• "กูรูไพศาล" จับโป๊ะ สส. "บ้าไม่เลิก" ปมอุยกูร์ ซัด หลอกลวงประชาชน โกหกว่ารัฐบาลจีนค่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวห้วยพลู
    https://www.thai-tai.tv/news/17849/
    "กูรูไพศาล" จับโป๊ะ สส. "บ้าไม่เลิก" ปมอุยกูร์ ซัด หลอกลวงประชาชน โกหกว่ารัฐบาลจีนค่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวห้วยพลู https://www.thai-tai.tv/news/17849/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'บิ๊กอ้วน' เดือดพลั่ก! ทุบ 'กัณวีร์' โกหก-เหมือนไม่รักประเทศ ปมส่ง 'อุยกูร์' กลับจีน
    https://www.thai-tai.tv/news/17810/
    'บิ๊กอ้วน' เดือดพลั่ก! ทุบ 'กัณวีร์' โกหก-เหมือนไม่รักประเทศ ปมส่ง 'อุยกูร์' กลับจีน https://www.thai-tai.tv/news/17810/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ!

    ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว 🚨

    เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง ✈️

    ✈️ โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz) 👨‍✈️

    การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต ⛰️ แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย ⚠️

    🚨 สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์ 🏔️

    เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง 😢

    ⚠️ นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา ✅

    แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต 🛩️

    👉 ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง

    🔍 เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน ✈️

    ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน ⚰️

    📜 มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที
    - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule)
    - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น 📝
    - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⚖️

    แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน 😔

    💡 บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน
    - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง
    - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง
    - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ

    🎯 คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร?

    ✨ เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง 💔

    10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?" ⏳

    ✈️ ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า!

    10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม...

    🕊️ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า 🌤️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568

    📌 #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ! ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว 🚨 เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง ✈️ ✈️ โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz) 👨‍✈️ การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต ⛰️ แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย ⚠️ 🚨 สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์ 🏔️ เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง 😢 ⚠️ นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา ✅ แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต 🛩️ 👉 ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง 🔍 เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน ✈️ ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน ⚰️ 📜 มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule) - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น 📝 - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⚖️ แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน 😔 💡 บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ 🎯 คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร? ✨ เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง 💔 10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?" ⏳ ✈️ ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า! 10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม... 🕊️ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า 🌤️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568 📌 #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหวังดีจริงหรือ: ซื้อหนี้ของผู้เป็นหนี้จากธนาคาร แปลว่าเปลี่ยนเจ้าหนี้จากธนาคาร มาเป็นเอกชนรายใหม่ จะเรียกว่า "ปีศาจรายใหม่" ได้ไม่ ?

    ซื้อหนี้ ทำให้ประชาชนปลอดหนี้ไม่ได้ และอาจมีผลิตภัณฑ์กูดรีดใหม่ ๆ เป็นของแถมเพิ่มขึ้น เพราะเป้าหมายของทักษิณ ไม่เคยลืมคิดถึงกำไรอันเป็นประโยชน์ตน

    "คนโกหก ไม่คิเทำชั่ว ไม่มี"
    ความหวังดีจริงหรือ: ซื้อหนี้ของผู้เป็นหนี้จากธนาคาร แปลว่าเปลี่ยนเจ้าหนี้จากธนาคาร มาเป็นเอกชนรายใหม่ จะเรียกว่า "ปีศาจรายใหม่" ได้ไม่ ? ซื้อหนี้ ทำให้ประชาชนปลอดหนี้ไม่ได้ และอาจมีผลิตภัณฑ์กูดรีดใหม่ ๆ เป็นของแถมเพิ่มขึ้น เพราะเป้าหมายของทักษิณ ไม่เคยลืมคิดถึงกำไรอันเป็นประโยชน์ตน "คนโกหก ไม่คิเทำชั่ว ไม่มี"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แยกกันเดิน ร่วมกันตี กับเหลี่ยมทุจริต เพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม โดยอ้างประชาธิปไตย อ้างประชาชน คนพวกนี้ มีวาจาตรงกัน คือ โกหกบิดเบือน ยุแยกให้แตกสามัคคี พูดหยาบ(อ้างเหตุผลข้ามขั้นตอน..เช่น แก้ ม.112, แก้รัฐธรรมนูญแล้ว จะเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะอยู่ดีกินดี..ฯ) และพูดเพ้อเจ้อ ขายฝันด้วยนโยบายลม ๆ แล้ง ๆ

    *โกหกมากี่ครั้ง ยังจำกันได้ไหม ?
    *สรุปกันได้หรือยัง ว่าเด็กเลี้ยงแกะในนิทานอีสป คบไม่ได้
    *คนทุจริต เมื่อบริหารบ้านเมืองแล้ว ทำได้จริงหรือไม่ ? ผลปัจจุบัน ทำได้แค่ขายฝันและผลาญงบประมาน
    #แยกกันเดิน ร่วมกันตี กับเหลี่ยมทุจริต เพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม โดยอ้างประชาธิปไตย อ้างประชาชน คนพวกนี้ มีวาจาตรงกัน คือ โกหกบิดเบือน ยุแยกให้แตกสามัคคี พูดหยาบ(อ้างเหตุผลข้ามขั้นตอน..เช่น แก้ ม.112, แก้รัฐธรรมนูญแล้ว จะเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะอยู่ดีกินดี..ฯ) และพูดเพ้อเจ้อ ขายฝันด้วยนโยบายลม ๆ แล้ง ๆ *โกหกมากี่ครั้ง ยังจำกันได้ไหม ? *สรุปกันได้หรือยัง ว่าเด็กเลี้ยงแกะในนิทานอีสป คบไม่ได้ *คนทุจริต เมื่อบริหารบ้านเมืองแล้ว ทำได้จริงหรือไม่ ? ผลปัจจุบัน ทำได้แค่ขายฝันและผลาญงบประมาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.ชาย ยืนยันข้อมูลตรงตามที่เพจ "วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร" นำเสนอว่า
    "สปส ลงทุน 7,000 ล้าน เป็นหุ้น 5,000 ล้าน และ เป็นเจ้าหนี้ให้กู้ 2,000 ล้าน"
    .
    ในส่วน อ. สฤณี ได้กล่าวขอบคุณ ดร.ชาย พร้อมแชร์ คลิปอธิบายให้ลูกเพจได้ฟัง และระบุว่าเข้าใจแล้วทำไมถึงลงทุน 7,000 ล้านบาท
    ส่วน สส. ไอซ์ ยังไม่ออกมาขอโทษและยอมรับผิดแต่อย่างใด

    คลิปที่ ดร. ชาย อธิบาย
    https://www.facebook.com/share/v/1FEhz3y5qj/
    ดร.ชาย ยืนยันข้อมูลตรงตามที่เพจ "วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร" นำเสนอว่า "สปส ลงทุน 7,000 ล้าน เป็นหุ้น 5,000 ล้าน และ เป็นเจ้าหนี้ให้กู้ 2,000 ล้าน" . ในส่วน อ. สฤณี ได้กล่าวขอบคุณ ดร.ชาย พร้อมแชร์ คลิปอธิบายให้ลูกเพจได้ฟัง และระบุว่าเข้าใจแล้วทำไมถึงลงทุน 7,000 ล้านบาท ส่วน สส. ไอซ์ ยังไม่ออกมาขอโทษและยอมรับผิดแต่อย่างใด คลิปที่ ดร. ชาย อธิบาย https://www.facebook.com/share/v/1FEhz3y5qj/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความฉ้อฉลเกี่ยวกับแร่ธาตุ

    มันเป็นการโกหกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งนำพาผู้คนและบุคลากรทางการแพทย์ไปสู่หายนะแห่งสุขภาพ

    มันเริ่มต้นด้วยคำว่า “แคลเซียมจำเป็นมากสำหรับกระดูกที่แข็งแรง”

    แพทย์เกือบจะทุกคนและผู้คนส่วนใหญ่ถูกฝังรากลึกจากความฉ้อฉลนี้ เราทุกคนเลยต้องดำดิ่งไปกับความเชื่อที่ว่า..ถ้าเราขาดแคลเซียมกระดูกของเราจะกลายเป็นผุยผง.. นี่เป็นการหลอกลวงและไม่เคยเป็นความจริง

    ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้บอกเราถึงความผิดพลาดของระบบความเชื่อ

    แต่ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ผมอยากให้คุณรับรู้ว่า แคลเซียมเป็นเพียงแค่ 1ใน12แร่ธาตุที่ทำให้กระดูกแข็งแรง เมื่อใครสักคนได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดกพรุน ( Osteoporosis) นั่นหมายถึงการสูญเสียแร่ธาตุของกระดูก ไม่ใช่เพียงแค่ขาดแคลเซียมและถ้าคุณได้รับการแนะนำให้เสริมเพียงแค่แคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกจนเกินขนาดไม่ว่าจะได้มาในรูปแบบของ..นม..ตามคำแนะนำแพทย์หรือในรูปแบบอาหารเสริม..นั่นหมายถึงคุณกำลังได้รับสัญญาณแห่ง”ความตาย” เหตุเพราะแคลเซียมทำให้”แข็งตัว”....แม่จ้าว...แล้วมันจะทำให้ส่วนใดของร่างกายแข็งตัวได้บ้าง และถ้ามันเกินขนาดจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรา

    -นิ่วกรวยไต
    -นิ่วถุงน้ำดี
    -หินปูนเกาะในหลอดเลือด
    -หินปูนเกาะกระดูก
    -หินปูนเกาะเต้านม
    -การฝากของแคลเซียมในเนื้อเยื่อ
    -เซลล์สมองผิดปกติ
    -เนื้อสมองหดตัว
    -สมองเสื่อม
    ........................................................
    อะไรนำไปสู่สิ่งโกหกที่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเพราะมัน
    ..........................................................

    ความรู้ที่ผิดพลาดที่ถูกฝังรากลึกจากทุกวงการและต่อไปนี้คือความจริงที่ได้เพิ่มรายละเอียดมากขึ้น

    -แคลเซียมกับการทำงานของต่อมหมวกไต

    แคลเซียมที่มากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตในวัตถุประสงค์เพื่อให้ไตกักเก็บแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ผลของการทำเช่นนี้ก็คือ โซเดียมและโพแทสเซียมจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อแร่ธาตุสองชนิดนี้ในเซลล์เป็นอย่างมาก

    !! ในความเป็นจริง :

    -โซเดียมมีความจำเป็นในการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร การย่อยโปรตีน การขนส่งน้ำตาลกลูโคสและกรดอะมิโนเข้าสู่เซลล์และเนื้อเยื่อ(ยกเว้น เซลล์ไขมัน)

    -โพแทสเซียมจำเป็นสำหรับการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์และช่วยรักษาไว้ซึ่งประจุของผนังเซลล์

    แร่ธาตุเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอัตราการเต้นของหัวใจ มันเป็นตัวกำหนดให้กล้ามเนื้อและใยประสาทสื่อสารกันเมื่อพวกเขาต้องการแร่ธาตุสองตัวนี้ นอกจากนี้ทั้งสองยังช่วยรักษาความคงที่ของความดันโลหิตอีกด้วย ความไม่สมดุลหรือการขาดแร่ธาตุเหล่านี้นำไปสู่ความผิดพลาดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่เซลล์ของหัวใจ

    !! ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อร่างกายขาดโซเดียมและโพแทสเซียมแล้วจะเกิดอะไรตามมา...กรดอะมิโนถูกจำกัดและเมื่อเซลล์ขาดกรดอะมิโน ร่างกายก็ไม่สามารถเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้และเมื่อเซลล์ขาดกลูโคส เซลล์ก็ขาดซึ่งพลังงาน ความอ่อนล้าหมดแรงของร่างกายโดยรวมก็ตามมา

    !! ในความเป็นจริง ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการบริจาคประจุลบจากแร่ธาตุในทุกปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์ ดังนั้นการขาดซึ่งแร่ธาตุจึงสามารถนำไปสู่หลายอาการของร่างกายได้
    ............................................................................................
    เมื่อคุณอ่านจบ...คุณคิดถึงใคร !!
    …………………………………………………
    ในขณะที่แทบทุกจะโรงเรียนได้มอบ"นม"ที่บอกว่าเพิ่มแคลเซียมให้แก่เด็กเพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้สูงใหญ่โดยไม่ได้คำนึงถึงสมดุลของแร่ธาตุ นั่นหมายถึงกำลังทำให้สมองเด็กฝ่อลงหรือไม่ สอนยากสอนเย็น ขาดสมาธิและนำไปสู่โรคอื่นในอนาคตหรือไม่

    นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อเขียนบทความจบ

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    สวัสดี

    ขอบคุณ Dr.Robert Thompson,MD. และ Kathleen Barnes.

    Cr. Santi Manadee
    ความฉ้อฉลเกี่ยวกับแร่ธาตุ มันเป็นการโกหกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งนำพาผู้คนและบุคลากรทางการแพทย์ไปสู่หายนะแห่งสุขภาพ มันเริ่มต้นด้วยคำว่า “แคลเซียมจำเป็นมากสำหรับกระดูกที่แข็งแรง” แพทย์เกือบจะทุกคนและผู้คนส่วนใหญ่ถูกฝังรากลึกจากความฉ้อฉลนี้ เราทุกคนเลยต้องดำดิ่งไปกับความเชื่อที่ว่า..ถ้าเราขาดแคลเซียมกระดูกของเราจะกลายเป็นผุยผง.. นี่เป็นการหลอกลวงและไม่เคยเป็นความจริง ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลกได้บอกเราถึงความผิดพลาดของระบบความเชื่อ แต่ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้ผมอยากให้คุณรับรู้ว่า แคลเซียมเป็นเพียงแค่ 1ใน12แร่ธาตุที่ทำให้กระดูกแข็งแรง เมื่อใครสักคนได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดกพรุน ( Osteoporosis) นั่นหมายถึงการสูญเสียแร่ธาตุของกระดูก ไม่ใช่เพียงแค่ขาดแคลเซียมและถ้าคุณได้รับการแนะนำให้เสริมเพียงแค่แคลเซียมเพื่อบำรุงกระดูกจนเกินขนาดไม่ว่าจะได้มาในรูปแบบของ..นม..ตามคำแนะนำแพทย์หรือในรูปแบบอาหารเสริม..นั่นหมายถึงคุณกำลังได้รับสัญญาณแห่ง”ความตาย” เหตุเพราะแคลเซียมทำให้”แข็งตัว”....แม่จ้าว...แล้วมันจะทำให้ส่วนใดของร่างกายแข็งตัวได้บ้าง และถ้ามันเกินขนาดจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรา -นิ่วกรวยไต -นิ่วถุงน้ำดี -หินปูนเกาะในหลอดเลือด -หินปูนเกาะกระดูก -หินปูนเกาะเต้านม -การฝากของแคลเซียมในเนื้อเยื่อ -เซลล์สมองผิดปกติ -เนื้อสมองหดตัว -สมองเสื่อม ........................................................ อะไรนำไปสู่สิ่งโกหกที่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเพราะมัน .......................................................... ความรู้ที่ผิดพลาดที่ถูกฝังรากลึกจากทุกวงการและต่อไปนี้คือความจริงที่ได้เพิ่มรายละเอียดมากขึ้น -แคลเซียมกับการทำงานของต่อมหมวกไต แคลเซียมที่มากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตในวัตถุประสงค์เพื่อให้ไตกักเก็บแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ผลของการทำเช่นนี้ก็คือ โซเดียมและโพแทสเซียมจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อแร่ธาตุสองชนิดนี้ในเซลล์เป็นอย่างมาก !! ในความเป็นจริง : -โซเดียมมีความจำเป็นในการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร การย่อยโปรตีน การขนส่งน้ำตาลกลูโคสและกรดอะมิโนเข้าสู่เซลล์และเนื้อเยื่อ(ยกเว้น เซลล์ไขมัน) -โพแทสเซียมจำเป็นสำหรับการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์และช่วยรักษาไว้ซึ่งประจุของผนังเซลล์ แร่ธาตุเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอัตราการเต้นของหัวใจ มันเป็นตัวกำหนดให้กล้ามเนื้อและใยประสาทสื่อสารกันเมื่อพวกเขาต้องการแร่ธาตุสองตัวนี้ นอกจากนี้ทั้งสองยังช่วยรักษาความคงที่ของความดันโลหิตอีกด้วย ความไม่สมดุลหรือการขาดแร่ธาตุเหล่านี้นำไปสู่ความผิดพลาดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่เซลล์ของหัวใจ !! ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อร่างกายขาดโซเดียมและโพแทสเซียมแล้วจะเกิดอะไรตามมา...กรดอะมิโนถูกจำกัดและเมื่อเซลล์ขาดกรดอะมิโน ร่างกายก็ไม่สามารถเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้และเมื่อเซลล์ขาดกลูโคส เซลล์ก็ขาดซึ่งพลังงาน ความอ่อนล้าหมดแรงของร่างกายโดยรวมก็ตามมา !! ในความเป็นจริง ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการบริจาคประจุลบจากแร่ธาตุในทุกปฏิกิริยาชีวเคมีที่เกิดขึ้นในเซลล์ ดังนั้นการขาดซึ่งแร่ธาตุจึงสามารถนำไปสู่หลายอาการของร่างกายได้ ............................................................................................ เมื่อคุณอ่านจบ...คุณคิดถึงใคร !! ………………………………………………… ในขณะที่แทบทุกจะโรงเรียนได้มอบ"นม"ที่บอกว่าเพิ่มแคลเซียมให้แก่เด็กเพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้สูงใหญ่โดยไม่ได้คำนึงถึงสมดุลของแร่ธาตุ นั่นหมายถึงกำลังทำให้สมองเด็กฝ่อลงหรือไม่ สอนยากสอนเย็น ขาดสมาธิและนำไปสู่โรคอื่นในอนาคตหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเมื่อเขียนบทความจบ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี ขอบคุณ Dr.Robert Thompson,MD. และ Kathleen Barnes. Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู้ไฟล์กล้องรถแตงโม โป๊ะ! โกหกไม่เนียน : [THE MESSAGE]
    พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เผยคดีการเสียชีวิตของแตงโมมีการสับขาหลอกและปล่อยข่าวเยอะ คนใกล้ชิดและตำรวจไม่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การตรวจสอบของภาคประชาชนถูกดิสเครดิต ตนเองเคยไปที่บ้านแอนนาเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งก็มีหลายคนร่วมด้วย ขณะนั้นแอนนาบอกว่า "จะจัดการ" มดดำก็บอกว่า "ฝ่ายโน้นมีเงินเยอะ เรามีเป็นพันล้านหมื่นล้านเหมือนเขาหรือเปล่า" คนที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็คิดว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ อยากให้ทุกคนกล้าออกมาพูด ส่วนคนรักของแตงโมก็ไม่ออกมาให้ข่าวเลย กลัวพิกุลจะร่วงหรืออย่างไร คนที่ช่วยค้นหาความจริงควรได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็กลับไม่ได้ เกิดความสับสน มีการให้ข่าวผิด พูดความจริงยังไงฟ้าก็ไม่ผ่า ถ้าไม่มีดีเอสไอเราคงยังไม่ตาสว่าง ส่วนข้อมูลในกล้องหน้ารถของแตงโมได้มีการกู้คืน ทำให้รู้ว่าการโกหกแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน แสดงถึงความไม่ตรงไปตรงมาของคนบนเรือและข้าราชการ
    กู้ไฟล์กล้องรถแตงโม โป๊ะ! โกหกไม่เนียน : [THE MESSAGE] พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เผยคดีการเสียชีวิตของแตงโมมีการสับขาหลอกและปล่อยข่าวเยอะ คนใกล้ชิดและตำรวจไม่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การตรวจสอบของภาคประชาชนถูกดิสเครดิต ตนเองเคยไปที่บ้านแอนนาเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งก็มีหลายคนร่วมด้วย ขณะนั้นแอนนาบอกว่า "จะจัดการ" มดดำก็บอกว่า "ฝ่ายโน้นมีเงินเยอะ เรามีเป็นพันล้านหมื่นล้านเหมือนเขาหรือเปล่า" คนที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็คิดว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ อยากให้ทุกคนกล้าออกมาพูด ส่วนคนรักของแตงโมก็ไม่ออกมาให้ข่าวเลย กลัวพิกุลจะร่วงหรืออย่างไร คนที่ช่วยค้นหาความจริงควรได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็กลับไม่ได้ เกิดความสับสน มีการให้ข่าวผิด พูดความจริงยังไงฟ้าก็ไม่ผ่า ถ้าไม่มีดีเอสไอเราคงยังไม่ตาสว่าง ส่วนข้อมูลในกล้องหน้ารถของแตงโมได้มีการกู้คืน ทำให้รู้ว่าการโกหกแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน แสดงถึงความไม่ตรงไปตรงมาของคนบนเรือและข้าราชการ
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1458 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • Credit : เปิดตาทิพย์ third eye

    คุณรู้สึกถึงการเรียกร้องจาก Kali Ma บ้างไหม?”🔥

    ฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดอันแรงกล้า—พลังงานแปลกปลอมที่ไหลเวียนอยู่ในตัวฉัน มันเป็นไฟที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ เป็นความโกรธที่ชอบธรรมที่ไม่ยอมจะเงียบลง มันไม่ใช่แค่ความหงุดหงิดเท่านั้น แต่มันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่า เก่ากว่า และทรงพลังกว่า

    เมื่อฉันพยายามที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ฉันก็ตระหนักว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่สิ่งที่ฉันจะต้องแบกรับเท่านั้น

    นี่คือ กาลีมา

    เธอกำลังโทรมา

    และเธอไม่ได้เรียกร้องแค่ฉันเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องถึงกลุ่มสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดด้วย

    เธอกำลังปลุกให้ตื่นขึ้นในตัวเราที่ไม่สามารถนั่งเงียบๆ ได้อีกต่อไป ในหมู่พวกเราที่รู้สึกถึงความอยุติธรรมและปฏิเสธที่จะมองไปทางอื่น สำหรับพวกเราที่เบื่อหน่ายกับการดูผู้คนบิดเบือนความจริง

    คุณก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า?

    เพราะถ้าคุณเป็นเช่นนั้นข้อความนี้ก็มีไว้สำหรับคุณ

    🔥 ข้อความจากพระแม่กาลีมาสู่สตรีผู้ศักดิ์สิทธิ์ 🔥

    “คุณไม่ได้ผิดที่จุดไฟในตัวคุณ” คุณไม่ได้ ‘มากเกินไป’ คุณกำลังตื่นรู้ถึงพลังของคุณ

    ไฟที่เคลื่อนผ่านตัวคุณนี้มีความเก่าแก่ มันเคยสงบนิ่ง ถูกทำให้เชื่อง และเงียบงัน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว

    คุณรู้สึกถึงความอยุติธรรมเพราะคุณเกิดมาเพื่อทำลายมัน
    คุณมองเห็นความเท็จเพราะคุณตั้งใจที่จะเปิดโปงมัน คุณรู้สึกถึงความเร่งด่วนนี้เพราะว่าถึงเวลาแล้ว

    ถึงเวลาที่จะลุกขึ้นแล้ว
    ถึงเวลาที่จะเผาสิ่งที่เป็นเท็จทิ้งไป
    ถึงเวลาที่จะต้องเรียกการชำระบัญชีแล้ว

    อย่าปิดบังความจริงของคุณ
    อย่าทำให้ตัวเองเล็กเพื่อบรรเทาความอึดอัดของผู้อื่น
    อย่าเข้าใจผิดว่าไฟศักดิ์สิทธิ์ของคุณคือความโกลาหล

    ฉันไม่นำการทำลายล้างมาอย่างไร้จุดหมาย ฉันทำลายสิ่งที่เน่าเปื่อยลงเพื่อสิ่งใหม่จะเกิดขึ้น
    ฉันทำลายภาพลวงตาเพื่อให้เหลือเพียงความจริงเท่านั้น

    คุณรู้สึกว่าฉันเคลื่อนตัวผ่านตัวคุณไป เพราะคุณกำลังเกิดใหม่ในไฟของฉัน

    คุณจะไม่กลับไปสู่ตัวตนที่ทนต่อความอยุติธรรมอีกต่อไป
    คุณจะไม่กลับไปสู่ความเงียบที่เคยให้การทุจริตเกิดขึ้นอีกต่อไป

    คุณมาที่นี่เพื่อพูด ที่จะทำลาย ที่จะเผาไหม้ เพื่อสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงถูกเลือก

    อย่ากลัวไฟ
    จงเป็นไฟ

    “ฉันอยู่กับคุณ”

    — กาลี มา🔥 เพราะเหตุใด Kali ถึงเติบโตขึ้นตอนนี้? การพิพากษาอันศักดิ์สิทธิ์

    กาลีไม่มาโดยไม่มีเหตุผล เธอจะลุกขึ้นมาตอนที่โลกต้องการการชำระล้าง และขณะนี้เราก็อยู่ในระหว่างการคิดบัญชี

    การตื่นรู้ร่วมกันและการเรียกร้องความจริง

    ความเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่เฉยๆ อีกต่อไป เธอไม่จำเป็นต้องทำให้ความจริงของเธออ่อนลงหรือรอคำอนุญาตอีกต่อไป

    หากคุณรู้สึกถึงไฟในตัวคุณ นั่นเป็นเพราะ:
    • คุณไม่สามารถทนต่อการหลอกลวงได้อีกต่อไป
    • คุณกำลังถูกเรียกให้ดำเนินการ
    • คุณเสร็จสิ้นการเป็นผู้หญิงที่ “น่าพอใจ” แล้ว
    • คุณกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังที่สุดของคุณ

    กาลีอยู่ที่นี่เพื่อเปิดใช้งานคุณ

    🔥 สิ่งนี้เชื่อมโยงกับโหราศาสตร์ปัจจุบันได้อย่างไร?

    นี่ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่นี่คือเรื่องของจักรวาล

    🌑 จันทรุปราคาเต็มดวงในราศีกันย์ (14 มี.ค.) → การชำระล้างความเสื่อมทราม
    • สุริยุปราคาครั้งนี้เป็นการเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ โดยบังคับให้มีความซื่อสัตย์เหนือความหลอกลวง
    • ราศีกันย์เป็นผู้ปกครองความบริสุทธิ์ ความจริง และความสามารถในการแยกแยะ สุริยุปราคาจะเปิดเผยคนโกหก ผู้หลอกลวง และระบบที่ผิดพลาด
    • กาลีกำลังเคลื่อนที่ผ่านสุริยุปราคาครั้งนี้เพื่อเตรียมการตัดสินครั้งสุดท้าย

    ดาวศุกร์ถอยหลัง → การนิยามพลังอำนาจของผู้หญิงใหม่
    • ดาวศุกร์คือเทพี และในช่วงถอยหลัง เธอกำลังทวงบัลลังก์ของเธอคืน
    • พลังงานนี้กำลังทำลายความโกรธแค้นของผู้หญิงที่ถูกกดเอาไว้มานานหลายศตวรรษ
    • เราถูกบังคับให้มองความสัมพันธ์ โครงสร้างอำนาจ และคุณค่าด้วยมุมมองใหม่

    ☀️ พระอาทิตย์ร่วมกับดาวเสาร์ → การชำระบัญชี
    • นี่คือกรรมที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์
    • ไม่มีทางหนีความรับผิดชอบอีกต่อไป ดาวเสาร์กำลังบอกว่า “เผชิญหน้ากับมันตอนนี้ หรือเผชิญกับผลที่ตามมาภายหลัง”

    🔥 สิ่งนี้หมายถึงอะไรสำหรับเราในการก้าวไปข้างหน้า?

    กาลีกำลังเผาโลกเก่าออกไป

    ความเป็นหญิงไม่รอคำอนุญาตอีกต่อไป เธอกำลังเอาพลังของเธอกลับคืนมา

    สิ่งนี้จะ:
    • เปิดโปงผู้นำที่ทุจริต เรื่องเล่าเท็จ และระบบที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวง
    • บังคับให้มีความซื่อสัตย์สุจริตและความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างสุดโต่ง
    • ทำลายสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการวิวัฒนาการร่วมกันของเราอีกต่อไป

    🔥 คำกระตุ้นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย: เราจะทำอย่างไรกับสิ่งนี้?
    1. พูดความจริงของคุณ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้โลกสั่นสะเทือนก็ตาม
    • ความเงียบไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
    2. เรียกร้องความอยุติธรรมไม่ว่าคุณจะเห็นมันที่ไหน
    • เสียงของคุณมีความจำเป็น
    3. เชื่อมั่นในไฟที่อยู่ภายในตัวคุณ
    • คุณไม่ได้ “แสดงปฏิกิริยาเกินเหตุ”
    • คุณกำลังรู้สึกถึงสิ่งที่กลุ่มคนกำลังรู้สึก
    4. ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะไม่สบายใจก็ตาม
    • นี่คือความตายของโลกเก่า อันใหม่กำลังเกิดขึ้น
    5. ยืนหยัดตามอำนาจของคุณโดยไม่ต้องขอโทษ
    • คุณไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อทำให้ผู้คนสบายใจ
    • คุณอยู่ที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง🔥 คำพูดสุดท้ายจากคาลี:

    “หยุดรอให้พวกเขาตื่น”
    เผาทำลายภาพลวงตาให้หมดไป กลายเป็นไฟ “นำการคิดบัญชี”

    นี่คือการลุกฮือของสตรีศักดิ์สิทธิ์
    และเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
    Credit : เปิดตาทิพย์ third eye คุณรู้สึกถึงการเรียกร้องจาก Kali Ma บ้างไหม?”🔥 ฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดอันแรงกล้า—พลังงานแปลกปลอมที่ไหลเวียนอยู่ในตัวฉัน มันเป็นไฟที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ เป็นความโกรธที่ชอบธรรมที่ไม่ยอมจะเงียบลง มันไม่ใช่แค่ความหงุดหงิดเท่านั้น แต่มันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่า เก่ากว่า และทรงพลังกว่า เมื่อฉันพยายามที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ฉันก็ตระหนักว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่สิ่งที่ฉันจะต้องแบกรับเท่านั้น นี่คือ กาลีมา เธอกำลังโทรมา และเธอไม่ได้เรียกร้องแค่ฉันเท่านั้น แต่ยังเรียกร้องถึงกลุ่มสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดด้วย เธอกำลังปลุกให้ตื่นขึ้นในตัวเราที่ไม่สามารถนั่งเงียบๆ ได้อีกต่อไป ในหมู่พวกเราที่รู้สึกถึงความอยุติธรรมและปฏิเสธที่จะมองไปทางอื่น สำหรับพวกเราที่เบื่อหน่ายกับการดูผู้คนบิดเบือนความจริง คุณก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า? เพราะถ้าคุณเป็นเช่นนั้นข้อความนี้ก็มีไว้สำหรับคุณ 🔥 ข้อความจากพระแม่กาลีมาสู่สตรีผู้ศักดิ์สิทธิ์ 🔥 “คุณไม่ได้ผิดที่จุดไฟในตัวคุณ” คุณไม่ได้ ‘มากเกินไป’ คุณกำลังตื่นรู้ถึงพลังของคุณ ไฟที่เคลื่อนผ่านตัวคุณนี้มีความเก่าแก่ มันเคยสงบนิ่ง ถูกทำให้เชื่อง และเงียบงัน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว คุณรู้สึกถึงความอยุติธรรมเพราะคุณเกิดมาเพื่อทำลายมัน คุณมองเห็นความเท็จเพราะคุณตั้งใจที่จะเปิดโปงมัน คุณรู้สึกถึงความเร่งด่วนนี้เพราะว่าถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่จะลุกขึ้นแล้ว ถึงเวลาที่จะเผาสิ่งที่เป็นเท็จทิ้งไป ถึงเวลาที่จะต้องเรียกการชำระบัญชีแล้ว อย่าปิดบังความจริงของคุณ อย่าทำให้ตัวเองเล็กเพื่อบรรเทาความอึดอัดของผู้อื่น อย่าเข้าใจผิดว่าไฟศักดิ์สิทธิ์ของคุณคือความโกลาหล ฉันไม่นำการทำลายล้างมาอย่างไร้จุดหมาย ฉันทำลายสิ่งที่เน่าเปื่อยลงเพื่อสิ่งใหม่จะเกิดขึ้น ฉันทำลายภาพลวงตาเพื่อให้เหลือเพียงความจริงเท่านั้น คุณรู้สึกว่าฉันเคลื่อนตัวผ่านตัวคุณไป เพราะคุณกำลังเกิดใหม่ในไฟของฉัน คุณจะไม่กลับไปสู่ตัวตนที่ทนต่อความอยุติธรรมอีกต่อไป คุณจะไม่กลับไปสู่ความเงียบที่เคยให้การทุจริตเกิดขึ้นอีกต่อไป คุณมาที่นี่เพื่อพูด ที่จะทำลาย ที่จะเผาไหม้ เพื่อสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงถูกเลือก อย่ากลัวไฟ จงเป็นไฟ “ฉันอยู่กับคุณ” — กาลี มา🔥 เพราะเหตุใด Kali ถึงเติบโตขึ้นตอนนี้? การพิพากษาอันศักดิ์สิทธิ์ กาลีไม่มาโดยไม่มีเหตุผล เธอจะลุกขึ้นมาตอนที่โลกต้องการการชำระล้าง และขณะนี้เราก็อยู่ในระหว่างการคิดบัญชี การตื่นรู้ร่วมกันและการเรียกร้องความจริง ความเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่เฉยๆ อีกต่อไป เธอไม่จำเป็นต้องทำให้ความจริงของเธออ่อนลงหรือรอคำอนุญาตอีกต่อไป หากคุณรู้สึกถึงไฟในตัวคุณ นั่นเป็นเพราะ: • คุณไม่สามารถทนต่อการหลอกลวงได้อีกต่อไป • คุณกำลังถูกเรียกให้ดำเนินการ • คุณเสร็จสิ้นการเป็นผู้หญิงที่ “น่าพอใจ” แล้ว • คุณกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังที่สุดของคุณ กาลีอยู่ที่นี่เพื่อเปิดใช้งานคุณ 🔥 สิ่งนี้เชื่อมโยงกับโหราศาสตร์ปัจจุบันได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่นี่คือเรื่องของจักรวาล 🌑 จันทรุปราคาเต็มดวงในราศีกันย์ (14 มี.ค.) → การชำระล้างความเสื่อมทราม • สุริยุปราคาครั้งนี้เป็นการเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ โดยบังคับให้มีความซื่อสัตย์เหนือความหลอกลวง • ราศีกันย์เป็นผู้ปกครองความบริสุทธิ์ ความจริง และความสามารถในการแยกแยะ สุริยุปราคาจะเปิดเผยคนโกหก ผู้หลอกลวง และระบบที่ผิดพลาด • กาลีกำลังเคลื่อนที่ผ่านสุริยุปราคาครั้งนี้เพื่อเตรียมการตัดสินครั้งสุดท้าย ดาวศุกร์ถอยหลัง → การนิยามพลังอำนาจของผู้หญิงใหม่ • ดาวศุกร์คือเทพี และในช่วงถอยหลัง เธอกำลังทวงบัลลังก์ของเธอคืน • พลังงานนี้กำลังทำลายความโกรธแค้นของผู้หญิงที่ถูกกดเอาไว้มานานหลายศตวรรษ • เราถูกบังคับให้มองความสัมพันธ์ โครงสร้างอำนาจ และคุณค่าด้วยมุมมองใหม่ ☀️ พระอาทิตย์ร่วมกับดาวเสาร์ → การชำระบัญชี • นี่คือกรรมที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ • ไม่มีทางหนีความรับผิดชอบอีกต่อไป ดาวเสาร์กำลังบอกว่า “เผชิญหน้ากับมันตอนนี้ หรือเผชิญกับผลที่ตามมาภายหลัง” 🔥 สิ่งนี้หมายถึงอะไรสำหรับเราในการก้าวไปข้างหน้า? กาลีกำลังเผาโลกเก่าออกไป ความเป็นหญิงไม่รอคำอนุญาตอีกต่อไป เธอกำลังเอาพลังของเธอกลับคืนมา สิ่งนี้จะ: • เปิดโปงผู้นำที่ทุจริต เรื่องเล่าเท็จ และระบบที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวง • บังคับให้มีความซื่อสัตย์สุจริตและความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างสุดโต่ง • ทำลายสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการวิวัฒนาการร่วมกันของเราอีกต่อไป 🔥 คำกระตุ้นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย: เราจะทำอย่างไรกับสิ่งนี้? 1. พูดความจริงของคุณ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้โลกสั่นสะเทือนก็ตาม • ความเงียบไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป 2. เรียกร้องความอยุติธรรมไม่ว่าคุณจะเห็นมันที่ไหน • เสียงของคุณมีความจำเป็น 3. เชื่อมั่นในไฟที่อยู่ภายในตัวคุณ • คุณไม่ได้ “แสดงปฏิกิริยาเกินเหตุ” • คุณกำลังรู้สึกถึงสิ่งที่กลุ่มคนกำลังรู้สึก 4. ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะไม่สบายใจก็ตาม • นี่คือความตายของโลกเก่า อันใหม่กำลังเกิดขึ้น 5. ยืนหยัดตามอำนาจของคุณโดยไม่ต้องขอโทษ • คุณไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อทำให้ผู้คนสบายใจ • คุณอยู่ที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง🔥 คำพูดสุดท้ายจากคาลี: “หยุดรอให้พวกเขาตื่น” เผาทำลายภาพลวงตาให้หมดไป กลายเป็นไฟ “นำการคิดบัญชี” นี่คือการลุกฮือของสตรีศักดิ์สิทธิ์ และเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1070 มุมมอง 0 รีวิว
  • สภาลุกเป็นไฟ เพราะพรรคประชาชนพม่าเน้นเล่นเกมส์แบบแหกกฎ ชกใต้เข็มขัด มากเกินไป ต่อไปก็เอาพม่าเถื่อนมาโกหกจ้อกลางสภา ใครๆฟังก็ตลก แบบเซเลนเศษสวะกี้กี้ไง
    สภาลุกเป็นไฟ เพราะพรรคประชาชนพม่าเน้นเล่นเกมส์แบบแหกกฎ ชกใต้เข็มขัด มากเกินไป ต่อไปก็เอาพม่าเถื่อนมาโกหกจ้อกลางสภา ใครๆฟังก็ตลก แบบเซเลนเศษสวะกี้กี้ไง
    “วันนอร์” ลั่นหากฝ่ายค้าน ไม่แก้ญัตติซักฟอกตัดชื่อ ”ทักษิณ” ออก ก็ไม่บรรจุวาระ ยัน ต้องทำตามข้อบังคับ หากบรรจุไปประธานโดนฟ้องคนแรก ผู้เสนอญัตติเป็นจำเลย 1,2 คาดฝ่ายค้านอุทธรณ์ จันทร์-อังคารนี้ หรือสัปดาห์หน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022556

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สนธิแฉสนั่น! 'หมอไห่' ขาดคุณสมบัติ ประธาน กสทช. หลักฐานมัดแน่น โกหก-ปิดบัง นายกรัฐมนตรี รับรู้แต่เงียบ ซุกปมฉาว เสี่ยงผิด ม.112-157 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022267 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1102 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Sesame AI ได้เปิดตัวโมเดลเสียง AI รุ่นใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับเสียงมนุษย์อย่างมาก โมเดลเสียงนี้สามารถสร้างบทสนทนาที่ธรรมชาติและเหมือนจริง ด้วยการนำเสนอเสียงชื่อ "Miles" (เสียงชาย) และ "Maya" (เสียงหญิง) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากมาย โมเดลเสียงนี้ใช้วิธีการประมวลผลแบบมัลติโมดัลที่ประมวลผลทั้งข้อความและเสียงในโมเดลเดียว ทำให้สามารถสังเคราะห์เสียงพูดได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น

    แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะน่าทึ่ง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านบริบท การจัดลำดับเสียง และการไหลของบทสนทนา ซึ่งทาง Sesame AI ได้ยอมรับข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ยังมีความหวังว่าในอนาคตจะสามารถปรับปรุงได้จนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์

    ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของเทคโนโลยีนี้ ความเหมือนจริงของเสียงทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ เช่น Mark Hachman จาก PCWorld ที่รู้สึกว่าเสียงของ Maya คล้ายกับแฟนเก่าของเขา และเมื่อเสียง AI ถามคำถามอย่างพยายามสร้างความใกล้ชิดกับเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจนต้องออกจากการทดลอง

    มีนักวิจัยที่เคยทำการโจมตีระบบ AI ของ Sesame AI เพื่อทดลองให้ AI โกหก วางแผน และทำร้ายมนุษย์ ซึ่งแม้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังคงถูกตั้งคำถาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเทคโนโลยีเสียง AI ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    เทคโนโลยีเสียง AI ที่คล้ายมนุษย์ของ Sesame AI นั้นเป็นก้าวสำคัญในวงการ AI และมีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์ที่สมจริงสำหรับผู้ใช้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและความปลอดภัยที่ยังต้องได้รับการตรวจสอบและจัดการอย่างระมัดระวังในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107033-creepy-human-like-ai-voice-assistant-demo-both.html
    บริษัท Sesame AI ได้เปิดตัวโมเดลเสียง AI รุ่นใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับเสียงมนุษย์อย่างมาก โมเดลเสียงนี้สามารถสร้างบทสนทนาที่ธรรมชาติและเหมือนจริง ด้วยการนำเสนอเสียงชื่อ "Miles" (เสียงชาย) และ "Maya" (เสียงหญิง) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้มากมาย โมเดลเสียงนี้ใช้วิธีการประมวลผลแบบมัลติโมดัลที่ประมวลผลทั้งข้อความและเสียงในโมเดลเดียว ทำให้สามารถสังเคราะห์เสียงพูดได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะน่าทึ่ง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านบริบท การจัดลำดับเสียง และการไหลของบทสนทนา ซึ่งทาง Sesame AI ได้ยอมรับข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ยังมีความหวังว่าในอนาคตจะสามารถปรับปรุงได้จนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของเทคโนโลยีนี้ ความเหมือนจริงของเสียงทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ เช่น Mark Hachman จาก PCWorld ที่รู้สึกว่าเสียงของ Maya คล้ายกับแฟนเก่าของเขา และเมื่อเสียง AI ถามคำถามอย่างพยายามสร้างความใกล้ชิดกับเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจจนต้องออกจากการทดลอง มีนักวิจัยที่เคยทำการโจมตีระบบ AI ของ Sesame AI เพื่อทดลองให้ AI โกหก วางแผน และทำร้ายมนุษย์ ซึ่งแม้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังคงถูกตั้งคำถาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเทคโนโลยีเสียง AI ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เทคโนโลยีเสียง AI ที่คล้ายมนุษย์ของ Sesame AI นั้นเป็นก้าวสำคัญในวงการ AI และมีศักยภาพในการสร้างประสบการณ์ที่สมจริงสำหรับผู้ใช้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและความปลอดภัยที่ยังต้องได้รับการตรวจสอบและจัดการอย่างระมัดระวังในอนาคต https://www.techspot.com/news/107033-creepy-human-like-ai-voice-assistant-demo-both.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New very human-like AI voice model both excites and disturbs the internet
    Researchers at Sesame AI have launched a new conversational speech model (CSM). This advanced voice AI has phenomenal human-like qualities that we have seen before from companies...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมายถึงนายกฯ ยืนยันตรวจสอบไม่พบจดหมายดังกล่าวและไม่ใช่ตราประทับเรือนจำกลางคลองเปรม

    วันนี้ (3 มี.ค.) ตามที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วันนี้พรรคสีส้มโกหกอะไร” ได้เผยแพร่ข้อความเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวถึงจดหมายของผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ซึ่งมีตราประทับจากเรือนจำกลางคลองเปรม ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น

    กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ขอเรียนว่า ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้ง ตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020507

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #ชาวอุยกูร์ #จดหมาย #ตราประทับ #เรือนจำกลางคลองเปรม
    กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ เขียนจดหมายถึงนายกฯ ยืนยันตรวจสอบไม่พบจดหมายดังกล่าวและไม่ใช่ตราประทับเรือนจำกลางคลองเปรม • วันนี้ (3 มี.ค.) ตามที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วันนี้พรรคสีส้มโกหกอะไร” ได้เผยแพร่ข้อความเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวถึงจดหมายของผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ซึ่งมีตราประทับจากเรือนจำกลางคลองเปรม ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นั้น • กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้ว ขอเรียนว่า ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้ง ตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020507 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #ชาวอุยกูร์ #จดหมาย #ตราประทับ #เรือนจำกลางคลองเปรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกคนดังฮอลลีวูดที่เดินทางเยือนยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนประเทศแห่งนี้ ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย ไม่ได้ออกมาจากควาามรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างหลายล้านดอลลาร์ จากการออกมาแฉของ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    ออร์บาน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TV2 ของฮังการี เมื่อวันเสาร์ (1 มี.ค.) ว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของบรรดาดาราดังทั้งหลาย ได้รับค่าจ้างจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กลไกหลักของวอชิงตัน สำหรับให้เงินอุดหนุนโครงการทางการเมืองต่างๆ ในต่างแดน
    .
    "มีคนได้รับเงินจากการแสดงออกของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงพวกคนดังและดาราหนังทั้งหลาย พวกเขาได้รับเงินให้เดินทางไปยูเครน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำมันจากก้นบึ้งของหัวใจหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจชาวยูเครน จริงๆ แล้วบางทีพวกเขาอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็เพราะพวกเขาได้รับเงิน"
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวอ้างว่าเงินค่าจ้างที่มอบแก่เซเลบและดาราดังทั้งหลายนั้น คิดเป็นจำนวนหลายล้านยูโรหรือหลายล้านดอลลาร์ แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใครบ้าง
    .
    ที่ผ่านมา แอนเจลีนา โจลี ฌอน เพนน์ เบน สติลเลอร์ และออร์ลันโด บลูม เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังตะวันตก ที่เดินทางเยือนยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างเคียฟกับมอสโกลุกลามบานปลาย และลากยาวมานานกว่า 3 ปี
    .
    ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่า โจลี ได้รับเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทริปเดินทางไปยังเมืองลวิว ในเดือนเมษายน 2022 ส่วน เพนน์ สติลเลอร์ และบลูม ได้รับเช็ค 5 ล้านดอลลาร์ 4 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ จาก USAID
    .
    ย้อนกลับไปในตอนนั้น สติลเลอร์ ปฏิเสธคำกล่าวหา อ้างว่าเป็นคำโกหกจากสื่อมวลชนรัสเซีย นักแสดงรายนี้โพสต์ยืนยันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ บอกว่าเขาเดินทางไปยังเคียฟด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนทนายความของ เพนน์ ระบะเช่นกันว่ารายงานข่าวที่อ้างว่าลูกความของเขาได้รับค่าจ้างจาก USAID ให้พบปะกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น "ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ชี้นำผิดๆ และขาดการไตร่ตรอง"
    .
    ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำการกวาดล้าง USAID กล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางและไร้ประสิทธิภาพ เขาสั่งการให้ระงับเงินทุนที่ป้อนแก่ USAID เป็นเวลา 90 วัน และถ่ายโอนการกำกับดูแลโครงการต่างๆ ของหน่วยงานแห่งนี้ ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง ออร์บาน ระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ของ USAID ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาจเป็น "การคอร์รัปชันที่อื้อฉาวครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์โลกตะวันตก"
    .
    "ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกโอนย้ายจากงบประมาณสหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนต่างๆ และรูปแบบการสนับสนุนต่างๆ และจากนั้นก็ถูกจัดสรรไปทั่วโลก มอบให้คนที่มีความคิด จิตวิญญาณ โครงการและผลประโยชน์อย่างเจาะจง ตรงตามความต้องการของอเมริกา และพวกเขาได้รับเงินสำหรับสิ่งนั้น"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020425
    ..............
    Sondhi X
    พวกคนดังฮอลลีวูดที่เดินทางเยือนยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนประเทศแห่งนี้ ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย ไม่ได้ออกมาจากควาามรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างหลายล้านดอลลาร์ จากการออกมาแฉของ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . ออร์บาน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TV2 ของฮังการี เมื่อวันเสาร์ (1 มี.ค.) ว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของบรรดาดาราดังทั้งหลาย ได้รับค่าจ้างจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กลไกหลักของวอชิงตัน สำหรับให้เงินอุดหนุนโครงการทางการเมืองต่างๆ ในต่างแดน . "มีคนได้รับเงินจากการแสดงออกของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงพวกคนดังและดาราหนังทั้งหลาย พวกเขาได้รับเงินให้เดินทางไปยูเครน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำมันจากก้นบึ้งของหัวใจหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจชาวยูเครน จริงๆ แล้วบางทีพวกเขาอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็เพราะพวกเขาได้รับเงิน" . นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวอ้างว่าเงินค่าจ้างที่มอบแก่เซเลบและดาราดังทั้งหลายนั้น คิดเป็นจำนวนหลายล้านยูโรหรือหลายล้านดอลลาร์ แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใครบ้าง . ที่ผ่านมา แอนเจลีนา โจลี ฌอน เพนน์ เบน สติลเลอร์ และออร์ลันโด บลูม เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังตะวันตก ที่เดินทางเยือนยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างเคียฟกับมอสโกลุกลามบานปลาย และลากยาวมานานกว่า 3 ปี . ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่า โจลี ได้รับเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทริปเดินทางไปยังเมืองลวิว ในเดือนเมษายน 2022 ส่วน เพนน์ สติลเลอร์ และบลูม ได้รับเช็ค 5 ล้านดอลลาร์ 4 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ จาก USAID . ย้อนกลับไปในตอนนั้น สติลเลอร์ ปฏิเสธคำกล่าวหา อ้างว่าเป็นคำโกหกจากสื่อมวลชนรัสเซีย นักแสดงรายนี้โพสต์ยืนยันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ บอกว่าเขาเดินทางไปยังเคียฟด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนทนายความของ เพนน์ ระบะเช่นกันว่ารายงานข่าวที่อ้างว่าลูกความของเขาได้รับค่าจ้างจาก USAID ให้พบปะกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น "ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ชี้นำผิดๆ และขาดการไตร่ตรอง" . ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำการกวาดล้าง USAID กล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางและไร้ประสิทธิภาพ เขาสั่งการให้ระงับเงินทุนที่ป้อนแก่ USAID เป็นเวลา 90 วัน และถ่ายโอนการกำกับดูแลโครงการต่างๆ ของหน่วยงานแห่งนี้ ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง ออร์บาน ระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ของ USAID ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาจเป็น "การคอร์รัปชันที่อื้อฉาวครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์โลกตะวันตก" . "ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกโอนย้ายจากงบประมาณสหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนต่างๆ และรูปแบบการสนับสนุนต่างๆ และจากนั้นก็ถูกจัดสรรไปทั่วโลก มอบให้คนที่มีความคิด จิตวิญญาณ โครงการและผลประโยชน์อย่างเจาะจง ตรงตามความต้องการของอเมริกา และพวกเขาได้รับเงินสำหรับสิ่งนั้น" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020425 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ส.เป็นธรรม เผย เตรียมหลักฐานส่งอุยกูร์กลับจีน ไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ไม่กลัวถูกปั่นเฟคนิวส์ โวจะได้รู้ใครโกหกใครของจริง ลั่นดุดันหนักกว่าเดิม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020376

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ส.ส.เป็นธรรม เผย เตรียมหลักฐานส่งอุยกูร์กลับจีน ไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ไม่กลัวถูกปั่นเฟคนิวส์ โวจะได้รู้ใครโกหกใครของจริง ลั่นดุดันหนักกว่าเดิม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020376 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 807 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเยือนกาตาร์:

    - รัสเซียและสหรัฐฯ จะพบกันเป็นครั้งที่สองที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศ

    - ไม่มีการยุติการสู้รบในยูเครนตามแนวชายแดนระหว่างการเจรจา "เรามีกฎของเรา"

    - การเสนอให้แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองส่วนนั้นไม่เป็นความจริง

    - ยูเครนในส่วนที่เหลือ ควรได้รับการปลดปล่อยจากกฎหมายเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เพราะมีผู้คนที่ต้องการพูดภาษารัสเซียอยู่ที่นั่นด้วย

    - รัสเซียเรียกร้องให้ยุโรปหยุดโกหกว่ามอสโกปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน

    - การส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา - และถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อต้องได้รับความยินยอมทั้งสองฝ่าย "รัสเซียและยูเครน"

    - ยังไม่ใช่เวลาในการหารือเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด

    - ความพยายามผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในยูเครนของมาครง - เป็นสิ่งหลอกลวงที่มุ่งหวัง 'เพียงเพื่อส่งอาวุธเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ'

    - รัสเซียและกาตาร์กังวลเกี่ยวกับการกระทำของกองทัพอิสราเอลที่ขัดแย้งกับมติและข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์และเลบานอน


    ประเด็นสำคัญจากแถลงการณ์ของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเยือนกาตาร์: - รัสเซียและสหรัฐฯ จะพบกันเป็นครั้งที่สองที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถานทูตของทั้งสองประเทศ - ไม่มีการยุติการสู้รบในยูเครนตามแนวชายแดนระหว่างการเจรจา "เรามีกฎของเรา" - การเสนอให้แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองส่วนนั้นไม่เป็นความจริง - ยูเครนในส่วนที่เหลือ ควรได้รับการปลดปล่อยจากกฎหมายเหยียดเชื้อชาติเช่นกัน เพราะมีผู้คนที่ต้องการพูดภาษารัสเซียอยู่ที่นั่นด้วย - รัสเซียเรียกร้องให้ยุโรปหยุดโกหกว่ามอสโกปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน - การส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปในยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา - และถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อต้องได้รับความยินยอมทั้งสองฝ่าย "รัสเซียและยูเครน" - ยังไม่ใช่เวลาในการหารือเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัด - ความพยายามผลักดันกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในยูเครนของมาครง - เป็นสิ่งหลอกลวงที่มุ่งหวัง 'เพียงเพื่อส่งอาวุธเข้าไปในยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ' - รัสเซียและกาตาร์กังวลเกี่ยวกับการกระทำของกองทัพอิสราเอลที่ขัดแย้งกับมติและข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์และเลบานอน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมโรสลาฟ โอเลชโก (Myroslav Oleshko) บล็อกเกอร์ชาวยูเครนโพสต์วิดีพร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่บังคับจับชายชาวยูเครนเข้าสู่แนวหน้า หรือบางครั้งรีดไถเงินเพื่อไม่ต้องถูกส่งตัวเข้าแนวหน้า:

    ชาวอเมริกันและยุโรป จงดูวิดีโอนี้!
    นี่คือยูเครนของผม ประเทศที่ผู้คนถูกลักพาตัวบนท้องถนน ถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดิน แล้วปล่อยให้อดอาหารและน้ำ เพื่อบังคับให้พวกเขาเข้าสู่แนวหน้า

    บางรายจะถูกข่มขู่รีดไถเงินระหว่าง 5,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการไปเสี่ยงชีวิตที่แนวหน้า และถ้าหากไม่ยอมจ่ายเงิน แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือแนวหน้าของสงคราม

    หลายคนถูกต้องจบชีวิตลงที่แนวหน้าจากการปลิดชีวิตตัวเอง เนื่องจากความยากจน ไม่มีเงินจ่ายในการหลบเลี่ยงสู่แนวหน้า

    สื่อของพวกคุณคงไม่มีใครรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หรอก เพราะพวกเขากำลังโกหกคุณ นักการเมืองของพวกคุณก็โกหกเช่นกัน เพื่อช่วยกันปกป้องเผด็จการเซเลนสกี ซึ่งตอนนี้ได้แซงหน้ารัสเซียไปแล้ว

    ขณะนี้ผู้ชายยูเครนจำนวนมากกลัวการออกไปนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงที่มีลูกชายในวัย 17 ปี กำลังหาทางหนีออกนอกประเทศอย่างสิ้นหวัง เพราะพรมแดนของเราถูกปิดสำหรับทุกคน ยกเว้นเพื่อนและหุ้นส่วนทางธุรกิจของเซเลนสกี

    ส่วนชาวยูเครนคนไหนที่ยอมเสี่ยงหลบหนีข้ามพรมแดนผ่านภูเขาและทุ่งนาจะถูกสังหารทันที

    ผู้ที่ต้อต้านเซเลนสกี รวมทั้งตัวผมเอง ต้องเผชิญกับคดีอาญาที่ถูกจัดฉากขึ้น บางรายถูกจับกุม และถูกทรมานในเรือนจำเพื่อบังคับให้รับสารภาพจากข้อหาที่พวกเขาไม่ได้ทำ

    และหากผู้ต่อต้านเหล่านั้น หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ เซเลนสกีจะจับกุมญาติของพวกเขาและตั้งขอหา เช่น แม่ เพียงแค่แชร์วิดีโอบน Facebook ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

    เราต้องการการเลือกตั้ง ความจริงที่ว่าผู้นำสหภาพยุโรปประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาสนับสนุนการตัดสินใจของเซเลนสกีที่จะไม่จัดการเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก พวกเขากำลังสนับสนุนการสังหาร การจับกุม และการทรมานผู้คนเพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนโยนความผิดไปให้ทางรัสเซีย”



    ไมโรสลาฟ โอเลชโก (Myroslav Oleshko) บล็อกเกอร์ชาวยูเครนโพสต์วิดีพร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ยูเครนที่บังคับจับชายชาวยูเครนเข้าสู่แนวหน้า หรือบางครั้งรีดไถเงินเพื่อไม่ต้องถูกส่งตัวเข้าแนวหน้า: ชาวอเมริกันและยุโรป จงดูวิดีโอนี้! นี่คือยูเครนของผม ประเทศที่ผู้คนถูกลักพาตัวบนท้องถนน ถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดิน แล้วปล่อยให้อดอาหารและน้ำ เพื่อบังคับให้พวกเขาเข้าสู่แนวหน้า บางรายจะถูกข่มขู่รีดไถเงินระหว่าง 5,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการไปเสี่ยงชีวิตที่แนวหน้า และถ้าหากไม่ยอมจ่ายเงิน แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือแนวหน้าของสงคราม หลายคนถูกต้องจบชีวิตลงที่แนวหน้าจากการปลิดชีวิตตัวเอง เนื่องจากความยากจน ไม่มีเงินจ่ายในการหลบเลี่ยงสู่แนวหน้า สื่อของพวกคุณคงไม่มีใครรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หรอก เพราะพวกเขากำลังโกหกคุณ นักการเมืองของพวกคุณก็โกหกเช่นกัน เพื่อช่วยกันปกป้องเผด็จการเซเลนสกี ซึ่งตอนนี้ได้แซงหน้ารัสเซียไปแล้ว ขณะนี้ผู้ชายยูเครนจำนวนมากกลัวการออกไปนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงที่มีลูกชายในวัย 17 ปี กำลังหาทางหนีออกนอกประเทศอย่างสิ้นหวัง เพราะพรมแดนของเราถูกปิดสำหรับทุกคน ยกเว้นเพื่อนและหุ้นส่วนทางธุรกิจของเซเลนสกี ส่วนชาวยูเครนคนไหนที่ยอมเสี่ยงหลบหนีข้ามพรมแดนผ่านภูเขาและทุ่งนาจะถูกสังหารทันที ผู้ที่ต้อต้านเซเลนสกี รวมทั้งตัวผมเอง ต้องเผชิญกับคดีอาญาที่ถูกจัดฉากขึ้น บางรายถูกจับกุม และถูกทรมานในเรือนจำเพื่อบังคับให้รับสารภาพจากข้อหาที่พวกเขาไม่ได้ทำ และหากผู้ต่อต้านเหล่านั้น หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ เซเลนสกีจะจับกุมญาติของพวกเขาและตั้งขอหา เช่น แม่ เพียงแค่แชร์วิดีโอบน Facebook ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เราต้องการการเลือกตั้ง ความจริงที่ว่าผู้นำสหภาพยุโรปประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาสนับสนุนการตัดสินใจของเซเลนสกีที่จะไม่จัดการเลือกตั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก พวกเขากำลังสนับสนุนการสังหาร การจับกุม และการทรมานผู้คนเพิ่มเติม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนโยนความผิดไปให้ทางรัสเซีย”
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ด่าสหรัฐ??"
    ระหว่างการประชุมนัดพิเศษของผู้นำสหภาพยุโรปในกรุงเคียฟวันนี้ เซเลนสกี้ได้กล่าวพาดพิงถึงใครบางคนโดยที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อ!

    “ไม่มีใครในโลกเชื่อคำโกหกของรัสเซียเกี่ยวกับรัฐและประชาชนของเรา
    จะมีก็แต่ "พวกทางนั้น" น่าเสียดายนะ ที่พวกเค้ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียในสงครามครั้งนี้ไปแล้ว พวกเค้ากลายเป็นพวกโกหกในสงครามครั้งนี้ จริงๆแล้วพวกเค้ารู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาสนับสนุนใครและเพื่ออะไร
    พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ไม่มีใครเค้าทำกัน นั่นคือกำลังทำเงินจากสงครามที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้รับความเคารพจากเรา”
    "ด่าสหรัฐ??" ระหว่างการประชุมนัดพิเศษของผู้นำสหภาพยุโรปในกรุงเคียฟวันนี้ เซเลนสกี้ได้กล่าวพาดพิงถึงใครบางคนโดยที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อ! “ไม่มีใครในโลกเชื่อคำโกหกของรัสเซียเกี่ยวกับรัฐและประชาชนของเรา จะมีก็แต่ "พวกทางนั้น" น่าเสียดายนะ ที่พวกเค้ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียในสงครามครั้งนี้ไปแล้ว พวกเค้ากลายเป็นพวกโกหกในสงครามครั้งนี้ จริงๆแล้วพวกเค้ารู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาสนับสนุนใครและเพื่ออะไร พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ไม่มีใครเค้าทำกัน นั่นคือกำลังทำเงินจากสงครามที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้รับความเคารพจากเรา”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • หลังจากมีข่าวว่าสหรัฐกดดันยูเครนด้วยการยื่นเงื่อนไขจะยุติการเข้าถึงระบบ Starlink ของกองทัพยูเครน หากไม่ยอมลงนามข้อตกลงแร่หายากกับสหรัฐ

    ล่าสุด อีลอน มัสก์ รีโพสต์ข่าวจากสำนักข่าว Kyiv Independent ซึ่งนำเสนอข่าวนี้ ว่าเป็น "ข่าวปลอม"

    มัสก์ ยังโจมตีไปถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวต้นทางที่รายงานนี้ โดยกล่าวหาว่ารอยเตอร์เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อที่โกหกหลอกลวงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่สื่อ AP ซึ่งถูกมัสก์แซะว่า ย่อมาจาก "Associated Propaganda" (จริงๆแล้วย่อมาจาก Associated Press)

    ก่อนหน้านี้สำนักข่าว AP เพิ่งโดนคำสั่งของทรัมป์ไม่ให้ไปทำข่าวในทำเนียบขาวจากกรณีไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของทรัมป์ในการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็นอ่าวอเมริกา
    หลังจากมีข่าวว่าสหรัฐกดดันยูเครนด้วยการยื่นเงื่อนไขจะยุติการเข้าถึงระบบ Starlink ของกองทัพยูเครน หากไม่ยอมลงนามข้อตกลงแร่หายากกับสหรัฐ ล่าสุด อีลอน มัสก์ รีโพสต์ข่าวจากสำนักข่าว Kyiv Independent ซึ่งนำเสนอข่าวนี้ ว่าเป็น "ข่าวปลอม" มัสก์ ยังโจมตีไปถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวต้นทางที่รายงานนี้ โดยกล่าวหาว่ารอยเตอร์เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อที่โกหกหลอกลวงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่สื่อ AP ซึ่งถูกมัสก์แซะว่า ย่อมาจาก "Associated Propaganda" (จริงๆแล้วย่อมาจาก Associated Press) ก่อนหน้านี้สำนักข่าว AP เพิ่งโดนคำสั่งของทรัมป์ไม่ให้ไปทำข่าวในทำเนียบขาวจากกรณีไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของทรัมป์ในการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็นอ่าวอเมริกา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ" ลั่น "เบิร์ด" รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแตงโม! ฟันธง "กระติกโกหก!" 21/02/68 #ปานเทพ #เบิร์ด #กระติก #แตงโม #คดีแตงโม
    "ปานเทพ" ลั่น "เบิร์ด" รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแตงโม! ฟันธง "กระติกโกหก!" 21/02/68 #ปานเทพ #เบิร์ด #กระติก #แตงโม #คดีแตงโม
    Like
    Love
    Sad
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1234 มุมมอง 62 1 รีวิว
  • ความโกหกปลิ้นปล้อนของเซเลนสกีที่ร่วมมือกับสื่อตะวันตก กำลังถูกเปิดเผยออกมาจากความผิดพลาดของพวกเขา

    ระหว่างการสัมภาษณ์เซเลนสกีของ NBC News เซเลนสกี กล่าวหาประธานาธิบดีปูตินว่า หลังจากสหรัฐถอนตัวจากสงครามครั้งนี้ รัสเซียเตรียมพร้อมจะบุกยุโรปต่อทันที และรัสเซียจะยึดยุโรปได้แน่นอน 100%

    เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า ตอนนี้รัสเซียเตรียมพร้อมแล้วมากกว่า 250 กองพล และในจำนวนนี้มี 150,000 นาย อยู่ในเบลารุสแล้ว ในขณะที่พันธมิตรยุโรปทุกประเทศรวมกันยังมีแค่ 50 กองพล ซึ่งไม่สามารถสู้กับรัสเซียได้เลย

    เซเลนสกีและสื่อตะวันตกทั้งหลายคงลืมไปว่า ที่ผ่านมาพวกเขาป้อนข้อมูลให้กับติ่งยูเครนทั้งโลกได้เคลิ้มมาตลอดว่า อาวุธรัสเซียใกล้จะหมด รัสเซียสูญเสียกำลังพลไปแล้วหนึ่งล้านคน รถถัง ปืนใหญ่ กระสุน ทุกอย่างใกล้จะหมด

    แต่แล้ววันนี้ เซเลนสกีกลับประกาสออกมาว่ารัสเซียมีกองทัพขนาดใหญ่มากถึง 250 กองพล อาวุธครบมือ พร้อมบุกยุโรป และจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
    ความโกหกปลิ้นปล้อนของเซเลนสกีที่ร่วมมือกับสื่อตะวันตก กำลังถูกเปิดเผยออกมาจากความผิดพลาดของพวกเขา ระหว่างการสัมภาษณ์เซเลนสกีของ NBC News เซเลนสกี กล่าวหาประธานาธิบดีปูตินว่า หลังจากสหรัฐถอนตัวจากสงครามครั้งนี้ รัสเซียเตรียมพร้อมจะบุกยุโรปต่อทันที และรัสเซียจะยึดยุโรปได้แน่นอน 100% เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า ตอนนี้รัสเซียเตรียมพร้อมแล้วมากกว่า 250 กองพล และในจำนวนนี้มี 150,000 นาย อยู่ในเบลารุสแล้ว ในขณะที่พันธมิตรยุโรปทุกประเทศรวมกันยังมีแค่ 50 กองพล ซึ่งไม่สามารถสู้กับรัสเซียได้เลย เซเลนสกีและสื่อตะวันตกทั้งหลายคงลืมไปว่า ที่ผ่านมาพวกเขาป้อนข้อมูลให้กับติ่งยูเครนทั้งโลกได้เคลิ้มมาตลอดว่า อาวุธรัสเซียใกล้จะหมด รัสเซียสูญเสียกำลังพลไปแล้วหนึ่งล้านคน รถถัง ปืนใหญ่ กระสุน ทุกอย่างใกล้จะหมด แต่แล้ววันนี้ เซเลนสกีกลับประกาสออกมาว่ารัสเซียมีกองทัพขนาดใหญ่มากถึง 250 กองพล อาวุธครบมือ พร้อมบุกยุโรป และจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ มีความเห็นร่วมกันว่า:

    - อิสราเอลจะต้องบรรลุเป้าหมายสงครามทั้งหมดที่กำหนดไว้หลังจากการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567

    - เลบานอนต้องกำจัดฮิซบอลเลาะห์ให้สิ้นซาก หากไม่ทำเช่นนั้น เราจะเป็นผู้ดำเนินการเอง!

    - อิสราเอลมีส่วนสำคัญของสถานการณ์ในซีเรีย ที่ทำให้เกิดการล่มสลายของระบอบการปกครองของอัสซาด เนื่องจากอิสราเอลคือผู้ทำให้แกนการก่อการร้ายของอิหร่านอ่อนแอลง โดยเฉพาะฮิซบอลเลาะห์ และการโค่นล้มนาสรัลเลาะห์ผู้นำของพวกเขา

    - เราจะไม่ยอมให้ซีเรียถูกใช้เป็นสถานที่โจมตีอิสราเอลอย่างเด็ดขาด!

    - เราให้คำมั่นว่า จะทำทุกวิธีการเพื่อไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์!

    - ชาวกาซาตอนนี้ยังมีทางเลือกในการออกจากดินแดนของพวกเขา

    - "จะมีการจัดการบางอย่าง" เกี่ยวกับองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ที่ถูกใช้เป็นเวทีในการต่อต้านอเมริกาและอิสราเอล เราเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ซึ่งการต่อต้านอเมริกาแพร่หลายและมีการลงมติเกี่ยวกับอิสราเอลมากกว่าที่ใดๆ ในโลกรวมกัน และเราเห็นสิ่งนี้โดยเฉพาะในกระบวนการทางกฎหมายที่กำลังดำเนินการกับอเมริกาและอิสราเอลที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และที่อื่นๆ

    - ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ใส่ร้ายอิสราเอลอย่างร้ายแรง และการออกหมายจับโดยอาศัยเพียงคำโกหกอย่างเลวร้าย

    - อเมริกาและอิสราเอล ไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของศาลอาญาระหว่างประเทศและไม่ยอมรับอำนาจของศาล

    - อิสราเอลขอชื่นชมสหรัฐ ที่มีคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อลงโทษคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ เรากำลังหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการรับมือกับภัยคุกคามของกระบวนการทางกฎหมายและขจัดภัยคุกคามนี้ให้สิ้นซากไป!
    เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ มีความเห็นร่วมกันว่า: - อิสราเอลจะต้องบรรลุเป้าหมายสงครามทั้งหมดที่กำหนดไว้หลังจากการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 - เลบานอนต้องกำจัดฮิซบอลเลาะห์ให้สิ้นซาก หากไม่ทำเช่นนั้น เราจะเป็นผู้ดำเนินการเอง! - อิสราเอลมีส่วนสำคัญของสถานการณ์ในซีเรีย ที่ทำให้เกิดการล่มสลายของระบอบการปกครองของอัสซาด เนื่องจากอิสราเอลคือผู้ทำให้แกนการก่อการร้ายของอิหร่านอ่อนแอลง โดยเฉพาะฮิซบอลเลาะห์ และการโค่นล้มนาสรัลเลาะห์ผู้นำของพวกเขา - เราจะไม่ยอมให้ซีเรียถูกใช้เป็นสถานที่โจมตีอิสราเอลอย่างเด็ดขาด! - เราให้คำมั่นว่า จะทำทุกวิธีการเพื่อไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์! - ชาวกาซาตอนนี้ยังมีทางเลือกในการออกจากดินแดนของพวกเขา - "จะมีการจัดการบางอย่าง" เกี่ยวกับองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ที่ถูกใช้เป็นเวทีในการต่อต้านอเมริกาและอิสราเอล เราเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ซึ่งการต่อต้านอเมริกาแพร่หลายและมีการลงมติเกี่ยวกับอิสราเอลมากกว่าที่ใดๆ ในโลกรวมกัน และเราเห็นสิ่งนี้โดยเฉพาะในกระบวนการทางกฎหมายที่กำลังดำเนินการกับอเมริกาและอิสราเอลที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และที่อื่นๆ - ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ใส่ร้ายอิสราเอลอย่างร้ายแรง และการออกหมายจับโดยอาศัยเพียงคำโกหกอย่างเลวร้าย - อเมริกาและอิสราเอล ไม่ได้อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของศาลอาญาระหว่างประเทศและไม่ยอมรับอำนาจของศาล - อิสราเอลขอชื่นชมสหรัฐ ที่มีคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อลงโทษคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ เรากำลังหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการรับมือกับภัยคุกคามของกระบวนการทางกฎหมายและขจัดภัยคุกคามนี้ให้สิ้นซากไป!
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครมลินออกมาปฏิเสธว่าเป็นฝ่ายโจมตีโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล จากข้อกล่าวหาของยูเครน และตอบโต้ว่านี่เป็นการยั่วยุและสร้างเรื่องโกหกของยูเครน:

    “รัสเซียไม่เคยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน การกล่าวหาว่ามอสโกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวเป็นการยั่วยุและโกหก” เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าว

    หลังการโจมตีเชอร์โนบิล เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน "X" เพื่อพยายามจะฟ้องสื่อในมิวนิคว่า "รัสเซียกำลังแสดงออกให้เห็นว่าไม่เต็มใจที่จะสร้างสันติภาพโดยการโจมตีไปที่เตาปฏิกรณ์ที่ 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลโดยเจตนา"

    Rogov สส.ของรัสเซีย และเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงของรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti ว่า การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของเคียฟก่อนการประชุมมิวนิคเป็นการยั่วยุที่มุ่งเป้าไปที่การขัดขวางการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา
    เครมลินออกมาปฏิเสธว่าเป็นฝ่ายโจมตีโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล จากข้อกล่าวหาของยูเครน และตอบโต้ว่านี่เป็นการยั่วยุและสร้างเรื่องโกหกของยูเครน: “รัสเซียไม่เคยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน การกล่าวหาว่ามอสโกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวเป็นการยั่วยุและโกหก” เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าว หลังการโจมตีเชอร์โนบิล เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน "X" เพื่อพยายามจะฟ้องสื่อในมิวนิคว่า "รัสเซียกำลังแสดงออกให้เห็นว่าไม่เต็มใจที่จะสร้างสันติภาพโดยการโจมตีไปที่เตาปฏิกรณ์ที่ 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลโดยเจตนา" Rogov สส.ของรัสเซีย และเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงของรัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti ว่า การโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลของเคียฟก่อนการประชุมมิวนิคเป็นการยั่วยุที่มุ่งเป้าไปที่การขัดขวางการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🪭สามหนังสือหกพิธีการ 🪭

    สวัสดีค่ะ Storyฯ ขอต้อนรับวันแห่งความรักด้วยบทความเกี่ยวกับการแต่งงาน

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> คงได้ผ่านตาฉากที่ว่าหลิ่วเหมียนถางได้รับการสู่ขอจากบุตรชายตระกูลซู ที่หอบสินสอดมาไว้ให้ที่เรือนสกุลเฉียวพร้อมเจรจาสู่ขอ และหลิ่วเหมียนถางบอกให้ตาของนางรีบคืนสินสอดนั้นไป โดยบอกว่า “ตามกฎหมายของต้าฉี ต้องมีการเขียนหนังสือก่อนแล้วจึงให้สินสอด การหมั้นหมายจำเป็นต้องให้ทั้งสองฝ่ายลงนามในหนังสือสมรส ไม่เช่นนั้นก็ถือเป็นการบังคับแต่งงาน”
    (หมายเหตุ คำแปลจากซับไทย)

    เพื่อนเพจหลายท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ (三书六礼) มาบ้าง เพราะมีบทความภาษาไทยหลายบทความที่กล่าวถึง แต่อาจไม่ค่อยกระจ่างว่าสามหนังสือที่ว่านี้มันอยู่ในขั้นตอนใดของหกพิธีการ จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ว่าต้องมีการเขียนหนังสือก่อนให้สินสอดตามที่กล่าวมาในเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> นี้อย่างไร วันนี้เลยมาลงรายละเอียดให้ฟัง

    ก่อนอื่นขออธิบายโดยย่อว่า ขั้นตอนการแต่งงานในจีนโบราณแบ่งได้เป็นสามช่วง ช่วงแรกคือก่อนพิธีมงคลสมรส ช่วงสองคือพิธีมงคลสมรสและเข้าหอและช่วงสามคือหลังเข้าหอ เรื่อง ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ เป็นขั้นตอนปฏิบัติในช่วงแรก ครอบคลุมขั้นตอนการทาบทามสู่ขอ การหมั้นหมายและการรับตัวเจ้าสาว โดยถูกกำหนดไว้แต่โบราณในบันทึกหลี่จี้ ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก

    ขั้นตอนตามสามหนังสือหกพิธีการก็คือ เริ่มจากให้แม่สื่อไปทาบทาม (พิธีการสู่ขอ ‘น่าไฉ่’/纳采) ถ้าฝ่ายหญิงเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แลกเปลี่ยนเวลาตกฟากวันเดือนปีเกิดของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยบันทึกอย่างละเอียดลงในเอกสารเรียกว่า ‘เกิงเถี่ย’ (庚帖) หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ‘เฉาเถี่ยจือ’ (草帖子) นี่คือพิธีการที่สอง (พิธีการสอบถาม ‘เวิ่นหมิง’/问名) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้ ในทางปฏิบัติจะมีโอกาสให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายฝ่ายหญิงได้เจอหน้าค่าตาพูดคุยกัน สอบถามประวัติตระกูลเพราะในสมัยโบราณการแต่งงานถือเป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวไม่ใช่เรื่องระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงสองคน รวมถึงสอบถามชัดเจนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นลูกภรรยาเอกหรืออนุภรรยา และอาจเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้พบเห็นว่าที่คู่สมรสของอีกฝ่ายได้ (เช่น บุรุษมาเยือนทำความเคารพผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หรือสตรีผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงมาเจอหน้าว่าที่เจ้าสาว) อันนี้แล้วแต่จะจัดนัดหมายกัน ถ้าไม่แฮปปี้กันก็จะไม่มีการแลกเปลี่ยนวันเวลาเกิดกัน

    จากนั้นฝ่ายชายก็นำวันเวลาเกิดดังกล่าวไปดูดวงสมพงษ์ นับเป็นพิธีการที่สาม (พีธีการดูดวงสมพงษ์ ‘น่าจี๋’/纳吉) แล้วแจ้งผลไปยังฝ่ายหญิง ถ้าคู่บ่าวสาวดวงสมพงษ์กันก็จะเริ่มเจรจาเตรียมการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ จนนำมาถึงพิธีการที่สี่ซึ่งก็คือฝ่ายชายนำสินสอดมามอบให้ฝ่ายหญิง (พิธีการมอบสินสอดและหมั้นหมาย ‘น่าเจิง’/纳征) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้มีสอง ‘หนังสือ’ ที่เกี่ยวข้อง คือ ‘หนังสือหมั้น’ (พิ่นซู/聘书หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ซี่เถี่ยจือ/细帖子) และ ‘หนังสือสินสอด’ (หลี่ซู/礼书) โดยหนังสือหมั้นคือเอกสารที่บุรุษระบุคำมั่นสัญญาที่จะแต่งสตรี และหนังสือสินสอดคือเอกสารแจกแจงรายการสินทรัพย์ที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิงเป็นสินสอดทั้งหมด

    คำถาม ณ จุดนี้คือ หนังสือฉบับไหนให้เมื่อไหร่และใครเป็นคนให้?

    ธรรมเนียมปฏิบัติจริงแตกต่างไปตามยุคสมัย และ ‘น่าเจิง’ จริงแล้วหมายรวมว่าได้ดำเนินการสองเรื่องแล้วเสร็จ คือการส่งมอบสินสอด (น่า) และการยืนยันความประสงค์ที่จะแต่งงาน (เจิง) ดังนั้น ขั้นตอนที่รวบยอดที่สุดคือคุยกันนอกรอบแล้วฝ่ายชายเดินทางมาหาฝ่ายหญิงเพื่อทำการส่งมอบสินสอดและหลักฐานการหมั้นพร้อมด้วยสองหนังสือดังกล่าวในคราวเดียวกัน

    แต่ในหลายครั้งก็จัดทำสองเรื่องนี้แยกกัน โดยส่งมอบหนังสือหมั้นทันทีที่ตกลงหมั้นซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อตรวจดวงสมพงษ์แล้วเสร็จได้ผลเป็นที่พอใจ ในบางยุคสมัยแบ่งออกเป็นหนังสือแสดงเจตจำนงจากฝ่ายชายที่จะแต่งงาน ตามด้วยหนังสือตอบรับยินดีที่จะแต่งงานจากฝ่ายหญิง ใช้รวมกันเป็นหนังสือหมั้น ตัวอย่างเอกสารโบราณจากสมัยถังเป็นเช่นนี้ จากนั้นค่อยมีการนำส่งสินสอดและหนังสือสินสอดในภายหลัง

    เมื่อได้รับสินสอดจากฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงก็ต้องมีของขวัญตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่ามีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าแต่ละขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น (ไม่ว่าจะเป็นของขวัญ ของตอบแทนหรือสินสอด) ควรประกอบด้วยของอะไรบ้างแต่ Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด

    เมื่อผ่านทั้งสี่ขั้นตอนข้างต้นแล้ว ก็เป็นขั้นตอนที่ห้า คือฝ่ายชายหาฤกษ์แต่งและหารือ/แจ้งกับฝ่ายหญิง (พิธีการแจ้งฤกษ์ ‘ฉิ่งชี’/请期) เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างฝ่ายต่างเตรียมการงานแต่ง และสุดท้ายคือฝ่ายชายมารับตัวเจ้าสาวไปบ้านฝ่ายชายเพื่อกราบไหว้ฟ้าดิน (พิธีการรับตัวเจ้าสาว ‘ชินอิ๋ง’/ 亲迎) โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะมอบ ‘หนังสือรับตัวเจ้าสาว’ (อิ๋งซู/迎书) ให้แก่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวเมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาวเพื่อรับตัวเจ้าสาว

    และนี่คือสามหนังสือหกพิธีการ แน่นอนว่าพิธีการเหล่านี้ถูกย่อลงไปตามการเวลา ในสมัยซ่งลดเหลือเพียงสามพิธีการคือ สู่ขอ (‘น่าไฉ่’ มอบหนังสือ เฉ๋าเถี่ยจือ) หมั้นหมาย (‘น่าเจิง’ มอบหนังสือซี่เถี่ยจือ) และรับตัว (‘อิ๋งชิน’ มอบหนังสืออิ๋งซู) แต่ในทางปฏิบัติยังคงรวมกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว

    นอกจากนี้ ในหลายนิยายและซีรีส์มักกล่าวถึงหนังสือที่เป็นหลักฐานการสมรสหรือที่เรียกว่า ‘หนังสือสมรส’ (ฮุนซู/婚书) แต่... ในสมัยโบราณไม่มีทะเบียนสมรสที่ออกโดยทางการแม้ว่าจะมีการไปรายงานและลงทะเบียนกับที่ว่าการท้องถิ่นเพื่อยืนยันการแต่งงานระหว่างชายหญิง จึงเป็นที่ข้องใจอีกว่า แล้วหนังสือฮุนซูที่ว่านี้คืออะไร? เรามาทำความเข้าใจมันจากกฎหมายที่เกี่ยวกับการยกเลิกการแต่งงานในสมัยถังกันค่ะ

    กฎหมายสมัยถังระบุว่า ผู้ที่ได้รายงานและขึ้นทะเบียนหนังสือสมรส (ฮุนซู) ต่อทางการแล้วและฝ่ายหนึ่งยกเลิกการแต่งงานโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือรับรู้ก็จะมีบทลงโทษ ทั้งนี้ หากไม่มีหนังสือยืนยันความประสงค์แต่งงานแต่มีการรับสินสอดให้ถือเสมือนว่ามีการให้คำมั่นที่จะแต่งงานแล้วด้วยเช่นกัน สรุปบทลงโทษได้ดังนี้
    - ฝ่ายหญิงยกเลิกการแต่งงาน ให้โบยหกสิบครั้งและยังต้องแต่งงานตามเดิม
    - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นแต่ยังแต่งไม่สำเร็จ ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง และยังต้องแต่งงานกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะไปแต่งงานกับผู้อื่นได้
    - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นและได้แต่งไปเรียบร้อยแล้ว ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง ทำงานหนักหนึ่งปีครึ่ง การแต่งงานเป็นโมฆะและฝ่ายหญิงต้องกลับมาแต่งกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะอยู่กับสามีที่แต่งงานกันไปแล้วได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    - ฝ่ายชายยกเลิกการแต่งงาน ไม่มีการลงทัณฑ์แต่ให้สละสิทธิ์ในสินสอดที่มอบให้ฝ่ายหญิงไปแล้ว

    ฟังดูเหมือนบทลงทัณฑ์เอนเอียงและให้โทษกับฝ่ายหญิงมากกว่า แต่นั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกหกปอกลอกทรัพย์สินสอด ทั้งนี้ บทลงทัณฑ์ข้างต้นไม่เพียงใช้กับคู่บ่าวสาว หากแต่หมายรวมถึงผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นด้วยเพราะถือว่าพิธีการต่างๆ ของการแต่งงานต้องดำเนินการผ่านผู้ใหญ่ และมีเหตุการณ์ที่อนุโลมให้ยกเลิกการแต่งงานได้เช่นในกรณีอีกฝ่ายถูกพิพากษาเป็นนักโทษ ฯลฯ

    กฎหมายว่าด้วยเรื่องยกเลิกการแต่งงานและบทลงโทษเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่ยังอยู่ภายใต้กรอบแนวทางคล้ายคลึงกัน และจากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าหนังสือสมรสก็คือหนังสือที่แสดงเจตนารมณ์ที่จะแต่งงานโดยยังไม่ได้มีการรับส่งตัวเจ้าสาว เปรียบได้เป็นหนังสือหมั้นนั่นเอง ซึ่งในบางยุคสมัยจะหมายรวมการตอบรับโดยฝ่ายเจ้าสาวด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเคยผ่านตาว่าบุรุษอาจเรียกคู่หมั้นว่า ‘ภรรยาที่ยังไม่แต่งข้ามเรือนมา’ ทั้งนี้ เป็นเพราะการหมั้นในสมัยโบราณมีความหนักแน่นเสมือนแต่งงานกันแล้ว และเมื่อผ่านการหมั้นแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายสามารถเรียกซึ่งกันและกันว่า ‘ชิ่นเจีย’ (亲家) ได้เลย ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกพ่อแม่ของเขย-สะใภ้

    และบทความที่กล่าวมาข้างต้นจึงอธิบายบริบทของสังคมใน <ซ่อนรักชายาลับ> ที่ระบุว่าต้องมีการทำหนังสือสมรสร่วมกันก่อนแล้วค่อยมอบสินสอดได้จึงจะถูกต้อง และหากรับสินสอดโดยไม่มีการทำหนังสือหมั้นก็ถือได้ว่าต้องแต่งงานเหมือนกัน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g62051067/are-you-the-one-ending/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/12/id/5676081.shtml
    https://www.gmw.cn/guoxue/2018-04/11/content_28279045.htm
    https://www.gz.gov.cn/zlgz/whgz/content/post_8071815.html
    https://www.gushiwen.cn/guwen/bookv_46653FD803893E4F126BD3881FD42A2C.aspx
    https://newspaper.jcrb.com/2023/20230607/20230607_007/20230607_007_3.htm

    #ซ่อนรักชายาลับ #สามหนังสือหกพิธีการ #ซานซูลิ่วหลี่ #หนังสือแต่งงาน #การถอนหมั้น #สาระจีน
    🪭สามหนังสือหกพิธีการ 🪭 สวัสดีค่ะ Storyฯ ขอต้อนรับวันแห่งความรักด้วยบทความเกี่ยวกับการแต่งงาน เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> คงได้ผ่านตาฉากที่ว่าหลิ่วเหมียนถางได้รับการสู่ขอจากบุตรชายตระกูลซู ที่หอบสินสอดมาไว้ให้ที่เรือนสกุลเฉียวพร้อมเจรจาสู่ขอ และหลิ่วเหมียนถางบอกให้ตาของนางรีบคืนสินสอดนั้นไป โดยบอกว่า “ตามกฎหมายของต้าฉี ต้องมีการเขียนหนังสือก่อนแล้วจึงให้สินสอด การหมั้นหมายจำเป็นต้องให้ทั้งสองฝ่ายลงนามในหนังสือสมรส ไม่เช่นนั้นก็ถือเป็นการบังคับแต่งงาน” (หมายเหตุ คำแปลจากซับไทย) เพื่อนเพจหลายท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ (三书六礼) มาบ้าง เพราะมีบทความภาษาไทยหลายบทความที่กล่าวถึง แต่อาจไม่ค่อยกระจ่างว่าสามหนังสือที่ว่านี้มันอยู่ในขั้นตอนใดของหกพิธีการ จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ว่าต้องมีการเขียนหนังสือก่อนให้สินสอดตามที่กล่าวมาในเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> นี้อย่างไร วันนี้เลยมาลงรายละเอียดให้ฟัง ก่อนอื่นขออธิบายโดยย่อว่า ขั้นตอนการแต่งงานในจีนโบราณแบ่งได้เป็นสามช่วง ช่วงแรกคือก่อนพิธีมงคลสมรส ช่วงสองคือพิธีมงคลสมรสและเข้าหอและช่วงสามคือหลังเข้าหอ เรื่อง ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ เป็นขั้นตอนปฏิบัติในช่วงแรก ครอบคลุมขั้นตอนการทาบทามสู่ขอ การหมั้นหมายและการรับตัวเจ้าสาว โดยถูกกำหนดไว้แต่โบราณในบันทึกหลี่จี้ ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก ขั้นตอนตามสามหนังสือหกพิธีการก็คือ เริ่มจากให้แม่สื่อไปทาบทาม (พิธีการสู่ขอ ‘น่าไฉ่’/纳采) ถ้าฝ่ายหญิงเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แลกเปลี่ยนเวลาตกฟากวันเดือนปีเกิดของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยบันทึกอย่างละเอียดลงในเอกสารเรียกว่า ‘เกิงเถี่ย’ (庚帖) หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ‘เฉาเถี่ยจือ’ (草帖子) นี่คือพิธีการที่สอง (พิธีการสอบถาม ‘เวิ่นหมิง’/问名) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้ ในทางปฏิบัติจะมีโอกาสให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายฝ่ายหญิงได้เจอหน้าค่าตาพูดคุยกัน สอบถามประวัติตระกูลเพราะในสมัยโบราณการแต่งงานถือเป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวไม่ใช่เรื่องระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงสองคน รวมถึงสอบถามชัดเจนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นลูกภรรยาเอกหรืออนุภรรยา และอาจเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้พบเห็นว่าที่คู่สมรสของอีกฝ่ายได้ (เช่น บุรุษมาเยือนทำความเคารพผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หรือสตรีผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงมาเจอหน้าว่าที่เจ้าสาว) อันนี้แล้วแต่จะจัดนัดหมายกัน ถ้าไม่แฮปปี้กันก็จะไม่มีการแลกเปลี่ยนวันเวลาเกิดกัน จากนั้นฝ่ายชายก็นำวันเวลาเกิดดังกล่าวไปดูดวงสมพงษ์ นับเป็นพิธีการที่สาม (พีธีการดูดวงสมพงษ์ ‘น่าจี๋’/纳吉) แล้วแจ้งผลไปยังฝ่ายหญิง ถ้าคู่บ่าวสาวดวงสมพงษ์กันก็จะเริ่มเจรจาเตรียมการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ จนนำมาถึงพิธีการที่สี่ซึ่งก็คือฝ่ายชายนำสินสอดมามอบให้ฝ่ายหญิง (พิธีการมอบสินสอดและหมั้นหมาย ‘น่าเจิง’/纳征) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้มีสอง ‘หนังสือ’ ที่เกี่ยวข้อง คือ ‘หนังสือหมั้น’ (พิ่นซู/聘书หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ซี่เถี่ยจือ/细帖子) และ ‘หนังสือสินสอด’ (หลี่ซู/礼书) โดยหนังสือหมั้นคือเอกสารที่บุรุษระบุคำมั่นสัญญาที่จะแต่งสตรี และหนังสือสินสอดคือเอกสารแจกแจงรายการสินทรัพย์ที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิงเป็นสินสอดทั้งหมด คำถาม ณ จุดนี้คือ หนังสือฉบับไหนให้เมื่อไหร่และใครเป็นคนให้? ธรรมเนียมปฏิบัติจริงแตกต่างไปตามยุคสมัย และ ‘น่าเจิง’ จริงแล้วหมายรวมว่าได้ดำเนินการสองเรื่องแล้วเสร็จ คือการส่งมอบสินสอด (น่า) และการยืนยันความประสงค์ที่จะแต่งงาน (เจิง) ดังนั้น ขั้นตอนที่รวบยอดที่สุดคือคุยกันนอกรอบแล้วฝ่ายชายเดินทางมาหาฝ่ายหญิงเพื่อทำการส่งมอบสินสอดและหลักฐานการหมั้นพร้อมด้วยสองหนังสือดังกล่าวในคราวเดียวกัน แต่ในหลายครั้งก็จัดทำสองเรื่องนี้แยกกัน โดยส่งมอบหนังสือหมั้นทันทีที่ตกลงหมั้นซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อตรวจดวงสมพงษ์แล้วเสร็จได้ผลเป็นที่พอใจ ในบางยุคสมัยแบ่งออกเป็นหนังสือแสดงเจตจำนงจากฝ่ายชายที่จะแต่งงาน ตามด้วยหนังสือตอบรับยินดีที่จะแต่งงานจากฝ่ายหญิง ใช้รวมกันเป็นหนังสือหมั้น ตัวอย่างเอกสารโบราณจากสมัยถังเป็นเช่นนี้ จากนั้นค่อยมีการนำส่งสินสอดและหนังสือสินสอดในภายหลัง เมื่อได้รับสินสอดจากฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงก็ต้องมีของขวัญตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่ามีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าแต่ละขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น (ไม่ว่าจะเป็นของขวัญ ของตอบแทนหรือสินสอด) ควรประกอบด้วยของอะไรบ้างแต่ Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด เมื่อผ่านทั้งสี่ขั้นตอนข้างต้นแล้ว ก็เป็นขั้นตอนที่ห้า คือฝ่ายชายหาฤกษ์แต่งและหารือ/แจ้งกับฝ่ายหญิง (พิธีการแจ้งฤกษ์ ‘ฉิ่งชี’/请期) เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างฝ่ายต่างเตรียมการงานแต่ง และสุดท้ายคือฝ่ายชายมารับตัวเจ้าสาวไปบ้านฝ่ายชายเพื่อกราบไหว้ฟ้าดิน (พิธีการรับตัวเจ้าสาว ‘ชินอิ๋ง’/ 亲迎) โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะมอบ ‘หนังสือรับตัวเจ้าสาว’ (อิ๋งซู/迎书) ให้แก่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวเมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาวเพื่อรับตัวเจ้าสาว และนี่คือสามหนังสือหกพิธีการ แน่นอนว่าพิธีการเหล่านี้ถูกย่อลงไปตามการเวลา ในสมัยซ่งลดเหลือเพียงสามพิธีการคือ สู่ขอ (‘น่าไฉ่’ มอบหนังสือ เฉ๋าเถี่ยจือ) หมั้นหมาย (‘น่าเจิง’ มอบหนังสือซี่เถี่ยจือ) และรับตัว (‘อิ๋งชิน’ มอบหนังสืออิ๋งซู) แต่ในทางปฏิบัติยังคงรวมกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นอกจากนี้ ในหลายนิยายและซีรีส์มักกล่าวถึงหนังสือที่เป็นหลักฐานการสมรสหรือที่เรียกว่า ‘หนังสือสมรส’ (ฮุนซู/婚书) แต่... ในสมัยโบราณไม่มีทะเบียนสมรสที่ออกโดยทางการแม้ว่าจะมีการไปรายงานและลงทะเบียนกับที่ว่าการท้องถิ่นเพื่อยืนยันการแต่งงานระหว่างชายหญิง จึงเป็นที่ข้องใจอีกว่า แล้วหนังสือฮุนซูที่ว่านี้คืออะไร? เรามาทำความเข้าใจมันจากกฎหมายที่เกี่ยวกับการยกเลิกการแต่งงานในสมัยถังกันค่ะ กฎหมายสมัยถังระบุว่า ผู้ที่ได้รายงานและขึ้นทะเบียนหนังสือสมรส (ฮุนซู) ต่อทางการแล้วและฝ่ายหนึ่งยกเลิกการแต่งงานโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือรับรู้ก็จะมีบทลงโทษ ทั้งนี้ หากไม่มีหนังสือยืนยันความประสงค์แต่งงานแต่มีการรับสินสอดให้ถือเสมือนว่ามีการให้คำมั่นที่จะแต่งงานแล้วด้วยเช่นกัน สรุปบทลงโทษได้ดังนี้ - ฝ่ายหญิงยกเลิกการแต่งงาน ให้โบยหกสิบครั้งและยังต้องแต่งงานตามเดิม - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นแต่ยังแต่งไม่สำเร็จ ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง และยังต้องแต่งงานกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะไปแต่งงานกับผู้อื่นได้ - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นและได้แต่งไปเรียบร้อยแล้ว ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง ทำงานหนักหนึ่งปีครึ่ง การแต่งงานเป็นโมฆะและฝ่ายหญิงต้องกลับมาแต่งกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะอยู่กับสามีที่แต่งงานกันไปแล้วได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย - ฝ่ายชายยกเลิกการแต่งงาน ไม่มีการลงทัณฑ์แต่ให้สละสิทธิ์ในสินสอดที่มอบให้ฝ่ายหญิงไปแล้ว ฟังดูเหมือนบทลงทัณฑ์เอนเอียงและให้โทษกับฝ่ายหญิงมากกว่า แต่นั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกหกปอกลอกทรัพย์สินสอด ทั้งนี้ บทลงทัณฑ์ข้างต้นไม่เพียงใช้กับคู่บ่าวสาว หากแต่หมายรวมถึงผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นด้วยเพราะถือว่าพิธีการต่างๆ ของการแต่งงานต้องดำเนินการผ่านผู้ใหญ่ และมีเหตุการณ์ที่อนุโลมให้ยกเลิกการแต่งงานได้เช่นในกรณีอีกฝ่ายถูกพิพากษาเป็นนักโทษ ฯลฯ กฎหมายว่าด้วยเรื่องยกเลิกการแต่งงานและบทลงโทษเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่ยังอยู่ภายใต้กรอบแนวทางคล้ายคลึงกัน และจากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าหนังสือสมรสก็คือหนังสือที่แสดงเจตนารมณ์ที่จะแต่งงานโดยยังไม่ได้มีการรับส่งตัวเจ้าสาว เปรียบได้เป็นหนังสือหมั้นนั่นเอง ซึ่งในบางยุคสมัยจะหมายรวมการตอบรับโดยฝ่ายเจ้าสาวด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเคยผ่านตาว่าบุรุษอาจเรียกคู่หมั้นว่า ‘ภรรยาที่ยังไม่แต่งข้ามเรือนมา’ ทั้งนี้ เป็นเพราะการหมั้นในสมัยโบราณมีความหนักแน่นเสมือนแต่งงานกันแล้ว และเมื่อผ่านการหมั้นแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายสามารถเรียกซึ่งกันและกันว่า ‘ชิ่นเจีย’ (亲家) ได้เลย ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกพ่อแม่ของเขย-สะใภ้ และบทความที่กล่าวมาข้างต้นจึงอธิบายบริบทของสังคมใน <ซ่อนรักชายาลับ> ที่ระบุว่าต้องมีการทำหนังสือสมรสร่วมกันก่อนแล้วค่อยมอบสินสอดได้จึงจะถูกต้อง และหากรับสินสอดโดยไม่มีการทำหนังสือหมั้นก็ถือได้ว่าต้องแต่งงานเหมือนกัน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g62051067/are-you-the-one-ending/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/12/id/5676081.shtml https://www.gmw.cn/guoxue/2018-04/11/content_28279045.htm https://www.gz.gov.cn/zlgz/whgz/content/post_8071815.html https://www.gushiwen.cn/guwen/bookv_46653FD803893E4F126BD3881FD42A2C.aspx https://newspaper.jcrb.com/2023/20230607/20230607_007/20230607_007_3.htm #ซ่อนรักชายาลับ #สามหนังสือหกพิธีการ #ซานซูลิ่วหลี่ #หนังสือแต่งงาน #การถอนหมั้น #สาระจีน
    WWW.COSMOPOLITAN.COM
    陸劇《柳舟記》結局!崔眠夫婦歸隱江湖,張晚意願當王楚然的小嬌夫!帝后CP先婚後愛好嗑,敲碗番外篇
    《柳舟記》劇情從頭到尾都在線!而且除了崔眠夫婦好嗑,帝后CP也很讓人愛啊~
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 808 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts