• สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องชีวประวัติ วันนี้เลยมาคุยให้ฟังถึงเรื่องราวของคนในตำนานอีกคู่หนึ่ง

    เพื่อนเพจที่ได้ติดตามละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> คงจำได้ถึงหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทเด่นคือเฟิ่งชีอู๋ ประมุขตระกูลเฟิ่งแห่งยงโจวผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ซ่างซู’ (ขุนนางระดับเสนาธิการ) ในฉากที่นางได้เข้าพบกับท่านชายสองเฟิงหลันซี (พระเอก) ได้แสดงการสวามิภักดิ์ผ่านการเปรียบเปรยถึงซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวิน

    ความมีอยู่ว่า...
    ท่านชายสอง: ซือหม่าเซียงหรูต้องกักตัวเพราะป่วย เช่นเดียวกับข้า ตัวอยู่ในที่มืดมิด
    เฟิ่งชีอู๋: แทนที่จะอยู่ในที่มืด มิสู้จุดโคมเดินทาง หากท่านคิดเป็นซือหม่าเซียงหรู ข้ายอมเป็นจั๋วเหวินจวิน (ภรรยาของซือหม่าเซียงหรู) จุดโคมให้ท่าน
    - ถอดบทสนทนาจะละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ตามซับไทย

    หากใครไม่ทราบเรื่องราวของซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวินคงจะไม่เข้าใจความนัยของบทสนทนาข้างต้นนี้ วันนี้เลยนำเรื่องราวของทั้งคู่มาเล่าให้ฟังอย่างย่อ

    ซือหม่าเซียงหรู (179-117 ปีก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น) เป็นคนพื้นเพเสฉวน สันทัดด้านอักษรและดนตรีจนได้เป็นอาจารย์ ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาหนทางเข้ารับราชการ แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวยากจนจึงไม่ได้รับความสนใจนัก สุดท้ายถอดใจอำลาเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ที่เมืองหลิงฉยงตามคำชวนของสหายนามว่า ‘หวางจี๋’ เป็นผู้ว่าการเขตหลิงฉยง

    ที่หลิงฉยง ซือหม่าเซียงหรูแสร้งทำเป็นป่วย วันๆ ไม่ยอมพบใคร โดยมีหวางจี๋คอยไปเยี่ยมเยียนทุกวัน จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ว่าซือหม่าเซียงหรูเป็นแขกพิเศษของหวางจี๋ ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย

    หนึ่งในนั้นคือคหบดีพ่อค้านามว่า ‘จั๋วหวางซุน’ เขามีลูกสาวคือจั๋วเหวินจวิน นางออกเรือนไปได้ไม่นานก็เป็นหม้ายจึงกลับมาอยู่กับบิดา ยามนั้นนางอายุเพียงสิบเจ็ด เลื่องชื่อด้วยโฉมงามและความสามารถด้านการดนตรีและโคลงกลอน

    อยู่มาวันหนึ่งจั๋วหวางซุนได้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยตั้งใจเชิญหวางจี๋และซือหม่าเซียงหรูมาเป็นแขก หวางจี๋ถึงขนาดไปเชิญซือหม่าเซียงหรูด้วยตนเอง เขาจึงยอมมาร่วมงาน และเพื่อเป็นการสนองการต้อนรับอันอบอุ่น เขาบรรเลงเพลงพิณ ‘หงส์วอนหาคู่’

    การเล่นพิณครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นแผนหรือไม่ แต่ผลก็คือจั๋วเหวินจวินที่มาแอบดูเขาที่หลังฉากและได้ยินเพลงพิณขอรักของเขาเข้าก็ตกหลุมรัก คืนนั้นนางหนีตามเขากลับไปเมืองหลวง ที่นั่นจั๋วเหวินจวินค้นพบความจริงแล้วว่าเขายากจนมาก บ้านของเขามีเพียงสี่ผนังที่ว่างเปล่า แต่นางก็ไม่ทิ้งเขา ใช้ชีวิตแบบกัดก้อนเกลือกินอยู่กับเขาโดยอาศัยเงินและเครื่องประดับที่นางพกติดตัวมา ส่วนจั๋วหวางซุนเมื่อได้ข่าวก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจถึงกับตัดขาดไม่ยอมให้เงินช่วยเหลือลูกสาวแม้แต่แดงเดียว

    ต่อมาเงินหมด จั๋วเหวินจวินคิดแล้วว่าอยู่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีหนทาง จึงชวนซือหม่าเซียงหรูกลับมาที่เมืองหลิงฉยง พวกเขาขายรถม้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อเปิดร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งช่วยกันทำมาหากิน ทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข สุดท้ายจั๋วหวางซุนใจอ่อนจึงมอบเงินและบ่าวให้จำนวนไม่น้อยเป็นเงินรับขวัญเขยคนนี้ พอที่ทั้งสองจะกลับไปเมืองหลวงซื้อที่ดินและใช้ชีวิตได้อย่างคนมีอันจะกิน

    ในช่วงเวลานั้นเอง บทประพันธ์ ‘จื่อซวีฟู่’ ของซือหม่าเซียงหรูเป็นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นอู่ตี้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ติดตามใกล้ชิด ต่อมาหน้าที่การงานยิ่งเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นคนเนื้อหอม จึงเกิดความคิดที่จะรับอนุ แต่ต่อมาจั๋วเหวินจวินแต่งกลอนทำให้เขารำลึกถึงความหลังและเปลี่ยนความคิด (Storyฯ เคยคุยถึงเรื่อง ‘ลำนำผมขาว’ นี้ไปแล้ว ไปหาอ่านย้อนหลังนะคะ)

    ดังนั้น บทสนทนาละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ข้างต้น ไม่เพียงแต่แสดงเจตจำนงของเฟิ่งชีอู๋ที่จะยอมเป็นภรรยาของพระเอก หากแต่ยังสะท้อนถึงความนัยว่า นางยอมใช้ทุกสิ่งอย่างที่นางมีเพื่อช่วยสนับสนุนเขา ไม่ทิ้งไม่หนี จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดโดยไม่แคร์ว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร

    Storyฯ คิดว่านี่เป็นคำสวามิภักดิ์ที่จริงใจที่สุดเท่าที่สตรีนางหนึ่งจะมอบให้ชายใดได้แล้ว เพื่อนเพจคิดเหมือนกันไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://auete.com/Tv/wangju/qieshitianxia/
    https://kknews.cc/zh-cn/entertainment/6ggbbpm.html
    https://kknews.cc/history/y39v3qk.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/卓文君/823759
    http://history.sina.com.cn/his/zl/2014-09-29/1551102344_2.shtml
    http://www.renwugushi.com/qinhan/a1043.html
    https://www.gugong.net/wenhua/34904.html

    #เทียบท้าปฐพี #เฟิ่งชีอู๋ #จั๋วเหวินจวิน #ซือหม่าเซียงหรู #กวีเอกราชวงศ์ฮั่น
    สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องชีวประวัติ วันนี้เลยมาคุยให้ฟังถึงเรื่องราวของคนในตำนานอีกคู่หนึ่ง เพื่อนเพจที่ได้ติดตามละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> คงจำได้ถึงหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทเด่นคือเฟิ่งชีอู๋ ประมุขตระกูลเฟิ่งแห่งยงโจวผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ซ่างซู’ (ขุนนางระดับเสนาธิการ) ในฉากที่นางได้เข้าพบกับท่านชายสองเฟิงหลันซี (พระเอก) ได้แสดงการสวามิภักดิ์ผ่านการเปรียบเปรยถึงซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวิน ความมีอยู่ว่า... ท่านชายสอง: ซือหม่าเซียงหรูต้องกักตัวเพราะป่วย เช่นเดียวกับข้า ตัวอยู่ในที่มืดมิด เฟิ่งชีอู๋: แทนที่จะอยู่ในที่มืด มิสู้จุดโคมเดินทาง หากท่านคิดเป็นซือหม่าเซียงหรู ข้ายอมเป็นจั๋วเหวินจวิน (ภรรยาของซือหม่าเซียงหรู) จุดโคมให้ท่าน - ถอดบทสนทนาจะละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ตามซับไทย หากใครไม่ทราบเรื่องราวของซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวินคงจะไม่เข้าใจความนัยของบทสนทนาข้างต้นนี้ วันนี้เลยนำเรื่องราวของทั้งคู่มาเล่าให้ฟังอย่างย่อ ซือหม่าเซียงหรู (179-117 ปีก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น) เป็นคนพื้นเพเสฉวน สันทัดด้านอักษรและดนตรีจนได้เป็นอาจารย์ ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาหนทางเข้ารับราชการ แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวยากจนจึงไม่ได้รับความสนใจนัก สุดท้ายถอดใจอำลาเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ที่เมืองหลิงฉยงตามคำชวนของสหายนามว่า ‘หวางจี๋’ เป็นผู้ว่าการเขตหลิงฉยง ที่หลิงฉยง ซือหม่าเซียงหรูแสร้งทำเป็นป่วย วันๆ ไม่ยอมพบใคร โดยมีหวางจี๋คอยไปเยี่ยมเยียนทุกวัน จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ว่าซือหม่าเซียงหรูเป็นแขกพิเศษของหวางจี๋ ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือคหบดีพ่อค้านามว่า ‘จั๋วหวางซุน’ เขามีลูกสาวคือจั๋วเหวินจวิน นางออกเรือนไปได้ไม่นานก็เป็นหม้ายจึงกลับมาอยู่กับบิดา ยามนั้นนางอายุเพียงสิบเจ็ด เลื่องชื่อด้วยโฉมงามและความสามารถด้านการดนตรีและโคลงกลอน อยู่มาวันหนึ่งจั๋วหวางซุนได้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยตั้งใจเชิญหวางจี๋และซือหม่าเซียงหรูมาเป็นแขก หวางจี๋ถึงขนาดไปเชิญซือหม่าเซียงหรูด้วยตนเอง เขาจึงยอมมาร่วมงาน และเพื่อเป็นการสนองการต้อนรับอันอบอุ่น เขาบรรเลงเพลงพิณ ‘หงส์วอนหาคู่’ การเล่นพิณครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นแผนหรือไม่ แต่ผลก็คือจั๋วเหวินจวินที่มาแอบดูเขาที่หลังฉากและได้ยินเพลงพิณขอรักของเขาเข้าก็ตกหลุมรัก คืนนั้นนางหนีตามเขากลับไปเมืองหลวง ที่นั่นจั๋วเหวินจวินค้นพบความจริงแล้วว่าเขายากจนมาก บ้านของเขามีเพียงสี่ผนังที่ว่างเปล่า แต่นางก็ไม่ทิ้งเขา ใช้ชีวิตแบบกัดก้อนเกลือกินอยู่กับเขาโดยอาศัยเงินและเครื่องประดับที่นางพกติดตัวมา ส่วนจั๋วหวางซุนเมื่อได้ข่าวก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจถึงกับตัดขาดไม่ยอมให้เงินช่วยเหลือลูกสาวแม้แต่แดงเดียว ต่อมาเงินหมด จั๋วเหวินจวินคิดแล้วว่าอยู่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีหนทาง จึงชวนซือหม่าเซียงหรูกลับมาที่เมืองหลิงฉยง พวกเขาขายรถม้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อเปิดร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งช่วยกันทำมาหากิน ทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข สุดท้ายจั๋วหวางซุนใจอ่อนจึงมอบเงินและบ่าวให้จำนวนไม่น้อยเป็นเงินรับขวัญเขยคนนี้ พอที่ทั้งสองจะกลับไปเมืองหลวงซื้อที่ดินและใช้ชีวิตได้อย่างคนมีอันจะกิน ในช่วงเวลานั้นเอง บทประพันธ์ ‘จื่อซวีฟู่’ ของซือหม่าเซียงหรูเป็นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นอู่ตี้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ติดตามใกล้ชิด ต่อมาหน้าที่การงานยิ่งเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นคนเนื้อหอม จึงเกิดความคิดที่จะรับอนุ แต่ต่อมาจั๋วเหวินจวินแต่งกลอนทำให้เขารำลึกถึงความหลังและเปลี่ยนความคิด (Storyฯ เคยคุยถึงเรื่อง ‘ลำนำผมขาว’ นี้ไปแล้ว ไปหาอ่านย้อนหลังนะคะ) ดังนั้น บทสนทนาละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ข้างต้น ไม่เพียงแต่แสดงเจตจำนงของเฟิ่งชีอู๋ที่จะยอมเป็นภรรยาของพระเอก หากแต่ยังสะท้อนถึงความนัยว่า นางยอมใช้ทุกสิ่งอย่างที่นางมีเพื่อช่วยสนับสนุนเขา ไม่ทิ้งไม่หนี จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดโดยไม่แคร์ว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร Storyฯ คิดว่านี่เป็นคำสวามิภักดิ์ที่จริงใจที่สุดเท่าที่สตรีนางหนึ่งจะมอบให้ชายใดได้แล้ว เพื่อนเพจคิดเหมือนกันไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://auete.com/Tv/wangju/qieshitianxia/ https://kknews.cc/zh-cn/entertainment/6ggbbpm.html https://kknews.cc/history/y39v3qk.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/卓文君/823759 http://history.sina.com.cn/his/zl/2014-09-29/1551102344_2.shtml http://www.renwugushi.com/qinhan/a1043.html https://www.gugong.net/wenhua/34904.html #เทียบท้าปฐพี #เฟิ่งชีอู๋ #จั๋วเหวินจวิน #ซือหม่าเซียงหรู #กวีเอกราชวงศ์ฮั่น
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องประดับหินแท้ เสริมพลังงานบวก
    📌 www.natnontra.com
    เครื่องประดับหินแท้ เสริมพลังงานบวก 📌 www.natnontra.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชื่อว่าเพื่อนเพจที่ดูละครจีนหลายคนต้องเคยเห็นเสื้อที่ทำจากผ้าต่อหรือที่เรียกว่า ‘patchwork’ หรือบางคนอาจเรียกเล่นๆ แถวบ้านว่า ‘เสื้อพรรคกระยาจก’! วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวกับเสื้อที่ทำจากผ้าต่อและความหมายของมัน

    ในละครเรื่อง <นิติเวชสาวยอดนักสืบ> มีอยู่ตอนหนึ่งที่เซียวซ่ง ซื่อหลางแห่งกรมอาญา สืบเรื่องถึงหมอตำแยคนหนึ่งชื่อ เว่ยซื่อเหนียง จากบทสนทนากับลูกค้าของนางคนหนึ่งได้ความว่านางจะแนะนำให้เด็กแรกเกิดใส่เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ โดยมีการพูดถึงว่าต้องใส่เป็นเวลาสามวัน ผ่านสามวันต้องทำพิธี ‘สี่ซานหลี่’ แล้วจึงจะถอดเสื้อนั้นออกได้ และในพิธีดังกล่าวต้องมีการเลี้ยงสุราและใช้เครื่องประดับทองคำ ซึ่งองค์ประกอบนี้กลายมาเป็นเบาะแสให้สืบต่อไป

    เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ (百家衣) นั้นแปลตรงตัวว่า ‘เสื้อร้อยครอบครัว’ มีชื่อเรียกอื่นที่หลากหลาย เช่น ไป่ซุ่ยอี/百岁衣 ไป๋เป่าอี/百保衣 เป็นเสื้อที่ทำขึ้นจากผ้าที่เอาผ้าหลายชิ้นมาเย็บต่อกันขึ้นเป็นลวดลายสวยงาม มักมีสีสันฉูดฉาดเพราะเป็นเสื้อเด็ก

    ทำไมต้องใส่เสื้อไป่เจียอี? ในสมัยโบราณนั้น อัตราการตายของทารกและเด็กเล็กสูงมาก ดังนั้นจึงมีการแก้เคล็ดด้วยการเอาเสื้อผ้าเก่าของเด็กที่แข็งแรงจากหลายครอบครัวมาเย็บติดกันแล้วทำขึ้นเป็นเสื้อให้เด็กใส่ เพื่อว่าเด็กจะได้มีสุขภาพดีแคล้วคลาดจากโรคภัย

    ขออธิบายเพิ่มว่า แม้จะใช้คำว่า ‘ไป่’ ที่แปลว่าหนึ่งร้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าต้องนับให้ได้ถึงหนึ่งร้อยจริงๆ ค่ะ คำนี้เป็นวัฒนธรรมทางภาษาของจีนที่ต้องการสื่อถึงความหมายว่ามีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน มักปรากฏในวลีในนิยายหรือคำคมจีนเช่น ผ้าปักร้อยอักษร รักกันร้อยปี ได้ยินร้อยครั้ง ฯลฯ

    ส่วน ‘สี่ซานหลี่’ (洗三礼)นั้นก็คือการทำพิธีอาบน้ำให้กับทารกในวันที่สามหลังจากเกิดมา พิธีนี้มีมาแต่เมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ได้มีการกล่าวถึงไว้ในบทประพันธ์ต่างๆ สมัยถังและซ่ง สรุปพิธีโดยคร่าวคือ
    1. ญาติสนิทจะมาร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน อาหารจานหลักจะเป็นบะหมี่ (สัญลักษณ์ของความอายุยืน)
    2. เสร็จแล้วหมอตำแยจะเป็นคนเริ่มประกอบพิธี โดยเริ่มจากกราบไหว้เทพยดา (แน่นอนว่าจะต้องมีหลักการว่าเป็นเทพยดาองค์ใดบ้าง แต่ Storyฯ ขอไม่กล่าวถึงเพราะจะยาวมาก)
    3. จากนั้นญาติสนิทก็จะเติมน้ำคนละช้อนลงในกาละมังที่มีน้ำสมุนไพรอยู่แล้ว แล้วก็เติมของขวัญซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองและของมงคลอย่างเช่นเมล็ดพืชผลไม้ที่มีชื่อมงคลอย่างเช่นพุทราจีนลงไปในกาละมังเดียวกันนั้น (แต่หากเป็นตั๋วเงินให้วางแยก) ใครใส่อะไร หมอตำแยก็จะเอ่ยเป็นคำอวยพรที่พ้องเสียงกับของสิ่งนั้น
    4. เสร็จแล้วหมอตำแยก็จะใช้น้ำนั้นอาบน้ำให้ทารก ระหว่างอาบก็จะเอ่ยคำอวยพรไปตลอด
    5. เสร็จแล้วนำเครื่องประดับเงินทอง (หากไม่มีให้ใช้เครื่องประดับสีขาวสีเหลือง) มาวางทาบกับทารกเป็นนัยว่าให้อนาคตรุ่งเรืองร่ำรวย
    แน่นอนว่า Storyฯ เล่าอย่างซูเปอร์ย่อ พิธีกรรมจริงๆ ละเอียดกว่านี้มาก

    กลับมาที่ไป่เจียอีต่อ

    ว่ากันว่าไป่เจียอีนี้ เดิมเป็นชุดที่นักบวชนิยมใส่ (เรียกว่าไป่น่าอี) มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ต่อมาจึงนำมาทำเป็นเสื้อเด็ก เสื้อผู้ใหญ่ก็ยังนิยมอยู่ในกลุ่มนักบวช แต่ในสมัยหมิงและชิงกลายมาเป็นแฟชั่นที่นิยมมากในกลุ่มสตรีสามัญชน มีการปักเย็บลวดลายประณีตและสีสันสวยงาม เรียกว่าชุด ‘สุ่ยเถียนอี’ (水田衣 แปลตรงตัวว่า ‘ชุดนาข้าว’ ดูรูปขวา) ความนิยมนี้ว่ากันว่าเป็นเพราะองค์จูหยวนจาง (ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง) และพระมเหสีต่างทรงมีนิสัยมัธยัสถ์ ทรงเคยบริจาคผ้าห่มและเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นด้ายและผ้าที่เหลือใช้ แม้แต่องค์หญิงและสนมในวังยังเคยทรงพระราชทานให้ใส่ จึงทำให้สุ่ยเถียนอีเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ต่อมากลายเป็นการประชันความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลายเสื้อของสตรี

    ธรรมเนียมการให้เด็กใส่เสื้อผ้าต่อไป่เจียอีนี้มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง และปฏิบัติกันมาทุกระดับชนชั้น แม้แต่ในบันทึกเกี่ยวกับประวัติของฮ่องเต้สมัยราชวงศ์ชิงในยุคสมัยของคังซีและเฉียนหลงยังมีกล่าวถึงการให้องค์ชายและราชนิกูลสวมเสื้อไป่เจียอีในตอนเด็ก และธรรมเนียมนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของจีน

    เป็นอย่างไรบ้าง? ‘เสื้อพรรคกระยาจก’ เขาก็มีความเป็นมานะเออ! ของไทยมีอะไรคล้ายคลึงอย่างนี้บ้างไหมคะ? Storyฯ ไม่สันทัด หากเพื่อนเพจท่านใดผ่านตาก็เล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.myvideo.net.tw/details/3/12499
    https://nicecasio.pixnet.net/blog/post/467691023

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/news/gpevjl.html
    https://www.lishiziliao.com/jiemi/21683.html
    https://www.hanspub.org/journal/PaperInformation.aspx?paperID=25060
    https://new.qq.com/omn/20200819/20200819A0D3IY00.html?pc
    https:// baike.baidu.com/item/洗三/912561

    #นิติเวชสาวยอดนักสืบ #นิติเวชสาวราชวงศ์ถัง #ผ้าต่อจีน #ผ้าปะจีน #ไป่ซุ่ยอี #ไป่น่าอี #สุ่ยเถียนอี #พิธีอาบน้ำทารก #สี่ซานหลี่
    เชื่อว่าเพื่อนเพจที่ดูละครจีนหลายคนต้องเคยเห็นเสื้อที่ทำจากผ้าต่อหรือที่เรียกว่า ‘patchwork’ หรือบางคนอาจเรียกเล่นๆ แถวบ้านว่า ‘เสื้อพรรคกระยาจก’! วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวกับเสื้อที่ทำจากผ้าต่อและความหมายของมัน ในละครเรื่อง <นิติเวชสาวยอดนักสืบ> มีอยู่ตอนหนึ่งที่เซียวซ่ง ซื่อหลางแห่งกรมอาญา สืบเรื่องถึงหมอตำแยคนหนึ่งชื่อ เว่ยซื่อเหนียง จากบทสนทนากับลูกค้าของนางคนหนึ่งได้ความว่านางจะแนะนำให้เด็กแรกเกิดใส่เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ โดยมีการพูดถึงว่าต้องใส่เป็นเวลาสามวัน ผ่านสามวันต้องทำพิธี ‘สี่ซานหลี่’ แล้วจึงจะถอดเสื้อนั้นออกได้ และในพิธีดังกล่าวต้องมีการเลี้ยงสุราและใช้เครื่องประดับทองคำ ซึ่งองค์ประกอบนี้กลายมาเป็นเบาะแสให้สืบต่อไป เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ (百家衣) นั้นแปลตรงตัวว่า ‘เสื้อร้อยครอบครัว’ มีชื่อเรียกอื่นที่หลากหลาย เช่น ไป่ซุ่ยอี/百岁衣 ไป๋เป่าอี/百保衣 เป็นเสื้อที่ทำขึ้นจากผ้าที่เอาผ้าหลายชิ้นมาเย็บต่อกันขึ้นเป็นลวดลายสวยงาม มักมีสีสันฉูดฉาดเพราะเป็นเสื้อเด็ก ทำไมต้องใส่เสื้อไป่เจียอี? ในสมัยโบราณนั้น อัตราการตายของทารกและเด็กเล็กสูงมาก ดังนั้นจึงมีการแก้เคล็ดด้วยการเอาเสื้อผ้าเก่าของเด็กที่แข็งแรงจากหลายครอบครัวมาเย็บติดกันแล้วทำขึ้นเป็นเสื้อให้เด็กใส่ เพื่อว่าเด็กจะได้มีสุขภาพดีแคล้วคลาดจากโรคภัย ขออธิบายเพิ่มว่า แม้จะใช้คำว่า ‘ไป่’ ที่แปลว่าหนึ่งร้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าต้องนับให้ได้ถึงหนึ่งร้อยจริงๆ ค่ะ คำนี้เป็นวัฒนธรรมทางภาษาของจีนที่ต้องการสื่อถึงความหมายว่ามีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน มักปรากฏในวลีในนิยายหรือคำคมจีนเช่น ผ้าปักร้อยอักษร รักกันร้อยปี ได้ยินร้อยครั้ง ฯลฯ ส่วน ‘สี่ซานหลี่’ (洗三礼)นั้นก็คือการทำพิธีอาบน้ำให้กับทารกในวันที่สามหลังจากเกิดมา พิธีนี้มีมาแต่เมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ได้มีการกล่าวถึงไว้ในบทประพันธ์ต่างๆ สมัยถังและซ่ง สรุปพิธีโดยคร่าวคือ 1. ญาติสนิทจะมาร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน อาหารจานหลักจะเป็นบะหมี่ (สัญลักษณ์ของความอายุยืน) 2. เสร็จแล้วหมอตำแยจะเป็นคนเริ่มประกอบพิธี โดยเริ่มจากกราบไหว้เทพยดา (แน่นอนว่าจะต้องมีหลักการว่าเป็นเทพยดาองค์ใดบ้าง แต่ Storyฯ ขอไม่กล่าวถึงเพราะจะยาวมาก) 3. จากนั้นญาติสนิทก็จะเติมน้ำคนละช้อนลงในกาละมังที่มีน้ำสมุนไพรอยู่แล้ว แล้วก็เติมของขวัญซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองและของมงคลอย่างเช่นเมล็ดพืชผลไม้ที่มีชื่อมงคลอย่างเช่นพุทราจีนลงไปในกาละมังเดียวกันนั้น (แต่หากเป็นตั๋วเงินให้วางแยก) ใครใส่อะไร หมอตำแยก็จะเอ่ยเป็นคำอวยพรที่พ้องเสียงกับของสิ่งนั้น 4. เสร็จแล้วหมอตำแยก็จะใช้น้ำนั้นอาบน้ำให้ทารก ระหว่างอาบก็จะเอ่ยคำอวยพรไปตลอด 5. เสร็จแล้วนำเครื่องประดับเงินทอง (หากไม่มีให้ใช้เครื่องประดับสีขาวสีเหลือง) มาวางทาบกับทารกเป็นนัยว่าให้อนาคตรุ่งเรืองร่ำรวย แน่นอนว่า Storyฯ เล่าอย่างซูเปอร์ย่อ พิธีกรรมจริงๆ ละเอียดกว่านี้มาก กลับมาที่ไป่เจียอีต่อ ว่ากันว่าไป่เจียอีนี้ เดิมเป็นชุดที่นักบวชนิยมใส่ (เรียกว่าไป่น่าอี) มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ต่อมาจึงนำมาทำเป็นเสื้อเด็ก เสื้อผู้ใหญ่ก็ยังนิยมอยู่ในกลุ่มนักบวช แต่ในสมัยหมิงและชิงกลายมาเป็นแฟชั่นที่นิยมมากในกลุ่มสตรีสามัญชน มีการปักเย็บลวดลายประณีตและสีสันสวยงาม เรียกว่าชุด ‘สุ่ยเถียนอี’ (水田衣 แปลตรงตัวว่า ‘ชุดนาข้าว’ ดูรูปขวา) ความนิยมนี้ว่ากันว่าเป็นเพราะองค์จูหยวนจาง (ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง) และพระมเหสีต่างทรงมีนิสัยมัธยัสถ์ ทรงเคยบริจาคผ้าห่มและเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นด้ายและผ้าที่เหลือใช้ แม้แต่องค์หญิงและสนมในวังยังเคยทรงพระราชทานให้ใส่ จึงทำให้สุ่ยเถียนอีเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ต่อมากลายเป็นการประชันความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลายเสื้อของสตรี ธรรมเนียมการให้เด็กใส่เสื้อผ้าต่อไป่เจียอีนี้มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง และปฏิบัติกันมาทุกระดับชนชั้น แม้แต่ในบันทึกเกี่ยวกับประวัติของฮ่องเต้สมัยราชวงศ์ชิงในยุคสมัยของคังซีและเฉียนหลงยังมีกล่าวถึงการให้องค์ชายและราชนิกูลสวมเสื้อไป่เจียอีในตอนเด็ก และธรรมเนียมนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของจีน เป็นอย่างไรบ้าง? ‘เสื้อพรรคกระยาจก’ เขาก็มีความเป็นมานะเออ! ของไทยมีอะไรคล้ายคลึงอย่างนี้บ้างไหมคะ? Storyฯ ไม่สันทัด หากเพื่อนเพจท่านใดผ่านตาก็เล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.myvideo.net.tw/details/3/12499 https://nicecasio.pixnet.net/blog/post/467691023 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/news/gpevjl.html https://www.lishiziliao.com/jiemi/21683.html https://www.hanspub.org/journal/PaperInformation.aspx?paperID=25060 https://new.qq.com/omn/20200819/20200819A0D3IY00.html?pc https:// baike.baidu.com/item/洗三/912561 #นิติเวชสาวยอดนักสืบ #นิติเวชสาวราชวงศ์ถัง #ผ้าต่อจีน #ผ้าปะจีน #ไป่ซุ่ยอี #ไป่น่าอี #สุ่ยเถียนอี #พิธีอาบน้ำทารก #สี่ซานหลี่
    WWW.MYVIDEO.NET.TW
    大唐女法醫線上看-陸劇、浪漫愛情劇-戲劇-MyVideo|陪你每一刻
    《大唐女法醫》描述18歲落魄貴女冉顏為了查明母親自殺真相,從小開始學習驗屍絕學,成人後巧遇刑部侍郎蕭頌、絕命殺手蘇伏和天才書生桑辰,解開一個又一個殺人情案,在探求真相的過程中遇到真愛的故事。大唐女法醫線上看-陸劇、浪漫愛情劇-戲劇-MyVideo|陪你每一刻 標籤:劇情,古裝,推理懸疑...
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้มีกระแสดังในจีนที่มีแบรนด์ดังนานาชาติระดับโอตกูตูร์แบรนด์หนึ่งวางขายกระโปรงจีบยาวในราคาสูงลิ่วพร้อมคำบรรยายว่ากระโปรงนี้มีโครงเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ก่อเกิดเป็นกระแสต่อต้านอย่างแรงเนื่องจากมันเหมือนมากกับกระโปรงจีนโบราณ ถึงขนาดมีคนลงทุนไปซื้อมาเปรียบเทียบแจกแจงให้ฟังเพื่อพิสูจน์ว่าแบรนด์ดังฉกฉวยมรดกทางวัฒนธรรมจีนมาเป็นของตน (cultural appropriation)

    เพื่อนเพจอาจเคยผ่านตาข่าวนี้มาบ้างแล้ว กระโปรงที่ว่านี้มีชื่อเรียกทางภาษาจีนว่า ‘หม่าเมี่ยนฉวิน’ (马面裙 แปลตรงตัวว่า หน้าม้า+กระโปรง) กระโปรงนี้เคยสร้างกระแสความขัดแย้งทางชาตินิยมกันมาแล้วเมื่อครั้งซีรีส์ <คีตาแห่งวสันต์> ออนแอร์ เพราะมีคนเกาหลีท้วงติงว่าเอาชุดเกาหลีมาแอบอ้างว่าเป็นชุดของจีน

    Storyฯ ไปเห็นรูปส่วนประกอบของกระโปรงหม่าเมี่ยนเลยเอามาฝาก พร้อมรูปตัวอย่างจากในละคร (ดูรูปประกอบที่ 1)

    จะเห็นจากรูปว่า กระโปรงหม่าเมี่ยนทำจากผ้าหกชิ้น ต่อเป็นสองชิ้นใหญ่ (บางบันทึกบอกว่าเจ็ดชิ้นแบ่งเป็นสองชิ้นใหญ่เท่าๆ กัน และในช่วงปลายหมิงมีการพูดถึงผ้าต่อสิบชิ้น) แน่นอนว่าเขามีเกณฑ์ความยาวและหน้ากว้าง แต่เกณฑ์นี้เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามยุคสมัย แต่ละชิ้นจะมีส่วนที่จับจีบและส่วนที่แบนเรียบ ส่วนที่แบนเรียบนี้เรียกว่า ‘หม่าเมี่ยน’ ตอนนำมาประกอบให้เอาหม่าเมี่ยนซ้อนกันแล้วเย็บส่วนคาดเอวเพื่อตรึงผ้าไว้ด้วยกัน สุดท้ายก็จะเป็นกระโปรงยาวที่มีรอยแยกเปิดสี่จุดคือหน้าและหลังตรงแนวติดกับส่วนจีบสองข้าง (ดูรูปประกอบที่ 1) ตามบันทึกโบราณระบุว่ารอยแยกสี่จุดนี้เป็นเอกลักษณ์ของกระโปรงหม่าเมี่ยน

    ทำไมต้องมีรอยแยกสี่จุด? คำตอบคือไว้สำหรับขี่ม้าค่ะ กระโปรงหม่าเมี่ยนมีใส่กันตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง และแท้จริงแล้วเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากชนเผ่าคีตัน (ชี่ตัน) แห่งจักรวรรดิเหลียว ซึ่งนิยมสวมกระโปรงผ่าสี่แฉก เพื่อสะดวกต่อการขี่ม้า

    ต่อมาในสมัยหยวน หมิง และชิงกระโปรงนี้เป็นที่นิยมอย่างมากและกลายมาเป็นแบบกระโปรงพื้นฐานที่ใส่กันในแทบจะทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่เพียงขี่ม้า ในสมัยหมิงนั้นนิยมใส่คู่กับเสื้อสาบไขว้ปิดสูงแขนยาว (ดูภาพจากในละคร) เรียกว่า ‘เสื้ออ่าว’ (袄 และปัจจุบันเรียกรวมท่อนบนและล่างแบบนี้ว่า ‘อ่าวฉวิน’) ตัวกระโปรงเน้นลายปักที่ชายกระโปรง เช่นลายเมฆ ลายเส้น ลายงูใหญ่ (หม่าง หรือที่เรามักเรียกว่าเป็นมังกรสี่เล็บ) ฯลฯ ต่อมาเมื่อถึงยุคสมัยชิงลวดลายและสีสันมีมากขึ้น

    คำว่า ‘หม่าเมี่ยน’ หากแปลตรงตัวว่า ‘ใบหน้าของม้า’ ก็จะฟังดูตลก แต่จริงๆ แล้วเป็นคำที่ใช้มาแต่โบราณเพื่อเรียกแนวกำแพงเมืองส่วนที่แบนราบ (ดูรูปประกอบ 2) ถามว่านี่คือที่มาของชื่อกระโปรงนี้หรือไม่? ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดค่ะ แต่จะเห็นว่ามีส่วนคล้ายคลึงอย่างมาก

    Storyฯ ยังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ แต่ดูจากภาพตัวอย่างแล้วเสื้อผ้าและเครื่องประดับดูเนี๊ยบมาก อ่านเจอว่าใช้ช่างฝีมือระดับอาจารย์มาจากซูโจวเลยทีเดียว เพื่อนเพจท่านใดได้เคยดูแล้วมาบอกกันหน่อยว่าสวยงามละมุนตาไหม

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.juqingke.com/drama/l0fgpncm
    https://sunnews.cc/entertainment/376897.html
    https://m.aihanfu.com/wen/3546/
    https://www.aihanfu.com/wen/2902/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.52shijing.com/ctwh/87725.html
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/98833845
    https://baike.baidu.com/item/%E9%A9%AC%E9%9D%A2/2872717

    #คีตาแห่งวสันต์ #กระโปรงจีนโบราณ #ชุดราชวงศ์หมิง #หม่าเมี่ยนฉวิน #หม่าเมี่ยน #กระโปรงจีบ #อ่าวฉวิน
    ช่วงนี้มีกระแสดังในจีนที่มีแบรนด์ดังนานาชาติระดับโอตกูตูร์แบรนด์หนึ่งวางขายกระโปรงจีบยาวในราคาสูงลิ่วพร้อมคำบรรยายว่ากระโปรงนี้มีโครงเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ก่อเกิดเป็นกระแสต่อต้านอย่างแรงเนื่องจากมันเหมือนมากกับกระโปรงจีนโบราณ ถึงขนาดมีคนลงทุนไปซื้อมาเปรียบเทียบแจกแจงให้ฟังเพื่อพิสูจน์ว่าแบรนด์ดังฉกฉวยมรดกทางวัฒนธรรมจีนมาเป็นของตน (cultural appropriation) เพื่อนเพจอาจเคยผ่านตาข่าวนี้มาบ้างแล้ว กระโปรงที่ว่านี้มีชื่อเรียกทางภาษาจีนว่า ‘หม่าเมี่ยนฉวิน’ (马面裙 แปลตรงตัวว่า หน้าม้า+กระโปรง) กระโปรงนี้เคยสร้างกระแสความขัดแย้งทางชาตินิยมกันมาแล้วเมื่อครั้งซีรีส์ <คีตาแห่งวสันต์> ออนแอร์ เพราะมีคนเกาหลีท้วงติงว่าเอาชุดเกาหลีมาแอบอ้างว่าเป็นชุดของจีน Storyฯ ไปเห็นรูปส่วนประกอบของกระโปรงหม่าเมี่ยนเลยเอามาฝาก พร้อมรูปตัวอย่างจากในละคร (ดูรูปประกอบที่ 1) จะเห็นจากรูปว่า กระโปรงหม่าเมี่ยนทำจากผ้าหกชิ้น ต่อเป็นสองชิ้นใหญ่ (บางบันทึกบอกว่าเจ็ดชิ้นแบ่งเป็นสองชิ้นใหญ่เท่าๆ กัน และในช่วงปลายหมิงมีการพูดถึงผ้าต่อสิบชิ้น) แน่นอนว่าเขามีเกณฑ์ความยาวและหน้ากว้าง แต่เกณฑ์นี้เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามยุคสมัย แต่ละชิ้นจะมีส่วนที่จับจีบและส่วนที่แบนเรียบ ส่วนที่แบนเรียบนี้เรียกว่า ‘หม่าเมี่ยน’ ตอนนำมาประกอบให้เอาหม่าเมี่ยนซ้อนกันแล้วเย็บส่วนคาดเอวเพื่อตรึงผ้าไว้ด้วยกัน สุดท้ายก็จะเป็นกระโปรงยาวที่มีรอยแยกเปิดสี่จุดคือหน้าและหลังตรงแนวติดกับส่วนจีบสองข้าง (ดูรูปประกอบที่ 1) ตามบันทึกโบราณระบุว่ารอยแยกสี่จุดนี้เป็นเอกลักษณ์ของกระโปรงหม่าเมี่ยน ทำไมต้องมีรอยแยกสี่จุด? คำตอบคือไว้สำหรับขี่ม้าค่ะ กระโปรงหม่าเมี่ยนมีใส่กันตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง และแท้จริงแล้วเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากชนเผ่าคีตัน (ชี่ตัน) แห่งจักรวรรดิเหลียว ซึ่งนิยมสวมกระโปรงผ่าสี่แฉก เพื่อสะดวกต่อการขี่ม้า ต่อมาในสมัยหยวน หมิง และชิงกระโปรงนี้เป็นที่นิยมอย่างมากและกลายมาเป็นแบบกระโปรงพื้นฐานที่ใส่กันในแทบจะทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่เพียงขี่ม้า ในสมัยหมิงนั้นนิยมใส่คู่กับเสื้อสาบไขว้ปิดสูงแขนยาว (ดูภาพจากในละคร) เรียกว่า ‘เสื้ออ่าว’ (袄 และปัจจุบันเรียกรวมท่อนบนและล่างแบบนี้ว่า ‘อ่าวฉวิน’) ตัวกระโปรงเน้นลายปักที่ชายกระโปรง เช่นลายเมฆ ลายเส้น ลายงูใหญ่ (หม่าง หรือที่เรามักเรียกว่าเป็นมังกรสี่เล็บ) ฯลฯ ต่อมาเมื่อถึงยุคสมัยชิงลวดลายและสีสันมีมากขึ้น คำว่า ‘หม่าเมี่ยน’ หากแปลตรงตัวว่า ‘ใบหน้าของม้า’ ก็จะฟังดูตลก แต่จริงๆ แล้วเป็นคำที่ใช้มาแต่โบราณเพื่อเรียกแนวกำแพงเมืองส่วนที่แบนราบ (ดูรูปประกอบ 2) ถามว่านี่คือที่มาของชื่อกระโปรงนี้หรือไม่? ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดค่ะ แต่จะเห็นว่ามีส่วนคล้ายคลึงอย่างมาก Storyฯ ยังไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ แต่ดูจากภาพตัวอย่างแล้วเสื้อผ้าและเครื่องประดับดูเนี๊ยบมาก อ่านเจอว่าใช้ช่างฝีมือระดับอาจารย์มาจากซูโจวเลยทีเดียว เพื่อนเพจท่านใดได้เคยดูแล้วมาบอกกันหน่อยว่าสวยงามละมุนตาไหม (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.juqingke.com/drama/l0fgpncm https://sunnews.cc/entertainment/376897.html https://m.aihanfu.com/wen/3546/ https://www.aihanfu.com/wen/2902/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.52shijing.com/ctwh/87725.html https://zhuanlan.zhihu.com/p/98833845 https://baike.baidu.com/item/%E9%A9%AC%E9%9D%A2/2872717 #คีตาแห่งวสันต์ #กระโปรงจีนโบราณ #ชุดราชวงศ์หมิง #หม่าเมี่ยนฉวิน #หม่าเมี่ยน #กระโปรงจีบ #อ่าวฉวิน
    玉楼春剧情介绍(1-43全集)大结局_电视剧_剧情客
    电视剧玉楼春剧情介绍,父亲遭人陷害,家道中落流离市井的官家千金林少春(白鹿饰)与当朝首辅之子孙玉楼(王一哲饰)相爱,嫁入了钟鸣鼎食的孙家。因出身问题,林少春屡遭排挤,但她凭着自身的智慧和善良,拯救濒临危机的家族财政、帮助不睦的兄嫂们重归于好,并使各怀心思的家人团...
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ
    สัทธรรมลำดับที่ : 967
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=967
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ
    (พระอานนท์ได้เห็นชาณุสโสณีพราหมณ์ นั่งรถขาวเทียมด้วยม้าขาวเครื่องประดับประดาทุกส่วนขาว ถือพัดวาลวีชนีขาว จนกระทั่งประชาชนเห็นแล้วร้องว่า พรหมยาน ว่าลักษณะแห่งพรหมยาน, ดังนี้แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลถามว่า :- )​
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้องค์ผู้เจริญ ! พระผู้มีพระภาค อาจจะบัญญัติพรหมยานขึ้น ในธรรมวินัยนี้ ได้หรือไม่หนอ ?”
    --อาจซิ อานนท์ ! คำว่า พรหมยาน นั้น เป็นอธิวจนะ (คำแทนชื่อ)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/6/?keywords=อธิวจนํ
    แห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เอง;
    เรียกว่า พรหมยาน บ้าง ธรรมยาน บ้าง อนุตตรสังคามวิชัย บ้าง.
    --อานนท์ ! สัมมาทิฏฐิ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมมีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน.
    +--สัมมาสังกัปปะ ....
    +--สัมมาวาจา ....
    +--สัมมากัมมันตะ ....
    +--สัมมาอาชีวะ ....
    +--สัมมาวายามะ ....
    +--สัมมาสติ ....
    +--สัมมาสมาธิ ....
    อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมมีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน มีการออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน.
    --อานนท์ ! พึงทราบโดยปริยายนี้แล ว่าคำว่า
    พรหมยาน นั้นเป็น อธิวจนะแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เอง ;
    เรียกว่า #พรหมยาน บ้าง #ธรรมยาน บ้าง #อนุตตรสังคามวิชัย บ้าง.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/7/?keywords=สงฺคามวิชโย

    (ผู้ศึกษาพึงทราบว่า คำว่า พรหมยาน เป็นคำสูงสุดในฝ่ายศาสนาพราหมณ์
    พระอานนท์อยากจะมีคำเช่นนั้นในพระพุทธศาสนานี้บ้าง จึงทูลถาม;
    แต่พระองค์ตรัสตอบอย่างธัมมาธิษฐาน ระบุเอาอัฏฐังคิกมรรคเป็นพรหมยาน,
    และแถมยังมีคำว่า ธรรมยาน และอนุตตรสังคามวิชัย อีกด้วย.
    เราเห็นว่า คำว่า ธรรมยาน สำคัญกว่า จึงยกเอามาเป็นชื่อแห่งหัวข้อนี้.
    อนึ่ง อัฏฐังคิกมรรคนี้ จำแนกความหมายได้หลายอย่าง เช่น
    จำแนกเป็น วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามี
    ดังในหัวข้อ ที่จัด อัฏฐังคิกมรรคเป็นกัลยาณมิตร เป็นต้น บ้าง, และ
    ในหัวข้อทรงจำแนกเป็น ราค - โทส - โมหวินย - ปริโยสานบ้าง,
    ในหัวข้อว่า “อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว” เป็นต้น
    ทรงจำแนกว่า อมโตคธ อมตปรายน อมตปริโยสาน บ้าง,
    นิพฺพานนินฺน นิพฺพานโปณ นิพฺพานปพฺภาร บ้าง
    )

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/4-5/13-23.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/4/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๖-๗/๑๓-๒๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/6/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=967
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=967
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82
    ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ สัทธรรมลำดับที่ : 967 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=967 เนื้อความทั้งหมด :- --อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ (พระอานนท์ได้เห็นชาณุสโสณีพราหมณ์ นั่งรถขาวเทียมด้วยม้าขาวเครื่องประดับประดาทุกส่วนขาว ถือพัดวาลวีชนีขาว จนกระทั่งประชาชนเห็นแล้วร้องว่า พรหมยาน ว่าลักษณะแห่งพรหมยาน, ดังนี้แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลถามว่า :- )​ --“ข้าแต่พระองค์ผู้องค์ผู้เจริญ ! พระผู้มีพระภาค อาจจะบัญญัติพรหมยานขึ้น ในธรรมวินัยนี้ ได้หรือไม่หนอ ?” --อาจซิ อานนท์ ! คำว่า พรหมยาน นั้น เป็นอธิวจนะ (คำแทนชื่อ) http://etipitaka.com/read/pali/19/6/?keywords=อธิวจนํ แห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เอง; เรียกว่า พรหมยาน บ้าง ธรรมยาน บ้าง อนุตตรสังคามวิชัย บ้าง. --อานนท์ ! สัมมาทิฏฐิ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมมีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน. +--สัมมาสังกัปปะ .... +--สัมมาวาจา .... +--สัมมากัมมันตะ .... +--สัมมาอาชีวะ .... +--สัมมาวายามะ .... +--สัมมาสติ .... +--สัมมาสมาธิ .... อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมมีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน มีการออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน. --อานนท์ ! พึงทราบโดยปริยายนี้แล ว่าคำว่า พรหมยาน นั้นเป็น อธิวจนะแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เอง ; เรียกว่า #พรหมยาน บ้าง #ธรรมยาน บ้าง #อนุตตรสังคามวิชัย บ้าง.- http://etipitaka.com/read/pali/19/7/?keywords=สงฺคามวิชโย (ผู้ศึกษาพึงทราบว่า คำว่า พรหมยาน เป็นคำสูงสุดในฝ่ายศาสนาพราหมณ์ พระอานนท์อยากจะมีคำเช่นนั้นในพระพุทธศาสนานี้บ้าง จึงทูลถาม; แต่พระองค์ตรัสตอบอย่างธัมมาธิษฐาน ระบุเอาอัฏฐังคิกมรรคเป็นพรหมยาน, และแถมยังมีคำว่า ธรรมยาน และอนุตตรสังคามวิชัย อีกด้วย. เราเห็นว่า คำว่า ธรรมยาน สำคัญกว่า จึงยกเอามาเป็นชื่อแห่งหัวข้อนี้. อนึ่ง อัฏฐังคิกมรรคนี้ จำแนกความหมายได้หลายอย่าง เช่น จำแนกเป็น วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามี ดังในหัวข้อ ที่จัด อัฏฐังคิกมรรคเป็นกัลยาณมิตร เป็นต้น บ้าง, และ ในหัวข้อทรงจำแนกเป็น ราค - โทส - โมหวินย - ปริโยสานบ้าง, ในหัวข้อว่า “อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแล้ว ทำกิจแห่งอริยสัจสี่พร้อมกันไปในตัว” เป็นต้น ทรงจำแนกว่า อมโตคธ อมตปรายน อมตปริโยสาน บ้าง, นิพฺพานนินฺน นิพฺพานโปณ นิพฺพานปพฺภาร บ้าง ) #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/4-5/13-23. http://etipitaka.com/read/thai/19/4/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๖-๗/๑๓-๒๓. http://etipitaka.com/read/pali/19/6/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=967 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=967 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82 ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ
    -[ในสูตรอื่น (๑๙/๓๐/๑๐๕) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า พรหมัญญะ. ในสูตรอื่น (๑๙/๓๑/๑๑๑) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า พรหมจริยะ. ในสูตรอื่น (๑๙/๒๐/๖๑) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า สัมมัตตะ. ในสูตรอื่น (๑๙/๒๐/๖๔) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า กุสลธัมม. ในสูตรอื่น (๑๙/๒๐/๖๗) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า สัมมาปฏิปทา. ในสูตรอื่น (๑๙/๒๐/๙๑) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า สัมมาปฏิปัตติ. ในสูตรอื่น (๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ในสูตรอื่น (๑๔/๕๒๔/๘๒๙) ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรคว่า สมถะและวิปัสสนา]. อัฏฐังคิกมรรคในฐานะแห่งธัมมยานอันประเสริฐ (พระอานนท์ได้เห็นชาณุสโสณีพราหมณ์ นั่งรถขาวเทียมด้วยม้าขาวเครื่องประดับประดาทุกส่วนขาว ถือพัดวาลวีชนีขาว จนกระทั่งประชาชนเห็นแล้วร้องว่า พรหมยาน ว่าลักษณะแห่งพรหมยาน, ดังนี้แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลถามว่า :-) “ข้าแต่พระองค์ผู้องค์ผู้เจริญ ! พระผู้มีพระภาค อาจจะบัญญัติพรหมยานขึ้น ในธรรมวินัยนี้ ได้หรือไม่หนอ ?” อาจซิ อานนท์ ! คำว่า พรหมยาน นั้น เป็นอธิวจนะ (คำแทนชื่อ) แห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เอง; เรียกว่า พรหมยาน บ้าง ธรรมยาน บ้าง อนุตตรสังคามวิชัย บ้าง. อานนท์ ! สัมมาทิฏฐิ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมมีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน. สัมมาสังกัปปะ .... สัมมาวาจา .... สัมมากัมมันตะ .... สัมมาอาชีวะ .... สัมมาวายามะ .... สัมมาสติ .... สัมมาสมาธิ .... อันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว เป็นธรรมมีการนำออกซึ่งราคะเป็นปริโยสาน มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นปริโยสาน มีการออกซึ่งโมหะเป็นปริโยสาน. อานนท์ ! พึงทราบโดยปริยายนี้แล ว่าคำว่า พรหมยาน นั้นเป็น อธิวจนะแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เอง ; เรียกว่า พรหมยาน บ้าง ธรรมยาน บ้าง อนุตตรสังคามวิชัย บ้าง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย

    ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน

    Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง

    ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน

    นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ

    ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง

    ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ”

    #thawornboonyawan
    #คนไทยต้องรอด
    #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
    Credit image : Twontrot Boon

    “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament

    While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy.

    The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in.

    In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest.

    Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders.

    Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people.

    Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ” #thawornboonyawan #คนไทยต้องรอด #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Credit image : Twontrot Boon “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy. The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in. In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest. Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders. Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people. Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​สนิมจิต เทียบสนิมทอง
    สัทธรรมลำดับที่ : 960
    ชื่อบทธรรม :- สนิมจิต เทียบสนิมทอง
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=960
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด ช. ว่าด้วย ปกิณณกะ
    --สนิมจิต เทียบสนิมทอง
    --ภิกษุ ท. ! สนิมแห่งทอง ๕ ประการ เหล่านี้ มีอยู่
    เป็นสนิมทำให้ทองเศร้าหมอง
    มีเนื้อไม่อ่อน ไม่ควรแก่การงานของช่างทอง
    ไม่ส่งรัศมี มีเนื้อร่วน และไม่เหมาะสมแก่การกระทำของช่างทอง.
    สนิม ๕ ประการนั้นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ
    เหล็ก โลหะ ดีบุก ตะกั่ว เงิน.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดทองปราศจากสนิม ๕ ประการ เหล่านี้แล้ว
    ทองนั้น ย่อมเป็นทองมีเนื้ออ่อน
    ควรแก่การงานของช่างทอง
    มีรัศมี เนื้อไม่ร่วน และเหมาะแก่การกระทำของช่างทอง.
    ถ้าใครปรารถนาจะกระทำเครื่องประดับต่างๆ
    เช่น แหวน ตุ้มหู สร้อยคอ หรือสุวรรณมาลา ก็ตาม
    ก็สำเร็จประโยชน์แก่เขานั้น, นี่ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    : สนิมแห่งจิต ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่
    เป็นสนิมทำให้จิตเศร้าหมอง
    ไม่อ่อนโยน
    ไม่ควรแก่การงานของจิต
    ไม่ประภัสสร รวนเร และไม่ตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/17/?keywords=น+จ+ปภสฺสรํ

    #สนิมแห่งจิต ๕ ประการนั้นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ
    ๑.กามฉันทะ
    ๒.พยาบาท
    ๓.ถีนมิทธะ
    ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ
    ๕.วิจิกิจฉา.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดจิตปราศจากเครื่องเศร้าหมอง ๕ ประการเหล่านี้แล้ว
    จิตนั้นย่อมเป็นจิตอ่อนโยน
    ควรแก่การงานของจิต
    เป็นจิตประภัสสร
    http://etipitaka.com/read/pali/22/17/?keywords=ปภสฺสรํ
    ไม่รวนเร และตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ.-

    #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/16/23.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/16/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๘/๒๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/17/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=960
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=960
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82
    ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​ว่า​สนิมจิต เทียบสนิมทอง สัทธรรมลำดับที่ : 960 ชื่อบทธรรม :- สนิมจิต เทียบสนิมทอง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=960 เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด ช. ว่าด้วย ปกิณณกะ --สนิมจิต เทียบสนิมทอง --ภิกษุ ท. ! สนิมแห่งทอง ๕ ประการ เหล่านี้ มีอยู่ เป็นสนิมทำให้ทองเศร้าหมอง มีเนื้อไม่อ่อน ไม่ควรแก่การงานของช่างทอง ไม่ส่งรัศมี มีเนื้อร่วน และไม่เหมาะสมแก่การกระทำของช่างทอง. สนิม ๕ ประการนั้นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ เหล็ก โลหะ ดีบุก ตะกั่ว เงิน. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดทองปราศจากสนิม ๕ ประการ เหล่านี้แล้ว ทองนั้น ย่อมเป็นทองมีเนื้ออ่อน ควรแก่การงานของช่างทอง มีรัศมี เนื้อไม่ร่วน และเหมาะแก่การกระทำของช่างทอง. ถ้าใครปรารถนาจะกระทำเครื่องประดับต่างๆ เช่น แหวน ตุ้มหู สร้อยคอ หรือสุวรรณมาลา ก็ตาม ก็สำเร็จประโยชน์แก่เขานั้น, นี่ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : สนิมแห่งจิต ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่ เป็นสนิมทำให้จิตเศร้าหมอง ไม่อ่อนโยน ไม่ควรแก่การงานของจิต ไม่ประภัสสร รวนเร และไม่ตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/17/?keywords=น+จ+ปภสฺสรํ #สนิมแห่งจิต ๕ ประการนั้นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ ๑.กามฉันทะ ๒.พยาบาท ๓.ถีนมิทธะ ๔.อุทธัจจกุกกุจจะ ๕.วิจิกิจฉา. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดจิตปราศจากเครื่องเศร้าหมอง ๕ ประการเหล่านี้แล้ว จิตนั้นย่อมเป็นจิตอ่อนโยน ควรแก่การงานของจิต เป็นจิตประภัสสร http://etipitaka.com/read/pali/22/17/?keywords=ปภสฺสรํ ไม่รวนเร และตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ.- #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/16/23. http://etipitaka.com/read/thai/22/16/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๘/๒๓. http://etipitaka.com/read/pali/22/17/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=960 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82&id=960 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=82 ลำดับสาธยายธรรม : 82 ฟังเสียงอ่าน http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_82.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ช. ว่าด้วย ปกิณณกะ
    -หมวด ช. ว่าด้วย ปกิณณกะ สนิมจิต เทียบสนิมทอง ภิกษุ ท. ! สนิมแห่งทอง ๕ ประการ เหล่านี้ มีอยู่ เป็นสนิมทำให้ทองเศร้าหมอง มีเนื้อไม่อ่อน ไม่ควรแก่การงานของช่างทอง ไม่ส่งรัศมี มีเนื้อร่วน และไม่เหมาะสมแก่การกระทำของช่างทอง. สนิม ๕ ประการนั้นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ เหล็ก โลหะ ดีบุก ตะกั่ว เงิน. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดทองปราศจากสนิม ๕ ประการ เหล่านี้แล้ว ทองนั้น ย่อมเป็นทองมีเนื้ออ่อน ควรแก่การงานของช่างทอง มีรัศมี เนื้อไม่ร่วน และเหมาะแก่การกระทำของช่างทอง. ถ้าใครปรารถนาจะกระทำเครื่องประดับต่างๆ เช่น แหวน ตุ้มหู สร้อยคอ หรือสุวรรณมาลา ก็ตาม ก็สำเร็จประโยชน์แก่เขานั้น, นี่ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : สนิมแห่งจิต ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่ เป็นสนิมทำให้จิตเศร้าหมอง ไม่อ่อนโยน ไม่ควรแก่การงานของจิต ไม่ประภัสสร รวนเร และไม่ตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ. สนิมแห่งจิต ๕ ประการนั้นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดจิตปราศจากเครื่องเศร้าหมอง ๕ ประการเหล่านี้แล้ว จิตนั้นย่อมเป็นจิตอ่อนโยน ควรแก่การงานของจิต เป็นจิตประภัสสร ไม่รวนเร และตั้งมั่นโดยชอบเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิใช่ “บลูไดมอนด์” ของซาอุฯ ตามคำกล่าวเท็จใส่ร้าย

    วันนี้ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ครบรอบ ๓๑ ปีเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แล้ววันนี้แอดมินเห็นคนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนความจริงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานาว่า เพชรที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ “เพชรสีน้ำเงิน” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “Blue Diamond” เป็นเพชรที่ถูกขโมยมาจากประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามคำกล่าวเท็จใส่ร้ายแต่ประกาศใด

    ตามพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอเป็น “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” ไม่ใช่ “เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond)” ตามที่คนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนกล่าวหาพระองค์

    “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด ๑๐๙.๕๗ กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ๒๕๐๖

    ซึ่งพระองค์ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว และทรงสวมในหลาย ๆ โอกาสอีกด้วย เช่น ในปี ๒๕๑๑ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มกราคม ๒๕๑๑ (พระฉายาลักษณ์บนขวา) หรือในปี ๒๕๓๔ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ กันยายน ๒๕๓๔ (พระฉายาลักษณ์ล่างกลาง)

    และเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน มานาน ๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ เรื่อยมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระสร้อยศอนี้ จะเป็นเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ๒๕๓๒

    และในคดีโจรกรรมเครื่องเพชรนั้น ได้จบไปนานแล้ว ในยุคนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิด โคจา ได้แสดงความขอบคุณทางการไทยอย่างสุดซึ้ง แม้จะยังไม่ได้เพชรคืนทุกชิ้นก็ตาม แต่ได้มาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แต่สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียโกรธทางการไทยอย่างมากจนลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลง มาจากสาเหตุเรื่องการอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ต่างหาก

    และราชวงศ์จักรี มีเครื่องประดับที่เป็นเพชรมากมาย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแล้ว หรือแม้แต่ในอดีต ตามบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสนั้นเสด็จเยือนแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๐ และเสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองสำคัญ ซึ่งในงานจะมีบุคคลสำคัญในวงการราชการและธุรกิจ คืนนั้นพระองค์ได้โดยในหนังสือเล่มดังกล่าวมีการระบุความตอนหนึ่งว่า

    “...คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอเพชร ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…”

    หมายเหตุ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ในบทความนี้ หมายถึง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

    ในบันทึกยังบอกอีกว่า สร้อยพระศอเพชรเส้นนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งในงานนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อแขกคนสำคัญคนหนึ่งถามหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ แล้วไปในงานวันนั้นด้วยว่า

    “...เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสกระมัง...”

    หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า

    “...เอ๊ะ ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย...”

    จากบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของพระองค์ ทำให้เห็นได้ว่า เครื่องเพชรที่พระองค์ประดับอยู่ หลาย ๆ ชิ้น ตลอดการเดินทางนั้น ล้วนเป็น เครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์ทั้งนั้น รวมถึงสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน นั้นก็เช่นกัน

    สุดท้ายนี้ แอดมินหวังว่าท่านที่ไปฟังเขาเล่ามาว่าแบบนั้นแบบนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ และหลังจากนี้ ก็หวังอีกว่าคงไม่มีใครจะกล่าวเท็จใส่ร้ายพระองค์อีก

    Cr. เพจ โบราณนานมา
    มิใช่ “บลูไดมอนด์” ของซาอุฯ ตามคำกล่าวเท็จใส่ร้าย วันนี้ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ครบรอบ ๓๑ ปีเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แล้ววันนี้แอดมินเห็นคนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนความจริงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานาว่า เพชรที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ “เพชรสีน้ำเงิน” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “Blue Diamond” เป็นเพชรที่ถูกขโมยมาจากประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามคำกล่าวเท็จใส่ร้ายแต่ประกาศใด ตามพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอเป็น “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” ไม่ใช่ “เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond)” ตามที่คนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนกล่าวหาพระองค์ “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด ๑๐๙.๕๗ กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ๒๕๐๖ ซึ่งพระองค์ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว และทรงสวมในหลาย ๆ โอกาสอีกด้วย เช่น ในปี ๒๕๑๑ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มกราคม ๒๕๑๑ (พระฉายาลักษณ์บนขวา) หรือในปี ๒๕๓๔ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ กันยายน ๒๕๓๔ (พระฉายาลักษณ์ล่างกลาง) และเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน มานาน ๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ เรื่อยมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระสร้อยศอนี้ จะเป็นเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ๒๕๓๒ และในคดีโจรกรรมเครื่องเพชรนั้น ได้จบไปนานแล้ว ในยุคนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิด โคจา ได้แสดงความขอบคุณทางการไทยอย่างสุดซึ้ง แม้จะยังไม่ได้เพชรคืนทุกชิ้นก็ตาม แต่ได้มาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แต่สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียโกรธทางการไทยอย่างมากจนลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลง มาจากสาเหตุเรื่องการอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ต่างหาก และราชวงศ์จักรี มีเครื่องประดับที่เป็นเพชรมากมาย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแล้ว หรือแม้แต่ในอดีต ตามบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสนั้นเสด็จเยือนแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๐ และเสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองสำคัญ ซึ่งในงานจะมีบุคคลสำคัญในวงการราชการและธุรกิจ คืนนั้นพระองค์ได้โดยในหนังสือเล่มดังกล่าวมีการระบุความตอนหนึ่งว่า “...คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอเพชร ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…” หมายเหตุ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ในบทความนี้ หมายถึง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในบันทึกยังบอกอีกว่า สร้อยพระศอเพชรเส้นนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งในงานนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อแขกคนสำคัญคนหนึ่งถามหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ แล้วไปในงานวันนั้นด้วยว่า “...เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสกระมัง...” หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า “...เอ๊ะ ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย...” จากบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของพระองค์ ทำให้เห็นได้ว่า เครื่องเพชรที่พระองค์ประดับอยู่ หลาย ๆ ชิ้น ตลอดการเดินทางนั้น ล้วนเป็น เครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์ทั้งนั้น รวมถึงสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน นั้นก็เช่นกัน สุดท้ายนี้ แอดมินหวังว่าท่านที่ไปฟังเขาเล่ามาว่าแบบนั้นแบบนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ และหลังจากนี้ ก็หวังอีกว่าคงไม่มีใครจะกล่าวเท็จใส่ร้ายพระองค์อีก Cr. เพจ โบราณนานมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 834 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จัก "LOTUS ARTS DE VIVRE" แบรนด์เครื่องประดับศิลปะหรูหรา ที่กำลังเป็นกระสอยู่ในเวลานี้ที่หลายคนให้ความสนใจ
    รู้จัก "LOTUS ARTS DE VIVRE" แบรนด์เครื่องประดับศิลปะหรูหรา ที่กำลังเป็นกระสอยู่ในเวลานี้ที่หลายคนให้ความสนใจ
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1160 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • “มาดามเมนี่” ส่งทนายแจ้งจับ“ดิว อริสรา” ยักยอกทรัพย์ ปมลอบนำเครื่องประดับจำนำ 62 ล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/17743/
    “มาดามเมนี่” ส่งทนายแจ้งจับ“ดิว อริสรา” ยักยอกทรัพย์ ปมลอบนำเครื่องประดับจำนำ 62 ล้าน https://www.thai-tai.tv/news/17743/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรอยเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านเส้นทางสายไหม

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> คงจำได้ว่าฉากหลังของเรื่องคือการค้าอัญมณีในสมัยถัง ซึ่งเส้นทางการเดินทางมีทั้งการเดินเรือทะเลและข้ามทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ ชวนให้ Storyฯ งงไม่น้อยเลยลองไปหาข้อมูลดู

    มีบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหอหนานกล่าวไว้ว่าจริงๆ แล้วซีรีส์เรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> นี้คือการเดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของเรื่องที่กล่าวถึงการพัฒนาด้านการค้าผ่านเส้นทางสายไหม

    Storyฯ เลยลองเอาการเดินทางของพระเอกนางเอกจากในซีรีส์มาปักหมุดลง เราลองมาดูกันค่ะ

    มีบทความและแผนที่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมจำนวนไม่น้อยในหลากหลายภาษา ดังนั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด แต่จากการเปรียบเทียบดู Storyฯ พบว่ามีความแตกต่างกันบ้าง จึงขอใช้เวอร์ชั่นที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์หนิงเซี่ยกู้หยวนเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นไปตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่จีนบันทึกเอง (ดูรูปประกอบ 2) เราจะเห็นว่าเส้นทางสายไหมมีเส้นทางบกและเส้นทางทะเล และเส้นทางบกไม่ได้จบลงที่เมืองฉางอัน (ซีอันปัจจุบัน) อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่มีการเชื่อมต่อไปจรดทะเลเชื่อมต่อเข้ากับเส้นทางทะเล

    Storyฯ ลองใส่ข้อมูลอื่นเพิ่มเข้าไปในแผนที่เต็มนี้ (ดูรูปประกอบ 1) ก่อนอื่นคือใส่แผนที่ของราชวงศ์ถังซ้อนลงไปเพื่อให้เห็นภาพอาณาเขตโดยคร่าว ทั้งนี้ตลอดสามร้อยกว่าปีการปกครองของถังในเขตซีอวี้ (ซินเกียงปัจจุบัน) แตกต่างกันไป เลยลองใช้แผนที่ของช่วงประมาณปีค.ศ. 700 ก็จะเห็นเขตพื้นที่ซีอวี้ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเมืองตุนหวงเป็นเสมือนประตูทางผ่าน จากนั้นใส่เขตพื้นที่มณฑลหยางโจวในสมัยนั้นซึ่งอยู่ทางใต้ของแผนที่ติดทะเล (คือเส้นประเล็กๆ) (หมายเหตุ เส้นขอบทั้งหมดอาจไม่เป๊ะด้วยข้อจำกัดการวาดของ Storyฯ เอง)

    เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เห็นได้เลยว่าตวนอู่และเยี่ยจื่อจิงของเราในเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> เขาเดินทางตามเส้นทางสายใหม่จริงๆ

    เริ่มกันที่ด้านล่างของแผนที่ซึ่งเป็นแถบพื้นที่เหอผู่อันเป็นแหล่งเก็บมุกทะเล (ปัจจุบันเรียกเป๋ยไห่ คือพื้นที่สีแดง) ที่นี่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่อง (ย้อนอ่านเรื่องการเก็บมุกได้จากบทความสัปดาห์ที่แล้ว) จากนั้นเดินทางผ่านกวางเจาขึ้นเหนือและสู้รบปรบมือกับคนตระกูลชุยและศัตรูอื่นเป็นระยะตั้งแต่เมืองซ่าวโจวถึงเมืองอู่หลิง จากนั้นเดินทางเรื่อยขึ้นไปจนถึงเมืองเปี้ยนโจวซึ่งคือเมืองไคฟงปัจจุบัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านนครฉางอัน ข้ามเขตทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ซึ่งการเข้าเขตซีอวี้ในสมัยนั้นจะผ่านเมืองตุนหวง ณ จุดนี้ เรื่องราวผ่านไปแล้วประมาณ 1/3 ของเรื่อง

    หลังจากนั้นเหล่าตัวละครกลับมาจากซีอวี้แล้วเดินทางมาถึงเมืองหยางโจวข้ามผ่านระยะทางอย่างไกลได้อย่างไรไม่ทราบได้ Storyฯ ดูจากแผนที่แล้วน่าจะย้อนกลับมาทางเมืองเปี้ยนเฉิงและจากจุดนั้นมีเส้นทาง (ที่ไม่ใช่เส้นทางสายไหมและไม่ได้วาดไว้ในรูปประกอบ) เชื่อมลงมายังเมืองหยางโจว ซึ่งมีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่สามารถใช้ได้ (หมายเหตุ เส้นทางต้าอวิ้นเหอมีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยหมิงเป็นต้นมา) และเรื่องราวที่เหลือของเรื่องก็จะมีฉากหลังอยู่ที่การค้าอัญมณีที่เมืองหยางโจวนี้

    ในเรื่องมีกล่าวถึงอัญมณีหนึ่งที่น่าสนใจชื่อว่า ‘เซ่อเซ่อ’ (瑟瑟 ไม่แน่ใจว่าแปลซับไทยไว้ว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นพลอยประเภท Beryl Stone มีสีเขียวฟ้าและฟ้า บอกว่าเป็นพลอยที่มีค่าหายากมาก ในความเป็นจริง Beryl Stone แบ่งเป็นประเภทย่อยอีกตามสี แต่เรามักเรียกรวมพลอยสีฟ้าเขียวว่าพลอยอะความารีน (Aquamarine) และในละครมีการกล่าวว่าพลอยเซ่อเซ่อเกรดดีส่วนใหญ่มาจากเขตซีอวี้ แต่แถวหยางโจวก็พอให้หาซื้อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลจริงตามประวัติศาสตร์ เพราะพลอยเซ่อเซ่อในจีนหาได้ในสามพื้นที่หลักคือซินเกียง (ซีอวี้) ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และที่ยูนนานและหูเป่ย (ไม่ไกลจากเมืองอู่หลิงในภาพ ซึ่งเป็นจุดที่น้องชุยสือจิ่วของเราถูกจับขังในเหมือง)

    เมืองหยางโจวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางเรือของจีนโบราณ จึงไม่แปลกที่เรามักเห็นในซีรีส์และนิยายจีนโบราณกล่าวถึงหยางโจวว่าเป็นเขตค้าขายมีตระกูลพ่อค้าร่ำรวย ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดเชื่อมเส้นทางสายไหมทางบกและทะเลโดยผ่านแม่น้ำแยงซีเกียง และยังมีคลองต้าอวิ้นเหอเชื่อมขึ้นเหนือ ในสมัยถังที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเสบียงอาหาร เกลือและเหล็กไปยังพื้นที่ต่างๆ ของจีน อีกทั้งค้าขายส่งออกผ้าไหมและงานกระเบื้องรวมถึงนำเข้าสินค้าหลากชนิดผ่านเส้นทางบกและเรือ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องงานช่างงานฝีมือและมีการพบเจอซากเรือสมัยถังพร้อมเครื่องประดับมากมายที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยถังมีการค้าขายเครื่องประดับด้วยเช่นกัน

    หวังว่าเพื่อนเพจจะเห็นภาพแล้วว่าการเดินเรื่องของ <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านพื้นที่ไหนบ้าง และทำไมเหล่าคู่อริทางการค้าจึงพบหน้ากันบ่อย... เพราะทุกคนล้วนค้าขายและใช้เส้นทางสายไหมกันนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.bjnews.com.cn/detail/1730788116168379.html
    https://www.chinadiscovery.com/assets/images/silk-road/history/tang-silk-road-map-llsboc-qunar.jpg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.163.com/dy/article/JG5GE87L0512D3VJ.html
    https://www.163.com/dy/article/JGCT7TAP0530WJTO.html
    https://baike.baidu.com/item/扬州市
    https://turnstone.ca/rom186be.htm

    #ม่านมุกม่านหยก #เส้นทางสายไหม #พลอยจีน #หยางโจว #สาระจีน
    ตามรอยเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านเส้นทางสายไหม สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> คงจำได้ว่าฉากหลังของเรื่องคือการค้าอัญมณีในสมัยถัง ซึ่งเส้นทางการเดินทางมีทั้งการเดินเรือทะเลและข้ามทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ ชวนให้ Storyฯ งงไม่น้อยเลยลองไปหาข้อมูลดู มีบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหอหนานกล่าวไว้ว่าจริงๆ แล้วซีรีส์เรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> นี้คือการเดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของเรื่องที่กล่าวถึงการพัฒนาด้านการค้าผ่านเส้นทางสายไหม Storyฯ เลยลองเอาการเดินทางของพระเอกนางเอกจากในซีรีส์มาปักหมุดลง เราลองมาดูกันค่ะ มีบทความและแผนที่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมจำนวนไม่น้อยในหลากหลายภาษา ดังนั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด แต่จากการเปรียบเทียบดู Storyฯ พบว่ามีความแตกต่างกันบ้าง จึงขอใช้เวอร์ชั่นที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์หนิงเซี่ยกู้หยวนเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นไปตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่จีนบันทึกเอง (ดูรูปประกอบ 2) เราจะเห็นว่าเส้นทางสายไหมมีเส้นทางบกและเส้นทางทะเล และเส้นทางบกไม่ได้จบลงที่เมืองฉางอัน (ซีอันปัจจุบัน) อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่มีการเชื่อมต่อไปจรดทะเลเชื่อมต่อเข้ากับเส้นทางทะเล Storyฯ ลองใส่ข้อมูลอื่นเพิ่มเข้าไปในแผนที่เต็มนี้ (ดูรูปประกอบ 1) ก่อนอื่นคือใส่แผนที่ของราชวงศ์ถังซ้อนลงไปเพื่อให้เห็นภาพอาณาเขตโดยคร่าว ทั้งนี้ตลอดสามร้อยกว่าปีการปกครองของถังในเขตซีอวี้ (ซินเกียงปัจจุบัน) แตกต่างกันไป เลยลองใช้แผนที่ของช่วงประมาณปีค.ศ. 700 ก็จะเห็นเขตพื้นที่ซีอวี้ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเมืองตุนหวงเป็นเสมือนประตูทางผ่าน จากนั้นใส่เขตพื้นที่มณฑลหยางโจวในสมัยนั้นซึ่งอยู่ทางใต้ของแผนที่ติดทะเล (คือเส้นประเล็กๆ) (หมายเหตุ เส้นขอบทั้งหมดอาจไม่เป๊ะด้วยข้อจำกัดการวาดของ Storyฯ เอง) เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เห็นได้เลยว่าตวนอู่และเยี่ยจื่อจิงของเราในเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> เขาเดินทางตามเส้นทางสายใหม่จริงๆ เริ่มกันที่ด้านล่างของแผนที่ซึ่งเป็นแถบพื้นที่เหอผู่อันเป็นแหล่งเก็บมุกทะเล (ปัจจุบันเรียกเป๋ยไห่ คือพื้นที่สีแดง) ที่นี่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่อง (ย้อนอ่านเรื่องการเก็บมุกได้จากบทความสัปดาห์ที่แล้ว) จากนั้นเดินทางผ่านกวางเจาขึ้นเหนือและสู้รบปรบมือกับคนตระกูลชุยและศัตรูอื่นเป็นระยะตั้งแต่เมืองซ่าวโจวถึงเมืองอู่หลิง จากนั้นเดินทางเรื่อยขึ้นไปจนถึงเมืองเปี้ยนโจวซึ่งคือเมืองไคฟงปัจจุบัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านนครฉางอัน ข้ามเขตทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ซึ่งการเข้าเขตซีอวี้ในสมัยนั้นจะผ่านเมืองตุนหวง ณ จุดนี้ เรื่องราวผ่านไปแล้วประมาณ 1/3 ของเรื่อง หลังจากนั้นเหล่าตัวละครกลับมาจากซีอวี้แล้วเดินทางมาถึงเมืองหยางโจวข้ามผ่านระยะทางอย่างไกลได้อย่างไรไม่ทราบได้ Storyฯ ดูจากแผนที่แล้วน่าจะย้อนกลับมาทางเมืองเปี้ยนเฉิงและจากจุดนั้นมีเส้นทาง (ที่ไม่ใช่เส้นทางสายไหมและไม่ได้วาดไว้ในรูปประกอบ) เชื่อมลงมายังเมืองหยางโจว ซึ่งมีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่สามารถใช้ได้ (หมายเหตุ เส้นทางต้าอวิ้นเหอมีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยหมิงเป็นต้นมา) และเรื่องราวที่เหลือของเรื่องก็จะมีฉากหลังอยู่ที่การค้าอัญมณีที่เมืองหยางโจวนี้ ในเรื่องมีกล่าวถึงอัญมณีหนึ่งที่น่าสนใจชื่อว่า ‘เซ่อเซ่อ’ (瑟瑟 ไม่แน่ใจว่าแปลซับไทยไว้ว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นพลอยประเภท Beryl Stone มีสีเขียวฟ้าและฟ้า บอกว่าเป็นพลอยที่มีค่าหายากมาก ในความเป็นจริง Beryl Stone แบ่งเป็นประเภทย่อยอีกตามสี แต่เรามักเรียกรวมพลอยสีฟ้าเขียวว่าพลอยอะความารีน (Aquamarine) และในละครมีการกล่าวว่าพลอยเซ่อเซ่อเกรดดีส่วนใหญ่มาจากเขตซีอวี้ แต่แถวหยางโจวก็พอให้หาซื้อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลจริงตามประวัติศาสตร์ เพราะพลอยเซ่อเซ่อในจีนหาได้ในสามพื้นที่หลักคือซินเกียง (ซีอวี้) ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และที่ยูนนานและหูเป่ย (ไม่ไกลจากเมืองอู่หลิงในภาพ ซึ่งเป็นจุดที่น้องชุยสือจิ่วของเราถูกจับขังในเหมือง) เมืองหยางโจวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางเรือของจีนโบราณ จึงไม่แปลกที่เรามักเห็นในซีรีส์และนิยายจีนโบราณกล่าวถึงหยางโจวว่าเป็นเขตค้าขายมีตระกูลพ่อค้าร่ำรวย ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดเชื่อมเส้นทางสายไหมทางบกและทะเลโดยผ่านแม่น้ำแยงซีเกียง และยังมีคลองต้าอวิ้นเหอเชื่อมขึ้นเหนือ ในสมัยถังที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเสบียงอาหาร เกลือและเหล็กไปยังพื้นที่ต่างๆ ของจีน อีกทั้งค้าขายส่งออกผ้าไหมและงานกระเบื้องรวมถึงนำเข้าสินค้าหลากชนิดผ่านเส้นทางบกและเรือ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องงานช่างงานฝีมือและมีการพบเจอซากเรือสมัยถังพร้อมเครื่องประดับมากมายที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยถังมีการค้าขายเครื่องประดับด้วยเช่นกัน หวังว่าเพื่อนเพจจะเห็นภาพแล้วว่าการเดินเรื่องของ <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านพื้นที่ไหนบ้าง และทำไมเหล่าคู่อริทางการค้าจึงพบหน้ากันบ่อย... เพราะทุกคนล้วนค้าขายและใช้เส้นทางสายไหมกันนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.bjnews.com.cn/detail/1730788116168379.html https://www.chinadiscovery.com/assets/images/silk-road/history/tang-silk-road-map-llsboc-qunar.jpg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.163.com/dy/article/JG5GE87L0512D3VJ.html https://www.163.com/dy/article/JGCT7TAP0530WJTO.html https://baike.baidu.com/item/扬州市 https://turnstone.ca/rom186be.htm #ม่านมุกม่านหยก #เส้นทางสายไหม #พลอยจีน #หยางโจว #สาระจีน
    M.BJNEWS.COM.CN
    赵露思、刘宇宁新剧《珠帘玉幕》今日卫视开播
    赵露思、刘宇宁新剧《珠帘玉幕》今日卫视开播
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่านกันมานานเป็นเดือนกับบทความชุดเรื่องราวสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถู (宫训图) จากละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ยังคุยกันไม่ครบสิบสองภาพ แต่ขอคั่นเปลี่ยนเรื่องคุยกันบ้าง เรื่องที่จะคุยในวันนี้ไม่เกี่ยวกับละครหรือนวนิยาย แต่เป็นเรื่องเล่าจากเพลงที่ Storyฯ ชอบมากเพลงหนึ่ง

    เพลงนี้โด่งดังในประเทศจีนมาตั้งแต่ปี 2018 เป็นเพลงที่มีเอกลักษณ์เพราะมีกลิ่นอายของงิ้วแฝงอยู่ มีชื่อว่า ‘ชึหลิง’ (赤伶) หรือ ‘นักแสดงสีชาด’ ร้องโดย HITA แต่งเนื้อร้องโดย ชิงเยี่ยน (清彦) ดนตรีโดย หลี่เจี้ยนเหิง (李建衡) ต่อมามีหลายคนนำมาขับร้อง ทั้งที่เปลี่ยนเนื้อร้องและทั้งที่ใช้เนื้อร้องเดิม เชื่อว่าคงมีเพื่อนเพจบางท่านเคยได้ยิน แต่ Storyฯ มั่นใจว่าน้อยคนนักจะทราบถึงเรื่องราวที่แฝงไว้ในเพลงนี้

    ‘หลิง’ หมายถึงนักแสดงละครงิ้ว ส่วน ‘ชึ’ แปลตรงตัวว่าสีแดงชาด และอาจย่อมาจากคำว่า ‘ชึซิน’ ที่แปลว่าใจที่จงรักภักดีหรือปณิธานแรงกล้า ชื่อเพลงที่สั้นเพียงสองอักษรแต่มีความหมายสองชั้น เนื้อเพลงก็แฝงความหมายสองสามชั้นเช่นกัน เนื้อเพลงค่อนข้างยาว Storyฯ ขอแปลไว้ในรูปภาพที่สองแทน บางคำแปลอย่างตรงตัวเพื่อให้เพื่อนเพจได้ตีความและเห็นถึงเสน่ห์ของความหมายหลายชั้นของเพลงนี้

    เรื่องราวเบื้องหลังของเนื้อเพลง ‘นักแสดงสีชาด’ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นอิงประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นเข้าบุกและยึดครองหลายพื้นที่ของจีน กล่าวถึงนักแสดงงิ้วนามว่า เผยเยี่ยนจือ ที่โด่งดังในเมืองอันหย่วน เขาถูกทหารญี่ปุ่นเชิญแกมบังคับให้ขึ้นแสดงงิ้ว โดยขู่ว่าหากเขาไม่ยอมแสดง ทหารก็จะเผาโรงละครทิ้ง แต่เผยเยี่ยนจือรับคำอย่างไม่อิดออดและรับจัดแสดงเรื่อง ‘พัดดอกท้อ’ (桃花扇 / เถาฮวาซ่าน) ในคืนที่แสดงนั้น เผยเยี่ยนจืออยู่บนเวทีร้องออกมาว่า “จุดไฟ” กว่าทหารญี่ปุ่นจะรู้ตัวก็ถูกกักอยู่ในโรงละครที่ลุกเป็นไฟ เพราะก่อนหน้านี้คณะละครได้ราดน้ำมันเตรียมวางเพลิงไว้แล้ว ไฟลามไปเรื่อยๆ ทหารญี่ปุ่นพยายามหนีตายแต่หนีไม่พ้น ละครงิ้วก็แสดงไปเรื่อยๆ จวบจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคณะละคร

    มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยใช้เผยเยี่ยนจือเป็นตัวแทนความรักชาติของประชาชนคนธรรมดา แต่เสน่ห์ของเพลงนี้คือความหมายหลายชั้นของคำที่ใช้ ยังมีอีกสองประเด็นที่จะทำให้เราเข้าใจเพลงนี้ได้ดียิ่งขึ้น

    ประเด็นแรกคือปูมหลังทางวัฒนธรรม มีวลีจีนโบราณกล่าวไว้ว่า ‘นางคณิกาไร้ใจ นักแสดงไร้คุณธรรม’ ซึ่งมีบริบททางสังคมที่ดูถูกนักแสดงว่าเป็นชนชั้นต่ำ ทำทุกอย่างได้เพื่อความอยู่รอด เราจะเห็นในเนื้อเพลงนี้ว่า นักแสดงละครรำพันว่าแม้ตัวเองด้อยค่า แต่มิใช่ไร้ใจภักดีต่อชาติบ้านเมือง

    ประเด็นที่สองคือเรื่องราวของ ‘พัดดอกท้อ’ มันเป็นละครงิ้วในสมัยชิงที่นิยมแสดงกันมาจวบปัจจุบัน เป็นเรื่องราวรักรันทดของหลี่เซียงจวินและโหวฟางอวี้

    หลี่เซียงจวินเป็นคณิกาชื่อดังสมัยปลายราชวงศ์หมิง อันเป็นช่วงเวลาที่ราชสำนักวุ่นวาย ขุนนางทุจริตมากมาย ชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งยังถูกรุกรานจากแมนจู นางเป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาแห่งแม่น้ำฉินหวย เช่นเดียวกับหลิ่วหรูซื่อที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid0yKKz9BJs6VheqVhGF7RAW67QKyFaA3PEVX5j9zxCpdd4VCaNpFdXo3pbB2xkAS2wl)

    หลี่เซียงจวินเป็นลูกขุนนางที่ได้รับโทษเพราะไปมีส่วนพัวพันกับขบวนการต่อต้านขุนนางทุจริต ถูกเชื่อมโยงกลายเป็นต่อต้านราชสำนัก จึงถูกขายไปอยู่หอนางโลมเมื่ออายุเพียงแปดขวบ แต่ยังโชคดีที่แม่เล้ารับเป็นบุตรบุญธรรม จึงโตมาอย่างเพียบพร้อมด้านการศึกษาและความสามารถทางดนตรี เน้นขายศิลปะไม่ขายตัว นางพบรักกับโหวฟางอวี้ซึ่งเป็นราชบัณฑิตมาจากตระกูลขุนนาง แต่เพราะพ่อของเขามีส่วนพัวพันกับขบวนการต่อต้านขุนนางทุจริตและถูกกวาดล้างเช่นกัน ทางบ้านจึงตกอับยากจน ถึงขนาดต้องยืมเงินเพื่อนมาประมูลซื้อ ‘คืนแรก’ ของหลี่เซียงจวินเมื่อนางอายุครบสิบหกปี (เป็นธรรมเนียมของนางคณิกาสมัยนั้น เมื่ออายุสิบหกหากยังเป็นสาวพรหมจรรย์จะต้องเปิดประมูลซื้อตัว เป็นโอกาสที่จะได้แต่งงานเป็นฝั่งฝาไปกับผู้ชนะการประมูล แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นได้เพียงอนุภรรยา) ต่อมาทั้งสองใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในหอนางโลมนั้นเอง

    พวกเขามารู้ความจริงทีหลังว่า เงินก้อนที่ยืมเพื่อนมานั้น จริงๆ แล้วเป็นเงินของหร่วนต้าเฉิง ขุนนางใจโหดที่กวาดล้างขบวนการต่อต้านราชสำนัก หร่วนต้าเฉิงประสงค์ใช้เงินก้อนนี้มาดึงโหวฟางอวี้เข้าเป็นพวกเพราะชื่นชมในความรู้ความสามารถของเขา แต่ทั้งคู่ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับหร่วนต้าเฉิง หลี่เซียงจวินจึงขายเครื่องประดับเอาเงินมาใช้หนี้ สร้างความโกรธแค้นให้หร่วนต้าเฉิงไม่น้อย เขาแก้แค้นด้วยการยัดเยียดข้อหาจับกลุ่มเพื่อนของโหวฟางอวี้ขังคุก โหวฟางอวี้ตัดสินใจหนีไปเข้าร่วมกับกองกำลังรักชาติ ก่อนไปเขามอบพัดเป็นของแทนใจให้นาง หร่วนต้าเฉิงจึงเอาความแค้นมาลงที่หลี่เซียงจวินแทน เขาวางแผนบีบให้นางแต่งไปเป็นอนุของขุนนางใกล้ชิดของฮ่องเต้ แต่นางเอาหัวชนเสาจนเลือดสาดไปบนพัดสลบไป เกิดเป็นคดีความใหญ่โตแต่ก็นับว่าหนีรอดจากการแต่งงานครั้งนี้ได้ ต่อมาเพื่อนของโหวฟางอวี้ได้วาดลายดอกท้อทับไปบนรอยเลือดบนพัด เกิดเป็นชื่อ ‘พัดดอกท้อ’ นี้ขึ้นมา

    แต่เรื่องยังไม่จบ สุดท้ายหร่วนต้าเฉิงวางแผนทำให้หลี่เซียงจวินถูกรับเข้าวังเป็นสนม เมื่อพระราชวังถูกตีแตก นางหนีรอดออกมาได้แต่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้คลาดกันกับโหวฟางอวี้ที่ย้อนกลับมาหานาง เรื่องเล่าบั้นปลายชีวิตของนางมีหลายเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นหนึ่งคือต่อมานางป่วยหนักจนตาย ทิ้งไว้เพียงพัดที่เปื้อนเลือดให้โหวฟางอวี้ดูต่างหน้า

    ส่วนโหวฟางอวี้นั้นอยู่กับกองกำลังรักชาติ แต่สุดท้ายชาติล่มสลาย บั้นปลายชีวิตไม่เหลือใคร จึงปลงผมออกบวช วรรคที่ถูกพูดเป็นงิ้วในเพลงนักแสดงสีชาดนี้ สื่อถึงการปล่อยวางความรักหญิงชาย เป็นวรรคที่ยกมาจากบทละครงิ้วเรื่องพัดดอกท้อในตอนที่เขาออกบวชนี้เอง

    เพลงหนึ่งเพลงกับเรื่องราวซ้อนกันสองชั้น บนเวทีแสดงเรื่องราวรักรันทดพลัดพรากให้คนชม นักแสดงอยู่บนเวทีก็มองดูเรื่องราวบ้านเมืองที่เกิดขึ้นข้างล่างเวที ส่วนคนฟังอย่างเราก็ดูทั้งเรื่องราวบนและล่างเวที คงจะกล่าวได้ว่า ‘นักแสดงสีชาด’ เป็นเพลงที่สะท้อนถึงสัจธรรมชีวิต... แท้จริงแล้วโลกเรานี้คือละคร เรามองคนอื่น คนอื่นก็มองเรา

    เข้าใจความหมายและเรื่องราวแล้ว ลองอ่านคำแปลเนื้อเพลงอีกครั้งและเชิญเพื่อนเพจอินกับเพลงกันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=wIyq_jTZsBY&list=WL&index=245 หรือหาฟังเวอร์ชั่นอื่นได้ด้วยชื่อเพลง 赤伶 ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.jitapuji.com/5258.html
    https://www.art-mate.net/doc/63311?name=千珊粵劇工作坊《桃花扇》
    https://ppfocus.com/0/en57cfaab.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/news/8yly6nl.html
    https://www.sohu.com/a/475761718_120934298#google_vignette
    https://baike.baidu.com/item/侯方域/380394
    https://baike.baidu.com/item/桃花扇/5499
    https://shidian.baike.com/wikiid/7245205732429414461?prd=mobile&anchor=lj2jc6p91rp7
    https://so.gushiwen.cn/guwen/bookv_46653FD803893E4F8F70CCD565152E14.aspx

    #ชึหลิง #HITA #หลี่เซียงจวิน #โหวเซียงอวี้ #พัดดอกท้อ #เถาฮวาซ่าน
    ผ่านกันมานานเป็นเดือนกับบทความชุดเรื่องราวสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถู (宫训图) จากละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ยังคุยกันไม่ครบสิบสองภาพ แต่ขอคั่นเปลี่ยนเรื่องคุยกันบ้าง เรื่องที่จะคุยในวันนี้ไม่เกี่ยวกับละครหรือนวนิยาย แต่เป็นเรื่องเล่าจากเพลงที่ Storyฯ ชอบมากเพลงหนึ่ง เพลงนี้โด่งดังในประเทศจีนมาตั้งแต่ปี 2018 เป็นเพลงที่มีเอกลักษณ์เพราะมีกลิ่นอายของงิ้วแฝงอยู่ มีชื่อว่า ‘ชึหลิง’ (赤伶) หรือ ‘นักแสดงสีชาด’ ร้องโดย HITA แต่งเนื้อร้องโดย ชิงเยี่ยน (清彦) ดนตรีโดย หลี่เจี้ยนเหิง (李建衡) ต่อมามีหลายคนนำมาขับร้อง ทั้งที่เปลี่ยนเนื้อร้องและทั้งที่ใช้เนื้อร้องเดิม เชื่อว่าคงมีเพื่อนเพจบางท่านเคยได้ยิน แต่ Storyฯ มั่นใจว่าน้อยคนนักจะทราบถึงเรื่องราวที่แฝงไว้ในเพลงนี้ ‘หลิง’ หมายถึงนักแสดงละครงิ้ว ส่วน ‘ชึ’ แปลตรงตัวว่าสีแดงชาด และอาจย่อมาจากคำว่า ‘ชึซิน’ ที่แปลว่าใจที่จงรักภักดีหรือปณิธานแรงกล้า ชื่อเพลงที่สั้นเพียงสองอักษรแต่มีความหมายสองชั้น เนื้อเพลงก็แฝงความหมายสองสามชั้นเช่นกัน เนื้อเพลงค่อนข้างยาว Storyฯ ขอแปลไว้ในรูปภาพที่สองแทน บางคำแปลอย่างตรงตัวเพื่อให้เพื่อนเพจได้ตีความและเห็นถึงเสน่ห์ของความหมายหลายชั้นของเพลงนี้ เรื่องราวเบื้องหลังของเนื้อเพลง ‘นักแสดงสีชาด’ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นอิงประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นเข้าบุกและยึดครองหลายพื้นที่ของจีน กล่าวถึงนักแสดงงิ้วนามว่า เผยเยี่ยนจือ ที่โด่งดังในเมืองอันหย่วน เขาถูกทหารญี่ปุ่นเชิญแกมบังคับให้ขึ้นแสดงงิ้ว โดยขู่ว่าหากเขาไม่ยอมแสดง ทหารก็จะเผาโรงละครทิ้ง แต่เผยเยี่ยนจือรับคำอย่างไม่อิดออดและรับจัดแสดงเรื่อง ‘พัดดอกท้อ’ (桃花扇 / เถาฮวาซ่าน) ในคืนที่แสดงนั้น เผยเยี่ยนจืออยู่บนเวทีร้องออกมาว่า “จุดไฟ” กว่าทหารญี่ปุ่นจะรู้ตัวก็ถูกกักอยู่ในโรงละครที่ลุกเป็นไฟ เพราะก่อนหน้านี้คณะละครได้ราดน้ำมันเตรียมวางเพลิงไว้แล้ว ไฟลามไปเรื่อยๆ ทหารญี่ปุ่นพยายามหนีตายแต่หนีไม่พ้น ละครงิ้วก็แสดงไปเรื่อยๆ จวบจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคณะละคร มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยใช้เผยเยี่ยนจือเป็นตัวแทนความรักชาติของประชาชนคนธรรมดา แต่เสน่ห์ของเพลงนี้คือความหมายหลายชั้นของคำที่ใช้ ยังมีอีกสองประเด็นที่จะทำให้เราเข้าใจเพลงนี้ได้ดียิ่งขึ้น ประเด็นแรกคือปูมหลังทางวัฒนธรรม มีวลีจีนโบราณกล่าวไว้ว่า ‘นางคณิกาไร้ใจ นักแสดงไร้คุณธรรม’ ซึ่งมีบริบททางสังคมที่ดูถูกนักแสดงว่าเป็นชนชั้นต่ำ ทำทุกอย่างได้เพื่อความอยู่รอด เราจะเห็นในเนื้อเพลงนี้ว่า นักแสดงละครรำพันว่าแม้ตัวเองด้อยค่า แต่มิใช่ไร้ใจภักดีต่อชาติบ้านเมือง ประเด็นที่สองคือเรื่องราวของ ‘พัดดอกท้อ’ มันเป็นละครงิ้วในสมัยชิงที่นิยมแสดงกันมาจวบปัจจุบัน เป็นเรื่องราวรักรันทดของหลี่เซียงจวินและโหวฟางอวี้ หลี่เซียงจวินเป็นคณิกาชื่อดังสมัยปลายราชวงศ์หมิง อันเป็นช่วงเวลาที่ราชสำนักวุ่นวาย ขุนนางทุจริตมากมาย ชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งยังถูกรุกรานจากแมนจู นางเป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาแห่งแม่น้ำฉินหวย เช่นเดียวกับหลิ่วหรูซื่อที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid0yKKz9BJs6VheqVhGF7RAW67QKyFaA3PEVX5j9zxCpdd4VCaNpFdXo3pbB2xkAS2wl) หลี่เซียงจวินเป็นลูกขุนนางที่ได้รับโทษเพราะไปมีส่วนพัวพันกับขบวนการต่อต้านขุนนางทุจริต ถูกเชื่อมโยงกลายเป็นต่อต้านราชสำนัก จึงถูกขายไปอยู่หอนางโลมเมื่ออายุเพียงแปดขวบ แต่ยังโชคดีที่แม่เล้ารับเป็นบุตรบุญธรรม จึงโตมาอย่างเพียบพร้อมด้านการศึกษาและความสามารถทางดนตรี เน้นขายศิลปะไม่ขายตัว นางพบรักกับโหวฟางอวี้ซึ่งเป็นราชบัณฑิตมาจากตระกูลขุนนาง แต่เพราะพ่อของเขามีส่วนพัวพันกับขบวนการต่อต้านขุนนางทุจริตและถูกกวาดล้างเช่นกัน ทางบ้านจึงตกอับยากจน ถึงขนาดต้องยืมเงินเพื่อนมาประมูลซื้อ ‘คืนแรก’ ของหลี่เซียงจวินเมื่อนางอายุครบสิบหกปี (เป็นธรรมเนียมของนางคณิกาสมัยนั้น เมื่ออายุสิบหกหากยังเป็นสาวพรหมจรรย์จะต้องเปิดประมูลซื้อตัว เป็นโอกาสที่จะได้แต่งงานเป็นฝั่งฝาไปกับผู้ชนะการประมูล แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นได้เพียงอนุภรรยา) ต่อมาทั้งสองใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในหอนางโลมนั้นเอง พวกเขามารู้ความจริงทีหลังว่า เงินก้อนที่ยืมเพื่อนมานั้น จริงๆ แล้วเป็นเงินของหร่วนต้าเฉิง ขุนนางใจโหดที่กวาดล้างขบวนการต่อต้านราชสำนัก หร่วนต้าเฉิงประสงค์ใช้เงินก้อนนี้มาดึงโหวฟางอวี้เข้าเป็นพวกเพราะชื่นชมในความรู้ความสามารถของเขา แต่ทั้งคู่ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับหร่วนต้าเฉิง หลี่เซียงจวินจึงขายเครื่องประดับเอาเงินมาใช้หนี้ สร้างความโกรธแค้นให้หร่วนต้าเฉิงไม่น้อย เขาแก้แค้นด้วยการยัดเยียดข้อหาจับกลุ่มเพื่อนของโหวฟางอวี้ขังคุก โหวฟางอวี้ตัดสินใจหนีไปเข้าร่วมกับกองกำลังรักชาติ ก่อนไปเขามอบพัดเป็นของแทนใจให้นาง หร่วนต้าเฉิงจึงเอาความแค้นมาลงที่หลี่เซียงจวินแทน เขาวางแผนบีบให้นางแต่งไปเป็นอนุของขุนนางใกล้ชิดของฮ่องเต้ แต่นางเอาหัวชนเสาจนเลือดสาดไปบนพัดสลบไป เกิดเป็นคดีความใหญ่โตแต่ก็นับว่าหนีรอดจากการแต่งงานครั้งนี้ได้ ต่อมาเพื่อนของโหวฟางอวี้ได้วาดลายดอกท้อทับไปบนรอยเลือดบนพัด เกิดเป็นชื่อ ‘พัดดอกท้อ’ นี้ขึ้นมา แต่เรื่องยังไม่จบ สุดท้ายหร่วนต้าเฉิงวางแผนทำให้หลี่เซียงจวินถูกรับเข้าวังเป็นสนม เมื่อพระราชวังถูกตีแตก นางหนีรอดออกมาได้แต่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้คลาดกันกับโหวฟางอวี้ที่ย้อนกลับมาหานาง เรื่องเล่าบั้นปลายชีวิตของนางมีหลายเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นหนึ่งคือต่อมานางป่วยหนักจนตาย ทิ้งไว้เพียงพัดที่เปื้อนเลือดให้โหวฟางอวี้ดูต่างหน้า ส่วนโหวฟางอวี้นั้นอยู่กับกองกำลังรักชาติ แต่สุดท้ายชาติล่มสลาย บั้นปลายชีวิตไม่เหลือใคร จึงปลงผมออกบวช วรรคที่ถูกพูดเป็นงิ้วในเพลงนักแสดงสีชาดนี้ สื่อถึงการปล่อยวางความรักหญิงชาย เป็นวรรคที่ยกมาจากบทละครงิ้วเรื่องพัดดอกท้อในตอนที่เขาออกบวชนี้เอง เพลงหนึ่งเพลงกับเรื่องราวซ้อนกันสองชั้น บนเวทีแสดงเรื่องราวรักรันทดพลัดพรากให้คนชม นักแสดงอยู่บนเวทีก็มองดูเรื่องราวบ้านเมืองที่เกิดขึ้นข้างล่างเวที ส่วนคนฟังอย่างเราก็ดูทั้งเรื่องราวบนและล่างเวที คงจะกล่าวได้ว่า ‘นักแสดงสีชาด’ เป็นเพลงที่สะท้อนถึงสัจธรรมชีวิต... แท้จริงแล้วโลกเรานี้คือละคร เรามองคนอื่น คนอื่นก็มองเรา เข้าใจความหมายและเรื่องราวแล้ว ลองอ่านคำแปลเนื้อเพลงอีกครั้งและเชิญเพื่อนเพจอินกับเพลงกันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=wIyq_jTZsBY&list=WL&index=245 หรือหาฟังเวอร์ชั่นอื่นได้ด้วยชื่อเพลง 赤伶 ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.jitapuji.com/5258.html https://www.art-mate.net/doc/63311?name=千珊粵劇工作坊《桃花扇》 https://ppfocus.com/0/en57cfaab.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/news/8yly6nl.html https://www.sohu.com/a/475761718_120934298#google_vignette https://baike.baidu.com/item/侯方域/380394 https://baike.baidu.com/item/桃花扇/5499 https://shidian.baike.com/wikiid/7245205732429414461?prd=mobile&anchor=lj2jc6p91rp7 https://so.gushiwen.cn/guwen/bookv_46653FD803893E4F8F70CCD565152E14.aspx #ชึหลิง #HITA #หลี่เซียงจวิน #โหวเซียงอวี้ #พัดดอกท้อ #เถาฮวาซ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1325 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💦Waves-white NKS-058 สร้อยคอเงินแท้ 🎊คริสตัลคลื่นสีขาว น่ารัก ใส่สบาย เป็นมิตรกับผิวค่า 🛒 พร้อมส่งงับ

    ✔️ราคา 390 บาท จัดส่งฟรี

    🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5%

    📎 ขนาด : ความยาว 36.5+5 cm (โดยประมาณ)

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #oแหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    💦Waves-white NKS-058 สร้อยคอเงินแท้ 🎊คริสตัลคลื่นสีขาว น่ารัก ใส่สบาย เป็นมิตรกับผิวค่า 🛒 พร้อมส่งงับ ✔️ราคา 390 บาท จัดส่งฟรี 🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5% 📎 ขนาด : ความยาว 36.5+5 cm (โดยประมาณ) สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #oแหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💕💗 แหวนคู่รักเงินแท้ 92.5%💙 Ornate couples RGC-019 🧡ประดับเพชร CZ💗 ปรับขนาดได้ ❤ พร้อมส่งงับ

    ✔️ ราคาคู่ละ 550 บาท จัดส่งฟรี

    🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5%

    ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้
    ผู้ชาย : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 18 mm (รอบนิ้ว 56.5 mm) ช่วงปรับขนาด 16.5-20 mm (รอบนิ้ว 51.5-63 mm)
    ผู้หญิง : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.3-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm)

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    💕💗 แหวนคู่รักเงินแท้ 92.5%💙 Ornate couples RGC-019 🧡ประดับเพชร CZ💗 ปรับขนาดได้ ❤ พร้อมส่งงับ ✔️ ราคาคู่ละ 550 บาท จัดส่งฟรี 🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5% ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้ ผู้ชาย : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 18 mm (รอบนิ้ว 56.5 mm) ช่วงปรับขนาด 16.5-20 mm (รอบนิ้ว 51.5-63 mm) ผู้หญิง : เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.3-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm) สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📢โปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 2 ขึ้น ลด 10% 🔴 🟡 🔵 ⚫️สร้อยข้อเท้าเงินแท้ 🟠 🟢 🟣มีให้เลือกช้อป 6 แบบ 🔸 วันนี้ - 5 มีนาคม 2568 จำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลยงับ 🛒

    ✔️ ราคาเส้นละ 320.- ซื้อ 2 ชิ้นลด 10% 🚗 ส่งฟรี

    ขนาด : ความยาวระบุไว้ที่รูปสินค้า

    🔶วัสดุเป็นเงินท้ 92.5%

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    📢โปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 2 ขึ้น ลด 10% 🔴 🟡 🔵 ⚫️สร้อยข้อเท้าเงินแท้ 🟠 🟢 🟣มีให้เลือกช้อป 6 แบบ 🔸 วันนี้ - 5 มีนาคม 2568 จำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลยงับ 🛒 ✔️ ราคาเส้นละ 320.- ซื้อ 2 ชิ้นลด 10% 🚗 ส่งฟรี ขนาด : ความยาวระบุไว้ที่รูปสินค้า 🔶วัสดุเป็นเงินท้ 92.5% สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 713 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💚เงินแท้ 92.5% / 99.9%
    🌸เครื่องประดับคุณภาพ มีความสวยที่เป็นเอกลักษณ์ ในราคาน่ารัก💖
    ✨ใส่สบาย เป็นมิตรกับผิว
    🌷โปรโมชั่น ส่งฟรี

    ◾️แถมฟรี แหวนเงินแท้ หัวใจออโรร่า เมื่อซื้อสินค้าครบ 900.-ขึ้นไป

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ผ่าน IG : chana.ni
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯 มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    💚เงินแท้ 92.5% / 99.9% 🌸เครื่องประดับคุณภาพ มีความสวยที่เป็นเอกลักษณ์ ในราคาน่ารัก💖 ✨ใส่สบาย เป็นมิตรกับผิว 🌷โปรโมชั่น ส่งฟรี ◾️แถมฟรี แหวนเงินแท้ หัวใจออโรร่า เมื่อซื้อสินค้าครบ 900.-ขึ้นไป สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ผ่าน IG : chana.ni หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯 มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🐬Little dolphin RGS-064 แหวนเงินแท้ 92.5% 🐬โลมาน้อย น่ารักมาก🎁 พร้อมส่งงับ

    ✔️ราคาวงละ 250 บาท จัดส่งฟรี

    🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5%

    ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้
    เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.8-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm)

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    🐬Little dolphin RGS-064 แหวนเงินแท้ 92.5% 🐬โลมาน้อย น่ารักมาก🎁 พร้อมส่งงับ ✔️ราคาวงละ 250 บาท จัดส่งฟรี 🔷วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5% ขนาด : ฟรีไซส์ ปรับขนาดได้ เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งต้นภายในแหวน 16.5 mm (รอบนิ้ว 51.5 mm) ช่วงปรับขนาด 15.8-17.5 mm (รอบนิ้ว 48-55 mm) สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ได้เลยค่ะ หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #เงินแท้925 #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #สร้อยข้อเท้า #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 810 มุมมอง 135 0 รีวิว
  • รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์

    การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท

    สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย

    สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท

    #Newskit
    รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์ การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1023 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก:

    ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ**
    - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
    - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

    ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่**
    - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง

    ### 3. **ตลาดทองคำ**
    - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
    - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ

    ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ**
    - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
    - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง
    - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

    ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก
    - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต

    ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก: ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ** - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่** - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง ### 3. **ตลาดทองคำ** - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ** - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1116 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเป๋าเงินที่ทำจากชิป Nvidia H100 โดยกระเป๋านี้มีราคาสูงถึง $65,000 และได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแฟชั่นและเทคโนโลยี กระเป๋านี้มีชิป GH100 อยู่ตรงกลางและมีชิ้นส่วน inductors LR22 และ LR33 รอบข้าง แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ากระเป๋านี้ใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่กระเป๋านี้ได้รับความสนใจมากเนื่องจากราคาที่สูงกว่าราคาจำหน่ายของ H100 AI GPU ถึงสองเท่า

    นอกจากนี้ การนำชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์มาทำเป็นสินค้าหรูหรายังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับแฟชั่น เช่นเครื่องประดับจากชิ้นส่วน CPU ที่สามารถหาซื้อได้บน Etsy กระเป๋าเงินนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในวงการแฟชั่นที่นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในสินค้าหรูหรา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/flaunt-your-style-with-this-usd65-000-nvidia-h100-purse
    มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเป๋าเงินที่ทำจากชิป Nvidia H100 โดยกระเป๋านี้มีราคาสูงถึง $65,000 และได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแฟชั่นและเทคโนโลยี กระเป๋านี้มีชิป GH100 อยู่ตรงกลางและมีชิ้นส่วน inductors LR22 และ LR33 รอบข้าง แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ากระเป๋านี้ใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่กระเป๋านี้ได้รับความสนใจมากเนื่องจากราคาที่สูงกว่าราคาจำหน่ายของ H100 AI GPU ถึงสองเท่า นอกจากนี้ การนำชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์มาทำเป็นสินค้าหรูหรายังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับแฟชั่น เช่นเครื่องประดับจากชิ้นส่วน CPU ที่สามารถหาซื้อได้บน Etsy กระเป๋าเงินนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในวงการแฟชั่นที่นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในสินค้าหรูหรา https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/flaunt-your-style-with-this-usd65-000-nvidia-h100-purse
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia H100 purse hits the market for $65,000
    “This purse is subject to export controls,” says the seller.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎊Lena BP044 สร้อยข้อมือเงินแท้ 92.5% 🧡❤️ลายตาข่าย สีเงินและสีทอง 🎉ใส่สบาย เป็นมิตรกับผิว🧡🎊พร้อมส่งงับ 🛒

    ✔️ ราคา 250.- 🚗 ส่งฟรี

    ขนาด : ความยาว 16+3cm

    🔶วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5%

    สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม
    Line : @373quzdi หรือ Inbox ผ่าน IG : chana.ni
    หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft

    🎯 มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว)

    #เครื่องประดับ #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    🎊Lena BP044 สร้อยข้อมือเงินแท้ 92.5% 🧡❤️ลายตาข่าย สีเงินและสีทอง 🎉ใส่สบาย เป็นมิตรกับผิว🧡🎊พร้อมส่งงับ 🛒 ✔️ ราคา 250.- 🚗 ส่งฟรี ขนาด : ความยาว 16+3cm 🔶วัสดุเป็นเงินแท้ 92.5% สั่งซื้อสินค้าหรือสอบถาม Line : @373quzdi หรือ Inbox ผ่าน IG : chana.ni หรือ Shop ผ่าน Shopee >>https://shp.ee/i2c3mft 🎯 มีบริการเก็บเงินปลายทาง ค่าส่ง 45 บาท (ยกเว้น พื้นที่ห่างไกล/พื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษงดบริการเก็บเงินปลายทางชั่วคราว) #เครื่องประดับ #ราคาสุดคุ้ม #เกรดพรีเมี่ยม #สร้อยคอ #สร้อยเงินแท้925 #สร้อยข้อมือ #แหวนคู่ #แหวนเงินแท้ #แหวนแฟชั่น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 922 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลังที่เมลาเนียสวมหมวกพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์21 มกราคม 2568 -รายงานข่าวเดลิเมล์ ระบุว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เมลาเนีย ทรัมป์ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสวมหมวกปิดปังสายตาในพิธีสาบานตนรับตำแหสมัยน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัล ทรัมป์  โดยในครั้งนี้ เมลาเนียเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีกรมท่าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ตัดเย็บพิเศษ โดยกระโปรงทรงดินสอและเสื้อเบลาส์ไหมสีงาช้างเข้ากัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามแฟชั่นหลายคน เนื่องจากชุดเดรสทั้งหมดตัดเย็บด้วยมือในนิวยอร์กซิตี้โดยนักออกแบบชาวอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอดัม ลิปเปส ขณะเสื้อตัวในของเมลาเนียออกแบบโดยเอริก จาวิตส์ นักออกแบบชาวอเมริกันอีกคน ทำให้ชุดที่สะดุดตาชุดนี้สมบูรณ์แบบแต่เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ฮิลลารี คลินตันในปี 1993 เป็นต้นมา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยเลือกสวมหมวกในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของสามี แต่ครั้งนี้เมลาเนียสวมหมวกไม่เพียงแต่ทำให้ชุดของเมลาเนียดูมีมิติมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังบดบังดวงตาของเธอได้เกือบทั้งหมดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อในเรื่องความชื่นชอบแว่นกันแดดอย่างเมลาเนีย นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในวันที่คนทั้งโลกจะจับตามองเธอเธอหลีกเลี่ยงแบรนด์ยุโรปที่เธอชอบ (แม้ว่าจะเลือกทั้ง Dolce & Gabbana และ Dior ในงานเฉลิมฉลองก่อนเข้ารับตำแหน่งต่างๆ) และให้ความสำคัญกับนักออกแบบสองคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือ Lippes Javits ซึ่งตอนนี้แบรนด์ของพวกเขาอาจเพิ่มยอดขายอย่างกะทันหันได้ด้วยการอุปถัมภ์ของประธานาธิบดีAdam Lippes – ผู้มีโชว์รูมแบบสตูดิโอขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรู Brookfield Place (ใกล้กับ One World Trade Center) – ถือเป็นน้องใหม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนชั้นสูงในโลกแฟชั่นของนิวยอร์กJavits เองก็พูดอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับผลงานที่เขาประดิษฐ์ด้วยมือ ซึ่งเขาทำเอง (เย็บด้วยเครื่องจักรเพียงแปดเปอร์เซ็นต์ของงานเย็บมือบนหมวก)"ไม่มีมืออื่นใดสัมผัสมันเลย... ก่อนที่ Herve [Pierre สไตลิสต์ส่วนตัวของ Melania] และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับมัน" เขากล่าวกิจการของ Eric Javits อยู่ไกลออกไปอีก เขาเป็นผู้จัดหาเครื่องประดับศีรษะและเครื่องประดับฟางให้กับ Bloomingdale's และ Nordstrom ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในไมอามี และความใกล้ชิดกับ Mar-a-Lago ทำให้ Herve สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับ Melania ใน Palm Beach ได้ด้วยมือในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเช้าวันจันทร์ Lippes กล่าวว่าเป็น "เกียรติ" ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์กได้แต่งตัวให้ Melania เพื่อทำตามประเพณีที่ "สะท้อนถึงความงามของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน" และชุดของเธอเป็นผลงานของ "ช่างฝีมือที่ดีที่สุดของอเมริกา"มีการยกย่องชุดที่ออกแบบในอเมริกาเป็นจำนวนมาก และนักวิจารณ์แฟชั่นต่างก็พากันตะลึงที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่สามารถหาดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้เธอได้ (แบรนด์เสรีนิยมสุดโต่งและค่อนข้างเย่อหยิ่งหลายแห่งปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเมลาเนียนับตั้งแต่สามีของเธอเริ่มต้นอาชีพนักการเมือง)แน่นอนว่าเพื่อที่จะค้นหาดีไซเนอร์ทั้งสองคนนี้ให้กับเมลาเนีย เอร์ฟ ปิแอร์ต้องพยายามค้นหาให้ไกลจากบูติกบนถนนเมดิสันอเวนิว (ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าร้าน) และต้องคิดนอกกรอบของโลกแฟชั่นอเมริกันที่ยังคงถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านอย่างไม่แยแสของแอนนา วินทัวร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตและบรรณาธิการนิตยสารโว้กทั้งนี้ การแต่งกายของเมลาเนียในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ เมลาเนียเธอสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนซีดที่ในพิธีสาบานตนและถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็กกี้ เคนเนดี เมื่อปี 1961 ผมของเธอที่รวบขึ้นเป็นมวยแบบยุค 1960 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เธอปลุกเร้ายุคทองของอุดมคติทางการเมืองผ่านแฟชั่น ภาพนี้แสดงให้เห็นโดนัลด์และเมลาเนียในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในปี 2017https://www.dailymail.co.uk/femail/article-14305329/Melania-Trump-inauguration-hat-real-reason.html
    เบื้องหลังที่เมลาเนียสวมหมวกพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์21 มกราคม 2568 -รายงานข่าวเดลิเมล์ ระบุว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เมลาเนีย ทรัมป์ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสวมหมวกปิดปังสายตาในพิธีสาบานตนรับตำแหสมัยน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของโดนัล ทรัมป์  โดยในครั้งนี้ เมลาเนียเลือกที่จะใส่ชุดเดรสสีกรมท่าที่ทำจากผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ที่ตัดเย็บพิเศษ โดยกระโปรงทรงดินสอและเสื้อเบลาส์ไหมสีงาช้างเข้ากัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามแฟชั่นหลายคน เนื่องจากชุดเดรสทั้งหมดตัดเย็บด้วยมือในนิวยอร์กซิตี้โดยนักออกแบบชาวอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอดัม ลิปเปส ขณะเสื้อตัวในของเมลาเนียออกแบบโดยเอริก จาวิตส์ นักออกแบบชาวอเมริกันอีกคน ทำให้ชุดที่สะดุดตาชุดนี้สมบูรณ์แบบแต่เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ฮิลลารี คลินตันในปี 1993 เป็นต้นมา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เคยเลือกสวมหมวกในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของสามี แต่ครั้งนี้เมลาเนียสวมหมวกไม่เพียงแต่ทำให้ชุดของเมลาเนียดูมีมิติมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังบดบังดวงตาของเธอได้เกือบทั้งหมดสำหรับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อในเรื่องความชื่นชอบแว่นกันแดดอย่างเมลาเนีย นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในวันที่คนทั้งโลกจะจับตามองเธอเธอหลีกเลี่ยงแบรนด์ยุโรปที่เธอชอบ (แม้ว่าจะเลือกทั้ง Dolce & Gabbana และ Dior ในงานเฉลิมฉลองก่อนเข้ารับตำแหน่งต่างๆ) และให้ความสำคัญกับนักออกแบบสองคนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคือ Lippes Javits ซึ่งตอนนี้แบรนด์ของพวกเขาอาจเพิ่มยอดขายอย่างกะทันหันได้ด้วยการอุปถัมภ์ของประธานาธิบดีAdam Lippes – ผู้มีโชว์รูมแบบสตูดิโอขนาดเล็กในห้างสรรพสินค้าหรู Brookfield Place (ใกล้กับ One World Trade Center) – ถือเป็นน้องใหม่ และแน่นอนว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่มคนชั้นสูงในโลกแฟชั่นของนิวยอร์กJavits เองก็พูดอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับผลงานที่เขาประดิษฐ์ด้วยมือ ซึ่งเขาทำเอง (เย็บด้วยเครื่องจักรเพียงแปดเปอร์เซ็นต์ของงานเย็บมือบนหมวก)"ไม่มีมืออื่นใดสัมผัสมันเลย... ก่อนที่ Herve [Pierre สไตลิสต์ส่วนตัวของ Melania] และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะได้รับมัน" เขากล่าวกิจการของ Eric Javits อยู่ไกลออกไปอีก เขาเป็นผู้จัดหาเครื่องประดับศีรษะและเครื่องประดับฟางให้กับ Bloomingdale's และ Nordstrom ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในไมอามี และความใกล้ชิดกับ Mar-a-Lago ทำให้ Herve สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้กับ Melania ใน Palm Beach ได้ด้วยมือในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อเช้าวันจันทร์ Lippes กล่าวว่าเป็น "เกียรติ" ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์กได้แต่งตัวให้ Melania เพื่อทำตามประเพณีที่ "สะท้อนถึงความงามของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน" และชุดของเธอเป็นผลงานของ "ช่างฝีมือที่ดีที่สุดของอเมริกา"มีการยกย่องชุดที่ออกแบบในอเมริกาเป็นจำนวนมาก และนักวิจารณ์แฟชั่นต่างก็พากันตะลึงที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่สามารถหาดีไซเนอร์ชาวอเมริกันที่ยินดีจะออกแบบเสื้อผ้าให้เธอได้ (แบรนด์เสรีนิยมสุดโต่งและค่อนข้างเย่อหยิ่งหลายแห่งปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเมลาเนียนับตั้งแต่สามีของเธอเริ่มต้นอาชีพนักการเมือง)แน่นอนว่าเพื่อที่จะค้นหาดีไซเนอร์ทั้งสองคนนี้ให้กับเมลาเนีย เอร์ฟ ปิแอร์ต้องพยายามค้นหาให้ไกลจากบูติกบนถนนเมดิสันอเวนิว (ซึ่งหนึ่งในนั้นเคยปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าร้าน) และต้องคิดนอกกรอบของโลกแฟชั่นอเมริกันที่ยังคงถูกครอบงำโดยกระแสต่อต้านอย่างไม่แยแสของแอนนา วินทัวร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตและบรรณาธิการนิตยสารโว้กทั้งนี้ การแต่งกายของเมลาเนียในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งทำในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ เมลาเนียเธอสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนซีดที่ในพิธีสาบานตนและถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็กกี้ เคนเนดี เมื่อปี 1961 ผมของเธอที่รวบขึ้นเป็นมวยแบบยุค 1960 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะที่เธอปลุกเร้ายุคทองของอุดมคติทางการเมืองผ่านแฟชั่น ภาพนี้แสดงให้เห็นโดนัลด์และเมลาเนียในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในปี 2017https://www.dailymail.co.uk/femail/article-14305329/Melania-Trump-inauguration-hat-real-reason.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1029 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของมายา
    เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้นั้น ผมว่าทุกสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นมายาแทบทั้งสิ้น และทุกสิ่งที่เป็นนามธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นของจริงที่เที่ยงแท้แทบทั้งสิ้น
    มายาที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มีหลายเรื่องหลายรูปแบบ เช่น
    ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ที่ล้วนอยู่ในโลกมายา สังคมหลอกลวงจอมปลอม ที่ดีแต่จะคอยเอาหน้ากากสวมใส่เพื่อหลอกลวงกันและกันอยู่เป็นเนืองนิตย์ จนกระทั่งมันติดจนกลายเป็นนิสัยของตนแต่ละคนแทบทั้งสิ้น จนถอนตัวไม่ขึ้น
    นักการเมือง ผู้หรับผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ที่มีหัวโขนสวมใส่ประจำตัว หรือตำแหน่ง หน้าที่การงาน ที่มีเกียรติยศ ชื่อเสียง พวกคนเหล่านี้นั้นมักยึดติดกับหัวโขนของตนเองอย่างเหนียวแน่น ทั้งๆที่แท้ที่จริงแล้วนั้นทุกคนล้วนต้องมีวันปลดเกษียณกันแทบทุกคน ซึ่งไม่มีใครที่จะอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดเวลานั่นเอง
    สิ่งของต่างๆที่มีค่า เช่น เครื่องราง เครื่องประดับ เงินทอง เพชรพลอย ซึ่งมันมีค่าก็จริง แต่เราก็ไม่ควรที่จะหวงแหนยึดติดกับมัน เพราะยังไงสักวันเราก็ต้องจากมันไปอยู่ดี หรือไม่มันก็ต้องจากเราไปอยู่ดีนั่นเอง
    ธรรมชาติที่อยู่ในโลกใบนี้นั้น ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ในทางที่ดีก็ร้าย อันตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินนั่นเอง
    รูปร่างตัวตนกายของเราก็เหมือนกัน มันมีวันสวย มันมีวันเต่งตึง แต่พอถึงเวลาสักพักหนึ่ง ชั่วระยะเวลาหนึ่งมันก็แก่เหี่ยวย่นไป ทรุดโทรมไปตามวัยและวันเวลานั่นเอง ซึ่งเรานั้นไม่ควรที่จะไปยึดติดกับมันให้มากเกินไปนัก เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ เจ็บป่วย และก็ตายไปในที่สุด
    อำนาจวาสนาเองก็เช่นเดียวกัน มันมีวันได้มา ทั้งโดยชอบธรรมและหรือโดยไม่ชอบธรรมก็ตามที แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องล้วนหมดจากอำนาจไปสักวันหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นของที่ทุกคนต่างแสวงหามันโดยกระสัน อยากได้มันมาอยู่นานๆ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรที่น่าพิสมัยเลย และยังทำให้สูญเสียทุกสิ่งที่มีค่าของตนแต่เดิมไป และถ้าหากใช้มันในทางที่ถูกต้องมันก็จะเป็นคุณอนันต์ แต่ถ้าหากใช้มันในทางที่ไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็ มันจะเป็นโทษมหันต์ในทันที ทั้งกับตนเองและผู้อื่นได้
    มันมีเรื่องของมายามากมายเยอะแยะจนผมอาจจะบรรยายไม่หมด แต่แค่นี้ก็พอจะบอกให้เห็นถึงโทษพิษของมายาได้บ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านเองว่าจะเลือกแบบไหนให้ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้นั่นเอง
    เรื่องของมายา เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้นั้น ผมว่าทุกสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นมายาแทบทั้งสิ้น และทุกสิ่งที่เป็นนามธรรมที่อยู่ในโลกนี้ล้วนเป็นของจริงที่เที่ยงแท้แทบทั้งสิ้น มายาที่ผมจะเล่าต่อไปนี้มีหลายเรื่องหลายรูปแบบ เช่น ศิลปิน นักร้อง นักแสดง ที่ล้วนอยู่ในโลกมายา สังคมหลอกลวงจอมปลอม ที่ดีแต่จะคอยเอาหน้ากากสวมใส่เพื่อหลอกลวงกันและกันอยู่เป็นเนืองนิตย์ จนกระทั่งมันติดจนกลายเป็นนิสัยของตนแต่ละคนแทบทั้งสิ้น จนถอนตัวไม่ขึ้น นักการเมือง ผู้หรับผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ที่มีหัวโขนสวมใส่ประจำตัว หรือตำแหน่ง หน้าที่การงาน ที่มีเกียรติยศ ชื่อเสียง พวกคนเหล่านี้นั้นมักยึดติดกับหัวโขนของตนเองอย่างเหนียวแน่น ทั้งๆที่แท้ที่จริงแล้วนั้นทุกคนล้วนต้องมีวันปลดเกษียณกันแทบทุกคน ซึ่งไม่มีใครที่จะอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดเวลานั่นเอง สิ่งของต่างๆที่มีค่า เช่น เครื่องราง เครื่องประดับ เงินทอง เพชรพลอย ซึ่งมันมีค่าก็จริง แต่เราก็ไม่ควรที่จะหวงแหนยึดติดกับมัน เพราะยังไงสักวันเราก็ต้องจากมันไปอยู่ดี หรือไม่มันก็ต้องจากเราไปอยู่ดีนั่นเอง ธรรมชาติที่อยู่ในโลกใบนี้นั้น ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ในทางที่ดีก็ร้าย อันตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินนั่นเอง รูปร่างตัวตนกายของเราก็เหมือนกัน มันมีวันสวย มันมีวันเต่งตึง แต่พอถึงเวลาสักพักหนึ่ง ชั่วระยะเวลาหนึ่งมันก็แก่เหี่ยวย่นไป ทรุดโทรมไปตามวัยและวันเวลานั่นเอง ซึ่งเรานั้นไม่ควรที่จะไปยึดติดกับมันให้มากเกินไปนัก เมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ เจ็บป่วย และก็ตายไปในที่สุด อำนาจวาสนาเองก็เช่นเดียวกัน มันมีวันได้มา ทั้งโดยชอบธรรมและหรือโดยไม่ชอบธรรมก็ตามที แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องล้วนหมดจากอำนาจไปสักวันหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นของที่ทุกคนต่างแสวงหามันโดยกระสัน อยากได้มันมาอยู่นานๆ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรที่น่าพิสมัยเลย และยังทำให้สูญเสียทุกสิ่งที่มีค่าของตนแต่เดิมไป และถ้าหากใช้มันในทางที่ถูกต้องมันก็จะเป็นคุณอนันต์ แต่ถ้าหากใช้มันในทางที่ไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็ มันจะเป็นโทษมหันต์ในทันที ทั้งกับตนเองและผู้อื่นได้ มันมีเรื่องของมายามากมายเยอะแยะจนผมอาจจะบรรยายไม่หมด แต่แค่นี้ก็พอจะบอกให้เห็นถึงโทษพิษของมายาได้บ้างไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านเองว่าจะเลือกแบบไหนให้ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ตนเองและผู้อื่นได้นั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..#หลักการตลาดแบบเข้าใจง่ายที่สุด# ภายใน 10 วินาที..
    _ถ้าอยากรวยให้ขาย สิ่งเหล่านี้
    .
    ขาย “ความหวัง” ให้กับ คนจน ..หวังว่าจะรวย หวังว่าจะถูกหวย..เช่น เครื่องราง วัตถุมงคล พิธีกรรมต่างๆ

    ขาย “ความกลัว” ให้กับ คนรวย..เพราะคนเหล่านี้ กลัวป่วย กลัวตุย..กลัวอะไรที่เสี่ยงๆ ต่อความปลอดภัย ทั้งในชีวิต และ ทรัพย์สิน

    ขาย “ความมั่นใจ” ให้กับ ผู้ชาย..เช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย..เครื่องปรุงแต่ง ด้านร่างกาย อื่นๆ.

    ขาย “ความสวย” ให้กับ ผู้หญิง..ยิ่งความสวย ราคาประหยัด .ขายดีเป็นเทน้ำ...ไปดู 7-11 ครีมซอง..เหมาขั้นวางไปไม่น้อยกว่า 2_3 ชั้น ..แบบกระปุกใหญ่ๆ ราคาหลายร้อยไม่มีแล้ว..ไม่นับตามเพจ ตามเวป อีกสารพัด..ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้า..เครื่องสำอางค์..ตอนนี้มาแรงคือ ร้านทำเล็บราคาประหยัด...

    ขาย “ความหรูหรา” ให้กับคนชั้นกลาง..คนชั้นนี้ ต้องการสร้างภาพ ให้เหมือนคนรวย..จะใช้ข้าวของ และ life stye แบบคนรวย...ที่เขามีกำลัง แม้ จะผ่อน หรือ กู้มา ก็ตาม.

    ขาย “สุขภาพ” ให้กับ คนแก่ชรา..คนวัยนี้กลัวการเจ็บป่วย พวกวิตามิน อาหารเสริม..นั่นนี่.. จึงขายดีกับคนกลุ่มนี้

    สุดท้าย ขาย ทางไปสวรรค์ ให้แก่คนที่มีเงิน แต่สมองอาจน้อยไปนิด...ว่า เงินซื้อบุญได้...มันก็จริงบางส่วน..แต่คงไม่จนาดที่เขาชักชวนหรอก..มันต้องมาจากการปฏิบัติตนในศีล อย่างต่อเนื่องยาวนาน..
    .
    ..#หลักการตลาดแบบเข้าใจง่ายที่สุด# ภายใน 10 วินาที.. _ถ้าอยากรวยให้ขาย สิ่งเหล่านี้ . ขาย “ความหวัง” ให้กับ คนจน ..หวังว่าจะรวย หวังว่าจะถูกหวย..เช่น เครื่องราง วัตถุมงคล พิธีกรรมต่างๆ ขาย “ความกลัว” ให้กับ คนรวย..เพราะคนเหล่านี้ กลัวป่วย กลัวตุย..กลัวอะไรที่เสี่ยงๆ ต่อความปลอดภัย ทั้งในชีวิต และ ทรัพย์สิน ขาย “ความมั่นใจ” ให้กับ ผู้ชาย..เช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย..เครื่องปรุงแต่ง ด้านร่างกาย อื่นๆ. ขาย “ความสวย” ให้กับ ผู้หญิง..ยิ่งความสวย ราคาประหยัด .ขายดีเป็นเทน้ำ...ไปดู 7-11 ครีมซอง..เหมาขั้นวางไปไม่น้อยกว่า 2_3 ชั้น ..แบบกระปุกใหญ่ๆ ราคาหลายร้อยไม่มีแล้ว..ไม่นับตามเพจ ตามเวป อีกสารพัด..ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้า..เครื่องสำอางค์..ตอนนี้มาแรงคือ ร้านทำเล็บราคาประหยัด... ขาย “ความหรูหรา” ให้กับคนชั้นกลาง..คนชั้นนี้ ต้องการสร้างภาพ ให้เหมือนคนรวย..จะใช้ข้าวของ และ life stye แบบคนรวย...ที่เขามีกำลัง แม้ จะผ่อน หรือ กู้มา ก็ตาม. ขาย “สุขภาพ” ให้กับ คนแก่ชรา..คนวัยนี้กลัวการเจ็บป่วย พวกวิตามิน อาหารเสริม..นั่นนี่.. จึงขายดีกับคนกลุ่มนี้ สุดท้าย ขาย ทางไปสวรรค์ ให้แก่คนที่มีเงิน แต่สมองอาจน้อยไปนิด...ว่า เงินซื้อบุญได้...มันก็จริงบางส่วน..แต่คงไม่จนาดที่เขาชักชวนหรอก..มันต้องมาจากการปฏิบัติตนในศีล อย่างต่อเนื่องยาวนาน.. .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts