• พอดีเห็นภาพหน้า 2 ของไทยโพสต์ฉบับพิมพ์ที่จะวางแผงเช้านี้ quote คำพูดของอาจารย์ชิดตะวัน แล้วผมเห็นด้วยทุกประการ เลยขอยกมาไว้ในที่นี้ด้วยครับ

    "...จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์ในขณะที่อนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย มีการคอร์รัปชันต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การที่รัฐบาลละเลยข้อมูลสำคัญนี้ จึงไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศ เพราะการออกนโยบายสาธารณะต้องมีองค์ความรู้ มีความรอบคอบ และต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน..."

    https://www.thaipost.net/one-newspaper/724690/
    พอดีเห็นภาพหน้า 2 ของไทยโพสต์ฉบับพิมพ์ที่จะวางแผงเช้านี้ quote คำพูดของอาจารย์ชิดตะวัน แล้วผมเห็นด้วยทุกประการ เลยขอยกมาไว้ในที่นี้ด้วยครับ "...จะเห็นได้ว่าสิงคโปร์ในขณะที่อนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย มีการคอร์รัปชันต่ำเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้สูง ซึ่งทั้งหมดนี้แตกต่างจากประเทศไทยในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง การที่รัฐบาลละเลยข้อมูลสำคัญนี้ จึงไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศ เพราะการออกนโยบายสาธารณะต้องมีองค์ความรู้ มีความรอบคอบ และต้องพิจารณาในทุกองค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน..." https://www.thaipost.net/one-newspaper/724690/
    WWW.THAIPOST.NET
    ตั้งกาสิโนโลกสวย ‘สิงคโปร์’ภาพลวง
    นักเศรษฐศาสตร์จับโกหกรัฐบาล-พท. ดันเปิดบ่อนกาสิโน หลอกลวงประชาชน ไม่เคยพูดตอนหาเสียง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้บุคคลต่างๆ ที่อาจตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 เตรียมหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคมนี้
    .
    "มันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีการตัดสินใจ" ไบเดน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) ตอบคำถามหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะนิรโทษกรรมล่วงหน้า
    .
    ไบเดน ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความกังวลที่โผล่ขึ้นมาภายในพรรคเดโมแครต ตามหลังผลงานการดีเบตกับทรัมป์ ที่ก่อความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนพรรค ท้ายที่สุดแล้วเขาก็หันไปรับรองแฮร์ริส แต่ว่าเธอก็พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้ทรัมป์
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงถึงเจตนาจะเอาผิดกับทุกคนที่เขามองเป็นศัตรู "ในนั้นรวมถึงแฮร์ริส และโจ ไบเดน บุคคลที่เขามองว่าเป็นประธานาธิบดีคอร์รัปชันเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา รวมถึงครอบครัวอาชญากรของเขาด้วย"
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวิพากษ์วิจารณ์ไบเดน สำหรับกรณีนิรโทษกรรมให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายตนเองในเดือนธันวาคม กลับลำจากที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ทำเช่นนนั้น ทั้งนี้ ไบเดน อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ แม้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนธันวาคม
    .
    ทรัมป์ เรียกการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็น "การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" และหยิบยกเรื่องนี้พาดพิงถึงบรรดาผู้สนับสนุนของเขาที่ถูกจำคุกฐานก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 "การนิรโทษกรรมที่ไบเดนมอบให้ฮันเตอร์ ได้นับรวมกลุ่ม J-6 Hostages ด้วยหรือเปล่า เวลานี้พวกเขาถูกคุมขังมานานหลายปีแล้ว มันเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม!" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล
    .
    นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดียังเรียกร้องให้สืบสวนอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาตลอด
    .
    ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ทรัมป์ขู่ดำเนินคดีอย่างที่ไม่มีมาก่อน กับบุคคลต่างๆ ที่เขากล่าวหาว่าโกงเลือกตั้ง "ขอให้ทราบว่าความเสี่ยงถูกดำเนินการทางกฎหมายนี้ ครอบคลุมถึงพวกทนายความ พวกผู้ใช้อุบายในทางการเมือง บรรดาผู้บริจาค ผู้ใช้สิทธิใช้เสียงแบบผิดกฎหมายและพวกเจ้าหน้าที่เลือกตั้งที่คอร์รัปชัน" ทรัมป์โพสต์บนทรัสต์โซเชียล หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางในปี 2020
    .
    ทรัมป์ ยังได้เน้นย้ำเมื่อปีที่แล้ว ว่าเขาจะไล่ออก แจ็ค สมิธ ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลการสืบสวนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกันรายนี้ จนกระทั่ง สมิธ ตัดสินใจลาออกเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.)
    .
    เมื่อถามว่าเขาจะนิรโทษกรรมให้ตนเองหรือไม่ ทาง ไบเดน ปฏิเสธความคิดนี้ โดยบอกว่า "ผมไม่ได้ทำอะไรผิด"
    .
    มีความเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีอาจมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าอย่างกว้างขวาง ต่อการกระทำผิดใดๆ ตามกฎหมายรัฐบาลกลางในอดีตที่ผ่านมา แม้กระทั่งยังไม่ถูกยื่นฟ้องดำเนินคดีก็ตาม อย่างไรก็ตาม อำนาจนี้ไม่สามารถใช้กับความผิดทางอาญาตามกฎหมายในแต่ละรัฐหรือความผิดใดๆ ในอนาคต
    .
    ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่ารูปแบบการนิรโทษกรรมที่ไบเดนกำลังพิจารณาอยู่นั้น น่าจะเป็นการนิรโทษกรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจพิเศษของประธานาธิบดี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003513
    ..............
    Sondhi X
    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้บุคคลต่างๆ ที่อาจตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 เตรียมหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคมนี้ . "มันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีการตัดสินใจ" ไบเดน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) ตอบคำถามหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะนิรโทษกรรมล่วงหน้า . ไบเดน ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความกังวลที่โผล่ขึ้นมาภายในพรรคเดโมแครต ตามหลังผลงานการดีเบตกับทรัมป์ ที่ก่อความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนพรรค ท้ายที่สุดแล้วเขาก็หันไปรับรองแฮร์ริส แต่ว่าเธอก็พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้ทรัมป์ . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงถึงเจตนาจะเอาผิดกับทุกคนที่เขามองเป็นศัตรู "ในนั้นรวมถึงแฮร์ริส และโจ ไบเดน บุคคลที่เขามองว่าเป็นประธานาธิบดีคอร์รัปชันเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา รวมถึงครอบครัวอาชญากรของเขาด้วย" . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวิพากษ์วิจารณ์ไบเดน สำหรับกรณีนิรโทษกรรมให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายตนเองในเดือนธันวาคม กลับลำจากที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ทำเช่นนนั้น ทั้งนี้ ไบเดน อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ แม้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนธันวาคม . ทรัมป์ เรียกการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็น "การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" และหยิบยกเรื่องนี้พาดพิงถึงบรรดาผู้สนับสนุนของเขาที่ถูกจำคุกฐานก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 "การนิรโทษกรรมที่ไบเดนมอบให้ฮันเตอร์ ได้นับรวมกลุ่ม J-6 Hostages ด้วยหรือเปล่า เวลานี้พวกเขาถูกคุมขังมานานหลายปีแล้ว มันเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม!" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล . นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดียังเรียกร้องให้สืบสวนอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาตลอด . ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ทรัมป์ขู่ดำเนินคดีอย่างที่ไม่มีมาก่อน กับบุคคลต่างๆ ที่เขากล่าวหาว่าโกงเลือกตั้ง "ขอให้ทราบว่าความเสี่ยงถูกดำเนินการทางกฎหมายนี้ ครอบคลุมถึงพวกทนายความ พวกผู้ใช้อุบายในทางการเมือง บรรดาผู้บริจาค ผู้ใช้สิทธิใช้เสียงแบบผิดกฎหมายและพวกเจ้าหน้าที่เลือกตั้งที่คอร์รัปชัน" ทรัมป์โพสต์บนทรัสต์โซเชียล หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางในปี 2020 . ทรัมป์ ยังได้เน้นย้ำเมื่อปีที่แล้ว ว่าเขาจะไล่ออก แจ็ค สมิธ ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลการสืบสวนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกันรายนี้ จนกระทั่ง สมิธ ตัดสินใจลาออกเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) . เมื่อถามว่าเขาจะนิรโทษกรรมให้ตนเองหรือไม่ ทาง ไบเดน ปฏิเสธความคิดนี้ โดยบอกว่า "ผมไม่ได้ทำอะไรผิด" . มีความเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีอาจมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าอย่างกว้างขวาง ต่อการกระทำผิดใดๆ ตามกฎหมายรัฐบาลกลางในอดีตที่ผ่านมา แม้กระทั่งยังไม่ถูกยื่นฟ้องดำเนินคดีก็ตาม อย่างไรก็ตาม อำนาจนี้ไม่สามารถใช้กับความผิดทางอาญาตามกฎหมายในแต่ละรัฐหรือความผิดใดๆ ในอนาคต . ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่ารูปแบบการนิรโทษกรรมที่ไบเดนกำลังพิจารณาอยู่นั้น น่าจะเป็นการนิรโทษกรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจพิเศษของประธานาธิบดี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003513 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1022 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!??

    ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี

    ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี

    อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่

    แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี
    แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018

    ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง

    ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน)

    ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ
    เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ.
    หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก

    ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง

    ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น

    ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร

    ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!!

    รสนา โตสิตระกูล
    10 มกราคม 2568
    บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!?? ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่ แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018 ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน) ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!! รสนา โตสิตระกูล 10 มกราคม 2568
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รอเวรกรรมขจัดความอัปยศ"
    โสภณ องค์การณ์
    10 ตุลาคม 2567
    (งานเขียนชิ้นสุดท้าย)

    ตีพิมพ์ในผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 781 วันที่ 12-18 ตุลาคม 2567

    ผู้นำประเทศไทยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ไปออกงานระดับอินเตอร์

    งานแรกที่เมืองโดฮา กาตาร์ กลับมาสร้างความฮือฮาไม่ธรรมดา เป็นอย่างฮา

    งานที่สองไปนครเวียงจันทน์อาเซียนซัมมิต กระทบไหล่ผู้นำประเทศ ซึ่งล้วนมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถเหนือกว่า

    สิ่งที่มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ พึ่งโพย อวดอ้างได้ก็คือความเป็นผู้นำอายุน้อย วาระการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็น้อย ส่วนจะมีอย่างอื่นน้อยหรือไม่คนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวอีกรอบแล้ว

    ใครจะไปคิดว่า ความเฉิ่มจะปรากฏเร็วยิ่งกว่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศซึ่งสร้างความฮือฮาเรื่องการยกอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัด ยกให้เมืองซิดนีย์เป็นประเทศ และอะไรที่ทำให้ต้องทนต่อความอดสู

    มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ เป็นลักษณะไม่ยอมคน เถียงฉอดๆ ชนิดคำไม่ตกฟาก และยังมีท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงท้วงติง ไม่แยแสทั้งที่เป็นความผิดพลาด

    การที่กล่าวกับคณะทูตด้วยคำว่า "You guys" ถือว่าเป็นสุดยอดของความไม่รู้เรื่อง ขาดการศึกษา ประเภทที่ว่าต่อให้ยกขบวนการขี้ข้ามาแก้ต่างให้ก็คงไม่ไหว

    แสดงว่ามาดามไม่รู้อะไรจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาคงหลงระเริงกับชีวิตของลูกสาวคนรวยหลายพันล้านหรือมากกว่านั้น เสียงแว่วลือลั่นว่า นางใช้เงินช็อปปิ้งสัปดาห์ละ 5 ล้านบาท ก็คงไม่เกินจริง

    ดูชุดสวมใส่แต่ละวันพร้อมเครื่องประดับก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับล้านบาท แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเงินหาง่ายสำหรับตระกูลนี้ ยิ่งมีเงินก็ยิ่งงอกเงย ทั้งมีอำนาจก็เร่งการงอกของเงินจากหลายแหล่ง

    ไม่อย่างนั้นจะมีขบวนการขี้ข้า เป็นตัวประดับ เดินตามก้นกุมเป้าพินอบพิเทา ถ้าสั่งให้หามไปบนเสลี่ยงก็คงแย่งกันทำเอาหน้า เพื่อยกระดับขี้ข้าซึ่งมีต่างกัน

    มาดามจะรู้ตัวหรือไม่ว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกจะรู้สึกอับอายขายหน้าทั้งประเทศเพราะมีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ไร้เดียงสาด้อยความรู้ความสามารถ มีอย่างเดียวคือความถือดี ไม่ฟังใคร ไม่สนใจ อาจจะไม่เห็นหัวคน มองว่าเป็นขี้ข้า

    ไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะ "ต้องทน" กับ "ความอัปยศ" เพราะมีผู้นำที่ด้อยความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นตัวประหลาดในงานประชุมระดับนานาชาติ

    พ่อแม่ของเธอไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอที่ลูกสาวสุดที่รักถูกเยาะเย้ยถากถางเพราะความไม่ประสีประสาและมีพฤติกรรมสร้างความขบขันที่คนไทยหัวเราะไม่ออก

    เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างเลือดเย็นที่สุด แม้แต่ประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนามีประชากรไม่กี่หมื่นคน หาบนแผนที่โลกแทบไม่เจอ ก็ยังสามารถหาผู้นำที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วประชาชนไม่ต้องทนอับอาย

    แต่ประเทศไทยมีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน ต้องทนกับระบบการเมืองที่มีโครงสร้างไม่เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถได้เป็นผู้นำ ทั้งที่มีความได้เปรียบหลายประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากอันดับหนึ่งของโลก

    แต่ดันมีผู้นำอายุน้อยที่สุด และสร้างความขายหน้าที่สุด นี่ยังไม่ถึงสองเดือน ถ้าจะต้องทนถึงสิ้นปี ยังไม่รู้ว่าโรงงานทำปี๊บจะมีพอขายหรือไม่ คงต้องเอาถุงปุ๋ยหรือถุงดำแทน

    ยังดีที่กระบวนการทางกฎหมายค้างคาอยู่หลายเรื่องเพื่อจะตัดต่อความเป็นผู้นำของมาดาม รวมถึงความลำพองและอำนาจของบิดา อดีตนักโทษที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว

    ทั้งหมดนี้คงเป็นกรรมไล่ตาม จะถึงพ่อหรือถึงลูกก่อนก็ยังต้องรอดู ความเป็นจริงก็คือลูกคนที่พ่อรักที่สุดจะต้องเจ็บปวดที่สุดเพราะความไม่รู้จักพอและความหลงในอำนาจ

    ยิ่งมาดามเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ทำให้การเร่งสภาวะหายนะให้เกิดขึ้นพร้อมกับกรรมเก่าที่ทำไว้กับประเทศชาติซึ่งถูกกอบโกยความมั่งคั่งทางด้านดีและระบบทุจริตประพฤติมิชอบ

    ทั้งพ่อและลูกรวมทั้งสาแหรกสมาชิกตระกูลจะรู้หรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง เท่าที่ผ่านมาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยังไม่สำนึก ยังดันทุรัง ทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกกฎหมาย

    ขบวนการขี้คุกและขี้ข้ารับใช้ช่วยกันเร่งความเสื่อมโทรมให้แผ่นดินนี้

    พรรคร่วมรับประทานล้วนไร้จิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะตลอดชีวิตการเมืองอยู่ในระบบคอร์รัปชั่นและกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน อยากร่วมรัฐบาลทั้งที่รู้ว่าต้องมีความชั่วร้าย

    ต้องยอมรับระดับความไม่อาย ไม่ประมาณตน ไม่รู้ข้อจำกัดความรู้ความสามารถของตนเอง ถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้พยายามแทรกแผ่นดินหนีความอัปยศ เพราะแต่ละคนในตระกูลมีมลทินด่างพร้อยไม่มากก็น้อย

    ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินเครือข่าย ป่านนี้ติดคุกไปหลายรายเพราะพฤติกรรมนอกกฎหมาย จะเห็นได้จากจำนวนคนขี้ข้าขี้คุกในพรรคและยังคาคุกอยู่หลายคน ล้วนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบทั้งนั้น

    ยังดีแผ่นดินนี้แม้จะถูกคนชั่วร้ายหรือเครือข่ายทุรชนครอบงำ แต่ก็ไม่นานจนทำให้หายนะ แม้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมโครงสร้างทรุด ชาวบ้านยากจนถึงระดับอกไหม้ไส้ขม สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ก็หวังว่าต้องมีวันจบสิ้น

    ครั้งที่จะถึงนี้ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่สำหรับการสิ้นสุดของการครอบงำ การครอบครองอำนาจ และความหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ต้องรอดูการทำงานของกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

    ที่สำคัญเวรกรรมมีจริง พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอบใหม่จะมาช้าหรือเร็ว คงไม่นานเกินรอ
    "รอเวรกรรมขจัดความอัปยศ" โสภณ องค์การณ์ 10 ตุลาคม 2567 (งานเขียนชิ้นสุดท้าย) ตีพิมพ์ในผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 781 วันที่ 12-18 ตุลาคม 2567 ผู้นำประเทศไทยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ไปออกงานระดับอินเตอร์ งานแรกที่เมืองโดฮา กาตาร์ กลับมาสร้างความฮือฮาไม่ธรรมดา เป็นอย่างฮา งานที่สองไปนครเวียงจันทน์อาเซียนซัมมิต กระทบไหล่ผู้นำประเทศ ซึ่งล้วนมีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถเหนือกว่า สิ่งที่มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ พึ่งโพย อวดอ้างได้ก็คือความเป็นผู้นำอายุน้อย วาระการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็น้อย ส่วนจะมีอย่างอื่นน้อยหรือไม่คนไทยต้องเอาปี๊บคลุมหัวอีกรอบแล้ว ใครจะไปคิดว่า ความเฉิ่มจะปรากฏเร็วยิ่งกว่านายกฯหญิงคนแรกของประเทศซึ่งสร้างความฮือฮาเรื่องการยกอำเภอหาดใหญ่เป็นจังหวัด ยกให้เมืองซิดนีย์เป็นประเทศ และอะไรที่ทำให้ต้องทนต่อความอดสู มาดามซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ เป็นลักษณะไม่ยอมคน เถียงฉอดๆ ชนิดคำไม่ตกฟาก และยังมีท่าทีไม่ใส่ใจต่อเสียงท้วงติง ไม่แยแสทั้งที่เป็นความผิดพลาด การที่กล่าวกับคณะทูตด้วยคำว่า "You guys" ถือว่าเป็นสุดยอดของความไม่รู้เรื่อง ขาดการศึกษา ประเภทที่ว่าต่อให้ยกขบวนการขี้ข้ามาแก้ต่างให้ก็คงไม่ไหว แสดงว่ามาดามไม่รู้อะไรจริงๆ ชีวิตที่ผ่านมาคงหลงระเริงกับชีวิตของลูกสาวคนรวยหลายพันล้านหรือมากกว่านั้น เสียงแว่วลือลั่นว่า นางใช้เงินช็อปปิ้งสัปดาห์ละ 5 ล้านบาท ก็คงไม่เกินจริง ดูชุดสวมใส่แต่ละวันพร้อมเครื่องประดับก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับล้านบาท แต่จะไปแคร์อะไรในเมื่อเงินหาง่ายสำหรับตระกูลนี้ ยิ่งมีเงินก็ยิ่งงอกเงย ทั้งมีอำนาจก็เร่งการงอกของเงินจากหลายแหล่ง ไม่อย่างนั้นจะมีขบวนการขี้ข้า เป็นตัวประดับ เดินตามก้นกุมเป้าพินอบพิเทา ถ้าสั่งให้หามไปบนเสลี่ยงก็คงแย่งกันทำเอาหน้า เพื่อยกระดับขี้ข้าซึ่งมีต่างกัน มาดามจะรู้ตัวหรือไม่ว่า คนไทยที่มีจิตสำนึกจะรู้สึกอับอายขายหน้าทั้งประเทศเพราะมีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ไร้เดียงสาด้อยความรู้ความสามารถ มีอย่างเดียวคือความถือดี ไม่ฟังใคร ไม่สนใจ อาจจะไม่เห็นหัวคน มองว่าเป็นขี้ข้า ไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะ "ต้องทน" กับ "ความอัปยศ" เพราะมีผู้นำที่ด้อยความรู้ความสามารถเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นตัวประหลาดในงานประชุมระดับนานาชาติ พ่อแม่ของเธอไม่รู้สึกอับอายบ้างเหรอที่ลูกสาวสุดที่รักถูกเยาะเย้ยถากถางเพราะความไม่ประสีประสาและมีพฤติกรรมสร้างความขบขันที่คนไทยหัวเราะไม่ออก เป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างเลือดเย็นที่สุด แม้แต่ประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนามีประชากรไม่กี่หมื่นคน หาบนแผนที่โลกแทบไม่เจอ ก็ยังสามารถหาผู้นำที่เป็นตัวแทนของประเทศแล้วประชาชนไม่ต้องทนอับอาย แต่ประเทศไทยมีพลเมืองเกือบ 70 ล้านคน ต้องทนกับระบบการเมืองที่มีโครงสร้างไม่เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถได้เป็นผู้นำ ทั้งที่มีความได้เปรียบหลายประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากอันดับหนึ่งของโลก แต่ดันมีผู้นำอายุน้อยที่สุด และสร้างความขายหน้าที่สุด นี่ยังไม่ถึงสองเดือน ถ้าจะต้องทนถึงสิ้นปี ยังไม่รู้ว่าโรงงานทำปี๊บจะมีพอขายหรือไม่ คงต้องเอาถุงปุ๋ยหรือถุงดำแทน ยังดีที่กระบวนการทางกฎหมายค้างคาอยู่หลายเรื่องเพื่อจะตัดต่อความเป็นผู้นำของมาดาม รวมถึงความลำพองและอำนาจของบิดา อดีตนักโทษที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว ทั้งหมดนี้คงเป็นกรรมไล่ตาม จะถึงพ่อหรือถึงลูกก่อนก็ยังต้องรอดู ความเป็นจริงก็คือลูกคนที่พ่อรักที่สุดจะต้องเจ็บปวดที่สุดเพราะความไม่รู้จักพอและความหลงในอำนาจ ยิ่งมาดามเชื่อว่าตัวเองมีความสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ทำให้การเร่งสภาวะหายนะให้เกิดขึ้นพร้อมกับกรรมเก่าที่ทำไว้กับประเทศชาติซึ่งถูกกอบโกยความมั่งคั่งทางด้านดีและระบบทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งพ่อและลูกรวมทั้งสาแหรกสมาชิกตระกูลจะรู้หรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง เท่าที่ผ่านมาก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ยังไม่สำนึก ยังดันทุรัง ทำอะไรนอกลู่นอกทาง นอกกฎหมาย ขบวนการขี้คุกและขี้ข้ารับใช้ช่วยกันเร่งความเสื่อมโทรมให้แผ่นดินนี้ พรรคร่วมรับประทานล้วนไร้จิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพราะตลอดชีวิตการเมืองอยู่ในระบบคอร์รัปชั่นและกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรแผ่นดิน อยากร่วมรัฐบาลทั้งที่รู้ว่าต้องมีความชั่วร้าย ต้องยอมรับระดับความไม่อาย ไม่ประมาณตน ไม่รู้ข้อจำกัดความรู้ความสามารถของตนเอง ถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้พยายามแทรกแผ่นดินหนีความอัปยศ เพราะแต่ละคนในตระกูลมีมลทินด่างพร้อยไม่มากก็น้อย ถ้าไม่มีอำนาจ ไม่มีเงินเครือข่าย ป่านนี้ติดคุกไปหลายรายเพราะพฤติกรรมนอกกฎหมาย จะเห็นได้จากจำนวนคนขี้ข้าขี้คุกในพรรคและยังคาคุกอยู่หลายคน ล้วนเกี่ยวกับคดีทุจริตคอร์รัปชันประพฤติมิชอบทั้งนั้น ยังดีแผ่นดินนี้แม้จะถูกคนชั่วร้ายหรือเครือข่ายทุรชนครอบงำ แต่ก็ไม่นานจนทำให้หายนะ แม้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมโครงสร้างทรุด ชาวบ้านยากจนถึงระดับอกไหม้ไส้ขม สิ้นไร้ไม้ตอก แต่ก็หวังว่าต้องมีวันจบสิ้น ครั้งที่จะถึงนี้ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่สำหรับการสิ้นสุดของการครอบงำ การครอบครองอำนาจ และความหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ครั้งสุดท้าย ต้องรอดูการทำงานของกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญเวรกรรมมีจริง พิสูจน์ให้เห็นแล้ว รอบใหม่จะมาช้าหรือเร็ว คงไม่นานเกินรอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567
    .
    1. กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ
    นักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ และนักโทษคดีจำนำข้าว เช่น นายบุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด ขณะที่อดีตข้าราชการในคดีเดียวกันยังติดคุกอยู่ แม้ไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ คือ “โกงซ้อนโกง”
    ถึงวันนี้นักการเมืองและข้าราชการบางคนยังจับมือกันปกปิดความจริง ปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ โดยไม่สนใจว่าจะค้านสายตาประชาชนและสังคมโลก

    2. กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต
    โศกนาฏกรรมนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเรื่องก็เงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดต้องรับผิดชอบเลย! ไม่มีท่าทีของรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งที่เราต่างรู้แก่ใจว่าทุกวันนี้มีรถเถื่อน รถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน พร้อมจะนำความตายมาสู่ใครอีกก็ได้

    3. คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม
    ศาลคอร์รัปชันชี้ว่า “ผิดจริง” แต่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แถมตำหนิ “ป.ป.ช.” ว่า ไม่ใส่ใจทำคดี คำพิพากษานี้ยังทำให้เกิดประเด็นต้องติดตามอีกว่า เป็นการเปลี่ยนหลักกฎหมายเดิมที่กำหนดให้การหนีคดีของจำเลยทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ใช่หรือไม่?

    4. กรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง
    หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลาย เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด กรมที่ดินและการรถไฟฯ โยนเรื่องกันไปมา เลือกหยิบยกข้อกฎหมายไปตีความจนบิดเบี้ยว มาดูกันว่า สุดท้ายแล้วสมบัติของชาติจะได้รับการปกป้องหรือรัฐต้องจ่ายค่าโง่อะไร ก่อนที่ ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเหล่านั้นจะได้สิทธิ์เช่าระยะยาวบนที่ดินหลวงในราคาแสนถูก

    5. กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
    โครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทนี้ พ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิ้งค์ และที่ดินย่านมักกะสัน แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม ถ่วงการพัฒนาโครงการ อีอีซี จนนักลงทุนต่างชาติเยาะหยันว่ามาทำธุรกิจเมืองไทย หากไม่มีพวกพ้องก็อยู่ไม่ได้ ความโปร่งใสเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน

    6. กรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ
    เป็นดั่งยุคทองของพวกทำลายป่า เมื่อรัฐบาลมีนโยบาย ส.ป.ก. ทองคำ แก้กฎหมายให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนดใช้ทำมาหากินได้แทบทุกอย่าง ซื้อขายสิทธิ์ง่าย จำนองธนาคารได้ วันนี้ ส.ป.ก. กว่าร้อยละ 30 อยู่ในมือนายทุน และยังคงถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความสูญเสียเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากข้าราชการและนักการเมืองไม่มีเอี่ยว ความหวังยังพอมีเมื่อ ผอ.ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และข้าราชการจำนวนหนึ่งกล้าปะทะกับอดีต รมว. เกษตรฯ เพื่อให้พวกท่านเหล่านั้นมีพลังปกป้องผืนป่ามากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

    7. กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม
    สังคมตื่นตระหนกเพราะกากแร่อันตรายที่เคยถูกกลบฝังกลับขุดมาขายได้ ขนย้ายผ่านไปหลายจังหวัด โดยประชาชนไม่รู้อะไรเลยเพราะทุกอย่างถูกปิดบัง กฎหมายและนโยบายของรัฐเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมแอบถูกแก้ไขและบิดเบือน ถึงวันนี้ทุกอย่างเงียบหาย ไม่ปรากฏข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดถูกลงโทษจริงจัง

    8. กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน
    มีผู้สมรู้ร่วมคิด 3 ฝ่าย หนึ่ง-เจ้าหน้าที่รัฐบางคนในกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง อาหารและยา สอง-กลุ่มนักการเมืองใหญ่ สาม-กลุ่มนายทุนนำเข้า บริษัทชิปปิ้ง ทั้งนายทุนรับซื้อสินค้าไปจำหน่ายหรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื้อหมูแช่แข็งเถื่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารของชาติ ผู้เลี้ยงหมูเดือดร้อนทั่วประเทศ ขณะที่คนไทยต้องเสี่ยงภัยกับเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง และเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมา

    9. กรณีปลาหมอคางดำ
    วิกฤตสัตว์น้ำขั้นรุนแรงกินวงกว้าง เกิดจากเอกชนรายใหญ่เห็นแก่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละมองข้ามความปลอดภัยของสังคม เกรงใจพ่อค้า โกงความคาดหวังของประชาชน

    10. กรณีดิ ไอคอน
    คดีดังที่แฉให้เห็นพฤติกรรมรุมกันเรียกรับสินบนของคนจากหลายหน่วยงานรัฐ นักการเมือง และบุคคลที่สังคมเคยไว้วางใจ คดีนี้ฉุดกระชากเหล่าซาตานในคราบเทวดาให้ตกสวรรค์ เผยให้สังคมเห็นคอร์รัปชันที่ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อถูกรัฐทอดทิ้งยามเดือดร้อน

    ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
    23 ธันวาคม 2567
    10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567 . 1. กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ นักโทษชั้น 14 ที่ไม่เคยนอนเรือนจำ และนักโทษคดีจำนำข้าว เช่น นายบุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ได้เป็นอิสระเร็วเกินคาด ขณะที่อดีตข้าราชการในคดีเดียวกันยังติดคุกอยู่ แม้ไม่เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่การลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ คือ “โกงซ้อนโกง” ถึงวันนี้นักการเมืองและข้าราชการบางคนยังจับมือกันปกปิดความจริง ปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ โดยไม่สนใจว่าจะค้านสายตาประชาชนและสังคมโลก 2. กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต โศกนาฏกรรมนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเรื่องก็เงียบ ไม่มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกคนใดต้องรับผิดชอบเลย! ไม่มีท่าทีของรัฐมนตรี และรัฐบาลที่จะหยุด “ส่วย-สินบน” ในหน่วยงานรัฐเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งที่เราต่างรู้แก่ใจว่าทุกวันนี้มีรถเถื่อน รถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน พร้อมจะนำความตายมาสู่ใครอีกก็ได้ 3. คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม ศาลคอร์รัปชันชี้ว่า “ผิดจริง” แต่ยกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ แถมตำหนิ “ป.ป.ช.” ว่า ไม่ใส่ใจทำคดี คำพิพากษานี้ยังทำให้เกิดประเด็นต้องติดตามอีกว่า เป็นการเปลี่ยนหลักกฎหมายเดิมที่กำหนดให้การหนีคดีของจำเลยทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ใช่หรือไม่? 4. กรณีฮุบที่รถไฟ เขากระโดง หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลาย เมื่ออิทธิพลนักการเมืองใหญ่เหนือคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลปกครองสูงสุด กรมที่ดินและการรถไฟฯ โยนเรื่องกันไปมา เลือกหยิบยกข้อกฎหมายไปตีความจนบิดเบี้ยว มาดูกันว่า สุดท้ายแล้วสมบัติของชาติจะได้รับการปกป้องหรือรัฐต้องจ่ายค่าโง่อะไร ก่อนที่ ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเหล่านั้นจะได้สิทธิ์เช่าระยะยาวบนที่ดินหลวงในราคาแสนถูก 5. กรณีสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทนี้ พ่วงด้วยสิทธิ์บริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิ้งค์ และที่ดินย่านมักกะสัน แม้การประมูลจบไปแล้ว 5 ปี แต่รัฐยังเปิดให้เอกชนเจรจาแก้สัญญาไม่รู้จบ เฉือนประโยชน์รัฐเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขัดต่อหลักพื้นฐานการประมูลงานภาครัฐอย่างเป็นธรรม ถ่วงการพัฒนาโครงการ อีอีซี จนนักลงทุนต่างชาติเยาะหยันว่ามาทำธุรกิจเมืองไทย หากไม่มีพวกพ้องก็อยู่ไม่ได้ ความโปร่งใสเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน 6. กรณีฮุบป่า รุกที่ ส.ป.ก. หลายแสนไร่ทั่วประเทศ เป็นดั่งยุคทองของพวกทำลายป่า เมื่อรัฐบาลมีนโยบาย ส.ป.ก. ทองคำ แก้กฎหมายให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนดใช้ทำมาหากินได้แทบทุกอย่าง ซื้อขายสิทธิ์ง่าย จำนองธนาคารได้ วันนี้ ส.ป.ก. กว่าร้อยละ 30 อยู่ในมือนายทุน และยังคงถูกบุกรุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความสูญเสียเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น หากข้าราชการและนักการเมืองไม่มีเอี่ยว ความหวังยังพอมีเมื่อ ผอ.ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และข้าราชการจำนวนหนึ่งกล้าปะทะกับอดีต รมว. เกษตรฯ เพื่อให้พวกท่านเหล่านั้นมีพลังปกป้องผืนป่ามากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนต้องแรงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง 7. กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม สังคมตื่นตระหนกเพราะกากแร่อันตรายที่เคยถูกกลบฝังกลับขุดมาขายได้ ขนย้ายผ่านไปหลายจังหวัด โดยประชาชนไม่รู้อะไรเลยเพราะทุกอย่างถูกปิดบัง กฎหมายและนโยบายของรัฐเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมแอบถูกแก้ไขและบิดเบือน ถึงวันนี้ทุกอย่างเงียบหาย ไม่ปรากฏข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดถูกลงโทษจริงจัง 8. กรณีหมูแช่แข็งเถื่อน มีผู้สมรู้ร่วมคิด 3 ฝ่าย หนึ่ง-เจ้าหน้าที่รัฐบางคนในกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง อาหารและยา สอง-กลุ่มนักการเมืองใหญ่ สาม-กลุ่มนายทุนนำเข้า บริษัทชิปปิ้ง ทั้งนายทุนรับซื้อสินค้าไปจำหน่ายหรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เนื้อหมูแช่แข็งเถื่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารของชาติ ผู้เลี้ยงหมูเดือดร้อนทั่วประเทศ ขณะที่คนไทยต้องเสี่ยงภัยกับเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง และเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมา 9. กรณีปลาหมอคางดำ วิกฤตสัตว์น้ำขั้นรุนแรงกินวงกว้าง เกิดจากเอกชนรายใหญ่เห็นแก่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละมองข้ามความปลอดภัยของสังคม เกรงใจพ่อค้า โกงความคาดหวังของประชาชน 10. กรณีดิ ไอคอน คดีดังที่แฉให้เห็นพฤติกรรมรุมกันเรียกรับสินบนของคนจากหลายหน่วยงานรัฐ นักการเมือง และบุคคลที่สังคมเคยไว้วางใจ คดีนี้ฉุดกระชากเหล่าซาตานในคราบเทวดาให้ตกสวรรค์ เผยให้สังคมเห็นคอร์รัปชันที่ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อถูกรัฐทอดทิ้งยามเดือดร้อน ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) 23 ธันวาคม 2567
    Like
    Love
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 1 รีวิว
  • ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เผย 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567 ยกกรณีลดโทษ พักโทษให้นักโทษชั้น 14 อันดับหนึ่ง นอกนั้นมีทั้งไฟไหม้รถบัส เขากระโดง ฮุบป่า ส.ป.ก. และคดีดิไอคอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123084

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เผย 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567 ยกกรณีลดโทษ พักโทษให้นักโทษชั้น 14 อันดับหนึ่ง นอกนั้นมีทั้งไฟไหม้รถบัส เขากระโดง ฮุบป่า ส.ป.ก. และคดีดิไอคอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123084 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 901 มุมมอง 1 รีวิว
  • นิด้าโพลเปิดผลสำรวจ คนไทยเหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้างในปี 2567 พบเกินครึ่งเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้ รองลงมาเป็นภัยไซเบอร์ และความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา
    .
    วันนี้ (22 ธ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง
    .
    เมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข เพราะ มีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว ชีวิตการทำงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค
    .
    รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน
    .
    ร้อยละ 18.17 ระบุว่า มีความสุขมาก เพราะการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล
    .
    และร้อยละ 9.39 ระบุว่าไม่มีความสุขเลย เพราะ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 52.14 ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ รองลงมา ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแฮกข้อมูล เป็นต้น
    .
    ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดร้อยละ 14.89 ระบุว่า ปัญหาราคาพลังงาน ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยทางธรรมชาติ ร้อยละ 13.44 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพ โรคระบาด
    .
    ร้อยละ 12.98 ระบุว่า ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 12.90 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่เหนื่อยหน่ายกับอะไรเลย ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ร้อยละ 9.85 ระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกระดับ
    .
    ร้อยละ 9.69 ระบุว่า ปัญหาการจราจร ร้อยละ 5.57 ระบุว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในระบบราชการ และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ปัญหาสงคราม ความขัดแย้งในต่างประเทศ
    นิด้าโพลเปิดผลสำรวจ คนไทยเหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้างในปี 2567 พบเกินครึ่งเป็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้ รองลงมาเป็นภัยไซเบอร์ และความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา . วันนี้ (22 ธ.ค.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค. 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง . เมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข เพราะ มีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว ชีวิตการทำงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค . รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน . ร้อยละ 18.17 ระบุว่า มีความสุขมาก เพราะการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล . และร้อยละ 9.39 ระบุว่าไม่มีความสุขเลย เพราะ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 52.14 ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ รองลงมา ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแฮกข้อมูล เป็นต้น . ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดร้อยละ 14.89 ระบุว่า ปัญหาราคาพลังงาน ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยทางธรรมชาติ ร้อยละ 13.44 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพ โรคระบาด . ร้อยละ 12.98 ระบุว่า ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 12.90 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่เหนื่อยหน่ายกับอะไรเลย ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ร้อยละ 9.85 ระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกระดับ . ร้อยละ 9.69 ระบุว่า ปัญหาการจราจร ร้อยละ 5.57 ระบุว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในระบบราชการ และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ปัญหาสงคราม ความขัดแย้งในต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Love
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 825 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง
    .
    หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม
    .
    เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.)
    .
    ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้
    .
    นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน
    .
    นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง
    .
    ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242
    ..............
    Sondhi X
    จีนทำการประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่ง ซึ่งถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันรวมแล้วกว่า 3,000 ล้านหยวน (ราว 14,000 ล้านบาท) อ้างอิงข้อมูลจากศาลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ทางเหนือของประเทศ ในขณะที่การลงทัณฑ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันในวงกว้างโดยพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่ง . หลี่ เจี้ยนผิง อดีตเลขาธิการคณะทำงานพรรคคอมมิวนิสต์ ด้านเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองโฮฮอต ถูกพบว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่างๆ ในนั้นรวมถึงรับสินบน ยักยอกเงินหลวง และสมคบคิดกับองค์กรอาชญากรรม . เบื้องต้น หลี่ วัย 64 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตในเดือนกันยายน 2022 หลังเจ้าหน้าที่พบว่าเขาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของรัฐในการยักยอกเงิน จากนั้นเขาพ่ายแพ้ในการยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และล่าสุดศาลประชาชนสูงสุด (The Supreme People's Court) ได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตในวันอังคาร (17 ธ.ค.) . ศาลสูงสุดระบุว่า หลี่ ยักยอกเงินกว่า 1,437 ล้านหยวน (ราว 6,700 ล้านบาท) ไปจากเงินทุนรัฐวิสาหกิจผ่านวิธีการตบตาต่างๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังมีเงินอีกกว่า 289 ล้านหยวน (ราว 1,350 ล้านบาท) ที่ยังติดตามคืนมาไม่ได้ . นอกเหนือจากนี้แล้ว เขายังรับเงินสินบนอีกกว่า 577 ล้าานหยวน (ราว 2,700 ล้านบาท) แลกกับการมอบผลประโยชน์ต่างๆ และยักยอกเงินหลวงอีก 1,060 ล้านหยวน (ราว 4,950 ล้านบาท) ในนั้นมากกว่า 404 ล้านหยวน (ราว 1,900 ล้านบาท) ยังติดตามคืนมาไม่ได้ ตามรายงานของสื่อมวลชนจีน . เมื่อเดือนที่แล้ว หลิว เหลียงเก๋อ อดีตประธานธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่โทษให้รอลงอาญา 2 ปี ฐานรับสินบนคิดเป็นมูลค่าเกือบ 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580 ล้านบาท) และปล่อยสินเชื่อโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย . การรอลงอาญา 2 ปี ซึ่งได้รับการอนุมัติสืบเนื่องจากจำเลยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และแสดงออกถึงการสำนึกผิด หมายความว่าเขาจะถูกประหารชีวิตก็ต่อเมื่อเขากระทำผิดทางอาญาซ้ำอีกระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่หากได้รับการบรรเทาโทษ เขาจะติดคุกตลอดชีวิตแทน . นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ผู้นำเป็นสมัย 3 ในปี 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยกระดับความพยายามอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน มีมหาเศรษฐีและนายธนาคารหลายคนที่ถูกขับไล่ออกจากพรรคและโดนจำคุก ในช่วงเวลาที่ปักกิ่งปฏิบัติการกวาดล้างต่อต้านคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง . ยุทธการดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนอย่างดียิ่งจากประชาชน แม้พวกนักวิจารณ์อ้างว่ามันเปิดทางให้ประธานาธิบดีรายนี้ รวมศูนย์อำนาจด้วยการขับไล่คู่ปรับออกจากตำแหน่งสำคัญๆ แล้วตั้งเหล่าผู้ภักดีเข้ามาทำหน้าที่แทน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121242 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เว้นแม้แต่คนสนิทของนายสีนิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยหนึ่งในหน่วยงานที่คนจีนกลัวมากที่สุดคือ ‘จงกั๋ว ก้งฉานตั่ง จงยาง จี้ลวี่ เจี่ยนฉา เหว่ยหยวนฮุ่ย’ คณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือ CCDI จนถึง ค.ศ.2023 มีเจ้าหน้าที่รัฐจีนถูกดำเนินคดีและลงโทษในข้อหาทุจริตคอร์รัปชันไปแล้วมากถึง 2.3 ล้านคนสี จิ้นผิง เป็นผู้นำสูงสุดเมื่อ ค.ศ.2013 นับตั้งแต่วันที่มีอำนาจเต็มมือ นายสีก็ปราบปรามข้าราชการทุจริตอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด เข้มงวด ไม่มีการผ่อนปรน และไม่มีการลูบหน้าปะจมูกนายสียังใช้ ‘จงฮวา เหรินหมิน ก้งเหอกั๋ว เสิ่นจี้สู่’ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติจีน หรือ CNAO ป้องกันและปราบปรามเพื่อไม่ให้การทุจริตคอรัปชันทำลายประเทศและทำลายสังคมจีนสมัยก่อนตอนโน้น การตรวจสอบการทุจริตต้องทำหลังจากมีการทุจริตเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น จีนเป็นประเทศใหญ่โตมโหฬารมีประชากรมากกว่าพันล้านคน เอกสารย้อนหลังมีบานเบอะเยอะแยะและยากที่จะตรวจสอบทว่าปัจจุบัน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติใช้ ‘ทูจี๋ ต้า เสิ่นจี้’ การตรวจสอบครั้งใหญ่อย่างสายฟ้าแลบ ตรวจพบความผิดปกติในธุรกรรมได้ทันทีสมัยที่ยังไม่มีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ การตรวจสอบลักษณะนี้ทำไม่ได้เลย แต่ปัจจุบัน ใครทุจริตคอร์รัปชันจะปรากฏให้เห็นในข้อมูลขององค์กรตรวจเงินแผ่นดินจีน หลายกรณีมีการยับยั้งได้ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับเงินแผ่นดินเป็นที่ยอมรับกันว่า ‘จงฮวา เหรินหมิน ก้งเหอกั๋ว เสิ่นจี้สู่’ เป็นสถาบันการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอันดับ 1 ของโลกด้วยการใช้ ‘ต้า ซู่จวี้ กงจั้ว จู่’ คณะทำงานหรือทีมปฏิบัติงานด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Working Group on Big Data) ทันทีที่มีการโอนเงิน การถือครองทรัพย์สิน หรือการลงทุนในต่างประเทศ ข้อมูลเหล่านี้จะไปปรากฏในฐานวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ทำให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสของธุรกรรม และถ้าการกระทำนั้นไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีการติดตามพฤติกรรมว่ามีการใช้จ่ายเกินฐานะหรือไม่ค.ศ.2024 อดีตรัฐมนตรีของประเทศบูร์กินาฟากัวนัวเนีย 2 คน บินไปเล่นกาสิโนที่สหรัฐฯ แสร้งว่าเล่นได้เงินจำนวนมาก เพื่อนำเงินเทาที่รับมาฟอกให้ขาวสะอาด รัฐและประชาชนของประเทศนั้นไม่รู้ แต่ ‘จงกั๋ว โชวจี ฉวนฉิว เจิ้งจื้อ เหรินอู้ สิงเหวย เตอะ ต้า ซู่จวี้’ ข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้าที่จีนรวบรวมพฤติกรรมนักการเมืองทั่วโลก มีรายงานปรากฏอย่างละเอียดถึงจำนวนเงิน สถานที่ วันเดินทางและเที่ยวบินที่เดินทางไปกลับข้อมูลขนาดใหญ่ของคนและหน่วยงานทั้งโลกที่ลอยล่องฟ่องอยู่ในอากาศเชื่อมระโนงโยงเยงได้ลึกซึ้งถึงขนาดบอกได้อย่างชัดเจนว่าเงินที่ได้มานั้นมาจากไหน อย่างไร และนี่เป็นคำตอบที่ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐจีนเป็นล้านจึงโดนจับและถูกลงโทษได้อย่างง่ายจำนนต่อหลักฐานสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของจีนออกมาเปิดเผยเรื่องการสอบสวนนายพลเหมียว หัว ผู้บัญชาการหมายเลข 5 ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน นายพลเหมียวเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการการทหารกลาง เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองภายใต้คณะกรรมาธิการฯ เป็นคนที่ได้รับการกล่าวขวัญในเรื่องการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วในกองทัพปลดแอกประชาชนจีนการคัดคนเข้ามาอยู่ในคณะกรรมาธิการการทหารกลางเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดรอบคอบ กรองแล้วกรองอีกในด้านความสะอาดโปร่งใส เพราะคณะกรรมาธิการฯนี้เป็นหน่วยงานระดับสูงที่กำกับดูแลกองทัพปลดแอกประชาชนที่มีสมาชิกเพียง 6 คน มีอำนาจการตัดสินใจในกิจการทหารนายสีไว้ใจนายพลเหมียวให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการการทหารกลางเพื่อเป็นตัวแทนของตนในการควบคุมกองทัพ การขึ้นมาของใครคนใดคนหนึ่งในแผ่นดินจีนจะต้องมีกลุ่มการเมืองที่แข็งแรงสนับสนุน นายพลเหมียวเป็นบุคคลหลักในกลุ่มฝูเจี้ยนและกลุ่มเจ้อเจียง สองกลุ่มการเมืองที่แข็งแรงหลังจากที่ความสามารถทางขีปนาวุธของจีนลดลง ก็มีการสงสัยว่าน่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชัน จึงมีการตรวจสอบอย่างละเอียด และนี่เป็นที่มาของการตรวจสอบนายพลเหมียวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนสนิทของประธานาธิบดีสีแม้แต่คนสนิทกระทำความผิด นายสีก็ไม่เว้น.
    ไม่เว้นแม้แต่คนสนิทของนายสีนิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยหนึ่งในหน่วยงานที่คนจีนกลัวมากที่สุดคือ ‘จงกั๋ว ก้งฉานตั่ง จงยาง จี้ลวี่ เจี่ยนฉา เหว่ยหยวนฮุ่ย’ คณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือ CCDI จนถึง ค.ศ.2023 มีเจ้าหน้าที่รัฐจีนถูกดำเนินคดีและลงโทษในข้อหาทุจริตคอร์รัปชันไปแล้วมากถึง 2.3 ล้านคนสี จิ้นผิง เป็นผู้นำสูงสุดเมื่อ ค.ศ.2013 นับตั้งแต่วันที่มีอำนาจเต็มมือ นายสีก็ปราบปรามข้าราชการทุจริตอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด เข้มงวด ไม่มีการผ่อนปรน และไม่มีการลูบหน้าปะจมูกนายสียังใช้ ‘จงฮวา เหรินหมิน ก้งเหอกั๋ว เสิ่นจี้สู่’ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติจีน หรือ CNAO ป้องกันและปราบปรามเพื่อไม่ให้การทุจริตคอรัปชันทำลายประเทศและทำลายสังคมจีนสมัยก่อนตอนโน้น การตรวจสอบการทุจริตต้องทำหลังจากมีการทุจริตเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น จีนเป็นประเทศใหญ่โตมโหฬารมีประชากรมากกว่าพันล้านคน เอกสารย้อนหลังมีบานเบอะเยอะแยะและยากที่จะตรวจสอบทว่าปัจจุบัน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติใช้ ‘ทูจี๋ ต้า เสิ่นจี้’ การตรวจสอบครั้งใหญ่อย่างสายฟ้าแลบ ตรวจพบความผิดปกติในธุรกรรมได้ทันทีสมัยที่ยังไม่มีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ การตรวจสอบลักษณะนี้ทำไม่ได้เลย แต่ปัจจุบัน ใครทุจริตคอร์รัปชันจะปรากฏให้เห็นในข้อมูลขององค์กรตรวจเงินแผ่นดินจีน หลายกรณีมีการยับยั้งได้ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับเงินแผ่นดินเป็นที่ยอมรับกันว่า ‘จงฮวา เหรินหมิน ก้งเหอกั๋ว เสิ่นจี้สู่’ เป็นสถาบันการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอันดับ 1 ของโลกด้วยการใช้ ‘ต้า ซู่จวี้ กงจั้ว จู่’ คณะทำงานหรือทีมปฏิบัติงานด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Working Group on Big Data) ทันทีที่มีการโอนเงิน การถือครองทรัพย์สิน หรือการลงทุนในต่างประเทศ ข้อมูลเหล่านี้จะไปปรากฏในฐานวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ทำให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสของธุรกรรม และถ้าการกระทำนั้นไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีการติดตามพฤติกรรมว่ามีการใช้จ่ายเกินฐานะหรือไม่ค.ศ.2024 อดีตรัฐมนตรีของประเทศบูร์กินาฟากัวนัวเนีย 2 คน บินไปเล่นกาสิโนที่สหรัฐฯ แสร้งว่าเล่นได้เงินจำนวนมาก เพื่อนำเงินเทาที่รับมาฟอกให้ขาวสะอาด รัฐและประชาชนของประเทศนั้นไม่รู้ แต่ ‘จงกั๋ว โชวจี ฉวนฉิว เจิ้งจื้อ เหรินอู้ สิงเหวย เตอะ ต้า ซู่จวี้’ ข้อมูลขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้าที่จีนรวบรวมพฤติกรรมนักการเมืองทั่วโลก มีรายงานปรากฏอย่างละเอียดถึงจำนวนเงิน สถานที่ วันเดินทางและเที่ยวบินที่เดินทางไปกลับข้อมูลขนาดใหญ่ของคนและหน่วยงานทั้งโลกที่ลอยล่องฟ่องอยู่ในอากาศเชื่อมระโนงโยงเยงได้ลึกซึ้งถึงขนาดบอกได้อย่างชัดเจนว่าเงินที่ได้มานั้นมาจากไหน อย่างไร และนี่เป็นคำตอบที่ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐจีนเป็นล้านจึงโดนจับและถูกลงโทษได้อย่างง่ายจำนนต่อหลักฐานสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมของจีนออกมาเปิดเผยเรื่องการสอบสวนนายพลเหมียว หัว ผู้บัญชาการหมายเลข 5 ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน นายพลเหมียวเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการการทหารกลาง เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองภายใต้คณะกรรมาธิการฯ เป็นคนที่ได้รับการกล่าวขวัญในเรื่องการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วในกองทัพปลดแอกประชาชนจีนการคัดคนเข้ามาอยู่ในคณะกรรมาธิการการทหารกลางเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดรอบคอบ กรองแล้วกรองอีกในด้านความสะอาดโปร่งใส เพราะคณะกรรมาธิการฯนี้เป็นหน่วยงานระดับสูงที่กำกับดูแลกองทัพปลดแอกประชาชนที่มีสมาชิกเพียง 6 คน มีอำนาจการตัดสินใจในกิจการทหารนายสีไว้ใจนายพลเหมียวให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการการทหารกลางเพื่อเป็นตัวแทนของตนในการควบคุมกองทัพ การขึ้นมาของใครคนใดคนหนึ่งในแผ่นดินจีนจะต้องมีกลุ่มการเมืองที่แข็งแรงสนับสนุน นายพลเหมียวเป็นบุคคลหลักในกลุ่มฝูเจี้ยนและกลุ่มเจ้อเจียง สองกลุ่มการเมืองที่แข็งแรงหลังจากที่ความสามารถทางขีปนาวุธของจีนลดลง ก็มีการสงสัยว่าน่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชัน จึงมีการตรวจสอบอย่างละเอียด และนี่เป็นที่มาของการตรวจสอบนายพลเหมียวซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนสนิทของประธานาธิบดีสีแม้แต่คนสนิทกระทำความผิด นายสีก็ไม่เว้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต่อกรณีพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึกแต่ล้มเหลว จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่งในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ท่ามกลางเสียงเรียกร้องดังขึ้นขอให้ถอดถอนเขาหรือไม่ก็ลาออกจากตำแหน่ง และวิกฤตความเป็นผู้นำที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ประธานาธิบดียุน ออกมาขอโทษต่อความพยายามดังกล่าวและบอกว่าจะปล่อยให้ชะตากรรมทางการเมืองและทางกฎหมายของตนเอง ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) พรรคการเมืองของเขา แต่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่เวลานี้ผู้นำรายนี้อยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น
    .
    ในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) กระทรวงกลาโหมระบุว่า ยุน ยังคงผู้บัญชาการสูงสุดตามกฎหมาย แต่ด้วยมีความเห็นไม่ลงรอยมากขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงเกี่ยวกับตัวประธานาธิบดี มันจึงก่อคำถามเกี่ยวกับอำนาจที่อยู่ในมือของผู้นำรายนี้
    .
    โอ ดอง-วูน หัวหน้าสำนักงานสืบสวนคอร์รัปชัน สำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เปิดเผยว่าเขาห้าม ยุน เดินทางออกไปยังต่างแดน ครั้งที่เข้าให้ปากคำกับรัฐสภา ว่าจะใช้มาตรการใดบ้างกับประธานาธิบดี
    .
    เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่ง บอกกับคณะกรรมาธิการเช่นกัน ว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งห้ามเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    คณะกรรมาธิการชุดนี้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2021 เพื่อสืบสวนเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดี และสมาชิกในครอบครัว แต่ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีกับประธานาธิดี โดยกฎหมายบังคับให้ทางคณะกรรมาธิการส่งต่อเรื่องดังกล่าวต่อไปยังสำนักงานอัยการ
    .
    แม้ ยุน รอดพ้นจากการลงมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.) แต่การที่พรรคของเขาตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีไปยังนายกรัฐมนตรี ได้ผลักให้พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ แห่งนี้เข้าสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ
    .
    ยุน ปฏิเสธเสียงเรียกร้อง ในนั้นบางส่วนมาจากผู้คนภายในพรรคของเขาเอง ที่ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่อนาคตของเขาดูเหมือนจะไม่แน่นอนยิ่งขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่าเขาถูกสืบสวนทางอาญาสำหรับคำกล่าวหาก่อกบฏ
    .
    ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) อัยการได้จับกุม คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ตามคำกล่าวหาเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม
    .
    ประธานาธิบดียุน มอบอำนาจอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในวันที่ 3 ธันวาคม อ้างว่าเพื่อขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงาน โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง" แต่เขากลับลำถอนคำสั่งดังกล่าวในอีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาลงมติคัดค้าน
    .
    ท่ามกลางกระแสตีกลับ พวกเจ้าหน้าที่ทหารหลายคน ในนั้นรวมถึงรักษาการรัฐมนตรีกลาโหม บอกว่พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามใดๆ หากมีการออกคำสั่งบังคับใช้กฎอัยการศึกอีกรอบ
    .
    พรรคประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านหลัก (ดีพี) เรียกร้องให้ปลดอำนาจของยุนที่มีเหนือกองทัพ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้จับกุมยุนและเจ้าหน้าที่ทหารรายใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอัยการศึกที่ล้มเหลว
    .
    ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ฮัน ดง-ฮูน หัวหน้าพรรคพีพีพี บอกว่าประธานาธิบดีจะถูกกันจากกิจการต่างประเทศและกิจการรัฐอื่นๆ โดยที่นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อค-ซู จะเข้ารับผิดชอบกิจการรัฐบาลแทน
    .
    อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน ที่บอกว่ามันไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาระบุว่า ยุน ต้องโดนถอดถอนหรือไม่ก็ต้องลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเผชิญกับการดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ พวกเขายังมีแผนยื่นถอดถอนผู้นำรายนี้อีกรอบในวันเสาร์ (14 ธ.ค.)
    .
    การตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกของยุน โหมกระพือการประท้วงบนท้องถนน และก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรทั้งหลายของโซล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ
    .
    ความยุ่งเหยิงของโซล เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปยังรัสเซีย เพื่อช่วยมอสโกทำสงครามกับยูเครน ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ
    .
    โช แทย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แนะนำเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงของเขาว่า "เราต้องมุ่งมั่นไม่หยุดยั้งในความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่นของบรรดาพันธมิตรของเขา และเป็นอีกครั้งที่ต้องยกระดับทำให้ได้ตามความคาดหวังของประชาคมนานาชาติที่มีต่อเกาหลีใต้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118434
    ..............
    Sondhi X
    ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต่อกรณีพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึกแต่ล้มเหลว จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่งในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ท่ามกลางเสียงเรียกร้องดังขึ้นขอให้ถอดถอนเขาหรือไม่ก็ลาออกจากตำแหน่ง และวิกฤตความเป็นผู้นำที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ . ประธานาธิบดียุน ออกมาขอโทษต่อความพยายามดังกล่าวและบอกว่าจะปล่อยให้ชะตากรรมทางการเมืองและทางกฎหมายของตนเอง ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) พรรคการเมืองของเขา แต่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่เวลานี้ผู้นำรายนี้อยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น . ในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) กระทรวงกลาโหมระบุว่า ยุน ยังคงผู้บัญชาการสูงสุดตามกฎหมาย แต่ด้วยมีความเห็นไม่ลงรอยมากขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงเกี่ยวกับตัวประธานาธิบดี มันจึงก่อคำถามเกี่ยวกับอำนาจที่อยู่ในมือของผู้นำรายนี้ . โอ ดอง-วูน หัวหน้าสำนักงานสืบสวนคอร์รัปชัน สำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เปิดเผยว่าเขาห้าม ยุน เดินทางออกไปยังต่างแดน ครั้งที่เข้าให้ปากคำกับรัฐสภา ว่าจะใช้มาตรการใดบ้างกับประธานาธิบดี . เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่ง บอกกับคณะกรรมาธิการเช่นกัน ว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งห้ามเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . คณะกรรมาธิการชุดนี้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2021 เพื่อสืบสวนเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดี และสมาชิกในครอบครัว แต่ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีกับประธานาธิดี โดยกฎหมายบังคับให้ทางคณะกรรมาธิการส่งต่อเรื่องดังกล่าวต่อไปยังสำนักงานอัยการ . แม้ ยุน รอดพ้นจากการลงมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.) แต่การที่พรรคของเขาตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีไปยังนายกรัฐมนตรี ได้ผลักให้พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ แห่งนี้เข้าสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ . ยุน ปฏิเสธเสียงเรียกร้อง ในนั้นบางส่วนมาจากผู้คนภายในพรรคของเขาเอง ที่ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่อนาคตของเขาดูเหมือนจะไม่แน่นอนยิ่งขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่าเขาถูกสืบสวนทางอาญาสำหรับคำกล่าวหาก่อกบฏ . ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) อัยการได้จับกุม คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ตามคำกล่าวหาเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม . ประธานาธิบดียุน มอบอำนาจอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในวันที่ 3 ธันวาคม อ้างว่าเพื่อขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงาน โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง" แต่เขากลับลำถอนคำสั่งดังกล่าวในอีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาลงมติคัดค้าน . ท่ามกลางกระแสตีกลับ พวกเจ้าหน้าที่ทหารหลายคน ในนั้นรวมถึงรักษาการรัฐมนตรีกลาโหม บอกว่พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามใดๆ หากมีการออกคำสั่งบังคับใช้กฎอัยการศึกอีกรอบ . พรรคประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านหลัก (ดีพี) เรียกร้องให้ปลดอำนาจของยุนที่มีเหนือกองทัพ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้จับกุมยุนและเจ้าหน้าที่ทหารรายใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอัยการศึกที่ล้มเหลว . ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ฮัน ดง-ฮูน หัวหน้าพรรคพีพีพี บอกว่าประธานาธิบดีจะถูกกันจากกิจการต่างประเทศและกิจการรัฐอื่นๆ โดยที่นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อค-ซู จะเข้ารับผิดชอบกิจการรัฐบาลแทน . อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน ที่บอกว่ามันไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาระบุว่า ยุน ต้องโดนถอดถอนหรือไม่ก็ต้องลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเผชิญกับการดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ พวกเขายังมีแผนยื่นถอดถอนผู้นำรายนี้อีกรอบในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) . การตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกของยุน โหมกระพือการประท้วงบนท้องถนน และก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรทั้งหลายของโซล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ . ความยุ่งเหยิงของโซล เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปยังรัสเซีย เพื่อช่วยมอสโกทำสงครามกับยูเครน ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ . โช แทย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แนะนำเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงของเขาว่า "เราต้องมุ่งมั่นไม่หยุดยั้งในความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่นของบรรดาพันธมิตรของเขา และเป็นอีกครั้งที่ต้องยกระดับทำให้ได้ตามความคาดหวังของประชาคมนานาชาติที่มีต่อเกาหลีใต้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118434 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ออกอากาศ ว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ในการอภัยโทษแก่พวกผู้ก่อจลาจลที่เกี่ยวกับเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โหมกระพือความคาดการณ์มากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการอนุมัติอภัยโทษอย่างกว้างขวางในสมัยของเขา
    .
    "ผมจะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ตั้งแต่วันแรกเลย" ทรัมป์กล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ ในรายงาน "มีตเดอะเพรส กับคริสเทน เวลเกอร์" เมื่อถูกถามว่าเขามีแผนอภัยโทษหรือไม่ ให้แก่บรรดาผู้สนับสนุนที่ถูกดำเนินคดีในเหตุโจมตีที่มีเป้าหมายล้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 ที่เขาตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
    .
    ทรัมป์ บอกกับเวลเกอร์ ว่าการนิโทษกรรมของเขา "อาจมีข้อยกเว้นบางอย่าง หากบุคคลนั้นๆ กระทำรุนแรงหรือทำเรื่องบ้าๆ ระหว่างการจู่โจม" ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 นาย และมีหลายคนเสียชีวิต
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ให้คำจำกัดความการดำเนินคดีกับบรรดาผู้สนับสนุนของเขา ว่าเป็นการคอร์รัปชันโดยเนื้อแท้ และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการอภัยโทษจำเลยมากกว่า 900 คน ที่ยอมรับสารภาพผิดแล้ว ในนั้นรวมถึงบรรดาผู้ถูกล่าวหากระทำการรุนแรงในการโจมตี "ผมจะตรวจสอบทุกๆ อย่าง เราจะพิจารณาเป็นรายบุคคล"
    .
    ความเห็นครั้งนี้ของทรัมป์ ถือเป็นการให้รายละเอียดมากที่สุดในประเด็นการอภัยโทษ นับตั้งแต่ที่เขาเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และดูเหมือนเพิ่มการคาดการณ์ที่สูงลิ่วอยู่ก่อนแล้ว ว่าเขาจะดำเนินการอภัยโทษอย่างครอบคลุม ครั้งที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    ความหวังในบรรดาจำเลยเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคมและเหล่าผู้สนับสนุน สำหรับการได้รับอภัยโทษอย่างครอบคลุม เริ่มสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หลังตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน เอง อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ผู้เป็นลูกชาย กลับลำคำประกาศกร้าวก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่แทรกแซงคดีอาญาของบุตรชาย
    .
    ไบเดน อ้างว่า ฮันเตอร์ ควรได้รับการอภัยโทษ เพราะว่าเขาเป็นเหยื่อของการตามประหัตประหารทางการเมือง ข้อโต้แย้งที่ดูเหมือน ทรัมป์ จะใช้อ้างความชอบธรรมในการอภัยโทษหมู่เช่นกัน กระตุ้นให้บางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไบเดน โดยบอกว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีรายนี้ กลับกลายเป็นการช่วย ทรัมป์ ให้ได้รับความเสียหายทางการเมืองน้อยลงกว่าเดิม
    .
    คิมเบอร์ลี เวช์ล ศาสตราจารย์จากสถาบันกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยบัลติมอร์ กล่าวว่าเธอกังวลว่าการนิรโทษกรรมอย่างกว้างขวางให้แก่เหล่าจำเลยในคดี 6 มกราคม จะถูกใช้เป็นแรงจูงใจในทางที่ผิด กระพือความไม่สงบหรือแม้แต่ก่อความรุนแรงในนามของประธานาธิบดี
    .
    "มันเป็นแนวคิดที่เหมือนกับว่าเขากำลังตบรางวัลแก่พวกที่ละเมิดกฎหมายในนามของเขา ในความเกี่ยวข้องกับความพยายามล้มผลการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน" เวช์ลกล่าว
    .
    ในสิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นการสืบสวนทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา มีจำเลยอย่างน้อย 1,572 คน ถูกตั้งข้อหาในเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยคำฟ้องทางอาญาเหล่านั้น ไล่ตั้งแต่เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปจนถึงสมคบคิดยุยงปลุกปั่นความไม่สงบ และประทุษร้ายรุนแรง
    .
    จากจำเลยทั้งหมด มีอยู่ 1,251 ราย ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดหรือยอมรับสารภาพผิด และมีอยู่ 645 ราย ที่ถูกลงโทษจำคุก ไล่ตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงสูงสุด 22 ปี
    .
    จอห์น เพียร์ซ ทนายความที่เป็นตัวแทนของจำเลยเหตุการณ์ 6 มกราคม เรียกร้องให้ ทรัมป์ ออกคำสั่งอภัยโทษครอบคลุมทุกคนที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเข้าร่วมในเหตุจลาจล "ผมคิดว่าคุณ จะเห็นผู้คนในหมู่ประชาคม 6 มกราคม ไม่พอใจมากมาย ถ้าการอนุมัติอภัยโทษดำเนินการบนพื้นฐานเป็นรายกรณี"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118050
    ..................
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ออกอากาศ ว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ในการอภัยโทษแก่พวกผู้ก่อจลาจลที่เกี่ยวกับเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โหมกระพือความคาดการณ์มากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการอนุมัติอภัยโทษอย่างกว้างขวางในสมัยของเขา . "ผมจะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ตั้งแต่วันแรกเลย" ทรัมป์กล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ ในรายงาน "มีตเดอะเพรส กับคริสเทน เวลเกอร์" เมื่อถูกถามว่าเขามีแผนอภัยโทษหรือไม่ ให้แก่บรรดาผู้สนับสนุนที่ถูกดำเนินคดีในเหตุโจมตีที่มีเป้าหมายล้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 ที่เขาตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ . ทรัมป์ บอกกับเวลเกอร์ ว่าการนิโทษกรรมของเขา "อาจมีข้อยกเว้นบางอย่าง หากบุคคลนั้นๆ กระทำรุนแรงหรือทำเรื่องบ้าๆ ระหว่างการจู่โจม" ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บมากกว่า 140 นาย และมีหลายคนเสียชีวิต . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ให้คำจำกัดความการดำเนินคดีกับบรรดาผู้สนับสนุนของเขา ว่าเป็นการคอร์รัปชันโดยเนื้อแท้ และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการอภัยโทษจำเลยมากกว่า 900 คน ที่ยอมรับสารภาพผิดแล้ว ในนั้นรวมถึงบรรดาผู้ถูกล่าวหากระทำการรุนแรงในการโจมตี "ผมจะตรวจสอบทุกๆ อย่าง เราจะพิจารณาเป็นรายบุคคล" . ความเห็นครั้งนี้ของทรัมป์ ถือเป็นการให้รายละเอียดมากที่สุดในประเด็นการอภัยโทษ นับตั้งแต่ที่เขาเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และดูเหมือนเพิ่มการคาดการณ์ที่สูงลิ่วอยู่ก่อนแล้ว ว่าเขาจะดำเนินการอภัยโทษอย่างครอบคลุม ครั้งที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . ความหวังในบรรดาจำเลยเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคมและเหล่าผู้สนับสนุน สำหรับการได้รับอภัยโทษอย่างครอบคลุม เริ่มสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หลังตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน เอง อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ผู้เป็นลูกชาย กลับลำคำประกาศกร้าวก่อนหน้านี้ ว่าจะไม่แทรกแซงคดีอาญาของบุตรชาย . ไบเดน อ้างว่า ฮันเตอร์ ควรได้รับการอภัยโทษ เพราะว่าเขาเป็นเหยื่อของการตามประหัตประหารทางการเมือง ข้อโต้แย้งที่ดูเหมือน ทรัมป์ จะใช้อ้างความชอบธรรมในการอภัยโทษหมู่เช่นกัน กระตุ้นให้บางส่วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไบเดน โดยบอกว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีรายนี้ กลับกลายเป็นการช่วย ทรัมป์ ให้ได้รับความเสียหายทางการเมืองน้อยลงกว่าเดิม . คิมเบอร์ลี เวช์ล ศาสตราจารย์จากสถาบันกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยบัลติมอร์ กล่าวว่าเธอกังวลว่าการนิรโทษกรรมอย่างกว้างขวางให้แก่เหล่าจำเลยในคดี 6 มกราคม จะถูกใช้เป็นแรงจูงใจในทางที่ผิด กระพือความไม่สงบหรือแม้แต่ก่อความรุนแรงในนามของประธานาธิบดี . "มันเป็นแนวคิดที่เหมือนกับว่าเขากำลังตบรางวัลแก่พวกที่ละเมิดกฎหมายในนามของเขา ในความเกี่ยวข้องกับความพยายามล้มผลการเลือกตั้งที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อน" เวช์ลกล่าว . ในสิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นการสืบสวนทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา มีจำเลยอย่างน้อย 1,572 คน ถูกตั้งข้อหาในเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยคำฟ้องทางอาญาเหล่านั้น ไล่ตั้งแต่เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปจนถึงสมคบคิดยุยงปลุกปั่นความไม่สงบ และประทุษร้ายรุนแรง . จากจำเลยทั้งหมด มีอยู่ 1,251 ราย ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดหรือยอมรับสารภาพผิด และมีอยู่ 645 ราย ที่ถูกลงโทษจำคุก ไล่ตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงสูงสุด 22 ปี . จอห์น เพียร์ซ ทนายความที่เป็นตัวแทนของจำเลยเหตุการณ์ 6 มกราคม เรียกร้องให้ ทรัมป์ ออกคำสั่งอภัยโทษครอบคลุมทุกคนที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเข้าร่วมในเหตุจลาจล "ผมคิดว่าคุณ จะเห็นผู้คนในหมู่ประชาคม 6 มกราคม ไม่พอใจมากมาย ถ้าการอนุมัติอภัยโทษดำเนินการบนพื้นฐานเป็นรายกรณี" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118050 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 752 มุมมอง 0 รีวิว
  • (๒/๖) 🇰🇷 เกาหลีใต้:

    ⭕️ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล และภริยา คิม กอน ฮี เข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชันและอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคพลังประชาชนในปี ๒๐๒๒ และการรับของขวัญฟุ่มเฟือย

    ⭕️การเคลื่อนไหวกฎอัยการศึกล่าสุดของยุนอาจนำไปสู่การถอดถอนและอาจถูกจำคุก, ตามรายงานของสื่อ
    .
    (2/6) 🇰🇷 SOUTH KOREA:

    ⭕️President Yoon Suk-yeol and his wife, Kim Keon Hee, are embroiled in a corruption and influence peddling scandal involving the People Power Party's 2022 nominations and accepting luxury gifts.

    ⭕️Yoon's recent martial law move may lead to impeachment and possible imprisonment, according to media reports.
    .
    9:20 PM · Dec 4, 2024 · 3,698 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1864313763047907637
    (๒/๖) 🇰🇷 เกาหลีใต้: ⭕️ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล และภริยา คิม กอน ฮี เข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชันและอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคพลังประชาชนในปี ๒๐๒๒ และการรับของขวัญฟุ่มเฟือย ⭕️การเคลื่อนไหวกฎอัยการศึกล่าสุดของยุนอาจนำไปสู่การถอดถอนและอาจถูกจำคุก, ตามรายงานของสื่อ . (2/6) 🇰🇷 SOUTH KOREA: ⭕️President Yoon Suk-yeol and his wife, Kim Keon Hee, are embroiled in a corruption and influence peddling scandal involving the People Power Party's 2022 nominations and accepting luxury gifts. ⭕️Yoon's recent martial law move may lead to impeachment and possible imprisonment, according to media reports. . 9:20 PM · Dec 4, 2024 · 3,698 Views https://x.com/SputnikInt/status/1864313763047907637
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • แล้วความเสียหายประเทศ...ใครจะรับผิดชอบ? : [News story]

    นักการเมืองทำผิดคดีคอร์รัปชันประเทศชาติถือว่าทำผิดร้ายแรง เมื่อได้รับโทษต้องลงโทษให้หนัก
    แล้วความเสียหายประเทศ...ใครจะรับผิดชอบ? : [News story] นักการเมืองทำผิดคดีคอร์รัปชันประเทศชาติถือว่าทำผิดร้ายแรง เมื่อได้รับโทษต้องลงโทษให้หนัก
    Haha
    Sad
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 769 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในการอภัยโทษ ฮันเตอร์ ลูกชายของเขา จะบ่อนทำลายความซื่อสัตย์สุจริตของอเมริกา จากเสียงประณามของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยบ่งชี้ว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่วข้องกับบุตรชายตนเอง
    .
    เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง โทษฐานโกหกในประเด็นเดี่ยวกับการใช้สารเสพติดในใบเอกสารขอซื้ออาวุธปืน ครั้งที่เขาซื้อปืนพกลูกโม่กระบอกหนึ่งในปี 2018 ส่วนอีกคดีแยกกัน เขายอมรับสารภาพผิดในความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยงภาษี 3 กระทง และความผิดลหุโทษเกี่ยวเนื่องกับภาษีอีก 6 กระทง ในเดือนกันยายน โดยที่ศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนตุลาคม
    .
    ในข้อความที่เขียนตอบโพสต์ของ เดวิด มาร์คัส นักธุรกิจด้วยกัน บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อีลอน มัสก์ ระบุว่า "ผมไม่แคร์อะไรกับเรื่องยาเสพติดหรอก แต่การบ่อนทำลายความซื่อสัตย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ไม่โอเคเลย"
    .
    ไม่นานหลังจากได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์รายนี้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากระทรวงแห่งนี้จะดำเนินงานอยู่รอบนอกขอบเขตของรัฐบาลสหรัฐฯ
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ไบเดน แถลงว่าได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้ฮันเตอร์ ไบเดน อย่างสมบูรณ์แบบและปราศจากเงื่อนไข ครอบคลุมทุกคดีความที่ลูกชายของเขาก่อหรืออาจก่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ในระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 ธันวาคม 2024 ในนั้นรวมถึงในทุกๆ ความผิดหรือทุกการดำเนินคดี
    .
    ประธานาธิบดีรายนี้อ้างว่าลูกชายของเขาถูกเจาะจงดำเนินคดีและดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรม สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ทางครอบครัว พร้อมเน้นย้ำว่า "คนทั่วไปแทบไม่เคยถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาทางอาญาใดๆ เลย ในโทษฐานเพียงแค่คนเหล่านั้นกรอกแบบฟอร์มอาวุธปืน" พร้อมระบุว่าคดีที่เอาผิดกับฮันเตอร์นั้น เข้าข่าย "การดำเนินคดีโดยผิดพลาด (miscarriage of justice)" ซึ่งว่ากันว่าพวกฝ่ายค้านรีพับลิกันอยู่เบื้องหลัง
    .
    ด้านทำเนียบขาวระบุในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อภัยโทษให้ลูกชาย ส่วนหนึ่งสืบเนื่องเพราะกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาจะยังคงตามประหัตประหาร ฮันเตอร์ ไบเดน ในอนาคต ในนั้นรวมถึงหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งแล้ว
    .
    นับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในปี 2021 เหล่านักการเมืองคนดังจากรีพับลิกันหลายคน กล่าวหาลูกชายของเขาทำตัวเหมือนกับเป็นพ่อค้าเร่ของประธานาธิบดี ในการต่อรองคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไบเดน ปฏิเสธคำกล่าวหานี้
    .
    ในความเห็นเกี่ยวกับการอภัยโทษครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เขียนบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล เมื่อวันอาทิตย์ (30 ธ.ย.) ว่าการตัดสินใจของไบเดน ถือเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
    .
    "การอภัยโทษที่ โจ ให้ ฮันเตอร์ นั้นครอบคลุมถึงกลุ่ม J-6 Hostages ที่ต้องติดคุกมานานหลายปีแล้วด้วยไหม? ช่างเป็นการล่วงละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" ทรัมป์ โพสต์ โดยอ้างถึงกลุ่มผู้สนับสนุนตนเองที่ถูกตัดสินจำคุกจากการบุกเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
    .
    นอกจาก ทรัมป์ แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันหลายคนก็แสดงความขุ่นเคืองต่อการตัดสินใจของไบเดนเช่นกัน ขณะเดียวกัน มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า การอภัยโทษครั้งนี้คือการล้อเลียนประชาธิปไตย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116110
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในการอภัยโทษ ฮันเตอร์ ลูกชายของเขา จะบ่อนทำลายความซื่อสัตย์สุจริตของอเมริกา จากเสียงประณามของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยบ่งชี้ว่าเขาจะไม่เข้าแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่วข้องกับบุตรชายตนเอง . เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกพิพากษาว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง โทษฐานโกหกในประเด็นเดี่ยวกับการใช้สารเสพติดในใบเอกสารขอซื้ออาวุธปืน ครั้งที่เขาซื้อปืนพกลูกโม่กระบอกหนึ่งในปี 2018 ส่วนอีกคดีแยกกัน เขายอมรับสารภาพผิดในความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยงภาษี 3 กระทง และความผิดลหุโทษเกี่ยวเนื่องกับภาษีอีก 6 กระทง ในเดือนกันยายน โดยที่ศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนตุลาคม . ในข้อความที่เขียนตอบโพสต์ของ เดวิด มาร์คัส นักธุรกิจด้วยกัน บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) อีลอน มัสก์ ระบุว่า "ผมไม่แคร์อะไรกับเรื่องยาเสพติดหรอก แต่การบ่อนทำลายความซื่อสัตย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่ไม่โอเคเลย" . ไม่นานหลังจากได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์รายนี้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ากระทรวงแห่งนี้จะดำเนินงานอยู่รอบนอกขอบเขตของรัฐบาลสหรัฐฯ . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (1 ธ.ค.) ไบเดน แถลงว่าได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้ฮันเตอร์ ไบเดน อย่างสมบูรณ์แบบและปราศจากเงื่อนไข ครอบคลุมทุกคดีความที่ลูกชายของเขาก่อหรืออาจก่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ในระหว่างช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 ธันวาคม 2024 ในนั้นรวมถึงในทุกๆ ความผิดหรือทุกการดำเนินคดี . ประธานาธิบดีรายนี้อ้างว่าลูกชายของเขาถูกเจาะจงดำเนินคดีและดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรม สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ทางครอบครัว พร้อมเน้นย้ำว่า "คนทั่วไปแทบไม่เคยถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีตามข้อกล่าวหาทางอาญาใดๆ เลย ในโทษฐานเพียงแค่คนเหล่านั้นกรอกแบบฟอร์มอาวุธปืน" พร้อมระบุว่าคดีที่เอาผิดกับฮันเตอร์นั้น เข้าข่าย "การดำเนินคดีโดยผิดพลาด (miscarriage of justice)" ซึ่งว่ากันว่าพวกฝ่ายค้านรีพับลิกันอยู่เบื้องหลัง . ด้านทำเนียบขาวระบุในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อภัยโทษให้ลูกชาย ส่วนหนึ่งสืบเนื่องเพราะกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาจะยังคงตามประหัตประหาร ฮันเตอร์ ไบเดน ในอนาคต ในนั้นรวมถึงหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่งแล้ว . นับตั้งแต่ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในปี 2021 เหล่านักการเมืองคนดังจากรีพับลิกันหลายคน กล่าวหาลูกชายของเขาทำตัวเหมือนกับเป็นพ่อค้าเร่ของประธานาธิบดี ในการต่อรองคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไบเดน ปฏิเสธคำกล่าวหานี้ . ในความเห็นเกี่ยวกับการอภัยโทษครั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เขียนบนแพลตฟอร์มทรัสต์ โซเชียล เมื่อวันอาทิตย์ (30 ธ.ย.) ว่าการตัดสินใจของไบเดน ถือเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม . "การอภัยโทษที่ โจ ให้ ฮันเตอร์ นั้นครอบคลุมถึงกลุ่ม J-6 Hostages ที่ต้องติดคุกมานานหลายปีแล้วด้วยไหม? ช่างเป็นการล่วงละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" ทรัมป์ โพสต์ โดยอ้างถึงกลุ่มผู้สนับสนุนตนเองที่ถูกตัดสินจำคุกจากการบุกเข้าไปก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 . นอกจาก ทรัมป์ แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันหลายคนก็แสดงความขุ่นเคืองต่อการตัดสินใจของไบเดนเช่นกัน ขณะเดียวกัน มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า การอภัยโทษครั้งนี้คือการล้อเลียนประชาธิปไตย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116110 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 943 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร.คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์.เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ.ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า .คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก. ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า.แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ.ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร.คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์.เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ.ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า .คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก. ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า.แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ.ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร
    .
    คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์
    .
    เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ
    .
    ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า
    .
    คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก
    .
    ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า
    .
    แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ
    .
    ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัว "สนธิ" ลงถนน ต้าน MOU 2544 รัฐยกอธิปไตยไทยให้เขมร . คนในรัฐบาลนั่งไม่ติด กลัวว่าผมจะลงถนนต้าน MOU 2544 ผมอยากพูดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คนที่ออกมาต่อต้านผม ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้กระเดียด จะได้เข้าใจ ผมสรุปสั้นๆ ก็แล้วกัน ผมจะชวนพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล หากรัฐบาลกระทำการอันใดก็ตามในเรื่อง MOU 2544 ที่เป็นการส่อเจตนาที่ยอมเสียอำนาจอธิปไตยทางทะเลของเราให้กับฝ่ายเขมร นั่นล่ะ ผมถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับผมแล้ว และผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องเป็นราวกับท่านผู้ชมด้วย ที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง รักพระมหากษัตริย์ . เดิมทีเรากำหนดว่าผมจะไปยื่นหนังสือให้กับท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 คือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่เผอิญทนายความผมบอกว่าวันที่ 2 ผมติดภารกิจที่ศาล ตกลงเราจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ผมและอาจารย์ปานเทพ จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณี MOU ไทย-กัมพูชา 2544 พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ด้วยว่า ให้ระวังว่ากำลังจะมีการกระทำที่เป็นการยกอธิปไตยรอบเกาะกูดให้กัมพูชาอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าท่านผู้ชมสนใจ อยากไปยื่นหนังสือ ก็ไปได้ แต่ท่านอย่าไปชุมนุมบนท้องถนนนะครับ . ความเคลื่อนไหวของผมไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทย แต่ละคนดาหน้าออกมาพูดถึงเรื่องการลงถนนกันใหญ่ ตั้งแต่คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เปรยแกมขู่ผม คุณภูมิธรรมนี่ความจำสั้น สมัยที่พวกเสื้อแดงของคุณออกมาประท้วง ประเทศชาติทั้งประเทศ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็รีบออกมา แล้วก็ยังมีคนอย่างเช่นคุณชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และอีกท่านหนึ่ง คือ คุณพายัพ ปั้นเกตุ อดีตหัวหน้า นปช.ตอนนี้มีบทบาทมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณบอกว่าการต่อสู้ การทำให้ประเทศชาติต้องวุ่นวายถดถอยไปนั้น ถ้าคุณพูดมีความหมายอย่างนี้ ก็แปลว่าคุณเห็นด้วยกับอำนาจทางการเมืองที่ทำให้การฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้จากคนที่มีอำนาจทางการเมือง ใช่หรือเปล่า . คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา มาถึง 2566 สิบแปดปี ที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมาในประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่ “นายคุณ”กลับมาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ยอมรับสารภาพผิดการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องๆ นี่เป็นหลักฐานเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา จะโกหกอะไร โกหกได้ แต่โกหกความจริงที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษาได้อย่างไร นั่นข้อแรก . ประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอย ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งค์ ที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณ คือพ่อเขา นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 คุณก็รู้ว่านายคุณโกงเวลาติดคุก ผมคิดในใจว่ามันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า . แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งท่านนายกฯ แพทองธาร ก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทำไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูด "ต้องแบ่งกัน 50-50" ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด และความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมากอย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันเห็นได้ชัด ทำให้คนเขาอนุมานได้ และเขาเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณ . ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรก ปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจำได้ว่าผมพูดว่าอย่างนี้ จำใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่า ถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียว ผมก็จะออกมา ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อว่ามีประชาชนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วยว่าผมทำถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
    Like
    5
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1013 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ
    .
    คุณชูวิทย์เขาเล่าให้ผมฟังว่า ชีวิตเขาถูกหลอกใช้มาตลอด เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น เขาถูกคนที่ชื่อ สุชาติ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของคีรี บอกว่าจะเอาเรื่องการคอร์รัปชันไหม เขามีข้อมูลให้พร้อม ก็เลยเอาข้อมูลมาให้ชูวิทย์ นั่นคือที่มาของการโจมตี ช.การช่าง และการคอร์รัปชัน รวมไปจนถึงการมีงานโอนเงินค่าคอมมิชันไปที่สิงคโปร์ เป็นฝีมือที่มาจากคนที่ให้ข่าวเขาทั้งสิ้น “แล้วมันก็ทิ้งผมไป หลังจากใช้ผมได้เรียบร้อยแล้ว”
    .
    เขาค่อนข้างเจ็บช้ำน้ำใจมากหลายๆเรื่อง โดนฟ้องอยู่หลายคดี สันธนะ ประยูรรัตน์ก็ฟ้องเขา และที่สำคัญคือเรื่องเขากระโดง เขาก็โดนฟ้องที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์
    .
    ผมไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่จะพูดอะไรในเรื่องนี้ได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า คนที่อยู่ในสภาพอย่างชูวิทย์ คนที่เป็นเจ้าทุกข์ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกคุณจะทำบุญทำกุศลกัน เพราะคุณชูวิทย์เขาอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
    .
    ความแค้นไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณมีความสุขหรอก ณ วันนี้ ถ้าคุณจะทำไปเพื่อล้างแค้นที่ชูวิทย์เขาว่าอะไรคุณ ก็เชิญตามสบาย คนเรามันจะแค้นอะไรกันนักกันหนา หรือทั้งคุณเนวิน และคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ยอมรับว่าชีวิตคุณเองก็มีการทำผิดพลาดเยอะมากพอสมควร อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่คุณชูวิทย์พูดเรื่องเขากระโดงก็เป็นความจริง
    .
    ผมสงสารและเห็นใจเขา เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรนะ ไม่ได้เรียกร้องคุณศักดิ์สยามและคุณเนวิน คุณคงอยากให้คุณชูวิทย์คลานเข้าไปแล้วกราบเท้าคุณใช่ไหม ซึ่งถ้าเขาทำผิดกฎหมายเพราะเขาไปหมิ่นประมาทคุณ อันนั้นคือกฎหมาย แต่ที่อยู่เหนือกฎหมาย คือคุณธรรม ความเห็นอกเห็นใจ คุณจะเรียกว่าความเวทนาก็ได้ ที่คุณชูวิทย์เขาเจ็บไข้ได้ป่วยหนักขนาดนี้ ที่สามารถจะตายได้ทุกเมื่อ ตรงนี้ต่างหากที่มันอยู่เหนือกฎหมาย นั่นคือความเป็นมนุษย์
    .
    คุณชูวิทย์อาจจะพูดอะไร แล้วคุณเจ็บใจแค้นใจมาก ผมเข้าใจดี รวมไปถึงคุณสันธนะด้วย ขนาดคุณชูวิทย์นั่งข้างๆ คุณ แล้วมาขอโทษคุณบนเก้าอี้รถเข็น ใจคอคุณบอกยังไม่ให้ ผมไม่รู้ว่าจิตใจพวกคุณทั้งหลายทำด้วยอะไร
    .
    สำหรับผมแล้ว ชูวิทย์เป็นคนที่มีคุณูปการต่อสังคม การทำงานของชูวิทย์นั้น จะดีจะชั่วก็ยังดีกว่านักการเมืองเลวๆ บางคนที่เอาอำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ ยึดที่ดินของรัฐเข้าไปเป็นของครอบครัวตัวเอง ผมว่าชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ พวกนั้นอีก

    ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ

    #Thaitimes
    ชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ . คุณชูวิทย์เขาเล่าให้ผมฟังว่า ชีวิตเขาถูกหลอกใช้มาตลอด เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น เขาถูกคนที่ชื่อ สุชาติ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของคีรี บอกว่าจะเอาเรื่องการคอร์รัปชันไหม เขามีข้อมูลให้พร้อม ก็เลยเอาข้อมูลมาให้ชูวิทย์ นั่นคือที่มาของการโจมตี ช.การช่าง และการคอร์รัปชัน รวมไปจนถึงการมีงานโอนเงินค่าคอมมิชันไปที่สิงคโปร์ เป็นฝีมือที่มาจากคนที่ให้ข่าวเขาทั้งสิ้น “แล้วมันก็ทิ้งผมไป หลังจากใช้ผมได้เรียบร้อยแล้ว” . เขาค่อนข้างเจ็บช้ำน้ำใจมากหลายๆเรื่อง โดนฟ้องอยู่หลายคดี สันธนะ ประยูรรัตน์ก็ฟ้องเขา และที่สำคัญคือเรื่องเขากระโดง เขาก็โดนฟ้องที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ . ผมไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่จะพูดอะไรในเรื่องนี้ได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า คนที่อยู่ในสภาพอย่างชูวิทย์ คนที่เป็นเจ้าทุกข์ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกคุณจะทำบุญทำกุศลกัน เพราะคุณชูวิทย์เขาอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว . ความแค้นไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณมีความสุขหรอก ณ วันนี้ ถ้าคุณจะทำไปเพื่อล้างแค้นที่ชูวิทย์เขาว่าอะไรคุณ ก็เชิญตามสบาย คนเรามันจะแค้นอะไรกันนักกันหนา หรือทั้งคุณเนวิน และคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ยอมรับว่าชีวิตคุณเองก็มีการทำผิดพลาดเยอะมากพอสมควร อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่คุณชูวิทย์พูดเรื่องเขากระโดงก็เป็นความจริง . ผมสงสารและเห็นใจเขา เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรนะ ไม่ได้เรียกร้องคุณศักดิ์สยามและคุณเนวิน คุณคงอยากให้คุณชูวิทย์คลานเข้าไปแล้วกราบเท้าคุณใช่ไหม ซึ่งถ้าเขาทำผิดกฎหมายเพราะเขาไปหมิ่นประมาทคุณ อันนั้นคือกฎหมาย แต่ที่อยู่เหนือกฎหมาย คือคุณธรรม ความเห็นอกเห็นใจ คุณจะเรียกว่าความเวทนาก็ได้ ที่คุณชูวิทย์เขาเจ็บไข้ได้ป่วยหนักขนาดนี้ ที่สามารถจะตายได้ทุกเมื่อ ตรงนี้ต่างหากที่มันอยู่เหนือกฎหมาย นั่นคือความเป็นมนุษย์ . คุณชูวิทย์อาจจะพูดอะไร แล้วคุณเจ็บใจแค้นใจมาก ผมเข้าใจดี รวมไปถึงคุณสันธนะด้วย ขนาดคุณชูวิทย์นั่งข้างๆ คุณ แล้วมาขอโทษคุณบนเก้าอี้รถเข็น ใจคอคุณบอกยังไม่ให้ ผมไม่รู้ว่าจิตใจพวกคุณทั้งหลายทำด้วยอะไร . สำหรับผมแล้ว ชูวิทย์เป็นคนที่มีคุณูปการต่อสังคม การทำงานของชูวิทย์นั้น จะดีจะชั่วก็ยังดีกว่านักการเมืองเลวๆ บางคนที่เอาอำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ ยึดที่ดินของรัฐเข้าไปเป็นของครอบครัวตัวเอง ผมว่าชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ พวกนั้นอีก ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 871 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’
    .
    อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง
    .
    กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง
    .
    จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล
    .
    กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    .
    อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/iXeVUMagHP8Ewo9T/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’ . อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง . กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง . จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล . กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ . อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/iXeVUMagHP8Ewo9T/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’
    .
    อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง
    .
    กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง
    .
    จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล
    .
    กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    .
    อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ
    ศาลทุจริตฯรับไต่สวนคดี ‘วีระ’ ฟ้อง ป.ป.ช.จงใจปกปิดสอบสวนสำนวนคดี ‘นาฬิกาเพื่อน’ . อังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับคดีคุณวีระ สมความคิด ที่ฟ้อง ป.ป.ช. ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 95/2567 ลงวันที่ 22 ตุลาคม ในคำสั่งระบุว่า ตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตภาค 1 ฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 15 จึงเห็นควรรับฟ้องโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้อง . กรณี "แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งแต่ปี 2561 ว่าคดีเรื่องการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงนั้น ป.ป.ช. มีมติว่าไม่มีมูลเพียงพอ สร้างแรงสั่นสะเทือนและข้อกังขาให้ผู้คนในสังคมวงกว้าง . จนกระทั่ง "นักร้องระดับชาติ" คุณวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว แต่ ป.ป.ช. ไม่ยอมให้เสียที แม้กระทั่งมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลสั่งปรับก็แล้ว องค์กร ป.ป.ช. ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กับนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ที่เกษียณแล้วทั้งคู่ ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล ยังใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆจงใจปกปิดข้อมูล . กรณีนี้เนื่องจากคุณวีระ สมความคิด เป็นผู้เสียหายโดยตรงอย่างชัดเจน เพราะมีคำสั่งศาลมาแล้วในหลายครั้ง กรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงต้องรับไว้ไต่สวนมูลฟ้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ . อย่างไรก็ตาม คุณวีระ ก็มีข้อจำกัด คือต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งศาลให้ได้ภายใน 7 วัน คือภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2567 คุณวีระ ต้องรวบรวมเอกสารส่งศาลให้ครบถ้วน ซึ่งเวลาก็รวบรัดมาก คดีนี้พวกเรามาให้กำลังใจคุณวีระ กันหน่อยครับ ถือว่าเป็นคดีที่คุณวีระ สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าคุณวีระตายคนเดียว อีก 12 คน ก็จะรอด แต่ถ้าคุณวีระรอด อีก 12 คน ก็อาจจะตายแทนก็ได้ครับ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1141 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23 ตุลาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่องล่าสุด "ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ในลักษณะถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า

    ถาม ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค
    รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร
    ตอบ ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอร์รัปชัน สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เขาจะพูดจะแนะนำอะไร คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้

    ถาม แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ
    ตอบ พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด” ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย
    เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้ ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย

    ถาม กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ
    ตอบ อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น

    ถาม แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้
    ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต เราก็ต้องยุบพรรคนั้น ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผล่หน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ

    ถาม ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ
    ตอบ ถูกต้องครับ พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่ นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด
    คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่

    ถาม แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล
    ตอบ งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย

    ถาม เห็น รองนายกฯภูมิธรรม เขาบอกว่าไม่น่ามาร้องเรียนอะไรกันเลย รัฐบาลลุยจนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นอยู่แล้ว
    ตอบ ฟื้นจริงไหม? ฟื้นเพื่อใคร? มีใครที่ครอบงำพรรคแล้วรอเสวยประโยชน์อยู่โดยทุจริตหรือไม่ ทั้งเรื่อง สัมปทานบ่อน และ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร?
    ตรงนี้เป็นปัญหาความสะอาด ความเลว ความชั่ว ในระบบรัฐบาล ที่ต้องเคลียร์ให้ได้ชัดเจนจริงๆ
    เศรษฐกิจมันฟื้นจากพื้นฐานที่สกปรกไม่ได้ รู้จักมียางอายกันบ้างเถิดครับ

    https://www.thaipost.net/hi-light/677990/

    #Thaitimes
    23 ตุลาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่องล่าสุด "ยุบพรรคเพื่อไทย??? : ความชอบธรรมและความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ในลักษณะถาม-ตอบ มีเนื้อหาว่า ถาม ทำไมจะไปยุบพรรคเพื่อไทยโดยอ้างว่าถูกทักษิณครอบงำ ก็เขาเป็นคนตั้งพรรค รวมผู้คนมาตั้งแต่แรก แล้วใจคอจะไม่ให้ฟังกันบ้างเลยหรืออย่างไร ตอบ ทักษิณถูกจำคุกตามคำพิพากษาคดีคอร์รัปชัน สิ้นสิทธิทางการเมืองเป็นคนนอกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว เขาจะพูดจะแนะนำอะไร คณะกรรมการพรรคก็ยังรับฟังได้กฎหมายไม่ห้าม แต่ต้องไม่ถึงขั้นถูกครอบงำถึงขนาดขาดอิสระ ทักษิณชี้นกเป็นไม้ ก็ยอมหมด อย่างนี้กฎหมายรับไม่ได้ ถาม แล้วมันผิดที่ตรงไหน ที่ไปฟังทักษิณ ตอบ พรรคการเมืองมีตัวตนอยู่ที่ “ความคิด” ประชาธิปไตยเสนอกันที่ความคิด เมื่อความคิดใครชนะคนนั้นต้องเป็นคนทำ รัฐธรรมนูญไทยเอาจริงถึงขั้นบังคับให้ สส.ต้องสังกัดพรรค และพรรคต้องเสนอชื่อนายกฯไว้ล่วงหน้าเลย เมื่อพรรคคือ “ความคิด” พรรคจึงต้องคิดเองตัดสินใจเอง จะเป็นแค่หุ่นเชิดของคนนอกพรรคไม่ได้ ถ้ายอมให้เชิดกันอย่างนี้ได้ ประชาธิปไตยในพรรคก็พลอยจะสิ้นความหมายไปด้วย ถาม กกต.ต้องพิสูจน์อะไรให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นบ้าง ว่าพรรคเพื่อไทยถูกทักษิณครอบงำ ตอบ อะไรที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพรรค ถ้าพิสูจน์ว่าทักษิณสั่งได้ ก็โดนหมดล่ะครับ ทั้งการกำหนดนโยบายทางการเมือง, การตั้งคณะกรรมการบริหาร,การคัดเลือกส่งคนลงสมัคร สส., การเข้าร่วมรัฐบาล, การเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี, การเสนอร่างกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเกิดเป็นเรื่องกล่าวหาได้ทั้งนั้น ถาม แล้วชัดเจนถึงขนาดไหนล่ะครับ ถึงจะฟังได้ว่าเป็นการ “ครอบงำ” ผมเห็นคนพรรคเพื่อไทยเขาท้าทายว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนไหมว่า เมื่อวันนั้นวันนี้ ทักษิณสั่งนายโน้นนายนี้ใหทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตอบ นี่ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีคุ้มครองประชาธิปไตยในบ้านเมือง ถ้าพรรคใดยอมตนเป็นหุ่นให้อิทธิพลทุจริต เราก็ต้องยุบพรรคนั้น ถ้าพยานหลักฐานมันแวดล้อมให้เชื่อได้เช่นนั้น ทั้งตั้งลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคโดยไม่มีที่มาที่ไปทางคุณสมบัติ ทั้งเรื่องที่ทักษิณโผล่หน้ามาชี้แจงนโยบายพรรคต่อคนทั้งประเทศ ทั้งเรื่องมีบทบาทคัดคนลงสมัคร นายก อบจ.หรือ สส.สั่งเปลี่ยนโผให้เป็นโน้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งเรียกทุกพรรคมาประชุมจันทร์ส่องหล้า แล้วตกลงตั้งรัฐบาลในสูตรเดิม ทั้งหมดนี้ ถ้าคุณเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คุณว่ามันพอหรือไม่ ที่จะตัดสินว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ใต้บงการของคนชื่อทักษิณ ถาม ถ้ามองเป็นเรื่องบงการกันอย่างนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาลแห่ไปพบทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้วตกลงร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องต้องถูกยุบพรรคใช่ไหมครับ ตอบ ถูกต้องครับ พรรคเหล่านี้เขาแค่ไปคุยแล้วตกลงกับทักษิณว่าเราจะรักษาสูตรรัฐบาลไว้ต่อไปเท่านั้นหรือไม่ นี่เป็นเริ่องไปเจรจาตกลง ไม่ใช่เรื่องอยู่ใต้บงการทักษิณแต่อย่างใด คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า ความผิดมันไม่ใช่อยู่ที่เห็นตรงกับทักษิณ หรือไปคุยกับทักษิณ แต่มันอยู่ตรงที่ความสัมพันธ์ทางอำนาจว่ามีพรรคไหนไปอยู่ใต้บงการเขาหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดนอกจากเพื่อไทยเท่านั้น ที่มีปัญหาว่าไปเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นหรือไม่ ถาม แล้ว กกต. ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทยเลยได้ไหมครับ ข้างพรรคเพื่อไทยจะเถียงอะไรก็ให้ไปว่ากันในศาล ตอบ งานนี้เป็นเรื่องชี้ขาดกันด้วยพยานแวดล้อม ถ้าพยานหลักฐานแต่ละเรื่องมันล้อมเข้ามาจนชัดเจน และรู้กันทั่วไป เพียงเท่านี้ กกต.ก็ฟ้องได้แล้วครับว่า แต่ละพฤติการณ์ประกอบกันเข้ามาให้เชื่อได้แล้วว่า ทักษิณคือผู้ครอบครองพรรคเพื่อไทย ถาม เห็น รองนายกฯภูมิธรรม เขาบอกว่าไม่น่ามาร้องเรียนอะไรกันเลย รัฐบาลลุยจนเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นอยู่แล้ว ตอบ ฟื้นจริงไหม? ฟื้นเพื่อใคร? มีใครที่ครอบงำพรรคแล้วรอเสวยประโยชน์อยู่โดยทุจริตหรือไม่ ทั้งเรื่อง สัมปทานบ่อน และ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร? ตรงนี้เป็นปัญหาความสะอาด ความเลว ความชั่ว ในระบบรัฐบาล ที่ต้องเคลียร์ให้ได้ชัดเจนจริงๆ เศรษฐกิจมันฟื้นจากพื้นฐานที่สกปรกไม่ได้ รู้จักมียางอายกันบ้างเถิดครับ https://www.thaipost.net/hi-light/677990/ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 816 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ประกอบด้วย

    1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ
    2.พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
    3. นายนิรันต์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นกรรมการ
    4.นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นกรรมการ
    5. พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการ
    6. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นกรรมการ
    7. นายปวริศ ผุดผ่อง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ
    8 นายวิสุทธิ์ ฉัตรานุฉัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการ

    โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
    ข้อ 1.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
    คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจ
    เรียกเอกสารใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานใด ๆ เพื่อประกอบ
    การพิจารณา และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะต่อรองนายกรัฐมนตรี
    (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ออกคำสั่ง ในกรณีจำเป็นรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง)
    อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร
    ข้อ 2.คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมทั้งผู้ช่วยเลขานุการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้

    ข้อ 3.ให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักนายกรัฐมนตรี
    ข้อ 4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถูกตั้งขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด มีชื่อเสียงเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ,เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี ,คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ,คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย ,คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ,คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย

    ล่าสุดช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเคย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักอดีตรองผบ.ตร.ด้วย

    #Thaitimes
    มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ประกอบด้วย 1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ 2.พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ 3. นายนิรันต์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นกรรมการ 4.นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นกรรมการ 5. พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการ 6. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นกรรมการ 7. นายปวริศ ผุดผ่อง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ 8 นายวิสุทธิ์ ฉัตรานุฉัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการ โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ ข้อ 1.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจ เรียกเอกสารใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานใด ๆ เพื่อประกอบ การพิจารณา และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ออกคำสั่ง ในกรณีจำเป็นรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร ข้อ 2.คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมทั้งผู้ช่วยเลขานุการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ ข้อ 3.ให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อ 4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถูกตั้งขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด มีชื่อเสียงเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ,เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี ,คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ,คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย ,คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ,คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย ล่าสุดช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเคย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักอดีตรองผบ.ตร.ด้วย #Thaitimes
    สำนักนายกฯ ตั้ง ‘ชาติพงษ์’ อดีตรอง อสส.นั่ง ปธ.สอบข้อเท็จจริงคดี ‘ดิไอคอน’ จ่ายส่วยเทวดาเป็นค่าคุ้มครอง มีอำนาจเรียกสอบ-เอกสาร จาก สคบ.หน่วยงานเกี่ยวข้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000099909

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์"
    .
    ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น
    .
    ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี
    .
    ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย
    .
    -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป
    .
    เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก
    .
    ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ
    .
    แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย
    .
    แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์" . ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น . ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี . ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย . -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป . เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก . ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ . แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย . แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    Like
    Love
    25
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2272 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย!
    บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น
    .
    ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน
    .
    นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้
    .
    ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ
    .
    คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ
    .
    แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย! บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น . ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน . นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้ . ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ . คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ . แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1078 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย!
    บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น
    .
    ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน
    .
    นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้
    .
    ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ
    .
    คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ
    .
    แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย! บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น . ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน . นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้ . ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ . คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ . แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1075 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts