• 33 ปี สิ้น “หมอบุญส่ง เลขะกุล” นักนิยมไพรไทย ผู้บุกเบิกอนุรักษ์ป่าและสัตว์ จุดกำเนิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

    📅 ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการอนุรักษ์ธรรมชาติไทย เพราะเป็นวันที่ น.พ.บุญส่ง เลขะกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอบุญส่ง” จากโลกนี้ไปด้วย โรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร แต่ถึงแม้ร่างกายจะล่วงลับไปแล้ว ผลงานและอุดมการณ์ของท่านยังคงอยู่ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ของการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทย

    หมอบุญส่งไม่ได้เป็นเพียง แพทย์ผู้รักษาผู้คน แต่ยังเป็นนักอนุรักษ์ นักเขียน นักถ่ายภาพ และจิตรกร ผู้เปี่ยมไปด้วย ความหลงใหลในธรรมชาติ ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้เกิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน 🌳🌿

    🔎 น.พ.บุญส่ง เลขะกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านถนนนคร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของพระบริรักษ์เวชกรรม (พิน เลขะกุล) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดสงขลา ทำให้หมอบุญส่ง เติบโตมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์

    📚 เส้นทางการศึกษา
    ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
    ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) กรุงเทพฯ
    ✅ ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2476)

    หลังจากเรียนจบแพทย์ หมอบุญส่งได้เข้าสู่วงการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เริ่มหลงใหลในธรรมชาติ เดินป่า สังเกตสัตว์ป่า และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการเป็นนักอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว

    🌿 จุดเริ่มต้นของการเป็นนักอนุรักษ์
    ช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488) การล่าสัตว์เพื่อกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ ไฟส่องสัตว์ และ อาวุธปืนทันสมัย ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่า ลดลงอย่างรวดเร็ว หมอบุญส่งเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ สัตว์ป่าของไทยจะสูญพันธุ์ จึงรวมตัวกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2496

    🏡 ศูนย์กลางของนิยมไพรสมาคม ตั้งอยู่ที่บ้านของหมอบุญส่งเอง (บ้านเลขที่ 4 ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ) ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ของผู้สนใจธรรมชาติ นักอนุรักษ์ และนักวิจัยทางด้านสัตว์ป่า

    📖 เป้าหมายของนิยมไพรสมาคม ได้แก่
    ✅ การให้ความรู้ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์
    ✅ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า
    ✅ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า
    ✅ การจัดทำ นิตยสารนิยมไพร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่า

    หมอบุญส่งยังได้เดินป่า และเขียนหนังสือสารคดี เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลายเล่ม เช่น
    📗 สัตว์ป่าเมืองไทย
    📘 วัวแดง
    📕 แรดไทย
    📗 ช้างไทย

    รวมถึงนวนิยายเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยถูกคัดเลือก เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับนักเรียน และได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 หนังสือดี ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน

    ⚖️ ผลักดันกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า
    หมอบุญส่งไม่ได้เพียงแค่เขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ความรู้ แต่ยังลงมือผลักดันให้เกิด กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    📜 ในปี พ.ศ. 2502 หมอบุญส่ง และคณะนิยมไพรสมาคม ได้เข้าพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอให้มี มาตรการคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า

    🎯 ผลที่ได้คือการออก พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศ อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น
    🌳 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (พ.ศ. 2505) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย
    🌲 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ (พ.ศ. 2508) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย

    👑 พระมหากรุณาธิคุณ และการยกย่องเชิดชูเกียรติ
    ในปี พ.ศ. 2526 หมอบุญส่งได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ ก่อตั้ง "มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

    ต่อมา ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดงาน "100 ปี หมอบุญส่ง เลขะกุล" ณ สยามสมาคม เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และผลงานที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศ

    🎗️ แม้วันนี้ "หมอบุญส่ง เลขะกุล" จะจากโลกนี้ไปครบ 33 ปี แล้วก็ตาม แต่มรดกแห่งการอนุรักษ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
    ✅ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ
    ✅ อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามากมาย
    ✅ หนังสือและบทความที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์
    ✅ แรงบันดาลใจให้กับนักอนุรักษ์รุ่นใหม่

    💚 "ธรรมชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของลูกหลานทุกคนในอนาคต" หมอบุญส่ง เลขะกุล 🌏

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091504 ก.พ. 2568

    📌 #หมอบุญส่งเลขะกุล #อนุรักษ์สัตว์ป่า #ป่าไม้ไทย #นักนิยมไพร #อนุรักษ์ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #ป่าต้องรอด #มรดกทางธรรมชาติ #33ปีหมอบุญส่ง #ธรรมชาติเพื่ออนาคต
    33 ปี สิ้น “หมอบุญส่ง เลขะกุล” นักนิยมไพรไทย ผู้บุกเบิกอนุรักษ์ป่าและสัตว์ จุดกำเนิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 📅 ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการอนุรักษ์ธรรมชาติไทย เพราะเป็นวันที่ น.พ.บุญส่ง เลขะกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอบุญส่ง” จากโลกนี้ไปด้วย โรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร แต่ถึงแม้ร่างกายจะล่วงลับไปแล้ว ผลงานและอุดมการณ์ของท่านยังคงอยู่ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ของการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทย หมอบุญส่งไม่ได้เป็นเพียง แพทย์ผู้รักษาผู้คน แต่ยังเป็นนักอนุรักษ์ นักเขียน นักถ่ายภาพ และจิตรกร ผู้เปี่ยมไปด้วย ความหลงใหลในธรรมชาติ ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้เกิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน 🌳🌿 🔎 น.พ.บุญส่ง เลขะกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านถนนนคร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของพระบริรักษ์เวชกรรม (พิน เลขะกุล) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดสงขลา ทำให้หมอบุญส่ง เติบโตมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ 📚 เส้นทางการศึกษา ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) กรุงเทพฯ ✅ ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2476) หลังจากเรียนจบแพทย์ หมอบุญส่งได้เข้าสู่วงการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เริ่มหลงใหลในธรรมชาติ เดินป่า สังเกตสัตว์ป่า และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการเป็นนักอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว 🌿 จุดเริ่มต้นของการเป็นนักอนุรักษ์ ช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488) การล่าสัตว์เพื่อกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ ไฟส่องสัตว์ และ อาวุธปืนทันสมัย ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่า ลดลงอย่างรวดเร็ว หมอบุญส่งเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ สัตว์ป่าของไทยจะสูญพันธุ์ จึงรวมตัวกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2496 🏡 ศูนย์กลางของนิยมไพรสมาคม ตั้งอยู่ที่บ้านของหมอบุญส่งเอง (บ้านเลขที่ 4 ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ) ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ของผู้สนใจธรรมชาติ นักอนุรักษ์ และนักวิจัยทางด้านสัตว์ป่า 📖 เป้าหมายของนิยมไพรสมาคม ได้แก่ ✅ การให้ความรู้ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ✅ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า ✅ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ✅ การจัดทำ นิตยสารนิยมไพร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่า หมอบุญส่งยังได้เดินป่า และเขียนหนังสือสารคดี เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลายเล่ม เช่น 📗 สัตว์ป่าเมืองไทย 📘 วัวแดง 📕 แรดไทย 📗 ช้างไทย รวมถึงนวนิยายเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยถูกคัดเลือก เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับนักเรียน และได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 หนังสือดี ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน ⚖️ ผลักดันกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า หมอบุญส่งไม่ได้เพียงแค่เขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ความรู้ แต่ยังลงมือผลักดันให้เกิด กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย 📜 ในปี พ.ศ. 2502 หมอบุญส่ง และคณะนิยมไพรสมาคม ได้เข้าพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอให้มี มาตรการคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า 🎯 ผลที่ได้คือการออก พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศ อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น 🌳 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (พ.ศ. 2505) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย 🌲 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ (พ.ศ. 2508) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย 👑 พระมหากรุณาธิคุณ และการยกย่องเชิดชูเกียรติ ในปี พ.ศ. 2526 หมอบุญส่งได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ ก่อตั้ง "มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต่อมา ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดงาน "100 ปี หมอบุญส่ง เลขะกุล" ณ สยามสมาคม เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และผลงานที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศ 🎗️ แม้วันนี้ "หมอบุญส่ง เลขะกุล" จะจากโลกนี้ไปครบ 33 ปี แล้วก็ตาม แต่มรดกแห่งการอนุรักษ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ✅ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ ✅ อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามากมาย ✅ หนังสือและบทความที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ ✅ แรงบันดาลใจให้กับนักอนุรักษ์รุ่นใหม่ 💚 "ธรรมชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของลูกหลานทุกคนในอนาคต" หมอบุญส่ง เลขะกุล 🌏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091504 ก.พ. 2568 📌 #หมอบุญส่งเลขะกุล #อนุรักษ์สัตว์ป่า #ป่าไม้ไทย #นักนิยมไพร #อนุรักษ์ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #ป่าต้องรอด #มรดกทางธรรมชาติ #33ปีหมอบุญส่ง #ธรรมชาติเพื่ออนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทะเลไทย@TikTok@psiscott #ทรายมนุษย์เงือกtiktok #อุทยาน #สิมิลัน #ขยะ #เริ่มที่ตัวเรา #ว่างว่างก็แวะมา
    ทะเลไทย@TikTok@psiscott #ทรายมนุษย์เงือกtiktok #อุทยาน #สิมิลัน #ขยะ #เริ่มที่ตัวเรา #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • #SAVEช้างและสัตว์ป่าเขาใหญ่&ทุกๆอุทยาน-ป่าไม้ทั่วประเทศคนรวยรุมกันแดกป่าจะให้สัตว์ป่าไปอยู่ไหน??❤❤🐘🐅🐆🦌🦓🐒🐵🐃🐂🐗🦏🦛🐐🦦🦥🦨🦡🐾🦃🐔🐓🦉🦢🦩🦚🦜🕊🐊🦅🐚🐌🦋🐛🐜🦠🐞🦗🕷🕸🐢🐘สงสารสัตว์ป่าบ้างเถอะคะ
    #SAVEช้างและสัตว์ป่าเขาใหญ่&ทุกๆอุทยาน-ป่าไม้ทั่วประเทศคนรวยรุมกันแดกป่าจะให้สัตว์ป่าไปอยู่ไหน??❤❤🐘🐅🐆🦌🦓🐒🐵🐃🐂🐗🦏🦛🐐🦦🦥🦨🦡🐾🦃🐔🐓🦉🦢🦩🦚🦜🕊🐊🦅🐚🐌🦋🐛🐜🦠🐞🦗🕷🕸🐢🐘สงสารสัตว์ป่าบ้างเถอะคะ
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่

    เป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นวัดประจำปีเกิด สำหรับผู้ที่เกิดปีมะแม

    ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สูงจากที่ราบเชียงใหม่ 689 เมตร และสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,046 เมตร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนาน ตั้งแต่การอัญเชิญพระธาตุมาประดิษฐานบนยอดเขาเมื่อปี พ.ศ. 1927 หลังจากนั้นได้มีการก่อสร้างพระเจดีย์ครอบองค์พระธาตุ สร้างพระอุโบสถและบันไดนาค ตลอดจนสร้างเส้นทางขึ้นสู่วัดโดยพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาหลายท่านและเจ้าเมืองในแต่ละยุคจนถึง พ.ศ. 2547 กรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะครั้งใหญ่พร้อมปรับปรุงบริเวณลานพระเจดีย์ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาถึง 6 ปีจึงแล้วเสร็จ นอกจากการเดินขึ้นบันไดนาคแล้วยังมีรถรางอำนวยความสะดวกอีกทางหนึ่ง และสำหรับผู้ที่เกิดปีมะแม วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้ ถือว่าเป็นวัดประจำปีเกิดของท่าน วัดพระธาตุดอยสุเทพ เปิดทำการเวลา 05.00-21.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคกว่า 300 ขั้น เพื่อไปยังวัดหรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ตั้งแต่เวลา 05.30-20.00 น. ราคา 20 บาท โดยสามารถใช้บริการรถสองแถวประจำทางจากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้านถนนห้วยแก้ว เพื่อเดินทางมายังวัดพระธาตุดอยสุเทพได้ ซึ่งบริการตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00-17.00 น.
    วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นวัดประจำปีเกิด สำหรับผู้ที่เกิดปีมะแม ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย สูงจากที่ราบเชียงใหม่ 689 เมตร และสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,046 เมตร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนาน ตั้งแต่การอัญเชิญพระธาตุมาประดิษฐานบนยอดเขาเมื่อปี พ.ศ. 1927 หลังจากนั้นได้มีการก่อสร้างพระเจดีย์ครอบองค์พระธาตุ สร้างพระอุโบสถและบันไดนาค ตลอดจนสร้างเส้นทางขึ้นสู่วัดโดยพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาหลายท่านและเจ้าเมืองในแต่ละยุคจนถึง พ.ศ. 2547 กรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะครั้งใหญ่พร้อมปรับปรุงบริเวณลานพระเจดีย์ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาถึง 6 ปีจึงแล้วเสร็จ นอกจากการเดินขึ้นบันไดนาคแล้วยังมีรถรางอำนวยความสะดวกอีกทางหนึ่ง และสำหรับผู้ที่เกิดปีมะแม วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้ ถือว่าเป็นวัดประจำปีเกิดของท่าน วัดพระธาตุดอยสุเทพ เปิดทำการเวลา 05.00-21.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคกว่า 300 ขั้น เพื่อไปยังวัดหรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ตั้งแต่เวลา 05.30-20.00 น. ราคา 20 บาท โดยสามารถใช้บริการรถสองแถวประจำทางจากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้านถนนห้วยแก้ว เพื่อเดินทางมายังวัดพระธาตุดอยสุเทพได้ ซึ่งบริการตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00-17.00 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⭐️ทัวร์ไต้หวัน - เจี้ยอี้ - เกาสง - ไถตง - นั่งรถไฟชมอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 5 วัน 4 คืน⭐️
    : สถานีรถไฟใต้ดินฟอโมซ่า โบริวาล - วัดฝอกวงซาน - ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ชูลู่ - สะพานซานเซียนไถ - หมู่บ้านศิลปะสถานีรถไฟเก่าเถี่ยฮั่ว

    📍 ช่วงวันเดินทาง : 12-16 เม.ย.68
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 22,555
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : Z11908
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : SL-ไทยไลอ้อนแอร์

    ✔️Travel License: 11/11450

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e487d4

    ดูทัวร์ไต้หวันทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/b999ee

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ไต้หวัน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    ⭐️ทัวร์ไต้หวัน - เจี้ยอี้ - เกาสง - ไถตง - นั่งรถไฟชมอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 5 วัน 4 คืน⭐️ : สถานีรถไฟใต้ดินฟอโมซ่า โบริวาล - วัดฝอกวงซาน - ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ชูลู่ - สะพานซานเซียนไถ - หมู่บ้านศิลปะสถานีรถไฟเก่าเถี่ยฮั่ว 📍 ช่วงวันเดินทาง : 12-16 เม.ย.68 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 22,555 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : Z11908 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : SL-ไทยไลอ้อนแอร์ ✔️Travel License: 11/11450 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e487d4 ดูทัวร์ไต้หวันทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/b999ee LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ไต้หวัน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅ทัวร์คาซัคสถาน 15 วัน 13 คืน✅
    เอเชียกลาง 5 สถาน คาซัคสถาน - คีร์กีซสถาน - ทาจิกิสถาน - อุซเบกิสถาน - เตริกมีนิสถาน : อาชกาบัต (เติร์กเมนิสถาน) - นิสา - หลุมไฟนรก (Door to Hell) - ดาโชกุซ - คีวา (อุซเบกิสถาน) - อูร์เก้นช์ - ทาชเคนต์ - คูจานด์ (ทาจิกิสถาน) - อิสตาราฟชาน - ไอนี - เพนจิเค้นท์ - แอนชอพพาส - ดูชานเบ - ฮิสซาร์ - อัลมาตี (คาซัคสถาน) - ทะเลสาบ Issyk Lake - บิชเคก (คีร์กิซสถาน) - อุทยานแห่งชาติอลา อาร์ชา - โทกโม๊ค

    📍 ช่วงวันเดินทาง : 6-20 เม.ย.68 // 18 พ.ค.-1 มิ.ย.68
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 189,900
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : Z11906
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : T5-เติร์กเมนิสถาน แอร์ไลน์/T5-เติร์กเมนิสถาน แอร์ไลน์

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eabdbf

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    ✅ทัวร์คาซัคสถาน 15 วัน 13 คืน✅ เอเชียกลาง 5 สถาน คาซัคสถาน - คีร์กีซสถาน - ทาจิกิสถาน - อุซเบกิสถาน - เตริกมีนิสถาน : อาชกาบัต (เติร์กเมนิสถาน) - นิสา - หลุมไฟนรก (Door to Hell) - ดาโชกุซ - คีวา (อุซเบกิสถาน) - อูร์เก้นช์ - ทาชเคนต์ - คูจานด์ (ทาจิกิสถาน) - อิสตาราฟชาน - ไอนี - เพนจิเค้นท์ - แอนชอพพาส - ดูชานเบ - ฮิสซาร์ - อัลมาตี (คาซัคสถาน) - ทะเลสาบ Issyk Lake - บิชเคก (คีร์กิซสถาน) - อุทยานแห่งชาติอลา อาร์ชา - โทกโม๊ค 📍 ช่วงวันเดินทาง : 6-20 เม.ย.68 // 18 พ.ค.-1 มิ.ย.68 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 189,900 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : Z11906 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : T5-เติร์กเมนิสถาน แอร์ไลน์/T5-เติร์กเมนิสถาน แอร์ไลน์ ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eabdbf LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปะการังเจ็ดสี Unseen กองหินขาว จ.สตูล

    เอ่ยถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะถึงเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ อาดังราวี แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จังหวัดสตูล ยังมีทะเลอีกหนึ่งจุดที่รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามใต้ท้องทะเลลึก ณ กองหินขาว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

    หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของกองหินขาว โด่งดังขึ้นมา จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเหล่านักวิชาการ -นักอนุรักษ์มองว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงกับกองหินขาว และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่อยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงมีการนำภาพนิ่ง - วีดีโอ ต่างๆของท้องทะเลใต้กองหินขาวและบริเวณรอบๆมานำเสนอต่อประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับรู้ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของดีล้ำค่าเพียงใด

    ผลของการออกโรงของนักวิชาการ -นักอนุรักษ์ รวมไปถึงชุมชนที่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า ได้ลงนามร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญายุติโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียด (EHIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ (ปากบารา) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562

    #ปะการัง7สี
    ปะการังเจ็ดสี Unseen กองหินขาว จ.สตูล เอ่ยถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะถึงเกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ อาดังราวี แต่รู้หรือไม่ว่า ที่จังหวัดสตูล ยังมีทะเลอีกหนึ่งจุดที่รอนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงามใต้ท้องทะเลลึก ณ กองหินขาว อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของกองหินขาว โด่งดังขึ้นมา จากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเหล่านักวิชาการ -นักอนุรักษ์มองว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงกับกองหินขาว และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลที่อยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงมีการนำภาพนิ่ง - วีดีโอ ต่างๆของท้องทะเลใต้กองหินขาวและบริเวณรอบๆมานำเสนอต่อประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับรู้ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ใต้ท้องทะเลแห่งนี้มีของดีล้ำค่าเพียงใด ผลของการออกโรงของนักวิชาการ -นักอนุรักษ์ รวมไปถึงชุมชนที่หวั่นว่าจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้รัฐบาลโดยกรมเจ้าท่า ได้ลงนามร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาที่เป็นคู่สัญญายุติโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบรายละเอียด (EHIA) โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ (ปากบารา) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 #ปะการัง7สี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • แปลกแต่จริง ชื่อเกาะสุรินทร์ แต่อยู่ จ.พังงา ที่สุดแห่งป่าปะการังและวิถีชาวเล

    ครั้งพระยาสุรินทราชา เทศาเมืองภูเก็ต (นามเดิมนกยูง วิเศษกุล) เป็นผู้ค้นพบเกาะและตั้งชื่อ หมู่เกาะสุรินทร์ เมื่อครั้งที่ท่านมาสำรวจ ทะเลฝั่งอันดามัน ที่ ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา จนกระทั่งวันที่ 30 ธันวาคม 2514 กรมป่าไม้จึงได้ประกาศให้พื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามันและอยู่ติดชายแดนประเทศพม่า ห่างจากฝั่งทะเลด้านตะวันตกของไทยประมาณ 70 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลาง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์มีเนื้อที่ประมาณ 88,282 ไร่ หรือ 141.25 ตารางกิโลเมตร 🥰

    ความเป็นมา🤠
    กรมป่าไม้ได้ประกาศป่าหมู่เกาะสุรินทร์ ท้องที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นป่าสงวนแห่งชาติเมื่อ 30 ธันวาคม 2514 ต่อมาคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าได้มีมติในที่ประชุมครั้งที่ 1/2519 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2519 เห็นชอบในหลักการที่จะกำหนดให้หมู่เกาะสุรินทร์เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งกรมป่าไม้ได้ติดต่อประสานงานไปยังกรมทรัพยากรธรณี ได้รับแจ้งว่า หมู่เกาะสุรินทร์อยู่ในเขตสัมปทานปิโตรเลี่ยม แปลงที่ ตก. 9 W1 ของบริษัท WEEKS PETROLEUM จึงขอให้ระงับการประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไว้ก่อน และบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ยังเคยถูกเสนอให้ใช้เป็นค่ายญวนอพยพ แต่เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทั้งบนบกและในทะเล ประกอบกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม เหมาะที่จะจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาหาความรู้ในด้านธรรมชาติ กรมป่าไม้จึงได้คัดค้านไม่เห็นด้วย
    กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้ดำเนินการสำรวจบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์อีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า มีทิวทัศน์ทางทะเลที่สวยงาม มีปะการัง สภาพป่าที่สมบูรณ์ หาดทรายขาวสะอาด และนกนานาชนิด กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติซึ่งได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 2/2523 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2523 เห็นสมควรกำหนดบริเวณดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินหมู่เกาะสุรินทร์ ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ เล่ม 98 ตอนที่ 112 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2524 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 30 ของประเทศไทย และต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยผนวกกองหินริเชลิว ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนที่ 31ก ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2550
    อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน และอยู่ติดชายแดนประเทศพม่า หมู่เกาะสุรินทร์ ห่างจากชายฝั่งทะเลบริเวณท่าเรือคุระบุรี ประมาณ 60 กิโลเมตร หมู่เกาะสุรินทร์ ประกอบ ด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี(เกาะสต๊อร์ค) เกาะไข่(เกาะตอรินลา) และเกาะกลาง(เกาะปาจุมบา) หมู่เกาะสุรินทร์ มีเนื้อที่ประมาณ 135 ตารางกิโลเมตร

    หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องของความสวยงามใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นปะการังนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีปลาทะเลที่สวยงามมากมาย นอกจากนี้ หมู่เกาะสุรินทร์ ยังมีทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก

    โดยมากประกอบด้วย ป่าใหญ่ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบที่ขึ้นอยู่ทั่วเขา ประเภทที่ 2 คือ ป่าชายหาด ประเภทที่ 3 คือ ป่าชายเลน
    หมู่เกาะสุรินทร์ มีสภาพที่กำบังคลื่นลมทั้งสองฤดู เนื่องจาก หมู่เกาะสุรินทร์ วางตัวอยู่เป็นกลุ่มและมีอ่าวขนาดใหญ่ ทำให้เกิดแนวปะการังริมฝั่งอยู่รอบเกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ และเกาะบริวาร สภาพแวดล้อมทางสมุทรศาสตร์ของ หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการพัฒนาของแนวปะการัง คือ หมู่เกาะสุรินทร์ มีน้ำใส อุณหภูมิพอเหมาะ และมีการผสมผสานของน้ำที่ได้รับสารอาหารจากมวลน้ำเบื้องล่างที่ปะทะเกาะ ความอุดมสมบูรณ์ของแพลงก์ตอน บนหมู่เกาะสุรินทร์

    เกาะสุรินทร์เหนือ และเกาะสุรินทร์ใต้ ตั้งอยู่ชิดกันคล้ายเกาะแฝด โดยมีพื้นน้ำตื้นๆ กว้างประมาณ 200 เมตร กั้นอยู่ ในช่วงน้ำลงสามารถข้ามไปยังอีกเกาะได้ เรียกว่า อ่าวช่องขาด ส่วนเกาะขนาดเล็กอีกสามเกาะเป็นเกาะหินที่มีต้นไม้แคระแกร็นขึ้นอยู่ไม่หนาแน่นนัก พืชพรรณที่พบเป็นพืชป่าดิบชื้น เป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

    หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสถานที่ดำน้ำตื้นที่สวยที่สุดก็ว่าได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมมากมาย ใครที่แวะกันมาที่ หมู่เกาะสุรินทร์ จะต้องมีกลับมารอบสองแน่นอน

    #อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ #เทพชวนเที่ยว
    แปลกแต่จริง ชื่อเกาะสุรินทร์ แต่อยู่ จ.พังงา ที่สุดแห่งป่าปะการังและวิถีชาวเล ครั้งพระยาสุรินทราชา เทศาเมืองภูเก็ต (นามเดิมนกยูง วิเศษกุล) เป็นผู้ค้นพบเกาะและตั้งชื่อ หมู่เกาะสุรินทร์ เมื่อครั้งที่ท่านมาสำรวจ ทะเลฝั่งอันดามัน ที่ ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา จนกระทั่งวันที่ 30 ธันวาคม 2514 กรมป่าไม้จึงได้ประกาศให้พื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามันและอยู่ติดชายแดนประเทศพม่า ห่างจากฝั่งทะเลด้านตะวันตกของไทยประมาณ 70 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลาง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์มีเนื้อที่ประมาณ 88,282 ไร่ หรือ 141.25 ตารางกิโลเมตร 🥰 ความเป็นมา🤠 กรมป่าไม้ได้ประกาศป่าหมู่เกาะสุรินทร์ ท้องที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นป่าสงวนแห่งชาติเมื่อ 30 ธันวาคม 2514 ต่อมาคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าได้มีมติในที่ประชุมครั้งที่ 1/2519 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2519 เห็นชอบในหลักการที่จะกำหนดให้หมู่เกาะสุรินทร์เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งกรมป่าไม้ได้ติดต่อประสานงานไปยังกรมทรัพยากรธรณี ได้รับแจ้งว่า หมู่เกาะสุรินทร์อยู่ในเขตสัมปทานปิโตรเลี่ยม แปลงที่ ตก. 9 W1 ของบริษัท WEEKS PETROLEUM จึงขอให้ระงับการประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไว้ก่อน และบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ยังเคยถูกเสนอให้ใช้เป็นค่ายญวนอพยพ แต่เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทั้งบนบกและในทะเล ประกอบกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม เหมาะที่จะจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาหาความรู้ในด้านธรรมชาติ กรมป่าไม้จึงได้คัดค้านไม่เห็นด้วย กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้ดำเนินการสำรวจบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์อีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า มีทิวทัศน์ทางทะเลที่สวยงาม มีปะการัง สภาพป่าที่สมบูรณ์ หาดทรายขาวสะอาด และนกนานาชนิด กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติซึ่งได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 2/2523 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2523 เห็นสมควรกำหนดบริเวณดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินหมู่เกาะสุรินทร์ ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ เล่ม 98 ตอนที่ 112 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2524 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 30 ของประเทศไทย และต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยผนวกกองหินริเชลิว ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนที่ 31ก ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2550 อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน และอยู่ติดชายแดนประเทศพม่า หมู่เกาะสุรินทร์ ห่างจากชายฝั่งทะเลบริเวณท่าเรือคุระบุรี ประมาณ 60 กิโลเมตร หมู่เกาะสุรินทร์ ประกอบ ด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี(เกาะสต๊อร์ค) เกาะไข่(เกาะตอรินลา) และเกาะกลาง(เกาะปาจุมบา) หมู่เกาะสุรินทร์ มีเนื้อที่ประมาณ 135 ตารางกิโลเมตร หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องของความสวยงามใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นปะการังนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีปลาทะเลที่สวยงามมากมาย นอกจากนี้ หมู่เกาะสุรินทร์ ยังมีทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก โดยมากประกอบด้วย ป่าใหญ่ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบที่ขึ้นอยู่ทั่วเขา ประเภทที่ 2 คือ ป่าชายหาด ประเภทที่ 3 คือ ป่าชายเลน หมู่เกาะสุรินทร์ มีสภาพที่กำบังคลื่นลมทั้งสองฤดู เนื่องจาก หมู่เกาะสุรินทร์ วางตัวอยู่เป็นกลุ่มและมีอ่าวขนาดใหญ่ ทำให้เกิดแนวปะการังริมฝั่งอยู่รอบเกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ และเกาะบริวาร สภาพแวดล้อมทางสมุทรศาสตร์ของ หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการพัฒนาของแนวปะการัง คือ หมู่เกาะสุรินทร์ มีน้ำใส อุณหภูมิพอเหมาะ และมีการผสมผสานของน้ำที่ได้รับสารอาหารจากมวลน้ำเบื้องล่างที่ปะทะเกาะ ความอุดมสมบูรณ์ของแพลงก์ตอน บนหมู่เกาะสุรินทร์ เกาะสุรินทร์เหนือ และเกาะสุรินทร์ใต้ ตั้งอยู่ชิดกันคล้ายเกาะแฝด โดยมีพื้นน้ำตื้นๆ กว้างประมาณ 200 เมตร กั้นอยู่ ในช่วงน้ำลงสามารถข้ามไปยังอีกเกาะได้ เรียกว่า อ่าวช่องขาด ส่วนเกาะขนาดเล็กอีกสามเกาะเป็นเกาะหินที่มีต้นไม้แคระแกร็นขึ้นอยู่ไม่หนาแน่นนัก พืชพรรณที่พบเป็นพืชป่าดิบชื้น เป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นสถานที่ดำน้ำตื้นที่สวยที่สุดก็ว่าได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมมากมาย ใครที่แวะกันมาที่ หมู่เกาะสุรินทร์ จะต้องมีกลับมารอบสองแน่นอน #อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ #เทพชวนเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😍เฉิงตู - สี่ดรุณี - ภูผาหิมะกลาเซียร์น้ำแข็งต๋ากู่ 5 วัน 4 คืน😍
    : สี่ดรุณี อุทยานแห่งชาติซวงโกว (รวมรถเวียนในอุทยาน) - ศูนย์หมีแพนด้าโว้หลง - เมืองตูเจียงเอี้ยน - ถนนคนเดินชนซีลู่ - ดูหมีแพนด้าปีนตึก IFS

    📍 ช่วงวันเดินทาง : 6-10 เม.ย.68 💥วันจักรี
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 25,555
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน
    📢 รหัสทัวร์ : Z11890
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/eda5d3

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    😍เฉิงตู - สี่ดรุณี - ภูผาหิมะกลาเซียร์น้ำแข็งต๋ากู่ 5 วัน 4 คืน😍 : สี่ดรุณี อุทยานแห่งชาติซวงโกว (รวมรถเวียนในอุทยาน) - ศูนย์หมีแพนด้าโว้หลง - เมืองตูเจียงเอี้ยน - ถนนคนเดินชนซีลู่ - ดูหมีแพนด้าปีนตึก IFS 📍 ช่วงวันเดินทาง : 6-10 เม.ย.68 💥วันจักรี ⭕️ราคาเริ่มต้น : 25,555 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับมาตรฐาน 📢 รหัสทัวร์ : Z11890 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/eda5d3 ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา"
    .
    ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด
    .
    ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
    .
    นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว"
    .
    ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร
    .
    มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน
    .
    ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน
    .
    ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา
    .
    อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่
    .
    อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม
    .
    กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์
    .
    หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา
    .
    ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
    .
    นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์
    .
    ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก"
    .
    มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893
    .
    สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์
    .
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา" . ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด . ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" . นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว" . ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร . มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน . ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน . ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา . อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่ . อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม . กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์ . หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา . ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง . นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ . ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก" . มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893 . สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ . เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1020 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” ไปโพนพิสัย ปราศรัยช่วยลูกพรรคหาเสียง อบจ.หนองคาย วอนเลือกให้ถล่มทลาย ถ้าไม่ชนะ มาคราวหน้าต้องเอาปี๊บคลุมหัว โวยังมีแนวคิดดีๆ ให้ “นายกฯ อิ๊งค์” เลือกเอาไปใช้ พล่ามสูตรเดิม เพื่อไทยกลับมาปี 70 คนไทยเงินเต็มกระเป๋า

    วันนี้(19 ม.ค.) ที่พุทธอุทยานนานาชาติ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.หนองคาย ช่วยนายวุฒิไกร ช่างเหล็ก ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งถึงการแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศแล้วว่าปีนี้จะจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ภายในสิ้นปีนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดต้องหมดไป เราต้องร่วมมือร่วมใจกันทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น และในปี 70 รัฐบาลเพื่อไทยกลับมาอีกรอบ จะเอามือล้วงกระเป๋าไม่ได้เพราะมีเงินอยู่เต็ม

    นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนไปอยู่เมืองนอก 17 ปี เหงา คิดถึงบ้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปเยี่ยมทุกเดือน ก็คุยกันแต่เรื่องบ้านเมือง เรื่องครอบครัว

    นายทักษิณอ้างว่าหลังจากถูกปฏิวัติไปก็ได้รับการบริหารประเทศแบบไม่บริหารประเทศ อยู่ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีแบบแผน ไม่มีเป้าหมาย ทำให้คนไทยแย่ โอกาสดีๆ ที่ถูกทำลาย วันนี้กลับมาแล้ว หนึ่งทุนหนึ่งอำเภอไปเรียนเมืองนอกกลับมา นายกฯ อิ๊งค์ จะเดินหน้าโครงการซัมเมอร์แคมป์ไปที่ต่างประเทศ จ้างครูจากต่างประเทศมาสอนภาษา มาสอนเรื่อง AI ปีนี้จะเริ่มทำและสร้างโรงเรียนหนึ่งตัวอย่างหนึ่งอำเภอในฝันต่อไป ให้เด็กไทยมีความรู้มากๆ จะได้ฉลาด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000005729

    #MGROnline #ทักษิณชินวัตร
    “ทักษิณ” ไปโพนพิสัย ปราศรัยช่วยลูกพรรคหาเสียง อบจ.หนองคาย วอนเลือกให้ถล่มทลาย ถ้าไม่ชนะ มาคราวหน้าต้องเอาปี๊บคลุมหัว โวยังมีแนวคิดดีๆ ให้ “นายกฯ อิ๊งค์” เลือกเอาไปใช้ พล่ามสูตรเดิม เพื่อไทยกลับมาปี 70 คนไทยเงินเต็มกระเป๋า • วันนี้(19 ม.ค.) ที่พุทธอุทยานนานาชาติ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.หนองคาย ช่วยนายวุฒิไกร ช่างเหล็ก ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งถึงการแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศแล้วว่าปีนี้จะจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ภายในสิ้นปีนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดต้องหมดไป เราต้องร่วมมือร่วมใจกันทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น และในปี 70 รัฐบาลเพื่อไทยกลับมาอีกรอบ จะเอามือล้วงกระเป๋าไม่ได้เพราะมีเงินอยู่เต็ม • นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนไปอยู่เมืองนอก 17 ปี เหงา คิดถึงบ้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปเยี่ยมทุกเดือน ก็คุยกันแต่เรื่องบ้านเมือง เรื่องครอบครัว • นายทักษิณอ้างว่าหลังจากถูกปฏิวัติไปก็ได้รับการบริหารประเทศแบบไม่บริหารประเทศ อยู่ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีแบบแผน ไม่มีเป้าหมาย ทำให้คนไทยแย่ โอกาสดีๆ ที่ถูกทำลาย วันนี้กลับมาแล้ว หนึ่งทุนหนึ่งอำเภอไปเรียนเมืองนอกกลับมา นายกฯ อิ๊งค์ จะเดินหน้าโครงการซัมเมอร์แคมป์ไปที่ต่างประเทศ จ้างครูจากต่างประเทศมาสอนภาษา มาสอนเรื่อง AI ปีนี้จะเริ่มทำและสร้างโรงเรียนหนึ่งตัวอย่างหนึ่งอำเภอในฝันต่อไป ให้เด็กไทยมีความรู้มากๆ จะได้ฉลาด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000005729 • #MGROnline #ทักษิณชินวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนองคาย-นายทักษิณ ชินวัตร ตะลอนทัวร์ถึง จ.หนองคาย ช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียง 2 จุดใหญ่ ขอคะแนนชาวหนองคายเลือกคนของพรรคเชื่อมนโยบายรัฐบาลกับท้องถิ่น พล่ามความเดิมปี 70 พรรคเพื่อไทยจะกลับมาอีกรอบ กระเป๋าของประชาชนเต็มไปด้วยเงินในการใช้หนี้ ใช้จับจ่าย ไม่เป็นหนี้สินฯลฯ

    วันนี้ (19 ม.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ชวยหาเสียงผู้สมัคร นายก อบจ.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นางเยาวภา วงษ์สวัสดิ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ , นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ, นายอดิษร เพียงเกษ, ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ใน 2 จุด จุดแรก ที่พุทธอุทยานนานาชาติ อ.โพนพิสัย และช่วงบ่าย ลงพื้นที่โรงเรียนท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายวุฒิไกร ช่างเหล็ก ผู้สมัคร นายก.อบจ.หนองคาย เบอร์ 2 และผู้สมัครสมาชิก อบจ.หนองคาย

    ซึ่งในแต่ละจุดมีประชาชนชาวหนองคายให้ความสนใจมาร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเป็นจำนวนมาก มีการชูป้าย โบกไม้โบกมือ ทักทายกันอย่างคึกคัก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000005725

    #MGROnline #หนองคาย #ทักษิณชินวัตร
    หนองคาย-นายทักษิณ ชินวัตร ตะลอนทัวร์ถึง จ.หนองคาย ช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียง 2 จุดใหญ่ ขอคะแนนชาวหนองคายเลือกคนของพรรคเชื่อมนโยบายรัฐบาลกับท้องถิ่น พล่ามความเดิมปี 70 พรรคเพื่อไทยจะกลับมาอีกรอบ กระเป๋าของประชาชนเต็มไปด้วยเงินในการใช้หนี้ ใช้จับจ่าย ไม่เป็นหนี้สินฯลฯ • วันนี้ (19 ม.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ชวยหาเสียงผู้สมัคร นายก อบจ.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นางเยาวภา วงษ์สวัสดิ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ , นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ, นายอดิษร เพียงเกษ, ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ใน 2 จุด จุดแรก ที่พุทธอุทยานนานาชาติ อ.โพนพิสัย และช่วงบ่าย ลงพื้นที่โรงเรียนท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายวุฒิไกร ช่างเหล็ก ผู้สมัคร นายก.อบจ.หนองคาย เบอร์ 2 และผู้สมัครสมาชิก อบจ.หนองคาย • ซึ่งในแต่ละจุดมีประชาชนชาวหนองคายให้ความสนใจมาร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเป็นจำนวนมาก มีการชูป้าย โบกไม้โบกมือ ทักทายกันอย่างคึกคัก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000005725 • #MGROnline #หนองคาย #ทักษิณชินวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งตรวจสอบ หนุ่มรับส่ง “ลูกสิงโต“ พร้อมเผยการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่านั้นมีกฎหมายกำหนดอยู่ และการขนย้ายจะต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์

    จากกรณี ไวรัลในออนไลน์ประเด็นของหนุ่มรับจ็อบขับรถส่งของผ่านแอปพลิเคชั่นหนึ่ง ที่มีลูกค้าประจำให้ขนส่ง “ลูกสิงโต“ จนกลายเป็นข่าวดังในโซเชียล

    ล่าสุด วันนี้ (17 ม.ค.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งตรวจสอบ กรณีหนุ่มขับรถรับจ้างส่งของโพสต์คลิปลูกค้าประจำจ้างให้ส่ง ลูกสิงโต โดยไม่มีกรง ซึ่งเจ้าของยันน้องไม่งอแง นิ่งเหมือนหมา ไม่กัดแน่นอน แต่สุดท้ายสุดซนเดินป่วนทั่วรถ จนกลายเป็นไวรัลดัง ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวต้องลบโพสต์ออกไปแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000005250

    #MGROnline #ลูกสิงโต
    อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งตรวจสอบ หนุ่มรับส่ง “ลูกสิงโต“ พร้อมเผยการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่านั้นมีกฎหมายกำหนดอยู่ และการขนย้ายจะต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ • จากกรณี ไวรัลในออนไลน์ประเด็นของหนุ่มรับจ็อบขับรถส่งของผ่านแอปพลิเคชั่นหนึ่ง ที่มีลูกค้าประจำให้ขนส่ง “ลูกสิงโต“ จนกลายเป็นข่าวดังในโซเชียล • ล่าสุด วันนี้ (17 ม.ค.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งตรวจสอบ กรณีหนุ่มขับรถรับจ้างส่งของโพสต์คลิปลูกค้าประจำจ้างให้ส่ง ลูกสิงโต โดยไม่มีกรง ซึ่งเจ้าของยันน้องไม่งอแง นิ่งเหมือนหมา ไม่กัดแน่นอน แต่สุดท้ายสุดซนเดินป่วนทั่วรถ จนกลายเป็นไวรัลดัง ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวต้องลบโพสต์ออกไปแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000005250 • #MGROnline #ลูกสิงโต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    https://thaipublica.org
    Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons
    กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา

    จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล

    มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค

    3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร

    และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488
    ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา

    ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า
    อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส

    10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง

    การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา
    จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น"
    โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ

    ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู"

    วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา

    เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน
    ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้"

    ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน"

    สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
    เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน

    ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ

    * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

    * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน

    * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง

    * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย

    * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country"

    จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
    แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย

    สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย

    ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน
    ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ

    ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง
    ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี

    ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว

    เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น
    นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา

    กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    17/1/68 https://thaipublica.org Integrated Resort ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons กาสิโนซีรีส์ตอนที่แล้ว(จากบ่อน 1.0 ถึงกาสิโน 5.0) ได้พูดถึงวิวัฒนาการของบ่อนพนันในบ้านเรา จากยุค 1.0 "ยุคบ่อนบ้าน" ที่มีมาแต่อดีตกาล มายุค 2.0 "ยุคบ่อนเบี้ย" ที่ยาวนานจากสมัยอยุธยาจนถึงรัตน โกสินทร์ตอนต้นมาถึงยุค 3.0 "ยุคของการปิดบ่อน" ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 ที่ต้องใช้เวลานานร่วม 30 ปีกว่าจะปิดบ่อนเบี้ยได้ทั่วราชอาณาจักร และมาถึงยุค 4.0 "ยุคของกาสิโนโดยรัฐบาล" หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2475 ที่นำมาสู่การออกพ.ร.บ.การพนันในปี พ.ศ.2478 และนำมาสู่การทดลองเปิดกาสิโน 11 แห่งทั่วประเทศในปี 2481 ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่กลับมาเปิดจริงจังในอีก 7 ปีต่อมาในปี 2488 ที่ปราณบุรี ที่เปิดได้เพียง 82 วันก็ต้องปิดตัวลง เพราะ "เอาไม่อยู่"กับปัญหาสังคมที่เกิดตามมา ก้าวสู่ยุค 5.0 "ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน" กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ "สิงคโปร์" มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ "ลีกวนยู" แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ "สแตนลีย์ โฮ" แห่งมาเก้า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปีสแตนลีย์ โฮ เกิดก่อนเมื่อปี พ.ศ.2464 ที่ฮ่องกงในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจากภาวะสงครามโลกทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ โฮไม่ทันได้เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องเลิกเรียน ชีวิตต้องระหกระเหิน จนต้องลี้ภัยมาทำมาค้าขายอยู่ที่มาเก้า อายุ 27 ปี โฮได้แต่งงานกับลูกสาวของทนายความใหญ่ในมาเก้าที่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าอาณานิคมโปรตุเกส 10 ปีต่อมาพ่อตาได้ใช้เส้นสายช่วยให้โฮได้สัมปาทานกาสิโนในมาเก้า เป็นสัมปทานผูกขาดที่ยาวนานถึง 40 ปี สแตนลีย์ โฮ จึงเป็นเจ้าพ่อกาสิโนในมาเก้ามาจนถึงปี 2002 จนหมดอายุสัมปทาน เขาเป็นเจ้าของกาสิโนถึง 19 แห่ง การได้รับสัมปทานคือจุดสำคัญที่ทำให้โฮกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โฮกล่าวว่า "ผมไม่เล่นพนัน" และเตือนด้วยว่า "อย่าหวังรวยจากการพนัน มันเป็นแค่เกมเท่านั้น" โฮจึงเหมือนคนปลูกผักที่ไม่กินผักที่ตัวเองปลูก เพราะรู้ดีว่ามันมีสารพิษ ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาสิโน ทำให้โฮมองหาลู่ทางขยายอาณาจักรธุรกิจของตนเอง และพบที่หนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งได้รับเอกราชและกำลังสร้างชาติ นั่นคือ สิงค โปร์ ที่มีผู้นำชื่อ "ลึกวนยู" วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรท์ เขียนถึงเรื่องราวการสร้างชาติสิงคโปร์ของลึกวนยูในหนังสือ "สร้างชาติจากศูนย์" ว่า ปี พ.ศ.2508 เกาะสิงคโปร์ถูกมาเลเซียปฏิเสธ "ไม่ให้ไปต่อ" ไม่รับสิงคโปร์เป็นรัฐหนึ่งของสหพันธรัฐมาเลเซียอีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ลีกวน ยู ที่ขณะนั้นอยู่ในวัยเพียง 35 ปี และเพิ่งชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้บริหารรัฐสิงคโปร์ได้เพียง 2 ปีคาดไม่ถึงว่าจะถูกมาเลเซียตัดขาด เป็นเอกราชที่ไม่ได้ปรารถนา เพราะสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ เป็นเพียงเมืองท่าที่เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพกับยุงณ เวลานั้น ลีกวนยู กล่าวว่า "สิงคโปร์ไม่ควรจะดำรงอยู่ เราไม่มีฐาน ไม่มีพื้นที่ ไม่มีเงินทุน ไม่มีวัตถุดิบอะไรเลยที่จะสร้างประเทศ" สิงคโปร์มีแต่ความเป็นเมืองท่าและมีคน ในอดีตสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เต็มไปด้วยชาวจีนอพยพ และแน่นอนเต็มไปด้วยการเล่นพนัน 3 ปีหลังจากเป็นเอกราช ลีกวนยูประกาศให้การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย วินทร์ เรียววาริณ เล่าว่า "ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน และขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นการพนัน ลีกวนยูจึงไม่เคยเล่นการพนัน และต่อต้านเรื่องนี้" ลีกวนยู จึงปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า "ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน" สิงคโปร์เองในสมัยนั้นน่าจะไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจากสปป.ลาวหรือกัมพูชา ที่บอบซ้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์ เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก้า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น "First World Oasis" เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซียไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน ความสำเร็จของสิงคโปร์ นอกจากการทำงานหนักแล้วก็คือ * การมุ่งสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดี เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน * การบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด ไม่มีสองมาตรฐาน * การปราบคอรัปชั้นอย่างจริงจัง * และการให้ความสำคัญกับ "การพัฒนาคน" เพราะทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียวที่สิงคโปร์มีคือ "คน"การพยายามสร้างตัวเองให้เป็น "First World Oasis" ทำให้สิงคโปร์พยายามสร้างจุดดึงดูด นักท่องเที่ยวด้วย * โปรเจคมากมาย ถมทะเลเพื่อสร้างสนามบิน ถมทะเลเพื่อสร้างอ่าว ปลูกต้นไม้ทั้งเกาะให้เป็น "อุทยานนคร" และสร้างเมืองให้สะอาดและปลอดภัย สิงคโปร์จึงเต็มไปด้วย "ข้อห้ามและค่าปรับ" จนถูกกระแนะกระแหนว่า "Singapore is Fine country" จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็น ที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด "Integrated Resort" หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า "ลีเซียนลุง" บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลึกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัยเพราะใช่ว่าชาวสิงคโปร์ทั้งหมดจะเห็นด้วยกับโปรเจคนี้ ถึงขนาดฝ่ายคัดค้านกดดันให้ ลีเซียนลุง จัดทำประชามติ แต่เขาปฏิเสธ ด้วย ข่าวจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกต่างรายงานถึงผลกระทบจากการมีกาสิโน ที่สหรัฐอเมริกา การเปิดกาสิโนมากมายที่เมืองแอตแลนติกซิตี้ มลรัฐนิวเจอร์ชีย์ ตามรอยของลาสเวกัส ส่งผลให้เกิดอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปีเดียว และ ปัจจุบันกาสิโนหลายแห่งทะยอยปิดตัวลง ที่มาเก้า เมื่อมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้นจาก 19 แห่งในยุคสแตนลีย์ โฮ ขยายเป็น 35 แห่งในยุคหลัง กาสิโนนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาประชากรแออัด ปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ยังก่อให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในสังคมตามมา สำนักงานตำรวจของมาเก้า เปิดเผยว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับการพนัน เพิ่มขึ้นถึง 37.8% ในช่วงเวลาเพียง 3ปี ที่สปป.ลาว รัฐบาลมีกฎหมายห้ามไม่ให้คนลาวเข้าเล่นการพนันในกาสิโนเด็ดขาด แต่การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทำให้กาสิโนตามตะเข็บชายแดนรอบประเทศกลายเป็นสถานที่คุ้นเคยของประชาชนลาว ที่ "คิงส์โรมัน" สถานกาสิโนชื่อดัง พบว่านักพนันกว่า 60% ที่เข้าไปเล่นเป็นนักพนันชาวลาว เช่นเดียวกับที่กัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้คนกัมพูชาเข้ากาสิโน แต่พบว่าคนกัมพูชา ในท้องถิ่นที่กาสิโนตั้งอยู่ต่างกรูกันเข้าไปเล่น นี่คือความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ กับมาเก๊า สปป.ลาว กัมพูชา รวมถึงสหรัฐอเมริกา กาสิโนในยุค 5.0 จึงเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศว่า จะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 730 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงใหม่-"ดอยอินทนนท์"แช่แข็ง!ยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่อง ล่าสุดติดลบ 1.7องศาเซลเซียส ทำเกิด "เหมยขาบ"ติดต่อกันเป็นวันที่5 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักท้าลมหนาวต่ำสุด 3 องศาเซลเซียส

    รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค. 68) สภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงหนาวเย็นจัดต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ "เหมยขาบ"ขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่5 และนับเป็นครั้งที่19 ของฤดูหนาวปีนี้ โดยพบน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณกิ่วแม่ปานและยอดดอย ความตื่นเต้นดีใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างประทับใจ

    ทั้งนี้อุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ วัดได้ 3 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน ซึ่งยอดหญ้าวัดอุณหภูมิได้ติดลบ 1.7 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส และยอดหญ้าวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ติดลบ 0.9 องศาเซลเซียส

    สำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ช่วงเช้าวันนี้พบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงต่างพากันท้าลมหนาวชมธรรมชาติกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,273 คน แบ่งเป็น คนไทย 2,817 คน ชาวต่างชาติ 1,456 คน ยานพาหนะ 1,140 คัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000004326

    #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์ #อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    เชียงใหม่-"ดอยอินทนนท์"แช่แข็ง!ยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อเนื่อง ล่าสุดติดลบ 1.7องศาเซลเซียส ทำเกิด "เหมยขาบ"ติดต่อกันเป็นวันที่5 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวยังคงคึกคักท้าลมหนาวต่ำสุด 3 องศาเซลเซียส • รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เช้าวันนี้ (15 ม.ค. 68) สภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงหนาวเย็นจัดต่อเนื่อง พร้อมทั้งเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ "เหมยขาบ"ขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่5 และนับเป็นครั้งที่19 ของฤดูหนาวปีนี้ โดยพบน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณกิ่วแม่ปานและยอดดอย ความตื่นเต้นดีใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่ต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างประทับใจ • ทั้งนี้อุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ วัดได้ 3 องศาเซลเซียส ที่กิ่วแม่ปาน ซึ่งยอดหญ้าวัดอุณหภูมิได้ติดลบ 1.7 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดดอยวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส และยอดหญ้าวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ติดลบ 0.9 องศาเซลเซียส • สำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น ช่วงเช้าวันนี้พบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงต่างพากันท้าลมหนาวชมธรรมชาติกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเท่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,273 คน แบ่งเป็น คนไทย 2,817 คน ชาวต่างชาติ 1,456 คน ยานพาหนะ 1,140 คัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000004326 • #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์ #อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ป่าใครหนา

    ทุกวันนี้ ป่าดงพงไพรในประเทศไทยทยอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนยังคงตัดไม้และทำลายป่าอย่างไม่หยุดหย่อน บางคราวภูเขาอันร่มรื่นน่าชื่นชมก็กลายเป็นสวนลิ้นจี่ ไร่ข้าวโพด หรือสวนลำไยในเวลาอันรวดเร็ว หรือว่าพวกเราจะยกย่องเรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์หรือนี่

    จากปี 2566 ถึงปี 2567 พบว่า ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะขอยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้เพื่อปลูกแปลงพืชพลทางการเกษตร ตัดไม้เพื่อปลูกบ้านเรือนของตน

    แต่สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดเลยคือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเคสที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น โดยมีนายทุนทำถนนคอนกรีตขึ้นไปบนภูเขาและสร้างที่พักรีสอร์ต หรือ ดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.6 แสนไร่ โดยหากเกิดการให้เพิกถอนพื้นที่มันจะเป็นการเอื้อให้นายทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และจะกระทบต่อแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีกเคสหนึ่งที่มีสส.หญิงรุกป่าทำฟาร์มไก่ โดยการกระทำในรูปแบบนี้เข้าข่ายการทำประโยชน์ส่วนตน

    การลดลงของผืนป่าไม่ใช่แค่เรื่องของการตัดไม้เพียงเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียมรดกธรรมชาติที่สะท้อนถึง "นิเวศสำนึก" ของสังคม การที่พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะตอบโจทย์ด้านรายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแน่นอน

    ที่จริงอยากจะประท้วงรัฐบาลให้ออกนโยบายเกี่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอย่างเคร่งครัด หรือ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติอย่างจริงจัง อยากยกตัวอย่างเคสของอาสืบ นาคะเสถียร ที่เสียสละชีวิตของตัวเอง เรียกผู้คนในสังคมไทยให้หันกลับมารับรู้ปัญหาการคุกคามผืนป่าและสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานั้น

    แต่โปรดเชื่อเถอะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ถ้าเราไม่ดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราคงจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์จากกระป๋องแล้วกระมัง
    .
    #ป่าใครหนา ทุกวันนี้ ป่าดงพงไพรในประเทศไทยทยอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนยังคงตัดไม้และทำลายป่าอย่างไม่หยุดหย่อน บางคราวภูเขาอันร่มรื่นน่าชื่นชมก็กลายเป็นสวนลิ้นจี่ ไร่ข้าวโพด หรือสวนลำไยในเวลาอันรวดเร็ว หรือว่าพวกเราจะยกย่องเรื่องนี้เป็นซอฟเพาเวอร์หรือนี่ จากปี 2566 ถึงปี 2567 พบว่า ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จะขอยกตัวอย่างเช่น การตัดไม้เพื่อปลูกแปลงพืชพลทางการเกษตร ตัดไม้เพื่อปลูกบ้านเรือนของตน แต่สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดเลยคือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งจะขอยกตัวอย่างเคสที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปลกหล่น โดยมีนายทุนทำถนนคอนกรีตขึ้นไปบนภูเขาและสร้างที่พักรีสอร์ต หรือ ดราม่าการเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.6 แสนไร่ โดยหากเกิดการให้เพิกถอนพื้นที่มันจะเป็นการเอื้อให้นายทุนทั้งหลายเข้ามาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และจะกระทบต่อแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีกเคสหนึ่งที่มีสส.หญิงรุกป่าทำฟาร์มไก่ โดยการกระทำในรูปแบบนี้เข้าข่ายการทำประโยชน์ส่วนตน การลดลงของผืนป่าไม่ใช่แค่เรื่องของการตัดไม้เพียงเท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียมรดกธรรมชาติที่สะท้อนถึง "นิเวศสำนึก" ของสังคม การที่พื้นที่ป่าถูกเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะตอบโจทย์ด้านรายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้กลับส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแน่นอน ที่จริงอยากจะประท้วงรัฐบาลให้ออกนโยบายเกี่ยวกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในประเทศอย่างเคร่งครัด หรือ รณรงค์ให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติอย่างจริงจัง อยากยกตัวอย่างเคสของอาสืบ นาคะเสถียร ที่เสียสละชีวิตของตัวเอง เรียกผู้คนในสังคมไทยให้หันกลับมารับรู้ปัญหาการคุกคามผืนป่าและสัตว์ป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลานั้น แต่โปรดเชื่อเถอะใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ถ้าเราไม่ดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ มิเช่นนั้นเราคงจะได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์จากกระป๋องแล้วกระมัง .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚡️ทัวร์นิวซีแลนด์ 9 วัน 7 คืน⚡️
    พิเศษ Hangi Dinner - บินภายใน 1 เที่ยว - รวมค่าธรรมเนียมวีซ่านิวซีแลนด์แบบกรุ๊ปแล้ว

    เกาะเหนือ - เกาะใต้ : อะโกรโดมฟาร์ม - Te Puia หมู่บ้านเมารี - ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์นกกีวี - ถ้ำหนอนเรืองแสง - นั่งรถไฟสายทรานส์อัลไพน์ - ธารน้ำแข็งฟรานซ์โจเซฟ - อุทยานแห่งชาติเวสต์แลนด์ - นั่งกระเช้าชมอาทิตย์อัสดงบนเขาบ๊อบพีค - ล่องเรือชมฟยอร์ด - ทะเลสาบวาคาติปู

    📍 ช่วงวันเดินทาง : ก.พ.-ต.ค.68
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : 165,000
    📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับสูง
    📢 รหัสทัวร์ : Z11520
    🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️
    ✈️ สายการบิน : CX-คาเธ่ย์แปซิฟิค/NZ-แอร์ นิวซีแลนด์

    ✔️Travel License: 11/11450
    ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e58f00

    ดูทัวร์นิวซีแลนด์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/f7b04d

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์นิวซีแลนด์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    ⚡️ทัวร์นิวซีแลนด์ 9 วัน 7 คืน⚡️ พิเศษ Hangi Dinner - บินภายใน 1 เที่ยว - รวมค่าธรรมเนียมวีซ่านิวซีแลนด์แบบกรุ๊ปแล้ว เกาะเหนือ - เกาะใต้ : อะโกรโดมฟาร์ม - Te Puia หมู่บ้านเมารี - ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์นกกีวี - ถ้ำหนอนเรืองแสง - นั่งรถไฟสายทรานส์อัลไพน์ - ธารน้ำแข็งฟรานซ์โจเซฟ - อุทยานแห่งชาติเวสต์แลนด์ - นั่งกระเช้าชมอาทิตย์อัสดงบนเขาบ๊อบพีค - ล่องเรือชมฟยอร์ด - ทะเลสาบวาคาติปู 📍 ช่วงวันเดินทาง : ก.พ.-ต.ค.68 ⭕️ราคาเริ่มต้น : 165,000 📢 ระดับทัวร์ : ทัวร์คุณภาพระดับสูง 📢 รหัสทัวร์ : Z11520 🏢 โรงแรม : ⭐️⭐️⭐️⭐️ ✈️ สายการบิน : CX-คาเธ่ย์แปซิฟิค/NZ-แอร์ นิวซีแลนด์ ✔️Travel License: 11/11450 ✔️โอนบัญชีชื่อ บริษัท วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด เท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e58f00 ดูทัวร์นิวซีแลนด์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/f7b04d LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์นิวซีแลนด์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原)

    เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ

    ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้

    เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น

    เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ

    อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่

    ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง

    บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต

    Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29
    https://www.sohu.com/a/390828068_120445432
    https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html
    https://www.shicile.com/detail/6070192050078
    https://www.sohu.com/a/680570874_121124391

    #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原) เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่ ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่ กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29 https://www.sohu.com/a/390828068_120445432 https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html https://www.shicile.com/detail/6070192050078 https://www.sohu.com/a/680570874_121124391 #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 574 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทิงป่าตาบอด อุทยานฯ ทับลาน เดินออกนอกพื้นที่ป่าธรรมชาติสู่หมู่บ้านใน ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่เร่งระดมกำลังค้นหาหวั่นทำร้ายชาวบ้านแต่ไม่พบ ล่าสุดพุ่งชนบ้านเรือนประชาชนเสียหาย หัวหน้าอุทยานฯสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยเฝ้าระวัง

    จากกรณีที่​มีการพบ กระทิงป่าอุทยาน​แห่งชาติ​ทับลาน ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตาซึ่งได้เดินออกนอกพื้นที่ป่าธรรมชาติในพื้นที่ ม.9 ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เข้าสู่ชุมชนจนเกรงว่าจะทำร้ายชาวบ้านนั้น

    ล่าสุดในวันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ถึงความคืบหน้าการติดตามตัวกระทิงป่าตัวดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบในช่วงเวลาเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังหาตัวไม่พบ และคาดว่าน่าจะเดินเข้าไปในเขตป่าลึกแล้ว

    แต่เมื่อเวลา 16.40 น.เจ้าหน้าที่กลับได้รับแจ้งจาก น.ส.สนิท ประดิษฐ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 141 ม.9 ต.แก่งดินสอ ว่า กระทิงป่า ได้วิ่งชนบ้านเรือนจนได้รับความเสียหาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001893

    #MGROnline #กระทิงป่าตาบอด #อุทยาน​แห่งชาติ​ทับลาน
    กระทิงป่าตาบอด อุทยานฯ ทับลาน เดินออกนอกพื้นที่ป่าธรรมชาติสู่หมู่บ้านใน ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่เร่งระดมกำลังค้นหาหวั่นทำร้ายชาวบ้านแต่ไม่พบ ล่าสุดพุ่งชนบ้านเรือนประชาชนเสียหาย หัวหน้าอุทยานฯสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยเฝ้าระวัง • จากกรณีที่​มีการพบ กระทิงป่าอุทยาน​แห่งชาติ​ทับลาน ซึ่งมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตาซึ่งได้เดินออกนอกพื้นที่ป่าธรรมชาติในพื้นที่ ม.9 ต.แก่งดินสอ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เข้าสู่ชุมชนจนเกรงว่าจะทำร้ายชาวบ้านนั้น • ล่าสุดในวันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ถึงความคืบหน้าการติดตามตัวกระทิงป่าตัวดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบในช่วงเวลาเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังหาตัวไม่พบ และคาดว่าน่าจะเดินเข้าไปในเขตป่าลึกแล้ว • แต่เมื่อเวลา 16.40 น.เจ้าหน้าที่กลับได้รับแจ้งจาก น.ส.สนิท ประดิษฐ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 141 ม.9 ต.แก่งดินสอ ว่า กระทิงป่า ได้วิ่งชนบ้านเรือนจนได้รับความเสียหาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001893 • #MGROnline #กระทิงป่าตาบอด #อุทยาน​แห่งชาติ​ทับลาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชวนคนไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “พระราชพิธีสมมงคล” 14 มกราคม 2568
    ชวนคนไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “พระราชพิธีสมมงคล” 14 มกราคม 2568

    ชวนคนไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “พระราชพิธีสมมงคล” 14 มกราคม 2568
    .
    รัฐบาล เตรียมพร้อมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุ เท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ประกอบด้วย 7 กิจกรรม ได้แก่
    .
    1. พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ระหว่างวันที่ 13 – 20 ม.ค.68
    2. บูรณปฏิสังขรณ์ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี
    3. จัดแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในวันที่ 14 ม.ค.68
    4. จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ
    5. จัดพิธีทางศาสนา และ กิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ ศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
    6. จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และ เจริญจิตตภาวนา ถวายพระราชกุศล
    7. จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
    .
    14 มกราคม 2568 เป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน เป็น สมมงคล (สะ–มะ-มง-คน) เท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญ ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ http://www.phralan.in.th/
    ชวนคนไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “พระราชพิธีสมมงคล” 14 มกราคม 2568 ชวนคนไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “พระราชพิธีสมมงคล” 14 มกราคม 2568 ชวนคนไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “พระราชพิธีสมมงคล” 14 มกราคม 2568 . รัฐบาล เตรียมพร้อมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุ เท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ประกอบด้วย 7 กิจกรรม ได้แก่ . 1. พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ระหว่างวันที่ 13 – 20 ม.ค.68 2. บูรณปฏิสังขรณ์ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี 3. จัดแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในวันที่ 14 ม.ค.68 4. จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ 5. จัดพิธีทางศาสนา และ กิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ ศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 6. จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และ เจริญจิตตภาวนา ถวายพระราชกุศล 7. จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร . 14 มกราคม 2568 เป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน เป็น สมมงคล (สะ–มะ-มง-คน) เท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญ ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ http://www.phralan.in.th/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • การถ่ายทำ VTR ประชาสัมพันธ์ งานสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี “นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน”
    วันเสาร์ที่ 4 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา ที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่

    งานจริงที่ยิ่งใหญ่อลังการ จะจัดขึ้นในวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และบริเวณรอบคูเมือง (ประตูช้างเผือก ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ประตูสวนปรุง ประตูสวนดอก)

    ในวันที่ 19 เมษายน 2568 จะมีคณะช่างฟ้อนเล็บอัตลักษณ์เชียงใหม่ จำนวน 19,901 คน(ตามภาพ) จากประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ สู่บริเวณพิธี
    การถ่ายทำ VTR ประชาสัมพันธ์ งานสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี “นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน” วันเสาร์ที่ 4 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา ที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ งานจริงที่ยิ่งใหญ่อลังการ จะจัดขึ้นในวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และบริเวณรอบคูเมือง (ประตูช้างเผือก ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ประตูสวนปรุง ประตูสวนดอก) ในวันที่ 19 เมษายน 2568 จะมีคณะช่างฟ้อนเล็บอัตลักษณ์เชียงใหม่ จำนวน 19,901 คน(ตามภาพ) จากประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ สู่บริเวณพิธี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้ว Storyฯ คุยถึงฉากหนึ่งใน <พสุธารักเคียงใจ> ที่พระนางนั่งเรือชมดาวกัน ความตอนที่แล้วเราคุยกันเรื่องบทกวีที่นางเอกกล่าวในฉากนี้ ซึ่งหลังจากนั้นพระเอกบอกว่ามีอีกบทกวีที่เขาชอบมากกว่า โดยนางเอกชิงท่องบทกวีดังกล่าวออกมาก่อน เป็นนัยว่าบทกวีบทนี้บ่งบอกความเป็นตัวตนของพระเอก เชื่อว่ามีเพื่อนเพจหลายคนที่คงงงเหมือนกับ Storyฯ ว่าเขาคุยอะไรกัน

    “หญ้าเขียวชอุ่มบนทุ่ง
    หนึ่งปีเหี่ยวเฉาสลับขึ้นใหม่
    ไฟป่าเผาไม่มอด
    ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก”
    - บทแปลจากซับไทย <พสุธารักเคียงใจ>

    บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘ฟู่เต๋อกู่หยวนเฉ่าซ่งเปี๋ย’ (赋得古原草送别) โดยคำว่า ‘ฟู่เต๋อ’ นั้น เป็นการเรียกนำหน้าบทกวีที่แต่งเติมจากวลีหรือวรรคจากบทประพันธ์โบราณ ต่อมาใช้เป็นกติกาในการสอบขุนนางว่า หากจะเขียนบทกวีที่มียกวรรคมาจากบทประพันธ์โบราณให้ใช้คำนำหน้าชื่อบทกวีนั้นว่า ‘ฟู่เต๋อ’ ส่วนคำว่า ‘กู่หยวนเฉ่า’ นั้นแปลตรงตัวว่าทุ่งหญ้าโบราณ แต่ในบทกวีโบราณมักถูกใช้แทนคำเรียก ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นอุทยานบนเขาในนครฉางอันที่เราคุยกันไปในสัปดาห์ที่แล้ว และคำว่า ‘ซ่งเปี๋ย’ คือการอำลาหรือส่งคนเดินทางจากไป ดังนั้น ชื่อของบทกวีนี้แปลได้ใจความว่า ‘บทอำลาบนเล่อโหยวหยวน’

    บทกวีนี้เป็นผลงานของกวีเอกและนักการเมืองชื่อดังในยุคช่วงปลายของราชวงศ์ถังคือ ไป๋จวีอี (ปีค.ศ. 772-846) จริงแล้วมีทั้งหมดแปดวรรค แต่ในซีรีส์กล่าวถึงเพียงสี่วรรค ซึ่งสี่วรรคหลังที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้น Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงว่า

    ปลายทางอันไกลโพ้น
    ทุ่งเขียวจรดเมืองอ้างว้าง
    ส่งลาราชนัดดาอีกครา
    ทุ่งขจีแฝงความอาดูร

    (หมายเหตุ คำว่า ‘ราชนัดดา’ นั้นในบทกวีโบราณอาจแปลได้เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอันสูงส่ง และในบริบทของบทกวีนี้มีการแปลไว้ว่าหมายถึงสหายสนิท)

    จะเห็นว่า บทกวีนี้แรกเริ่มสี่วรรคกล่าวถึงความงามของทุ่งหญ้าที่สะท้อนถึงความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่ในสี่วรรคหลัง ความงามนี้แปรเปลี่ยนเป็นความอ้างว้างเมื่อต้องอำลาจากกัน

    เมื่อมีชื่อนำหน้าว่า ‘ฟู่เต๋อ’ บทกวีนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการสอบขุนนางและมีวลีที่อ้างอิงมาจากบทกวีโบราณ...

    บทกวีนี้ไป๋จวีอีประพันธ์ขึ้นเมื่อครั้งเขาเข้าร่วมสอบขุนนางหลวง และบทกวีโบราณที่อ้างอิงนั้นคือบทกวีสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกมีชื่อว่า ‘จาวอิ่นซื่อ’ (招隐士) มีใจความชักจูงให้เหล่าเชื้อสายตระกูลสูงส่ง (คือความหมายของ ‘ราชนัดดา’ ในที่นี้) ที่หลบซ่อนกันอยู่นอกเมืองพากันกลับมารับใช้ราชสำนัก โดยวรรคที่ไป๋จวีอีอ้างอิงนั้นมาจากวรรคที่ว่า ‘ราชนัดดาเดินทางไปไม่กลับ หญ้าวสันต์งอกเงยเขียวขจี’ ที่ใช้ความงามของทุ่งหญ้าบ่งบอกความอ้างว้างหากเหล่าผู้มีการศึกษามีความสามารถต่างพากันทิ้งราชสำนักไป

    ปัจจุบันสี่วรรคแรกของบทกวีนี้ถูกนำมาใช้รวมในการเรียนการสอนชั้นประถมศึกษา เนื่องจากภาษาไพเราะและมีใจความเป็นแรงบันดาลใจให้ฟันฝ่าอุปสรรค แต่สี่วรรคหลังถูกละไว้ เนื่องจากใจความหดหู่รันทดเกินไปสำหรับเด็ก และวรรคที่ว่า ‘ไฟป่าเผาไม่มอด ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก’ (野火烧不尽 春风吹又生) กลายเป็นอีกหนึ่งวลียอดนิยมจวบจนปัจจุบัน

    ดังนั้น สรุปสั้นๆ ได้ว่า บทกวีที่นางเอกกล่าวว่าสะท้อนถึงอุปนิสัยของพระเอกนั้น คือบ่งบอกถึงความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ เพื่อนเพจคิดว่าตรงไหมคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละคร
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.zdic.net/hans/%E8%B5%8B%E5%BE%97
    https://www.sohu.com/a/708520507_389451
    https://www.kekeshici.com/shicimingju/ticai/jingse/998.html
    https://baike.baidu.com/item/赋得古原草送别/2873148
    https://baike.baidu.com/item/招隐士/1905316

    #พสุธารักเคียงใจ #กวีถัง #ไป๋จวีอี #เล่อโหยวหยวน
    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้ว Storyฯ คุยถึงฉากหนึ่งใน <พสุธารักเคียงใจ> ที่พระนางนั่งเรือชมดาวกัน ความตอนที่แล้วเราคุยกันเรื่องบทกวีที่นางเอกกล่าวในฉากนี้ ซึ่งหลังจากนั้นพระเอกบอกว่ามีอีกบทกวีที่เขาชอบมากกว่า โดยนางเอกชิงท่องบทกวีดังกล่าวออกมาก่อน เป็นนัยว่าบทกวีบทนี้บ่งบอกความเป็นตัวตนของพระเอก เชื่อว่ามีเพื่อนเพจหลายคนที่คงงงเหมือนกับ Storyฯ ว่าเขาคุยอะไรกัน “หญ้าเขียวชอุ่มบนทุ่ง หนึ่งปีเหี่ยวเฉาสลับขึ้นใหม่ ไฟป่าเผาไม่มอด ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก” - บทแปลจากซับไทย <พสุธารักเคียงใจ> บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘ฟู่เต๋อกู่หยวนเฉ่าซ่งเปี๋ย’ (赋得古原草送别) โดยคำว่า ‘ฟู่เต๋อ’ นั้น เป็นการเรียกนำหน้าบทกวีที่แต่งเติมจากวลีหรือวรรคจากบทประพันธ์โบราณ ต่อมาใช้เป็นกติกาในการสอบขุนนางว่า หากจะเขียนบทกวีที่มียกวรรคมาจากบทประพันธ์โบราณให้ใช้คำนำหน้าชื่อบทกวีนั้นว่า ‘ฟู่เต๋อ’ ส่วนคำว่า ‘กู่หยวนเฉ่า’ นั้นแปลตรงตัวว่าทุ่งหญ้าโบราณ แต่ในบทกวีโบราณมักถูกใช้แทนคำเรียก ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นอุทยานบนเขาในนครฉางอันที่เราคุยกันไปในสัปดาห์ที่แล้ว และคำว่า ‘ซ่งเปี๋ย’ คือการอำลาหรือส่งคนเดินทางจากไป ดังนั้น ชื่อของบทกวีนี้แปลได้ใจความว่า ‘บทอำลาบนเล่อโหยวหยวน’ บทกวีนี้เป็นผลงานของกวีเอกและนักการเมืองชื่อดังในยุคช่วงปลายของราชวงศ์ถังคือ ไป๋จวีอี (ปีค.ศ. 772-846) จริงแล้วมีทั้งหมดแปดวรรค แต่ในซีรีส์กล่าวถึงเพียงสี่วรรค ซึ่งสี่วรรคหลังที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้น Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงว่า ปลายทางอันไกลโพ้น ทุ่งเขียวจรดเมืองอ้างว้าง ส่งลาราชนัดดาอีกครา ทุ่งขจีแฝงความอาดูร (หมายเหตุ คำว่า ‘ราชนัดดา’ นั้นในบทกวีโบราณอาจแปลได้เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอันสูงส่ง และในบริบทของบทกวีนี้มีการแปลไว้ว่าหมายถึงสหายสนิท) จะเห็นว่า บทกวีนี้แรกเริ่มสี่วรรคกล่าวถึงความงามของทุ่งหญ้าที่สะท้อนถึงความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่ในสี่วรรคหลัง ความงามนี้แปรเปลี่ยนเป็นความอ้างว้างเมื่อต้องอำลาจากกัน เมื่อมีชื่อนำหน้าว่า ‘ฟู่เต๋อ’ บทกวีนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการสอบขุนนางและมีวลีที่อ้างอิงมาจากบทกวีโบราณ... บทกวีนี้ไป๋จวีอีประพันธ์ขึ้นเมื่อครั้งเขาเข้าร่วมสอบขุนนางหลวง และบทกวีโบราณที่อ้างอิงนั้นคือบทกวีสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกมีชื่อว่า ‘จาวอิ่นซื่อ’ (招隐士) มีใจความชักจูงให้เหล่าเชื้อสายตระกูลสูงส่ง (คือความหมายของ ‘ราชนัดดา’ ในที่นี้) ที่หลบซ่อนกันอยู่นอกเมืองพากันกลับมารับใช้ราชสำนัก โดยวรรคที่ไป๋จวีอีอ้างอิงนั้นมาจากวรรคที่ว่า ‘ราชนัดดาเดินทางไปไม่กลับ หญ้าวสันต์งอกเงยเขียวขจี’ ที่ใช้ความงามของทุ่งหญ้าบ่งบอกความอ้างว้างหากเหล่าผู้มีการศึกษามีความสามารถต่างพากันทิ้งราชสำนักไป ปัจจุบันสี่วรรคแรกของบทกวีนี้ถูกนำมาใช้รวมในการเรียนการสอนชั้นประถมศึกษา เนื่องจากภาษาไพเราะและมีใจความเป็นแรงบันดาลใจให้ฟันฝ่าอุปสรรค แต่สี่วรรคหลังถูกละไว้ เนื่องจากใจความหดหู่รันทดเกินไปสำหรับเด็ก และวรรคที่ว่า ‘ไฟป่าเผาไม่มอด ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก’ (野火烧不尽 春风吹又生) กลายเป็นอีกหนึ่งวลียอดนิยมจวบจนปัจจุบัน ดังนั้น สรุปสั้นๆ ได้ว่า บทกวีที่นางเอกกล่าวว่าสะท้อนถึงอุปนิสัยของพระเอกนั้น คือบ่งบอกถึงความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ เพื่อนเพจคิดว่าตรงไหมคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละคร Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.zdic.net/hans/%E8%B5%8B%E5%BE%97 https://www.sohu.com/a/708520507_389451 https://www.kekeshici.com/shicimingju/ticai/jingse/998.html https://baike.baidu.com/item/赋得古原草送别/2873148 https://baike.baidu.com/item/招隐士/1905316 #พสุธารักเคียงใจ #กวีถัง #ไป๋จวีอี #เล่อโหยวหยวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง กว่า 32 กม. เชื่อม จ.แพร่ - จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้ว ยกระดับมาตรฐานทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสะดวกในทุกฤดู ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางรวม 32.457 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวจราจรกว้าง 5 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 126.100 ล้านบาท

    เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน เนื่องจากถนนเดิมได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝน ถูกน้ำป่าไหลหลากท่วมเส้นทาง ส่งผลให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์อุทยานเดินทางด้วยความยากลำบาก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000354

    #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท
    กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง กว่า 32 กม. เชื่อม จ.แพร่ - จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้ว ยกระดับมาตรฐานทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสะดวกในทุกฤดู ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางรวม 32.457 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวจราจรกว้าง 5 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 126.100 ล้านบาท • เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน เนื่องจากถนนเดิมได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝน ถูกน้ำป่าไหลหลากท่วมเส้นทาง ส่งผลให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์อุทยานเดินทางด้วยความยากลำบาก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000354 • #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงใหม่ – “ดอยอินทนนท์” คนแน่นเอี้ยด! นักท่องเที่ยวแห่ท้าหนาวไม่ขาดสาย ฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คาดตลอดทั้งวันอาจทะลุ 2 หมื่นคน ขณะที่อุณหภูมิต่ำสุด 6 องศาเซลเซียส ทั้งนี้อุทยานฯ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 250 นาย ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแนะเลือกใช้บริการรถรับจ้างท้องถิ่นในการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากมีความชำนาญเส้นทางขึ้นลงดอยมากกว่าและช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร

    รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้(31 ธ.ค.67) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี 2567 ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศกรท่องเที่ยวเป็นไปอย่างคึกคัก จากการที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติและสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยนักท่องเที่ยวได้พากันเดินทางมารอเข้าอุทยานฯ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเพื่อรอชมแสงแรกของพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวหลักกิโลเมตรที่ 42 กิ่วแม่ปาน จนทำให้การจราจรเป็นไปอย่างหนาแน่นและรถติดยาวเป็นช่วงๆ

    อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวต่างไม่ผิดหวังกับการได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามและอากาศหนาวเย็น โดยอุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้วัดได้ 6 องศาเซลเซียส ที่ยอดดอย และที่กิ่วแม่ปาน วัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 7 องศาเซลเซียส ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยว เมื่อวานนี้(30 ธ.ค.67) มีจำนวนทั้งสิ้น 15,280 คน แบ่งเป็น คนไทย 13,662 คน ชาวต่างชาติ 1,618 คน ยานพาหนะ 4,065 คัน โดยที่ในวันนี้(31 ธ.ค.67) คาดว่าตลอดทั้งวันน่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยไปกว่าวานนี้ และอาจจะมากถึง 20,000 คน จากการที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างพากันท่องเที่ยวเพื่อเป็นการพักผ่อนและเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000125319

    #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์
    เชียงใหม่ – “ดอยอินทนนท์” คนแน่นเอี้ยด! นักท่องเที่ยวแห่ท้าหนาวไม่ขาดสาย ฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คาดตลอดทั้งวันอาจทะลุ 2 หมื่นคน ขณะที่อุณหภูมิต่ำสุด 6 องศาเซลเซียส ทั้งนี้อุทยานฯ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ 250 นาย ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแนะเลือกใช้บริการรถรับจ้างท้องถิ่นในการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากมีความชำนาญเส้นทางขึ้นลงดอยมากกว่าและช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร • รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้(31 ธ.ค.67) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี 2567 ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศกรท่องเที่ยวเป็นไปอย่างคึกคัก จากการที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติและสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยนักท่องเที่ยวได้พากันเดินทางมารอเข้าอุทยานฯ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเพื่อรอชมแสงแรกของพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวหลักกิโลเมตรที่ 42 กิ่วแม่ปาน จนทำให้การจราจรเป็นไปอย่างหนาแน่นและรถติดยาวเป็นช่วงๆ • อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวต่างไม่ผิดหวังกับการได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามและอากาศหนาวเย็น โดยอุณหภูมิต่ำสุดเช้าวันนี้วัดได้ 6 องศาเซลเซียส ที่ยอดดอย และที่กิ่วแม่ปาน วัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 7 องศาเซลเซียส ขณะที่สถิตินักท่องเที่ยว เมื่อวานนี้(30 ธ.ค.67) มีจำนวนทั้งสิ้น 15,280 คน แบ่งเป็น คนไทย 13,662 คน ชาวต่างชาติ 1,618 คน ยานพาหนะ 4,065 คัน โดยที่ในวันนี้(31 ธ.ค.67) คาดว่าตลอดทั้งวันน่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยไปกว่าวานนี้ และอาจจะมากถึง 20,000 คน จากการที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างพากันท่องเที่ยวเพื่อเป็นการพักผ่อนและเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000125319 • #MGROnline #เชียงใหม่ #ดอยอินทนนท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • แสงแรกยามเช้า ที่ กิ่วแม่ปาน วนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สูงที่สุดแดยสยาม มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาขมวิวกันมากล้นหลามในปีนี้ ที่จอดรถทุกลานเต็ม ล้นลงมาตามถนนยาวหลายกิโลเมตร อัดแน่นยิ่งกว่างานกาชาด
    แสงแรกยามเช้า ที่ กิ่วแม่ปาน วนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สูงที่สุดแดยสยาม มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาขมวิวกันมากล้นหลามในปีนี้ ที่จอดรถทุกลานเต็ม ล้นลงมาตามถนนยาวหลายกิโลเมตร อัดแน่นยิ่งกว่างานกาชาด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts