• 'สุชาติ ชมกลิ่น' ลุยเขาใหญ่ สั่งกรมอุทยานฯ เร่งกำหนดแนวทางเยียวยา ปมสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ หลังหารือภาคธุรกิจ-กลุ่มอนุรักษ์
    https://www.thai-tai.tv/news/21775/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #เขาใหญ่ #สัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ #เยียวยาจิตอาสา #กรมอุทยานฯ #เครือข่ายความร่วมมือ #การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ #ช้างป่า

    'สุชาติ ชมกลิ่น' ลุยเขาใหญ่ สั่งกรมอุทยานฯ เร่งกำหนดแนวทางเยียวยา ปมสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ หลังหารือภาคธุรกิจ-กลุ่มอนุรักษ์ https://www.thai-tai.tv/news/21775/ . #สุชาติชมกลิ่น #เขาใหญ่ #สัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ #เยียวยาจิตอาสา #กรมอุทยานฯ #เครือข่ายความร่วมมือ #การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ #ช้างป่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง
    .
    เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม
    .
    โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง . เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม . โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ สิงคโปร์เตือน โลกเข้าสู่ยุค “ไร้เสถียรภาพ” ชี้ยุคการค้าเสรีสิ้นสุดแล้ว หลังสหรัฐทำลายระบบที่ตัวเองสร้าง  แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ .นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวทีโลก โดยระบุว่า ความสงบและเสถียรภาพที่โลกเคยรู้จักนั้น "จะไม่กลับมาในเร็ววันนี้" และสิงคโปร์ในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ เพื่อเผชิญกับยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์คลิปวีดีโอกล่าวถึงมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐว่า“พี่น้องชาวสิงคโปร์ทั้งหลาย ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้บางคนเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์นี้ แต่การประกาศวันปลดปล่อยของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบโลก ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ยึดตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกระทำตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และเป็นอันตรายมากขึ้น สหรัฐฯ เป็นรากฐานของเศรษฐกิจตลาดเสรีของโลกมานานหลายทศวรรษ สหรัฐฯ เป็นผู้นำการค้าเสรีและผลักดันความพยายามในการสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดโยงกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันผ่านการค้า ระบบ WTO นี้ทำให้โลกและสหรัฐฯ เองมีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดให้ชัดเจนก็คือ ระบบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบทั้งหมดที่ตนสร้างขึ้น แนวทางใหม่ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนประเทศต่อประเทศถือเป็นการปฏิเสธกรอบการทำงานขององค์การการค้าโลกอย่างสมบูรณ์ สหรัฐฯ ได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในฐานที่ต่ำที่สุด ด้วยอัตราภาษี 10%ดังนั้นผลกระทบโดยตรงต่อเราอาจจะจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ในตอนนี้ แต่จะมีผลกระทบในวงกว้างและลึกซึ้งกว่านั้นหากประเทศอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ละทิ้ง WTO และทำการค้าเฉพาะในประเทศที่มีเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่น สิงคโปร์ เราเสี่ยงต่อการถูกบีบให้ออก ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการตอบโต้จากทั่วโลกอย่างรุนแรงต่อภาษีของอเมริกา สิงคโปร์ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจไม่ใช้มาตรการควบคุมเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศอื่นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าเป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าแต่เราต้องตระหนักถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกนี้ สถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกระทำการโดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และใช้กำลังหรือความสุขเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการนี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกเราในปัจจุบัน เราจะเฝ้าระวัง เราจะสร้างศักยภาพของเรา เราจะเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ มากมาย ทั้งในด้านเงินทุนสำรอง ความสามัคคี และความมุ่งมั่น แต่เราต้องเตรียมรับมือกับความตกตะลึงที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตความสงบและเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักในอดีตจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้ เราไม่สามารถคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ที่ปกป้องรัฐเล็กๆ จะยังคงอยู่ต่อไปได้ ฉันแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพื่อให้เราทุกคนเตรียมใจไว้เพื่อที่เราจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง ความเสี่ยงเป็นเรื่องจริงและเดิมพันก็สูง เส้นทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายังคงแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียว สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดได้ในโลกที่วุ่นวายแห่งนี้”https://youtu.be/xOUbUxa3PVk?si=A1KGjvpj008UtF_b
    นายกฯ สิงคโปร์เตือน โลกเข้าสู่ยุค “ไร้เสถียรภาพ” ชี้ยุคการค้าเสรีสิ้นสุดแล้ว หลังสหรัฐทำลายระบบที่ตัวเองสร้าง  แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ .นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวทีโลก โดยระบุว่า ความสงบและเสถียรภาพที่โลกเคยรู้จักนั้น "จะไม่กลับมาในเร็ววันนี้" และสิงคโปร์ในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ เพื่อเผชิญกับยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์คลิปวีดีโอกล่าวถึงมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐว่า“พี่น้องชาวสิงคโปร์ทั้งหลาย ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้บางคนเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์นี้ แต่การประกาศวันปลดปล่อยของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบโลก ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ยึดตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกระทำตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และเป็นอันตรายมากขึ้น สหรัฐฯ เป็นรากฐานของเศรษฐกิจตลาดเสรีของโลกมานานหลายทศวรรษ สหรัฐฯ เป็นผู้นำการค้าเสรีและผลักดันความพยายามในการสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดโยงกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันผ่านการค้า ระบบ WTO นี้ทำให้โลกและสหรัฐฯ เองมีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดให้ชัดเจนก็คือ ระบบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบทั้งหมดที่ตนสร้างขึ้น แนวทางใหม่ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนประเทศต่อประเทศถือเป็นการปฏิเสธกรอบการทำงานขององค์การการค้าโลกอย่างสมบูรณ์ สหรัฐฯ ได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในฐานที่ต่ำที่สุด ด้วยอัตราภาษี 10%ดังนั้นผลกระทบโดยตรงต่อเราอาจจะจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ในตอนนี้ แต่จะมีผลกระทบในวงกว้างและลึกซึ้งกว่านั้นหากประเทศอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ละทิ้ง WTO และทำการค้าเฉพาะในประเทศที่มีเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่น สิงคโปร์ เราเสี่ยงต่อการถูกบีบให้ออก ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการตอบโต้จากทั่วโลกอย่างรุนแรงต่อภาษีของอเมริกา สิงคโปร์ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจไม่ใช้มาตรการควบคุมเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศอื่นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าเป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าแต่เราต้องตระหนักถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกนี้ สถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกระทำการโดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และใช้กำลังหรือความสุขเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการนี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกเราในปัจจุบัน เราจะเฝ้าระวัง เราจะสร้างศักยภาพของเรา เราจะเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ มากมาย ทั้งในด้านเงินทุนสำรอง ความสามัคคี และความมุ่งมั่น แต่เราต้องเตรียมรับมือกับความตกตะลึงที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตความสงบและเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักในอดีตจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้ เราไม่สามารถคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ที่ปกป้องรัฐเล็กๆ จะยังคงอยู่ต่อไปได้ ฉันแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพื่อให้เราทุกคนเตรียมใจไว้เพื่อที่เราจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง ความเสี่ยงเป็นเรื่องจริงและเดิมพันก็สูง เส้นทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายังคงแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียว สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดได้ในโลกที่วุ่นวายแห่งนี้”https://youtu.be/xOUbUxa3PVk?si=A1KGjvpj008UtF_b
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ NextGenAI ซึ่งเป็นการริเริ่มครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการศึกษาโดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) OpenAI กำลังทุ่มงบประมาณถึง 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษาและนักวิจัยชั้นนำ โดยมุ่งเน้นการมอบทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ทุนวิจัย, การเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผล, และ API ของโมเดล AI

    สิ่งที่น่าสนใจคือ NextGenAI ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการเดียว แต่เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง OpenAI และ 15 สถาบันวิจัย ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร อาทิเช่น Harvard University, Duke University, และ Boston Children’s Hospital โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้สถาบันเหล่านี้นำ AI ของ OpenAI มาใช้เพื่อพัฒนาผลงานการวิจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้

    NextGenAI มีการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย:
    - ด้านสุขภาพ: Harvard University และ Boston Children’s Hospital ใช้ AI ของ OpenAI เพื่อลดเวลาในการวินิจฉัยผู้ป่วย ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน
    - การจัดการความรู้: มหาวิทยาลัย Oxford และ Boston Public Library กำลังใช้ API ของ OpenAI เพื่อดิจิไทซ์หนังสือหายากและเอกสารในที่สาธารณะ ช่วยให้การเข้าถึงความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
    - การศึกษา: University of Mississippi กำลังสำรวจว่าการใช้ AI สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษา การวิจัย และการบริการได้อย่างไร

    โครงการนี้ยังมีเป้าหมายที่สำคัญเพื่อทำให้นักเรียนและนักวิจัยสามารถเรียนรู้การใช้ AI ได้อย่างคล่องแคล่ว (AI-fluent) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการยอมรับ AI ในวงกว้างและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต OpenAI มีเป้าหมายให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในทุกระดับ เช่นเดียวกับที่เคยทำกับโปรแกรม ChatGPT Edu ที่เปิดตัวในปี 2024 เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษา

    NextGenAI สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นจากสังคม หลังจากที่บริษัทเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้เนื้อหาสร้างรายได้อย่างไม่โปร่งใส การริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการศึกษาและการวิจัย แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกและเพิ่มการยอมรับในเทคโนโลยีของ OpenAI ในวงกว้าง

    https://www.techspot.com/news/107045-openai-launches-50m-nextgenai-consortium-fund-ai-based.html
    OpenAI ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ NextGenAI ซึ่งเป็นการริเริ่มครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนการวิจัยและการศึกษาโดยอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) OpenAI กำลังทุ่มงบประมาณถึง 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษาและนักวิจัยชั้นนำ โดยมุ่งเน้นการมอบทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ทุนวิจัย, การเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผล, และ API ของโมเดล AI สิ่งที่น่าสนใจคือ NextGenAI ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการเดียว แต่เป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง OpenAI และ 15 สถาบันวิจัย ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร อาทิเช่น Harvard University, Duke University, และ Boston Children’s Hospital โดยโครงการนี้เปิดโอกาสให้สถาบันเหล่านี้นำ AI ของ OpenAI มาใช้เพื่อพัฒนาผลงานการวิจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ NextGenAI มีการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย: - ด้านสุขภาพ: Harvard University และ Boston Children’s Hospital ใช้ AI ของ OpenAI เพื่อลดเวลาในการวินิจฉัยผู้ป่วย ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดขั้นตอนที่ซับซ้อน - การจัดการความรู้: มหาวิทยาลัย Oxford และ Boston Public Library กำลังใช้ API ของ OpenAI เพื่อดิจิไทซ์หนังสือหายากและเอกสารในที่สาธารณะ ช่วยให้การเข้าถึงความรู้ทางประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น - การศึกษา: University of Mississippi กำลังสำรวจว่าการใช้ AI สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษา การวิจัย และการบริการได้อย่างไร โครงการนี้ยังมีเป้าหมายที่สำคัญเพื่อทำให้นักเรียนและนักวิจัยสามารถเรียนรู้การใช้ AI ได้อย่างคล่องแคล่ว (AI-fluent) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการยอมรับ AI ในวงกว้างและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต OpenAI มีเป้าหมายให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในทุกระดับ เช่นเดียวกับที่เคยทำกับโปรแกรม ChatGPT Edu ที่เปิดตัวในปี 2024 เพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษา NextGenAI สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นจากสังคม หลังจากที่บริษัทเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้เนื้อหาสร้างรายได้อย่างไม่โปร่งใส การริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการศึกษาและการวิจัย แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกและเพิ่มการยอมรับในเทคโนโลยีของ OpenAI ในวงกว้าง https://www.techspot.com/news/107045-openai-launches-50m-nextgenai-consortium-fund-ai-based.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    OpenAI launches $50M NextGenAI consortium to fund AI-based research and education
    OpenAI recently announced NextGenAI, a new consortium aimed at advancing research and education through AI-driven innovation. The company is committing $50 million from its growing financial reserves...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 603 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    วิสัยทัศน์

    "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"

    เป้าหมายหลัก

    1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล


    2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่


    4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม




    ---

    มาตรการหลัก

    1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling)

    ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร

    สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม


    2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม

    ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

    ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง

    ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน

    ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น

    ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม

    จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่


    4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

    ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work

    กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers

    ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์



    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้
    รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
    แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ
    เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ


    ---

    "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิสัยทัศน์ "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" เป้าหมายหลัก 1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล 2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่ 4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม --- มาตรการหลัก 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling) ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม 2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่ 4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ --- "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1133 มุมมอง 0 รีวิว