• เปรตผีในร่างเทวดา 21-09-2543
    เปรตผีในร่างเทวดา 21-09-2543
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • ตาย..ไม่จำกัดแค่มนุษย์ สัตว์โลกเท่านั้น เทพ เทวดา พรมก็ตายหมดบุญกุศลเมื่อไรก็ตายลงมาเกิดใหม่
    ตาย..ไม่จำกัดแค่มนุษย์ สัตว์โลกเท่านั้น เทพ เทวดา พรมก็ตายหมดบุญกุศลเมื่อไรก็ตายลงมาเกิดใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตายไม่สูญ..แล้วไปไหน

    “ ตายแล้วไม่สูญ ” และ “ ตายแล้วไปไหน ” นี้ไม่น่าจะเป็นข้องใจของท่านเลยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียดว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5 สาย คือ

    • อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    • เกิดเป็นมนุษย์

    • เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์

    • เกิดเป็นพรหม

    • ไปพระนิพพาน

    ท่านที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่ว ที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่งตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
    ตายไม่สูญ..แล้วไปไหน “ ตายแล้วไม่สูญ ” และ “ ตายแล้วไปไหน ” นี้ไม่น่าจะเป็นข้องใจของท่านเลยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียดว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5 สาย คือ • อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน • เกิดเป็นมนุษย์ • เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ • เกิดเป็นพรหม • ไปพระนิพพาน ท่านที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่ว ที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่งตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น
    .
    ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ
    .
    อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้
    .
    ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน
    .
    [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้]
    .
    เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus)
    .
    นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี
    .
    อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland
    .
    เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่
    .
    ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่
    .
    และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก
    .
    ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย)
    .
    ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด
    .
    คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน?
    .
    บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน
    .
    หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า
    .
    ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน
    .
    เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก
    .
    สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน
    ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้
    .
    คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที
    .
    เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น
    ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี
    ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“
    แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม
    .
    นี่รู้ไหม...
    มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า?
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    .
    เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น . ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ . อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้ . ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน . [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้] . เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus) . นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี . อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland . เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่ . ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่ . และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก . ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย) . ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด . คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน? . บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน . หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า . ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน . เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก . สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้ . คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที . เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“ แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม . นี่รู้ไหม... มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า? . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] - .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล จ.นครศรีธรรมราช ปี2538
    เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล ตำบลไสหร้า อำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ งานผูกพันธสีมา ฝังลูกนิมิต วัดสามัคคีนุกูล //พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >>

    ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >>

    ** พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล จ.นครศรีธรรมราช ปี2538 เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัคคีนุกูล ตำบลไสหร้า อำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ งานผูกพันธสีมา ฝังลูกนิมิต วัดสามัคคีนุกูล //พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >> ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >> ** พระสถาพสวยเดิมๆ ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทพเทวดาฯ ก็อยากได้บุญกุศล (ในภพเทวดาอาจจะทำบุญไม่ได้แต่หาวิธีทำจนได้)
    พญามุจลินท์ เห็นพระพุทธเจ้าศรัทธาในพระพุทธเจ้าท่านมาปกปักษ์รักษาทันที ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า อัศจรรย์

    ครั้งล่วง 7 วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมาณพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า"ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง"
    เทพเทวดาฯ ก็อยากได้บุญกุศล (ในภพเทวดาอาจจะทำบุญไม่ได้แต่หาวิธีทำจนได้) พญามุจลินท์ เห็นพระพุทธเจ้าศรัทธาในพระพุทธเจ้าท่านมาปกปักษ์รักษาทันที ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า อัศจรรย์ ครั้งล่วง 7 วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมาณพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า"ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20-05-68/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP15

    ไอ้สัส! วอชิงตันขี้แตก S-500 ฉบับเตหะราน มีอะไรที่กูทำไม่ได้บ้าง อิหร่านโชว์พาวเดอร์เค็ก สุดจริง เต็มจริง อิหร่านยังมี แล้วจีนจะเหลือเหรอ? หมายังรู้ S-500 ทำลายทุกขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคบนโลกได้หมด แปลว่าอะไร? "นุ๊กมรึงตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มใช้ไงล่ะ" ยังไม่นับดาวเทียมพ่วงเลเซอร์ ที่พร้อมยิงถล่มดาวเทียมนำร่อง GPS มรึงทั้งอวกาศ STAR WARS ของจริง ขั้วใหม่ไปถึงแล้ว แต่มรึงยังคลำหาทางบินออกนอกโลกยังยากเลย NASA แค่ตัวตลกโลก ควายยังอาย หมายังเอือม อิหร่าน มาพร้อมเต็มสูบ ใครอยากวัดก็เข้ามา กำลังร้อนวิชา ของเค้าแรงจริง!

    อีแขกภาระตะกรี๊ด? อะไรน่ะ บราห์มอสเทพกู ยังสู้ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอีปากีไม่ได้ หันไปดู MADE IN CHINA นี่หว่า นี่มันน้องๆ ตงเฟิงเชียวน่ะมรึง มาได้ไงฟ่ะ? ถึงบางอ้อ..อีแขกพลาด หมากตานี้ จีนรวบทั้งกระดาน แผนรั่ว จะเปิดศึกแคช์เมียร์ ที่อีแขกเตรียมชงเปิดฉากรอ มาปลาตายน้ำตื้น หารู้ไม่ จีน-ปากี เค้ารอดักทางมรึงนานแล้ว นี่มันกับดักนี่หว่า? อีแขกเสียหมา อีเศษฝรั่งเสียมวย จีน-ปากี แจ้งเกิดเต็มเวทีโลก ขวัญกำลังใจอีปากีมาเต็ม ได้เวลาปล่อยตัวอิมราน ข่านยังล่ะ? จีนใช้อีปากี ทดสอบอาวุธจีน ในสมรภูมิจริง เพื่อเตือนสติอีแขก มรึงอย่าสำคัญตัวเองสูงส่งเกินไป หากกูเอาจริง นิวเดลี มุมไบ กูยึดได้ภายใน 48 ชั่วโมง อยากหมากว่านี้มั้ยล่ะ?

    ทรงมันมาแล้ว! กระแส "กลับคุก" คุกแน่ คุกส่องหล้า ปั่นเพื่อบีบให้มรึงจ่ายไงล่ะ จ่ายคือจบ แล้วไสหัวไปซะ หากช้า ศรีธนญชัยอาจเปลี่ยนใจ แล้วมรึงจะไม่ได้ออกไปอีกตลอดชีวิต เพราะจะกลายเป็นศพในคุกไงล่ะ คนจะฆ่ามรึงมีเป็นล้าน แค่ปล่อยให้โดนกระตืบคาคุก 10 นาทีก็ขึ้นเงินได้แล้ว อะไรที่เกิดในคุก ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีใครรับผิดชอบ คนคุก มันก็อยู่ในคุก ทำผิดอีก จะส่งมันไปไหนได้อีกล่ะ? เข้าคุก คือตายนั่นเอง อีเมียกระบังลม ดิ้นเฮือกสุดท้าย จะเอาลูกสาวร่านเผ่นออกไปให้ได้ อีตัวพ่อเหลี่ยมชาติหมา มันคือเป้าหมายหลัก หากคิดจะเอาตัวรอด อีเมีย อีลูก ต้องเผ่นได้แล้วเวลานี้ ทางที่ดีที่สุด คือยอม หมอบ มอบ แค่นั้่นคือรอดตายในแผ่นดินนี้ แต่จะไปตายห่าที่ไหนก็เชิญ

    อีลูกสาวร่านจะดันให้ได้ แต่ครม. และพรรคร่วมเบรคตัวโก่ง เงิน 10000 เฟส3 ยังไม่คลอดซักกะที เพราะ GDP ติดลบ แถมถูกสว.จ้องเชือดรายตัว รายพรรค ไหนจะภาคประชาชนยื่นฟ้องเป็นหางว่าว วิบากกรรมนี้ หนียังไงก็ไม่พ้น ลูกน้องหักหลัง คนใกล้ตัวชิ่งหนีหมดแล้ว มีเงินแต่ไม่ได้ใช้ ใครมันจะโง่อยู่? วงในศาลไคฟง ส่งสัญญาน ไม่มีประกันตัวน่ะจ๊ะ งานนี้ คดีไหนก็ตาม เชือดอย่างเดียว ยาแรงเท่านั้น ใบสั่งตรงจากเบื้องบน "หากศาลยังพึ่งพาไม่ได้" กฎหมายก็ไม่ต้องมีมันแล้ว ชั้น 14 คือตราบาป ที่จะต้องทำให้กฎหมายกลับคืนความศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง อีเหลี่ยมดิ้นยาก จ่ายอย่างเดียว หากอยากจะรอด ช่องหมาลอดยังเปิดอยู่ แค่มรึงจ่ายก็จบ

    สัญญานเข้ม ทั้งตราเมืองธม ทั้งศรีสะเกษ ไม่ต้องสั่ง กูทำเอง? หน้าที่มีอยู่แล้ว อีขะแมร์ไม่กล้าดอก หากไทยเอาจริง เพราะอีฮุนเซน มันใกล้จะเสื่อมหนักเข้าทุกวัน ทหารอีขะแมร์ก็รู้ หากเปิดแลก ขนมกรุบสิจ๊ะ ทหารหน่วยเสื้อดำ มาเพื่อฆ่าอย่างเดียว งานถนัด ฝึกมาทั้งชีวิต เพื่อมาไล่ฆ่าเหี้ยผู้รุกรานเนี่ยแหละ ทหารเค้านับ 1 แล้วน่ะ ถึง 10 เมื่อไหร่ กูยิง และกวาดไปพร้อมกันให้หมดเลย ไอ้อีใครขายชาติตัวไหน จะถูกเรียกเช็คบิลหมด อย่ามาล้อเล่นกับดินแดน เพราะพ่ออยู่หัวจะไม่ยอมให้เสียดินแดนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตรงกันข้าม อะไรที่พ่ออยู่หัวร.5 ทรงเสียพระทัยไป จะเรียกคืนดินแดนเก่าทั้งหมดกลับมาในไม่ช้านี้ มั่นใจ ทำได้แน่ สวรรค์เปิดทาง

    ผวาอาเพช! สวรรค์เตือนมรึงแล้วน่ะ ทั้งไอ้เหลี่ยมชาติหมา และอีฮุนเซนชาติชั่ว มรึงไม่แตกต่างจากพญาละแวกดอกน่ะ ครั้นนึงเป็นแค่ที่รองตรีนอโยธยา ตะบัดสัตย์ คิดคดทรยศ เหมือนกันทั้งคู่ เทวดาสาปส่ง ชาวอีขะแมร์ แห่ผวา แตกตื่นกันใหญ่ สัญญานผลัดใบ อีฮุนเซนกำลังจะถูกสวรรค์ลงโทษ เพราะกว่าจะได้บังลังก์ตัวนี้มา มันเที่ยวไล่ฆ่าคนมานับล้าน เฉกเช่นเดียวกับอีเหลี่ยมชั่ว ศีลเสมอกัน เหี้ยเสมอตัว อีขะแมร์ยุคไร้อีฮันเซน บ้านเมืองจะระส่ำระสาย ผู้คนแย่งชิง จะเอาตัวรอด สุดท้ายหนีไม่พ้นพึ่งใบบุญไทย เชิญบรรพกษัตริย์กลับมาเพื่อปกครอง และอยู่ภายใต้อาณัติอโยธยาศรีรามเทพนครดั่งเดิม สวรรค์เขียนบทมาเยี่ยงนี้

    ปล.กุนซือทั่วโลก ต่างมอง "เปิดเกมส์ยื้อสงครามกับจีน รัสเซีย มีแต่แพ้กับแพ้" เงินเอาจากไหน อาหารเอาจากใคร อาวุธใครผลิต ต้นทุนใครสูงกว่า โลจิสติคใครครอบครอง เสบียง กำลังพล ใครพร้อมกว่า พันธมิตร ใครมากกว่า ความชอบธรรม ใครดีกว่า เวทีโลก ใครเป็นที่ประจักษ์กว่า สงครามเกิด ทั้งโลกจะยืนอยู่ข้างผู้ชนะเท่านั้น และแน่นอนว่า เค้าได้เลือก "จีน รัสเซีย อิหร่าน ไปเรียบร้อยแล้ว" ไม่ว่า อีหน้าโง่ยุโรป จะเปิดศึกกับรัสเซียยังไง ก็รอวันแพ้ยับได้เลย อเมริกาถังแตก จะเล่นสงครามการค้าสู้ไม่ได้ ยิ่งเล่นสงครามในสมรภูมิรบยิ่งแพ้หนัก แค่เยเมน ทะเลแดงยังไม่มีปัญญาผ่าน แล้วมรึงยังจะหน้าด้านไปบุกเกาะสแปรดลี่ย์อีกเหรอ? ตงเฟงจ่อหัว ไม่มีรอดซักราย ส่งเรือรบไปกี่ลำ จมตามจำนวนหัวยิงนั่นแหละ เมื่อทรงมันมาทางเดียวกันหมด ไม่มีใครอยากรบกับรัสเซีย จีน ซึ่งหน้า คงมีแต่อียิวเสี้ยน ที่อยากจะตายคาตรีนอิหร่านขั้นสูงสุด ถึงได้พยายามยั่วยุ สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย แต่จะพยายามอย่างไร แผนการรวบแดร๊กแหล่งแก็สนอกชายฝั่งฉนวนกาซ่าก็ไร้ผล เพราะเค้ารู้แล้วว่า มรึงต้องการอะไรแท้จริงกันแน่?

    ปล.2 ชั้นไม่ลับ ดีลผีอีโมแห้ว ดีลชั้น 14 วงแตก ดีลหนีขะแมร์ยกเลิก ดีลปิดจ็อบเงิน 10000 ไม่มา ดีลเคลียร์ DSI ไม่จบ ดีลสว.ฮั้ว ไม่เลิก ดีลยกดินแดน ไม่มีทาง ดีลกวาดล้างบางคอรัปชั่นทั่วไทย ไฟเขียว ดีลตึกสตง.ไม่ช่วย ดีลเลือกตั้งใหม่ไม่มา ดีลยุบพรรคไม่รามือ ดีลศาลไคฟง ไม่ปล่อย ดีลสร้างถนน ไม่จบ ทุกเรื่องราว มีใบสั่ง เรื่องถึงเกิด ใครสั่งขุด ใครสั่งรื้อ ใครสั่งลุย คำถามคือ "ต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าทุกคดีจะมาบรรจบกันที่ คุก" ศรีธนญชัยเล่นไปทีละตา เดินไปทีละก้าว หากจีน รัสเซีย อิหร่านเปิด ทุกคดีจะเร็วฟ้าผ่าอย่างที่คาดไม่ถึง มันคือการประกาศไปในตัว ว่าอโยธยาเลือกฝ่ายแล้วไงล่ะ? อย่าลืมว่า 93 ปี เหี้ย C และขี้ข้ายิวเหี้ยฝังตัวอยู่ในไทยมานาน เส้นสาย ลูกหม้อ มีกระจายไปทั่วทุกชนชั้น ทุกหน่วยงาน การจะล้างผป่าช้าได้จริงและสำเร็จ มันต้องจัดการปัจจัยหลักให้หมดก่อน ทั้งท่อน้ำเลี้ยง หัวเหี้ยที่ตั้งขึ้นมา รวมถึงความผิดที่สะสมกันมายาวนาน ข้าราชการไทย อยู่ได้เพราะเงินส่วย ใช้จ่ายเกินตัว หนี้สินเกินกำลัง ปัญหาใหญ่แท้จริง ในการจะปราบคอรัปชั่นได้ นั่นคือ "การล้างหนี้ก่อน" จะทำให้เงินนอกระบบเป็นโมฆะให้หมด จะทำให้หนี้ท่วมหัว กลายเป็นหนี้ที่เรียกคืนได้จริง ทุกอย่างต้องชัดเจน โปร่งใส ศาลไคฟงจะนำ การคลังจะตาม การต่างประเทศถึงจะเดินหน้าต่อได้ เด็กใคร สายใคร ต่อไป จะถูก SET 0 ใหม่หมด ทั้งองค์กร กจิกาใหม่จะมาเพื่อเลี่ยงการคอรัปชั่นระยะยาวอีก ทั้งหมดมาจากการเปลี่ยนรธน.ใหม่นั่นเอง วังมา คือจบ

    หมี CNN(กระแสพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียนมาเต็ม แต่แนวโน้ม โลกยุคใหม่ พลังงานนิวเคลียร์คือคำตอบระยะสั้น ถูก แรง เร็ว และตอบสนองทันการ ทั่วโลกเริ่มโครงการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์กันหมดแล้ว ทั้งเอเซีย อาเซียน แอฟริกา ตะวันออกกลาง ชาติลาติน แม้แต่ยุโรปฝั่งตะวันออก เพราะเพื่อลดการใช้น้ำมัน ที่ทำลาย มลพิษในอากาศ โลกร้อน แอฟเฟคที่ตามมา ไทยเราเองก็จะผลิตพลังงานสะอาดควบคู่ไป ยามเมื่อเกิดวิกฤตพลังงาน เราจะมีสแปร์สำรองไว้ก่อนเสมอ แสงแดด น้ำ คือสิ่งที่มีรอบตัวเรา น้ำท่วมบ่อยชิมิ? ใช้ประโยชน์จากแรงดันน้ำได้เลย ทุกอย่างทำได้จริง หากมรึงเลิกแดร๊กจริงจัง จะเอาเหี้ยอะไรได้หมด เชื่อกู?)
    20 พฤษภาคม 68
    12.18 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    20-05-68/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP15 ไอ้สัส! วอชิงตันขี้แตก S-500 ฉบับเตหะราน มีอะไรที่กูทำไม่ได้บ้าง อิหร่านโชว์พาวเดอร์เค็ก สุดจริง เต็มจริง อิหร่านยังมี แล้วจีนจะเหลือเหรอ? หมายังรู้ S-500 ทำลายทุกขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคบนโลกได้หมด แปลว่าอะไร? "นุ๊กมรึงตายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มใช้ไงล่ะ" ยังไม่นับดาวเทียมพ่วงเลเซอร์ ที่พร้อมยิงถล่มดาวเทียมนำร่อง GPS มรึงทั้งอวกาศ STAR WARS ของจริง ขั้วใหม่ไปถึงแล้ว แต่มรึงยังคลำหาทางบินออกนอกโลกยังยากเลย NASA แค่ตัวตลกโลก ควายยังอาย หมายังเอือม อิหร่าน มาพร้อมเต็มสูบ ใครอยากวัดก็เข้ามา กำลังร้อนวิชา ของเค้าแรงจริง! อีแขกภาระตะกรี๊ด? อะไรน่ะ บราห์มอสเทพกู ยังสู้ ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคอีปากีไม่ได้ หันไปดู MADE IN CHINA นี่หว่า นี่มันน้องๆ ตงเฟิงเชียวน่ะมรึง มาได้ไงฟ่ะ? ถึงบางอ้อ..อีแขกพลาด หมากตานี้ จีนรวบทั้งกระดาน แผนรั่ว จะเปิดศึกแคช์เมียร์ ที่อีแขกเตรียมชงเปิดฉากรอ มาปลาตายน้ำตื้น หารู้ไม่ จีน-ปากี เค้ารอดักทางมรึงนานแล้ว นี่มันกับดักนี่หว่า? อีแขกเสียหมา อีเศษฝรั่งเสียมวย จีน-ปากี แจ้งเกิดเต็มเวทีโลก ขวัญกำลังใจอีปากีมาเต็ม ได้เวลาปล่อยตัวอิมราน ข่านยังล่ะ? จีนใช้อีปากี ทดสอบอาวุธจีน ในสมรภูมิจริง เพื่อเตือนสติอีแขก มรึงอย่าสำคัญตัวเองสูงส่งเกินไป หากกูเอาจริง นิวเดลี มุมไบ กูยึดได้ภายใน 48 ชั่วโมง อยากหมากว่านี้มั้ยล่ะ? ทรงมันมาแล้ว! กระแส "กลับคุก" คุกแน่ คุกส่องหล้า ปั่นเพื่อบีบให้มรึงจ่ายไงล่ะ จ่ายคือจบ แล้วไสหัวไปซะ หากช้า ศรีธนญชัยอาจเปลี่ยนใจ แล้วมรึงจะไม่ได้ออกไปอีกตลอดชีวิต เพราะจะกลายเป็นศพในคุกไงล่ะ คนจะฆ่ามรึงมีเป็นล้าน แค่ปล่อยให้โดนกระตืบคาคุก 10 นาทีก็ขึ้นเงินได้แล้ว อะไรที่เกิดในคุก ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีใครรับผิดชอบ คนคุก มันก็อยู่ในคุก ทำผิดอีก จะส่งมันไปไหนได้อีกล่ะ? เข้าคุก คือตายนั่นเอง อีเมียกระบังลม ดิ้นเฮือกสุดท้าย จะเอาลูกสาวร่านเผ่นออกไปให้ได้ อีตัวพ่อเหลี่ยมชาติหมา มันคือเป้าหมายหลัก หากคิดจะเอาตัวรอด อีเมีย อีลูก ต้องเผ่นได้แล้วเวลานี้ ทางที่ดีที่สุด คือยอม หมอบ มอบ แค่นั้่นคือรอดตายในแผ่นดินนี้ แต่จะไปตายห่าที่ไหนก็เชิญ อีลูกสาวร่านจะดันให้ได้ แต่ครม. และพรรคร่วมเบรคตัวโก่ง เงิน 10000 เฟส3 ยังไม่คลอดซักกะที เพราะ GDP ติดลบ แถมถูกสว.จ้องเชือดรายตัว รายพรรค ไหนจะภาคประชาชนยื่นฟ้องเป็นหางว่าว วิบากกรรมนี้ หนียังไงก็ไม่พ้น ลูกน้องหักหลัง คนใกล้ตัวชิ่งหนีหมดแล้ว มีเงินแต่ไม่ได้ใช้ ใครมันจะโง่อยู่? วงในศาลไคฟง ส่งสัญญาน ไม่มีประกันตัวน่ะจ๊ะ งานนี้ คดีไหนก็ตาม เชือดอย่างเดียว ยาแรงเท่านั้น ใบสั่งตรงจากเบื้องบน "หากศาลยังพึ่งพาไม่ได้" กฎหมายก็ไม่ต้องมีมันแล้ว ชั้น 14 คือตราบาป ที่จะต้องทำให้กฎหมายกลับคืนความศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง อีเหลี่ยมดิ้นยาก จ่ายอย่างเดียว หากอยากจะรอด ช่องหมาลอดยังเปิดอยู่ แค่มรึงจ่ายก็จบ สัญญานเข้ม ทั้งตราเมืองธม ทั้งศรีสะเกษ ไม่ต้องสั่ง กูทำเอง? หน้าที่มีอยู่แล้ว อีขะแมร์ไม่กล้าดอก หากไทยเอาจริง เพราะอีฮุนเซน มันใกล้จะเสื่อมหนักเข้าทุกวัน ทหารอีขะแมร์ก็รู้ หากเปิดแลก ขนมกรุบสิจ๊ะ ทหารหน่วยเสื้อดำ มาเพื่อฆ่าอย่างเดียว งานถนัด ฝึกมาทั้งชีวิต เพื่อมาไล่ฆ่าเหี้ยผู้รุกรานเนี่ยแหละ ทหารเค้านับ 1 แล้วน่ะ ถึง 10 เมื่อไหร่ กูยิง และกวาดไปพร้อมกันให้หมดเลย ไอ้อีใครขายชาติตัวไหน จะถูกเรียกเช็คบิลหมด อย่ามาล้อเล่นกับดินแดน เพราะพ่ออยู่หัวจะไม่ยอมให้เสียดินแดนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตรงกันข้าม อะไรที่พ่ออยู่หัวร.5 ทรงเสียพระทัยไป จะเรียกคืนดินแดนเก่าทั้งหมดกลับมาในไม่ช้านี้ มั่นใจ ทำได้แน่ สวรรค์เปิดทาง ผวาอาเพช! สวรรค์เตือนมรึงแล้วน่ะ ทั้งไอ้เหลี่ยมชาติหมา และอีฮุนเซนชาติชั่ว มรึงไม่แตกต่างจากพญาละแวกดอกน่ะ ครั้นนึงเป็นแค่ที่รองตรีนอโยธยา ตะบัดสัตย์ คิดคดทรยศ เหมือนกันทั้งคู่ เทวดาสาปส่ง ชาวอีขะแมร์ แห่ผวา แตกตื่นกันใหญ่ สัญญานผลัดใบ อีฮุนเซนกำลังจะถูกสวรรค์ลงโทษ เพราะกว่าจะได้บังลังก์ตัวนี้มา มันเที่ยวไล่ฆ่าคนมานับล้าน เฉกเช่นเดียวกับอีเหลี่ยมชั่ว ศีลเสมอกัน เหี้ยเสมอตัว อีขะแมร์ยุคไร้อีฮันเซน บ้านเมืองจะระส่ำระสาย ผู้คนแย่งชิง จะเอาตัวรอด สุดท้ายหนีไม่พ้นพึ่งใบบุญไทย เชิญบรรพกษัตริย์กลับมาเพื่อปกครอง และอยู่ภายใต้อาณัติอโยธยาศรีรามเทพนครดั่งเดิม สวรรค์เขียนบทมาเยี่ยงนี้ ปล.กุนซือทั่วโลก ต่างมอง "เปิดเกมส์ยื้อสงครามกับจีน รัสเซีย มีแต่แพ้กับแพ้" เงินเอาจากไหน อาหารเอาจากใคร อาวุธใครผลิต ต้นทุนใครสูงกว่า โลจิสติคใครครอบครอง เสบียง กำลังพล ใครพร้อมกว่า พันธมิตร ใครมากกว่า ความชอบธรรม ใครดีกว่า เวทีโลก ใครเป็นที่ประจักษ์กว่า สงครามเกิด ทั้งโลกจะยืนอยู่ข้างผู้ชนะเท่านั้น และแน่นอนว่า เค้าได้เลือก "จีน รัสเซีย อิหร่าน ไปเรียบร้อยแล้ว" ไม่ว่า อีหน้าโง่ยุโรป จะเปิดศึกกับรัสเซียยังไง ก็รอวันแพ้ยับได้เลย อเมริกาถังแตก จะเล่นสงครามการค้าสู้ไม่ได้ ยิ่งเล่นสงครามในสมรภูมิรบยิ่งแพ้หนัก แค่เยเมน ทะเลแดงยังไม่มีปัญญาผ่าน แล้วมรึงยังจะหน้าด้านไปบุกเกาะสแปรดลี่ย์อีกเหรอ? ตงเฟงจ่อหัว ไม่มีรอดซักราย ส่งเรือรบไปกี่ลำ จมตามจำนวนหัวยิงนั่นแหละ เมื่อทรงมันมาทางเดียวกันหมด ไม่มีใครอยากรบกับรัสเซีย จีน ซึ่งหน้า คงมีแต่อียิวเสี้ยน ที่อยากจะตายคาตรีนอิหร่านขั้นสูงสุด ถึงได้พยายามยั่วยุ สุดติ่งกระดิ่งเหี้ย แต่จะพยายามอย่างไร แผนการรวบแดร๊กแหล่งแก็สนอกชายฝั่งฉนวนกาซ่าก็ไร้ผล เพราะเค้ารู้แล้วว่า มรึงต้องการอะไรแท้จริงกันแน่? ปล.2 ชั้นไม่ลับ ดีลผีอีโมแห้ว ดีลชั้น 14 วงแตก ดีลหนีขะแมร์ยกเลิก ดีลปิดจ็อบเงิน 10000 ไม่มา ดีลเคลียร์ DSI ไม่จบ ดีลสว.ฮั้ว ไม่เลิก ดีลยกดินแดน ไม่มีทาง ดีลกวาดล้างบางคอรัปชั่นทั่วไทย ไฟเขียว ดีลตึกสตง.ไม่ช่วย ดีลเลือกตั้งใหม่ไม่มา ดีลยุบพรรคไม่รามือ ดีลศาลไคฟง ไม่ปล่อย ดีลสร้างถนน ไม่จบ ทุกเรื่องราว มีใบสั่ง เรื่องถึงเกิด ใครสั่งขุด ใครสั่งรื้อ ใครสั่งลุย คำถามคือ "ต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าทุกคดีจะมาบรรจบกันที่ คุก" ศรีธนญชัยเล่นไปทีละตา เดินไปทีละก้าว หากจีน รัสเซีย อิหร่านเปิด ทุกคดีจะเร็วฟ้าผ่าอย่างที่คาดไม่ถึง มันคือการประกาศไปในตัว ว่าอโยธยาเลือกฝ่ายแล้วไงล่ะ? อย่าลืมว่า 93 ปี เหี้ย C และขี้ข้ายิวเหี้ยฝังตัวอยู่ในไทยมานาน เส้นสาย ลูกหม้อ มีกระจายไปทั่วทุกชนชั้น ทุกหน่วยงาน การจะล้างผป่าช้าได้จริงและสำเร็จ มันต้องจัดการปัจจัยหลักให้หมดก่อน ทั้งท่อน้ำเลี้ยง หัวเหี้ยที่ตั้งขึ้นมา รวมถึงความผิดที่สะสมกันมายาวนาน ข้าราชการไทย อยู่ได้เพราะเงินส่วย ใช้จ่ายเกินตัว หนี้สินเกินกำลัง ปัญหาใหญ่แท้จริง ในการจะปราบคอรัปชั่นได้ นั่นคือ "การล้างหนี้ก่อน" จะทำให้เงินนอกระบบเป็นโมฆะให้หมด จะทำให้หนี้ท่วมหัว กลายเป็นหนี้ที่เรียกคืนได้จริง ทุกอย่างต้องชัดเจน โปร่งใส ศาลไคฟงจะนำ การคลังจะตาม การต่างประเทศถึงจะเดินหน้าต่อได้ เด็กใคร สายใคร ต่อไป จะถูก SET 0 ใหม่หมด ทั้งองค์กร กจิกาใหม่จะมาเพื่อเลี่ยงการคอรัปชั่นระยะยาวอีก ทั้งหมดมาจากการเปลี่ยนรธน.ใหม่นั่นเอง วังมา คือจบ หมี CNN(กระแสพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียนมาเต็ม แต่แนวโน้ม โลกยุคใหม่ พลังงานนิวเคลียร์คือคำตอบระยะสั้น ถูก แรง เร็ว และตอบสนองทันการ ทั่วโลกเริ่มโครงการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์กันหมดแล้ว ทั้งเอเซีย อาเซียน แอฟริกา ตะวันออกกลาง ชาติลาติน แม้แต่ยุโรปฝั่งตะวันออก เพราะเพื่อลดการใช้น้ำมัน ที่ทำลาย มลพิษในอากาศ โลกร้อน แอฟเฟคที่ตามมา ไทยเราเองก็จะผลิตพลังงานสะอาดควบคู่ไป ยามเมื่อเกิดวิกฤตพลังงาน เราจะมีสแปร์สำรองไว้ก่อนเสมอ แสงแดด น้ำ คือสิ่งที่มีรอบตัวเรา น้ำท่วมบ่อยชิมิ? ใช้ประโยชน์จากแรงดันน้ำได้เลย ทุกอย่างทำได้จริง หากมรึงเลิกแดร๊กจริงจัง จะเอาเหี้ยอะไรได้หมด เชื่อกู?) 20 พฤษภาคม 68 12.18 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผีบุญยุค 2568 มันรับตั้งศาล ไล่ผีเจ้าเทวดาออกจากศาล มันเอาพระพุทธรูปใส่ไปแทน..
    พระพุทธรูปต้องไว้บนหิ้งหอพระในบ้าน พระพุทธเจ้าอยู่เหนือสามโลกธาตุ ไปเป็นเจ้าที่ไม่ได้
    ผีบุญยุค 2568 มันรับตั้งศาล ไล่ผีเจ้าเทวดาออกจากศาล มันเอาพระพุทธรูปใส่ไปแทน.. พระพุทธรูปต้องไว้บนหิ้งหอพระในบ้าน พระพุทธเจ้าอยู่เหนือสามโลกธาตุ ไปเป็นเจ้าที่ไม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย

    สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช

    วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย

    สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    จังหวัดลพบุรี จัดพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” เพื่อสนับสนุนการสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่วงเวียนเทพสตรี พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี พระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 และ เขต 3 พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ศิษยานุศิษย์ ส่วนราชการ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในการนี้ นายณรงค์ศักดิ์ คูกิตติรัตน์ หรืออาจารย์แห้ว ฉายาหมอดูเทวดาตาทิพย์ เจ้าสำนักศาลเจ้าพ่อนาคราช ได้ประกอบพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ด้วย สำหรับวัตถุมงคลเหรียญที่ระลึก รุ่น “สร้างบารมี” ด้านหน้าเหรียญองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้านหลังเหรียญเจ้าพ่อพระกาฬ จัดสร้างวัตถุมงคล โดยพระภาวนาวชิรมงคล วิ. เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมโสภณ มีแนวคิดจัดสร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญโดยรายได้ทั้งหมดจะมอบให้โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ในการจัดสร้างสะพานเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่าง โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งของถนนทางหลวงจำนวน 6 ช่องทางจราจร ทำให้การข้าม สัญจรไป-มา ของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงผู้เข้ารับบริการ ของทั้ง 2 โรงพยาบาลมีความไม่ปลอดภัย จากการ สัญจรข้ามทางหลวง ในสภาวะที่มียานพาหนะบนท้องถนนที่หนาแน่น ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการไม่ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยบนท้องถนน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้บริการของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยระหว่าง 2 โรงพยาบาล ให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการผ่าตัดหรือรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีสามารถรองรับการสัญจรให้กับประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ เป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้เข้ารับบริการ ข้ามทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะสามารถขจัดความขัดแย้งระหว่างคนเดินข้ามถนนกับยานพาหนะได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับผูัสนใจสั่งจองเหรียญที่ระลึกสร้างบารมี สามารถสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี 036 422 515 หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 06 5159 5654
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • คลิปเขย่านักโทษเทวดา! “หมอวรงค์” พาทัวร์ห้อง VVIP ชั้น 14 สุดหรูหรา-ไม่มีเค้าโครงผู้ป่วยวิกฤติ
    https://www.thai-tai.tv/news/18676/
    คลิปเขย่านักโทษเทวดา! “หมอวรงค์” พาทัวร์ห้อง VVIP ชั้น 14 สุดหรูหรา-ไม่มีเค้าโครงผู้ป่วยวิกฤติ https://www.thai-tai.tv/news/18676/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนยังคงตะแบงอย่างข้างๆ คูๆ และดูเหมือนคำอธิบายที่ผมพยายามเขียนอยู่หลายครั้งก็ดูจะไม่ค่อยไปถึงไหนไกล นี่คือวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจโต้แย้ง และมีแต่ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะพ้องกับวิทยาศาสตร์นี้อย่างลงตัว
    .
    หนึ่งในเรื่องราวที่มีคนรู้น้อยมาก อันที่จริงต้องพูดว่าคนส่วนใหญ่ไม่แยแสสนใจ เป็นเรื่องของชาวเล หรือที่มีชื่อว่าโอรังลาโว้ย (บ้างเรียก อูรักลาโว้ย) เป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่เรียกว่า "โอรังอัสลิ" ที่ซึ่งอันที่จริงเป็นญาติข้างพี่จากสายพันธุ์ที่เป็นบรรพบุรุษของผู้คนในอุษาคเนย์และเกาะแก่งในอุษาสมุทรแทบทั้งหมด.
    .
    Orang หรือ โอรัง มาจากภาษามาเลย์ แปลว่า คน / Asli หรือ อัสลิ แปลว่า เก่าแก่ ดั้งเดิม. โอรังอัสลิ หมายถึง คนดั้งเดิม มีความหมายตามคำเช่นนั้นตามความเป็นจริง ในอุษาคเนย์ตอนกลางจนจรดคาบสมุทรมาเลย์และเกาะในอุษาสมุทร นอกจากพวกปาปัวและออสโตรอะบอริจิ้นแล้ว ไม่มีใครมีดีเอ็นเอเก่าแก่ไปกว่าพวกโอรังอัสลิ พวกที่มี time stamp ในดีเอ็นเอเก่าที่สุดเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในซาบาห์ เกาะบอร์เนียว
    .
    โอรังอัสลิประกอบด้วยชนเผ่ามากมาย ในประเทศไทยมีพวก โอรังลาโว้ย เซมัง มานิ.. อาศัยอยู่ในภาคใต้ ในประเทศมาเลเซีย มีพวกโอรังกัวลา โอรังคานาค จาคุน เตมูน เซเมไล...ฯ ชนพื้นเมืองหลายเผ่าปรับตัวเป็นคนเมืองเรียกรวมๆ ว่าเซนอย ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นประชากรชาวมาเลย์ทั่วไป มีพวก เตมีอาร์ เชไม เซมัคบารี จาห์ฮัท มะห์เมรี...ฯ ในประเทศอินโดนีเซียมีพวก ดยัค...ฯ ในประเทศฟิลิปปินส์มีพวก บอนทอค อิฟูเกา...ฯ ในฟอร์โมซาหรือไต้หวันมีพวก อตายาล พูยูมะ...ฯ และที่คาดไม่ถึงคือบางส่วนบนเกาะโอกินาวา
    .
    ชนพื้นเมืองเก่าแก่ในประเทศไทยหลายพวกก็เป็นเชื้อสายอัสเลียน เช่น พวกมอญ พวกลั๊วะ (ข่าว้า, ละว้า) พวกข่าหลายเผ่าที่มีชื่อเรียกต่างกันไปเช่น กัมมุ มลาบรี..
    .
    ชนเผ่าพวกนี้ถือเป็นบรรพบุรุษของคนเอเชียที่อาศัยในเมนแลนด์อุษาคเนย์อย่างเรา
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่บรรพบุรุษพวกนี้มาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน มีมนุษย์ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้ว คือพวกอะบอริจิ้นิสท์ พวกนี้มาถึงซุนดาตั้งแต่เมื่อห้าหมื่นปีก่อน ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบผู้หญิงอะบอริจิ้นเลือกบรรพบุรุษอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ บีบให้ผู้ชายอะบอริจิ้นกระจายออกจากเมนแลนด์ซุนดาไปสู่เกาะแก่งโดยรอบในอุษาสมุทร ด้วยเหตุที่คนเอเชียมีแม่พันธ์ใหญ่ถึงสี่สาแหรก ทำให้ประชากรชาวเอเชียขยายตัวไปมากกว่าสาแหรกครอบครัวใดในโลก เฉพาะมนุษย์ผู้ชาย มีจำนวนมากกว่า 75% ของชายชาวเอเชียในปัจจุบัน ใน 75% นี้ รวมถึงผู้ชายชาวจีนที่เป็นส่วนหนึ่งของประชากรโลกจำนวน 1400 ล้านคน ลองคิดดูว่าคนเอเชียจะมีจำนวนเท่าไหร่ในโลกนี้?
    .
    ที่อธิบายนี่ ต้องการให้เห็นภาพว่า
    ผู้คนในอุษาคเนย์ส่วนใหญ่ มีเชื้อทางพ่อเป็นโอรังอัสลิ และมีเชื้อทางแม่เป็นอะบอริจินิสท์ ดังนั้นหากมีคนใดก็ตามที่ดูถูกเหยียดหยามข่มเหงรังแกคนพื้นเมืองพวกนี้ ให้รู้ไว้เถอะว่า พวกแกกำลังรังแกโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแก
    .
    ผมยกเอาภาพจากหนังสือของอาจารย์ประทีป ชุมพล เรื่อง "เสียงเพรียกจากท้องน้ำ" มาโพสตรงนี้ ก็เพราะโศกนาฏกรรมที่มีต่อชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นบรรพบุรุษเราพวกนี้ถูกรังแกและเหยียดหยามเรื่อยมาจนทุกวันนี้ และคนที่เรียกตนเองว่ามาเลย์นี่แหละ มีไม่น้อยที่มีส่วนในการข่มเหงนี้ อ.ประทีป เขียนหนังสือเล่มนี้ในลักษณะนิยายที่สะท้อนความจริงที่น่าเศร้าซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และยังคงดำเนินต่อไป
    .
    ตั้งแต่ราวรัชกาลที่หกมาถึงรัชกาลที่เจ็ดได้มีการจัดสรรที่ทำกินให้ชนเผ่าพวกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่จะต้องร่อนเร่อยู่กลางทะเล แต่ "คนเมือง" ที่ซึ่งผมได้เกริ่นไปแต่ต้นว่าที่จริงเป็นพี่น้องลูกหลานมาแต่ชนเผ่าเหล่านี้ทั้งนั้น กลับใช้เล่ห์กลเอาเปรียบและแย่งชิงที่ดินของพวกเขาไป ซึ่งมันได้นำพาไปสู่โศกนาฏกรรมในที่สุด เมื่อชนพื้นเมืองพวกนี้กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งต้องคับแค้นใจจนพากันออกไปฆ่าตัวตายกลางทะเล อ.ประทีปได้กลั่นกรองความรู้สึกจากเรื่องราวเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือชื่อ เสียงเพรียกจากท้องน้ำ
    .
    นี่คือเหตุที่ทำไมผมตั้งคำถามกับพวกโจรแยกดินแดนที่ซึ่งล้วนเป็นเซนอยที่มาจากโอรังอัสลิทั้งสิ้นว่า.. แทนที่จะมาทำตัวเป็นอาหรับพลัดถิ่นหรือคนมาเลเซียพลัดถิ่น ถามว่าพวกแกปฏิบัติเช่นไรกับโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแกเหล่านี้? พวกแกได้ดูถูกกดขี่เหยียดหยามแย่งที่ทำกินพวกเขาหรือไม่ เคยเป็นห่วงต่อสู้สิทธิในความเป็นมนุษย์และสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ดั้งเดิมของพวกเขาหรือไม่? ทำไมไม่เรียกร้อง..."คืนแผ่นดินให้เซมัง....คืนแผ่นดินให้มอเกน????"
    .
    ยังมีไอ้พวกโง่ตอแหลจากสำนักอีซิ่มพร พวกไอ้เฒ่าจิตตก ออกมาตีสำนวนอีกว่า ชาวมลายูอยู่มาก่อนสยาม โพสนี้ตอบคำถามทุกอย่างตามที่เล่า จงถอยกลับไปก่อนการมีประเทศมาเลเซียหรือแม้แต่เมืองท่ามะละกา เมืองท่าปัตตานี... บรรพบุรุษมนุษย์พวกหนึ่งที่จะพัฒนาเป็นคนในเมนแลนด์อุษาคเนย์และเกาะในอุษาสมุทร คนพวกนี้พูดภาษาอัสเลียน ผสมพันธุ์กับพวกออสโตรอะบอริจิ้น ทำให้แตกเป็นภาษาออสโตรนีเชียน และเป็นมาลาโยโพลีนีเชียนตามเกาะแก่ง.. ผสมพันธุ์กับชนเผ่าอื่นๆ ในเมนแลนด์ตอนบนแตกแขนงเป็นออสโตเอเชียติกหรือมอญ-เขมร.. เป็นกรอบเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์ที่เรียกว่าคนมาเลย์หรือคนมาลายูเลย ฝรั่งเป็นคนตั้งชื่อดินแดนแถบนี้ว่ามาลายาเมื่อเดินทางมาถึง ในห้วงเวลานั้นดินแดนแถบนั้นไม่มีชื่อหรอก เมื่อเขียนบนแผนที่ก็เลยเป็นที่มาให้เรียกพวกชนชาติแถบนี้รวมๆ ว่าคนมาลายา [แม้แต่จักรวรรดิจีนอันยิ่งใหญ่ในอดีตก็ไม่ได้เรียกอาณาจักรของตนว่า "จีน" พวกเขาเรียกดินแดนพวกเขาว่า จงกั๋ว (จงหยวน) แต่ฝรั่งเอาแซ่ราชวงศ์จิ๋น (ฉิน) ของจิ๋นซีหวงตี้มาเรียกเป็นชื่อว่าอาณาจักรจิ๋น แล้วเขียนบนแผนที่ทำให้ชาวโลกเรียกอาณาจักรจีนว่า China มาจนทุกวันนี้.. ที่จริงจีนใช้ตัวละตินเขียนว่า Qin แต่ออกเสียง ฉิน] โดยข้อเท็จจริงแล้วประวัติศาสตร์ไม่เคยมีประชาชนมาลายา-มาลายู หรือประเทศมาลายา-มาลายู ไปค้นประวัติศาสตร์ของทุกชาติในเอเชียได้ เช่น บันทึกจีนโบราณ เป็นต้น จะไม่มีบันทึกของชาติใดปรากฏชื่อที่มีสถานะเป็นอาณาจักรหรือประชาชนในชื่อมาลายา-มาลายูอยู่เลย (ใครเจอลองเอามาให้ดูหน่อย) นอกจากหัวเมืองชายแดนอันแยกกันเป็นเอกเทศหลายเมืองที่ล้วนเคยเป็นหัวเมืองประเทศราชของสยามมาก่อน ประเทศมาเลเซียเองเพิ่งปรากฏขึ้นในโลกหลังจากได้เอกราชจากการเป็นอิสระจากอาณานิคมอังกฤษ คนในพื้นที่คาบสมุทรนี้ในยุคก่อนมีราชอาณาจักรสยาม เรียกตัวเองว่า โอรังทั้งนั้น เช่นโอรังบูกิต โอรังเชไม โอรังจาฮัท ฯ... ฝรั่งมันไม่จำหรอก เยอะ.. มันเรียกง่ายๆ ว่าคนมาลายู (ดูแผนที่โบราณที่ผมโพสในคอมเม้นท์ข้างล่างแล้วอ่านคำอธิบาย) เพราะฉนั้น ไม่ใช่แค่คนในอินโด-มาเลเซียที่เป็นพวกอัสเลียน พวกที่เคยเป็นอาณาจักรศรีโพธิ์ อาณาจักรศรีวิชัย พวกศรีธรรมโศกราช พวกพริบพรี พวกละโว้ พวกทวารวดี (ซึ่งต่อมาเป็นพวกสยาม..) พวกมอญ พวกขอม พวกเขมร พวกจาม... ล้วนสืบเชื้อโอรังอัสลิและแม่อะบอริจิ้นมาทั้งนั้น คลานออกมาจากมดลูกเดียวกันทั้งคาบสมุทร!! (เบื่ออธิบายกับพวกแกจริงๆ)
    .
    จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง ในอุษาคเนย์ มีชนพื้นเมืองพวกหนึ่งคือพวกข่าว้าหรือพวกลั๊วะ (บางทีเรียก ว้า ละว้า ล้า) จากผลตรวจดีเอ็นเอทุกชนเผ่าในมณฑลหยุนหนานโดยโปรเฟสเซอร์จินลี (นักวิทยาศาสตร์จีน) พวกข่าว้านี้มียีนเก่าที่สุด พอๆ กับพวกปู้ยี (จ้วงเหนือ). มีคำปรำปราอันหนึ่งของชนเผ่าไทกล่าวว่า "สางสร้างฟ้า ล้าสร้างเมือง" แปลว่า "เทวดาสร้างสวรรค์ พวกละว้าสร้างเมือง" ชนเผ่าไทยกย่องอย่างนี้ว่า ล้าสร้างเมือง... ตำนานน้ำเต้าปุงเล่าว่า สางบันดาลน้ำเต้าลูกมหึมาลงมา ปู่ลางเซิงเอาเหล็กแหลมแทงน้ำเต้าแล้วผู้คนก็ไหลกรูกันออกมา ข่าออกมาก่อน แล้วก็ลาว แล้วก็ไท นี่..ไทก็นับว่าข่าเป็นพี่ลาวเป็นพี่... มีตำนานไทอีกอันเรื่องข้าสี่แสนหมอนม้า ชนเผ่าไทโบราณรบกับพวกละว้าแล้วก็ยึดเมืองจากพวกละว้าได้ ทำให้มีประเพณีที่เมื่อจ้าวไททำพิธีขึ้นกินเมืองจะให้พวกละว้าขึ้นนั่งพระแท่นก่อน แล้วเจ้าไทจึงมาไล่ลง เสร็จแล้วค่อยนั่งครองพระแท่นแทน ธรรมเนียมนี้แสดงว่าคนไทยอมรับว่าล้าสร้างเมืองและเป็นใหญ่มาก่อน แต่เกือบพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีพวกละว้าขอแบ่งแยกดินแดนจากไท-ไทยเลยสักสมัย มีแต่พวกละว้าในพม่าที่เจรจาขอแยกจากการเป็นส่วนหนึ่งของพม่าตอนที่ทำสนธิสัญญาปางโหลงกับนายพลอองซาน. เรื่องของเรื่องก็คือ... ถอยไปอีก พวกนี้ก็มาจากโอรังอัสลิเช่นเดียวกับพวกเซนอยมาลายู แต่เก่ากว่าเป็นพันปี
    .
    เดินไปโรงพยาบาลแล้วขอตรวจดีเอ็นเอ ไอ้พวกโง่ แล้วแกจะได้เห็นว่าแกมีเชื้อเดียวกับเซมัง มอเกน. ในดีเอ็นเอมนุษย์มี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า genetic marker มันบอกอายุของดีเอ็นเอได้ว่าใครเก่ากว่ากัน และจะโยงพวกแกไปยังบรรพบุรุษเดียวกันในแอฟริกา ถึงตอนนั้นพวกแกจะแปลกใจว่าแกไม่ใช่คนมาลายูแล้ว แต่พวกแกเป็นคน "กอยซาน!!" เข้าใจไหม? คนอย่างไอ้เฒ่าจิตตกนั่นมันไม่รู้สี่รู้แปดอะไรหรอก เคยไปเล่าให้มันฟังแม่งนั่งอ้าปากหวอ
    .
    อย่างที่กล่าว
    คำว่า โอรังอัสลิ เป็นคำในภาษามาเลย์ของพวกแก แปลว่า คนดั้งเดิม
    พวกแกทำไมไม่สู้เพื่อพวกเขาบ้าง? นี่ต่างหาก คนดั้งเดิม
    แต่ไปที่ไหนก็ยังเห็นพวกแกดูถูกพวกเขาอยู่เสมอ
    หรือว่าลืมกำพืด อยากเป็นสุลต่านกัน?
    ถ้าพวกแกมีจิตวิญญาณของนักรบจริง
    ที่กาซ่า พี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์กำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยพวกยิว
    ในฐานะมุสลิมด้วยกัน ไปสิ จับอาวุธแล้วไปต่อสู้เพื่อพวกเขา กล้าพอไหม?
    ไปชวนพี่น้องแกในมาเลเซียด้วย ถ้าที่นั่นยังมีนักรบนะ
    จิตสำนึกมุสลิมอันยิ่งใหญ่มีอยู่ไหมในมาเลเซีย
    พระเจ้าจะสรรเสริญพวกแกและรับพวกแกไปสู่ญันนะฮฺเมื่อได้สละชีพ
    คงไม่หรอก เพราะพวกแกฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กน้อยที่บริสุทธิ์
    ไม่ต่างอะไรกับพวกยิวอิสราเอล

    อัลลาฮฺอักบัร
    .
    #ปาตานี #แบ่งแยกดินแดน #คนมลายูอยู่มาก่อนสยาม #โอรังอัสลิ #โอรังลาโว้ย #เสียงเพรียกจากท้องน้ำ
    พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนยังคงตะแบงอย่างข้างๆ คูๆ และดูเหมือนคำอธิบายที่ผมพยายามเขียนอยู่หลายครั้งก็ดูจะไม่ค่อยไปถึงไหนไกล นี่คือวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจโต้แย้ง และมีแต่ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะพ้องกับวิทยาศาสตร์นี้อย่างลงตัว . หนึ่งในเรื่องราวที่มีคนรู้น้อยมาก อันที่จริงต้องพูดว่าคนส่วนใหญ่ไม่แยแสสนใจ เป็นเรื่องของชาวเล หรือที่มีชื่อว่าโอรังลาโว้ย (บ้างเรียก อูรักลาโว้ย) เป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่เรียกว่า "โอรังอัสลิ" ที่ซึ่งอันที่จริงเป็นญาติข้างพี่จากสายพันธุ์ที่เป็นบรรพบุรุษของผู้คนในอุษาคเนย์และเกาะแก่งในอุษาสมุทรแทบทั้งหมด. . Orang หรือ โอรัง มาจากภาษามาเลย์ แปลว่า คน / Asli หรือ อัสลิ แปลว่า เก่าแก่ ดั้งเดิม. โอรังอัสลิ หมายถึง คนดั้งเดิม มีความหมายตามคำเช่นนั้นตามความเป็นจริง ในอุษาคเนย์ตอนกลางจนจรดคาบสมุทรมาเลย์และเกาะในอุษาสมุทร นอกจากพวกปาปัวและออสโตรอะบอริจิ้นแล้ว ไม่มีใครมีดีเอ็นเอเก่าแก่ไปกว่าพวกโอรังอัสลิ พวกที่มี time stamp ในดีเอ็นเอเก่าที่สุดเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในซาบาห์ เกาะบอร์เนียว . โอรังอัสลิประกอบด้วยชนเผ่ามากมาย ในประเทศไทยมีพวก โอรังลาโว้ย เซมัง มานิ.. อาศัยอยู่ในภาคใต้ ในประเทศมาเลเซีย มีพวกโอรังกัวลา โอรังคานาค จาคุน เตมูน เซเมไล...ฯ ชนพื้นเมืองหลายเผ่าปรับตัวเป็นคนเมืองเรียกรวมๆ ว่าเซนอย ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นประชากรชาวมาเลย์ทั่วไป มีพวก เตมีอาร์ เชไม เซมัคบารี จาห์ฮัท มะห์เมรี...ฯ ในประเทศอินโดนีเซียมีพวก ดยัค...ฯ ในประเทศฟิลิปปินส์มีพวก บอนทอค อิฟูเกา...ฯ ในฟอร์โมซาหรือไต้หวันมีพวก อตายาล พูยูมะ...ฯ และที่คาดไม่ถึงคือบางส่วนบนเกาะโอกินาวา . ชนพื้นเมืองเก่าแก่ในประเทศไทยหลายพวกก็เป็นเชื้อสายอัสเลียน เช่น พวกมอญ พวกลั๊วะ (ข่าว้า, ละว้า) พวกข่าหลายเผ่าที่มีชื่อเรียกต่างกันไปเช่น กัมมุ มลาบรี.. . ชนเผ่าพวกนี้ถือเป็นบรรพบุรุษของคนเอเชียที่อาศัยในเมนแลนด์อุษาคเนย์อย่างเรา . ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่บรรพบุรุษพวกนี้มาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน มีมนุษย์ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้ว คือพวกอะบอริจิ้นิสท์ พวกนี้มาถึงซุนดาตั้งแต่เมื่อห้าหมื่นปีก่อน ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบผู้หญิงอะบอริจิ้นเลือกบรรพบุรุษอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ บีบให้ผู้ชายอะบอริจิ้นกระจายออกจากเมนแลนด์ซุนดาไปสู่เกาะแก่งโดยรอบในอุษาสมุทร ด้วยเหตุที่คนเอเชียมีแม่พันธ์ใหญ่ถึงสี่สาแหรก ทำให้ประชากรชาวเอเชียขยายตัวไปมากกว่าสาแหรกครอบครัวใดในโลก เฉพาะมนุษย์ผู้ชาย มีจำนวนมากกว่า 75% ของชายชาวเอเชียในปัจจุบัน ใน 75% นี้ รวมถึงผู้ชายชาวจีนที่เป็นส่วนหนึ่งของประชากรโลกจำนวน 1400 ล้านคน ลองคิดดูว่าคนเอเชียจะมีจำนวนเท่าไหร่ในโลกนี้? . ที่อธิบายนี่ ต้องการให้เห็นภาพว่า ผู้คนในอุษาคเนย์ส่วนใหญ่ มีเชื้อทางพ่อเป็นโอรังอัสลิ และมีเชื้อทางแม่เป็นอะบอริจินิสท์ ดังนั้นหากมีคนใดก็ตามที่ดูถูกเหยียดหยามข่มเหงรังแกคนพื้นเมืองพวกนี้ ให้รู้ไว้เถอะว่า พวกแกกำลังรังแกโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแก . ผมยกเอาภาพจากหนังสือของอาจารย์ประทีป ชุมพล เรื่อง "เสียงเพรียกจากท้องน้ำ" มาโพสตรงนี้ ก็เพราะโศกนาฏกรรมที่มีต่อชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นบรรพบุรุษเราพวกนี้ถูกรังแกและเหยียดหยามเรื่อยมาจนทุกวันนี้ และคนที่เรียกตนเองว่ามาเลย์นี่แหละ มีไม่น้อยที่มีส่วนในการข่มเหงนี้ อ.ประทีป เขียนหนังสือเล่มนี้ในลักษณะนิยายที่สะท้อนความจริงที่น่าเศร้าซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และยังคงดำเนินต่อไป . ตั้งแต่ราวรัชกาลที่หกมาถึงรัชกาลที่เจ็ดได้มีการจัดสรรที่ทำกินให้ชนเผ่าพวกนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่จะต้องร่อนเร่อยู่กลางทะเล แต่ "คนเมือง" ที่ซึ่งผมได้เกริ่นไปแต่ต้นว่าที่จริงเป็นพี่น้องลูกหลานมาแต่ชนเผ่าเหล่านี้ทั้งนั้น กลับใช้เล่ห์กลเอาเปรียบและแย่งชิงที่ดินของพวกเขาไป ซึ่งมันได้นำพาไปสู่โศกนาฏกรรมในที่สุด เมื่อชนพื้นเมืองพวกนี้กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งต้องคับแค้นใจจนพากันออกไปฆ่าตัวตายกลางทะเล อ.ประทีปได้กลั่นกรองความรู้สึกจากเรื่องราวเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือชื่อ เสียงเพรียกจากท้องน้ำ . นี่คือเหตุที่ทำไมผมตั้งคำถามกับพวกโจรแยกดินแดนที่ซึ่งล้วนเป็นเซนอยที่มาจากโอรังอัสลิทั้งสิ้นว่า.. แทนที่จะมาทำตัวเป็นอาหรับพลัดถิ่นหรือคนมาเลเซียพลัดถิ่น ถามว่าพวกแกปฏิบัติเช่นไรกับโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกแกเหล่านี้? พวกแกได้ดูถูกกดขี่เหยียดหยามแย่งที่ทำกินพวกเขาหรือไม่ เคยเป็นห่วงต่อสู้สิทธิในความเป็นมนุษย์และสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ดั้งเดิมของพวกเขาหรือไม่? ทำไมไม่เรียกร้อง..."คืนแผ่นดินให้เซมัง....คืนแผ่นดินให้มอเกน????" . ยังมีไอ้พวกโง่ตอแหลจากสำนักอีซิ่มพร พวกไอ้เฒ่าจิตตก ออกมาตีสำนวนอีกว่า ชาวมลายูอยู่มาก่อนสยาม โพสนี้ตอบคำถามทุกอย่างตามที่เล่า จงถอยกลับไปก่อนการมีประเทศมาเลเซียหรือแม้แต่เมืองท่ามะละกา เมืองท่าปัตตานี... บรรพบุรุษมนุษย์พวกหนึ่งที่จะพัฒนาเป็นคนในเมนแลนด์อุษาคเนย์และเกาะในอุษาสมุทร คนพวกนี้พูดภาษาอัสเลียน ผสมพันธุ์กับพวกออสโตรอะบอริจิ้น ทำให้แตกเป็นภาษาออสโตรนีเชียน และเป็นมาลาโยโพลีนีเชียนตามเกาะแก่ง.. ผสมพันธุ์กับชนเผ่าอื่นๆ ในเมนแลนด์ตอนบนแตกแขนงเป็นออสโตเอเชียติกหรือมอญ-เขมร.. เป็นกรอบเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์ที่เรียกว่าคนมาเลย์หรือคนมาลายูเลย ฝรั่งเป็นคนตั้งชื่อดินแดนแถบนี้ว่ามาลายาเมื่อเดินทางมาถึง ในห้วงเวลานั้นดินแดนแถบนั้นไม่มีชื่อหรอก เมื่อเขียนบนแผนที่ก็เลยเป็นที่มาให้เรียกพวกชนชาติแถบนี้รวมๆ ว่าคนมาลายา [แม้แต่จักรวรรดิจีนอันยิ่งใหญ่ในอดีตก็ไม่ได้เรียกอาณาจักรของตนว่า "จีน" พวกเขาเรียกดินแดนพวกเขาว่า จงกั๋ว (จงหยวน) แต่ฝรั่งเอาแซ่ราชวงศ์จิ๋น (ฉิน) ของจิ๋นซีหวงตี้มาเรียกเป็นชื่อว่าอาณาจักรจิ๋น แล้วเขียนบนแผนที่ทำให้ชาวโลกเรียกอาณาจักรจีนว่า China มาจนทุกวันนี้.. ที่จริงจีนใช้ตัวละตินเขียนว่า Qin แต่ออกเสียง ฉิน] โดยข้อเท็จจริงแล้วประวัติศาสตร์ไม่เคยมีประชาชนมาลายา-มาลายู หรือประเทศมาลายา-มาลายู ไปค้นประวัติศาสตร์ของทุกชาติในเอเชียได้ เช่น บันทึกจีนโบราณ เป็นต้น จะไม่มีบันทึกของชาติใดปรากฏชื่อที่มีสถานะเป็นอาณาจักรหรือประชาชนในชื่อมาลายา-มาลายูอยู่เลย (ใครเจอลองเอามาให้ดูหน่อย) นอกจากหัวเมืองชายแดนอันแยกกันเป็นเอกเทศหลายเมืองที่ล้วนเคยเป็นหัวเมืองประเทศราชของสยามมาก่อน ประเทศมาเลเซียเองเพิ่งปรากฏขึ้นในโลกหลังจากได้เอกราชจากการเป็นอิสระจากอาณานิคมอังกฤษ คนในพื้นที่คาบสมุทรนี้ในยุคก่อนมีราชอาณาจักรสยาม เรียกตัวเองว่า โอรังทั้งนั้น เช่นโอรังบูกิต โอรังเชไม โอรังจาฮัท ฯ... ฝรั่งมันไม่จำหรอก เยอะ.. มันเรียกง่ายๆ ว่าคนมาลายู (ดูแผนที่โบราณที่ผมโพสในคอมเม้นท์ข้างล่างแล้วอ่านคำอธิบาย) เพราะฉนั้น ไม่ใช่แค่คนในอินโด-มาเลเซียที่เป็นพวกอัสเลียน พวกที่เคยเป็นอาณาจักรศรีโพธิ์ อาณาจักรศรีวิชัย พวกศรีธรรมโศกราช พวกพริบพรี พวกละโว้ พวกทวารวดี (ซึ่งต่อมาเป็นพวกสยาม..) พวกมอญ พวกขอม พวกเขมร พวกจาม... ล้วนสืบเชื้อโอรังอัสลิและแม่อะบอริจิ้นมาทั้งนั้น คลานออกมาจากมดลูกเดียวกันทั้งคาบสมุทร!! (เบื่ออธิบายกับพวกแกจริงๆ) . จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง ในอุษาคเนย์ มีชนพื้นเมืองพวกหนึ่งคือพวกข่าว้าหรือพวกลั๊วะ (บางทีเรียก ว้า ละว้า ล้า) จากผลตรวจดีเอ็นเอทุกชนเผ่าในมณฑลหยุนหนานโดยโปรเฟสเซอร์จินลี (นักวิทยาศาสตร์จีน) พวกข่าว้านี้มียีนเก่าที่สุด พอๆ กับพวกปู้ยี (จ้วงเหนือ). มีคำปรำปราอันหนึ่งของชนเผ่าไทกล่าวว่า "สางสร้างฟ้า ล้าสร้างเมือง" แปลว่า "เทวดาสร้างสวรรค์ พวกละว้าสร้างเมือง" ชนเผ่าไทยกย่องอย่างนี้ว่า ล้าสร้างเมือง... ตำนานน้ำเต้าปุงเล่าว่า สางบันดาลน้ำเต้าลูกมหึมาลงมา ปู่ลางเซิงเอาเหล็กแหลมแทงน้ำเต้าแล้วผู้คนก็ไหลกรูกันออกมา ข่าออกมาก่อน แล้วก็ลาว แล้วก็ไท นี่..ไทก็นับว่าข่าเป็นพี่ลาวเป็นพี่... มีตำนานไทอีกอันเรื่องข้าสี่แสนหมอนม้า ชนเผ่าไทโบราณรบกับพวกละว้าแล้วก็ยึดเมืองจากพวกละว้าได้ ทำให้มีประเพณีที่เมื่อจ้าวไททำพิธีขึ้นกินเมืองจะให้พวกละว้าขึ้นนั่งพระแท่นก่อน แล้วเจ้าไทจึงมาไล่ลง เสร็จแล้วค่อยนั่งครองพระแท่นแทน ธรรมเนียมนี้แสดงว่าคนไทยอมรับว่าล้าสร้างเมืองและเป็นใหญ่มาก่อน แต่เกือบพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีพวกละว้าขอแบ่งแยกดินแดนจากไท-ไทยเลยสักสมัย มีแต่พวกละว้าในพม่าที่เจรจาขอแยกจากการเป็นส่วนหนึ่งของพม่าตอนที่ทำสนธิสัญญาปางโหลงกับนายพลอองซาน. เรื่องของเรื่องก็คือ... ถอยไปอีก พวกนี้ก็มาจากโอรังอัสลิเช่นเดียวกับพวกเซนอยมาลายู แต่เก่ากว่าเป็นพันปี . เดินไปโรงพยาบาลแล้วขอตรวจดีเอ็นเอ ไอ้พวกโง่ แล้วแกจะได้เห็นว่าแกมีเชื้อเดียวกับเซมัง มอเกน. ในดีเอ็นเอมนุษย์มี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า genetic marker มันบอกอายุของดีเอ็นเอได้ว่าใครเก่ากว่ากัน และจะโยงพวกแกไปยังบรรพบุรุษเดียวกันในแอฟริกา ถึงตอนนั้นพวกแกจะแปลกใจว่าแกไม่ใช่คนมาลายูแล้ว แต่พวกแกเป็นคน "กอยซาน!!" เข้าใจไหม? คนอย่างไอ้เฒ่าจิตตกนั่นมันไม่รู้สี่รู้แปดอะไรหรอก เคยไปเล่าให้มันฟังแม่งนั่งอ้าปากหวอ . อย่างที่กล่าว คำว่า โอรังอัสลิ เป็นคำในภาษามาเลย์ของพวกแก แปลว่า คนดั้งเดิม พวกแกทำไมไม่สู้เพื่อพวกเขาบ้าง? นี่ต่างหาก คนดั้งเดิม แต่ไปที่ไหนก็ยังเห็นพวกแกดูถูกพวกเขาอยู่เสมอ หรือว่าลืมกำพืด อยากเป็นสุลต่านกัน? ถ้าพวกแกมีจิตวิญญาณของนักรบจริง ที่กาซ่า พี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์กำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยพวกยิว ในฐานะมุสลิมด้วยกัน ไปสิ จับอาวุธแล้วไปต่อสู้เพื่อพวกเขา กล้าพอไหม? ไปชวนพี่น้องแกในมาเลเซียด้วย ถ้าที่นั่นยังมีนักรบนะ จิตสำนึกมุสลิมอันยิ่งใหญ่มีอยู่ไหมในมาเลเซีย พระเจ้าจะสรรเสริญพวกแกและรับพวกแกไปสู่ญันนะฮฺเมื่อได้สละชีพ คงไม่หรอก เพราะพวกแกฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กน้อยที่บริสุทธิ์ ไม่ต่างอะไรกับพวกยิวอิสราเอล อัลลาฮฺอักบัร . #ปาตานี #แบ่งแยกดินแดน #คนมลายูอยู่มาก่อนสยาม #โอรังอัสลิ #โอรังลาโว้ย #เสียงเพรียกจากท้องน้ำ
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 568 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏#อธิษฐานละความผูกพันในการเกิด

    ✴️ #เหมือนคนเกิดมาชาตินึงมาเจอสถานที่ในพระศาสนาดูทรุดโทรม คิดว่าถ้ามีโอกาสจะมาบูรณะ แต่ตายไปซะก่อน พอเกิดมาอีกชาตินึงก็ต้องกลับไปบูรณะอีกจนได้ เพราะมันเป็นสัญญาของใจเรา เพราะเราเปล่งวาจาว่าเราจะมาบูรณะ บุญมันก็พาให้เราต้องมาเจอ แล้วก็ต้องมาบูรณะจนได้

    ✴️ #ถ้าทำสำเร็จก็จบไป ถ้าไม่ได้ทำก็รอชาติต่อไป
    ⚜️เอ้อ มันก็ต้องเกิดชาติต่อไปเห็นไหม

    ✴️ #งั้นตกลงกับใครไว้หยุดซะนะ สัญญาเกี่ยวก้อยไว้ชาติหน้าเกิดเราจะเป็นคู่ครองต่อไปเราไม่.. ทิ้งแล้ว ตัดนิ้วก้อยทิ้งแล้ว ไม่ผูกกับใครแล้วนะ เอ้อ..เราจะไปชาตินี้นะ เธอต้องโละทิ้งให้หมดนะ ไม่รู้เนี่ยมันอยู่ในใจเธอนะ ถึงเวลาตายขึ้นมาเป็นเทวดานางฟ้าไอ้เรื่องนี้ไม่ได้ทำมันจะคาใจเธอ

    ✴️ #อย่างพระนางวิสาขาเห็นไหมล่ะ มันเป็นความปรารถนาของท่านมันก็ยังคาใจท่านอยู่นะ ถึงเวลาท่านก็ยังต้องไปเกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย ไปอุปฐากพระศาสนาของพระองค์ต่อไป นี่คือส่วนหนึ่งที่ว่าปฏิปทาของท่าน แต่ว่าไอ้ความตั้งจิตเจตนาอย่างนี้ถ้าเธอไม่มีซะเลยจะดีเสียกว่า

    ✴️ #เอาให้ตรงทางอย่างเดียวว่า ฉันจะไปนิพพานอย่างเดียว ไม่ไปไหน ไม่ว่าฉันจะเป็นเทวดา นางฟ้า อยู่สวรรค์ชั้นใดเราก็จะไม่ไปที่ไหนอีกต่อไปนอกจากจะไปนิพพานที่เดียว
    ✴️ #แล้วก็จะไม่ผูกพันกับใครในเรื่องใดๆ #เกี่ยวข้องมาในแต่อดีตชาติกาลก่อนว่าเคยสัญญากับใคร #เคยตั้งใจทำอะไรก็ขอกราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียเลยนะ ทำเสีย

    ..............................................................

    ✴️ #หาดอกไม้ธูปเทียน มาตั้งไหว้พระในบ้านเราก็ได้ วันไหนก็ได้ ตั้งจิตอธิษฐานเสียให้ดีว่า บัดนี้เป็นต้นไป
    🙏#ถ้าหากว่าลูกเคยมีสัญญากับคนก็ดีกับพระก็ดี #กับในเขตพระศาสนาก็ดีในกาลก่อนที่เคยผูกมัดใจของลูกให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
    🙏บัดนี้ลูกขอหยุดแล้ว หยุดความปรารถนาทั้งสิ้น ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายไม่ต้องการกลับมาเกิดอีกต่อไป
    🙏#ไม่ผูกมัดใจกับคนกับสัตว์กับสิ่งของกับวัตถุธาตุทั้งหลายอีกต่อไปแล้วอย่างนี้เป็นต้น
    🙏 #แล้วก็กราบขอขมาพระรัตนตรัย #ขอขมาคนทั้งหลาย #ขอขมาทุกคนที่เคยผูกมัดสัญญากันไว้นะ ก็โละไปเสีย ทำไว้มันจะได้ไม่คาใจเรา
    🙏 แม้นคนในปัจจุบันว่าจะเกี่ยวข้องในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกเราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกันว่าเธอกับฉันก็อยู่กันแค่อนุเคราะห์กันในชาตินี้นะ เราก็ช่วยกันเต็มที่เต็มหน่วยไม่ว่าจะเป็นใคร ดูแลกันสุดกำลังใจที่เราสามารถช่วยกันได้นะในฐานะที่เกิดมามีบุพกรรมร่วมกันมา ทั้งผู้เป็นพ่อก็ดีผู้เป็นแม่ก็ดีเป็นพี่เป็นน้องกันก็ดี เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกกัน เป็นญาติกันก็ตามทีนะ แม้จะเป็นเพื่อนที่รักกัน ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกันมา ....

    ✴️ #บุคคลผู้ใดก็ตามที่ปรากฏในโลกนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายก็ตาม เราก็ขอหยุดแล้ว หยุดภาระความผูกพันใดๆทั้งสิ้น เพราะมันหาประโยชน์อะไรไม่ได้ ในความเกี่ยวเนื่องกันแบบนี้นะ ก็เท่ากับว่าผูกให้ใจเรามันทุกข์กันไปเรื่อยไป เพราะเราก็ช่วยเค้าไม่ได้ เค้าก็ช่วยเราไม่ได้ จริงมั้ย เอ้า ว่าไปตามความจริง ไม่มีใครช่วยเราได้ #นอกจากพระรัตนตรัยแล้วไม่เห็นมีสิ่งใดเสมอยิ่งกว่าพระองค์ #พระพุทธเจ้า #พระธรรม #พระอริยะเลย
    ...............................................................
    นอกนั้นก็ทุกคนก็เพียรพยายามที่จะหนีทุกข์ด้วยตัวเองทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าใครจะมีวาสนาบารมีสะสมกันมานะ มากหรือน้อย เราจึงพึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ ใครก็พึ่งพาเราไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเรารู้ได้อย่างนี้แล้วเค้าจะเพิ่งเราได้

    ✴️ #ความจริงมันก็ต่างคนต่างตายเราจะไปยั้งได้ยังไงล่ะ ใครตายก่อนตายหลังก็พยากรณ์กันไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เธออาจจะตายก่อนชั้นก็ได้ ชั้นอาจจะตายก่อนเธอก็ได้ มันไม่มีใครรู้หรอกนะ เรื่องนี้ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย เราได้แต่สงเคราะห์เมื่อในยามที่มีชีวิตอยู่คือให้กันได้ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ อะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอจริงๆเราก็ให้ ก็ให้ทุกอย่าง เราไม่มีอะไรที่ไม่ให้เลย หมด

    📣เสียงธรรมท่านจิตโต
    ⚜️หลวงพ่อสมปอง สุธัมมสันตจิตโต(บ้านสบายใจ)⚜️
    วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑
    https://m.youtube.com/watch?si=fb4k7Sr-U7igZesx&fbclid=IwAR3w4dfIJwfSPT2aIgGF20RDi0ylkXUgLW_EN0hd4s-COZ4oyM7XFuSnB6Y&v=9tmWL3QEPPg&feature=youtu.be

    🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย⚜️
    🧘จิตหนึ่งประภัสสรสุดยอดคือพระนิพพาน
    🙏#อธิษฐานละความผูกพันในการเกิด ✴️ #เหมือนคนเกิดมาชาตินึงมาเจอสถานที่ในพระศาสนาดูทรุดโทรม คิดว่าถ้ามีโอกาสจะมาบูรณะ แต่ตายไปซะก่อน พอเกิดมาอีกชาตินึงก็ต้องกลับไปบูรณะอีกจนได้ เพราะมันเป็นสัญญาของใจเรา เพราะเราเปล่งวาจาว่าเราจะมาบูรณะ บุญมันก็พาให้เราต้องมาเจอ แล้วก็ต้องมาบูรณะจนได้ ✴️ #ถ้าทำสำเร็จก็จบไป ถ้าไม่ได้ทำก็รอชาติต่อไป ⚜️เอ้อ มันก็ต้องเกิดชาติต่อไปเห็นไหม ✴️ #งั้นตกลงกับใครไว้หยุดซะนะ สัญญาเกี่ยวก้อยไว้ชาติหน้าเกิดเราจะเป็นคู่ครองต่อไปเราไม่.. ทิ้งแล้ว ตัดนิ้วก้อยทิ้งแล้ว ไม่ผูกกับใครแล้วนะ เอ้อ..เราจะไปชาตินี้นะ เธอต้องโละทิ้งให้หมดนะ ไม่รู้เนี่ยมันอยู่ในใจเธอนะ ถึงเวลาตายขึ้นมาเป็นเทวดานางฟ้าไอ้เรื่องนี้ไม่ได้ทำมันจะคาใจเธอ ✴️ #อย่างพระนางวิสาขาเห็นไหมล่ะ มันเป็นความปรารถนาของท่านมันก็ยังคาใจท่านอยู่นะ ถึงเวลาท่านก็ยังต้องไปเกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย ไปอุปฐากพระศาสนาของพระองค์ต่อไป นี่คือส่วนหนึ่งที่ว่าปฏิปทาของท่าน แต่ว่าไอ้ความตั้งจิตเจตนาอย่างนี้ถ้าเธอไม่มีซะเลยจะดีเสียกว่า ✴️ #เอาให้ตรงทางอย่างเดียวว่า ฉันจะไปนิพพานอย่างเดียว ไม่ไปไหน ไม่ว่าฉันจะเป็นเทวดา นางฟ้า อยู่สวรรค์ชั้นใดเราก็จะไม่ไปที่ไหนอีกต่อไปนอกจากจะไปนิพพานที่เดียว ✴️ #แล้วก็จะไม่ผูกพันกับใครในเรื่องใดๆ #เกี่ยวข้องมาในแต่อดีตชาติกาลก่อนว่าเคยสัญญากับใคร #เคยตั้งใจทำอะไรก็ขอกราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียเลยนะ ทำเสีย .............................................................. ✴️ #หาดอกไม้ธูปเทียน มาตั้งไหว้พระในบ้านเราก็ได้ วันไหนก็ได้ ตั้งจิตอธิษฐานเสียให้ดีว่า บัดนี้เป็นต้นไป 🙏#ถ้าหากว่าลูกเคยมีสัญญากับคนก็ดีกับพระก็ดี #กับในเขตพระศาสนาก็ดีในกาลก่อนที่เคยผูกมัดใจของลูกให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป 🙏บัดนี้ลูกขอหยุดแล้ว หยุดความปรารถนาทั้งสิ้น ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายไม่ต้องการกลับมาเกิดอีกต่อไป 🙏#ไม่ผูกมัดใจกับคนกับสัตว์กับสิ่งของกับวัตถุธาตุทั้งหลายอีกต่อไปแล้วอย่างนี้เป็นต้น 🙏 #แล้วก็กราบขอขมาพระรัตนตรัย #ขอขมาคนทั้งหลาย #ขอขมาทุกคนที่เคยผูกมัดสัญญากันไว้นะ ก็โละไปเสีย ทำไว้มันจะได้ไม่คาใจเรา 🙏 แม้นคนในปัจจุบันว่าจะเกี่ยวข้องในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกเราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกันว่าเธอกับฉันก็อยู่กันแค่อนุเคราะห์กันในชาตินี้นะ เราก็ช่วยกันเต็มที่เต็มหน่วยไม่ว่าจะเป็นใคร ดูแลกันสุดกำลังใจที่เราสามารถช่วยกันได้นะในฐานะที่เกิดมามีบุพกรรมร่วมกันมา ทั้งผู้เป็นพ่อก็ดีผู้เป็นแม่ก็ดีเป็นพี่เป็นน้องกันก็ดี เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกกัน เป็นญาติกันก็ตามทีนะ แม้จะเป็นเพื่อนที่รักกัน ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกันมา .... ✴️ #บุคคลผู้ใดก็ตามที่ปรากฏในโลกนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายก็ตาม เราก็ขอหยุดแล้ว หยุดภาระความผูกพันใดๆทั้งสิ้น เพราะมันหาประโยชน์อะไรไม่ได้ ในความเกี่ยวเนื่องกันแบบนี้นะ ก็เท่ากับว่าผูกให้ใจเรามันทุกข์กันไปเรื่อยไป เพราะเราก็ช่วยเค้าไม่ได้ เค้าก็ช่วยเราไม่ได้ จริงมั้ย เอ้า ว่าไปตามความจริง ไม่มีใครช่วยเราได้ #นอกจากพระรัตนตรัยแล้วไม่เห็นมีสิ่งใดเสมอยิ่งกว่าพระองค์ #พระพุทธเจ้า #พระธรรม #พระอริยะเลย ............................................................... นอกนั้นก็ทุกคนก็เพียรพยายามที่จะหนีทุกข์ด้วยตัวเองทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าใครจะมีวาสนาบารมีสะสมกันมานะ มากหรือน้อย เราจึงพึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ ใครก็พึ่งพาเราไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเรารู้ได้อย่างนี้แล้วเค้าจะเพิ่งเราได้ ✴️ #ความจริงมันก็ต่างคนต่างตายเราจะไปยั้งได้ยังไงล่ะ ใครตายก่อนตายหลังก็พยากรณ์กันไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เธออาจจะตายก่อนชั้นก็ได้ ชั้นอาจจะตายก่อนเธอก็ได้ มันไม่มีใครรู้หรอกนะ เรื่องนี้ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย เราได้แต่สงเคราะห์เมื่อในยามที่มีชีวิตอยู่คือให้กันได้ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ อะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอจริงๆเราก็ให้ ก็ให้ทุกอย่าง เราไม่มีอะไรที่ไม่ให้เลย หมด 📣เสียงธรรมท่านจิตโต ⚜️หลวงพ่อสมปอง สุธัมมสันตจิตโต(บ้านสบายใจ)⚜️ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ https://m.youtube.com/watch?si=fb4k7Sr-U7igZesx&fbclid=IwAR3w4dfIJwfSPT2aIgGF20RDi0ylkXUgLW_EN0hd4s-COZ4oyM7XFuSnB6Y&v=9tmWL3QEPPg&feature=youtu.be 🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย⚜️ 🧘จิตหนึ่งประภัสสรสุดยอดคือพระนิพพาน
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ว่าบุคคลเป็นทุกข์เพราะเพลิดเพลินติดอยู่ในอายตนะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 223
    ชื่อบทธรรม :- เป็นทุกข์เพราะติดอยู่ในอายตนะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=223
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เป็นทุกข์เพราะติดอยู่ในอายตนะ
    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มี รูป เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วในรูป บันเทิงด้วยรูป.
    +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์
    เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรูป ;

    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มี เสียง เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในเสียง บันเทิงด้วยเสียง.
    +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์
    เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของเสียง ;

    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มี กลิ่น เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในกลิ่น บันเทิงด้วยกลิ่น.
    +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์
    เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของกลิ่น ;

    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มี รส เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วในรส บันเทิงด้วยรส.
    +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์
    เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรส ;

    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มี โผฎฐัพพะ เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วโผฎฐัพพะ บันเทิงด้วยโผฎฐัพพะ.
    +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์
    เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของโผฏฐัพพะ ;

    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มี ธรรมารมณ์ เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในธรรมารมณ์ บันเทิงด้วยธรรมารมณ์.
    +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์.
    เพราะความเปลี่ยนแปลง #เสื่อมสลายและความดับไปของธรรมารมณ์
    http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ธมฺมวิปริณามวิราคนิโรธา
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/161/218.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/130/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๑/๒๑๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=223
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=223
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ว่าบุคคลเป็นทุกข์เพราะเพลิดเพลินติดอยู่ในอายตนะ สัทธรรมลำดับที่ : 223 ชื่อบทธรรม :- เป็นทุกข์เพราะติดอยู่ในอายตนะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=223 เนื้อความทั้งหมด :- --เป็นทุกข์เพราะติดอยู่ในอายตนะ --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี รูป เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วในรูป บันเทิงด้วยรูป. +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรูป ; --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี เสียง เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในเสียง บันเทิงด้วยเสียง. +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของเสียง ; --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี กลิ่น เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในกลิ่น บันเทิงด้วยกลิ่น. +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของกลิ่น ; --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี รส เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วในรส บันเทิงด้วยรส. +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรส ; --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี โผฎฐัพพะ เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วโผฎฐัพพะ บันเทิงด้วยโผฎฐัพพะ. +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของโผฏฐัพพะ ; --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี ธรรมารมณ์ เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในธรรมารมณ์ บันเทิงด้วยธรรมารมณ์. +--ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์. เพราะความเปลี่ยนแปลง #เสื่อมสลายและความดับไปของธรรมารมณ์ http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ธมฺมวิปริณามวิราคนิโรธา แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/161/218. http://etipitaka.com/read/thai/18/130/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๑/๒๑๘. http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=223 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=223 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เป็นทุกข์เพราะติดอยู่ในอายตนะ
    -เป็นทุกข์เพราะติดอยู่ในอายตนะ ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี รูป เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วในรูป บันเทิงด้วยรูป. ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรูป ; ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี เสียง เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในเสียง บันเทิงด้วยเสียง. ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของเสียง ; ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี กลิ่น เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในกลิ่น บันเทิงด้วยกลิ่น. ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของกลิ่น ; ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี รส เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วในรส บันเทิงด้วยรส. ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรส ; ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี โผฎฐัพพะ เป็นที่รื่นรมย์ใจ ยินดีแล้วโผฎฐัพพะ บันเทิงด้วยโผฎฐัพพะ. ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของโผฏฐัพพะ ; ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มี ธรรมารมณ์ เป็นที่รื่นรมย์ใจยินดีแล้วในธรรมารมณ์ บันเทิงด้วยธรรมารมณ์. ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลายและความดับไปของธรรมารมณ์ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวกพึงฝึกหัดศึกษาความทุกข์ของเทวดาและมนุษยเป็นธรรมดาอยู่ในธรรมชาติ
    สัทธรรมลำดับที่ : 222
    ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ยอม อยู่เป็นทุกข์
    เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป.

    (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).

    --ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ
    รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก
    แห่งรูป ตามเป็นจริง
    ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุข
    แม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป.

    (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).-

    --คาถาท้ายพระสูตร--
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น
    อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด
    รูปารมณ์เป็นต้น เหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก
    สมมติว่าเป็นสุข
    ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น
    เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์
    ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ
    (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข
    การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
    ผู้เห็นอยู่นี้ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์
    บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์
    พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่าเป็นสุข
    เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้
    ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ
    เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ
    เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลายแสวงหา
    ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่ใกล้ธรรมนี้
    อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ
    ผู้แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ
    เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้วย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพาน
    บทที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดยชอบ #เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน
    http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ปรินิพฺพนฺติ

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/129/216.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/129/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/159/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=222
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15
    ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    อริย​สาวกพึงฝึกหัดศึกษาความทุกข์ของเทวดาและมนุษยเป็นธรรมดาอยู่ในธรรมชาติ สัทธรรมลำดับที่ : 222 ชื่อบทธรรม :- ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222 เนื้อความทั้งหมด :- --ทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ --ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ยอม อยู่เป็นทุกข์ เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน). --ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งรูป ตามเป็นจริง ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุข แม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).- --คาถาท้ายพระสูตร-- รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งสิ้น อันน่าปรารถนา น่าใคร่และน่าพอใจ ที่กล่าวกันว่ามีอยู่ประมาณเท่าใด รูปารมณ์เป็นต้น เหล่านั้นนั่นแล เป็นสิ่งอันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลก สมมติว่าเป็นสุข ถ้าว่ารูปารมณ์เป็นต้นเหล่านั้น ดับไปในที่ใดที่นั้น เทวดาและมนุษย์เหล่านั้นสมมติว่าเป็นทุกข์ ส่วนว่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย เห็นการดับสักกายะ (รูปารมณ์เป็นต้นที่บุคคลถือว่าเป็นของตน) ว่าเป็นสุข การเห็นของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้เห็นอยู่นี้ย่อมเป็นข้าศึกกับชาวโลกทั้งปวง บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นสุข พระอริยะเจ้าทั้งหลายกล่าวสิ่งนั้นว่าเป็นทุกข์ บุคคลเหล่าอื่นกล่าวสิ่งใดว่าเป็นทุกข์ พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งสิ่งนั้นว่าเป็นสุข เธอจงเห็นธรรมที่รู้ได้ยาก คนพาลผู้หลง ไม่รู้แจ้งในนิพพานนี้ ความมืดย่อมมีแก่บุคคลผู้ถูกนิวรณ์หุ้มห่อ เหมือนความมัวมนย่อมมีแก่บุคคลผู้ไม่เห็นนิพพานย่อมมีแก่สัตบุรุษ เหมือนแสงสว่างย่อมมีแก่บุคคลผู้เห็น ชนทั้งหลายแสวงหา ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมไม่รู้แจ้งนิพพานอันมีในที่ใกล้ธรรมนี้ อันบุคคลผู้ถูกความกำหนัดในภพครอบงำ ผู้แล่นไปตามกระแสตัณหาในภพ ผู้อันบ่วงแห่งมารท่วมทับไม่ตรัสรู้ได้ง่าย ใครหนอ เว้นจากพระอริยะเจ้าทั้งหลายแล้วย่อมควรเพื่อจะตรัสรู้นิพพาน บทที่พระอริยะเจ้าทั้งหลายรู้โดยชอบ #เป็นผู้ไม่มีอาสวะปรินิพพาน ฯ http://etipitaka.com/read/pali/18/161/?keywords=ปรินิพฺพนฺติ #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/129/216. http://etipitaka.com/read/thai/18/129/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖. http://etipitaka.com/read/pali/18/159/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=222 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15&id=222 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=15 ลำดับสาธยายธรรม : 15 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_15.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ
    -ความทุกข์ของเทวดาและมนุษย์ตามธรรมชาติ ภิกษุ ท. ! เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีรูปเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในรูป บันเทิงแล้วในรูป ย่อม อยู่เป็นทุกข์ เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน). ภิกษุ ท. ! ส่วนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ รู้แจ้งความเกิดความตั้งอยู่ไม่ได้ รสอร่อย โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก แห่งรูป ตามเป็นจริง ไม่มีรูปเป็นที่มายินดี ไม่ยินดีในรูป ไม่บันเทิงในรูป ยังคงอยู่เป็นสุขแม้เพราะความแปรปรวนจางคลายดับไปแห่งรูป. (ในกรณีแห่ง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกัน).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช
    รูปหล่อพ่อท่านคล้าย อุดกริ่ง เนื้อทองฝาบาตร วัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดนครศรีธรรมราชมา ได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “เทพเจ้าของคนใต้” // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >>

    ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช รูปหล่อพ่อท่านคล้าย อุดกริ่ง เนื้อทองฝาบาตร วัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดนครศรีธรรมราชมา ได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “เทพเจ้าของคนใต้” // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >> ** "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" พระสงฆ์ที่ได้ฉายาว่า "เทวดาแห่งเมืองคอน" โดยที่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงต่างเคารพนับถือศรัทธาและเชื่อถือถึงความศักดิ์สิทธิ์ พ่อท่านคล้ายได้มรณภาพไปแล้วกว่า 50 ปี แต่สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงเก็บรักษาไว้ในองค์เจดีย์วัดธาตุน้อย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชี้ชะตานักโทษเทวดา ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์! : คนเคาะข่าว 07-05-68
    ร่วมสนทนา
    ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คุณวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #คนเคาะข่าว #นักโทษเทวดา #ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ #สิทธิผู้ต้องขัง #แพทย์กับกระบวนการยุติธรรม #ตุลย์สิทธิสมวงศ์ #วรชัยเหมะ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์สังคม #กระบวนการยุติธรรมไทย #นักโทษVIP #ข่าวร้อน #thaitimes #กฎหมายไทย #การเมืองไทย
    ชี้ชะตานักโทษเทวดา ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์! : คนเคาะข่าว 07-05-68 ร่วมสนทนา ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ คุณวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #คนเคาะข่าว #นักโทษเทวดา #ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ #สิทธิผู้ต้องขัง #แพทย์กับกระบวนการยุติธรรม #ตุลย์สิทธิสมวงศ์ #วรชัยเหมะ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์สังคม #กระบวนการยุติธรรมไทย #นักโทษVIP #ข่าวร้อน #thaitimes #กฎหมายไทย #การเมืองไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • 🔴 Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep291 (live)
    นักโทษเทวดาชั้น 14 ยังไม่จบ ศาลฎีกาฯสั่งไต่สวนเอง งานนี้ “ทักษิณ” จะรอดหรือไม่?
    #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    🔴 Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep291 (live) นักโทษเทวดาชั้น 14 ยังไม่จบ ศาลฎีกาฯสั่งไต่สวนเอง งานนี้ “ทักษิณ” จะรอดหรือไม่? #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    61
    18 ความคิดเห็น 6 การแบ่งปัน 2654 มุมมอง 4 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล​
    สัทธรรมลำดับที่ : 977
    ชื่อบทธรรม : -ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=977
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล
    ...
    --ดูก่อนจุนที ! ศีลทั้งหลายมีประมาณเท่าไร,
    ผู้รู้กล่าวกันว่า #อริยกันตศีล (ศีลอันประเสริญเป็นอริยะ)
    เลิศกว่าศีลเหล่านั้น;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/38/?keywords=สีลานิ+อริยกนฺตานิ
    กล่าวคือ ศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทแก่ตัว
    วิญญูชนสรรเสริญ ไม่ถูกตัณหาทิฏฐิลูบคลำ #เป็นไปพร้อมเพื่อสมาธิ.
    --จุนที ! บุคคลเหล่าใด ทำให้บริบูรณ์ในอริยกันตศีล,
    บุคคลเหล่านั้น ชื่อว่ากระทำให้บริบูรณ์ในสิ่งอันเลิศ;
    ก็วิบากอันเลิศ ย่อมมีแก่ผู้กระทำให้บริบูรณ์ในสิ่งอันเลิศ

    แล.-
    อคฺคโต เว ปสนฺนานํ อคฺคํ ธมฺมํ วิชานตํ
    อคฺเค พุทฺเธ ปสนฺนานํ ทกฺขิเณยฺเย อนุตฺตเร
    อคฺเค ธมฺเม ปสนฺนานํ วิราคูปสเม สุเข
    อคฺเค สงฺเฆ ปสนฺนานํ ปุญฺญกฺเขตฺเต อนุตฺตเร
    อคฺคสฺมึ ทานํ ททตํ อคฺคํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ
    อคฺคํ อายุ จ วณฺโณ จ ยโส กิตฺติ สุขํ พลํ
    อคฺคสฺส ทาตา เมธาวี อคฺคธมฺมสมาหิโต
    เทวภูโต มนุสฺโส วา อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตีติ ฯ
    http://etipitaka.com/read/pali/22/38/?keywords=อคฺคธมฺมสมาหิโต
    บุญอันเลิศ คือ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ สุขและกำลัง
    ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมที่เลิศ
    เลื่อมใสในสิ่งที่เลิศคือ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ
    ผู้เป็นทักขิเณยบุคคลชั้นเยี่ยม เลื่อมใสในพระธรรมที่เลิศ
    อันปราศจากราคะ เป็นที่เข้าไปสงบ เป็นสุข เลื่อมใสในพระสงฆ์ผู้เลิศ
    เป็นนาบุญชั้นเยี่ยม ให้ทานในสิ่งที่เลิศ
    ปราชญ์ผู้ถือมั่นธรรมที่เลิศ
    ให้สิ่งที่เลิศ เป็นเทวดาหรือมนุษย์
    ย่อมถึงสถานที่เลิศ บันเทิงใจอยู่

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/32/32.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/32/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๓๘/๓๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/38/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=977
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83&id=977
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83
    ลำดับสาธยายธรรม : 83​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_83.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล​ สัทธรรมลำดับที่ : 977 ชื่อบทธรรม : -ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=977 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล ... --ดูก่อนจุนที ! ศีลทั้งหลายมีประมาณเท่าไร, ผู้รู้กล่าวกันว่า #อริยกันตศีล (ศีลอันประเสริญเป็นอริยะ) เลิศกว่าศีลเหล่านั้น; http://etipitaka.com/read/pali/22/38/?keywords=สีลานิ+อริยกนฺตานิ กล่าวคือ ศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทแก่ตัว วิญญูชนสรรเสริญ ไม่ถูกตัณหาทิฏฐิลูบคลำ #เป็นไปพร้อมเพื่อสมาธิ. --จุนที ! บุคคลเหล่าใด ทำให้บริบูรณ์ในอริยกันตศีล, บุคคลเหล่านั้น ชื่อว่ากระทำให้บริบูรณ์ในสิ่งอันเลิศ; ก็วิบากอันเลิศ ย่อมมีแก่ผู้กระทำให้บริบูรณ์ในสิ่งอันเลิศ แล.- อคฺคโต เว ปสนฺนานํ อคฺคํ ธมฺมํ วิชานตํ อคฺเค พุทฺเธ ปสนฺนานํ ทกฺขิเณยฺเย อนุตฺตเร อคฺเค ธมฺเม ปสนฺนานํ วิราคูปสเม สุเข อคฺเค สงฺเฆ ปสนฺนานํ ปุญฺญกฺเขตฺเต อนุตฺตเร อคฺคสฺมึ ทานํ ททตํ อคฺคํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ อคฺคํ อายุ จ วณฺโณ จ ยโส กิตฺติ สุขํ พลํ อคฺคสฺส ทาตา เมธาวี อคฺคธมฺมสมาหิโต เทวภูโต มนุสฺโส วา อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตีติ ฯ http://etipitaka.com/read/pali/22/38/?keywords=อคฺคธมฺมสมาหิโต บุญอันเลิศ คือ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ สุขและกำลัง ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมที่เลิศ เลื่อมใสในสิ่งที่เลิศคือ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ผู้เป็นทักขิเณยบุคคลชั้นเยี่ยม เลื่อมใสในพระธรรมที่เลิศ อันปราศจากราคะ เป็นที่เข้าไปสงบ เป็นสุข เลื่อมใสในพระสงฆ์ผู้เลิศ เป็นนาบุญชั้นเยี่ยม ให้ทานในสิ่งที่เลิศ ปราชญ์ผู้ถือมั่นธรรมที่เลิศ ให้สิ่งที่เลิศ เป็นเทวดาหรือมนุษย์ ย่อมถึงสถานที่เลิศ บันเทิงใจอยู่ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/32/32. http://etipitaka.com/read/thai/22/32/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๓๘/๓๒. http://etipitaka.com/read/pali/22/38/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=977 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83&id=977 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83 ลำดับสาธยายธรรม : 83​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_83.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล
    -ลักษณะความสมบูรณ์แห่งศีล ดูก่อนจุนที ! ศีลทั้งหลายมีประมาณเท่าไร, ผู้รู้กล่าวกันว่า อริยกันตศีล (ศีลเป็นที่ชอบใจของพระอริยเจ้า) เลิศกว่าศีลเหล่านั้น; กล่าวคือ ศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทแก่ตัว วิญญูชนสรรเสริญ ไม่ถูกตัณหาทิฏฐิลูบคลำ เป็นไปพร้อมเพื่อสมาธิ. จุนที ! บุคคลเหล่าใด ทำให้บริบูรณ์ในอริยกันตศีล, บุคคลเหล่านั้น ชื่อว่ากระทำให้บริบูรณ์ในสิ่งอันเลิศ; ก็วิบากอันเลิศ ย่อมมีแก่ผู้กระทำให้บริบูรณ์ในสิ่งอันเลิศ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ลักษณะแห่งสิกขาสามอันได้แก่สีลขันธ์ สมาธิขันธ์และปัญญาขันธ์
    สัทธรรมลำดับที่ : 973
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งสิกขาสามโดยละเอียด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=973
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะแห่งสิกขาสามโดยละเอียด

    ๑. สีลขันธ์ โดยละเอียด
    --“ท่านอานนท์ผู้เจริญ ! #อริยสีลขันธ์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า
    http://etipitaka.com/read/pali/9/252/?keywords=อริโย+สีลกฺขนฺโธ
    ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้
    ให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?”
    --มาณพ !
    ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบเอง
    สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก
    เป็นสารถีผึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า
    เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์.
    ตถาคตนั้นทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
    พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว
    สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม.
    ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด,
    ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.
    +--คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี
    ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต.
    เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธรย่อมพิจารณาเห็น ว่า
    “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาส (คือที่โปร่งโล่ง) อันยิ่ง;
    การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว
    เหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย.
    ถ้ากระไรเราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ
    ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”,
    ดังนี้.
    +--โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่
    และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ปลงผมและหนวด
    ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว.
    +--กุลบุตรนั้น ครั้นบวชแล้วอย่างนี้
    เป็นผู้สำรวมแล้วด้วยการสำรวมในปาติโมกข์อยู่
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
    ประกอบด้วย กายกรรม วจีกรรมอันเป็นกุศล มีอาชีวะบริสุทธิ์ &​ถึงพร้อมด้วยศีล
    ....
    --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า ?
    --มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้
    เป็นผู้ละปาณาติบาต เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว
    มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลในบรรดาสัตว์ทั้งหลายอยู่
    ....ฯลฯ ....
    (ข้อความต่อจากที่กล่าวนี้ ตั้งแต่ คำว่า
    เป็นผู้ละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทินนาทาน
    .... ไปจนถึงคำว่า
    .... (จบอริยสีลขันธ์)
    ....
    ).

    ๒. สมาธิขันธ์ โดยละเอียด
    --“ท่านอานนท์ผู้เจริญ ! #อริยสมาธิขันธ์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า
    http://etipitaka.com/read/pali/9/255/?keywords=อริโย+สมาธิกฺขนฺโธ
    ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนให้สมาทาน
    ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?”
    (บุรพภาคแห่งการเจริญสมาธิ)
    --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้ว
    ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวบถือเอาทั้งหมด (รวมเป็นภาพเดียว)
    ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วนๆ ;
    อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัส
    จะพึงไหลไปตามบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตาใด,
    เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น ย่อมรักษาอินทรีย์คือตา
    ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา.
    +--(ในกรณีแห่ง
    อินทรีย์คือหู
    อินทรีย์คือจมูก
    อินทรีย์คือลิ้น
    อินทรีย์คือกาย และ
    อินทรีย์คือ ใจ
    ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน).
    ....
    --มาณพ ! ภิกษุเป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้ว ในอินทรีย์ทั้งหลาย ด้วยอาการอย่างนี้แล.
    --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้กระทำความรู้ตัวรอบคอบ
    ในการก้าวไปข้างหน้า การถอยกลับไปข้างหลัง,
    การแลดู การเหลียวดู,
    การคู้ การเหยียด,
    การทรงสังฆาฏิ บาตร จีวร,
    การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม,
    การถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ,
    เป็นผู้กระทำความรู้ตัวรอบคอบในการไป การหยุด,
    การนั่ง การนอน , การหลับ การตื่น, การพูด การนิ่ง.
    ....
    +--มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยอาการอย่างนี้ แล.
    --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้สันโดษ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้สันโดษ (ยินดีตามที่มีอยู่)
    ด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย สันโดษด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง
    ภิกษุนั้น จะหลีกไปโดยทิศใดๆ ย่อม ถือเอาบาตรและจีวรนั้นหลักไปได้ โดยทิศนั้นๆ.
    +--มาณพ ! เปรียบเสมือนนกมีปีก จะบินไปโดยทิศใดๆ มีปีกอย่างเดียวเป็นภาระบินไป ฉันใด; ภิกษุก็ฉันนั้น
    : เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง
    ถือเอาแล้วหลีกไปโดยทิศใดๆ ได้.
    ....
    +--มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้สันโดษ(สันตุฏฐิ)​ด้วยอาการอย่างนี้แล.
    (การเจริญสมาธิ)
    --ภิกษุนั้น
    ประกอบด้วยอริยสีสขันธ์ (ดังที่กล่าวแล้วข้างต้น) นี้ด้วย
    ประกอบด้วยอริยอินทรีย์นี้ด้วย
    ประกอบด้วยอริยสติสัมปชัญญะนี้ด้วย
    ประกอบด้วยอริยสันตุฏฐินี้ด้วย แล้ว,
    เธอเสพเสนาสนะอันสงัด คือ
    ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง),
    ในเวลาภายหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว
    เธอนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า
    ....ฯลฯ....
    (ข้อความตอนต่อจากนี้ ดูได้ที่ภาคผนวก ตั้งแต่คำว่า ละอภิชฌาโลภะแล้ว
    มีจิตปราศจากอภิชฌาอยู่ .... ไปถึงคำว่า ....
    (จบอริยสมาธิขันธ์)
    ...
    )​ .

    ๓. ปัญญาขันธ์ โดยละเอียด
    --“ท่านอานนท์ผู้เจริญ! #อริยปัญญาขันธ์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า
    http://etipitaka.com/read/pali/9/263/?keywords=อริโย+ปญฺญากฺขนฺโธ
    ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้ให้สมาทาน
    ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?”
    --ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว
    เธอชักนำจิตไปเพื่อญาณทัสสนะ.
    เธอย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้ มีรูป ประกอบอยู่ด้วยมหาภูตทั้งสี่
    มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด
    ต้องห่อหุ้มนวดฟั้นอยู่เนืองนิจ แต่ก็ยังมีการแตกทำลายสึกกร่อนเป็นธรรมดา,
    แต่วิญญาณของเรานี้ อาศัยอยู่ในกายนั้น เนื่องอยู่ในกายนั้น;
    (เธอรู้เห็นอย่างชัดเจน) เปรียบเหมือนมณีไพฑูรย์อันสวยงาม สมชาติแก้ว
    แปดเหลี่ยม เจียระไนดีแล้ว สดใส ผ่องใส ถึงพร้อมด้วยคุณค่าทั้งปวง,
    ในแก้วนั้นมีด้ายร้อยอยู่ สีเขียวบ้าง สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง สีส้มบ้าง,
    บุรุษผู้มีตาดี วางแก้วนั้นลงในมือแล้ว ก็จะเห็นโดยประจักษ์ว่า มณีไพฑูรย์นี้
    เป็นของสวยงาม สมชาติแก้ว แปดเหลี่ยม เจียระไนดีแล้ว
    สดใส ผ่องใส ถึงพร้อมด้วยคุณค่าทั้งปวง.
    ในแก้วนี้มีด้ายร้อยอยู่ สีเขียวบ้าง สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง สีส้มบ้าง, ฉันนั้นเหมือนกัน.
    แม้นี้ ก็เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง.
    ....ฯลฯ....
    (ข้อความตอนต่อจากนี้ไป ตั้งแต่คำว่า
    ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว
    เธอชักนำจิตไปเพื่อการนิรมิตกายอันสำเร็จด้วยใจ.
    เธอถอดกายอื่นออกจากกายนี้
    .... ไปจนถึงคำว่า
    .... (จบอริยปัญญาขันธ์)
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/284 - 304/318 - 337.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/284/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๕๒ - ๒๗๒/๓๑๘ - ๓๓๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/252/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91%E0%B9%98
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=973
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83&id=973
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83
    ลำดับสาธยายธรรม : 83​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_83.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ลักษณะแห่งสิกขาสามอันได้แก่สีลขันธ์ สมาธิขันธ์และปัญญาขันธ์ สัทธรรมลำดับที่ : 973 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งสิกขาสามโดยละเอียด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=973 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะแห่งสิกขาสามโดยละเอียด ๑. สีลขันธ์ โดยละเอียด --“ท่านอานนท์ผู้เจริญ ! #อริยสีลขันธ์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า http://etipitaka.com/read/pali/9/252/?keywords=อริโย+สีลกฺขนฺโธ ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้ ให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?” --มาณพ ! ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีผึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้นทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. +--คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธรย่อมพิจารณาเห็น ว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาส (คือที่โปร่งโล่ง) อันยิ่ง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียว เหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไรเราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. +--โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. +--กุลบุตรนั้น ครั้นบวชแล้วอย่างนี้ เป็นผู้สำรวมแล้วด้วยการสำรวมในปาติโมกข์อยู่ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ประกอบด้วย กายกรรม วจีกรรมอันเป็นกุศล มีอาชีวะบริสุทธิ์ &​ถึงพร้อมด้วยศีล .... --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า ? --มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ละปาณาติบาต เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลในบรรดาสัตว์ทั้งหลายอยู่ ....ฯลฯ .... (ข้อความต่อจากที่กล่าวนี้ ตั้งแต่ คำว่า เป็นผู้ละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทินนาทาน .... ไปจนถึงคำว่า .... (จบอริยสีลขันธ์) .... ). ๒. สมาธิขันธ์ โดยละเอียด --“ท่านอานนท์ผู้เจริญ ! #อริยสมาธิขันธ์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า http://etipitaka.com/read/pali/9/255/?keywords=อริโย+สมาธิกฺขนฺโธ ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?” (บุรพภาคแห่งการเจริญสมาธิ) --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? +--มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้ว ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวบถือเอาทั้งหมด (รวมเป็นภาพเดียว) ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วนๆ ; อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัส จะพึงไหลไปตามบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตาใด, เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น ย่อมรักษาอินทรีย์คือตา ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา. +--(ในกรณีแห่ง อินทรีย์คือหู อินทรีย์คือจมูก อินทรีย์คือลิ้น อินทรีย์คือกาย และ อินทรีย์คือ ใจ ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน). .... --มาณพ ! ภิกษุเป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้ว ในอินทรีย์ทั้งหลาย ด้วยอาการอย่างนี้แล. --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นอย่างไรเล่า ? +--มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้กระทำความรู้ตัวรอบคอบ ในการก้าวไปข้างหน้า การถอยกลับไปข้างหลัง, การแลดู การเหลียวดู, การคู้ การเหยียด, การทรงสังฆาฏิ บาตร จีวร, การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม, การถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ, เป็นผู้กระทำความรู้ตัวรอบคอบในการไป การหยุด, การนั่ง การนอน , การหลับ การตื่น, การพูด การนิ่ง. .... +--มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยอาการอย่างนี้ แล. --มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้สันโดษ เป็นอย่างไรเล่า ? +--มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้สันโดษ (ยินดีตามที่มีอยู่) ด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย สันโดษด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง ภิกษุนั้น จะหลีกไปโดยทิศใดๆ ย่อม ถือเอาบาตรและจีวรนั้นหลักไปได้ โดยทิศนั้นๆ. +--มาณพ ! เปรียบเสมือนนกมีปีก จะบินไปโดยทิศใดๆ มีปีกอย่างเดียวเป็นภาระบินไป ฉันใด; ภิกษุก็ฉันนั้น : เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง ถือเอาแล้วหลีกไปโดยทิศใดๆ ได้. .... +--มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้สันโดษ(สันตุฏฐิ)​ด้วยอาการอย่างนี้แล. (การเจริญสมาธิ) --ภิกษุนั้น ประกอบด้วยอริยสีสขันธ์ (ดังที่กล่าวแล้วข้างต้น) นี้ด้วย ประกอบด้วยอริยอินทรีย์นี้ด้วย ประกอบด้วยอริยสติสัมปชัญญะนี้ด้วย ประกอบด้วยอริยสันตุฏฐินี้ด้วย แล้ว, เธอเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง), ในเวลาภายหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว เธอนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า ....ฯลฯ.... (ข้อความตอนต่อจากนี้ ดูได้ที่ภาคผนวก ตั้งแต่คำว่า ละอภิชฌาโลภะแล้ว มีจิตปราศจากอภิชฌาอยู่ .... ไปถึงคำว่า .... (จบอริยสมาธิขันธ์) ... )​ . ๓. ปัญญาขันธ์ โดยละเอียด --“ท่านอานนท์ผู้เจริญ! #อริยปัญญาขันธ์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า http://etipitaka.com/read/pali/9/263/?keywords=อริโย+ปญฺญากฺขนฺโธ ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้ให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?” --ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อญาณทัสสนะ. เธอย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้ มีรูป ประกอบอยู่ด้วยมหาภูตทั้งสี่ มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ต้องห่อหุ้มนวดฟั้นอยู่เนืองนิจ แต่ก็ยังมีการแตกทำลายสึกกร่อนเป็นธรรมดา, แต่วิญญาณของเรานี้ อาศัยอยู่ในกายนั้น เนื่องอยู่ในกายนั้น; (เธอรู้เห็นอย่างชัดเจน) เปรียบเหมือนมณีไพฑูรย์อันสวยงาม สมชาติแก้ว แปดเหลี่ยม เจียระไนดีแล้ว สดใส ผ่องใส ถึงพร้อมด้วยคุณค่าทั้งปวง, ในแก้วนั้นมีด้ายร้อยอยู่ สีเขียวบ้าง สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง สีส้มบ้าง, บุรุษผู้มีตาดี วางแก้วนั้นลงในมือแล้ว ก็จะเห็นโดยประจักษ์ว่า มณีไพฑูรย์นี้ เป็นของสวยงาม สมชาติแก้ว แปดเหลี่ยม เจียระไนดีแล้ว สดใส ผ่องใส ถึงพร้อมด้วยคุณค่าทั้งปวง. ในแก้วนี้มีด้ายร้อยอยู่ สีเขียวบ้าง สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง สีส้มบ้าง, ฉันนั้นเหมือนกัน. แม้นี้ ก็เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง. ....ฯลฯ.... (ข้อความตอนต่อจากนี้ไป ตั้งแต่คำว่า ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อการนิรมิตกายอันสำเร็จด้วยใจ. เธอถอดกายอื่นออกจากกายนี้ .... ไปจนถึงคำว่า .... (จบอริยปัญญาขันธ์) ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/284 - 304/318 - 337. http://etipitaka.com/read/thai/9/284/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๕๒ - ๒๗๒/๓๑๘ - ๓๓๗. http://etipitaka.com/read/pali/9/252/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%91%E0%B9%98 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=973 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83&id=973 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83 ลำดับสาธยายธรรม : 83​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_83.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะแห่งสิกขาสามโดยละเอียด
    -(ข้อความข้างบนนี้ เป็นคำของธัมมทินนาเถรี กล่าวตอบแก่วิสาขอุบาสก ครั้นอุบาสกนำข้อความนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า “วิสาขะ ! ธัมมทินนาภิกษุณีเป็นบัณฑิต มีปัญญามาก; ถ้าเธอถามข้อความนั้นกะเรา เราก็จะพยากรณ์กะเธอเช่นเดียวกับที่ธัมมทินนาภิกษุณีพยากรณ์แล้วแก่เธอ เธอจงทรงจำเนื้อความนั้นไว้.” ดังนั้นเป็นอันว่า ข้อความของธรรมทินนาเถรีมีค่าเท่ากับพระพุทธภาษิต จึงนำมาใส่ไว้ในหนังสือนี้ ในลักษณะเช่นนี้). ลักษณะแห่งสิกขาสามโดยละเอียด ๑. สีลขันธ์ โดยละเอียด “ท่านอานนท์ผู้เจริญ ! อริยสีลขันธ์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้ ให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?” มาณพ ! ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบเองสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีผึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้นทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธรย่อมพิจารณาเห็น ว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาส (คือที่โปร่งโล่ง) อันยิ่ง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไรเราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. กุลบุตรนั้น ครั้นบวชแล้วอย่างนี้ เป็นผู้สำรวมแล้วด้วยการสำรวมในปาติโมกข์อยู่ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้ง หลายแม้มีประมาณน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ประกอบด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล มีอาชีวะบริสุทธิ์ ถึงพร้อมด้วยศีล .... มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า ? มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ละปาณาติบาต เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลในบรรดาสัตว์ทั้งหลายอยู่ ....ฯลฯ .... (ข้อความต่อไปนี้ ดูได้ที่ภาคผนวกแห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า ๑๕๔๑ ตั้งแต่ คำว่า เป็นผู้ละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทินนาทาน ... ไปจนถึงคำว่า .... (จบอริยสีลขันธ์) .... ที่หน้า ๑๕๕๑). ๒. สมาธิขันธ์ โดยละเอียด “ท่านอานนท์ผู้เจริญ ! อริยสมาธิขันธ์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?” (บุรพภาคแห่งการเจริญสมาธิ) มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ? มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เห็นรูปด้วยตาแล้ว ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวบถือเอาทั้งหมด (รวมเป็นภาพเดียว) ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วนๆ ; อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัส จะพึงไหลไปตามบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตาใด, เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น ย่อมรักษาอินทรีย์คือตา ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา. (ในกรณีแห่งอินทรีย์คือหู อินทรีย์คือจมูก อินทรีย์คือลิ้น อินทรีย์คือกาย และอินทรีย์คือ ใจ ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน). .... มาณพ ! ภิกษุเป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้ว ในอินทรีย์ทั้งหลาย ด้วยอาการอย่างนี้แล. มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นอย่างไรเล่า ? มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้กระทำความรู้ตัวรอบคอบในการก้าวไปข้างหน้า การถอยกลับไปข้างหลัง, การแลดู การเหลียวดู, การคู้ การเหยียด, การทรงสังฆาฏิ บาตร จีวร, การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม, การถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ, เป็นผู้กระทำความรู้ตัวรอบคอบในการไป การหยุด, การนั่ง การนอน , การหลับ การตื่น, การพูด การนิ่ง. .... มาณพ ! ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ ด้วยอาการอย่างนี้ แล. มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้สันโดษ เป็นอย่างไรเล่า ? มาณพ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้สันโดษ (ยินดีตามที่มีอยู่) ด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย สันโดษด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง ภิกษุนั้น จะหลีกไปโดยทิศใดๆ ย่อม ถือเอาบาตรและจีวรนั้นหลักไปได้ โดยทิศนั้นๆ. มาณพ ! เปรียบเสมือนนกมีปีก จะบินไปโดยทิศใดๆ มีปีกอย่างเดียวเป็นภาระบินไป ฉันใด; ภิกษุก็ฉันนั้น : เป็นผู้สันโดษด้วยจีวรเป็นเครื่องบริหารกาย ด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง ถือเอาแล้วหลีกไปโดยทิศใดๆ ได้. .... มาณพ ! ภิกษุ เป็นผู้สันโดษ ด้วยอาการอย่างนี้แล. (การเจริญสมาธิ) ภิกษุนั้น ประกอบด้วยอริยสีสขันธ์ (ดังที่กล่าวแล้วข้างต้น) นี้ด้วย ประกอบด้วยอริยอินทรีย์นี้ด้วย ประกอบด้วยอริยสติสัมปชัญญะนี้ด้วย ประกอบด้วยอริยสันตุฏฐินี้ด้วย แล้ว, เธอเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง), ในเวลาภายหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว เธอนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า ....ฯลฯ.... (ข้อความตอนต่อจากนี้ ดูได้ที่ภาคผนวกหน้า ๑๕๕๓ แห่งหนังสือเล่มนี้ ตั้งแต่คำว่า ละอภิชฌาโลภะแล้ว มีจิตปราศจากอภิชฌาอยู่ .... ไปถึงคำว่า .... (จบอริยสมาธิขันธ์) .... ที่หน้า ๑๕๕๘). ๓. ปัญญาขันธ์ โดยละเอียด “ท่านอานนท์ผู้เจริญ! อริยปัญญาขันธ์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ที่พระสมณโคดมทรงสรรเสริญ และทรงชักชวนมหาชนนี้ให้สมาทาน ให้เข้าไปอยู่ ให้ตั้งไว้เฉพาะ ?” ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อญาณทัสสนะ. เธอย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้ มีรูป ประกอบอยู่ด้วยมหาภูตทั้งสี่ มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ต้องห่อหุ้มนวดฟั้นอยู่เนืองนิจ แต่ก็ยังมีการแตกทำลายสึกกร่อนเป็นธรรมดา, แต่วิญญาณของเรานี้ อาศัยอยู่ในกายนั้น เนื่องอยู่ในกายนั้น; (เธอรู้เห็นอย่างชัดเจน) เปรียบเหมือนมณีไพฑูรย์อันสวยงาม สมชาติแก้ว แปดเหลี่ยม เจียระไนดีแล้ว สดใส ผ่องใส ถึงพร้อมด้วยคุณค่าทั้งปวง, ในแก้วนั้นมีด้ายร้อยอยู่ สีเขียวบ้าง สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง สีส้มบ้าง, บุรุษ ผู้มีตาดี วางแก้วนั้นลงในมือแล้ว ก็จะเห็นโดยประจักษ์ว่า มณีไพฑูรย์นี้ เป็นของสวยงาม สมชาติแก้ว แปดเหลี่ยม เจียระไนดีแล้ว สดใส ผ่องใส ถึงพร้อมด้วยคุณค่าทั้งปวง. ในแก้วนี้มีด้ายร้อยอยู่ สีเขียวบ้าง สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง สีขาวบ้าง สีส้มบ้าง, ฉันนั้นเหมือนกัน. แม้นี้ ก็เป็นปัญญาของเธอประการหนึ่ง. ....ฯลฯ.... (ข้อความตอนต่อจากนี้ไป ดูได้ที่ภาคผนวกแห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า ๑๕๕๙ ตั้งแต่คำว่า ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อการนิรมิตกายอันสำเร็จด้วยใจ. เธอถอดกายอื่นออกจากกายนี้ .... ไปจนถึงคำว่า .... (จบอริยปัญญาขันธ์)., ที่หน้า ๑๕๖๔).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาความลับของเบญจขันธ์
    สัทธรรมลำดับที่ : 193
    ชื่อบทธรรม :- ความลับของเบญจขันธ์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=193
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความลับของเบญจขันธ์
    --ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก #อัสสาทะ (รสอร่อย)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=อสฺสาโท
    ของรูปก็ดี
    ของเวทนาก็ดี
    ของสัญญาก็ดี
    ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ
    ของวิญญาณก็ดี เหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้,
    สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่กำหนัดยินดีนัก
    ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ เหล่านี้.
    --ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ อัสสาทะ
    ของรูปก็ดี
    ของเวทนาก็ดี
    ของสัญญาก็ดี
    ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ
    ของวิญญาณก็ดี มีอยู่,
    สัตว์ทั้งหลาย จึงกำหนัดยินดีนัก
    ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ.

    --ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก #อาทีนพ (โทษ)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=อาทีนโว
    ของรูปก็ดี
    ของเวทนาก็ดี
    ของสัญญาก็ดี
    ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ
    ของวิญญาณก็ดี
    เหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้,
    สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่เบื่อหน่าย
    ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลายและในวิญญาณ เหล่านี้.
    +--ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ อาทีนพ
    ของรูปก็ดี
    ของเวทนาก็ดี
    ของสัญญาก็ดี
    ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ
    ของวิญญาณก็ดี มีอยู่,
    สัตว์ทั้งหลาย จึงเบื่อหน่าย
    ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ.

    --ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก #นิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไปได้)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=นิสฺสรณํ
    จากรูปก็ดี
    จากเวทนาก็ดี
    จากสัญญาก็ดี
    จากสังขารทั้งหลายก็ดี และ
    จากวิญญาณก็ดีเหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้,
    สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่ออกไปพ้นได้
    จากรูป จากเวทนา จากสัญญา จากสังขารทั้งหลาย และจากวิญญาณ เหล่านี้.
    +--ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ นิสสรณะ
    จากรูปก็ดี
    จากเวทนาก็ดี
    จากสัญญาก็ดี
    จากสังขารทั้งหลายก็ดี และ
    จากวิญญาณก็ดี มีอยู่,
    สัตว์ทั้งหลาย จึงออกไปพ้นได้
    จากรูป จากเวทนา จากสัญญา จากสังขารทั้งหลาย และจากวิญญาณ,
    ดังนี้ แล.-

    --ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ยังไม่รู้ยิ่งซึ่ง
    คุณโดยความเป็นคุณ
    โทษโดยความเป็นโทษ และ
    เครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออก
    แห่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้
    ตามความเป็นจริง เพียงใด
    สัตว์ทั้งหลาย ก็ยังไม่เป็นผู้ออกไป พรากไป หลุดพ้นไป
    มีใจอันหาขอบเขตมิได้อยู่ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
    พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.
    --ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด สัตว์ทั้งหลาย รู้ยิ่ง
    ซึ่งคุณโดยความเป็นคุณ
    ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ
    ซึ่งเครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออก
    แห่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้
    ตามความเป็นจริง เมื่อนั้น
    สัตว์ทั้งหลายจึงเป็นผู้ออกไป พรากไป หลุดพ้นไป
    มีจิตอันหาขอบเขตมิได้อยู่ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
    พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์.

    #ทุกขสมัทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/29/62-63.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/29/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๗/๖๒-๖๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92
    http://etipitaka.com/read/pali/17/38/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=193
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=14&id=193
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=14
    ลำดับสาธยายธรรม : 14 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_14.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาความลับของเบญจขันธ์ สัทธรรมลำดับที่ : 193 ชื่อบทธรรม :- ความลับของเบญจขันธ์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=193 เนื้อความทั้งหมด :- --ความลับของเบญจขันธ์ --ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก #อัสสาทะ (รสอร่อย) http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=อสฺสาโท ของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ ของวิญญาณก็ดี เหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้, สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่กำหนัดยินดีนัก ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ เหล่านี้. --ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ อัสสาทะ ของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ ของวิญญาณก็ดี มีอยู่, สัตว์ทั้งหลาย จึงกำหนัดยินดีนัก ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ. --ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก #อาทีนพ (โทษ) http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=อาทีนโว ของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ ของวิญญาณก็ดี เหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้, สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่เบื่อหน่าย ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลายและในวิญญาณ เหล่านี้. +--ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ อาทีนพ ของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และ ของวิญญาณก็ดี มีอยู่, สัตว์ทั้งหลาย จึงเบื่อหน่าย ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ. --ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก #นิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไปได้) http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=นิสฺสรณํ จากรูปก็ดี จากเวทนาก็ดี จากสัญญาก็ดี จากสังขารทั้งหลายก็ดี และ จากวิญญาณก็ดีเหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้, สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่ออกไปพ้นได้ จากรูป จากเวทนา จากสัญญา จากสังขารทั้งหลาย และจากวิญญาณ เหล่านี้. +--ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ นิสสรณะ จากรูปก็ดี จากเวทนาก็ดี จากสัญญาก็ดี จากสังขารทั้งหลายก็ดี และ จากวิญญาณก็ดี มีอยู่, สัตว์ทั้งหลาย จึงออกไปพ้นได้ จากรูป จากเวทนา จากสัญญา จากสังขารทั้งหลาย และจากวิญญาณ, ดังนี้ แล.- --ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ยังไม่รู้ยิ่งซึ่ง คุณโดยความเป็นคุณ โทษโดยความเป็นโทษ และ เครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ตามความเป็นจริง เพียงใด สัตว์ทั้งหลาย ก็ยังไม่เป็นผู้ออกไป พรากไป หลุดพ้นไป มีใจอันหาขอบเขตมิได้อยู่ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น. --ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด สัตว์ทั้งหลาย รู้ยิ่ง ซึ่งคุณโดยความเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ ซึ่งเครื่องสลัดออกโดยความเป็นเครื่องสลัดออก แห่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ตามความเป็นจริง เมื่อนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงเป็นผู้ออกไป พรากไป หลุดพ้นไป มีจิตอันหาขอบเขตมิได้อยู่ในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์. #ทุกขสมัทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/29/62-63. http://etipitaka.com/read/thai/17/29/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๗/๖๒-๖๓. http://etipitaka.com/read/pali/17/37/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92 http://etipitaka.com/read/pali/17/38/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=193 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=14&id=193 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=14 ลำดับสาธยายธรรม : 14 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_14.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (ในสูตรอื่นทรงแสดง สัญโญชนิยธรรม ด้วยอายตนะภายในหก (๑๘/๑๑๐/๑๕๙) และอายตนะภายนอกหก (๑๘/๑๓๕/๑๘๙).
    -(ในสูตรอื่นทรงแสดง สัญโญชนิยธรรม ด้วยอายตนะภายในหก (๑๘/๑๑๐/๑๕๙) และอายตนะภายนอกหก (๑๘/๑๓๕/๑๘๙). ความลับของเบญจขันธ์ ภิกษุ ท. ! ถ้าหากอัสสาทะ (รสอร่อย) ของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และของวิญญาณก็ดี เหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่ แล้วไซร้, สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่กำหนัดยินดีนักในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ เหล่านี้. ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่อัสสาทะของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และของวิญญาณก็ดี มีอยู่, สัตว์ทั้งหลาย จึงกำหนัดยินดีนัก ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ. ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก อาทีนพ (โทษ) ของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และของวิญญาณก็ดี เหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้, สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่เบื่อหน่าย ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลายและในวิญญาณ เหล่านี้. ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่อาทีนพของรูปก็ดี ของเวทนาก็ดี ของสัญญาก็ดี ของสังขารทั้งหลายก็ดี และของวิญญาณก็ดี มีอยู่, สัตว์ทั้งหลาย จึงเบื่อหน่ายในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ. ภิกษุ ท. ! ถ้าหาก นิสสรณะ (อุบายเครื่องออกพ้นไปได้) จากรูปก็ดีจากเวทนาก็ดี จากสัญญาก็ดี จากสังขารทั้งหลายก็ดี และจากวิญญาณก็ดีเหล่านี้ จักไม่ได้มีอยู่แล้วไซร้, สัตว์ทั้งหลาย ก็จะไม่ออกไปพ้นได้จากรูป จากเวทนา จากสัญญา จากสังขารทั้งหลาย และจากวิญญาณ เหล่านี้. ภิกษุ ท. ! แต่เพราะเหตุที่ นิสสรณะจากรูปก็ดี จากเวทนาก็ดี จากสัญญาก็ดี จากสังขารทั้งหลายก็ดี และจากวิญญาณก็ดี มีอยู่, สัตว์ทั้งหลาย จึงออกไปพ้นได้จากรูป จากเวทนา จากสัญญา จากสังขารทั้งหลาย และจากวิญญาณ, ดังนี้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้น ! 30 เม.ย.ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับคดีนำ “ทักษิณ” รับโทษ?ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งในคำร้องที่นายชาญชัยยื่นขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เข้าข่ายขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่ หลังจาก 2 ครั้งแรกคือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าศาลออกหมายจำคุก การบังคับโทษ อนุญาตส่งตัว เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ไม่อยู่ในอำนาจศาล คำร้องครั้งที่ 3 นี้นายชาญชัยยื่นขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เเละศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะยกคำร้องเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ หรือรับที่จะดำเนินการต่อไป#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทยสภา #ชั้น14 #นักโทษเทวดา #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #กระบวนการยุติธรรม #ศาลปกครอง- - - - - - - - - - - - - - - - - -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
    ลุ้น ! 30 เม.ย.ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับคดีนำ “ทักษิณ” รับโทษ?ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ฟังคำสั่งในคำร้องที่นายชาญชัยยื่นขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เข้าข่ายขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่ หลังจาก 2 ครั้งแรกคือวันที่ 19 ธันวาคม 2566 และ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าศาลออกหมายจำคุก การบังคับโทษ อนุญาตส่งตัว เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ไม่อยู่ในอำนาจศาล คำร้องครั้งที่ 3 นี้นายชาญชัยยื่นขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด เเละศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะยกคำร้องเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ หรือรับที่จะดำเนินการต่อไป#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทยสภา #ชั้น14 #นักโทษเทวดา #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #กระบวนการยุติธรรม #ศาลปกครอง- - - - - - - - - - - - - - - - - -ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เข้านิพพานแล้วอานิสงส์ยังไม่หมด

    เมื่อกี้มีโยมมาถวายสังฆทาน ให้พรท่าน ท่านบอก "ขอถึงพระนิพพานในชาตินี้" ดีใจมาก คือว่าเป็นเจตนาที่ตั้งไว้สูงนี้ดีมาก เราตั้งใจนิพพาน ผลที่สุดงานทุกอย่างมันสำเร็จหมด ถ้าเรายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ส่วนที่อยู่ต่ำกว่าสำเร็จหมดอย่าง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ได้ครบ เพราะกำลังนิพพานให้ผล

    ตานี้ก็มีปัญหาอยู่ว่าทุกคนทำบุญ การถวายทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี คำว่าทานทั้งหมดเป็นปัจจัยทำให้เกิดความร่ำรวยในชาติหน้า จะเป็นคนก็เป็นคนรวย จะเป็นเทวดา นางฟ้า ก็มีความร่ำรวย เป็นพรหมก็เป็นพรหมที่ร่ำรวย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถวายสังฆทานครั้งหนึ่งด้วยศรัทธา แม้แต่เพียงหนเดียวนะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสท่านบอกว่า

    "เกิดไปอีกกี่ชาติก็ตาม ไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ความยากจนจะไม่มีกับคนนั้นเลย"

    แล้วต่อมาท่านกล่าวว่า "ด้วยอำนาจพระพุทธญาณไม่สามารถจะเห็นอานิสงส์ที่สุดของทานได้"

    นั่นก็หมายความว่า คนนั้นเข้านิพพานแล้วอานิสงส์ยังไม่หมด สังฆทานไม่ใช่เรื่องเล็ก ใหญ่มาก

    ก็มีปัญหาถามว่า ถ้าเจ้าของสังฆทานเข้านิพพานแล้ว ผลของสังฆทานจะได้กับ
    ใคร

    อรรถกถาจารย์แก้ว่า ต้องได้แก่บุคคลที่บูชาบุคคลนั้น คือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังยังเคารพบูชาเจ้าของสังฆทานอยู่ก็มีผลพลอยได้ ผลพลอยได้คนนั้นมีความเป็นอยู่เป็นสุข ร่ำรวยในทรัพย์สิน

    *การถวายสังฆทานมีผลดีอย่างนี้เอง พระพุทธเจ้าท่านก็เคยถวายสังฆทาน เราอยู่เบื้องหลังบูชาท่านก็พลอยได้อานิสงส์ด้วย คือความร่ำรวย หลวงพ่อบำเพ็ญบารมีมา 16 อสงไขยกับแสนกัปก็ต้องเคยทำสังฆทานมามากมายนับไม่ถ้วน เราบูชาหลวงพ่อก็พลอยได้อานิสงส์ด้วยเช่นกัน

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 99 เดือนพฤษภาคม 2532 หน้า 29 )
    #เข้านิพพานแล้วอานิสงส์ยังไม่หมด เมื่อกี้มีโยมมาถวายสังฆทาน ให้พรท่าน ท่านบอก "ขอถึงพระนิพพานในชาตินี้" ดีใจมาก คือว่าเป็นเจตนาที่ตั้งไว้สูงนี้ดีมาก เราตั้งใจนิพพาน ผลที่สุดงานทุกอย่างมันสำเร็จหมด ถ้าเรายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ส่วนที่อยู่ต่ำกว่าสำเร็จหมดอย่าง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ได้ครบ เพราะกำลังนิพพานให้ผล ตานี้ก็มีปัญหาอยู่ว่าทุกคนทำบุญ การถวายทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี คำว่าทานทั้งหมดเป็นปัจจัยทำให้เกิดความร่ำรวยในชาติหน้า จะเป็นคนก็เป็นคนรวย จะเป็นเทวดา นางฟ้า ก็มีความร่ำรวย เป็นพรหมก็เป็นพรหมที่ร่ำรวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถวายสังฆทานครั้งหนึ่งด้วยศรัทธา แม้แต่เพียงหนเดียวนะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสท่านบอกว่า "เกิดไปอีกกี่ชาติก็ตาม ไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ความยากจนจะไม่มีกับคนนั้นเลย" แล้วต่อมาท่านกล่าวว่า "ด้วยอำนาจพระพุทธญาณไม่สามารถจะเห็นอานิสงส์ที่สุดของทานได้" นั่นก็หมายความว่า คนนั้นเข้านิพพานแล้วอานิสงส์ยังไม่หมด สังฆทานไม่ใช่เรื่องเล็ก ใหญ่มาก ก็มีปัญหาถามว่า ถ้าเจ้าของสังฆทานเข้านิพพานแล้ว ผลของสังฆทานจะได้กับ ใคร อรรถกถาจารย์แก้ว่า ต้องได้แก่บุคคลที่บูชาบุคคลนั้น คือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังยังเคารพบูชาเจ้าของสังฆทานอยู่ก็มีผลพลอยได้ ผลพลอยได้คนนั้นมีความเป็นอยู่เป็นสุข ร่ำรวยในทรัพย์สิน *การถวายสังฆทานมีผลดีอย่างนี้เอง พระพุทธเจ้าท่านก็เคยถวายสังฆทาน เราอยู่เบื้องหลังบูชาท่านก็พลอยได้อานิสงส์ด้วย คือความร่ำรวย หลวงพ่อบำเพ็ญบารมีมา 16 อสงไขยกับแสนกัปก็ต้องเคยทำสังฆทานมามากมายนับไม่ถ้วน เราบูชาหลวงพ่อก็พลอยได้อานิสงส์ด้วยเช่นกัน (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 99 เดือนพฤษภาคม 2532 หน้า 29 )
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คนต้องการพระนิพพานจะมีความรู้สึกอย่างไร

    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า

    "ต้องใช้อากิญจัญญายตนะฌาณเป็นประจำใจ"

    คำว่า #อากิญจัญญายตนะฌาณ ฟังแล้วหนักใจ แต่ความจริงถ้าคนฉลาดก็ไม่หนัก ถ้าคนโง่ก็หนัก
    เพราะอากิญจัญญายตนะฌาน เป็นอารมณ์ของคนฉลาด คือ
    มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่า
    โลกนี้ไม่มีอะไรเหลือ คนเกิดมากี่คนตายหมดเท่านั้น สัตว์เกิดมาเท่าไหร่ตายหมดเท่านั้น
    สภาพของวัตถุทั้งหลายไม่มีการทรงตัว เสื่อมไปแล้วพังหมดเท่านั้น วันนี้ไม่พังวันหน้ามันก็พัง
    คนวันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย สัตว์วันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย
    ฉะนั้นโลกทั้งหลายไม่เป็นที่น่าอยู่สำหรับเรา เราไม่ต้องการ

    ถ้าบุคคลทั้งหลาย ใช้อารมณ์
    ของอากิญจัญญายตนะฌาณเป็นปกติ
    บุคคลประเภทนี้จะเป็นคนที่มีจิตสบาย คือ
    จิตยอมรับความเป็นจริงว่า
    ร่างกายของเราสักวันหนึ่งมันต้องตาย
    กฏแน่นอนของมันก็คือเดินเข้าไปหาความตายทุกวัน
    เรื่องความตายนี่ไม่ต้องไปคำนึง
    ไม่ต้องคิดถึงว่ามันจะตายเมื่อไหร่ก็เชิญฉันพร้อมแล้ว
    คำว่า พร้อม ก็คือ ยึดเอาพระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วไปปฏิบัติ ได้แก่
    สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี่มันต้องตาย จะตายเมื่อไรก็เชิญฉันมีความดีพร้อม

    ความดีของเราคือ ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และทรงกำลังใจไว้ไม่เสื่อมคลาย
    ยึดมั่นในศีล จะเป็นจะตายอย่างไรก็ตามไม่ยอมละเมิดศีล 5 สำหรับฆราวาสอารมณ์ของพระโสดาบัน
    ถ้าคนที่เขาทรงอารมณ์ของศีล 8 เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี พระเณรก็เช่นเดียวกัน ต้องรักษาศีลของตน
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน การเดินเข้ามาหานิพพานเป็นของไม่ยาก

    หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พิจารณาว่า โลกมันไม่ดี มนุษยโลกก็ไม่ดี เทวโลกก็ไม่ดี พรหมโลกก็ไม่ดี เทวโลกกับพรหมโลกนั้นดีเหมือนกัน แต่ดีชั่วคราว ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องหล่นมาใหม่ หล่นมาค้างที่บนไม่เป็นไร ส่วนใหญ่ลงมาจากเทวโลกและพรหมโลกก็พุ่งลงนรกไป เพราะบาปเก่ายังไม่ชำระหนี้เขา

    ถ้ามีกำลังใจทรงอารมณ์พระโสดาบันไว้มันก็ไม่ไป อย่างเลวที่สุดมันก็มาค้างที่มนุษย์ แต่ก็ไม่ดีกลับมาค้างในดินแดนที่เราต้องมีทุกข์จะดีอะไร เราก็เป็นคนโง่ถ้าจะเป็นเทวดาหรือพรหม นานเท่าไรมันก็เป็นไม่ได้ หมดบุญวาสนาต้องมา กำลังใจที่ดีที่สุดก็ตัดสินใจว่า

    "ถ้าชีวิตร่างกายมันพังเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าความเป็นคนก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเรา เราต้องการจุดเดียว คือ นิพพาน"

    อันนี้พูดกันสำหรับคนที่เจริญทางด้านสุกขวิปัสสโก

    ===================
    จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๗๓ เดือนสิงหาคม ๒๕๓๘ หน้า ๓๗-๓๘
    #คนต้องการพระนิพพานจะมีความรู้สึกอย่างไร องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า "ต้องใช้อากิญจัญญายตนะฌาณเป็นประจำใจ" คำว่า #อากิญจัญญายตนะฌาณ ฟังแล้วหนักใจ แต่ความจริงถ้าคนฉลาดก็ไม่หนัก ถ้าคนโง่ก็หนัก เพราะอากิญจัญญายตนะฌาน เป็นอารมณ์ของคนฉลาด คือ มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่า โลกนี้ไม่มีอะไรเหลือ คนเกิดมากี่คนตายหมดเท่านั้น สัตว์เกิดมาเท่าไหร่ตายหมดเท่านั้น สภาพของวัตถุทั้งหลายไม่มีการทรงตัว เสื่อมไปแล้วพังหมดเท่านั้น วันนี้ไม่พังวันหน้ามันก็พัง คนวันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย สัตว์วันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย ฉะนั้นโลกทั้งหลายไม่เป็นที่น่าอยู่สำหรับเรา เราไม่ต้องการ ถ้าบุคคลทั้งหลาย ใช้อารมณ์ ของอากิญจัญญายตนะฌาณเป็นปกติ บุคคลประเภทนี้จะเป็นคนที่มีจิตสบาย คือ จิตยอมรับความเป็นจริงว่า ร่างกายของเราสักวันหนึ่งมันต้องตาย กฏแน่นอนของมันก็คือเดินเข้าไปหาความตายทุกวัน เรื่องความตายนี่ไม่ต้องไปคำนึง ไม่ต้องคิดถึงว่ามันจะตายเมื่อไหร่ก็เชิญฉันพร้อมแล้ว คำว่า พร้อม ก็คือ ยึดเอาพระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วไปปฏิบัติ ได้แก่ สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าชีวิตนี่มันต้องตาย จะตายเมื่อไรก็เชิญฉันมีความดีพร้อม ความดีของเราคือ ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ และทรงกำลังใจไว้ไม่เสื่อมคลาย ยึดมั่นในศีล จะเป็นจะตายอย่างไรก็ตามไม่ยอมละเมิดศีล 5 สำหรับฆราวาสอารมณ์ของพระโสดาบัน ถ้าคนที่เขาทรงอารมณ์ของศีล 8 เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี พระเณรก็เช่นเดียวกัน ต้องรักษาศีลของตน นี่แหละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน การเดินเข้ามาหานิพพานเป็นของไม่ยาก หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พิจารณาว่า โลกมันไม่ดี มนุษยโลกก็ไม่ดี เทวโลกก็ไม่ดี พรหมโลกก็ไม่ดี เทวโลกกับพรหมโลกนั้นดีเหมือนกัน แต่ดีชั่วคราว ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องหล่นมาใหม่ หล่นมาค้างที่บนไม่เป็นไร ส่วนใหญ่ลงมาจากเทวโลกและพรหมโลกก็พุ่งลงนรกไป เพราะบาปเก่ายังไม่ชำระหนี้เขา ถ้ามีกำลังใจทรงอารมณ์พระโสดาบันไว้มันก็ไม่ไป อย่างเลวที่สุดมันก็มาค้างที่มนุษย์ แต่ก็ไม่ดีกลับมาค้างในดินแดนที่เราต้องมีทุกข์จะดีอะไร เราก็เป็นคนโง่ถ้าจะเป็นเทวดาหรือพรหม นานเท่าไรมันก็เป็นไม่ได้ หมดบุญวาสนาต้องมา กำลังใจที่ดีที่สุดก็ตัดสินใจว่า "ถ้าชีวิตร่างกายมันพังเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าความเป็นคนก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเรา เราต้องการจุดเดียว คือ นิพพาน" อันนี้พูดกันสำหรับคนที่เจริญทางด้านสุกขวิปัสสโก =================== จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๗๓ เดือนสิงหาคม ๒๕๓๘ หน้า ๓๗-๓๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    สัทธรรมลำดับที่ : 591
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591
    ชื่อบทธรรม :- ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุชื่อเถระ
    ผู้มีปกติชอบอยู่คนเดียวจนเป็นที่เล่าลือกัน ในหมู่ภิกษุ, ว่า :-
    )​
    --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวอย่างของเธอ
    ก็มีอยู่ เรามิได้กล่าวว่าไม่มี ;
    แต่ว่ายังมีการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดาร
    กว่าชนิดของเธอ, เธอจงตั้งใจฟังให้ดี,
    เราจักกล่าว.
    --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวชนิดที่บริบูรณ์พิสดารกว่าชนิดของเธอนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวในกรณีนี้คือ
    สิ่งเป็นอดีตก็ละได้แล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น
    ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน ก็นำออกแล้วหมดสิ้น.
    +--ดูก่อนเถระ ! อย่างนี้แล #เป็นการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์
    พิสดารกว่าการอยู่คนเดียวชนิดของเธอ.

    (คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    นรชนผู้มีปัญญาดี ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้
    รู้ธรรมทั้งปวง ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น
    ละอุปธิทั้งปวง หลุดพ้นพิเศษแล้วในธรรมเป็นที่ สิ้นตัณหา
    นั้นเราเรียกเขาว่า ผู้มีปกติอยู่คนเดียว.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ตณฺหกฺขเย

    (ข้อความที่มีปัญหายากแก่การแปลในสูตรนี้ มีอยู่ คือข้อความที่ว่า
    “ปจฺจุปฺปนฺเนสุจอตฺตภาวปฏิลาเภสุ ฉนฺทราโค” ;
    http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ฉนฺทราโค
    หลังจากใคร่ครวญ ทบทวนดูแล้ว เห็นว่าต้องแปลว่า
    “ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน”
    หมายความว่า
    ฉันทราคะ มีในอัตตภาพ ซึ่งได้แล้วมากครั้งในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉันทราคะมีในการได้.
    อัตภาพในกรณีเช่นนี้ หมายถึงภพหรือความมีความเป็นในรูปแบบหนึ่ง ๆ
    ซึ่งเกิดขึ้นเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ในวิถีแห่งการปรุงแต่งทางจิต
    ในกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทอันเกิดขึ้นทุกขณะที่มีตัณหาอันเกิดจากเวทนา
    ซึ่งวันหนึ่งก็มีได้หลายครั้ง ท่านจึงใช้รูปศัพท์เป็นพหุพจน์ คือ ปฏิลาเภสุ
    และจัดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของปัจจุบัน;
    ดังนั้น การไม่ข้องติดจึงมีครบชุด คือ อดีต-อนาคต-ปัจจุบัน ;
    ผู้หลุดพ้นเสียได้ครบถ้วน เรียกว่า ผู้อยู่คนเดียวในระดับที่สมบูรณ์ ลึกซึ้งที่สุด
    ).
    *---นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/329/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%91%E0%B9%99

    --กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ(นิโรธมิใช่ความตาย)
    --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตนี้
    มีตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพถูกตถาคตถอนขึ้น เสียได้แล้ว, ดำรงอยู่.
    กายนี้ยังดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    ยังคงได้เห็นตถาคตนั้น อยู่เพียงนั้น.
    เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต
    เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคตนั้นเลย.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมื่อขั้วพวงมะม่วงขาดแล้ว
    มะม่วงทั้งหลายเหล่าใด ที่เนื่องขั้วเดียวกัน
    มะม่วงเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นของตกตามไปด้วยกัน. นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตก็ฉันนั้น
    : กายของตถาคต มีตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพอันตถาคตถอนขึ้นเสียได้แล้ว, ดำรงอยู่.
    กายนี้ดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    ยังคงเห็นตถาคตอยู่ชั่วเวลาเพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย,
    หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    จักไม่เห็นตถาคตเลย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๙/๙๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเตืม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39&id=591
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39
    ลำดับสาธยายธรรม : 39 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_39.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง สัทธรรมลำดับที่ : 591 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591 ชื่อบทธรรม :- ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง เนื้อความทั้งหมด :- --ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุชื่อเถระ ผู้มีปกติชอบอยู่คนเดียวจนเป็นที่เล่าลือกัน ในหมู่ภิกษุ, ว่า :- )​ --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวอย่างของเธอ ก็มีอยู่ เรามิได้กล่าวว่าไม่มี ; แต่ว่ายังมีการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดาร กว่าชนิดของเธอ, เธอจงตั้งใจฟังให้ดี, เราจักกล่าว. --ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวชนิดที่บริบูรณ์พิสดารกว่าชนิดของเธอนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? +--ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวในกรณีนี้คือ สิ่งเป็นอดีตก็ละได้แล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน ก็นำออกแล้วหมดสิ้น. +--ดูก่อนเถระ ! อย่างนี้แล #เป็นการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์ พิสดารกว่าการอยู่คนเดียวชนิดของเธอ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) นรชนผู้มีปัญญาดี ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้ รู้ธรรมทั้งปวง ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น ละอุปธิทั้งปวง หลุดพ้นพิเศษแล้วในธรรมเป็นที่ สิ้นตัณหา นั้นเราเรียกเขาว่า ผู้มีปกติอยู่คนเดียว. http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ตณฺหกฺขเย (ข้อความที่มีปัญหายากแก่การแปลในสูตรนี้ มีอยู่ คือข้อความที่ว่า “ปจฺจุปฺปนฺเนสุจอตฺตภาวปฏิลาเภสุ ฉนฺทราโค” ; http://etipitaka.com/read/pali/16/330/?keywords=ฉนฺทราโค หลังจากใคร่ครวญ ทบทวนดูแล้ว เห็นว่าต้องแปลว่า “ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน” หมายความว่า ฉันทราคะ มีในอัตตภาพ ซึ่งได้แล้วมากครั้งในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉันทราคะมีในการได้. อัตภาพในกรณีเช่นนี้ หมายถึงภพหรือความมีความเป็นในรูปแบบหนึ่ง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ในวิถีแห่งการปรุงแต่งทางจิต ในกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทอันเกิดขึ้นทุกขณะที่มีตัณหาอันเกิดจากเวทนา ซึ่งวันหนึ่งก็มีได้หลายครั้ง ท่านจึงใช้รูปศัพท์เป็นพหุพจน์ คือ ปฏิลาเภสุ และจัดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของปัจจุบัน; ดังนั้น การไม่ข้องติดจึงมีครบชุด คือ อดีต-อนาคต-ปัจจุบัน ; ผู้หลุดพ้นเสียได้ครบถ้วน เรียกว่า ผู้อยู่คนเดียวในระดับที่สมบูรณ์ ลึกซึ้งที่สุด ). *---นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/16/329/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%91%E0%B9%99 --กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ(นิโรธมิใช่ความตาย) --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตนี้ มีตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพถูกตถาคตถอนขึ้น เสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ยังดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงได้เห็นตถาคตนั้น อยู่เพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคตนั้นเลย. http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมื่อขั้วพวงมะม่วงขาดแล้ว มะม่วงทั้งหลายเหล่าใด ที่เนื่องขั้วเดียวกัน มะม่วงเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นของตกตามไปด้วยกัน. นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตก็ฉันนั้น : กายของตถาคต มีตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพอันตถาคตถอนขึ้นเสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงเห็นตถาคตอยู่ชั่วเวลาเพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักไม่เห็นตถาคตเลย.- http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=ตถาคตสฺส #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/43/90. http://etipitaka.com/read/thai/9/43/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๕๙/๙๐. http://etipitaka.com/read/pali/9/59/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเตืม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=591 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39&id=591 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=39 ลำดับสาธยายธรรม : 39 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_39.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง
    -ผู้อยู่คนเดียว คือผู้ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งปวง (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสแก่ภิกษุชื่อเถระ ผู้มีปกติชอบอยู่คนเดียวจนเป็นที่เล่าลือกัน ในหมู่ภิกษุ, ว่า :-) ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวอย่างของเธอ ก็มีอยู่ เรามิได้กล่าวว่าไม่มี ; แต่ว่ายังมีการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดาร กว่าชนิดของเธอ, เธอจงตั้งใจฟังให้ดี, เราจักกล่าว. ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวชนิดที่บริบูรณ์พิสดารกว่าชนิดของเธอนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ดูก่อนเถระ ! การอยู่คนเดียวในกรณีนี้คือ สิ่งเป็นอดีตก็ละได้แล้ว สิ่งเป็นอนาคตก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน ก็นำออกแล้วหมดสิ้น. ดูก่อนเถระ ! อย่างนี้แล เป็นการอยู่คนเดียวที่บริบูรณ์พิสดารกว่าการอยู่คนเดียวชนิดของเธอ. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) นรชนผู้มีปัญญาดี ครอบงำอารมณ์ทั้งปวงได้ รู้ธรรมทั้งปวง ไม่ข้องติดอยู่ในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น ละอุปธิทั้งปวง หลุดพ้นพิเศษแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา นั้นเราเรียกเขาว่า ผู้มีปกติอยู่คนเดียว. นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑. (ข้อความที่มีปัญหายากแก่การแปลในสูตรนี้ มีอยู่ คือข้อความที่ว่า “ปจฺจุปฺปนฺเนสุจอตฺตภาวปฏิลาเภสุ ฉนฺทราโค” ; หลังจากใคร่ครวญ ทบทวนดูแล้ว เห็นว่าต้องแปลว่า “ส่วนฉันทราคะในอัตตภาพอันได้แล้วทั้งหลาย อันเป็นปัจจุบัน” หมายความว่า ฉันทราคะ มีในอัตตภาพ ซึ่งได้แล้วมากครั้งในปัจจุบัน ไม่ใช่ฉันทราคะมีในการได้. อัตภาพในกรณีเช่นนี้ หมายถึงภพหรือความมีความเป็นในรูปแบบหนึ่ง ๆ ซึ่งเกิดขึ้น เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ในวิถีแห่งการปรุงแต่งทางจิต ในกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาทอันเกิดขึ้นทุกขณะที่มีตัณหาอันเกิดจากเวทนา ซึ่งวันหนึ่งก็มีได้หลายครั้ง ท่านจึงใช้รูปศัพท์เป็นพหุพจน์ คือ....ปฏิลาเภสุ และจัดเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของปัจจุบัน; ดังนั้น การไม่ข้องติดจึงมีครบชุด คืออดีต-อนาคต-ปัจจุบัน ; ผู้หลุดพ้นเสียได้ครบถ้วน เรียกว่า ผู้อยู่คนเดียวในระดับที่สมบูรณ์ ลึกซึ้งที่สุด). กายของผู้ที่สิ้นตัณหาแล้วก็ยังตั้งอยู่ชั่วขณะ (นิโรธมิใช่ความตาย) ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตนี้ มีตัณหาอันเป็นเครื่องนำไปสู่ภพถูกตถาคตถอนขึ้น เสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ยังดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงได้เห็นตถาคตนั้น อยู่เพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคตนั้นเลย. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนเมื่อขั้วพวงมะม่วงขาดแล้ว มะม่วงทั้งหลายเหล่าใด ที่เนื่องขั้วเดียวกัน มะม่วงเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นของตกตามไปด้วยกัน. นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! กายของตถาคตก็ฉันนั้น : กายของตถาคต มีตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพอันตถาคตถอนขึ้นเสียได้แล้ว, ดำรงอยู่. กายนี้ดำรงอยู่เพียงใด เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ยังคงเห็นตถาคตอยู่ชั่วเวลาเพียงนั้น. เพราะการทำลายแห่งกาย, หลังจากการควบคุมกันอยู่ได้ของชีวิต เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักไม่เห็นตถาคตเลย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts