• ย้อนถามปมอัลไพน์! "ศุภชัย" จี้ "ภูมิธรรม" ทำไมไม่เร่งรัดคดีที่ดินอัลไพน์ แต่กลับเร่งรัดคดีเขากระโดงที่คดียังไม่สิ้นสุด
    https://www.thai-tai.tv/news/20700/
    .
    #ไทยไท #ศุภชัยใจสมุทร #เขากระโดง #ภูมิธรรมเวชยชัย #พรรคภูมิใจไทย #การเมืองไทย #ที่ดินเขากระโดง #อธิบดีกรมที่ดิน #คัดค้าน
    ย้อนถามปมอัลไพน์! "ศุภชัย" จี้ "ภูมิธรรม" ทำไมไม่เร่งรัดคดีที่ดินอัลไพน์ แต่กลับเร่งรัดคดีเขากระโดงที่คดียังไม่สิ้นสุด https://www.thai-tai.tv/news/20700/ . #ไทยไท #ศุภชัยใจสมุทร #เขากระโดง #ภูมิธรรมเวชยชัย #พรรคภูมิใจไทย #การเมืองไทย #ที่ดินเขากระโดง #อธิบดีกรมที่ดิน #คัดค้าน
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • "เดชอิศม์" ลั่น! เดินหน้าสอบที่ดิน "เขากระโดง-อัลไพน์" ยันทำตามกฎหมาย ไม่สนการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/20283/
    .
    #เดชอิศม์ #กระทรวงมหาดไทย #ที่ดินเขากระโดง #ที่ดินอัลไพน์ #การรถไฟแห่งประเทศไทย #แก้ปัญหาที่ดิน #กฎหมาย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    "เดชอิศม์" ลั่น! เดินหน้าสอบที่ดิน "เขากระโดง-อัลไพน์" ยันทำตามกฎหมาย ไม่สนการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/20283/ . #เดชอิศม์ #กระทรวงมหาดไทย #ที่ดินเขากระโดง #ที่ดินอัลไพน์ #การรถไฟแห่งประเทศไทย #แก้ปัญหาที่ดิน #กฎหมาย #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง
    0 Comments 0 Shares 312 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68

    “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า

    เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ

    โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด

    นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย”

    จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น”

    ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป

    เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น

    จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ

    พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน

    เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย

    ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“

    พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ

    นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย

    พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time

    “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว

    พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน

    “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว

    ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม

    นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น

    นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่

    หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา

    สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น

    นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร

    ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก”

    ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน

    หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“

    สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน

    อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป

    ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ
    ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง

    ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก

    เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก

    เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้

    เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ

    เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง

    เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน

    เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว

    เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน

    เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด

    ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน

    ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า

    “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return”

    เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า

    เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด

    ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68 “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย” จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น” ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“ พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่ หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก” ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“ สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้ เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return” เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    0 Comments 0 Shares 1646 Views 0 Reviews
  • "ภูมิธรรม" ขอใช้ความกล้าหาญสางปมที่ดินเขากระโดง-อัลไพน์ จ่อจัดทัพขุนพลมหาดไทยใหม่ให้เหมาะสมกับงาน ตั้งเป้าปราบยาเสพติดอันดับแรก เรือดำน้ำส่อยื้อแม้เซ็นไปแล้วแต่เปลี่ยน ครม. ต้องส่งเรื่องกลับกลาโหม ให้ รมต.ใหม่พิจารณา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062837

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "ภูมิธรรม" ขอใช้ความกล้าหาญสางปมที่ดินเขากระโดง-อัลไพน์ จ่อจัดทัพขุนพลมหาดไทยใหม่ให้เหมาะสมกับงาน ตั้งเป้าปราบยาเสพติดอันดับแรก เรือดำน้ำส่อยื้อแม้เซ็นไปแล้วแต่เปลี่ยน ครม. ต้องส่งเรื่องกลับกลาโหม ให้ รมต.ใหม่พิจารณา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062837 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 845 Views 0 Reviews
  • ไม่ยอม! บ.อัลไพน์ฯ ฟ้องกราวรูด ก.มหาดไทย อธิบดี เพิกถอนคำสั่งยึดโฉนดสนามกอล์ฟ
    https://www.thai-tai.tv/news/19282/
    ไม่ยอม! บ.อัลไพน์ฯ ฟ้องกราวรูด ก.มหาดไทย อธิบดี เพิกถอนคำสั่งยึดโฉนดสนามกอล์ฟ https://www.thai-tai.tv/news/19282/
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • 27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน)

    มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง
    โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท

    เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า

    ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว

    เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า

    ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้

    การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%
    แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%

    วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย

    ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน
    จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่

    น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว
    “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..”

    คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร

    อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่

    หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่?

    ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่

    ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ

    ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว

    หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย
    เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้ ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน) มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้ การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..” คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่ หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่? ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 1301 Views 0 Reviews
  • "อนุทิน" ยัน "นายกฯ" ไม่มีสั่งการ แทรกแซง ชี้เพิกถอน "ที่อัลไพน์-เขากระโดง" ไม่เกี่ยวกัน ให้กำลังใจ "แพทองธาร สู้ๆนะ"
    https://www.thai-tai.tv/news/17795/
    "อนุทิน" ยัน "นายกฯ" ไม่มีสั่งการ แทรกแซง ชี้เพิกถอน "ที่อัลไพน์-เขากระโดง" ไม่เกี่ยวกัน ให้กำลังใจ "แพทองธาร สู้ๆนะ" https://www.thai-tai.tv/news/17795/
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
  • “จุลพงษ์” ซัด “นายกฯ” สมคบคิดคนในครอบครัวใช้อำนาจหวังฮุบที่ดินอัลไพน์ เล่นละครแบ่งผลประโยชน์ “ภท.”
    https://www.thai-tai.tv/news/17790/
    “จุลพงษ์” ซัด “นายกฯ” สมคบคิดคนในครอบครัวใช้อำนาจหวังฮุบที่ดินอัลไพน์ เล่นละครแบ่งผลประโยชน์ “ภท.” https://www.thai-tai.tv/news/17790/
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • กรมที่ดิน โต้ทันควันยืนยัน "แพทองธาร" ไม่ได้แทรกแซงเพิกถอนที่ดินธรณีสงฆ์ ปมถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ป้องดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ

    วันนี้ (24 มี.ค. 68) หลังจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายไม่วางไว้ใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยหนึ่งในประเด็นที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นประเด็น นายกฯ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ยังไม่นับการถือหุ้นอัลไพน์กอล์ฟ ทั้งที่รู้ว่าเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ไม่ควรแสวงประโยชน์ในทางที่ผิด นอกจากนั้น ปล่อยปละให้บุคคลในครอบครัวมากระทำให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่

    ล่าสุด กรมที่ดิน ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดิน ในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจง! นายกฯ ไม่ได้แทรกแซงเกี่ยวกับการเพิกถอนที่ดินธรณีสงฆ์ตามที่มีการอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการถือหุ้นของนายกรัฐมนตรีในบริษัท อัลไพน์ฯ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นการขาดความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากมีการถือครองที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์นั้น กรมที่ดินขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

    “การถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ นายกรัฐมนตรีได้รับโอนหุ้นของบริษัท อัลไพน์ฯ มาจากผู้ถือหุ้นเดิมก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยการโอนดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใดซึ่งสถานะทางกฎหมายของที่ดิน ณ ขณะนั้นเมื่อมีการรับโอนหุ้นดังกล่าว สถานะของที่ดินที่เป็นประเด็นยังไม่ถูกเพิกถอน และยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย การเพิกถอนที่ดินให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์หลังจากนายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง มิได้มีการสั่งการหรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการแทรกแซงหรือชะลอการเพิกถอนที่ดินดังกล่าว ตรงกันข้าม กระบวนการเพิกถอนที่ดินให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้การดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ”

    #MGROnline #กรมที่ดิน
    กรมที่ดิน โต้ทันควันยืนยัน "แพทองธาร" ไม่ได้แทรกแซงเพิกถอนที่ดินธรณีสงฆ์ ปมถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ ป้องดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ • วันนี้ (24 มี.ค. 68) หลังจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายไม่วางไว้ใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยหนึ่งในประเด็นที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นประเด็น นายกฯ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ยังไม่นับการถือหุ้นอัลไพน์กอล์ฟ ทั้งที่รู้ว่าเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ ไม่ควรแสวงประโยชน์ในทางที่ผิด นอกจากนั้น ปล่อยปละให้บุคคลในครอบครัวมากระทำให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ • ล่าสุด กรมที่ดิน ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดิน ในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจง! นายกฯ ไม่ได้แทรกแซงเกี่ยวกับการเพิกถอนที่ดินธรณีสงฆ์ตามที่มีการอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการถือหุ้นของนายกรัฐมนตรีในบริษัท อัลไพน์ฯ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นการขาดความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากมีการถือครองที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์นั้น กรมที่ดินขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้ • “การถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ นายกรัฐมนตรีได้รับโอนหุ้นของบริษัท อัลไพน์ฯ มาจากผู้ถือหุ้นเดิมก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยการโอนดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใดซึ่งสถานะทางกฎหมายของที่ดิน ณ ขณะนั้นเมื่อมีการรับโอนหุ้นดังกล่าว สถานะของที่ดินที่เป็นประเด็นยังไม่ถูกเพิกถอน และยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย การเพิกถอนที่ดินให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์หลังจากนายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง มิได้มีการสั่งการหรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการแทรกแซงหรือชะลอการเพิกถอนที่ดินดังกล่าว ตรงกันข้าม กระบวนการเพิกถอนที่ดินให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้การดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ” • #MGROnline #กรมที่ดิน
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 1102 Views 0 Reviews
  • นายกฯ ลุกแจงข้อหาหลบเลี่ยงภาษี-โอนหนี้-ที่ดินอัลไพน์ ยันตั๋วพีเอ็นติดอากรแสตมป์ถูกต้อง ยังไม่เสียภาษีเพราะยังยังไม่ชำระเงิน ครอบครัวซื้อที่ดินมีโฉนดออกโดยรัฐทุกแปลง ลั่นทรัพย์สินของครอบครัวถูกตรวจสอบเข้มตั้งแต่โดนปฏิวัติปี 49 เหน็บแม้อายุน้อยแต่จ่ายภาษีมากกว่าคนอภิปรายแน่นอน ซัดคนมีวุฒิภาวะไม่ควรพูดสร้างความเกลียดชังทำแตกแยก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028043
    นายกฯ ลุกแจงข้อหาหลบเลี่ยงภาษี-โอนหนี้-ที่ดินอัลไพน์ ยันตั๋วพีเอ็นติดอากรแสตมป์ถูกต้อง ยังไม่เสียภาษีเพราะยังยังไม่ชำระเงิน ครอบครัวซื้อที่ดินมีโฉนดออกโดยรัฐทุกแปลง ลั่นทรัพย์สินของครอบครัวถูกตรวจสอบเข้มตั้งแต่โดนปฏิวัติปี 49 เหน็บแม้อายุน้อยแต่จ่ายภาษีมากกว่าคนอภิปรายแน่นอน ซัดคนมีวุฒิภาวะไม่ควรพูดสร้างความเกลียดชังทำแตกแยก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028043
    Angry
    Haha
    3
    2 Comments 0 Shares 914 Views 0 Reviews
  • ♣ คุยกันจังเรื่องผลประโยชน์
    คุยเรื่องปัญหาประชาชน X
    คุยเรื่องรับมืออภิปรายX
    คุยเรื่องอัลไพน์ เขากระโดง✓
    คุยเรื่องกาสิโน pนันออนไลน์✓
    #7ดอกจิก
    ♣ คุยกันจังเรื่องผลประโยชน์ คุยเรื่องปัญหาประชาชน X คุยเรื่องรับมืออภิปรายX คุยเรื่องอัลไพน์ เขากระโดง✓ คุยเรื่องกาสิโน pนันออนไลน์✓ #7ดอกจิก
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 371 Views 0 Reviews
  • “อิ๊งค์” เตรียมหนาว “บิ๊กป้อม” นับวันรออภิปรายนำทีมถล่มเอง “ไพบูลย์” เผย พร้อมงัด 4 ประเด็นฉาว สนามอัลไพน์ -กาสิโน-MOU44-นักโทษเทวดาชั้น 14 มั่นใจสะเทือนเก้าอี้นายกฯ เชื่อถึงขั้นยุบสภาในเวลาอันใกล้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021051

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อิ๊งค์” เตรียมหนาว “บิ๊กป้อม” นับวันรออภิปรายนำทีมถล่มเอง “ไพบูลย์” เผย พร้อมงัด 4 ประเด็นฉาว สนามอัลไพน์ -กาสิโน-MOU44-นักโทษเทวดาชั้น 14 มั่นใจสะเทือนเก้าอี้นายกฯ เชื่อถึงขั้นยุบสภาในเวลาอันใกล้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021051 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 1434 Views 0 Reviews
  • ”อิ๊งค์" เตรียมหนาว “บิ๊กป้อม” นับวันรออภิปรายนำทีมถล่มเอง "ไพบูลย์" เผยพร้อมงัด 4 ประเด็นฉาว สนามอัลไพน์ -กาสิโน-MOU44 -นักโทษเทวดาชั้น 14 มั่นใจสะเทือนเก้าอี้นายกฯ เชื่อถึงขั้นยุบสภาในเวลาอันใกล้

    วันนี้ (4มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส. พรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภายกลังการประชุม ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าว ได้พยายามสอบถามถึงการไปออกรายการโทรทัศน์ ช่องหนึ่ง โดยมีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ”ก็ให้สัมภาษณ์ซิ เพราะเขาเชิญไป ก็ไปตอบคำถามของเขา”

    ผู้สื่อข่าวถามถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำอภิปรายด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ปฎิเสธตอบคำถามดังกล่าวว่า จะเป็นผู้นำอภิปรายหรือไม่ และจะอภิปรายในประเด็นอะไร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000021051

    #MGROnline #อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี #บิ๊กป้อม
    ”อิ๊งค์" เตรียมหนาว “บิ๊กป้อม” นับวันรออภิปรายนำทีมถล่มเอง "ไพบูลย์" เผยพร้อมงัด 4 ประเด็นฉาว สนามอัลไพน์ -กาสิโน-MOU44 -นักโทษเทวดาชั้น 14 มั่นใจสะเทือนเก้าอี้นายกฯ เชื่อถึงขั้นยุบสภาในเวลาอันใกล้ • วันนี้ (4มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส. พรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภายกลังการประชุม ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าว ได้พยายามสอบถามถึงการไปออกรายการโทรทัศน์ ช่องหนึ่ง โดยมีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ”ก็ให้สัมภาษณ์ซิ เพราะเขาเชิญไป ก็ไปตอบคำถามของเขา” • ผู้สื่อข่าวถามถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำอภิปรายด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ปฎิเสธตอบคำถามดังกล่าวว่า จะเป็นผู้นำอภิปรายหรือไม่ และจะอภิปรายในประเด็นอะไร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000021051 • #MGROnline #อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี #บิ๊กป้อม
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 1173 Views 0 Reviews
  • 'บิ๊กป้อม' พร้อมลากสังขาร ไปสภาลุยซักฟอกรัฐบาล 'อนุทิน' ยันไม่มีแตกแถว
    .
    การอภิปรายไม่ไว้วางใจใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว ภายหลังทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเตรียมความพร้อมกันแล้วโดยในส่วนของฝ่ายค้านอย่างพรรคพลังประชารัฐมีความน่าสนใจตรงที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นผู้นำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง
    .
    นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำ สส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันแรกด้วยตัวเอง โดยจะเป็นผู้กำหนดแนวทางและประเด็นในการอภิปรายด้วย แต่ไม่ใช่ผู้ร่วมอภิปราย ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าพรรคจะมีการประชุมและสรุปตัวผู้อภิปราย
    .
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า จะมีการอภิปรายหลายเรื่องอย่างข้อพิพาทเรื่องที่ดินอัลไพน์ ขอให้ทุกคนคอยฟังการอภิปราย
    .
    ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้นท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งภายในที่เริ่มมีความรุนแรงก็ได้มีการหารือถึงการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงภาวะผู้นำ ท่านได้กำหนดแนวทางชัดเจน ว่าเราเป็นรัฐบาลด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันให้ยาวนานที่สุด และหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีการออกนอกแนว ก็ให้แต่ละพรรคช่วยกันปกป้อง ไม่ใช่พรรคใครพรรคมัน ปกป้องแต่รัฐมนตรีของพรรคตัวเอง
    .
    "หากใครมีความรู้ก็สามารถแก้ต่างได้ มาช่วยกัน ซึ่งนายกฯ ประกาศตัวเองว่าเป็นผู้คุมกฎ ที่ทุกคนต้องทำตามแนวทาง หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ต้องไปกำกับ ส.ส.อย่าให้มีการแหกคอก และเกิดความไม่เข้าใจในรัฐบาล""นายอนุทิน กล่าว
    ............
    Sondhi X
    'บิ๊กป้อม' พร้อมลากสังขาร ไปสภาลุยซักฟอกรัฐบาล 'อนุทิน' ยันไม่มีแตกแถว . การอภิปรายไม่ไว้วางใจใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว ภายหลังทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเตรียมความพร้อมกันแล้วโดยในส่วนของฝ่ายค้านอย่างพรรคพลังประชารัฐมีความน่าสนใจตรงที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นผู้นำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยตัวเอง . นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำ สส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมประชุมสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันแรกด้วยตัวเอง โดยจะเป็นผู้กำหนดแนวทางและประเด็นในการอภิปรายด้วย แต่ไม่ใช่ผู้ร่วมอภิปราย ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าพรรคจะมีการประชุมและสรุปตัวผู้อภิปราย . ขณะที่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า จะมีการอภิปรายหลายเรื่องอย่างข้อพิพาทเรื่องที่ดินอัลไพน์ ขอให้ทุกคนคอยฟังการอภิปราย . ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้นท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งภายในที่เริ่มมีความรุนแรงก็ได้มีการหารือถึงการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงภาวะผู้นำ ท่านได้กำหนดแนวทางชัดเจน ว่าเราเป็นรัฐบาลด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันให้ยาวนานที่สุด และหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีการออกนอกแนว ก็ให้แต่ละพรรคช่วยกันปกป้อง ไม่ใช่พรรคใครพรรคมัน ปกป้องแต่รัฐมนตรีของพรรคตัวเอง . "หากใครมีความรู้ก็สามารถแก้ต่างได้ มาช่วยกัน ซึ่งนายกฯ ประกาศตัวเองว่าเป็นผู้คุมกฎ ที่ทุกคนต้องทำตามแนวทาง หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ต้องไปกำกับ ส.ส.อย่าให้มีการแหกคอก และเกิดความไม่เข้าใจในรัฐบาล""นายอนุทิน กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 Comments 0 Shares 3097 Views 0 Reviews
  • จับตา! "บิ๊กป้อม" นำสส.พลังประชารัฐ อภิปรายซักฟอก แย้มมีเรื่อง "ที่ดินอัลไพน์" ขู่รัฐบาลมีสะเทือนแน่
    https://www.thai-tai.tv/news/17361/
    จับตา! "บิ๊กป้อม" นำสส.พลังประชารัฐ อภิปรายซักฟอก แย้มมีเรื่อง "ที่ดินอัลไพน์" ขู่รัฐบาลมีสะเทือนแน่ https://www.thai-tai.tv/news/17361/
    0 Comments 0 Shares 471 Views 0 Reviews
  • ♣ เด็กเสี่ยแป้ง เดินหน้าบดขยี้สนามกอล์ฟตระกูลเสี่ยหนู จะเป็นการเอาคืนแทนนายใหญ่จากสนามกอล์ฟอัลไพน์ หรือเป็นเกมต่อรองทางการเมือง ต้องติดตามกันยาวๆ
    #7ดอกจิก
    ♣ เด็กเสี่ยแป้ง เดินหน้าบดขยี้สนามกอล์ฟตระกูลเสี่ยหนู จะเป็นการเอาคืนแทนนายใหญ่จากสนามกอล์ฟอัลไพน์ หรือเป็นเกมต่อรองทางการเมือง ต้องติดตามกันยาวๆ #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 596 Views 0 Reviews
  • จาก 'อัลไพน์' ถึง 'ปากช่อง' ศึกสามก๊กชำระแค้น 'เพื่อไทย-กล้าธรรม-ภูมิใจไทยมา : ข่าวลึกปมลับ 17/02/67
    จาก 'อัลไพน์' ถึง 'ปากช่อง' ศึกสามก๊กชำระแค้น 'เพื่อไทย-กล้าธรรม-ภูมิใจไทยมา : ข่าวลึกปมลับ 17/02/67
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 747 Views 4 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท

    อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ

    ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า

    “ช้อคโกแลตดูไบ”

    ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด

    เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน

    ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก

    ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง
    .
    .
    .
    ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า

    ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย

    ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง

    หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส
    สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์
    สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์
    สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์

    ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ

    ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ

    เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต

    ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ

    นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น

    ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle)

    แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้

    คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่

    รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่
    .
    .
    .
    ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี

    อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต

    ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า
    .
    .
    .
    ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย

    เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น

    ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี

    ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ

    แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ

    ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด

    อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย

    เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก

    อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย

    นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน

    ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง . . . ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?” คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle) แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้ คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่ รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่ . . . ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า . . . ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ… นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 1235 Views 0 Reviews
  • #อุ๊งอิ๊ง #หุ้น #โอนหุ้น #อัลไพน์ #หลุดตำแหน่ง #นายก
    https://youtube.com/shorts/N-WRvs-v9qQ
    #อุ๊งอิ๊ง #หุ้น #โอนหุ้น #อัลไพน์ #หลุดตำแหน่ง #นายก https://youtube.com/shorts/N-WRvs-v9qQ
    0 Comments 0 Shares 374 Views 0 Reviews
  • ที่ดินอัลไพน์ได้มาโดยสุจริตหรือ?

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000006993
    ที่ดินอัลไพน์ได้มาโดยสุจริตหรือ? บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000006993
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 476 Views 0 Reviews
  • ทักษิณ เนวิน ปล้นชาติ 2 เด้ง จากที่ดินอัลไพน์และเขากระโดงโดงโดง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ทักษิณ เนวิน ปล้นชาติ 2 เด้ง จากที่ดินอัลไพน์และเขากระโดงโดงโดง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 Comments 0 Shares 702 Views 15 0 Reviews
  • ชี้ช่องจบปัญหา 'อัลไพน์' กฤษฎีกา เสนอสองทาง 'งบเยียวยา-ออกกฎหมาย'
    .
    กรณีพิพาทที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เหมือนจบแต่ไม่จบ เพราะด้านหนึ่งถูกโฟกัสไปในเรื่องทางการเมืองที่ว่าด้วยการเอาคืนพรรคเพื่อไทยของพรรคภูมิใจไทยในฐานะเจ้ากระทรวงมหาดไทย แต่ในแง่มุมของกฎหมายนั้นเป็นประเด็นที่สำคัญที่กำลังรอการดำเนินการว่าครอบครัวชินวัตรในฐานะเจ้าของที่ดินจะต้องดำเนินการอย่างไร
    .
    นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า มีแนวคำวินิจฉัยการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ของคณะกรรมการกฤษฎีกามาตั้งแต่ปี 2544 และหลักของคำวินิจฉัย คือ ที่ดินที่ได้มาโดยมรดกต้องทำเป็นไปตามที่เจ้าของมรดกกำหนด เมื่อต้องการให้ตกแก่วัดก็ต้องตกแก่วัด ซึ่งการเพิกถอนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ขอให้ไปถามจากกระทรวงมหาดไทยว่าจะหาทางแก้ไขเยียวยาให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งต้องไปว่ากันอีกรอบหนึ่ง
    .
    "ต้องตรวจสอบว่ามีการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอะไรหรือไม่ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราต้องเสียเงินชดเชยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ได้มาโดยสุจริต ต้องไปดูว่าคำสั่งทางปกครองออกมาและถูกยกเลิกไปนั้นชอบหรือไม่ และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ"
    .
    นายปกรณ์ ยอมรับว่า งบประมาณที่จะนำมาเยียวยานั้นส่วนตัวไม่ทราบว่าจะต้องนำเงินมาจากส่วนใด แต่หากจำเป็นจะต้องแก้ไขเยียวยาก็สามารถของบประมาณจากรัฐบาลได้ ซึ่งงบปกติน่าจะไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งงบไว้ และไม่มีใครคิดว่าจะเกิด จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณว่ามีแหล่งเงินจากที่ใดบ้าง อย่างไรก็ตาม คิดว่ามีหลายวิธีที่จะแก้ไข ซึ่งต้องรอ รมว.มหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน มาแนะนำว่าจะหาทางแก้อย่างไร
    .
    นายปกรณ์ ส่วนประเด็นปัญหาด้านกฎหมายมีเพียงว่า ถ้าคำสั่งทางปกครองไม่ชอบก็เพิกถอนเสีย และหากเพิกถอนคำสั่งทางปกครองไปแล้ว และมีผลกระทบต่อบุคคลที่สุจริตก็ต้องเยียวยากันในทางกฎหมายมีเพียงแค่นั้น ส่วนในทางบริหารก็ไปว่ากัน
    .
    สำหรับข้อเสนอที่ว่าให้ออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนเป็นที่ดินเอกชนนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การโอนที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องตามเป็นตามกฏหมายอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร ซึ่งก็แล้วแต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่าจะพิจารณาว่าทางใดเหมาะสมหรือสมควร ควรรอถาม รมว.มหาดไทยจะเหมาะสมกว่า
    .............
    Sondhi X
    ชี้ช่องจบปัญหา 'อัลไพน์' กฤษฎีกา เสนอสองทาง 'งบเยียวยา-ออกกฎหมาย' . กรณีพิพาทที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เหมือนจบแต่ไม่จบ เพราะด้านหนึ่งถูกโฟกัสไปในเรื่องทางการเมืองที่ว่าด้วยการเอาคืนพรรคเพื่อไทยของพรรคภูมิใจไทยในฐานะเจ้ากระทรวงมหาดไทย แต่ในแง่มุมของกฎหมายนั้นเป็นประเด็นที่สำคัญที่กำลังรอการดำเนินการว่าครอบครัวชินวัตรในฐานะเจ้าของที่ดินจะต้องดำเนินการอย่างไร . นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุว่า มีแนวคำวินิจฉัยการเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ของคณะกรรมการกฤษฎีกามาตั้งแต่ปี 2544 และหลักของคำวินิจฉัย คือ ที่ดินที่ได้มาโดยมรดกต้องทำเป็นไปตามที่เจ้าของมรดกกำหนด เมื่อต้องการให้ตกแก่วัดก็ต้องตกแก่วัด ซึ่งการเพิกถอนที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ขอให้ไปถามจากกระทรวงมหาดไทยว่าจะหาทางแก้ไขเยียวยาให้กับประชาชนที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งต้องไปว่ากันอีกรอบหนึ่ง . "ต้องตรวจสอบว่ามีการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอะไรหรือไม่ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราต้องเสียเงินชดเชยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ได้มาโดยสุจริต ต้องไปดูว่าคำสั่งทางปกครองออกมาและถูกยกเลิกไปนั้นชอบหรือไม่ และประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ" . นายปกรณ์ ยอมรับว่า งบประมาณที่จะนำมาเยียวยานั้นส่วนตัวไม่ทราบว่าจะต้องนำเงินมาจากส่วนใด แต่หากจำเป็นจะต้องแก้ไขเยียวยาก็สามารถของบประมาณจากรัฐบาลได้ ซึ่งงบปกติน่าจะไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งงบไว้ และไม่มีใครคิดว่าจะเกิด จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณว่ามีแหล่งเงินจากที่ใดบ้าง อย่างไรก็ตาม คิดว่ามีหลายวิธีที่จะแก้ไข ซึ่งต้องรอ รมว.มหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน มาแนะนำว่าจะหาทางแก้อย่างไร . นายปกรณ์ ส่วนประเด็นปัญหาด้านกฎหมายมีเพียงว่า ถ้าคำสั่งทางปกครองไม่ชอบก็เพิกถอนเสีย และหากเพิกถอนคำสั่งทางปกครองไปแล้ว และมีผลกระทบต่อบุคคลที่สุจริตก็ต้องเยียวยากันในทางกฎหมายมีเพียงแค่นั้น ส่วนในทางบริหารก็ไปว่ากัน . สำหรับข้อเสนอที่ว่าให้ออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนเป็นที่ดินเอกชนนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การโอนที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องตามเป็นตามกฏหมายอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไร ซึ่งก็แล้วแต่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่าจะพิจารณาว่าทางใดเหมาะสมหรือสมควร ควรรอถาม รมว.มหาดไทยจะเหมาะสมกว่า ............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 2192 Views 0 Reviews
  • ปกรณ์เผยไม่มีงบจ่ายเยียวยาที่ดินอัลไพน์ เชื่อ มท.-สำนักงบฯแก้ได้ 21/01/68 #ปกรณ์ #ที่ดินอัลไพน์ #สนามกอล์ฟอัลไพน์
    ปกรณ์เผยไม่มีงบจ่ายเยียวยาที่ดินอัลไพน์ เชื่อ มท.-สำนักงบฯแก้ได้ 21/01/68 #ปกรณ์ #ที่ดินอัลไพน์ #สนามกอล์ฟอัลไพน์
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1070 Views 34 0 Reviews
  • ไม่เคยโดนแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก เรื่องอัลไพน์รับได้ทุกสถานการณ์ (20/01/68) #news1 #สนามกอล์ฟอัลไพน์
    ไม่เคยโดนแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก เรื่องอัลไพน์รับได้ทุกสถานการณ์ (20/01/68) #news1 #สนามกอล์ฟอัลไพน์
    Like
    Love
    Haha
    5
    3 Comments 0 Shares 1025 Views 36 0 Reviews
  • อดีต รมช.มท. ชี้ ปมที่ดินอัลไพน์ นิติกรรมเป็นโมฆะ ย้ำ สมคบเอาที่หลวง หากเห็นชอบเอางบประมาณไปจ่ายค่าโง่ เจอคุกทั้งสภา หาก “ทักษิณ” เรียกร้องกรมที่ดินต้องปฏิเสธ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006146

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อดีต รมช.มท. ชี้ ปมที่ดินอัลไพน์ นิติกรรมเป็นโมฆะ ย้ำ สมคบเอาที่หลวง หากเห็นชอบเอางบประมาณไปจ่ายค่าโง่ เจอคุกทั้งสภา หาก “ทักษิณ” เรียกร้องกรมที่ดินต้องปฏิเสธ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006146 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    9
    0 Comments 0 Shares 1070 Views 0 Reviews
More Results