที่เน้นการรีดกำไรจากผู้ใช้และธุรกิจรายย่อย

    https://www.antipope.org/charlie/blog-static/2025/10/the-pivot-1.html
    🌍 “The Pivot: ปี 2025 จุดเปลี่ยนของอารยธรรมมนุษย์” — เมื่อ Charlie Stross มองโลกปัจจุบันผ่านเลนส์ไซไฟดิสโทเปีย และชี้ว่า ‘นี่คือปีที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน’ ในบทความ “The Pivot” นักเขียนไซไฟชื่อดัง Charlie Stross สะท้อนภาพโลกในปี 2025 ว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ของอารยธรรมมนุษย์ คล้ายกับปี 1968 ที่เคยเป็นจุดเปลี่ยนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเปรียบเทียบโลกปัจจุบันกับนิยายไซไฟยุค 70s ที่เต็มไปด้วยมหาเศรษฐีผู้แยกตัวไปอวกาศ, สงคราม, ภาวะโลกร้อน และระบบเศรษฐกิจที่ใกล้ล่มสลาย Stross ชี้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วง “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน” ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยพลังงานจากฟอสซิลกำลังถูกแทนที่ด้วยพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว — จีนติดตั้งแผงโซลาร์ 198GW ภายใน 5 เดือน, EU มีไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเกิน 50% แล้ว และราคาพลังงานแสงอาทิตย์ถูกลงจน “ถูกเกินกว่าจะเพิกเฉย” เขาย้อนประวัติศาสตร์พลังงานจากยุคถ่านหิน → น้ำมัน → พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่ผูกกับเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังพังทลายลงอย่างช้า ๆ และจะกลายเป็น “สินทรัพย์ไร้ค่า” (stranded assets) ภายในไม่กี่ทศวรรษ Stross ยังเตือนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนี้: 🌏 ความไม่มั่นคงทางการเมือง 🌏 สงครามทรัพยากร 🌏 การล่มสลายของระบบเกษตรกรรมจากภาวะโลกร้อน 🌏 การสิ้นสุดของกฎ “กฎของมัวร์” (Moore’s Law) ที่เคยขับเคลื่อนเทคโนโลยี 🌏 และการล่มสลายของระบบทุนนิยมแบบเสรีนิยมใหม่ (neoliberalism) เขาเรียกระบบเศรษฐกิจปัจจุบันว่า “Crapitalism” — ระบบที่เน้นการรีดกำไรจากผู้ใช้และธุรกิจรายย่อย โดยไม่สนใจความยั่งยืนหรืออนาคตของโลก สุดท้าย Stross สรุปว่า “สิ่งนี้จะหยุดลง เพราะมันไม่สามารถดำเนินต่อไปได้” — และปี 2025 คือจุดเริ่มต้นของการหยุดนั้น ✅ ปี 2025 คือ “จุดเปลี่ยน” ของอารยธรรมมนุษย์ ➡️ เปรียบเทียบกับปี 1968 ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงระบบโลก ✅ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียนกำลังเกิดขึ้น ➡️ จีนติดตั้งโซลาร์ 198GW ใน 5 เดือน, EU มีไฟฟ้าหมุนเวียนเกิน 50% ✅ ราคาพลังงานแสงอาทิตย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ➡️ ถูกกว่าการเผาถ่านหินในหลายกรณี ✅ ระบบเศรษฐกิจที่ผูกกับน้ำมันกำลังล่มสลาย ➡️ สินทรัพย์น้ำมันจะกลายเป็น “stranded assets” ภายในไม่กี่ทศวรรษ ✅ ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร ➡️ เกิด “too-hot days” ที่พืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ✅ Moore’s Law กำลังสิ้นสุด ➡️ ความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ชะลอตัวลง ✅ ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ (neoliberalism) กำลังล่มสลาย ➡️ ถูกแทนที่ด้วยระบบที่เน้นการรีดกำไรจากผู้ใช้และธุรกิจรายย่อย https://www.antipope.org/charlie/blog-static/2025/10/the-pivot-1.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูไปดูมาให้ทีมคนพันธ์ุเจตั้งทีมคณะพันธมิตรเจรุ่นที่สองต่อจากอาสนธิเลย ลูกดำเนินการสืบทอดต่อจากพ่อเลย เป็นนายกฯขึ้นมาล้างบางทุกๆเดอะแก๊งเดอะก๊กทั้งหมดที่ชั่วเลวในประเทศไทยเลย สามารถเชื่อมประสานงานกับเหล่าคนไทยดีๆทั่วประเทศมาตั้งทีมฮีโร่กอบกู้ชาติไทยเราได้ไม่ยาก,เชิญอดีตแกนนำพันธมิตรลูกหลานต่างๆทุกๆคณะทีมงานที่มาใจบริสุทธิ์ดีงามมาร่วมทีมบริหารประเทศในนามแกนนำรัฐบาลนายกฯเจนะ มีสิทธิพลิกฟื้นประเทศไทยสบายๆ ยึดคืนสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งบนบกและทะเลให้หมดเพราะไม่ผ่านระบบประชาธิปไตยด้านสภาผู้แทนฯแต่เริ่มแรกเหมือนmou43,44นี้ด้วย จึงชอบธรรมในการโมฆะสัมปทานของนายทุนปล้นทรัพยากรชาติไทยเราทัังหมด,ภายใน1-2ปี แค่ขายน้ำมันแบบอิหร่าน ลิตรละ1-2บาทเฉพาะในประเทศไทยเพื่อฟื้นฟูวิกฤติเศรษฐกิจไทยเราให้ขับเคลื่อนปกตินะ เราสบายแน่นอน ค่าน้ำมันขนส่ง รถขนส่งต่างๆบรรทุกๆต่างๆได้ซื้อน้ำมันลิตรละ1-2บาท ค่าขนส่งจะต่ำลงทันที ตลาดขายสินค้าต่างๆจะต้นทุนต่ำทั้งหมด สะดวกสบายต่อการทำตลาดทั้งหมด เช่น ตลาดซื้อขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มแอปต่างๆค่าขนส่งจะจบเลย คนจะมีทางเลือกเดินตลาดหลากหลายช่องทางอิสระเดินทางค้าขาย และท่องเที่ยว รวมถึงนัยยะต่างๆสาระพัด สินค้าจะราคาลดลง ค่าครองชีพจะลดลง เงินเฟ้อจะลดลง สาระพัดการดำเนินชีวิตจะประหยัดลง จากนั้นจะต่อยอดอะไรได้สาระพัดช่วยพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างไม่ลำบากเหมือนในอดีตเพราะต่างชาติปกครองด้านพลังงานน้ำมันชัดเจน มันยึดประเทศไทยผ่านบ่อน้ำมันผ่านด้านพลังงานนี้เองทั้งประเทศ,ปัญหาเขมรกับไทยก็เพราะฝรั่งอยู่เบื้องหลังเขมรร่วมกับเขมรเองด้วยอยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยและทรัพยากรมีค่าบนบกตลอดแนวพรมแดนไทยนี้เองจึงไม่จบไม่สิ้น.
    ..ลูกอาสนธิต้องเป็นนายกฯเลย

    https://youtube.com/watch?v=d8ugffgDix4&si=ocDT5Lx73rtJMXTm
    ดูไปดูมาให้ทีมคนพันธ์ุเจตั้งทีมคณะพันธมิตรเจรุ่นที่สองต่อจากอาสนธิเลย ลูกดำเนินการสืบทอดต่อจากพ่อเลย เป็นนายกฯขึ้นมาล้างบางทุกๆเดอะแก๊งเดอะก๊กทั้งหมดที่ชั่วเลวในประเทศไทยเลย สามารถเชื่อมประสานงานกับเหล่าคนไทยดีๆทั่วประเทศมาตั้งทีมฮีโร่กอบกู้ชาติไทยเราได้ไม่ยาก,เชิญอดีตแกนนำพันธมิตรลูกหลานต่างๆทุกๆคณะทีมงานที่มาใจบริสุทธิ์ดีงามมาร่วมทีมบริหารประเทศในนามแกนนำรัฐบาลนายกฯเจนะ มีสิทธิพลิกฟื้นประเทศไทยสบายๆ ยึดคืนสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งบนบกและทะเลให้หมดเพราะไม่ผ่านระบบประชาธิปไตยด้านสภาผู้แทนฯแต่เริ่มแรกเหมือนmou43,44นี้ด้วย จึงชอบธรรมในการโมฆะสัมปทานของนายทุนปล้นทรัพยากรชาติไทยเราทัังหมด,ภายใน1-2ปี แค่ขายน้ำมันแบบอิหร่าน ลิตรละ1-2บาทเฉพาะในประเทศไทยเพื่อฟื้นฟูวิกฤติเศรษฐกิจไทยเราให้ขับเคลื่อนปกตินะ เราสบายแน่นอน ค่าน้ำมันขนส่ง รถขนส่งต่างๆบรรทุกๆต่างๆได้ซื้อน้ำมันลิตรละ1-2บาท ค่าขนส่งจะต่ำลงทันที ตลาดขายสินค้าต่างๆจะต้นทุนต่ำทั้งหมด สะดวกสบายต่อการทำตลาดทั้งหมด เช่น ตลาดซื้อขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มแอปต่างๆค่าขนส่งจะจบเลย คนจะมีทางเลือกเดินตลาดหลากหลายช่องทางอิสระเดินทางค้าขาย และท่องเที่ยว รวมถึงนัยยะต่างๆสาระพัด สินค้าจะราคาลดลง ค่าครองชีพจะลดลง เงินเฟ้อจะลดลง สาระพัดการดำเนินชีวิตจะประหยัดลง จากนั้นจะต่อยอดอะไรได้สาระพัดช่วยพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างไม่ลำบากเหมือนในอดีตเพราะต่างชาติปกครองด้านพลังงานน้ำมันชัดเจน มันยึดประเทศไทยผ่านบ่อน้ำมันผ่านด้านพลังงานนี้เองทั้งประเทศ,ปัญหาเขมรกับไทยก็เพราะฝรั่งอยู่เบื้องหลังเขมรร่วมกับเขมรเองด้วยอยากได้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยและทรัพยากรมีค่าบนบกตลอดแนวพรมแดนไทยนี้เองจึงไม่จบไม่สิ้น. ..ลูกอาสนธิต้องเป็นนายกฯเลย https://youtube.com/watch?v=d8ugffgDix4&si=ocDT5Lx73rtJMXTm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 3

    ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2014 สถาบัน European Leadership Network (ELN) ได้ออกรายงานยาวประมาณ 20 หน้า ชื่อ Dangerous Brinkmanship: Close Military Encounters Between Russia and the West in 2014 บรรยายอย่างละเอียดถึงความประพฤติของรัสเซีย ซึ่งถ้าเปรียบกับนักเรียน ก็เป็นประเภทนักเรียนเกเร ที่ถูกครูใหญ่ดุประจาน ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ตอนเคารพธงชาติน่ะครับ

    ครูอี (ELN) บอกว่า ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการผนวกไครเมียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มจำนวน และเพิ่มความน่าระทึกใจขึ้นทุกที ครูอี นี่ท่าทางเข้มงวด แต่ขวัญอ่อนนะ ครูอีบอกว่า ผ่านมาแค่ 8 เดือน รัสเซียก่อเหตุ ประมาณ 40 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แยกการก่อเหตุ เป็น 3 ประเภท คือ

    – กึ่งปฏิบัติการประจำ (near routine)
    – ปฏิบัติการยั่วยุ (provacative nature)
    – ปฏิบัติการสร้างความเสียว (serious with evident risk of escalation)

    ปฏิบัติการสร้างความเสียวมี 3 ครั้ง ( น้อยจังคุณพี่ พวกขวัญอ่อนนี่ น่าจะให้เสียวมากกว่านี้หน่อยนะ เป็นการฝึกหัดให้อดทน)

    ครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มีนาคม 2014 รายการบินเฉี่ยวหัวครั้งแรก ผู้ถูกเฉี่ยวคือ เครื่อง SAS ขวัญใจคุณพี่ปูติน สงสัยจะแอบชอบแอร์สาวชาวสแกน (ฮา) บินขึ้นจาก กรุงโคเปนฮาเกน ก็เกือบจ้ะเอ๋กับเครื่องลาดตระเวนของรัสเซีย ที่ไม่เปิดเรดาร์ แหมเวลาแอบดูสาว ใครเขาเปิดไฟกันบ้างเนอะ

    ครั้งที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2014 นาย Eston Kohver เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเอสโทเนียอยู่ดีๆ ก็ ถูกสายลับรัสเซียดอดเข้ามาอุ้มตัวไปมอสโคว์ เหตุเกิดที่หน่วยปฏิบัติการ ประจำเขตแดนเอสโทเนียนั่นเอง ซึ่ง ครูอี ถือว่าเป็นเขตแดนของนาโต้

    นาย Kohver ถูกรัสเซียกล่าวหาว่ากำลังทำการจารกรรม เหตุการณ์นี้ทำให้ระบบการติดต่อขัดข้องไปหมด ก็คือล่มนั่นแหละ (communication jamming) และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ นายโอบามา ไปเยี่ยมบริเวณดังกล่าว และให้ความยืนยันซ้ำถึงความปลอดภัยของบรรดารัฐ ที่อยู่ในบริเวณทะเลบอลติก เช่น เอสโทเนีย

    แปลว่าการอุ้มเกิดขึ้น หลังจากนายโอบามาเพิ่งลุกกลับไป กลิ่นยังไม่ทันจางเลย ฮาจริง ครูอี นี่ก็พาซื่อ เล่าหมด

    นี่มันรายงานเรื่องสำคัญ หรือบทตลกกันแน่ ผมชักงงว่า หยิบเอกสารผิดหรือเปล่า
    ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2014 มีการตามล่าหาเรือดำน้ำ บริเวณเกาะเล็กเกาะน้อย ในน่านน้ำสวีเดน หน้ากรุงสต๊อกโฮมนั่นเอง สวีเดนยัวะจัด บอกพร้อมที่จะใช้อาวุธจัดการกับเรือดำน้ำ… ถ้าหาเจอ ….แต่ปรากฎว่าหาไม่เจอ แต่แน่ใจว่าเป็นเรือดำน้ำรัสเซีย เอะ ไม่เจอแล้วแน่ใจได้ยังไง แน่นอน เมื่อหาไม่เจอ จับไม่ได้คามือ รัสเซียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ใครจะไปรับกันง่ายๆ

    สวีเดนบอกว่า ปฏิบัติการล่าเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงที่สุดของสวีเดน นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวนะ

    เอ! สงสัยมันเป็นรายงานคนขวัญอ่อนจริงๆ แหละ ผมอ่านตอนแรกๆก็นึกว่า มีเรื่องน่าระทึกใจ นี่ขนาด 3 รายการรุนแรง มันยังอ่อนยวบอย่างนี้ ไอ้ที่เหลืออีก 30 กว่ารายการ ผมไม่บรรยายดีกว่านะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง เครืองบินรบของรัสเซีย บินเฉี่ยวไปโฉบมาไปทั่ว แถบบริเวณทะเลเหนือ ทะเลดำ ทะเลบอลติก ก็บ้านเขาอยู่ตรงนั้น ไม่บินแถวนั้นก็ประหลาดอยู่ ซึ่งพวกกินปลาดิบดองน้ำมันแถวนั้นคงขัดใจ ไม่ชอบให้เฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู ผ้าเช็ด ตากยังไม่ทันแห้ง เฉี่ยวหัว ต้องเช็ดกันอีกแล้ว

    แล้วรัสเซียทำอย่างนี้ทำไม ชอบถูกด่าหน้าเสาธงนักหรือ

    ครูอี บอกว่า ด้านการทหารวิเคราะห์ว่า รัสเซียกำลังทดสอบสมรรถนะของนาโต้ ดูความพร้อม ระยะเวลาของปฏิกิริยา และอาวุธของกองกำลังนาโต้

    เอ ครูอีครับ แต่สวีเดน กับฟินแลนด์ไม่ได้อยู่ในนาโต้นะครับ

    ครูอีไม่ตอบ แต่แจงเพิ่มว่า น่าสังเกตว่า การยั่วยุของรัสเซียจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการแวะมาเยี่ยมของพวกลูกพี่เสมอเช่น เมื่อนายโอบามาแวะมาเยี่ยมยุโรปกลาง รัสเซียก็เฉียวหัวให้ดู พอนายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนไปเยี่ยมแคนาดา คุณพี่ปูตินก็ส่งเครื่องโฉบผ่านหัวที่แคนาดา ไปสวัสดีช๊อกโกแลต ส่วนกรณีเรือดำน้ำ ที่แวะไปประทับตราวีซ่าขาเข้าให้ตัวเองแถวสก๊อตแลนด์ ที่ชาวเกาะใหญ่เรียกระดมพล ก็เป็นช่วงประชุมสุดยอดของนาโต้ที่ Wales ผมว่า คุณพี่ปูติน เขาก็เลือกจังหวะทักทายได้เหมาะสม ตามมารยาทดีนี่นะ

    แต่ครูอีไม่เห็นด้วย บอกว่า ถ้ารัสเซียทำตัวท้าทายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหตุการณ์มันจะพัฒนาไปถึงจุดที่ เป็นการยากสำหรับแต่ละฝ่ายที่จะหยุด หรือควบคุม

    ฮั่นแน่ ครูอี ขู่เป็นเหมือนกัน แต่เป็นการขูฝ้อเล็กๆ น่าเอ็นดู

    แต่สุ้มเสียงของสวีเดนเอง ดูเหมือนจะคนละรสกับครูอี นาย Johan Wiktorin เจ้าหน้าที่ประจำ Swedish Royal Acadamy of War Science วิเคราะห์ว่า เรือดำน้ำรัสเซียน่า เข้ามา เพื่อมาสำรวจ และทำแผนที่บริเวณน่านน้ำแถวนั้น และเป็นไปได้ว่ารัสเซียเข้ามาติดตั้งเครื่องจารกรรมใว้ใต้ท้องน้ำด้วย และเป็นการทดสอบระบบการป้องกันความมั่นคงของสวีเดนด้วย เป็นการวิเคราะห์ที่ดูเหมือนสวีเดนกำลังคิด (หรือ รู้ ) ว่า รัสเซียน่าจะกำลังมีแผน คิดทำการใหญ่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 3 ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2014 สถาบัน European Leadership Network (ELN) ได้ออกรายงานยาวประมาณ 20 หน้า ชื่อ Dangerous Brinkmanship: Close Military Encounters Between Russia and the West in 2014 บรรยายอย่างละเอียดถึงความประพฤติของรัสเซีย ซึ่งถ้าเปรียบกับนักเรียน ก็เป็นประเภทนักเรียนเกเร ที่ถูกครูใหญ่ดุประจาน ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ตอนเคารพธงชาติน่ะครับ ครูอี (ELN) บอกว่า ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการผนวกไครเมียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มจำนวน และเพิ่มความน่าระทึกใจขึ้นทุกที ครูอี นี่ท่าทางเข้มงวด แต่ขวัญอ่อนนะ ครูอีบอกว่า ผ่านมาแค่ 8 เดือน รัสเซียก่อเหตุ ประมาณ 40 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แยกการก่อเหตุ เป็น 3 ประเภท คือ – กึ่งปฏิบัติการประจำ (near routine) – ปฏิบัติการยั่วยุ (provacative nature) – ปฏิบัติการสร้างความเสียว (serious with evident risk of escalation) ปฏิบัติการสร้างความเสียวมี 3 ครั้ง ( น้อยจังคุณพี่ พวกขวัญอ่อนนี่ น่าจะให้เสียวมากกว่านี้หน่อยนะ เป็นการฝึกหัดให้อดทน) ครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มีนาคม 2014 รายการบินเฉี่ยวหัวครั้งแรก ผู้ถูกเฉี่ยวคือ เครื่อง SAS ขวัญใจคุณพี่ปูติน สงสัยจะแอบชอบแอร์สาวชาวสแกน (ฮา) บินขึ้นจาก กรุงโคเปนฮาเกน ก็เกือบจ้ะเอ๋กับเครื่องลาดตระเวนของรัสเซีย ที่ไม่เปิดเรดาร์ แหมเวลาแอบดูสาว ใครเขาเปิดไฟกันบ้างเนอะ ครั้งที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2014 นาย Eston Kohver เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเอสโทเนียอยู่ดีๆ ก็ ถูกสายลับรัสเซียดอดเข้ามาอุ้มตัวไปมอสโคว์ เหตุเกิดที่หน่วยปฏิบัติการ ประจำเขตแดนเอสโทเนียนั่นเอง ซึ่ง ครูอี ถือว่าเป็นเขตแดนของนาโต้ นาย Kohver ถูกรัสเซียกล่าวหาว่ากำลังทำการจารกรรม เหตุการณ์นี้ทำให้ระบบการติดต่อขัดข้องไปหมด ก็คือล่มนั่นแหละ (communication jamming) และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ นายโอบามา ไปเยี่ยมบริเวณดังกล่าว และให้ความยืนยันซ้ำถึงความปลอดภัยของบรรดารัฐ ที่อยู่ในบริเวณทะเลบอลติก เช่น เอสโทเนีย แปลว่าการอุ้มเกิดขึ้น หลังจากนายโอบามาเพิ่งลุกกลับไป กลิ่นยังไม่ทันจางเลย ฮาจริง ครูอี นี่ก็พาซื่อ เล่าหมด นี่มันรายงานเรื่องสำคัญ หรือบทตลกกันแน่ ผมชักงงว่า หยิบเอกสารผิดหรือเปล่า ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2014 มีการตามล่าหาเรือดำน้ำ บริเวณเกาะเล็กเกาะน้อย ในน่านน้ำสวีเดน หน้ากรุงสต๊อกโฮมนั่นเอง สวีเดนยัวะจัด บอกพร้อมที่จะใช้อาวุธจัดการกับเรือดำน้ำ… ถ้าหาเจอ ….แต่ปรากฎว่าหาไม่เจอ แต่แน่ใจว่าเป็นเรือดำน้ำรัสเซีย เอะ ไม่เจอแล้วแน่ใจได้ยังไง แน่นอน เมื่อหาไม่เจอ จับไม่ได้คามือ รัสเซียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ใครจะไปรับกันง่ายๆ สวีเดนบอกว่า ปฏิบัติการล่าเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงที่สุดของสวีเดน นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวนะ เอ! สงสัยมันเป็นรายงานคนขวัญอ่อนจริงๆ แหละ ผมอ่านตอนแรกๆก็นึกว่า มีเรื่องน่าระทึกใจ นี่ขนาด 3 รายการรุนแรง มันยังอ่อนยวบอย่างนี้ ไอ้ที่เหลืออีก 30 กว่ารายการ ผมไม่บรรยายดีกว่านะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง เครืองบินรบของรัสเซีย บินเฉี่ยวไปโฉบมาไปทั่ว แถบบริเวณทะเลเหนือ ทะเลดำ ทะเลบอลติก ก็บ้านเขาอยู่ตรงนั้น ไม่บินแถวนั้นก็ประหลาดอยู่ ซึ่งพวกกินปลาดิบดองน้ำมันแถวนั้นคงขัดใจ ไม่ชอบให้เฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู ผ้าเช็ด ตากยังไม่ทันแห้ง เฉี่ยวหัว ต้องเช็ดกันอีกแล้ว แล้วรัสเซียทำอย่างนี้ทำไม ชอบถูกด่าหน้าเสาธงนักหรือ ครูอี บอกว่า ด้านการทหารวิเคราะห์ว่า รัสเซียกำลังทดสอบสมรรถนะของนาโต้ ดูความพร้อม ระยะเวลาของปฏิกิริยา และอาวุธของกองกำลังนาโต้ เอ ครูอีครับ แต่สวีเดน กับฟินแลนด์ไม่ได้อยู่ในนาโต้นะครับ ครูอีไม่ตอบ แต่แจงเพิ่มว่า น่าสังเกตว่า การยั่วยุของรัสเซียจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการแวะมาเยี่ยมของพวกลูกพี่เสมอเช่น เมื่อนายโอบามาแวะมาเยี่ยมยุโรปกลาง รัสเซียก็เฉียวหัวให้ดู พอนายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนไปเยี่ยมแคนาดา คุณพี่ปูตินก็ส่งเครื่องโฉบผ่านหัวที่แคนาดา ไปสวัสดีช๊อกโกแลต ส่วนกรณีเรือดำน้ำ ที่แวะไปประทับตราวีซ่าขาเข้าให้ตัวเองแถวสก๊อตแลนด์ ที่ชาวเกาะใหญ่เรียกระดมพล ก็เป็นช่วงประชุมสุดยอดของนาโต้ที่ Wales ผมว่า คุณพี่ปูติน เขาก็เลือกจังหวะทักทายได้เหมาะสม ตามมารยาทดีนี่นะ แต่ครูอีไม่เห็นด้วย บอกว่า ถ้ารัสเซียทำตัวท้าทายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหตุการณ์มันจะพัฒนาไปถึงจุดที่ เป็นการยากสำหรับแต่ละฝ่ายที่จะหยุด หรือควบคุม ฮั่นแน่ ครูอี ขู่เป็นเหมือนกัน แต่เป็นการขูฝ้อเล็กๆ น่าเอ็นดู แต่สุ้มเสียงของสวีเดนเอง ดูเหมือนจะคนละรสกับครูอี นาย Johan Wiktorin เจ้าหน้าที่ประจำ Swedish Royal Acadamy of War Science วิเคราะห์ว่า เรือดำน้ำรัสเซียน่า เข้ามา เพื่อมาสำรวจ และทำแผนที่บริเวณน่านน้ำแถวนั้น และเป็นไปได้ว่ารัสเซียเข้ามาติดตั้งเครื่องจารกรรมใว้ใต้ท้องน้ำด้วย และเป็นการทดสอบระบบการป้องกันความมั่นคงของสวีเดนด้วย เป็นการวิเคราะห์ที่ดูเหมือนสวีเดนกำลังคิด (หรือ รู้ ) ว่า รัสเซียน่าจะกำลังมีแผน คิดทำการใหญ่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    บทส่งท้าย

    สาธยายปัจจัยสำคัญของทั้ง 2 ฝ่ายไปเรียบร้อย ฝ่ายรัสเซียดูจะมีความได้เปรียบอยู่หลายปัจจัย แต่ปัจจัยตัดสิน น่าจะเป็นเรื่องอาวุธ แต่ก่อนจะลงความเห็น ย้อนมาดูเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะให้เห็นภาพการเปิดฉากสงครามชัดเจนขึ้น คือความพร้อมที่จะทำสงครามของแต่ละฝ่าย

    น่าสนใจว่า อเมริกานั่นแหละ ที่มีเป้าหมายที่จะเป็นฝ่ายชิงโลกใบนี้มาเป็นของตน และเตะฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่พวกตน หรือขัดขวางความเป็นใหญ่ของอเมริกา ให้หลุดพ้นไปจากเส้นทางชิงโลกด้วยวิธีการต่างๆ ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างที่วิเคราะห์มาแต่ต้น แต่อเมริกาเป็นประเทศที่เดินแผน ตามเป้าหมาย อย่างมีขั้นตอนเสมอ แต่ขณะนี้ดูเหมือนจะเดินแผนผิด จนความพร้อม ดูจะกระพร่องกระแพร่งพิกลอยู่

    ช่วงตั้งแต่ รัฐบาลคาวบอยพ่อลูกเป็นต้นมา อเมริกามีนโยบายบุกมาตลอด และจัดสรรงบประมาณด้านกองทัพและอาวุธ เป็นจำนวนสูงอันดับแรกมาตลอด พร้อมกับการกระจาย กองกำลังและฐานทัพไปอยู่แทบจะทั้งโลก โดยเฉพาะที่ตะวันออกกลาง เพื่อชิงน้ำมัน รวมทั้งที่ยุโรปและแอตแลนติก เพื่อ เฝ้ารัสเซียไว้

    แต่พอมาถึงรัฐบาลโอบามา อเมริกาเริ่มรู้สึกฝืดคอ กลืนน้ำลายไม่สดวก จาก การโตเร็ว อ้วนท้วนสมบูรณ์ของจีน ประมาณปี คศ 2011 รัฐบาลโอมามา จึงประกาศปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เรียกว่า Strategic Pivot เปลี่ยนทิศ มุ่งหน้ามาทางแปซิฟิกแทน ให้คุณนายคลินตันเดินสายเสียโทรม เพื่อจะบอกกับลูกหาบแถวเอเซียว่า เรามาแล้ว เราไม่ได้หายไปไหน เราจะอยู่ตรงนี้แหละ ตรง Asia Pacific นี้แหละ พร้อมกับรื้อฟื้น ปัดฝุ่น ฐานทัพของตัวที่ปล่อยทิ้งๆข้วางไว้ เช่นที่ฟิลิปปีนส์ หรือ เตรียมสร้างใหม่ที่เวียตนาม แม้กระทั่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย ยังถูกจับเซ็นสัญญามัดสองทบเอาไว้อีกด้วย

    ขณะเดียวกันก็ประกาศ จะปรับน้ำหนักกองกำลังนอกประเทศ ที่วางไว้ 50:50 ระหว่าง แอตแลนติก กับแปซิฟิก เป็น 40:60 แทน รวมทั้งมีแผนจะ เปลี่ยนรูปแบบฐานทัพ ให้มีความคล่องตัว เป็นแบบกบกระโดดบนใบบัว Lily Pad. ทั้งหมดเพื่อ การควบคุมทะเลจีนใต้ เส้นทางขนส่งน้ำมันของจีน เป้าหมายของอเมริกา น่าจะเล็งไปที่จีนในช่วงนั้น (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่องยุทธการกบกระโดด)

    ดูเหมือนอเมริกา จะเดินหมากผิดตั้งแต่ตอนนั้น จะเป็นเพราะถูกหมากลวง ของอีกฝ่าย หรือฝีมืออ่านหมาก ของทีมนายโอบามาออกอ่าวเสียแล้วก็เป็นได้

    แค่นั้น คงยังออกอ่าวไกลไม่พอ ต้นปี ค.ศ. 2014 อเมริกาออกข่าวเพิ่มว่า มีแผนที่จะปรับปรุงกองกำลังของตนเอง ตามนโยบาย ที่อเมริกาเรียกว่า Right Sizing ขนาดกำลังเหมาะ เหมาะกับอะไร เหมาะกับเศรษฐกิจที่ กำลังเป็นลูกผีลูกคนของตนนั่นแหละ พร้อมกับมีแผนที่จะลดกองกำลังของตน ที่ไปทิ้งไว้ทั่วในต่างประเทศให้เล็กลง โดยเฉพาะที่อาฟกานิสถาน ถึงได้เอานาย Chuck Hagel มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อคุมการถอนกำลังจากอาฟกานิสถาน โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา

    แบบนี้ ฝ่ายรัสเซียน่าจะเห็นทางเดินหมาก ช่องโหว่ โป๊โล่งโจ้งของอเมริกา และใช้โอกาสนี้เดินหมากรุกเข้าไป ยึด Crimea ทันที เพื่อเป็นการป้องกันตัว จึงเหมือนเปลี่ยนจากเป็นฝ่ายรับ มารุกแทน และอเมริกา นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ท้าชิงในสงครามชิงโลก ก็กลายเป็นฝ่ายรับ ในเกมที่ตนเองสร้างขึ้น...

    หากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งคงจะผลัดกันออกฉากกับจีน เดินหน้าเล่นเกมลักษณะนี้ต่อไป น่าจะแปลได้ว่า ฝ่ายนี้พร้อมแล้ว พร้อมเล่นเกมทุกรูปแบบ

    แล้วอเมริกาล่ะพร้อมแบบไหน จะเล่นแบบเป็นฝ่ายรับต่อ หรือปรับกระบวนท่าใหม่ ปรับทันใหม่ ลูกพี่ ลูกหาบถามมา

    การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม เป็นการเปลี่ยน หรือ ปลด นายChuck Hagel กลางอากาศก็ตาม น่าจะแปลได้ว่า อเมริการู้แล้วว่า ตนเองเดินหมากด้านความมั่นคง ผิด มาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว และขณะนี้ เหมือนจะตกเป็นฝ่ายรับ และกำลังรีบแก้เกมอยู่ อีโบลา ISIS ล้วนเป็นการเอาออกมาแสดงสลับฉาก เบนความสนใจของโลก จากการที่อเมริกา กำลังเสียเชิงรัสเซียทั้งสิ้น ความรุนแรงต่างๆ อาจถูกสร้างให้เกิดขึ้น ในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก เป็นการเบนเป้าหมายต่อไป จนกว่า อเมริกาจะหาเข็มทิศเจอ และกลับเข้ามาเดินหมาก แบบรุกคืบในกระดานได้ใหม่

    สรุปว่า ในด้านความพร้อมรบ อเมริกาน่าจะยังไม่พร้อมเข้าฉากทำสงคราม คงตีกรรเชียง วนสักพักกว่าจะตั้งตัวติด และไม่ว่าจะเป็นการเข้าฉากสงครามจริงตอนไหน อเมริกาจะเล่นอาวุธหนักและแรง และเราอาจจะได้เห็นสงครามนิวเคลียร์ของจริง

    จากนี้ไป น่าจะมีความเคลื่อนไหวของหมากในกระดานเกมชิงโลก เริ่มทยอยเกิดขึ้น และหากการเคลื่อนไหว มีทีท่าเป็นการยกระดับความเข้มข้น ก็ชัดเจนว่า ฉากสงครามชิงโลกเริ่มแสดงแล้ว โปรดติดตามดูกัน

    ดินแดนส่วนที่มี โอกาสจะได้เห็นการขยับหมาก จากคู่ชิงและพวกทั้งสองฝ่าย ไล่มาตั้งแต่ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน ตุรกี เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน อาฟกานิสถาน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คิวบา และอาจจะที่อเมริกาเอง ....

    มีโอกาสจะมาเล่าต่อครับว่า เริ่มที่ไหน เพราะอะไร และผลกระทบจะเป็นอย่างไร ระหว่างนี้เป็นช่วงติดตามดู

    อย่าลืมนะครับ โลกใบนี้ก็ของเราทุกคนเหมือนกัน มีสิทธิยืนบนโลกนี้เท่ากันด้วยเท้า 2 ข้างของเรา เท่ากันทุกคน ใจคอจะไม่ให้ความสนใจติดตามกันเลยหรือ ว่าเท้าของเราจะยังมีที่เหลือให้ยืนอยู่อีกหรือเปล่า และเหลือแบบไหน !!!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 ธค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” บทส่งท้าย สาธยายปัจจัยสำคัญของทั้ง 2 ฝ่ายไปเรียบร้อย ฝ่ายรัสเซียดูจะมีความได้เปรียบอยู่หลายปัจจัย แต่ปัจจัยตัดสิน น่าจะเป็นเรื่องอาวุธ แต่ก่อนจะลงความเห็น ย้อนมาดูเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะให้เห็นภาพการเปิดฉากสงครามชัดเจนขึ้น คือความพร้อมที่จะทำสงครามของแต่ละฝ่าย น่าสนใจว่า อเมริกานั่นแหละ ที่มีเป้าหมายที่จะเป็นฝ่ายชิงโลกใบนี้มาเป็นของตน และเตะฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่พวกตน หรือขัดขวางความเป็นใหญ่ของอเมริกา ให้หลุดพ้นไปจากเส้นทางชิงโลกด้วยวิธีการต่างๆ ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างที่วิเคราะห์มาแต่ต้น แต่อเมริกาเป็นประเทศที่เดินแผน ตามเป้าหมาย อย่างมีขั้นตอนเสมอ แต่ขณะนี้ดูเหมือนจะเดินแผนผิด จนความพร้อม ดูจะกระพร่องกระแพร่งพิกลอยู่ ช่วงตั้งแต่ รัฐบาลคาวบอยพ่อลูกเป็นต้นมา อเมริกามีนโยบายบุกมาตลอด และจัดสรรงบประมาณด้านกองทัพและอาวุธ เป็นจำนวนสูงอันดับแรกมาตลอด พร้อมกับการกระจาย กองกำลังและฐานทัพไปอยู่แทบจะทั้งโลก โดยเฉพาะที่ตะวันออกกลาง เพื่อชิงน้ำมัน รวมทั้งที่ยุโรปและแอตแลนติก เพื่อ เฝ้ารัสเซียไว้ แต่พอมาถึงรัฐบาลโอบามา อเมริกาเริ่มรู้สึกฝืดคอ กลืนน้ำลายไม่สดวก จาก การโตเร็ว อ้วนท้วนสมบูรณ์ของจีน ประมาณปี คศ 2011 รัฐบาลโอมามา จึงประกาศปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เรียกว่า Strategic Pivot เปลี่ยนทิศ มุ่งหน้ามาทางแปซิฟิกแทน ให้คุณนายคลินตันเดินสายเสียโทรม เพื่อจะบอกกับลูกหาบแถวเอเซียว่า เรามาแล้ว เราไม่ได้หายไปไหน เราจะอยู่ตรงนี้แหละ ตรง Asia Pacific นี้แหละ พร้อมกับรื้อฟื้น ปัดฝุ่น ฐานทัพของตัวที่ปล่อยทิ้งๆข้วางไว้ เช่นที่ฟิลิปปีนส์ หรือ เตรียมสร้างใหม่ที่เวียตนาม แม้กระทั่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย ยังถูกจับเซ็นสัญญามัดสองทบเอาไว้อีกด้วย ขณะเดียวกันก็ประกาศ จะปรับน้ำหนักกองกำลังนอกประเทศ ที่วางไว้ 50:50 ระหว่าง แอตแลนติก กับแปซิฟิก เป็น 40:60 แทน รวมทั้งมีแผนจะ เปลี่ยนรูปแบบฐานทัพ ให้มีความคล่องตัว เป็นแบบกบกระโดดบนใบบัว Lily Pad. ทั้งหมดเพื่อ การควบคุมทะเลจีนใต้ เส้นทางขนส่งน้ำมันของจีน เป้าหมายของอเมริกา น่าจะเล็งไปที่จีนในช่วงนั้น (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่องยุทธการกบกระโดด) ดูเหมือนอเมริกา จะเดินหมากผิดตั้งแต่ตอนนั้น จะเป็นเพราะถูกหมากลวง ของอีกฝ่าย หรือฝีมืออ่านหมาก ของทีมนายโอบามาออกอ่าวเสียแล้วก็เป็นได้ แค่นั้น คงยังออกอ่าวไกลไม่พอ ต้นปี ค.ศ. 2014 อเมริกาออกข่าวเพิ่มว่า มีแผนที่จะปรับปรุงกองกำลังของตนเอง ตามนโยบาย ที่อเมริกาเรียกว่า Right Sizing ขนาดกำลังเหมาะ เหมาะกับอะไร เหมาะกับเศรษฐกิจที่ กำลังเป็นลูกผีลูกคนของตนนั่นแหละ พร้อมกับมีแผนที่จะลดกองกำลังของตน ที่ไปทิ้งไว้ทั่วในต่างประเทศให้เล็กลง โดยเฉพาะที่อาฟกานิสถาน ถึงได้เอานาย Chuck Hagel มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อคุมการถอนกำลังจากอาฟกานิสถาน โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา แบบนี้ ฝ่ายรัสเซียน่าจะเห็นทางเดินหมาก ช่องโหว่ โป๊โล่งโจ้งของอเมริกา และใช้โอกาสนี้เดินหมากรุกเข้าไป ยึด Crimea ทันที เพื่อเป็นการป้องกันตัว จึงเหมือนเปลี่ยนจากเป็นฝ่ายรับ มารุกแทน และอเมริกา นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ท้าชิงในสงครามชิงโลก ก็กลายเป็นฝ่ายรับ ในเกมที่ตนเองสร้างขึ้น... หากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งคงจะผลัดกันออกฉากกับจีน เดินหน้าเล่นเกมลักษณะนี้ต่อไป น่าจะแปลได้ว่า ฝ่ายนี้พร้อมแล้ว พร้อมเล่นเกมทุกรูปแบบ แล้วอเมริกาล่ะพร้อมแบบไหน จะเล่นแบบเป็นฝ่ายรับต่อ หรือปรับกระบวนท่าใหม่ ปรับทันใหม่ ลูกพี่ ลูกหาบถามมา การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม เป็นการเปลี่ยน หรือ ปลด นายChuck Hagel กลางอากาศก็ตาม น่าจะแปลได้ว่า อเมริการู้แล้วว่า ตนเองเดินหมากด้านความมั่นคง ผิด มาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว และขณะนี้ เหมือนจะตกเป็นฝ่ายรับ และกำลังรีบแก้เกมอยู่ อีโบลา ISIS ล้วนเป็นการเอาออกมาแสดงสลับฉาก เบนความสนใจของโลก จากการที่อเมริกา กำลังเสียเชิงรัสเซียทั้งสิ้น ความรุนแรงต่างๆ อาจถูกสร้างให้เกิดขึ้น ในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก เป็นการเบนเป้าหมายต่อไป จนกว่า อเมริกาจะหาเข็มทิศเจอ และกลับเข้ามาเดินหมาก แบบรุกคืบในกระดานได้ใหม่ สรุปว่า ในด้านความพร้อมรบ อเมริกาน่าจะยังไม่พร้อมเข้าฉากทำสงคราม คงตีกรรเชียง วนสักพักกว่าจะตั้งตัวติด และไม่ว่าจะเป็นการเข้าฉากสงครามจริงตอนไหน อเมริกาจะเล่นอาวุธหนักและแรง และเราอาจจะได้เห็นสงครามนิวเคลียร์ของจริง จากนี้ไป น่าจะมีความเคลื่อนไหวของหมากในกระดานเกมชิงโลก เริ่มทยอยเกิดขึ้น และหากการเคลื่อนไหว มีทีท่าเป็นการยกระดับความเข้มข้น ก็ชัดเจนว่า ฉากสงครามชิงโลกเริ่มแสดงแล้ว โปรดติดตามดูกัน ดินแดนส่วนที่มี โอกาสจะได้เห็นการขยับหมาก จากคู่ชิงและพวกทั้งสองฝ่าย ไล่มาตั้งแต่ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน ตุรกี เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน อาฟกานิสถาน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คิวบา และอาจจะที่อเมริกาเอง .... มีโอกาสจะมาเล่าต่อครับว่า เริ่มที่ไหน เพราะอะไร และผลกระทบจะเป็นอย่างไร ระหว่างนี้เป็นช่วงติดตามดู อย่าลืมนะครับ โลกใบนี้ก็ของเราทุกคนเหมือนกัน มีสิทธิยืนบนโลกนี้เท่ากันด้วยเท้า 2 ข้างของเรา เท่ากันทุกคน ใจคอจะไม่ให้ความสนใจติดตามกันเลยหรือ ว่าเท้าของเราจะยังมีที่เหลือให้ยืนอยู่อีกหรือเปล่า และเหลือแบบไหน !!! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 13

    ส่วนกองกำลังนอกระบบนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารเกณฑ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากอังกฤษและแถบยุโรป เมื่อปลดประจำการ แต่ยังติดใจรสชาติการต่อสู้อยู่ ก็พากันไปเป็นทหารรับจ้าง Mercenaries ในแถบอาฟริกา และเมืองต่างๆที่เคยเป็นอาณานิคม และดิ้นรนที่จะให้หลุดพ้นจากการปกครอง ของพวกนักล่าอาณานิคม

    หลังสงครามเย็นเลิก และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา บรรดารัฐต่างๆ ที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกับที่อเมริกา ก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อเป็นอิสระของรัฐเหล่านั้น อเมริกาไม่ใช้กองทัพของตนเข้าไปทั้งหมด แต่ว่าจ้างให้กลุ่มนักรบเข้าไป ทำการแทน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพวก Contractors ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Mercenaries นัก และเมื่อมีการเข้าไปสำรวจ ขุดเจาะ ทรัพยากรในตะวันออกกลาง อาฟริกา ลาตินอเมริกา ฯลฯ พวกที่เข้าไปสำรวจ ก็จ้างนักรบเข้าไปดูแลทรัพย์สินและเจ้าหน้าที่ของตนด้วย Contractors จึงมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกกันว่า Private Military Contractors หรือ (PMC) หรือ Private Security Contractors (PSC)

    สำหรับอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคาวบอย Bush, Clinton รวมถึง Obama ล้วนใช้บริการของ Contractors ทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ สหประชาชาติเอง ในการส่งกองกำลังของสหประชาชาติ ไปดูแลความสงบในประเทศใดๆ ที่อ้างว่ามีทหารจากประเทศสมาชิกส่งไปนั้น ของจริงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Contractors ทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีการปะทะกันรุนแรง

    อเมริกาเลือกใช้บริการของ Contractors เพื่อหลีกเลี่ยงการแถลงความจริงต่อสภาสูง เนื่องจากการส่งกองทัพไปประจำที่ใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสูง และที่สำคัญ การใช้ Contractors มี ความคล่องตัวในการย้ายกองกำลังและทุนที่ใช้ โดยใช้ผ่านงบลับต่างๆ ซึ่งอเมริกาชำนาญการเดินเรื่องแบบสีเทาใต้โต๊ะเช่นนี้อยู่แล้ว และหากมีปัญหาอะไร การเก็บกวาดง่ายกว่าเป็นกองทัพ

    อเมริกาส่งกองกำลัง Contractors ไปทุกแห่ง ทั้งแถบอดีตสหภาพโซเวียต อาฟริกา ลาติน อาฟกานิสถาน เอเซีย ตะวันออกกลาง สำหรับตะวันออกกลางนั้น มีรายงานบอกว่า เมื่อสมัยทำสงครามอ่าว อัตราส่วนระหว่างพลประจำกองทัพ กับพวก Contractors ประมาณ 1:50 แต่เมื่ออเมริกาเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก และอาฟกานิสถาน จำนวนของ Contractors มีจำนวนมากกว่า จำนวนทหารในกองทัพเสียอีก !
    ช่วงอเมริกาขยิ้อิรัก เขาว่าบริษัท Contractors งอก ขึ้นมาเป็นร้อย ในช่วงสูงสุดใช้ถึง 500 บริษัท มีทั้งบริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและเป็นที่รู้กันว่า ในการรบ ปะทะ ยึดเมือง ทั้งหมด เกือบทุกรายการของอเมริกา ใช้ Contractors เป็นหัวเจาะนำเข้าไปก่อน และคุมพื้นที่ให้จนเรียบร้อย กองทัพตัวจริงจึงเข้ามา ดังนั้นความใหญ่ กร่าง และราคาของ Contractors จึงสูงขึ้นตามไปด้วย

    Contractors ส่วน ใหญ่ มีคนในรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ เป็นผู้มีส่วนจัดตั้ง ดูแล ส่งงานให้ และเป็นลูกพี่คุ้มหัวให้อีกต่อ เป็นธุรกิจมืดที่โด่งดัง มีอิทธิพล และราคาสูงจนน่าตกใจของอเมริกา

    Contractors ระดับ เจ้าพ่อของอเมริกา ที่สามารถระดมพลได้เป็นเรือนแสน และรับงานได้ทุกระดับความอันตราย ทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด ที่โด่งดัง มีอยู่ไม่เกิน 5 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ Blackwater !

    ผมเคยเล่าเรื่อง Blackwater ให้ฟังกันประมาณกลางปีนี้ ในบทความนิทาน “หวังว่าเป็นเพียงข่าวลือ” สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือจำไม่ได้ ผมจะทบทวนให้ฟังเล็กน้อย

    Blackwater ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีที่ชอบการต่อสู้ เขาเป็นอดีตนาวิกโยธิน และประจำหน่วย Seal ฝีมือดีของกองทัพอเมริกา Blackwater รับงานระดับจัดหนัก hardcore ทั้งสิ้น เช่น ปฎิบัติการที่ อาฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ฯลฯ การเก็บผู้ก่อการร้ายสำคัญ ล้วนเป็นฝีมือของพวก Blackwater เป็นส่วนมาก ค่าจ้างของ Blackwater เป็นหลักพันล้านเหรียญขึ้นไป ธุรกิจของ Blackwaterไปได้สวยและโด่งดังมาก จน Blackwater ไปสะดุดหัวแม่เท้าของใครไม่ทราบ ปี ค.ศ.2009 ลูกน้องของเขาถูกจับและถูกสอบสวน กรณีทำให้ชาวบ้านตายที่อิรัก ส่วนตัวนาย Prince ถูกเล่นงานด้วยข้อหาหนีภาษี

    ข่าวบอกว่า Eric Prince ขายหุ้นใน Blackwater ทิ้งในปี ค.ศ.2010 และตัวเขาหลบไปอยู่ที่ Abu Dhabi บ้างก็ว่าไปอยู่ฮ่องกง ส่วน Blackwater เปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนชื่อเป็น Academi

    แต่นาย Eric Prince ไม่ได้ทิ้งงาน Contractors ไปจริงๆหรอก มีข่าวว่า เขาเข้าไปทำธุรกิจที่อาฟริกา ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Frontier Resource Group อ้างว่าเป็นการลงทุนด้าน infrastructure ใน อาฟริการ่วมกับบริษัทจีน แถบซูดาน คองโก และไนจีเรีย จริงๆก็คือไปดูแลธุรกิจของจีน และนักลงทุนจีน ที่เข้าไปอยู่กันเต็มในอาฟริกา ตั้งแต่ปี คศ 2000 เป็นต้นมา
    หลังจากนั้นก็มีข่าวทยอยมาอีกว่า Frontier ไม่ ได้รับงานแค่ 3 ประเทศ แต่ดูแลไปถึง เคนยา, แองโกลา, เอธิโอเปีย, แทนซาเนีย, ยูกานดา, พิทแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระอยู่ในโซมาเลีย ก็เกือบหมดอาฟริกานั่นแหละ !

    ที่อาฟริกา Frontier ของนาย Eric Prince ทำงานร่วมกับ Contractors ระดับเจ้าพ่ออีกรายชื่อ บริษัท Saracen ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่ง เช่นที่ South Africa และ Lebanon เจ้าของ Saracenเป็นใคร ข้อมูลบางรายบอกว่าเป็นของนาย Lafras Luitingh บ้าง บางรายก็บอกว่านาย Luitingh ก็เป็นคู่หูของนาย Eric Prince นั่นแหละ

    Saracen มีฐานสำคัญอยู่อีก 2 ที่ ที่หนึ่งคือ Somalia อีกที่หนึ่งคือ Kosovo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Poland ลองเดาดูกันมั่งครับ ว่ามีความหมายอย่างไร

    ท่านผู้อ่านคงสงสัย ผมเล่าเรื่องนาย Eric Prince และ Frontier กับ Saracen ทำไมยืดยาว

    เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.2014 South China Morning Post ลงข่าวแบบไม่ตีปีบว่า หุ้น DVN Holding ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายJohnson Ko Chun-shun และ Citic Group ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ทะยานขึ้น 7.3% ตั้งแต่มีการตั้งนาย Eric Prince อดีตเจ้าของบริษัท Blackwater ที่อื้อฉาวเป็นประธานบริษัท DVN ยังให้ สิทธิ Option ในการซื้อหุ้นแก่นาย Eric อีกด้วย DVN เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง !

    เรื่องนี้คงไม่เป็นแค่ข่าวลือ เพราะ South China ลงข่าวอย่างเป็นทางการ

    และหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน วันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ก็มีการแถลงข่าวที่อเมริกาว่า Academi (ชื่อใหม่ของ Blackwater ที่นาย Prince อ้างว่า ขายไปแล้ว) และบริษัท Contractors อีก 5 บริษัท ได้ควบรวมกับ Triple Canopy และตั้งเป็นบริษัท Contractors ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ Constellis Holding ถือเป็นข่าวสะท้านวงการของพวกกองกำลังนอกระบบ และเสทือนไปถึงกองกำลังในระบบของอเมริกา !

    ในวงการเขาเล่ากันว่า นาย Eric Prince นั้นคุมกองกำลังพวก Contractors ประมาณ 30 % ของ Contractors ทั้งหมด ส่วน Constellis คุมอีก 40% ที่เหลือน่าจะเป็นของ Dyn Corp (ซึ่งเป็นของพวกทหาร ที่ออกมาจากหน่วย Special Force เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มนี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นนักรบรับจ้างตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยเข้าไปใน Bosnia, Kosovo) และบริษัทรายย่อย

    สำหรับนาย Eric Prince คงชัดเจนว่าแปรพักตร์ไปเรียบร้อยแล้วจากอเมริกา เขาเป็นผู้ชำนาญการแถบตะวันออกกลาง ถ้าดูระยะเวลาเมื่อดอก ISIS บาน ที่อิรักเมื่อกลางปี ค.ศ.2014 และพวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลางกลุ่มซาอุดิ พยายามกดดันให้อเมริกาส่งกองกำลังไปจัดการ คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อเมริกาจะเอากองกำลังนอกระบบที่ไหน ที่จะเข้าไปไล่จับ ISIS ในตะวันออกกลาง อย่างน้อยกองกำลังนอกระบบก็หายไปแล้ว 30% ที่เหลืออยู่ใช่ว่าจะอยู่ว่างๆเดินเล่น ต่างก็อาจติดภาระกิจที่ทำสัญญากันไว้แล้ว

    และถ้าปรากฏว่า Constellis Holding นั้น ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับนาย Eric Prince ด้วย แล้ว อเมริกาคงเหนื่อยแน่ ดูจากสีหน้าอันโทรมจัดของนายโอบามา ระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อไปโผล่หน้าที่แดนมังกร ฝืนยิ้มได้ฝืดตลอดรายการ ก็เกือบจะเชื่อแล้วว่ามีการย้ายฝั่งกันจริง นายโอบามาคงจะเดินเสียวสันหลังตลอดเวลาที่อยู่แดนมังกร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อเมริกาจะแก้เกมอันนี้อย่างไรล่ะ ก็ต้องพึ่งกองกำลังในระบบคือกองทัพอย่างเดียว มิน่าเล่า นาย Chuck Hagel รัฐมนตรีกลาโหม ถึงได้ร้องเพลงถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้นายโอบามาบีบหรอกครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 13 ส่วนกองกำลังนอกระบบนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารเกณฑ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากอังกฤษและแถบยุโรป เมื่อปลดประจำการ แต่ยังติดใจรสชาติการต่อสู้อยู่ ก็พากันไปเป็นทหารรับจ้าง Mercenaries ในแถบอาฟริกา และเมืองต่างๆที่เคยเป็นอาณานิคม และดิ้นรนที่จะให้หลุดพ้นจากการปกครอง ของพวกนักล่าอาณานิคม หลังสงครามเย็นเลิก และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา บรรดารัฐต่างๆ ที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกับที่อเมริกา ก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อเป็นอิสระของรัฐเหล่านั้น อเมริกาไม่ใช้กองทัพของตนเข้าไปทั้งหมด แต่ว่าจ้างให้กลุ่มนักรบเข้าไป ทำการแทน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพวก Contractors ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Mercenaries นัก และเมื่อมีการเข้าไปสำรวจ ขุดเจาะ ทรัพยากรในตะวันออกกลาง อาฟริกา ลาตินอเมริกา ฯลฯ พวกที่เข้าไปสำรวจ ก็จ้างนักรบเข้าไปดูแลทรัพย์สินและเจ้าหน้าที่ของตนด้วย Contractors จึงมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกกันว่า Private Military Contractors หรือ (PMC) หรือ Private Security Contractors (PSC) สำหรับอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคาวบอย Bush, Clinton รวมถึง Obama ล้วนใช้บริการของ Contractors ทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ สหประชาชาติเอง ในการส่งกองกำลังของสหประชาชาติ ไปดูแลความสงบในประเทศใดๆ ที่อ้างว่ามีทหารจากประเทศสมาชิกส่งไปนั้น ของจริงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Contractors ทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีการปะทะกันรุนแรง อเมริกาเลือกใช้บริการของ Contractors เพื่อหลีกเลี่ยงการแถลงความจริงต่อสภาสูง เนื่องจากการส่งกองทัพไปประจำที่ใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสูง และที่สำคัญ การใช้ Contractors มี ความคล่องตัวในการย้ายกองกำลังและทุนที่ใช้ โดยใช้ผ่านงบลับต่างๆ ซึ่งอเมริกาชำนาญการเดินเรื่องแบบสีเทาใต้โต๊ะเช่นนี้อยู่แล้ว และหากมีปัญหาอะไร การเก็บกวาดง่ายกว่าเป็นกองทัพ อเมริกาส่งกองกำลัง Contractors ไปทุกแห่ง ทั้งแถบอดีตสหภาพโซเวียต อาฟริกา ลาติน อาฟกานิสถาน เอเซีย ตะวันออกกลาง สำหรับตะวันออกกลางนั้น มีรายงานบอกว่า เมื่อสมัยทำสงครามอ่าว อัตราส่วนระหว่างพลประจำกองทัพ กับพวก Contractors ประมาณ 1:50 แต่เมื่ออเมริกาเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก และอาฟกานิสถาน จำนวนของ Contractors มีจำนวนมากกว่า จำนวนทหารในกองทัพเสียอีก ! ช่วงอเมริกาขยิ้อิรัก เขาว่าบริษัท Contractors งอก ขึ้นมาเป็นร้อย ในช่วงสูงสุดใช้ถึง 500 บริษัท มีทั้งบริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและเป็นที่รู้กันว่า ในการรบ ปะทะ ยึดเมือง ทั้งหมด เกือบทุกรายการของอเมริกา ใช้ Contractors เป็นหัวเจาะนำเข้าไปก่อน และคุมพื้นที่ให้จนเรียบร้อย กองทัพตัวจริงจึงเข้ามา ดังนั้นความใหญ่ กร่าง และราคาของ Contractors จึงสูงขึ้นตามไปด้วย Contractors ส่วน ใหญ่ มีคนในรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ เป็นผู้มีส่วนจัดตั้ง ดูแล ส่งงานให้ และเป็นลูกพี่คุ้มหัวให้อีกต่อ เป็นธุรกิจมืดที่โด่งดัง มีอิทธิพล และราคาสูงจนน่าตกใจของอเมริกา Contractors ระดับ เจ้าพ่อของอเมริกา ที่สามารถระดมพลได้เป็นเรือนแสน และรับงานได้ทุกระดับความอันตราย ทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด ที่โด่งดัง มีอยู่ไม่เกิน 5 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ Blackwater ! ผมเคยเล่าเรื่อง Blackwater ให้ฟังกันประมาณกลางปีนี้ ในบทความนิทาน “หวังว่าเป็นเพียงข่าวลือ” สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือจำไม่ได้ ผมจะทบทวนให้ฟังเล็กน้อย Blackwater ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีที่ชอบการต่อสู้ เขาเป็นอดีตนาวิกโยธิน และประจำหน่วย Seal ฝีมือดีของกองทัพอเมริกา Blackwater รับงานระดับจัดหนัก hardcore ทั้งสิ้น เช่น ปฎิบัติการที่ อาฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ฯลฯ การเก็บผู้ก่อการร้ายสำคัญ ล้วนเป็นฝีมือของพวก Blackwater เป็นส่วนมาก ค่าจ้างของ Blackwater เป็นหลักพันล้านเหรียญขึ้นไป ธุรกิจของ Blackwaterไปได้สวยและโด่งดังมาก จน Blackwater ไปสะดุดหัวแม่เท้าของใครไม่ทราบ ปี ค.ศ.2009 ลูกน้องของเขาถูกจับและถูกสอบสวน กรณีทำให้ชาวบ้านตายที่อิรัก ส่วนตัวนาย Prince ถูกเล่นงานด้วยข้อหาหนีภาษี ข่าวบอกว่า Eric Prince ขายหุ้นใน Blackwater ทิ้งในปี ค.ศ.2010 และตัวเขาหลบไปอยู่ที่ Abu Dhabi บ้างก็ว่าไปอยู่ฮ่องกง ส่วน Blackwater เปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนชื่อเป็น Academi แต่นาย Eric Prince ไม่ได้ทิ้งงาน Contractors ไปจริงๆหรอก มีข่าวว่า เขาเข้าไปทำธุรกิจที่อาฟริกา ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Frontier Resource Group อ้างว่าเป็นการลงทุนด้าน infrastructure ใน อาฟริการ่วมกับบริษัทจีน แถบซูดาน คองโก และไนจีเรีย จริงๆก็คือไปดูแลธุรกิจของจีน และนักลงทุนจีน ที่เข้าไปอยู่กันเต็มในอาฟริกา ตั้งแต่ปี คศ 2000 เป็นต้นมา หลังจากนั้นก็มีข่าวทยอยมาอีกว่า Frontier ไม่ ได้รับงานแค่ 3 ประเทศ แต่ดูแลไปถึง เคนยา, แองโกลา, เอธิโอเปีย, แทนซาเนีย, ยูกานดา, พิทแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระอยู่ในโซมาเลีย ก็เกือบหมดอาฟริกานั่นแหละ ! ที่อาฟริกา Frontier ของนาย Eric Prince ทำงานร่วมกับ Contractors ระดับเจ้าพ่ออีกรายชื่อ บริษัท Saracen ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่ง เช่นที่ South Africa และ Lebanon เจ้าของ Saracenเป็นใคร ข้อมูลบางรายบอกว่าเป็นของนาย Lafras Luitingh บ้าง บางรายก็บอกว่านาย Luitingh ก็เป็นคู่หูของนาย Eric Prince นั่นแหละ Saracen มีฐานสำคัญอยู่อีก 2 ที่ ที่หนึ่งคือ Somalia อีกที่หนึ่งคือ Kosovo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Poland ลองเดาดูกันมั่งครับ ว่ามีความหมายอย่างไร ท่านผู้อ่านคงสงสัย ผมเล่าเรื่องนาย Eric Prince และ Frontier กับ Saracen ทำไมยืดยาว เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.2014 South China Morning Post ลงข่าวแบบไม่ตีปีบว่า หุ้น DVN Holding ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายJohnson Ko Chun-shun และ Citic Group ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ทะยานขึ้น 7.3% ตั้งแต่มีการตั้งนาย Eric Prince อดีตเจ้าของบริษัท Blackwater ที่อื้อฉาวเป็นประธานบริษัท DVN ยังให้ สิทธิ Option ในการซื้อหุ้นแก่นาย Eric อีกด้วย DVN เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ! เรื่องนี้คงไม่เป็นแค่ข่าวลือ เพราะ South China ลงข่าวอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน วันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ก็มีการแถลงข่าวที่อเมริกาว่า Academi (ชื่อใหม่ของ Blackwater ที่นาย Prince อ้างว่า ขายไปแล้ว) และบริษัท Contractors อีก 5 บริษัท ได้ควบรวมกับ Triple Canopy และตั้งเป็นบริษัท Contractors ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ Constellis Holding ถือเป็นข่าวสะท้านวงการของพวกกองกำลังนอกระบบ และเสทือนไปถึงกองกำลังในระบบของอเมริกา ! ในวงการเขาเล่ากันว่า นาย Eric Prince นั้นคุมกองกำลังพวก Contractors ประมาณ 30 % ของ Contractors ทั้งหมด ส่วน Constellis คุมอีก 40% ที่เหลือน่าจะเป็นของ Dyn Corp (ซึ่งเป็นของพวกทหาร ที่ออกมาจากหน่วย Special Force เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มนี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นนักรบรับจ้างตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยเข้าไปใน Bosnia, Kosovo) และบริษัทรายย่อย สำหรับนาย Eric Prince คงชัดเจนว่าแปรพักตร์ไปเรียบร้อยแล้วจากอเมริกา เขาเป็นผู้ชำนาญการแถบตะวันออกกลาง ถ้าดูระยะเวลาเมื่อดอก ISIS บาน ที่อิรักเมื่อกลางปี ค.ศ.2014 และพวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลางกลุ่มซาอุดิ พยายามกดดันให้อเมริกาส่งกองกำลังไปจัดการ คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อเมริกาจะเอากองกำลังนอกระบบที่ไหน ที่จะเข้าไปไล่จับ ISIS ในตะวันออกกลาง อย่างน้อยกองกำลังนอกระบบก็หายไปแล้ว 30% ที่เหลืออยู่ใช่ว่าจะอยู่ว่างๆเดินเล่น ต่างก็อาจติดภาระกิจที่ทำสัญญากันไว้แล้ว และถ้าปรากฏว่า Constellis Holding นั้น ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับนาย Eric Prince ด้วย แล้ว อเมริกาคงเหนื่อยแน่ ดูจากสีหน้าอันโทรมจัดของนายโอบามา ระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อไปโผล่หน้าที่แดนมังกร ฝืนยิ้มได้ฝืดตลอดรายการ ก็เกือบจะเชื่อแล้วว่ามีการย้ายฝั่งกันจริง นายโอบามาคงจะเดินเสียวสันหลังตลอดเวลาที่อยู่แดนมังกร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อเมริกาจะแก้เกมอันนี้อย่างไรล่ะ ก็ต้องพึ่งกองกำลังในระบบคือกองทัพอย่างเดียว มิน่าเล่า นาย Chuck Hagel รัฐมนตรีกลาโหม ถึงได้ร้องเพลงถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้นายโอบามาบีบหรอกครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนมีโอกาสแสดงฝีมือบริหารประเทศ ก็ดันหยิบยื่นให้โจรเขากระโดง ยังจะกล้ามาขอโอกาส แถมผู้นำของมันก็ล้มเหลวในการนำพากิจการครอบครัว ศาสดาทนาทอน โดนแม่สมพรเขี่ยพ้นกิจการ ทิมพิธาก็ทำธุรกิจน้ำมันพืชของพ่อล้มละลาย ส่วนเท้งณัฐพงษ์ก็ทำพรรคตกต่ำ ใครจะกล้าให้พวกเมิงทดลองงาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ตอนมีโอกาสแสดงฝีมือบริหารประเทศ ก็ดันหยิบยื่นให้โจรเขากระโดง ยังจะกล้ามาขอโอกาส แถมผู้นำของมันก็ล้มเหลวในการนำพากิจการครอบครัว ศาสดาทนาทอน โดนแม่สมพรเขี่ยพ้นกิจการ ทิมพิธาก็ทำธุรกิจน้ำมันพืชของพ่อล้มละลาย ส่วนเท้งณัฐพงษ์ก็ทำพรรคตกต่ำ ใครจะกล้าให้พวกเมิงทดลองงาน #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกนี้ถ้าฉลาดและรักประเทศไทย จะใช้โอกาสที่เขมรฆ่านักศึกษาเกาหลีใต้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากลประฌามเขมรร่วมกับเกาหลีใต้ได้เลย แต่ไม่ทำ และเวลาตอนเขมรยิงระเบิดจนทำเด็กๆตายคา7/11ปั้มน้ำมันไทย คนไทยตายจริงเกือบหมดครอบครัวพวกนี้หายหัวไปไหน ไม่ออกมาเรียกร้องประนามเขมรเลย,พวกนี้หนักแผ่นดินไทยมาก ไม่สมควรเป็นคนไทยสัญชาติไทยจริงๆ เป็นภัยต่อบ้านเมืองไทยเสียเอง.,สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ทำลายความสามัคคีคนไทย เหมือนพวกชี้นำไม่ยกเลิกmou43,44 พยายามทำให้คนไทยสับสนแตกต่างเพื่อแตกแยก ทิ้งคำถามกึ่งรับและไม่รับ โยนหินให้สังคสับสน.คนเหล่านี้คือภัยของชาติชัดเจนต้องถูกกำจัด.,รักชาติอื่น ช่วยชาติอื่น ไม่ปกป้องชาติไทยตน ตลอดเขมรอ้าง1:200,000ไทยเรานี้เสียดินแดนพื้นที่ไปถึง1:150,000ซึ่งสากลปกติจะลาวจะเวียดนามใช้ที่1:50,000 เราเสียอธิปไตยชัดเจนมาก,นายกฯชุดปัจจุบันไม่ยกเลิกผิด ม.157 ม.119ทั้งรัฐบาล สส.รัฐบาล และสส.ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตยตน ผิดทั้งหมด ตลอด สว.ด้วย ประธาน รองประธานรัฐสภาต้องโดยหนักด้วย เห็นความจริงแต่ตนในนามประธานสส.สว.ไม่มีตาดูความจริง ไม่ควบคุมสภาไปทางปกป้องอธิปไตยตน ผิดมหันต์ต่อความมั่นคงของแผ่นดินไทยด้วย.
    ..พวกสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศไทยสมควรถูกขับออกจากประเทศไทยทั้งหมด พวกนี้มุ่งเพื่อทำลายประเทศไทยไม่มองค่าความจริงที่ไทยถูกกระทำ UNพวกรับเขมรให้ใช้ไทยช่วยเหลือเขมรต้องเอาคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยพื้นที่ประเทศเมื่อสงครามฆ่าล้างเผ่าเขมรจบลง,หรือให้ไทยฆ่าล้างเขมรบนพื้นที่นี้แทนเพื่อเตือนสติ.
    พวกนี้ถ้าฉลาดและรักประเทศไทย จะใช้โอกาสที่เขมรฆ่านักศึกษาเกาหลีใต้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากลประฌามเขมรร่วมกับเกาหลีใต้ได้เลย แต่ไม่ทำ และเวลาตอนเขมรยิงระเบิดจนทำเด็กๆตายคา7/11ปั้มน้ำมันไทย คนไทยตายจริงเกือบหมดครอบครัวพวกนี้หายหัวไปไหน ไม่ออกมาเรียกร้องประนามเขมรเลย,พวกนี้หนักแผ่นดินไทยมาก ไม่สมควรเป็นคนไทยสัญชาติไทยจริงๆ เป็นภัยต่อบ้านเมืองไทยเสียเอง.,สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ทำลายความสามัคคีคนไทย เหมือนพวกชี้นำไม่ยกเลิกmou43,44 พยายามทำให้คนไทยสับสนแตกต่างเพื่อแตกแยก ทิ้งคำถามกึ่งรับและไม่รับ โยนหินให้สังคสับสน.คนเหล่านี้คือภัยของชาติชัดเจนต้องถูกกำจัด.,รักชาติอื่น ช่วยชาติอื่น ไม่ปกป้องชาติไทยตน ตลอดเขมรอ้าง1:200,000ไทยเรานี้เสียดินแดนพื้นที่ไปถึง1:150,000ซึ่งสากลปกติจะลาวจะเวียดนามใช้ที่1:50,000 เราเสียอธิปไตยชัดเจนมาก,นายกฯชุดปัจจุบันไม่ยกเลิกผิด ม.157 ม.119ทั้งรัฐบาล สส.รัฐบาล และสส.ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตยตน ผิดทั้งหมด ตลอด สว.ด้วย ประธาน รองประธานรัฐสภาต้องโดยหนักด้วย เห็นความจริงแต่ตนในนามประธานสส.สว.ไม่มีตาดูความจริง ไม่ควบคุมสภาไปทางปกป้องอธิปไตยตน ผิดมหันต์ต่อความมั่นคงของแผ่นดินไทยด้วย. ..พวกสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศไทยสมควรถูกขับออกจากประเทศไทยทั้งหมด พวกนี้มุ่งเพื่อทำลายประเทศไทยไม่มองค่าความจริงที่ไทยถูกกระทำ UNพวกรับเขมรให้ใช้ไทยช่วยเหลือเขมรต้องเอาคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยพื้นที่ประเทศเมื่อสงครามฆ่าล้างเผ่าเขมรจบลง,หรือให้ไทยฆ่าล้างเขมรบนพื้นที่นี้แทนเพื่อเตือนสติ.
    'เขมร' ได้ทียกคำพูด “อังคณา-สุณัย” แถลงการณ์ชี้ "ซาวด์ผี" กัน จอมพลัง ละเมิดสิทธิฯ รุนแรง นักสิทธิมนุษยชนไทยยอมรับเอง
    https://www.thai-tai.tv/news/21904/
    .
    #ไทยไท #สิทธิมนุษยชน #CHRC #กันจอมพลัง #ซาวด์ผี #อนุสัญญาCAT #สุณัยผาสุข

    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 10
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 10

    เรื่องต่อมาคือสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย

    สงสัยต้องให้เข้าไปอ่านจากเพจของอาจารย์ทนง ขันทอง ที่เขียนมานาน ชำแหละเสียจนผมไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่ม พอสรุปได้ว่า ตอนนี้อเมริกาแทบจะเหลือแต่เปลือก ดอลล่าร์ก็ถูกคว่ำบาตร ถูกท้าทายอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกของประวัติ ส่วนทองที่ว่ามีเต็มตู้ ตอนนี้ก็โดนสาระพัดชาติทวงคืน ล่าสุดนี่มีข่าวว่าทางสวิสเซอแลนด์ก็คิดจะทวง จะมีส่งคืนเขาเต็มจำนวนหรือเปล่าไม่ก็ไม่รู้

    ส่วนรัสเซียนั้น มองการณ์ไกล เหมือนมีแผนอะไรอยู่ในใจ เงินกระดาษไม่ว่าเป็นสกุลอะไร ที่ได้มาจากการขายพลังงานของตน เขาว่ารัสเซียเอาไปกว้านซื้อทองมาเก็บแทนเงินกระดาษ เพราะฉะนั้นใครที่ประมาทหน้า ว่ารัสเซียไม่เก่งเรื่องการเงิน ก็รอดูไปก่อนนะครับ อาจจะได้เห็นเงินกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ที่ตอนนี้ออกอาการเซถลาหัวทิ่ม อาจมีค่า เหลือแค่ห่อลูกกวาดเม็ดเดียวก็ได้ ฮู้ย รอจะไม่ไหวอยู่แล้ว

    ในขณะที่จีนเอง เขาว่า ก็ทยอยตุนทองมานานหลายปีอย่างเงียบๆ มีมากเสียจนต้องย้ายที่ไปเก็บในโกดังแทน ฮา นี่ถ้าเผื่อมีการรื้อฟื้นระบบวินัยการคลัง จะพิมพ์แบงค์ ต้องมีมีทองสำรองครบ ไม่ใช่เอาเศรษกิจปลอมๆ และอำนาจของกองทัพมากนุนแทนทอง อย่างที่อเมริกาทำมานาน อเมริกาจะทำอย่างไรล่ะ อย่าให้แพ้สงครามเชียว เผลอๆ อาเฮียกับพี่ปูเขาจับมือกัน รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาใหม่ ฝั่งนี้ใครไม่มีทองไม่เป็นไร อาเฮียมีเหลือเฟือ ให้พวกยืมไปเป็นทองสำรองได้ เผลอๆ แถมแอบเตรียมแผนไว้แล้วด้วย แต่ที่น่ากลุ้มใจแทน ดูเหมือนจะเป็นฝั่งอเมริกาใครจะยืมใคร

    เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ คิดนำการรบ แต่อยู่ในสภาพล้มละลาย อังกฤษได้อเมริกาเป็นนายทุน ทำให้เดินหน้าทำการรบได้โดยไม่กลุ้มใจ และคราวนี้ล่ะ อเมริกามีทุนหนาพร้อมรบหรือ พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะ

    อเมริกาทุนหนาไม่พอ แล้วอังกฤษจะช่วยไหวไหม แหม ถ้าอเมริกาไปถามนาย David Cameron แบบนี้ สงสัยอาจถูกจีบปากด่ายับ ยุโรปเอง ยังไม่ฟื้นจากโรคทรัพย์จาง CNN ออก ข่าวประจานไม่เลิก แล้วใครจะเป็นนายทุนให้อเมริกา ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด พรรคพวกก็มีแต่กระเป๋าขาด พวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง กลุ่มเสี่ยซาอุนะหรือ ต้องรู้จักนิสัยพวกนี้นะครับ เขาทุ่มได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทุ่มให้หมดหรอก ก็บอกแล้ว มิตรภาพในตะวันออกกลาง มีไว้ให้เช่าชั่วคราว แต่ไม่ได้ขายถาวร
    ฝ่ายรัสเซีย แม้จะไม่ใช่เศรษฐี และสื่อย้อมก็พยายามใส่สีว่า รัสเซียอาการหนัก หลังจากถูกคว่ำบาตร ก็หนักจริงแหละ แต่คงไม่ถึงอับจน เพราะบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นอาเฮีย กำลังอู๋ ทั้งเงินทั้งทองกำลังท่วมตัว แค่นี้ทำไมจะแบ่งไปให้เพื่อนรักเอาไปใช้ทำสงครามไม่ได้ ได้ก็ได้ด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน จริงไหมครับอาเฮีย ก็เพื่อนรักกันนี่หว่า

    และอย่าลืมว่ากลุ่ม BRICS เขา ผนึกกำลังกัน จะแบบแนบแน่น หรือแบบหลวมๆ อีกเรื่องหนึ่ง อาจมีบางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่รับรองไม่มีใครแตกแถว ไปยืนอยู่กับอเมริกาแน่นอน ส่วนกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Co-Operation พวกมีแหล่งพลังงานของตนเองแบบเหลือเฟือเกือบทั้งนั้น ไม่ใช่ประเภทมาเป็นภาระให้รัสเซียแน่นอน

    สรุปเรื่องสภาพเศรษฐิจ ฝ่ายอเมริกาพี่เบิ้มเก่าก็ไม่ใช่ได้เปรียบอย่างที่คิดกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 10 เรื่องต่อมาคือสภาพเศรษฐกิจของทั้ง 2 ฝ่าย สงสัยต้องให้เข้าไปอ่านจากเพจของอาจารย์ทนง ขันทอง ที่เขียนมานาน ชำแหละเสียจนผมไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่ม พอสรุปได้ว่า ตอนนี้อเมริกาแทบจะเหลือแต่เปลือก ดอลล่าร์ก็ถูกคว่ำบาตร ถูกท้าทายอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรกของประวัติ ส่วนทองที่ว่ามีเต็มตู้ ตอนนี้ก็โดนสาระพัดชาติทวงคืน ล่าสุดนี่มีข่าวว่าทางสวิสเซอแลนด์ก็คิดจะทวง จะมีส่งคืนเขาเต็มจำนวนหรือเปล่าไม่ก็ไม่รู้ ส่วนรัสเซียนั้น มองการณ์ไกล เหมือนมีแผนอะไรอยู่ในใจ เงินกระดาษไม่ว่าเป็นสกุลอะไร ที่ได้มาจากการขายพลังงานของตน เขาว่ารัสเซียเอาไปกว้านซื้อทองมาเก็บแทนเงินกระดาษ เพราะฉะนั้นใครที่ประมาทหน้า ว่ารัสเซียไม่เก่งเรื่องการเงิน ก็รอดูไปก่อนนะครับ อาจจะได้เห็นเงินกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ที่ตอนนี้ออกอาการเซถลาหัวทิ่ม อาจมีค่า เหลือแค่ห่อลูกกวาดเม็ดเดียวก็ได้ ฮู้ย รอจะไม่ไหวอยู่แล้ว ในขณะที่จีนเอง เขาว่า ก็ทยอยตุนทองมานานหลายปีอย่างเงียบๆ มีมากเสียจนต้องย้ายที่ไปเก็บในโกดังแทน ฮา นี่ถ้าเผื่อมีการรื้อฟื้นระบบวินัยการคลัง จะพิมพ์แบงค์ ต้องมีมีทองสำรองครบ ไม่ใช่เอาเศรษกิจปลอมๆ และอำนาจของกองทัพมากนุนแทนทอง อย่างที่อเมริกาทำมานาน อเมริกาจะทำอย่างไรล่ะ อย่าให้แพ้สงครามเชียว เผลอๆ อาเฮียกับพี่ปูเขาจับมือกัน รื้อฟื้นระบบนี้ขึ้นมาใหม่ ฝั่งนี้ใครไม่มีทองไม่เป็นไร อาเฮียมีเหลือเฟือ ให้พวกยืมไปเป็นทองสำรองได้ เผลอๆ แถมแอบเตรียมแผนไว้แล้วด้วย แต่ที่น่ากลุ้มใจแทน ดูเหมือนจะเป็นฝั่งอเมริกาใครจะยืมใคร เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ คิดนำการรบ แต่อยู่ในสภาพล้มละลาย อังกฤษได้อเมริกาเป็นนายทุน ทำให้เดินหน้าทำการรบได้โดยไม่กลุ้มใจ และคราวนี้ล่ะ อเมริกามีทุนหนาพร้อมรบหรือ พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะ อเมริกาทุนหนาไม่พอ แล้วอังกฤษจะช่วยไหวไหม แหม ถ้าอเมริกาไปถามนาย David Cameron แบบนี้ สงสัยอาจถูกจีบปากด่ายับ ยุโรปเอง ยังไม่ฟื้นจากโรคทรัพย์จาง CNN ออก ข่าวประจานไม่เลิก แล้วใครจะเป็นนายทุนให้อเมริกา ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด พรรคพวกก็มีแต่กระเป๋าขาด พวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง กลุ่มเสี่ยซาอุนะหรือ ต้องรู้จักนิสัยพวกนี้นะครับ เขาทุ่มได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทุ่มให้หมดหรอก ก็บอกแล้ว มิตรภาพในตะวันออกกลาง มีไว้ให้เช่าชั่วคราว แต่ไม่ได้ขายถาวร ฝ่ายรัสเซีย แม้จะไม่ใช่เศรษฐี และสื่อย้อมก็พยายามใส่สีว่า รัสเซียอาการหนัก หลังจากถูกคว่ำบาตร ก็หนักจริงแหละ แต่คงไม่ถึงอับจน เพราะบังเอิญมีเพื่อนรักเป็นอาเฮีย กำลังอู๋ ทั้งเงินทั้งทองกำลังท่วมตัว แค่นี้ทำไมจะแบ่งไปให้เพื่อนรักเอาไปใช้ทำสงครามไม่ได้ ได้ก็ได้ด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน จริงไหมครับอาเฮีย ก็เพื่อนรักกันนี่หว่า และอย่าลืมว่ากลุ่ม BRICS เขา ผนึกกำลังกัน จะแบบแนบแน่น หรือแบบหลวมๆ อีกเรื่องหนึ่ง อาจมีบางประเทศวางตัวเป็นกลาง แต่รับรองไม่มีใครแตกแถว ไปยืนอยู่กับอเมริกาแน่นอน ส่วนกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Co-Operation พวกมีแหล่งพลังงานของตนเองแบบเหลือเฟือเกือบทั้งนั้น ไม่ใช่ประเภทมาเป็นภาระให้รัสเซียแน่นอน สรุปเรื่องสภาพเศรษฐิจ ฝ่ายอเมริกาพี่เบิ้มเก่าก็ไม่ใช่ได้เปรียบอย่างที่คิดกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศที่ลงทุนในเขมรคือประเทศที่ร่วมก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์ด้วยเพราะรัฐบาลเขมรที่นำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตคือตัวพ่อในการปกป้องพวกก่ออาชญากรรมนี้,เจ้าสัวไทยเทาที่ไปลงทุนในเขมรเสมือนมุ่งหมายทางด้านเทาด้วย รู้ทั้งรู้ว่ารัฐบาลฮุนเซนฮุนมาเนตคือเจ้าพ่ออิทธิพลใหญ่สุดทั้งประเทศรับรู้ควบคุมพวกนี้หมดนั้นเอง พวกนักลงทุนไทยเทาและชาติอื่นๆโดยเฉพาะจีนที่ลงทุนในเขมรมากสุดก็หมายสิ่งเทาๆให้ทำอะไรเทาๆในเขมรได้ด้วยเช่นกันแน่จึงชอบเทาๆในเขมร บางกิจการส่งออกอะไรออกจากเขมรก็ขนอะไรเทาๆออกไปด้วย อวัยวะมนุษย์จากพวกค้ามนุษย์ก็ต้องมีแน่นอนตลอดคนเป็นๆไปค้ากามทั้งชายและหญิงก็ได้หมดในนามการส่งออกจากเขมรที่มิใช่แค่ยาเสพติดหรืออื่นใด แบบฟอกเงินเป็นต้น มิใช่แค่หลอกลวงผู้คนแบบกรณีเกาหลีใต้แน่นอน.

    ..จีนสนับสนุนเขมรฝึกซ้อมอาวุธ ไทยเทาก็ด้วยส่งเสบียงให้เขมรทำชั่ว การปิดด่านตลอดแนวพรมแดนเมื่อทหารไทยดีๆเราลงมือจัดการนักการเมืองชั่วเจ้าสัวชั่วจึงสมควรมาก,

    ..ต้องร่วมกันทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชียคือจีน อาเชียนทุกๆประเทศประกาศคว่ำบาตรเขมรทันที,

    ..ไทยต้องเริ่มปฐมบทประกาศคว่ำบาตรเขมรทันทีก็ด้วยจากเหตุเขมรก่ออาชญากรรมสงครามต่อไทย เขมรคือภัยคุกคามไทย ภัยของเกาหลีใต้ ภัยของทุกๆคนที่เขมรคือสแกมเมอร์ก่ออาชญากรรมไปทั่วโลกด้วยและสาระพัดฮับสิ่งเลวชั่วเต็มเขมรเป็นภัยของอาเชียนด้วย,ยิงระเบิดหมายฆ่าประชาชนคนไทยเราชัดเจนด้วย การคว่ำบาตรเขมรจึงเหมาะสม ตัดเสบียงตัดสายสัมพันธ์เขมร หรือทำลายเขมรจริงร่วมกับคนเอเชียและชาติอาเชียนทั้งหมด ขจัดภัยอันตรายต่อประชาชนอาเชียนประชาชนเอเชียและประชาชนทั่วโลกได้ทันทีจากการกระทำของคนในประเทศเขมรซึ่งเห็นกันชัดเจนจริงทั่วโลก เคสกรณีคนเกาหลีใต้คือสัญญาณเตือนที่เลวร้ายชั่วเลวจริงในบริบทเขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตเจ้าถิ่นสั่งการควบคุมได้,จีนไม่จบจริงในเขมรปล่อยเขมรสร้างความเลวร้ายไปทั่วโลก มุ่งแค่ผลประโยชน์และเห็นแก่ได้มากจนสนับสนุนเขมรแบบไม่ลืมหูลืมตาว่าเขมรเลวชั่วเพียงใด จีนไม่มีมาตราฐานสิ่งดีงามในใจตนเลย,ยิ่งลงทุนให้เขมร เขมรก็ยิ่งมีกำลังก่อเลวชั่วได้ดีขึ้น,ทั่วโลกใครก็รู้ว่าจีนเทียบเท่าปกครองเขมรไปแล้ว สิ่งที่เขมรทำเสมือนจีนสั่งให้ทำด้วย เขมรยิงระเบิดให้เด็กๆคนไทยเราตาย ประชาชนเราตายนอกแนวเขตปะทะตายเกือบหมดครอบครัวก็เสมือนจีนสนับสนุนสิ่งนี้ การก่อเหตุนี้,อาวุธที่เขมรได้ เงินที่เขมรซื้ออาวุธเตรียมการไว้ก็มาจากจีนในนามชื่อว่าจีนเทาก็คือจีนนี้เอง,รัสเชียก็ด้วยสนับสนุนระเบิดใหม่เอี่ยมมาวางระเบิดจนทหารไทยขาขาดก็ด้วย เหตุอะไรเขมรจึงใจถึงขนาดนั้นก็ต้องมีจีนมีรัสเชียหรือฝรั่งเศสหรืออเมริกาสนับสนุนเขมร เพราะเขมรเลวชั่วลิ้นสองแฉ หาชาติไหนมาร่วมแบบไม่ลืมหูลืมตาเพื่อหวังผลประโยชน์ที่เขมรยื่นมอบให้ได้แน่นอน,เช่นถ้ายึดไทยได้ อีสานไทยก็ดี ภาคตะวันออกไทยยิ่งง่ายเพราะไม่ตอบโต้อะไรเลยในขณะที่อีสานสู้กันดุเดือดเอากันตายจริงแต่ภาคตะวันออกไม่สู้เพราะอยู่ข้างเขมร เป็นพวกของเขมรแล้ว สั่งอะไรแม้ให้ไทยเปิดด่านก็พร้อมเปิดด่านตลอดเวลาตามคำสั่งทางเขมร นี้คือความจริงในการเป็นบ๋อยลูกไร่ขี้เบ้เขมรจะมีคลิปชั่วกำไว้จะแฉก็ตามในฝ่ายข้าราชการและนักการเมืองแต่สิ่งที่เห็นชัดทั่วประเทศ มันคือไทยเทารัฐบาลเทาพยายามเปิดด่านให้เขมรนั้นเอง. ,จีนก็อาจเขมรยื่นข้อเสนอว่าถ้ายึดอีสานใต้ได้ จีนจะได้สิทธิ์ทำทรัพยากรเหมืองแร่ทั้งอีสานใต้หรือทั้งอีสานได้หมด ย่อมาตาม1:200,000ก็ให้จีนหมดเลย เขมรเรา3ส่วนก็พอมันว่า จีนได้7ส่วน มูลค่ากว่า1,000ล้านล้านบาทตลอดแนวบนบก,ไม่รวมทะเล,อาจแบ่งรัสเชียด้วยอีก เขมรได้1ส่วนก็คุมเพราะไม่ทำห่าอะไรเลย ตนก็ครองเป็นผู้ทรงอิทธิพลทั้งตระกูลฮุนในเขมรกว่า100ปีก็ได้,ฝั่งทะเลก็ให้ฝรั่งเศสอเมริกาไปมันว่า เชฟรอนและกิจการน้ำมันอื่นของฝรั่งของต่างชาติต่างๆนี้เหี้ยนี้ลงรุมแดกแน่นอนกว่า100ล้านล้าน1,000ล้านล้านใครจะรู้.
    ..มุกเกาหลีใต้ที่เป็นเหยื่อฆ่านักศึกษานั้น มันอาจวางแผนอย่างอำมหิตตามแผนไซออนิสต์เอาคนเกาหลีใต้เป็นเหยื่อ จุดไฟโกรธแค้นเพื่อมารุมแดกโต๊ะกับฝรั่งที่เขมรก็ได้,เกาหลีใต้ยึดอำนาจเขมร ปกครองเขมรชิงตัดหน้าจีนลงมือยึดเขมรเปลี่ยนฮุนเซนเป็นคนของจีนก็จะอยากทันที,นี้น่าจะมโนได้ว่ามันวางแผนเกินเราจริงๆ,เกาหนีใต้คือลูกน้องอเมริกาชัดเจน เหมือนญี่ปุ่น มากชิงออกหน้าก่อนตัดหน้าจีนยึดฐานสงครามอเมริกาไว้, ไทยเมื่อยึดฐานไม่ได้ก็ยึดเขมรสร้างฐานทำสงครามกับจีนเลย,เกาหลีใต้เข้ามาด้วยเหตุการณ์นักศึกษานี้ย่อมไม่น่าเกียจ เปิดแนวรบที่เขมรนั้นเอง,จีนมีลาว มีเวียดนามในนามรัสเชีย จีนมีพม่าในนามรัสเชียออกหน้า,อเมริกามีเขมรโดยเกาหลีใต้ข้ามฟ้าข้ามทะเลมายึดทำฐานทัพให้อเมริกา มันคุ้มค่ามากโดยเสียแพะคนเกาหลีใต้ไปก็ตาม ได้ใจคนเกาหลีใต้ทั้งประเทศอีกให้ยึดเขมร,

    ..มุกเกาหลีใต้นี้ถ้าไทยอ่านพลาดอาจเสียเหลี่ยมให้อาเชียนเป็นเขตสงครามโลกได้หรือเอาทั้งอาเชียนเราลงสนามสงครามโลกที่3แน่นอนในปีหน้านี้เมื่อยิงกันขึ้นที่ใต้หวันและญี่ปุ่นเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือสหายฝั่งจีน,ฟิลิปปินส์อีกอาจคือประธานอาเชียนคนต่อไปบ๋อยอเมริกาอีก,สิงคโปร์จึงยิงมุกตัดเขมรออกจากกลุ่มอาเชียนเพื่อตัดตอนความอุบาทก์นี้ก่อน,ไทยและชาติอาเชียน ตลอดเอเชียจึงต้องร่วมกันคว่ำบาตรเขมรพร้อมกันทันทีและให้เขมรคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสคืนผิดไปแก่ไทยด้วย,จะคืนความสงบสุขแก่อาเชียนทันที,เพราะไม่ว่าชาติใดจะยึดเขมร เขมรถูกคว่ำบาตรแล้ว จะเป็นฐานทัพใครร่วมก่อสงครามโลกที่3ไม่ได้ อาเชียนจะเป็นกลางได้ทันที ถ้าฟิลิปปินส์เข้าร่วมสงครามกับอเมริกาก็ถีบฟิลิปปินส์ออกจากอาเชียนเลย,ชาติอาเชียนรวมทั้งไทยหากชาติใดเข้าร่วมอินโดแปซิฟิกก็ให้การประชุมอาเชียนเป็นเวทีแจ้งให้ชาติสมาชิกถอนตัวออกจากความขัดแย้งสู่หายนะให้ภูมิภาคอาเชียนทันทีโดยไทยแสดงเจตนาจำนงประกาศชัดเจนขอถอนตัวออกจากสมาชิกอินโดแปซิฟิกนี้,และไทยพูดในที่ประชุมเลยว่า ขอให้สมาชิกอาเชียนทั้งหมดถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกอินโดแปซิฟิกทันที เพื่อปกป้องประชาชนพลเมืองชาติอาเชียนเรามิให้พบความหายนะแห่งภัยสงครามที่จีนและอเมริการบกันเอง,แต่เสือกมาดึงเราชาติอาเชียนไปยุ่งด้วยในผลประโยชน์ในความขัดแย้งกันเอง.,อเมริกาหรือจีนห้ามใช้ประเทศอาเชียนเป็นฐานทัพสู้รบทำสงครามกันทุกๆกรณีเป็นต้น.,
    ..

    https://youtube.com/watch?v=gXC3rgB6SCE&si=jru8TssS92gzVNja
    ประเทศที่ลงทุนในเขมรคือประเทศที่ร่วมก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์ด้วยเพราะรัฐบาลเขมรที่นำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตคือตัวพ่อในการปกป้องพวกก่ออาชญากรรมนี้,เจ้าสัวไทยเทาที่ไปลงทุนในเขมรเสมือนมุ่งหมายทางด้านเทาด้วย รู้ทั้งรู้ว่ารัฐบาลฮุนเซนฮุนมาเนตคือเจ้าพ่ออิทธิพลใหญ่สุดทั้งประเทศรับรู้ควบคุมพวกนี้หมดนั้นเอง พวกนักลงทุนไทยเทาและชาติอื่นๆโดยเฉพาะจีนที่ลงทุนในเขมรมากสุดก็หมายสิ่งเทาๆให้ทำอะไรเทาๆในเขมรได้ด้วยเช่นกันแน่จึงชอบเทาๆในเขมร บางกิจการส่งออกอะไรออกจากเขมรก็ขนอะไรเทาๆออกไปด้วย อวัยวะมนุษย์จากพวกค้ามนุษย์ก็ต้องมีแน่นอนตลอดคนเป็นๆไปค้ากามทั้งชายและหญิงก็ได้หมดในนามการส่งออกจากเขมรที่มิใช่แค่ยาเสพติดหรืออื่นใด แบบฟอกเงินเป็นต้น มิใช่แค่หลอกลวงผู้คนแบบกรณีเกาหลีใต้แน่นอน. ..จีนสนับสนุนเขมรฝึกซ้อมอาวุธ ไทยเทาก็ด้วยส่งเสบียงให้เขมรทำชั่ว การปิดด่านตลอดแนวพรมแดนเมื่อทหารไทยดีๆเราลงมือจัดการนักการเมืองชั่วเจ้าสัวชั่วจึงสมควรมาก, ..ต้องร่วมกันทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชียคือจีน อาเชียนทุกๆประเทศประกาศคว่ำบาตรเขมรทันที, ..ไทยต้องเริ่มปฐมบทประกาศคว่ำบาตรเขมรทันทีก็ด้วยจากเหตุเขมรก่ออาชญากรรมสงครามต่อไทย เขมรคือภัยคุกคามไทย ภัยของเกาหลีใต้ ภัยของทุกๆคนที่เขมรคือสแกมเมอร์ก่ออาชญากรรมไปทั่วโลกด้วยและสาระพัดฮับสิ่งเลวชั่วเต็มเขมรเป็นภัยของอาเชียนด้วย,ยิงระเบิดหมายฆ่าประชาชนคนไทยเราชัดเจนด้วย การคว่ำบาตรเขมรจึงเหมาะสม ตัดเสบียงตัดสายสัมพันธ์เขมร หรือทำลายเขมรจริงร่วมกับคนเอเชียและชาติอาเชียนทั้งหมด ขจัดภัยอันตรายต่อประชาชนอาเชียนประชาชนเอเชียและประชาชนทั่วโลกได้ทันทีจากการกระทำของคนในประเทศเขมรซึ่งเห็นกันชัดเจนจริงทั่วโลก เคสกรณีคนเกาหลีใต้คือสัญญาณเตือนที่เลวร้ายชั่วเลวจริงในบริบทเขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตเจ้าถิ่นสั่งการควบคุมได้,จีนไม่จบจริงในเขมรปล่อยเขมรสร้างความเลวร้ายไปทั่วโลก มุ่งแค่ผลประโยชน์และเห็นแก่ได้มากจนสนับสนุนเขมรแบบไม่ลืมหูลืมตาว่าเขมรเลวชั่วเพียงใด จีนไม่มีมาตราฐานสิ่งดีงามในใจตนเลย,ยิ่งลงทุนให้เขมร เขมรก็ยิ่งมีกำลังก่อเลวชั่วได้ดีขึ้น,ทั่วโลกใครก็รู้ว่าจีนเทียบเท่าปกครองเขมรไปแล้ว สิ่งที่เขมรทำเสมือนจีนสั่งให้ทำด้วย เขมรยิงระเบิดให้เด็กๆคนไทยเราตาย ประชาชนเราตายนอกแนวเขตปะทะตายเกือบหมดครอบครัวก็เสมือนจีนสนับสนุนสิ่งนี้ การก่อเหตุนี้,อาวุธที่เขมรได้ เงินที่เขมรซื้ออาวุธเตรียมการไว้ก็มาจากจีนในนามชื่อว่าจีนเทาก็คือจีนนี้เอง,รัสเชียก็ด้วยสนับสนุนระเบิดใหม่เอี่ยมมาวางระเบิดจนทหารไทยขาขาดก็ด้วย เหตุอะไรเขมรจึงใจถึงขนาดนั้นก็ต้องมีจีนมีรัสเชียหรือฝรั่งเศสหรืออเมริกาสนับสนุนเขมร เพราะเขมรเลวชั่วลิ้นสองแฉ หาชาติไหนมาร่วมแบบไม่ลืมหูลืมตาเพื่อหวังผลประโยชน์ที่เขมรยื่นมอบให้ได้แน่นอน,เช่นถ้ายึดไทยได้ อีสานไทยก็ดี ภาคตะวันออกไทยยิ่งง่ายเพราะไม่ตอบโต้อะไรเลยในขณะที่อีสานสู้กันดุเดือดเอากันตายจริงแต่ภาคตะวันออกไม่สู้เพราะอยู่ข้างเขมร เป็นพวกของเขมรแล้ว สั่งอะไรแม้ให้ไทยเปิดด่านก็พร้อมเปิดด่านตลอดเวลาตามคำสั่งทางเขมร นี้คือความจริงในการเป็นบ๋อยลูกไร่ขี้เบ้เขมรจะมีคลิปชั่วกำไว้จะแฉก็ตามในฝ่ายข้าราชการและนักการเมืองแต่สิ่งที่เห็นชัดทั่วประเทศ มันคือไทยเทารัฐบาลเทาพยายามเปิดด่านให้เขมรนั้นเอง. ,จีนก็อาจเขมรยื่นข้อเสนอว่าถ้ายึดอีสานใต้ได้ จีนจะได้สิทธิ์ทำทรัพยากรเหมืองแร่ทั้งอีสานใต้หรือทั้งอีสานได้หมด ย่อมาตาม1:200,000ก็ให้จีนหมดเลย เขมรเรา3ส่วนก็พอมันว่า จีนได้7ส่วน มูลค่ากว่า1,000ล้านล้านบาทตลอดแนวบนบก,ไม่รวมทะเล,อาจแบ่งรัสเชียด้วยอีก เขมรได้1ส่วนก็คุมเพราะไม่ทำห่าอะไรเลย ตนก็ครองเป็นผู้ทรงอิทธิพลทั้งตระกูลฮุนในเขมรกว่า100ปีก็ได้,ฝั่งทะเลก็ให้ฝรั่งเศสอเมริกาไปมันว่า เชฟรอนและกิจการน้ำมันอื่นของฝรั่งของต่างชาติต่างๆนี้เหี้ยนี้ลงรุมแดกแน่นอนกว่า100ล้านล้าน1,000ล้านล้านใครจะรู้. ..มุกเกาหลีใต้ที่เป็นเหยื่อฆ่านักศึกษานั้น มันอาจวางแผนอย่างอำมหิตตามแผนไซออนิสต์เอาคนเกาหลีใต้เป็นเหยื่อ จุดไฟโกรธแค้นเพื่อมารุมแดกโต๊ะกับฝรั่งที่เขมรก็ได้,เกาหลีใต้ยึดอำนาจเขมร ปกครองเขมรชิงตัดหน้าจีนลงมือยึดเขมรเปลี่ยนฮุนเซนเป็นคนของจีนก็จะอยากทันที,นี้น่าจะมโนได้ว่ามันวางแผนเกินเราจริงๆ,เกาหนีใต้คือลูกน้องอเมริกาชัดเจน เหมือนญี่ปุ่น มากชิงออกหน้าก่อนตัดหน้าจีนยึดฐานสงครามอเมริกาไว้, ไทยเมื่อยึดฐานไม่ได้ก็ยึดเขมรสร้างฐานทำสงครามกับจีนเลย,เกาหลีใต้เข้ามาด้วยเหตุการณ์นักศึกษานี้ย่อมไม่น่าเกียจ เปิดแนวรบที่เขมรนั้นเอง,จีนมีลาว มีเวียดนามในนามรัสเชีย จีนมีพม่าในนามรัสเชียออกหน้า,อเมริกามีเขมรโดยเกาหลีใต้ข้ามฟ้าข้ามทะเลมายึดทำฐานทัพให้อเมริกา มันคุ้มค่ามากโดยเสียแพะคนเกาหลีใต้ไปก็ตาม ได้ใจคนเกาหลีใต้ทั้งประเทศอีกให้ยึดเขมร, ..มุกเกาหลีใต้นี้ถ้าไทยอ่านพลาดอาจเสียเหลี่ยมให้อาเชียนเป็นเขตสงครามโลกได้หรือเอาทั้งอาเชียนเราลงสนามสงครามโลกที่3แน่นอนในปีหน้านี้เมื่อยิงกันขึ้นที่ใต้หวันและญี่ปุ่นเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือสหายฝั่งจีน,ฟิลิปปินส์อีกอาจคือประธานอาเชียนคนต่อไปบ๋อยอเมริกาอีก,สิงคโปร์จึงยิงมุกตัดเขมรออกจากกลุ่มอาเชียนเพื่อตัดตอนความอุบาทก์นี้ก่อน,ไทยและชาติอาเชียน ตลอดเอเชียจึงต้องร่วมกันคว่ำบาตรเขมรพร้อมกันทันทีและให้เขมรคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสคืนผิดไปแก่ไทยด้วย,จะคืนความสงบสุขแก่อาเชียนทันที,เพราะไม่ว่าชาติใดจะยึดเขมร เขมรถูกคว่ำบาตรแล้ว จะเป็นฐานทัพใครร่วมก่อสงครามโลกที่3ไม่ได้ อาเชียนจะเป็นกลางได้ทันที ถ้าฟิลิปปินส์เข้าร่วมสงครามกับอเมริกาก็ถีบฟิลิปปินส์ออกจากอาเชียนเลย,ชาติอาเชียนรวมทั้งไทยหากชาติใดเข้าร่วมอินโดแปซิฟิกก็ให้การประชุมอาเชียนเป็นเวทีแจ้งให้ชาติสมาชิกถอนตัวออกจากความขัดแย้งสู่หายนะให้ภูมิภาคอาเชียนทันทีโดยไทยแสดงเจตนาจำนงประกาศชัดเจนขอถอนตัวออกจากสมาชิกอินโดแปซิฟิกนี้,และไทยพูดในที่ประชุมเลยว่า ขอให้สมาชิกอาเชียนทั้งหมดถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกอินโดแปซิฟิกทันที เพื่อปกป้องประชาชนพลเมืองชาติอาเชียนเรามิให้พบความหายนะแห่งภัยสงครามที่จีนและอเมริการบกันเอง,แต่เสือกมาดึงเราชาติอาเชียนไปยุ่งด้วยในผลประโยชน์ในความขัดแย้งกันเอง.,อเมริกาหรือจีนห้ามใช้ประเทศอาเชียนเป็นฐานทัพสู้รบทำสงครามกันทุกๆกรณีเป็นต้น., .. https://youtube.com/watch?v=gXC3rgB6SCE&si=jru8TssS92gzVNja
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว

  • ไทยเรามีทรัพยากรดีๆและมีค่ามากมายไม่แพ้ชาติใดๆในทั่วโลกนะ,

    เราพึ่งพาตนเองได้สบาย แม้ปิดประเทศก็อยู่ได้สบาย.

    บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ล้วนมาจากคนต่างชาติทั้งสิ้น เช่นฝรั่งเศส อังกฤษ ชาติฝรั่งตะวันตกและอเมริกานี้เองเป็นส่วนมากก่อความโกลาหลไปทั่วโลก,ไม่รวมญี่ปุ่นแบบในอดีต จีนก็ด้วยในปัจจุบันที่รุกรานกลืนกินชาติตัวเล็กตัวน้อยไปทั่ว ไม่ต่างจากฝรั่งยุโรปและอเมริกาเลย,ประกอบนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ก็เลวด้วย คนของข้าราชการในระบบอีกก็ชั่วเลวระยำไม่แพ้กัน, เช่นนั้นคนไทยจะพ้นฐานะยากจนดักดานมั่นคงจนถึงปัจจุบันนี้ไปนานแล้ว,ดูแค่ราคาน้ำมันในประเทศยังแพงอยู่เลย,เกิดจากความกากในวิถีปกครองของผู้นำประเทศไทยเรานี้ล่ะ คตโกง โกงกินทุจริตมากเกินไปนั้นเอง,ใช้อำนาจปกครองทางชั่วเลวโดยมาก.,การรุกรานและแทรกแซงของต่างชาติก็มาจากผู้นำเลวผู้นำชั่ว นายกฯในอดีตที่ล้วนเลวชั่วระยำทั้งนั้นที่สร้างเหตุปัญหาทิ้งไว้เต็ม ตย.ชัดคือสัมปทานบ่อน้ำมันที่ยกให้ต่างชาติจนหมดประเทศนั้นล่ะและเห็นชัดเจนจริงในปัจจุบันก็ไม่ยกเลิกmou43,44มันพากันกอดหาบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งมันจริงๆก็ว่า กอดไว้หาโคตรพ่อโคตรแมร่งมันนั้นเอง,ไม่ยอมยกเลิกจนถึงปัจจุบัน,และนายกฯทรยศเนรคุณแผ่นดินไทยนี้ที่ร่วมกับเดอะแก๊งตนสร้างมันขึ้นมาให้ไทยเสียดินแดนจริงถึง1:200,000นั้นเอง


    https://youtube.com/shorts/ikG269QCZCo?si=AKUJZYvsvs4rw81W
    ไทยเรามีทรัพยากรดีๆและมีค่ามากมายไม่แพ้ชาติใดๆในทั่วโลกนะ, เราพึ่งพาตนเองได้สบาย แม้ปิดประเทศก็อยู่ได้สบาย. บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ล้วนมาจากคนต่างชาติทั้งสิ้น เช่นฝรั่งเศส อังกฤษ ชาติฝรั่งตะวันตกและอเมริกานี้เองเป็นส่วนมากก่อความโกลาหลไปทั่วโลก,ไม่รวมญี่ปุ่นแบบในอดีต จีนก็ด้วยในปัจจุบันที่รุกรานกลืนกินชาติตัวเล็กตัวน้อยไปทั่ว ไม่ต่างจากฝรั่งยุโรปและอเมริกาเลย,ประกอบนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ก็เลวด้วย คนของข้าราชการในระบบอีกก็ชั่วเลวระยำไม่แพ้กัน, เช่นนั้นคนไทยจะพ้นฐานะยากจนดักดานมั่นคงจนถึงปัจจุบันนี้ไปนานแล้ว,ดูแค่ราคาน้ำมันในประเทศยังแพงอยู่เลย,เกิดจากความกากในวิถีปกครองของผู้นำประเทศไทยเรานี้ล่ะ คตโกง โกงกินทุจริตมากเกินไปนั้นเอง,ใช้อำนาจปกครองทางชั่วเลวโดยมาก.,การรุกรานและแทรกแซงของต่างชาติก็มาจากผู้นำเลวผู้นำชั่ว นายกฯในอดีตที่ล้วนเลวชั่วระยำทั้งนั้นที่สร้างเหตุปัญหาทิ้งไว้เต็ม ตย.ชัดคือสัมปทานบ่อน้ำมันที่ยกให้ต่างชาติจนหมดประเทศนั้นล่ะและเห็นชัดเจนจริงในปัจจุบันก็ไม่ยกเลิกmou43,44มันพากันกอดหาบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งมันจริงๆก็ว่า กอดไว้หาโคตรพ่อโคตรแมร่งมันนั้นเอง,ไม่ยอมยกเลิกจนถึงปัจจุบัน,และนายกฯทรยศเนรคุณแผ่นดินไทยนี้ที่ร่วมกับเดอะแก๊งตนสร้างมันขึ้นมาให้ไทยเสียดินแดนจริงถึง1:200,000นั้นเอง https://youtube.com/shorts/ikG269QCZCo?si=AKUJZYvsvs4rw81W
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 9
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 9

    ลองมาไล่เรียงดูพันธมิตรของแต่ละฝ่าย ว่ามีใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหนกันบ้าง

    ฝ่ายอเมริกา
    – กลุ่ม Anglo Saxon นำโดย อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา
    – กลุ่มตะวันออกกลาง นำโดย พวกเสี่ยน้ำมันค่ายซาอุดิอารเบีย มี ซาอุดิ อารเบีย, อาหรับอามิเรต, บาห์เรน, คูเวต, การ์ต้า, จอร์แดน , อิรัก (น่าสงสัย) และ ตุรกี (ซึ่งแม้จะอยู่นอกกลุ่มพวกเสี่ย แต่ก็ถือว่าเป็นลูกหาบอเมริกา แต่ระยะหลังพฤติกรรมน่าสงสัย) และอิสราเอลตัวแสบ
    – กลุ่มยุโรป หมดทั้งทวีป รักกันมากน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง มี NATOเป็นผู้คุมฝูง
    – กลุ่มเอเซีย มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียตนาม ลาว เขมร พม่า (น่าสงสัย) ปากีสถาน อาฟกานิสถาน
    – กลุ่มอาฟริกา มี อิยิปต์เป็นตัวหลัก
    – กลุ่มลาตินอเมริกา ยังมองไม่เห็นตัวหลัก

    ฝ่ายรัสเซีย
    – กลุ่มเอเซีย มี จีน เกาหลีเหนือ อินเดีย พม่า และกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Co-Operation)
    – กลุ่มยุโรป ที่เปิดเผยยังไม่มี
    – กลุ่มตะวันออกกลาง มีอิหร่าน ซีเรีย และเลบานอน
    – กลุ่มอาฟริกา ยังไม่ยอมเปิดเผยตัว
    – กลุ่มลาติน มีบราซิล และคิวบา

    เห็นได้ชัดว่าในด้านปริมาณ ฝ่ายอเมริกามีมากกว่าฝ่ายรัสเซีย จนฝ่ายรัสเซียน่าจะถอดใจ แต่ถ้าลองมาไล่เรียงด้านศักยภาพของเหล่าพันธมิตรของแต่ละฝ่ายดูบ้าง ว่าใครเป็นมวยประเภทไม้ประดับ หรือใครเป็นมวยประเภทหมัดหนักแบบท่อนซุง

    ฝ่ายอเมริกา

    หมัดหนักที่สุดคืออิสราเอล มีความพร้อมทั้งด้านกองกำลังอาวุธ ส่วนหมัดรองมี ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฝรั่งเศษ สวีเดน และซาอุดิ ที่มีกองกำลังใกล้เคียงกัน และอาวุธไม่น้อยหน้ากัน ส่วนแถบเอเซีย ที่พอใช้การได้มี เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม และญี่ปุ่น แต่เป็นพวกหมัดเบา

    สรุปพันธมิตรที่อเมริกาจะพึ่งได้จริงๆมี 9 ประเทศ เป็นรุ่นหมัดหนักแค่ 1 เดียว !

    ฝ่ายรัสเซีย
    รุ่นใหญ่หมัดหนักมีเพียบ คือ จีน อินเดีย บราซิล เกาหลีเหนือ (แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่แรงและเผ็ดจัด) อิหร่าน เลบานอน และม้ามืดคือคิวบา
    รุ่นกลางมีซีเรีย (และอาจจะพ่วงเอาตุรกีและอิรัก เข้ามาด้วย ต้องดูอีกสักระยะหนึ่ง) และพม่า มี 9 ประเทศเท่ากัน เป็นรุ่นหมัดหนักเสีย 7 ประเทศ !

    สำหรับเลบานอน เป็นหมากสำคัญอีกตัวหนึ่ง หลายท่านอาจจะไม่รู้ จากการที่เลบานอน เป็นเจ้าของกองกำลัง Hezbollah ซึ่ง มีศักยภาพสูง และมีวินัยสูงครอบครองบริเวณที่สามารถก่อการอันตรายให้กับอิสราเอลอย่างยิ่ง ทำให้เลบานอนเป็นประเทศที่อเมริกาพยายามซื้อ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ต้องทำลาย ขณะเดียวกัน อิหร่านก็ทุ่มสุดตัวเช่นเดียวกัน ในการส่งเสียเลี้ยงดูพวก Hezbollah ดังนั้น ถ้าเลบานอนสามารถทำให้อิสราเอลเหนื่อยได้ อเมริกาก็เซได้

    สรุป เรื่องพันธมิตร

    ฝ่ายอเมริกา แม้จะมีจำนวนมากกว่า ดูเผินๆ ฟังแต่ข่าวย้อมสี มันน่าคึกคัก ว่าโลกทั้งใบอยู่ฝ่ายอเมริกาทั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกที่จำเป็นจะต้องอยู่กับอเมริกา เพราะมีเชือกผูกหรือถูกต้อนเข้าคอกไม่น้อย แบบนี้เวลาจะไปรบน่ะ ถามจริงๆ เขาจะไปตายแทนให้หรือ แถมจะเป็นภาระให้อเมริกาต้องมาดูแล เพราะกองกำลังของตัวเองก็มีไม่พอแม้จะดูแลตัวเอง จะเอาที่ไหนไปช่วยลูกพี่ มีแต่กำลังปาก ถึงตอนเข้าฉากรบจริง อเมริกาอาจบอกตัวใครตัวมันนะพวก

    ส่วน ฝ่ายรัสเซีย เห็นแล้วเหมือนจำนวนน้อยจนน่าใจหาย แต่ดูศักยภาพแล้ว ไม่น่าต้องอธิบายมาก เป็นพวกถูกอเมริกาไล่บี้ เสียจนแทบไม่มีที่ยืนแทบทั้งนั้น ตั้งแต่ตัวหัวหน้าเอง แบบนี้มีอะไรจะต้องเสีย ไม่รบต่างหาก อาจจะเสียจนไม่มีที่ยืน แล้วการรบด้วยความคับแค้น ความฮึด และความอึด มันเป็นอย่างไร นึกถึงภาพเด็กแสบเกาหลีกับอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ก็น่าจะพอเห็นภาพกันออก ไม่ต้องบรรยายมากนะครับ

    ตกลงฝ่ายอเมริกา ที่ว่าพวกมาก เกรงจะเป็นประเภทพวกมาก ลากลงเหวเสียมากกว่า แบบนี้ ฝ่ายรัสเซีย กลุ่มเล็กแต่เหนียวและหนัก น่าจะดีกว่า

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 9 ลองมาไล่เรียงดูพันธมิตรของแต่ละฝ่าย ว่ามีใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหนกันบ้าง ฝ่ายอเมริกา – กลุ่ม Anglo Saxon นำโดย อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา – กลุ่มตะวันออกกลาง นำโดย พวกเสี่ยน้ำมันค่ายซาอุดิอารเบีย มี ซาอุดิ อารเบีย, อาหรับอามิเรต, บาห์เรน, คูเวต, การ์ต้า, จอร์แดน , อิรัก (น่าสงสัย) และ ตุรกี (ซึ่งแม้จะอยู่นอกกลุ่มพวกเสี่ย แต่ก็ถือว่าเป็นลูกหาบอเมริกา แต่ระยะหลังพฤติกรรมน่าสงสัย) และอิสราเอลตัวแสบ – กลุ่มยุโรป หมดทั้งทวีป รักกันมากน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง มี NATOเป็นผู้คุมฝูง – กลุ่มเอเซีย มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียตนาม ลาว เขมร พม่า (น่าสงสัย) ปากีสถาน อาฟกานิสถาน – กลุ่มอาฟริกา มี อิยิปต์เป็นตัวหลัก – กลุ่มลาตินอเมริกา ยังมองไม่เห็นตัวหลัก ฝ่ายรัสเซีย – กลุ่มเอเซีย มี จีน เกาหลีเหนือ อินเดีย พม่า และกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Co-Operation) – กลุ่มยุโรป ที่เปิดเผยยังไม่มี – กลุ่มตะวันออกกลาง มีอิหร่าน ซีเรีย และเลบานอน – กลุ่มอาฟริกา ยังไม่ยอมเปิดเผยตัว – กลุ่มลาติน มีบราซิล และคิวบา เห็นได้ชัดว่าในด้านปริมาณ ฝ่ายอเมริกามีมากกว่าฝ่ายรัสเซีย จนฝ่ายรัสเซียน่าจะถอดใจ แต่ถ้าลองมาไล่เรียงด้านศักยภาพของเหล่าพันธมิตรของแต่ละฝ่ายดูบ้าง ว่าใครเป็นมวยประเภทไม้ประดับ หรือใครเป็นมวยประเภทหมัดหนักแบบท่อนซุง ฝ่ายอเมริกา หมัดหนักที่สุดคืออิสราเอล มีความพร้อมทั้งด้านกองกำลังอาวุธ ส่วนหมัดรองมี ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฝรั่งเศษ สวีเดน และซาอุดิ ที่มีกองกำลังใกล้เคียงกัน และอาวุธไม่น้อยหน้ากัน ส่วนแถบเอเซีย ที่พอใช้การได้มี เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม และญี่ปุ่น แต่เป็นพวกหมัดเบา สรุปพันธมิตรที่อเมริกาจะพึ่งได้จริงๆมี 9 ประเทศ เป็นรุ่นหมัดหนักแค่ 1 เดียว ! ฝ่ายรัสเซีย รุ่นใหญ่หมัดหนักมีเพียบ คือ จีน อินเดีย บราซิล เกาหลีเหนือ (แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่แรงและเผ็ดจัด) อิหร่าน เลบานอน และม้ามืดคือคิวบา รุ่นกลางมีซีเรีย (และอาจจะพ่วงเอาตุรกีและอิรัก เข้ามาด้วย ต้องดูอีกสักระยะหนึ่ง) และพม่า มี 9 ประเทศเท่ากัน เป็นรุ่นหมัดหนักเสีย 7 ประเทศ ! สำหรับเลบานอน เป็นหมากสำคัญอีกตัวหนึ่ง หลายท่านอาจจะไม่รู้ จากการที่เลบานอน เป็นเจ้าของกองกำลัง Hezbollah ซึ่ง มีศักยภาพสูง และมีวินัยสูงครอบครองบริเวณที่สามารถก่อการอันตรายให้กับอิสราเอลอย่างยิ่ง ทำให้เลบานอนเป็นประเทศที่อเมริกาพยายามซื้อ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ต้องทำลาย ขณะเดียวกัน อิหร่านก็ทุ่มสุดตัวเช่นเดียวกัน ในการส่งเสียเลี้ยงดูพวก Hezbollah ดังนั้น ถ้าเลบานอนสามารถทำให้อิสราเอลเหนื่อยได้ อเมริกาก็เซได้ สรุป เรื่องพันธมิตร ฝ่ายอเมริกา แม้จะมีจำนวนมากกว่า ดูเผินๆ ฟังแต่ข่าวย้อมสี มันน่าคึกคัก ว่าโลกทั้งใบอยู่ฝ่ายอเมริกาทั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกที่จำเป็นจะต้องอยู่กับอเมริกา เพราะมีเชือกผูกหรือถูกต้อนเข้าคอกไม่น้อย แบบนี้เวลาจะไปรบน่ะ ถามจริงๆ เขาจะไปตายแทนให้หรือ แถมจะเป็นภาระให้อเมริกาต้องมาดูแล เพราะกองกำลังของตัวเองก็มีไม่พอแม้จะดูแลตัวเอง จะเอาที่ไหนไปช่วยลูกพี่ มีแต่กำลังปาก ถึงตอนเข้าฉากรบจริง อเมริกาอาจบอกตัวใครตัวมันนะพวก ส่วน ฝ่ายรัสเซีย เห็นแล้วเหมือนจำนวนน้อยจนน่าใจหาย แต่ดูศักยภาพแล้ว ไม่น่าต้องอธิบายมาก เป็นพวกถูกอเมริกาไล่บี้ เสียจนแทบไม่มีที่ยืนแทบทั้งนั้น ตั้งแต่ตัวหัวหน้าเอง แบบนี้มีอะไรจะต้องเสีย ไม่รบต่างหาก อาจจะเสียจนไม่มีที่ยืน แล้วการรบด้วยความคับแค้น ความฮึด และความอึด มันเป็นอย่างไร นึกถึงภาพเด็กแสบเกาหลีกับอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ก็น่าจะพอเห็นภาพกันออก ไม่ต้องบรรยายมากนะครับ ตกลงฝ่ายอเมริกา ที่ว่าพวกมาก เกรงจะเป็นประเภทพวกมาก ลากลงเหวเสียมากกว่า แบบนี้ ฝ่ายรัสเซีย กลุ่มเล็กแต่เหนียวและหนัก น่าจะดีกว่า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts