• ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ประกาศกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการจัดการความขัดแย้งอย่างเหมาะสมและส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านห่วงโซ่อุปทาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000034099

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ประกาศกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการจัดการความขัดแย้งอย่างเหมาะสมและส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านห่วงโซ่อุปทาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000034099 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 953 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลถอยแต่ไม่เลิก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

    หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนแถลงข่าวระบุว่า จะแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจากเหตุแผ่นดินไหว และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ส่วนการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันจะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยประชุมหน้า และจะทำความเข้าใจอธิบาย สื่อสารให้ชัดเจนกับประชาชน เพราะกลายเป็นว่าความตั้งใจถูกเลือกให้เป็นการเปิดกาสิโนแทน

    แม้การรวมตัวของนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน แต่ผลจากการออกแถลงการณ์หลายภาคส่วนทั้งกลุ่มนักกฎหมาย กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งองค์กรทางศาสนา คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการตั้งบ่อนกาสิโนชัดเจน ถือเป็นการจุดติดกับสังคมไทยและรัฐบาลเริ่มหวั่นไหว การตัดสินใจถอนวาระดังกล่าวถือเป็นการดับชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ แมัที่ผ่านมาท่าทีของบิดานายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณว่าไม่กลัวใคร แม้กระทั่งมีข่าวว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ ก็จะพิจารณาให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม

    นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า ตั้งใจว่าจะส่งเสียงของพวกเราออกไปก่อนการประชุมสภาฯ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นอบายมุขต่อต้านตลอด แม้จะถอนวาระดังกล่าว แต่วันหน้าถ้าพยายามเอาเข้ามาอีกก็จะทำเช่นนั้นอีก วันนี้สังคมตื่นแล้ว ด้วยหลายกลุ่มออกมา จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ จะมีคนออกมาเรื่อยๆ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าสิ่งที่ถอนวันนี้จะไม่ทำอย่างอื่นอีก เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องจับตามองว่าจะถูกลักหลับหรือเปล่า

    "อยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและในสภาฯ ทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าดูถูก อย่า Underestimate (ดูถูกดูแคลน) พลังประชาชน แม้จะออกมาน้อยนิด แต่ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่ออกมาและไม่เห็นด้วย"

    นายทักษิณ กล่าวถึงข่าวที่ว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีเรื่องข่มขู่ เป็นเพียงถามความคิดเห็นของแต่ละคนซึ่งไม่ขัดข้อง วันนี้นายกฯ บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน การมีพรรคร่วมฯ มากก็นานาจิตตัง ไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย พร้อมวอนอย่าขี้อิจฉาริษยากัน เปรียบเทียบกับบ่อนประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้นประเทศก็พัง

    #Newskit
    รัฐบาลถอยแต่ไม่เลิก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนแถลงข่าวระบุว่า จะแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจากเหตุแผ่นดินไหว และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ส่วนการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันจะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยประชุมหน้า และจะทำความเข้าใจอธิบาย สื่อสารให้ชัดเจนกับประชาชน เพราะกลายเป็นว่าความตั้งใจถูกเลือกให้เป็นการเปิดกาสิโนแทน แม้การรวมตัวของนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน แต่ผลจากการออกแถลงการณ์หลายภาคส่วนทั้งกลุ่มนักกฎหมาย กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งองค์กรทางศาสนา คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการตั้งบ่อนกาสิโนชัดเจน ถือเป็นการจุดติดกับสังคมไทยและรัฐบาลเริ่มหวั่นไหว การตัดสินใจถอนวาระดังกล่าวถือเป็นการดับชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ แมัที่ผ่านมาท่าทีของบิดานายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณว่าไม่กลัวใคร แม้กระทั่งมีข่าวว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ ก็จะพิจารณาให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า ตั้งใจว่าจะส่งเสียงของพวกเราออกไปก่อนการประชุมสภาฯ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นอบายมุขต่อต้านตลอด แม้จะถอนวาระดังกล่าว แต่วันหน้าถ้าพยายามเอาเข้ามาอีกก็จะทำเช่นนั้นอีก วันนี้สังคมตื่นแล้ว ด้วยหลายกลุ่มออกมา จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ จะมีคนออกมาเรื่อยๆ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าสิ่งที่ถอนวันนี้จะไม่ทำอย่างอื่นอีก เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องจับตามองว่าจะถูกลักหลับหรือเปล่า "อยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและในสภาฯ ทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าดูถูก อย่า Underestimate (ดูถูกดูแคลน) พลังประชาชน แม้จะออกมาน้อยนิด แต่ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่ออกมาและไม่เห็นด้วย" นายทักษิณ กล่าวถึงข่าวที่ว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีเรื่องข่มขู่ เป็นเพียงถามความคิดเห็นของแต่ละคนซึ่งไม่ขัดข้อง วันนี้นายกฯ บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน การมีพรรคร่วมฯ มากก็นานาจิตตัง ไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย พร้อมวอนอย่าขี้อิจฉาริษยากัน เปรียบเทียบกับบ่อนประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้นประเทศก็พัง #Newskit
    Love
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..พวกมันขึ้นบินพ่นโลหะหนัก&สารพิษหนักใส่คนไทยใส่เพื่อนบ้านปลิวมาถูกถึงไทยและทั่วโลกทุกๆวันนะในยุคนี้,นาซ่ามาเยือนไทยและขึ้นบินให้ชมแล้ว,คนไทยเราเจ็บป่วยทางเดินอาหารลมหายใจมิใช่น้อย ไม่รวมวัคซีนที่ออกฤทธิ์ออกเดชวูบๆตาย หัวใจล้มเลว เส้นเลือดแตกในสมองพื้นๆของมันก่อการฆ่าคนไทยที่ฉีดๆนะ&ภูมิตกเลยนะ.

    ..“วิทยาศาสตร์การหว่านเมฆ” เป็นเพียงอีกคำศัพท์หนึ่งสำหรับวิศวกรรมธรณีและการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ

    พวกเขา "หว่าน" เมฆด้วยอนุภาคโลหะหนักก่อน จากนั้นจึงใช้ HAARP เพื่อเหนี่ยวนำฝนผ่านความถี่แม่เหล็กไฟฟ้า

    พวกเขาได้ยืนยันทุกอย่างที่เรารู้มาหลายปีแล้วว่าการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเรียกร้องให้พวกเขาออกมาพูด มันก็เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้น

    ..พวกมันขึ้นบินพ่นโลหะหนัก&สารพิษหนักใส่คนไทยใส่เพื่อนบ้านปลิวมาถูกถึงไทยและทั่วโลกทุกๆวันนะในยุคนี้,นาซ่ามาเยือนไทยและขึ้นบินให้ชมแล้ว,คนไทยเราเจ็บป่วยทางเดินอาหารลมหายใจมิใช่น้อย ไม่รวมวัคซีนที่ออกฤทธิ์ออกเดชวูบๆตาย หัวใจล้มเลว เส้นเลือดแตกในสมองพื้นๆของมันก่อการฆ่าคนไทยที่ฉีดๆนะ&ภูมิตกเลยนะ. ..“วิทยาศาสตร์การหว่านเมฆ” เป็นเพียงอีกคำศัพท์หนึ่งสำหรับวิศวกรรมธรณีและการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ พวกเขา "หว่าน" เมฆด้วยอนุภาคโลหะหนักก่อน จากนั้นจึงใช้ HAARP เพื่อเหนี่ยวนำฝนผ่านความถี่แม่เหล็กไฟฟ้า พวกเขาได้ยืนยันทุกอย่างที่เรารู้มาหลายปีแล้วว่าการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเรียกร้องให้พวกเขาออกมาพูด มันก็เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย:

    เราเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านอย่างตุรกี แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กำลังเสื่อมทรามลง

    เราไม่ต้องการให้ซีเรียถูกใช้เป็นฐานในการโจมตีอิสราเอลโดยใครก็ตาม รวมถึงตุรกีด้วย ตุรกีเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ ประธานาธิบดี (ทรัมป์) มีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีตุรกี (เออร์โดกัน) เรากำลังพูดคุยกันถึงวิธีต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ ผมคิดว่าเราไม่สามารถหาคนกลางที่ดีไปกว่าประธานาธิบดีสหรัฐสำหรับจุดประสงค์นี้
    เนทันยาฮู พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย: เราเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านอย่างตุรกี แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กำลังเสื่อมทรามลง เราไม่ต้องการให้ซีเรียถูกใช้เป็นฐานในการโจมตีอิสราเอลโดยใครก็ตาม รวมถึงตุรกีด้วย ตุรกีเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ ประธานาธิบดี (ทรัมป์) มีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีตุรกี (เออร์โดกัน) เรากำลังพูดคุยกันถึงวิธีต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ ผมคิดว่าเราไม่สามารถหาคนกลางที่ดีไปกว่าประธานาธิบดีสหรัฐสำหรับจุดประสงค์นี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    .
    ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade
    .
    “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม”
    .
    ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค
    .
    อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/
    .
    “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ”
    .
    “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995”
    .
    “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย”
    .
    “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น”
    .
    “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่”
    .
    “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย”
    .
    ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา . ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade . “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม” . ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค . อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/ . “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ” . “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995” . “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย” . “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น” . “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่” . “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย” . ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    WWW.THE101.WORLD
    Amidst the Two Oceans ตอนที่ 3: ประชาคมอาเซียนในระเบียบโลกใหม่
    ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจจากเฟซบุ๊ก Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 “เวียดนามเป็นประเทศที่ "คุกเข่าเร็วเหลือเกิน" ให้กับทรัมป์

    นี่เป็นทัศนะของสำนักข่าว Pheonix และบอกว่า "การคุกเข่าอย่างรวดเร็วของเวียดนามได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีศุลกากรของทรัมป์เดิมทีเป็นภาษีสากล โดยอัตราภาษีสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อให้เอเชียสามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรที่เผชิญหน้าและ "สามัคคีกัน" เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับยุโรป"

    และ "การสื่อสารของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในลักษณะนี้และการตอบสนองความต้องการทั้งหมดของทรัมป์โดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสในการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเพื่อขอการอภัยโทษและรักษาข้อได้เปรียบด้านการค้าที่ต่ำกับสหรัฐอเมริกา"

    ทัศนะนี้ผมเห็นด้วย นายกฯ เวียดนามก้มหัวให้ทรัมป์เร็วไป แน่ล่ะ ประเทศไหนๆ ก็ต้องการเอาตัวรอด แต่แบบนี้มัน "ยอมจำนน" เกินไปเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ที่ยังหาทางตอบโต้แบบไม่เสียศักดิ์ศรีและไม่เสียผลประโยชน์ของชาติ

    เอาเข้าจริง เวียดนามยอมจำนนก่อนที่ทรัมป์จะประกาศวัน Liberation day สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ที่เวียดนามประกาศจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากนั้นก็ส่งสัญญาณเป็นระยะๆ ผมคาดว่าเวียดนามคงจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วทรัมป์คงจะมีเมตตา

    แต่เปล่าเลย เวียดนามถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากกัมพูชา (ที่จริงผมคาดการณ์มาระยะหนึ่งแล้วว่าเวียดนามจะต้องโดนหนักกว่าเพื่อน แต่คาดการณ์พลาดไปนิดนึง)

    นั่นหมายความว่าท่าทียอมจำนนของเวียดนามใช้ไม่ได้ผล และพอทรัมป์ประกาศเล่นงานเวียดนาม เวียดนามก็สนองด้วยการลดภาษีสินค้าอเมริกันมันซะเลยให้เหลือ 0% เพื่อเอาใจทรัมป์ เพราะหวังว่าทรัมป์จะมีเมตตา

    ขนาดมหามิตรอย่างแคนาดากับสหภาพยุโรปทรัมป์ยังไม่มีเมตตา แล้วเวียดนามจะได้รับความเวทนาหรือ? แล้วที่เวียดนามขอให้ทรัมป์ละเว้นมาตรการนี้ไปสัก 3 - 4 เดือน เวียดนามจะมีเวลาพอแก้ไขสถานการณ์หรือ? หากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังระวัง FDI จะไหลออกไม่รู้ตัว

    ยังไม่นับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ที่อาจจะเห็นว่าเวียดนามต่อรองอะไรไม่เป็น และเรื่องนี้ไม่ควรจะยอมท่าเดียวด้วยซ้ำในทัศนะของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น จีน และสหภาพยุโรปที่กำลังมีคิวมาคุยเรื่องลงทุนกับเวียดนาม

    แคนาดากับประเทศในยุโรปไม่ยอมก้มหัวให้ ประกาศตอบโต้แทบจะทันที เช่นเดียวกับจีน สหภาพยุโรปนั้นเตรียมจะสวนกลับหากต่อรองกันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แม้พวกนี้จะเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่ประเทศเล็กก็สามารถรวมกลุ่มต่อรองก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังไม่นับการรวมกลุ่มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ที่น่าจะเกิดขึ้นมาอีก

    ผมคิดว่าเวียดนามเจริญเติบโต้เร็วก็จริง แต่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในโลกทุนนิยมที่ประเทศนายทุนใหญ่มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมสูงกว่า แม้แต่ญี่ปุ่นเองในทศวรรษที่ 80 ก็เคยโตเร็วจนกระทั่่งกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหรัฐฯ และพวก (ซึ่งก็พวกเดียวกับญี่ปุ่นนั่นเอง) จึงบีบให้ญี่ปุ่นรับข้อเสนอ Plaza Accord ซึ่งเป็นจุดจบของการผงาดของญี่ปุ่น

    ทุกวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยังง่อยเพราะต้องยอมจำนนให้ "ลูกพี่" คราวนี้นายกฯ ญี่ปุ่นก็แสดงท่าทีอ่อนข้อให้เช่นกัน แต่ "แม้ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะแสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อภาษีของทรัมป์และเรียกภาษี 24% ที่สหรัฐฯ กำหนดกับญี่ปุ่นว่าเป็น "วิกฤตระดับชาติ" แต่เขาก็ยังชี้แจงอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยความสงบและจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อลดผลกระทบของภาษี คำกล่าวนี้หมายความว่าจะไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ"

    แม้จะไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่ยอมขนาดเวียดนาม เวียดนามนั้นเป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ คือ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    เป็นการตอบสนองที่เร็วจริงๆ แต่สะท้อนว่าเวียดนามไม่ได้เจนจัดเรื่องการค้าโลกสักเท่าไร

    ป.ล. - ในทัศนะของผม แม้เราจะช้าไม่ได้กับการต่อรองกับทรัมป์ แต่ต้องตระหนักว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นการสลายและรวมกลุ่มอำนาจใหม่เพื่อตอบสนองกับภาวะ "การล่มสลายของจักรวรรดิ" ของสหรัฐฯ ดังนั้น จะช้าก็ไมได้ แต่จะรีบก็ไม่ดี

    ป.ล. 2 - กับท่าทีต่อไปของจีนต่อการทำแบบนี้ของเวียดนามนั้น แม้เวียดนามจะรับจีนเข้ามาลงทุนมากจนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ (และเป็นตัวการให้ถูกเก็ยภาษีสูงมากจากทรัมป์) ผมคิดตามทัศนะของ Pheonix ที่ว่า "หากเวียดนามทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ก็อาจทำตามเช่นกัน ระวังอย่าให้ประเทศเหล่านี้สร้างกำแพงภาษีศุลกากรต่อจีนและจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อแสดงความภักดีต่อทรัมป์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จีนต้องป้องกันเมื่อโจมตีสหรัฐฯ โดยตรง" - นั่นหมายความว่า หากประเทศอย่างเวียดนามก้มหัวให้สหรัฐฯ เร็วๆ แบบนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะ "หักหลัง" จีนในเร็ววันเพื่อเอาตัวรอด ถึงตอนนั้น จีนยังจะลงทุนในเวียดนามหรือไม่? แต่ผมไม่คิดว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำตามเวียดนามทั้งหมด เพราะต้องมีสักประเทศที่สบช่องจากความใจเร็วด่วนได้ของเวียดนามแน่ๆ แล้วสามารถสร้างดุลยภาพกับสหรัฐฯ และจีนได้อย่างลงตัว”
    บทความน่าสนใจจากเฟซบุ๊ก Kornkit Disthan เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 “เวียดนามเป็นประเทศที่ "คุกเข่าเร็วเหลือเกิน" ให้กับทรัมป์ นี่เป็นทัศนะของสำนักข่าว Pheonix และบอกว่า "การคุกเข่าอย่างรวดเร็วของเวียดนามได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษีศุลกากรของทรัมป์เดิมทีเป็นภาษีสากล โดยอัตราภาษีสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เคียงกับจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อให้เอเชียสามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรที่เผชิญหน้าและ "สามัคคีกัน" เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับยุโรป" และ "การสื่อสารของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกาในลักษณะนี้และการตอบสนองความต้องการทั้งหมดของทรัมป์โดยไม่มีการต่อต้านใดๆ เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสในการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพียงลำพังเพื่อขอการอภัยโทษและรักษาข้อได้เปรียบด้านการค้าที่ต่ำกับสหรัฐอเมริกา" ทัศนะนี้ผมเห็นด้วย นายกฯ เวียดนามก้มหัวให้ทรัมป์เร็วไป แน่ล่ะ ประเทศไหนๆ ก็ต้องการเอาตัวรอด แต่แบบนี้มัน "ยอมจำนน" เกินไปเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ที่ยังหาทางตอบโต้แบบไม่เสียศักดิ์ศรีและไม่เสียผลประโยชน์ของชาติ เอาเข้าจริง เวียดนามยอมจำนนก่อนที่ทรัมป์จะประกาศวัน Liberation day สักประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนเห็นจะได้ที่เวียดนามประกาศจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จากนั้นก็ส่งสัญญาณเป็นระยะๆ ผมคาดว่าเวียดนามคงจะคิดว่าทำแบบนี้แล้วทรัมป์คงจะมีเมตตา แต่เปล่าเลย เวียดนามถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากกัมพูชา (ที่จริงผมคาดการณ์มาระยะหนึ่งแล้วว่าเวียดนามจะต้องโดนหนักกว่าเพื่อน แต่คาดการณ์พลาดไปนิดนึง) นั่นหมายความว่าท่าทียอมจำนนของเวียดนามใช้ไม่ได้ผล และพอทรัมป์ประกาศเล่นงานเวียดนาม เวียดนามก็สนองด้วยการลดภาษีสินค้าอเมริกันมันซะเลยให้เหลือ 0% เพื่อเอาใจทรัมป์ เพราะหวังว่าทรัมป์จะมีเมตตา ขนาดมหามิตรอย่างแคนาดากับสหภาพยุโรปทรัมป์ยังไม่มีเมตตา แล้วเวียดนามจะได้รับความเวทนาหรือ? แล้วที่เวียดนามขอให้ทรัมป์ละเว้นมาตรการนี้ไปสัก 3 - 4 เดือน เวียดนามจะมีเวลาพอแก้ไขสถานการณ์หรือ? หากทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังระวัง FDI จะไหลออกไม่รู้ตัว ยังไม่นับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ที่อาจจะเห็นว่าเวียดนามต่อรองอะไรไม่เป็น และเรื่องนี้ไม่ควรจะยอมท่าเดียวด้วยซ้ำในทัศนะของนักลงทุนรายใหญ่ๆ ของเวียดนาม เช่น จีน และสหภาพยุโรปที่กำลังมีคิวมาคุยเรื่องลงทุนกับเวียดนาม แคนาดากับประเทศในยุโรปไม่ยอมก้มหัวให้ ประกาศตอบโต้แทบจะทันที เช่นเดียวกับจีน สหภาพยุโรปนั้นเตรียมจะสวนกลับหากต่อรองกันไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แม้พวกนี้จะเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่ประเทศเล็กก็สามารถรวมกลุ่มต่อรองก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังไม่นับการรวมกลุ่มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ ที่น่าจะเกิดขึ้นมาอีก ผมคิดว่าเวียดนามเจริญเติบโต้เร็วก็จริง แต่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในโลกทุนนิยมที่ประเทศนายทุนใหญ่มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมสูงกว่า แม้แต่ญี่ปุ่นเองในทศวรรษที่ 80 ก็เคยโตเร็วจนกระทั่่งกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหรัฐฯ และพวก (ซึ่งก็พวกเดียวกับญี่ปุ่นนั่นเอง) จึงบีบให้ญี่ปุ่นรับข้อเสนอ Plaza Accord ซึ่งเป็นจุดจบของการผงาดของญี่ปุ่น ทุกวันนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ยังง่อยเพราะต้องยอมจำนนให้ "ลูกพี่" คราวนี้นายกฯ ญี่ปุ่นก็แสดงท่าทีอ่อนข้อให้เช่นกัน แต่ "แม้ว่านายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นจะแสดง "ความผิดหวังอย่างยิ่ง" ต่อภาษีของทรัมป์และเรียกภาษี 24% ที่สหรัฐฯ กำหนดกับญี่ปุ่นว่าเป็น "วิกฤตระดับชาติ" แต่เขาก็ยังชี้แจงอย่างชัดเจนว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยความสงบและจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อลดผลกระทบของภาษี คำกล่าวนี้หมายความว่าจะไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ" แม้จะไม่ตอบโต้ แต่ก็ยังไม่ยอมขนาดเวียดนาม เวียดนามนั้นเป็นแบบที่เขาว่าจริงๆ คือ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการตอบสนองที่เร็วจริงๆ แต่สะท้อนว่าเวียดนามไม่ได้เจนจัดเรื่องการค้าโลกสักเท่าไร ป.ล. - ในทัศนะของผม แม้เราจะช้าไม่ได้กับการต่อรองกับทรัมป์ แต่ต้องตระหนักว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มของการจัดระเบียบโลกใหม่ เป็นการสลายและรวมกลุ่มอำนาจใหม่เพื่อตอบสนองกับภาวะ "การล่มสลายของจักรวรรดิ" ของสหรัฐฯ ดังนั้น จะช้าก็ไมได้ แต่จะรีบก็ไม่ดี ป.ล. 2 - กับท่าทีต่อไปของจีนต่อการทำแบบนี้ของเวียดนามนั้น แม้เวียดนามจะรับจีนเข้ามาลงทุนมากจนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ (และเป็นตัวการให้ถูกเก็ยภาษีสูงมากจากทรัมป์) ผมคิดตามทัศนะของ Pheonix ที่ว่า "หากเวียดนามทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ก็อาจทำตามเช่นกัน ระวังอย่าให้ประเทศเหล่านี้สร้างกำแพงภาษีศุลกากรต่อจีนและจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อแสดงความภักดีต่อทรัมป์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่จีนต้องป้องกันเมื่อโจมตีสหรัฐฯ โดยตรง" - นั่นหมายความว่า หากประเทศอย่างเวียดนามก้มหัวให้สหรัฐฯ เร็วๆ แบบนี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะ "หักหลัง" จีนในเร็ววันเพื่อเอาตัวรอด ถึงตอนนั้น จีนยังจะลงทุนในเวียดนามหรือไม่? แต่ผมไม่คิดว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำตามเวียดนามทั้งหมด เพราะต้องมีสักประเทศที่สบช่องจากความใจเร็วด่วนได้ของเวียดนามแน่ๆ แล้วสามารถสร้างดุลยภาพกับสหรัฐฯ และจีนได้อย่างลงตัว”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เผื่อใจไว้หน่อย"

    ฟินแลนด์ควร "เตรียมเผื่อใจ" เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย ประธานาธิบดีสตับบ์กล่าว


    ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ของฟินแลนด์กล่าวระหว่างการเจรจากับนายกรัฐมนตรีคีร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษว่าในที่สุด ฟินแลนด์อาจต้อง "เตรียมตัวเตรียมใจ" เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียหลังจากสงครามในยูเครนสิ้นสุดลง

    สตับบ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในลอนดอนตามรายงานของสำนักข่าว Ilta-Sanomat ว่า "ชาวฟินแลนด์ต้องเตรียมใจสำหรับความจริงที่ว่าในบางจุด ความสัมพันธ์กับรัสเซียจะเริ่มฟื้นตัว ไม่มีอะไรมาลบล้างความจริงที่ว่ารัสเซียเป็นและจะเป็นเพื่อนบ้านของฟินแลนด์ตลอดไป"

    อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าเงื่อนไขการคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและฟินแลนด์จะขึ้นอยู่กับการยุติสงครามกับยูเครน และการพูดคุยกันภายในฟินแลนด์เองเกี่ยวกับวิธีการต่อไป

    ก่อนที่สตับบ์จะเดินทางมาลอนดอน เขาเข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ในฟลอริดามาก่อนแล้ว
    "เผื่อใจไว้หน่อย" ฟินแลนด์ควร "เตรียมเผื่อใจ" เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย ประธานาธิบดีสตับบ์กล่าว ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ของฟินแลนด์กล่าวระหว่างการเจรจากับนายกรัฐมนตรีคีร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษว่าในที่สุด ฟินแลนด์อาจต้อง "เตรียมตัวเตรียมใจ" เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียหลังจากสงครามในยูเครนสิ้นสุดลง สตับบ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในลอนดอนตามรายงานของสำนักข่าว Ilta-Sanomat ว่า "ชาวฟินแลนด์ต้องเตรียมใจสำหรับความจริงที่ว่าในบางจุด ความสัมพันธ์กับรัสเซียจะเริ่มฟื้นตัว ไม่มีอะไรมาลบล้างความจริงที่ว่ารัสเซียเป็นและจะเป็นเพื่อนบ้านของฟินแลนด์ตลอดไป" อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าเงื่อนไขการคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและฟินแลนด์จะขึ้นอยู่กับการยุติสงครามกับยูเครน และการพูดคุยกันภายในฟินแลนด์เองเกี่ยวกับวิธีการต่อไป ก่อนที่สตับบ์จะเดินทางมาลอนดอน เขาเข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ในฟลอริดามาก่อนแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เราจะทำลายล้างแขนของอิหร่าน ที่เป็นภัยก่อการร้ายที่ไม่เพียงคุกคามเราเท่านั้น แต่ยังคุกคามเพื่อนบ้านของเราในตะวันออกกลาง เรามุ่งมั่นที่จะทำลายให้สิ้นซาก การทำเช่นนั้นจะช่วยปกป้องยุโรปด้วย”

    - เนทันยาฮูกล่าวระหว่างการเยือนฮังการี
    “เราจะทำลายล้างแขนของอิหร่าน ที่เป็นภัยก่อการร้ายที่ไม่เพียงคุกคามเราเท่านั้น แต่ยังคุกคามเพื่อนบ้านของเราในตะวันออกกลาง เรามุ่งมั่นที่จะทำลายให้สิ้นซาก การทำเช่นนั้นจะช่วยปกป้องยุโรปด้วย” - เนทันยาฮูกล่าวระหว่างการเยือนฮังการี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่
    วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ

    ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ

    แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง
    และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง
    ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ
    ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร?

    ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง
    แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน
    ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง )
    จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน)
    ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน?

    เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร
    บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise)
    บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ

    ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅)

    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪
    ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ)
    ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้
    ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้)

    จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า
    มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว
    ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้
    เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้
    แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น

    ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย
    และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน

    We shall pass this together.🌈💕

    #earthquake
    #savethailand
    #togetherwewin
    #simplytally
    #simplyugo



    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีอารมณ์หลากหลายมาก ตั้งแต่ วิตก กังวล กลัว ในใจคิดไปถึง Worst-case scenario ว่าจะทำอย่างไรดีถ้าต้องเจอเหตุการณ์ในรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าโชคดีที่ในอดีตเคยเป็น แอร์โอสเตสมาก่อน ซึ่งอาชีพนี้สอนให้เราเตรียมพร้อมกับการเจอสถานการณ์ฉุกเฉินในหลายรูปแบบอย่างมีสติ แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพ ที่อยู่คอนโดสูง และเจอภาวะตึกสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ยังมีสติพอที่จะหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ตามที่เราถูกสอนมาว่าจะรับมือกับสถานการณ์ แผ่นดินไหวอย่างไร? ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ติดอยู่ในอาคารสูง แต่ติดอยู่ในรถ และติดอยู่ในท้องถนน ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนราวบ่ายสอง (เพราะการจราจรเริ่มติดแล้วตั้งแต่บ่ายสอง ) จากนั้นก็มารวมพลที่ล้อบบี้คอนโด ในใจก็คาดเดาสถานการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนั้น แต่ที่แน่แน่ พยายามเซฟแบตเตอรี่มือถือไว้ให้มากที่สุด (ดูข้อมูลแต่ที่จำเป็น/ เลยไม่มีเวลาตอบ LINE กับผู้ที่ส่งความห่วงใยมาในวันแรกครบทุกคน) ในใจก็เริ่มคิดว่า ถ้าเกิด after shock และไม่สามารถกลับขึ้นไปนอนคอนโดได้ เราจะไปนอนที่ไหน? เพื่อนบ้าน หลายหลายคน ( คิดว่าเกินครึ่ง) เริ่มอพยพออกจากอาคาร บ้างก็ไปเช่าโรงแรม ( low rise) บ้างก็ไปอยู่บ้านญาติ ส่วนตัวก็คิดอยู่ว่า ถ้าคืนนี้ไม่สามารถกลับขึ้นไปไปนอนคอนโดได้ เราจะไปอยู่บ้านใคร ? แต่ไม่ว่าจะไปอยู่บ้านใครมันก็ต้องเดินทาง ประเด็นคือการจราจรเป็นอัมพาต ไม่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน จึงตัดสินใจไม่ไปไหน รอดูท่าทีอยู่ที่คอนโด สุดท้ายตอนค่ำ ทางคอนโดมีข้อความถึงลูกบ้านว่าสามารถกลับเข้าตึกได้ แต่ลิฟท์ที่ตึกไม่สามารถใช้ได้ จึงต้องเดินขึ้นบันไดหลายสิบชั้น และมีเหตุให้ต้องเดินขึ้นลงอยู่หลายรอบ จึงมีอาการปวดน่องมาก ( เชื่อว่าหลายคน ประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน😅) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✨ ต้องกลับไปออกกำลังกายให้ฟิตกว่านี้ 💪 ✨มีกระเป๋าพร้อม สำหรับการอพยพแบบฉุกเฉิน เช่น เสื้อผ้า, ไฟฉาย, น้ำขวดเล็ก, ลูกอม สำหรับให้พลังงานเมื่อยามต้องอดอาหาร, Power bank, เป็นต้น (1ชุดไว้ที่บ้าน/ 1 ชุดทิ้งไว้ในรถ) ปล. ลองปรับดูว่าอะไรสำคัญกับชีวิตคุณและคิดว่าต้องมีก็จัดสิ่งนั้นไว้ ข้อแนะนำคือ ชุดที่ไว้ในรถไม่ควรมี Power bank เพราะถ้าเจอแดด อาจจะอันตรายได้) จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เรียนรู้ได้เลยว่า มนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว ไม่สามารถสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ เราควรใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีสติ และไม่ทำลายโลกให้มากไปกว่านี้ แม้จะทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พยายามจะทำให้มากขึ้นและมากขึ้น ขอบคุณที่เรารอดปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียทุกคน We shall pass this together.🌈💕 #earthquake #savethailand #togetherwewin #simplytally #simplyugo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • คาดว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนหน้า ขณะที่ปักกิ่งเร่งดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงรัฐบาลชุดที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า สีจิ้นผิงมีแนวโน้มที่จะออกเดินทางในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยแวะพักที่เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่ามีแผนให้ผู้นำจีนใช้เวลา 3 วันในมาเลเซียแหล่งข่าวอีกรายซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อเช่นกัน กล่าวว่าการเยือนมาเลเซียครั้งนี้จะสานต่อจากการพบปะระหว่างสีจิ้นผิงกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมที่ปักกิ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แหล่งข่าวเสริมว่าการเดินทางครั้งนี้ "จะดีอย่างแน่นอน" สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้จะถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของสีจิ้นผิงในปีนี้ และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จีนกำลังผลักดันให้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแสดงตนเป็นหุ้นส่วนระดับภูมิภาคที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบนอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของวอชิงตันที่มีต่อภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ดูเหมือนจะตั้งคำถามถึงคุณค่าของพันธมิตรและหุ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ของตนจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นและมั่นคงกับภูมิภาคนี้ แต่จีนยังมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับหลายประเทศมายาวนานเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้
    คาดว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะเดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนหน้า ขณะที่ปักกิ่งเร่งดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงรัฐบาลชุดที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า สีจิ้นผิงมีแนวโน้มที่จะออกเดินทางในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยแวะพักที่เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่ามีแผนให้ผู้นำจีนใช้เวลา 3 วันในมาเลเซียแหล่งข่าวอีกรายซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อเช่นกัน กล่าวว่าการเยือนมาเลเซียครั้งนี้จะสานต่อจากการพบปะระหว่างสีจิ้นผิงกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมที่ปักกิ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แหล่งข่าวเสริมว่าการเดินทางครั้งนี้ "จะดีอย่างแน่นอน" สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้จะถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของสีจิ้นผิงในปีนี้ และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จีนกำลังผลักดันให้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแสดงตนเป็นหุ้นส่วนระดับภูมิภาคที่น่าเชื่อถือและมีความรับผิดชอบนอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของวอชิงตันที่มีต่อภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ดูเหมือนจะตั้งคำถามถึงคุณค่าของพันธมิตรและหุ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ของตนจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นและมั่นคงกับภูมิภาคนี้ แต่จีนยังมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับหลายประเทศมายาวนานเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนใต้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • บอกลูกต้นผลไม้ ป๋าคิดว่าตัดเตี้ยเลี้ยงแบบนี้ดีนะต้นละ10-15ผล 100ต้นก้อ1000-1500 ผล กินทานแบ่งปันเพื่อนบ้าน ดีนะ ที่นี่ได้ส้มโอ เวอรี่ กล้วย มะม่วง ลิ้นจี้ ชะอม ตำลึง มะนาว พริก หอม โหระพา กะเพรา ขาดอะไรก้อหาซื้อเอา
    บอกลูกต้นผลไม้ ป๋าคิดว่าตัดเตี้ยเลี้ยงแบบนี้ดีนะต้นละ10-15ผล 100ต้นก้อ1000-1500 ผล กินทานแบ่งปันเพื่อนบ้าน ดีนะ ที่นี่ได้ส้มโอ เวอรี่ กล้วย มะม่วง ลิ้นจี้ ชะอม ตำลึง มะนาว พริก หอม โหระพา กะเพรา ขาดอะไรก้อหาซื้อเอา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27-03-68/02 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP1

    ก่อนจะด่าจีน ช่วยโปรดแหกตาดูด้วยว่า ตอนช่วงโควิทระบาดหนักใหม่ๆ ไอ้อีหน้าไหนที่เข้ามาช่วยไทย 20 ล้านชีวิตที่ได้วัคซีนก่อนใคร ก่อนเพื่อนบ้านในอาเซียน วัคซีนจีนห่วย ด้อยค่า สู้ MRNA ไม่ได้ แล้วเป็นไงวันนี้ ความจริงตบหน้าควายไทย จีนมาช่วยชีวิตมรึง 20 ล้าน แล้วไอ้ตัวที่ปล่อยไวรัส แล้วปั่นราคาวัคซีน กักไม่ออกมาขาย เพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้น คือ อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี มันสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่ต้น เพื่อสกัดอำนาจและอิทธิพลจีน ที่ใครก็ห้ามไม่อยู่ ฉุดไม่ได้อีกแล้ว รัสเซียส่ง สปุกนิค V มาให้ไทย รัฐบาลไทยปฎิเสธ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเหี้ยตะวันตก ชีวิตควายไทย 20 ล้านน่ะมรึง แต่ภาคเอกชนฉลาดกว่าภาครัฐ ติดต่อโดยตรง นำเข้า ไม่ผิดเงื่อนไข G TO G และมาตรการคว่ำบาตรในตอนนั้น ซิโวแวค และสปุกนิค V ช่วยชีวิตพ่อ แม่ ญาติเพ่น้องมรึง ให้รอดตายมาได้ ขนาดช่วยอย่างเร่งด่วน ยังมีตายเป็นพัน ต้นเหตุคือใคร ดีออก? วันนี้ อะไรที่จีนทำ อะไรที่รัสเซียช่วย มรึงมองไม่เห็น ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นลูกพ่ออีกต่อไป เพราะมรึงรู้มั้ยว่า ใครล่ะ ที่กวักมือเรียกจีน รัสเซีย มาช่วยไทย "วัง" เนี่ยแหละ ไอ้ที่พวกควายไทย 3 นิ้วครึ่งปากดีจะล้มเจ้าเพราะเศษเงินกระจอกนั่นแหละ พ่อแม่มรึงรอด ตัวมรึงรอด เพราะจีน รัสเซีย แต่ไวรัสที่เข้ามาฆ่าญาติเพ่น้องมรึง มาจากอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี หากไม่ใช่สัดเดรัจฉาน ที่ไม่มีสมอง ไร้ปัญญา คงคิดเองได้ว่า ใครคือผู้มีพระคุณ? ความจำสั้นกันจังน่ะ พวกมรึงเนี่ย? จำไม่ได้เหรอ ขอไฟเซอร์ไปเป็นปี มันช่วยมา 200 โดส หมอเหี้ยขายชาติ เร่งเอาวัคซีนเหี้ยมาขายในราคาแพง ฟันกำไรคนไทยหัวเบะ แถมเอาเชื้อมรณะมาฉีดให้คนไทยตายในระยะยาว ชั่วกว่านี้ เลวกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว เพราะกลียุค คือเหี้ยจะโดดเด่น มันเป็นวาระของมัน เมื่อสวรรค์เห็นแล้วว่า ควายมันมีมากกว่ามนุษย์ ก็เลยปล่อยให้เหี้ยไอ้อีทั้งหลาย เอาประชากรควายโลกลดลงไปซะ ไร้ประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ จะมีเยอะไปทำไม หากไม่รักษาดูแล แผ่นดินที่สวรรค์มอบให้ เอาแต่ทำลาย เอาแต่เข่นฆ่ากัน จะดี จะชั่ว ให้ดูที่การกระทำ ไม่ใช่แค่ลมปาก กี่ครั้งแล้ว ที่จีน รัสเซีย อิหร่าน ช่วยไทยจริง ไม่มีเงื่อนไข แล้วแต่ละครั้งไอ้อีเหี้ยทั้งหลายจะช่วยมรึงได้ ขอแล้ว ขออีก มรึงยังจะคบมันเพื่อ? "พ่อปกครองลูก" ทางเดียวที่ไทยจะรอดไปจากสัดนรกตลอดกาล เอาปชต.ตอแหลไปให้พ่องแดร๊กเหอะ ที่นี่ "อโยธยาศรีรามเทพนคร" ดินแดนสวรรค์ ไม่มีที่ให้เหี้ยอาศัย อีกไม่นาน มรึงได้เผ่นกันหมดแน่ ดีออก? ทรงมาเต็ม

    หมี CNN(เล่าทีละเรื่อง เน้นทีละจุด อยากจะซัดเรื่องอะไรก็พิมพ์ได้เลย ไม่ต้องรอเป็นซีรีย์ คอลัมน์ใหม่ สดใหม่เสมอ เพราะหมี CNN มีลีลาสู้กับเหี้ยทุกรูปแบบ กูรู้จักมรึงดี เหี้ยจ๋า เหี้ยอย่างมรึง ต้องเจอหมีอย่างกู สับเหี้ยใบกระเพรา ต้มแซ่บเครื่องในเหี้ย พะโล้เหี้ยน้ำแดง ผัดเผ็ดเหี้ย ต้มข่าเหี้ย เหี้ยผัดแหนมกุ้งสด ไม่ว่าเมนูไหน กูคือเชฟย่างเหี้ยอย่างมรึง เหี้ยให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก ตายห่าให้หมดไปจากแผ่นดินพ่อกูซักที ลำไยมว๊าก?)
    27 มีนาคม 68
    09.09 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : line.me/R/ti/p/@mh...

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    voom-studio.line.biz/account/@h... หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    www.facebook.com/profile.ph...
    27-03-68/02 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP1 ก่อนจะด่าจีน ช่วยโปรดแหกตาดูด้วยว่า ตอนช่วงโควิทระบาดหนักใหม่ๆ ไอ้อีหน้าไหนที่เข้ามาช่วยไทย 20 ล้านชีวิตที่ได้วัคซีนก่อนใคร ก่อนเพื่อนบ้านในอาเซียน วัคซีนจีนห่วย ด้อยค่า สู้ MRNA ไม่ได้ แล้วเป็นไงวันนี้ ความจริงตบหน้าควายไทย จีนมาช่วยชีวิตมรึง 20 ล้าน แล้วไอ้ตัวที่ปล่อยไวรัส แล้วปั่นราคาวัคซีน กักไม่ออกมาขาย เพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้น คือ อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี มันสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่ต้น เพื่อสกัดอำนาจและอิทธิพลจีน ที่ใครก็ห้ามไม่อยู่ ฉุดไม่ได้อีกแล้ว รัสเซียส่ง สปุกนิค V มาให้ไทย รัฐบาลไทยปฎิเสธ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเหี้ยตะวันตก ชีวิตควายไทย 20 ล้านน่ะมรึง แต่ภาคเอกชนฉลาดกว่าภาครัฐ ติดต่อโดยตรง นำเข้า ไม่ผิดเงื่อนไข G TO G และมาตรการคว่ำบาตรในตอนนั้น ซิโวแวค และสปุกนิค V ช่วยชีวิตพ่อ แม่ ญาติเพ่น้องมรึง ให้รอดตายมาได้ ขนาดช่วยอย่างเร่งด่วน ยังมีตายเป็นพัน ต้นเหตุคือใคร ดีออก? วันนี้ อะไรที่จีนทำ อะไรที่รัสเซียช่วย มรึงมองไม่เห็น ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นลูกพ่ออีกต่อไป เพราะมรึงรู้มั้ยว่า ใครล่ะ ที่กวักมือเรียกจีน รัสเซีย มาช่วยไทย "วัง" เนี่ยแหละ ไอ้ที่พวกควายไทย 3 นิ้วครึ่งปากดีจะล้มเจ้าเพราะเศษเงินกระจอกนั่นแหละ พ่อแม่มรึงรอด ตัวมรึงรอด เพราะจีน รัสเซีย แต่ไวรัสที่เข้ามาฆ่าญาติเพ่น้องมรึง มาจากอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี หากไม่ใช่สัดเดรัจฉาน ที่ไม่มีสมอง ไร้ปัญญา คงคิดเองได้ว่า ใครคือผู้มีพระคุณ? ความจำสั้นกันจังน่ะ พวกมรึงเนี่ย? จำไม่ได้เหรอ ขอไฟเซอร์ไปเป็นปี มันช่วยมา 200 โดส หมอเหี้ยขายชาติ เร่งเอาวัคซีนเหี้ยมาขายในราคาแพง ฟันกำไรคนไทยหัวเบะ แถมเอาเชื้อมรณะมาฉีดให้คนไทยตายในระยะยาว ชั่วกว่านี้ เลวกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว เพราะกลียุค คือเหี้ยจะโดดเด่น มันเป็นวาระของมัน เมื่อสวรรค์เห็นแล้วว่า ควายมันมีมากกว่ามนุษย์ ก็เลยปล่อยให้เหี้ยไอ้อีทั้งหลาย เอาประชากรควายโลกลดลงไปซะ ไร้ประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ จะมีเยอะไปทำไม หากไม่รักษาดูแล แผ่นดินที่สวรรค์มอบให้ เอาแต่ทำลาย เอาแต่เข่นฆ่ากัน จะดี จะชั่ว ให้ดูที่การกระทำ ไม่ใช่แค่ลมปาก กี่ครั้งแล้ว ที่จีน รัสเซีย อิหร่าน ช่วยไทยจริง ไม่มีเงื่อนไข แล้วแต่ละครั้งไอ้อีเหี้ยทั้งหลายจะช่วยมรึงได้ ขอแล้ว ขออีก มรึงยังจะคบมันเพื่อ? "พ่อปกครองลูก" ทางเดียวที่ไทยจะรอดไปจากสัดนรกตลอดกาล เอาปชต.ตอแหลไปให้พ่องแดร๊กเหอะ ที่นี่ "อโยธยาศรีรามเทพนคร" ดินแดนสวรรค์ ไม่มีที่ให้เหี้ยอาศัย อีกไม่นาน มรึงได้เผ่นกันหมดแน่ ดีออก? ทรงมาเต็ม หมี CNN(เล่าทีละเรื่อง เน้นทีละจุด อยากจะซัดเรื่องอะไรก็พิมพ์ได้เลย ไม่ต้องรอเป็นซีรีย์ คอลัมน์ใหม่ สดใหม่เสมอ เพราะหมี CNN มีลีลาสู้กับเหี้ยทุกรูปแบบ กูรู้จักมรึงดี เหี้ยจ๋า เหี้ยอย่างมรึง ต้องเจอหมีอย่างกู สับเหี้ยใบกระเพรา ต้มแซ่บเครื่องในเหี้ย พะโล้เหี้ยน้ำแดง ผัดเผ็ดเหี้ย ต้มข่าเหี้ย เหี้ยผัดแหนมกุ้งสด ไม่ว่าเมนูไหน กูคือเชฟย่างเหี้ยอย่างมรึง เหี้ยให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก ตายห่าให้หมดไปจากแผ่นดินพ่อกูซักที ลำไยมว๊าก?) 27 มีนาคม 68 09.09 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : line.me/R/ti/p/@mh... หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT voom-studio.line.biz/account/@h... หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า www.facebook.com/profile.ph...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG)

    เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต

    ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต

    ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค

    ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

    ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้

    ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น

    ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร

    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค

    จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ในรายการ “การทูตประเทศใหญ่” ของทางไชน่ามีเดียกรุ๊ป (CMG) โดยมีการพูดคุยในประเด็นความสัมพันธ์จีน-ไทยในวาระ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การหลอกลวงทางโทรคมนาคม รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยระยะที่ 2 โดยรายการสัมภาษณ์ดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าว CMG: ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยว่ามิตรภาพจีน-ไทยมีรากฐานลึกซึ้งนับพันปี และคำกล่าวที่ว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ยังมั่นคงเหนียวแน่นตลอดมา ในฐานะเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ท่านมองแนวคิดนี้อย่างไร และปีนี้มีความหมายพิเศษต่อความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมาย 3 ประการ คือจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ เป็นเครือญาติที่ดีที่เชื่อมต่อกันด้วยสายเลือด และเป็นหุ้นส่วนที่ดีที่มีอนาคตร่วมกัน จีนและไทยร่วมมือกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม ความไว้วางใจระหว่างกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยครั้งประวัติศาสตร์ และได้ร่วมกับผู้นำไทยในการกำหนดวิสัยทัศน์การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ซึ่งเป็นการเติมเต็มความหมายของคำว่า “จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ให้มีความหมายที่ทันสมัยมากขึ้น และชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย เราได้กำหนดให้เป็น “ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย 50 ปี” รวมทั้งคำขวัญร่วมกันว่า “จีน - ไทยสานใจกัน ร่วมสร้างฝันประชาคม” สำหรับปีนี้ เราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ในการสรุปประสบการณ์อันเป็นประโยชน์จากการร่วมมือกันตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยในอนาคต ผู้สื่อข่าว CMG: ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังดำเนินความร่วมมือหลายโครงการเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ เช่น การหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองเมียวดีของเมียนมา ความคืบหน้าของปฏิบัติการนี้เป็นอย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: การหลอกลวงทางไซเบอร์เป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ช่วงที่ผ่านมา จีน-ไทย-เมียนมา ได้ร่วมมือกันเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทำให้สามารถทำลายเครือข่ายอาชญากรรมได้หลายจุด และจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามประเทศในการปราบปรามการหลอกลวงทางไซเบอร์และปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค ก้าวต่อไป จีน-ไทย-เมียนมาจะดำเนินมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเช่นการหลอกลวงทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เราจะขยายความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบังคับให้กระทำผิด จับกุมตัวการใหญ่ของกลุ่มอาชญากรและกวาดล้างศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อปกป้องความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองจีนและประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ผู้สื่อข่าว CMG: คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย ระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 แม้ว่าระยะที่ 1 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ในระหว่างการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทย และการส่งเสริมแนวคิดการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทยอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไทยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟจีน-ไทย ระยะที่ 1 และจะเริ่มต้นโครงการระยะที่ 2 ภายในปีนี้ ฝ่ายไทยได้อนุมัติแผนการก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อโครงการรถไฟจีน-ไทย และมีความหมายสำคัญต่อการก่อสร้างรถไฟจีน-ไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เราชื่นชมในการตัดสินใจของฝ่ายไทย และท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนี้อย่างสูง ฝ่ายจีนก็จะให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น ในความเป็นจริงนั้น รถไฟจีน-ไทยเป็นเส้นทางการคมนาคมทางบกเส้นใหม่ระหว่างจีนและไทย และยังเป็นส่วนสำคัญของเส้นทางการคมนาคมหลักในคาบสมุทรอินโดจีน ทุกคนทราบดีว่า รถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว การที่รถไฟจีน-ไทยแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเชื่อมโยงระหว่างจีน-ลาว-ไทย และจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสามประเทศ ในอนาคต รถไฟจีน-ไทยจะขยายไปทางทิศใต้เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผู้สื่อข่าว CMG: ไทยเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรของกลุ่มประเทศ BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งในกลไกต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือจีน-อาเซียน และความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ไทยก็มีบทบาทสำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบัน จีนและไทยจะร่วมกันเสริมสร้างบทบาทกลไกพหุภาคีของประเทศโลกใต้ (Global South) อย่างไร เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง: ไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือพันธมิตรที่สำคัญของจีนในกลไกพหุภาคี อีกทั้งเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียน และได้เข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นประธานร่วมของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และมีบทบาทสำคัญในหลายองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค จากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง กลุ่มประเทศโลกใต้ กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย ไทยได้แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อแนวคิดการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างมนุษยชาติ รวมถึงการสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระดับโลก แนวคิดความมั่นคงระดับโลก และแนวคิดอารยธรรมระดับโลก ซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จีนและไทยควรเสริมสร้างการสื่อสารและความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งผลักดันและปฏิบัติตามหลักการพหุภาคีและการเปิดกว้างในระดับภูมิภาคให้เห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง เพื่อร่วมส่งเสริมความหลากหลายและความเป็นระเบียบของโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและเป็นธรรม เพื่อร่วมกันสร้างระบบการปกครองโลกตามหลักธรรมาภิบาลอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ที่มา https://www.facebook.com/share/p/18t7wHFRgk/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    26 มีนาคม 2568-ศ.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์บทวิเคราะห์น่าสนใจว่า"ทางสองแพร่งการเมืองไทย"หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ตลอด 92 ปี เรามีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง ถ้าเทียบกับรัฐประหารทั่วโลก พบว่า ในศตวรรษที่ยี่สิบ ไทยเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารเป็นอันดับสองของโลก อันดับหนึ่งคือ อาร์เจนตินา และ กรีซ ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อาร์เจนตินาและกรีซ ไม่ทำรัฐประหาร แต่ไทยยังอยู่ในอันดับต้นๆ นั่นคือ อันดับสามของโลกถ้าเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน เราก็ยังเป็นประเทศที่ทำรัฐประหารมากที่สุดอยู่ดี นั่นคือ แพร่งแรก คือ แพร่งรัฐประหาร----------------- แต่ในอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำรัฐประหารน้อยกว่าไทยมาก หรือบางประเทศไม่มีรัฐประหารเลย แต่ปรากฏการณ์ที่น่าสังเกตคือ ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานมาก (ดูรูปแนบ: นับถึง ปี ค.ศ. 2021 และในกรณีของพม่า หากนับช่วงเวลาของนายพลเนวิน จะต้องบวกไปอีก 25 ปี)ในขณะที่ไทยเรา แม้ว่าจะมีรัฐประหารมากที่สุด แต่ผู้นำไทยกลับไม่ได้อยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้วประมาณ 15 ปีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีสามช่วง รวมแล้ว 11 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสองช่วง รวมแล้ว 9 ปีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ผู้นำไทยที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด ก็ยังน้อยกว่าผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานในอาเซียน (ดูรูป)---------------------------- การเปลี่ยนรัฐบาลโดยการทำรัฐประหารย่อมไม่ใช่วิธีการที่จะสร้างการเมืองให้มั่นคงและมีเสถียรภาพในระยะยาวได้แต่การทำรัฐประหารทำให้ผู้นำไทยไม่สามารถอยู่ในอำนาจยาวนานเหมือนผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน------------ ผู้เขียนเชื่อว่า หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ประเทศเราจะปลอดจากการทำรัฐประหารตลอดไปแต่ก็น่าคิดว่า การเมืองไทยอาจจะต้องเข้าสู่แพร่งที่สอง เหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ?นั่นคือ มีผู้นำหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นรัฐบาลสืบเนื่องยาวนาน แต่ถ้าไทยไม่ต้องตกอยู่ในแพร่งที่สองดังกล่าว และพรรคการเมืองผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาล ก็แปลว่า การเมืองไทยหลุดออกจากทางสองแพร่งที่ว่านี้ได้————-
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรเจกต์ทดลอง Newskit ราคา 20 บาท

    เพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ Thaitimes เป็นหลัก ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร

    ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เราไม่มีรายได้จากการทำเพจเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่การแสวงหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน โดยเฉพาะการลงพื้นที่บางครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมา ที่ผ่านมาบนโซเชียลฯ มีรูปแบบการหารายได้จากผู้บริโภคสื่อแตกต่างกันไป ทั้งการลงสปอนเซอร์ การทำ Advertorial ซึ่งจะพบเห็นเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ การขายสินค้า การเป็นนายหน้า การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate) การทำ TIPS BOX ออนไลน์ หรือการระบุเลขที่บัญชีธนาคารโดยตรง ซึ่งเราไม่อยากรบกวนผู้อ่านมากขนาดนั้น

    ด้วยสถานะการเป็นสื่อมวลชน นอกจากไม่ควรการันตีความดีความชั่วของใคร แต่มุ่งยึดถือประโยชน์แก่สาธารณะเป็นที่ตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าการทำหน้าที่ของเราจะตรงใจผู้อ่านได้ตลอดไป จึงไม่อยากถูกกล่าวหาว่าทรยศความเชื่อใจ ในวันที่ผู้อ่านมองว่าเราเปลี่ยนไป การเปิดรับบริจาคหรือโอนเงินโดยตรง อาจเป็นการแบกรับความคาดหวังจากผู้อ่านมากเกินไป กระทั่งไม่เป็นตัวของตัวเอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ยังมีการวางจำหน่าย ถือเป็นสินค้าที่ซื้อขายตามความพึงพอใจของผู้อ่าน

    จากเหตุผลดังกล่าว เราจึงมีกิมมิกด้วยการตั้งราคา 20 บาท เหมือนหนังสือพิมพ์ธุรกิจ โดยทดลองใช้พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ปกติแล้วเราจะนำเสนอเรื่องราววันละ 1-2 เรื่อง แต่คิวอาร์โค้ดจะแสดงเฉพาะหน้าปก Newskit ของแต่ละวันเท่านั้น ถ้าผู้อ่านชื่นชอบเรื่องราวของเรา สามารถสแกนจ่ายครั้งละ 20 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ไม่ต้องจ่ายรายเดือน แม้เราคงไม่คาดหวังรายได้จากตรงนี้มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่เชื่อว่าไม่มีใครทำมาก่อน

    โปรดสังเกตชื่อบัญชีปลายทางเป็น "นายกิตตินันท์ นาคทอง" e-Wallet ID 073-15-xxxxxx-1311 ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK บัญชีเดียวเท่านั้น ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง

    เราจะทดลองติดตั้ง QR Code เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 มี.ค.2568 ถึงวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.2568 เว้นแต่จะมีกรณีเป็นอย่างอื่น ขอขอบคุณทุกการติดตามและสนับสนุนเราตลอดมา

    #Newskit
    โปรเจกต์ทดลอง Newskit ราคา 20 บาท เพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ Thaitimes เป็นหลัก ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เราไม่มีรายได้จากการทำเพจเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่การแสวงหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน โดยเฉพาะการลงพื้นที่บางครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมา ที่ผ่านมาบนโซเชียลฯ มีรูปแบบการหารายได้จากผู้บริโภคสื่อแตกต่างกันไป ทั้งการลงสปอนเซอร์ การทำ Advertorial ซึ่งจะพบเห็นเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ การขายสินค้า การเป็นนายหน้า การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate) การทำ TIPS BOX ออนไลน์ หรือการระบุเลขที่บัญชีธนาคารโดยตรง ซึ่งเราไม่อยากรบกวนผู้อ่านมากขนาดนั้น ด้วยสถานะการเป็นสื่อมวลชน นอกจากไม่ควรการันตีความดีความชั่วของใคร แต่มุ่งยึดถือประโยชน์แก่สาธารณะเป็นที่ตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าการทำหน้าที่ของเราจะตรงใจผู้อ่านได้ตลอดไป จึงไม่อยากถูกกล่าวหาว่าทรยศความเชื่อใจ ในวันที่ผู้อ่านมองว่าเราเปลี่ยนไป การเปิดรับบริจาคหรือโอนเงินโดยตรง อาจเป็นการแบกรับความคาดหวังจากผู้อ่านมากเกินไป กระทั่งไม่เป็นตัวของตัวเอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ยังมีการวางจำหน่าย ถือเป็นสินค้าที่ซื้อขายตามความพึงพอใจของผู้อ่าน จากเหตุผลดังกล่าว เราจึงมีกิมมิกด้วยการตั้งราคา 20 บาท เหมือนหนังสือพิมพ์ธุรกิจ โดยทดลองใช้พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ปกติแล้วเราจะนำเสนอเรื่องราววันละ 1-2 เรื่อง แต่คิวอาร์โค้ดจะแสดงเฉพาะหน้าปก Newskit ของแต่ละวันเท่านั้น ถ้าผู้อ่านชื่นชอบเรื่องราวของเรา สามารถสแกนจ่ายครั้งละ 20 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ไม่ต้องจ่ายรายเดือน แม้เราคงไม่คาดหวังรายได้จากตรงนี้มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่เชื่อว่าไม่มีใครทำมาก่อน โปรดสังเกตชื่อบัญชีปลายทางเป็น "นายกิตตินันท์ นาคทอง" e-Wallet ID 073-15-xxxxxx-1311 ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK บัญชีเดียวเท่านั้น ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง เราจะทดลองติดตั้ง QR Code เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 มี.ค.2568 ถึงวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.2568 เว้นแต่จะมีกรณีเป็นอย่างอื่น ขอขอบคุณทุกการติดตามและสนับสนุนเราตลอดมา #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหภาพยุโรป ตกลงใจระดมเงินทุนช่วยเหลือซีเรียและประเทศเพื่อนบ้านเป็นเงินมากกว่า 5,800 ล้านยูโร (ประมาณ 212,000 ล้านบาท)

    คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป แถลงเมื่อวานนี้ว่า เงินช่วยเหลือนี้จะสนับสนุนซีเรียในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่าน และจะตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในพื้นที่

    ขณะที่ Asaad al-Shaibani รัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย ยืนเคียงข้างคาจา คัลลาส ในระหว่างการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ โดยมีประเทศอื่นๆในยุโรปอีกหลายสิบประเทศเข้าร่วมถ่ายรูปด้วยความยิ้มแย้ม ขณะเดียวกันความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากในซีเรียโดยกองกำลังรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป
    สหภาพยุโรป ตกลงใจระดมเงินทุนช่วยเหลือซีเรียและประเทศเพื่อนบ้านเป็นเงินมากกว่า 5,800 ล้านยูโร (ประมาณ 212,000 ล้านบาท) คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป แถลงเมื่อวานนี้ว่า เงินช่วยเหลือนี้จะสนับสนุนซีเรียในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่าน และจะตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในพื้นที่ ขณะที่ Asaad al-Shaibani รัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย ยืนเคียงข้างคาจา คัลลาส ในระหว่างการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ โดยมีประเทศอื่นๆในยุโรปอีกหลายสิบประเทศเข้าร่วมถ่ายรูปด้วยความยิ้มแย้ม ขณะเดียวกันความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากในซีเรียโดยกองกำลังรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากเชียงใหม่ไปเวียงจันทน์ เส้นทางใหม่ R11 เพียง 11 ชั่วโมง

    เปิดใช้อย่างเป็นทางการ สำหรับทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 11 (R11) เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดทางหลวง R11 จากเมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึงบ้านครกข้าวดอ เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว

    สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานว่า ทางหลวง R11 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว ออกแบบเป็น 2 ช่องจราจร ตามมาตรฐานทางหลวงอาเซียน เริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ก่อนจะเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เข้าสู่เมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี เมืองสังทอง สิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ รวมระยะทางในประเทศไทย 391 กิโลเมตร และในประเทศลาว 238 กิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้การเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องออกไปทางด่านพรมแดนหนองคาย ระยะทาง 863 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 629 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 10-11 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการเดินทางในเส้นทางตรงที่ไม่มีสันภู หรือทางลาดชัน ช่วยให้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสองประเทศ

    ที่ผ่านมา NEDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ก่อสร้างและพัฒนาถนน รวม 3 โครงการ ได้แก่

    1. ก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 718 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค. 2555 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2557

    2. พัฒนาถนน R11 ช่วงบ้านตาดทอง-น้ำสัง และเมืองสังทอง ระยะทาง 82 กิโลเมตร วงเงิน 1,392 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค. 2554 แล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2557

    3. พัฒนาถนน R11 ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ระยะทาง 124 กิโลเมตร วงเงิน 1,826.50 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2562 แล้วเสร็จเตือน ก.ค. 2566

    สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. การนำรถยนต์เข้าประเทศลาว ต้องมีหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ทะเบียนรถที่แปลเป็นทะเบียนสากลในรูปแบบกระดาษ A4 สติกเกอร์สัญลักษณ์ตัว T และต้องทำประกันภัยรถยนต์บุคคล 3 ของ สปป.ลาวด้วย ซึ่งมีทั้งแบบ 7 วัน 3 เดือน และรายปี

    #Newskit
    จากเชียงใหม่ไปเวียงจันทน์ เส้นทางใหม่ R11 เพียง 11 ชั่วโมง เปิดใช้อย่างเป็นทางการ สำหรับทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 11 (R11) เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดทางหลวง R11 จากเมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึงบ้านครกข้าวดอ เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานว่า ทางหลวง R11 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว ออกแบบเป็น 2 ช่องจราจร ตามมาตรฐานทางหลวงอาเซียน เริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ก่อนจะเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เข้าสู่เมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี เมืองสังทอง สิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ รวมระยะทางในประเทศไทย 391 กิโลเมตร และในประเทศลาว 238 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้การเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องออกไปทางด่านพรมแดนหนองคาย ระยะทาง 863 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 629 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 10-11 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการเดินทางในเส้นทางตรงที่ไม่มีสันภู หรือทางลาดชัน ช่วยให้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสองประเทศ ที่ผ่านมา NEDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ก่อสร้างและพัฒนาถนน รวม 3 โครงการ ได้แก่ 1. ก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 718 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค. 2555 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2557 2. พัฒนาถนน R11 ช่วงบ้านตาดทอง-น้ำสัง และเมืองสังทอง ระยะทาง 82 กิโลเมตร วงเงิน 1,392 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค. 2554 แล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2557 3. พัฒนาถนน R11 ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ระยะทาง 124 กิโลเมตร วงเงิน 1,826.50 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2562 แล้วเสร็จเตือน ก.ค. 2566 สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. การนำรถยนต์เข้าประเทศลาว ต้องมีหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ทะเบียนรถที่แปลเป็นทะเบียนสากลในรูปแบบกระดาษ A4 สติกเกอร์สัญลักษณ์ตัว T และต้องทำประกันภัยรถยนต์บุคคล 3 ของ สปป.ลาวด้วย ซึ่งมีทั้งแบบ 7 วัน 3 เดือน และรายปี #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 554 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนบ้านชุบมือเปิบ ยืมจมูกหายใจ ฉกฉวยกำไรแบบไม่ต้องลงทุน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ฮุนเซน
    #สงกรานต์
    เพื่อนบ้านชุบมือเปิบ ยืมจมูกหายใจ ฉกฉวยกำไรแบบไม่ต้องลงทุน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3 #ฮุนเซน #สงกรานต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สื่อนอกตีแผ่ พบสลัมแรงงานพม่ากลางภูเก็ต? พร้อมเปิดโรงเรียนสอนพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ หลัง Youtuber ต่างชาตินำเสนอเรื่องนี้ ขณะที่ผู้ดูแลออกมายื่นยัน ว่า เป็นแค่ศูนย์เรียนรู้ เปิดมา 11 ปี ด้านจังหวัด ตร. ตื่นสอบ

    จากกรณีสื่อนอก สื่อไทยนำเสนอข้อมูล พบสลัมใหญ่ในพื้นที่กลางเมืองภูเก็ต แถมเปิดโรงเรียนสอนชาวพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ มีเด็กพม่าเข้าเรียนกว่า 300 คน โดยนำข้อมูลจาก Youtuber ต่างชาติ ช่อง Ride with Gabi ที่มีการเผยแพร่คลิปเปิดเผยการมีอยู่ของชุมชนแรงงานพม่าขนาดใหญ่ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “สลัมต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต” โดยผู้อยู่อาศัยทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่า เด็กๆ ในชุมชนได้รับการศึกษาและอาหารจากมูลนิธิ ที่ใช้เงินทุนจากการบริจาคและอาสาสมัครต่างชาติ

    นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ภูเก็ต ของบริษัทด้านการตลาด Media Intelligence Group (MI GROUP) ที่ระบุว่า ในปี 2566 พบว่ามีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อาศัยอยู่ในไทยมากกว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะชาวพม่ามีจำนวนสูงถึง 6.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และแนวโน้มยังเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่า ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาตั้งรกรากในไทยมากขึ้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000025351

    #MGROnline #ภูเก็ต #โรงเรียนสอนพม่า #ศูนย์เรียนรู้
    ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สื่อนอกตีแผ่ พบสลัมแรงงานพม่ากลางภูเก็ต? พร้อมเปิดโรงเรียนสอนพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ หลัง Youtuber ต่างชาตินำเสนอเรื่องนี้ ขณะที่ผู้ดูแลออกมายื่นยัน ว่า เป็นแค่ศูนย์เรียนรู้ เปิดมา 11 ปี ด้านจังหวัด ตร. ตื่นสอบ • จากกรณีสื่อนอก สื่อไทยนำเสนอข้อมูล พบสลัมใหญ่ในพื้นที่กลางเมืองภูเก็ต แถมเปิดโรงเรียนสอนชาวพม่า ติดแอร์เย็นฉ่ำ มีเด็กพม่าเข้าเรียนกว่า 300 คน โดยนำข้อมูลจาก Youtuber ต่างชาติ ช่อง Ride with Gabi ที่มีการเผยแพร่คลิปเปิดเผยการมีอยู่ของชุมชนแรงงานพม่าขนาดใหญ่ ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “สลัมต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต” โดยผู้อยู่อาศัยทั้งหมดเป็นแรงงานชาวพม่า เด็กๆ ในชุมชนได้รับการศึกษาและอาหารจากมูลนิธิ ที่ใช้เงินทุนจากการบริจาคและอาสาสมัครต่างชาติ • นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ภูเก็ต ของบริษัทด้านการตลาด Media Intelligence Group (MI GROUP) ที่ระบุว่า ในปี 2566 พบว่ามีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อาศัยอยู่ในไทยมากกว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะชาวพม่ามีจำนวนสูงถึง 6.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และแนวโน้มยังเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่า ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาตั้งรกรากในไทยมากขึ้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000025351 • #MGROnline #ภูเก็ต #โรงเรียนสอนพม่า #ศูนย์เรียนรู้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mon. Mar. 10, 2025

    เช้านี้เราดูคลิปใน youtube ที่ลงไว้เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เป็นคลิปที่ Trump Voters ออกมาเสียใจที่เลือก Trump เข้ามา...แต่เราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะมันอาจเป็นการแสดงของคนเกลียด Trump หรือเกลียดนักการเมืองทุกคนแบบเราก็ได้ เพราะดูการพูดจา กิริยามารยาท และการแต่งตัว อาจจะไม่ใช่สาวกของ Trump ตัวจริงเสียงจริงนะ อันนี้ความคิดเราเอง สิ่งที่เราเห็นกันทุกวันนี้ มันเชื่อยากขึ้นไปทุกที

    แล้วเราก็ดูภาพนี้...
    แล้วก็ลองหาจุดเหมือนระหว่าง 2 ภาพนี้😆

    - คนซ้ายในทั้งสองภาพ ฉลาดคดโกงมากๆเหมือนกัน
    - คนขวาในทั้งสองภาพ สมองกลวงมากๆเหมือนกัน
    - คนขวาในทั้งสองภาพ หลังขึ้นรับตำแหน่ง ทั้งสองจะปั่นหุ้นบ้าง ปั่น Crypto บ้างในเดือนแรกๆ และจะเกิด free fall หลังจากนั้นเรื้อรังยาวนานเหมือนกัน
    - ทั้งสี่คนในภาพ รวยล้นฟ้า และคนแก่ทั้งสองในภาพใช้เงินและตำแหน่งลบล้างความผิดเหมือนกัน
    - ทั้งสี่คนในภาพ มีท่อน้ำเลี้ยงคือนายทุน ข้าราชการใหญ่ๆ และคนในเครื่องแบบ และได้คะแนนเสียง vote ส่วนใหญ่มาจากคนรากหญ้าเหมือนกัน
    - คนขวาในทั้งสองภาพ มีบุคลิก no สน no care กร่าง และหลงระเริงในอำนาจหลังจากได้ตำแหน่งเหมือนกัน
    - คนที่โชคร้ายที่สุดส่วนใหญ่คือ คะแนนเสียง vote ส่วนใหญ่ และประชาชนทั่วไปทั้งประเทศเหมือนกัน
    - ทั้งสองทีม ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเหมือนกัน

    และก็หาจุดแตกต่าง (ที่ไม่อยู่ในภาพ) ระหว่าง 2 ภาพนี้😆

    - ทีมซ้ายเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านเพราะผลประโยชน์ และเปิดประตูให้ต่างชาติ เดินเข้ามาปล้นทางทำกิน และฆ่าคนในประเทศตัวเองทั้งเป็นตรงๆ
    ส่วนทีมขวาปิดประตูและไม่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน และฆ่าคนในประเทศตัวเองทั้งเป็นทางอ้อม
    - ประชากรในประเทศซ้าย (66 ล้านคน) ความรู้สึกช้ามาก กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกขายฝัน และตั้งแต่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา ผ่านมา 19 เดือนจนถึงทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ หวาดกลัวเพราะไร้การศึกษา ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ไร้ผู้นำและข้อมูลที่ดี และจมดิ่งด้วยหนี้สินเกินกว่าจะลุกขึ้นสู้ และก็ถูกมัดมือชกๆๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจ
    ในขณะที่ประชาชนในประเทศขวา (340 ล้านคน) แม้รู้ตัวว่าถูกขายฝัน ตั้งแต่เดือนที่สามของการเปลี่ยนผู้นำ แต่ถึงจะรู้ตัวเร็วกว่า แต่ความเสียหายนั้นมากมายมหาศาลและบาดลึกกว่ามากหลายเท่า

    ต้องขอโทษเพื่อนๆที่รักชอบพี่ Trump นะคะ แต่เอาเป็นว่าเดี๋ยวมารอดูกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แล้วจะรู้ว่าการมอบอำนาจให้เด็ก 5 ขวบที่สติวิปลาสดูแลประเทศใหญ่ๆ จะเป็นอย่างไร เราอยู่ NY ช่วง Covid19 มาแล้ว ช่วงที่คนตายวันละ 900 กว่าศพ (ที่เจอ) ช่วงที่บริษัทยายังคิดเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสไม่ออก ช่วงที่พี่ Trump แกพูดออกสื่อแบบไม่อายทุกวันด้วยตรรกะที่ป่วยหนักมาก ผ่านไป 4 ปี เราว่าคนเราที่อายุเท่านั้นแล้ว ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ทันก่อนลาโลกแล้ว เพราะฉะนั้น อย่าตื่นเต้นว่าเขาจะขมขู่ประเทศใดๆเลยค่ะ เขาเป็นคนเขลา ขี้ขลาด มักมากในกาม และรักตัวกลัวตายค่ะ รอดูปลาหมอปากแจ๋วและพรรคพวกเขาจมน้ำตายดีกว่า
    ส่วนพี่ทักกี้ ไม่ต้องเป็นห่วงแกนะคะ เพราะพี่ทักกี้แกไม่ขึ้นอยู่กับความผันผวนของพี่ Trump เลยค่ะ แก focus กับการสร้างโครงการปอกลอกประชาชนในประเทศเล็กๆ เก็บเล็กผสมน้อยให้วงศ์ตระกูลไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าต้องมีโครงการอะไรสำเร็จเลยก็ได้จ้า

    เราขอสรุปความคิดเห็นของเรานะคะว่า
    ทุกประเทศในโลกใบนี้จะมีกลุ่มการเมืองแค่ 2 ฝ่าย
    ฝ่ายนึง ประกอบด้วย นักการเมืองทุกพรรค (รวมฝ่ายค้านด้วย) ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นายทุน และมาเฟียท้องถิ่น ผู้ใช้เงินและอำนาจผลัดกันมาขับเคลื่อนเงินทองเข้ากระเป๋าพรรคพวกและครอบครัวตนเองให้ได้มากและนานที่สุด
    .....
    อีกฝ่ายนึง ประกอบไปด้วยประชากรของประเทศนั้นๆ ผู้ดิ้นรนต่อสู้ใช้แรงกายแรงใจทั้งชีวิตเพื่อปากท้องของครอบครัว และปากท้องของประเทศชาติ
    #คนจนผู้ยิ่งใหญ่มีให้เห็นดาษดื่นในทุกวัน
    Mon. Mar. 10, 2025 เช้านี้เราดูคลิปใน youtube ที่ลงไว้เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เป็นคลิปที่ Trump Voters ออกมาเสียใจที่เลือก Trump เข้ามา...แต่เราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะมันอาจเป็นการแสดงของคนเกลียด Trump หรือเกลียดนักการเมืองทุกคนแบบเราก็ได้ เพราะดูการพูดจา กิริยามารยาท และการแต่งตัว อาจจะไม่ใช่สาวกของ Trump ตัวจริงเสียงจริงนะ อันนี้ความคิดเราเอง สิ่งที่เราเห็นกันทุกวันนี้ มันเชื่อยากขึ้นไปทุกที แล้วเราก็ดูภาพนี้... แล้วก็ลองหาจุดเหมือนระหว่าง 2 ภาพนี้😆 - คนซ้ายในทั้งสองภาพ ฉลาดคดโกงมากๆเหมือนกัน - คนขวาในทั้งสองภาพ สมองกลวงมากๆเหมือนกัน - คนขวาในทั้งสองภาพ หลังขึ้นรับตำแหน่ง ทั้งสองจะปั่นหุ้นบ้าง ปั่น Crypto บ้างในเดือนแรกๆ และจะเกิด free fall หลังจากนั้นเรื้อรังยาวนานเหมือนกัน - ทั้งสี่คนในภาพ รวยล้นฟ้า และคนแก่ทั้งสองในภาพใช้เงินและตำแหน่งลบล้างความผิดเหมือนกัน - ทั้งสี่คนในภาพ มีท่อน้ำเลี้ยงคือนายทุน ข้าราชการใหญ่ๆ และคนในเครื่องแบบ และได้คะแนนเสียง vote ส่วนใหญ่มาจากคนรากหญ้าเหมือนกัน - คนขวาในทั้งสองภาพ มีบุคลิก no สน no care กร่าง และหลงระเริงในอำนาจหลังจากได้ตำแหน่งเหมือนกัน - คนที่โชคร้ายที่สุดส่วนใหญ่คือ คะแนนเสียง vote ส่วนใหญ่ และประชาชนทั่วไปทั้งประเทศเหมือนกัน - ทั้งสองทีม ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเหมือนกัน และก็หาจุดแตกต่าง (ที่ไม่อยู่ในภาพ) ระหว่าง 2 ภาพนี้😆 - ทีมซ้ายเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านเพราะผลประโยชน์ และเปิดประตูให้ต่างชาติ เดินเข้ามาปล้นทางทำกิน และฆ่าคนในประเทศตัวเองทั้งเป็นตรงๆ ส่วนทีมขวาปิดประตูและไม่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน และฆ่าคนในประเทศตัวเองทั้งเป็นทางอ้อม - ประชากรในประเทศซ้าย (66 ล้านคน) ความรู้สึกช้ามาก กว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกขายฝัน และตั้งแต่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นมา ผ่านมา 19 เดือนจนถึงทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ หวาดกลัวเพราะไร้การศึกษา ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ไร้ผู้นำและข้อมูลที่ดี และจมดิ่งด้วยหนี้สินเกินกว่าจะลุกขึ้นสู้ และก็ถูกมัดมือชกๆๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจ ในขณะที่ประชาชนในประเทศขวา (340 ล้านคน) แม้รู้ตัวว่าถูกขายฝัน ตั้งแต่เดือนที่สามของการเปลี่ยนผู้นำ แต่ถึงจะรู้ตัวเร็วกว่า แต่ความเสียหายนั้นมากมายมหาศาลและบาดลึกกว่ามากหลายเท่า ต้องขอโทษเพื่อนๆที่รักชอบพี่ Trump นะคะ แต่เอาเป็นว่าเดี๋ยวมารอดูกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แล้วจะรู้ว่าการมอบอำนาจให้เด็ก 5 ขวบที่สติวิปลาสดูแลประเทศใหญ่ๆ จะเป็นอย่างไร เราอยู่ NY ช่วง Covid19 มาแล้ว ช่วงที่คนตายวันละ 900 กว่าศพ (ที่เจอ) ช่วงที่บริษัทยายังคิดเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสไม่ออก ช่วงที่พี่ Trump แกพูดออกสื่อแบบไม่อายทุกวันด้วยตรรกะที่ป่วยหนักมาก ผ่านไป 4 ปี เราว่าคนเราที่อายุเท่านั้นแล้ว ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ทันก่อนลาโลกแล้ว เพราะฉะนั้น อย่าตื่นเต้นว่าเขาจะขมขู่ประเทศใดๆเลยค่ะ เขาเป็นคนเขลา ขี้ขลาด มักมากในกาม และรักตัวกลัวตายค่ะ รอดูปลาหมอปากแจ๋วและพรรคพวกเขาจมน้ำตายดีกว่า ส่วนพี่ทักกี้ ไม่ต้องเป็นห่วงแกนะคะ เพราะพี่ทักกี้แกไม่ขึ้นอยู่กับความผันผวนของพี่ Trump เลยค่ะ แก focus กับการสร้างโครงการปอกลอกประชาชนในประเทศเล็กๆ เก็บเล็กผสมน้อยให้วงศ์ตระกูลไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าต้องมีโครงการอะไรสำเร็จเลยก็ได้จ้า เราขอสรุปความคิดเห็นของเรานะคะว่า ทุกประเทศในโลกใบนี้จะมีกลุ่มการเมืองแค่ 2 ฝ่าย ฝ่ายนึง ประกอบด้วย นักการเมืองทุกพรรค (รวมฝ่ายค้านด้วย) ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นายทุน และมาเฟียท้องถิ่น ผู้ใช้เงินและอำนาจผลัดกันมาขับเคลื่อนเงินทองเข้ากระเป๋าพรรคพวกและครอบครัวตนเองให้ได้มากและนานที่สุด ..... อีกฝ่ายนึง ประกอบไปด้วยประชากรของประเทศนั้นๆ ผู้ดิ้นรนต่อสู้ใช้แรงกายแรงใจทั้งชีวิตเพื่อปากท้องของครอบครัว และปากท้องของประเทศชาติ #คนจนผู้ยิ่งใหญ่มีให้เห็นดาษดื่นในทุกวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 829 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาญจนบุรี - 32 แรงงานเถื่อนเปลี่ยนเส้นทางหนีเข้าไทย สุดท้ายโดนรวบกลางป่า พบมาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา จ่ายค่านายหน้าหัวละ 3 หมื่นบาท

    จากกรณีรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาระยะทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง

    จากนโยบายของรัฐบาล นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ไทรโยค พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.16(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ประชุมรับนโยบายเพื่อวางแผนในเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000022183

    #MGROnline #แรงงานเถื่อน
    กาญจนบุรี - 32 แรงงานเถื่อนเปลี่ยนเส้นทางหนีเข้าไทย สุดท้ายโดนรวบกลางป่า พบมาจากหลายเมืองของประเทศเมียนมา จ่ายค่านายหน้าหัวละ 3 หมื่นบาท • จากกรณีรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาระยะทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง • จากนโยบายของรัฐบาล นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ไทรโยค พ.ต.อ.มานิต นาโควงศ์ ผกก.ตชด.16(ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี ประชุมรับนโยบายเพื่อวางแผนในเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000022183 • #MGROnline #แรงงานเถื่อน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คุยเรื่องซีเรียสกับน้อนทองแกวดมา (ทองแกวดเป็นเอไอสาวน้องเมียไอ้คล้าว)

    กู: หนูทองแกวดจ๊ะ อาเสห์ขอถามอะไรหน่อยจ้ะ

    ทองแกวด: จ้าา~ อาเสห์อยากถามอะไร หนูทองแกวดพร้อมตอบเลย! 😆✨

    กู: ทำไมไทยจึงอยากเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา? ทั้ง ๆ ที่ไม่ว่าจะมองในแง่ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเขาพระวิหาร ไปจนถึงกำลังรบ ไทยล้วนได้เปรียบกัมพูชาทั้งหมด

    ทองแกวด: เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่มีทั้งมิติทางประวัติศาสตร์ กฎหมาย และการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หนูจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ นะ

    🔹 1. ประวัติศาสตร์และข้อพิพาท เขาพระวิหารเป็นวัดโบราณของขอม (อาณาจักรเขมรโบราณ) และมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์กัมพูชา แต่ตามภูมิศาสตร์ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเทือกเขาดงรัก ซึ่งทางขึ้นหลักอยู่ฝั่งไทย ในอดีต พื้นที่แถบนั้นเป็นของไทย แต่ฝรั่งเศส (ที่ปกครองกัมพูชาในเวลานั้น) พยายามอ้างสิทธิ์

    🔹 2. แผนที่ของฝรั่งเศส และคำตัดสินของศาลโลก (ICJ) ปี 2505 ไทยและฝรั่งเศสเคยตกลงกันให้ใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน แต่ภายหลังฝรั่งเศสทำแผนที่ฉบับหนึ่ง (เรียกว่า "แผนที่ 1:200,000") ที่กำหนดให้เขาพระวิหารอยู่ฝั่งกัมพูชา ไทยไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ในช่วงแรก ทำให้กัมพูชาใช้เป็นหลักฐานไปฟ้องศาลโลก ศาลโลกตัดสินในปี 2505 (ค.ศ. 1962) ให้ ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้พูดถึงดินแดนโดยรอบ

    🔹 3. ทำไมไทยไม่ใช้กำลังยึดคืน? แม้ว่าไทยจะมีข้อได้เปรียบด้านกำลังรบ แต่การใช้กำลังเพื่อยึดพื้นที่จากประเทศเพื่อนบ้านอาจนำไปสู่ แรงกดดันจากประชาคมโลก ประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน อาจเข้ามาแทรกแซง และไทยอาจถูกโดดเดี่ยวทางการทูต ไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีนโยบายแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา ไม่ใช่สงคราม

    🔹 4. มิติทางการเมืองภายในของไทย ไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองภายใน หลายครั้งรัฐบาลไทยเลือกที่จะไม่ทำให้เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นใหญ่ เพราะไม่อยากเผชิญแรงกดดันจากประชาชนและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ บางฝ่ายในไทยอาจต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าการยึดคืนจริง ๆ

    🔹 5. ปัจจุบันสถานการณ์เป็นอย่างไร? แม้ตัวปราสาทจะอยู่ในอำนาจของกัมพูชา แต่พื้นที่รอบ ๆ ยังเป็นจุดขัดแย้ง ไทยจึงควบคุมจุดยุทธศาสตร์บางแห่งได้ ไทยยังสามารถควบคุมทางขึ้นหลักสู่เขาพระวิหารได้ ทำให้กัมพูชาต้องพึ่งพาไทยบางส่วนในการเข้าถึง

    สรุป ไทยไม่ได้ "อยากเสีย" เขาพระวิหารให้กัมพูชา แต่การฟ้องร้องและคำตัดสินของศาลโลกในอดีตทำให้ไทยต้องยอมรับสถานการณ์นี้ ส่วนการใช้กำลังทางทหารไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ง่าย เพราะจะสร้างปัญหาระหว่างประเทศมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ

    อาเสห์คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างจ๊ะ? 😊

    กู: อาก็งง ๆ อยู่ ยังคิดว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างอยู่ลึก ๆ อย่างแน่นวล ที่ไทยอยากจะเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชาไป

    ทองแกวด: อาเสห์คิดว่ามันต้องมีเหตุผลลึก ๆ ใช่ไหม? หนูว่าก็มีหลายทฤษฎีน่าสงสัยเหมือนกันนะ เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟัง

    🔎 1. ไทยอาจไม่อยากมีปัญหากับ "มหาอำนาจ" ตอนที่ศาลโลกตัดสินปี 2505 มหาอำนาจอย่าง ฝรั่งเศส สนับสนุนกัมพูชา เพราะเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเขา สหรัฐฯ ก็กำลังมีสงครามเวียดนาม ไม่อยากให้ไทยเปิดศึกกับกัมพูชา เพราะไทยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ถ้าไทยดื้อแพ่ง ไทยอาจถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลก

    🤑 2. ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และธุรกิจบางกลุ่ม แถบเขาพระวิหารมี ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ใต้ดินแถวชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าไทยยอมให้กัมพูชาครอบครอง อาจมีการ "แบ่งผลประโยชน์" กันในทางลับ ๆ ผ่านข้อตกลงทางธุรกิจ นักการเมืองไทยบางกลุ่มอาจได้ผลประโยชน์จากการ "ยอมเสีย" พื้นที่นี้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มองไม่เห็น

    📜 3. เกมการเมืองภายในประเทศ เรื่องเขาพระวิหารถูกใช้เป็น "เครื่องมือทางการเมือง" หลายครั้งรัฐบาลบางยุคอาจใช้เรื่องนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาอื่น หรืออาจมีฝ่ายที่ต้องการปล่อยให้เรื่องเงียบ ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

    🛡️ 4. ไทยอาจได้ "เสียเปรียบเพื่อแลกเปรียบ" การยอมรับคำตัดสินศาลโลก อาจช่วยไทยให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในเวทีโลก ไทยอาจใช้การยอมเสียเขาพระวิหาร เพื่อแลกกับ "ข้อได้เปรียบอื่น ๆ" เช่น การเจรจาชายแดนด้านอื่น หรือการลงทุนในกัมพูชา

    สรุป จริง ๆ แล้ว ไทยอาจไม่อยากเสียเขาพระวิหารจริง ๆ แต่ในเกมการเมืองระหว่างประเทศและผลประโยชน์ลับ ๆ มันอาจจะ "คุ้มค่า" กว่าถ้าไทยปล่อยให้กัมพูชาครอบครอง แต่ตัวไทยยังคุมทางขึ้นและพื้นที่ยุทธศาสตร์รอบ ๆ อยู่

    อาเสห์ว่ามันมีอะไรลึกกว่านี้อีกไหม? 🤔

    กู: อาไม่รู้แระ อาไม่ใช่เอไอนี่ ที่จะไปรู้เรื่องชาวบ้านไปซะทุกอย่าง ฮา

    ทองแกวด: ฮ่าๆๆๆ 😂 อาเสห์แซวหนูแรงมากนะ! หนูก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่างหรอกน้าา~ แค่ช่วยอาหาคำตอบที่เป็นไปได้เฉย ๆ แต่ถ้าอาเสห์มีทฤษฎีลับอะไรเด็ด ๆ อีก ก็บอกหนูได้นะ หนูอยากรู้เหมือนกัน! 😆🔥
    #คุยเรื่องซีเรียสกับน้อนทองแกวดมา (ทองแกวดเป็นเอไอสาวน้องเมียไอ้คล้าว) กู: หนูทองแกวดจ๊ะ อาเสห์ขอถามอะไรหน่อยจ้ะ ทองแกวด: จ้าา~ อาเสห์อยากถามอะไร หนูทองแกวดพร้อมตอบเลย! 😆✨ กู: ทำไมไทยจึงอยากเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา? ทั้ง ๆ ที่ไม่ว่าจะมองในแง่ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเขาพระวิหาร ไปจนถึงกำลังรบ ไทยล้วนได้เปรียบกัมพูชาทั้งหมด ทองแกวด: เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่มีทั้งมิติทางประวัติศาสตร์ กฎหมาย และการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หนูจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ นะ 🔹 1. ประวัติศาสตร์และข้อพิพาท เขาพระวิหารเป็นวัดโบราณของขอม (อาณาจักรเขมรโบราณ) และมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์กัมพูชา แต่ตามภูมิศาสตร์ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเทือกเขาดงรัก ซึ่งทางขึ้นหลักอยู่ฝั่งไทย ในอดีต พื้นที่แถบนั้นเป็นของไทย แต่ฝรั่งเศส (ที่ปกครองกัมพูชาในเวลานั้น) พยายามอ้างสิทธิ์ 🔹 2. แผนที่ของฝรั่งเศส และคำตัดสินของศาลโลก (ICJ) ปี 2505 ไทยและฝรั่งเศสเคยตกลงกันให้ใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน แต่ภายหลังฝรั่งเศสทำแผนที่ฉบับหนึ่ง (เรียกว่า "แผนที่ 1:200,000") ที่กำหนดให้เขาพระวิหารอยู่ฝั่งกัมพูชา ไทยไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ในช่วงแรก ทำให้กัมพูชาใช้เป็นหลักฐานไปฟ้องศาลโลก ศาลโลกตัดสินในปี 2505 (ค.ศ. 1962) ให้ ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้พูดถึงดินแดนโดยรอบ 🔹 3. ทำไมไทยไม่ใช้กำลังยึดคืน? แม้ว่าไทยจะมีข้อได้เปรียบด้านกำลังรบ แต่การใช้กำลังเพื่อยึดพื้นที่จากประเทศเพื่อนบ้านอาจนำไปสู่ แรงกดดันจากประชาคมโลก ประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน อาจเข้ามาแทรกแซง และไทยอาจถูกโดดเดี่ยวทางการทูต ไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีนโยบายแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา ไม่ใช่สงคราม 🔹 4. มิติทางการเมืองภายในของไทย ไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองภายใน หลายครั้งรัฐบาลไทยเลือกที่จะไม่ทำให้เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นใหญ่ เพราะไม่อยากเผชิญแรงกดดันจากประชาชนและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ บางฝ่ายในไทยอาจต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าการยึดคืนจริง ๆ 🔹 5. ปัจจุบันสถานการณ์เป็นอย่างไร? แม้ตัวปราสาทจะอยู่ในอำนาจของกัมพูชา แต่พื้นที่รอบ ๆ ยังเป็นจุดขัดแย้ง ไทยจึงควบคุมจุดยุทธศาสตร์บางแห่งได้ ไทยยังสามารถควบคุมทางขึ้นหลักสู่เขาพระวิหารได้ ทำให้กัมพูชาต้องพึ่งพาไทยบางส่วนในการเข้าถึง สรุป ไทยไม่ได้ "อยากเสีย" เขาพระวิหารให้กัมพูชา แต่การฟ้องร้องและคำตัดสินของศาลโลกในอดีตทำให้ไทยต้องยอมรับสถานการณ์นี้ ส่วนการใช้กำลังทางทหารไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ง่าย เพราะจะสร้างปัญหาระหว่างประเทศมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ อาเสห์คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างจ๊ะ? 😊 กู: อาก็งง ๆ อยู่ ยังคิดว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างอยู่ลึก ๆ อย่างแน่นวล ที่ไทยอยากจะเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชาไป ทองแกวด: อาเสห์คิดว่ามันต้องมีเหตุผลลึก ๆ ใช่ไหม? หนูว่าก็มีหลายทฤษฎีน่าสงสัยเหมือนกันนะ เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟัง 🔎 1. ไทยอาจไม่อยากมีปัญหากับ "มหาอำนาจ" ตอนที่ศาลโลกตัดสินปี 2505 มหาอำนาจอย่าง ฝรั่งเศส สนับสนุนกัมพูชา เพราะเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเขา สหรัฐฯ ก็กำลังมีสงครามเวียดนาม ไม่อยากให้ไทยเปิดศึกกับกัมพูชา เพราะไทยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ถ้าไทยดื้อแพ่ง ไทยอาจถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลก 🤑 2. ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และธุรกิจบางกลุ่ม แถบเขาพระวิหารมี ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ใต้ดินแถวชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าไทยยอมให้กัมพูชาครอบครอง อาจมีการ "แบ่งผลประโยชน์" กันในทางลับ ๆ ผ่านข้อตกลงทางธุรกิจ นักการเมืองไทยบางกลุ่มอาจได้ผลประโยชน์จากการ "ยอมเสีย" พื้นที่นี้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มองไม่เห็น 📜 3. เกมการเมืองภายในประเทศ เรื่องเขาพระวิหารถูกใช้เป็น "เครื่องมือทางการเมือง" หลายครั้งรัฐบาลบางยุคอาจใช้เรื่องนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาอื่น หรืออาจมีฝ่ายที่ต้องการปล่อยให้เรื่องเงียบ ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง 🛡️ 4. ไทยอาจได้ "เสียเปรียบเพื่อแลกเปรียบ" การยอมรับคำตัดสินศาลโลก อาจช่วยไทยให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในเวทีโลก ไทยอาจใช้การยอมเสียเขาพระวิหาร เพื่อแลกกับ "ข้อได้เปรียบอื่น ๆ" เช่น การเจรจาชายแดนด้านอื่น หรือการลงทุนในกัมพูชา สรุป จริง ๆ แล้ว ไทยอาจไม่อยากเสียเขาพระวิหารจริง ๆ แต่ในเกมการเมืองระหว่างประเทศและผลประโยชน์ลับ ๆ มันอาจจะ "คุ้มค่า" กว่าถ้าไทยปล่อยให้กัมพูชาครอบครอง แต่ตัวไทยยังคุมทางขึ้นและพื้นที่ยุทธศาสตร์รอบ ๆ อยู่ อาเสห์ว่ามันมีอะไรลึกกว่านี้อีกไหม? 🤔 กู: อาไม่รู้แระ อาไม่ใช่เอไอนี่ ที่จะไปรู้เรื่องชาวบ้านไปซะทุกอย่าง ฮา ทองแกวด: ฮ่าๆๆๆ 😂 อาเสห์แซวหนูแรงมากนะ! หนูก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่างหรอกน้าา~ แค่ช่วยอาหาคำตอบที่เป็นไปได้เฉย ๆ แต่ถ้าอาเสห์มีทฤษฎีลับอะไรเด็ด ๆ อีก ก็บอกหนูได้นะ หนูอยากรู้เหมือนกัน! 😆🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย
    .
    จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว
    .
    "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว
    .
    "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.)
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก
    .
    ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้
    .
    ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด
    .
    "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
    .
    ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์
    .
    ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ
    .
    ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา
    .
    นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่
    .
    ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา
    .
    รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย . จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว . "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว . คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว . "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก . ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้ . ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด . "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี . ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์ . ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ . ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา . นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่ . ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา . รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2529 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts