• เอเชียระอุ! จีนเตือนสัญญาณอันตราย หลังญี่ปุ่นส่อทบทวนหลัก “ไม่ครอบครอง–ไม่ผลิต–ไม่อนุญาต” อาวุธนิวเคลียร์

    รายงานชี้รัฐบาลโตเกียวอาจผ่อนเงื่อนไขให้อาวุธนิวเคลียร์สหรัฐเข้าญี่ปุ่นได้ในภาวะฉุกเฉิน สะเทือนยุทธศาสตร์หลังสงคราม ขณะที่จีนออกโรงจวกทันที มองเป็น “การเปลี่ยนทิศทางด้านความมั่นคงครั้งใหญ่”

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109338

    #News1live #News1 #ญี่ปุ่น #จีน #อาวุธนิวเคลียร์ #นโยบายความมั่นคง #SanaeTakaichi #NPT #เรือดำน้ำนิวเคลียร์ #เอเชียแปซิฟิก #Geopolitics #newsupdate
    เอเชียระอุ! จีนเตือนสัญญาณอันตราย หลังญี่ปุ่นส่อทบทวนหลัก “ไม่ครอบครอง–ไม่ผลิต–ไม่อนุญาต” อาวุธนิวเคลียร์ • รายงานชี้รัฐบาลโตเกียวอาจผ่อนเงื่อนไขให้อาวุธนิวเคลียร์สหรัฐเข้าญี่ปุ่นได้ในภาวะฉุกเฉิน สะเทือนยุทธศาสตร์หลังสงคราม ขณะที่จีนออกโรงจวกทันที มองเป็น “การเปลี่ยนทิศทางด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109338 • #News1live #News1 #ญี่ปุ่น #จีน #อาวุธนิวเคลียร์ #นโยบายความมั่นคง #SanaeTakaichi #NPT #เรือดำน้ำนิวเคลียร์ #เอเชียแปซิฟิก #Geopolitics #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • เมื่อสหรัฐอเมริกาไม่ผ่อนปรนอัตราภาษี เข้าข้างกัมพูชา ดังนั้นสนธิสัญญาต่างๆ จัสแมค เอเชียแปซิฟิก ก็ควรจะยกเลิก เขาไม่ใช่มหามิตร ยามไทยเดือดร้อน สัญญาไม่มีความหมาย สหรัฐอเมริกาทำเพื่อประโยชน์ตนเองทั้งสิ้น ขอซื้อแร่ ให้ไทยซื้อถั่วเหลืองแบบไม่คิดภาษีนำเข้า มันเอาแต่ได้ กับทุกประเทศ

    Leave USA alone, revoke all accords

    https://www.youtube.com/live/64ofqehu11Q?si=H40QrOeI3mt91kJO
    เมื่อสหรัฐอเมริกาไม่ผ่อนปรนอัตราภาษี เข้าข้างกัมพูชา ดังนั้นสนธิสัญญาต่างๆ จัสแมค เอเชียแปซิฟิก ก็ควรจะยกเลิก เขาไม่ใช่มหามิตร ยามไทยเดือดร้อน สัญญาไม่มีความหมาย สหรัฐอเมริกาทำเพื่อประโยชน์ตนเองทั้งสิ้น ขอซื้อแร่ ให้ไทยซื้อถั่วเหลืองแบบไม่คิดภาษีนำเข้า มันเอาแต่ได้ กับทุกประเทศ Leave USA alone, revoke all accords https://www.youtube.com/live/64ofqehu11Q?si=H40QrOeI3mt91kJO
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • “Meta เปิดตัวเคเบิลใต้น้ำ ‘Candle’ ความเร็ว 570 Tbps — ปูทางสู่ยุค AI ในเอเชียแปซิฟิก”

    Meta ประกาศลงทุนสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำใหม่ชื่อว่า “Candle” ซึ่งจะเชื่อมโยงประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยมีระยะทางรวมกว่า 8,000 กิโลเมตร และความสามารถในการส่งข้อมูลสูงถึง 570 Tbps ถือเป็นเครือข่ายข้อมูลใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้

    โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความมั่นคงของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน และรองรับความต้องการด้าน AI และแอปพลิเคชันดิจิทัลที่ใช้แบนด์วิดท์สูง โดยจะใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกแบบ 24 คู่สาย ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความหนาแน่นและความเร็วสูงกว่าระบบเดิมหลายเท่า

    นอกจาก Candle แล้ว Meta ยังอัปเดตความคืบหน้าของเคเบิลใต้น้ำอีก 3 เส้น ได้แก่

    1️⃣ Apricot ที่เชื่อมไต้หวัน ญี่ปุ่น และกวม พร้อมแผนขยายไปยังฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ รวมระยะทาง 12,000 กิโลเมตร และเพิ่มความจุอีก 290 Tbps

    2️⃣ Bifrost ที่เชื่อมสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ พร้อมแผนขยายไปเม็กซิโกในปี 2026 ให้ความจุ 260 Tbps

    3️⃣ Echo ที่เชื่อมกวมกับแคลิฟอร์เนีย ให้ความจุ 260 Tbps เช่นกัน และอาจขยายไปยังประเทศในเอเชียเพิ่มเติมตามความต้องการ

    Meta เน้นว่าเอเชียแปซิฟิกซึ่งมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 58% ของโลก จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อรองรับการประมวลผล AI และบริการคลาวด์ โดย Candle จะเป็นแกนหลักของการเชื่อมต่อยุคใหม่ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างทั่วถึง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Meta ลงทุนสร้างเคเบิลใต้น้ำ “Candle” ความเร็ว 570 Tbps
    เชื่อมโยง 6 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก: ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์
    ระยะทางรวม 8,000 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2028
    ใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกแบบ 24 คู่สาย (24-fiber pair)
    รองรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 580 ล้านคนในภูมิภาค
    เสริมความมั่นคงของโครงข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน
    สนับสนุนการพัฒนา AI และระบบดิจิทัลยุคใหม่
    Apricot เพิ่มความจุ 290 Tbps เชื่อม 5 ประเทศ
    Bifrost และ Echo ให้ความจุ 260 Tbps ต่อเส้น
    Meta มีแผนขยายเคเบิลไปยังเม็กซิโกและประเทศอื่นในเอเชีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เคเบิลใต้น้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของอินเทอร์เน็ตโลก โดยส่งข้อมูลกว่า 95% ของทั้งหมด
    ความเร็ว 570 Tbps เทียบเท่าการส่งวิดีโอ 4K พร้อมกันหลายสิบล้านสตรีม
    การใช้ 24-fiber pair เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
    เคเบิลใต้น้ำมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 25 ปี และต้องการการดูแลตลอดเวลา
    Meta ยังมีโครงการ “Waterworth” และ “2Africa” เพื่อเชื่อมโยง 5 ทวีปและภูมิภาคอื่น

    https://securityonline.info/meta-unveils-candle-submarine-cable-the-largest-570-tbps-data-network-for-asia-pacific-ai/
    🌊 “Meta เปิดตัวเคเบิลใต้น้ำ ‘Candle’ ความเร็ว 570 Tbps — ปูทางสู่ยุค AI ในเอเชียแปซิฟิก” Meta ประกาศลงทุนสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำใหม่ชื่อว่า “Candle” ซึ่งจะเชื่อมโยงประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยมีระยะทางรวมกว่า 8,000 กิโลเมตร และความสามารถในการส่งข้อมูลสูงถึง 570 Tbps ถือเป็นเครือข่ายข้อมูลใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความมั่นคงของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน และรองรับความต้องการด้าน AI และแอปพลิเคชันดิจิทัลที่ใช้แบนด์วิดท์สูง โดยจะใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกแบบ 24 คู่สาย ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความหนาแน่นและความเร็วสูงกว่าระบบเดิมหลายเท่า นอกจาก Candle แล้ว Meta ยังอัปเดตความคืบหน้าของเคเบิลใต้น้ำอีก 3 เส้น ได้แก่ 1️⃣ Apricot ที่เชื่อมไต้หวัน ญี่ปุ่น และกวม พร้อมแผนขยายไปยังฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ รวมระยะทาง 12,000 กิโลเมตร และเพิ่มความจุอีก 290 Tbps 2️⃣ Bifrost ที่เชื่อมสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ พร้อมแผนขยายไปเม็กซิโกในปี 2026 ให้ความจุ 260 Tbps 3️⃣ Echo ที่เชื่อมกวมกับแคลิฟอร์เนีย ให้ความจุ 260 Tbps เช่นกัน และอาจขยายไปยังประเทศในเอเชียเพิ่มเติมตามความต้องการ Meta เน้นว่าเอเชียแปซิฟิกซึ่งมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 58% ของโลก จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อรองรับการประมวลผล AI และบริการคลาวด์ โดย Candle จะเป็นแกนหลักของการเชื่อมต่อยุคใหม่ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างทั่วถึง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Meta ลงทุนสร้างเคเบิลใต้น้ำ “Candle” ความเร็ว 570 Tbps ➡️ เชื่อมโยง 6 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก: ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ➡️ ระยะทางรวม 8,000 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2028 ➡️ ใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกแบบ 24 คู่สาย (24-fiber pair) ➡️ รองรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 580 ล้านคนในภูมิภาค ➡️ เสริมความมั่นคงของโครงข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน ➡️ สนับสนุนการพัฒนา AI และระบบดิจิทัลยุคใหม่ ➡️ Apricot เพิ่มความจุ 290 Tbps เชื่อม 5 ประเทศ ➡️ Bifrost และ Echo ให้ความจุ 260 Tbps ต่อเส้น ➡️ Meta มีแผนขยายเคเบิลไปยังเม็กซิโกและประเทศอื่นในเอเชีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เคเบิลใต้น้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของอินเทอร์เน็ตโลก โดยส่งข้อมูลกว่า 95% ของทั้งหมด ➡️ ความเร็ว 570 Tbps เทียบเท่าการส่งวิดีโอ 4K พร้อมกันหลายสิบล้านสตรีม ➡️ การใช้ 24-fiber pair เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ➡️ เคเบิลใต้น้ำมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 25 ปี และต้องการการดูแลตลอดเวลา ➡️ Meta ยังมีโครงการ “Waterworth” และ “2Africa” เพื่อเชื่อมโยง 5 ทวีปและภูมิภาคอื่น https://securityonline.info/meta-unveils-candle-submarine-cable-the-largest-570-tbps-data-network-for-asia-pacific-ai/
    SECURITYONLINE.INFO
    Meta Unveils "Candle" Submarine Cable: The Largest 570 Tbps Data Network for Asia-Pacific AI
    Meta announced a $570 Tbps "Candle" submarine cable to connect Taiwan, Japan, Philippines, Indonesia, Malaysia, and Singapore, strengthening Asia-Pacific AI data capacity by 2028.
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • มีบางสิ่งที่ผิดปกติอย่างมากเกิดขึ้นในกองทัพสหรัฐ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม "พีท เฮกเซธ" มีคำสั่งให้นายทหารชั้นยศนายพลของกองทัพสหรัฐฯหลายร้อยนาย มาประชุมอย่างเร่งด่วน ที่ฐานทัพนาวิกโยธินในรัฐเวอร์จิเนียในสัปดาห์หน้า โดยไม่ได้มีการระบุถึงเหตุผลให้ทราบ

    คาดว่าจะมีนายทหารระดับนายพล ตั้งแต่พลจัตวาขึ้นไป รวมถึงผู้บัญชาการจากยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก เดินทางมาเข้าร่วมในครั้งนี้

    ผู้สื่อข่าวอาวุโสของกระทรวงกลาโหมรายหนึ่งกล่าวว่า ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนตลอด 30 ปีที่ทำงานรายงานข่าวเกี่ยวกับกองทัพสหรัฐฯ เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

    ที่มา: The Washington Post
    มีบางสิ่งที่ผิดปกติอย่างมากเกิดขึ้นในกองทัพสหรัฐ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม "พีท เฮกเซธ" มีคำสั่งให้นายทหารชั้นยศนายพลของกองทัพสหรัฐฯหลายร้อยนาย มาประชุมอย่างเร่งด่วน ที่ฐานทัพนาวิกโยธินในรัฐเวอร์จิเนียในสัปดาห์หน้า โดยไม่ได้มีการระบุถึงเหตุผลให้ทราบ คาดว่าจะมีนายทหารระดับนายพล ตั้งแต่พลจัตวาขึ้นไป รวมถึงผู้บัญชาการจากยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก เดินทางมาเข้าร่วมในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวอาวุโสของกระทรวงกลาโหมรายหนึ่งกล่าวว่า ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนตลอด 30 ปีที่ทำงานรายงานข่าวเกี่ยวกับกองทัพสหรัฐฯ เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ที่มา: The Washington Post
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • “AMD เปิดตัว Ryzen 9700F, 9500F, 7400 และ 5600F — ซีพียูรุ่นประหยัดที่ซ่อนพลังไว้มากกว่าที่คิด”

    AMD เปิดตัวซีพียูใหม่ 4 รุ่นแบบเงียบ ๆ โดยไม่จัดงานแถลงข่าวหรือประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์ ได้แก่ Ryzen 7 9700F, Ryzen 5 9500F, Ryzen 5 7400 และ Ryzen 5 5600F ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่สถาปัตยกรรม Zen 5, Zen 4 ไปจนถึง Zen 3 โดยเน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับเริ่มต้นและตลาดต่างประเทศ

    Ryzen 7 9700F และ Ryzen 5 9500F เป็นชิป Zen 5 แบบไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU-less) โดย 9700F มี 8 คอร์ 16 เธรด, L3 cache 32MB, TDP 65W และบูสต์สูงสุด 5.5GHz ส่วน 9500F มี 6 คอร์ 12 เธรด และบูสต์สูงสุด 5.0GHz ทั้งคู่ใช้แพลตฟอร์ม AM5 และรองรับ PCIe Gen5 รวมถึง DDR5 สูงสุด 192GB

    Ryzen 5 7400 เป็น Zen 4 รุ่นใหม่ที่มี 6 คอร์ 12 เธรด แต่มี L3 cache เพียง 16MB ซึ่งผิดปกติสำหรับชิปที่ใช้โครงสร้าง chiplet แบบ Raphael โดยคาดว่า AMD ปิดการทำงานของ cache บางส่วนเพื่อใช้ชิปที่มีตำหนิจากการผลิต ลดการสูญเปล่าและต้นทุน

    Ryzen 5 5600F เป็น Zen 3 รุ่นสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในตลาด โดยมี 6 คอร์ 12 เธรด, L3 cache 32MB และบูสต์สูงสุด 4.0GHz แม้จะใช้ชื่อ F-series แต่จริง ๆ แล้ว Zen 3 ไม่มี iGPU อยู่แล้ว จึงเป็นการรีแบรนด์เพื่อขายในตลาดเอเชียโดยเฉพาะ

    ชิปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวางขายเฉพาะในภูมิภาค เช่น 9700F ในอเมริกาเหนือ, 5600F ในเอเชียแปซิฟิก และ 7400F เฉพาะในจีน โดยมีเพียง 9500F ที่มีวางจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ของ AMD ที่เน้นการใช้ชิปที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละตลาด

    ข้อมูลซีพียูใหม่จาก AMD
    Ryzen 7 9700F: Zen 5, 8 คอร์, 5.5GHz boost, ไม่มี iGPU
    Ryzen 5 9500F: Zen 5, 6 คอร์, 5.0GHz boost, ไม่มี iGPU
    Ryzen 5 7400: Zen 4, 6 คอร์, L3 cache 16MB, ลดต้นทุนจากชิปที่มีตำหนิ
    Ryzen 5 5600F: Zen 3, 6 คอร์, ไม่มี iGPU โดยธรรมชาติ

    จุดเด่นและกลยุทธ์
    ใช้แพลตฟอร์ม AM5 รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5 สูงสุด 192GB
    เปิดตัวแบบเงียบ ๆ โดยเพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์เท่านั้น
    F-series คือรุ่นไม่มีกราฟิกในตัว และบางรุ่นมีสเปกใกล้เคียงกับรุ่น X
    วางจำหน่ายแบบจำกัดภูมิภาคตามความเหมาะสมของตลาด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ryzen 5 9500F คาดว่าราคาอยู่ที่ประมาณ $218 และ 9700F ที่ $294
    Zen 5 มีการปรับปรุงด้าน branch prediction, ALU และ cache hierarchy
    Ryzen 5 7400F มี L3 cache 32MB และบูสต์สูงกว่า 7400 ถึง 400MHz
    Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกัน โดยนำชิปเก่ากลับมารีแบรนด์ใน Ultra Series 1

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-launches-four-new-ryzen-cpus-including-cutdown-zen-4-and-zen-3-models-most-only-available-in-global-markets
    🧠 “AMD เปิดตัว Ryzen 9700F, 9500F, 7400 และ 5600F — ซีพียูรุ่นประหยัดที่ซ่อนพลังไว้มากกว่าที่คิด” AMD เปิดตัวซีพียูใหม่ 4 รุ่นแบบเงียบ ๆ โดยไม่จัดงานแถลงข่าวหรือประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์ ได้แก่ Ryzen 7 9700F, Ryzen 5 9500F, Ryzen 5 7400 และ Ryzen 5 5600F ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่สถาปัตยกรรม Zen 5, Zen 4 ไปจนถึง Zen 3 โดยเน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับเริ่มต้นและตลาดต่างประเทศ Ryzen 7 9700F และ Ryzen 5 9500F เป็นชิป Zen 5 แบบไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU-less) โดย 9700F มี 8 คอร์ 16 เธรด, L3 cache 32MB, TDP 65W และบูสต์สูงสุด 5.5GHz ส่วน 9500F มี 6 คอร์ 12 เธรด และบูสต์สูงสุด 5.0GHz ทั้งคู่ใช้แพลตฟอร์ม AM5 และรองรับ PCIe Gen5 รวมถึง DDR5 สูงสุด 192GB Ryzen 5 7400 เป็น Zen 4 รุ่นใหม่ที่มี 6 คอร์ 12 เธรด แต่มี L3 cache เพียง 16MB ซึ่งผิดปกติสำหรับชิปที่ใช้โครงสร้าง chiplet แบบ Raphael โดยคาดว่า AMD ปิดการทำงานของ cache บางส่วนเพื่อใช้ชิปที่มีตำหนิจากการผลิต ลดการสูญเปล่าและต้นทุน Ryzen 5 5600F เป็น Zen 3 รุ่นสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในตลาด โดยมี 6 คอร์ 12 เธรด, L3 cache 32MB และบูสต์สูงสุด 4.0GHz แม้จะใช้ชื่อ F-series แต่จริง ๆ แล้ว Zen 3 ไม่มี iGPU อยู่แล้ว จึงเป็นการรีแบรนด์เพื่อขายในตลาดเอเชียโดยเฉพาะ ชิปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวางขายเฉพาะในภูมิภาค เช่น 9700F ในอเมริกาเหนือ, 5600F ในเอเชียแปซิฟิก และ 7400F เฉพาะในจีน โดยมีเพียง 9500F ที่มีวางจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ของ AMD ที่เน้นการใช้ชิปที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละตลาด ✅ ข้อมูลซีพียูใหม่จาก AMD ➡️ Ryzen 7 9700F: Zen 5, 8 คอร์, 5.5GHz boost, ไม่มี iGPU ➡️ Ryzen 5 9500F: Zen 5, 6 คอร์, 5.0GHz boost, ไม่มี iGPU ➡️ Ryzen 5 7400: Zen 4, 6 คอร์, L3 cache 16MB, ลดต้นทุนจากชิปที่มีตำหนิ ➡️ Ryzen 5 5600F: Zen 3, 6 คอร์, ไม่มี iGPU โดยธรรมชาติ ✅ จุดเด่นและกลยุทธ์ ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม AM5 รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5 สูงสุด 192GB ➡️ เปิดตัวแบบเงียบ ๆ โดยเพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์เท่านั้น ➡️ F-series คือรุ่นไม่มีกราฟิกในตัว และบางรุ่นมีสเปกใกล้เคียงกับรุ่น X ➡️ วางจำหน่ายแบบจำกัดภูมิภาคตามความเหมาะสมของตลาด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ryzen 5 9500F คาดว่าราคาอยู่ที่ประมาณ $218 และ 9700F ที่ $294 ➡️ Zen 5 มีการปรับปรุงด้าน branch prediction, ALU และ cache hierarchy ➡️ Ryzen 5 7400F มี L3 cache 32MB และบูสต์สูงกว่า 7400 ถึง 400MHz ➡️ Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกัน โดยนำชิปเก่ากลับมารีแบรนด์ใน Ultra Series 1 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-launches-four-new-ryzen-cpus-including-cutdown-zen-4-and-zen-3-models-most-only-available-in-global-markets
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • “EggStreme: มัลแวร์ไร้ไฟล์จากจีน เจาะระบบทหารฟิลิปปินส์ — เงียบแต่ลึก พร้อมระบบสอดแนมครบวงจร”

    Bitdefender เผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับมัลแวร์ใหม่ชื่อ “EggStreme” ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีนในการโจมตีบริษัทด้านการทหารของฟิลิปปินส์ โดยมัลแวร์นี้มีลักษณะ “fileless” คือไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในระบบไฟล์ ทำให้ตรวจจับได้ยาก และสามารถฝังตัวในหน่วยความจำเพื่อสอดแนมและควบคุมระบบได้อย่างต่อเนื่อง

    EggStreme เป็นชุดเครื่องมือแบบหลายขั้นตอน ประกอบด้วย 6 โมดูล ได้แก่ EggStremeFuel, EggStremeLoader, EggStremeReflectiveLoader, EggStremeAgent, EggStremeKeylogger และ EggStremeWizard ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างช่องทางสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2), ดึงข้อมูล, ควบคุมระบบ, และติดตั้ง backdoor สำรอง

    การโจมตีเริ่มจากการ sideload DLL ผ่านโปรแกรมที่เชื่อถือได้ เช่น mscorsvc.dll ซึ่งถูกฝังในระบบผ่าน batch script ที่รันจาก SMB share โดยไม่ทราบวิธีการเข้าถึงในขั้นต้น จากนั้นมัลแวร์จะค่อย ๆ โหลด payload เข้าสู่หน่วยความจำ และเปิดช่องทางสื่อสารแบบ gRPC เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล

    EggStremeAgent ซึ่งเป็นแกนหลักของระบบ มีคำสั่งมากถึง 58 แบบ เช่น การตรวจสอบระบบ, การยกระดับสิทธิ์, การเคลื่อนที่ในเครือข่าย, การดึงข้อมูล และการฝัง keylogger เพื่อเก็บข้อมูลการพิมพ์ของผู้ใช้ โดยมัลแวร์นี้ยังสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับจาก antivirus ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    แม้ Bitdefender จะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่ากลุ่มใดเป็นผู้โจมตี แต่เป้าหมายและวิธีการสอดคล้องกับกลุ่ม APT จากจีนที่เคยโจมตีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น เวียดนาม ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในบริบทของความขัดแย้งในทะเลจีนใต้

    รายละเอียดของมัลแวร์ EggStreme
    เป็นมัลแวร์แบบ fileless ที่ทำงานในหน่วยความจำโดยไม่แตะระบบไฟล์
    ใช้ DLL sideloading ผ่านโปรแกรมที่เชื่อถือได้ เช่น mscorsvc.dll
    ประกอบด้วย 6 โมดูลหลักที่ทำงานร่วมกันแบบหลายขั้นตอน
    สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน gRPC เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล

    ความสามารถของแต่ละโมดูล
    EggStremeFuel: โหลด DLL เริ่มต้น, เปิด reverse shell, ตรวจสอบระบบ
    EggStremeLoader: อ่าน payload ที่เข้ารหัสและ inject เข้าสู่ process
    EggStremeReflectiveLoader: ถอดรหัสและเรียกใช้ payload สุดท้าย
    EggStremeAgent: backdoor หลัก มีคำสั่ง 58 แบบสำหรับควบคุมระบบ
    EggStremeKeylogger: ดักจับการพิมพ์และข้อมูลผู้ใช้
    EggStremeWizard: backdoor สำรองสำหรับ reverse shell และการอัปโหลดไฟล์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การโจมตีเริ่มจาก batch script บน SMB share โดยไม่ทราบวิธีการวางไฟล์
    เทคนิค fileless และ DLL sideloading ทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดี
    การใช้โมดูลแบบหลายขั้นตอนช่วยลดความเสี่ยงในการถูกตรวจพบ
    เป้าหมายของการโจมตีคือการสอดแนมระยะยาวและการเข้าถึงแบบถาวร

    https://www.techradar.com/pro/security/china-related-threat-actors-deployed-a-new-fileless-malware-against-the-philippines-military
    🕵️‍♂️ “EggStreme: มัลแวร์ไร้ไฟล์จากจีน เจาะระบบทหารฟิลิปปินส์ — เงียบแต่ลึก พร้อมระบบสอดแนมครบวงจร” Bitdefender เผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับมัลแวร์ใหม่ชื่อ “EggStreme” ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีนในการโจมตีบริษัทด้านการทหารของฟิลิปปินส์ โดยมัลแวร์นี้มีลักษณะ “fileless” คือไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในระบบไฟล์ ทำให้ตรวจจับได้ยาก และสามารถฝังตัวในหน่วยความจำเพื่อสอดแนมและควบคุมระบบได้อย่างต่อเนื่อง EggStreme เป็นชุดเครื่องมือแบบหลายขั้นตอน ประกอบด้วย 6 โมดูล ได้แก่ EggStremeFuel, EggStremeLoader, EggStremeReflectiveLoader, EggStremeAgent, EggStremeKeylogger และ EggStremeWizard ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างช่องทางสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2), ดึงข้อมูล, ควบคุมระบบ, และติดตั้ง backdoor สำรอง การโจมตีเริ่มจากการ sideload DLL ผ่านโปรแกรมที่เชื่อถือได้ เช่น mscorsvc.dll ซึ่งถูกฝังในระบบผ่าน batch script ที่รันจาก SMB share โดยไม่ทราบวิธีการเข้าถึงในขั้นต้น จากนั้นมัลแวร์จะค่อย ๆ โหลด payload เข้าสู่หน่วยความจำ และเปิดช่องทางสื่อสารแบบ gRPC เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล EggStremeAgent ซึ่งเป็นแกนหลักของระบบ มีคำสั่งมากถึง 58 แบบ เช่น การตรวจสอบระบบ, การยกระดับสิทธิ์, การเคลื่อนที่ในเครือข่าย, การดึงข้อมูล และการฝัง keylogger เพื่อเก็บข้อมูลการพิมพ์ของผู้ใช้ โดยมัลแวร์นี้ยังสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับจาก antivirus ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ Bitdefender จะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่ากลุ่มใดเป็นผู้โจมตี แต่เป้าหมายและวิธีการสอดคล้องกับกลุ่ม APT จากจีนที่เคยโจมตีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น เวียดนาม ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในบริบทของความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ✅ รายละเอียดของมัลแวร์ EggStreme ➡️ เป็นมัลแวร์แบบ fileless ที่ทำงานในหน่วยความจำโดยไม่แตะระบบไฟล์ ➡️ ใช้ DLL sideloading ผ่านโปรแกรมที่เชื่อถือได้ เช่น mscorsvc.dll ➡️ ประกอบด้วย 6 โมดูลหลักที่ทำงานร่วมกันแบบหลายขั้นตอน ➡️ สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน gRPC เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล ✅ ความสามารถของแต่ละโมดูล ➡️ EggStremeFuel: โหลด DLL เริ่มต้น, เปิด reverse shell, ตรวจสอบระบบ ➡️ EggStremeLoader: อ่าน payload ที่เข้ารหัสและ inject เข้าสู่ process ➡️ EggStremeReflectiveLoader: ถอดรหัสและเรียกใช้ payload สุดท้าย ➡️ EggStremeAgent: backdoor หลัก มีคำสั่ง 58 แบบสำหรับควบคุมระบบ ➡️ EggStremeKeylogger: ดักจับการพิมพ์และข้อมูลผู้ใช้ ➡️ EggStremeWizard: backdoor สำรองสำหรับ reverse shell และการอัปโหลดไฟล์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การโจมตีเริ่มจาก batch script บน SMB share โดยไม่ทราบวิธีการวางไฟล์ ➡️ เทคนิค fileless และ DLL sideloading ทำให้หลบเลี่ยงการตรวจจับได้ดี ➡️ การใช้โมดูลแบบหลายขั้นตอนช่วยลดความเสี่ยงในการถูกตรวจพบ ➡️ เป้าหมายของการโจมตีคือการสอดแนมระยะยาวและการเข้าถึงแบบถาวร https://www.techradar.com/pro/security/china-related-threat-actors-deployed-a-new-fileless-malware-against-the-philippines-military
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • “EggStreme: มัลแวร์ไร้ไฟล์จากจีนเจาะระบบทหารฟิลิปปินส์ — ปฏิบัติการลับที่ซับซ้อนที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

    Bitdefender เผยการค้นพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า “EggStreme” ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) จากจีนในการเจาะระบบของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพฟิลิปปินส์ และยังพบการใช้งานในองค์กรทหารทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

    EggStreme ไม่ใช่มัลแวร์ทั่วไป แต่เป็น “framework” ที่ประกอบด้วยหลายโมดูลทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจาก EggStremeFuel ซึ่งเป็นตัวโหลดที่เตรียมสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงเรียกใช้ EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลักที่สามารถสอดแนมระบบ, ขโมยข้อมูล, ลบหรือแก้ไขไฟล์ และฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่มีการเปิด session ใหม่

    ความน่ากลัวของ EggStreme คือมันเป็น “fileless malware” — ไม่มีไฟล์มัลแวร์อยู่บนดิสก์ แต่จะถอดรหัสและรัน payload ในหน่วยความจำเท่านั้น ทำให้ระบบป้องกันทั่วไปตรวจจับได้ยากมาก และยังใช้เทคนิค DLL sideloading เพื่อแอบแฝงตัวในโปรแกรมที่ดูปลอดภัย

    นอกจาก EggStremeAgent ยังมี EggStremeWizard ซึ่งเป็น backdoor รองที่ใช้ xwizard.exe ในการ sideload DLL และมีรายชื่อ fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) แม้เซิร์ฟเวอร์หลักจะถูกปิดไปแล้ว พร้อมกับเครื่องมือ proxy ชื่อว่า Stowaway ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลภายในเครือข่ายโดยไม่ถูกไฟร์วอลล์บล็อก

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์เผชิญกับการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% ตั้งแต่ต้นปี 2024 โดย EggStreme เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมของการจารกรรมไซเบอร์ — ไม่ใช่แค่เครื่องมือเดี่ยว แต่เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมเป้าหมายในระยะยาว

    โครงสร้างมัลแวร์ EggStreme
    เริ่มจาก EggStremeFuel ที่เตรียมระบบและเรียกใช้ EggStremeLoader
    EggStremeReflectiveLoader จะรัน EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลัก
    EggStremeAgent รองรับคำสั่ง 58 แบบ เช่น สแกนระบบ, ขโมยข้อมูล, ฝัง payload
    ฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่เปิด session ใหม่

    เทคนิคการแฝงตัว
    ใช้ DLL sideloading ผ่านไฟล์ที่ดูปลอดภัย เช่น xwizard.exe
    payload ถูกถอดรหัสและรันในหน่วยความจำเท่านั้น (fileless execution)
    สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน gRPC แบบเข้ารหัส
    มี fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อแม้เซิร์ฟเวอร์หลักถูกปิด

    เครื่องมือเสริมใน framework
    EggStremeWizard เป็น backdoor รองที่ให้ reverse shell และอัปโหลดไฟล์
    Stowaway proxy ช่วยส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายภายในโดยไม่ถูกบล็อก
    ระบบสามารถเคลื่อนย้ายภายในเครือข่าย (lateral movement) ได้อย่างแนบเนียน
    framework ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและปรับตัวตามเป้าหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bitdefender พบการโจมตีครั้งแรกในต้นปี 2024 ผ่าน batch script บน SMB share
    ฟิลิปปินส์เผชิญการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% จากความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
    EggStreme เป็นตัวอย่างของการพัฒนา “ชุดเครื่องมือจารกรรม” ที่มีความซับซ้อนสูง
    นักวิจัยเตือนว่าองค์กรใน APAC ควรใช้ IOC ที่เผยแพร่เพื่อป้องกันการโจมตี

    https://hackread.com/chinese-apt-philippine-military-eggstreme-fileless-malware/
    🕵️‍♂️ “EggStreme: มัลแวร์ไร้ไฟล์จากจีนเจาะระบบทหารฟิลิปปินส์ — ปฏิบัติการลับที่ซับซ้อนที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Bitdefender เผยการค้นพบมัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ชื่อว่า “EggStreme” ซึ่งถูกใช้โดยกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) จากจีนในการเจาะระบบของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพฟิลิปปินส์ และยังพบการใช้งานในองค์กรทหารทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก EggStreme ไม่ใช่มัลแวร์ทั่วไป แต่เป็น “framework” ที่ประกอบด้วยหลายโมดูลทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจาก EggStremeFuel ซึ่งเป็นตัวโหลดที่เตรียมสภาพแวดล้อม จากนั้นจึงเรียกใช้ EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลักที่สามารถสอดแนมระบบ, ขโมยข้อมูล, ลบหรือแก้ไขไฟล์ และฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่มีการเปิด session ใหม่ ความน่ากลัวของ EggStreme คือมันเป็น “fileless malware” — ไม่มีไฟล์มัลแวร์อยู่บนดิสก์ แต่จะถอดรหัสและรัน payload ในหน่วยความจำเท่านั้น ทำให้ระบบป้องกันทั่วไปตรวจจับได้ยากมาก และยังใช้เทคนิค DLL sideloading เพื่อแอบแฝงตัวในโปรแกรมที่ดูปลอดภัย นอกจาก EggStremeAgent ยังมี EggStremeWizard ซึ่งเป็น backdoor รองที่ใช้ xwizard.exe ในการ sideload DLL และมีรายชื่อ fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) แม้เซิร์ฟเวอร์หลักจะถูกปิดไปแล้ว พร้อมกับเครื่องมือ proxy ชื่อว่า Stowaway ที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลภายในเครือข่ายโดยไม่ถูกไฟร์วอลล์บล็อก การโจมตีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์เผชิญกับการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% ตั้งแต่ต้นปี 2024 โดย EggStreme เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมของการจารกรรมไซเบอร์ — ไม่ใช่แค่เครื่องมือเดี่ยว แต่เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมเป้าหมายในระยะยาว ✅ โครงสร้างมัลแวร์ EggStreme ➡️ เริ่มจาก EggStremeFuel ที่เตรียมระบบและเรียกใช้ EggStremeLoader ➡️ EggStremeReflectiveLoader จะรัน EggStremeAgent ซึ่งเป็น backdoor หลัก ➡️ EggStremeAgent รองรับคำสั่ง 58 แบบ เช่น สแกนระบบ, ขโมยข้อมูล, ฝัง payload ➡️ ฝัง keylogger ลงใน explorer.exe ทุกครั้งที่เปิด session ใหม่ ✅ เทคนิคการแฝงตัว ➡️ ใช้ DLL sideloading ผ่านไฟล์ที่ดูปลอดภัย เช่น xwizard.exe ➡️ payload ถูกถอดรหัสและรันในหน่วยความจำเท่านั้น (fileless execution) ➡️ สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน gRPC แบบเข้ารหัส ➡️ มี fallback servers เพื่อรักษาการเชื่อมต่อแม้เซิร์ฟเวอร์หลักถูกปิด ✅ เครื่องมือเสริมใน framework ➡️ EggStremeWizard เป็น backdoor รองที่ให้ reverse shell และอัปโหลดไฟล์ ➡️ Stowaway proxy ช่วยส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายภายในโดยไม่ถูกบล็อก ➡️ ระบบสามารถเคลื่อนย้ายภายในเครือข่าย (lateral movement) ได้อย่างแนบเนียน ➡️ framework ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและปรับตัวตามเป้าหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bitdefender พบการโจมตีครั้งแรกในต้นปี 2024 ผ่าน batch script บน SMB share ➡️ ฟิลิปปินส์เผชิญการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่า 300% จากความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ➡️ EggStreme เป็นตัวอย่างของการพัฒนา “ชุดเครื่องมือจารกรรม” ที่มีความซับซ้อนสูง ➡️ นักวิจัยเตือนว่าองค์กรใน APAC ควรใช้ IOC ที่เผยแพร่เพื่อป้องกันการโจมตี https://hackread.com/chinese-apt-philippine-military-eggstreme-fileless-malware/
    HACKREAD.COM
    Chinese APT Hits Philippine Military Firm with New EggStreme Fileless Malware
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • 555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นนายกฯ4เดือนก็จะประกาศผีบ้าแบบนี้ล่ะ,ว่าไทยไม่ต้องการสงครามแต่จำเป็นต้องเป็นผู้เตรียมพร้อมทุกๆยุทธการทางสงครามเพื่อปกป้องและป้องกันประเทศ,ต่อมาจะยกเลิกmou43,44และtor46 ใช้สันปันน้ำกำหนดเส้นเขตแดนกับเขมรทั้งหมดที่มีเสาหมุดอายุกว่า100ปีปักตำตาชัดเจนกว่า73,74เสาเป็นหลักฐานชัดเจนเรื่องเขตแดนและตกลงจบไปนานแล้วกับฝรั่งเศส,เกิดก่อนโคตรพ่อโคตรแมร่งmou43,44นี้อีก,จึงสมควรว่าmou43,44เป็นอันมิชอบและตกไปพร้อมเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยตนเองอีกเรื่องดินแดนผ่นดินประเทศไทยตนเอง ต้องอำนาจพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวจะตัดสินเด็ดขาดได้,ทั้งหมดที่กอดmou43,44มีโทษประหารชีวิตชัดเจน ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนในเจตนาให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยตน ผิดม.119ชัดเจนตั้งแต่mou43,44tor46นี้ร่างเขียนขึ้น,ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด.
    ..ต่อมา555ในฐานะนายกฯ4เดือน,จะยกเลิกสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งหมด ปรับปรุงให้ทันสมัยจริงมิให้ไทยเสียเปรียบแบบปัจจุบัน,..ประกาศแจกมือถือควอนตัมฟรีแก่คนไทยทั่วประเทศ ให้คนไทยรับตังดิจิดัลทันทีคนละ100,000บาทคอยน์อินทนนท์ทั่วประเทศสู่ยุคใหม่,สังคมไทยจะไม่ใช้เงินสดอีก,กำหนดเงินใต้ดินฟอกเงินทั้งหมดที่อยู่นอกระบบทันที,1คนไทย1บัญชีเงินควอนตัมเท่านั้นและ1หมายเลขโทรศัพท์,ฟรีเน็ตทั่วไทยสำหรับคนไทยทั่วประเทศผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำของไทยเราเอง.
    ..ต่อมาจะประกาศสร้างรั้วลวดหนามไทยกับเขมร ไทยกับมาเลย์ ไทยกับพม่าทั่วประเทศทันที ลดอาชญากรรมทุกๆมิติต่อประชาชนคนไทยเรา,ควบคุมกำจีดอาชญากรที่ปะปนในไทยได้สะดวก,จากนั้นประกาศจัดตั้งบริษัทคลองขุดกระแห่งชาติไทย ให้หุ้นฟรีๆแก่คนไทยทุกๆคนๆละ10,000หุ้น,ตั้งแต่เกิดจนตาย,บวกหุ้นเพิ่มทุนอีก10,000หุ้นๆละ0.01บาทคอยน์ซื้อเพิ่มสูงสุดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของฮับกิจการสร้างเม็ดเงินมหาศาลแก่คนไทยเราจริงกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีรวมกับแลนด์บริดจ์ซึ่งคนไทยประเทศไทยเราขุดเองดำเนินการเองเป็นเจ้าของเองทั้งหมดจริงร่วมกัน,สร้างฮับสาระพัดฮับศูนย์การค้าตลาดระดับโลกผ่านคลองไทยเราค้าขายระหว่างทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลางกับโซนเอเชียแปซิฟิกมหาสมุทรฝั่งตะวันออกทั้งหมด,คลอง2เลน กว้าง2กม.เมตร เลนละ1กม.คู่ขนานแลนด์บริดจ์รอบข้างทางบก,ใครสะดวกทางใดเชิญเลย,ตลอดพื้นที่ทั่วไทยโดยเฉพาะภาคใต้เราจะสาระพัดฐานบริษัทแม่ต่างชาติทั่วโลกมาตั้งกิจการ นำรายได้เข้าประเทศผ่านบริษัทคลองไทยแห่งชาติเราเป็นอันมาก,ร่ำรวยไปพร้อมๆกัน,
    ..ฐานผลิตอาวุธและกองทัพอวกาศประจำประเทศไทยคือเราในอนาคต เพื่อพิทักษ์ป้องกันภัยรุกรานจากยานต่างดาวที่ไม่ดีในอนาคตได้,มิใช่กากๆแบบเขมรในปัจจุบัน.
    ..ยุคประเทศไทยใหม่ต้องถือกำเนิดขึ้นจริงๆหากทำไม่ได้,นายกฯหรือผู้ปกครองประเทศยังจุดยืนไม่ชัดเจน กากในการปกครองอยู่ก็สมควรสิ้นชาติไทยเถอะ,ยุคสมัยหน้าจะมาทำเล่นๆแบบนักการเมืองปัจจุบันไม่ได้แล้ว,ประชาชนคนไทยเราต้องอัพเลเวลแล้ว,คือเท่าทันโลกค่าจริง ยืนบนความเป็นจริง สายกลางเราจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง.พลังงานล้ำๆเชิงดีงามของจักรวาลไม่ทอดทิ้งประเทศไทยเราหรอก,แต่ถ้ายังเหี้ยอยู่ พระสยามเทวาฯก็อาจละทิ้งประเทศนี้จริงๆนะ,ไทยแตกจะเกิดขึ้นจริง ประชาทุกข์ร้อนจะของจริง,เราจึงต้องกำจัดคนไม่ดีบนแผ่นดินไทยที่มีอำนาจปะปนในเราให้เด็ดขาดจริงจังได้แล้ว,ศัตรูแบบเขมรก็เด็ดขาดด้วย สันดานเชื้อชาตินี้เมื่อเป็นกันทั้งประเทศหมายทำลายไทยชัดเจน ทำลายประชาชนไทยแบบยิวใส่ประชาชนเราแบบไม่สนใจไม่แคร์ความรู้สึกคนไทยมันไม่สมควรเก็บไว้ โลกไม่จำเป็นต้องมีคนลักษณะนี้ประจำโลกก็ได้,ประเทศลักษณะนี้แบบเขมร แบบฝรั่งเศสหรือชาติยุโรปไม่จำเป็นต้องมีบนโลกก็ได้ เราสามารถสร้างสมดุลกันเองได้,เมื่อศัตรูหมายฆ่าคนไทย จะเก็บไว้ทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเหรอ,ถ้าเราแพ้เขมร มันจะทำคนไทยแบบมันทำในเขมรนั้นล่ะจะกดขี่ข่มเหงคนไทยเราแน่นอน,เคสมทภ.1จึงน่าผิดหวังและเสียใจเป็นอันมาก,ท่านรักศัตรูเขมรที่รุกรานคนไทยมากกว่ารักคนไทยจริงๆ,ทหารเขมรและคนเขมรท่านไม่จัดการเด็ดขาดจริงจังด้วยเมื่อต้องเด็ดขาด,นายใหญ่ที่สั่งท่านนั้นคือคนเลว คนไทยไม่สมควรเก็บนายใหญ่นี้ไว้แม้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตัดเด็ดหัวทิ้ง.,เขาทรยศต่อบรรพบุรษไทยตนและบุรพระมหากษัตริย์ตนเองด้วย,ไม่สมควรจงรักและภักดีโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมันด้วย.,เห็นแก่ได้แก่ตัวปกป้องผลประโยชน์ตนในแผ่นดินเขมรและพื้นที่ผลประโยชน์ตนในไทย คนเช่นนี้หนักแผ่นดินไทยต้องสัวหารทิ้งสถานเดียวเป็นภัยต่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกๆคนได้,นายกฯไทยต้องไม่กากและกระจอกอีกต่อไป.,เช่นนั้นประชาชนคนไทยเองจะร่วมกันทำลายชาตินี้ไม่ต้องรอผู้นำผู้ปกครองกากๆก็ได้.บ้านเมืองรุกเป็นไฟมันง่ายมากเมื่อประชาชนภายในประเทศไม่เอาแล้วเช่นกัน.
    ..ดาบมีสองด้านสองคมได้ ค่ำมืดยังมีสว่างแจ้งก็ด้วย,ประชาชนมืดบอดน่ากลัวมากๆ.

    https://youtube.com/watch?v=Y1eqppymLCI&si=8CSuTYkA6JUFttNR
    555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นนายกฯ4เดือนก็จะประกาศผีบ้าแบบนี้ล่ะ,ว่าไทยไม่ต้องการสงครามแต่จำเป็นต้องเป็นผู้เตรียมพร้อมทุกๆยุทธการทางสงครามเพื่อปกป้องและป้องกันประเทศ,ต่อมาจะยกเลิกmou43,44และtor46 ใช้สันปันน้ำกำหนดเส้นเขตแดนกับเขมรทั้งหมดที่มีเสาหมุดอายุกว่า100ปีปักตำตาชัดเจนกว่า73,74เสาเป็นหลักฐานชัดเจนเรื่องเขตแดนและตกลงจบไปนานแล้วกับฝรั่งเศส,เกิดก่อนโคตรพ่อโคตรแมร่งmou43,44นี้อีก,จึงสมควรว่าmou43,44เป็นอันมิชอบและตกไปพร้อมเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยตนเองอีกเรื่องดินแดนผ่นดินประเทศไทยตนเอง ต้องอำนาจพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวจะตัดสินเด็ดขาดได้,ทั้งหมดที่กอดmou43,44มีโทษประหารชีวิตชัดเจน ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนในเจตนาให้สูญเสียดินแดนอธิปไตยตน ผิดม.119ชัดเจนตั้งแต่mou43,44tor46นี้ร่างเขียนขึ้น,ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด. ..ต่อมา555ในฐานะนายกฯ4เดือน,จะยกเลิกสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมทั่วประเทศทั้งหมด ปรับปรุงให้ทันสมัยจริงมิให้ไทยเสียเปรียบแบบปัจจุบัน,..ประกาศแจกมือถือควอนตัมฟรีแก่คนไทยทั่วประเทศ ให้คนไทยรับตังดิจิดัลทันทีคนละ100,000บาทคอยน์อินทนนท์ทั่วประเทศสู่ยุคใหม่,สังคมไทยจะไม่ใช้เงินสดอีก,กำหนดเงินใต้ดินฟอกเงินทั้งหมดที่อยู่นอกระบบทันที,1คนไทย1บัญชีเงินควอนตัมเท่านั้นและ1หมายเลขโทรศัพท์,ฟรีเน็ตทั่วไทยสำหรับคนไทยทั่วประเทศผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำของไทยเราเอง. ..ต่อมาจะประกาศสร้างรั้วลวดหนามไทยกับเขมร ไทยกับมาเลย์ ไทยกับพม่าทั่วประเทศทันที ลดอาชญากรรมทุกๆมิติต่อประชาชนคนไทยเรา,ควบคุมกำจีดอาชญากรที่ปะปนในไทยได้สะดวก,จากนั้นประกาศจัดตั้งบริษัทคลองขุดกระแห่งชาติไทย ให้หุ้นฟรีๆแก่คนไทยทุกๆคนๆละ10,000หุ้น,ตั้งแต่เกิดจนตาย,บวกหุ้นเพิ่มทุนอีก10,000หุ้นๆละ0.01บาทคอยน์ซื้อเพิ่มสูงสุดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของฮับกิจการสร้างเม็ดเงินมหาศาลแก่คนไทยเราจริงกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีรวมกับแลนด์บริดจ์ซึ่งคนไทยประเทศไทยเราขุดเองดำเนินการเองเป็นเจ้าของเองทั้งหมดจริงร่วมกัน,สร้างฮับสาระพัดฮับศูนย์การค้าตลาดระดับโลกผ่านคลองไทยเราค้าขายระหว่างทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลางกับโซนเอเชียแปซิฟิกมหาสมุทรฝั่งตะวันออกทั้งหมด,คลอง2เลน กว้าง2กม.เมตร เลนละ1กม.คู่ขนานแลนด์บริดจ์รอบข้างทางบก,ใครสะดวกทางใดเชิญเลย,ตลอดพื้นที่ทั่วไทยโดยเฉพาะภาคใต้เราจะสาระพัดฐานบริษัทแม่ต่างชาติทั่วโลกมาตั้งกิจการ นำรายได้เข้าประเทศผ่านบริษัทคลองไทยแห่งชาติเราเป็นอันมาก,ร่ำรวยไปพร้อมๆกัน, ..ฐานผลิตอาวุธและกองทัพอวกาศประจำประเทศไทยคือเราในอนาคต เพื่อพิทักษ์ป้องกันภัยรุกรานจากยานต่างดาวที่ไม่ดีในอนาคตได้,มิใช่กากๆแบบเขมรในปัจจุบัน. ..ยุคประเทศไทยใหม่ต้องถือกำเนิดขึ้นจริงๆหากทำไม่ได้,นายกฯหรือผู้ปกครองประเทศยังจุดยืนไม่ชัดเจน กากในการปกครองอยู่ก็สมควรสิ้นชาติไทยเถอะ,ยุคสมัยหน้าจะมาทำเล่นๆแบบนักการเมืองปัจจุบันไม่ได้แล้ว,ประชาชนคนไทยเราต้องอัพเลเวลแล้ว,คือเท่าทันโลกค่าจริง ยืนบนความเป็นจริง สายกลางเราจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง.พลังงานล้ำๆเชิงดีงามของจักรวาลไม่ทอดทิ้งประเทศไทยเราหรอก,แต่ถ้ายังเหี้ยอยู่ พระสยามเทวาฯก็อาจละทิ้งประเทศนี้จริงๆนะ,ไทยแตกจะเกิดขึ้นจริง ประชาทุกข์ร้อนจะของจริง,เราจึงต้องกำจัดคนไม่ดีบนแผ่นดินไทยที่มีอำนาจปะปนในเราให้เด็ดขาดจริงจังได้แล้ว,ศัตรูแบบเขมรก็เด็ดขาดด้วย สันดานเชื้อชาตินี้เมื่อเป็นกันทั้งประเทศหมายทำลายไทยชัดเจน ทำลายประชาชนไทยแบบยิวใส่ประชาชนเราแบบไม่สนใจไม่แคร์ความรู้สึกคนไทยมันไม่สมควรเก็บไว้ โลกไม่จำเป็นต้องมีคนลักษณะนี้ประจำโลกก็ได้,ประเทศลักษณะนี้แบบเขมร แบบฝรั่งเศสหรือชาติยุโรปไม่จำเป็นต้องมีบนโลกก็ได้ เราสามารถสร้างสมดุลกันเองได้,เมื่อศัตรูหมายฆ่าคนไทย จะเก็บไว้ทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันเหรอ,ถ้าเราแพ้เขมร มันจะทำคนไทยแบบมันทำในเขมรนั้นล่ะจะกดขี่ข่มเหงคนไทยเราแน่นอน,เคสมทภ.1จึงน่าผิดหวังและเสียใจเป็นอันมาก,ท่านรักศัตรูเขมรที่รุกรานคนไทยมากกว่ารักคนไทยจริงๆ,ทหารเขมรและคนเขมรท่านไม่จัดการเด็ดขาดจริงจังด้วยเมื่อต้องเด็ดขาด,นายใหญ่ที่สั่งท่านนั้นคือคนเลว คนไทยไม่สมควรเก็บนายใหญ่นี้ไว้แม้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ตัดเด็ดหัวทิ้ง.,เขาทรยศต่อบรรพบุรษไทยตนและบุรพระมหากษัตริย์ตนเองด้วย,ไม่สมควรจงรักและภักดีโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมันด้วย.,เห็นแก่ได้แก่ตัวปกป้องผลประโยชน์ตนในแผ่นดินเขมรและพื้นที่ผลประโยชน์ตนในไทย คนเช่นนี้หนักแผ่นดินไทยต้องสัวหารทิ้งสถานเดียวเป็นภัยต่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยทุกๆคนได้,นายกฯไทยต้องไม่กากและกระจอกอีกต่อไป.,เช่นนั้นประชาชนคนไทยเองจะร่วมกันทำลายชาตินี้ไม่ต้องรอผู้นำผู้ปกครองกากๆก็ได้.บ้านเมืองรุกเป็นไฟมันง่ายมากเมื่อประชาชนภายในประเทศไม่เอาแล้วเช่นกัน. ..ดาบมีสองด้านสองคมได้ ค่ำมืดยังมีสว่างแจ้งก็ด้วย,ประชาชนมืดบอดน่ากลัวมากๆ. https://youtube.com/watch?v=Y1eqppymLCI&si=8CSuTYkA6JUFttNR
    0 Comments 0 Shares 571 Views 0 Reviews

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 804 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังไฟล์: เมื่อ Dell ถูกเจาะแบบไม่ต้องล็อกไฟล์

    World Leaks ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เคยใช้ชื่อว่า Hunters International ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จาก ransomware มาเป็นการขโมยข้อมูลโดยตรง — แล้วขู่เปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยไม่ต้องใช้การเข้ารหัสไฟล์อีกต่อไป

    ในกรณีของ Dell:
    - กลุ่มนี้อ้างว่าได้ข้อมูลภายในจากระบบทั่วโลกของ Dell ทั้งในอเมริกา, ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก
    - มีไฟล์กว่า 416,103 รายการ รวมถึงสคริปต์ Terraform, เครื่องมือ VMware, โค้ดทดสอบ, และข้อมูลระบบเฝ้าระวัง
    - มีการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ของ Dell เช่น PowerPath, PowerStore และ firmware สำหรับฮาร์ดแวร์ของ Dell
    - Dell ยืนยันว่ามีการเข้าถึงระบบ “Solution Center” ซึ่งใช้สำหรับการสาธิตและทดสอบเท่านั้น — ไม่เกี่ยวกับระบบบริการลูกค้าหรือพันธมิตร

    แม้ Dell จะไม่ใช้คำว่า “ถูกเจาะระบบ” โดยตรง แต่ก็ยอมรับว่ามีการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และกำลังสอบสวนเพิ่มเติม

    กลุ่ม World Leaks อ้างว่าเจาะระบบของ Dell และนำข้อมูลภายในกว่า 1.3 TB ออกมาเผยแพร่
    มีไฟล์กว่า 416,103 รายการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือภายในและข้อมูลระบบ

    ข้อมูลครอบคลุมจากหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่นอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก
    มีสคริปต์ระบบ, โค้ดทดสอบ, และข้อมูลการพัฒนาและสนับสนุน

    Dell ยืนยันว่ามีการเข้าถึงระบบ “Solution Center” ที่ใช้สำหรับการสาธิตและทดสอบ
    ระบบนี้แยกจากเครือข่ายลูกค้าและพันธมิตร และมีข้อมูลสังเคราะห์เป็นหลัก

    World Leaks เปลี่ยนกลยุทธ์จาก ransomware มาเป็นการขโมยข้อมูลและขู่เปิดเผย
    ลดความเสี่ยงจากการถูกติดตามโดยหน่วยงานรัฐ และเพิ่มแรงกดดันต่อเหยื่อ

    ใช้เครื่องมือ exfiltration แบบใหม่ที่สามารถดึงข้อมูลจำนวนมากโดยอัตโนมัติ
    เป็นเวอร์ชันที่พัฒนาจากเครื่องมือเดิมของ Hunters International

    Dell เคยถูกเจาะระบบมาก่อน เช่นในปี 2024 ที่มีข้อมูลลูกค้าและพนักงานรั่วไหล
    รวมถึงข้อมูลจาก 49 ล้านบัญชี และพนักงานกว่า 10,000 คน

    https://hackread.com/world-leaks-dell-data-breach-leaks-1-3-tb-of-files/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังไฟล์: เมื่อ Dell ถูกเจาะแบบไม่ต้องล็อกไฟล์ World Leaks ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เคยใช้ชื่อว่า Hunters International ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จาก ransomware มาเป็นการขโมยข้อมูลโดยตรง — แล้วขู่เปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยไม่ต้องใช้การเข้ารหัสไฟล์อีกต่อไป ในกรณีของ Dell: - กลุ่มนี้อ้างว่าได้ข้อมูลภายในจากระบบทั่วโลกของ Dell ทั้งในอเมริกา, ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก - มีไฟล์กว่า 416,103 รายการ รวมถึงสคริปต์ Terraform, เครื่องมือ VMware, โค้ดทดสอบ, และข้อมูลระบบเฝ้าระวัง - มีการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ของ Dell เช่น PowerPath, PowerStore และ firmware สำหรับฮาร์ดแวร์ของ Dell - Dell ยืนยันว่ามีการเข้าถึงระบบ “Solution Center” ซึ่งใช้สำหรับการสาธิตและทดสอบเท่านั้น — ไม่เกี่ยวกับระบบบริการลูกค้าหรือพันธมิตร แม้ Dell จะไม่ใช้คำว่า “ถูกเจาะระบบ” โดยตรง แต่ก็ยอมรับว่ามีการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และกำลังสอบสวนเพิ่มเติม ✅ กลุ่ม World Leaks อ้างว่าเจาะระบบของ Dell และนำข้อมูลภายในกว่า 1.3 TB ออกมาเผยแพร่ ➡️ มีไฟล์กว่า 416,103 รายการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือภายในและข้อมูลระบบ ✅ ข้อมูลครอบคลุมจากหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่นอเมริกา, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก ➡️ มีสคริปต์ระบบ, โค้ดทดสอบ, และข้อมูลการพัฒนาและสนับสนุน ✅ Dell ยืนยันว่ามีการเข้าถึงระบบ “Solution Center” ที่ใช้สำหรับการสาธิตและทดสอบ ➡️ ระบบนี้แยกจากเครือข่ายลูกค้าและพันธมิตร และมีข้อมูลสังเคราะห์เป็นหลัก ✅ World Leaks เปลี่ยนกลยุทธ์จาก ransomware มาเป็นการขโมยข้อมูลและขู่เปิดเผย ➡️ ลดความเสี่ยงจากการถูกติดตามโดยหน่วยงานรัฐ และเพิ่มแรงกดดันต่อเหยื่อ ✅ ใช้เครื่องมือ exfiltration แบบใหม่ที่สามารถดึงข้อมูลจำนวนมากโดยอัตโนมัติ ➡️ เป็นเวอร์ชันที่พัฒนาจากเครื่องมือเดิมของ Hunters International ✅ Dell เคยถูกเจาะระบบมาก่อน เช่นในปี 2024 ที่มีข้อมูลลูกค้าและพนักงานรั่วไหล ➡️ รวมถึงข้อมูลจาก 49 ล้านบัญชี และพนักงานกว่า 10,000 คน https://hackread.com/world-leaks-dell-data-breach-leaks-1-3-tb-of-files/
    HACKREAD.COM
    World Leaks Claims Dell Data Breach, Leaks 1.3 TB of Files
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • ชัดเจนแล้วว่าสหรัฐยังคงทำสงครามกับรัสเซียผ่านยูเครนต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะอ้างว่าต้องการยุติความขัดแย้งก็ตาม

    ข้อตกลงแร่หายากที่สหรัฐทำกับยูเครน จะรวมถึงการเสนอขายอาวุธมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ นอกเหนือไปจากสัญญาที่จัดทำขึ้นไว้ก่อนแล้วเมื่อช่วงต้นปีนี้โดยผู้ผลิตอาวุธในสหรัฐกับชาติในยุโรป ซึ่งจะโอนอาวุธของสหรัฐให้กับยูเครน

    การเจรจาที่ผ่านมาของสหรัฐที่พวกเขาพยายามแสร้งเป็น "คนกลาง" เป็นเพียงกลอุบายที่ต้องการบีบยูเครนให้ยอมทำข้อตกลงแร่ธาตุเท่านั้น

    พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่าเป้าหมายของสหรัฐคือการระงับ(freeze) ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียเท่านั้น ไม่ใช่ยุติ (end) ความขัดแย้ง เพื่อมอบหมายให้ยุโรปเข้ามาดำเนินการแทน โดยสหรัฐจะย้ายเป้าหมายไปสร้างความขัดแย้งที่คล้ายคลึงกันกับจีน-ไต้หวันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแทน
    ชัดเจนแล้วว่าสหรัฐยังคงทำสงครามกับรัสเซียผ่านยูเครนต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะอ้างว่าต้องการยุติความขัดแย้งก็ตาม ข้อตกลงแร่หายากที่สหรัฐทำกับยูเครน จะรวมถึงการเสนอขายอาวุธมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ นอกเหนือไปจากสัญญาที่จัดทำขึ้นไว้ก่อนแล้วเมื่อช่วงต้นปีนี้โดยผู้ผลิตอาวุธในสหรัฐกับชาติในยุโรป ซึ่งจะโอนอาวุธของสหรัฐให้กับยูเครน การเจรจาที่ผ่านมาของสหรัฐที่พวกเขาพยายามแสร้งเป็น "คนกลาง" เป็นเพียงกลอุบายที่ต้องการบีบยูเครนให้ยอมทำข้อตกลงแร่ธาตุเท่านั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่าเป้าหมายของสหรัฐคือการระงับ(freeze) ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียเท่านั้น ไม่ใช่ยุติ (end) ความขัดแย้ง เพื่อมอบหมายให้ยุโรปเข้ามาดำเนินการแทน โดยสหรัฐจะย้ายเป้าหมายไปสร้างความขัดแย้งที่คล้ายคลึงกันกับจีน-ไต้หวันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแทน
    0 Comments 0 Shares 588 Views 0 Reviews
  • ยางคอนติเนนทอล ปิดโรงงานอลอร์สตาร์ มาเลเซีย

    คอนติเนนทอล (Continental) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์อันดับ 1 จากประเทศเยอรมนี ที่มียอดขายสูงสุด 1 ใน 3 ของโลก กำลังเตรียมปิดโรงงานผลิตยางรถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกขนาดเบา และจักรยานยนต์สำหรับตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเมืองอลอร์สตาร์ (Aloe Setar) รัฐเคดะห์ (Kedah) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ภายในสิ้นปี 2568 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการคงความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นผลจากการพิจารณาทบทวนธุรกิจเต็มรูปแบบ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์ และสถานที่ตั้งโรงงาน

    สำหรับพนักงานทั้งหมด 950 คน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานในครั้งนี้ คอนติเนนทอลได้เสนอความช่วยเหลือ เช่น การให้คำปรึกษาด้านอาชีพ และการสำรวจโอกาสในการทำงานทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ การปิดโรงงานดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่ดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 46 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2522 บนพื้นที่ 133,000 ตารางเมตร และกลายเป็นบริษัทในเครือคอนติเนนทอลมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2555 อย่างไรก็ตาม ยังเหลือโรงงานในมาเลเซียอีก 1 แห่ง ที่เมืองเปอตาลิง จายา รัฐสลังงอร์ ผลิตยางออฟโรดสำหรับขนย้ายวัสดุและใช้งานทางการเกษตร มีพนักงาน 500 คน

    ยางรถยนต์คอนติเนนทอลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2414 นำเข้าและจำหน่ายในมาเลเซียช่วงต้นทศวรรษปี 1960-1970 กระทั่งในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 คอนติเนนทอลเริ่มลงทุนโดยตรงมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมาเลเซีย โดยในปี 2549 เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท ไซม์ ไทร์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัทในเครือ ไซม์ ดาร์บี้ (Sime Darby) หนึ่งในผู้นำธุรกิจยานยนต์ในมาเลเซีย ทำให้คอนติเนนตัลมีฐานการผลิตและการเข้าถึงตลาดที่สำคัญในมาเลเซียในที่สุด

    แม้ว่าโรงงานที่อลอร์สตาร์จะต้องปิดตัวลง แต่คอนติเนนทอลยืนยันที่จะให้มาเลเซียเป็นตลาดสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน้นย้ำถึงการมุ่งรักษาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและพันธมิตรในประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคอนติเนนทอลมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 22 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชีย มีโรงงานทั้งที่มาเลเซีย เหอเฟย์ในจีน ระยองในไทย โมดิปุรัมในอินเดีย และกาลูทาราในศรีลังกา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ต.ค. 2567 คอนติเนนทอล ประกาศว่า กำลังขยายกำลังการผลิตยางรถยนต์ในโรงงานจังหวัดระยอง ประเทศไทย อีก 3 ล้านเส้นต่อปี สร้างงานเพิ่ม 600 อัตรา วางแผนลงทุนมากกว่า 300 ล้านยูโร (13,000 ล้านบาท)

    #Newskit
    ยางคอนติเนนทอล ปิดโรงงานอลอร์สตาร์ มาเลเซีย คอนติเนนทอล (Continental) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์อันดับ 1 จากประเทศเยอรมนี ที่มียอดขายสูงสุด 1 ใน 3 ของโลก กำลังเตรียมปิดโรงงานผลิตยางรถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกขนาดเบา และจักรยานยนต์สำหรับตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเมืองอลอร์สตาร์ (Aloe Setar) รัฐเคดะห์ (Kedah) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ภายในสิ้นปี 2568 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการคงความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นผลจากการพิจารณาทบทวนธุรกิจเต็มรูปแบบ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์ และสถานที่ตั้งโรงงาน สำหรับพนักงานทั้งหมด 950 คน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานในครั้งนี้ คอนติเนนทอลได้เสนอความช่วยเหลือ เช่น การให้คำปรึกษาด้านอาชีพ และการสำรวจโอกาสในการทำงานทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ การปิดโรงงานดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่ดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 46 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2522 บนพื้นที่ 133,000 ตารางเมตร และกลายเป็นบริษัทในเครือคอนติเนนทอลมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2555 อย่างไรก็ตาม ยังเหลือโรงงานในมาเลเซียอีก 1 แห่ง ที่เมืองเปอตาลิง จายา รัฐสลังงอร์ ผลิตยางออฟโรดสำหรับขนย้ายวัสดุและใช้งานทางการเกษตร มีพนักงาน 500 คน ยางรถยนต์คอนติเนนทอลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2414 นำเข้าและจำหน่ายในมาเลเซียช่วงต้นทศวรรษปี 1960-1970 กระทั่งในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 คอนติเนนทอลเริ่มลงทุนโดยตรงมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมาเลเซีย โดยในปี 2549 เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท ไซม์ ไทร์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัทในเครือ ไซม์ ดาร์บี้ (Sime Darby) หนึ่งในผู้นำธุรกิจยานยนต์ในมาเลเซีย ทำให้คอนติเนนตัลมีฐานการผลิตและการเข้าถึงตลาดที่สำคัญในมาเลเซียในที่สุด แม้ว่าโรงงานที่อลอร์สตาร์จะต้องปิดตัวลง แต่คอนติเนนทอลยืนยันที่จะให้มาเลเซียเป็นตลาดสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน้นย้ำถึงการมุ่งรักษาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าและพันธมิตรในประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคอนติเนนทอลมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 22 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก โดยในภูมิภาคเอเชีย มีโรงงานทั้งที่มาเลเซีย เหอเฟย์ในจีน ระยองในไทย โมดิปุรัมในอินเดีย และกาลูทาราในศรีลังกา ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ต.ค. 2567 คอนติเนนทอล ประกาศว่า กำลังขยายกำลังการผลิตยางรถยนต์ในโรงงานจังหวัดระยอง ประเทศไทย อีก 3 ล้านเส้นต่อปี สร้างงานเพิ่ม 600 อัตรา วางแผนลงทุนมากกว่า 300 ล้านยูโร (13,000 ล้านบาท) #Newskit
    0 Comments 0 Shares 599 Views 0 Reviews
  • Novomatic บริษัทเทคโนโลยีเกมรายใหญ่ในยุโรป ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Ainsworth Game Technology ผู้ผลิตเครื่องสล็อตชั้นนำของออสเตรเลียอย่างเต็มรูปแบบ โดยการซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ที่ Novomatic ยังไม่ได้ถือครองในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายล่าสุดถึง 35% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ AU$336 ล้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกมคาสิโนทั่วโลก

    Novomatic ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ainsworth ตั้งแต่ปี 2016 ได้วางแผนที่จะใช้การควบรวมกิจการนี้เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล

    การซื้อหุ้นและมูลค่าการซื้อขาย
    - Novomatic ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น
    - มูลค่ารวมของการซื้อกิจการประมาณ AU$336 ล้าน

    เป้าหมายของการควบรวมกิจการ
    - ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ
    - พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล

    ผลกระทบต่อ Ainsworth
    - Ainsworth ได้รับความมั่นคงทางการเงินจากการควบรวมกิจการ
    - การพัฒนา R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการสนับสนุนจาก Novomatic

    กระบวนการและการอนุมัติ
    - การซื้อกิจการจะดำเนินการผ่าน Scheme of Arrangement
    - ได้รับการอนุมัติจาก FIRB และต้องการการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและศาล

    https://computercity.com/software/gaming/novomatic-to-acquire-ainsworth-in-strategic-gaming-industry-move
    Novomatic บริษัทเทคโนโลยีเกมรายใหญ่ในยุโรป ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Ainsworth Game Technology ผู้ผลิตเครื่องสล็อตชั้นนำของออสเตรเลียอย่างเต็มรูปแบบ โดยการซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ที่ Novomatic ยังไม่ได้ถือครองในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายล่าสุดถึง 35% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ AU$336 ล้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกมคาสิโนทั่วโลก Novomatic ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ainsworth ตั้งแต่ปี 2016 ได้วางแผนที่จะใช้การควบรวมกิจการนี้เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล ✅ การซื้อหุ้นและมูลค่าการซื้อขาย - Novomatic ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น - มูลค่ารวมของการซื้อกิจการประมาณ AU$336 ล้าน ✅ เป้าหมายของการควบรวมกิจการ - ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ - พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล ✅ ผลกระทบต่อ Ainsworth - Ainsworth ได้รับความมั่นคงทางการเงินจากการควบรวมกิจการ - การพัฒนา R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการสนับสนุนจาก Novomatic ✅ กระบวนการและการอนุมัติ - การซื้อกิจการจะดำเนินการผ่าน Scheme of Arrangement - ได้รับการอนุมัติจาก FIRB และต้องการการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและศาล https://computercity.com/software/gaming/novomatic-to-acquire-ainsworth-in-strategic-gaming-industry-move
    COMPUTERCITY.COM
    Novomatic To Acquire Ainsworth In Strategic Gaming Industry Move
    Novomatic, one of Europe’s largest gaming technology giants, has announced a strategic move to fully acquire Ainsworth Game Technology, a leading Australian
    0 Comments 0 Shares 366 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก

    Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน

    Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ

    สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค
    - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ
    - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    การจัดสรรเงินทุน
    - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025
    - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน

    การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE)
    - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ
    - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์

    การเปิดตัวเกม ShieldUp!
    - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025

    https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง ✅ การจัดสรรเงินทุน - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025 - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp! - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google bolsters its anti-scam efforts across Asia-Pacific
    In 2024, customers across Asia-Pacific lost 688 billion USD to scams. At Taiwan's Online Safety Dialogue, Google unveiled new partnerships, grants, and real-time tools to fight back.
    0 Comments 0 Shares 426 Views 0 Reviews
  • Storadera ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านคลาวด์จากยุโรป กำลังท้าทายผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Wasabi, iDrive และ BackBlaze ด้วยโซลูชัน S3-compatible storage ที่มีราคาถูกเพียง €6/TB/เดือน และตั้งอยู่ในยุโรปเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้าน data sovereignty

    Storadera เสนอราคาถูกกว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่
    - ค่าบริการอยู่ที่ €6/TB/เดือน ซึ่งต่ำกว่าราคาของ BackBlaze ที่ €4.75/TB/เดือน
    - ใช้ HDDs แทน SSDs เพื่อลดต้นทุน แต่ยังคงรักษาความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล

    ระบบจัดเก็บข้อมูลของ Storadera ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Hyperconverged
    - ใช้ JBODs (Just a Bunch of Disks) ที่มี 102 HDDs ต่อ rack
    - ใช้ erasure coding schemes เช่น 4+2 และ 6+2 เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล

    Storadera วางแผนขยายตลาดไปยังเยอรมนีและสหราชอาณาจักร
    - คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดเยอรมนีภายใน กลางปี 2025
    - มีแผนขยายไปยัง อเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิก ในอนาคต

    บริษัทมีฐานลูกค้ารวมถึงรัฐบาลเอสโตเนียและ Telia
    - แม้จะมีรายได้ต่ำกว่า €1 ล้านต่อปี แต่บริษัทระบุว่า สามารถทำกำไรได้และเติบโต 5% ต่อเดือน

    https://www.techradar.com/pro/tiny-startup-could-challenge-wasabi-idrive-and-backblaze-with-sovereign-eu-cloud-storage-solution-at-rock-bottom-prices
    Storadera ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านคลาวด์จากยุโรป กำลังท้าทายผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Wasabi, iDrive และ BackBlaze ด้วยโซลูชัน S3-compatible storage ที่มีราคาถูกเพียง €6/TB/เดือน และตั้งอยู่ในยุโรปเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้าน data sovereignty ✅ Storadera เสนอราคาถูกกว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ - ค่าบริการอยู่ที่ €6/TB/เดือน ซึ่งต่ำกว่าราคาของ BackBlaze ที่ €4.75/TB/เดือน - ใช้ HDDs แทน SSDs เพื่อลดต้นทุน แต่ยังคงรักษาความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ✅ ระบบจัดเก็บข้อมูลของ Storadera ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Hyperconverged - ใช้ JBODs (Just a Bunch of Disks) ที่มี 102 HDDs ต่อ rack - ใช้ erasure coding schemes เช่น 4+2 และ 6+2 เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล ✅ Storadera วางแผนขยายตลาดไปยังเยอรมนีและสหราชอาณาจักร - คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดเยอรมนีภายใน กลางปี 2025 - มีแผนขยายไปยัง อเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิก ในอนาคต ✅ บริษัทมีฐานลูกค้ารวมถึงรัฐบาลเอสโตเนียและ Telia - แม้จะมีรายได้ต่ำกว่า €1 ล้านต่อปี แต่บริษัทระบุว่า สามารถทำกำไรได้และเติบโต 5% ต่อเดือน https://www.techradar.com/pro/tiny-startup-could-challenge-wasabi-idrive-and-backblaze-with-sovereign-eu-cloud-storage-solution-at-rock-bottom-prices
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • Axiom Space บริษัทอเมริกันที่เชี่ยวชาญด้านภารกิจอวกาศและเป็นหน่วยงานเชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่มีโมดูลเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจในการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์บางชนิดในอวกาศ โดยเชื่อว่าสภาพแวดล้อมในวงโคจรต่ำของโลก (LEO) สามารถผลิตวัสดุที่บริสุทธิ์มากขึ้นได้

    ดร. Koichi Wakata, CTO ของ Axiom Space ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอดีตผู้บัญชาการ ISS จากญี่ปุ่น ได้เน้นถึงศักยภาพของสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำและสุญญากาศในการปรับปรุงการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ สภาพแวดล้อมเหล่านี้ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกที่ปราศจากข้อบกพร่อง ซึ่งยากที่จะผลิตบนโลกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงและสิ่งสกปรกในบรรยากาศ

    Divya Panchanathan หัวหน้าฝ่ายการค้าเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกของ Axiom อธิบายว่าแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เกิดข้อบกพร่องในโครงสร้างผลึก ในขณะที่แรงโน้มถ่วงต่ำใน LEO ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกมีความสม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ สุญญากาศในอวกาศยังช่วยให้กระบวนการผลิตที่ปราศจากภาชนะ ลดการปนเปื้อน และช่วยให้ผลิตผลึกที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับเซมิคอนดักเตอร์

    Axiom ได้เสนอความร่วมมือกับบริษัทไต้หวันเพื่อทำการทดลองเบื้องต้นบน ISS และวางแผนที่จะย้ายการผลิตไปยังสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ของ Axiom หลังปี 2030 บริษัทมองเห็นกระบวนการที่สามารถขยายได้ ซึ่งการทดลองที่ประสบความสำเร็จจะนำไปสู่การผลิตเต็มรูปแบบในโมดูลอวกาศที่ทุ่มเท

    แม้ว่าการผลิตในอวกาศจะมีข้อพิจารณาทางปฏิบัติ เช่น ค่าใช้จ่ายในการส่งวัสดุไปยังอวกาศและการบำรุงรักษาสถานีโคจร แต่ Axiom เชื่อว่าการผลิตวัสดุที่มีคุณภาพสูงขึ้นในอวกาศอาจคุ้มค่าในอนาคต โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ย้ายไปสู่เทคโนโลยีกระบวนการย่อยแองสตรอม

    นอกจากนี้ Axiom ยังระบุถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อาจได้รับประโยชน์จากการผลิตในอวกาศ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยา และการพิมพ์ 3 มิติของอวัยวะเทียม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/axiom-space-pitches-idea-to-produce-chipmaking-materials-in-space-plans-trials-aboard-iss
    Axiom Space บริษัทอเมริกันที่เชี่ยวชาญด้านภารกิจอวกาศและเป็นหน่วยงานเชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่มีโมดูลเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้เสนอแนวคิดที่น่าสนใจในการผลิตวัสดุเซมิคอนดักเตอร์บางชนิดในอวกาศ โดยเชื่อว่าสภาพแวดล้อมในวงโคจรต่ำของโลก (LEO) สามารถผลิตวัสดุที่บริสุทธิ์มากขึ้นได้ ดร. Koichi Wakata, CTO ของ Axiom Space ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอดีตผู้บัญชาการ ISS จากญี่ปุ่น ได้เน้นถึงศักยภาพของสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำและสุญญากาศในการปรับปรุงการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ สภาพแวดล้อมเหล่านี้ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกที่ปราศจากข้อบกพร่อง ซึ่งยากที่จะผลิตบนโลกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงและสิ่งสกปรกในบรรยากาศ Divya Panchanathan หัวหน้าฝ่ายการค้าเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกของ Axiom อธิบายว่าแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้เกิดข้อบกพร่องในโครงสร้างผลึก ในขณะที่แรงโน้มถ่วงต่ำใน LEO ช่วยให้การเจริญเติบโตของผลึกมีความสม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ สุญญากาศในอวกาศยังช่วยให้กระบวนการผลิตที่ปราศจากภาชนะ ลดการปนเปื้อน และช่วยให้ผลิตผลึกที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ Axiom ได้เสนอความร่วมมือกับบริษัทไต้หวันเพื่อทำการทดลองเบื้องต้นบน ISS และวางแผนที่จะย้ายการผลิตไปยังสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ของ Axiom หลังปี 2030 บริษัทมองเห็นกระบวนการที่สามารถขยายได้ ซึ่งการทดลองที่ประสบความสำเร็จจะนำไปสู่การผลิตเต็มรูปแบบในโมดูลอวกาศที่ทุ่มเท แม้ว่าการผลิตในอวกาศจะมีข้อพิจารณาทางปฏิบัติ เช่น ค่าใช้จ่ายในการส่งวัสดุไปยังอวกาศและการบำรุงรักษาสถานีโคจร แต่ Axiom เชื่อว่าการผลิตวัสดุที่มีคุณภาพสูงขึ้นในอวกาศอาจคุ้มค่าในอนาคต โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ย้ายไปสู่เทคโนโลยีกระบวนการย่อยแองสตรอม นอกจากนี้ Axiom ยังระบุถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อาจได้รับประโยชน์จากการผลิตในอวกาศ เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ ยา และการพิมพ์ 3 มิติของอวัยวะเทียม https://www.tomshardware.com/tech-industry/axiom-space-pitches-idea-to-produce-chipmaking-materials-in-space-plans-trials-aboard-iss
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • ไมเนอร์ซุ่มปั้นแบรนด์ เดอะสเต็กแอนด์มอร์

    วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ต้อนรับร้านอาหารใหม่ที่ชื่อว่า เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The Steak & More) บริเวณชั้น 2 ใกล้ลานน้ำพุ เป็นร้านเมนูสเต็กจานใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท พร้อมเครื่องเคียงให้เลือกมากกว่า 20 เมนู แถมยังมีเมนูพาสต้าและสลัดให้บริการอีกด้วย รูปแบบของร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มและดำ ในคอนเซปต์ Tasty, Variety, Value, Fun

    เมนูสเต็กเลือกซอสได้ 1 อย่าง ประกอบด้วย ซอสพริกไทยดำ ซอสสไปซี่มาโย กระเทียม หรือน้ำจิ้มแจ่ว และเครื่องเคียง 1 อย่าง เช่น ส้มตำ ลาบไก่ ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว เฟรนซ์ฟรายส์ โปเตโต้ป๊อป มันบด ข้าวผัดเนยกระเทียม ซีซาร์สลัด สลัดญี่ปุ่น สลัดยูสุ โคลส์สลอว์ ชีสโทสต์ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงแบบพรีเมียมได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ ขนมปังกระเทียมชีส มันอบชีส มักกะโรนีชีส กุ้งเลมอนครีม คาร์โบนารา ไก่ผัดพริกกระเทียม หมึกดำไข่กุ้ง และสไปซี่เพสโต เป็นต้น

    นอกจากนี้ ยังมีเมนูพาสต้า สลัด และซุปให้เลือกอีกด้วย เมนูแนะนำได้แก่ สลัดเต้าหู้สาหร่ายซิกเนเจอร์ ราคา 169 บาท ด้วยจุดเด่นเต้าหู้ชิ้นใหญ่ สปาเก็ตตี้หมึกดำไข่กุ้ง ราคา 169 บาท ส้มตำ ราคา 79 บาท พอร์คชอปราคา 299 บาท ไก่กรอบไจแอนท์ ราคา 169 บาท สเต็กปลาย่าง ราคา 149 บาท ซุปครีมเห็ด หรือซุปหอยลาย ราคา 69 บาท รวมทั้งมีมุม Drink & Soft Serve ที่มีเครื่องดื่มรีฟิลเติมได้ไม่อั้น โค้กสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง

    จากการค้นหาปรากฎว่าเป็นของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในไทยได้แก่ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ บอนชอน เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ คอฟฟี่เจอร์นี่ กาก้า เป็นต้น

    แม้ในไทยจะมีร้านสเต็กทั้งรายใหญ่และรายย่อย แต่ที่กำลังมาแรงคือ อีทแอมอาร์ (Eat Am Are) ของบริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด ที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณเยอะ เสิร์ฟพร้อมขนมปังชีสและเครื่องเคียง 1 รายการ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเครื่องเคียงพิเศษได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ สไลซ์โปเตโต้ มันบด มันอบ สปาเก็ตตี้ ส้มตำ จากสาขาแรกปากซอยรางน้ำ ปัจจุบันขยายไปแล้ว 18 สาขา และหากเปิดตัวครั้งใดก็มีคนต่อคิวยาวเหยียด

    อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมเนอร์ฯ ตัดสินใจปั้นแบรนด์ร้านสเต็กจานใหญ่ นอกเหนือจากซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับสลัดบาร์ เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2535 และมีจำนวนสาขา 68 สาขาในปัจจุบัน

    #Newskit
    ไมเนอร์ซุ่มปั้นแบรนด์ เดอะสเต็กแอนด์มอร์ วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ต้อนรับร้านอาหารใหม่ที่ชื่อว่า เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The Steak & More) บริเวณชั้น 2 ใกล้ลานน้ำพุ เป็นร้านเมนูสเต็กจานใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท พร้อมเครื่องเคียงให้เลือกมากกว่า 20 เมนู แถมยังมีเมนูพาสต้าและสลัดให้บริการอีกด้วย รูปแบบของร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มและดำ ในคอนเซปต์ Tasty, Variety, Value, Fun เมนูสเต็กเลือกซอสได้ 1 อย่าง ประกอบด้วย ซอสพริกไทยดำ ซอสสไปซี่มาโย กระเทียม หรือน้ำจิ้มแจ่ว และเครื่องเคียง 1 อย่าง เช่น ส้มตำ ลาบไก่ ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว เฟรนซ์ฟรายส์ โปเตโต้ป๊อป มันบด ข้าวผัดเนยกระเทียม ซีซาร์สลัด สลัดญี่ปุ่น สลัดยูสุ โคลส์สลอว์ ชีสโทสต์ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงแบบพรีเมียมได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ ขนมปังกระเทียมชีส มันอบชีส มักกะโรนีชีส กุ้งเลมอนครีม คาร์โบนารา ไก่ผัดพริกกระเทียม หมึกดำไข่กุ้ง และสไปซี่เพสโต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเมนูพาสต้า สลัด และซุปให้เลือกอีกด้วย เมนูแนะนำได้แก่ สลัดเต้าหู้สาหร่ายซิกเนเจอร์ ราคา 169 บาท ด้วยจุดเด่นเต้าหู้ชิ้นใหญ่ สปาเก็ตตี้หมึกดำไข่กุ้ง ราคา 169 บาท ส้มตำ ราคา 79 บาท พอร์คชอปราคา 299 บาท ไก่กรอบไจแอนท์ ราคา 169 บาท สเต็กปลาย่าง ราคา 149 บาท ซุปครีมเห็ด หรือซุปหอยลาย ราคา 69 บาท รวมทั้งมีมุม Drink & Soft Serve ที่มีเครื่องดื่มรีฟิลเติมได้ไม่อั้น โค้กสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง จากการค้นหาปรากฎว่าเป็นของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในไทยได้แก่ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ บอนชอน เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ คอฟฟี่เจอร์นี่ กาก้า เป็นต้น แม้ในไทยจะมีร้านสเต็กทั้งรายใหญ่และรายย่อย แต่ที่กำลังมาแรงคือ อีทแอมอาร์ (Eat Am Are) ของบริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด ที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณเยอะ เสิร์ฟพร้อมขนมปังชีสและเครื่องเคียง 1 รายการ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเครื่องเคียงพิเศษได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ สไลซ์โปเตโต้ มันบด มันอบ สปาเก็ตตี้ ส้มตำ จากสาขาแรกปากซอยรางน้ำ ปัจจุบันขยายไปแล้ว 18 สาขา และหากเปิดตัวครั้งใดก็มีคนต่อคิวยาวเหยียด อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมเนอร์ฯ ตัดสินใจปั้นแบรนด์ร้านสเต็กจานใหญ่ นอกเหนือจากซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับสลัดบาร์ เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2535 และมีจำนวนสาขา 68 สาขาในปัจจุบัน #Newskit
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1131 Views 0 Reviews
  • วันแบงค็อก กับห้าง‘หลง’ที่สุด

    จากความตั้งใจของเสี่ยเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่อยากให้ประเทศไทยมีแลนด์มาร์คพิเศษ ที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกชื่นชมที่จะนำความเจริญ และความภาคภูมิใจมาสู่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำมาสู่ วันแบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 108 ไร่ ซึ่งเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567

    พื้นที่ค้าปลีกกว่า 190,000 ตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมี 2 โซน ได้แก่ โซนพาเหรด (Parade) โซนเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ที่ยังไม่เปิดคือโซนโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท (POST 1928) เสียงวิจารณ์ที่ตามมานอกจากทำถนนวิทยุ ถนนพระรามที่ 4 และถนนสาทร รถติดหนักกว่าเดิมแล้ว โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่และแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้คนที่มาเยือนครั้งแรกเกิดหลงทางทันที จากเดิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ครองแชมป์เดินแล้วหลง เจอวันแบงค็อกเข้าไปต้องเรียกพี่

    แนะนำว่าถ้ามาครั้งแรก ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีลุมพินี ทางออก 1 ดีที่สุด มีทางเชื่อมใต้ดินไปยังโครงการ และจำไว้ว่า MRT ตั้งอยู่ในโซนพาเหรด ชั้น B1 อาคาร Tower 3 ฝั่งถนนพระรามที่ 4

    ชั้น B1 พบกับบิ๊กซีมินิ ร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวาสุดทางเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์สัญชาติญี่ปุ่น มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ชั้น G เป็นลานพาเหรดสแควร์ (Parade Square) สำหรับจัดงานมินิคอนเสิร์ต ชั้น 1-2 เป็นคิงเพาเวอร์ ซิตี้บูติก (King Power City Boutique) จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที ชั้น 3 เป็นห้างสารพัดไทย ของคิงเพาเวอร์ ชั้น 5 เป็นโรงภาพยนตร์วันอัลตร้าสกรีน (One Ultra Screen) และศูนย์อาหารฟู้ดสตรีท (Food Street)

    เดินไปทางซ้ายจะเป็นโซนเดอะสตอรี่ส์ ฝั่งถนนวิทยุ ประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งสองโซนจะเชื่อมถึงกัน ตรงกลางจะเป็นวันแบงค็อกพาร์ค (One Bangkok Park) พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ทางเข้าอาคาร Tower 4

    ถัดไปจะเป็นวันแบงค็อกบูเลอวาร์ด (One Bangkok Boulevard) อาคารโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท อาคาร Tower 5 และอาคารวันแบงค็อกฟอรั่ม (One Bangkok Forum) ศูนย์ประชุมและจัดคอนเสิร์ต โดยชั้น G มีบิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ (Big C Bangkok Marché) โมเดลฟู้ดเพลสรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้ทางเชื่อมทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านลุมพินีมากที่สุด นับจากนี้จะมีโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ตามมา และอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2569

    #Newskit #OneBangkok
    วันแบงค็อก กับห้าง‘หลง’ที่สุด จากความตั้งใจของเสี่ยเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่อยากให้ประเทศไทยมีแลนด์มาร์คพิเศษ ที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกชื่นชมที่จะนำความเจริญ และความภาคภูมิใจมาสู่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำมาสู่ วันแบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 108 ไร่ ซึ่งเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 พื้นที่ค้าปลีกกว่า 190,000 ตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมี 2 โซน ได้แก่ โซนพาเหรด (Parade) โซนเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ที่ยังไม่เปิดคือโซนโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท (POST 1928) เสียงวิจารณ์ที่ตามมานอกจากทำถนนวิทยุ ถนนพระรามที่ 4 และถนนสาทร รถติดหนักกว่าเดิมแล้ว โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่และแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้คนที่มาเยือนครั้งแรกเกิดหลงทางทันที จากเดิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ครองแชมป์เดินแล้วหลง เจอวันแบงค็อกเข้าไปต้องเรียกพี่ แนะนำว่าถ้ามาครั้งแรก ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีลุมพินี ทางออก 1 ดีที่สุด มีทางเชื่อมใต้ดินไปยังโครงการ และจำไว้ว่า MRT ตั้งอยู่ในโซนพาเหรด ชั้น B1 อาคาร Tower 3 ฝั่งถนนพระรามที่ 4 ชั้น B1 พบกับบิ๊กซีมินิ ร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวาสุดทางเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์สัญชาติญี่ปุ่น มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ชั้น G เป็นลานพาเหรดสแควร์ (Parade Square) สำหรับจัดงานมินิคอนเสิร์ต ชั้น 1-2 เป็นคิงเพาเวอร์ ซิตี้บูติก (King Power City Boutique) จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที ชั้น 3 เป็นห้างสารพัดไทย ของคิงเพาเวอร์ ชั้น 5 เป็นโรงภาพยนตร์วันอัลตร้าสกรีน (One Ultra Screen) และศูนย์อาหารฟู้ดสตรีท (Food Street) เดินไปทางซ้ายจะเป็นโซนเดอะสตอรี่ส์ ฝั่งถนนวิทยุ ประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งสองโซนจะเชื่อมถึงกัน ตรงกลางจะเป็นวันแบงค็อกพาร์ค (One Bangkok Park) พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ทางเข้าอาคาร Tower 4 ถัดไปจะเป็นวันแบงค็อกบูเลอวาร์ด (One Bangkok Boulevard) อาคารโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท อาคาร Tower 5 และอาคารวันแบงค็อกฟอรั่ม (One Bangkok Forum) ศูนย์ประชุมและจัดคอนเสิร์ต โดยชั้น G มีบิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ (Big C Bangkok Marché) โมเดลฟู้ดเพลสรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้ทางเชื่อมทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านลุมพินีมากที่สุด นับจากนี้จะมีโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ตามมา และอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2569 #Newskit #OneBangkok
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 1676 Views 0 Reviews
  • United Airlines ประกาศเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ ในปี2568 เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง และขยายเส้นทางบินในเอเชียแปซิฟิก เปิดบินไปเกาสง ไต้หวันและอูลานบาตอร์ในมองโกเลียด้วย

    11 ตุลาคม 2567 -รายงานจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส(UA/UAL) สายการบินของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ในปี 2568 นี้ โดยจะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง

    ในจำนวนนี้มีจุดบินที่น่าสนใจในเอเชียแปซิฟิก เมื่อยูไนเต็ดประกาศว่าจะให้บริการสู่เกาสง ไต้หวัน จากโตเกียวด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบินตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 และให้บริการสู่อูลานบาตอร์ มองโกเลีย จากโตเกียวด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบบเฉพาะฤดูกาลเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568

    การขยายสู่จุดบินใหม่สองแห่งในเอเชียด้วยการใช้สิทธิตามเสรีภาพการบินที่ 5(Fifth Freedom of Flight) จากโตเกียวนี้เป็นการเพิ่มโอกาสและการเชื่อมต่อเมืองหรือดินแดนใหม่ ๆ ให้กับสายการบินยูไนเต็ด โดยผู้โดยสารจากเมืองต่าง ๆ ในเอเชียสามารถเดินทางกับยูไนเต็ดและพันธมิตรไปยังสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้ ผ่านโตเกียว

    ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สมีเที่ยวบินจากโตเกียว(นาริตะ) สู่เซบู(เริ่มบิน 27 ตุลาคม) และจะเพิ่มอีก 2 จุดบินในเอเชียคือ เกาสง และอูลานบาตอร์จะเริ่มให้บริการในปี 2568 และให้บริการจุดบินอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ผ่านกิจการร่วมค้ากับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ โดยที่ยูไนเต็ดมีเที่ยวบินเชื่อม 7 จุดบินในสหรัฐอเมริกากับนาริตะ ได้แก่ เดนเวอร์ กวม ฮุสตัน ลอสแอนเจลิส นูอาร์ก ไซปันและซานฟรานซิสโก (หากรวมเที่ยวบินที่บริการด้วยออลนิปปอนแอร์เวย์สด้วยจะเพิ่มเป็น 9 จุดบินคือเพิ่ม ชิคาโก และโฮโนลูลู)

    สำหรับในเอเชียปัจจุบัน สายการบินยูไนเต็ดให้บริการเที่ยวบิน(รวมที่ทำการบินจากจุดบินอื่น ๆ ไม่เพียงแค่โตเกียว นาริตะ)สู่จุดบินต่าง ๆ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โซล(อินชอน) โตเกียว(ฮาเนดะ) นาโกย่า ฟุกุโอกะ ฮ่องกง ไทเป มะนิลา และสิงคโปร์

    แต่เส้นทางบินใหม่ของUnited Airlines ยังขยายเครือข่ายในแปซิฟิกด้วย โดยจะเพิ่มเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสายการบินอื่นใดในสหรัฐฯ ให้บริการ นอกจากนี้ United ยังจะเปิดตัวเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังโครอร์ ประเทศปาเลา โดยต่อยอดจากบริการที่มีอยู่จากกวมและมะนิลา

    สำหรับประเทศไทย ในอดีตสายการบินยูไนเต็ดเคยให้บริการมายังกรุงเทพฯ โดยทำการบินจากจุดบินในสหรัฐอเมริกาผ่านโตเกียว ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ของยูไนเต็ดนั้นได้ให้บริการต่อเนื่องยาวนานถึง 28 ปี จนกระทั่งสายการบินยูไนเต็ดได้หยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างนาริตะกับกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มีนาคม 2557 (เที่ยวบินสุดท้าย 30 มีนาคม 2557) และให้บริการกรุงเทพฯ ผ่านกิจการร่วมค้ากับออลนิปปอนแอร์เวย์สแทน ซึ่งออลนิปปอนแอร์เวย์สจะเป็นผู้ให้บริการเที่ยวบินที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ จากทั้งโตเกียว(นาริตะและฮาเนดะ) เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของยูไนเต็ดหรือออลนิปปอนแอร์เวย์สในเส้นทางสู่อเมริกาเหนือมานับแต่นั้น

    ทั้งนี้ วิกิพีเดียระบุว่ายูไนเต็ดแอร์ไลน์ (อังกฤษ: United Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย ตามจำนวนฝูงบินและจุดหมายปลายทาง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก หลังจากการผนวกกิจการเข้ากับคอนติเนนตัลแอร์ไลน์ในปี 2010 ยูไนเต็ดมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของสตาร์อัลไลแอนซ์

    #Thaitimes
    United Airlines ประกาศเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ ในปี2568 เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง และขยายเส้นทางบินในเอเชียแปซิฟิก เปิดบินไปเกาสง ไต้หวันและอูลานบาตอร์ในมองโกเลียด้วย 11 ตุลาคม 2567 -รายงานจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส(UA/UAL) สายการบินของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ในปี 2568 นี้ โดยจะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง ในจำนวนนี้มีจุดบินที่น่าสนใจในเอเชียแปซิฟิก เมื่อยูไนเต็ดประกาศว่าจะให้บริการสู่เกาสง ไต้หวัน จากโตเกียวด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบินตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 และให้บริการสู่อูลานบาตอร์ มองโกเลีย จากโตเกียวด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบบเฉพาะฤดูกาลเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 การขยายสู่จุดบินใหม่สองแห่งในเอเชียด้วยการใช้สิทธิตามเสรีภาพการบินที่ 5(Fifth Freedom of Flight) จากโตเกียวนี้เป็นการเพิ่มโอกาสและการเชื่อมต่อเมืองหรือดินแดนใหม่ ๆ ให้กับสายการบินยูไนเต็ด โดยผู้โดยสารจากเมืองต่าง ๆ ในเอเชียสามารถเดินทางกับยูไนเต็ดและพันธมิตรไปยังสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้ ผ่านโตเกียว ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สมีเที่ยวบินจากโตเกียว(นาริตะ) สู่เซบู(เริ่มบิน 27 ตุลาคม) และจะเพิ่มอีก 2 จุดบินในเอเชียคือ เกาสง และอูลานบาตอร์จะเริ่มให้บริการในปี 2568 และให้บริการจุดบินอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ผ่านกิจการร่วมค้ากับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ โดยที่ยูไนเต็ดมีเที่ยวบินเชื่อม 7 จุดบินในสหรัฐอเมริกากับนาริตะ ได้แก่ เดนเวอร์ กวม ฮุสตัน ลอสแอนเจลิส นูอาร์ก ไซปันและซานฟรานซิสโก (หากรวมเที่ยวบินที่บริการด้วยออลนิปปอนแอร์เวย์สด้วยจะเพิ่มเป็น 9 จุดบินคือเพิ่ม ชิคาโก และโฮโนลูลู) สำหรับในเอเชียปัจจุบัน สายการบินยูไนเต็ดให้บริการเที่ยวบิน(รวมที่ทำการบินจากจุดบินอื่น ๆ ไม่เพียงแค่โตเกียว นาริตะ)สู่จุดบินต่าง ๆ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โซล(อินชอน) โตเกียว(ฮาเนดะ) นาโกย่า ฟุกุโอกะ ฮ่องกง ไทเป มะนิลา และสิงคโปร์ แต่เส้นทางบินใหม่ของUnited Airlines ยังขยายเครือข่ายในแปซิฟิกด้วย โดยจะเพิ่มเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสายการบินอื่นใดในสหรัฐฯ ให้บริการ นอกจากนี้ United ยังจะเปิดตัวเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังโครอร์ ประเทศปาเลา โดยต่อยอดจากบริการที่มีอยู่จากกวมและมะนิลา สำหรับประเทศไทย ในอดีตสายการบินยูไนเต็ดเคยให้บริการมายังกรุงเทพฯ โดยทำการบินจากจุดบินในสหรัฐอเมริกาผ่านโตเกียว ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ของยูไนเต็ดนั้นได้ให้บริการต่อเนื่องยาวนานถึง 28 ปี จนกระทั่งสายการบินยูไนเต็ดได้หยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างนาริตะกับกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มีนาคม 2557 (เที่ยวบินสุดท้าย 30 มีนาคม 2557) และให้บริการกรุงเทพฯ ผ่านกิจการร่วมค้ากับออลนิปปอนแอร์เวย์สแทน ซึ่งออลนิปปอนแอร์เวย์สจะเป็นผู้ให้บริการเที่ยวบินที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ จากทั้งโตเกียว(นาริตะและฮาเนดะ) เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของยูไนเต็ดหรือออลนิปปอนแอร์เวย์สในเส้นทางสู่อเมริกาเหนือมานับแต่นั้น ทั้งนี้ วิกิพีเดียระบุว่ายูไนเต็ดแอร์ไลน์ (อังกฤษ: United Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย ตามจำนวนฝูงบินและจุดหมายปลายทาง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก หลังจากการผนวกกิจการเข้ากับคอนติเนนตัลแอร์ไลน์ในปี 2010 ยูไนเต็ดมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของสตาร์อัลไลแอนซ์ #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 906 Views 0 Reviews
  • พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)

    15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่”

    พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่”

    “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน

    ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ
    ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์

    ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป

    ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก
    “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา"

    ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA

    #Thaitimes
    พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป) 15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่” พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่” “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์ ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา" ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 674 Views 0 Reviews
  • การล่มของระบบ Microsoft Windows จีนไม่เดือดร้อนเพราะมีระบบคอมพิวเตอร์ตัวเองที่ "ปลอดภัยและควบคุมเอง" ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ตั้งแต่สายการบินไปจนถึงธนาคาร ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ

    20 กรกฏาคม 2567-รายงานจากสื่อเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 19 กรกฏาคม ไม่มีรายงานความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานในจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากโลกปั่นป่วนจากการล่มของไมโครซอฟต์ ขณะที่สนามบินหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ฮ่องกงไปจนถึงออสเตรเลีย ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สนามบินนานาชาติในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เปิดให้บริการตามปกติ

    อย่างไรก็ตาม แต่พนักงานบริษัทต่างประเทศในเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยกับเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ว่า สำนักงานของเธอเริ่มประสบกับปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องเมื่อบ่ายวันศุกร์ และเกือบทุกคนได้รับผลกระทบ หน้าจอแล็ปท็อปของพนักงานค้างอยู่บนหน้าจอสีฟ้าพร้อมข้อความ "กำลังกู้คืน" ดูเหมือนว่า Windows จะโหลดไม่ถูกต้อง”

    จากนั้นฝ่ายสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทก็สั่งให้ทุกคนปิดคอมพิวเตอร์ รอคำแนะนำเพิ่มเติม และใช้แอปมือถือสำหรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที งานบัญชีของพนักงานก็ล่าช้าเนื่องจากการหยุดทำงาน “รายงาน [ทางการเงิน] ของเดือนนี้จะล่าช้า” เจ้าหน้าที่กล่าว

    พนักงานจากบริษัทต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งรายงานว่าประสบปัญหาหน้าจอสีฟ้าเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. แม้ว่าพนักงานบางคนสามารถรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ได้ในภายหลัง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทได้ ซึ่งแสดงข้อผิดพลาด “502 Bad Gateway” บริษัทบอกกับพนักงานว่า “การสนับสนุนด้านไอทีทั่วโลกได้เปิดใช้งานการตอบสนองในระดับสูงสุดเพื่อแก้ไขปัญหา” ตามที่พนักงานรายดังกล่าวระบุ

    บน Xiaohongshu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนที่มีลักษณะคล้ายอินสตาแกรม ผู้ใช้หลายคนบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากในการเช็คอินในเชนโรงแรมระดับนานาชาติ เช่น Sheraton, Marriott และ Hyatt ในเมืองต่างๆ ของจีน

    ขณะที่บริการสาธารณะของจีนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ เว็บไซต์ของจีนและช่องทางโซเชียลมีเดียของ Microsoft จึงไม่ออกประกาศฉุกเฉินใดๆ Microsoft ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นทันทีเมื่อวันศุกร์

    การที่ภูมิคุ้มกันของจีนต่อการล่มของไมโครซอฟต์ขัดข้อง แสดงให้เห็นว่าจีนลดการพึ่งพาผู้ให้บริการจากต่างประเทศ เช่น Microsoft และบริษัทแอนตี้ไวรัส CrowdStrike ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ออกแคมเปญทั่วทั้งหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักเพื่อแทนที่ฮาร์ดแวร์และระบบจากต่างประเทศด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในประเทศจีน

    การล่มของไมโครซอฟต์มีสาเหตุมาจากการอัปเดตซอฟต์แวร์จาก CrowdStrike ยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบที่ใช้ Windows ทั่วโลก George Kurtz ซีอีโอของ CrowdStrike ยืนยันเมื่อเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่าบริษัทของเขากำลังเร่งแก้ไขปัญหา

    แต่ในจีนมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการล่มของ Microsoft ในประเทศจีน ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศนี้มีความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายของระบบคอมพิวเตอร์ที่ "ปลอดภัยและควบคุมได้" ตามที่พนักงานรัฐบาลจีนคนหนึ่งกล่าว

    ใน Weibo ชาวเน็ตชาวจีนแซวว่า Microsoft “ให้วันหยุดครึ่งวันแก่พวกเขา” ผู้แสดงความคิดเห็นคนหนึ่งกล่าวว่า “บริษัทของเราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่มีระบบ HarmonyOS ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมสนุกกับไมโครซอฟต์ของคุณได้”

    ที่มา :https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3271171/microsoft-outage-leaves-china-largely-untouched-tech-self-sufficiency-campaign-pays
    การล่มของระบบ Microsoft Windows จีนไม่เดือดร้อนเพราะมีระบบคอมพิวเตอร์ตัวเองที่ "ปลอดภัยและควบคุมเอง" ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ตั้งแต่สายการบินไปจนถึงธนาคาร ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ 20 กรกฏาคม 2567-รายงานจากสื่อเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 19 กรกฏาคม ไม่มีรายงานความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานในจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากโลกปั่นป่วนจากการล่มของไมโครซอฟต์ ขณะที่สนามบินหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ฮ่องกงไปจนถึงออสเตรเลีย ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สนามบินนานาชาติในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เปิดให้บริการตามปกติ อย่างไรก็ตาม แต่พนักงานบริษัทต่างประเทศในเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยกับเซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ว่า สำนักงานของเธอเริ่มประสบกับปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้องเมื่อบ่ายวันศุกร์ และเกือบทุกคนได้รับผลกระทบ หน้าจอแล็ปท็อปของพนักงานค้างอยู่บนหน้าจอสีฟ้าพร้อมข้อความ "กำลังกู้คืน" ดูเหมือนว่า Windows จะโหลดไม่ถูกต้อง” จากนั้นฝ่ายสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทก็สั่งให้ทุกคนปิดคอมพิวเตอร์ รอคำแนะนำเพิ่มเติม และใช้แอปมือถือสำหรับการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที งานบัญชีของพนักงานก็ล่าช้าเนื่องจากการหยุดทำงาน “รายงาน [ทางการเงิน] ของเดือนนี้จะล่าช้า” เจ้าหน้าที่กล่าว พนักงานจากบริษัทต่างประเทศอีกแห่งหนึ่งรายงานว่าประสบปัญหาหน้าจอสีฟ้าเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. แม้ว่าพนักงานบางคนสามารถรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ได้ในภายหลัง แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัทได้ ซึ่งแสดงข้อผิดพลาด “502 Bad Gateway” บริษัทบอกกับพนักงานว่า “การสนับสนุนด้านไอทีทั่วโลกได้เปิดใช้งานการตอบสนองในระดับสูงสุดเพื่อแก้ไขปัญหา” ตามที่พนักงานรายดังกล่าวระบุ บน Xiaohongshu ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนที่มีลักษณะคล้ายอินสตาแกรม ผู้ใช้หลายคนบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากในการเช็คอินในเชนโรงแรมระดับนานาชาติ เช่น Sheraton, Marriott และ Hyatt ในเมืองต่างๆ ของจีน ขณะที่บริการสาธารณะของจีนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ เว็บไซต์ของจีนและช่องทางโซเชียลมีเดียของ Microsoft จึงไม่ออกประกาศฉุกเฉินใดๆ Microsoft ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นทันทีเมื่อวันศุกร์ การที่ภูมิคุ้มกันของจีนต่อการล่มของไมโครซอฟต์ขัดข้อง แสดงให้เห็นว่าจีนลดการพึ่งพาผู้ให้บริการจากต่างประเทศ เช่น Microsoft และบริษัทแอนตี้ไวรัส CrowdStrike ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ออกแคมเปญทั่วทั้งหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักเพื่อแทนที่ฮาร์ดแวร์และระบบจากต่างประเทศด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในประเทศจีน การล่มของไมโครซอฟต์มีสาเหตุมาจากการอัปเดตซอฟต์แวร์จาก CrowdStrike ยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบที่ใช้ Windows ทั่วโลก George Kurtz ซีอีโอของ CrowdStrike ยืนยันเมื่อเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่าบริษัทของเขากำลังเร่งแก้ไขปัญหา แต่ในจีนมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการล่มของ Microsoft ในประเทศจีน ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศนี้มีความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายของระบบคอมพิวเตอร์ที่ "ปลอดภัยและควบคุมได้" ตามที่พนักงานรัฐบาลจีนคนหนึ่งกล่าว ใน Weibo ชาวเน็ตชาวจีนแซวว่า Microsoft “ให้วันหยุดครึ่งวันแก่พวกเขา” ผู้แสดงความคิดเห็นคนหนึ่งกล่าวว่า “บริษัทของเราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่มีระบบ HarmonyOS ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมสนุกกับไมโครซอฟต์ของคุณได้” ที่มา :https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3271171/microsoft-outage-leaves-china-largely-untouched-tech-self-sufficiency-campaign-pays
    WWW.SCMP.COM
    China escapes Microsoft outage, thanks to Beijing’s tech self-sufficiency drive
    The Microsoft Windows outage that affected foreign businesses and luxury hotels in China on Friday left the country’s key infrastructure unaffected.
    0 Comments 0 Shares 848 Views 0 Reviews