• เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อสหรัฐฯ หลายแห่งได้กล่าวถึง J-35A เครื่องบินขับไล่ลำใหม่ของจีน โดยบางรายงานถึงกับเปรียบเทียบว่ามีศักยภาพเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ และในหมู่ชาวเน็ตจีนเองก็มีบางคนเชื่อว่า J-35A อาจเหนือกว่า J-20 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหนหลักของกองทัพอากาศจีน

    เพื่อไขข้อสงสัยนี้ พันเอกอาวุโส เสิน จิ้นเคอ อดีตโฆษกกองทัพอากาศจีน ได้ให้คำตอบระหว่างการบรรยายด้านการศึกษาด้านกลาโหม ณ เขตพัฒนาอากาศยานนครเจิ้งโจว เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา

    เมื่อถูกถามว่า J-35A เหนือกว่า J-20 หรือไม่ พันเอกเสินตอบว่า คำถามนี้ไม่ควรมองว่าเป็นการเปรียบเทียบเพื่อหาผู้ชนะ แต่ควรมองว่า J-20 และ J-35A เป็น "คู่หูที่สมบูรณ์แบบ"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000025835

    #MGROnline #เครื่องบินขับไล่ #จีน
    เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อสหรัฐฯ หลายแห่งได้กล่าวถึง J-35A เครื่องบินขับไล่ลำใหม่ของจีน โดยบางรายงานถึงกับเปรียบเทียบว่ามีศักยภาพเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ และในหมู่ชาวเน็ตจีนเองก็มีบางคนเชื่อว่า J-35A อาจเหนือกว่า J-20 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหนหลักของกองทัพอากาศจีน • เพื่อไขข้อสงสัยนี้ พันเอกอาวุโส เสิน จิ้นเคอ อดีตโฆษกกองทัพอากาศจีน ได้ให้คำตอบระหว่างการบรรยายด้านการศึกษาด้านกลาโหม ณ เขตพัฒนาอากาศยานนครเจิ้งโจว เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา • เมื่อถูกถามว่า J-35A เหนือกว่า J-20 หรือไม่ พันเอกเสินตอบว่า คำถามนี้ไม่ควรมองว่าเป็นการเปรียบเทียบเพื่อหาผู้ชนะ แต่ควรมองว่า J-20 และ J-35A เป็น "คู่หูที่สมบูรณ์แบบ" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/china/detail/9680000025835 • #MGROnline #เครื่องบินขับไล่ #จีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้ปฏิเสธรายงานของรัสเซียเกี่ยวกับการยิงเครื่องบินรบ F-16 ตกในทิศทางภูมิภาคซูมี (Sumy) นอกจากไม่ยอมรับแล้ว เขายังแจ้งเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขณะนี้มีเครื่องบินรบลำใหม่มาถึงยูเครนแล้ว รวมทั้งระบบขีปนาวุธของ Patriot ของสหรัฐ ที่กำลังเดินทางมาผ่านทางเยอรมนี

    ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ มีกระแสข่าวในโชเชียลว่าเครื่องบิน F-16 ของยูเครนถูกยิงตกในทิศทางภูมิภาคซูมี แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลต่างๆจำนวนมากที่รายงานออกมา บ่งชี้ว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างสูง และนักบินก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน

    รายละเอียดที่ปรากฎตามข่าว ระบุว่าฝ่ายรัสเซียมีการวางแผนโจมตีเครื่องบินไว้เป็นอย่างดี โดยมีการเคลื่อนระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 เข้ามาใกล้ชายแดนมากขึ้น หลังจากมีการรายงานข่าวการปรากฎตัวของเครื่องบินเหนือภูมิภาคซูมีบ่อยครั้งไปเมื่อวันก่อน

    หลังจากเรดาร์ตรวจจับการขึ้นบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 ใกล้แนวเขตชายแดน นักบิน Su-35 ของรัสเซียซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ใช้ระบบเรดาร์บนเครื่อง ช่วยในการระบุเป้าหมายให้กับทีมควบคุมระบบ S-400 เพื่อทำลายเป้าหมายลงได้ในที่สุด

    รายงานยังระบุอีกว่า เครื่องบิน F-16 น่าจะบินจากสนามบิน Vasylkiv ของยูเครน เนื่องจากช่วงการบุกภูมิภาค Kursk ฝ่ายรัสเซียเฝ้าติดตามจนทราบว่ามีการขึ้นบินจากที่นั่น และโดยปกติจะบินเหนือภูมิภาคซูมีเพื่อคอยคุ้มกัน MiG-29 ในระยะไกล แต่ครั้งนี้ต่างออกไป คือ F-16 ทำหน้าที่หลักในการโจมตีเอง
    เซเลนสกี้ปฏิเสธรายงานของรัสเซียเกี่ยวกับการยิงเครื่องบินรบ F-16 ตกในทิศทางภูมิภาคซูมี (Sumy) นอกจากไม่ยอมรับแล้ว เขายังแจ้งเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขณะนี้มีเครื่องบินรบลำใหม่มาถึงยูเครนแล้ว รวมทั้งระบบขีปนาวุธของ Patriot ของสหรัฐ ที่กำลังเดินทางมาผ่านทางเยอรมนี ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ มีกระแสข่าวในโชเชียลว่าเครื่องบิน F-16 ของยูเครนถูกยิงตกในทิศทางภูมิภาคซูมี แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลต่างๆจำนวนมากที่รายงานออกมา บ่งชี้ว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างสูง และนักบินก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน รายละเอียดที่ปรากฎตามข่าว ระบุว่าฝ่ายรัสเซียมีการวางแผนโจมตีเครื่องบินไว้เป็นอย่างดี โดยมีการเคลื่อนระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 เข้ามาใกล้ชายแดนมากขึ้น หลังจากมีการรายงานข่าวการปรากฎตัวของเครื่องบินเหนือภูมิภาคซูมีบ่อยครั้งไปเมื่อวันก่อน หลังจากเรดาร์ตรวจจับการขึ้นบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 ใกล้แนวเขตชายแดน นักบิน Su-35 ของรัสเซียซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ใช้ระบบเรดาร์บนเครื่อง ช่วยในการระบุเป้าหมายให้กับทีมควบคุมระบบ S-400 เพื่อทำลายเป้าหมายลงได้ในที่สุด รายงานยังระบุอีกว่า เครื่องบิน F-16 น่าจะบินจากสนามบิน Vasylkiv ของยูเครน เนื่องจากช่วงการบุกภูมิภาค Kursk ฝ่ายรัสเซียเฝ้าติดตามจนทราบว่ามีการขึ้นบินจากที่นั่น และโดยปกติจะบินเหนือภูมิภาคซูมีเพื่อคอยคุ้มกัน MiG-29 ในระยะไกล แต่ครั้งนี้ต่างออกไป คือ F-16 ทำหน้าที่หลักในการโจมตีเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้บริหารของบอมบาร์เดียร์ อิงค์ ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติแคนาดา แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของแคนาดา ที่จะทบทวนสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 จากล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป บริษัทของอเมริกา ชี้เสี่ยงโดนสหรัฐฯเอาคืน ท่ามกลางสงครามรีดภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างออตตาวาและวอชิงตัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000026126
    ผู้บริหารของบอมบาร์เดียร์ อิงค์ ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติแคนาดา แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของแคนาดา ที่จะทบทวนสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 จากล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป บริษัทของอเมริกา ชี้เสี่ยงโดนสหรัฐฯเอาคืน ท่ามกลางสงครามรีดภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างออตตาวาและวอชิงตัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000026126
    Like
    Haha
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1267 มุมมอง 1 รีวิว
  • ทรัมป์เพิ่งสั่งโจมตีกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ หลังจากเยเมนปฏิเสธนั่งเฉยๆ เพื่อมองดูการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในกาซา จากฝีมืออิสราเอล ซึ่งอเมริกาสนับสนุนอย่างเต็มที่

    การโจมตีเยเมนมีขึ้นหลังจากที่ กลุ่มฮูตีประกาศประกาศเริ่มกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลในทะเลแดงและทะเลอาหรับอีกครั้ง เพื่อเป็นการตอบโต้การตัดไฟฟ้าและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา

    เครื่องบินที่เข้าร่วมในการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนในวันนี้:
    เครื่องบิน P8 Poseidon ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศบาห์เรน
    เครื่องบินขับไล่ MQ-4C Triton ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 🇦🇪
    RC-135V ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ จากประเทศกาตาร์
    เครื่องบิน KC2 Voyager ของกองทัพอากาศอังกฤษ จากไซปรัส
    ฝูงบินเหล่านี้สนับสนุนการโจมตีทางอากาศโดยทำหน้าที่เฝ้าระวัง เติมเชื้อเพลิง และอื่นๆ ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-18 Hornet ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman ในทะเลแดง

    ฐานทัพสหรัฐในซาอุ กาตาร์ UAE และบาห์เรน ประกาศเตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ หลังสหรัฐถล่มเยเมน

    ภาพจากทำเนียบขาว เผยให้เห็นทรัมป์ยืนบัญชาการโจมตีด้วยตัวเอง และยังโพสต์ข้อความระบุว่า:
    "เราจะใช้สรรพกำลังที่มีอยู่โจมตีอย่างท่วมท้นจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย"
    "ถึงฮูตี เวลาพวกคุณหมดแล้ว การโจมตีจากคุณจะต้องหยุดลงในวันนี้ หากยังดื้ดึง นรกจะถล่มคุณในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน"

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังส่งคำขู่ไปถึงอิหร่านว่า:
    "หยุดสนับสนุนฮูตีเดี๋ยวนี้! หากคุณยังทำต่อไป จงระวัง! เพราะอเมริกาจะถือว่าคุณมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และเราจะไม่ปราณีใครกับเรื่องนี้"
    ทรัมป์เพิ่งสั่งโจมตีกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน รวมทั้งพื้นที่โดยรอบ หลังจากเยเมนปฏิเสธนั่งเฉยๆ เพื่อมองดูการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในกาซา จากฝีมืออิสราเอล ซึ่งอเมริกาสนับสนุนอย่างเต็มที่ การโจมตีเยเมนมีขึ้นหลังจากที่ กลุ่มฮูตีประกาศประกาศเริ่มกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลในทะเลแดงและทะเลอาหรับอีกครั้ง เพื่อเป็นการตอบโต้การตัดไฟฟ้าและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลไปยังฉนวนกาซา เครื่องบินที่เข้าร่วมในการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนในวันนี้: เครื่องบิน P8 Poseidon ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศบาห์เรน เครื่องบินขับไล่ MQ-4C Triton ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 🇦🇪 RC-135V ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ จากประเทศกาตาร์ เครื่องบิน KC2 Voyager ของกองทัพอากาศอังกฤษ จากไซปรัส ฝูงบินเหล่านี้สนับสนุนการโจมตีทางอากาศโดยทำหน้าที่เฝ้าระวัง เติมเชื้อเพลิง และอื่นๆ ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-18 Hornet ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman ในทะเลแดง ฐานทัพสหรัฐในซาอุ กาตาร์ UAE และบาห์เรน ประกาศเตรียมพร้อมเต็มรูปแบบ หลังสหรัฐถล่มเยเมน ภาพจากทำเนียบขาว เผยให้เห็นทรัมป์ยืนบัญชาการโจมตีด้วยตัวเอง และยังโพสต์ข้อความระบุว่า: "เราจะใช้สรรพกำลังที่มีอยู่โจมตีอย่างท่วมท้นจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย" "ถึงฮูตี เวลาพวกคุณหมดแล้ว การโจมตีจากคุณจะต้องหยุดลงในวันนี้ หากยังดื้ดึง นรกจะถล่มคุณในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังส่งคำขู่ไปถึงอิหร่านว่า: "หยุดสนับสนุนฮูตีเดี๋ยวนี้! หากคุณยังทำต่อไป จงระวัง! เพราะอเมริกาจะถือว่าคุณมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และเราจะไม่ปราณีใครกับเรื่องนี้"
    Sad
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรดาพันธมิตรบางส่วนของสหรัฐฯ เริ่มมองเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35 ว่าอาจเป็นความอ่อนแอแทนที่จะเป็นอาวุธล้ำสมัยที่ช่วยเสริมแสนยานุภาพในการทำศึกสงคราม ตามหลังท่าทีตีตัวออกห่างจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่มีเสียงลือว่าอเมริกาสามารถตัดขาดการใช้งานเครื่องบินล้ำสมัยรุ่นนี้จากระยะไกล

    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000025085
    บรรดาพันธมิตรบางส่วนของสหรัฐฯ เริ่มมองเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35 ว่าอาจเป็นความอ่อนแอแทนที่จะเป็นอาวุธล้ำสมัยที่ช่วยเสริมแสนยานุภาพในการทำศึกสงคราม ตามหลังท่าทีตีตัวออกห่างจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่มีเสียงลือว่าอเมริกาสามารถตัดขาดการใช้งานเครื่องบินล้ำสมัยรุ่นนี้จากระยะไกล อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000025085
    Like
    Haha
    Yay
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2020 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคนาดาไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งteenสหรัฐ!
    มีรายงานว่ากำลังพิจารณายุติสัญญารซื้อเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ

    ไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มีรายงานว่าเขากำลังพิจารณายกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่มีกับ Lockheed

    รัฐมนตรีกลาโหมแคนาดากล่าวว่า แคนาดากำลังพิจารณาทางเลือกเครื่องบินรุ่นอื่นจากสหภาพยุโรปแทนเครื่องบิน F-35 ของสหรัฐฯ

    เหตุผลของแคนาดาไม่มีอะไรมากไปกว่าความตึงเครียดทางการค้ากับทรัมป์

    การจ่ายเงินให้กับ Lockheed ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางการทหารของสหรัฐฯ เป็นจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สำหรับเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ของ คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่แคนาดา

    มีรายงานว่า เขาส่งอีเมล์แจ้งการยุติสัญญาในการซื้อเครื่องบินขับไล่ไปแล้ว
    แคนาดาไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งteenสหรัฐ! มีรายงานว่ากำลังพิจารณายุติสัญญารซื้อเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ ไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มีรายงานว่าเขากำลังพิจารณายกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่มีกับ Lockheed รัฐมนตรีกลาโหมแคนาดากล่าวว่า แคนาดากำลังพิจารณาทางเลือกเครื่องบินรุ่นอื่นจากสหภาพยุโรปแทนเครื่องบิน F-35 ของสหรัฐฯ เหตุผลของแคนาดาไม่มีอะไรมากไปกว่าความตึงเครียดทางการค้ากับทรัมป์ การจ่ายเงินให้กับ Lockheed ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางการทหารของสหรัฐฯ เป็นจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สำหรับเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ของ คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่แคนาดา มีรายงานว่า เขาส่งอีเมล์แจ้งการยุติสัญญาในการซื้อเครื่องบินขับไล่ไปแล้ว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตุเกสยกเลิกแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35 โดยอ้างว่าต้องการต่อต้านนโยบายถอยห่างที่มีต่อยุโรปของทรัมป์

    แต่เหตุผลของโปรตุเกสดูแล้วมีความขัดแย้งในตัวเอง โดยที่ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน 2024 พลเอก João Cartaxo Alves ผู้บัญชาการกองทัพอากาศโปรตุเกส ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของโปรตุเกส ยืนยันแผนของกองทัพอากาศในการสั่งซื้อ F-35 Lightning II เพื่อเข้ามาแทนที่ F-16 ที่ประจำการอยู่ เขายังกล่าวด้วยว่า โครงการนี้ได้เริ่มต้นไปแล้ว และจะใช้เวลาประมาณสองทศวรรษ โดยมีงบประมาณประมาณ 5,500 ล้านยูโร

    ในระหว่างนี้ กระทรวงกลาโหมไม่ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว แต่ก็มีรายงานการเคลื่อนไหวในการติดต่อสั่งซื้อจากลาโหมโปรตุเกสมาตลอด ซึ่งในช่วงเวลานั้นปัญหาของ F-35 ได้ถูกนำมาพิจารณาอีกครั้ง ทั้งเรื่องการส่งมอบล่าช้า และปัญหาทางด้านซอฟท์แวร์

    หลังจากนั้น ข่าวจากกระทรวงกลาโหมโปรตุเกสได้เงียบหายไป และนิ่งเฉยมาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเดือนมีนาคม 2025 ทางกระทรวงกลาโหมได้ประกาศยกเลิกแผนการสั่งซื้อไปในที่สุด โดยอ้างเหตุผลว่านโยบายการเมืองของสหรัฐมีความไม่แน่นอนต่อยุโรป พร้อมกับกล่าวว่า ตัวเลือกต่างๆที่จะได้รับการพิจารณา จะเป็น Saab Gripen และ Eurofighter Typhoon โดยไม่มีการพูดถึง Lockheed Martin F-35 Lightning II แต่อย่างใด
    โปรตุเกสยกเลิกแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35 โดยอ้างว่าต้องการต่อต้านนโยบายถอยห่างที่มีต่อยุโรปของทรัมป์ แต่เหตุผลของโปรตุเกสดูแล้วมีความขัดแย้งในตัวเอง โดยที่ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน 2024 พลเอก João Cartaxo Alves ผู้บัญชาการกองทัพอากาศโปรตุเกส ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของโปรตุเกส ยืนยันแผนของกองทัพอากาศในการสั่งซื้อ F-35 Lightning II เพื่อเข้ามาแทนที่ F-16 ที่ประจำการอยู่ เขายังกล่าวด้วยว่า โครงการนี้ได้เริ่มต้นไปแล้ว และจะใช้เวลาประมาณสองทศวรรษ โดยมีงบประมาณประมาณ 5,500 ล้านยูโร ในระหว่างนี้ กระทรวงกลาโหมไม่ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว แต่ก็มีรายงานการเคลื่อนไหวในการติดต่อสั่งซื้อจากลาโหมโปรตุเกสมาตลอด ซึ่งในช่วงเวลานั้นปัญหาของ F-35 ได้ถูกนำมาพิจารณาอีกครั้ง ทั้งเรื่องการส่งมอบล่าช้า และปัญหาทางด้านซอฟท์แวร์ หลังจากนั้น ข่าวจากกระทรวงกลาโหมโปรตุเกสได้เงียบหายไป และนิ่งเฉยมาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเดือนมีนาคม 2025 ทางกระทรวงกลาโหมได้ประกาศยกเลิกแผนการสั่งซื้อไปในที่สุด โดยอ้างเหตุผลว่านโยบายการเมืองของสหรัฐมีความไม่แน่นอนต่อยุโรป พร้อมกับกล่าวว่า ตัวเลือกต่างๆที่จะได้รับการพิจารณา จะเป็น Saab Gripen และ Eurofighter Typhoon โดยไม่มีการพูดถึง Lockheed Martin F-35 Lightning II แต่อย่างใด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-35 ของกองทัพอากาศแอลจีเรีย กำลังฝึกซ้อมทางอากาศครั้งแรกจากฐานทัพอากาศ Oum Bouaghi

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงฝูงบินของประเทศในแอฟริกาเหนือให้ทันสมัย
    เครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-35 ของกองทัพอากาศแอลจีเรีย กำลังฝึกซ้อมทางอากาศครั้งแรกจากฐานทัพอากาศ Oum Bouaghi การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงฝูงบินของประเทศในแอฟริกาเหนือให้ทันสมัย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • พวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเยอรมนี มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปไดที่สหรัฐฯจะตัดขาดจากระยะไกล การใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่วอชิงตันส่งมอบให้แก่เบอร์ลิน ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์หนึ่งใด หลังจากเมื่อเร็วๆนี้อเมริกาเพิ่งหยุดสนับสนุนทางทหารและระงับป้อนข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บิลด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    กองทัพอากาศเยอรมนี เตรียมได้รับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II ที่ผลิตโดยอเมริกา จำนวน 35 ลำ ในปี 2026 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงมูลค่า 8,300 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีบางส่วนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดแย้งกับอียูในหลายๆประเด็น อาจใช้ตัวตัดการเชื่อมต่อ "kill switch" ทำให้เครื่องบินเหล่านั้นขึ้นบินไม่ได้ หากว่าวอชิงตันกับชาติต่างๆในยุโรป เห็นต่างกันในแนวทางที่ใช้รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย
    .
    "kill switch ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวลือ" โจอาชิม ชรานโชเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Hensoldt บริษัทกลาโหมของเยอรมนี บอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ "แต่มันคงดีกว่า ถ้าวางแผนภารกิจอย่างเป็นระบบ ให้เครื่องบินยังอยู่บนภาคพื้น"
    .
    โวล์ฟกัง อิสชินเดกอร์ อดีตประธานมูลนิธิ Munich Security Conference ตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของสัญญาจัดซื้อดังกล่าว "ถ้าเราหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯจะทำกับฝูงบิน F-35 ในอนาคตของเยอรมนี แบบเดียวกับที่ทำกับยูเครนในปัจจุบัน เราอาจยกเลิกสัญญา" เขาบอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์
    .
    ความกังวลเกี่ยวกับ kill switch บนเครื่องบินรบที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยังสะท้อนได้จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในนั้นรวมถึง ริชาร์ด อาบัวลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านกลาโหม ที่บอกว่าแม้ยังไม่เคยมีคำยืนยันเกี่ยวกับ "kill switch" แต่ "ลองสมมุติดู มันอาจมีอยู่จริง ถ้าคุณมีบางอย่างที่สามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับรหัสซอฟต์แวร์ "
    .
    ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว kill switch เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สืบเนื่องจากความล้ำสมัยของเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่และมันพึ่งพาอาศัยผู้ขายมากจนเกินไป "กองทัพยุโรปเกือบทั้งหมดพึ่งพาสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สำหรับการสนับสนุนด้านติดต่อสื่อสาร สำหรับสนับสนุนการสงครามอิเล็กทรอนิก และสำหรับเติมเสบียงกระสุนในความขัดแย้งร้ายแรงใดๆ" จัสติน บรอนค์ นักวิจัยจากสถาบัน Royal United Services บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน F-35 ปรากฏขึ้นมา หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารและข้อมูลข่าวกรองที่มอบแก่ยูเครน ตามหลังศึกวิวาทะระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยระหว่างนั้นผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนว่าไม่ต้องการมีสันติภาพกับรัสเซีย
    .
    โครงการ F-35 ถูกให้คำนิยามว่าเป็นโครงการทางทหารแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้นทุนรวมของโครงการนี้ทะลุ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงอายุของโครงการ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ F-35 ทำการบินในเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อปี 2006 โครงการนี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาต้นทุนบานปลาย ล่าช้าและประเด็นความน่าเชื่อถือ จนถึงตอนนี้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วกว่า 1,100 ลำ จำนวนมากเป็นการป้อนสู่บรรดาพันธมิตรของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023273
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเยอรมนี มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปไดที่สหรัฐฯจะตัดขาดจากระยะไกล การใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่วอชิงตันส่งมอบให้แก่เบอร์ลิน ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์หนึ่งใด หลังจากเมื่อเร็วๆนี้อเมริกาเพิ่งหยุดสนับสนุนทางทหารและระงับป้อนข้อมูลข่าวกรองแก่ยูเครน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บิลด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . กองทัพอากาศเยอรมนี เตรียมได้รับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II ที่ผลิตโดยอเมริกา จำนวน 35 ลำ ในปี 2026 ส่วนหนึ่งในข้อตกลงมูลค่า 8,300 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีบางส่วนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขัดแย้งกับอียูในหลายๆประเด็น อาจใช้ตัวตัดการเชื่อมต่อ "kill switch" ทำให้เครื่องบินเหล่านั้นขึ้นบินไม่ได้ หากว่าวอชิงตันกับชาติต่างๆในยุโรป เห็นต่างกันในแนวทางที่ใช้รับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย . "kill switch ไม่มีอะไรมากไปกว่าข่าวลือ" โจอาชิม ชรานโชเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Hensoldt บริษัทกลาโหมของเยอรมนี บอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ "แต่มันคงดีกว่า ถ้าวางแผนภารกิจอย่างเป็นระบบ ให้เครื่องบินยังอยู่บนภาคพื้น" . โวล์ฟกัง อิสชินเดกอร์ อดีตประธานมูลนิธิ Munich Security Conference ตั้งคำถามเกี่ยวกับชะตากรรมของสัญญาจัดซื้อดังกล่าว "ถ้าเราหวั่นเกรงว่าสหรัฐฯจะทำกับฝูงบิน F-35 ในอนาคตของเยอรมนี แบบเดียวกับที่ทำกับยูเครนในปัจจุบัน เราอาจยกเลิกสัญญา" เขาบอกกับหนังสือพิมพ์บิลด์ . ความกังวลเกี่ยวกับ kill switch บนเครื่องบินรบที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ยังสะท้อนได้จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส หนึ่งในนั้นรวมถึง ริชาร์ด อาบัวลาเฟีย นักวิเคราะห์ด้านกลาโหม ที่บอกว่าแม้ยังไม่เคยมีคำยืนยันเกี่ยวกับ "kill switch" แต่ "ลองสมมุติดู มันอาจมีอยู่จริง ถ้าคุณมีบางอย่างที่สามารถทำอะไรเล็กๆน้อยๆกับรหัสซอฟต์แวร์ " . ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆชี้ว่า โดยพื้นฐานแล้ว kill switch เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น สืบเนื่องจากความล้ำสมัยของเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่และมันพึ่งพาอาศัยผู้ขายมากจนเกินไป "กองทัพยุโรปเกือบทั้งหมดพึ่งพาสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สำหรับการสนับสนุนด้านติดต่อสื่อสาร สำหรับสนับสนุนการสงครามอิเล็กทรอนิก และสำหรับเติมเสบียงกระสุนในความขัดแย้งร้ายแรงใดๆ" จัสติน บรอนค์ นักวิจัยจากสถาบัน Royal United Services บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ความกังวลเกี่ยวกับเครื่องบิน F-35 ปรากฏขึ้นมา หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารและข้อมูลข่าวกรองที่มอบแก่ยูเครน ตามหลังศึกวิวาทะระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน โดยระหว่างนั้นผู้นำสหรัฐฯกล่าวหาผู้นำยูเครนว่าไม่ต้องการมีสันติภาพกับรัสเซีย . โครงการ F-35 ถูกให้คำนิยามว่าเป็นโครงการทางทหารแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้นทุนรวมของโครงการนี้ทะลุ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดช่วงอายุของโครงการ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ F-35 ทำการบินในเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อปี 2006 โครงการนี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยปัญหาต้นทุนบานปลาย ล่าช้าและประเด็นความน่าเชื่อถือ จนถึงตอนนี้เครื่องบินรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาแล้วกว่า 1,100 ลำ จำนวนมากเป็นการป้อนสู่บรรดาพันธมิตรของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023273 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1983 มุมมอง 0 รีวิว
  • นวัตกรรมสุดยอด ของ จีน

    เครื่องยนต์ไอพ่น ความเร็วที่ 16 มัค จุดระเบิดแบบ oblique (ODE) ซึ่งใช้น้ํามันก๊าดการบินทั่วไป ทําให้สมรรถนะนี้ในระหว่างการทดสอบที่อุโมงค์โช้ค JF-12 ในปักกิ่ง ผลลัพธ์แสดงอัตราการเผาไหม้ที่เร็วกว่า scramjets แบบดั้งเดิม 1,000 เท่า โดยช่วงการทํางานระหว่าง Mach 6 - Mach 16 ซึ่งเครื่องยนต์เจ็ตส่วนใหญ่ล้มเหลว

    เครื่องยนต์นี้ กำลังจะถูกติดตั้งบน เครื่องบินขับไล่เจเนอเรชั่นที่6 ของจีน จะมีความก้าวล้ำหน้ามากกว่า..สหรัฐฯ
    นวัตกรรมสุดยอด ของ จีน เครื่องยนต์ไอพ่น ความเร็วที่ 16 มัค จุดระเบิดแบบ oblique (ODE) ซึ่งใช้น้ํามันก๊าดการบินทั่วไป ทําให้สมรรถนะนี้ในระหว่างการทดสอบที่อุโมงค์โช้ค JF-12 ในปักกิ่ง ผลลัพธ์แสดงอัตราการเผาไหม้ที่เร็วกว่า scramjets แบบดั้งเดิม 1,000 เท่า โดยช่วงการทํางานระหว่าง Mach 6 - Mach 16 ซึ่งเครื่องยนต์เจ็ตส่วนใหญ่ล้มเหลว เครื่องยนต์นี้ กำลังจะถูกติดตั้งบน เครื่องบินขับไล่เจเนอเรชั่นที่6 ของจีน จะมีความก้าวล้ำหน้ามากกว่า..สหรัฐฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 มีนาคม 2568-เมื่อเวลา 08.55 น.วันที่ 7 มีนาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในฉลองพระองค์ชุดนักบิน เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทอดพระเนตรการแสดงการบิน เนื่องในโอกาสครบ 88 ปี กองทัพอากาศ ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กองทัพอากาศ เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก เสกสรร คันธา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ประธานจัดงานการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปี กองทัพอากาศ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการทหารอากาศ เฝ้าฯ รับเสด็จจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประทับหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศเอก คิดควร สดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และนางวริสรา สดับ ภริยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว ผู้บัญชาการทหารอากาศ กราบบังคมทูลรายงานการจัดการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปี กองทัพอากาศจากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงการบิน ชุดที่ 1 ประกอบด้วย “การบินฟอร์เมชัน ดิสเพลย์ วิธ เนชันแนล คัลเลอร์ส สโมค” (Formation Display with National Colors Smoke) โดยเครื่องบิน AU-23, T-50TH และเครื่องบิน F-16MLU จากกองทัพอากาศไทย “การบินกริพเพน เดโม” (Gripen Demo) จากกองทัพอากาศไทย “การบินออกัสท์ เฟิร์ธ” (August 1ST) โดยเครื่องบิน J-10C จากกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน และ “การบินเอฟ-35เอ เดโม” (F-35A Demo) จากกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาภายหลังจบการแสดงการบินชุดที่ 1 แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าภายในอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และภริยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกจากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการและวีดิทัศน์ภารกิจเครื่องบิน “กริพเพน” (Gripen) บินลงจอดบนถนนในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งทำการวิ่งขึ้นจาก สนามบินหาดใหญ่บินไปตามจุดที่กำหนดเพื่อทำการลงสนามแบบ Straight in approach โดยในเที่ยวแรกได้ทำ Low approach เพื่อทำความคุ้นเคยและในเที่ยวบินที่2 จึงทำการลงสนามจริง นิทรรศการพระมหากษัตริย์นักบินแห่งราชวงศ์จักรี ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัย และทรงพระปรีชาสามารถด้านการบินทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเชี่ยวชาญ หลังจากที่ทรงสำเร็จการศึกษาทางการทหารเมื่อพุทธศักราช 2522 ทรงเริ่มเข้ารับการฝึกบินหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (Gunship) ของกองทัพบก เมื่อพุทธศักราช 2523 และทรงฝึกบินหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศ ทรงสำเร็จตามหลักสูตร เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2523 และได้ทรงบินเฮลิคอปเตอร์ด้วยพระองค์เอง เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนนายเรืออากาศ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2523 ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และทรงรับพระราชทานประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบินของกองทัพอากาศ จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นความภูมิใจของกำลังพลของกองทัพอากาศ และพสกนิกรชาวไทยที่ได้มีพระมหากษัตริย์นักบิน เป็นมิ่งขวัญของแผ่นดินภายหลังจากทอดพระเนตรนิทรรศการเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ทอดพระเนตรเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ เอฟ-5อี (F-5E) และทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์กับเครื่องบิน ที-50 อากาศยานไอพ่นความเร็วเหนือเสียง และเป็นอากาศยานโจมตี จากกองบิน 4 ตาคลี จ.นครสวรรค์ด้วยพระราชปณิธานในการเป็นนักบิน ทรงเข้ารับการถวายการฝึกบินกับอากาศยานปีกตรึงโดยกองทัพอากาศ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาเทคนิคการบินจากฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ฐานทัพอากาศเล็คแลนด์ เมืองแซนเอนโทนิโอ รัฐเท็กซัส ทรงจบหลักสูตรการบินขับไล่ไอพ่น ยุทธวิธีขั้นพื้นฐานจากฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 425 ฐานบินวิลเลียมส์ รัฐแอริโซนา ทรงเข้าศึกษาฝึกบินกับเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ เอฟ-5อี (F-5E) ในหลักสูตรการบินขับไล่ไอพ่นทางยุทธวิธีชั้นสูง ทรงเข้าประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ กับทรงศึกษาหลักสูตรทางทหารเพิ่มเติม เช่น หลักสูตรต้นหนชั้นสูง การลาดตระเวน หลักสูตรส่งทางอากาศ หลักสูตรการบิ เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ ยูเอช-1เอช (UH-1H) ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ณ ฟอร์ท แบรกก์ รัฐนอร์ธ แคโรไลนา และหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธแบบ เอเอช-1เอส คอบรา (AH-1S COBRA) ทรงฝึกฝนการบินอย่างสม่ำเสมอ และยังได้ทรงเข้าร่วมการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีของกองทัพอากาศที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยทรงเข้าร่วมแข่งขันระหว่างพุทธศักราช 2526 ถึง 2530 ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จ.ลพบุรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักบินขับไล่ไอพ่นพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงทำการบินกับเครื่องบินกองทัพอากาศได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานปีกหมุน อากาศยานปีกตรึงแบบใบพัด และเครื่องยนต์ไอพ่น และด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นนักบินขับไล่ที่มีชั่วโมงบินต่อเนื่องมากกว่า 2,800 ชั่วโมงบิน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยากยิ่งสำหรับนักบินขับไล่ทั่วโลกที่จะทำได้ และด้วยพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ทรงถ่ายทอดประสบการณ์ที่ทรงมี ปฏิบัติหน้าที่ครูการบิน พระราชทานการฝึกสอนทั้งวิชาการภาคพื้นและการฝึกบินให้แก่นักบินขับไล่ของกองทัพอากาศ แสดงถึงพระปรีชาสามารถที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยพัฒนาและยกระดับการบินของชาติให้ทัดเทียมนานาประเทศ ทรงอุปถัมภ์งานด้านการบินอย่างต่อเนื่อง นับเป็นคุณูปการแก่กองทัพอากาศไทย และกิจการการบินของประเทศเป็นอย่างยิ่งจากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการเครื่องบินฝึกจำลอง (Gripen E/F Simulator) ของเครื่องบิน Gripen ด้วยความสนพระราชหฤทัย ในโอกาสนี้ มีพระราชปฏิสันถารกับนักบินในฝูงบินจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกาเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประทับหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ทอดพระเนตรการแสดงการบิน ชุดที่ 2 “การบินสูรยกิรัณ” (Suryakiran) จากกองทัพอากาศสาธารณรัฐอินเดีย ภายหลังจบการแสดงการบิน เสด็จออกจากที่ประทับหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกองทัพอากาศ จัดการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปี เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวาระที่กระทรวงกลาโหมได้ยกฐานะกรมทหารอากาศ ขึ้นเป็นกองทัพอากาศ ตั้งแต่พุทธศักราช 2480 ซึ่งปฏิบัติภารกิจอย่างมุ่งมั่นเพื่อรักษาความมั่นคง ของชาติ และดํารงความพร้อมของกําลังทางอากาศ เพื่อรับมือกับภัยคุกคาม ทุกรูปแบบ รวมทั้งการใช้ขีดความสามารถของ กองทัพอากาศทุกมิติ เพื่อช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเต็มความสามารถตลอด 88 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงจัดงานขึ้นภายใต้แนวคิด “AIR SOVEREIGNTY THROUGH UNBEATABLE COLLABORATION” หรือ “อธิปไตยเหนือน่านฟ้า ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่ง” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงเกียรติประวัติความภาคภูมิใจ ในเกียรติภูมิของกองทัพอากาศ และแสดงถึงขีดความสามารถของ กองทัพอากาศ ในการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง การสนับสนุนหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน การใช้ขีดความสามารถในทุกด้านเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนแสดงถึงแผนการพัฒนากองทัพอากาศในอนาคต แสดงถึงความพร้อมของกองทัพอากาศ ในด้านการส่งเสริม ภาคอุตสาหกรรมการบิน และภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อันนำไปสู่ การเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล ที่ส่งเสริมและกระชับความร่วมมือภายในประเทศ และเสริมสร้างมิตรภาพความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกองทัพอากาศ กับกองทัพอากาศมิตรประเทศโดยปีนี้ได้จัดแสดงอากาศยานของกองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศมิตรประเทศ ทั้ง 3 ประเทศด้วยกัน ประกอบด้วย กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา , กองทัพอากาศสาธารณรัฐอินเดีย และกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 7 - 8 มีนาคม ณ กองบิน 6 ท่าอากาศยานทหารดอนเมือง
    7 มีนาคม 2568-เมื่อเวลา 08.55 น.วันที่ 7 มีนาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในฉลองพระองค์ชุดนักบิน เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทอดพระเนตรการแสดงการบิน เนื่องในโอกาสครบ 88 ปี กองทัพอากาศ ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กองทัพอากาศ เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก เสกสรร คันธา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ประธานจัดงานการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปี กองทัพอากาศ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการทหารอากาศ เฝ้าฯ รับเสด็จจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประทับหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศเอก คิดควร สดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และนางวริสรา สดับ ภริยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว ผู้บัญชาการทหารอากาศ กราบบังคมทูลรายงานการจัดการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปี กองทัพอากาศจากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงการบิน ชุดที่ 1 ประกอบด้วย “การบินฟอร์เมชัน ดิสเพลย์ วิธ เนชันแนล คัลเลอร์ส สโมค” (Formation Display with National Colors Smoke) โดยเครื่องบิน AU-23, T-50TH และเครื่องบิน F-16MLU จากกองทัพอากาศไทย “การบินกริพเพน เดโม” (Gripen Demo) จากกองทัพอากาศไทย “การบินออกัสท์ เฟิร์ธ” (August 1ST) โดยเครื่องบิน J-10C จากกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน และ “การบินเอฟ-35เอ เดโม” (F-35A Demo) จากกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาภายหลังจบการแสดงการบินชุดที่ 1 แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าภายในอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ และภริยา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกจากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการและวีดิทัศน์ภารกิจเครื่องบิน “กริพเพน” (Gripen) บินลงจอดบนถนนในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งทำการวิ่งขึ้นจาก สนามบินหาดใหญ่บินไปตามจุดที่กำหนดเพื่อทำการลงสนามแบบ Straight in approach โดยในเที่ยวแรกได้ทำ Low approach เพื่อทำความคุ้นเคยและในเที่ยวบินที่2 จึงทำการลงสนามจริง นิทรรศการพระมหากษัตริย์นักบินแห่งราชวงศ์จักรี ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัย และทรงพระปรีชาสามารถด้านการบินทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเชี่ยวชาญ หลังจากที่ทรงสำเร็จการศึกษาทางการทหารเมื่อพุทธศักราช 2522 ทรงเริ่มเข้ารับการฝึกบินหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (Gunship) ของกองทัพบก เมื่อพุทธศักราช 2523 และทรงฝึกบินหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศ ทรงสำเร็จตามหลักสูตร เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2523 และได้ทรงบินเฮลิคอปเตอร์ด้วยพระองค์เอง เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนนายเรืออากาศ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2523 ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช และทรงรับพระราชทานประดับเครื่องหมายแสดงความสามารถในการบินของกองทัพอากาศ จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นความภูมิใจของกำลังพลของกองทัพอากาศ และพสกนิกรชาวไทยที่ได้มีพระมหากษัตริย์นักบิน เป็นมิ่งขวัญของแผ่นดินภายหลังจากทอดพระเนตรนิทรรศการเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ทอดพระเนตรเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ เอฟ-5อี (F-5E) และทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์กับเครื่องบิน ที-50 อากาศยานไอพ่นความเร็วเหนือเสียง และเป็นอากาศยานโจมตี จากกองบิน 4 ตาคลี จ.นครสวรรค์ด้วยพระราชปณิธานในการเป็นนักบิน ทรงเข้ารับการถวายการฝึกบินกับอากาศยานปีกตรึงโดยกองทัพอากาศ และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาเทคนิคการบินจากฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ฐานทัพอากาศเล็คแลนด์ เมืองแซนเอนโทนิโอ รัฐเท็กซัส ทรงจบหลักสูตรการบินขับไล่ไอพ่น ยุทธวิธีขั้นพื้นฐานจากฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 425 ฐานบินวิลเลียมส์ รัฐแอริโซนา ทรงเข้าศึกษาฝึกบินกับเครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ เอฟ-5อี (F-5E) ในหลักสูตรการบินขับไล่ไอพ่นทางยุทธวิธีชั้นสูง ทรงเข้าประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ กับทรงศึกษาหลักสูตรทางทหารเพิ่มเติม เช่น หลักสูตรต้นหนชั้นสูง การลาดตระเวน หลักสูตรส่งทางอากาศ หลักสูตรการบิ เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ ยูเอช-1เอช (UH-1H) ของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ณ ฟอร์ท แบรกก์ รัฐนอร์ธ แคโรไลนา และหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธแบบ เอเอช-1เอส คอบรา (AH-1S COBRA) ทรงฝึกฝนการบินอย่างสม่ำเสมอ และยังได้ทรงเข้าร่วมการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีของกองทัพอากาศที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยทรงเข้าร่วมแข่งขันระหว่างพุทธศักราช 2526 ถึง 2530 ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จ.ลพบุรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักบินขับไล่ไอพ่นพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ที่ทรงทำการบินกับเครื่องบินกองทัพอากาศได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานปีกหมุน อากาศยานปีกตรึงแบบใบพัด และเครื่องยนต์ไอพ่น และด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นนักบินขับไล่ที่มีชั่วโมงบินต่อเนื่องมากกว่า 2,800 ชั่วโมงบิน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยากยิ่งสำหรับนักบินขับไล่ทั่วโลกที่จะทำได้ และด้วยพระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ทรงถ่ายทอดประสบการณ์ที่ทรงมี ปฏิบัติหน้าที่ครูการบิน พระราชทานการฝึกสอนทั้งวิชาการภาคพื้นและการฝึกบินให้แก่นักบินขับไล่ของกองทัพอากาศ แสดงถึงพระปรีชาสามารถที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยพัฒนาและยกระดับการบินของชาติให้ทัดเทียมนานาประเทศ ทรงอุปถัมภ์งานด้านการบินอย่างต่อเนื่อง นับเป็นคุณูปการแก่กองทัพอากาศไทย และกิจการการบินของประเทศเป็นอย่างยิ่งจากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการเครื่องบินฝึกจำลอง (Gripen E/F Simulator) ของเครื่องบิน Gripen ด้วยความสนพระราชหฤทัย ในโอกาสนี้ มีพระราชปฏิสันถารกับนักบินในฝูงบินจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกาเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประทับหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ทอดพระเนตรการแสดงการบิน ชุดที่ 2 “การบินสูรยกิรัณ” (Suryakiran) จากกองทัพอากาศสาธารณรัฐอินเดีย ภายหลังจบการแสดงการบิน เสด็จออกจากที่ประทับหน้าอาคารท่าอากาศยานทหาร 2 ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกองทัพอากาศ จัดการแสดงการบินเนื่องในโอกาสครบ 88 ปี เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวาระที่กระทรวงกลาโหมได้ยกฐานะกรมทหารอากาศ ขึ้นเป็นกองทัพอากาศ ตั้งแต่พุทธศักราช 2480 ซึ่งปฏิบัติภารกิจอย่างมุ่งมั่นเพื่อรักษาความมั่นคง ของชาติ และดํารงความพร้อมของกําลังทางอากาศ เพื่อรับมือกับภัยคุกคาม ทุกรูปแบบ รวมทั้งการใช้ขีดความสามารถของ กองทัพอากาศทุกมิติ เพื่อช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเต็มความสามารถตลอด 88 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงจัดงานขึ้นภายใต้แนวคิด “AIR SOVEREIGNTY THROUGH UNBEATABLE COLLABORATION” หรือ “อธิปไตยเหนือน่านฟ้า ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่ง” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงเกียรติประวัติความภาคภูมิใจ ในเกียรติภูมิของกองทัพอากาศ และแสดงถึงขีดความสามารถของ กองทัพอากาศ ในการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง การสนับสนุนหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน การใช้ขีดความสามารถในทุกด้านเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนแสดงถึงแผนการพัฒนากองทัพอากาศในอนาคต แสดงถึงความพร้อมของกองทัพอากาศ ในด้านการส่งเสริม ภาคอุตสาหกรรมการบิน และภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อันนำไปสู่ การเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล ที่ส่งเสริมและกระชับความร่วมมือภายในประเทศ และเสริมสร้างมิตรภาพความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกองทัพอากาศ กับกองทัพอากาศมิตรประเทศโดยปีนี้ได้จัดแสดงอากาศยานของกองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศมิตรประเทศ ทั้ง 3 ประเทศด้วยกัน ประกอบด้วย กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา , กองทัพอากาศสาธารณรัฐอินเดีย และกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 7 - 8 มีนาคม ณ กองบิน 6 ท่าอากาศยานทหารดอนเมือง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบลเยียมประกาศเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 ไปยังยูเครนออกไปอีก 1 ปี!!!

    พลเอกเฟรเดอริก วานซินา เสนาธิการกองทัพเบลเยียม ประกาศเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 ของเบลเยียม 30 ลำแรกไปยังเคียฟออกไปอีก 1 ปี โดยให้เหตุผลว่า เกิดจากความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบิน F-35 จากสหรัฐอเมริกาไปยังเบลเยียม

    ตามที่เขากล่าว กำหนดการส่งมอบ F-35 ควรจะเริ่มตั้งแต่ปี 2023 แต่มันถูกเลื่อนออกมาเป็นช่วงปลายปี 2025 นี้ และจะพร้อมปฏิบัติการเต็มรูปแบบในปี 2027

    ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้การส่งมอบ F-16 ไปยังยูเครน ต้องพบกับปัญหาการส่งมอบตามไปด้วย

    นายพลวานซินา ยังมองโลกในแง่ดี โดยแนะนำชาวยูเครนว่าอย่าเพิ่งท้อถอย เนื่องจากในระหว่างที่รอส่งมอบอยู่นี้ นิกบินยูเครนยังสามารถ "เพิ่มชั่วโมงฝึกบิน และเรียนรู้ด้านเทคนิค" ต่อไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากการมีเครื่องบินรบไม่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากการขาดนักบิน การถ่ายโอนเครื่องบิน F-16 ยังซับซ้อนเนื่องจากขาดชิ้นส่วนอะไหล่

    ทางด้านนายกรัฐมนตรีบาร์ต เดอ เวเวอร์ ของเบลเยี่ยม คาดว่าเครื่องบิน F-16 จะสามารถส่งมอบให้กับยูเครนได้ในปี 2026 หลังจากถูกเลื่อนการส่งมอบมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2024

    ภาพวิดีโอถ่ายไว้เมื่อพฤษภาคม 2024 เป็นช่วงเวลาที่เซเลนสกีเดินทางไปเบลเยี่ยมเพื่อชมเครื่องบิน F-16 ที่เบลเยี่ยมตั้งใจจะมอบให้ยูเครน
    เบลเยียมประกาศเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 ไปยังยูเครนออกไปอีก 1 ปี!!! พลเอกเฟรเดอริก วานซินา เสนาธิการกองทัพเบลเยียม ประกาศเลื่อนการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 ของเบลเยียม 30 ลำแรกไปยังเคียฟออกไปอีก 1 ปี โดยให้เหตุผลว่า เกิดจากความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบิน F-35 จากสหรัฐอเมริกาไปยังเบลเยียม ตามที่เขากล่าว กำหนดการส่งมอบ F-35 ควรจะเริ่มตั้งแต่ปี 2023 แต่มันถูกเลื่อนออกมาเป็นช่วงปลายปี 2025 นี้ และจะพร้อมปฏิบัติการเต็มรูปแบบในปี 2027 ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้การส่งมอบ F-16 ไปยังยูเครน ต้องพบกับปัญหาการส่งมอบตามไปด้วย นายพลวานซินา ยังมองโลกในแง่ดี โดยแนะนำชาวยูเครนว่าอย่าเพิ่งท้อถอย เนื่องจากในระหว่างที่รอส่งมอบอยู่นี้ นิกบินยูเครนยังสามารถ "เพิ่มชั่วโมงฝึกบิน และเรียนรู้ด้านเทคนิค" ต่อไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากการมีเครื่องบินรบไม่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากการขาดนักบิน การถ่ายโอนเครื่องบิน F-16 ยังซับซ้อนเนื่องจากขาดชิ้นส่วนอะไหล่ ทางด้านนายกรัฐมนตรีบาร์ต เดอ เวเวอร์ ของเบลเยี่ยม คาดว่าเครื่องบิน F-16 จะสามารถส่งมอบให้กับยูเครนได้ในปี 2026 หลังจากถูกเลื่อนการส่งมอบมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2024 ภาพวิดีโอถ่ายไว้เมื่อพฤษภาคม 2024 เป็นช่วงเวลาที่เซเลนสกีเดินทางไปเบลเยี่ยมเพื่อชมเครื่องบิน F-16 ที่เบลเยี่ยมตั้งใจจะมอบให้ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    เกิดเหตุการณ์ เครื่องบินขับไล่ F-15K ลำหนึ่งของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ ปฏิบัติการทิ้งระเบิด MK-82 จำนวน 8 ลูกผิดพลาดในระหว่างการซ้อมรบร่วมสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ "US-ROK Freedom Shield" ที่สนามฝึก Seungjin ในเมืองโพชอน (Pocheon) ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย และอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

    “ระเบิดใช้งานทั่วไป MK-82 จำนวน 8 ลูกถูกปล่อยอย่างผิดปกติออกจากเครื่องบิน KF-16 ของกองทัพอากาศ และไปตกนอกระยะการยิงที่กำหนดไว้” คำแถลงจากกองทัพอากาศแดนโสมขาว ระบุ

    สำนักข่าว MBC ของเกาหลีใต้รายงานว่า ระเบิดเหล่านี้ “ไปตกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งระหว่างการฝึกร่วมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ” ซึ่งส่งผลทำให้ “มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย และมีประชาชนต้องอพยพจำนวนมาก”
    2/ เกิดเหตุการณ์ เครื่องบินขับไล่ F-15K ลำหนึ่งของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ ปฏิบัติการทิ้งระเบิด MK-82 จำนวน 8 ลูกผิดพลาดในระหว่างการซ้อมรบร่วมสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ "US-ROK Freedom Shield" ที่สนามฝึก Seungjin ในเมืองโพชอน (Pocheon) ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย และอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย “ระเบิดใช้งานทั่วไป MK-82 จำนวน 8 ลูกถูกปล่อยอย่างผิดปกติออกจากเครื่องบิน KF-16 ของกองทัพอากาศ และไปตกนอกระยะการยิงที่กำหนดไว้” คำแถลงจากกองทัพอากาศแดนโสมขาว ระบุ สำนักข่าว MBC ของเกาหลีใต้รายงานว่า ระเบิดเหล่านี้ “ไปตกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งระหว่างการฝึกร่วมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ” ซึ่งส่งผลทำให้ “มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย และมีประชาชนต้องอพยพจำนวนมาก”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • 1/
    เกิดเหตุการณ์ เครื่องบินขับไล่ F-15K ลำหนึ่งของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ ปฏิบัติการทิ้งระเบิด MK-82 จำนวน 8 ลูกผิดพลาดในระหว่างการซ้อมรบร่วมสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ "US-ROK Freedom Shield" ที่สนามฝึก Seungjin ในเมืองโพชอน (Pocheon) ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย และอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

    “ระเบิดใช้งานทั่วไป MK-82 จำนวน 8 ลูกถูกปล่อยอย่างผิดปกติออกจากเครื่องบิน KF-16 ของกองทัพอากาศ และไปตกนอกระยะการยิงที่กำหนดไว้” คำแถลงจากกองทัพอากาศแดนโสมขาว ระบุ

    สำนักข่าว MBC ของเกาหลีใต้รายงานว่า ระเบิดเหล่านี้ “ไปตกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งระหว่างการฝึกร่วมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ” ซึ่งส่งผลทำให้ “มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย และมีประชาชนต้องอพยพจำนวนมาก”
    1/ เกิดเหตุการณ์ เครื่องบินขับไล่ F-15K ลำหนึ่งของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ ปฏิบัติการทิ้งระเบิด MK-82 จำนวน 8 ลูกผิดพลาดในระหว่างการซ้อมรบร่วมสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ "US-ROK Freedom Shield" ที่สนามฝึก Seungjin ในเมืองโพชอน (Pocheon) ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 ราย และอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย “ระเบิดใช้งานทั่วไป MK-82 จำนวน 8 ลูกถูกปล่อยอย่างผิดปกติออกจากเครื่องบิน KF-16 ของกองทัพอากาศ และไปตกนอกระยะการยิงที่กำหนดไว้” คำแถลงจากกองทัพอากาศแดนโสมขาว ระบุ สำนักข่าว MBC ของเกาหลีใต้รายงานว่า ระเบิดเหล่านี้ “ไปตกที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งระหว่างการฝึกร่วมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ” ซึ่งส่งผลทำให้ “มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย และมีประชาชนต้องอพยพจำนวนมาก”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้เข้าพบประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงมอสโก โดยมีเป้าหมายเพื่อหวังดึงการลงทุนจากรัสเซียให้พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

    นอกจากนี้ รัสเซียและเมียนมาได้ลงนามข้อตกลงในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กในเมียนมา ซึ่ง Rosatom บริษัทด้านพลังงานนิวเคลียร์ของทางการรัสเซีย จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยเบื้องต้นจะสามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 300 เมกะวัตต์ได้ในอนาคต

    ส่วนที่น่าสนใจประเด็นอื่น คือ กองทหารจากเมียนมาจะเข้าร่วมขบวนพาเหรดในวันที่ 9 พฤษภาคม ในกรุงมอสโก เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 80 ปีที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตชนะกองทัพนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลายจะเข้าร่วมในงานดังกล่าวด้วย

    ขณะเดียวกัน ปูตินได้กล่าวขอบคุณที่เมียนมาส่งมอบช้าง 6 เชือกให้กับรัสเซียเพื่อเป็นของขวัญตอบแทน หลังจากที่รัสเซียส่งมอบเครื่องบินขับไล่ 6 ลำให้กับเมียนมา


    พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้เข้าพบประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงมอสโก โดยมีเป้าหมายเพื่อหวังดึงการลงทุนจากรัสเซียให้พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นอกจากนี้ รัสเซียและเมียนมาได้ลงนามข้อตกลงในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กในเมียนมา ซึ่ง Rosatom บริษัทด้านพลังงานนิวเคลียร์ของทางการรัสเซีย จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยเบื้องต้นจะสามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 300 เมกะวัตต์ได้ในอนาคต ส่วนที่น่าสนใจประเด็นอื่น คือ กองทหารจากเมียนมาจะเข้าร่วมขบวนพาเหรดในวันที่ 9 พฤษภาคม ในกรุงมอสโก เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 80 ปีที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตชนะกองทัพนาซีเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งพลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลายจะเข้าร่วมในงานดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกัน ปูตินได้กล่าวขอบคุณที่เมียนมาส่งมอบช้าง 6 เชือกให้กับรัสเซียเพื่อเป็นของขวัญตอบแทน หลังจากที่รัสเซียส่งมอบเครื่องบินขับไล่ 6 ลำให้กับเมียนมา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสตำหนิการกระทำของเครื่องบินขับไล่ Su-35S ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ทำการบินเข้าใกล้โดรน MQ-9 Reaper ของกองทัพฝรั่งเศส มากถึง 3 ครั้ง ว่าเป็นการแสดงพฤติกรรม "ที่ไม่เป็นมืออาชีพและก้าวร้าว" “unprofessional and aggressive action” บนท้องฟ้าเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการควบคุมได้
    กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสตำหนิการกระทำของเครื่องบินขับไล่ Su-35S ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ทำการบินเข้าใกล้โดรน MQ-9 Reaper ของกองทัพฝรั่งเศส มากถึง 3 ครั้ง ว่าเป็นการแสดงพฤติกรรม "ที่ไม่เป็นมืออาชีพและก้าวร้าว" “unprofessional and aggressive action” บนท้องฟ้าเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการควบคุมได้
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน
    .
    รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก
    .
    ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง
    .
    J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว
    .
    ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน
    .
    อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด
    .
    การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445
    ..............
    Sondhi X
    สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน . รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก . ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง . J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว . ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน . อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด . การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1384 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนที่.1 #USAID สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘มนุษยธรรม’
    Written by Drago Bosnic

    ยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อพยายามนึกภาพอำนาจของสหรัฐอเมริกาเรามักจะนึกถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ รถถัง นาวิกโยธิน ฯลฯ

    ในความเป็นจริงระบบราชการขนาดใหญ่ของอเมริกาแทบจะทำลายล้างประเทศเป้าหมายเสมอก่อนที่จะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารโดยตรง
    เพื่อจุดประสงค์สิ่งนั้นหน่วยข่าวกรองจำนวนมากของไอ้กุ้ยโลกจึงมีความจำเป็น
    https://t.me/rtnews/81104

    อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาการปฏิเสธที่สมเหตุสมผล หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้มักจะใช้ตัวแทนต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน หรือแม้แต่สถาบันของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือเรียกสั้นๆ ว่า USAID ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่

    งบประมาณของหน่วยงานที่น่าอับอายนี้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากโดยอาจสูงถึง (หรืออาจเกิน) 1 แสนล้านดอลลาร์
    https://www.usaspending.gov/agency/agency-for-international-development?fy=2024
    สิ่งนี้ทําให้ USAID สามารถดําเนินการได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเขา
    https://t.me/rtnews/81071

    คิดเป็นมากกว่า 50% ของโครงการ “ความช่วยเหลือต่างประเทศของอเมริกาทั้งหมดและมีการดำเนินการโดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก (ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิอาณานิคม (แบบใหม่) มากที่สุด)

    เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตการทำงานของ USAID ได้ดีขึ้น บางทีเราควรเปรียบเทียบกับ NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็น “สถาบันประชาธิปไตยอิสระ” อีกแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดหาเงินทุนและสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “การปฏิวัติสี” NED มีกิจกรรม “ประชาธิปไตย” เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ Victoria Nuland ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนอกเหนือจากการให้ทุนแก่สื่ออิสระแล้ว
    https://t.me/Slavyangrad/114746
    USAID ยังมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษในยูเครน
    https://news.antiwar.com/2025/01/28/ukrainian-media-outlets-start-donations-after-us-funding-is-paused/
    โดยเร่งกระบวนการแปรรูปของประเทศที่โชคร้ายที่ถูกนาโต้ยึดครอง
    https://t.me/IntelRepublic/43800
    รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมที่แท้จริงของหน่วยงานที่น่าอับอายนั้นค่อนข้างหายากจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระแสหลักและรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามนำเสนอกิจกรรมพวกเขาโดยอ้างว่า "ช่วยเหลือประเทศอื่น" หรือปกปิดพวกเขาจากสายตาสาธารณะ

    อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามามีอำนาจ ผลก็คือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานของเขาและ DOGE (แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล) ซึ่งดำเนินการโดย Elon Musk ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่ากังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับกิจกรรมจริงของ USAID
    https://www.americanthinker.com/blog/2025/02/trump_s_attack_on_the_deep_state_is_spectacular_and_almost_certainly_legal.html
    ซึ่งมักผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

    เมื่อปลายเดือนมกราคม หน่วยงานดังกล่าวถูกบังคับให้หยุดกิจกรรมส่วนใหญ่ในยูเครนที่ถูกนาโต้ยึดครอง
    https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-aid-groups-cut-services-scramble-cash-after-us-funding-shock-2025-01-30/
    รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนสื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มนีโอนาซี
    https://t.me/Slavyangrad/118280?single

    ไม่นานหลังจากนั้น สื่ออื่นๆ ทั่วทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ค่านิยมแบบตะวันตก" (ซึ่งเป็นการผสมผสานทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิเสรีนิยมสุดโต่งและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม) ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกพบว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่ง)

    เว็บไซต์ USAID จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลงในเร็วๆ นี้
    https://www.zerohedge.com/political/usaid-website-goes-dark-trump-reportedly-plans-shift-agency-under-state-department
    ณ เวลาที่เขียนนี้ เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้จริง และแสดงข้อความเพียงว่าบุคลากรของเว็บไซต์จะถูกพักงานทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
    https://www.usaid.gov/
    แม้ว่า "พนักงานที่สำคัญ" จะได้รับแจ้งถึงชะตากรรมของตนในวันก่อนหน้านั้น คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็ตาม

    อ่านต่อตอนที่.2
    https://www.facebook.com/share/p/1DN6TtSX6u/
    ตอนที่.1 #USAID สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘มนุษยธรรม’ Written by Drago Bosnic ยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อพยายามนึกภาพอำนาจของสหรัฐอเมริกาเรามักจะนึกถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ รถถัง นาวิกโยธิน ฯลฯ ในความเป็นจริงระบบราชการขนาดใหญ่ของอเมริกาแทบจะทำลายล้างประเทศเป้าหมายเสมอก่อนที่จะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารโดยตรง เพื่อจุดประสงค์สิ่งนั้นหน่วยข่าวกรองจำนวนมากของไอ้กุ้ยโลกจึงมีความจำเป็น https://t.me/rtnews/81104 อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาการปฏิเสธที่สมเหตุสมผล หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้มักจะใช้ตัวแทนต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน หรือแม้แต่สถาบันของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือเรียกสั้นๆ ว่า USAID ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ งบประมาณของหน่วยงานที่น่าอับอายนี้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากโดยอาจสูงถึง (หรืออาจเกิน) 1 แสนล้านดอลลาร์ https://www.usaspending.gov/agency/agency-for-international-development?fy=2024 สิ่งนี้ทําให้ USAID สามารถดําเนินการได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเขา https://t.me/rtnews/81071 คิดเป็นมากกว่า 50% ของโครงการ “ความช่วยเหลือต่างประเทศของอเมริกาทั้งหมดและมีการดำเนินการโดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก (ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิอาณานิคม (แบบใหม่) มากที่สุด) เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตการทำงานของ USAID ได้ดีขึ้น บางทีเราควรเปรียบเทียบกับ NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็น “สถาบันประชาธิปไตยอิสระ” อีกแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดหาเงินทุนและสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “การปฏิวัติสี” NED มีกิจกรรม “ประชาธิปไตย” เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ Victoria Nuland ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนอกเหนือจากการให้ทุนแก่สื่ออิสระแล้ว https://t.me/Slavyangrad/114746 USAID ยังมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษในยูเครน https://news.antiwar.com/2025/01/28/ukrainian-media-outlets-start-donations-after-us-funding-is-paused/ โดยเร่งกระบวนการแปรรูปของประเทศที่โชคร้ายที่ถูกนาโต้ยึดครอง https://t.me/IntelRepublic/43800 รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมที่แท้จริงของหน่วยงานที่น่าอับอายนั้นค่อนข้างหายากจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระแสหลักและรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามนำเสนอกิจกรรมพวกเขาโดยอ้างว่า "ช่วยเหลือประเทศอื่น" หรือปกปิดพวกเขาจากสายตาสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามามีอำนาจ ผลก็คือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานของเขาและ DOGE (แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล) ซึ่งดำเนินการโดย Elon Musk ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่ากังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับกิจกรรมจริงของ USAID https://www.americanthinker.com/blog/2025/02/trump_s_attack_on_the_deep_state_is_spectacular_and_almost_certainly_legal.html ซึ่งมักผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อปลายเดือนมกราคม หน่วยงานดังกล่าวถูกบังคับให้หยุดกิจกรรมส่วนใหญ่ในยูเครนที่ถูกนาโต้ยึดครอง https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-aid-groups-cut-services-scramble-cash-after-us-funding-shock-2025-01-30/ รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนสื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มนีโอนาซี https://t.me/Slavyangrad/118280?single ไม่นานหลังจากนั้น สื่ออื่นๆ ทั่วทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ค่านิยมแบบตะวันตก" (ซึ่งเป็นการผสมผสานทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิเสรีนิยมสุดโต่งและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม) ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกพบว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่ง) เว็บไซต์ USAID จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ https://www.zerohedge.com/political/usaid-website-goes-dark-trump-reportedly-plans-shift-agency-under-state-department ณ เวลาที่เขียนนี้ เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้จริง และแสดงข้อความเพียงว่าบุคลากรของเว็บไซต์จะถูกพักงานทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ https://www.usaid.gov/ แม้ว่า "พนักงานที่สำคัญ" จะได้รับแจ้งถึงชะตากรรมของตนในวันก่อนหน้านั้น คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็ตาม อ่านต่อตอนที่.2 https://www.facebook.com/share/p/1DN6TtSX6u/
    T.ME
    RT News
    USAID operates as plausible deniability agency to the 'rogue activities of CIA, State Dept, Pentagon - Benz The agency pushes legacy foreign policy that 'hated Trump with a passion', spending billions annually controlling media narrative that 'populism is attack on democracy'. #US #USAID
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ออกแถลงยืนยันว่า การซ้อมรบของกองทัพเรือจีน ในทะเลแทสมัน (Tasman Sea) ซึ่งเป็นน่านน้ำสากลใกล้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น ได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการซ้อมรบที่ไม่ก่ออันตรายแก่ฝ่ายใด

    ก่อนหน้านี้ ริชาร์ด-มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวหาจีนไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการซ้อมรบซึ่งมีการใช้กระสุนจริง

    การฝึกซ้อมเกิดขึ้นห่างจากช่องแคบแบส (Bass Strait) ออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 350 ไมล์ทะเล ซึ่งช่องแคบแบสนั้นแบ่งแยกรัฐแทสมาเนีย (Tasmania) ออกจากแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลีย

    การซ้อมรบของจีนเกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ออสเตรเลียท้าทายจีน โดยการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลียไปบินลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ ซึ่งใกล้กับอาณาเขตน่านน้ำของจีน ทำให้จีนต้องตอบโต้โดยการส่งเครื่องบินขับไล่ออกมาทำการทิ้งพลุสัญญาณเตือนใกล้กับเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลีย และประกาศจัดการซ้อมรบขึ้นใกล้กับออสเตรเลีย

    โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ออกแถลงยืนยันว่า การซ้อมรบของกองทัพเรือจีน ในทะเลแทสมัน (Tasman Sea) ซึ่งเป็นน่านน้ำสากลใกล้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น ได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการซ้อมรบที่ไม่ก่ออันตรายแก่ฝ่ายใด ก่อนหน้านี้ ริชาร์ด-มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวหาจีนไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการซ้อมรบซึ่งมีการใช้กระสุนจริง การฝึกซ้อมเกิดขึ้นห่างจากช่องแคบแบส (Bass Strait) ออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 350 ไมล์ทะเล ซึ่งช่องแคบแบสนั้นแบ่งแยกรัฐแทสมาเนีย (Tasmania) ออกจากแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลีย การซ้อมรบของจีนเกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ออสเตรเลียท้าทายจีน โดยการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลียไปบินลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ ซึ่งใกล้กับอาณาเขตน่านน้ำของจีน ทำให้จีนต้องตอบโต้โดยการส่งเครื่องบินขับไล่ออกมาทำการทิ้งพลุสัญญาณเตือนใกล้กับเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลีย และประกาศจัดการซ้อมรบขึ้นใกล้กับออสเตรเลีย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวในช่วงหนึ่งของสารคดีกองทัพเรือออสเตรเลีย ซึ่งถ่ายทำโดยสำนักข่าว Sky News ว่า

    “ในโลกที่ไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีศักยภาพด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มมากขึ้น - บางทีออสเตรเลียควรเริ่มต้นด้วยการไม่ส่งเรือรบและเครื่องบินขับไล่ไปที่ชายฝั่งของจีน”

    ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคุณยั่วยุจีน จีนจะตอบโต้กลับ ความยุติธรรมก็คือความยุติธรรม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจีนส่งกองเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ไปลาดตระเวนและซ้อมรบด้วยการยิงด้วยกระสุนและขีปนาวุธจริงในทะเลแทสมัน ซึ่งตั้งอยู่หน้าบ้านออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้ต่อรัฐบาลออสเตรเลีย หลังส่งเรือรบและเครื่องบินสอดแนมไปยังทะเลจีนใต้ เข้าซ้อมรบทางทะเลร่วมกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ห่างจากชายฝั่งจีนราว 230 ไมล์ทะเล
    ริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวในช่วงหนึ่งของสารคดีกองทัพเรือออสเตรเลีย ซึ่งถ่ายทำโดยสำนักข่าว Sky News ว่า “ในโลกที่ไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีศักยภาพด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มมากขึ้น - บางทีออสเตรเลียควรเริ่มต้นด้วยการไม่ส่งเรือรบและเครื่องบินขับไล่ไปที่ชายฝั่งของจีน” ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคุณยั่วยุจีน จีนจะตอบโต้กลับ ความยุติธรรมก็คือความยุติธรรม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจีนส่งกองเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ไปลาดตระเวนและซ้อมรบด้วยการยิงด้วยกระสุนและขีปนาวุธจริงในทะเลแทสมัน ซึ่งตั้งอยู่หน้าบ้านออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้ต่อรัฐบาลออสเตรเลีย หลังส่งเรือรบและเครื่องบินสอดแนมไปยังทะเลจีนใต้ เข้าซ้อมรบทางทะเลร่วมกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ห่างจากชายฝั่งจีนราว 230 ไมล์ทะเล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพวิดีโอใหม่ของการฝึกซ้อมเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นสูงและโจมตีเบา Yak-130 ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ฐานทัพอากาศ Shahid Babaei (TAB-8) ในเมืองอิสฟาฮาน ประเทศอิหร่าน เพื่อเตรียมฝึกนักบินให้พร้อมสำหรับเครื่องบินขับไล่ Su-35 (Flanker-E)

    Yak-130 ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบินฝึกเท่านั้น แต่ยังมีขีดความสามารถโจมตีเบาเป็นภารกิจรองอีกด้วย โดยสามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น, ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ R-73 (AA-11 “Archer”), ปืนกลอากาศ/ปืนใหญ่อากาศ และลูกระเบิดไม่นำวิถีและ/หรือระเบิดนำวิถี

    ตามรายงานจากสำนักข่าว Tasnim ของอิหร่านยืนยันว่า เครื่องบินฝึก Yak-130 ถูกส่งมอบให้กับอิหร่านจำนวน 2 ลำ เมื่อปี 2023 ต่อมาในปี 2024 รัสเซียส่งมอบให้อีก 10 ลำ จนครบตามกำหนดแล้ว

    มีข้อมูลว่า เครื่องบิน Yak-130 จำนวน 12 ลำ สามารถฝึกนักบินอิหร่านได้ 24 คนต่อปี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเครื่องบินขับไล่ SU-35

    สำหรับการฝึกด้วย Yak-130 จะใช้เวลาฝึกประมาณ 2 ปี
    ภาพวิดีโอใหม่ของการฝึกซ้อมเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นสูงและโจมตีเบา Yak-130 ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่ฐานทัพอากาศ Shahid Babaei (TAB-8) ในเมืองอิสฟาฮาน ประเทศอิหร่าน เพื่อเตรียมฝึกนักบินให้พร้อมสำหรับเครื่องบินขับไล่ Su-35 (Flanker-E) Yak-130 ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบินฝึกเท่านั้น แต่ยังมีขีดความสามารถโจมตีเบาเป็นภารกิจรองอีกด้วย โดยสามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น, ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ R-73 (AA-11 “Archer”), ปืนกลอากาศ/ปืนใหญ่อากาศ และลูกระเบิดไม่นำวิถีและ/หรือระเบิดนำวิถี ตามรายงานจากสำนักข่าว Tasnim ของอิหร่านยืนยันว่า เครื่องบินฝึก Yak-130 ถูกส่งมอบให้กับอิหร่านจำนวน 2 ลำ เมื่อปี 2023 ต่อมาในปี 2024 รัสเซียส่งมอบให้อีก 10 ลำ จนครบตามกำหนดแล้ว มีข้อมูลว่า เครื่องบิน Yak-130 จำนวน 12 ลำ สามารถฝึกนักบินอิหร่านได้ 24 คนต่อปี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเครื่องบินขับไล่ SU-35 สำหรับการฝึกด้วย Yak-130 จะใช้เวลาฝึกประมาณ 2 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • เขย่าเพนตากอน!

    ทรัมป์มีคำสั่งปลด พลอากาศเอกซีคิว บราวน์ (General CQ Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับบัญชาการทหารสูงที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ

    คำสั่งดังกล่าวประกาศออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ

    พลอากาศเอกบราวน์ คือนายทหารผิวดำคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อ 16 เดือนก่อนในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากการเกษียณอายุราชการของพลเอกไมค์ ไมลีย์

    นอกจากนี้ทรัมป์ยังแต่งตั้งพลโท แดน "เรซิน" แคน (Lieutenant General Dan “Razin” Caine) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมแทน บราวน์ อีกด้วย

    สำหรับ พล.ท. แคน นั้นเป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทหารของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA)

    ทรัมป์ ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนตัว บราวน์ และไม่ได้พูดถึงการอนุญาตให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่จะผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาหรือไม่

    นอกจากนี้ กลาโหมสหรัฐโดย พีท เฮกเซธ ยังประกาศปลดพลเรือเอกหญิง ลิซา ฟร็องเช็ตติ (Chief Adm. Lisa Franchetti) ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงพลอากาศเอกจิม สไลฟ์ (Jim Slife) รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพอากาศออกด้วย



    เขย่าเพนตากอน! ทรัมป์มีคำสั่งปลด พลอากาศเอกซีคิว บราวน์ (General CQ Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับบัญชาการทหารสูงที่สุดของกองทัพสหรัฐฯ คำสั่งดังกล่าวประกาศออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ พลอากาศเอกบราวน์ คือนายทหารผิวดำคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วม โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้เมื่อ 16 เดือนก่อนในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากการเกษียณอายุราชการของพลเอกไมค์ ไมลีย์ นอกจากนี้ทรัมป์ยังแต่งตั้งพลโท แดน "เรซิน" แคน (Lieutenant General Dan “Razin” Caine) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมแทน บราวน์ อีกด้วย สำหรับ พล.ท. แคน นั้นเป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทหารของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ทรัมป์ ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนตัว บราวน์ และไม่ได้พูดถึงการอนุญาตให้เขาอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนใหม่จะผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาหรือไม่ นอกจากนี้ กลาโหมสหรัฐโดย พีท เฮกเซธ ยังประกาศปลดพลเรือเอกหญิง ลิซา ฟร็องเช็ตติ (Chief Adm. Lisa Franchetti) ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงพลอากาศเอกจิม สไลฟ์ (Jim Slife) รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพอากาศออกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรีซเตรียมส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 Block 30 ทั้ง 32 ลำให้กับยูเครน
    — สำนักข่าวเลอมงด์ของฝรั่งเศสรายงาน
    กรีซเตรียมส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 Block 30 ทั้ง 32 ลำให้กับยูเครน — สำนักข่าวเลอมงด์ของฝรั่งเศสรายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว "จีน-ออสเตรเลีย" เผชิญหน้ากลางอากาศ โดยเครื่องบินขับไล่ J-16 ของจีน ปล่อยพลุใกล้เครื่องบินลาดตระเวน P-8A Poseidon ของออสเตรเลียในทะเลจีนใต้ ที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ "เป็นข่าวจริง"

    แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นข่าวเก่า หรือข่าวใหม่ เพราะคลิปที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในเวลานี้ เป็นคลิปเมื่อเดือนกันยายน 2024
    ข่าว "จีน-ออสเตรเลีย" เผชิญหน้ากลางอากาศ โดยเครื่องบินขับไล่ J-16 ของจีน ปล่อยพลุใกล้เครื่องบินลาดตระเวน P-8A Poseidon ของออสเตรเลียในทะเลจีนใต้ ที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ "เป็นข่าวจริง" แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นข่าวเก่า หรือข่าวใหม่ เพราะคลิปที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในเวลานี้ เป็นคลิปเมื่อเดือนกันยายน 2024
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียยื่นข้อเสนอเปิดสายการผลิต Sukhoi Su-57 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่สเตลธ์รุ่นทันสมัยที่สุดของแดนหมีขาวในแดนภารตะ เพื่อส่งมอบเข้าประจำการในกองทัพอากาศอินเดีย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงการกระชับสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่าง 2 มหาอำนาจ
    .
    ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา รัสเซียถือเป็นซัปพลายเออร์อาวุธหลักของอินเดียซึ่งเป็นชาติผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และเครื่องบินขับไล่จากแดนหมีขาวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในฝูงบินกองทัพอากาศอินเดีย ทว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ความสามารถในการส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลงไปมากจากผลของสงครามในยูเครน ซึ่งทำให้อินเดียต้องหันไปพึ่งตะวันตกมากขึ้น
    .
    โฆษก Rosoboronexport ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจส่งออกอาวุธของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า โครงการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจเริ่มได้ภายในปีนี้ หากรัฐบาลอินเดียรับข้อเสนอของมอสโก
    .
    กระทรวงกลาโหมอินเดียยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมอาวุธรัสเซียและเจ้าหน้าที่อินเดียคนหนึ่งระบุว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอแบบไม่เป็นทางการระหว่างพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย และผู้แทนจากบริษัท Hindustan Aeronautics ซึ่งเป็นบริษัทด้านอวกาศและการป้องกันประเทศที่รัฐบาลอินเดียเป็นเจ้าของ
    .
    กองทัพอากาศอินเดียกำลังพยายามหาวิธีเติมเต็มฝูงบินขับไล่ซึ่งปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 31 ฝูงบิน จากเป้าหมาย 42 ฝูงบิน ในขณะที่มหาอำนาจคู่แข่งอย่าง “จีน” มีการเพิ่มจำนวนฝูงบินทหารอย่างต่อเนื่อง
    .
    โฆษก Rosoboronexport ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานแสดงการบิน Aero India ที่เมืองบังกาลอร์ว่า การเปิดสายผลิตเครื่องบินรบในอินเดียโดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียของตะวันตก
    .
    เขายังบอกด้วยว่า ในการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจจะใช้วิธีปรับปรุงสายการผลิต Sukhoi Su-30 ที่มีอยู่แล้วในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินรบรุ่นนี้ใช้งานอยู่ทั้งสิ้น 260 ลำ
    .
    ทั้ง Su-57 และเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II ของค่ายล็อกฮีดมาร์ตินจากสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน ต่างถูกนำมาแสดงในงาน Aero India ด้วยกันทั้งคู่
    .
    แม้จะได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพพอฟัดพอเหวี่ยงกับเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ทว่า Su-57 ก็เคยประสบปัญหาล่าช้าในช่วงของการพัฒนา และเคยเกิดอุบัติเหตุตกเมื่อปี 2019
    .
    ตามข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต เครื่องบินขับไล่ Su-57 เริ่มเดินสายการผลิตแบบต่อเนื่อง (serial production) เมื่อปี 2022
    .
    ปีที่แล้วรัสเซียได้ส่ง Su-57 ไปเข้าร่วมในงานแสดงการบินที่เมืองจูไห่ของจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวในต่างแดนครั้งแรก และยังเป็นการประกาศความร่วมมือระหว่างจีน-รัสเซียให้ชาติตะวันตกได้เห็นกลายๆ ด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014303
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียยื่นข้อเสนอเปิดสายการผลิต Sukhoi Su-57 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่สเตลธ์รุ่นทันสมัยที่สุดของแดนหมีขาวในแดนภารตะ เพื่อส่งมอบเข้าประจำการในกองทัพอากาศอินเดีย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงการกระชับสัมพันธ์ด้านกลาโหมระหว่าง 2 มหาอำนาจ . ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา รัสเซียถือเป็นซัปพลายเออร์อาวุธหลักของอินเดียซึ่งเป็นชาติผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และเครื่องบินขับไล่จากแดนหมีขาวก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในฝูงบินกองทัพอากาศอินเดีย ทว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ความสามารถในการส่งออกอาวุธของรัสเซียลดลงไปมากจากผลของสงครามในยูเครน ซึ่งทำให้อินเดียต้องหันไปพึ่งตะวันตกมากขึ้น . โฆษก Rosoboronexport ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจส่งออกอาวุธของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า โครงการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจเริ่มได้ภายในปีนี้ หากรัฐบาลอินเดียรับข้อเสนอของมอสโก . กระทรวงกลาโหมอินเดียยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมอาวุธรัสเซียและเจ้าหน้าที่อินเดียคนหนึ่งระบุว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอแบบไม่เป็นทางการระหว่างพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย และผู้แทนจากบริษัท Hindustan Aeronautics ซึ่งเป็นบริษัทด้านอวกาศและการป้องกันประเทศที่รัฐบาลอินเดียเป็นเจ้าของ . กองทัพอากาศอินเดียกำลังพยายามหาวิธีเติมเต็มฝูงบินขับไล่ซึ่งปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 31 ฝูงบิน จากเป้าหมาย 42 ฝูงบิน ในขณะที่มหาอำนาจคู่แข่งอย่าง “จีน” มีการเพิ่มจำนวนฝูงบินทหารอย่างต่อเนื่อง . โฆษก Rosoboronexport ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในงานแสดงการบิน Aero India ที่เมืองบังกาลอร์ว่า การเปิดสายผลิตเครื่องบินรบในอินเดียโดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า กระบวนการผลิตจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียของตะวันตก . เขายังบอกด้วยว่า ในการผลิตเครื่องบินขับไล่ Su-57 อาจจะใช้วิธีปรับปรุงสายการผลิต Sukhoi Su-30 ที่มีอยู่แล้วในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินรบรุ่นนี้ใช้งานอยู่ทั้งสิ้น 260 ลำ . ทั้ง Su-57 และเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II ของค่ายล็อกฮีดมาร์ตินจากสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน ต่างถูกนำมาแสดงในงาน Aero India ด้วยกันทั้งคู่ . แม้จะได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพพอฟัดพอเหวี่ยงกับเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ทว่า Su-57 ก็เคยประสบปัญหาล่าช้าในช่วงของการพัฒนา และเคยเกิดอุบัติเหตุตกเมื่อปี 2019 . ตามข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต เครื่องบินขับไล่ Su-57 เริ่มเดินสายการผลิตแบบต่อเนื่อง (serial production) เมื่อปี 2022 . ปีที่แล้วรัสเซียได้ส่ง Su-57 ไปเข้าร่วมในงานแสดงการบินที่เมืองจูไห่ของจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวในต่างแดนครั้งแรก และยังเป็นการประกาศความร่วมมือระหว่างจีน-รัสเซียให้ชาติตะวันตกได้เห็นกลายๆ ด้วย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014303 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2115 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts