• เกาหลีเหนือน่าถล่มญี่ปุ่นแทนไทยสักดอกนะ,สงครามโลกก็อาจเริ่มจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธถล่มญี่ปุ่นนี้ล่ะ,สั่งสอนแทนจีนที่อวยขีปนาวุธญี่ปุ่นขู่จีนแทนอเมริกานั้นล่ะ,อเมริกามรเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นตัวแทนอเมริกา,จีนมีเกาหลีเหนือค้ำยันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้.,อาจจะเห็นการสั่งสอนญี่ปุ่นเร็วๆนี้ก็ได้,ญี่ปุ่นไม่มีทางมาอยู่กับจีน,เขมรก็ไม่มีทางซื่อสัตย์กับจีน ผลงานการหักหลังจีนคือเครื่องยืนยัน ตบหน้าเต็มๆเหยียบหัวด้วย,อเมริกาเข้ายึดกิจการจีนทั้งเขมรนั้นเอง.ยึดเขมรแน่นอน,เพราะเขมรจะล้างหนี้จีนได้หมดก็ต้องไปหันหาอเมริกาเท่านั้น.,จึงไม่แปลกใจที่ญี่ปุ่นพยายามช่วยเหลืออเมริกาในไทยอย่างเปิดเผย,แบบไม่สนใจจีนจะรู้ความจริง,ญี่ปุ่นค้านอำนาจตังในเขมรกับจีนโดยอเมริกาหนุนหลังค้ำประกันความปลอดภัยให้,เกาหลีใต้ก็ด้วย จนบริหารจัดการน้ำผูกขาดทั้งเขมร,ตึกจีน โรงงานจีน ฐานผลิตจีนต้องใช้น้ำในเขมรเป็นปัจจัยการผลิตแน่นอน,อเมริกาควบคุมเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้,แร่เอิร์ธอีกที่อเมริกาจะชิงจากจีนในเขมร,ศึกศักดิ์ศรีเต็มๆระหว่างจีนกับอเมริกาในเขมร ฮุนเซนโกงตังจีนหักหลังจีนชักดาบจีนจึงคบอเมริกาอย่างออกนอกหน้า,โดยแสดงเจตนาเข้าเป็นสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาแบนเขมรแค่ฉากละครปาหี่,จีนถูกเขมรหักหลังทรยศเต็มๆ,เขมรมันไม่ยอมใช้หนี้จีนแน่นอน,มันแค้นใจที่จีนกดขี่มันยึดครองที่ดินมันเป็นอันมากในเขมรตกไปเป็นของจีนสร้างนั้นนี้เต็มเขมร,รวมท่าเรือเรียมด้วยแบบพูดอะไรไม่ได้,การทรยศหักหลังคือทางเดียวเพื่อเอาแผ่นดินเขมรมาจากจีน ล้างหนี้สินจากจีนได้ก็แบบนี้ด้วย,จังหวะสงครามปะทะอาจมุกหนึ่งก็ด้วย,เรียกความสนใจจากอเมริกามาตบหน้าจีนสำเร็จด้วย.
    ..เขมร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกา ฝรั่งเศสและชาติขี้ข้าอเมริกาทั้งหมดคือแก๊งเดียวกัน,ในเวลานี้,ใครๆก็เป็นหนี้จีน,หากจีนสิ้นชาติล้มสลาย ชาติต่างๆที่เป็นลูกหนี้จีน จะถูกล้างหนี้หมดรวมทั้งอเมริกาที่จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกาด้วย มหาสงครามล้างหนี้ฆ่าเจ้าหนี้จึงเกิดขึ้น,ลาวก็ถูกจีนกดขี่มิน้อยเก็บกดแรงแค้นมหาศาลแน่นอน,เวียดนามก็ด้วย,พม่ายิ่งโหด,ยิ่งจีนชั่วนอกแถวหนีตายมาพม่ามาเขมรยิ่งจะพร้อมใจกันกำจัดจีนแผ่นดินใหญ่,รัสเชียถ้าจีนอ่อนแอก็จัดการจีนเหมือนในอดีตนั้นล่ะ อินเดียยิ่งคู่ปรับตลอดกาลของจีนปกติอยู่แล้วแค้นนี้ไม่ลืมหรอก,จีนจึงมีเกาหลีเหนือและไทยเท่านั้นที่เป็นมิตรแท้ได้,ไม่หักหลังจีน,ส่วนในนานรัฐบาลเลวชั่วอาจมีตามที่อเมริกาสั่งได้,แต่พื้นฐานโดยสถาบันกษัตริย์เรา ญาติพี่น้องกันชัดเจน คนจีนเป็นอันมากก็อยู่ในไทย,ได้สัญชาติไทยด้วย,จีนยุคใหม่อาจกบฎแนวสัมพันธ์นี้ได้แต่เมื่อตื่นรู้จะเข้าใจความเป็นจริงว่าไทยกับจีนสายใยแน่นหนามาก.กระทบโกรธกันบ้างก็มิเคยทำร้ายทำลายกันจริงอะไรแต่กลับช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดเรื่อยมา.
    ..ลาว เวียดนาม เขมร พม่า แม้อยากทำสงครามยึดประเทศไทยก็ต้องมองหน้าจีนก่อนนั้นเอง.,ปัจจุบันเราก็ถล่มชาติรอบข้างนี้อย่างง่ายดายได้เช่นกัน,แต่เราไม่ทำ,เรารักสงบ,แต่เมื่อใดเราสิ้นอดทน พัฒนาการทางอาวุธเราก็ไใ่แพ้ชาติใดๆในโลกได้เมื่อเราตั้งใจจะทำมันจริงจังแบบนั้น,ขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์เราก็สามารถสร้างได้สบายมาก,10,000-20,000กม.อาจสร้างได้ธรรมดาด้วย,อย่าลืมว่าเราสามารถถอดจิตวิญญาณไปแลกเปลี่ยนวิวัฒนาการจากจักรวาลอื่นที่ล้ำๆขอความช่วยเหลือได้นะ,แค่เราจะทำหรือไม่.
    ..ศูนย์กลางพลังจักรวาลก็อยู่ที่ประเทศไทยเราแล้ว.

    https://youtube.com/shorts/iD2NnXgY51I?si=MLlq2Jubw_S5UNI_
    เกาหลีเหนือน่าถล่มญี่ปุ่นแทนไทยสักดอกนะ,สงครามโลกก็อาจเริ่มจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธถล่มญี่ปุ่นนี้ล่ะ,สั่งสอนแทนจีนที่อวยขีปนาวุธญี่ปุ่นขู่จีนแทนอเมริกานั้นล่ะ,อเมริกามรเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นตัวแทนอเมริกา,จีนมีเกาหลีเหนือค้ำยันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้.,อาจจะเห็นการสั่งสอนญี่ปุ่นเร็วๆนี้ก็ได้,ญี่ปุ่นไม่มีทางมาอยู่กับจีน,เขมรก็ไม่มีทางซื่อสัตย์กับจีน ผลงานการหักหลังจีนคือเครื่องยืนยัน ตบหน้าเต็มๆเหยียบหัวด้วย,อเมริกาเข้ายึดกิจการจีนทั้งเขมรนั้นเอง.ยึดเขมรแน่นอน,เพราะเขมรจะล้างหนี้จีนได้หมดก็ต้องไปหันหาอเมริกาเท่านั้น.,จึงไม่แปลกใจที่ญี่ปุ่นพยายามช่วยเหลืออเมริกาในไทยอย่างเปิดเผย,แบบไม่สนใจจีนจะรู้ความจริง,ญี่ปุ่นค้านอำนาจตังในเขมรกับจีนโดยอเมริกาหนุนหลังค้ำประกันความปลอดภัยให้,เกาหลีใต้ก็ด้วย จนบริหารจัดการน้ำผูกขาดทั้งเขมร,ตึกจีน โรงงานจีน ฐานผลิตจีนต้องใช้น้ำในเขมรเป็นปัจจัยการผลิตแน่นอน,อเมริกาควบคุมเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้,แร่เอิร์ธอีกที่อเมริกาจะชิงจากจีนในเขมร,ศึกศักดิ์ศรีเต็มๆระหว่างจีนกับอเมริกาในเขมร ฮุนเซนโกงตังจีนหักหลังจีนชักดาบจีนจึงคบอเมริกาอย่างออกนอกหน้า,โดยแสดงเจตนาเข้าเป็นสมาชิกอินโดแปซิฟิก,อเมริกาแบนเขมรแค่ฉากละครปาหี่,จีนถูกเขมรหักหลังทรยศเต็มๆ,เขมรมันไม่ยอมใช้หนี้จีนแน่นอน,มันแค้นใจที่จีนกดขี่มันยึดครองที่ดินมันเป็นอันมากในเขมรตกไปเป็นของจีนสร้างนั้นนี้เต็มเขมร,รวมท่าเรือเรียมด้วยแบบพูดอะไรไม่ได้,การทรยศหักหลังคือทางเดียวเพื่อเอาแผ่นดินเขมรมาจากจีน ล้างหนี้สินจากจีนได้ก็แบบนี้ด้วย,จังหวะสงครามปะทะอาจมุกหนึ่งก็ด้วย,เรียกความสนใจจากอเมริกามาตบหน้าจีนสำเร็จด้วย. ..เขมร ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกา ฝรั่งเศสและชาติขี้ข้าอเมริกาทั้งหมดคือแก๊งเดียวกัน,ในเวลานี้,ใครๆก็เป็นหนี้จีน,หากจีนสิ้นชาติล้มสลาย ชาติต่างๆที่เป็นลูกหนี้จีน จะถูกล้างหนี้หมดรวมทั้งอเมริกาที่จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของอเมริกาด้วย มหาสงครามล้างหนี้ฆ่าเจ้าหนี้จึงเกิดขึ้น,ลาวก็ถูกจีนกดขี่มิน้อยเก็บกดแรงแค้นมหาศาลแน่นอน,เวียดนามก็ด้วย,พม่ายิ่งโหด,ยิ่งจีนชั่วนอกแถวหนีตายมาพม่ามาเขมรยิ่งจะพร้อมใจกันกำจัดจีนแผ่นดินใหญ่,รัสเชียถ้าจีนอ่อนแอก็จัดการจีนเหมือนในอดีตนั้นล่ะ อินเดียยิ่งคู่ปรับตลอดกาลของจีนปกติอยู่แล้วแค้นนี้ไม่ลืมหรอก,จีนจึงมีเกาหลีเหนือและไทยเท่านั้นที่เป็นมิตรแท้ได้,ไม่หักหลังจีน,ส่วนในนานรัฐบาลเลวชั่วอาจมีตามที่อเมริกาสั่งได้,แต่พื้นฐานโดยสถาบันกษัตริย์เรา ญาติพี่น้องกันชัดเจน คนจีนเป็นอันมากก็อยู่ในไทย,ได้สัญชาติไทยด้วย,จีนยุคใหม่อาจกบฎแนวสัมพันธ์นี้ได้แต่เมื่อตื่นรู้จะเข้าใจความเป็นจริงว่าไทยกับจีนสายใยแน่นหนามาก.กระทบโกรธกันบ้างก็มิเคยทำร้ายทำลายกันจริงอะไรแต่กลับช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดเรื่อยมา. ..ลาว เวียดนาม เขมร พม่า แม้อยากทำสงครามยึดประเทศไทยก็ต้องมองหน้าจีนก่อนนั้นเอง.,ปัจจุบันเราก็ถล่มชาติรอบข้างนี้อย่างง่ายดายได้เช่นกัน,แต่เราไม่ทำ,เรารักสงบ,แต่เมื่อใดเราสิ้นอดทน พัฒนาการทางอาวุธเราก็ไใ่แพ้ชาติใดๆในโลกได้เมื่อเราตั้งใจจะทำมันจริงจังแบบนั้น,ขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์เราก็สามารถสร้างได้สบายมาก,10,000-20,000กม.อาจสร้างได้ธรรมดาด้วย,อย่าลืมว่าเราสามารถถอดจิตวิญญาณไปแลกเปลี่ยนวิวัฒนาการจากจักรวาลอื่นที่ล้ำๆขอความช่วยเหลือได้นะ,แค่เราจะทำหรือไม่. ..ศูนย์กลางพลังจักรวาลก็อยู่ที่ประเทศไทยเราแล้ว. https://youtube.com/shorts/iD2NnXgY51I?si=MLlq2Jubw_S5UNI_
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ

    สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท

    ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570

    สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน

    ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น

    #Newskit
    แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570 สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • ทัวร์ปีใหม่มาแล้ว!! เกาหลีใต้ ปูซาน สกีรีสอร์ต ❄ เริ่ม 6,999

    🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    สกีรีสอร์ต
    ไร่สตรอว์เบอร์รี
    หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน
    ซงโดสกายวอล์ค
    วัดแฮดงยงกุงซา
    ชายหาดแฮอุนแด
    ตลาดแฮอุนแด
    อาคารนูรีมารู เอเปค

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์ปูซาน #korea #busan #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์ปีใหม่มาแล้ว!! เกาหลีใต้ ปูซาน สกีรีสอร์ต ❄ เริ่ม 6,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 สกีรีสอร์ต 📍 ไร่สตรอว์เบอร์รี 📍 หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน 📍 ซงโดสกายวอล์ค 📍 วัดแฮดงยงกุงซา 📍 ชายหาดแฮอุนแด 📍 ตลาดแฮอุนแด 📍 อาคารนูรีมารู เอเปค รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์ปูซาน #korea #busan #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 0 Reviews
  • “XCENA MX1: ชิปพันธุ์ใหม่ที่รวม RISC-V หลายพันคอร์ไว้ในหน่วยความจำ — เปลี่ยนโฉมเซิร์ฟเวอร์ด้วย CXL 3.2 และ SSD tiering!”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันงาน AI ขนาดใหญ่ หรือ query ฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ที่กินแรมมหาศาล แล้วพบว่า bottleneck ไม่ได้อยู่ที่ CPU หรือ GPU — แต่อยู่ที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับหน่วยความจำ นั่นคือปัญหาที่ XCENA MX1 เข้ามาแก้แบบตรงจุด

    ในงาน FMS 2025 (Future of Memory and Storage) บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ชื่อ XCENA ได้เปิดตัว MX1 Computational Memory ซึ่งเป็นชิปที่รวม “หลายพันคอร์ RISC-V” ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง พร้อมรองรับมาตรฐาน PCIe Gen6 และ Compute Express Link (CXL) 3.2

    แนวคิดคือ “near-data processing” — ย้ายการประมวลผลมาอยู่ใกล้กับ DRAM เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลในงานที่ใช้ข้อมูลหนัก เช่น AI inference, in-memory analytics และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    MX1 ยังรองรับการขยายหน่วยความจำด้วย SSD แบบ tiered storage ที่สามารถเพิ่มความจุได้ถึงระดับ petabyte พร้อมฟีเจอร์ด้านการบีบอัดข้อมูลและความเสถียร ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุในเวลาเดียวกัน

    XCENA เตรียมเปิดตัวสองรุ่นคือ MX1P ในปลายปีนี้ และ MX1S ในปี 2026 โดยรุ่นหลังจะมี dual PCIe Gen6 x8 links และฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับงานระดับ data center ขนาดใหญ่ ทั้งสองรุ่นจะใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์และความยืดหยุ่นของ CXL 3.2 อย่างเต็มที่

    การเปิดตัว MX1 Computational Memory
    เปิดตัวในงาน FMS 2025 โดยบริษัท XCENA จากเกาหลีใต้
    ใช้ PCIe Gen6 และ CXL 3.2 เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ
    รวมหลายพันคอร์ RISC-V ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง

    แนวคิด near-data processing
    ลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM
    เพิ่มประสิทธิภาพในงาน AI, analytics และฐานข้อมูล
    ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในระบบเซิร์ฟเวอร์

    การขยายหน่วยความจำด้วย SSD tiering
    รองรับการขยายความจุถึงระดับ petabyte
    มีระบบบีบอัดข้อมูลและฟีเจอร์ด้าน reliability
    ใช้ SSD เป็น tier รองเพื่อเพิ่มความจุโดยไม่ลดความเร็ว

    แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์
    MX1P จะเปิดตัวปลายปี 2025 พร้อมตัวอย่างสำหรับพันธมิตร
    MX1S จะเปิดตัวในปี 2026 พร้อม dual PCIe Gen6 x8 links
    ทั้งสองรุ่นรองรับ CXL 3.2 เต็มรูปแบบ

    การสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา
    มี SDK พร้อมไดรเวอร์, runtime libraries และเครื่องมือสำหรับ deployment
    รองรับแอปพลิเคชันตั้งแต่ AI inference ถึง in-memory analytics
    ออกแบบให้ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน

    รางวัลและการยอมรับ
    ได้รับรางวัล “Most Innovative Memory Technology” ในงาน FMS 2025
    เคยได้รับรางวัล “Most Innovative Startup” ในปี 2024
    ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน storage ว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เปลี่ยนเกม

    https://www.techradar.com/pro/a-chip-with-thousands-of-cores-could-change-the-way-servers-are-designed-bringing-compute-nearer-to-ram-thanks-to-cxl-is-a-lightbulb-moment
    🧠 “XCENA MX1: ชิปพันธุ์ใหม่ที่รวม RISC-V หลายพันคอร์ไว้ในหน่วยความจำ — เปลี่ยนโฉมเซิร์ฟเวอร์ด้วย CXL 3.2 และ SSD tiering!” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังรันงาน AI ขนาดใหญ่ หรือ query ฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ที่กินแรมมหาศาล แล้วพบว่า bottleneck ไม่ได้อยู่ที่ CPU หรือ GPU — แต่อยู่ที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับหน่วยความจำ นั่นคือปัญหาที่ XCENA MX1 เข้ามาแก้แบบตรงจุด ในงาน FMS 2025 (Future of Memory and Storage) บริษัทสตาร์ทอัพจากเกาหลีใต้ชื่อ XCENA ได้เปิดตัว MX1 Computational Memory ซึ่งเป็นชิปที่รวม “หลายพันคอร์ RISC-V” ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง พร้อมรองรับมาตรฐาน PCIe Gen6 และ Compute Express Link (CXL) 3.2 แนวคิดคือ “near-data processing” — ย้ายการประมวลผลมาอยู่ใกล้กับ DRAM เพื่อลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลในงานที่ใช้ข้อมูลหนัก เช่น AI inference, in-memory analytics และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ MX1 ยังรองรับการขยายหน่วยความจำด้วย SSD แบบ tiered storage ที่สามารถเพิ่มความจุได้ถึงระดับ petabyte พร้อมฟีเจอร์ด้านการบีบอัดข้อมูลและความเสถียร ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการทั้งความเร็วและความจุในเวลาเดียวกัน XCENA เตรียมเปิดตัวสองรุ่นคือ MX1P ในปลายปีนี้ และ MX1S ในปี 2026 โดยรุ่นหลังจะมี dual PCIe Gen6 x8 links และฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับงานระดับ data center ขนาดใหญ่ ทั้งสองรุ่นจะใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์และความยืดหยุ่นของ CXL 3.2 อย่างเต็มที่ ✅ การเปิดตัว MX1 Computational Memory ➡️ เปิดตัวในงาน FMS 2025 โดยบริษัท XCENA จากเกาหลีใต้ ➡️ ใช้ PCIe Gen6 และ CXL 3.2 เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ ➡️ รวมหลายพันคอร์ RISC-V ไว้ในหน่วยความจำโดยตรง ✅ แนวคิด near-data processing ➡️ ลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่าง CPU กับ RAM ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพในงาน AI, analytics และฐานข้อมูล ➡️ ช่วยลด latency และเพิ่ม throughput ในระบบเซิร์ฟเวอร์ ✅ การขยายหน่วยความจำด้วย SSD tiering ➡️ รองรับการขยายความจุถึงระดับ petabyte ➡️ มีระบบบีบอัดข้อมูลและฟีเจอร์ด้าน reliability ➡️ ใช้ SSD เป็น tier รองเพื่อเพิ่มความจุโดยไม่ลดความเร็ว ✅ แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ➡️ MX1P จะเปิดตัวปลายปี 2025 พร้อมตัวอย่างสำหรับพันธมิตร ➡️ MX1S จะเปิดตัวในปี 2026 พร้อม dual PCIe Gen6 x8 links ➡️ ทั้งสองรุ่นรองรับ CXL 3.2 เต็มรูปแบบ ✅ การสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา ➡️ มี SDK พร้อมไดรเวอร์, runtime libraries และเครื่องมือสำหรับ deployment ➡️ รองรับแอปพลิเคชันตั้งแต่ AI inference ถึง in-memory analytics ➡️ ออกแบบให้ใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมมาตรฐาน ✅ รางวัลและการยอมรับ ➡️ ได้รับรางวัล “Most Innovative Memory Technology” ในงาน FMS 2025 ➡️ เคยได้รับรางวัล “Most Innovative Startup” ในปี 2024 ➡️ ได้รับการยกย่องจากผู้เชี่ยวชาญด้าน storage ว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เปลี่ยนเกม https://www.techradar.com/pro/a-chip-with-thousands-of-cores-could-change-the-way-servers-are-designed-bringing-compute-nearer-to-ram-thanks-to-cxl-is-a-lightbulb-moment
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal”

    เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2

    หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน

    แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน

    นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก

    เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal
    เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน
    ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ
    มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์
    ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม
    มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน
    การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal

    การตอบสนองของรัฐบาล
    รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย
    นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต
    ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน
    ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
    ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย

    บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ
    สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน
    UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
    ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ
    การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    📱 “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2 หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก ✅ เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal ➡️ เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน ➡️ ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ ➡️ มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์ ➡️ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม ➡️ มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน ➡️ การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal ✅ การตอบสนองของรัฐบาล ➡️ รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย ➡️ นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ➡️ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน ➡️ ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ➡️ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย ✅ บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ ➡️ สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน ➡️ UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ➡️ ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ ➡️ การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nepal scraps social-media ban as deadly clashes kill 19 people
    Nepal's government scrapped a days-old prohibition on social-media after the ban sparked deadly clashes between police and protesters that local media reported left 19 people dead and 347 injured.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก rootkit ถึง OCR: เมื่อการขโมยรหัสผ่านกลายเป็นการปลอมตัวระดับรัฐ

    การรั่วไหลของข้อมูลที่เรียกว่า “Kim dump” เปิดเผยการทำงานภายในของกลุ่ม Kimsuky ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยมีเป้าหมายหลักคือการขโมยข้อมูลรับรอง (credentials) จากระบบของรัฐบาลเกาหลีใต้และไต้หวัน

    ในข้อมูลที่รั่วออกมา มีทั้งประวัติการใช้คำสั่งในเทอร์มินัล, rootkit สำหรับ Linux, โดเมนฟิชชิ่งที่เลียนแบบเว็บไซต์ราชการ, และไฟล์ .key ที่ใช้ในระบบ GPKI (Government Public Key Infrastructure) ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ยืนยันตัวตนของเจ้าหน้าที่รัฐ

    แฮกเกอร์ใช้ OCR (Optical Character Recognition) เพื่อแปลงเอกสาร PDF ภาษาเกาหลีที่เกี่ยวข้องกับระบบ PKI และ VPN ให้กลายเป็นข้อมูลที่นำไปใช้สร้างเครื่องมือปลอมตัวได้ เช่น การปลอมลายเซ็นดิจิทัล หรือการสร้างระบบยืนยันตัวตนปลอม

    นอกจากนี้ยังพบการใช้ rootkit ที่สามารถซ่อนตัวในระดับ kernel ของ Linux โดยใช้เทคนิค syscall hooking และการสร้าง reverse shell ที่มีการเข้ารหัส ซึ่งทำให้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายได้โดยไม่ถูกตรวจจับ

    ในฝั่งไต้หวัน แฮกเกอร์พยายามเข้าถึงระบบของสถาบันวิจัยและผู้ให้บริการคลาวด์ โดยเจาะเข้าไปในโฟลเดอร์ .git เพื่อค้นหาคีย์ API และข้อมูลการ deploy ที่อาจหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

    สิ่งที่น่าจับตามองคือการใช้โครงสร้างพื้นฐานของจีน เช่น Gitee, Baidu และ Zhihu รวมถึงการตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 (เวลาเปียงยาง) ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์อาจเป็นคนเกาหลีเหนือที่ทำงานจากในจีน หรือได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานของจีน

    เป้าหมายหลักของ Kimsuky
    ขโมย credentials และไฟล์ .key จากระบบ GPKI ของเกาหลีใต้
    ใช้ OCR เพื่อวิเคราะห์เอกสารเทคนิคของระบบ PKI และ VPN
    เจาะระบบของไต้หวันผ่านโฟลเดอร์ .git และระบบคลาวด์

    เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้
    ใช้ NASM ในการเขียน shellcode สำหรับ Windows
    ใช้ rootkit แบบ vmmisc.ko ที่ซ่อนตัวในระดับ kernel
    ใช้ phishing domain เช่น nid-security[.]com และ spoofed portals เช่น spo.go.kr

    โครงสร้างพื้นฐานและพฤติกรรม
    ใช้เครื่องมือจาก GitHub และ Gitee เช่น TitanLdr, Blacklotus
    ตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 และใช้ภาษาเกาหลีในคำสั่ง
    ใช้ภาพและเนื้อหาจากแพลตฟอร์มจีนเพื่อกลมกลืนกับผู้ใช้ใน PRC

    การเจาะระบบของไต้หวัน
    เข้าถึงโดเมนเช่น caa.org[.]tw/.git และ tw.systexcloud[.]com
    ใช้ IP ที่เชื่อมโยงกับสถาบันวิจัยและรัฐบาล เช่น 163.29.3[.]119
    พฤติกรรมบ่งชี้การเตรียมการเจาะระบบ supply chain

    https://dti.domaintools.com/inside-the-kimsuky-leak-how-the-kim-dump-exposed-north-koreas-credential-theft-playbook/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก rootkit ถึง OCR: เมื่อการขโมยรหัสผ่านกลายเป็นการปลอมตัวระดับรัฐ การรั่วไหลของข้อมูลที่เรียกว่า “Kim dump” เปิดเผยการทำงานภายในของกลุ่ม Kimsuky ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยมีเป้าหมายหลักคือการขโมยข้อมูลรับรอง (credentials) จากระบบของรัฐบาลเกาหลีใต้และไต้หวัน ในข้อมูลที่รั่วออกมา มีทั้งประวัติการใช้คำสั่งในเทอร์มินัล, rootkit สำหรับ Linux, โดเมนฟิชชิ่งที่เลียนแบบเว็บไซต์ราชการ, และไฟล์ .key ที่ใช้ในระบบ GPKI (Government Public Key Infrastructure) ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ยืนยันตัวตนของเจ้าหน้าที่รัฐ แฮกเกอร์ใช้ OCR (Optical Character Recognition) เพื่อแปลงเอกสาร PDF ภาษาเกาหลีที่เกี่ยวข้องกับระบบ PKI และ VPN ให้กลายเป็นข้อมูลที่นำไปใช้สร้างเครื่องมือปลอมตัวได้ เช่น การปลอมลายเซ็นดิจิทัล หรือการสร้างระบบยืนยันตัวตนปลอม นอกจากนี้ยังพบการใช้ rootkit ที่สามารถซ่อนตัวในระดับ kernel ของ Linux โดยใช้เทคนิค syscall hooking และการสร้าง reverse shell ที่มีการเข้ารหัส ซึ่งทำให้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายได้โดยไม่ถูกตรวจจับ ในฝั่งไต้หวัน แฮกเกอร์พยายามเข้าถึงระบบของสถาบันวิจัยและผู้ให้บริการคลาวด์ โดยเจาะเข้าไปในโฟลเดอร์ .git เพื่อค้นหาคีย์ API และข้อมูลการ deploy ที่อาจหลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ สิ่งที่น่าจับตามองคือการใช้โครงสร้างพื้นฐานของจีน เช่น Gitee, Baidu และ Zhihu รวมถึงการตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 (เวลาเปียงยาง) ซึ่งบ่งชี้ว่าแฮกเกอร์อาจเป็นคนเกาหลีเหนือที่ทำงานจากในจีน หรือได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานของจีน ✅ เป้าหมายหลักของ Kimsuky ➡️ ขโมย credentials และไฟล์ .key จากระบบ GPKI ของเกาหลีใต้ ➡️ ใช้ OCR เพื่อวิเคราะห์เอกสารเทคนิคของระบบ PKI และ VPN ➡️ เจาะระบบของไต้หวันผ่านโฟลเดอร์ .git และระบบคลาวด์ ✅ เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ ➡️ ใช้ NASM ในการเขียน shellcode สำหรับ Windows ➡️ ใช้ rootkit แบบ vmmisc.ko ที่ซ่อนตัวในระดับ kernel ➡️ ใช้ phishing domain เช่น nid-security[.]com และ spoofed portals เช่น spo.go.kr ✅ โครงสร้างพื้นฐานและพฤติกรรม ➡️ ใช้เครื่องมือจาก GitHub และ Gitee เช่น TitanLdr, Blacklotus ➡️ ตั้งค่าเครื่องในเขตเวลา UTC+9 และใช้ภาษาเกาหลีในคำสั่ง ➡️ ใช้ภาพและเนื้อหาจากแพลตฟอร์มจีนเพื่อกลมกลืนกับผู้ใช้ใน PRC ✅ การเจาะระบบของไต้หวัน ➡️ เข้าถึงโดเมนเช่น caa.org[.]tw/.git และ tw.systexcloud[.]com ➡️ ใช้ IP ที่เชื่อมโยงกับสถาบันวิจัยและรัฐบาล เช่น 163.29.3[.]119 ➡️ พฤติกรรมบ่งชี้การเตรียมการเจาะระบบ supply chain https://dti.domaintools.com/inside-the-kimsuky-leak-how-the-kim-dump-exposed-north-koreas-credential-theft-playbook/
    DTI.DOMAINTOOLS.COM
    Inside the Kimsuky Leak: How the “Kim” Dump Exposed North Korea’s Credential Theft Playbook - DomainTools Investigations | DTI
    A rare and revealing breach attributed to a North Korean-affiliated actor, known only as “Kim” as named by the hackers who dumped the data, has delivered a new insight into Kimsuky (APT43) tactics, techniques, and infrastructure. This actor's operational profile showcases credential-focused intrusions targeting South Korean and Taiwanese networks, with a blending of Chinese-language tooling, infrastructure, and possible logistical support. The “Kim” dump, which includes bash histories, phishing domains, OCR workflows, compiled stagers, and rootkit evidence, reflects a hybrid operation situated between DPRK attribution and Chinese resource utilization.
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รับการเยี่ยมคำนับจากผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติ และกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้
    https://www.thai-tai.tv/news/21318/
    .
    #ไทยไท #กองทัพไทย #กองทัพสหรัฐ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้
    ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รับการเยี่ยมคำนับจากผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติ และกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ https://www.thai-tai.tv/news/21318/ . #ไทยไท #กองทัพไทย #กองทัพสหรัฐ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #ข่าวความมั่นคง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แย้มอเมริกาอาจถอนข้อตกลงการค้าที่บรรลุกับสหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ รวมถึงชาติอื่นๆ ถ้าพ่ายแพ้คดีรีดภาษีในศาลสูงสุด แต่เตือนว่าความพ่ายแพ้ใดๆจะก่อความเสียหายแก่อเมริกาใหญ่หลวง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084495

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แย้มอเมริกาอาจถอนข้อตกลงการค้าที่บรรลุกับสหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ รวมถึงชาติอื่นๆ ถ้าพ่ายแพ้คดีรีดภาษีในศาลสูงสุด แต่เตือนว่าความพ่ายแพ้ใดๆจะก่อความเสียหายแก่อเมริกาใหญ่หลวง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000084495 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 607 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเหมืองมูลค่า 175,000 ล้านดอลลาร์: เมื่อมาเลเซียกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของมหาอำนาจด้านแร่หายาก

    ในปี 2025 มาเลเซียค้นพบแหล่งแร่หายากขนาดมหึมา มูลค่าประเมินกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, พลังงานสะอาด, และเทคโนโลยีทางทหาร โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ AI และ EV

    จีนซึ่งครองตลาดแร่หายากมากกว่า 90% ของการแปรรูปทั่วโลก เสนอให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่มาเลเซียในการพัฒนาโรงงานแปรรูป แต่มีเงื่อนไขสำคัญ: ต้องร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซียเท่านั้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก

    ข้อเสนอของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ปิดกั้นสหรัฐฯ จากการเข้าถึงแร่หายาก และเริ่มใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแม่เหล็กถาวรและแร่บางชนิด ทำให้มาเลเซียกลายเป็น “ตัวกลาง” ที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต้องการดึงเข้าฝั่ง

    แม้จะยังไม่มีการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลมาเลเซียยืนยันว่าจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความเป็นกลางและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การสร้างโรงงานแปรรูป, การจ้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง, และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

    ขณะเดียวกัน มาเลเซียก็ยังเจรจากับสหรัฐฯ โดยเสนอว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกฝ่าย และใช้ทรัพยากรที่ค้นพบเป็น “แต้มต่อ” ในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้าและการซื้อเทคโนโลยีจากอเมริกา

    ข้อเสนอจากจีน
    เสนอความช่วยเหลือทางเทคนิคในการแปรรูปแร่หายาก
    จำกัดความร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซีย
    หวังป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก

    สถานะของแร่หายากในมาเลเซีย
    พบแหล่งแร่หายากมูลค่ากว่า 175,000 ล้านดอลลาร์
    คาดว่าจะสร้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง
    มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการแปรรูปนอกประเทศจีน

    การเจรจากับสหรัฐฯ
    มาเลเซียเสนอความเป็นกลางและมาตรฐานเดียวกับทุกฝ่าย
    ใช้ทรัพยากรเป็นแต้มต่อในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้า
    สหรัฐฯ กำลังหาทางลดการพึ่งพาจีนใน supply chain

    โครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ
    Lynas Malaysia เป็นโรงงานแปรรูปแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดนอกจีน
    มีแผนสร้างโรงงานใหม่และดึงดูดนักลงทุนจากเกาหลีใต้และออสเตรเลีย
    รัฐบาลวางแผนพัฒนาโรงงานแปรรูปในหลายรัฐ เช่น เประและกลันตัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/after-locking-out-the-u-s-china-offers-rare-earth-development-assistance-to-malaysia-insists-on-partnering-with-state-owned-companies-only
    🎙️ เรื่องเล่าจากเหมืองมูลค่า 175,000 ล้านดอลลาร์: เมื่อมาเลเซียกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของมหาอำนาจด้านแร่หายาก ในปี 2025 มาเลเซียค้นพบแหล่งแร่หายากขนาดมหึมา มูลค่าประเมินกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, พลังงานสะอาด, และเทคโนโลยีทางทหาร โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ AI และ EV จีนซึ่งครองตลาดแร่หายากมากกว่า 90% ของการแปรรูปทั่วโลก เสนอให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่มาเลเซียในการพัฒนาโรงงานแปรรูป แต่มีเงื่อนไขสำคัญ: ต้องร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซียเท่านั้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก ข้อเสนอของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ปิดกั้นสหรัฐฯ จากการเข้าถึงแร่หายาก และเริ่มใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแม่เหล็กถาวรและแร่บางชนิด ทำให้มาเลเซียกลายเป็น “ตัวกลาง” ที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต้องการดึงเข้าฝั่ง แม้จะยังไม่มีการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลมาเลเซียยืนยันว่าจะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความเป็นกลางและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การสร้างโรงงานแปรรูป, การจ้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง, และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน มาเลเซียก็ยังเจรจากับสหรัฐฯ โดยเสนอว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกฝ่าย และใช้ทรัพยากรที่ค้นพบเป็น “แต้มต่อ” ในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้าและการซื้อเทคโนโลยีจากอเมริกา ✅ ข้อเสนอจากจีน ➡️ เสนอความช่วยเหลือทางเทคนิคในการแปรรูปแร่หายาก ➡️ จำกัดความร่วมมือเฉพาะกับรัฐวิสาหกิจของมาเลเซีย ➡️ หวังป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีไปยังตะวันตก ✅ สถานะของแร่หายากในมาเลเซีย ➡️ พบแหล่งแร่หายากมูลค่ากว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ ➡️ คาดว่าจะสร้างงานกว่า 4,000 ตำแหน่ง ➡️ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการแปรรูปนอกประเทศจีน ✅ การเจรจากับสหรัฐฯ ➡️ มาเลเซียเสนอความเป็นกลางและมาตรฐานเดียวกับทุกฝ่าย ➡️ ใช้ทรัพยากรเป็นแต้มต่อในการต่อรองเรื่องภาษีนำเข้า ➡️ สหรัฐฯ กำลังหาทางลดการพึ่งพาจีนใน supply chain ✅ โครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ ➡️ Lynas Malaysia เป็นโรงงานแปรรูปแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดนอกจีน ➡️ มีแผนสร้างโรงงานใหม่และดึงดูดนักลงทุนจากเกาหลีใต้และออสเตรเลีย ➡️ รัฐบาลวางแผนพัฒนาโรงงานแปรรูปในหลายรัฐ เช่น เประและกลันตัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/after-locking-out-the-u-s-china-offers-rare-earth-development-assistance-to-malaysia-insists-on-partnering-with-state-owned-companies-only
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Icheon: เมื่อการพิมพ์วงจรระดับนาโนกลายเป็นการแข่งขันระดับโลก

    ในเดือนกันยายน 2025 SK hynix และ ASML ประกาศว่าได้ติดตั้งเครื่อง High-NA EUV รุ่น Twinscan EXE:5200B ที่โรงงาน M16 ในเมืองอีชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นการติดตั้งเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเครื่องรุ่นนี้ในอุตสาหกรรมหน่วยความจำ

    เครื่องนี้ใช้เลนส์ที่มีค่า NA (Numerical Aperture) สูงถึง 0.55 ซึ่งมากกว่าเครื่อง EUV รุ่นเดิมที่มี NA 0.33 ทำให้สามารถพิมพ์วงจรที่เล็กลงได้ถึง 1.7 เท่า และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ได้ถึง 2.9 เท่าในครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้เทคนิค multi-patterning ที่ซับซ้อนและมีต้นทุนสูง

    SK hynix วางแผนใช้เครื่องนี้ในระยะแรกเพื่อเร่งการพัฒนา DRAM รุ่นใหม่ เช่นการสร้างโครงสร้าง capacitor trench, bitline และ wordline ที่ซับซ้อนขึ้น ก่อนจะนำไปใช้จริงในสายการผลิตช่วงปลายทศวรรษนี้ ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการผลิต DRAM ที่มีขนาดต่ำกว่า 10 นาโนเมตร

    การติดตั้งครั้งนี้ทำให้ SK hynix กลายเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำรายแรกที่นำ High-NA EUV มาใช้ในระดับ mass production ล้ำหน้าคู่แข่งอย่าง Samsung และ Micron ที่ยังอยู่ในขั้นตอน R&D กับเครื่องรุ่นก่อนหน้าอย่าง EXE:5000

    ASML ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจากเนเธอร์แลนด์ ระบุว่าเครื่องรุ่นนี้มีขนาดเท่ารถบัสสองชั้น น้ำหนักกว่า 150 ตัน และมีราคาสูงถึง 600 พันล้านวอน (~431 ล้านดอลลาร์) โดยผลิตได้เพียง 5–6 เครื่องต่อปีเท่านั้น

    การติดตั้ง High-NA EUV รุ่น Twinscan EXE:5200B
    ติดตั้งที่โรงงาน M16 ของ SK hynix ในเกาหลีใต้
    เป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในอุตสาหกรรมหน่วยความจำ
    ใช้เลนส์ NA 0.55 ซึ่งให้ความละเอียดสูงกว่ารุ่นเดิม

    ความสามารถของเครื่อง High-NA EUV
    พิมพ์วงจรเล็กลง 1.7 เท่า และเพิ่มความหนาแน่น 2.9 เท่า
    ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ที่มีต้นทุนสูง
    เหมาะกับการพัฒนา DRAM ที่มีโครงสร้างซับซ้อนระดับ sub-10nm

    กลยุทธ์ของ SK hynix
    ใช้เครื่องนี้เพื่อเร่งการพัฒนา DRAM รุ่นใหม่ก่อนเข้าสู่สายการผลิตจริง
    ตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาด AI memory และ next-gen computing
    ล้ำหน้าคู่แข่งที่ยังใช้เครื่องรุ่นก่อนหน้าในขั้นตอน R&D

    ข้อมูลจาก ASML
    เครื่องมีขนาดเท่ารถบัสสองชั้น น้ำหนักกว่า 150 ตัน
    ราคาต่อเครื่องประมาณ 600 พันล้านวอน (~431 ล้านดอลลาร์)
    ผลิตได้เพียง 5–6 เครื่องต่อปีเท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/asml-and-sk-hynix-assemble-industry-first-commercial-high-na-euv-system-at-fab-in-south-korea
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Icheon: เมื่อการพิมพ์วงจรระดับนาโนกลายเป็นการแข่งขันระดับโลก ในเดือนกันยายน 2025 SK hynix และ ASML ประกาศว่าได้ติดตั้งเครื่อง High-NA EUV รุ่น Twinscan EXE:5200B ที่โรงงาน M16 ในเมืองอีชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นการติดตั้งเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของเครื่องรุ่นนี้ในอุตสาหกรรมหน่วยความจำ เครื่องนี้ใช้เลนส์ที่มีค่า NA (Numerical Aperture) สูงถึง 0.55 ซึ่งมากกว่าเครื่อง EUV รุ่นเดิมที่มี NA 0.33 ทำให้สามารถพิมพ์วงจรที่เล็กลงได้ถึง 1.7 เท่า และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ได้ถึง 2.9 เท่าในครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้เทคนิค multi-patterning ที่ซับซ้อนและมีต้นทุนสูง SK hynix วางแผนใช้เครื่องนี้ในระยะแรกเพื่อเร่งการพัฒนา DRAM รุ่นใหม่ เช่นการสร้างโครงสร้าง capacitor trench, bitline และ wordline ที่ซับซ้อนขึ้น ก่อนจะนำไปใช้จริงในสายการผลิตช่วงปลายทศวรรษนี้ ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการผลิต DRAM ที่มีขนาดต่ำกว่า 10 นาโนเมตร การติดตั้งครั้งนี้ทำให้ SK hynix กลายเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำรายแรกที่นำ High-NA EUV มาใช้ในระดับ mass production ล้ำหน้าคู่แข่งอย่าง Samsung และ Micron ที่ยังอยู่ในขั้นตอน R&D กับเครื่องรุ่นก่อนหน้าอย่าง EXE:5000 ASML ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจากเนเธอร์แลนด์ ระบุว่าเครื่องรุ่นนี้มีขนาดเท่ารถบัสสองชั้น น้ำหนักกว่า 150 ตัน และมีราคาสูงถึง 600 พันล้านวอน (~431 ล้านดอลลาร์) โดยผลิตได้เพียง 5–6 เครื่องต่อปีเท่านั้น ✅ การติดตั้ง High-NA EUV รุ่น Twinscan EXE:5200B ➡️ ติดตั้งที่โรงงาน M16 ของ SK hynix ในเกาหลีใต้ ➡️ เป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในอุตสาหกรรมหน่วยความจำ ➡️ ใช้เลนส์ NA 0.55 ซึ่งให้ความละเอียดสูงกว่ารุ่นเดิม ✅ ความสามารถของเครื่อง High-NA EUV ➡️ พิมพ์วงจรเล็กลง 1.7 เท่า และเพิ่มความหนาแน่น 2.9 เท่า ➡️ ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ที่มีต้นทุนสูง ➡️ เหมาะกับการพัฒนา DRAM ที่มีโครงสร้างซับซ้อนระดับ sub-10nm ✅ กลยุทธ์ของ SK hynix ➡️ ใช้เครื่องนี้เพื่อเร่งการพัฒนา DRAM รุ่นใหม่ก่อนเข้าสู่สายการผลิตจริง ➡️ ตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาด AI memory และ next-gen computing ➡️ ล้ำหน้าคู่แข่งที่ยังใช้เครื่องรุ่นก่อนหน้าในขั้นตอน R&D ✅ ข้อมูลจาก ASML ➡️ เครื่องมีขนาดเท่ารถบัสสองชั้น น้ำหนักกว่า 150 ตัน ➡️ ราคาต่อเครื่องประมาณ 600 พันล้านวอน (~431 ล้านดอลลาร์) ➡️ ผลิตได้เพียง 5–6 เครื่องต่อปีเท่านั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/asml-and-sk-hynix-assemble-industry-first-commercial-high-na-euv-system-at-fab-in-south-korea
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    ASML and SK hynix assemble industry-first 'commercial' High-NA EUV system at fab in South Korea
    Initially for R&D use, until later this decade where it will transition to production
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 5
    อเมริกาสมเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สิงห์โตซุ่มจริง ๆ ขณะที่หน้าฉากยังไม่ชัดเจน ว่าจะ
เล่นเรื่องอะไร มีข่าวหลุดออกมาจาก Pentagon เมื่อ ค.ศ. 2012 ว่าอเมริกามีแผนจะปรับโฉมหน้าของฐานทัพ ที่มีอยู่ต่างประเทศเสียใหม่ เรียกว่าทำ face lift อัพหน้ากันใหม่ ตามยุทธการ “กบกระโดด” เพราะการมีฐานทัพกระจายทั่วโลก เป็นปัญหาทั้งด้านกระเป๋าที่ยังรั่วอยู่ และเป็นเป้าสายตาของชาวโลก ขยับตัวทีเขารู้แผนกันหมดทั้งคู่หู คู่แข่ง
สมัยนายบุชตัวลูก ก็ปวดขมอง คิดจะปิดฐานทัพไปสัก 1 ใน 3 แต่ตัดสินใจไม่ขาด จะเปิดอันไหน ปิดอันไหน คิดยังไม่ทันตก ดันหมดเทอมซะก่อน
มาถึงนายโอบามา ปัญหานี้จะทู่ซี้ต่อไป อาจจะไม่ได้ไปนั่งเท่ในทำเนียบขาว หรือถ้าได้นั่ง ก็อยู่ไม่ยาว ตอนหาเสียงเลยเล่นมุก ท่องมันไปทุกเวที Change Change Change
    เอาเข้าจริง เป็นพี่เบิ้มนักล่าถ้าเก็บเครื่องมือล่าทิ้งลงถังขยะ แล้วจะไปล่าเหยื่อได้ยังไง แบบนี้ เพื่อนซี้ เพื่อนกิน ลูกหาบก็หลบหน้า ลี้กายหายไปหมด เลยต้องเรียกเด็ก ๆ
เฮ้ย ! มาทำการบ้านใหม่โว้ย !
ตกลงนักล่ามันเปลี่ยนสันดานไหม มัน Change ไหม ?
    กบกระโดดครับนาย กบกระโดดคือคำตอบ กบจะกระโดดในสระกว้างต้องมีใบบัวรองรับ
สระกว้างใหญ่ มีใบบัวเต็มไปหมด คนมองก็ไม่รู้สึกแปลก
แต่ถ้าดันสร้างเป็น swimming pool ขนาดโอลิมปิก กบจะกระโดดไหวหรือ กลายเป็นกบพุ่งหลาวจมไม่โผล่ละซิ ส่วนที่คิดจะเอาใบบัวไปลอย ใน swimming pool น่ะ แบบนั้น มันฉากละครทีวีช่องคุณหญิงคุณชายนะ Hollywood เขาไม่ทำกัน
มันต้องทำให้เนียน ๆ
    เพราะฉะนั้นเอาฐานทัพเก่า ๆ มาดัดแปลงเสียใหม่ ไม่ให้คนสังเกต หรือแถบไหน (ของ
ประเทศคนอื่น) ที่มันเล็ก ๆ ไม่เด่นก็ไปแอบสร้าง เอาให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงด้วยอาวุธทันสมัยติดไว้ให้เพียบ แบบนี้ก็เรียบร้อย นักล่าบอกน่าสนใจ (มาก)
    เอะ ! แล้วนี่ ที่นักล่าเขาหลอกให้เราเฝ้าแต่อู่ตะเภา แล้วถ้าเขาไปสร้างใบบัวให้กบมัน
กระโดดแถวชุมพร นี่สมันน้อยจะรู้ไหมนะ ! ?
    ด้วยยุทธศาสตร์กบกระโดดบนใบบัว อเมริกาสามารถสร้างฐานทัพให้ กระจายแบบโรยไว้ทั่ว (peppering) บริเวณ Asia Pacific ถ้าอเมริกาทำได้จริง มันก็ไม่ต่างกับการควบคุมจีนทางอ้อม (containment) และก็เหมือนเป็นการเอาฉากสงครามเย็น สมัยที่อเมริกาจัดการกับสหภาพโซเวียตมาเล่นใหม่ !
    ลองคิดดูช่วง 2-3 ปีนี้ อเมริกาเดินแผนอย่างไร กับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่มีหลุด
สักเม็ด เค้าของสงครามโลกครั้งที่ 3 พอมองได้เห็นลาง ๆ
    – ออสเตรเลีย : อเมริกา เจรจาที่จะร่วมใช้ฐานทัพที่ Darwin และกำลังเริ่มแผนใช้
drone (เครื่องบินประเภทไร้คนขับ บังคับด้วยเรดาร์) โดยใช้ฐานทัพของออสเตรเลียที่เกาะ Cocos เป็นฐานพัก รวมทั้งการจัดกองกำลังเตรียมพร้อมไว้ แถว Brisbane และ Perth ด้วย
    – ราชอาณาจักรไทย : แน่นอนจะใช้อู่ตะเภา หรือสร้างใบบัวให้กบกระโดดที่ชุมพร หรือ
ที่ไหนอีก ตามสัญญาผูกคอทาส ทำได้สารพัด
    – ฟิลิปปินส์ : ตกลงไปแล้วให้อเมริกาฟื้นสนามบิน Clark และฐานทัพเรือ Subic Bay ที่ปิดไปชั่วคราวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 กว่า ๆ (แต่หลังจากปี ค.ศ. 2002 ก็ยอมให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกาเข้ามาใช้ใหม่บางกรณี !)
    – เวียตนาม : ทำสัญญาตกลงให้อเมริกาเพิ่มกองเรือ เข้าไปใช้ท่าเรือของเวียตนาม และ
จะขยายท่าเรือ เพื่อให้เฉพาะกองทัพเรืออเมริกาจอด
    – เกาะกวม : อเมริกาเตรียมสร้าง runway เพิ่มที่เกาะ Tinian ใกล้กับเกาะกวม และเตรียมสร้างฐานทัพ และ runwayสำหรับเครื่องบินลง ที่เกาะไซปัน (Saipan) ที่ห่างจากเกาะกวมไปประมาณ190 กม. เพื่อเป็นฐานทัพรองรับ หากกวมโดนโจมตี
    – มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน : อเมริกาเจรจาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม
    – เกาหลีใต้ : ตกลงกับอเมริกาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม ให้อเมริกาใช้ที่เกาะ Jeju
    – อินเดีย : อเมริกาทำข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือทางการทหารไปแล้ว
    นี่ยังไม่ได้นับฐานทัพอีกประมาณ 200 แห่ง ที่อเมริกามีกระจายอยู่ แล้วที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะกวม Diego Garcia และฮาวาย ถ้าใบบัวงอกทั้งหมดนี้ อาเฮียแทบไม่มีทางออกทะเล ต้องใช้บินอย่างเดียว (ฮา !)
    ยุทธศาสตร์กบกระโดด บนใบบัวนี้ แสดงให้เห็นว่าลึก ๆ อเมริกาคิดอะไรอยู่ เป็นแผนล่า
เหยื่อของนักล่าตัวจริง ในเมื่อการสร้างฐานทัพใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว ยังเป็นทั้งเป้าสายตาและเป้าอาวุธ แต่ถ้าแอบสร้างฐานเล็ก ๆ แบบใบบัว ให้กบกระโดด หลาย ๆแห่ง ทำได้เร็ว และไม่สร้างความอึกทึกให้โลกและเจ้าของบ้าน (ที่นักล่าหลอกไว้) ให้รู้ตัว นักยุทธศาสตร์การรบบอกว่า ฐานทัพรุ่นใบบัวนี้ ถ้าติดเครื่องมือทันสมัยให้เพียบ ใช้ควบคู่กับหน่วยรบพิเศษ (special operation forces) กบรุ่นใหม่เคลื่อนที่เร็ว แบบกบมหัศจรรย์ กับการใช้ droneสอดแนมและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ (อย่าลืมว่าหน่วยปฎิบัติการในภาวะภัยพิบัตินั้น เป็นงาน
พรางตัวที่ดีที่สุด ของกองทัพในการทำงานข่าวกรอง) ร่วมกับการปฎิบัติทางโลก Cyber และมีการร่วมมือระหว่างกองทัพ กับหน่วยงานพลเรือนอย่างดี คุณสามารถทำการปฎิวัติ หรือบุกยึดเมืองใด หรือทำการรบในยุทธภูมิใดก็ได้ผลเกินคาด รวดเร็วกว่าการใช้กองทัพใหญ่ ๆ ที่เคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้าย มันหมดสมัยแล้ว !
    อเมริกาปรับปรุงฐานทัพจากการขยายหรือสร้างฐานทัพใหญ่ เป็นเตรียมการสร้างฐานทัพรูปแบบใบบัว (Lily Pad) เพื่อให้กบกระโดไทั่ว แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้การล่าเหยื่อเบ็ดเสร็จสมใจ อเมริกา จึงปรับปรุงการกระโดดของกบด้วย โดยแบ่งซอยกองกำลังออกมาเรียกว่า หน่วยปฎิบัติการพิเศษ
(เหมือนชายชุดดำนะครับ เอ๊ะ ! หน่วยเดียวกันหรือเปล่า ?!) Special Operation Forces (SOF)
(หรือมันเอาอย่างกัน หวังว่าไม่ถึงขนาดฝึกให้กันเลยนะ !)
    SOF นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาถูกจับเป็นตัวประกันที่อิหร่าน (ก็ผลงานของนักล่าเอง !) ทำให้ตัวประกันตายไป 8 คน
อเมริกาแค้นจัด ตั้งหน่วย Special Operation Command (SOCOM) ขึ้นมา
โดยคัดหัวกะทิมาจากหน่วย Seals, Rangers, Special Operation Aviators และ Green Beret มาฝึกหนัก จริง ๆ ก็คือฝึกเป็น Rambo เหมือนในหนังน่ะ
พวก SOF นี้ ถูกใช้ให้ไปปฎิบัติการลับ ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นความลับ
มีรายงานว่าน่าจะมี SOF ประมาณกว่า 70,000 คนในปี ค.ศ. 2014 กระจายอยู่ทั่วโลก ปฎิบัติการอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 70-80 ประเทศ เช่น ลิเบีย โซมาเลีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน หลายประเทศในอาหรับ
และลาตินอเมริกา และเอเซีย และยุโรป ฯลฯ
    สรุปแล้ว การจัดการให้มีฐานทัพแบบใบบัว (Lily Pad) และ กองกำลังแบบ SOF ตามยุทธการกบกระโดด อยู่ในบ้านเมืองใคร อเมริกาบอกว่า มันก็เหมือนเราไปอยู่ในบ้านนั้น (ยึด!) เรียบร้อยแล้วล่ะ (de facto presence) ดังนั้นเราจะต้องให้มี ฐานทัพใบบัวนี้ให้มากที่สุดให้ได้ (lots and lots of Lily pad bases!)

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 5 อเมริกาสมเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สิงห์โตซุ่มจริง ๆ ขณะที่หน้าฉากยังไม่ชัดเจน ว่าจะ
เล่นเรื่องอะไร มีข่าวหลุดออกมาจาก Pentagon เมื่อ ค.ศ. 2012 ว่าอเมริกามีแผนจะปรับโฉมหน้าของฐานทัพ ที่มีอยู่ต่างประเทศเสียใหม่ เรียกว่าทำ face lift อัพหน้ากันใหม่ ตามยุทธการ “กบกระโดด” เพราะการมีฐานทัพกระจายทั่วโลก เป็นปัญหาทั้งด้านกระเป๋าที่ยังรั่วอยู่ และเป็นเป้าสายตาของชาวโลก ขยับตัวทีเขารู้แผนกันหมดทั้งคู่หู คู่แข่ง
สมัยนายบุชตัวลูก ก็ปวดขมอง คิดจะปิดฐานทัพไปสัก 1 ใน 3 แต่ตัดสินใจไม่ขาด จะเปิดอันไหน ปิดอันไหน คิดยังไม่ทันตก ดันหมดเทอมซะก่อน
มาถึงนายโอบามา ปัญหานี้จะทู่ซี้ต่อไป อาจจะไม่ได้ไปนั่งเท่ในทำเนียบขาว หรือถ้าได้นั่ง ก็อยู่ไม่ยาว ตอนหาเสียงเลยเล่นมุก ท่องมันไปทุกเวที Change Change Change เอาเข้าจริง เป็นพี่เบิ้มนักล่าถ้าเก็บเครื่องมือล่าทิ้งลงถังขยะ แล้วจะไปล่าเหยื่อได้ยังไง แบบนี้ เพื่อนซี้ เพื่อนกิน ลูกหาบก็หลบหน้า ลี้กายหายไปหมด เลยต้องเรียกเด็ก ๆ
เฮ้ย ! มาทำการบ้านใหม่โว้ย !
ตกลงนักล่ามันเปลี่ยนสันดานไหม มัน Change ไหม ? กบกระโดดครับนาย กบกระโดดคือคำตอบ กบจะกระโดดในสระกว้างต้องมีใบบัวรองรับ
สระกว้างใหญ่ มีใบบัวเต็มไปหมด คนมองก็ไม่รู้สึกแปลก
แต่ถ้าดันสร้างเป็น swimming pool ขนาดโอลิมปิก กบจะกระโดดไหวหรือ กลายเป็นกบพุ่งหลาวจมไม่โผล่ละซิ ส่วนที่คิดจะเอาใบบัวไปลอย ใน swimming pool น่ะ แบบนั้น มันฉากละครทีวีช่องคุณหญิงคุณชายนะ Hollywood เขาไม่ทำกัน
มันต้องทำให้เนียน ๆ เพราะฉะนั้นเอาฐานทัพเก่า ๆ มาดัดแปลงเสียใหม่ ไม่ให้คนสังเกต หรือแถบไหน (ของ
ประเทศคนอื่น) ที่มันเล็ก ๆ ไม่เด่นก็ไปแอบสร้าง เอาให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงด้วยอาวุธทันสมัยติดไว้ให้เพียบ แบบนี้ก็เรียบร้อย นักล่าบอกน่าสนใจ (มาก) เอะ ! แล้วนี่ ที่นักล่าเขาหลอกให้เราเฝ้าแต่อู่ตะเภา แล้วถ้าเขาไปสร้างใบบัวให้กบมัน
กระโดดแถวชุมพร นี่สมันน้อยจะรู้ไหมนะ ! ? ด้วยยุทธศาสตร์กบกระโดดบนใบบัว อเมริกาสามารถสร้างฐานทัพให้ กระจายแบบโรยไว้ทั่ว (peppering) บริเวณ Asia Pacific ถ้าอเมริกาทำได้จริง มันก็ไม่ต่างกับการควบคุมจีนทางอ้อม (containment) และก็เหมือนเป็นการเอาฉากสงครามเย็น สมัยที่อเมริกาจัดการกับสหภาพโซเวียตมาเล่นใหม่ ! ลองคิดดูช่วง 2-3 ปีนี้ อเมริกาเดินแผนอย่างไร กับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่มีหลุด
สักเม็ด เค้าของสงครามโลกครั้งที่ 3 พอมองได้เห็นลาง ๆ – ออสเตรเลีย : อเมริกา เจรจาที่จะร่วมใช้ฐานทัพที่ Darwin และกำลังเริ่มแผนใช้
drone (เครื่องบินประเภทไร้คนขับ บังคับด้วยเรดาร์) โดยใช้ฐานทัพของออสเตรเลียที่เกาะ Cocos เป็นฐานพัก รวมทั้งการจัดกองกำลังเตรียมพร้อมไว้ แถว Brisbane และ Perth ด้วย – ราชอาณาจักรไทย : แน่นอนจะใช้อู่ตะเภา หรือสร้างใบบัวให้กบกระโดดที่ชุมพร หรือ
ที่ไหนอีก ตามสัญญาผูกคอทาส ทำได้สารพัด – ฟิลิปปินส์ : ตกลงไปแล้วให้อเมริกาฟื้นสนามบิน Clark และฐานทัพเรือ Subic Bay ที่ปิดไปชั่วคราวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 กว่า ๆ (แต่หลังจากปี ค.ศ. 2002 ก็ยอมให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกาเข้ามาใช้ใหม่บางกรณี !) – เวียตนาม : ทำสัญญาตกลงให้อเมริกาเพิ่มกองเรือ เข้าไปใช้ท่าเรือของเวียตนาม และ
จะขยายท่าเรือ เพื่อให้เฉพาะกองทัพเรืออเมริกาจอด – เกาะกวม : อเมริกาเตรียมสร้าง runway เพิ่มที่เกาะ Tinian ใกล้กับเกาะกวม และเตรียมสร้างฐานทัพ และ runwayสำหรับเครื่องบินลง ที่เกาะไซปัน (Saipan) ที่ห่างจากเกาะกวมไปประมาณ190 กม. เพื่อเป็นฐานทัพรองรับ หากกวมโดนโจมตี – มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน : อเมริกาเจรจาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม – เกาหลีใต้ : ตกลงกับอเมริกาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม ให้อเมริกาใช้ที่เกาะ Jeju – อินเดีย : อเมริกาทำข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือทางการทหารไปแล้ว นี่ยังไม่ได้นับฐานทัพอีกประมาณ 200 แห่ง ที่อเมริกามีกระจายอยู่ แล้วที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะกวม Diego Garcia และฮาวาย ถ้าใบบัวงอกทั้งหมดนี้ อาเฮียแทบไม่มีทางออกทะเล ต้องใช้บินอย่างเดียว (ฮา !) ยุทธศาสตร์กบกระโดด บนใบบัวนี้ แสดงให้เห็นว่าลึก ๆ อเมริกาคิดอะไรอยู่ เป็นแผนล่า
เหยื่อของนักล่าตัวจริง ในเมื่อการสร้างฐานทัพใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว ยังเป็นทั้งเป้าสายตาและเป้าอาวุธ แต่ถ้าแอบสร้างฐานเล็ก ๆ แบบใบบัว ให้กบกระโดด หลาย ๆแห่ง ทำได้เร็ว และไม่สร้างความอึกทึกให้โลกและเจ้าของบ้าน (ที่นักล่าหลอกไว้) ให้รู้ตัว นักยุทธศาสตร์การรบบอกว่า ฐานทัพรุ่นใบบัวนี้ ถ้าติดเครื่องมือทันสมัยให้เพียบ ใช้ควบคู่กับหน่วยรบพิเศษ (special operation forces) กบรุ่นใหม่เคลื่อนที่เร็ว แบบกบมหัศจรรย์ กับการใช้ droneสอดแนมและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ (อย่าลืมว่าหน่วยปฎิบัติการในภาวะภัยพิบัตินั้น เป็นงาน
พรางตัวที่ดีที่สุด ของกองทัพในการทำงานข่าวกรอง) ร่วมกับการปฎิบัติทางโลก Cyber และมีการร่วมมือระหว่างกองทัพ กับหน่วยงานพลเรือนอย่างดี คุณสามารถทำการปฎิวัติ หรือบุกยึดเมืองใด หรือทำการรบในยุทธภูมิใดก็ได้ผลเกินคาด รวดเร็วกว่าการใช้กองทัพใหญ่ ๆ ที่เคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้าย มันหมดสมัยแล้ว ! อเมริกาปรับปรุงฐานทัพจากการขยายหรือสร้างฐานทัพใหญ่ เป็นเตรียมการสร้างฐานทัพรูปแบบใบบัว (Lily Pad) เพื่อให้กบกระโดไทั่ว แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้การล่าเหยื่อเบ็ดเสร็จสมใจ อเมริกา จึงปรับปรุงการกระโดดของกบด้วย โดยแบ่งซอยกองกำลังออกมาเรียกว่า หน่วยปฎิบัติการพิเศษ
(เหมือนชายชุดดำนะครับ เอ๊ะ ! หน่วยเดียวกันหรือเปล่า ?!) Special Operation Forces (SOF)
(หรือมันเอาอย่างกัน หวังว่าไม่ถึงขนาดฝึกให้กันเลยนะ !) SOF นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาถูกจับเป็นตัวประกันที่อิหร่าน (ก็ผลงานของนักล่าเอง !) ทำให้ตัวประกันตายไป 8 คน
อเมริกาแค้นจัด ตั้งหน่วย Special Operation Command (SOCOM) ขึ้นมา
โดยคัดหัวกะทิมาจากหน่วย Seals, Rangers, Special Operation Aviators และ Green Beret มาฝึกหนัก จริง ๆ ก็คือฝึกเป็น Rambo เหมือนในหนังน่ะ
พวก SOF นี้ ถูกใช้ให้ไปปฎิบัติการลับ ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นความลับ
มีรายงานว่าน่าจะมี SOF ประมาณกว่า 70,000 คนในปี ค.ศ. 2014 กระจายอยู่ทั่วโลก ปฎิบัติการอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 70-80 ประเทศ เช่น ลิเบีย โซมาเลีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน หลายประเทศในอาหรับ
และลาตินอเมริกา และเอเซีย และยุโรป ฯลฯ สรุปแล้ว การจัดการให้มีฐานทัพแบบใบบัว (Lily Pad) และ กองกำลังแบบ SOF ตามยุทธการกบกระโดด อยู่ในบ้านเมืองใคร อเมริกาบอกว่า มันก็เหมือนเราไปอยู่ในบ้านนั้น (ยึด!) เรียบร้อยแล้วล่ะ (de facto presence) ดังนั้นเราจะต้องให้มี ฐานทัพใบบัวนี้ให้มากที่สุดให้ได้ (lots and lots of Lily pad bases!) คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Peoria: เมื่อ Amkor สร้างโรงงานแพ็กชิปมูลค่า 2 พันล้าน เพื่ออุดช่องโหว่ของอเมริกา

    ในขณะที่สหรัฐฯ ทุ่มงบมหาศาลเพื่อดึงการผลิตชิปกลับสู่ประเทศผ่าน CHIPS Act โรงงานผลิตเวเฟอร์ของ TSMC และ Intel ก็เริ่มตั้งหลักในแอริโซนาแล้ว แต่ปัญหาคือ “หลังบ้าน” อย่างการประกอบ ทดสอบ และแพ็กเกจชิปยังต้องส่งกลับไปทำที่ไต้หวันหรือเกาหลีใต้ ทำให้เกิดคอขวดที่กระทบต่อทั้ง AI server และ GPU ระดับสูง

    Amkor Technology จึงประกาศสร้างโรงงานใหม่ใน Peoria, Arizona บนพื้นที่ 104 เอเคอร์ ด้วยงบลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ โดยมี Apple เป็นลูกค้ารายแรก และ TSMC เซ็น MOU เพื่อส่งเวเฟอร์จากโรงงานในฟีนิกซ์มาประกอบที่นี่โดยตรง ลดเวลารอจากหลายสัปดาห์เหลือไม่กี่วัน

    โรงงานนี้จะรองรับเทคโนโลยีแพ็กเกจระดับสูง เช่น CoWoS และ InFO ซึ่งเป็นหัวใจของชิป AI อย่าง Nvidia H100/H200 และ AMD MI300 รวมถึงชิป Apple M-series ที่ใช้ใน Mac และ iPad โดยได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กว่า 407 ล้านดอลลาร์ และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลกลาง

    แต่แม้จะเป็นก้าวใหญ่ของอุตสาหกรรม โรงงานนี้จะเริ่มผลิตจริงในปี 2028 ซึ่งหมายความว่าคอขวดของการแพ็กชิปจะยังคงอยู่ไปอีกหลายปี และที่น่าห่วงกว่าคือปัญหาขาดแคลนแรงงาน—คาดว่าจะขาดคนงานถึง 70,000–90,000 คนทั่วสหรัฐฯ แม้จะมีระบบอัตโนมัติช่วยก็ตาม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/amkor-arizona-plant-plans-approved
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Peoria: เมื่อ Amkor สร้างโรงงานแพ็กชิปมูลค่า 2 พันล้าน เพื่ออุดช่องโหว่ของอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ ทุ่มงบมหาศาลเพื่อดึงการผลิตชิปกลับสู่ประเทศผ่าน CHIPS Act โรงงานผลิตเวเฟอร์ของ TSMC และ Intel ก็เริ่มตั้งหลักในแอริโซนาแล้ว แต่ปัญหาคือ “หลังบ้าน” อย่างการประกอบ ทดสอบ และแพ็กเกจชิปยังต้องส่งกลับไปทำที่ไต้หวันหรือเกาหลีใต้ ทำให้เกิดคอขวดที่กระทบต่อทั้ง AI server และ GPU ระดับสูง Amkor Technology จึงประกาศสร้างโรงงานใหม่ใน Peoria, Arizona บนพื้นที่ 104 เอเคอร์ ด้วยงบลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ โดยมี Apple เป็นลูกค้ารายแรก และ TSMC เซ็น MOU เพื่อส่งเวเฟอร์จากโรงงานในฟีนิกซ์มาประกอบที่นี่โดยตรง ลดเวลารอจากหลายสัปดาห์เหลือไม่กี่วัน โรงงานนี้จะรองรับเทคโนโลยีแพ็กเกจระดับสูง เช่น CoWoS และ InFO ซึ่งเป็นหัวใจของชิป AI อย่าง Nvidia H100/H200 และ AMD MI300 รวมถึงชิป Apple M-series ที่ใช้ใน Mac และ iPad โดยได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กว่า 407 ล้านดอลลาร์ และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลกลาง แต่แม้จะเป็นก้าวใหญ่ของอุตสาหกรรม โรงงานนี้จะเริ่มผลิตจริงในปี 2028 ซึ่งหมายความว่าคอขวดของการแพ็กชิปจะยังคงอยู่ไปอีกหลายปี และที่น่าห่วงกว่าคือปัญหาขาดแคลนแรงงาน—คาดว่าจะขาดคนงานถึง 70,000–90,000 คนทั่วสหรัฐฯ แม้จะมีระบบอัตโนมัติช่วยก็ตาม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/amkor-arizona-plant-plans-approved
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 1
    อเมริกากำลังปรับกระบวนยุทธใหม่ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์อำนาจ เป็นสุดยอดนักล่า
(Strategic Pivot) ในภูมิภาค Asia Pacific แต่เพื่อให้ฟังนุ่มหู อเมริกาบอกว่าเป็นการปรับดุลยอำนาจ (Rebalancing) ในภูมิภาคนี้ใหม่ กระบวนยุทธใหม่นี้ นายโอบามา พูดถึงเป็นครั้งแรกที่กรุง Canberra Australia เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หลังจากนั้น อเมริกาเริ่มปฎิบัติการอย่างเงียบ ๆ มาตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราชาวโลกควรให้ความสนใจกัน เพราะต่อไปนี้
ละครฉากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การรบ การคบ การเคี้ยว จะอยู่ตรงแถวนี้แหละ ตรงที่เรียกว่า Asia Pacific
    สิ่งที่อเมริกาเดินหน้าทำเป็นเรื่องแรก ในช่วงปรับกระบวนยุทธ คือ ทำให้ประเทศที่
เรียกว่าเป็นพันธมิตร ทั้งระดับชิดและระดับห่าง แถวภูมิภาค Asia Pacific (Alliances) เชื่อว่าเรายังเป็นก๊วนกันอยู่นะ แม้ตัวจะไกล แต่ใจแนบแน่น เพราะฉะนั้นไอกระดิกนิ้วเรียกเมื่อไหร่ ต้องวิ่งมากันเลยนะ
    อเมริกาลงทุนเดินไปเคาะประตูบ้านเกือบทุกบาน ของพันธมิตร (ลูกหาบ !) จับมือ เขย่าแขน กอดคอ หอมแก้ม ผู้นำเกือบทุกคนในภูมิภาคนี้ โดยใช้นักแสดงนำ เช่น คุณนาย Clintonรมว.ตปท. นาย Robert Gates รมว.กลาโหม นาย Leon Panetta ที่มาเป็นรมว. กลาโหมคนต่อมา รวมทั้งที่ปรึกษาความมั่นคง เช่น นาย Tom Donjion และบรรดาแม่ทัพนายกอง แถวกองทัพภาคที่ 7 ยังถูกเกณฑ์ออกมาเดินสาย ที่สำคัญตัวพระเอกเอง คือ ประธานาธิบดี Obamaก็ไม่เว้น ออกเดินสายเคาะประตูบ้านด้วยเช่นกัน
    – อันดับแรก แน่นอน ญี่ปุ่นลูกเลี้ยง ประเทศที่อเมริกาถล่มเขาซะหายไปทั้งเมือง ทำให้
ต้องกระเตงเลี้ยงกันไปตลอด ทั้งช่วยทั้งใช้ (แต่รู้สึกอย่างหลังจะมากกว่านะ) อเมริกาเข้าไปปรับปรุงยุ่งถึงในมุ้งการเมืองของญี่ปุ่น ได้นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดมา 1 คน เพื่อให้ดำเนินนโยบายประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ของอเมริกา และเพื่อโชว์ให้โลกเห็นว่าอเมริกาเป็นพ่อพระใจดีใจกว้าง ไม่ได้ทอดทิ้งยามยาก เช่น คราวญี่ปุ่นแผ่นดินไหว เกิดซึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว ในปี ค.ศ. 2011 (จริง ๆ แล้วมันอยากไปดูว่าของจริง ฉ.ห แค่ไหน จะได้คิดย้ายฐานทัพของตัวออกมาน่ะ) อเมริกาก็ช่วยไป แต่งข่าวผ่าน CNN ไป ชาวเราก็ได้เรื่องจริงมาน้อยกว่าเรื่องแต่ง
    – อันดับสอง เกาหลีใต้ อเมริกาพยายามโปรโมทเกาหลีใต้ขึ้นมาแข่งกับญี่ปุ่นนานแล้ว
Toyota แพ้ Hyundai Sony แพ้ Samsung ฝีมือใคร เอ๊ะ ทำได้ไงกับลูกเลี้ยง ก็เพราะอเมริกันต้องการให้เกาหลีใต้แข็งแรง เป็นกำแพงกั้นเกาหลีเหนือ เอาความเจริญใส่เข้าไปมาก ๆ จะได้เห็นความแตกต่าง ๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ มันจะได้ยากที่จะรวมกัน เดี๋ยวมันจะเอาอย่างเยอรมันตะวันออกกับตะวันตก ไอไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก ลงทุนไปแยะ มาถึงตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก โปรโมทเข้าไปหนัก ๆ ยูดี ยูเก่ง ยูเจริญ ที่สุดในเอเซีย ใคร ๆ ก็อยากมี look แบบเกาหลีกันทั้งนั้น โอบซ้าย โอบขวา เชียร์กังนัมมันไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็พอถมเถ ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ก็ใช่ว่าจะอยากไปอยู่กับเด็กแสบของเกาหลีเหนือ คราวนี้พักเรื่องกังนัมสักครู่ แล้วมาคุยกันเรื่องสร้างฐานทัพให้ลูกพี่จอดเรือรบก่อนนะ
    – อันดับสาม ฟิลิปปินส์ ซึ่งอเมริกาเลี้ยงดูมาหลายสิบปี มีอะไรก็ถมให้ไปหมด ขนาด
เศรษฐีโคตรรวย Rockefeller ยังพยายามทั้งผลักทั้งดัน ให้ฟิลิปปินส์เป็นเมืองเอกในเอเซีย ลงทุนตั้งมหาวิทยาลัยให้ทั้งหลัง หน่วยงานสำคัญ ๆ ก็ไปไว้ที่นั่น ADB ไง Asian for DevelopmentBank ลูกของ World Bank สำนักงานใหญ่ก็อยู่ที่นี่แหละ แต่เด็กมันไม่ค่อยรักดี ถ้าไม่โกงกันระเบิด ก็เอาระเบิดมาถล่มกันเองอยู่เรื่อย แต่ก็ยังทิ้งกันไม่ลง ก็ลงทุนสร้างฐานทัพทิ้งไว้ที่เกาะนี้เต็มไปหมด งวดนี้กัดฟันไปคุยกันใหม่ เพราะต้องใช้ฟิลิปปินส์ เป็นม้าใช้ลอยคอไปยันกับจีนแถวทะเลจีนใต้ รื้อฟื้นฐานทัพเก่าที่เคยสร้างไว้มาปัดฝุ่นใช้กันใหม่
    – อันดับสี่ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย แหม ! นึกว่าเป็นลูกรักอยู่อันดับหนึ่ง ที่แท้อยู่โหล่
เลย ฉะนั้นอย่างสำคัญตนผิด แต่ขอโทษ คุณพี่ Obama มาเอง เพราะไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ในภูมิภาคนี้ ร่วมรบ หลอกตุ๋นกันมาตั้งกะสมัยสงครามเวียตนาม แต่พักหลังนี้ มันเล่นกีฬาสีกันแยะ จนลูกพี่ชักงง จะชอบจะใช้สีไหนดีนะ เอาที่มันใช้ง่าย ๆ น่ะ มาคราวนี้เลยบีบมือนางสมันน้อยแน่นนาน อย่าลืมนะ นางสาวแสนโง่ ! สัญญาทาสผูกคอของเราสองยังมีอยู่นะ เรียกเมื่อไหร่อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เรื่องอื่นไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ห้ามโง่นะ ว่าแล้วก็ทำตาเยิ้มใส่กัน ฮา !
    แม้จะใช้นักแสดงนำรุ่นใหญ่ขนาดนั้น แต่ความที่บทมันไม่ชัดเหมือนดูหนังจนจบแล้ว คนดู
ยังไม่แน่ใจว่า เป็นหนังบู๊หรือหนังตลก พระเอกชักปืนจะมายิงผู้ร้ายทีไร ดันยิงเข้าหัวแม่เท้าตัวเองทุกที แบบนั้นแหละ แถมนักแสดงบางคนก็เล่นไม่เนียน ถ้าไม่หน้าใหม่ ก็หน้าโหด ดูอย่างหน้าคุณนาย Clinton ซิ ปากยิ้ม แต่ลูกตายังกะนางสิงห์กำลังจ้องจะขม้ำเหยื่อ ชาวบ้านก็เลยมึน นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่านะ ไหนเขาลือกันว่ากระเป๋ายังโหว่อยู่ ไม่ใช่หรือ เงินเดือนจะจ่ายคนทำงานยังไม่พอเลย เป็นข่าวไปทั่วโลก จะ shut down shut up อะไรนั่น นี่มันรายการเกทับบลัฟแหลก ประเภทหน้าไพ่มีคิงแต่ข้างในกบแปดหรือเปล่านะ เล่นมุกนี้แถว Asia Pacific น่ะไม่หมูนะ อาเฮียกับพวกนี่เขาธรรมดาที่ไหน ชาวบ้านเขาก็วิจารณ์กันทั่วโลก (ยกเว้นไทยแลนด์ของสมัย
น้อยแหละ ที่ดีใจหนักหนา พี่เขากลับมาแล้ว)
    ขนาดพวกนักวิเคราะห์บางค่าย เช่น CFR (พวกกันเอง) ยังถามเลยว่ามาทาง Asia
Pacific แน่หรือ แล้วทาง Middle East ว่าอย่างไร มันยัง spring หลุดกันอยู่เลยนะ บางค่ายก็บอกว่า อเมริกาต้องมาทางนี้แหละ เพราะว่าภูมิภาคนี้ ต้องมีอเมริกามายืนผงาด ให้พวกอาเฮียรู้บางว่าใครเป็นใคร เป็นการดุลยอำนาจไงล่ะ แต่ที่แหลได้ใจ คือ นักวิเคราะห์จากค่ายลูกพี่นักล่า Chatham House บอกว่างงกันไปได้ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย อเมริกาก็เป็นพี่เบิ้มวนเวียนอยู่ทางนี้มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และไม่ว่าจะป็นพรรค Democrat หรือ Republican ทั้ง 2 พรรค ก็มีนโยบายเหมือนกันแหละ (คือให้ใครมาใหญ่กว่าตัวไม่ได้ทั้งนั้น) และที่สำคัญเข้าใจกันให้ถูกนะ อเมริกาไม่เคย “ไปจาก” ภูมิภาคนี้เลยต่างหาก แค่กร่างมากกร่างน้อยเท่านั้นเอง อันหลังนี้คนเขียน นิทานเพิ่มเองครับ
    ทั้งหมดนี้อเมริกาทำทำไม ไม่ต้องถามโหรระดับแม่หมอฟองสนานหรอก คนอ่านนิทาน
ทุกคนตอบได้หมด ถ้าไม่แน่ใจโปรด กลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย หรือยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกใหม่นะครับ อเมริกาหมุนเข็มทิศมาทางAsia Pacific ด้วยเหตุผล 2 อย่าง เป็นเหตุผลเดิม ๆ ที่ไม่ว่าอเมริกา หรือชาติมหาอำนาจใด หรือชาติเล็กชาติน้อย หรือใครที่มันคิดจะเป็นใหญ่มันก็คิดกันอยู่แค่นี้ทั้งนั้นแหละ “อำนาจกับทุน” สูตรสำเร็จเดิม ๆ จำไม่ได้หรือไง อเมริกามาแถบนี้ เพราะต้องการให้ทุกชาติ โดยเฉพาะจีนจำใส่หัวสมองไว้ว่า อเมริกายังมีอำนาจเต็มเปี่ยม ทั้งในภูมิภาคนี้และในโลกใบนี้ ใครที่คิดว่ารวยแล้วนึกว่าตัวเองใหญ่ แบบอาเฮียเศรษฐีใหม่น่ะ คิดใหม่นะกับอีกอย่างที่อเมริกาต้องการจนน้ำลายไหลฟูมปาก คือ ทรัพยากรที่ยังเหลือเฟืออยู่ในภูมิภาคนี้และกำลังมีการหักเหลี่ยม เล่นเชิงกันอย่างเข้มข้น ทั้งใน Asia Pacific และ Central Asia แต่นิทานวันนี้จะยังไม่เล่าเรื่องทรัพยากรนะครับ จะเน้นกันเรื่องกองทัพกองกำลัง ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนักล่า ที่อเมริกากำลังเบ่งให้ดู

    คนเล่านิทาน
    ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 1 อเมริกากำลังปรับกระบวนยุทธใหม่ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์อำนาจ เป็นสุดยอดนักล่า
(Strategic Pivot) ในภูมิภาค Asia Pacific แต่เพื่อให้ฟังนุ่มหู อเมริกาบอกว่าเป็นการปรับดุลยอำนาจ (Rebalancing) ในภูมิภาคนี้ใหม่ กระบวนยุทธใหม่นี้ นายโอบามา พูดถึงเป็นครั้งแรกที่กรุง Canberra Australia เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หลังจากนั้น อเมริกาเริ่มปฎิบัติการอย่างเงียบ ๆ มาตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราชาวโลกควรให้ความสนใจกัน เพราะต่อไปนี้
ละครฉากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การรบ การคบ การเคี้ยว จะอยู่ตรงแถวนี้แหละ ตรงที่เรียกว่า Asia Pacific สิ่งที่อเมริกาเดินหน้าทำเป็นเรื่องแรก ในช่วงปรับกระบวนยุทธ คือ ทำให้ประเทศที่
เรียกว่าเป็นพันธมิตร ทั้งระดับชิดและระดับห่าง แถวภูมิภาค Asia Pacific (Alliances) เชื่อว่าเรายังเป็นก๊วนกันอยู่นะ แม้ตัวจะไกล แต่ใจแนบแน่น เพราะฉะนั้นไอกระดิกนิ้วเรียกเมื่อไหร่ ต้องวิ่งมากันเลยนะ อเมริกาลงทุนเดินไปเคาะประตูบ้านเกือบทุกบาน ของพันธมิตร (ลูกหาบ !) จับมือ เขย่าแขน กอดคอ หอมแก้ม ผู้นำเกือบทุกคนในภูมิภาคนี้ โดยใช้นักแสดงนำ เช่น คุณนาย Clintonรมว.ตปท. นาย Robert Gates รมว.กลาโหม นาย Leon Panetta ที่มาเป็นรมว. กลาโหมคนต่อมา รวมทั้งที่ปรึกษาความมั่นคง เช่น นาย Tom Donjion และบรรดาแม่ทัพนายกอง แถวกองทัพภาคที่ 7 ยังถูกเกณฑ์ออกมาเดินสาย ที่สำคัญตัวพระเอกเอง คือ ประธานาธิบดี Obamaก็ไม่เว้น ออกเดินสายเคาะประตูบ้านด้วยเช่นกัน – อันดับแรก แน่นอน ญี่ปุ่นลูกเลี้ยง ประเทศที่อเมริกาถล่มเขาซะหายไปทั้งเมือง ทำให้
ต้องกระเตงเลี้ยงกันไปตลอด ทั้งช่วยทั้งใช้ (แต่รู้สึกอย่างหลังจะมากกว่านะ) อเมริกาเข้าไปปรับปรุงยุ่งถึงในมุ้งการเมืองของญี่ปุ่น ได้นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดมา 1 คน เพื่อให้ดำเนินนโยบายประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ของอเมริกา และเพื่อโชว์ให้โลกเห็นว่าอเมริกาเป็นพ่อพระใจดีใจกว้าง ไม่ได้ทอดทิ้งยามยาก เช่น คราวญี่ปุ่นแผ่นดินไหว เกิดซึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว ในปี ค.ศ. 2011 (จริง ๆ แล้วมันอยากไปดูว่าของจริง ฉ.ห แค่ไหน จะได้คิดย้ายฐานทัพของตัวออกมาน่ะ) อเมริกาก็ช่วยไป แต่งข่าวผ่าน CNN ไป ชาวเราก็ได้เรื่องจริงมาน้อยกว่าเรื่องแต่ง – อันดับสอง เกาหลีใต้ อเมริกาพยายามโปรโมทเกาหลีใต้ขึ้นมาแข่งกับญี่ปุ่นนานแล้ว
Toyota แพ้ Hyundai Sony แพ้ Samsung ฝีมือใคร เอ๊ะ ทำได้ไงกับลูกเลี้ยง ก็เพราะอเมริกันต้องการให้เกาหลีใต้แข็งแรง เป็นกำแพงกั้นเกาหลีเหนือ เอาความเจริญใส่เข้าไปมาก ๆ จะได้เห็นความแตกต่าง ๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ มันจะได้ยากที่จะรวมกัน เดี๋ยวมันจะเอาอย่างเยอรมันตะวันออกกับตะวันตก ไอไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก ลงทุนไปแยะ มาถึงตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก โปรโมทเข้าไปหนัก ๆ ยูดี ยูเก่ง ยูเจริญ ที่สุดในเอเซีย ใคร ๆ ก็อยากมี look แบบเกาหลีกันทั้งนั้น โอบซ้าย โอบขวา เชียร์กังนัมมันไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็พอถมเถ ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ก็ใช่ว่าจะอยากไปอยู่กับเด็กแสบของเกาหลีเหนือ คราวนี้พักเรื่องกังนัมสักครู่ แล้วมาคุยกันเรื่องสร้างฐานทัพให้ลูกพี่จอดเรือรบก่อนนะ – อันดับสาม ฟิลิปปินส์ ซึ่งอเมริกาเลี้ยงดูมาหลายสิบปี มีอะไรก็ถมให้ไปหมด ขนาด
เศรษฐีโคตรรวย Rockefeller ยังพยายามทั้งผลักทั้งดัน ให้ฟิลิปปินส์เป็นเมืองเอกในเอเซีย ลงทุนตั้งมหาวิทยาลัยให้ทั้งหลัง หน่วยงานสำคัญ ๆ ก็ไปไว้ที่นั่น ADB ไง Asian for DevelopmentBank ลูกของ World Bank สำนักงานใหญ่ก็อยู่ที่นี่แหละ แต่เด็กมันไม่ค่อยรักดี ถ้าไม่โกงกันระเบิด ก็เอาระเบิดมาถล่มกันเองอยู่เรื่อย แต่ก็ยังทิ้งกันไม่ลง ก็ลงทุนสร้างฐานทัพทิ้งไว้ที่เกาะนี้เต็มไปหมด งวดนี้กัดฟันไปคุยกันใหม่ เพราะต้องใช้ฟิลิปปินส์ เป็นม้าใช้ลอยคอไปยันกับจีนแถวทะเลจีนใต้ รื้อฟื้นฐานทัพเก่าที่เคยสร้างไว้มาปัดฝุ่นใช้กันใหม่ – อันดับสี่ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย แหม ! นึกว่าเป็นลูกรักอยู่อันดับหนึ่ง ที่แท้อยู่โหล่
เลย ฉะนั้นอย่างสำคัญตนผิด แต่ขอโทษ คุณพี่ Obama มาเอง เพราะไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ในภูมิภาคนี้ ร่วมรบ หลอกตุ๋นกันมาตั้งกะสมัยสงครามเวียตนาม แต่พักหลังนี้ มันเล่นกีฬาสีกันแยะ จนลูกพี่ชักงง จะชอบจะใช้สีไหนดีนะ เอาที่มันใช้ง่าย ๆ น่ะ มาคราวนี้เลยบีบมือนางสมันน้อยแน่นนาน อย่าลืมนะ นางสาวแสนโง่ ! สัญญาทาสผูกคอของเราสองยังมีอยู่นะ เรียกเมื่อไหร่อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เรื่องอื่นไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ห้ามโง่นะ ว่าแล้วก็ทำตาเยิ้มใส่กัน ฮา ! แม้จะใช้นักแสดงนำรุ่นใหญ่ขนาดนั้น แต่ความที่บทมันไม่ชัดเหมือนดูหนังจนจบแล้ว คนดู
ยังไม่แน่ใจว่า เป็นหนังบู๊หรือหนังตลก พระเอกชักปืนจะมายิงผู้ร้ายทีไร ดันยิงเข้าหัวแม่เท้าตัวเองทุกที แบบนั้นแหละ แถมนักแสดงบางคนก็เล่นไม่เนียน ถ้าไม่หน้าใหม่ ก็หน้าโหด ดูอย่างหน้าคุณนาย Clinton ซิ ปากยิ้ม แต่ลูกตายังกะนางสิงห์กำลังจ้องจะขม้ำเหยื่อ ชาวบ้านก็เลยมึน นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่านะ ไหนเขาลือกันว่ากระเป๋ายังโหว่อยู่ ไม่ใช่หรือ เงินเดือนจะจ่ายคนทำงานยังไม่พอเลย เป็นข่าวไปทั่วโลก จะ shut down shut up อะไรนั่น นี่มันรายการเกทับบลัฟแหลก ประเภทหน้าไพ่มีคิงแต่ข้างในกบแปดหรือเปล่านะ เล่นมุกนี้แถว Asia Pacific น่ะไม่หมูนะ อาเฮียกับพวกนี่เขาธรรมดาที่ไหน ชาวบ้านเขาก็วิจารณ์กันทั่วโลก (ยกเว้นไทยแลนด์ของสมัย
น้อยแหละ ที่ดีใจหนักหนา พี่เขากลับมาแล้ว) ขนาดพวกนักวิเคราะห์บางค่าย เช่น CFR (พวกกันเอง) ยังถามเลยว่ามาทาง Asia
Pacific แน่หรือ แล้วทาง Middle East ว่าอย่างไร มันยัง spring หลุดกันอยู่เลยนะ บางค่ายก็บอกว่า อเมริกาต้องมาทางนี้แหละ เพราะว่าภูมิภาคนี้ ต้องมีอเมริกามายืนผงาด ให้พวกอาเฮียรู้บางว่าใครเป็นใคร เป็นการดุลยอำนาจไงล่ะ แต่ที่แหลได้ใจ คือ นักวิเคราะห์จากค่ายลูกพี่นักล่า Chatham House บอกว่างงกันไปได้ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย อเมริกาก็เป็นพี่เบิ้มวนเวียนอยู่ทางนี้มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และไม่ว่าจะป็นพรรค Democrat หรือ Republican ทั้ง 2 พรรค ก็มีนโยบายเหมือนกันแหละ (คือให้ใครมาใหญ่กว่าตัวไม่ได้ทั้งนั้น) และที่สำคัญเข้าใจกันให้ถูกนะ อเมริกาไม่เคย “ไปจาก” ภูมิภาคนี้เลยต่างหาก แค่กร่างมากกร่างน้อยเท่านั้นเอง อันหลังนี้คนเขียน นิทานเพิ่มเองครับ ทั้งหมดนี้อเมริกาทำทำไม ไม่ต้องถามโหรระดับแม่หมอฟองสนานหรอก คนอ่านนิทาน
ทุกคนตอบได้หมด ถ้าไม่แน่ใจโปรด กลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย หรือยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกใหม่นะครับ อเมริกาหมุนเข็มทิศมาทางAsia Pacific ด้วยเหตุผล 2 อย่าง เป็นเหตุผลเดิม ๆ ที่ไม่ว่าอเมริกา หรือชาติมหาอำนาจใด หรือชาติเล็กชาติน้อย หรือใครที่มันคิดจะเป็นใหญ่มันก็คิดกันอยู่แค่นี้ทั้งนั้นแหละ “อำนาจกับทุน” สูตรสำเร็จเดิม ๆ จำไม่ได้หรือไง อเมริกามาแถบนี้ เพราะต้องการให้ทุกชาติ โดยเฉพาะจีนจำใส่หัวสมองไว้ว่า อเมริกายังมีอำนาจเต็มเปี่ยม ทั้งในภูมิภาคนี้และในโลกใบนี้ ใครที่คิดว่ารวยแล้วนึกว่าตัวเองใหญ่ แบบอาเฮียเศรษฐีใหม่น่ะ คิดใหม่นะกับอีกอย่างที่อเมริกาต้องการจนน้ำลายไหลฟูมปาก คือ ทรัพยากรที่ยังเหลือเฟืออยู่ในภูมิภาคนี้และกำลังมีการหักเหลี่ยม เล่นเชิงกันอย่างเข้มข้น ทั้งใน Asia Pacific และ Central Asia แต่นิทานวันนี้จะยังไม่เล่าเรื่องทรัพยากรนะครับ จะเน้นกันเรื่องกองทัพกองกำลัง ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนักล่า ที่อเมริกากำลังเบ่งให้ดู คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 25 : เหยื่อ (3)
    ปี ค.ศ. 1990 ญี่ปุ่นเสนอความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ (อดีต) สหภาพโซเวียต ซึ่งหลังจากแตกเป็นเสี่ยง ๆ (เพราะฝีมือใคร ! ?) ทำให้อเมริกาเป็นห่วงว่า ถ้าญี่ปุ่นไปจับมือกับรัสเซียจริง นานไปญี่ปุ่นอาจจะเอาใจออกห่างอเมริกา แล้วถ้าไปรวมกันเสือเศรษฐกิจแห่งเอเซียล่ะ ที่กำลังทะยานขึ้นมา มันย่อมไม่ใช่แนวทางของโลก ที่อเมริกาอยากให้เป็นนะ
    วิธีกดดันแบบเดิม ๆ จึงเกิดขึ้น มือหนึ่งกันจับบ่าญี่ปุ่นถามกันตรง ๆ ว่า คุณยุ่น คุณจะเลิกแผนช่วยเหลือรัสเซีย หรือคุณจะเริ่มสร้างกองทัพของคุณเอง อย่าลืมว่าทุกวันนี้ คุณยุ่นมีกองทัพเรือของอเมริกาค้ำ (คอ) ให้อยู่นะ ชอบหรือไม่ก็ตาม ระหว่างนั้นตลาดหุ้น Nikkei ก็ร่วง ยังกับใบไม้โดนพายุหมุน เมื่อจับเอาญี่ปุ่นกลับเข้ามาอยู่ในอุ้งมือเหมือนเดิมแล้ว ต่อไปก็พวกที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือเอเซียน่ะ มันจะเป็นเสือหรือเป็นแมวเดี๋ยวได้รู้กัน
    ช่วงนั้นหลายประเทศในเอเซีย นอกจากญี่ปุ่นแล้ว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ต่างก็เริ่มขยับฐานะ อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจแต่ละประเทศพวกนี้สูงกว่า ขีดในปรอทที่อเมริกาให้ IMF คอยวัดไว้ ที่อเมริกาหน้าแดงก่ำ คือมันโตกว่าอเมริกาเกือบเท่าตัว ประเทศพวกนี้ไม่มีหนี้ ไม่อยู่ในเงื่อนอะไรของ IMF เสียด้วยซ้ำ พวกเขานำความเจริญมาสู่ประเทศด้านการศึกษา การผลิตและการสร้างงานในประเทศ ที่สำคัญประเทศพวกนี้ ยังไม่เปิดประตูกว้างรับการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติและแถมมีข้อจำกัดเกี่ยว กับการนำสินค้าเข้า อเมริกาจึงเตรียมรางวัลให้กับประเทศที่กำลังเจริญเติบโตเกินอัตราที่ปรอทขีด ไว้ อย่ามาทำเป็นมีไข้(เติบโต)สูง ไอ ไม่ชอบนะ
    เหมือนกับเวลาที่สิงห์โตล่าเหยื่อ มันจะดูสัตว์ตัวที่อ่อนแอกว่าเพื่อนในฝูง ก่อนไล่ตะบบกิน ค.ศ. 1993 อเมริกาก็ได้เหยื่อที่อยากจะเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเซีย ความอยากรวยเร็วของเสือตัวที่ 5 ไม่ทันดูฉลากที่แปะมากับอาหารที่อเมริกาส่งมาให้ที่ชื่อ George Soros ผลที่ตามมาคงจะพอจำกันได้ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย (ไม่ได้เป็นเสืออย่างที่เข้าใจ ทีนี้รู้แล้วนะ ทำไมถึงเรียกว่า “สมันน้อย”) ก็เจอฟองสบู่ลอยเต็มเมือง ตามมาด้วยการลดค่าเงินบาท ที่ทำให้ไอ้พวกโจรร้ายมันรวยล้นแผ่นดินอยู่นี่ไงล่ะ แล้วก็มีคนเดินย่องเข้าไปหานายใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ช่วยอ้ายน้อยด้วย ! แล้วสมันน้อยก็กลับไปซบอกนายใหญ่ ถูกใส่ปลอกคอยี่ห้อ IMF เดินเชื่องไม่ต่างกันเมื่อเขาเอาคอมมิวนิสต์มาขู่ ยอมเดินลงเปลให้เขากล่อม ทำอะไรก็ได้ในไทยแลนด์ตอนนั้น คราวนี้เราก็เสียอธิปไตยอีกหน แต่เป็นเสียอธิปไตยทางการเงิน ! ต้มยำกุ้งดังไปทั่วโลก หลังจากนั้น เสือฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ก็ระเนระนาดล้มตามกันไป จบตำนานเสือแห่งเอเซีย เดินร้องเหมียว ๆ เข้ากรง IMF กันเป็นแถว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 25 : เหยื่อ (3) ปี ค.ศ. 1990 ญี่ปุ่นเสนอความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ (อดีต) สหภาพโซเวียต ซึ่งหลังจากแตกเป็นเสี่ยง ๆ (เพราะฝีมือใคร ! ?) ทำให้อเมริกาเป็นห่วงว่า ถ้าญี่ปุ่นไปจับมือกับรัสเซียจริง นานไปญี่ปุ่นอาจจะเอาใจออกห่างอเมริกา แล้วถ้าไปรวมกันเสือเศรษฐกิจแห่งเอเซียล่ะ ที่กำลังทะยานขึ้นมา มันย่อมไม่ใช่แนวทางของโลก ที่อเมริกาอยากให้เป็นนะ วิธีกดดันแบบเดิม ๆ จึงเกิดขึ้น มือหนึ่งกันจับบ่าญี่ปุ่นถามกันตรง ๆ ว่า คุณยุ่น คุณจะเลิกแผนช่วยเหลือรัสเซีย หรือคุณจะเริ่มสร้างกองทัพของคุณเอง อย่าลืมว่าทุกวันนี้ คุณยุ่นมีกองทัพเรือของอเมริกาค้ำ (คอ) ให้อยู่นะ ชอบหรือไม่ก็ตาม ระหว่างนั้นตลาดหุ้น Nikkei ก็ร่วง ยังกับใบไม้โดนพายุหมุน เมื่อจับเอาญี่ปุ่นกลับเข้ามาอยู่ในอุ้งมือเหมือนเดิมแล้ว ต่อไปก็พวกที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือเอเซียน่ะ มันจะเป็นเสือหรือเป็นแมวเดี๋ยวได้รู้กัน ช่วงนั้นหลายประเทศในเอเซีย นอกจากญี่ปุ่นแล้ว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ต่างก็เริ่มขยับฐานะ อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจแต่ละประเทศพวกนี้สูงกว่า ขีดในปรอทที่อเมริกาให้ IMF คอยวัดไว้ ที่อเมริกาหน้าแดงก่ำ คือมันโตกว่าอเมริกาเกือบเท่าตัว ประเทศพวกนี้ไม่มีหนี้ ไม่อยู่ในเงื่อนอะไรของ IMF เสียด้วยซ้ำ พวกเขานำความเจริญมาสู่ประเทศด้านการศึกษา การผลิตและการสร้างงานในประเทศ ที่สำคัญประเทศพวกนี้ ยังไม่เปิดประตูกว้างรับการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติและแถมมีข้อจำกัดเกี่ยว กับการนำสินค้าเข้า อเมริกาจึงเตรียมรางวัลให้กับประเทศที่กำลังเจริญเติบโตเกินอัตราที่ปรอทขีด ไว้ อย่ามาทำเป็นมีไข้(เติบโต)สูง ไอ ไม่ชอบนะ เหมือนกับเวลาที่สิงห์โตล่าเหยื่อ มันจะดูสัตว์ตัวที่อ่อนแอกว่าเพื่อนในฝูง ก่อนไล่ตะบบกิน ค.ศ. 1993 อเมริกาก็ได้เหยื่อที่อยากจะเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเซีย ความอยากรวยเร็วของเสือตัวที่ 5 ไม่ทันดูฉลากที่แปะมากับอาหารที่อเมริกาส่งมาให้ที่ชื่อ George Soros ผลที่ตามมาคงจะพอจำกันได้ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย (ไม่ได้เป็นเสืออย่างที่เข้าใจ ทีนี้รู้แล้วนะ ทำไมถึงเรียกว่า “สมันน้อย”) ก็เจอฟองสบู่ลอยเต็มเมือง ตามมาด้วยการลดค่าเงินบาท ที่ทำให้ไอ้พวกโจรร้ายมันรวยล้นแผ่นดินอยู่นี่ไงล่ะ แล้วก็มีคนเดินย่องเข้าไปหานายใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ช่วยอ้ายน้อยด้วย ! แล้วสมันน้อยก็กลับไปซบอกนายใหญ่ ถูกใส่ปลอกคอยี่ห้อ IMF เดินเชื่องไม่ต่างกันเมื่อเขาเอาคอมมิวนิสต์มาขู่ ยอมเดินลงเปลให้เขากล่อม ทำอะไรก็ได้ในไทยแลนด์ตอนนั้น คราวนี้เราก็เสียอธิปไตยอีกหน แต่เป็นเสียอธิปไตยทางการเงิน ! ต้มยำกุ้งดังไปทั่วโลก หลังจากนั้น เสือฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ก็ระเนระนาดล้มตามกันไป จบตำนานเสือแห่งเอเซีย เดินร้องเหมียว ๆ เข้ากรง IMF กันเป็นแถว คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • แอปดูเอกสารที่ดูธรรมดา แต่แอบขโมยเงินคุณแบบเงียบ ๆ

    ในปี 2025 โลกของ Android ต้องเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ เมื่อ Zscaler ThreatLabz ตรวจพบแอปอันตราย 77 ตัวที่ปลอมตัวเป็นแอปดูเอกสารหรือจัดการไฟล์ แต่แท้จริงแล้วแอบฝังมัลแวร์ชื่อ Anatsa (หรือ TeaBot) ซึ่งเป็น banking trojan ที่สามารถขโมยข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้ได้อย่างแนบเนียน

    แอปเหล่านี้ถูกปล่อยผ่าน Google Play Store อย่างถูกต้องตามขั้นตอน โดยในช่วงแรกจะไม่มีโค้ดอันตรายเลย ทำให้ผ่านการตรวจสอบได้ง่าย แต่เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแล้ว แอปจะดาวน์โหลด payload อันตรายจากเซิร์ฟเวอร์ภายนอก โดยอ้างว่าเป็น “อัปเดตจำเป็น”

    เมื่อมัลแวร์ถูกติดตั้ง มันจะหลอกให้ผู้ใช้เปิด Accessibility Services เพื่อให้สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จากนั้นจะแสดงหน้าจอปลอมของแอปธนาคารหรือแอปคริปโต เพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่าน

    Anatsa ยังใช้เทคนิคขั้นสูงในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น การเข้ารหัสแบบ DES ที่ถอดรหัสแบบ runtime และการตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมจำลองหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องมือวิเคราะห์มัลแวร์

    นอกจาก Anatsa แล้ว ยังพบมัลแวร์อื่น ๆ เช่น Joker ซึ่งสามารถขโมยรายชื่อผู้ติดต่อ ส่ง SMS สมัครบริการพรีเมียมโดยไม่รู้ตัว และ Harly ซึ่งซ่อนโค้ดอันตรายไว้ลึกมากจนผ่านการตรวจสอบของ Google ได้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Zscaler พบแอปอันตราย 77 ตัวบน Google Play Store ที่มีการติดตั้งรวมกว่า 19 ล้านครั้ง
    แอปเหล่านี้ปลอมตัวเป็นแอปดูเอกสาร เช่น “Document Reader – File Manager”
    มัลแวร์ Anatsa ถูกดาวน์โหลดหลังติดตั้ง โดยอ้างว่าเป็นอัปเดต
    Anatsa หลอกให้ผู้ใช้เปิด Accessibility Services เพื่อควบคุมเครื่อง
    แสดงหน้าจอปลอมของแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบ
    ใช้เทคนิค DES runtime decryption และตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ขยายเป้าหมายจาก 650 เป็น 831 สถาบันการเงินทั่วโลก รวมถึงเยอรมนี เกาหลีใต้ และแพลตฟอร์มคริปโต
    แอปบางตัวมีการดาวน์โหลดมากกว่า 50,000 ครั้งต่อแอป
    พบมัลแวร์ Joker ใน 25% ของแอปทั้งหมด ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลและสมัครบริการพรีเมียม
    พบมัลแวร์ Harly ที่ซ่อนโค้ดอันตรายไว้ลึกในแอปเพื่อหลบการตรวจสอบ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Anatsa ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2020 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีความสามารถสูงขึ้น
    Joker เป็นมัลแวร์ที่มีประวัติยาวนานในการโจมตี Android โดยเฉพาะผ่าน SMS และบริการพรีเมียม
    Harly เป็นสายพันธุ์ใหม่ของ Joker ที่เน้นการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของ Google Play
    Maskware คือมัลแวร์ที่ทำงานเหมือนแอปจริง แต่แอบขโมยข้อมูลเบื้องหลัง
    การใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์ทำให้การหลบเลี่ยงระบบตรวจจับมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://hackread.com/77-malicious-android-apps-19-million-install-banks/
    📱 แอปดูเอกสารที่ดูธรรมดา แต่แอบขโมยเงินคุณแบบเงียบ ๆ ในปี 2025 โลกของ Android ต้องเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ เมื่อ Zscaler ThreatLabz ตรวจพบแอปอันตราย 77 ตัวที่ปลอมตัวเป็นแอปดูเอกสารหรือจัดการไฟล์ แต่แท้จริงแล้วแอบฝังมัลแวร์ชื่อ Anatsa (หรือ TeaBot) ซึ่งเป็น banking trojan ที่สามารถขโมยข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้ได้อย่างแนบเนียน แอปเหล่านี้ถูกปล่อยผ่าน Google Play Store อย่างถูกต้องตามขั้นตอน โดยในช่วงแรกจะไม่มีโค้ดอันตรายเลย ทำให้ผ่านการตรวจสอบได้ง่าย แต่เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแล้ว แอปจะดาวน์โหลด payload อันตรายจากเซิร์ฟเวอร์ภายนอก โดยอ้างว่าเป็น “อัปเดตจำเป็น” เมื่อมัลแวร์ถูกติดตั้ง มันจะหลอกให้ผู้ใช้เปิด Accessibility Services เพื่อให้สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จากนั้นจะแสดงหน้าจอปลอมของแอปธนาคารหรือแอปคริปโต เพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่าน Anatsa ยังใช้เทคนิคขั้นสูงในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบ เช่น การเข้ารหัสแบบ DES ที่ถอดรหัสแบบ runtime และการตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมจำลองหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องมือวิเคราะห์มัลแวร์ นอกจาก Anatsa แล้ว ยังพบมัลแวร์อื่น ๆ เช่น Joker ซึ่งสามารถขโมยรายชื่อผู้ติดต่อ ส่ง SMS สมัครบริการพรีเมียมโดยไม่รู้ตัว และ Harly ซึ่งซ่อนโค้ดอันตรายไว้ลึกมากจนผ่านการตรวจสอบของ Google ได้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Zscaler พบแอปอันตราย 77 ตัวบน Google Play Store ที่มีการติดตั้งรวมกว่า 19 ล้านครั้ง ➡️ แอปเหล่านี้ปลอมตัวเป็นแอปดูเอกสาร เช่น “Document Reader – File Manager” ➡️ มัลแวร์ Anatsa ถูกดาวน์โหลดหลังติดตั้ง โดยอ้างว่าเป็นอัปเดต ➡️ Anatsa หลอกให้ผู้ใช้เปิด Accessibility Services เพื่อควบคุมเครื่อง ➡️ แสดงหน้าจอปลอมของแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ➡️ ใช้เทคนิค DES runtime decryption และตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ขยายเป้าหมายจาก 650 เป็น 831 สถาบันการเงินทั่วโลก รวมถึงเยอรมนี เกาหลีใต้ และแพลตฟอร์มคริปโต ➡️ แอปบางตัวมีการดาวน์โหลดมากกว่า 50,000 ครั้งต่อแอป ➡️ พบมัลแวร์ Joker ใน 25% ของแอปทั้งหมด ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลและสมัครบริการพรีเมียม ➡️ พบมัลแวร์ Harly ที่ซ่อนโค้ดอันตรายไว้ลึกในแอปเพื่อหลบการตรวจสอบ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Anatsa ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2020 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีความสามารถสูงขึ้น ➡️ Joker เป็นมัลแวร์ที่มีประวัติยาวนานในการโจมตี Android โดยเฉพาะผ่าน SMS และบริการพรีเมียม ➡️ Harly เป็นสายพันธุ์ใหม่ของ Joker ที่เน้นการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของ Google Play ➡️ Maskware คือมัลแวร์ที่ทำงานเหมือนแอปจริง แต่แอบขโมยข้อมูลเบื้องหลัง ➡️ การใช้ AI ในการสร้างมัลแวร์ทำให้การหลบเลี่ยงระบบตรวจจับมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://hackread.com/77-malicious-android-apps-19-million-install-banks/
    HACKREAD.COM
    77 Malicious Android Apps With 19M Downloads Targeted 831 Banks Worldwide
    77 Malicious Apps With 19 Million Downloads Targeted 831 Banks Worldwide
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • มาแล้วมาช่วยขยายแนวรบ มาบอกคิมเปิดใสเกาหลีใต้เลยนะก็ว่า ,เราให้เขมรเปิดใส่ไทยไปก่อนหน้านั้นแล้วเพื่อมาตั้งฐานทัพในไทยได้ในเขมรได้ ท่าเรียมเอย เกาะกงเอย พังงาเอยเราตั้งได้หมดล่ะเหลือแนวรบนี้ คิมเปิดใส่เกาหลีใต้หน่อยเราจะได้เขามาเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการได้แบบไทยแบบเขมรหน้าโง่นั้น.
    มาแล้วมาช่วยขยายแนวรบ มาบอกคิมเปิดใสเกาหลีใต้เลยนะก็ว่า ,เราให้เขมรเปิดใส่ไทยไปก่อนหน้านั้นแล้วเพื่อมาตั้งฐานทัพในไทยได้ในเขมรได้ ท่าเรียมเอย เกาะกงเอย พังงาเอยเราตั้งได้หมดล่ะเหลือแนวรบนี้ คิมเปิดใส่เกาหลีใต้หน่อยเราจะได้เขามาเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการได้แบบไทยแบบเขมรหน้าโง่นั้น.
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยอยากพบปะกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในปีนี้ และบอกว่าเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาการค้าเพิ่มเติมกับเกาหลีใต้ แม้ขณะเดียวกันเขาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์โซลอีกครั้ง ระหว่างการเดินทางมาเยือนของประธานาธิบดีเกาหลีใต้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081205

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยอยากพบปะกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในปีนี้ และบอกว่าเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาการค้าเพิ่มเติมกับเกาหลีใต้ แม้ขณะเดียวกันเขาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์โซลอีกครั้ง ระหว่างการเดินทางมาเยือนของประธานาธิบดีเกาหลีใต้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081205

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยอยากพบปะกับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในปีนี้ และบอกว่าเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาการค้าเพิ่มเติมกับเกาหลีใต้ แม้ขณะเดียวกันเขาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์โซลอีกครั้ง ระหว่างการเดินทางมาเยือนของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000081205 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 Comments 1 Shares 671 Views 0 Reviews
  • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีมาตรา 12 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลนเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 โดยนายทักษิณเดินออกมาจากศาล พูดสั้น ๆ เพียงว่า “ยกฟ้อง”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080008

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีมาตรา 12 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลนเกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 โดยนายทักษิณเดินออกมาจากศาล พูดสั้น ๆ เพียงว่า “ยกฟ้อง” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080008 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 449 Views 0 Reviews
  • เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel

    ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ

    ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่

    แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต

    แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า?

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10%
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส
    รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung
    แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน
    การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ
    CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ
    Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด
    การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
    รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
    การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน
    CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน
    Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี
    การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    🎙️ เมื่อเงินช่วยเหลือกลายเป็นหุ้น – สหรัฐฯ กับแนวคิดถือหุ้นใน Samsung และ Intel ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะเทือน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ในบริษัท ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ข่าวลือเริ่มลุกลามไปถึง Samsung ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีแผนให้สหรัฐฯ เข้าถือหุ้นใน Samsung แต่ความกังวลในแวดวงธุรกิจและการเมืองก็ยังคงอยู่ แนวคิดนี้มาจากรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ซึ่งเสนอว่าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนบริษัทเอกชน ก็ควรได้รับผลตอบแทนในรูปแบบหุ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ เช่น การปิดโรงงานหรือการย้ายฐานผลิต แม้จะดูเหมือนเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น หากรัฐบาลเปลี่ยนชุดบริหาร จะมีผลต่อการถือหุ้นหรือไม่? และจะกระทบต่อความเป็นอิสระของบริษัทหรือเปล่า? 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเจรจากับ Intel เพื่อแลกเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้น 10% ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุนกว่า $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act เพื่อสร้างโรงงานในเท็กซัส ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการถือหุ้นของสหรัฐฯ ใน Samsung ➡️ แนวคิดถือหุ้นมาจากรัฐมนตรี Lutnick เพื่อให้เงินสนับสนุนมีผลตอบแทน ➡️ การถือหุ้นอาจไม่มีสิทธิบริหาร แต่สามารถรับเงินปันผลหรือมีสิทธิ์ยับยั้งบางการตัดสินใจ ➡️ CHIPS Act มีงบประมาณรวม $52.7 พันล้านเพื่อสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ ➡️ Intel เป็นผู้รับเงินสนับสนุนรายใหญ่ที่สุด และอาจกลายเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นมากที่สุด ➡️ การถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีเป็นแนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ➡️ รัฐบาลเคยถือหุ้นในบริษัทช่วงวิกฤตปี 2008 เช่น General Motors เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ➡️ การถือหุ้นอาจช่วยให้บริษัทเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น และลดภาษีนำเข้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel โดยไม่ขอสิทธิบริหาร ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเจรจา “golden share” กับ Nippon Steel เพื่อควบคุมการปิดโรงงาน ➡️ CHIPS Act ถูกผลักดันหลัง COVID-19 และสงครามเทคโนโลยีสหรัฐ–จีน ➡️ Intel ประสบปัญหาการแข่งขันจาก TSMC และ Samsung ในด้านเทคโนโลยี ➡️ การถือหุ้นอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อเสริมความมั่นคงด้าน AI และการทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/south-korea-says-there-are-no-plans-for-the-u-s-to-acquire-samsung-shares-denial-comes-amid-talks-about-washington-acquiring-a-10-percent-equity-stake-in-intel-for-chips-act-funds
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000080014

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000080014 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 728 Views 0 Reviews
  • “ทักษิณ” เดินทางถึงศาลอาญาแล้ว! ลุ้นคำพิพากษาคดี ม.112 ปมให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้
    https://www.thai-tai.tv/news/21072/
    .
    #ทักษิณ #คดีมาตรา112 #ข่าวการเมือง #ศาลอาญา #ประเทศไทย #ไทยไทด้วย

    “ทักษิณ” เดินทางถึงศาลอาญาแล้ว! ลุ้นคำพิพากษาคดี ม.112 ปมให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ https://www.thai-tai.tv/news/21072/ . #ทักษิณ #คดีมาตรา112 #ข่าวการเมือง #ศาลอาญา #ประเทศไทย #ไทยไทด้วย
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • Samsung จับมือ Intel – เกมการเมืองระดับโลกในสนามเซมิคอนดักเตอร์

    ในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังกลายเป็นสมรภูมิทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับชาติ Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Trump

    หลังจาก SoftBank ประกาศลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ Samsung ก็ถูกเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาทำแบบเดียวกัน โดยหวังว่าจะได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในโครงการโรงงานและการผลิตชิปในประเทศ

    Intel กลายเป็นศูนย์กลางของนโยบาย CHIPS Act ที่รัฐบาล Trump กำลังปรับเปลี่ยนจาก “เงินสนับสนุน” เป็น “การถือหุ้น” โดยมีแผนจะเปลี่ยนเงินช่วยเหลือมูลค่ากว่า $10.9 พันล้านให้กลายเป็นหุ้น 10% ใน Intel ซึ่งจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Samsung ซึ่งได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act ก็อาจถูกเสนอให้แลกเงินนั้นกับการถือหุ้นเช่นกัน ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และยุทธศาสตร์การผลิตของ Samsung ในระดับโลก

    นอกจากนี้ Samsung ยังพิจารณาร่วมมือกับบริษัท Amkor ในด้านการแพ็กเกจชิป ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Samsung เมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีโรงงานแพ็กเกจในสหรัฐฯ แล้ว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล Trump
    Intel ได้รับเงินสนับสนุน $10.9 พันล้านจาก CHIPS Act และอาจถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น 10%
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ
    Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนแนวทางจาก “เงินช่วยเหลือ” เป็น “การถือหุ้น”
    Samsung พิจารณาร่วมมือกับ Amkor เพื่อเสริมความสามารถด้านการแพ็กเกจชิป
    Samsung มีข้อตกลงผลิตชิป AI ให้ Tesla มูลค่า $16.5 พันล้านในรัฐเท็กซัส
    TSMC ประกาศลงทุนเพิ่ม $100 พันล้านในสหรัฐฯ ผ่านการสนับสนุนจากทำเนียบขาว
    การลงทุนใน Intel ถูกมองว่าเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อนโยบายของรัฐบาล Trump
    Samsung หวังใช้การลงทุนนี้เพื่อเสริมบทบาทในตลาดสหรัฐฯ และลดผลกระทบจากภาษี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถือหุ้นใน TSMC, Micron และ Samsung เช่นเดียวกับ Intel
    การถือหุ้นโดยรัฐเป็นแนวทางที่ใช้ในจีน, เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี Samsung ลงทุน $37 พันล้านในโรงงานและศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ ภายในปี 2030
    SK hynix ก็ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act และอาจถูกเสนอให้แลกเป็นหุ้นเช่นกัน
    การถือหุ้นของรัฐบาลอาจไม่ให้สิทธิ์บริหาร แต่มีผลต่อยุทธศาสตร์และความมั่นคง

    https://wccftech.com/samsung-seeking-to-woo-trump-administration-by-investing-in-intel-after-softbank-says-report/
    🎙️ Samsung จับมือ Intel – เกมการเมืองระดับโลกในสนามเซมิคอนดักเตอร์ ในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังกลายเป็นสมรภูมิทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับชาติ Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Trump หลังจาก SoftBank ประกาศลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ Samsung ก็ถูกเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาทำแบบเดียวกัน โดยหวังว่าจะได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในโครงการโรงงานและการผลิตชิปในประเทศ Intel กลายเป็นศูนย์กลางของนโยบาย CHIPS Act ที่รัฐบาล Trump กำลังปรับเปลี่ยนจาก “เงินสนับสนุน” เป็น “การถือหุ้น” โดยมีแผนจะเปลี่ยนเงินช่วยเหลือมูลค่ากว่า $10.9 พันล้านให้กลายเป็นหุ้น 10% ใน Intel ซึ่งจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Samsung ซึ่งได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act ก็อาจถูกเสนอให้แลกเงินนั้นกับการถือหุ้นเช่นกัน ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ และยุทธศาสตร์การผลิตของ Samsung ในระดับโลก นอกจากนี้ Samsung ยังพิจารณาร่วมมือกับบริษัท Amkor ในด้านการแพ็กเกจชิป ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ Samsung เมื่อเทียบกับ TSMC ที่มีโรงงานแพ็กเกจในสหรัฐฯ แล้ว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Samsung กำลังพิจารณาลงทุนใน Intel เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล Trump ➡️ Intel ได้รับเงินสนับสนุน $10.9 พันล้านจาก CHIPS Act และอาจถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น 10% ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้านใน Intel เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปในสหรัฐฯ ➡️ Samsung ได้รับเงินสนับสนุน $4.75 พันล้านจาก CHIPS Act ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนแนวทางจาก “เงินช่วยเหลือ” เป็น “การถือหุ้น” ➡️ Samsung พิจารณาร่วมมือกับ Amkor เพื่อเสริมความสามารถด้านการแพ็กเกจชิป ➡️ Samsung มีข้อตกลงผลิตชิป AI ให้ Tesla มูลค่า $16.5 พันล้านในรัฐเท็กซัส ➡️ TSMC ประกาศลงทุนเพิ่ม $100 พันล้านในสหรัฐฯ ผ่านการสนับสนุนจากทำเนียบขาว ➡️ การลงทุนใน Intel ถูกมองว่าเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อนโยบายของรัฐบาล Trump ➡️ Samsung หวังใช้การลงทุนนี้เพื่อเสริมบทบาทในตลาดสหรัฐฯ และลดผลกระทบจากภาษี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถือหุ้นใน TSMC, Micron และ Samsung เช่นเดียวกับ Intel ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐเป็นแนวทางที่ใช้ในจีน, เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อเสริมความมั่นคงด้านเทคโนโลยี ➡️ Samsung ลงทุน $37 พันล้านในโรงงานและศูนย์วิจัยในสหรัฐฯ ภายในปี 2030 ➡️ SK hynix ก็ได้รับเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act และอาจถูกเสนอให้แลกเป็นหุ้นเช่นกัน ➡️ การถือหุ้นของรัฐบาลอาจไม่ให้สิทธิ์บริหาร แต่มีผลต่อยุทธศาสตร์และความมั่นคง https://wccftech.com/samsung-seeking-to-woo-trump-administration-by-investing-in-intel-after-softbank-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Seeking To Woo Trump Administration By Investing In Intel After Softbank, Says Report
    Samsung is considering investing in Intel to support U.S. chip production after Softbank's $2 billion investment.
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ

    ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม

    ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย

    เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม

    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ

    ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด
    ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025
    ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง
    ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน
    คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี
    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024
    Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน
    เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL
    กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ
    การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน
    อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40%
    รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025
    การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ
    หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    🎯 เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ➡️ ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025 ➡️ ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง ➡️ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน ➡️ คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี ➡️ อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024 ➡️ Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน ➡️ เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL ➡️ กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ ➡️ การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน ➡️ อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40% ➡️ รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025 ➡️ การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ ➡️ หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India plans to ban online games played with money, citing addiction risks
    NEW DELHI (Reuters) -India's government plans to ban online games played with money, a proposed bill showed on Tuesday, in what would be a heavy blow for an industry that has attracted billions of dollars of foreign investment.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • มีนัยยะอะไรนะถึงฆ่าคนเกาหลีในช่วงจังหวะนีั,เกาหลีใต้คือบ๋อยลูกน้องอเมริกาตัวพ่ออีกคนนะ นอกจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลย์ใกล้ๆไทยเรา.

    https://youtube.com/watch?v=eMFM4Ev7STU&si=8_IXc9Jmf6UC5w9G
    มีนัยยะอะไรนะถึงฆ่าคนเกาหลีในช่วงจังหวะนีั,เกาหลีใต้คือบ๋อยลูกน้องอเมริกาตัวพ่ออีกคนนะ นอกจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลย์ใกล้ๆไทยเรา. https://youtube.com/watch?v=eMFM4Ev7STU&si=8_IXc9Jmf6UC5w9G
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • Excalibur: โดรนดำน้ำอัจฉริยะที่ควบคุมจากอีกซีกโลก
    ในเดือนพฤษภาคม 2025 กองทัพเรืออังกฤษได้เปิดตัว “Excalibur” โดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร ซึ่งจัดอยู่ในประเภท Extra-Large Uncrewed Underwater Vehicle (XLUUV) และเป็นผลลัพธ์จากโครงการวิจัย Project CETUS ที่ใช้เวลาพัฒนานานถึง 3 ปี

    Excalibur ถูกสร้างโดยบริษัท MSubs ในเมือง Plymouth และมีน้ำหนัก 19 ตัน กว้าง 2 เมตร โครงสร้างออกแบบให้สามารถทำงานใต้น้ำได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม

    ในการทดสอบล่าสุด โดรนนี้ถูกควบคุมจากศูนย์ปฏิบัติการในออสเตรเลีย ขณะทำงานอยู่ในน่านน้ำอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ผ่านระบบสื่อสารขั้นสูง

    Excalibur จะถูกนำไปใช้ในภารกิจทดลองร่วมกับหน่วย Fleet Experimentation Squadron เพื่อทดสอบเทคโนโลยีใหม่ เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูลใต้ทะเล การติดตั้งเซ็นเซอร์ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และการปฏิบัติการร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ

    แม้จะยังไม่ถูกนำไปใช้ในภารกิจจริง แต่ Excalibur ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทัพเรืออังกฤษในการเตรียมพร้อมรับมือสงครามใต้น้ำยุคใหม่ โดยเฉพาะในบริบทของความร่วมมือ AUKUS ระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย

    ข้อมูลหลักของ Excalibur
    เป็นโดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร กว้าง 2 เมตร หนัก 19 ตัน
    พัฒนาโดยบริษัท MSubs ภายใต้โครงการ Project CETUS
    เป็น XLUUV ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กองทัพเรืออังกฤษเคยทดสอบ
    สามารถควบคุมจากระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ เช่นจากออสเตรเลีย
    ใช้ในภารกิจทดลอง เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูล และการติดตั้ง payload
    เข้าร่วมกับ Fleet Experimentation Squadron ภายใต้ Disruptive Capabilities Office
    มีดีไซน์ modular สำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์เฉพาะภารกิจ
    ใช้เป็น testbed สำหรับเทคโนโลยีใต้น้ำและการทำงานร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Excalibur ใช้ระบบสื่อสารความเร็วสูงเพื่อควบคุมจากต่างประเทศ
    มีความสามารถในการทำงานในพื้นที่ที่ถูกปฏิเสธการเข้าถึง (denied environments)
    โดรนนี้ไม่ใช่รุ่นปฏิบัติการจริง แต่เป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา
    การตั้งชื่อ “Excalibur” เป็นการรำลึกถึงเรือดำน้ำรุ่นเก่าของอังกฤษในปี 1947
    การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ AUKUS Pillar II
    มีการสังเกตการณ์จากประเทศอื่น เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uks-royal-navy-tests-40-foot-submarine-drone-which-can-be-operated-from-the-other-side-of-the-world
    ⚓ Excalibur: โดรนดำน้ำอัจฉริยะที่ควบคุมจากอีกซีกโลก ในเดือนพฤษภาคม 2025 กองทัพเรืออังกฤษได้เปิดตัว “Excalibur” โดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร ซึ่งจัดอยู่ในประเภท Extra-Large Uncrewed Underwater Vehicle (XLUUV) และเป็นผลลัพธ์จากโครงการวิจัย Project CETUS ที่ใช้เวลาพัฒนานานถึง 3 ปี Excalibur ถูกสร้างโดยบริษัท MSubs ในเมือง Plymouth และมีน้ำหนัก 19 ตัน กว้าง 2 เมตร โครงสร้างออกแบบให้สามารถทำงานใต้น้ำได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม ในการทดสอบล่าสุด โดรนนี้ถูกควบคุมจากศูนย์ปฏิบัติการในออสเตรเลีย ขณะทำงานอยู่ในน่านน้ำอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ผ่านระบบสื่อสารขั้นสูง Excalibur จะถูกนำไปใช้ในภารกิจทดลองร่วมกับหน่วย Fleet Experimentation Squadron เพื่อทดสอบเทคโนโลยีใหม่ เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูลใต้ทะเล การติดตั้งเซ็นเซอร์ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และการปฏิบัติการร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ แม้จะยังไม่ถูกนำไปใช้ในภารกิจจริง แต่ Excalibur ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทัพเรืออังกฤษในการเตรียมพร้อมรับมือสงครามใต้น้ำยุคใหม่ โดยเฉพาะในบริบทของความร่วมมือ AUKUS ระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ✅ ข้อมูลหลักของ Excalibur ➡️ เป็นโดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร กว้าง 2 เมตร หนัก 19 ตัน ➡️ พัฒนาโดยบริษัท MSubs ภายใต้โครงการ Project CETUS ➡️ เป็น XLUUV ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กองทัพเรืออังกฤษเคยทดสอบ ➡️ สามารถควบคุมจากระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ เช่นจากออสเตรเลีย ➡️ ใช้ในภารกิจทดลอง เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูล และการติดตั้ง payload ➡️ เข้าร่วมกับ Fleet Experimentation Squadron ภายใต้ Disruptive Capabilities Office ➡️ มีดีไซน์ modular สำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์เฉพาะภารกิจ ➡️ ใช้เป็น testbed สำหรับเทคโนโลยีใต้น้ำและการทำงานร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Excalibur ใช้ระบบสื่อสารความเร็วสูงเพื่อควบคุมจากต่างประเทศ ➡️ มีความสามารถในการทำงานในพื้นที่ที่ถูกปฏิเสธการเข้าถึง (denied environments) ➡️ โดรนนี้ไม่ใช่รุ่นปฏิบัติการจริง แต่เป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา ➡️ การตั้งชื่อ “Excalibur” เป็นการรำลึกถึงเรือดำน้ำรุ่นเก่าของอังกฤษในปี 1947 ➡️ การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ AUKUS Pillar II ➡️ มีการสังเกตการณ์จากประเทศอื่น เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/uks-royal-navy-tests-40-foot-submarine-drone-which-can-be-operated-from-the-other-side-of-the-world
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    UK’s Royal Navy tests 40-foot submarine drone which can be operated from ‘the other side of the world’
    Excalibur is classed as an XLUUV and will likely be used for long-endurance surveillance, seabed warfare, and more.
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
More Results