• 33 ปี สิ้น “หมอบุญส่ง เลขะกุล” นักนิยมไพรไทย ผู้บุกเบิกอนุรักษ์ป่าและสัตว์ จุดกำเนิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

    📅 ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการอนุรักษ์ธรรมชาติไทย เพราะเป็นวันที่ น.พ.บุญส่ง เลขะกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอบุญส่ง” จากโลกนี้ไปด้วย โรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร แต่ถึงแม้ร่างกายจะล่วงลับไปแล้ว ผลงานและอุดมการณ์ของท่านยังคงอยู่ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ของการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทย

    หมอบุญส่งไม่ได้เป็นเพียง แพทย์ผู้รักษาผู้คน แต่ยังเป็นนักอนุรักษ์ นักเขียน นักถ่ายภาพ และจิตรกร ผู้เปี่ยมไปด้วย ความหลงใหลในธรรมชาติ ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้เกิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน 🌳🌿

    🔎 น.พ.บุญส่ง เลขะกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านถนนนคร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของพระบริรักษ์เวชกรรม (พิน เลขะกุล) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดสงขลา ทำให้หมอบุญส่ง เติบโตมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์

    📚 เส้นทางการศึกษา
    ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
    ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) กรุงเทพฯ
    ✅ ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2476)

    หลังจากเรียนจบแพทย์ หมอบุญส่งได้เข้าสู่วงการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เริ่มหลงใหลในธรรมชาติ เดินป่า สังเกตสัตว์ป่า และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการเป็นนักอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว

    🌿 จุดเริ่มต้นของการเป็นนักอนุรักษ์
    ช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488) การล่าสัตว์เพื่อกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ ไฟส่องสัตว์ และ อาวุธปืนทันสมัย ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่า ลดลงอย่างรวดเร็ว หมอบุญส่งเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ สัตว์ป่าของไทยจะสูญพันธุ์ จึงรวมตัวกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2496

    🏡 ศูนย์กลางของนิยมไพรสมาคม ตั้งอยู่ที่บ้านของหมอบุญส่งเอง (บ้านเลขที่ 4 ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ) ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ของผู้สนใจธรรมชาติ นักอนุรักษ์ และนักวิจัยทางด้านสัตว์ป่า

    📖 เป้าหมายของนิยมไพรสมาคม ได้แก่
    ✅ การให้ความรู้ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์
    ✅ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า
    ✅ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า
    ✅ การจัดทำ นิตยสารนิยมไพร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่า

    หมอบุญส่งยังได้เดินป่า และเขียนหนังสือสารคดี เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลายเล่ม เช่น
    📗 สัตว์ป่าเมืองไทย
    📘 วัวแดง
    📕 แรดไทย
    📗 ช้างไทย

    รวมถึงนวนิยายเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยถูกคัดเลือก เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับนักเรียน และได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 หนังสือดี ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน

    ⚖️ ผลักดันกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า
    หมอบุญส่งไม่ได้เพียงแค่เขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ความรู้ แต่ยังลงมือผลักดันให้เกิด กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

    📜 ในปี พ.ศ. 2502 หมอบุญส่ง และคณะนิยมไพรสมาคม ได้เข้าพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอให้มี มาตรการคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า

    🎯 ผลที่ได้คือการออก พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศ อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น
    🌳 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (พ.ศ. 2505) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย
    🌲 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ (พ.ศ. 2508) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย

    👑 พระมหากรุณาธิคุณ และการยกย่องเชิดชูเกียรติ
    ในปี พ.ศ. 2526 หมอบุญส่งได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ ก่อตั้ง "มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

    ต่อมา ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดงาน "100 ปี หมอบุญส่ง เลขะกุล" ณ สยามสมาคม เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และผลงานที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศ

    🎗️ แม้วันนี้ "หมอบุญส่ง เลขะกุล" จะจากโลกนี้ไปครบ 33 ปี แล้วก็ตาม แต่มรดกแห่งการอนุรักษ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
    ✅ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ
    ✅ อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามากมาย
    ✅ หนังสือและบทความที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์
    ✅ แรงบันดาลใจให้กับนักอนุรักษ์รุ่นใหม่

    💚 "ธรรมชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของลูกหลานทุกคนในอนาคต" หมอบุญส่ง เลขะกุล 🌏

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091504 ก.พ. 2568

    📌 #หมอบุญส่งเลขะกุล #อนุรักษ์สัตว์ป่า #ป่าไม้ไทย #นักนิยมไพร #อนุรักษ์ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #ป่าต้องรอด #มรดกทางธรรมชาติ #33ปีหมอบุญส่ง #ธรรมชาติเพื่ออนาคต
    33 ปี สิ้น “หมอบุญส่ง เลขะกุล” นักนิยมไพรไทย ผู้บุกเบิกอนุรักษ์ป่าและสัตว์ จุดกำเนิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 📅 ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถือเป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการอนุรักษ์ธรรมชาติไทย เพราะเป็นวันที่ น.พ.บุญส่ง เลขะกุล หรือที่รู้จักกันในนาม “หมอบุญส่ง” จากโลกนี้ไปด้วย โรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 85 ปี ณ โรงพยาบาลมเหสักข์ กรุงเทพมหานคร แต่ถึงแม้ร่างกายจะล่วงลับไปแล้ว ผลงานและอุดมการณ์ของท่านยังคงอยู่ และกลายเป็นรากฐานสำคัญ ของการอนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่าของไทย หมอบุญส่งไม่ได้เป็นเพียง แพทย์ผู้รักษาผู้คน แต่ยังเป็นนักอนุรักษ์ นักเขียน นักถ่ายภาพ และจิตรกร ผู้เปี่ยมไปด้วย ความหลงใหลในธรรมชาติ ความมุ่งมั่นเป็นแรงผลักดันให้เกิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน 🌳🌿 🔎 น.พ.บุญส่ง เลขะกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2467 ที่บ้านถนนนคร ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของพระบริรักษ์เวชกรรม (พิน เลขะกุล) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดสงขลา ทำให้หมอบุญส่ง เติบโตมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ 📚 เส้นทางการศึกษา ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ✅ มัธยมศึกษาปีที่ 8 โรงเรียนเบญจมบพิตร (ปัจจุบันคือ โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร) กรุงเทพฯ ✅ ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2476) หลังจากเรียนจบแพทย์ หมอบุญส่งได้เข้าสู่วงการแพทย์ แต่ขณะเดียวกัน ท่านก็เริ่มหลงใหลในธรรมชาติ เดินป่า สังเกตสัตว์ป่า และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ต่างๆ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการเป็นนักอนุรักษ์ อย่างเต็มตัว 🌿 จุดเริ่มต้นของการเป็นนักอนุรักษ์ ช่วงหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484 - 2488) การล่าสัตว์เพื่อกีฬา ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ ไฟส่องสัตว์ และ อาวุธปืนทันสมัย ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่า ลดลงอย่างรวดเร็ว หมอบุญส่งเห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ สัตว์ป่าของไทยจะสูญพันธุ์ จึงรวมตัวกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อตั้ง "นิยมไพรสมาคม" ขึ้นในปี พ.ศ. 2496 🏡 ศูนย์กลางของนิยมไพรสมาคม ตั้งอยู่ที่บ้านของหมอบุญส่งเอง (บ้านเลขที่ 4 ตรอกโรงภาษีเก่า ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ) ซึ่งกลายเป็นแหล่งรวม ของผู้สนใจธรรมชาติ นักอนุรักษ์ และนักวิจัยทางด้านสัตว์ป่า 📖 เป้าหมายของนิยมไพรสมาคม ได้แก่ ✅ การให้ความรู้ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ✅ การศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า ✅ การผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ✅ การจัดทำ นิตยสารนิยมไพร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่า หมอบุญส่งยังได้เดินป่า และเขียนหนังสือสารคดี เกี่ยวกับสัตว์ป่าหลายเล่ม เช่น 📗 สัตว์ป่าเมืองไทย 📘 วัวแดง 📕 แรดไทย 📗 ช้างไทย รวมถึงนวนิยายเกี่ยวกับสัตว์ป่า ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ "ชีวิตฉันลูกกระทิง" ซึ่งเคยถูกคัดเลือก เป็น หนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับนักเรียน และได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 หนังสือดี ที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน ⚖️ ผลักดันกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่า หมอบุญส่งไม่ได้เพียงแค่เขียนหนังสือ หรือเผยแพร่ความรู้ แต่ยังลงมือผลักดันให้เกิด กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย 📜 ในปี พ.ศ. 2502 หมอบุญส่ง และคณะนิยมไพรสมาคม ได้เข้าพบจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เพื่อยื่นข้อเสนอให้มี มาตรการคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า 🎯 ผลที่ได้คือการออก พระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ ที่นำไปสู่การประกาศ อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น 🌳 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (พ.ศ. 2505) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไทย 🌲 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ (พ.ศ. 2508) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย 👑 พระมหากรุณาธิคุณ และการยกย่องเชิดชูเกียรติ ในปี พ.ศ. 2526 หมอบุญส่งได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ ก่อตั้ง "มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่า และพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ต่อมา ในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดงาน "100 ปี หมอบุญส่ง เลขะกุล" ณ สยามสมาคม เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และผลงานที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศ 🎗️ แม้วันนี้ "หมอบุญส่ง เลขะกุล" จะจากโลกนี้ไปครบ 33 ปี แล้วก็ตาม แต่มรดกแห่งการอนุรักษ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ✅ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ ✅ อุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามากมาย ✅ หนังสือและบทความที่ช่วยปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ ✅ แรงบันดาลใจให้กับนักอนุรักษ์รุ่นใหม่ 💚 "ธรรมชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของลูกหลานทุกคนในอนาคต" หมอบุญส่ง เลขะกุล 🌏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091504 ก.พ. 2568 📌 #หมอบุญส่งเลขะกุล #อนุรักษ์สัตว์ป่า #ป่าไม้ไทย #นักนิยมไพร #อนุรักษ์ธรรมชาติ #สัตว์ป่า #ป่าต้องรอด #มรดกทางธรรมชาติ #33ปีหมอบุญส่ง #ธรรมชาติเพื่ออนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางขึ้น เขาเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่เขียวฉอุ่มโอบล้อมไปด้วยหมอกขาว เย็นสดชื่น มันก็สามารถทำให้ความเครียดจากการทำงานลดลงได้ ความเงียบสงบของป่า ทำให้เรามีเวลากับตัวเองมากขึ้น มีสมาธิกับสื่งที่เราโฟกัสมากขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น มาสูด OZONE ที่นี่ให้เต็มปอด แล้วกลับไปสู้กับโลกปัจจุบันกันต่อ💪💪💪
    ทางขึ้น เขาเขียว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่เขียวฉอุ่มโอบล้อมไปด้วยหมอกขาว เย็นสดชื่น มันก็สามารถทำให้ความเครียดจากการทำงานลดลงได้ ความเงียบสงบของป่า ทำให้เรามีเวลากับตัวเองมากขึ้น มีสมาธิกับสื่งที่เราโฟกัสมากขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น มาสูด OZONE ที่นี่ให้เต็มปอด แล้วกลับไปสู้กับโลกปัจจุบันกันต่อ💪💪💪
    Love
    Like
    Wow
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 165 0 รีวิว
  • 5.สิ่งที่ดีที่สุด..ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

    “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ประกอบด้วย สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นพื้นที่ผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ หายาก และใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด รวมถึงนกมากกว่า 280 ชนิด จึงทำให้เป็นที่นิยมของนักดูนกจากทั่วโลก

    นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของไทย ยังมีความสำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก คือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) และ มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site)

    และที่สำคัญยิ่งใกล้ช่วงสิ้นปี หรือประมาณปลายฝนต้นหนาว
    หรือช่วงเดือนปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเป็นฤดูการท่องเที่ยว ของบรรดาผู้ที่หลงไหลในการเดินป่า
    และธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แห่งนี้นี่เอง.😊

    วันนี้เพจเทพชวนเที่ยว จึงขอยก 5. สิ่งที่ดีที่สุด ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาให้รับชมกันจ้า

    1.ได้สัมผัสธรรมชาติและสัตว์ป่าตามธรรมชาติ ที่ไม่ใช่สวนสัตว์อย่างใกล้ชิด🥰
    อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าหลายชนิดสัตว์ที่พบเห็นได้บ่อยและเป็นที่ดึงดูดใจผู้มาเยือน ได้แก่ ช้างป่า กระทิง หมาใน เก้ง กวางป่า ชะนี นกเงือก และลิงกัง

    2.น้ำตกเหวสุวัติ น้ำตกสวยงาม ชุ่มช่ำหัวใจ😘
    ยิ่งช่วงนี้ฝนตก น้ำตกยิ่งสวยงาม น้ำตกเหวสุวัต อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกเหวสุวัตที่มาของชื่อเหวสุวัตินั้น ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีโจรคนหนึ่ง ชื่อสุวัติ หนีอาญาบ้านเมืองมาที่น้ำตกแห่งนี้ และเมื่อจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ ก็ตัดสินจบชีวิตตัวเองลงที่น้ำตกแห่งนี้

    3.เสน่ห์อีกอย่างของการมาเที่ยวเขาใหญ่ คือการได้เข้าไปเยือนจุดชมวิวบนหน้าผาที่สวยที่สุดบนเขาใหญ่ นั่นคือ "ผาเดียวดาย" นั่นเองครับ ยิ่งถ้าคุณขึ้นมานอนค้างอ้างแรมที่จุดกางเต็นท์บนเขาใหญ่ล่ะก็ เท่ากับว่าจะได้โอกาสขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาเดียวดายด้วย ตำนาน เรื่องเล่าของผาเดียวดาย เล่าเรื่องของผาเดียวดายสักนิด ที่มาของชื่อผานั้นมีอยู่ว่า นานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งรักใคร่ชอบพอกับชายหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ แต่เนื่องจากทางบ้านของฝ่ายชายไม่ยอมรับเธอ ทั้งคู่จึงต้องแอบคบหากัน กระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เลยคิดจะหนีไปด้วยกันโดยตกลงจะมาพบกันที่ปลายผาที่ซึ่งทั้งสองนัดพบกันบ่อยๆ แต่พอถึงวันนัดชายหนุ่มกลับไม่มา เธอจึงท้อแท้ในชีวิตรัก สุดท้ายจึงกระโดดลงสู่ก้นเหวนั่นเอง😢

    4.ทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่ ป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่ตั้งอยู่ภายในอุยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่ตรงบริเวณหอดูสัตว์หนองผักชี และเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ถือว่าเป็นจุดพักผ่อนชมวิวมุมสูง พร้อมทุ่งหญ้าสะวันนาไกลสุดตา
    ก่อนหน้านี้มี ปรากฏการณ์ “ทุ่งหญ้าฟีเวอร์” ทำเขาใหญ่แทบแตก หลังนักท่องเที่ยวแห่เช็กอินแน่น ขณะที่นักท่องเที่ยวไร้สำนึกจำนวนหนึ่งไม่สนกฎระเบียบ ลงไปเดินใน “โป่งสัตว์” ทั้งที่มีป้ายห้าม จนเกิดเป็นดราม่าให้คอมเม้นต์กันสนั่นบนโลกโซเชียล
    ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงต้นฤดูฝนของบ้านเรา สำหรับวิวทิวทัศน์ของ “ทุ่งหญ้าเขาใหญ่” หรือ “ทุ่งหญ้าคาที่เขาใหญ่” ซึ่งหลังสายฝนโปรยสายท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่หลาย ๆ จุดในพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จะเติบโตเขียวขจี ก่อนจะออกดอกสีขาวโพลน ยามต้องสายลมจะโบกพลิ้วไสวดูโรแมนติก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปถ่ายรูปจุดเช็กอินกันเป็นจำนวนมาก

    5. น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งจังหวัดนครนายก จากความสูงในแต่ละชั้นที่ไม่ต่ำกว่า 50 เมตรนั้น ก็พอจะดูออกว่าความสูงโดยรวมของน้ำตกแห่งนี้จะต้องไม่ต่ำกว่า 150 เมตรอย่างแน่นอน ส่วนที่มาของชื่อ น้ำตกเหวนรก มาจากลักษณะของมวลน้ำมหาศาลที่ตกลงมาจากผาสูงปรี๊ด ซ่อนตัวอยู่ในหุบเหว ดูลึกลับซับซ้อน และหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปชมความงามของน้ำตกแห่ง
    การเดินทางเพื่อเข้าไปชม น้ำตกเหวนรก ในปัจจุบันนั้นสะดวกขึ้นมาก เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน ทุกคนจะต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อเข้าไปยังตัวน้ำตกถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่หลังจากที่มีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่ พวกเราก็สามารถขับรถไปจอดใกล้ตัวน้ำตกได้มากขึ้น เพียงเดินจากลานจอดรถไปแค่ 1 กิโลเมตรก็ถึงตัวน้ำตกแล้ว

    และนี่ก็เป็นสิ่งที่นักเที่ยวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและน่ามาชมให้เห็นกับตา🥰
    เพื่อนๆท่านใดอยากให้เพจ เทพชวนเที่ยว หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ใดมานำเสนอ คอมเม้นไว้ได้เลย
    ทีมงานจะจัดมาให้อีก อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ กันด้วยนะจ๊ะ! ขอบคุณคร้าบ😍
    #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
    #ผาเดียวดาย
    #น้ำตกเหวสุวัต
    #น้ำตกเหวนรก
    #ทุ่งหญ้าเขาใหญ่

    5.สิ่งที่ดีที่สุด..ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ประกอบด้วย สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นพื้นที่ผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีต ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ หายาก และใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด รวมถึงนกมากกว่า 280 ชนิด จึงทำให้เป็นที่นิยมของนักดูนกจากทั่วโลก นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของไทย ยังมีความสำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก คือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) และ มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) และที่สำคัญยิ่งใกล้ช่วงสิ้นปี หรือประมาณปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงเดือนปลายเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเป็นฤดูการท่องเที่ยว ของบรรดาผู้ที่หลงไหลในการเดินป่า และธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ของ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แห่งนี้นี่เอง.😊 วันนี้เพจเทพชวนเที่ยว จึงขอยก 5. สิ่งที่ดีที่สุด ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาให้รับชมกันจ้า 1.ได้สัมผัสธรรมชาติและสัตว์ป่าตามธรรมชาติ ที่ไม่ใช่สวนสัตว์อย่างใกล้ชิด🥰 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าหลายชนิดสัตว์ที่พบเห็นได้บ่อยและเป็นที่ดึงดูดใจผู้มาเยือน ได้แก่ ช้างป่า กระทิง หมาใน เก้ง กวางป่า ชะนี นกเงือก และลิงกัง 2.น้ำตกเหวสุวัติ น้ำตกสวยงาม ชุ่มช่ำหัวใจ😘 ยิ่งช่วงนี้ฝนตก น้ำตกยิ่งสวยงาม น้ำตกเหวสุวัต อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกเหวสุวัตที่มาของชื่อเหวสุวัตินั้น ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีโจรคนหนึ่ง ชื่อสุวัติ หนีอาญาบ้านเมืองมาที่น้ำตกแห่งนี้ และเมื่อจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ ก็ตัดสินจบชีวิตตัวเองลงที่น้ำตกแห่งนี้ 3.เสน่ห์อีกอย่างของการมาเที่ยวเขาใหญ่ คือการได้เข้าไปเยือนจุดชมวิวบนหน้าผาที่สวยที่สุดบนเขาใหญ่ นั่นคือ "ผาเดียวดาย" นั่นเองครับ ยิ่งถ้าคุณขึ้นมานอนค้างอ้างแรมที่จุดกางเต็นท์บนเขาใหญ่ล่ะก็ เท่ากับว่าจะได้โอกาสขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาเดียวดายด้วย ตำนาน เรื่องเล่าของผาเดียวดาย เล่าเรื่องของผาเดียวดายสักนิด ที่มาของชื่อผานั้นมีอยู่ว่า นานมาแล้วมีหญิงสาวคนหนึ่งรักใคร่ชอบพอกับชายหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ แต่เนื่องจากทางบ้านของฝ่ายชายไม่ยอมรับเธอ ทั้งคู่จึงต้องแอบคบหากัน กระทั่งวันหนึ่งฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เลยคิดจะหนีไปด้วยกันโดยตกลงจะมาพบกันที่ปลายผาที่ซึ่งทั้งสองนัดพบกันบ่อยๆ แต่พอถึงวันนัดชายหนุ่มกลับไม่มา เธอจึงท้อแท้ในชีวิตรัก สุดท้ายจึงกระโดดลงสู่ก้นเหวนั่นเอง😢 4.ทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่ ป็นหนึ่งในที่เที่ยวที่ตั้งอยู่ภายในอุยานแห่งชาติเขาใหญ่ อยู่ตรงบริเวณหอดูสัตว์หนองผักชี และเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ถือว่าเป็นจุดพักผ่อนชมวิวมุมสูง พร้อมทุ่งหญ้าสะวันนาไกลสุดตา ก่อนหน้านี้มี ปรากฏการณ์ “ทุ่งหญ้าฟีเวอร์” ทำเขาใหญ่แทบแตก หลังนักท่องเที่ยวแห่เช็กอินแน่น ขณะที่นักท่องเที่ยวไร้สำนึกจำนวนหนึ่งไม่สนกฎระเบียบ ลงไปเดินใน “โป่งสัตว์” ทั้งที่มีป้ายห้าม จนเกิดเป็นดราม่าให้คอมเม้นต์กันสนั่นบนโลกโซเชียล ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงต้นฤดูฝนของบ้านเรา สำหรับวิวทิวทัศน์ของ “ทุ่งหญ้าเขาใหญ่” หรือ “ทุ่งหญ้าคาที่เขาใหญ่” ซึ่งหลังสายฝนโปรยสายท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่หลาย ๆ จุดในพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จะเติบโตเขียวขจี ก่อนจะออกดอกสีขาวโพลน ยามต้องสายลมจะโบกพลิ้วไสวดูโรแมนติก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปถ่ายรูปจุดเช็กอินกันเป็นจำนวนมาก 5. น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งจังหวัดนครนายก จากความสูงในแต่ละชั้นที่ไม่ต่ำกว่า 50 เมตรนั้น ก็พอจะดูออกว่าความสูงโดยรวมของน้ำตกแห่งนี้จะต้องไม่ต่ำกว่า 150 เมตรอย่างแน่นอน ส่วนที่มาของชื่อ น้ำตกเหวนรก มาจากลักษณะของมวลน้ำมหาศาลที่ตกลงมาจากผาสูงปรี๊ด ซ่อนตัวอยู่ในหุบเหว ดูลึกลับซับซ้อน และหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนอยากเข้าไปชมความงามของน้ำตกแห่ง การเดินทางเพื่อเข้าไปชม น้ำตกเหวนรก ในปัจจุบันนั้นสะดวกขึ้นมาก เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน ทุกคนจะต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อเข้าไปยังตัวน้ำตกถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่หลังจากที่มีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่ พวกเราก็สามารถขับรถไปจอดใกล้ตัวน้ำตกได้มากขึ้น เพียงเดินจากลานจอดรถไปแค่ 1 กิโลเมตรก็ถึงตัวน้ำตกแล้ว และนี่ก็เป็นสิ่งที่นักเที่ยวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและน่ามาชมให้เห็นกับตา🥰 เพื่อนๆท่านใดอยากให้เพจ เทพชวนเที่ยว หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ใดมานำเสนอ คอมเม้นไว้ได้เลย ทีมงานจะจัดมาให้อีก อย่าลืมกดไลค์กดแชร์ กันด้วยนะจ๊ะ! ขอบคุณคร้าบ😍 #อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ #ผาเดียวดาย #น้ำตกเหวสุวัต #น้ำตกเหวนรก #ทุ่งหญ้าเขาใหญ่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1195 มุมมอง 0 รีวิว